ตอนที่ ๖
มุจลินท์จัดแจงซื้อของมาทำอาหารแต่เช้า เขาใช้จักรยานแม่บ้านของลุงยามข้างล่างคอนโดปั่นไปตลาดที่อยู่สามซอยถัดไป ได้เนื้อหมู ไข่ไก่ เต้าหู้มาเต็มตระกร้ารถ นมเย็นสีชมพูใส่ถุงมัดหนังยางแขวนอยู่ตรงแฮนด์ขับ เขาซื้อน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ไปฝากยายและเจ้านายอย่างละชุด ส่วนไทเกอร์เขาเตรียมอุ่นนมร้อนไว้ให้ดื่มก่อนไปโรงเรียนแล้ว เด็กหนุ่มสวมเสื้อยืดย้วยสีขาว กางเกงขาสั้นสีกรม ดูไม่เข้ากับคอนโดหรูเลยแม้แต่น้อย เขาไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างสงสัย เดินไปกดลิฟท์ขึ้นไปเพนเฮ้าส์ชั้นบนสุด
“ไปไหนมา” ยังไม่ทันได้ถอดรองเท้าแตะคีบช้างดาว ไฟในห้องก็เปิดพรึ่บพร้อมกับเจ้าของเสียงที่สวมแค่กางเกงผ้าแพรสำหรับใส่นอนสีม่วงเข้ม “ซื้ออะไรมาเยอะแยะ”
“ผมไปตลาดมา” มุจลินท์พูดแล้วเดินผ่านเลยเข้าไปในห้องครัว ล้างผักล้างเนื้อสัตว์แล้วจัดเก็บเข้าตู้เย็น
แม้จะรู้ว่ามีสายตาคมจับจ้องทางด้านหลัง แต่เขาก็ไม่ได้โต้ตอบกลับไป อย่างแรกเลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไร อย่างที่สองคือเมื่อคืนนี้เขาโดนชลธีกอดทั้งคืน.. ตอนนี้ก็เลย
ทำตัวไม่ถูกตั้งแต่เหตุการณ์ที่เขาและชลธีเผลอไผลมีอะไรกันไปครั้งนั้น เขาก็รู้ตัวเองว่าเข้าหน้าชลธีไม่ติด ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่คิดอะไรและขอโทษเขาก็เถอะ แต่นั่นมันก็ครั้งแรกของเขานะ!
ในใจรู้สึกวูบไหวไม่น้อย แก้มขาวขึ้นริ้วสีแดงเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ใกล้กัน คนอย่างเขาเป็นแค่เด็กในสลัมที่เขาใจดีช่วยเหลือเท่านั้น อย่าไปคิดอะไรแบบนั้นเด็ดขาด บอกตัวเองในใจแต่มือขาวก็ลงมีดหั่นผักไปด้วย
ตึก ตึก ตึก
“ลงมีดเบาๆหน่อยสิ” ชลธีเข้ามาประชิดด้านหลัง มุจลินท์สะดุ้งเฮือกนึกถึงขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังหั่นผักอยู่ “โมโหใครหรือ เคาเตอร์ครัวพี่จะพังแล้วนะ” นายทหารหนุ่มพูดแกมหยอกล้อ จมูกโด่งคลอเคลียแก้มขาวของพ่อครัว
มีนายจ้างกับลูกจ้างที่ไหนเขาถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้บ้าง
เจ้าลูกเป็ดพยายามเบี่ยงตัวหลบ มือหนาคว้าเข้าที่เอวบาง จรดริมฝีปากลงซอกคอขาว มุจลินท์กระตุกเฮือกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต สัมผัสวาบหวามทำเอาพ่อครัวทรงตัวแทบไม่อยู่ต้องใช้มือดันเคาเตอร์ครัวไว้
“ไปตลาดแต่งตัวแบบนี้เนี่ยนะลินท์” อยู่ๆเสียงชลธีก็เข้มขึ้น ”กางเกงสั้นไปหรือเปล่า”
“ผมก็แต่งแบบนี้ตั้งนานแล้ว”
“ไม่ได้”
“ทำไมไม่ได้”
“มันไม่เรียบร้อย”
“อยู่บ้านนะพี่ ไม่ได้ไปเดินแฟชั่นโชว์!” เขาเริ่มโมโห ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ชลธีเข้ามายุ่งจุกจิกกับเรื่องส่วนตัวเขาถึงขนาดนี้ นี่มันจะเกินไปแล้วนะ
“เสื้อบางจ๋อยแถมกางเกงยังสั้นขนาดนี้ พี่มองยังเห็นไปถึงไหนต่อไหน.. แล้วคนอื่นล่ะ”
“พี่ฉลาม พี่มองบ้าอะไรเนี่ย”
“ลินท์อยากโชว์ พี่ก็มองไง”
“’แล้วแต่พี่ อยากมองก็มองไป ผมชอบโชว์”
“ไม่! รอบหน้าอย่าแต่งตัวแบบนี้ออกไปข้างนอกอีก” ชลธีกระซิบข้างหู “อยู่กับพี่ค่อยแต่ง”
“ลามก! ทำไมพี่ถึงได้เป็นคนแบบนี้เนี่ย?”
“ช่วยไม่ได้” ชลธีจุดยิ้ม “ลินท์อยากทำให้พี่หลงหัวปักหัวปำเอง”
“ผมเป็นผู้ชายนะ พี่จะมาหลงอะไร?”
“ไม่ให้พี่ไปหลงเมียตัวเอง แล้วจะไปหลงใคร” มือหนาสอดเข้าที่เอวบาง ก่อนจะเลื้อยหายเข้าไปในเสื้อยืดย้วยสีขาว มุจลินท์เบิกตาโพลง รีบดิ้นออกจากการเกาะกุมแต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนยิ่งแน่นกว่าเดิม
“ไอ้พี่ฉลาม! ปล่อยผม!!”
“ชู่ว เดี๋ยวคุณยายกับลูกตื่นนะ”
“พี่ก็ปล่อยผมสิ”
“ไม่ปล่อย”
“ไม่ปล่อยใช่ไหม ได้!” ลูกเป็ดกัดฟันกรอดก่อนจะกัดเข้าที่แขนหนาของชลธีอย่างแรง นอกจากนายทหารหนุ่มจะไม่สะทกสะท้านแล้ว ชลธียังใช้มือที่ว่างแงะปากเขาออก นิ้วชี้ผลุบหายเข้าไปในโพรงปากเล็ก กวาดน้ำลายสีใสออกมายืดยาว กางเกงขาสั้นสีกรมถูกปลดลงมากองที่ข้อเท้า ร่างบางถูกดันให้โก้งโค้งอวดบั้นท้ายขาว นิ้วที่ชุ่มน้ำลายถูกสอดเข้าช่องทางที่ปิดสนิท มุจลินท์สะดุ้งเฮือกช่องทางหดเกร็งมากขึ้นจนชลธีขมวดคิ้ว
“อย่าเกร็งสิลินท์”
“ฮื่อ” เด็กหนุ่มส่งเสียงเสียงแหบพร่า ช้อนตามองคนตัวโต “ยะอย่า”
นิ้วชี้บิดควงในช่องทางคับแคบจนเจ้าตัวขนลุกเกรียว รู้สึกเสียวซ่านบอกไม่ถูก บั้นท้ายขาวสั่นน้อยๆอย่างเชิญชวน ชลธีขบกรามแน่น คุกเข่าลง ใช้ลิ้นเปียกชื้นแทนนิ้วชี้เพื่อเปิดทาง
“มะ ไม่ ฮึก” เมื่อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเปียกชื้น ด้วยความตกใจมุจลินท์พยายามดันสะโพกออกแต่มือหนาที่รั้งเอาไว้ทำให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อย่างที่ต้องการ เรียวขาขาวสั่นระริก ใบหน้าเนียนใสแดงก่ำ ริมฝีปากบางขบเม้มแน่นจนเป็นรอย ถ้าเขาเผลอส่งเสียงแปลกๆออกไป คุณยายกับน้องไทเกอร์ต้องตื่นแน่ “อ๊ะ ฮื่อ”
ชลธีถอนใบหน้าออก ใช้ลิ้นเลียริมฝีปากอย่างผู้ชนะ ส่วนเจ้าลูกเป็ดทรุดไปกองกับพื้น ดวงตาฉ่ำปรือ หอบหายใจถี่อย่างน่าสงสาร เขาช้อนตัวเด็กหนุ่มเข้าอ้อมกอด เห็นเจ้าลูกชายเดินงัวเงียออกมาจากห้อง ดวงตากลมโตมองเขาตาแป๋วเชิงสงสัย ชลธีใช้นิ้วชี้ทาบริมฝีปากจุ๊ๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอน
อยากดื้อกับเขาดีนัก ต้องเจอลงโทษเสียบ้าง.
.
.
เด็กชายในชุดนักเรียนกะลาสียืนหน้าบูดอยู่ข้างคุณพ่อ ก่อนจะช้อนตามองคุณอาอย่างเศร้าสร้อย เมื่อรู้ว่าคุณอาจะไม่อยู่หลายวันแล้วไม่มีใครเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนเจ้าเด็กอ้วนก็เริ่มออกอาการต่อต้านทันที
“อาลีนนนน จุ๊บเกอร์”
“จุ๊บครับคนเก่ง”
“อาลีนไปกี่วัน”
“3วันครับ วันอาทิตย์อาลินท์ก็กลับมาแล้วลูก” ลูบหัวเด็กอ้วนที่ทำแก้มป่อง อยู่ด้วยกันไม่ถึงเดือน ไทเกอร์ติดเขาแจ “เดี๋ยวอาลินท์จะซื้อขนมมาฝากนะครับ”
“เกอร์จะรอนะอาลินท์” สองมือป้อมเกาะขาคุณอาไว้แน่น “กลับมาหาเกอร์ไวๆนะ ”
“อ้อนจังเลยครับคนดี” มุจลินท์หอมแก้มทั้งซ้ายและขวา
“ไปได้แล้วลินท์” ชวิศลงจากรถเปิดท้ายรับกระเป๋าเป้จากมุจลินท์ไปใส่ “เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ ” ชวิศหันไปบอกชลธีที่ยืนหน้านิ่ง สีหน้าไร้ความรู้สึก เมื่อวานซืนเจ้าลูกเป็ดมาขอลาเพื่อไปเข้าค่ายที่ต่างจังหวัด เห็นว่าเป็นงานคัดดาวเดือนอะไรสักอย่างของมหาลัย เขาจะไม่ว่าเลยถ้าไม่เห็นไอ้หน้าแหลมนั่นมารับถึงบ้าน
เห็นแล้วรำคาญลูกตาชะมัดชลธีพยักหน้ารับรู้ท่อนแขนหนาช้อนเข้าที่ร่องรักแร้ลูกชาย แงะออกมาจากพี่เลี้ยงเด็กได้แล้ว เจ้าเด็กอ้วนเริ่มออกอาการงอแง เบะปากเป็นสระอิ พยายามกลั้นน้ำตาสุดชีวิตเพราะกลัวไม่ได้ขนมจากอาลินท์ ลูกเป็ดเข้ามาหอมแก้มซ้ายขวา ริมฝีปากบางฉีกยิ้มหวานยามได้เล่นกับลูกชายเขา
“หอมแก้มไทเกอร์ก็อย่าลืมหอมแก้มพ่อของไทเกอร์ด้วย” มุจลินท์ชะงัก ใบหน้าร้อนวูบวาบ ใครใช้ให้มาพูดจาสองแง่ส่องง่ามแบบนี้ต่อหน้าชวิศกัน แล้วเขาจะมองหน้ารุ่นพี่ติดได้อย่างไร
“บ้า!” เด็กหนุ่มถลึงตาใส่
“ไม่หอมก็ได้ แต่ว่างแล้วตอบไลน์พี่ด้วยนะ”
“พี่มีเวลาว่างด้วยหรือ”
“ถ้าเป็นลินท์ พี่ไม่ว่างก็หาเวลาให้ว่างจนได้นั่นแหละ”
“เลี่ยน!”
“พี่หวานขนาดนั้นเลยหรือ” นายทหารหนุ่มในชุดฝึกสีเขียวขี้ม้าจุดยิ้มที่มุมปาก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้ลูกเป็ดรู้สึกหนาวๆร้อนๆชอบกล สายตาคมของชลธีเหมือนจะมองเขาทะลุไปถึงข้างใน ลูกเป็ดใช้มือบางกระชับเสื้อให้เข้าที ถ้าไม่ใช่เพราะรอยดูดดึงเต็มแผ่นอกฝีมือของคนตรงหน้า เขาคงไม่ต้องใส่เสื้อแจ็คเก็ตปิดขึ้นมาถึงต้นคอขนาดนี้
“ผมไม่คุยด้วยแล้ว!” คิดแล้วก็โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้
“ลินท์ เสร็จหรือยัง?” ชวิศที่เข้าไปรอในรถเรียบร้อยแล้วเรียกถาม
“ครับๆพี่ชุ” มุจลินท์หันไปพยักหน้าให้รุ่นพี่ “ไปก่อนนะพี่ฉลาม กับข้าวลินท์ทำใส่ตู้เย็นไว้แล้ว อุ่นได้เลย วันนี้มีพะโล้กับแกงจืดวุ้นเส้นนะครับ”
“ครับ พี่กับลูกจะรออยู่ที่บ้านนะ” มือหนาลูบกลุ่มผมนุ่มของเด็กหนุ่ม ดวงตาดุคมทอประกายอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัดจนมุจลินท์ต้องหลบสายตา ความอบอุ่นแผ่ซ่านในหัวใจ เขาชอบความรู้สึกที่เหมือนครอบครัวเดียวกันแบบนี้ที่สุด “เป็นเด็กดีนะครับ”
“อื้อ”
ทำเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้ใครมันจะอยากไปกัน!ผับหรูใจกลางเมืองบรรยากาศไม่พลุกพล่านมากนักเพราะเป็นโซนVIP เป็นที่นัดพบประจำของชายหนุ่มสองคนที่กำลังนั่งหลบมุมอยู่เคาเตอร์บาร์ เสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวและกางเกงสแล็คสีครีมทำให้ผู้กำกับหนุ่มดูลดอายุลงไปหลายปี ที่นั่งข้างกันคือชลธีที่กำลังกระดกแอลกอฮอล์เข้าปากไม่หยุด
“เป็นอะไรของมึง นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่คนเดียว” ชัยวัตรบ่นอุบ อยู่ดีๆชลธีก็ไปหาเขาถึงสน.ไม่พอยังลากเขาออกมากินเหล้าอีก
“เรื่องของกู”
“จะเที่ยงคืนแล้วยังจะชวนกูออกมาดริ้งค์อีกนะมึง”ชัยวัตรเหล่ตามองผู้พัน “งานการไม่ทำหรือไง”
“กูมีอะไรให้คิดนิดหน่อย”
“โถ่ ผู้พันครับ เครียดมากระวังหัวล้านนะเว้ย”
“ไม่อยากให้กูเครียดก็มาช่วยกูสิ”
“ตำรวจอย่างกูจะช่วยอะไรมึงได้” เขาแค่นยิ้มพลางเรียกบริกรหนุ่มที่คุ้นหน้าคุ้นตาดีมาเปิดเหล้าใหม่อีกขวด เด็กหนุ่มบริการชงเหล้าให้เสร็จสรรพก่อนนายตำรวจหนุ่มจะยกขึ้นดื่ม
“มึงเคยมีอะไรกับผู้ชายไหมวะ”
พรวดดดดดดด ชัยวัตรแทบจะสำลักเหล้า เขาใช้มือทุบอกตัวเองเบาๆ
“มึงถามกูอย่างนี้ อย่าบอกนะว่า” เขาชี้หน้าเพื่อนสนิท
“เออ” ชลธีใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ”ก็อย่างที่มึงคิด”
“ไอ้เหี้ย กูไม่คิดว่ามึงจะเอาจริง เด็กมันเกินสิบแปดหรือยัง!” ชัยวัตรเปิกตาโพลง “ชิบหายละ กูเตือนมึงแล้วใช่ไหม ไอ้ห่าเอ๊ย!”
“เพิ่งสิบเก้าไปเมื่อตอนต้นปี” ชลธีตอบเสียงเข้ม เขายืนยันได้เพราะเป็นคนขอดูบัตรประชาชนเองกับมือ “กูไม่ได้พรากผู้เยาว์น่าไอ้วัตร”
“กูรู้ว่ามึงยังลืมเกศไม่ได้” ชัยวัตรจ้องเขม็งไปทางผู้พัน “มึงคงไม่ได้เอาเด็กมันมาเป็นตัวแทนเกศใช่ไหม”
“กู.. ไม่รู้เหมือนกันว่ะ” “มึงนี่มัน” ชัยวัตรแทบจะทึ้งหัว ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นมุจลินท์ เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่คอยไปรับส่งหลานชายของเขา “ถ้ามึงไม่จริงจัง มึงก็ถอยออกมาเถอะ กูสงสารน้องเขาว่ะ”
“กูปล่อยไม่ได้” ชลธีสบตาชัยวัตร ร่องรอยความรู้สึกผิดท่วมท้นในสายตา “กูไม่ชอบที่มีคนมายุ่งกับเขา กูไม่ชอบถ้าเขาจะมีคนอื่น กูไม่รู้ว่ากูเป็นอะไร”
“ถ้ามึงชอบเขามึงก็บอกเขาไปสิวะ” ชัยวัตรตบเข่าฉาดใหญ่ เขาว่าแล้วเชียวว่าสองคนนี้ต้องมีซัมติงอะไรกันสักอย่าง “หรือว่ามึงกลัวพ่อกับแม่มึงจะว่า หรือมึงกลัวใครรับไม่ได้”
“เป็นกูเองที่รับตัวเองไม่ได้” นายทหารหนุ่มตอบเสียงอ่อน “กูไม่เคยคบผู้ชายนะ”
“แต่ก็เคยเอากับผู้ชาย” ชัยวัตรแค่นหัวเราะ สังคมชายล้วนที่มีแต่ชายฉกรรจ์ การปลดปล่อยกำหนัดด้วยกันเองในหมู่สังคมนี้เป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว “ยอมรับตัวเองหน่อยเพื่อน มึงอย่าเอาบทบาทหน้าที่ของมึงมาเป็นตัวกำหนดชีวิตทั้งหมด มึงเป็นนายทหาร มึงเป็นผู้พันตำแหน่งใหญ่โต มึงต้องคุมลูกน้องเป็นร้อยๆ”
“..”
“แต่มึงก็แค่ผู้ชายคนนึง มีกิเลศ มีรักโลภโกรธหลงไม่ต่างจากคนทั่วไป มึงจะมาจำกัดความรักเพราะเรื่องเพศ เพราะบทบาทหน้าที่มึงหรือ” ชัยวัตรคว้าแก้วเหล้าของเพื่อนมาเติมให้ “มึงเก็บไปคิดดูดีๆแล้วกัน มันอาจจะต้องใช้เวลาในการยอมรับ แต่กูเชื่อว่าสักวันนึงมึงจะตอบตัวเองได้”
“ตั้งแต่คบกันมา วันนี้มึงแม่งมีสาระที่สุดแล้ว”
“ไอ้เวรนี่ กูเป็นคนมีสาระมาตั้งนานแล้วว่ะ” ชัยวัตรหัวเราะ ลักยิ้มบุ๋มลึกตรงแก้มซ้ายชวนให้น่ามอง ใบหน้าขาวใสขึ้นสีแดงก่ำเพราะแอลกอฮอล์ เด็กหนุ่มในชุดบริกรยืนรินน้ำสีอำพันใส่แก้วให้ผู้กับกำหนุ่ม แต่สายตาจดจ้องไปยังแผงอกขาวที่วับแวบออกมาจากเสื้อเชิ๊ตรัดรูป ปฐวีส่งทิชชู่ให้ชัยวัตรที่เริ่มทรงตัวไม่อยู่ ส่วนชลธีขอตัวไปเข้าห้องน้ำได้สักครู่แล้ว
“มึงชื่ออะไรวะไอ้หนุ่ม”
“วีครับ ปฐวี”
“บริการดี กูชอบๆ” ชัยวัตรควักแบงก์สีเทาแล้วยื่นให้เด็กหนุ่มเป็นทิป เขาจำหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ได้แม่นเพราะมักจะมาบริการเขาทุกครั้งที่มาที่นี่
“ขอบคุณครับ” ปฐวีพยักหัวเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนจะหยอดเงินทิปใส่ตู้หลังเคาเตอร์ไว้สำหรับแบ่งกับเพื่อนที่ทำงานด้วยกันวันนี้ “คุณวัตรจะกลับหรือยังครับ ผมจะเรียกรถแท็กซี่ให้”
“ไม่ต้อง เดี๋ยววันนี้เพื่อนพี่ไปส่ง” ชัยวัตรหมายถึงชลธี เพราะมันลากเขามาก็ต้องเป็นหน้าที่มันที่ต้องไปส่งเขาที่คอนโด
“หรอครับ” ปฐวีมองใบหน้าแดงก่ำที่ฟุบกับเคาเตอร์ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆกำจายออกมาจากร่างของชายหนุ่ม ปฐวีไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคจิตหรืออย่างไรถึงได้เสพติดกลิ่นหอมจากตัวผู้กำกับหนุ่มเช่นนี้ เขามองใบหน้าชัยวัตรด้วยความรู้สึกเอื้อเอ็นดู แต่เมื่อนึกถึงท่าทางสนิทสนมอิงแอบแนบชิดกันเมื่อครู่ของชายหนุ่มกับเพื่อนที่มาด้วย หัวใจของเขาดูเหมือนจะถูกบีบรัดจนหายใจแทบไม่ออก นี่คงไม่ใช่อาการหึงหวงหรอกนะ?
“ไอ้วัตร” ชลธีเขย่าตัวเพื่อนที่สลบเหมือดไปเรียบร้อยแล้ว “บอกกูว่าอย่าแดกเยอะ มึงนี่ล่อไปเป็นขวด เมาเหมือนหมาเลย”
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
“น้องช่วยเรียกแท็กซี่ไปส่งไอ้หมอนี่ที่คอนโดหน่อย” ชลธีเปิดโทรศัพท์ให้เด็กหนุ่มดูแผนที่ “ห้อง A405 โยนมันลงบนเตียงทั้งอย่างนี้เลย”
“อะเอ่อ ให้ผมไปส่งถึงห้องเลยหรือครับ”
“หรือไม่อยากไป?” ชลธีมองหน้าเด็กหนุ่มที่ส่วนสูงพอๆกันกับเขา ถึงแม้จะสวมชุดบริกรปิดมิดชิดแต่ก็พอดูออกว่าไอ้หนุ่มนี่หน่วยก้านใช้ได้ทีเดียว “เห็นมองไอ้วัตรเหมือนจะแดกเข้าไปทั้งตัวขนาดนั้น”
ปฐวีทำหน้าไม่ถูกเมื่อถูกผู้พันทักเสียขนาดนั้นได้แต่พยักหน้าขอบคุณก่อนจะกุลีกุจอเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วช้อนแขนชัยวัตรพาดบ่าตัวเองก่อนจะพยุงออกนอกร้านไป ชลธีจุดยิ้มเจ้าเล่ห์ เห็นว่าเพื่อนเคยเป็นคิวปิดให้เขาจนได้มุจลินท์มาเป็นของตัวเองรอบนี้เขาเลยขอเป็นคิวปิดให้ผู้กำกับหนุ่มบ้างก็แล้วกัน
แต่จะได้ผัวหรือจะได้เมียอันนี้เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน หึๆปฐวีวางตัวผู้กำกับหนุ่มลงบนเตียงขนาดหกฟุต เปลือกตาปิดสนิทและเสียงลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอทำให้ปฐวีรู้ว่าชัยวัตรคงจะไม่ฟื้นคืนสติมาเร็วๆนี้แน่นอน เขาเดินเข้าไปหาผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำมาซับวงหน้าขาว ริมฝีปากบางเฉียบสีเข้มน่าลิ้มลองจนเขาอดใจไม่ไหวก้มลงไปดูดดึงสักทีให้หายหมั่นเขี้ยว มือหนาค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก ผิวสีแทนติดเข้มของเขาตัดกับผิวของนายตำรวจหนุ่มอย่างเห็นได้ชัด เขาเคยอ่านบทสัมภาษณ์ทางเพจเห็นว่าชายหนุ่มมีเชื้อสายทางเหนือทำให้แม้จะเรียนหรือจะออกฝึกตากแดดตรากตรำอย่างไรก็ไม่เคยดำได้นาน ตุ่มไตสีเข้มเริ่มแข็งเกร็งเนื่องจากอากาศเย็นเขาจึงรีบเช็ดตัวให้ แต่ทว่าเสียงร้องครวญครางของชัยวัตรทำให้เขาอดใจไม่ไหว ก้มลงไปละเลียดชิมยอดอกจิ้มลิ้มที่อยู่ตรงหน้า
“อื้อ อา” ยิ่งเมื่อเห็นนายตำรวจหนุ่มบิดเร่าด้วยความเสียวซ่าน ปฐวีก็ยิ่งได้ใจสลับไปดึงดูดยอดอกอีกฝั่ง แผ่นอกขาวสั่นสะท้าน แอ่นเกร็งไปทั้งตัว แก่นกายที่อยู่ในบ็อกเซอร์สีขาวอวบอูมจนปฐวีต้องกลืนน้ำลายลงอึกใหญ่ เจ้าตัวส่ายหัวเตรียมหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวให้
“ไม่ดิ้นสิครับ” ปฐวีสะดุ้งเมื่อมือขาวเข้าหมับเข้าที่เอวเขา “คุณวัตรเดี๋ยวผมจะต้องกลับแล้ว” ปฐวีแงะมือออกจากการเกาะกุม พรุ่งนี้เช้าเขามีแข่งกีฬามหาวิทยาลัยที่ต่างจังหวัด แต่คนที่ร้านไม่พอเขาเลยต้องมาช่วยงาน เสร็จธุระแล้วจึงต้องรีบกลับไปพักผ่อนและเตรียมร่างกายให้พร้อมแข่งขัน
“อยู่ด้วยกันก่อน ไม่อยากนอนคนเดียว” ชัยวัตรบ่นพึมพำก่อนจะซุกหน้าเข้าที่แผงอกของเด็กหนุ่ม ปฐวีตัวนิ่งเกร็ง หายใจเข้าออก พยายามสงบสติอารมณ์
ยุบหนอ... พองหยอ...“โถ่ คุณวัตร” ปฐวีโอดครวญมองนาฬิกาแขวนผนังที่ชี้บอกเวลาตีหนึ่งกว่า “ผมตื่นไปแข่งไม่ไหวคุณต้องรับผิดชอบนะครับ”
“ฮื่อ” ร่างกายปราศจากเสื้อผ้าโผเบียดเขาแนบชิด กลิ่นน้ำหอมที่ติดตามผิวหนังทำให้คนนอนข้างๆเผลอสูดดมเข้าไปเต็มปอด “หนาว..”
ปฐวีตะแคงตัวมองใบหน้าชัยวัตรที่ยังหลับสนิท เขารู้สึกถึงอันตรายที่กำลังเกิดขึ้นเพราะเจ้าลูกชายที่นอนสงบนิ่งอยู่ในกางเกงเขาดันตื่นขึ้นมากะทันหัน เขาขบกรามแน่นพยายามดึงตัวเองออกมาจากชายหนุ่มโดยไม่ให้เจ้าตัวตื่น ชัยวัตรกระชับอ้อมกอดแน่น ใช้ช่วงขายาวพาดเขาประหนึ่งเป็นหมอนข้างประจำตัว ปฐวีจะไม่เครียดเลยถ้าขาวขาวๆนั่นไม่มาโดนเจ้าลูกชายเขาจนพองคับกางเกงยีนส์ปวดหนึบไปหมด
ปฐวีพลิกตัวขึ้นคร่อมก่อนจะกดจูบลงซอกคอ สูดดมกลิ่นกาย ขบเม้มเป็นรอยแดงจางๆ เนื่องจากผิวที่ขาวจัดทำให้มองเห็นชัดเป็นพิเศษ ชัยวัตรส่งเสียงอืออาแต่ก็ร่วมมือเป็นอย่างดี เขาจับช่วงขายาวแต่หนั่นแน่นไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างคนสุขภาพดีแยกออก ก่อนจะแทรกตัวเข้าไป..
คุณวัตรนะคุณวัตร ไม่รู้ด้วยแล้ว!TBCขอบคุณนักอ่านที่น่ารักของเค้าทุกคนเลยค่าา