ตอนที่13
ตามใจ
พาร์ทของท่อนซุงผมอยู่บนรถกับแม้วท่ามกลางการจราจรที่เริ่มติดขัดขึ้นแล้ว
“มีอะไรจะพูดมั้ย” แม้วเริ่มเปิดประเด็น คงจะเป็นเรื่องที่ผมมากับบิวละมั้งครับ
“แล้วคิดว่าไง” ผมเปิดให้มันแสดงความคิดก่อนเลยครับ
“ก็ไม่ว่าไงมึงเคยบอกว่าไม่มีอะไรกันแล้วกูก็ไม่ได้ว่าอะไร” มันพูดแล้วยิ้มออกมา บางทีผมก็เดาอารมณ์ของคนตรงหน้าผมไม่ถูก ทั้งๆที่มันควรที่จะโกธรผมแต่กลับไม่
“ไม่โกธรซุงเหรอ” มันส่ายหน้าแล้วยิ้ม
“อยากรู้มั้ยทำไมซุงถึงอยู่กับบิวได้” ผมถามลองเชิงของคนตรงหน้าแต่ท่าทีไม่ได้เปลี่ยนไป
“ก็เล่ามาดิรอฟังอยู่เนี้ย”
“คือบิวไปหาซุงที่คณะแล้วบอกให้ไปเป็นเพื่อนเซ้าซี้ตั้งนานจนซุงเริ่มรำคาน ก็เลยไปให้มันจบๆไป ไม่คิดว่าจะเจอแม้วที่นั้น” ผมเล่า มองทางข้างหน้าสลับกับหน้าของแม้วที่ไม่ได้มีท่าทีอะไรเปลี่ยนไป เห้ยไม่ด่าหน่อยเหรอวะ
“แล้วไป” แม้วพูดก่อนที่จะเสียบหูฟังและหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา
ผมเอื่อมมือไปถอดหูฟังของแม้ว สายตาจิกกัดที่มองมาทางผมที่แกล้งคนข้างๆ
“จะฟังเพลง” มันพูดและเสียบเข้าหูเหมือนเดิม วันนี้ก็เจอเริ่มปวดหัวมามากแล้วผมอยากฟรีบ้างไอ้คนข้างๆก็ไม่สนใจผมเลย
“แม้วครับ”
“...”
“แม้วครับ ได้ยินซุงมั้ย” ท่าทางจะไม่ได้ยินเสียงของผม
“แม้ว” ผมรู้สึกแปลกๆตั้งแต่เรียนเสร็จแล้วครับ ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเหม่อๆลอยๆ แถมรู้สึกหนาวกว่าปกติด้วยครับสงสัยจะไม่สบายมันคั้นเนื้อคั้นตัวแปลกๆ ผมถอดหูฟังคนที่ฟังเพลง สายตาหันมาค้อนผมเหมือนผมไปเผาบ้านของมัน ขอโทษครับ
“อะไรของมึงเนี้ย” น้ำเสียงค่อนข้างไม่พอใจเท่าไหร่ ทำเอาผมไม่กล้าบอกว่าผมรู้สึกไม่ดีเลย
“ซุงว่าซุงไม่สบาย” ผมบอกตามความรู้สึกของผมไปตามตรง
“จริงจัง” น้ำเสียงของแม้วดูซอร์ฟลงอย่างเห็นได้ชัด
“จะล้อเล่นทำไม” ถึงผมจะสุขภาพแข็งแรงแต่ป่วยทีนี้ก็หนักนะครับ และดูเหมือนว่าครั้ง นี้จะเป็นหนักมากด้วย แต่ก็ยังมีหมออยู่ข้างๆผมคงจะมีคนดูแลผมแล้วถ้าเขามาดูแลผมนะ
“ไปหาหมอยัง”
“ก็คนนั่งข้างๆนี้ไงหมอ”
“กวนตีน”
“กวนใจได้ป่าว” ผมมองหน้าแม้วที่กำลังจะตีผม ผมทำอะไรผิดครับแค่แซวเฉยๆ
“กูจะไม่เชื่อว่ามึงป่วยก็เพราะแบบนี้แหละ” อ่าวเชื่อผมเถอะนะ
“ตรวจให้หน่อยดิ”
“เป็นไข้หวัดธรรมดาเดี๋ยวก็หาย”
“คือไม่คิดจะแตะตัวหรือตรวจอะไรเลยเหรอ”
“ไม่อ่ะกูแม้วญาณทิพย์”
“แต่ซุงป่วยจริงๆนะ เนี้ยๆตัวร้อนด้วย เจ็บคออีก แอ็กๆ” นี้เป็นไงผมไอโชว์เลยนะครับ
“กูว่ามึงไม่ได้ป่วยธรรมดาแล้วละ” ผมตาโตกับคำที่มันพูด
“แล้วซุงเป็นอะไรครับ”
“เป็น...”
“...”
“เป็นโรคสำออย” อ่าวหรอกด่าผมนี้หว่า
“โอ๊ย” ผมตบหัวแม้วเบาๆ
“ทำร้ายกูเหรอ”
“ใครจะกล้า”
“สัส ไหนจับหน้าผากหน่อย” แม้วเอามือมาจับหน้าผากของผม ผมค่อยๆเลื่อนหน้าเข้าหาคนตรงหน้าช้าๆ หน้ามันแดงขึ้นสีเป็นริ้วๆ ทำให้ความน่ารักเพิ่มขึ้นเท่าตัว
“ไปได้แล้ว!! เดี๋ยวคันหลังก็บีบแตรไล่หรอกไอ้นี้” แม้วผละตัวออกจากผม
“ฮ่าๆๆ”
“หัวเราะๆ ป่วยแล้วมึงอ่ะพักผ่อนเยอะๆ”
“ครับผม” ผมตอบรับ
ผมส่งแม้วกลับหอเสร็จฝนก็เทซ่าลงมา ทำให้ผมไม่สามารถกลับบ้านตัวเองได้เนื่องจากแม้วไม่ ยอมให้ผมกลับโดยให้เหตุผลว่าฝนตกหนักขับรถอันตราย ผมก็เชื่อนะถือว่าโชคดีที่ได้อยู่ห้องกับแม้ว
พาร์มของแม้วผมมองไอ้คนที่เหมือนจะป่วยที่กำลังเล่นโน๊ตบุ๊คของผมอย่างสบายใจนี้มึงป่วยจริงป้ะเนี้ย
“สบายเลยนะมึง” ผมแซวไอ้ยักษ์ที่เปิดดูแกลอรี่สมัยเด็กของผม เห้ยนั้นมันรูปหัวโจกเลยนะเว้ยเกรงใจกันบ้างดิ
“ตอนเด็กๆแม้วน่ารักจัง” ผมไม่ตอบแต่ยื่นถ้วยข้าวต้มที่ผมทำเองกับมือให้ไอ้ยักษ์
“อ่ะกลัวมึงหิว” ไอ้ยักษ์มองหน้าผมอึ้งๆนิดนึ่ง
“ไม่ตายหรอกน่ากินๆไปเหอะกูไม่ได้ใส่ยาพิษไว้” ท่อนซุงหยิบช้อนขึ้นมาและจ้วงเข้าปากไปคำนึ่ง
“แม้วไม่กินเหรอ”
“ยังมีอีก ตอนนี้ยังไม่หิว” ผมตอบ
ตึ๊ง ตึ๊ง เสียงข้อความของโทรศัพท์ผมเข้ารัวๆ และทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าผมลืมไอ้ว่านอยู่ที่ร้าน
Oncewan “ไอ้เหี้ยว่านมึงทิ้งกูให้อยู่ที่นี้คนเดียวว่ะเพื่อน”
“โทษทีวะเพื่อนแล้วตอนนี้มึงอยู่ไหนวะ”
แม้วง่าว Oncewam “ห้อง”
“ดีแล้วมึงโทษทีนะ”
แม้วง่าวผมได้แต่ขอโทษเพื่อนในใจที่ผมลืมมันไว้ที่ร้าน
มูมู่คอฟฟี่ ร้านที่เพื่อนผม แนว ทำงานอยู่ ใครอยากรู้จักแนวให้มากว่านี้ติดตามใน แนวศาตร์นะคร๊าบบบ (ขายของอีกละ) ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อยรอเวลาที่ไอ้ท่อนซุงจะกลับไปบ้านตัวเองสักที
“เมื่อไหร่มึงจะกลับวะ” ผมถาม
“ไล่ซุงแล้วเหรอ ขอนอนด้วยได้มั้ย” โห มึงเล่นงี้เลยเหรอ แม่งแอบไปอาบน้ำตอนไหนก็ไม่รู้ครับแถมยังใส่ชุดของผม คือมึงยัดตัวลงไปได้ไงวะ
“สัสชุดกู” ผมรีบโวยวายทันที
“ไม่เป็นไรน่า ชุดแม้วตัวใหญ่เท่าซุงพอดีเลย” คำว่าพอดีของมึงคือกางเกงฟิตเปรี๊ยะขนาดนี้เลยเหรอ
“สะกดคำว่ามารยาทเป็นมั้ย” ผมด่ามันด้วยความเอือม แต่ก็ไม่วายทำหน้าตายไม่สนคำที่ผมด่าไป
“พูดอะไรฟังไม่เข้าใจ” นอกจากมึงจะไม่มารยาทแล้วยังจะมานอนตักกูทำไมวะ
“จะมานอนตักกูทำไมออกไป” ผมพยายามผลักหัวของมันออก แต่มันก็ไม่ยอมออกสักที
“ขอนอนหน่อยนะครับ” เอาอีกแล้วครับสายตาแบบนี้น้ำเสียงแบบนี้
“เออ” ผมปล่อยมันนอนบนเตียงของผม ผละผมก็ขอตัวไปอาบน้ำนะครับ
“หลับยังวะมึง” ผมเดินออกจากห้องน้ำมาก็เจอไอ้ท่อนซุงหลับเป็นตายบนเตียงของผมแล้ว
ครื๊ดดด ครื๊ดดดผมมองไปที่โทรศัพท์ของผมแต่ว่าไม่ใช่ครับ คงมาจากโทรศัพท์ของไอ้ยักษ์มัน ผมขอถือเสียมารยาทนะครับ ผมมองไปที่ร่างยักษ์ที่หลับใหลอยู่บนเตียงก่อนที่จะมองเบอร์แปลกที่ยิงเข้าเครื่องของมัน ถึงแม้จะเป็นเบอร์แปลกแต่ผมก็จำได้นะครับว่าเป็นเบอร์ของใคร
“...” ผมกดรับสายแต่ไม่ได้ทักทายปลายสายแม้แต่คำเดียว
“เป็นไงบ้างคะ”
“...” ผมไม่ตอบ
“ทำไมซุงเงียบจัง
แผนของเราไปถึงไหนแล้ว” แผนของเรา แผนอะไรผมฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“อื้อ” ผมแค่ส่งเสียงออกไปเพราะถ้าผมพูดแน่นอนบิวต้องจำเสียงผมได้แน่นอน
“วันนี้บิวชอบมากเลยที่เห็นไอ้แม้วมันทำท่าหยิ่งหยอง ดีใจคิดว่าซุงเป็นของมันไปแล้ว บิวละขำ ขำจนแทบจะเป็นบ้าเวลาคิดถึงหน้ามัน คิดดูสิถ้าวันไหนที่มันรักซุงแล้วจะเป็นยังไง คิดแล้วขำ ขอโทษนะคะแม้วที่บิวทำไปเพราะความสนุกส่วนตัวล้วนๆ” ผมอึ้งกับคำพูดของผู้หญิงคนนี้ ผมงง งงไปหมดแล้วตกลงนี้มันเรื่องอะไรกัน
“อยู่กับมันเหรอถึงไม่พูด” บิวถามมาอีกครั้ง
“อื้อ” ผมยังคงตอบแค่เสียง
“ดีมากหลอกให้มันรักได้เร็วๆนะคะ บิวเป็นกำลังใจให้”
ตกลงเรื่องของผมกับท่อนซุงเป็นแค่เรื่องหลอกกันเหรอ ผมพูดอะไรไม่ออก สมองมันอื้อไปหมด ทำไม ทำไม ทำไมเวลาผมเปิดใจให้ใครทีไรมันต้องเป็นแบบนี้ตลอด สายตาที่เอ่อไปด้วยน้ำตาของผมมองร่างที่นอนบนเตียงพร้อมกับคำถามมากมายที่เข้ามาในหัวของผม
“มึงทำแบบนี้ทำไมวะท่อนซุง” ผมเอ่ยถามเบาๆ ก่อนที่จะกดตัดสายทิ้งไป ผมเดินออกมานอกระเบียงที่ติดกับห้องของผม ผมมองไปตามแสงสีของเมืองหลวง มองรถที่วิ่งผ่านไปมา หลายๆครั้งที่ผมถูกตามใจ หลายๆครั้งที่ทำตัวเป็นเด็ก เพียงแค่ผมอยากได้ความรักจากใครบางคนเท่านั้น แต่ครั้งนี้ผมคงยอมให้มันหลอก
“ถ้ามึงอยากมาหลอกกู กูก็จะยอมโง่เป็นความให้มึงหลอก ตามใจมึงเลย แต่กูอยากให้มึงรู้ไว้ว่าตอนนี้กูไม่ได้เปิดใจให้มึงแล้ว” น้ำตาของผมไหลไม่ยอมหยุด ทุกอย่างที่ผมพูดมันคือความจริงในใจของผมที่คิดได้ในตอนนี้ ถ้ามันเข้ามาในชีวิตผมเพื่อหลอกผมจริงๆละก็ ผมจะยอมให้หลอกจนมีเพื่อนเป็นควายสักฝูง
“กูไม่ได้เปิดใจให้มึงแล้ว
แต่กูรักมึงจริงๆแล้วนะท่อนซุง” ผมได้แต่พูดกับตัวเอง พูดกับดวงดาวบนท้องฟ้า พูดกับเมฆาสีขาวบางๆที่ลอยบดบังดวงจันทร์เต็มดวงในคืนนี้