Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :14 :60% 6/04/2561  (อ่าน 20675 ครั้ง)

ออฟไลน์ เต่าตุ่น

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-12
​ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

Doctor' lover เด็กหมอ

ตอนที่1

“เอ้าเฮ้ย! ตื่นกันได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน”เสียงก้าวร้าวดุดันดังกังวานอย่างหัวเสีย  เขายังคงหงุดหงิดแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาแค่ ตี3ก็ตาม

ชายฉกรรจ์วัย30ยกแขนสองค้างเท้าเอว มองดูกองผ้าห่มสีหมองเก่าจนขาดรุ่ยหลาย10กอง เริ่มขยับอย่างยืดยาด สร้างความไม่พอใจอย่างมาให้กับตน

“เร็วๆ!!! หรือพวกมึงไม่อยากแดกข้าวกัน  ใครมาขึ้นรถคนสุดท้ายไม่ต้องกินข้าว!”เสียงเข้มอย่างคนมีอำนาจเหนือกว่าเอ่ยสั่งอีกครั้ง ทำให้เหล่าเด็กน้อยที่อยู่ภายใต้กองผ้าหลาย10ชีวิต ต่างพากันแตกหือ รีบร้อนลุกจากที่นอนอย่างว่องไว ความโกลาหลเกิดขึ้นในพริบตา เหล่าเด็กน้อยที่เฉลี่ยอายุแล้วคงไม่มีใครเกินกว่า10ขวบ กำลังวิ่งหน้าตั้งไปที่หน้าบ้านไม้หลังโทรมในแถมชานเมืองห่างไกลผู้คน

“ไอ้เกรว มึงยืดยาดอีกแล้ว วันนี้ไม่ต้องกินข้าวเช้าเลยมึง เอ้ารีบขึ้นไป”เด็กชายตัวเล็กที่มีผิวผุดผ่องแม้จะเต็มไปดูคราบสกปรก ก็ยังคนดูมีราศีต่างจากเด็กคนอื่นๆ วิ่งหอบออกมาจากตัวบ้านไม้หลังโทรม  แม้จะพยายามสุดกำลังแต่ตนก็ยังมาช้าถึงเป็นคนสุดท้ายอยู่ดี

“เอ้าแจกกันคนล่ะอัน  ส่วนมึงไอ้เกรวไม่ต้องกิน”ถุงพลาสติกหูหิ้วใบใหญ่ภายในบรรจุเต็มไปด้วยข้าวเหนียวหน้าหมูหวานห่อเล็กๆถูกโยนไปที่ท้ายรถบรรทุกหกล้อ แต่ก่อนจะโยนขึ้นไป ชายฉกรรจ์ใบหน้าโฉดก็กลับหยิบห่อข้าวเล็กๆหนึ่งห่อออกไป  ก่อนจะแกะห่อหยิบกินหมดในคราเดียวต่อหน้าต่อตาเด็กชายผู้โชคร้ายที่สุดของวันนี้

เกรวคือชื่อของเด็กชายผู้อับโชค ได้แต่มองตามห่อพลาสติกที่ว่างเปล่าที่ถูกโยนทิ้งบนพื้นถนนลาดยางเก่าๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโหยหา  ห่อข้าวเล็กๆที่ผู้ใหญ่สามารถกินหมดได้ในครั้งเดียว กับเป็นยิ่งกว่าอาหารอันโอชะของเด็กตัวเล็กคนหนึ่ง

อีกแล้ว เป็นแบบนี้อีกแล้ว เด็กชายได้แต่นึกโทษตัวเองในใจ  เพราะร่างกายที่อ่อนแอเกินกว่าเด็กคนอื่น เรี่ยวแรงที่มีก็น้อยกว่าคนอื่น ทุกครั้งที่มีบทลงโทษ เขามักจะเป็นหนึ่งในคนที่โดนเสมอ  เมื่อวานก็ขายพวงมาลัยไม่หมดจึงไม่ได้กินข้าวเย็น แม้ท้องจะหิวแค่ไหน แต่ก็ปลอบใจตัวเองด้วยการรีบเข้านอน และภาวนาให้พรุ่งนี้มาถึงไวๆ พรุ่งนี้ที่จะได้กินข้าว

แต่เพราะความเหนื่อยอ่อนจากร่างกายที่บอกชำจากการทุบตีและไม่ได้รับอาหารเพื่อที่จะเพิ่มพูนกำลัง ทำให้เช้านี้เขาไม่มีเหรี่ยวแรงยิ่งกว่าที่เคย  ทำให้วิ่งไม่ทันคนอื่นและกรายเป็นคนที่ต้องรับโทษในเช้าวันนี้

เวลาตีห้า รถบรรทุกหกล้อที่มีเด็กหลายสิบชีวิตก็มาถึงที่หมายเช่นทุกวัน  สี่แยกไฟแดงที่ต่างๆตามถนนเส้นหลังของเมืองหลวง คือจุดหมายของธุรกิจสุดผิดบาป   เหล่าเด็กตัวเล็กที่อยู่ในวัย6-10ปี ต่างพากันลงจากรถพร้อมรับ อุปกรณ์ขายพวงมาลัย และเริ่มปฏิบัติหน้าที่เช่นทุกวัน

กลายเป็นภาพที่ชินชา เด็กตัวเล็กในสภาพมอมแมมในมือมีพวกมาลัยเดินขายตามสี่แยกไฟแดง ทามกลางถนนที่ร้อนระอุและเต็มไปด้วยมลพิษ  หลายคนมองด้วยความเวทนาและช่วยอุดหนุนพวกมาลัยพวกน้อยด้วยความสงสาร แต่หลายคนกลับมองด้วยความชินชาและเบือนหน้าหนี

เกรว จับจ้องไปที่ไฟจราจรสีเขียวอย่างจดจ้อง  แม้ท้องจะร้องด้วยความหิว แม้จะปวดจนแทบไม่มีแรงยืน  แต่สองขาเล็กไร้เหรี่ยวแรงก็ยังต้องฝืน เดินลงไปบนพื้นถนนร้อง ระอุ ก่อนจะพยายามยกพวกมาลัยขึ้นเพื่อให้คนที่นั่งอยู่ในรถที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นช่ำได้เห็น  เพื่อหวังที่จะให้พวกเขาซื้อมันสักพวง  เพราะหากวันนี้เข้าขายมันไม่หมด เขาก็คงจะไม่ได้กินข้าวอีกเช่นเคย และที่น่าหวาดกลัวที่สุด คงไม่พ้นการลงโทษด้วยการตบตีตามใบหน้าและร่างกาย  ที่เป็นโทษที่คนที่ขายพวงมาลัยไม่หมดจะต้องเจอ

“หนูๆ”เสียงร้องเรียกจากรถยนต์ใหม่เอี่ยมที่เพิ่งเดินผ่านมาสักครู่ดังขึ้น ทำให้เด็กชายหยุดเดินและหันกลับไปมอง

ชายวัยกลางคนแต่งตัวดี ยื่นใบหน้าออกมานอกกระจกรถยนต์ ก่อนจะกวักมือเรียกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เด็กชายหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่ากำลังจะขายพวกมาลัยสีหมองได้อีกหนึ่งพวง

แต่เพราะอากาศที่ร้อนระอุ บวกกับร่างกายที่ไม่ได้รับสารอาหาร และด้วยความรีบร้อนที่จะขายพวงมาลัย ทำให้เด็กชายล้มลงไปกับพื้นถนนร้อนระอุ  พวงมาลัยในมือล่นกระจาย เสียงร้องตกใจดังขึ้นจากรถประจำทางที่มีผู้คนแน่นขนัด เด็กชายที่มีสติเพียงน้อยนิดตัวสั่นเทา เมื่อเห็นพวงมาลัยดอกมาลิตกกระจายจนหลายพวงมีดอกมะลิหลุดล่วงออกมา  แม้จะรีบร้อนเก็บขึ้นมายังไง แต่ดอกไม้ที่ล่วงล่นแล้วนั้นก็ไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก

ความหวาดกลัวเมื่อรู้ถึงผลของการทำของเสียหายเร่นขึ้นมาในหัวจนทำให้กลัวจนตัวสั่น สายตาเล็กมองส่ายหาคนคุมที่มักจะเฝ้าจับตาดูเขาด้วยความกลัว

“หนูเป็นอะไรไหม”ชายจากรถหรูลงจากรถ ก่อนจะช่วยเก็บพวงมาลัยที่หลุดเปื้อนพื้นถนนอย่างไม่รังเกียจ

“..............”ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงแค่อาการตื่นตกใจจนเกินปกติ เท่านั้นที่หมอวัยกลางคนรับรู้  สายตาจับจ้องไปที่ชายฉกรรจ์ที่กำลังเดินตรงมาที่เด็กชายตัวเล็กด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

เขารู้ได้ทันที ถึงสาเหตุที่เด็กชายตัวเล็กหวาดกลัวจนตัวสั่น  ไม่มีเวลาให้ไตร่ตรองหาทางแก้ไข เขารู้ไม่ว่าเขาจะยอมจ่ายค่าของที่เสียหายนี่เท่าไหร่ เด็กคนนี้ก็ไม่มีทางพ้นโทษอยู่ดี

สองแขนสะอาดสะอานอุ้มเด็กตัวเล็กตรงหน้าก่อนที่จะจับใส่รถตัวเองด้วยความว่องไว ไม่สนใจแม้เสียงร้องตะโกนของชายหน้าโฉดที่กำลังวิ่งตรงมา  ผู้คนต่างมองเหตุการณ์ด้วยความตื่นตระหนก  นับว่าเป็นโชคดีที่รถของหมอวัยกลางคนเป็นคันแรกของที่จอดติดไฟแดงอยู่  เขารีบร้อนออกรถทันทีเมื่อเข้ามานั่งประจำที่คนขับ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับไฟจารจรเลี่ยนจากสีแดงเป็นเขียว

“เกือบไปๆ”เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเบนสายตามองเด็กตัวเล็กที่นั่งอยู่เบาะหลัง ที่ตอนนี้ยังคงไม่พ้นจากอาการตกใจ

“ไม่ต้องกลัว  ลุงไม่ทำร้ายหนูแน่นอน”เขาว่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมมองกระจกด้านข้าง เพื่อดูว่าชายฉกรรจ์คนนั้นตามมาหรือไม่

“หิวไหม  กินนี่ก่อนซิภรรยาลุงเขาทำมาให้”เมื่อเบาใจเรื่องคนที่จะตามมาได้ เขาก็หันไปสนใจเด็กตัวเล็กที่กำลังมองเขาอย่างหวาดระแวง 

ใบหน้าเล็กมอมแมมซีดเซียว ด้วยประสบการการเป็นกุมารแพทย์มานับ20ปี มองแววเดียวก็รู้ว่าเด็กชายตรงหน้า ขาดสารอาหารอย่างรุนแรง มิหนำซ้ำยังถูกใช้แรงงานอย่างหนักและยังถูกทำร้ายร่างกายอีก  ชวนในสลดใจจนขอบตาร้อนพราว

เด็กหลายคนที่เขาเคยรักษาทุกคนต่างกินอาหารทิ้งขว้าง เอาแต่ใจ และถูกเลี้ยงดูอย่างฟุ่มเฟือย  แต่ในเวลาเดียวกัน กลับมีเด็กจำนวนมากที่โดนทำร้ายและหิวโหย ขนาดอาหารก็ไม่สามารถกินได้แม้ในเวลาที่หิว  จะมีอะไรน่าเศร้าไปกว่าการที่เห็นเด็กวัยเพียงไม่เกิน10ขวบต้องอดอาหารจนร่างกายผอมแห้งขนาดนี้

กล่องทัพเพอร์แวร์ขาวใสถูกส่งไปให้เด็กชายที่นั่งอยู่เบาะหลัง

“ผมกินได้หรอครับ”เสียงแรกที่ได้ยิน กลับเอ่ยคำพูดที่ทำเอาคนที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายแบบเขาต้องปวดใจ  น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังกับสายตาที่อ้อนวอน มองมาที่เขาอย่างคาดหวัง

“กินได้ซิ กินทั้งหมดเลยก็ได้ หรือถ้ายังไม่พอก็จะพาไปกินอีก  จะพาไปกินทุกอย่างเลย”หมอวัยกลางคนตอบด้วยความเจ็บปวด อกเหมือนถูกบีบขยำจากมือที่มองไม่เห็น  หลังจากส่งกล่องแซนวิซให้ถือมือเด็กชายที่เบาะหลังเขาก็ได้แต่มองตรงไปที่ถนนตรงหน้า จิตนาการถึงความเจ็บปวดที่เด็กคนนี้ต้องเจอมาก่อนหน้านี้  ยิ่งคิดก็ยิ่งหวั่นใจ  จนไม่สามารถสงบใจได้ แม้จะไม่ใช่ลูกหลาน แต่เขาก็ไม่อาจทนเมินเฉยกับเรื่องตรงหน้านี้ได้

“หนูชื่ออะไร”หมอวัยกลางคนเอ่ยถาม

“เกรว”เด็กชายตอบพร้อมกับจับแซนวิซหน้าตาหน้ากินที่สุดที่เขาเคยเห็นขึ้นมา ก่อนจะบรรจงค่อยกัดกินอย่างละเมียดละไม ราวกลับว่า ไม่อยากจะให้ของตรงหน้านั้นหมดไป

“พ่อกับแม่ล่ะ”แม้จะพอเดาออก แต่เขาก็จำเป็นต้องถาม ถึงแม้จะรู้ว่าพ่อแม่เด็กเป็นใคร เขาก็ไม่คิดที่จะส่งเด็กคืนให้กับคนจิตใจโหดเหี้ยมที่ปล่อยให้ลูกตัวเองต้องเผชิญกับชะตากรรมเลวร้ายแบบนี้ได้ลง

“ผมไม่รู้”น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมาด้วยความว่างเปล่า ดวงตาใสที่มีชีวิตเมื่อได้กินแซนวิซหมองลงแทบจะทันที

“..............”แม้จะเป็นหมอเด็กมานานแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้  หมอวัยกลางคนเลือกที่จะเงียบและหยุดทุกคำถามลง  เขารู้ตอนนี้เด็กคนนี้คงไม่พร้อมที่จะพูดอะไร

“ลุงชื่อธนต์นะ  เรียงลุงธนต์ก็ได้”เขาแนะนำตัวเอง ก่อนจะส่งขวดน้ำเปล่าไปให้เด็กชาย

“......”ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงแค่มือเล็กๆที่ยื่นมารับขวดน้ำไป

......................................................

อาคารสูงใหญ่ตั้งตระง่านอยู่กลางใจเมือง  รถยนต์หรูหลายสิบคันจอดกันเกือบเต็มบริเวณ เสียงไซเรนของรถพยาบาลดังระงม จนปวดหู

เด็กชายในชุดซ่อมซอร่างกายมอมแมม ถูกจูงมือให้เดินเข้ามายังโรงพยาบาลหรูใหญ่โต แค่เข้ามาด้านในแค่ก้าวเดียวความเย็นสบายของเครื่องปรับอากาศก็ทำเอาเด็กชายยกยิ้มน้อยๆขึ้นมา  แต่ก็เพียงเสี่ยววินาทีเมื่อเห็นผู้ใหญ่ทั้งชายหญิงหลายคนตรงเข้ามาทางคุณลุงธนต์ที่จับมือเขาไม่ยอมปล่อย

“ผอ.สวัสดีค่ะ อ่ะนั้นเด็กที่ไหนค่ะ”ผู้หญิงในชุดสีขาวสะอาดเดินเข้ามาทักอย่างแปลกใจ

“ลูกชายครับ ผมขอตัวเดี๋ยวต้องเข้าเวร  สายแล้วซะด้วย”ตอบกลับพร้อมตัดบทสนทนาเดินจูงมือเด็กชายตรงไปที่ห้องตรวจห้องหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล

ประตูบานเลื่อนสีฟ้าอ่อนเลื่อนเปิดออกก่อนที่เด็กชายจะถูกจูงมือเดินเข้าไปข้างใน

“อ่ะ น้องเกรวสวัสดีพี่หมอซิครับ”หมอวัยกลางคนเอ่ยขึ้น เมื่อหยุดยื่นอยู่ตรงหน้าว่าที่หมอหนุ่มหน้าตาดี ผู้เป็นลูกชาย

 “นี่อะไรครับพ่อ”ว่าที่หมอหนุ่มถามอย่างตกใจ จ้องมองเด็กชายตัวเล็กที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังพ่อของเขา

เด็กชายตัวเล็กที่สวมเสื้อผ้าเก่า ผิวขาวถูกบดปังด้วยรอยเขียวช้ำ บ้างจุดนานจนเป็นสีม่วงเข้ม ดวงตากลมกำลังมองมาที่เขาด้วยแววตาหวาดกลัว

“เสียงดังไปแล้วไอ้นนต์”คนเป็นพ่อเอ็ดแบบไม่จริงจังนักก่อนจะหันไปจับแขนเล็กให้ออกมาเผชิญหน้ากับเขา แต่เด็กคนนั้นก็ทำแค่ยื้อไว้ไม่ยอมปล่อยชายเสื้อพ่อของเขาเลยสักนิด

 “ขอบโทษนะครับที่พี่ทำให้ตกใจ มานี่มาพี่แค่อยากจะทายาให้”หมอหนุ่มเดินไปย่อตัวนั่งลงตรงหน้าเด็กชาย ก่อนจะยื่นมืออกไปหมายให้เด็กชายยื่นมาจับ เด็กชายมองมือผมอย่างกล้าๆกลัวๆ

และในที่สุดก็ยื่นออกมาตอบรับ

หมอหนุ่มพาเด็กชายขึ้นนั่งบนเตียวตรวจคนไข้ ก่อนจะเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามเนื้อตัวผอมบาง ตลอดเวลาที่เขาทายาให้เด็กชายก็เอาแต่จ้องหน้าผมแทบจะไม่กระพริบตา

“เด็กคนนี่เป็นใครครับพ่อ ทำไมตามตัวมีแต่แผล”ผมยิ่งเปิดดูใต้เสื้อเก่าๆ ยิ่งเห็นว่ามันมีมากขนาดไหน

“เด็กคนนี้คงถูกจับตัวมาแล้วพวกนั้นก็บังคับให้ไปขายพวกมาลัยกลางสี่แยก พ่อเห็นหน้าตาผิวพรรณดี ไม่หน้าจะเป็นเด็กที่ต้องมาทำอะไรแบบนั้น ก็เลยจับขึ้นรถมา”คนเป็นพ่อพูดยิ้มๆ  มันเป็นแค่ข้ออ้างทีแรกเขาไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย  แต่พอนั่งรถมาด้วยกันก็ทำให้เขาเริ่มคิดแบบนั้นขึ้นมา ก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่เขาสงสัยอาจจะเป็นเรื่องจริง เพราะอย่างน้อยก็ไม่อยากให้เด็กชายต้องถูกพ่อแม่ปล่อยให้มาเผชิญชะกรรมแบบนี้  แต่ไม่ว่าจะแบบไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี

“จับมาเลยหรอครับ”หมอหนุ่มชะงักทันที ที่ได้ยินที่มา

“เอาน่าๆ ต่อไปน้องเกรวจะมาอยู่ที่บ้านเรา “

“แล้วพ่อแม่น้องล่ะครับ”หมอหนุ่มเริ่มลนลาน

“ไม่มี”คนเป็นพ่อว่าเรียบๆ

“แล้วเรื่องเอกสารล่ะครับ”เขาถามอย่างกังวล

“เรื่องนั้นแกไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพ่อจัดการเอง ว่าแต่แกจะออกเวรแล้วใช่ไหม งั้นก็พาเกรวไปซื้อข้าวของจำเป็น เดี๋ยวเรื่องอื่นพ่อจัดการเอง ฝากด้วยนะ”เดินมาตบไหล่ลูกชายสองสามทีแล้วเดินออกไป

เขาได้แต่หันมามองยังคนกลางที่จ้องตนจนตาเริ่มแดงมือเล็กๆยื่นมาจับที่เสื้อกาวของเขาแน่น

“ไม่ต้องกลัวนะครับต่อไปพี่จะปกป้องเราเอง พี่สัญญา”

TBC.

เขียนใหม่นะครัช เขียนใหม่  เริ่มจากต้นเลยเเล้วกัน ตอนเเรกคิดไว้ว่าจะเอาไปในส่วนย้อนอดีต เเต่คิดอีกที เอาไว้ตั้งเเต่เริ่มเลยเเล้วกันจะได้เห็นถึงความสัมพันธ์ของตัวละคร

สำหรับคนที่เคยอ่านก่อนหน้านี้คอนเซ็ปยังคงเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเพื่อเนื้อหา คำพูดเเละตรวจสอบภาษา เเนะนำให้อ่านใหม่แต่ต้นนะครัช

ปล.เรื่องหนังสือร้าย...จนรัก กำลังตามให้นะ ได้ความว่าไงเดี๋ยวมาเเจ้งอีกที ขออภัยในความล่าช้าด้วย
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2018 22:42:38 โดย เต่าตุ่น »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :1 26/08/2560
«ตอบ #1 เมื่อ26-08-2017 23:06:14 »

น่าสงสารมากกกกกกกก  :hao5: :hao5: :hao5:

ใช้แรงงานเด็ก หลอกเด็ก
ยังทรมาน ลงโทษ ทุบตี
ให้เด็กอดอาหารติดต่อกันเกินหนึ่งมื้อ
เลวโคตรๆ  :z6: :z6: :z6:

ดีที่เกรว ได้รับความช่วยเหลือ
อย่าได้เจอคนเลวอย่างนั้นอีกเลยนะเกรว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ meeoldly

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :1 26/08/2560
«ตอบ #2 เมื่อ28-08-2017 21:26:49 »

มาต่อนะ เรารออ่าน :pig4:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :1 26/08/2560
«ตอบ #3 เมื่อ28-08-2017 21:43:01 »

รออ่านด้วย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :1 26/08/2560
«ตอบ #4 เมื่อ29-08-2017 09:51:40 »

 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ เต่าตุ่น

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-12
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 15/09/2560
«ตอบ #5 เมื่อ15-09-2017 08:49:01 »

ตอนที่2

7ปีต่อมา

“น้องเกรวพอแล้วลูก ไปแต่งตัวเตรียมไปเรียนเถอะเดี๋ยวสาย”

 “ครับๆ”ผมตอบรับยิ้มๆแต่มือก็ยังไม่หยุดหยิบผักกาดหอมวางเรียงบนจาน

“น้องเกรว”ป้าจำปี เอ็ดอีกครั้ง

“ครับๆ ไปจริงๆแระ”ผมยกมือทั้งสองข้างขึ้นเมื่อจัดจากในอาหารเสร็จพอดี ก่อนจะแกะผ้ากันเปื้อนออกแล้วเตรียมตัวไปโรงเรียน

ผมชื่อเกรวครับ เป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกคุณลุงธนต์เก็บมาเลี้ยง ผมอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มา6ปีแล้ว คุณลุงธนต์ที่เป็นเจ้าของบ้านใจดีกับผมมาก ส่งผมเรียนหนังสือจนตอนนี้ผมขึ้นม.6แล้ว ถึงแม้ว่าท่านจะเลี้ยงดูผมเหมือนลูกคนหนึ่งแต่ผมก็ไม่อาจเอื้อมจะไปยืนในจุดที่ท่านอนุญาตได้    ผมจึงพยายามทำงานบ้านทุกอย่างที่ผมจะทำได้เพื่อจะตอบแทนบุญคุณ ถึงแม้จะโดนห้ามแทบทุกครั้งก็ตาม

 “น้องเกรวกินข้าวเร็ว”ผมเดินกลับเข้ามาในครัวอีกครั้งเมื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนเสร็จ

“ยกอาหารไปแล้วหรอครับ น่าจะรอเกรวช่วย”ผมว่าเซ็งๆเพราะผมมั่วแต่แต่งตัว เลยไม่ทันช่วยปาจำปียกอาหารไปที่ห้องอาหารใหญ่

“ป้าบอกแล้วว่าไม่ต้องช่วยหรอกค่ะ ดูซิ  นังสานังแก้วมันว่างจนเดินหายใจทิ้งไปหลายลิตรแล้ว”ป้าจำปีว่าไม่จริงจังนัก  เรียกเสียงกระเหง่ากระงอดจากพี่สากับพี่แก้วได้มาก

หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็เดินออกมาหน้าบ้านเพื่อจะไปขึ้นรถเมย์หน้าปากซอยเพื่อจะไปเรียน  แต่เพราะมันแต่มองนาฬิกาข้อมือ ผมก็เลยเดินชนเข้ากับอะไรบ้างอย่าง

“ฮือๆๆๆๆ”เสียงเล็กร้องขึ้นมาอย่างดังทำให้ผมตกใจ แทบจะทำกระเป๋าหลุดมือ

“น้องกันต์ เป็นไรครับ “เสียงทุ่มคุ้นหูที่ไม่ได้ยินมาเกือบ5ปี ทำให้สองแขนของผมที่กำลังจะไปพยุงเด็กตรงหน้าชะงักค้าง

“ฮือออ เจ็บ น้องกันต์เจ็บฮะคุณพ่อ”ผมได้แต่มองผู้ชายตัวโตท่าทางดีวิ่งมาอุ้มเด็กน้อยตรงหน้าพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่คอยปาดน้ำตาให้

ภาพเหตุการณ์ตรงหน้ามันเหมือนกับเมื่อ6ปีก่อน  เหมือนที่เขาเคยทำให้ผม

“พี่นนต์”ผมพึมพำเรียกชื่อคนตรงหน้า

ภาพแรกที่เข้ามาในหัว คือภาพงานแต่งงานของคนตรงหน้า  ภาพที่เขาจูงมือหญิงสาวแสนสวยในชุดขาวลงมาตามทางเดิน  รอยยิ้มเต็มเปี่ยมสุขเต็มไปทั่วใบหน้า แม้ว่าที่ๆตรงนั้นจะไม่ผมอยู่ด้วยก็ตาม

รู้ตัวอีกทีผมก็เดินตามพี่นนต์เข้ามาในบ้านใหญ่แล้ว

“น้องกันต์มาหาปู่มา คิดถึงจังเลย”พอเข้ามาในบ้าน ลุงธนต์ก็เข้ามารับเด็กชายตัวเล็กที่พี่นนต์กำลังอุ้มอยู่ไปกอดทันที

“เอ่อ เกรวขอไปเรียนก่อนนะครับ”ผมพูดขึ้นเพราะไม่อยากจะเป็นตัวขัดบรรยากาศครอบครัวที่แสนอบอุ่นตรงหน้า

“อ้าว ลืมไป น้องเกรวยังไม่เคยเจอน้องกันต์ใช่ไหม นี่น้องกันต์ลูกชายของไอ้นนต์มัน ไอ้นนต์นี่เกรวจำได้ไหมโตขึ้นเป็นกอง”ลุงธนต์กล่าวแนะนำขำๆเพราะผมเมื่อ7ปีก่อนกับตอนนี้ ไม่ได้โตขึ้นมากอย่างที่ควรจะเป็น

“จำได้ซิ ว่าไงน้องชายไม่คิดจะทักพี่ชายสักคำหรอครับ หืมห์”ฝ่ามือใหญ่ทาบลงบนหัวของผม  มันอุ่นวาบไปตั้งแต่หัวถึงขั้วหัวใจ พี่นนต์ยังเหมือนเดิม  ยังอ่อนโยนและใจดีเหมือนเดิม

“เอ่อ คือสวัสดีครับ”ผมลนลานอยู่สักพักก่อนจะนึกขึ้นได้จึงยกมือไหว้ทักทาย

“555สงสัยจะเขิน”คุณลุงธนต์ว่าขำก่อนจะหันไปคุยกับหลายชายในอ้อมกอดที่ตอนนี้กำลังจ้องผมมองตาแป๋ว

“หึหึหึ”พี่นนต์ขยี้ผมของผมเบาๆ ก่อนจะเอามือออก

“งั้นเกรวขอไปเรียนก่อนนะครับ”ผมทำอะไรไม่ถูกเลยหาทางหนีออกจาสถานการณ์ตอนนี้ ก่อนที่ผมจะทำตัวน่าอายไปกว่านี้ และก่อนที่พี่นนต์จะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของผม

“เออ งั้นไอ้นนต์แกไปส่งเกรวซิ เดี๋ยวปู่จะอยู่กับน้องกันต์เองเนอะๆ”ลุงธนต์ว่าขึ้นในขนาดที่กำลังไล่งับนิ้วมือของน้องกันต์ที่กำลังไล่สำรวจไปทั่วใบหน้าอย่างสนุกสนาน

“เอ่อ คือไม่เป็นครับ พอดีเกรวนัดเพื่อนไว้ ไปก่อนนะครับ”ผมรีบยกมือไหว้แล้ววิ่งออกจากบ้านทันที

ตลอดทั้งวันผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยในใจก็คิดแต่ว่าถ้ากลับไปตอนเย็นผมควรทำตัวยังไงดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกไม่อยากกลับบ้านของลุงธนต์เลย ทั้งๆที่ความจริง มันไม่น่าจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผมกังวนเลยสักนิด

และเหมือนสวรรค์จะเข้าใจความกังวลใจของผม เมื่อครูใหญ่ขอให้ผมกับเพื่อนๆ ช่วยจัดบายศรีที่จะเอาไว้ตอนรับ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการที่จะมาเยี่ยมชมโรงเรียนในวันพรุ่งนี้

ผมจึงโทรไปขออนุญาตคุณลุงธนต์ก่อน  ท่านก็อนุญาตและบอกว่าถ้ากลับดึกก็ให้โทรมาท่านจะได้ให้คนมารับ  ผมก็ทำได้แค่กล่าวขอบคุณกลับไปเท่านั้น

 ทำไมผู้ชายอย่างผมถึงได้ทำบายศรีน่ะหรอครับ ก็เพราะผมเป็นคนชอบทำอะไรพวกนี้มาก อาจจะเพราะได้เห็นป้าจำปีทำบ่อยๆเวลาที่บ้านลุงธนต์ทำบุญหรือปวงศววงอะไรพวกนี้ ผมเลยได้ลองทำตั้งแต่เด็กๆ จนตอนนี้กลายเป็นคนทำบายศรีประจำโรงเรียนไปแล้ว

การทำบายศรีใช้เวลามากกว่าที่คิดเพราะอุปกรณ์มีไม่เพียงพอ กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปสี่ทุ่ม

โชคดีที่คุณครูใหญ่ขับรถมาส่งผมจึงไม่ต้องโทรบอกให้ใครมารับ  แต่กว่าจะมาถึงบ้านก็ปาไป5ทุ่มแล้วคนในบ้านหลับกันหมดโชคดีที่ผมมีกุญแกประตูเล็กเลยเข้าบ้านได้โดยไม่ต้องรบกวนใคร

ผมกำลังเดินไปที่สวนข้างหลังเพื่อไปที่ห้องของผมที่อยู่อาคารเดียวกันกับที่พักของป้าจำปีและคนงานคนอื่นๆในบ้าน  ที่จริงลุงธนต์ก็บอกให้ผมย้ายไปอยู่บ้านใหญ่ แต่ผมก็ปฏิเสธไป เพราะรู้สึกไม่สะบากใจแค่ท่านให้เรียนและให้ที่พักก็ไม่รู้จะตอบแทนท่านยังไงแล้ว   ผมกล้าที่จะทำตัวสุขสบายไปมากกว่านี้แล้ว

ในขณะกำลังจะเดินไปที่ห้องที่อยู่ด้านหลัง ผมก็เห็นแสงไฟจากห้องจัดเลี้ยงที่เป็นห้องที่ไว้สำหรับแขกมาสังสรรค์ที่ห้องนั้นจะมีเค้าเตอร์บาร์เครื่องดื่ม  ไว้สำหรับนั่งดื่มกันโดยเฉพาะ  ปกติห้องนี้จะไม่ค่อยมีใครใช้ถ้าไม่แขกมา แล้วถ้าเกิดมีแขกมา หน้าประตูของบ้านก็ไม่น่าจะปิดๆฟหมดแบบนี้

ด้วยความสงสัยผมเลยเข้าไปทางประตูหลังที่อยู่ติดกับครัวเพื่อเข้าไปดู

ภาพที่ผมเห็นก็คือคนที่ผมพยายามหาทางหลบหน้าทั้งวัน กำลังนั่งดื่มเหล้าด้วยสภาพที่ไม่หน้าจะดื่มต่อได้อีก

พี่นนต์สะลึมสะลือพยายามควานหาขวดแก้วสีใสที่บรรจุเหล้าสีอำพันไว้  แขนยาวบัดป้ายไปมาอย่างไม่เป็นทิศทาง และเพราะความเมาทำให้มือปัดไปโดนจนขวดแก้วนั้นล่วงลนลงจากเคาน์เตอร์โชคดีที่พื้นห้องนี้เป็นพรมหนาเลยทำให้มันไม่แตกจนเกิดเสียงดังไม่งั้นทุกคนในบ้านคงแตกตื่นกันแน่

“พี่นนต์พอเถอะครับ มันหมดแล้ว”ผมเดินเข้าไปเก็บขวดแก้วขึ้นวางไว้บนชั้นวางที่ๆมันเคยอยู่ก่อนจะเดินเข้ามาหาคนเมาที่ยังพยายามควานหาเหล้าไม่อยู่

“ผมรักคุณ เอฟ ผมรักคุณ”มือที่กำลังจะยื่นไปเขย่าตัวของพี่นนต์ของผมชะงักทันที ที่ได้ยินคำพูดที่ไม่ควรได้ยิน

เอฟ คือใคร

ถึงผมจะไปรู้ที่มาที่ไปแต่ใจผมก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาซะอย่างนั้น แล้วทำไมผมต้องเจ็บ ในเมื่อผมก็เป็นแค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง  และไม่ว่าพี่นนต์จะบอกว่ารักใครมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับผม  แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกชาไปทั้งตัวแบบนี้

“พี่นนต์ครับ ขึ้นนอนเถอะ”ผมเข้าไปพยุงตัวคนเมาให้ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากโชคดีที่พี่นนต์ยังพอมีสติจึงพยายามยืนด้วยตัวเองบ้าง แต่กว่าผมจะแบกพี่นนต์มาถึงห้องที่ชั้นสองได้ผมก็แทบหมดแรง

ผมค่อยพาพี่นนต์ขึ้นเตียงดีๆ   แต่จู่ๆคนเมาที่ให้ความร่วมมือมาตลอดกลับฝืนตัวไว้ ไม่ยอมขึ้นนอนบนเตียงดีๆ  ชุดกระชากลากถูไปมาอยู่พักหนึ่ง   สุดท้ายผมก็ถูกพี่นนต์ทับทั้งตัวอยู่บนเตียง

“ผม รักเอฟ รักเอฟมากนะ”น้ำเสียงยานคางพยายามพูด ฟังแทบไม่เป็นศัพท์บอกซ้ำไปมา

“พี่นนต์ครับ ลุกเถอะเกรวหนัก”ผมพยายามจะดันตัวคนเมาที่ทับผมออกแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ความร่วมมือเลยสักนิด  “พี่นนต์ปล่อยเถอะครับ”นอกจากจะไม่ลุกแล้ว  พี่นนต์ยังจับมือผมที่พยายามดันเขาออกแน่นไม่ให้ผมดันเขาออกได้อีก

“ไม่ ผมรักคุณ ผมจะไม่ยอมปล่อยคุณไปเอฟ!”จู่ๆคนเมาที่น่าจะหมดเรี่ยวแรง ก็เพิ่มแรงบีบที่ข้อมือผม แล้วกดลงเตียงแน่น  ไม่ให้ขยับ  พร้อมเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกี้ยวกราด

ไม่มีเวลาให้ผมได้ตกใจ  เมื่อจู่ๆพี่นนต์ก็จับข้อมือผมทั้งสองข้างขึ้นไปตึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียว  ส่วนอีกมือก็กำลังแกะกระดุมเสื้อนักเรียนของผมอย่างเร่งรีบ

“ไม่ๆ พี่นนต์กำลังจะทำอะไรครับ”ผมพยายามดิ้น เมื่อเริ่มรู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่เป็นอย่างที่เคย

  “อย่านะครับพี่นนต์ นี่เกรวเอง  พี่นนต์หยุด”ผมพยายามร้องห้ามเสียงดัง

“หยุดดิ้นซะที อย่าคิดจะเดินไปจากผม คุณต้องรักผม เข้าใจไหม” น้ำเสียงตะวาดน่ากลัวจนทำให้ผมไม่กล้าแม้จะหายใจ 

แต่มันก็ยังน่ากลัวน้อยกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้มาก  มากเกินกว่าที่ผมจะรับมันได้

....................................................

นนต์Talk

ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวสุดๆ เมื่อคืนผมคงดื่มหนักไป เหลือบดูนาฬิกาที่โต๊ะข้างเตียง   โชคดีที่ตอนนี้เพิ่ง8โมง น้องกันต์คงยังไม่ตื่น เมื่อคืนผมฝันอีกแล้ว ฝันที่ตามหลอกหลอนผมมาทั้งอาทิตย์  ฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง

 “เฮ้ย!”ในขณะที่ผมกำลังลุกขึ้นจากเตียง ผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสภาพของเตียงที่ผมเพิ่งลุกขึ้นมา

ผ้าปูเตียงสีขาวเต็มไปด้วยคราบน้ำบ้างอย่างผสมกับคาบเลือดเต็มไปหมดจนดูหน้ากลัว นี่มันเกิดอะไรขึ้น

“คุณพ่อคับ น้องกันต์ตื่นเอง”เสียงใสมาพร้อมกับประตูไม้บานใหญ่ที่เปิดออก ผมจึงต้องรีบเอาผ้านวมมาคุมเตียงไว้ แล้วรีบเดินไปหาลูกชายที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง

“ทำไมคุณพ่อโป๊”น้องกันต์ถามขึ้นอย่างแปลกใจ ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวผมไม่มีเสื้อผ้าสวมอยู่สักชิ้น

“เอ่อ พ่อกำลังจะอาบน้ำครับ น้องกันต์ลงไปทานอาหารเช้ากับคุณปู่ก่อนโอเคไหมครับ”ผมจูบแก้มใสเบาๆก่อนจะวางน้องกันต์ลงให้เดินออกไปเอง

“รับทราบ”ลูกชายตัวเล็กวิ่งดุกๆไปที่ห้องของคุณปู่ตัวเอง

 ผมจึงกลับมาเครียดกับสภาพเตียงของผมอีกครั้ง ได้แต่ยืนคิดอยู่นานว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  แต่คิดเท่าไหร่ผมก็คิดไม่ออก จำอะไรไม่ได้เลย  ภาพสุดท้ายที่จำได้คือแก้วเหล้าที่ผมกำลังยกขึ้นดื่มเมื่อคืน



........................................................

“วันนี้ไม่เห็นได้ยินเสียงเกรวเลย ไปโรงเรียนแล้วหรอครับ”ผมที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวและจัดการกับผ้าปูที่นอนเสร็จก็เดินมาที่ห้องกินข้าว  เห็นพ่อผมที่กำลังนั่งป้อนข้าวน้องกันต์อยู่ถามกับป้าจำปีที่กำลังยืนมองน้องกันต์ด้วยความเอ็นดู

พอผมเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารป้าจำปีก็เข้ามาตักข้าวใส่จานให้ผม

ตั้งแต่น้องกันต์เกิดชีวิตผมก็มีเรื่องวุ่นวายหลายอย่างจนทำให้ผมไม่เคยพาน้องกันต์มาเยี่ยมครอบครัวที่กรุงเทพเลย ทำให้คนในบ้านไม่เคยเจอน้องกันต์กันเลย  จะมีก็แต่พ่อแม่และน้องสาวผมเท่านั้นที่ค่อยขึ้นไปเยี่ยมผมกับน้องกันต์ที่เชียงใหม่ตลอด

“ไม่สบายน่ะค่ะ”มือที่กำลังตักข้าวของผมชะงักทันที  เหมือนร่างกายของผมมันตกใจอะไรบ้างอย่าง ที่ผมไม่รู้สาเหตุ

“เป็นไรมากไหม”คุณพ่อผมถามอย่างแปลกใจ

“ก็ดูจะหนักพอดูค่ะ นอนคุมโป่งตลอด พอดิฉันจะเข้าไปวัดไข้ให้ก็ ร้องห้ามยกใหญ่บอกไม่เป็นอะไรมาก กลัวดิฉันจะติดหวัด” บ้าจำปีเล่าด้วยน้ำเสียงติดกังวล

“ยิ่งโตยิ่งดื้อ เดี๋ยวฉันจะแวะไปดูเอง”พ่อพูดแล้วส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ

“ไม่ได้!”ผมพูดออกไปเสียงดังจนทำให้ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว

“เป็นอะไรของแกไอ้นนต์”พ่อถามขึ้นอย่างแปลกใจ  ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงตะโกนออกไปแบบนั้น  มันเหมือนกับร่างกายผมมันรู้สึกกลัวอะไรบ้าง

“เอ่อ คือ เดี๋ยวผมดูให้ก็ได้ครับ พ่อไปทำงานเถอะ”ผมรีบแก้คำพูด

“อะไรของแก พ่อหนูเป็นบ้าหรือเปล่านะ น้องกันต์”พ่อหันไปแหน็บผมกับน้องกันต์ที่เคียวข้าวจนแก้มตุ่ย

“น้องกันต์ไม่แน่ใจ”น้องกันต์เอานิ้วชี้ขึ้นเคาะที่แก้มอย่าคิดหนักทำเอาพ่อผมกับป้าจำปีหัวเราะกันลั่น จนเลิกสนใจการกระทำของผมเมื่อครู่ไป  แสบจริงๆลูกคนนี้แต่ก็นับว่าช่วยผมไว้ได้พอดี

วันนี้พ่อพาน้องกันต์ไปโรงพยาบาลด้วยเพราะแม่ของผมอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งสองวันที่แล้ว เห็นบอกว่ามีเคสใหญ่ที่ต้องดูแลเอง   พ่อเลยกะจะพาน้องกันต์ไปเซอร์ไพร์แม่ เพราะที่ผมกลับบ้าน ผมก็ยังไม่ได้บอกใครเลย

ผมเดินอ้อมมาทางสวนหลังบ้านที่เป็นบ้านพักหลังยาวๆชั้นเดียว ที่นี่เป็นที่พักสำหรับคนงานในบ้าน แต่ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไม เกรวถึงต้องมาพักที่นี่ เท่าที่ผมจำได้ล่าสุดเกรวนอนห้องผม แต่หลังจากผมแต่งงานผมก็ไม่ได้กลับมานอนที่บ้านอีกเลย

เคาะประตูอยู่สักพักก็ไม่มีเสียงตอบกลับผมเลยถือวิสาซะเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้องเลย

ห้องเล็กๆมีพัดลมเพดานติดอยู่กลางห้องมีตู้เสื้อผ้าหลังไม่ใหญ่มากนักและมีเตียงเหล็กเท่านั้นที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ในห้อง  รอบๆพื้นห้อง มีหนังสือมากมายวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ

ส่วนเจ้าของห้องตัวดีกำลังนอนคุมโปรงอยู่บนเตียงไม่รู้สึกตัว ทั้งๆที่มีคนเข้ามาถึงในห้อง

ทำไมไม่รู้จักระวังตัวบ้างนะ

ผมเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะเปิดผ้าห่มออก เห็นใบหน้าใสแดงก่ำและมีเม็ดเหงื่อผุขึ้นเต็มใบหน้า คงเพราะพัดลมไม่ได้เปิดแถมยังห่มผ้าซะขนาดนี้อีก

ผมเอามือทาบที่หน้าผากชื่นเหงื่อดูเพื่อวัดไข้  ตัวร้อนพอดูไม่รู้ว่าเพราะอากาศไข้หรือเพราะความร้อนอบอ้าวจากในห้องนี้กันแน่

แถมยังใส่เสื้อกันหนาวแขนยาวอีก

“ตายจริงเป็นไรมากไหมค่ะ คุณนนต์”ผมตัดสินใจอุ้มเกรวเข้ามาในบ้านใหญ่และพาขึ้นมานอนที่ห้องผมแทน ไม่สบายแบบนี้ควรได้นอนในที่โล่งๆหน่อย

“ดูเหมือนไข้จะสูงนิดหนึ่งน่ะครับ เดี๋ยวผมฝากทำโจ๊กร้อนๆให้หน่อยแล้วกันนะครับ”ผมตอบพร้อมขอให้ป้าจำปีทำโจ๊กไว้ให้ แล้วผมก็เดินไปในห้องน้ำเอาน้ำใส่อ่างที่ทำจากแก้ว ที่อยู่ในห้องน้ำใส่น้ำและหยิบผ้าขนหนูพื้นเล็กติดมืออกมาเพื่อจะเช็ดตัวให้คนป่วย เพราะเหงื่อออกขนาดนี้ถ้าปล่อยไว้ อาการอาจจะแย่ลง

“ให้ป้าเช็ดให้ไหมค่ะ”ป้าจำปีมองอย่างเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรครับผมจัดการเอง ฝากแค่เรื่องโจ๊กดีกว่าครับ ”ผมบอก ป้าจำปีพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินออกไปเตรียมของที่ผมต้องการให้

ผมเอาผ้าขนหนูมาชุบน้ำบิดหมาดๆเช็ดเข้าที่ใบหน้า พอโดนน้ำสัมผัสผิว คนที่นอนหลับไม่รู้เรื่องก็ปลือตาขึ้นมองผม แต่ดูเหมือนสติจะยังมีไม่มากพอ แต่เมื่อผมพยายามจะถอดเสื้อกันหนาวออก เกรวก็ลุกขึ้นมาขัดขืนทันทีก

“อย่านะครับ”เสียงแหบแห้งร้องห้ามพร้อมฝ่ามือร้อนๆดึงเสื้อไว้ไม่ให้ผมถอดออกได้

“เหงื่อออกขนาดนี้จะใส่เสื้อไว้แบบนี้ได้ไง หืมห์”ผมว่าแล้วเข้าไปถอดเสื้อเกรวอีกครั้ง แม้คนป่วยจะขัดขืนยังไงก็สู้แรงของผมไม่ได้ สุดท้ายผมก็ถอดเสื้อกันหนาวออกจากเกรวได้สำเร็จ

“อย่า!”และเมื่อผมถอดเสื้อกันหนาวออกได้สำเร็จผมก็ต้องตกใจ เมื่อผิวพรรณใต้ร่มผ้านั้น มีแต่รอยขับกัด และแดงที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำนับไม่ถ้วน เต็มตัวไปหมด

ภาพตรงหน้ามักกำลังตอกย้ำความสงสัยของผมเมื่อเช้าได้เป็นอย่างดี

“อย่า ฮือๆๆ อย่ามอง อย่าทำผมฮือๆๆ”ร่างเล็กขดตัวเข้าหากันอย่างวาดกลัวพร้อม เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นแสดงถึงความเจ็บปวดและหวาดกลัวจนน่าตกใจ

ภาพที่ผมคิดว่าเป็นเพียงความฝันเมื่อคืนแล่นเข้าในหัวของผมไม่ขาดสาย

“พี่รักเอฟ รักเอฟมานะ”

“พี่นนต์ครับ ลุกเถอะเกรวหนัก”

“ไม่ ผมรักคุณ ผมจะยอมปล่อยคุณไปเอฟ!**”จู่ๆ

“ไม่ๆ อย่านะครับพี่นนต์ ผมเกรวนะครับ พี่นนต์หยุด”

“หยุดดิ้นซะที อย่าคิดจะเดินไปจากผม คุณต้องรักผม เข้าใจไหม”

มันไม่ใช่ความฝัน

“อ๊ะ อ่า..พี่..ฮือ..ผมเจ็บ..หยุด..”

“อ๊า รู้สึกดีจริงๆ” ผมเร่งการสอดใส่ไปยังคนเบื้องร่างอย่างไม่เบาแรง

“หยุดเถอะครับ ผมอึก..ขอ..ร้อง..อ๊ากก” กระแทกแรงๆสองสามครั้งสุดก่อนจะปล่อดปล่อยออกมา

“ผมรักคุณเฟ รักคุณ เป็นของผมเถอะ เป็นของผมแค่คนเดียว”

นี่ผมทำบ้าอะไรลงไป

TBC.

พอเริ่มแต่งนิยายทีไร มันก็จะมีเรื่องวุ่นๆเข้ามาตลอดเลย  เดี๋ยวก็สอบเเล้วเดือนตุลาอาจจะไม่ได้ลงนิยายเลย 

จริงๆมันก็มีเวลาให้ลง แต่ตอนนี้กำลังเห่อเเต่งนิยายเเนวเเฟนตาซี  เป็นครั้งเเรกที่ลองเเต่งเเนวนี้เดี๋ยวถ้าเขียนได้เยอะๆอาจจะเริ่มเอาลงเว็บ แต่คงแต่งคู่กับพี่หมอกับน้องเกรวไปด้วยเเระ

ฝากติดตามด้วยนะครัช


ออฟไลน์ WaterProof

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
«ตอบ #6 เมื่อ15-09-2017 16:44:58 »

เรื่องใหม่มาประเดิมก่อน แต่สัญญานะ ว่าจะลงทุกวันเลยยยยย อิอิ :katai4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
«ตอบ #7 เมื่อ15-09-2017 17:55:29 »

สงสารน้องจัง รับผิดชอบเลยพี่หมอ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
«ตอบ #8 เมื่อ15-09-2017 21:34:25 »

หมอนนท์ต้องรับผิดชอบนะ

ออฟไลน์ saseum

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
«ตอบ #9 เมื่อ16-09-2017 14:50:54 »

ชีวิตเกรวน่าสงสารจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
« ตอบ #9 เมื่อ: 16-09-2017 14:50:54 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
«ตอบ #10 เมื่อ18-09-2017 07:41:13 »

เข้ามาติดตามด้วยคนครับ :กอด1: :L2: :3123:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
«ตอบ #11 เมื่อ06-11-2017 05:07:15 »

รออ่านตอนต่อไปจ้า  :katai2-1:

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
«ตอบ #12 เมื่อ06-11-2017 10:37:36 »

รอออออออออออออ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
«ตอบ #13 เมื่อ07-11-2017 08:11:55 »

มีเรื่องนี้ด้วยรึ เพิ่งเห็น ^^

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :2 : 15/09/2560
«ตอบ #14 เมื่อ07-11-2017 09:59:55 »

 :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ เต่าตุ่น

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-12
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
«ตอบ #15 เมื่อ13-11-2017 18:32:36 »


ตอนที่3

“อืม”ผมตื่นขึ้นมาเพราะความร้อนจากแสงแดดที่เล็ดลอดผ่านเข้ามาในห้อง มองดูรอบๆก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องของผม  แต่เป็นห้องเดียวกับเมื่อคืนที่ผมถูกทำเรื่องเลวร้ายซ้ำๆหลายครั้ง จนสลบไป  เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ร่างกายของผมก็สั่นเพราะความหวาดกลัว จนไม่อาจจะทนอยู่ในห้องๆนี้ได้อีกแม้นาทีเดียว

พยุงตัวลุกขึ้นแม้ร่างกายจะเจ็บไปทั้งตัว แต่ก็ฝืนเดินออกไปจากที่นี่โดยเร็ว

...................................................

“อืม”

ผมรู้สึกตัวอีกครั้งเพราะความเย็นจากผ้าขนหนูที่ชุบน้ำซับไปตามใบหน้า จนอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา  ผมไม่เคยคิดเลยว่าเพียงแค่พยายามลืมตาก็ยังอยากลำบากขนาดนี่ เกือบจะตัดใจแล้วปิดเปือกตาลงอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะมือปริศนา พยายามจะถอดเสื้อผมออก มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหากถูกใครสักคนถอดเสื้อ ถ้าผมไม่เจอเหตุการณ์เมื่อคืนมา

“อย่า!”ผมสะดุ้งสุดตัวขยับหนีมือปริศนาที่พยายามจะถอดเสื้อของผมอีก แต่มันก็ดูเหมือนจะสายเกินไป เมื่อเขาคนนั้นเลิกเสื้อของผมได้เกือบครึ่งตัว

“อย่า ฮือๆๆ อย่ามอง อย่าทำผมฮือๆๆ”มันน่ากลัวเกินกว่าที่ผมจะตั้งสติ มันเหมือนกับเรื่องเมื่อคืนกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง แม้จะอยากวิ่งหนีแค่ไหน  แต่ร่างกายที่บอกช้ำแค่ขยับเพียงนิดเดียวก็เจ็บร้าวไปทั้งตัว

แม้ใจจะกรีดร้องที่จะหนีจากเหตุการณ์ตรงนี้แค่ไหน แต่ร่างกายกลับไม่ยอมขยับ

ผมนอนปล่อยน้ำตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด อยู่แบบนั้นจนเผลอหลับไปอีกครั้ง

....................................

เพียะ!!

“แก่ทำอะไรลงไป!!!”ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงคนตะคอกเสียงดัง จนทำให้ต้องค่อยลืมตาขึ้นมองด้วยความสงสัย

“....................”ภาพที่ผมเห็นตกหน้าทำผมตกใจไม่น้อย 

ลุงธนต์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ ยืนกำมือแน่น มองพี่นนต์ที่กำลังยืนก้มหน้า โดยไม่ยอมปริปากอะไรทั้งๆที่มีเลือดไหลที่มุมริมฝีปาก

“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเลี้ยงแก่มาเพื่อให้แก่เป็นคนชั่วช้าแบบนี้!”คุณลุงธนต์ยังคงต่อว่าพี่นนต์ด้วยความเดือดดาน แค่ดูก็รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้พ่อลูกทะเลาะกันทั้งหมดเป็นเพราะเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงแบบผม

แม้จะอยากเข้าไปช่วยห้าม แต่ผมกลับหันกลับและปิดตาลง  ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไป คิดไม่ออกว่าจะสู้หน้าลุงธนต์และคนอื่นๆได้ไง  ถึงต้นเหตุจะไม่ใช่ความผิดผมก็ตาม  แต่ผมก็ไม่สามารถหนีจากการเป็นผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้

“ผมจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น”พี่นนต์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ

 “รับผิดชอบยังไง!!  แกคิดว่าทำอะไรถึงจะถ่ายโทษสำหรับสิ่งที่แกทำได้”

“ผมจะแต่งงานกับเกรวครับ”พี่นนต์ตอบนั้นทำเอาผมตกใจจนเกือบจะร้องออกมา  ใจของผมมันเต้นรัว ความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวไม่หยุด จนไม่รู้ต้องทำยังไง

“แกจะบ้าหรือยังไง  น้องเป็นผู้ชายนะ  ”ลุงธนต์เองก็ตกใจไม่แพ้กัน

“ผมรู้ครับ แล้วพ่อคิดว่ามีทางอื่นที่ดีกว่านี้”พี่นนต์ยังคงใช้น้ำเสียงเรียบตอบกลับ ราวกับเรื่องที่พี่นนต์พูดนั้นเป็นแค่เรื่องเล็กๆ  ที่ไม่สำคัญอะไร  เหมือนกับสิ่งที่พี่นนต์กำลังพูดเป็นแค่สิ่งที่ต้องทำอย่างจำใจเพราะไม่มีทางเลือก

“ผมไม่ต้องการ”ผมพูดขึ้นพร้อมกับเปิดตาแล้วหันหน้าไปทางพี่นนต์และลุงธนต์ที่กำลังยืนอยู่

เพราะความรู้สึกน้อยใจและเสียใจทำให้ผมไม่สามารถทนนอนนิ่งฟังได้อีกต่อไป

ทั้งสองคนนิ่งเงียบมองมาที่ผม ลุงธนต์มีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด ส่วนพี่นนต์แค่ยืนมองผมนิ่งๆด้วยสายตาที่ไม่มีความหมาย แค่มอง เหมือนมองก้อนหินก้อนหนึ่งบนพื้นดิน

ติ๊ด~~~~~~~~

ความเงียบถูกทำลายลงเมื่อเสียงโทรศัพท์ของลุงธนต์ดังขึ้น

“สวัสดีครับ....ครับ...ได้ครับผมจะไปเดี๋ยวนี้...สักครู่นะครับ”ลุงธนต์คุยโทรศัพท์ พร้อมกับมองมาที่ผมอย่างหนักใจ ก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องไป

“นั้นไม่ใช่เรื่องที่เด็กจะตัดสินใจ”น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาก่อนที่พี่นนต์จะเปิดประตูเดินออกไปจากห้อง ไม่สนใจสิ่งที่ผมพูด มิหน่ำซ้ำผมยังไม่มีสิทธิแม้จะปฏิเสธ

สุดท้ายผมก็เอาแต่ร้องไห้และผล็อยหลับไป

.....................................................................................

หลังจากตอนนั้นผมก็ไม่เห็นลุงธนต์อีกเลย   ป้าจำปีบอกว่าลุงธนต์ถูกองค์กรสหประชาชาติเรียกไปเพราะที่ดินแดงทางแอฟริกาใต้เกิดสงคราม ซึ่งลุงธนต์เป็นหนึ่งในคณะแพทย์อาสาขององค์กรสหประชาชาติ เมื่อมีเหตุฉุกเฉินและทางนั้นต้องการบุคลากรเร่งด่วน ลุงธนต์ก็ต้องไป

แต่ลุงธนต์ก็ฝากข้อความถึงผมว่า เมื่อลุงธนต์กลับมา จะขอคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่นนต์พร้องกับคุณป้าน้ำซึ่งท่านเป็นแม่ของพี่นนต์ที่ท่านสมัครไปเป็นแพทย์ประจำกับองค์กรสหประชาชาติเมื่อ2ปีก่อน สองสามเดือนท่านถึงจะกลับมาที่บ้านครั้ง

ส่วนพี่นนต์ เพราะว่าลุงธนต์ต้องไปแอฟริกาใต้และยังไม่มีกำหนดกลับพี่นนต์เลยต้องเข้าไปเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลแทน

ผมนอนเป็นไข้อยู่สองวันเต็มๆและอาการก็ค่อยๆดีขึ้น รวมไปถึงความบอกช้ำทางร่างกายเองก็ดีขึ้นมากเช่นกัน  ตอนนี้ผมสามารถเดินไปไหนมาไหนได้แม้จะยังรู้สึกเจ็บที่ช่องทางด้านหลังบ้างเล็กน้อยแต่ก็ทนได้

เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่มีคนอื่นในบ้านรู้นอกจากลุงธนต์ ป้าจำปีเองก็ไม่รู้ ซึ่งนั้นทำให้ผมใจชื่นขึ้นมานิด อย่างน้อยๆก็มีคนในบ้านที่ผมยังสามารถมองหน้าได้แบบเต็มสองตา

“อ้าว น้องเกรวลงมาทำไมลูก พึ่งจะฟื้นไข้เมื่อคืนเอง”นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามวันที่ผมออกจากห้อง ผมเดินลงมาที่ห้องครัวเพื่อช่วยงานป้าจำปี

“เกรวหายดีแล้วครับ ให้นอนป่วยอยู่บนเตียงอีกวัน เกรวงคงตัวแบนติดเตียงแน่เลย”ผมว่าพร้อมกับมองดูวัตถุดิบสำหรับทำอาหารอยู่ว่างอยู่เต็มโต๊ะเพื่อจะหาอะไรทำ

“ป้าจำปีทำอะไรอยู่ครับ เกรวช่วย”ผมบอกพร้อมเดินไปที่ผ้ากันเปื้อนที่ห้อยอยู่ที่ผนัง

“อ่ะอะ อย่า วันนี้ไม่ได้ค่ะ อันนี้อาหารของน้องกันต์ เกรวเพิ่งหายดีอาจจะยังไม่หายสนิท เดี๋ยวคุณหนูติดหวัด”ป้าจำปีว่าพร้อมเดินเอาผ้ากันเปื้อนที่ผมกำลังถือยู่ไปเก็บที่เดิม

“ถ้าว่างยังไง ป้าฝากไปเล่นเป็นเพื่อนคุณหนูกันต์หน่อยค่ะ ช่วงนี้คุณนนต์เข้า โรงพยาบาลทุกวันไม่มีเวลามาเล่นด้วยเธอคงเหงา”

“ครับ”

...

ผมเดินออกจาห้องครัวพร้อมกับน้ำผลไม้และขนม มายังห้องนั่งเล่นของตัวบ้านเห็นน้องกันต์กำลังนั่งวาดรูปอยู่บนพื้นพรม ด้วยใบหน้าซึมๆ เหมือนกำลงเหงา

บอกตามตรงครับจริงแล้วผมชอบเด็กเล็กๆมาก แต่กับน้องกันต์ไม่ใช่ว่าไม่ชอบอะไร แต่เพราะมันเกิดเรื่องคืนนั้นขึ้น   เลยทำให้ผมไม่ค่อยที่จะกล้าเข้าไปเล่นด้วยเหมือนกันกับเด็กคนอื่น

มันเหมือนกับมีกำแพงบางๆกั้นอยู่

“ของว่างครับ”ผมเดินถือถาดของว่างไปวางไว้ใกล้ๆกับน้องกันต์นั่งวาดภาพอยู่

“........”เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างสงสัย  ก่อนจะขยับตัวถอยห่างไปนิดอย่างระวังตัว  นั้นทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าผมยังไม่เคยแนะนำตัวกับน้องกันต์เลย ตอนที่เดินชนกันวันนั้นผมเองก็ยังไม่ได้ขอโทษเลยด้วย

“เอ่อ สวัสดีครับ พี่ชื่อเกรว  เป็น เอ่อเด็กในบ้านนี้ เราเคยเจอกันแล้ววันแรกที่น้องกันต์มา    ที่เราชนกัน”ผมนั่งลงใกล้ๆน้องกันต์ พร้อมกับพยายามแนะนำตัวให้ดูเป็นมิตรที่สุด

“...............”น้องกันต์นิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เอาแต่นั่งจ้องหน้าผมพร้อมกับเอียงคอซ้ายทีขวาที ทำเหมือนกับสงสัยอะไรบ้างอย่าง

“หน้าพี่มีอะไรแปลกๆหรือเปล่า”ผ่านไปเกือบ3นาทีที่ไม่มีเสียงตอบกลับหรือถามไถ่ มีแค่จ้องและจ้อง จนผมอดเกร็งไม่ได้ แม้ใบหน้าของน้องกันต์จะน่ารักแค่ไหน แต่สายตากับเหมือนคนเป็นพ่อไม่มีผิด ทำเอาผมอดไม่ได้ที่จะถาม

“ทำไมเป็นผู้หญิงถึงพูดคับล่ะคับ”น้องกันต์ทำหน้ายุ้งก่อนจะถามคำถามที่ทำเอาผู้ชายอย่างผมแทบจะร้องไห้ออกมา

“พี่เป็นผู้ชายครับ เป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง”ผมรีบปฏิเสธทันควัน

“จริงหรอ”น้องกันต์ยังคงทำหน้ายุ้งอย่างคิดหนัก

“จริงครับ”ผมตอบพร้อมกับยิ้มแห้งรู้สึกอายไม่น้อยที่ถูกคิดว่าเป็นผู้หญิง อาจจะเพราะผมตัวเล็กแล้วก็ค่อนข้างผอมเลยทำให้ดูอ่อนแอ่นไม่สมชาย เลยถูกคิดแบบนั้น

“น้องกันต์อยากกินน้ำ”เมื่อจบประเด็นของคำถาม น้องกันต์ก็พูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติพร้อมกับมองมาที่แก้วที่ใส่น้ำผลไม้ในถาด

“นี่ครับ”ผมเลยรีบส่งแก้วน้ำให้ ซึ่งเจ้าตัวก็รับไปโดยไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณอย่างมีมารยาท

ผมนั่งเล่นกับน้องกันต์อยู่พักใหญ่เราได้พูดคุยได้วาดรูปเล่นด้วยกัน ใช้เวลาไม่นานเราก็สนิทกันอย่างง่ายด้าย  น้องกันต์แตกต่างจากที่ผมคิดไว้มาก เป็นเด็กที่สุภาพ อ่อนโยน และขี้อ้อนเป็นที่สุด

“คนนี้ใครครับ”ผมชี้ไปที่รูปภาพที่ เอ่อ เดาได้ว่าน่าจะเป็นคน คนสองคนจับมือกันที่น้องกันต์กำลังตั้งอกตั้งใจวาด

“คนนี้จี จีน่ะนะเป็นเพื่อนน้องกันต์ ที่โน้น”น้องกันอธิบายอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะทำหน้าเศร้าในเวลาต่อมา

“คิดถึงหรอครับ”ผมถาม น้องกันพยักหน้ารับก่อนจะลงมือระบายสีต่อ  ผมได้แต่ยกมือไปลูบหัวเบาๆด้วยความเอ็นดู น้องกันต์อยู่ที่เชียงใหม่ตั้งแต่เกิด ก็ไม่แปลกหรอกครับที่จะเหงาเมื่อต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพแบบนี้  แถมยังไม่มีเพื่อนใหม่สักคน พี่นนต์เองก็ยุ่งทั้งวัน   ก็คงจะเหงาจริงๆอย่างที่ป้าจำปีบอก

แต่ถึงจะเหงากับอดทนเงียบๆ ไม่ร้องไห้งอแงเลยสักนิด  เป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดีๆจริงๆ   ส่วนผมเองก็จำเรื่องสมัยตอนเด็กไม่ได้เลยสักนิด ที่จำได้ก็มีแค่ตอนที่ยังขายพวงมาลัยอยู่กลางสี่แยก มีแต่ความทรงจำที่ขมขืนจนอยากจะลืม  จนลุงธนต์เก็บผมมาเลี้ยงที่บ้านหลังนี้

ทุกวันนี้ที่ผมกินได้นอนหลับแถมได้เรียนหนังสือ ทั้งหมดก็เป็นเพาะคนที่บ้านหลังนี้   บุญคุณนี้ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตผมก็คงใช้คืนไม่หมด

ต่อให้มีเรื่องคืนนั้นก็ตาม แม้จะเสียใจแต่ผมก็ไม่เคยคิดจะโกรธเคืองพี่นนต์เลยสักนิด

และผมก็ไม่ต้องการให้ใครมารับผิดเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น

“คุณพ่อ!” ผมสะดุ้งหลุดออกจากความคิดตัวเอง เมื่อน้องกันต์ร้องขึ้นอย่างดีใจก่อนจะวิ่งไปยังด้านหลังที่ผมนั่งอยู่

“เป็นไง คิดถึงพ่อไหม หืมห์ จุ๊ฟ”พี่นนต์พูดขึ้นอย่างสดใส 

“คิดถึงมากกกกกกกก”

“................”ส่วนผมได้แต่เกร็งตัวนิ่งจนไม่กล้าที่จะหันไปมอง

“น้องกันต์ไปเอาน้ำให้พ่อหน่อยครับ”

“..............”ผมยังคงนั่งนิ่ง ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี เรื่องคืนนั้นผมทำใจได้แล้วและไม่คิดที่จะโกรธหรือโทษอะไรพี่นนต์  แต่เรื่องที่พี่นนต์บอกจะรับผิดในสิ่งที่ผมไม่ต้องการนั้น  มันทำให้ผมไม่กล้าจะสู้หน้าพี่นนต์ “เป็นเด็กไม่มีมารยาทแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  ผู้ใหญ่กลับมา ไม่คิดที่จะทักทายเลยหรือไง”



              TBC.


จะลงตั้งแต่เมื่อวานเเต่คอมดันเจ๋ง  ช่วงนี้ก็ยุ่งเหลือเกิน   มาคิดๆดูเเล้วพอพยายามจะเต่งนิยายเมื่อไหร่มักจะมีเรื่องยุ่งเข้ามาตลอด เรื่องนี้ก็จะจบได้ตอนไหนก็ไม่รู้

แต่ยังไงก็จะพยายามมาลงบ่อยๆที่สุดเท่าที่ทำได้ จริงๆเขียนไว้เยอะเเล้ว แต่อาจจต้องรอมาตรวจคำผิดบ้าง ซึ่งนั้นก็คงต้องใช่เวลาเพราะไม่เก่งเรื่องนี้

ขอบคุณที่ยังติดตามนะ  ​

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
«ตอบ #16 เมื่อ13-11-2017 19:37:20 »

หายไปนานมากเลย มาอัพบ่อยๆนะ

ออฟไลน์ thyme812

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
«ตอบ #17 เมื่อ13-11-2017 20:16:07 »

ติดตาม ติดตาม

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
«ตอบ #18 เมื่อ13-11-2017 23:15:06 »

คนเขียนไม่หาย คนอ่านคนนี้ก็ไม่หายเช่นกันค่ะ
ติดตามๆ   ^^

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
«ตอบ #19 เมื่อ14-11-2017 00:06:31 »

ติดตามจ้า  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
« ตอบ #19 เมื่อ: 14-11-2017 00:06:31 »





ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
«ตอบ #20 เมื่อ14-11-2017 03:03:57 »

เกรวเอย  สู้ ๆ นะหลาน ทำตัวติดไปกับหลานกันต์ไปก่อนแล้วกัน  :กอด1:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
«ตอบ #21 เมื่อ14-11-2017 07:55:39 »

หายไปนานเลยนะคะ พี่หมอก็ทำเป็นดุนะคะ คิดหน่อยค่ะจะให้คนที่โดนตัวเองข่มขืนทักเนี่ยนะคิดหน่อยนะคะเป็นหมอซะเปล่า

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :3 : 13/11/2560
«ตอบ #22 เมื่อ14-11-2017 13:50:21 »

 :pig4:

ออฟไลน์ เต่าตุ่น

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-12
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :4 : 20/11/2560
«ตอบ #23 เมื่อ20-11-2017 22:04:22 »

ตอนที่4

“เป็นเด็กไม่มีมารยาทแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  ผู้ใหญ่กลับมา ไม่คิดที่จะทักทายเลยหรือไง”เสียงทุ้มเอยว่าอย่างตำหนิ แตกต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ 

ยิ่งทำให้ผมเกร็งเข้าไปใหญ่ ถึงจะรู้ว่าตัวเองเสียมารยาท แต่ก็อดน้อยใจกับน้ำเสียงและคำพูดตำหนิตรงๆของพี่นนต์ไม่ได้

“ ส...สวัสดีครับ”ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปทางพี่นนต์พร้อมยกมือไหว้เร็วๆ พยายามไม่มองหน้าพี่นนต์

“พี่ว่าเราต้องคุยเรื่องมารยาทกันใหม่นะ ถ้าจะไหว้พี่แบบนี้”ผมเงยหน้าขึ้นทันทีที่พี่นนต์พูดจบ แอบเดือดที่จู่ๆก็เหมือนโดนหาเรื่องทั้งๆที่เรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าที่พี่นนต์ทำผมก็ไม่เคยต่อว่าอะไรพี่นนต์สักเอะ

หลังจากกอดอกพิงขอบประตูห้องนั่งเล่น มองผมอย่างตำนิเสร็จก็หันหลังกลับ เดินขึ้นชั้นสองไปทันที

“พี่เกรวคุณพ่อล่ะครับ”ผมยืนน้อยใจอยู่คนเดียวได้ไม่นานน้องกันต์ก็วิ่งมาหา พร้อมกับป้าจำปีที่ในมือมีถาดที่มีแก้วน้ำเย็น1ใบ

“อยู่ข้างบนครับ”ผมตอบเสียงเรียบมองน้องกันต์ที่ขมวดคิ้วเล็กๆ ทำหน้าประหลาดอยู่  ลูกก็ออกจะน่ารักขนาดนี้ แล้วทำไมคนพ่อถึงได้ใจร้ายนักนะ  ตั้งแต่เจอกันก็ไม่เคยทำหน้าอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อนเลยสักครั้ง

“งั้นน้องเกรวช่วยคุณหนูยกน้ำไปให้คุณนนต์หน่อยได้ไหม ป้ายังทำอาหารเย็นไม่เสร็จเลย นังสาก็ลืมซื้อผักเลยให้ออกไปซื้อใหม่”ผมสะดุ้งทันทีที่ได้ยินคำขอให้ช่วยยกน้ำไปให้พี่นนต์  จากเหตุการณ์เมื่อกี้ บอกตามตรงผมยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับพี่นนต์เลย

“เอ่อ คือ...ก็ได้ครับ”แม้จะอยากทำแต่ผมก็ไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่ถูกขอให้ช่วยจากป้าจำปีได้  เลยยื่นมือไปรับถาดใส่แก้วน้ำพร้อมกับเดินตามน้องกันต์ขึ้นไปที่ชั้นสอง   ตอนแรกไปที่ห้องนอน แต่ไม่เจอพี่นนต์เลยไปที่ห้องทำงานของคุณลุงแทน

ก๊อก ก๊อก

“เชิญครับ”ได้ยินเสียงอนุญาตจากด้านในผมก็เปิดประตูให้น้องกันต์ก่อนจะเดินตามหลังถือแก้วน้ำเข้าไป  พี่นนต์กำลังยืนเลือกหนังสือที่ชั้นหนังสือ  น้องกันต์วิ่งไปหาพี่นนต์ ส่วนผมก็รีบเอาน้ำไปว่างไว้ที่โต๊ะทำงาน เพื่อเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับพี่นนต์

พอวางเสร็จผมก็พยายามรีบออกจากห้อง แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนใกล้พี่นนต์ก็เรียกผมไว้

“เกรวเอาน้ำมาให้พี่”ผมเงยหน้ามองพี่นนต์ที่ตอนนี้กำลังยืนอ่านหนังสืออยู่ที่ชั้น โดยมีน้องกันต์กำลังกอดขาทั้งสองข้างแล้วยื่นหัวออกมาระหว่างขาทั้งสองข้างของพี่นนต์ อย่างสนุกสนาน

“........”ผมยืนจมกับความคิดของตัวเองได้ไม่นานก็ถูกพี่นนต์เร่งอีกครั้งจนสุดท้าย ผมก็ต้องหันหลังกลับไปหยิบน้ำแล้วเดินมาหาพี่นนต์ ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนมายืนอุ้มน้องกันต์แทนแล้ว

“น้ำครับ”ผมพูดพร้อมยื่นแก้วน้ำให้พี่นนต์  แต่พี่นนต์กลับเอาแต่จ้องผมไม่ยอมรับแก้วน้ำไป

“มือพี่ไม่ว่าง”พี่นนต์ว่างเสียงเรียบ แววตาที่เคยไร้ความหมายส่อแววเจ้าเล่ห์

“ครับ?”ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่นนต์ต้องการ บอกให้เอาน้ำมาให้แต่กลับไม่ยอมรับไปดื่ม แถมอ้างว่ามือไม่ว่าง แล้วแบบนี้ผมควรต้องทำยังไง

“ป้อนทีซิ”ผมถลึงตาทันทีด้วยความตกใจ  จู่ๆก็มาบอกให้ป้อนทั้งทีก่อนหน้านี้ยังเอาแต่ว่าผมอยู่เลย

“เร็วพี่หิวน้ำ”ไม่ใช่แค่คำพูดที่เร่งให้ผมทำยังมีสายตาทั้งของพี่นนต์และน้องกันต์ที่จ้องมาที่ผม เหมือนจะบอกว่า ทำไมยังไม่ทำสักทีอะไรแบบนั้น

“ครับ”ผมตอบรับพร้อมกับเอื้อมตัวส่งแก้วน้ำไปที่ริมฝีปากพี่นนต์ พร้อมกับค่อยยกก้นแก้วขึ้นเพื่อให้น้ำไหลไปตามแรงโน้มถ่วง
ตลอดเวลาที่ต้องประคองแก้วน้ำให้พี่นนต์ดื่ม ใจของผมมันก็กลับเต้นแรงจนมือไม้แทบสั่น ยิ่งใกล้จะหมดผมยิ่งต้องโน้มตัวเข้าไปใกล้ ใจผมก็เต้นแรกขึ้นเรื่อยจนผมได้ยินเสียง กว่าจะหมดแก้วผมก็แทบจะหมดแรง

“ก็แค่นี้”ว่าจบก็อุ้มน้องกันเดินไปเปิดประตูแล้วออกจากห้องไป 

.......................................

“เกรวไปโรงเรียนก่อนนะครับ”วันรุ่งขึ้นผมก็รีบตื่นแต่เช้า เพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน

“ทำไมไปแต่เช้าจังน้องเกรว”พี่ษาที่ตอนนี้กำลังช่วยป้าจำปีทำอาหารเช้าถามขึ้น

“เกรวหยุดหลายวันแล้วอ่ะครับ เรียนไม่ทันเพื่อนแล้วว่าจะรีบไปดูก่อนว่าเพื่อนเรียนถึงไหนแล้ว  เกรวไปก่อนนะครับ”พูดจบผมก็รีบวิ่งออกจากบ้านโดยไม่หันไปสนใจเสียงร้องเรียกของป้าจำปี 

ที่ต้องรีบแบบนี้ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ  ผมไม่อยากเผชิญหน้ากันพี่นนต์  ดูจากเหตุการณ์เมื่อวานผมคิดว่าผมยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพี่นนต์ในตอนนี้  แม้จะไม่ได้โกรธหรือเกลียดอะไร แต่ตอนนี้ผมไม่พร้อมเผชิญหน้ากับพี่นนต์จริงๆ

“น้องเกรวไปโรงเรียนหรือลูก”ผมเดินออกมาจากบ้านได้ไม่นานก็เจอกับคุณหญิงพิมพ์ เพื่อนบ้านหลังติดกัน เพิ่งจะใส่บาตรเสร็จ เห็นผมจึงทักท้าย ผมยกมือไหว้ท่าน ก่อนจะเดินเข้าไปหา

 “ครับ”ผมตอบยิ้มๆ

“จริงซิ หนูมีธุระอะไรต้องรีบไหม”คุณหญิงถามด้วยสีหน้าเกรงใจ

“ไม่มีครับคุณหญิงมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ”  ผมตอบพร้อมกับช่วยถือถาดใส่ของตักบาตรเดินตามเข้าไปในบ้าน
ปกติผมจะเดินออกจากหมู่บ้านแล้วไปขึ้นรถเมล์ที่หน้าหมู่บ้านไปโรงเรียน  แต่บ้างวันถ้าลุงธนต์ไปทำงานพอดี ท่านก็จะแวะมา
ส่งผมที่โรงเรียนก่อน

“ก็ไม่ใช่อะไรสำคัญหรอก พอดีลูกชายคนเล็กป้าที่เพิ่งจะกลับมาจากแคนนาดา ป้าเลยให้เข้าเรียนโรงเรียนเดียวกับหนูป้าเลยอยากให้ช่วยไปโรงเรียนพร้อมกันได้ไหม เพื่อเขาอยากรู้อยากถามอะไร  เดี๋ยวป้าให้คนรถไปส่ง”เราเดินเข้ามายังตัวบ้าน ไม่นานก็มีคนงานของบ้านนี้เดินมารับเอาถาดใส่ของทำบุญที่ผมถืออยู่ไปเก็บให้

“อ่อ ได้ครับ”ผมตอบรับ

“พอดีเขาไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กๆ แล้วดันอยากกลับมาเรียนที่นี่กะทันหัน ป้าก็ไม่อยากขัดใจ จริงๆก็อยากให้กลับมานานแล้ว ไปอยู่โน้นพ่อเขาก็ต้องทำงาน ไม่ค่อยมีเวลาดูแลเท่าไหร่  เลยนิสัยเด็กนอกเต็มๆ ป้าจะให้ไปโรงเรียนคนเดียวก็กลัวจะไปมีเรื่องมีราว ยังไงวันนี้ฝากน้องเกรวช่วยดูหน่อยนะลูก”ผมเคยได้ยินว่าสามีของคุณหญิงทำงานที่สถานทูตที่แคนนาดาแต่ก็ไม่รู้รายละเอียดเท่าไหร่นัก  ลูกชายคนเล็กของท่านเลยเกิดที่นั้น  และพอลูกชายคนเล็กเริ่มโต  คุณหญิงเลยขอกลับมาอยู่ไทยเห็นบอกไม่ถูกกับอากาศหนาวๆ เลยให้ลูกชายเรียนที่นั้นแล้วท่านก็กลับมาไทยแต่ก็บินไปๆมาๆที่โน้นบ่อยๆ เพราะทุกครั้งที่ท่านกลับมาก็มักจะมีของฝากมาให้ผมเสมอ

“งั้นเดี๋ยวป้าไปตามลูกชายก่อน ไม่รู้ป่านนี้ตื่นหรือยังหนูนั่งรอที่โซฟาก่อนนะลูกเดี๋ยวป้าให้แพรวยกน้ำมาให้”

“ไม่เป็นไรครับ เกรวทานมาแล้ว”ผมบอกปัดอย่างเกรงใจ

“ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก นั่งรอแปบนะ”ว่าจบท่านก็เดินขึ้นชั้นสองไป ไม่นานหลังจากท่านขึ้นไปพี่แพรวก็ยกน้ำองุ่นมาให้ เห็นบอกว่าสามีของคุณหญิงได้มาจากการทำงานเยอะเลยส่งมาพร้อมลูกชายคนเล็ก

“โถ คุณแม่นี่เพิ่งจะ7โมงครึ่งเองนะครับ”

“จะแปดโมงแล้วต่างหาก  นี่เดี๋ยวรถก็ติดไปเรียนไม่ทันกันพอดี  อย่าโอ้เอ้ น้องเกรวรอนานแล้วลูก”ผมได้ยินเสียงของคุณดังไล่ลงมาจากชั้นสอง ไม่นานท่านก็ลงมายิ้มให้ผมเหมือนกำลังขอโทษที่ปล่อยให้รอ

“ไหนครับไกด์ของผม”ไม่นานหลังจากที่คุณหญิงเดินลงมา เด็กผู้ชายตัวสูงหน้าตาดีในชุดนักเรียนแบบเดียวกับผมก็เดิมตามออกมา

“นี่ไง น้องเกรวคนนี้ลูกชายคนเล็กของป้า ชื่อตาบาส เรียน เกรด12น่าจะชั้นเดียวกับหนูนะ”คุณหญิงแนะนำลูกชายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เฮ้  ทำไมเธอใส่เครื่องแบบผู้ชายล่ะ ไม่ใช่ว่าที่ไทยต้องแต่งตัวตามเพศหรอ”ไม่ทันที่ผมจะได้กล่าวทักทายกลับ จู่ๆลูกชายของคุณหญิงก็ทักขึ้นพร้อมเดินเข้ามาใกล้แล้วจ้องหน้าผมอย่างสงสัย

“.......”ผมรีบหันไปมองคุณหญิงทันที อย่างอับอาย เมื่อวานโดนน้องกันต์คิดว่าเป็นผู้หญิงทีหนึ่งแล้ว เช้านี้ยังถูกคนที่เพิ่งเคยจะเจอหน้าคิดว่าเป็นผู้หญิงอีก

“5555 ตาบาสก็ ขอโทษนะน้องเกรว นี่ตาบาสมองดีๆ หนูเกรวเป็นผู้ชายนะลูก ถึงจะน่ารักกว่าผู้หญิงก็เถอะ”คุณหญิงว่าขำๆ ยิ่งทำให้ผมหน้าร้อนเข้าไปใหญ่

“เอ่อ เดี๋ยวสายแล้วเกรวว่าเราไปโรงเรียนเถอะครับ”ผมลุกขึ้นยืนทันที อย่าจะหนีสถานการณ์น่าอายตรงนี้ให้เร็วๆ

“จริงซิ ไปได้แล้วตาบาส”คุณหญิงดันหลังลูกชายคนเล็กให้เดินออกจากบ้าน พวกเราเลยเดินมาที่รถที่จอดรออยู่แล้ว

“คุณหญิง สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้เพื่อเตรียมตัวขึ้นรถ

“ฝากตาบาสด้วยนะน้องเกรว ถ้าทำอะไรไม่ดีป้าอนุญาตให้ตีได้เลย”ท่านว่าทีเล่นทีจริง ก่อนจะดันหลังผมให้ขึ้นรถตามลูกชายไป พอขึ้นรถเรียบร้อย รถก็ออกตัวทันที 

โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าในขณะนั้นผมกำลังถูกใครบ้างคนด้านนอกจับตามองอยู่ด้วยความไม่พอใจ

“นี่ เป็นผู้ชายจริงหรอ”รถออกจาตัวบ้านไม่นาน  จู่ๆคนที่เอาแต่กดมือถือตั้งแต่เมื่อกี้ก็ถามขึ้นมา

“จริงซิ เราเหมือนผู้หญิงตรงไหน”ผมหันไปตอบเริ่มรู้สึกไม่พอใจนิดๆเหมือนกันที่ถูกถามอีกครั้ง

“......ทุกตรง...”บาสมองผมไล่ตั้งแต่หัวลงไปจนถึงเท้าและมองไล่กลับขึ้นมาอีก ก่อนจะตอบคำถาม

“...........”อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่อย่างไม่พอใจในคำตอบ 

“5555 ยิ่งทำหน้าแบบนี้ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่”แทนที่อีกฝ่ายจะสำนึก แต่กลับหัวเราะเสียงดังจนพี่คนขับรถหันมามอง ปกติผมจะเป็นคนที่โมโหยากมาก แทบจะไม่เคยโมโหใครเลยก็ว่าได้  แต่กับผู้ชายตรงหน้านี่ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะควันออกหูจริงๆ

“โอเคๆๆ ไม่แกล้งแล้ว  อ๊ะ“ผมหันไปมองมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกส่งมาให้

“อะไร”ผมถามอย่างสงสัย

“ก็ขอเบอร์ไง ไหนๆก็รู้จักกันแล้ว”บาสพูดพร้อมยื่นมือถือให้ผมอีกครั้ง

“เราไม่มีมือถืออ่ะ เบอร์บ้านได้ไหม”ผมรับมือถือมาก่อนจะมองช่องที่ให้พิมพ์หมายเลขโทรศัพท์

“ห๊า! ไม่มีมือถือ จริงดิ! ยุคนี้อ่ะนะ”บาสร้องอย่างตกใจ ทำเอาผมสะดุ้งไปด้วย

“ก็ไม่จำเป็นนี่ อีกอย่างผมคงไม่มีปัญญาจ่ายค่าโทรหรอก”ผมบอกปกติ พร้อมพิมพ์เบอร์บ้านที่เป็นเพียงช่องทางเดียวที่จะติดต่อผมได้

จริงๆลุงธนต์เคยซื้อให้ผมแล้วครั้งหนึ่งแต่เพราะความไม่ระวังผมเลยทำมันตกน้ำพังไป จริงๆลุงธนต์ก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วยังบอกจะซื้อเครื่องใหม่ให้ผม  แต่เพราะด้วยความรู้สึกผิดเพราะราคามันไม่ใช่ถูกๆ แถมผมก็ยังไม่ค่อยได้ใช้อะไร ผมเลยขอไม่ให้ท่านซื้อให้ใหม่ จนตอนนี้แม้ผมไม่มีมือถือผมก็ไม่รู้สึกว่าจะมีปัญหาอะไรในการเรียน เพราะไม่มีเลยไม่ต้องเล่นหรือคุยกับคนเพื่อนมากมาย ผมเลยมีเวลาว่างไปอ่านหนังสือกับช่วยงานบ้านที่บ้านเยอะเลย

“oh my god! มันมีเรื่องแบบนี้จริงๆด้วยหรอ  ที่แคนนาดาเด็ก2ขวบยังมีเป็นของตัวเองเลย”ว่ารับโทรศัพท์คืนไปพร้อมมองเบอร์บ้านอย่างไม่เข้าใจ

ตลอดทางเลยเอาแต่บ่นเรื่องที่ผมไม่มีโทรศัพท์มือถือ ว่าไม่เข้าใจอย่างโน้นอย่างนี้ตลอดทางจนมาถึงโรงเรียน เรื่องนี้ก็ยังไม่จบ ทั้งๆที่เป็นเล็กๆของผม แต่อีกฝ่ายกลับทำเหมือนเป็นเรื่องสำคัญ เลยทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะดีใจที่บาสใส่ใจกับเรื่องเล็กๆของผมขนาดนี้ ถึงแม้จะดูเป็นคนไม่มีมารยาทไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร

“งั้นเอางี้ เดี๋ยวซื้อให้  เพื่อนคนแรกที่ไทยดันทำตัวเป็นมนุษย์หินแบบนี้รับไม่ได้อ่ะ”ว่าจบก็เปิดประตูลงรถทันที ไม่รอให้ผมได้มีโอกาสปฏิเสธสักนิด

TBC.

คู่เเข่งมาเเล้วอีพี่หมอตายแน่ :katai3:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :4 : 20/11/2560
«ตอบ #24 เมื่อ20-11-2017 22:19:23 »

เพื่อนใหม่นี่จะทำให้ปวดหัวมากกว่าเดิมไหมเนี่ย ไหนจะปวดหัวกับเฮียหมอเดิมอยู่แล้ว แต่เกรวซะอย่างสู้ไหวอยู่แล้ว  :ped149:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :4 : 20/11/2560
«ตอบ #25 เมื่อ20-11-2017 22:30:44 »

เฮียแกล้งน้องทำไมค่ะหรือนี่คือวิธีกระชับมิตรกันค่ะ

ออฟไลน์ Buttercup-oo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :4 : 20/11/2560
«ตอบ #26 เมื่อ20-11-2017 22:38:22 »

พี่หมอ. จะสู้หรอถอยจ๊ะ เอาดีๆ. ฝั่งโน้นก้มาแรงน่ะ. เดกนอก วัยเท่ากัน. แหมมมม. เป็นห่วงว่าจะแพ้จิงๆ 55 :laugh: :jul3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :4 : 20/11/2560
«ตอบ #27 เมื่อ20-11-2017 23:38:06 »

พี่หมอมีศัตรูแล้วล่ะ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :4 : 20/11/2560
«ตอบ #28 เมื่อ21-11-2017 22:39:40 »

อิพี่หมอ ทำผิดแล้วยังมาใจร้ายกับเค้าอีกนะ นิสัย!!

ออฟไลน์ 30267

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Doctor' lover เด็กหมอ ตอนที่ :4 : 20/11/2560
«ตอบ #29 เมื่อ27-11-2017 23:28:12 »

น่าติดตาม ๆ รอค่ะ  :katai2-1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด