ร่างบางตวาดถามทันทีก่อนที่จะรีบวิ่งกลับไปหวังจะทำลายสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ให้สิ้นซากหากแต่ช้ากว่าอีกฝ่ายที่หยิบกล้องตัวนั้นขึ้นไปเก็บไว้ในมือตนเอง
“ หึ หากไม่อยากเป็นดาราใต้ดินล่ะก้อ ย้ายมาอยู่กับฉันซะที่นี่ และฉันจะไม่ขอพูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง กลับไปเลิกกับแฟนของนายด้วยไม่ว่าจะมีอยู่ตอนนี้หรือไม่ก็ตาม แล้วจำเอาไว้ด้วยว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป นายเป็นสมบัติของฉัน จีรวัตน์..!!! “
……………..
……………………..
…………………………….
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นในยามเช้าแสงแดดอ่อนๆ ส่องทะลุผ่านม่านสีครีมอ่อน ๆ มุมห้องกระทบถึงเตียงฝั่งที่เขานอนอยู่ จีรวัตน์ หันกลับไปมองอีกร่างหนึ่งที่ยังอยู่ในห้วงนิทรารมณ์ เด็กหนุ่มค่อย ๆ ก้าวลงจากเตียงเพื่อไม่ให้ อีกฝ่ายรู้สึกตัวในเวลาเช่นนี้เขาไม่อยากที่จะเพชิญหน้ากับอีกฝ่ายจึงรีบทำธุระส่วนตัวก่อนที่จะแต่งตัวออกไปทำงาน
เข้าย้ายเข้ามาอยู่กับกฤษธีที่คอนโดของชายหนุ่มร่างสูงได้เกือบสองปีแล้ว เหตุผลน่ะเหรอ หึ เพราะเขาเป็นของเล่นที่ถูกซื้อมาด้วยเงินสองแสน..!!! ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายนั้นรู้สึกกับตัวเองอย่างไร เพราะบ้างครั้งก็ดูอ่อนโยน แต่บางครั้งทั้งคำพูดและการกระทำ เหมือนเขาเป็นแค่เศษอารมณ์ที่ดูจะมีค่าก็ตอนที่เขาต้องการเท่านั้น แต่ทำไม…ทำไมหัวใจเขาถึงร่ำร้องหาแต่ชายหนุ่มคนนี้ผู้เดียวบางครั้งก็มีความสุขที่เขาทำดีด้วย แต่บางครั้งเจ็บเจียนตายเพียงเพราะคำพูดที่คอยบั่นทอนจิตใจของอีกฝ่าย เคยคิดที่จะจากไปเพราะหัวใจมันบอบช้ำเหลือเกินแต่ทำไม…ทำไมถึงทำไม่ได้สักที ไม่ใช่เพราะไม่มีที่ไป..ไม่ใช่เพราะต้องการเศษเงินของคน ๆ นั้น…หากแต่หัวใจตัวเองมันไม่รักดี..อย่างนั้นหรือ…
“ อ้าวจี มาเช้าจังวันนี้ นายนั่นไม่ได้มาส่งเหรอ “
ธนาถามเพื่อนรักของตนเองทันทีที่เห็นร่างบางเดินเข้ามาที่แผนกก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะทำงานของตัวเองที่มีกองเอกสารกองใหญ่ตั้งอยู่โดยที่ไม่ได้ทันสังเกตุว่ามีใครที่มาถึงแล้วบ้างบริษัทที่เขาทำงานอยู่เป็นบริษัทเอกชนขนาดกลาง และเขาได้ทำงานที่นี่มาเกือบสี่ปีแล้ว
“ ขี้เกียจอยู่ที่ห้องน่ะ นา ล่ะมาเช้าเหมือนกันนะ “
เด็กหนุ่มตอบเพื่อนของตนเองพลางหมุนเก้าอี้ไปทางเพื่อนที่นั่งอยู่โต๊ะที่เลยไปอีกฟากหนึ่งของห้อง
“ นาก็มาเช้าทุกวันนี่ จีก็พูดเหมือนแปลก ก็บ้านาอยู่ใกล้แค่นี้ “
“เออเนอะ ลืมไป เอกสารเยอะจังเลยวันนี้ไม่รู้จะเคลียร์เสร็จหรือเปล่า “
“ ว่าแต่ทะเลาะกันมาอีกแล้วเหรอ “
ธนาเอ่ยถามเพื่อนตนเองทันที เขารู้เรื่องของร่างบางตรงหน้าทุกอย่างหากแต่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย เคยยื่นมือเข้าไปช่วยหลายครั้งแล้วหากแต่ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง และทุกครั้งร่างบางตรงหน้าต้องเป็นผู้เดือนร้อนทุกที เขาสงสารเพื่อนมากไม่เคยคิดรังเกียจอีกฝ่ายหากแต่สงสารจนจับจิต
“ มันเป็นปกตินี่ นายังไม่ชินอีกเหรอ จียังชินเลย วันไหนที่ไม่ทะเลาะสิเแปลก “
“ จี หากทนไม่ไหวก็ถอยออกมาเถอะ อย่าทำร้ายจิตใจตัวเองอีกเลย อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดนะ นาเป็นห่วงจีนะ จีเป็นเพื่อนนา “
ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพลางลุกขึ้นเดินไปหาเพื่อนของตนเองทันทีมือหนาเอื้อมไปบีบไหล่เชิงให้กำลังใจเพื่อนรักเบา ๆ สิ่งที่เขาทำได้ก็คงมีแค่นี้สินะ คือให้กำลังใจอีกฝ่าย
“ ขอบใจ นา มากนะที่เป็นห่วงจี แต่จีรักเขา ไม่รู้ทำไมถึงรัก มันรักไปแล้ว เกือบสองปีที่ผ่านมาบางครั้งเขาก็ดีกับจี อาจจะไม่มากแต่มันก็ทำให้จีมีความสุข “
เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ม่านตาเริ่มคลอด้วยหยาดหยดน้ำใส ๆ ที่เริ่มเอ่อออกมา
“ ถ้าจีสบายใจก็ทำเถอะ เอาน่าอย่าคิดมากบางทีนายนั่นอาจจะรักจีบ้างก็ได้เพียงแต่ไม่รู้ใจตัวเอง ไม่งั้นจะทนอยู่ด้วยกันมาได้ต้องสองปีเชียวหรอวะ ทำงาน ๆ พรุ่งนี้หยุดวันนี้เลิกงานไปกินเหล้ากัน “
“ เออ ดีเหมือนกัน ห๊ะ ๆๆๆ..พูดเรื่องเมานี่อารมณ์ดีขึ้นมาเชียว ไงไว้ค่อยคุยกัน นา เที่ยงแล้วมาเรียกไปกินข้าวด้วยล่ะ “
เด็กหนุ่มตัดบททันทีที่เห็นเพื่อนร่วมงานคนอื่นเริ่มทยอยกันเข้ามานั่งประจำที่แล้วหันกลับไปเคลียร์เอกสาร ที่กองอยู่ตรงหน้าทันที
……………….
……………………..
…………………………
…………………………………
ชายหนุ่มร่างสูง ถือสายโทรศัพท์รอให้อีกฝ่ายรับสายด้วยความหงุดหงิด
ที่ปล่อยให้เขาตื่นเองโดยไม่ยอมปลุกชายหนุ่มร้อนรนเมื่อตื่นขึ้นมาไม่เจออีกฝ่าย แต่ก็ไม่มีเวลาโทรหาเพราะตื่นสายแถมยังต้องรีบเข้ามาประชุม นี่ก็เกือบเที่ยงแล้วพึ่งจะประชุมแผนการตลาดซึ่งเขาดำรงตำแหน่งระดับผู้บริหารอยู่บริษัทแห่งหนึ่งตั้งอยู่ย่านใจกลางเมือง
“ ทำไมรับสายช้า แล้วเมื่อเช้าออกมาทำไมไม่บอก “
“ ผมรีบครับพอดีมีงานค้างไว้ เห็นว่าคุณนอนอยู่เลยไม่อยากปลุก “
“ เอาเถอะทีหลังอย่างทำแบบนี้อีกแล้วกันรู้ไหมว่าเป็น ห…. เอ้อ แล้วกินข้าวหรือยัง “
ชายหนุ่มร่างสูงแทบตะครุบปากตัวเองทำทีที่คิดว่าจะหลุดคำบางคำออกไป เขาเป็นอะไรไปนะ ทำไมร่างบางถึงได้มีอิทธิพลกับความคิดเขาเช่นนี้
“ กำลังจะลงไปกินกับเพื่อนครับ”
ปลายสายตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ กับไอ้นั่นน่ะเหรอ ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามคุยกับมันอีก “
กฤษธีขัดขึ้นทันทีทำไมเขาถึงได้ร้อนใจยิ่งนักเมื่อนึกถึงภาพที่สองคนนั้นทำท่าทางสนิทสนมกันมากกว่าตอนที่อยู่กับเขาเสียอีก ทั้งๆ ที่อยู่ด้วยกันมาสองปีทำไม…มันยังไม่ลืมเรื่องนั้นหรือไง
“ ขอโทษครับผมไม่มีเพื่อนชื่อไอ้นั่น ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัววางสายก่อนนะครับผมหิวข้าวแล้ว ออ..เย็นนี้คงกลับดึกนะครับที่แผนงเขาชวนไปกินข้าวกัน “
“ ไปกับใครแล้วจะกลับกี่โมง “
“ไปหลายคนครับยังไม่ทราบว่าจะกลับกี่โมง “
“ อย่ามาโกหกฉันนะ รู้ไว้ซะด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากฉับจับได้ว่านายไปกับใคร เอาล่ะแค่นี้นะทำงานต่อเถอะไว้เจอกัน “
พูดจบก็วางสายทันที เขาต้องสงบจิตใจตัวเองให้ได้มากว่านี้ ทำไมน่ะเหรอ ทุกครั้งไม่ว่าจะอยู่ด้วยกันหรือคุยผ่านทางโทรศัพท์ เขาก็ไม่เคยที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย เป็นเพราะอะไรกัน ตลอดสองปีที่อยู่ด้วยกันมาหลายครั้งหลายคราที่เขาคอยย้ำถามตัวเองอยู่ตลอดว่านี่เขาทำอะไรอยู่ มันควรจะจบกันไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาต้องคอยรั้งร่างบางให้อยู่กับเขาไม่ยอมปล่อยไปเสียที รู้สึกดีที่อีกฝ่ายยิ้มให้ด้วยสายตาอ่อนโยน แต่กลับหงุดหงิดโมโหที่อีกฝ่ายมึนตึงใส่ อีกทั้งคำพูดที่คอยทำร้ายตัวเองนั้นอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นคนไม่มีค่า เพราะอะไรกันจะให้เขาพูดจาหวาน ๆ คนอย่างเขาทำไม่ได้หรอกเพราะไม่เคยทำ หึ..เย็นนี้เขาจะต้องตามไปดูอีกว่าเด็กหนุ่มจะไปเที่ยวที่ไหน ถ้าเขาจับได้ว่าไปกับไอ้นั่นอีกล่ะก็ เป็นเรื่องแน่…ชายหนุ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็ก้มลงไปจัดการกับงานตรงหน้าต่อ รอเวลาให้เลิกงานเร็ว ๆ เพื่อที่จะไปรอเจอหน้าเด็กหนุ่มที่พึ่งทะเลาะกันเมื่อคืน
………………….
…………………….
……………………….
…………………………………
“ ไปกันเถอะจี เดี๋ยวนาแวะเอาของไปให้แม่ก่อน เราค่อยไปกันจีไปหาแม่นาด้วยนะ แม่ถามหาหลายครั้งแล้ว “
“ อื่มเอาสิ ไม่ได้ไปเยี่ยมแม่นานานแล้วเหมือนกัน “
ร่างบางเอ่ยขึ้นพร้อมกับจัดเก็บเอกสารตรงหน้าให้เข้าที่ก่อนจะลุกขึ้นสะพายกระเป๋าแล้วเดินตามเพื่อนของตัวเองไปที่ลานจอดรถ
ธนาเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยกับเขา แต่พึ่งมารู้จักกันตอนขึ้นปีสาม แต่พวกเขาก็สนิทกันมากจะถือว่าเป็นเพื่อนรักกันเลยก็ว่าได้
“ เอาร้านนี้แล้วกัน จี “
ชายหนุ่มเอ่ยถามเพื่อนของตนเองขณะที่ไม่ได้รอคำตอบของอีกฝ่ายเขาก็เลี้ยวรถเข้าไปในผับขนาดกลางเพื่อหาที่จอดรถ ในวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้ผู้คนค่อนข้างเยอะ กว่าจะหาที่จอดเล่นเอาวนอยู่หลายรอบ
“คนเยอะว่ะนา “
จีรวัตน์ออกความเห็นเขาไม่ค่อยชอบอยู่ที่ที่ผู้คนพลุกพล่านเท่าไหร่นักหากแต่เข้าใจความต้องการของเพื่อนดีว่าไม่ต้องการให้ตนนั้นคิดมากอยากให้มาปลดปล่อยบ้าง
“ ก็วันนี้วันศุกร์คนมันก็เยอะสิวะ นี่เรามาเที่ยวนะไม่ได้มาวัด ไปเข้าไป “
หลังจากที่จอดรถเรียบร้อยแล้วทั้งสองหนุ่มก็เปิดประตูแล้วเดินเข้าร้านเคียงคู่กันไป บรรยากาศด้านในเต็มไปด้วยผู้คนที่เริ่มทยอยเข้ามาจับจองหาที่นั่ง ดีที่ธนาโทรมาจองที่สำหรับเขาและเพื่อนของตนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
แก้วแล้วแก้วเล่าที่ส่งผ่านสู่ลำคอระหงนั้นทำให้ร่างบางหน้าเริ่มเกิดสีแดงเข้มขึ้น เรื่องราวความในใจถูกถ่ายทอดออกจากปากของจีรวัตน์ที่ระบายให้เพื่อนรักได้รับรู้
“ ฉันว่าแกเลิกกับเขาเสียเถอะเรื่องวีดีโอนั่นมันก็มีเขาอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอเขาคงไม่อยากให้ตัวเองเสียงหายเหมือนกันแหละ แต่ฉันว่ามันไม่ใช่เหตุผลหลักหรอกใช่ไหมจี ทั้งหมดเพราะแกรักเขา ถึงได้ยอมทน ทำไมล่ะจี แกจะยอมทนอยู่กับคนที่เขาไม่เห็นค่าของแกทำไมวะ จีบางทีอยู่กับที่เราไม่ได้รัก มันทรมานน้อยกว่าการที่อยู่กับคนที่ไม่ได้รักเรานะ “
ธนาพูดขึ้นทันทีเขารู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่รับฟังเรื่องราวของเพื่อนรักทำไมนะ ทำไมไม่ยอมถอยออกมาแต่ยังดื้อรั้นที่จะเดินหน้าต่อไป
“ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม”
เด็กหนุ่มร่างบางตอบเพื่อนขณะที่ยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มต่อตอนนี้เขาไม่อยากจะคิดอะไรทั้งนั้น ขอพักเอาแรงก่อนเพราะกลับไปไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกทั้งเมาเหล้าทั้งกลับดึก หึ..นี่ถ้าหมอนั่นรู้ว่าเขาออกมากับธนาสองคนอีกไม่รู้จะเป็นยังไงอีก
“ไปเต้นกันเหอะว่ะจี เพลงกำลังสนุกเอาน่าอย่าคิดมากเลยในเมื่อมันทำอะไรไม่ได้ก็อย่าเก็บมาทำร้ายจิตใจตัวเองเลยเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว “
“ เออว่ะดีเหมือนกัน “
ทั้งสองหนุ่มลุกขึ้นพร้อมกันแล้วเดินออกไปลานด้านหน้าของเวทีที่มีนักดนตรีเล่นเพลงที่กำลังฮิตอยู่ในตอนนั้น แล้วเต้นไปตามจังหวะเพลงบ้างก็มีคนมาขอร่วมเต้นด้วยโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนอีก
ถัดไปอีกฟากหนึ่งของร้านชายหนุ่มร่างสูงในชุดทำงานเต็มยศเพียงแต่ถอดสูทออกพร้อมกับปลดเนคไทไว้พอหลวม ๆ จ้องมองร่างสองร่างตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านขณะที่เขาตามทั้งสองออกมาตั้งแต่บรษัทของร่างบาง หึ…กล้าโกหกเขางั้นเหรอ บอกว่าไม่มีอะไรกัน ดูสิมันจะออกนอกหน้ากันเกินไปแล้วแววตาเรียวคมวาวโรจขึ้นยามต้องกระทบแสงไฟที่สาดส่องมาเป็นระยะ ๆ
“ไม่ไหวแล้วว่ะนาเหนื่อยขอกลับไปนั่งที่โต๊ะนะแกเต้นต่อไปเหอะฉันนั่งกินเหล้ารอ “
ร่างบางพูดกับเพื่อนตนเองทันทีที่เพลงจบแล้วกำลังจะเริ่มเพลงต่อไป แต่ร่างบางเกิดอาการเหนื่อยหอบเนื่องจากเต้นติดต่อกันหลายเพลงใบหน้าชื่นเหงื่อเล็กน้อย
“ เออ ๆ กำลังสนุกเลยแกไปนั่งรอฉันแป๊บนึงนะ “
ธนาตอบเพื่อนพลางหันไปเต้นต่อซึ่งขณะนี้มีสาวๆ บางคนเข้ามาเต้นใกล้ๆ กับเขาเนื่องจากว่าธนาเป็นชายหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาจัดว่าใช้ได้จึงไม่แปลกที่จะมีคนเข้าหาแบบนี้
“ คุณธี…!!!!”
..............
...............
ปล.ตอนหน้าจบแระน้า
