Chapter 2 - พาทิเช่ สหลักษณ์เรามาว่ากันต่อเรื่องปัญหาของผมกัน ผมเล่าถึงไหนแล้วนะ?
อ๋อ ใช่ๆ พ่อให้ผมเป็นแรงบันดาลใจ ด้วยการเป็นนายแบบให้ใช่มั้ย? นั่นละ...เรื่องมันเริ่มต้นจากตรงนั้น
เริ่มจากรูปของผมที่มันจะไม่มีปัญหาเลย ถ้าพ่อแค่เก็บมันไว้ในเม็ม หรือล้างเอาไว้สร้างแรงบันดาลใจเงียบๆ โดยไม่ได้เอาไปโชว์ที่แกลลอรี่!
แถมยังเป็นชิ้นเอกที่ถูกอัดเป็นภาพบานใหญ่สูงเกือบสองเมตร วางไว้ตรงใจกลางห้องจัดแสดง พร้อมชื่อภาพที่สลักอย่างสวยงามเป็นภาษาอังกฤษ ว่า ‘P's EYES’
ทำไมผมถึงรู้นะเหรอ?
ก็เพราะว่าภาพนั้นถูกเขียนข่าวลงในเว็บไซต์ของวงการถ่ายภาพ แถมลงในหนังสือพิมพ์กรอบสังคมทั้งไทยและเทศที่มีพาดหัวข่าวไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ในทำนองว่า
‘P's EYES’แรงบันดาลใจในรอบสองปีของช่างภาพสุดฮอต ดวงตาของสาวน้อยที่สะกดให้ต้องเหลียวมอง หรือ ดวงตาของดวงใจช่างภาพ ‘P's EYES’สาวน้อยแรงบันดาลใจในสายเลือด
ใช่ พวกนั้นเขียนว่าผมเป็น 'สาวน้อย' ให้ตายเถอะ! พวกนักข่าวนี่ฉลาดทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องความจริง!
แต่ก็โทษพวกเขาไม่ได้ เพราะผมรู้ว่าทำไมพวกเขาจึงทึกทักไปเองว่าผมในภาพเป็น 'สาวน้อย'
นั่นก็เพราะ 'P' ที่พวกเขารู้จัก ก็คือ 'สาวน้อย' จริงๆนั่นแหละ
ผมละสายตาจากข่าวที่กำลังอ่านบนหน้าจอแลปทอปของตัวเองเมื่อมีสัญญาณวีดีโอคอลเข้ามา และนี่ก็คือสาเหตุของข่าว 'สาวน้อย' ที่ว่านั่น
"พอร์ท! ให้ตายเถอะ ภาพนั้นของแกกำลังทำให้โทรศัพท์ของผู้จัดการส่วนตัวฉันสายไหม้นะรู้รึเปล่า!"
เสียงหวานใสดังขึ้นพร้อมๆ กับใบหน้าที่โผล่ขึ้นมาที่หน้าจอ ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลรับกับจมูกโด่งรั้น และริมผีปากอวบอิ่ม ที่ทำให้ผมรู้สึกราวกับกำลังส่องกระจกมองตัวเองอยู่ ถ้าไม่ติดว่าเธอคนนั้นเป็นผู้หญิงผมลอนยาวสยายถึงกลางหลังละก็นะ...
ใช่อย่างที่พวกคุณคงเดาได้ ผู้หญิงในจอนั่นคือ… ฝาแฝดของผมเอง…พาทิเช่
เราเป็นฝาแฝดที่เรียกได้ว่าแทบจะถ่ายเอกสารถอดแบบกันออกมา เราแตกต่างกันแค่อย่างเดียวเท่านั้น คือ ผมเป็นผู้ชายและเธอเป็นผู้หญิง ซึ่งเธอเกิดก่อนผมประมาณซักสองนาทีได้
"เดาได้ว่าทางนู้นเข้าใจว่าภาพนั้นเป็นเธอละสิ"
ผมตอบเนือยๆ อย่างที่พอจะเดาได้อยู่แล้ว เพราะพาทิเช่เป็นนางแบบวัยใสที่มีชื่อในไทยพอสมควรในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเธอเป็นทั้งนางแบบและลูกสาวช่างภาพชื่อดัง
ใช่ครับ พาตี้อยู่กับพ่อ ส่วนผมอยู่กับแม่ เราเป็นฝาแฝดที่ถูกจับแยกกันเลี้ยงดู
"ใช่นะสิ! แกรู้มั้ยว่ามีบริษัทโฆษณาแย่งกันเสนอราคาให้พ่อตั้งกี่ล้านเพื่อขอซื้อภาพนั้น!"
"อย่าเว่อร์ นั่นมันก็แค่ภาพลองแสงเฉยๆ"
"แกนั่นแหละที่บ้า ไม่มีการถ่ายครั้งไหนที่พ่อจะถ่ายเล่นๆ แกก็รู้"
ผมคิดตามก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย จริงอย่างที่พาตี้ว่า พ่ออาจจะทำเป็นเล่นกับทุกเรื่อง แต่ยกเว้นเรื่องการถ่ายภาพ ไม่งั้นคงไม่ดังขนาดนี้
"แล้วไง มันน่าจะทำให้เธอได้งานเพิ่มขึ้นไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นน่าจะต้องโวยวายอะไร"
ผมแซวพี่สาวสองนาทีเล่นๆ แต่เธอกลับเงียบแล้วจ้องหน้าผมนิ่ง
"พอร์ทเทรต..."
เอาอีกแล้วไง น้ำเสียงการเรียกชื่อเต็มผมแบบนี้ ทำไมรู้สึกว่าเรื่องไม่ดีมันก็ลังจะมาทุกที...
"มาถ่ายแบบแทนฉันที"
"จะบ้าเหรอ!"
นั่นไง! คิดไว้มีผิดที่ไหน แต่นี่มันออกจะบ้าเกินไปหน่อย ยัยพี่สาวผมเมายาอะไรอยู่รึไง
"เธอจะบ้าเหรอพาตี้ ช่วงนี้รับงานแสดงตลกรึงิไม่ขำด้วยหรอกนะ" ผมว่าเธอทีเล่นทีจริง เพราะผมคิดว่ายัยพี่สาวคงจะอำผมเล่น แต่...เฮ้...ทำไมเธอ…
"พะ...พาตี้....ร้องไห้ทำไม เฮ้ ยัยพี่สาว เธอเป็นอะไร?"
ผมถึงขั้นดึงแลปทอปเข้ามาใกล้ๆ และลูบหน้าจอตรงบริเวณที่แสดงภาพผิวแก้มเนียนของเธอที่ตอนนี้กำลังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาจนเห็นได้ชัดแม้จะผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็ตาม
"พะ...พอร์ท....พอร์ทเทรต....ฉัน....ฉันถ่ายแบบไม่ได้อีกแล้ว"
"ใจเย็นๆนะคนสวย เธอเป็นอะไรบอกฉันมาสิ"
ผมรีบถามเธอจนแทบลิ้นจะพัน พาตี้ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เพราะเธอถูกเลี้ยงมาด้วยคุณพ่อสุดห้าว ดังนั้นเธอก็มักจะเข้มแข็งเสมอ เธอไม่เคยอ่อนไหวยกเว้นแต่กับเรื่องครอบครัวที่พิลึกของเราเท่านั้น
"ตกลงเธอเป็นอะไร ทำไมถึงบอกว่าถ่ายแบบไม่ได้แล้ว"
"ฉัน...."
"...."
"ฉันเดินไม่ได้!!"
"หะ?...เดี๋ยวๆ อะไรคือเดินไม่ได้? เธอลองตั้งสติแล้วเล่ามาสิ มันเกิดอะไรขึ้น?"
แล้วก็ถึงบางอ้อ พาตี้เพิ่งประสบอุบัติเหตุในกองถ่ายโฆษณาเมื่อสองวันก่อนเพราะหล่นลงมาจากฉากที่เป็นพื้นยกสูง เธอบอกว่าตอนแรกไม่คิดว่าเป็นอะไร เพราะยังเดินและทำงานต่อได้ตามปกติ
จนเมื่อวานจู่ๆ ก็เริ่มปวดที่ขาซีกซ้าย ก่อนจะตรวจพบว่าเส้นเอ็นบริเวณขาซ้ายอักเสบอย่างรุนแรง และเอ็นหัวเข่าซ้ายฉีกจากการบิดขาในท่าที่ไม่ปกติ ตอนนี้เลยทำให้เธอได้แต่นั่งอยู่กับที่ และต้องใช้ไม้เท้าหรือรถเข็นช่วย ซึ่งเรื่องนี้มีแต่ผู้จัดการส่วนตัว พ่อ และพี่ฝนเท่านั้นที่รู้เรื่อง เพราะเธอไม่ได้มีงานออกไปโชว์ตัวต่อหน้าสื่อที่ไหน จนมีคนติดต่องานเข้ามาเพราะภาพ P's EYES ของผมที่ถูกจัดแสดง
"แกต้องช่วยฉันนะพอร์ท ฉันอยากได้งานนี้มาก ถ้าพลาดงานนี้ไปฉันอาจจะไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกับบริษัทนี้เลยก็ได้"
"ฉันรู้ว่าเธออยากได้งานนะพาตี้ แต่เธอจะให้ฉันปลอมตัวเป็นเธอที่เป็นผู้หญิงเนี่ยนะ มันไม่ละครไปหน่อยเหรอ?"
ผมพยายามจะกระชากพี่สาวเข้ามาสู่โลกแห่งความเป็นจริง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอม
"ได้สิ! แกทำได้ ความสูงเราเท่ากัน หน้าตายิ่งไม่ต้องพูดถึง ผมแกก็ยาวอยู่แล้ว แม้ไม่เท่าฉันก็เถอะ ถ้าแต่งตัวอีกนิดหน่อยก็ไม่เคยมีใครแยกเราออก แกก็รู้"
พาตี้รีบพูดอย่างตั้งอกตั้งใจ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลมโตที่ไม่ต่างจากผมเปล่งประกายไปด้วยความหวัง แต่...ดูเหมือนพี่สาวผมจะลืมอะไรไปบางอย่าง
"แต่ฉัน... ไม่มีนม"
"เรื่องแค่นั้นเอง ไม่มีใครเค้าดูออกหรอกนะ"
ใครว่าเรื่องแค่นั้น นี่มันเรื่องใหญ่ที่สุดเลยนะยัยบ้า!
"อีกสองวันเจอกันนะ รักแกนะพอร์ท"
อ๊ากกกกกกกกก ใครก็ได้ หยุดยัยบ้านั่นที!
ให้ตายเถอะ ยัยพาตี้มาถึงภายในสองวันจริงๆพร้อมกับผู้จัดการส่วนตัวที่ช่วยเธอจูงรถเข็นมาอย่างทนุถนอม พอมาเห็นอาการบาดเจ็บของยัยพี่สาวแล้ว คุณคิดว่าผมจะปฏิเสธลงมั้ยละ?
แต่...ต่อให้ปฏิเสธไม่ลง แต่มันก็ช่วยไม่ไหวเหมือนกัน ยัยนั่นกำลังจะให้ผมปลอมเป็นผู้หญิงนะโว้ย ยัยพาตี้จะให้ผู้ชายอกสามศอกที่มีความเป็นชายเต็มที่สมอายุยี่สิบสามปลอมเป็นผู้หญิงนะ ต่อให้เราจะหน้าตาเหมือนกันแค่ไหนก็เถอะ!
และนี้ละ จุดเริ่มต้นของเรื่องวุ่นวาย และ...ความเฮงซวยของผม!
"ตกลงนะพอร์ท...." ผมเหล่มองยัยพี่สาวที่ทำหน้าตาออดอ้อนโดยมีคุณนายเชลีนโอบกอดลูบผมอย่างโอ๋ๆ
"นะๆๆๆๆๆ ถ้าฉันพลาดงานถ่ายครั้งนี้ ฉันอาจจะไม่มีโอกาสร่วมงานกับแบรนด์ ChaRme อีกเลยตลอดชีวิตนะ แกก็รู้ว่ามันไม่ใช่ง่ายๆที่จะได้ถ่ายแบบกับแบรนด์ระดับโลกแบบนี้นะ!"
"แต่ฉันเป็นผู้ชายนะ!"
"ช่วยพี่เค้าหน่อยไม่ได้เหรอไงพอร์ท พี่เค้ากำลังเดือดร้อนนะ!"
"แล้วผมไม่เดือดร้อนรึไงเล่า! อีกอย่าง มันก็ไม่ได้เป็นงานเดียวในโลกที่เธอจะได้ซักหน่อย งานอื่นยังมีรอเธออยู่ตั้งเยอะ กะอีแค่แบรนด์ดังนิดหน่อย เธอถึงกับจะให้ฉันต้องลงทุนปลอมตัวเป็นผู้หญิงไปถ่ายแบบแทนเธอเลยเหรอ"
ผมพูดอย่างงอนๆ เพราะดูเหมือนคุณนายจะเข้าข้างพาตี้เต็มที่
แต่...ดูเหมือนเหตุผลของผมจะได้ผล เมื่อทั้งพาตี้และคุณนายเชลีนเงียบไป
เฮ้...ทำไมเงียบนานนักละ อย่าบอกนะว่า....
"ฉัน...ฮึก...ฉัน...แค่ไม่อยากสูญเสียโอกาสไป...ฮึก...การร่วมงานกับ ChaRme คือความฝันของนางแบบทุกคน...ฮึก...แล้ว...แล้วฉันกลับต้องมาพลาดเพราะอุุบัติเหตุงี่เง่านี่...ทั้งๆที่มันคือความฝันสูงสุดในชีวิตของฉัน..."
ผมพูดอะไรไม่ออก พาตี้สะอื้นอย่างหนัก หมดคราบของนางแบบหวานใสที่เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างที่ผมเห็นในผลงานของเธอทุกครั้ง ตอนนี้ผมเห็นแค่คนที่กำลังเสียศูนย์เพราะความฝันกำลังสลายไปต่อหน้าเท่านั้น
"ฉัน...ฉันอาจจะไม่มีโอกาสนี้อีกเลยในชีวิตการทำงานของฉัน...ฉันคิดว่ายังไงแกก็ต้องช่วย...ฮึก...แล้วฉันก็...ก็อยากมาอยู่กับแม่บ้าง...ฮึก...เพราะพ่อ...พ่อเอาแต่พูดถึงแก...ฮึก....พูดถึงภาพของแก...ฉัน...ฮึก...เพราะฉันไม่เคยเป็นแรงบันดาลใจให้พ่อได้เลย..."
"พาตี้ลูกแม่" คุณนายเชลีนสะอื้นตามก่อนจะกอดพาตี้ที่ร้องไห้จนสะอื้นหนักไว้แน่น
เฮ้อ... ผมว่าพ่อกับแม่อาจจะเลือกเราสลับกัน ผมรู้ว่าบางทีพาตี้อาจจะอึดอัด เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ต้องอยู่กับพ่อที่เป็นช่างภาพที่มีความเป็นตัวเองสูงมาก และรักงานมากกว่าชีวิต ในขณะที่ผมก็เป็นผู้ชายต้องอยู่กับแม่ที่อยู่กับขนมหวานตลอดเวลา มันทำให้เราทั้งคู่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่...ค่อนข้างมีผลกับความรู้สึกของเรา โดยเฉพาะที่เราเป็นวัยรุ่นเต็มตัวกันแล้ว
ไอ้ผมนะไม่เท่าไหร่ ยังไงผู้ชายอย่างผมก็ไม่ได้เรื่องมากกับชีวิตตัวเอง แต่พาตี้เป็นผู้หญิง ซึ่งคงละเอียดอ่อน และต้องการอยู่กับคนที่สามารถคุยกันแบบผู้หญิงได้ ผมรู้ว่าพาตี้ควรจะมีโอกาสอยู่กับแม่มากกว่า
และการถ่ายแบบให้กับแบรนด์ระดับโลกอย่าง ChaRme เป็นความฝันสูงสุดของนางแบบทุกคน เพระมันจะเป็นใบเบิกทางไปสู่เวทีนางแบบระดับโลกทุกเวที นางแบบนายแบบชื่อดังระดับโลกทุกคนก็เริ่มเปิดตัวจากการร่วมงานกับที่นี่ทั้งนั้น แล้วผมก็รู้ว่าพาตี้รักการเป็นนางแบบแค่ไหน เพราะเธอคลุกคลีอยู่กับการถ่ายภาพของพ่อมาตลอดชีวิตของเธอ
เฮ้อ...ผมละเกลียดตัวเองจริงๆ
ทำไมต้องใจอ่อนกับผู้หญิงบ้านนี้อยู่เรื่อย
แต่ก็นะ...เธอคือยัยพี่สาวสองนาทีที่เป็นเหมือนอีกครึ่งชีวิตของผมนี่
"โอเค...ฉันจะเป็นพาทิเช่ สหลักษณ์เอง"
พูดออกไปแล้วสินะ...ยังไง ผมก็ต้องช่วย เพราะผมเป็นน้องชายของเธอ เป็นผู้ชายที่ต้องปกป้องผู้หญิงที่บอบบางทั้งสองคนนี้ ผู้หญิงที่ผม...รักมากที่สุด
"หึ..."
"อัดไว้เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะแม่"
"เรียบร้อยแล้วจ้ะ ครบทุกประโยคที่พอร์ทพูดออกมาเลย"
เฮ้....เดี๋ยวนะ...น้ำตาของยัยพาตี้ไปไหน...แล้วแม่เปิดแอพอัดเสียงทำไม
"แม่บอกแล้วว่าวิธีนี้ต้องได้ผล พอร์ททนเห็นน้ำตาของแม่และพี่สาวไม่ได้นานนักหรอก"
อย่าบอกนะว่า....
ผมได้แต่อ้าปากพะงาบเหมือนปลาทองโหยหาอากาศ มองไปที่ยัยพี่สาวสองนาทีที่ตอนนี้ไม่มีคราบน้ำตาบนหน้า ประหนึ่งนางแบบผู้สูญเสียความหวังในชีวิตคนเมื่อกี้ไม่มีอยู่ กับคุณนายเชลีนที่ทำสีหน้านางมารสมใจ ทั้งสอบมองมาที่ผมพร้อมรอยยิ้มร้ายกาจ
"รับปากพี่เค้าแล้วนะพอร์ท...แล้วคำพูด ถือว่าเป็นหลักฐานในชั้นศาลได้...นะจ้ะ"
คุณนายเชลีนพูดเสียงหวานก่อนจะกดเสียงที่อัดในมือในขณะที่ผมรู้สึกเหมือนถูกกระโดดถีบสองขาคู่ลงไปในหลุมที่นางมารสองคนนี้ขุดขึ้นมา
"...ฉันจะเป็นพาทิเช่ สหลักษณ์เอง..."
"...ฉันจะเป็นพาทิเช่ สหลักษณ์เอง..."
"...ฉันจะเป็นพาทิเช่ สหลักษณ์เอง..."
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ผมถูกหลอก!
สนามบินนานาชาติ ชาร์ล เดอ โกล (Paris-Charles de Gaulle Airport)
"พี่เจสซี่จะดูแลเรื่องทุกอย่างให้แกเหมือนกับที่เคยดูแลฉัน ดังนั้นไม่มีใครสงสัยแกแน่นอน"
ผมหันไปยิ้มอ่อนๆ ให้พี่เจสซี่ หรือ เจษฎา ผู้จัดการสาวที่เข้ามาเอี่ยวเรื่องนี้อย่างเต็มใจ
"น้องพอร์ทไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่มีใครรู้แน่นอนว่าน้องพอร์ทเป็นผู้ชาย เพราะพี่เจสเชี่ยวชาญเรื่องนี้ม๊ากมากค่ะ"
ครับ ผมรู้ว่าพี่เชี่ยวชาญเรื่องนี้เป็นพิเศษ ผมมองผมสีชมพูแปร๊นกับลิปสติกสีเดียวกันของพี่ผมก็รู้แล้ว
"แกก็แค่ทำตัวไปตามปกติ อย่าลืมอย่างเดียว ...ห้ามพูดเด็ดขาด!"
ยัยพาตี้เน้นหนักแน่นพร้อมชี้หน้าผมทั้งๆที่ตัวเองนั่งอยู่บนรถเข็น
"รู้แล้วน่า..."
ใครจะไปพูดละ ถึงจะหน้าตาเหมือนกันแค่ไหน แต่ให้ตาย ผู้ชายก็คือผู้ชาย ถึงตัวผมจะเล็ก เอวบาง ขาเรียว ผมยาวสลวย แต่เสียงผมนะ ห้าวเต็มร้อย ต่อให้ดัดแบบมีจริตจะก้าน ก็คงออกมาไม่ต่างจากพี่เจสซี่เท่าไหร่ แน่นอนว่าผมไม่คิดจะทำด้วย
"อยู่ทางโน้นก็อย่าไปหลงเสน่ห์นางแบบที่ไหนละ อย่าทำเหมือนพ่อ เข้าใจมั้ย"
คุณนายเชลีนจ้องผมเขม็ง ผมรู้แล้วว่าทำไมแม่ถึงยอมรวมหัวกับพาตี้ นอกจากจะคิดถึงยัยนั่น อีกเหตุผลนึงก็คืออยากให้ผมไปจับตาดูพ่อ ถึงปากจะบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนา แต่สายตาที่พ่อกับแม่มองกัน ผมเห็นกี่ทีๆก็ยังสยิวไม่หาย เหอะ!
"ผมไปสภาพไหนแม่ก็รู้ แล้วสาวที่ไหนจะมาสนใจผม"
"สาวไม่สน ก็อย่าให้หนุ่มสนละ"
"จะบ้าเหรอพาตี้ พูดอะไร" ผมมองยัยพี่สาวพร้อมกับลูบแขนที่ขนตั้งชันไปทั้งตัวกับคำพูดของยัยนั่นที่ยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้ ถ้าไม่ติดว่ากำลังบาดเจ็บ ผมจะจับมาตีสักที!
"ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ แกก็รู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์แค่ไหน โดยเฉพาะกับพวกช่างภาพ ขนาดฉันที่เป็นนางแบบมืออาชีพ ยังดึงดูดสู้ภาพถ่ายแบบไม่ตั้งใจที่พ่อถ่ายแกไม่ได้เลย"
"เอาเป็นว่า ฉันจะรีบถ่ายรีบกลับมาแล้วกัน"
"โชคดีนะลูก งานเสร็จเมื่อไหร่ก็กลับมาหาแม่นะ"
คุณนายเชลีนเดินมากอดผมพร้อมกับเอาใบหน้ามาถูกับอกผมอย่างออดอ้อน สายตาของนักเดินทางคนอื่นมองมาทางเราพร้อมกับยิ้มขำๆ
รู้แล้วว่าน่าว่ามันตลก อะไรจะไปแปลกเท่ากับขบวนส่งที่มีสาวประเภทสองผมสีชมพูแปร๊ด สาวสวยอย่างกับเจ้าหญิงบนรถเข็น และสาวสวยกระชากวัยที่ลืมถอดพากันเปื้อนจากร้านแล้วกำลังกอดถูไซร้ซบกับเด็กหนุ่มสุดหล่ออย่างผมเล่า
"รักษาตัว แล้วก็ดูแลพาตี้ด้วยนะฮะ ผมไปละ"
ผมรัดอ้อมแขนคุณนายแน่นๆ หอมแก้มเธอฟอดใหญ่ หันไปกอดและจุ๊บที่หน้าผากพาตี้เบาๆ ก่อนโบกมือลาเพื่อขึ้นเครื่อง สองสาวโบกมือให้ผมพร้อมรอยยิ้มจนสุดสายตา
แม้ว่าทั้งคู่จะหลอกให้ผมรับปาก ซึ่งผมจะปฏิเสธก็ได้ เพราะยังไง คงไม่มีแม่คนไหนเอาคำพูดลูกชายตัวเองไปฟ้องศาลหรอก (ถึงผมจะไม่มั่นใจว่าคุณนายเธอจะไม่ทำก็เถอะ) แต่ผมรู้ว่าที่พาตี้อยากอยู่กับแม่เป็นเรื่องจริง และผมก็รู้ว่าแม่คิดถึงพาตี้มาก เพราะยัยพี่สาวไม่เคยมีโอกาสเจอหน้าแม่เลย นอกจากแอบวีดีโอคอลหากันบ้างบางครั้ง เพราะกลัวพ่อจะน้อยใจถ้าเห็นเธอคุยกับแม่บ่อยๆ
"เดี๋ยวถ้าเราไปถึงแล้วพี่เจสจะพาน้องพอร์ทไปอยู่ที่คอนโดส่วนตัวของน้องพาตี้นะคะ"
" แล้วพาตี้ไม่ได้อยู่บ้านพ่อเหรอฮะ"
ผมแปลกใจ เพราะรู้ว่าปกติพาตี้จะอยู่บ้าน เพราะทั้งครอบครัวทางโน้นก็มีแค่พ่อกับพาตี้เท่านั้น และด้วยงานที่ต่างคนต่างไม่อยู่กับที่ ทั้งคู่เลยอยู่ด้วยกันที่บ้านเพราะไม่อยากจะห่างเหินไปมากกว่านี้
"ก็ใช่ค่ะ แต่ก็พักคอนโดเป็นบางครั้งเวลามีงานดึกๆ แต่ตอนนี้เป็นสถานการณ์พี่เศษ เราต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะไม่รู้ว่าคุณเชนจะว่ายังไงเพราะรู้แค่ว่าน้องพาตี้บาดเจ็บเล็กน้อย และได้งานจาก ChaRme ยะงไงเพื่อความสะดวกในการแปลงโฉมให้น้องพอร์ทเป็นน้องพาตี้ คอนโดจะสะดวกสุดค่ะ"
"อ่อ..."
ผมหลับตาลงเพื่อจะนอนพัก เพราะการบินจากปารีสไปไทยช่วงต้นฤดูหนาวใช้เวลาเป็นสิบชั่วโมง
เฮ้อ...ขอให้รีบๆถ่ายให้เสร็จแล้วรีบกลับ อย่าให้มีปัญหาอะไรเลยเถอะ
ผมพอร์ทเทรต มาร์แตง มาแล้ว
แล้วเจอกัน เมืองไทย
โอ๊ะ ไม่ใช่สิ ฉัน ....
พาทิเช่ สหลักษณ์ต่างหาก