Round 8....ความลับ
เมื่อสองวันก่อน…
“จะไปไหน” หลังจากที่นั่งจิบกาแฟอยู่ที่คาเฟ่ใกล้ๆ กับล็อบบี้ของโรงแรมฆ่าเวลา ผมก็เหลือบไปเห็นไอ้มาร์ชเดินจ้ำๆ ออกจากลิฟท์ จึงรีบคว้ามือไปจับมันที่ต้นแขนทันที
“เฮ้ยยย” มันร้องด้วยความตกใจ หันขวับมาทางผมทำหน้าเหมือนเห็นผี ผีที่ไหนหน้าตาดีขนาดนี้วะสาดดด
“ม…มึงมาทำไมเนี่ย”
“อ่าว มึงนี่น้า มีดีแค่หน้าตาใช่มะ สมองนี่คงเล็กเท่าขี้มด” ผมถอนหายใจ แล้วคว้าถุงพะรุงพะรังอะไรของมันมาหิ้วเอง พร้อมกับดึงแขนมันตรงไปยังประตูทางออกที่จอดรถ
“เชี้ย ด่ากูอีกนะมึง…ล..แล้วจะลากกูไปไหนเนี่ย!” มันสะบัดไปมา พยายามดึงแขนออกจากมือผม
“อย่ามาทำเป็นลืม กูรู้ว่ามึงพยายามหนีกูอยู่ นี่อะไร?เสื้อผ้า? กูต่างหากที่ต้องถามว่ามึงจะไปไหน” ผมยกมืออีกข้างที่เป็นถุงหิ้วขึ้นมา มองแทรกลงไปข้างในเป็นเสื้อผ้าสองสามชุดพร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ไม่กี่อย่าง
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึง โอ๊ยย มือมึงเป็นคีมป่ะเนี่ยย ปล่อยโว้ยยย” ไอ้มาร์ชโวยวายเสียงดัง มึงนะมึง ข้ามไปคืนนึงก็กลับมาฤทธิ์เยอะเหมือนเดิมเลยวุ้ย กูนึกว่าจะหายซ่าลงสักนิดนึงซะอีก
ผมกับไอ้มาร์ชยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมาอยู่ตรงแถวๆ หน้าลิฟท์เสียงดังเอะอะจนคนเริ่มหันมามอง และแล้วก็ชายสูงวัยคนหนึ่งใส่ชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม มีป้ายชื่อและตำแหน่งติดอยู่บนหน้าอก พร้อมกับเบลล์บอยอีกสองสามคนวิ่งตามมา
“คุณหนูครับ มีอะไรรึเปล่าครับ?” ชายที่ท่าทางมีตำแหน่งสูงเดินเข้าใกล้ แล้วถามปนเสียงเหนื่อยหอบ
“ลุง ช่วยผมหน่อย!” ไอ้มาร์ชตะโกน ไม่นานพนักงานของโรงแรมนั้นก็ปรี่กันเข้ามาช่วยคุณชายของมันกันจ้าละวั่น (จะมากันเยอะทำม้ายยย ตูก็มีอยู่คนเดียว) ชายร่างกำยำสองคนเข้ามาล็อกแขนผมแน่นจนดิ้นไม่หลุด
“เอาของในมือมันมาด้วย” ไอ้คุณชายสั่งการหลังจากที่หลุดจากตัวผม ยืนหอบแต่สีหน้าสะใจ
“คุณหนูเป็นอะไรรึเปล่าครับ แล้วคุณผู้ชายท่านนี้เป็นใคร” ลุงคนนั้นไม่พูดเปล่า ส่งสายตาหยามเหยียดมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เอามันออกไปข้างนอก แล้วก็คอยดูไว้ห้ามมันเข้ามาโรงแรมเราอีก!”
แล้วไม่นานผมก็โดนจับลากถูลู่ถูกังออกมานอกโรงแรมพร้อมคำขู่จากไอ้พวกลูกกระจ๊อกตัวบึกทั้งหลายสารพัดสารเพ แม่งเอ้ยยย ทำไงได้ล่ะ มันคงรู้แล้วล่ะว่าโรงแรมนี้เป็นฐานทัพชั้นเยี่ยมของมัน นั่นไง…ยืนกอดอกทำหน้าตาทะเล้นทะลึ่ง ยักคิ้วยิ้มกวนๆ ส่งมาให้ผมผ่านบานกระจกผืนใหญ่ ผมก็เลยมอบนิ้วชี้ ชี้ไปยังหน้ามัน ถอดความได้ว่า ‘ซ่าไปเหอะ เดี๋ยวเจอดี’
วันนั้นผมยอมมันไป แต่ไม่ได้หมายความว่ายอมเลิกราจากมันนะ เพราะผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาไอ้เป้ ไอ้เป้เป็นเพื่อนผมอีกคนนึงที่มันทำงานเกี่ยวกับราชการ แต่เป็นราชการลับ สุดยอดมั้ยล่ะครับเพื่อนผม พวกแฟ้มคดีลับ ซ่อนเงื่อน เบื้องหน้าอย่างลับหลังอย่าง วงการตำรวจและราชการไทย มีมันเป็นหนึ่งในสายสืบ น้อยคนเท่านั้นที่จะรู้ว่ามันทำงานนี้
“เป้ มึงว่างเปล่าวะ”
“สาดดดดด มีมั้ย ทักทายเพื่อน เฮ้ยย มึงสบายดีเปล่าวะไอ้เป้ ไม่ได้เจอนาน บลาๆ สารทุกข์สุกดิบกูมึงเคยสนบ้างมั้ยยยย” นี่แหล่ะครับเพื่อนผม มันโวยวายผ่านทางโทรศัพท์โดยมีเสียงอึกทึกอยู่ข้างหลัง
“เออๆ สบายดีมั้ยมึง…พอใจยัง กูมีเรื่องให้มึงช่วย”
“สาดดดด ถ้าจะถาเพราะกูบอกให้ถามมึงไม่ต้องถามเลยดีกว่า เชี้ยนี่…ว่าแต่มีไรวะ ด่วนไม่ด่วน” เป็นไงล่ะ ถึงปากมันจะฉอดๆ ยิ่งกว่าแม่ค้าตลิ่งชัน แต่มันก็เป็นเพื่อนที่พร้อมจะช่วยเพื่อนเสมอครับ โดยเฉพาะเพื่อนรัก(หักเหลี่ยมโหด)แบบผม
“ตามหาประวัติคนคนนึงให้หน่อย ขอแบบถี่ยิบ”
“หาใครวะ ลูกหนี้มึงรึไง” ไอ้เป้ทำเสียงงง เพราะปกติผมไม่เคยขอให้มันทำเรื่องส่วนตัวอะไรแบบนี้
“ก็…อาจจะประมาณนั้น หามาให้กูเถอะน่ะ”
“มึงบอกความจริงกูมาก่อน กูไม่ทำงานให้ใครฟรีโดยไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังโว้ย”
ผมเลยจำใจต้องเล่าเรื่องทุกอย่างของไอ้มาร์ชให้ไอ้เป้ฟัง ตั้งแต่เรื่องที่เจอมันที่คอฟฟี่ช็อป เรื่องแก้ว และเรื่องที่ผมขู่มันไป ไอ้เป้ถึงกับหัวเราะกร๊ากออกมา กูซีเรียสนะเว้ยมึง -*-
“เรื่องหาน่ะ กูหาให้ได้ กะไอ้แค่ประวัติคนคลิ๊กครั้งสองครั้งก็เจอ…ว่าแต่…”
“ขอบใจ แต่อะไรวะ กูไม่มีอะไรให้มึงนะเว้ย เงินมึงสองแสนคืนกูยัง ลืมไปเลยสัตว์นี่” ผมพูดกลั้วหัวเราะเป็นเชิงหยอกเย้ามากกว่าจริงจัง
“ห่าเอ้ยยยยย อุตส่าห์ทำเนียนลืม…เอ้ย! ไม่ใช่ อย่าชวนกูเขวสิวะ กูจะถามว่ามึงแน่ใจแล้วเหรอจะทำแบบนี้” เสียงไอ้เป้กลายเป็นขรึมขึ้นมาทันที
“แน่ใจไรวะ”
“เรื่องของไอ้คนที่ชื่อมาร์ชเนี่ย…ทำไมมึงต้องทำถึงขั้นนี้ด้วยวะ ปกติกูก็เห็นมึงเจอไอ้พวกกวนๆ อะไรแบบนี้มาเยอะแยะ ไม่เห็นจะเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรนักหนา แต่คราวนี้ถึงกับหลอกแก้วว่าตัวเองเป็นเกย์ หมายมั่นจะตามล่ามันสุดขอบฟ้า กูว่ายังไงๆ อยู่นะ มึงมีอะไรนอกเหนือจากที่เล่าให้กูฟังเปล่าวะ”
ผมนึกภาพไอ้เป้ออกเลย ถ้ามันมาอยู่ตรงหน้าผม คงเหมือนพวกตำรวจกำลังสอบสวนผู้ร้าย นั่งอยู่คนละฝั่งโต๊ะตัวเล็ก เอาไฟฉายส่องหน้าจนผมตาหยีแหงๆ
“กูไม่รู้ว่ะ ยังไงซะกูก็ทำไปแล้ว พูดไปแล้วไม่คืนคำเว้ย”
“ไม่ได้เกี่ยวกับคืนคำไม่คืนคำเว้ยสัตว์นี่ มึงเข้าใจความหมายกูมั้ย กูหมายถึง มึงรู้สึกอะไรกับไอ้มาร์ชนั่นรึเปล่า”
“เฮ้ยยย เหี้ยนี่ กูไม่ได้เป็นเกย์จริงๆ นะเว้ย กูแค่หลอกไปเท่านั้น มึงก็รู้จักกูดี อึ๋ยยย พูดให้หยองนะมึง” ผมทำท่าขนลุกประกอบ
“กูก็ไม่ได้หมายความว่ามึงชอบไอ้มาร์ชนั่น แต่หมายความว่ามึงรู้สึกอะไรมากกว่าที่พูดออกมา เชื่อกูดิ กูเซนต์ดีนะเว้ย ไม่งั้นทำงานตรงนี้ไม่ได้หรอก…. แล้วอีกอย่างกูก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะถ้ามึงเป็นกะเทย เป็นเกย์ เป็นไบ ห่าเหวไรนั่น เพราะกูรู้จักมึงดี…”
“เออๆ มึงจะว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่
กูไม่ได้เป็นเกย์” ผมยืนยันหนักแน่นในคำพูดพร้อมกับสายตามุ่งมั่น แต่ทำไมนะ…หน้าไอ้มาร์ชมันลอยวนเวียนไปมาสะบัดไม่ออกจากหัวทุกที สงสัยกูจะแค้นมันมาก…
“เออ มึงอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย คอยดูเหอะ คนที่ตกบ่วงคำพูดตัวเองน่ะมีเยอะ ระวังอย่าให้เป็นหนึ่งในนั้นละกัน…ยิ่งบ่วงตอดๆ เนี่ย ลองทีติดใจหาทางออกไม่ได้นะเว้ย หึหึหึ” ไอ้เป้พูดสองแง่สองง่ามแล้วหัวเราะในลำคอเป็นเชิงล้อเลียน จนผมแอบคิ้วซ้ายกระตุกไม่ได้
“ห่า เงียบไปเลย…กูเป็นผู้ล่า ไม่เคยเป็นเหยื่อให้ใครมาคล้องบ่วงเว้ย ทำตามที่กูบอกก็พอ ได้ด่วนที่สุดตอนไหน” ผมถามปัดๆ อย่างอารมณ์เสีย นี่กูมาให้มึงช่วยไม่ใช่ให้มึงมาเทศก์นะเว้ย
“อีก 5 นาที”
“จัดมา อย่าให้เสีย…ว่าแต่มึงอยู่ไหนวะ”
“กูกำลังดูทดลองปรมาณูอยู่ ขำวะ แม่งไอ้พวก………@O)(&#!_@$”
“พอๆ กูไม่ได้เหมือนมึง กูยังไม่อยากติดคุก ไม่รับรู้เรื่องภายในเว้ย! แต๊งกิ้วมากไอ้เพื่อนรัก เจอกันเมื่อชาติต้องการ”
“ตอนชาติต้องการกูคงไม่ได้เจอมึงหรอก เจอกันตอนชาติเค้าไม่ต้องการกูเว้ย”
แล้วมันก็วางสายไป จริงของมันครับ เจอกันเมื่อชาติไม่ต้องการเพราะมันทำงานให้ชาตินี่หว่า…บ่วง…บ่วงเอี้ยอะไรของไอ้เป้มันฟะ คนอย่างกูไม่มีทางซะหรอก มึงคอยดู ในขณะที่ผมกำลังสับสนกับความคิดตัวเองก็มีข้อความส่งเข้ามาในมือถือ คือรหัสเข้าไฟล์ลับที่ไอ้เป้ส่งมาให้ ทันใจเหลือเกินนะมึง หึหึหึ
ผมจอดรถ เร่งเดินเข้าคอนโดส่วนตัว แล้วนั่งลงหน้าจอคอมทันที เข้าเวบลับของรัฐบาลแล้วลงมือใส่รหัส…ถ้าถามว่ารู้ได้ยังไงว่าต้องทำอะไรบ้าง ผมก็เคยเป็นผู้ช่วยมือขวาของไอ้เป้มันนะครับ ไม่อยากจะบอก ถ้ามันขาดผมไป…มัน..คงไม่รู้สึกอะไร แต่กูขาดมึงไม่ได้ว่ะไอ้เป้ ก๊ากก
นายภุชิสสะงั้นเหรอ…นามสกุลใหญ่โตเชียว บิดาเป็นผู้ก่อตั้งโรงแรมคอนติเนนทอลฯ และเป็นเจ้าของกิจการ 21 สาขาทั่วโลก รวยจริงแหะ ไอ้ลูกคุณหนูเอ้ยยย ไปเรียนที่อเมริกาตั้งแต่อายุ 12 ปี เก่งตั้งแต่เรื่องเรียนจนถึงความสามารถรอบด้านทั้ง ดนตรี กีฬา และกิจกรรมต่างๆ อาทิ แซกโซโฟน ขี่ม้า โปโลน้ำ …ยิ่งอ่านประวัติมันยิ่งหมั่นไส้ คนไรวะจะเพอร์เฟ็คได้ขนาดนี้
แต่แล้วผมก็ต้องสะดุดกับข้อความ ข้อความหนึ่ง พร้อมรูปภาพหญิงชราหน้าตาซีดเซียวแทบไม่เหลือเค้าแห่งชีวิตในชุดคนไข้สีขาว สายระโยงระยางไปทั่วเตียง …
***TBC
โอย ง่วง...ตื่นแต่เช้า (หาวประกอบ)
เอามาลงแทนอีกครั้งครับ วันนี้ไอ่พากย์มันออกรบภาคสนาม ไม่มีเวลามาลง ความจริงคือแอบอู้ให้มาลงให้นี่เอง =v=''
ขอบคุณสำหรับทุก ๆ คอมเม้นต์นะครับ ตลกมาก ๆ โดยเฉพาะรูปประกอบที่เพื่อน ๆ หามาให้
รูปซันไลน์นั่นน่ะ เหมือนไอ้พากย์เด๊ะ 
(ไม่เอา ๆ อย่าแซวมันมาก เดี๋ยวจะซวยมิใช่น้อย)
ส่วนนี่คือรูปจริง ไม่รู้ตรงกับที่เพื่อน ๆ คิดรึเปล่า ?

นายซัน สหรัฐ ครับ
ปล. ถามว่าเหมือนไอ่พากย์มั้ย...อืมมม โนคอมเม้นต์ 