4
“นั่นอะไร...”
“แมว”
“...”
กูรู้มั้ยล่ะ ที่จะสื่อคือ มึงถือแมวมาด้วยทำไม
ผมขมวดคิ้ว จับจ้องไปยังคนตรงหน้าและสิ่งมีชีวิตตรงหน้า ไอ้ฉางมาปรากฏตัวหน้าหอผมอีกครั้ง ดูท่าจะนั่งรอผมมาสักพักแล้ว คราวนี้มันพกแมวจรสีส้มมาด้วย แถมสายตานั้นเหมือนจะสื่อว่าให้ผมทำอะไรสักอย่าง
แล้วกูจะทำอะไรล่ะครับ คนสร้างเรื่องมันมึงเอง
“ข้าว...”
“ที่หอเลี้ยงแมวไม่ได้ ปล่อยมันไปเลย”
“แต่มันจะโดนหมาในซอยกัดเอา”
“งั้นก็หาคนรับเลี้ยง”
ไม่ได้ใจดีอย่างที่บอก แต่ก็ไม่ได้ใจจืดใจดำจะให้ทิ้งสัตว์เล็กตรงหน้าได้ลงคอ เสียแต่...ทำไมกูต้องมาร่วมรับผิดชอบสิ่งมีชีวิตนี้ด้วยวะ ทั้งๆ ที่ไอ้ฉางเป็นคนเก็บมาเองแท้ๆ
“งั้นรอสักวันสองวันได้มั้ย”
“ที่นี่ไม่ให้เลี้ยงแมว ถ้าจะรอ ก็หาที่ให้มันอยู่เอง” ผมว่า พูดตามความจริงแม้อาจจะฟังดูใจร้าย
“ข้าว...”
“ไม่”
“ข้าว...นะ สองวัน สัญญา”
“ไม่...”
“ข้าว มันจะตายเอานะ”
“เออ สองวัน มึงดูแลเองนะ”
“ครับ หึๆ” ไม่วายมีส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ไม่รู้ทำไม ผมปฏิเสธมันแบบจริงๆ จังๆ ไม่เคยได้เลยสักครั้ง ไอ้ฉาง มึงมันเลว
อย่างที่เคยบอก ผมแพ้ทางพวกสัตว์ ไม่รู้ต้องรับมือยังไง เพราะฉะนั้น เรื่องเลี้ยงแมวนี่จะไม่ขอเข้าไปยุ่ง ถ้าอยากเลี้ยงมันนักก็เลี้ยงเอง กูให้ยืมแค่สถานที่เท่านั้น
ไอ้ฉางจัดการอุ้มแมวสีส้มพร้อมกับเอาเสื้อคลุมบังไม่ให้ป้าหอหรือคนในหอเห็น เดินตามผมเข้าห้องไปติดๆ อย่างมีพิรุธจนน่ารำคาญ อยากจะหันหน้าไปด่าแต่รู้ตัวอีกทีก็มาถึงหน้าห้องแล้ว เลยปล่อยให้มันเอาเข้าไป
ฉางจัดการปูที่นอนให้แมวจรโดยใช้เสื้อคลุมตัวเอง ขอยืมผ้าขนหนูที่ไม่ใช้แล้วของผมไปหนึ่งผืน ที่ยอมก็เพราะไม่ใช่ยักษ์มาร ช่วยอะไรได้ก็ช่วย แค่หาอุปกรณ์ ไม่เหนือบ่ากว่าแรง ขอแค่ไม่ต้องไปยุ่งกับมันไปมากกว่านี้ก็พอ
ไอ้ฉางเช็ดตัวแมวจรจนสภาพดูดีขึ้นมานิดนึง พร้อมกับเล่าว่าไปเจอแมวตัวนี้ตอนกำลังหนีสุนัขในซอยอยู่ ไอ้ฉางเห็นมันหลบมุมเลยแอบสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ พอหมาพวกนั้นหายไป ถึงได้รอสักพักก่อนเก็บมันขึ้นมา แมวส้มไม่ดิ้นขัดขืนต่อสู้อย่างที่นึก ไม่รู้ว่าหมดแรงแล้วหรืออะไร แต่นั่นก็ทำให้ไอ้ฉางเอามันมาถึงหน้าหอผมจนได้
พับผ่าสิ
หลังจากที่ฉางเช็ดตัวแมวส้มเสร็จ ภายในห้องที่เงียบงันมาพักหนึ่งถึงมีเสียงมันตัดขึ้นมา
“เดี๋ยวผมลงไปเอาอาหารกับอุปกรณ์อีกนิดหน่อยนะ”
มันพูด แล้วไปเลย ทิ้งผมไว้กับตัวตายตัวแทนตัวจิ๋ว
ผมเลี้ยงแมวไม่เป็น อันที่จริง ผมเลี้ยงสัตว์ไม่เป็นเลย ไม่คิดจะเข้าใกล้ด้วยซ้ำ ก็เห็นว่ามันน่ารักดี แต่ก็ไม่ได้นึกพิศวาสอยากเข้าไปลูบไปจับเหมือนคนอื่นเขา มาตอนนี้ ผมเลยไม่รู้จะทำยังไงกับก้อนแมวสีส้มตรงหน้า จึงได้แต่นั่งมองมันไปเรื่อยๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ก็ไม่กล้าทิ้งไว้
แมวส้มไม่ได้ทำอะไรให้ผมกังวล นึกว่ามันจะวุ่นวายกว่านี้ ทว่าแมวจรตัวนี้กลับเอาแต่เลียขนแล้วก็นั่งอยู่เฉยๆ แปลกแมว ถึงจะไม่ใกล้ชิดกับสัตว์ แต่ปกติแล้วมันก็ต้องตื่นตัวกับสถานที่แปลกถิ่นไม่ใช่หรือ ถ้าไม่กลัว อย่างน้อยก็ต้องเดินสำรวจสักนิด แมวตัวนี้ไม่มีสัญชาตญาณแมวหรืออย่างไร
พลันคิดถึงหน้าคนๆ หนึ่งขึ้นมา
จะใครได้อีก ก็พ่อมันไง ไอ้ฉาง ไอ้นี่เองก็ไม่มีสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์เอาเสียเลย ปกติไม่มีใครเขามาขอนอนค้างคืนกับคนไม่สนิทบ่อยๆ อย่างนี้หรอก อันที่จริง ต้องเรียกว่าเป็นคนที่เพิ่งรู้จักด้วยซ้ำ
หรือว่าพวกมันรับรู้ได้ว่าเป็นพวกเดียวกัน ถึงได้ดึงดูดซึ่งกันและกัน
ระดับปัญหาพิศวงเกินกว่าสมองผมจะประมวลผลหาคำตอบได้ จึงได้แต่นั่งจ้องแมวส้มแทน ที่ตอนนี้เริ่มหลับตาลงเสียแล้ว เชี่ยแม่ง เหมือนกันจริงๆ ด้วย ความไม่สนโลกนี้
ผมนั่งพินิจแมวจรตัวนี้ไม่นาน ฉางก็โผล่มา เมื่อครู่ไม่ได้ล็อกประตูห้องไว้จึงเข้ามาได้โดยที่ไม่ต้องเคาะให้ผมเปิดประตูให้ บอกตรงๆ ก็คือลืม พอไอ้ฉางออกไปผมก็เอาแต่นั่งมองแมวจรตัวนี้อย่างหวาดระแวง ระแวงแมวมากกว่าระแวงโจร เอาเข้าไป ส่วนประตูหอ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉางมันหาทางเปิดได้ยังไง หรือบางทีมันอาจจะไม่ได้ปิดไว้
ฉางกลับมาพร้อมถุงใบใหญ่ในมือ มีทั้งอาหาร ทั้งกระบะทราย ทรายแมว ถ้วยข้าว ขนมแมว ปลอกคอ ซึ่งไม่รู้ว่ามันไปหาเอาจากไหนได้รวดเร็วขนาดนี้ ไม่ทันได้ถาม แขกไม่ได้รับเชิญก็เริ่มลงมือจัดการข้าวของตรงหน้า ติดตั้งกระบะทราย ก่อนเทข้าวลงในชาม ยื่นให้แมวจรซี้ตัวใหม่
แมวส้มลืมตา ขยับตัวดมฟุดฟิดก่อนก้มลงกินอย่างเกียจคร้าน ราวกับจะพูดว่า ไหนๆ ก็ทำมาให้แล้ว กินหน่อยก็ได้... แน่นอน ผมคิดไปเอง
“ข้าว ช่วยอะไรหน่อยได้ไหม” ฉางเอ่ยขึ้นหลังจากที่แมวส้มก้มกินอาหารไปเงียบๆ สักพัก ผตอบกลับแทบทันที
“ไม่”
บอกแล้ว พามาเองก็รับผิดชอบเอง จะไม่ยุ่ง
“เรื่องง่ายๆ เอง”
“ถ้าง่ายก็ทำเองสิ”
“ก็ผมทำไม่ได้นี่”
“แล้วจะมาพึ่งกู?”
“แค่คิดชื่อแมวให้หน่อย”
“...”
“นะข้าว คิดมาตลอดทางเลย คิดไม่ออก”
“คิดเองสิวะ”
“ก็คิดแล้ว”
ผมกัดฟันกรอด ทำไมคุยกับไอ้ฉางทีไรชอบมีเรื่องให้น่าหงุดหงิดตลอดเลยนะ ปกติก็ไม่ใช่คนโมโหร้ายแท้ๆ แม่ง
“ฉาง”
“หืม”
“ชื่อแมว”
“ชื่อฉาง?”
“อืม มีปัญหาหรือไง ไม่ชอบก็คิดเอง”
“เปล่านี่ จะบอกว่าเป็นชื่อที่ดี”
รำคาญมัน ใครก็ได้เอามันไปเก็บที ไม่คิดบ้างหรอว่ากูกวนตีนมึงอ่ะ
ถึงมากกว่าครึ่งของชื่อจะเป็นเพราะผมคิดว่าแมวตัวนี้เหมือนไอ้ฉางจริงๆ ก็ตาม แต่ก็ช่วยขัดสักหน่อยได้มั้ย คนปกติเขาโอเคหรอกับการเอาชื่อตัวเองไปตั้งให้หมาแมว
“ฉาง อร่อยมั้ย”
ไม่มีคำโวยวาย ไม่มีแม้แต่แววตาตำหนิ ซ้ำยังลอบยิ้มราวกับถูกใจชื่อใหม่ ไอ้ฉางลงไปคุยกับแมวฉางอย่างชอบอกชอบใจเสียอย่างนั้น จนใจจะพูดด้วยแล้ว ผมลุกขึ้น ปล่อยให้หนึ่งคนหนึ่งแมวทำความรู้จักกันไป ส่วนตัวเองขอไปจัดการอาบน้ำอาบท่าแล้วออกมาอ่านหนังสือ ทำตามตารางชีวิตปกติเสียดีกว่า
ผมจัดการตัวเองเสร็จ ออกมาจากห้องน้ำก็ยังเห็นไอ้ฉางกับแมวฉางนอนเล่นกันอยู่ อันที่จริง ไอ้ฉางแค่เอานิ้วแตะๆ ตัวแมวส้ม ล้มตัวนอนไปด้วยกันบนพื้นห้อง ส่วนแมวส้มก็นอนหันข้างไปทางไอ้ฉาง ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ไปมากกว่านั้น จะซี้กันก็ไม่ว่า
ขออย่างเดียว อย่าให้มันขี้ในห้องกูนะ
ผมเบือนหน้าหนี เดินตรงไปยังโต๊ะอ่านหนังสือ หยิบตำรา เปิดชีท ทบทวนบทเรียนของวันนี้เหมือนทุกที รอจนถึงเวลานอนก็เข้านอน พยายามทำตามกิจวัตรประจำวัน แม้ว่าจะมีไอ้ฉางเข้ามาแทรกในบางวัน แต่ผมจะไม่ยอมให้มันมาทำลายชีวิตอันปกติสุขของตัวเอง ถึงแม้ว่าไอ้ฉางจะอยู่เงียบๆ เหมือนไม่มีชีวิตอยู่ก็ตาม
ผมทิ้งตัวลงเตียง หลับตานอน
ทิ้งศพคนและศพแมวไว้กลางห้อง
IV
ผมหลับไปกลางห้อง ตื่นขึ้นมาเพราะแมวฉางขยับตัวมานอนขดอยู่ใกล้ๆ แมวฉางน่ารัก คนตั้งชื่อให้ก็น่ารัก ผมมารบกวนขนาดนี้ ข้าวก็ยังยอมให้อีกแล้ว ไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่ฉวยโอกาสความใจดีของข้าวอย่างนี้ ที่แน่ๆ มีผมคนหนึ่งที่กำลังทำอยู่
ไม่ได้ตั้งใจ...แต่พอมีปัญหาแล้วเข้าหาข้าว ข้าวก็พร้อมช่วยทุกที
ไม่ให้เรียกว่าใจดีได้ยังไง ข้าวใจดีอย่างที่เติมเต็มว่า มากกว่าที่ผมคิดด้วยซ้ำ
ผมชอบคนใจดี
ระหว่างนึกก็ลูบตัวแมวสีส้มไปพลาง แมวฉางไม่ร้องสักแอะ ผิดวิสัยแมวตั้งแต่ผมเก็บมันมา ผมก้มมองก้อนขนสีส้มอย่างถูกชะตา ไม่รู้ทำไม ผมชอบมัน เหมือนกับที่ชอบข้าว เป็นสิ่งมีชีวิตที่ผมอยากอยู่ด้วยทั้งคู่
เพื่อนผมมักบอกว่าผมคบยาก กว่าจะทำความเข้าใจได้ก็เล่นเอาเหนื่อย แต่ผมไม่เคยขอให้ใครมาเข้าใจตัวเอง ขอแค่เป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด ผมก็พอใจแล้ว
ข้าวเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ผมอยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด ถึงแม้จะเป็นการบังเอิญที่ผมได้เจอกับเขาก็ตาม
ผมจะถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่โชคดี
ชีวิตไม่ได้คิดอะไรมากเลย
แต่ตอนนี้ต้องเริ่มคิดหาบ้านให้เจ้านี่แล้ว
.
หลังจากวันที่มันเก็บแมวฉางได้ นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้ว แมวฉางยังคงแอบอยู่ในห้องผม ส่วนเจ้าของแมวก็ออกไปไหนไม่รู้ ไหนบอกกูว่าสองวันไงฉาง
ผมพยายามแข่งจ้องตากับแมวจร ทว่าไม่เป็นผล เมื่อแมวจรหลับตาลง ทำเหมือนไม่มีผมอยู่ในสายตา ให้ตายสิ จะเหมือนกันเกินไปแล้ว
ผมมีเรียนช่วงเช้าถึงบ่าย พอเลิกเรียนเสร็จไอ้เขียนก็ทิ้งผมไปหาสาวตามเคย ผมถึงได้กลับมาอยู่ห้องเช่นนี้ ทว่าไอ้ตัวเก็บแมวก็ไม่อยู่ดูแลเสียอย่างนั้น ถึงอย่างนั้นแมวฉางเองก็ไม่ได้ทำตัวรบกวนอะไร สงบเสงี่ยมผิดวิสัยแมว แต่นั่นก็ดีแล้ว แมวส้มขับถ่ายในกระบะทรายที่ฉางเตรียมไว้ ทานอาหารไม่มูมมาม นอกนั้นก็นอนนิ่งๆ
ส่วนผมก็มองมันนอนนิ่งๆ
ไอ้ฉางหายไป ทิ้งแมวส้มไว้ดูต่างหน้า ทำให้ผมเอาสมาธิไปจดจ่อกับแมวจรตัวนี้แทนที่จะหาอะไรทำเหมือนทุกที แต่กว่าจะรู้ตัว เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ไอ้ฉางคงกลับมาแล้ว
เมื่อลุกไปเปิดประตูก็เป็นตามคาด ฉางเข้ามาในห้องด้วยสภาพหัวกระเซิง เหล่มองแมวจรที่นอนนิ่งก่อนหันหน้ามามองผม
“ข้าว ผมขอโทษนะ สองวันคงไม่ได้แล้ว...”
ผมไม่ตอบ จ้องผ่านเส้นผมสีดำที่ปรกหน้าเข้าไปยังดวงตาสีเดียวกัน ประกายตาฉางฉายแววรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด
“...ที่บ้านผมไม่มีคนอยู่ ขออีกอาทิตย์นึงได้มั้ย”
เดี๋ยวนะ รวบรัดเกินไปแล้ว ขอคำอธิบายยาวกว่านี้ได้มั้ย บ้านมึงไม่มีคนอยู่ แล้วเกี่ยวอะไรกับอาทิตย์นึงวะ?
“ไม่ได้หรอ”
“กูแค่ไม่เข้าใจ”
“ยังไง”
“มึงขอเวลาอาทิตย์นึง เพราะที่บ้านไม่มีคนอยู่ คืออะไร”
“ก็ตามนั้นไง ผมจะเอาแมวไปไว้ที่บ้าน”
ก็แล้วทำไมไม่พูดคำนี้ออกมาก่อนเล่าโว้ย ผมถอนหายใจ หงุดหงิดกับตัวเองที่ฟาดงวงฟาดงาใส่มันไม่ได้ เห็นสภาพมันยุ่งเหยิงก็นึกว่ามันวิ่งเต้นหาคนรับเลี้ยง ปรากฏว่าไม่ใช่เลย มันตั้งใจจะเอาไปไว้บ้าน แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ช่วยดูแลแมว ส่วนเรื่องที่มันกลายสภาพโทรมเช่นนี้ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
“สรุปได้มั้ยอ่ะ”
“มึงดูแลเอง”
“ขอบคุณนะข้าว”
ผมเอ่ยตัดบท มาถึงขั้นนี้แล้ว อยู่ต่ออีกหนึ่งวันหรืออีกหนึ่งอาทิตย์คงไม่ต่าง ตราบใดที่แมวมันยังคงทำตัวสงบเสงี่ยมแบบนี้ ไอ้ฉางกดยิ้ม อุ้มแมวส้มไว้ในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม พลางเอ่ยคำพูด ที่ไม่รู้ว่าพูดกับแมวหรือพูดกับผม
“ฉางก็ขอบคุณข้าวด้วยสิ”
แน่นอน ไม่มีเสียงใดๆ เอ่ยออกมา
♦ ♦ ♦ ♦ ♦ ♦ ♦
เพราะตอนที่แล้วกับตอนนี้เป็นตอนสั้นๆ เลยเอามาลงติดๆ กันให้ค่ะ <3
ใครตามมาจากคุณเกรย์คงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องพี่ฉาง แต่ไม่มีพี่ฉาง
แต่ว่า...ใช่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่ฉาง แมวส้มที่น้องปายนอกใจไปหานั่นเอง555555
แต่บอกก่อนเลยว่าพี่ฉางเรื่องนี้ไม่ได้มีบทบาทมากเหมือนคุณเกรย์นะคะ
พี่จะแค่ผลุบๆ โผล่ๆ มาเหมือนเจ้าของ555
เดี๋ยวกลัวจะเอียนแมวไปกันซะก่อน XD
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ