^
^
^

อยู่ดีๆมาส่งจดหมายให้ใครค่ะ มาอ่านต่อกันดีกว่านะ

******************************************
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆรับแสงอรุณที่ส่องผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามาในห้อง เช้านี้อากาศเย็นจังเลยครับ ปรกติผมไม่ค่อยชอบอากาศเย็นเท่าไหร่ ทำให้รู้สึกตัวตื่นเร็วกว่าปรกติ เหลือบไปดูนาฬิกาก็7 โมงแล้วครับ คนที่นอนข้างๆกายผมยังคงนอนหลับอย่างมีความสุข เสียงลมหายใจยังดังสม่ำเสมอคงจะหลับสนิทเลย ผมเองรู้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวอยู่ไม่น้อย ก็ออกกำลังกายยามดึกกันซะไม่รู้วันเวลา ไม่มีวอร์มอัฟวอร์มดาวน์ ผลมันก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ
อากาศก็เย็นสบาย ผมเลยใช้เวลานอนมองหน้าพี่ต่ายอยู่อย่างนั้น แล้วก็นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าชีวิตผมมันเป็นยังไงมายังไงไม่รู้ทำไมถึงมาลงเอยที่พี่ต่ายได้ก็ไม่รู้ หรือนี่คือสิ่งที่เค้าเรียกว่าพรหมลิขิต คนนี้น่ะหรือคือแฟนของผม ผู้ชายที่หน้าตาดีคนนี้ที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ต่อหน้าผมนี่
ปอยผมพี่ต่ายหล่นมาปรกตรงหน้านิดๆ ผมเอามือเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาบังหน้าพี่ต่ายออก
แล้วก็พบความจริงว่า.......พี่ต่ายมีผมหงอกด้วย ฮ่าๆๆๆๆ

พี่ต่ายแก่จนควรจะมีผมหงอกแล้วเหรอ หรือว่าเครียดมากไปกันแน่ที่มีแฟนอย่างผม หึหึ
แต่พี่ต่ายก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิมครับถึงแม้จะมีผมหงอกแล้วก็ตาม ผมคิดดูเล่นๆว่าจนวันนึงที่พี่ต่ายมีผมหงอกเต็มหัว เราจะยังรักกันอยู่ไม๊ ความรักของเรามันมั่นคงจริงๆหรือเปล่า จนถึงวันนี้ผมก็ยังอดกังวลไม่ได้ถึงแม้เราจะผ่านเหตุการณ์ต่างๆมามากมาย
แล้วก็คิดถึงงานแต่งงานที่ผมจะไปวันนี้ คงจะมีเพื่อนๆมามากมาย คงน่าจะสนุกน่าดูเพราะไม่ได้เจอกันมานานมากแล้วตั้งแต่ผมย้ายกลับมาทำงานที่บ้าน ผมก็คงไม่มีวันนั้น.....วันที่ได้แต่งงานเหมือนคนอื่นๆ แต่ผมก็ไม่เคยเสียใจเพราะผมมีพี่ต่ายอยู่นี่นา
เมื่อคิดถึงงานแต่งงาน ผมก็อดคิดถึงเบ็ตตี้ไม่ได้ ยังคิดถึงรอยยิ้มสดใสของเบ็ตตี้เวลาที่ผมแกล้ง คิดถึงตอนที่เราไปขี่จักรยานเล่นกันเป็นกลุ่มสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่เราแอบแยกไปขี่กันเพียงสองคนเพื่อที่จะหาเวลาคุยกันตามลำพัง หึหึหึ มันก็ยังสนุกและตื่นเต้นดีครับเมื่อมานึกถึงอีกครั้ง
แล้วก็คิดถึงเจ้าสาวในวันนี้...นนนี่ สมัยที่เราเรียนมหาวิทยาลัยนนนี่กับพี่โจเป็นคู่รักตัวอย่างที่ทุกๆคนชื่นชม แล้วก็คิดว่าต้องเป็นคู่ที่จะได้แต่งงานกันก่อนใครแน่ๆ เพราะคบกันมาตั้งแต่นนนี่ปี1จนพี่โจเรียนจบไปก่อนก็ยังคบกันอยู่ แล้วอะไรกันนะที่ทำให้คนที่รักกันมากๆต้องมาแยกจากกันไปได้
คิดไปก็ปวดหัวเลยกลับไปมองพี่ต่ายดีกว่า คนอะไรนอนหลับลึกขนาดนี้ อยากจะสัมผัสริมฝีปากแดงๆของพี่ต่ายก็กลัวจะไปปลุกคนกำลังนอนอร่อยๆอยู่
ผมนอนเล่นรอพี่ต่ายอยู่อีกพักนึงพี่ต่ายก็ยังไม่มีทีท่าจะตื่น ผมเลยลุกขึ้นแล้วออกไปยืนชมบรรยากาศข้างนอกหน้าต่าง อากาศสดชื่นจริงๆครับ มองลงไปข้างล่างเห็นน้องเดือนกับแฟนเค้ากำลังใส่บาตรพระที่พายเรือมารับบาตร แต่คงใกล้จะเสร็จแล้ว ผมเลยตัดสินใจปล่อยให้พี่ต่ายนอนไปก่อน แล้วผมก็ไปอาบน้ำแปรงฟันก่อนดีกว่า ลงมาข้างล่างเจอพี่กั้งกับน้องเดือนนั่งคุยกันอยู่หน้าบ้านแค่สองคน พี่กั้งหันมาเห็นผมพอดีเลยเรียกผมไปร่วมวงสนทนาด้วยกัน
“น้องโอมตื่นแต่เช้าเชียวครับ นอนหลับสบายไม๊ครับ”
พี่กั้งยิ้มแปลกๆครับดูตามีประกายเหมือนจะล้อเลียนนิดหน่อย เอ๊ะหรือว่าจะรู้ เอ๊ะๆๆๆ...หรือว่า......ตายยยย :-[ผมล่ะอยากเขกหัวตัวเอง อีกแล้วเหรอเนี่ยเสียงของผมกับพี่ต่ายน่ะซิ ทั้งเสียงหัวเราะ เสียงนู่นนี่นั่น ผมเริ่มจะอายจนแทบจะอยากกลับขึ้นห้องไปก่อน ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด มือไม้ดูเกะกะไม่รู้จะเอาไปไว้ตรงไหนดี
ผมเลยได้แต่เกาหัวแกรกๆด้วยความเขิน แต่ระฆังช่วยครับน้องเดือนไม่ปล่อยให้ผมเขินนาน “พี่โอมมานั่งคุยกันก่อนค่ะ หิวหรือยังค่ะจะรับกาแฟอะไรก่อนดีไม๊ค่ะ”
เห็นหน้าคนสวย ฟังเสียงเพราะๆผมก็ยิ้มได้เลยครับ ผมล่ะอิจฉาพี่กั้งจัง แฟนทั้งสวยทั้งเอาใจเก่งขนาดนี้
“ก็ดีครับพี่ขอกาแฟก่อนแล้วกัน เดี๋ยวข้าวเช้ารอทานพร้อมพี่ต่ายดีกว่า”ผมตอบน้องเดือนไปอย่างนั้น แล้วก็เดินเข้าไปร่วมวงกับพี่กั้ง ในขณะที่น้องเดือนขอตัวลุกไปเอากาแฟมาให้ผม
“มาเลยน้องโอมมานั่งคุยรอกาแฟไปพลางๆ” พี่กั้งเรียกผมไปนั่งข้างๆ
“ดีจังเลยนะครับที่นี่อากาศดีมากเลย แล้วเช้าๆก็ได้ใส่บาตรด้วย ผมก็ไม่รู้ว่ามี จะได้ตื่นเช้าหน่อยมาใส่บาตรด้วยคน”
“ครับเราก็ใส่กันทุกครั้งที่มีโอกาส ทำนุบำรุงศาสนากันหน่อย แล้วก็รักษาวิถีชิวิตของชาวบ้านด้วย อยากให้เป็นแบบนี้ไปนานๆน่ะครับ” พี่กั้งอธิบายให้ผมฟังยิ้มๆ
“เป็นไงครับน้องโอมไปนั่งเรือชมหิ่งห้อยชอบไม๊ครับ”พี่กั้งก็คุยทักทายลูกค้าเก่งดีครับ หล่อดีด้วย เสียแต่อวบไปหน่อย อิอิ
“ชอบครับสวยดี ถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาเที่ยวอีกครับ คนที่นี่โชคดีนะครับมีธรรมชาติมาเป็นตัวช่วย ให้ท้องถิ่นได้มีแหล่งทำมาหากิน พี่กั้งเป็นคนที่นี่เหรอครับ”
“ใช่ครับ...พี่เกิดที่นี่ แต่ก่อนบ้านนี้พ่อกับแม่พี่อยู่ แต่หลังๆพอมาทำท่องเที่ยวแกไม่ชอบเพราะว่ามันพลุกพล่านกว่าเดิม เลยไปปลูกบ้านที่สวนอยู่กัน”
น้องเดือนเดินยิ้มมาแต่ไกลเอากาแฟมาให้ผมพอดีครับ ยิ้มสวยเป็นบ้า ผมเลยส่งยิ้มตอบไปทั้งที่สามีเค้าก็นั่งหัวโด่นี่แหล่ะครับตรูไม่สน ตรูชอบ “ขอบคุณครับน้องเดือน” แล้วน้องเดือนก็เดินไปนั่งข้างๆพี่กั้ง
ผมดื่มกาแฟไปก็มองสำรวจด้วยสายตาไปรอบๆบ้านอย่างคร่าวๆ พบรูปถ่ายธรรมชาติและวัดสวยๆมากมาย ติดอยู่ที่ฝาผนังบ้าน เลยหันไปคุยกับพี่กั้งต่อ “รูปที่ติดนี่สวยมากเลยครับ พี่กั้งถ่ายเองหรือเปล่าครับ”
พี่กั้งยิ้มๆแล้วก็ตอบว่า “ใช่ครับว่างๆพี่ก็ไปวัดมั่งไปถ่ายรูป หรือวันไหนแดดดีๆก็ถ่ายรูปต้นไม้ใบหญ้าแถวๆนี้ แต่เวลาเช้าๆตื่นขึ้นมาบางทีเห็นน้ำค้างบนต้นไม้ นอกจากจะให้ความรู้สึกสดชื่นไปแล้ว พี่ก็อยากเก็บความทรงจำพวกนี้ไว้ให้เดือนได้เห็นด้วยครับ” แล้วพี่เค้าก็ส่งสายตาหยอดให้แฟนเค้าครับ เฮ้อ.... อิจฉาจริงๆคนมีแฟน แต่ผมก็มีแฟนนี่หว่า ฮ่าๆๆๆๆ ลืมไป
“แต่ก่อนเดือนเค้าก็ทำมาร์เก็ตติ้ง พี่เลยให้เค้าลาออกแล้วมาดูแลโฮมสเตย์แทน อยากให้ทำงานแบบไม่เครียดน่ะครับ”
“ทำงานแบบนี้ก็สนุกดีค่ะพี่โอม เป็นนายตัวเอง พี่กั้งเค้ารู้ใจเดือนที่ชอบอยู่เงียบๆ ไม่ชอบไปวุ่นวายกับใคร แต่ดูซิกลับต้องไปทำการตลาดซะได้ คริคริ”
พี่กั้งจับมือน้องเดือนมาเล่นใหญ่เลยครับ แล้วก็ส่งยิ้มสบตาหวานกัน หวานแบบโลกนี้มีเราเพียงสอง ขนาดผมนั่งหัวโด่อยู่ยังไม่มีความหมายเลย จนผมอิจฉาแทบจะอยากไปเรียกคนของผมมาหวานมั่ง ให้มันรู้ไปใครหวานกว่ากัน ถึงจะเป็นน้ำตาลมิตรผลก็เหอะผมก็กล้าท้าพิสูจน์ความหวาน
ชั่วเวลาสักครู่หนึ่งครับเหมือนมีกระแสจิตส่งถึงกันว่าผมกำลังต้องการคู่ พี่ต่ายเดินลงมาพอดี ท่าทางจะอาบน้ำเรียบร้อยแล้วครับ หน้าตาสดชื่นทีเดียวเนื้อตัวหอมกรุ่น พี่ต่ายเดินเข้ามาหาผมยื่นโทรศัพท์ส่งให้ผม “โทรศัพท์เพื่อนน่ะโอม รับซิครับ”
ผมก็งงใครโทรมาแต่เช้า สบตาพี่ต่ายเหมือนจะถามว่าใคร แต่พี่ต่ายก็ส่ายหน้าเล็กน้อยทำนองว่าไม่รู้ว่าเป็นใคร ผมเลยขอตัวทุกคนแล้วเดินเลี่ยงออกมารับสายข้างนอก “สวัสดีครับ”
“หวัดดีโอม เราเอง....นนนี่นะ”อ๋อเจ้าสาวคืนนี้ครับ โทรมาหาผมทำไมล่ะ หรือว่าเปลี่ยนใจไม่แต่งแล้ว หุหุหุ อาจจะคิดได้มั๊งครับว่ามีลูกกวนตัวมีผัวกวนติง

“อ้าวนนนี่ว่าไงครับ แสดงความยินดีด้วยนะ เป็นไงสบายดีไม๊ลงมาจากคาน”แอบปากเสียกวนใจเพื่อนหน่อยนึงครับ
“ชิส์....โอมนี่กวนไม่เปลี่ยนเลยนะ นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆนะไม่รอดแน่ๆ”เสียนนนี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจะจัดการผม หึหึ
“แต่เราไม่อยากจะว่าใครเพราะวันนี้เป็นวันมงคลของเรา ฝากไว้ก่อนนะโอม”เสียงนนนี่หัวเราะเบาๆ
“ คืองี้ค่ะโอมนนจะโทรมาเตือน....ว่าวันนี้อย่าลืมมางานนนนะ ที่จริงก็ว่าจะโทรมาถามนานแล้วว่าได้การ์ดไม๊ เราไม่แน่ใจว่าถึงไม๊น่ะโอม” โทรมาวันนี้เนี่ยนะถ้าผมลืมผมก็ไม่ไปแล้วล่ะ เตือนช้าจัง (แต่ไม่รู้ผมจะบ่นไปทำไม ฮ่าๆๆๆ)
“ได้นานแล้ว ก็ต้องไปซิ ยังไงก็ไปแน่ๆ อยากไปดูหน้าเจ้าบ่าวผู้โชคดีที่คว้าใจนนนี่ไปได้ เป็นใครกันนะเห็นว่าพี่ที่ทำงานใช่ไม๊”
“ใช่จ๊ะชื่อป๋าฟร๊องอ่ะเป็นหัวหน้าเราเอง เดี๋ยววันนี้จะแนะนำให้รู้จักนะ ว่าคนนี้ไงเพื่อนชื่อโอมที่นนนี่เคยแย่งกับเบ็ตจะเอามาเป็นแฟนแต่เราสู้เบ็ตไม่ได้ อิอิ”
“เจ้ยยย ไม่ต้องเอาโอมไปเสี่ยงเท้าเลยนะนนนี่ หาเรื่องให้กันแล้วซิ เกิดป๋านั่นเค้าหึงขึ้นมาโอมก็แย่ซิ หึหึ”
“แล้วทำไมเรียกป๋าฟร๊องล่ะ ไม่เคารพว่าที่สามีเลยนะ เดี๋ยวเค้าได้ยินก็โดนโบกหรอก แล้วเรียกซะแก่เชียว หรือว่าอายุมากกว่าเยอะ แล้วเค้าเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสรึไงถึงชื่อแบบนี้”ผมละขำเพื่อนผม เพื่อนผู้หญิงผมแต่ละคนกวนไม่ได้น้อยไปกว่าผมครับ
“ไม่กลัวหรอก อยู่ในกำมือแล้ว ก็เอาดวงไปให้หมอดูดู เค้าว่าตกชาตะ เอ๊ย ชะตากลัวเมีย ไม่งั้นเราไม่เลือกหรอก อิอิ” เสียงนนนี่พูดถึงว่าที่สามีอย่างมีความสุขครับก็คนจะแต่งงานนี่นะ
“ นนเรียกป๋าซะเคยนะ เค้าชอบเป็นป๋าอายุก็ไม่เท่าไหร่หรอก พอๆกับเราน่ะแหล่ะ แต่เค้าก็เป็นลูกครึ่งอย่างโอมว่าจริงๆนะ ครึ่งบ้าครึ่งบอ ฮ่าๆๆๆๆ” :อิอิ1:ผมล่ะขำนนนี่คุยไปก็เดินไป พอหันไปมองพี่ต่ายก็เห็นกำลังกวักมือเรียกผมแล้วใบ้ท่าทางให้ผมไปทานข้าวเช้าครับ ผมเลยพยักหน้าว่าจะไปเดี๋ยวนี้แล้วคร๊าบบ
“อืมมม.. ฮ่าๆๆๆ .แต่เราชักสงสัยแล้วซิ ตกลงผู้ชายคนนั้นโชคดีรึเปล่าเราชักไม่แน่ใจแล้วนนนี่ หึหึ แต่เราไปงานแน่ไม่ต้องห่วงคืนนี้ได้เจอกัน”
“อืม เราโทรมาแค่นี้แหล่ะอยากให้โอมได้ไปเจอเบ็ตตี้อ่ะ อยากให้กลับมาคบกันอีก เพื่อนรักของเราทั้งคู่เลย โอมก็ยังไม่มีใครไม่ใช่เหรอ”
พอนนนี่พูดมาแบบนี้ผมก็อึ้งไปพักนึงครับ ก็เล่นถามมาไม่มีปี่มีขลุ่ยไม่มีซอไม่มีจะเข้เลย กำลังคิดอยู่ว่าจะตอบไปว่าไง พี่ต่ายก็ลุกเดินขมวดคิ้วมาหาผมแล้วครับ “โอมไปทานข้าวก่อน”
แล้วพี่ต่ายก็เอามือจูงมือผมไปที่โต๊ะเลยครับ แต่ระฆังยกที่สองก็มาช่วยผมอีกแล้ว ไม่รู้จะมีอีกกี่ยก สี่ยกแบบมวยโอลิมปิคหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผมเลยไม่ต้องตอบคำถามที่นนนี่ถามว่ามีใครรึเปล่า เพราะได้ยินเสียงคนเรียกนนนี่ครับ นนนี่เลยขอตัวไปก่อน
“โอมเดี๋ยวเราไปก่อนนะ ยุ่งๆหน่อยมีงานตอนเช้าด้วย นี่แว่บมาโทรอ่ะ แล้วเจอกันนะ ไปแระ บาย”
“คร๊าบบบ คืนนี้เจอกัน หวัดดีครับนนนี่”
พี่ต่ายยิ้มให้ผมแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆเรื่อยๆว่า “สาวที่ไหนโทรมาโอม คุยนานเชียว อาหารเย็นหมดแล้ว” งานเข้าแล้วตรู เอาแล้วซิพูดยิ้มๆแต่ก็รู้ว่ายิ้มแบบมีนัยยะสำคัญ คือพี่ต่ายกำลังล้วงอยู่ครับ....ล้วงข้อมูล เหอๆ

“เจ้าสาวไงพี่ ที่เราจะไปงานวันนี้ไง เค้าโทรมาย้ำว่าให้ไปให้ได้ พอดีสนิทกันตอนที่เรียน” พี่ต่ายยิ้มแบบเคลียร์ อืมม..เหตุผลผ่านนนน...ผมแทบถอนหายใจออกมา กรูรอดไปงานนี้
“อืมมมม...งั้นรีบทานซะ น้องเดือนเค้าทำมาให้ตั้งนานแล้ว”
“ครับผม...” นาทีนี้ผมก็ว่าง่ายไว้ก่อนครับ พี่ต่ายให้ทำอะไรก็ทำไป
วงสนทนาก็กำลังเป็นไปด้วยดีคุยกันออกรสชาดครับเพราะพวกเราชอบอะไรคล้ายๆกัน
“วันหลังน้องเดือนกับคุณกั้งไปเที่ยวบ้านผมกับโอมซิครับที่เขาใหญ่ จะได้ลองบรรยากาศแบบเขาๆดูมั่ง ก็เงียบสงบดี อากาศก็ดีไม่แพ้ที่นี่นะครับ เนอะโอม”
“ใช่ครับ เชิญนะครับน้องเดือน ไปส่องสัตว์กัน แล้วก็มีเดินป่าในเขาใหญ่ด้วย ผมกับพี่ต่ายก็เคยไปกัน(ไม่อยากบอกว่าไปมาหนเดียวเองครับ ตอนจีบใหม่ๆ แต่ต้องพูดให้ดูเชี่ยวไว้ก่อน ฮ่าๆๆๆๆ) ไม่เหนื่อยอย่างที่คิดครับ สนุกดี”
“ดีค่ะ งั้นวันหลังเดือนต้องขอไปรบกวนพี่โอมกับพี่ต่ายซะหน่อยแล้ว นะคะพี่กั้ง”น้องเดือนเขย่าแขนพี่กั้งอ้อนแฟนน่าดูเลย ไม่รักไม่หลงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว เหอะๆ
“แต่ทางนี้ก็มีแขกเข้าตลอดเลยครับจะทิ้งไปก็ลำบาก แต่ไว้จะหาโอกาสไปให้ได้เลยครับ” พี่กั้งตอบยิ้มๆตามมารยาท
“แล้วนี่คุณต่ายกับน้องโอมจะไปเที่ยวไหนต่อครับ ยังเช้าอยู่เลย ไปขี่จักรยานเที่ยวแถวๆนี้ไม๊ ใช้ของที่นี่ได้เลยครับไม่คิดค่าเช่า”
พี่กั้งถามผมกับพี่ต่ายครับ ถ้าเป็นผมก็คงจะบอกว่าไม่ไป อยากอยู่เฉยๆนั่งคุยกันไปชมธรรมชาติกันไป ไหนๆก็จ่ายเงินไปแล้วก็เสพบรรยากาศให้เต็มที่ ถึงแม้จะสนใจจักรยานฟรีไม่ต้องเสียค่าเช่านิดหน่อย หุหุ แต่พี่ต่ายคิดยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าอยากจะไปไหนไม๊ แต่ผมก็เป็นประเภทใครลากไปไหนก็ไปตามกันซะด้วยซิ ไม่ค่อยชอบใช้สมองครับ เพราะงั้นตามพี่ต่ายอย่างเดียวครับ พี่ต่ายสบตาผมพักนึงเหมือนถาม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ผมก็สบตาไปเหมือนตอบแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เอาเข้าไป 5555+
“เดี๋ยวก็คงนั่งเล่นเดินเล่นแถวๆนี้ครับ เพราะเดี๋ยวบ่ายๆเราต้องไปงานแต่งงานเพื่อนกัน คุณกั้งกับน้องเดือนตามสบายนะครับไม่ต้องกังวล ถ้าจะไปไหนผมเฝ้าบ้านให้ก่อนก็ได้”หึหึ พี่ต่ายตอบไปแบบนั้นก็ดีครับเพราะผมก็ขี้เกียจไป เข้าทางพอดี ผมเลยอดยิ้มให้พี่ต่ายไม่ได้ที่รู้ใจผมไปหมดทุกอย่าง
“งั้นเดี๋ยวผมกับน้องเดือนไปบ้านแม่แถวนี้พักนึงนะครับ ยังไงฝากบ้านด้วย ถ้าอยากทานอะไรก็ตามสบายเลยครับ บริการตัวเองได้เลย แล้วยังไงกลางวันผมจะกลับมาทำกับข้าวให้ทานกันครับ”
“ใช่ค่ะพี่โอม กาแฟ ของว่างก็มีในตู้เย็นนะค่ะ ไม่ต้องเกรงใจเดือนเลย แล้วกลางวันก็เตรียมชิมอาหารรสเด็ดจากฝีมือพี่กั้งนะคะ รับรองจะติดใจ” น้องเดือนหัวเราะคิกๆเมื่อพูดถึงแฟนตัวเองครับ รักกันเหลือเกินนะ แต่ผมว่าน้องเดือนกับพี่กั้งเป็นเจ้าของบ้านที่น่ารักมากๆเลยครับ อะไรๆก็ฟรีหมด ผมชอบจริงๆ อิอิ
“ครับ ขอบคุณครับ” ผมกับพี่ต่ายพูดขึ้นมาแทบจะพร้อมๆกันเลยครับ
พอเจ้าของบ้านไม่อยู่ แขกอย่างเราก็เริ่มเสวยสุขครับ ผมเริ่มสอดส่ายสายตาว่าทำอะไรได้บ้าง มีเครื่องเล่นเทปวิทยุวางอยู่เครื่องหนึ่งครับ ผมเลยไปเปิดหาเพลงในวิทยุฟัง แล้วก็เจอรายการที่ฟังมานานครับ คลื่นสีม่วง เปิดเพลงฟังสบายๆทั้งวัน วันนี้พี่ฉ่องดีเจรุ่นเก่ากะพี่อ้อน ร่วมกันจัดครับ รายการใครพิเศษของคนพิเศษ ผมไม่ได้ฟังนานแล้วเพราะไปอยู่ต่างจังหวัดเลยลองฟังซักหน่อย หันไปดูพี่ต่ายนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ไม่ได้สนใจอะไร
“สวัสดีค่ะ วันนี้หัวข้อของเราคืออะไรคะพี่ฉ่องที่จะให้ท่านผู้ฟังทางบ้านโทรมาคุย มาเล่าสู่กันฟัง”เสียงพี่อ้อนพูดขึ้นมาก่อนครับ
ซักพักพี่ฉ่องก็เริ่ม “รักที่ไม่กล้าบอกค่ะอ้อน พี่ฉ่องว่ามีเยอะเลยนะค่ะ โดยเฉพาะเคสแบบดากานดา เพื่อนรักเพื่อนแต่ไม่กล้าบอก เพราะกลัวที่จะเสียความสัมพันธ์ไป ถ้าอีกฝ่ายไม่ตอบรับ วันนี้เราลองมาฟังกันดูค่ะ แต่ตอนนี้พี่ว่าฟังเพลงกันก่อนซักเพลงดีไม๊ค่ะอ้อย เพลงอะไรดีค่ะ”
“ก็เพลงนี้แล้วกันค่ะพี่ฉ่อง เธอไม่เคยถาม ของน้องโบ สุนิตา ลีติกุล ฟังเพลงนี้แล้วหลังโฆษณามาเจอกันค่ะ ใครมีเรื่องอยากเล่าโทรมาเลยนะค่ะที่เบอร์02-yyyyyyyy”
http://media.imeem.com/m/_SGuxSdQQHผมเดินกลับมานั่งเล่นฟังเพลงข้างๆพี่ต่าย มองวิวด้านนอกใจก็ว่างๆครับคิดแต่ว่าวันนี้จะเจอเพื่อนๆใครมั่ง เสียงเพลงก็เพราะดีแต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่ดีเหมือนผ่านรูหูซ้ายทะลุผ่านรูหูขวาออกมาไม่ผ่านสมองส่วนประมวลผลครับ
“โอมครับ อยากจะไปไหนไปทำอะไรไม๊ พี่จะได้พาไป”พี่ต่ายเงยหน้าขึ้นมาถามผมยิ้มๆ
“ไม่อ่ะพี่อยากนั่งสบายๆมากกว่า แล้วพี่ต่ายล่ะ ถ้าพี่ต่ายอยากไปผมก็ได้นะไม่มีปัญหา” ต่างคนต่างถามความเห็นกัน ยอมที่จะทำเพื่ออีกคนผมว่ามันดีมากๆเลยครับ
“ไม่.....อยากอยู่กับโอมแบบนี้ แบบไม่มีคนอื่นมากกว่า” พูดจบพี่ต่ายลุกขึ้นมาจูบผมที่หน้าผาก จับหัวผมเขย่าไปมาแล้วก็กลับไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อครับ ผมเลยอดงงๆปนเขินทำหน้าแดงไม่ได้

ผมนั่งสักพักเลยลุกขึ้นเดินชมบ้านไปหารื้อหนังสืออะไรมาอ่านเล่น ผมพึ่งสังเกตเห็นหิ้งหนังสือที่มีหนังสือมากมายหลายประเภทอยู่ที่ผนังด้านหนึ่งของบ้านครับ ระหว่างผมหาหนังสืออ่านอยู่เสียงทางวิทยุของผู้ฟังทางบ้านก็ลอยเข้าหูมาครับ ก็คงมาเล่าเรื่องความรักอะไรนี่แหล่ะ
“ทีแรกก็ไม่รู้สึกตัวว่าชอบเพื่อนคนนั้นหรอกค่ะ เพราะเค้าบ๊องๆ ขำๆตลกๆ ก็คิดแค่เพื่อน”เออนิสัยเหมือนผมเลยแฮะ อีตาคนนั้น แล้วผู้หญิงคนนี้ก็เสียงเพราะดี
“โทษนะค่ะ คุณติ่งทำอาชีพอะไรค่ะ แล้วเค้าเป็นเพื่อนร่วมงานเหรอค่ะ”อ๋อชื่อติ่งตลกจัง ผู้หญิงอะไรชื่อติ่ง
“ทำเกี่ยวกับบัญชีค่ะ เพื่อนคนนี้ก็ทำงานด้วยกันค่ะ”อ่ะนะสายเดียวกันอีกด้วยกับเรา
“แล้วยังไงค่ะคุณติ่งมารู้ตัวตอนไหนว่าชอบเพื่อนคนนี้”พี่ฉ่องถามต่อไปครับ
“ก็ไม่เคยสรุปกับตัวเองนะค่ะว่ามาเริ่มชอบตอนไหน กว่าจะรู้ตัวว่ารักก็ตอนที่รู้ว่าเค้ารักคนอื่นไปแล้ว แล้วเพื่อนก็กำลังเจ็บปวดกับความรักครั้งนั้น”น้ำเสียงเศร้ามากครับ แต่ก็คุ้นมากๆด้วย

*********************************************
มาแล้วก็จะหายไปอีกซักพัก

ไม่ว่ากันนะค่ะ