ภายในอาทิตย์หน้าจะแจ้งรายละเอียดการโอนเงินให้ในPMและเมลล์นะคะ
ใครอยากให้ส่งทางเมลล์ด้วยก็PMมาบอกได้เลยหรือจะโพสหน้าเวบก็ได้ค่ะ
ส่วนคนที่อยากได้หนังสือก็ยังลงชื่อได้ค่ะ
เห็นคนมาจองเยอะๆเลยมีตอนพิเศษมาฝากอีกตอนเป็นของขวัญรับตรุษจีน
มันมาแบบไม่รู้ตัวจริงๆ หวังว่าจะชอบกันนะคะ อ่านกันไปก่อนระหว่างรอหนังสือค่ะ
************************************************
ผมไม่เคยคิดเลยว่าเวลามีใครมาก่อกวนมันจะน่ารำคาญได้ขนาดนี้ เรื่องมันเริ่มจากไอ้เด็กกวนตีนคนนี้
“เฮียบุ้ง เช็คค่าซ่อมเสร็จรึยัง”
“เดี๋ยว ใครพูดเนี่ย แล้วค่าซ่อมอะไร?” วันดีคืนดีขณะที่ผมกำลังหัวหมุนกับลูกค้าเจ้าปัญหาอยู่ก็มีสายโอนเข้ามาหาที่โต๊ะ แล้วมาเรียกชื่อผมราวกับสนิทสนมรู้จักกันมานาน ใครวะ?
“เฮียก็...อย่ามาทำเนียนไม่รู้เรื่อง แม่วางบิลกับเฮียแล้วยังไงล่ะ” คำตอบของเด็กหนุ่มที่ตอบกลับมาก็ยังไม่ให้ความกระจ่างกับผมอยู่ดีแต่กลับเพิ่มความโมโหให้ผมมากขึ้นที่มากล่าวหาว่าผมทำเนียนไม่รู้เรื่อง งานก็เยอะแล้วยังต้องมาพูดไร้สาระอะไรกับใครก็ไม่รู้ ผมกำลังหัวเสียกับลูกค้าที่สั่งของผิด พอผมไปส่งก็ให้ไปขนกลับ แถมโบ้ยหาว่าทำไมผมไม่แนะนำกลายเป็นโยนความผิดให้ผมดื้อๆเสียอย่างนั้น พอเจอคำพูดผิดหูนิดหน่อยผมก็ระเบิดออกมา
“แล้วใครเป็นแม่คุณ แม่ๆๆอยู่นั่นแหละ จะไปตรัสรู้ได้ไงว่าแม่ไหน ทั้งอำเภอมันมีคนที่เป็นแม่ตั้งไม่รู้กี่คน”
เสียงจิ๊จ๊ะเหมือนขัดใจดังเข้าสายมาก่อนตอบด้วยน้ำเสียงห้าวห้วน “ก็แม่แดงอู่ช่างตี๋ไง รู้รึยังล่ะ ว่ะ...พูดนานแล้วนะไม่รู้เรื่องสักที” ยิ่งฟังผมก็ยิ่งอารมณ์เสีย ถึงประโยคท้ายๆนั่นจะเป็นการสบถส่วนตัวแต่ผมไม่ได้หูหนวกจะได้ไม่ได้ยิน
“เด็กไม่มีมารยาท ไม่ต้องมาเก็บเลยนะ จะให้ใครมาก็ได้ แต่นายไม่ต้องมา” แล้วผมก็วางหูไปเลยครับ อารมณ์เสีย ไอ้คนที่โทรมาจะเป็นใคร เป็นลูกจ้างหรือลูกแท้กับพี่แดงผมไม่สนแต่มันไร้มารยาทจริงๆ
ยังไม่ทันใจเย็นขึ้นเสียงโทรศัพท์ก็กรีดร้องขึ้นมาอีก “โว้ย...ใครวะ กูจะทำงาน” ผมตะโกนขึ้นมาก่อนรับสายอีกครั้ง
“โหล จะพูดกับใคร?”
“ก็พูดกับเฮียบุ้งนั่นแหละ เป็นอะไรมากมั้ย ผมแค่โทรมาจะมาเก็บเช็ค ทำไมต้องมาเหวี่ยงโวยวายใส่ด้วย”
มันก็ไอ้เด็กคนเดิมนั่นแหละครับ คงนึกว่าตัวเองแน่ไม่กลัวอะไรถึงได้โทรมาอีกแถมยังมาต่อว่าผมอีก ผมสะกดอารมณ์ตอบไปดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
“ผมไม่ได้เป็นอะไร แต่กำลังยุ่ง ถ้าจะมาเก็บเช็คอะไรให้ติดต่อพนักงานบัญชี เค้าจะบอกเองว่ามาได้ตอนไหน พอใจรึยัง นี่ไม่ได้เหวี่ยงไม่ได้โวยวาย แต่พูดอย่างมีมารยาทที่คนควรจะมี” ผมพูดอย่างใจเย็นทั้งที่หงุดหงิดหน้าดำหน้าแดงอยู่ อยากเห็นหนังหน้าไอ้เด็กเว...คนนี้จริงๆว่ามันจะกวนอารมณ์เหมือนคำพูดรึเปล่า
“เออๆ เดี๋ยวถามบัญชีเอง...ซวยชิ...หาย แค่จะมาเก็บเงินต้องมาโดนใส่อารมณ์...” ผมยังได้ยินที่เด็กบ้ามันบ่น แต่ก่อนที่ผมจะวางสาย เด็กนั่นก็ตะโกนใส่หูผมอีกครั้ง“เฮ้ยยย อย่าเพิ่งวาง...โอนให้ได้ป่าวจะได้ไม่ต้องเสียค่าโทรอีกรอบ”
“ไม่ได้...โทรมาใหม่เอง แค่นี้นะ” ผมวางสายไปเลยทั้วที่จริงโอนได้แต่อยากแกล้งมากกว่า สักพักแป๋ว พนักงานบัญชีเดินเข้ามาหาผม
“เสี่ย อู่ช่างตี๋จะขอมาเก็บเช็ค ให้มาได้ตอนไหนคะ? เค้ารอสายอยู่”
“มาบ่ายแล้วกัน ยังไม่ได้ถามสมหมายเลยว่างานซ่อมเรียบร้อยรึเปล่า” พนักงานของผมกำลังจะออกไปแต่ผมนึกอะไรขึ้นมาได้ “แป๋ว บอกเค้าให้เด็กที่โทรมาถามนั่นมาเก็บเองนะ” ผมขอกลืนน้ำลายที่ถุยไปแล้ว อยากเห็นหน้าไอ้คนที่ต่อล้อต่อเถียงผู้ใหญ่
แป๋วกลับมาอีกครั้งเริ่มหน้านิ่ว “เสี่ย น้องเค้าบอกเสี่ยไม่ให้เค้ามานี่ ตกลงเอาไงแน่คะ”
“เปลี่ยนใจแล้ว ให้เด็กนั่นมาเองเลย” คนเราจะเปลี่ยนใจบ้างไม่ได้รึไง
ไม่ถึงสามวินาทีแป๋วกลับมาอีกทีตอนนี้หน้างอกว่าเดิม คงรำคาญที่ต้องเดินกลับไปกลับมาหลายรอบ “เค้าบอกไม่มา บอกให้ไม่ต้องมาแล้วจะให้มาอีก เค้ายึดคำพูดแรกเป็นหลัก” ผมบอกแล้วว่าเด็กมันกวน ผมน้อตหลุดเผลอตะโกนใส่แป๋วไป “เออ บอกมันไปถ้าไม่มา คราวหน้าก็ไม่ไปซ่อมอู่นี้แล้ว”
แป๋วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่ายหัว“เสี่ย ถ้าน้องเค้าจะคุยกับเสี่ยอีกจะโอนสายเข้ามานะ ไม่รู้ไปทะเลาะกันทำไม แป๋วขี้เกียจเป็นตัวกลางแล้ว”
แต่ก็ไม่มีสายโอนมาอีกแสดงว่าไอ้เด็กนั่นมันคงยอมแพ้ผมแล้ว ผมแอบหัวเราะในใจคนเดียวให้มันรู้ไปสิว่าเด็กจะมาชนะผู้ใหญ่ได้ยังไง บ่ายนี้คงได้เจอหน้ากัน เวลาในการทำงานผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมตรวจทานบิลเสร็จเรียบร้อยทำเช็คจ่ายรอคนมาเก็บ
“เสี่ย อู่ช่างตี๋มาขอรับเช็กค่ะ” แป๋วมีสีหน้าแปลกๆ ขณะที่บอกผม
“เหรอ เดี๋ยวผมถือเช็คออกไปเอง” ผมจะเดินตามแป๋วออกจากห้องไปดูหน้าเด็กกวนๆสักหน่อย แต่แป๋วหันมาบอกผมว่า “น้องเค้าไม่ได้มา พี่แดงมาเอง”
ผมฟังแล้วปรี๊ดดดขึ้นมาอีกครั้ง เดินออกมาทั้งที่ยังฉุนพยายามปั้นสีหน้าให้ยิ้มแย้ม “พี่แดงสวัสดีครับ ค่าซ่อมงวดนี้หลายหมื่นเลย ลดให้ผมบ้างรึเปล่า”
“วุ้ย เสี่ยบุ้ง พี่ก็ลดให้ตลอดแหละค่ะ ถึงเสี่ยไม่บอกพี่ก็ไม่กล้าคิดแพงอยู่แล้ว เสี่ยไปเทียบราคากับอู่อื่นได้เลย”
“ผมก็ไม่ได้ไปทำที่อื่นนะจะไปรู้ราคาเค้าได้ยังไง แต่เห็นช่วงนี้ส่งรถไปซ่อมแล้วทำนานจัง งานเยอะเหรอพี่แดง”
“เยอะตลอดค่ะเสี่ยแต่พี่ลัดคิวทำให้เสี่ยก่อนทุกครั้งล่ะค่ะ ที่จริงวันนี้พี่จะเข้ากรุงเทพฯ กับพี่ตี๋ไปซื้ออะไหล่ จะให้ลูกชายมาเก็บเช็คแทน มันก็เป็นอะไรไม่รู้บอกไม่มาจะไปกับพ่อ พี่เลยต้องตามใจมัน ไอ้ลูกคนนี้เอาแต่ใจตัวเอง”
เข้าเรื่องเสียที ไอ้เรื่องที่ผมอยากจะรู้ถึงได้เสียเวลามาคุยกับพี่แดงอยู่ “นั่นสิพี่ เห็นโทรมาตามเช็คกับผม ผมก็อยากเจอซะหน่อย คนนี้ที่ว่าเรียนที่กรุงเทพฯใช่มั้ยพี่”
“ค้า คนนั้นแหละค้า เจ้าต๋อง ลูกชายคนเล็กตอนนี้เรียนที่มอปทุมฯ ช่วงนี้เค้าปิดเทอมรึไงไม่รู้กลับมาอยู่บ้านได้เป็นอาทิตย์แล้ว แต่พี่เคยพามาที่ร้านนี่ยังเจอกับเสี่ยเลย จำไม่ได้เหรอ”
“เคยเหรอ ทำไมจำไม่ได้ล่ะ นานรึยัง”
พี่แดงหัวเราะ ตบผลัวะเข้าที่แขนผม “เออ นานแล้วตั้งแต่เสี่ยมาทำงานที่ร้านใหม่ๆ ตอนนั้นต๋องมัน มอหกมั้ง ตอนนี้ปีสาม แล้ว หลายปีแล้วล่ะ พี่ก็ลืมไป”
“ตั้งสามปี ผมลืมไปหมดแล้ว” ผมจำได้ลางๆ ถึงเด็กผู้ชายผอมแห้งหัวเกรียนคนนั้นที่เดินตามแม่มาแบบกลัวๆ ป่านนี้คงโตเป็นผู้ใหญ่ไปแล้ว พี่แดงเก็บเช็คเสร็จพอดีบอกลาผม “รถอีกสองคันพี่กำลังเร่งซ่อมให้อยู่นะ คงเสร็จในอาทิตย์นี้ค่ะ แล้วพี่จะโทรมาบอกนะ”
ที่จริงพี่แดงแกก็อัธยาศัยดี อู่แกก็ได้มาตรฐานที่สุดแล้วในอำเภอบ้านผม แต่เด็กต๋องมันกวนไม่ยอมมาที่ร้านให้ผมด่ามันด้วยสายตา ผมควรจะทำยังไงดีให้ผมไม่เสียคนที่พาลไม่ไปซ่อมอู่ช่างตี๋เพราะทะเลาะกับลูกเค้า คิดแล้วก็ปวดตับจะหาทางออกยังไงดี
เย็นวันนั้นผู้ช่วยส่วนตัวของผมก็ฮอตไลน์สายด่วนเข้ามาพอดี “บุ้ง วันนี้อยากกินผัดไทย”
“อืม แล้วมึงบอกกูเพื่อ?...”
“เพื่อ?...ให้มึงอยากด้วยไง เส้นผัดไทยนุ่มลิ้น ร้อนจนควันฉุย ถั่วงอกดิบแสนกรอบ รสกลมกล่อม...”
“พอๆๆ” ผมรีบห้ามก่อนที่โอมมันจะพรรณาจนเสียงท้องร้องดังเข้าสายมันไปให้ได้อาย “กูไปกับมึงก็ได้วะ บอกมาตรงๆเสียก็หมดเรื่อง ลีลาตาหลอดดดนะมึง”
“ฮ่าๆๆ มารับหน่อยนะ มอไซด์เสีย ซ่อมมาสองวันยังไม่เสร็จเลย มึงมารับกูเลย หิวไส้จะขาด”
“มึงไม่กินข้าวบ้านแม่ไม่ว่าเหรอ” ไม่บ่อยครั้งที่โอมโทรมาเรียกผมไปกินข้าวนอกบ้านเพราะฝีมือกับข้าวของแม่โอมไม่เป็นรองใครในถิ่นนี้
“แม่ไม่ว่า แม่ให้มาเลย แม่กำลังรำคาญลูกอย่างกู” โอมพูดเหมือนจะทะเลาะกับแม่แต่ผมว่าไม่ใช่หรอก มันพูดเล่นเสียเคยตัวมากกว่า ผมบอกโอมก่อนออกจากบ้านไปว่า
“เออ ถ้ากูมีลูกก็รำคาญลูกอย่างมึง แต่เดี๋ยวกูไปรับกำลังเบื่อๆ” เบื่อๆอยากๆครับ ผมทั้งเบื่อที่มันเอาแต่ใจชอบให้ผมตามใจมันอย่างกับว่าผมเกิดมาเพื่อรับใช้มัน แต่ผมก็อยาก อยากเจอหน้ามันบ่อยๆ อยากพูดคุยต่อล้อต่อเถียงกับมัน ได้เจอมันเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ผมขาดไม่ได้ไปแล้ว ได้พบได้เจอถึงไม่ได้ครอบครองแต่ผมนับนิ้วมือนิ้วเท้าดูแล้วยังไงในหนึ่งอาทิตย์ผมก็ได้เจอมันมากกว่าพี่ต่ายแน่นอน
ผมกินผักไทยกับมันเสียอิ่มแปร้เดินลูบท้องในไนท์บาซ่าร์เพื่อย่อยอาหาร โอมดูสนุกสนานกับการต่อรองราคาแล้วไม่ซื้อของ แต่ผมเริ่มไม่สนุกที่ต้องคอยสะกิดให้มันเลิกกวนประสาทพ่อค้าแม่ค้า “ถ้ามึงไม่อยากได้แล้วมึงต่อไปทำป๋ามึงเหรอ” ผมไม่กล้าพูดดดังแต่ต้องกระซิบกันพลาดไปเข้าหูแม่ค้าที่หน้างอใส่โอมอยู่
“กูกำลังฝึกวิทยายุทธเว้ย” มันไม่กระซิบตอบแต่คำตอบของมันทำผมคิดไม่ทัน
“วิทยายุทธห่ะอะไรของมึง” ผมเริ่มไม่สบายใจกับโอม มันเป็นอะไรมากรึเปล่าแค่พี่ต่ายไม่กลับมาสองอาทิตย์เท่านั้นเอง หรือว่ามันจะเพ้อ ใกล้บ้าไปแล้ว
คราวนี้มันดึงมือผมให้ห่างร้านค้าก่อนเอ่ยกระซิบกระซาบมาเบาๆ “กูอยากรู้ว่าเวลาลูกค้ากวนตีน หรือต่อราคามากๆพ่อค้าแม่ค้าเค้าตอบว่าไงกัน”
มันคิดได้ยังไงครับไอ้เรื่องแกว่งปากหาส้นแบบนี้ “งั้นมึงฝึกวิทยายุทธไปคนเดียว กูไปละ กูสำเร็จวิทยายุทธไปแล้วไม่ต้องการบัวหิมะ หรือคัมภีร์เทวดาอะไรอีก” ผมหันกลับกำลังจะชิ่งแต่โอมมันดึงตัวผมไว้
“ไปไหน ไปได้ไง มึงต้องอยู่ช่วยกูจำสิ เจ๊แกพูดไวขนาดนี้กูจำได้ไม่หมด” มันยังไม่รู้ตัวว่าเจ๊แกกำลังด่าไม่ได้พูดจากันดีๆ หรือว่าโอมมันเมาผัดไทย ผมชิมแล้วคนผัดเค้าก็ไม่ได้ใส่เหล้าลงไปนี่นา
“กูก็จำไม่ไหว โอม...มึงไม่ต้องฝึกหรอก กูรู้ว่ามึงทำได้ แค่เดินต่อราคามาสามสี่รายกูว่ามึงแข็งแกร่งพอแล้ว ตอนนี้ให้ลูกค้ามาจากบู๊ลิ้มมึงยังต้านทานเค้าได้เกินสามชั่วยามแน่นอน” โอมหัวเราะก่อนเอ่ยตอบ
“สหายบุ้ง ท่านก็ชมข้าเกินไป ฝีมือข้ายังเป็นรองท่านมากนัก”
เราคงจะพูดกันนานเกินไปจนเจ๊แกรำคาญตะโกนถามมาว่า “น้อง ต่อราคาแล้วตกลงจะซื้อรึเปล่า น้องชายคนนี้เค้าจะซื้อแล้วนะ ไม่งั้นพี่ขายไปก่อนจะมาว่ากันไม่ได้นะ จะซื้อก็ต่อราคาอยู่นั่นแหละของถูกจนแทบจะยกให้ฟรีๆอยู่แล้ว หน้าตาก็ดูมีอันจะกิน ยี่สิบบาทยังต่อราคาอีก” ไอ้ท้ายๆประโยคนั่นแกบ่นครับ แต่จงใจให้พวกผมได้ยิน
โอมลากผมให้กลับมาที่แผง “เอาสิพี่สาวคนสวย ใจเย็นๆครับ” โอมดึงของที่อยู่ในมือเด็กผู้ชายที่ยืนหันหลังให้ผม
“น้องอันนี้พี่จะซื้อ น้องเลือกอันใหม่นะ โทษที”
“ไรวะ...ไหงงั้น” เสียงไอ้เด็กคนนั้นบ่นพึมพำ “อ้าว...เฮียโอมนี่เอง งั้นไม่เป็นไรเฮียเอาไปเถอะ ผมเห็นมันสวยดี ไม่แพงด้วย แต่ถ้าเฮียเลือกไว้ก็เอาไปเลย เดี๋ยวผมเลือกใหม่” โอมมันกว้างขวางครับรู้จักคนเยอะเพราะมันคุยสนุก แต่ไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้มันรู้จักคบเด็กแนวด้วยแฮะ