ผมปิดหน้าต่างออนไลน์ทันทีแล้วกลับมาง่วนอยู่กับฟาร์มของผมต่อ ขณะที่กำลังย้ายนู่นนี่ไปมา เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ด้วยเสียงเพลงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น พี่ต่ายโทรมานี่หว่าผมกลืนน้ำลายลงคอคว้าแก้วน้ำมาดื่มไปอึกใหญ่ให้เสียงกังวานใสพอต้อนรับพี่ต่าย
“พี่ต่ายโทรมาดึกจังเลยครับ”
“โอมรับแอดเฟซบุ๊คพี่หน่อยสิ”
“???” ผมอึ้งเงียบไปพักใหญ่ พี่ต่ายว่าไงนะ
“ทำไมเงียบไป ฟังพี่อยู่รึเปล่า พี่อยู่หน้าจอแล้วนะ ถ้าเน็ตโอมไม่ดี เดี๋ยวพี่เข้าไปในเฟซของโอมรับแทนก็ได้ จะเอายังไง?”
กว่าสติจะกลับมา ก็ต้องใช้เวลาเล็กน้อย “เอ๋อ พี่ต่ายเล่นเฟซบุ๊คด้วยเหรอ” ถามไปแล้วก็โง่ พี่เค้าก็บอกอยู่เมื่อกี้นี้แท้ๆ
“ไม่เคยเล่น แต่ตอนนี้จะเล่นแล้ว มีความจำเป็น กดรับพี่รึยังล่ะโอม” พี่ต่ายส่งเสียงถามแกมดุมาให้ผมตาตื่นอีกครั้ง
รับก็ได้วะ ขืนไม่รับคงเป็นเรื่อง ผมจิ้มกดรับพี่ต่ายไปอย่างเซ็งๆ “รับแล้วครับพี่”
“ดีแล้ว งั้นดี๋ยวเจอกัน” พี่ต่ายชิงวางสายไปก่อนอีกแล้ว ถึงผมจะสงสัยในความหมายคำพูดของพี่ต่ายว่ายังไงกันแน่ แต่ใช้เวลาไม่นานก็รู้ครับ ช่องคุยออนไลน์ในเฟซบุ๊คปรากฏรูปพี่ต่ายขึ้นมา สัญญาณเสียงดังขึ้นมาให้ผมเข้าต้องไปคุยกับพี่ต่ายอีกครั้ง
‘คุยกันได้สักทีนะเรา’
‘แหะๆ’
‘แหะ ทำไม มาหมกมุ่นอยู่ในนี้นี่เอง ถึงกับทิ้งพี่’ ไม่แหะแล้วจะให้เขียนอะไรเล่าพี่ต่ายของผม
พี่ต่ายมีตัดพ้อเล็กน้อยครับ
‘ก็แค่เล่นเกมเฉยๆ’ ไม่ได้นอกลู่นอกทางอะไรเล้ย
‘พี่ขอเป็นเพื่อนบ้านกับโอมในฟาร์มแล้ว รับด้วยสิ’
‘ พี่จะเล่นด้วยเหรอ เอาเวลาที่ไหน’ ผมถามไปอย่างจริงใจแต่คนฟังไม่คิดแบบนั้นครับ
‘ทำไม ไม่อยากให้พี่เล่นเหรอ’
‘เปล่านะ เห็นพี่งานยุ่ง’ งานยุ่ง แถมไม่เคยเห็นพี่ต่ายเล่นเกมอะไรกับใครเลย นึกยังไงจะมาเล่นกับผม
ทำไมพี่ต่ายต้องเขียนเหมือนงอนด้วย ทำให้ผมยิ่งเกร็ง
‘ผมรับพี่ต่ายเป็นเพื่อนบ้านแล้วครับ’
‘ทำไมเพื่อนบ้านโอม มีแต่เด็กวัยรุ่น ไปรู้จักกันตอนไหน’มาอีกคำถามแล้วครับ นี่ผมป็นจำเลย(รัก)ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนี่
‘เพื่อนน้องสาวไอ้บุ้งทั้งนั้น แค่เพื่อนเล่นเกมจริงๆนะพี่’
‘อ่อ เกมนี่เล่นยังไง สอนพี่หน่อย’ ผมใช้เวลาสอนพี่ต่ายไม่นานครับแต่เมื่อมานั่งโต้ตอบกับพี่ต่ายอยู่นั่น วันนี้ไม่ต้องเล่นฟาร์มกันแล้วครับ ออกจะหงุดหงิดไม่น้อยแต่ต้องเก็บอาการไว้
คุยกันตั้งนานผมเพิ่งเห็นว่ารูปที่พี่ต่ายเอาขึ้นอวาทาร์เป็นรูปที่เคยถ่ายคู่กับผมแต่ครอปหน้าเฉพาะพี่ต่ายซึ่ง...หล่อน่ากินมากครับ
‘พี่ต่ายนึกยังไงใช้รูปนี้’ ที่จริงปากคันยิบๆอยากถามว่าทำไมต้องตัดผมออกไปด้วย แต่ก็ยั้งใจยั้งปากเอาไว้
‘หารูปไม่ทัน พอดีมีในเครื่องรูปนี้ ไม่ดีเหรอโอม’
‘อืม ไว้วันหลังโอมเปลี่ยนรูปให้นะ’
‘ตามใจโอม’ พี่ต่ายถามผมอีกหลายคำถามก่อนที่จะขอตัวไปนอน แต่ผมยังไม่ลืมเรื่องสำคัญ
‘พี่ต่ายครับ โอมขอพาสเวิร์ดกับอีเมลล์ที่พี่ต่ายสมัครด้วยสิ’
‘เอาไปทำไมโอม?’
‘เอาไว้ส่งของให้ผมในเกม ผมจะได้เปลี่ยนรูปให้พี่ด้วย’
‘อ๋อ เอาไปสิ’
พี่ต่ายให้พาสเวิร์ดผมมาอย่างง่ายๆครับ คืนนั้นเราแยกย้ายกันไปนอนอย่างเป็นมิตร ผมวางใจไปได้หน่อยที่อย่างน้อยก็คงมีคนช่วยผมเล่นเกมแล้ว พี่ต่ายไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ผมใช้เวลางานไปเล่นเกมไร้สาระเลย ทำเอาผมโล่งอก แต่ผมก็ไม่รู้ครับว่ามันยังมีปัญหาที่ผมคิดไม่ถึงตามมา
วันรุ่งขึ้นผมเข้าไปเล่นฟาร์มตามปกติลืมเรื่องพี่ต่ายในเฟซบุ๊คไปเสียสนิท กลางคืนผมเปลี่ยนมาคุยกับพี่ต่ายในเฟซบุ๊คแทน แอบขัดใจนิดหน่อยที่เล่นๆเกมอยู่แล้วพี่ต่ายมาไล่ให้ผมไปนอนแต่วัน ถึงแม้ผมจะยอมไปนอนจริงมันก็คาใจจนต้องมาเข้าฟาร์มใหม่อีกครั้งทุกที หลายวันผ่านไปผมเห็นเลเวลกับคะแนนในเกมของพี่ต่ายยังนิ่งๆ ผมเลยนึกขึ้นมาได้ว่าเข้าไปช่วยพี่ต่ายเล่นเกมดีกว่า ผมเปลี่ยนล็อคอินเข้าไปในชื่อพี่ต่ายแล้วจัดการส่งของในเกมมาให้ตัวผมเอง
แต่แล้วผมก็พบว่า...มีทั้งสาวและหนุ่มแอดพี่ต่ายมาเป็นเฟรนด์มากมาย มีทั้งที่เป็นเพื่อนพี่ต่ายบ้าง น้องๆที่เล่นเกมกับผมบ้าง ที่สำคัญหน้าตาใช้ได้ดีมีสกุลกันทั้งนั้น แต่พี่ต่ายคงยังไม่รู้ว่ารับเพื่อนยังไง ผมเลยเข้าไปจัดการให้พี่ต่ายเสียเอง
ก่อนอื่นรับเฉพาะเด็กๆ พวกหลานๆหรือเพื่อนหลานของผม ส่วนคนที่หน้าตาดีๆสาวสวยผมปฏิเสธไปให้หมด ทีแรกผมกะว่าจะรับคนที่เป็นผู้ชาย แต่คิดไปคิดมาปฏิเสธไปดีกว่าเพศไหนๆ ก็ไว้ใจไม่ได้ ในที่สุดพี่ต่ายได้เพื่อนในเฟซบุ๊คมาห้าหกคนจากที่ขอแอดมาเกือบยี่สิบ ผมยิ้มกับตัวเองกระหยิ่มใจในความรอบคอบของตัวเอง จากนั้นผมก็ไปเปลี่ยนรูปพี่ต่ายเป็นรูปโนบิตะ จะได้ไม่หล่อเตะตาใครอีก หึหึ เท่านี้ผมก็เล่นเกมต่อไปได้อย่างสบายใจ
หลังจากนั้นไม่กี่วันพี่ต่ายก็มีคำถาม ‘โอม รับเพื่อนยังไงเหรอ เพื่อนพี่มันถามมาว่าทำไมพี่ไม่แอกเซปเค้า’
‘เพื่อนที่ไหน คนไหน เดี๋ยวโอมจัดการให้’ ผมแกล้งพูดไปยังงั้นเองครับ ไม่จริงใจหรอก ฮ่าๆ เดี๋ยวผมขอคัดกรองก่อน พี่ต่ายบอกชื่อมาหลายคนที่ผมรู้จักมั่งไม่รู้จักมั่ง
‘พี่ทำเองก็ได้นะ โอมแค่แนะนำมา’
‘อื้อไม่ต้อง พี่ต่ายงานเยอะ โอมทำให้เอง’
‘ก็ดีเหมือนกัน พี่ไม่ค่อยได้เข้าไปทำอะไรหรอก แค่เข้ามาคอยสอดส่องดูโอมเท่านั้นเอง’
ในที่สุดพี่ต่ายก็เผยไต๋ออกมา ทำเอาผมเคืองนิดหน่อย แต่ผมบริสุทธิ์ใจไม่มีอะไรต้องปิดนี่ครับเลยไม่อยากชวนทะเลาะ พี่ต่ายชวนผมคุยเรื่องอื่นไม่ได้ติดใจเรื่องนี้อีกต่อไป
หลังจากวันนั้นพอพี่ต่ายถาม ผมก็จะบอกว่า ‘รับไปหมดแล้ว สงสัยระบบเออเร่อ’ พี่ต่ายเลยไม่ได้ว่าอะไรอีก
วันศุกร์เย็นถึงเวลาที่พี่ต่ายมาหาผมที่บ้านริมเขา ผมนั่งเล่นเกมรอพี่ต่ายอยู่จนพี่ต่ายอาบน้ำเสร็จมาไล่ผมไปอาบน้ำบ้าง
“ไปอาบน้ำได้แล้ว มัวแต่เล่นเกม ทำอย่างกับเด็กๆเลยนะเรา ทำตัวเป็นเด็กแข่งกับมะขามรึไง”
พี่ต่ายไม่ว่าเปล่าเอามือมาขยี้หัวผมด้วย ผมเอามือเปะปะปัดออกก่อนจะแบะหน้าใส่ แกล้งทำเป็นงอน
“โอมแก่แต่อายุ ใจไม่แก่นะ”
พี่ต่ายยิ้มกริ่มก้มลงหอมแก้มผม “รู้แล้วครับ แต่ตอนนี้คนใจไม่แก่แก้มไม่หอมเลย ไปอาบน้ำก่อนนะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาเล่นต่อ พี่จะรอ”
เจอคำอ้อนๆ เสียงนุ่มๆแบบนี้ผมก็หายโกรธหายงอนได้ทุกที ต้องรีบไปอาบน้ำแล้วกลับมาให้ไว แต่พอออกจากห้องน้ำมาพี่ต่ายนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หน้าเครียดเลยครับ ‘เป็นอะไรไปอีกล่ะ เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีๆอยุ่เลย’
พอผมเดินมาใกล้ๆพี่ต่ายหันหน้ามามองผมหัวคิ้วขมวดผูกกันเป็นเงื่อนเลยครับ พี่ต่ายส่งสายตาให้ผมดูข้อความที่อยู่ในหน้าจอ มันเป็นข้อความที่ผมเขียนค้างไว้ก่อนไปอาบน้ำกับพี่ๆที่เล่นเกมด้วยกันครับ
‘วันนี้ผมไปขโมยแมลงของพี่มา ได้มาเยอะเลย’
‘พี่ว่าขโมยอย่างอื่นด้วยมากกว่า’
ผมจำได้ว่าพี่เค้าเขียนค้างไว้แค่นี้แล้วหายไป ผมเลยไม่ได้ตอบแล้วทิ้งไปอาบน้ำ
‘โอมมาขโมยหัวใจพี่ไปเหรอ ทำไมหายไปเลย’ นี่เป็นคำตอบที่พี่แม็กตอบผมไว้แล้วต่อด้วย
‘โอมใจร้าย ขโมยหัวใจพี่ไป แล้วก็ทิ้งกันได้ลงคอ’
‘โอม ไปไหนแล้ว’ ข้อความสุดท้ายนี้ขึ้นมาก่อนที่พี่แม็กจะออฟไลน์ไป
ผมเลียริมฝีปากก่อนสบตาพี่ต่ายเงียบๆ พูดไม่ออก ที่จริงผมก็ผิดเพราะผมคุยเล่นกับพี่เค้ามานานแล้ว แต่ถึงแม้พี่เค้าจะตื๊อยังไงผมก็ไม่เคยสนใจ แค่ขำๆ แต่ตอนนี้เริ่มขำไม่ออก
“เอ่อ เพื่อนรุ่นพี่ของบุ้งครับ เล่นเกมเฉยๆ” น้ำเสียงผมเบาจนผมแทบไม่ได้ยิน พี่ต่ายก็คงไม่ได้ยิน ถามมาอีกครั้ง
“ใครกันนะ รู้จักกันได้ยังไง หน้าตาดีนี่ เคยเจอกันรึเปล่า…” และอีกหลายคำถามที่ผมจำได้ไม่หมด ผมตอบไปแบบตะกุกตะกักแต่ท่าทางพี่ต่ายก็ยังไม่พอใจเพราะพี่ต่ายบอกว่า
“ลบเค้าออกจากเฟรนด์ไปซะ”
ผมจับมือพี่ต่ายลูบไปมาปลอบพี่ต่ายให้หายโกรธ จะลูบหัวก็เกรงใจกลัวพี่ต่ายดุผมว่าลามปาม พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ พี่แม็กช่วยผมในเกมหลายครั้งจะปล่อยของทีไรก็บอกให้ผมไปตามเก็บเสมอๆ แถมส่งของให้ผมตลอดขออะไรก็ได้
“โอมไม่มีอะไรกับเค้าจริงๆ แค่เล่นเกมกัน ไม่คิดจะไปเจอตัวด้วย”
ผมส่งสายตาเว้าวอนให้พี่ต่าย แต่พี่ต่ายปลดมือผมออก มองผมอย่างเย็นชาแล้วลุกขึ้นเดินออกไปนอกบ้าน ทิ้งให้ผมยืนบื้ออยู่คนเดียว ผมไม่เคยเห็นพี่ต่ายเป็นแบบนี้มานานแล้ว แววตาของพี่ต่ายทำให้ผมกลัว กลัวว่าพี่ต่ายจะไม่รักผมเพราะผมดื้อ
ผมเดินเข้าไปกอดพี่ต่ายจากข้างหลังเอาหน้าเอียงแนบหลังพี่ต่าย พี่ต่ายยืนกอดอกมองออกไปที่ความมืดมิดภายนอก ผมไม่รู้ว่าพี่ต่ายคิดอะไรอยู่ แต่แล้วพี่ต่ายก็เอ่ยขึ้นมาก่อน
“เค้าจีบโอม ใช่มั้ย”
ผมรู้มาตลอดว่าพี่เค้าจีบผม แต่ในเมื่อผมไม่ได้ชอบพี่เค้าผมเลยไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เลย “ครับ แต่โอมไม่ได้ชอบเค้าเลยนะ”
“โอมบอกเค้าไปแบบนี้รึเปล่า”
คำถามของพี่ต่ายทำให้ผมต้องหยุดคิดเพราะผมไม่เคยบอกพี่แม็กเลยว่าผมไม่ชอบเค้า ความจริงข้อนี้ทำให้ผมไม่กล้าพูดต่อ
“โอมปล่อยให้เค้าจีบโอมอยู่ได้ยังไง ทำไมไม่บอกไปว่ามีแฟนแล้ว โอมคิดอะไรกันแน่”
ผมไม่ได้คิดอะไรเลย หรือเพราะผมไม่คิดมันเลยกลายเป็นแบบนี้ไปได้ “ผมไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้สนใจ เพราะผมสนแต่เกมเท่านั้น”
พี่ต่ายปลดมือผมออกจากเอวแล้วหันหน้ากลับมาหาผม พี่ต่ายประคองใบหน้าผมไว้มือพี่ต่ายยังคงอบอุ่นเหมือนเคย แต่ผมไม่เห็นแสงสว่างจากดวงตาของพี่ต่าย มันดูหม่นหมองอย่างน่าใจหาย
“โอมไม่สนพี่แล้วใช่มั้ย หรือว่าโอมเบื่อพี่แล้ว”
เป็นอีกครั้งที่ผมคิดว่าพี่ต่ายเหมือนเด็ก เด็กที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ทั้งที่ผมรักพี่ต่ายมาตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลง หึงได้กระทั่งเกมนะแฟนเรา
ผมเลื่อนตัวเข้าไปกอดพี่ต่ายอีกครั้งซบลงตรงที่อกของพี่ต่ายจนรับรู้ถึงแรงเต้นของหัวใจพี่ต่าย
“ไม่เคยเบื่อเลย โอมไม่เคยเบื่อพี่ต่าย พี่ต่ายก็พูดอยู่เสมอๆว่าโอมเหมือนเด็ก โอมยังรักสนุก มักจะหาเรื่องนู้นนี้มาให้ตื่นเต้นเรื่อยๆ พอหมดเรื่องนี้โอมก็หาเรื่องใหม่ได้ตลอด” ผมโน้มคอพี่ต่ายลงมาแล้วขโมยหอมแก้มพี่ต่ายแรงๆ ก่อนเลื่อนมาสัมผัสริมฝีปากพี่ต่ายเบาๆ พี่ต่ายคลี่ยิ้มจนได้ ในที่สุดแสงจากดวงตาของพี่ต่ายก็เปล่งประกายอีกครั้ง
“มีเรื่องเดียวที่โอมไม่คิดจะเปลี่ยน” ผมเอานิ้วมือไล้แก้มพี่ต่ายเบาๆ พี่ต่ายเอียงหน้าหนีแล้วหัวเราะเมื่อผมเริ่มเล่น เสียงหัวเราะของพี่ต่ายเป็นเสียงที่ผมชอบที่สุด
“รักพี่ต่ายคนเดียวนะครับ” ผมมองตาพี่ต่ายอีกครั้งเห็นรอยยิ้มผมอยู่ในนั้น อ้อมแขนของพี่ต่ายรัดผมแน่น
“งั้นโอมเลิกเล่นเกมนะ พี่ขอ”
เหมือนพี่ต่ายไปเผลอกดสวิทช์เปิดปุ่มรั้น นิสัยดื้อรั้นของผมกลับมาทันที ผมดึงตัวเองออกจากแขนพี่ต่าย หันหลังจะเดินเข้าบ้าน อารมณ์เสียสุดๆ มาเกี่ยวอะไรกับเกมของผม แต่พี่ต่ายกลับดึงมือผมไว้
“โอม...”
“ผมจะเล่น” ผมมองหน้าพี่ต่ายอีกครั้งก่อนค่อยๆแกะมือพี่ต่ายที่รั้งผมไว้ออก
“ พี่ต่ายไม่มีเหตุผลเลย”
พี่ต่ายนิ่งเงียบไป มองผมอยู่นาน ผมรู้ว่าพี่ต่ายเสียใจที่บอกให้ผมเลิกเล่นเกม และพี่ต่ายก็รู้ว่าผมเสียใจที่ผมบอกพี่ต่ายว่าจะเล่นต่อ มันเหมือนเราไม่แคร์ความรู้สึกกันและกัน แต่มาถึงจุดนี้แล้วเราก็ดึงคำพูดเหล่านั้นคืนมาไม่ได้
ผมกลับเข้าไปในบ้านนั่งปลูกผักปลูกหญ้าอะไรของผมไปเรื่อย แต่ในใจผมกลับไม่มีความสุขเลย ผมไม่สนุกอีกต่อไป พี่ต่ายหายไปจากสายตาผม ผมไม่รู้ว่าพี่ต่ายกลับเข้าห้องไปแล้วหรือไปอยู่ที่ไหน แต่เมื่อนั่งไปนานๆความรู้สึกว่างเปล่าเมื่อไม่มีพี่ต่ายกลับเกิดขึ้นมาในใจผม
เมื่อไม่มีพี่ต่ายอะไรๆสำหรับผมก็ไม่สนุกอีกต่อไป ผมเปลี่ยนจากหน้าบึ้งขมวดคิ้วมาเป็น หน้าเศร้าน้ำตาคลอ บอกกับตัวเองว่า
‘ไม่เล่นก็ไม่เล่น ก็แค่เกม ไอ้ต้าหู่ลาก่อนนะมึง กูว่าจะเลี้ยงให้มึงโตเป็นหมา(ตอนนี้มันยังเป็นลูกหมาอยู่ครับ ยังเลี้ยงไม่ครบตามที่กำหนด) แต่มึงมันไม่มีบุญ เราคงร่วมบุญกันมาแค่นี้’
ผมถ่ายรูปแปลงผักของผมอีกครั้งก่อนล็อคเอาท์ออกมา ปิดเครื่องคอมแล้วเดินอย่างหงอยๆ เข้าไปห้องนอน พี่ต่ายไม่ได้อยู่ในนั้นอย่างที่ผมเดาไว้ ผมเดินง่วนหาพี่ต่ายอีกครั้งที่ห้องน้ำแต่ก็ไม่มี ผมออกมาดูนอกบ้านอีกครั้ง กวาดสายตามองไปที่รถของพี่ต่าย แล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างน้อยพี่ต่ายก็ยังไม่ได้กลับไปกรุงเทพฯ เวลากลางคืนเมื่อย่างเข้าฤดูฝนค่อนข้างเย็นเพราะฝนตกไปเมื่อตอนเย็น พื้นหญ้ายังเปียกไปด้วยละอองฝนผมย่ำเท้าเดินหาพี่ต่ายรอบๆบ้านจนชายกางเกงเปียกแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา ผมเริ่มใจไม่ดีพี่ต่ายไปไหนกันแน่ ผมตัดสินใจตะโกนเรียกหาพี่ต่าย
“พี่ต่ายอยู่ไหน”
“พี่ต่าย!”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา มีเพียงเสียงของผมเองที่สะท้อนจากภูเขา ความรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนอยู่คนเดียวย้อนกลับมาอีกครั้ง ผมเอามือเช็ดน้ำตาที่เริ่มซึมออกมา เราไม่น่าจะหงุดหงิดกันด้วยเรื่องบ้าๆเรื่องเกมนี่เลย ผมผิดเอง ผมเป็นคนก่อเรื่องแท้ๆ พี่ต่ายไม่ได้ผิดตรงไหนเลย ติดเกมก็ผม ไปคุยเล่นปล่อยให้พี่แม็กจีบก็ผม ชวนพี่ต่ายทะเลาะก็ผม ผมเดินหน้าเศร้ากลั้นสะอื้นเข้าบ้านไป ปิดประตูหน้าบ้านให้เรียบร้อยกำลังจะเดินขึ้นบนบ้าน
“จะนอนแล้วเหรอโอม”
เสียงเยียบเย็นของพี่ต่ายที่ดังแทรกความเงียบขึ้นมาทำเอาผมสะดุ้งร้องโวยออกมา “เฮ้ย!”
พี่ต่ายก็คงตกใจเสียงผมเหมือนกันร้องขึ้นมาบ้าง “เฮ้ย!”
“พี่ต่ายเหรอ” ผมรู้ว่าเป็นพี่ต่ายแต่ก็ไม่แน่ใจก็ถ้าพี่ต่ายอยู่ตรงนี้ทำไมผมไม่เห็นล่ะ
“ก็พี่น่ะสิ นึกว่าใคร” พี่ต่ายลุกขึ้นนั่งเอามือลูบหน้าตาแรงๆเหมือนคนเพิ่งตื่น
“ทำไมผมไม่เห็นพี่ล่ะ เดินตามหาเสียทั่วก็ไม่เจอ”
ผมเดินเข้าไปหาพี่ต่ายใกล้ๆ พี่ต่ายเลยส่งมือมาให้ผม ผมยื่นมือไปจับมือพี่ต่ายอย่างกลัวๆ พี่ต่ายดึงมือผมแรงๆให้ผมมานั่งข้างๆ แล้วโอบไหล่ผมไว้
“ไม่ต้องหาพี่หรอก ยังไงพี่ก็อยู่ไม่ไกลจากโอม” พี่ต่ายพูดเบาเสียงเนือยๆ ส่ายหัวไปมาแล้วเอ่ยต่อ “ไปไหนไม่รอด หึหึ”
ผมลอบมองเสี้ยวหน้าของพี่ต่าย อยากรู้ว่าพี่ต่ายยังโกรธผมหรือว่ารู้สึกยังไงกันแน่ที่พูดแบบนี้
“พี่ต่าย”
“โอม” เราเรียกชื่อแต่ละฝ่ายขึ้นมาพร้อมกัน พอพูดมาชนกันต่างคนต่างเลยหยุด แต่ริมฝีปากเริ่มคลี่ยิ้มทั้งคู่
“ผมมีเรื่องจะบอก”
“พี่มีเรื่องจะบอก”
เราพูดพร้อมกันอีก คราวนี้ผมกับพี่ต่ายยิ้มกว้างทั้งคู่ พี่ต่ายยกมือให้ผมเป็นทำนองว่าให้ผมพูดก่อน แต่ผมส่ายหน้า “พี่นั่นแหละพูดก่อน”
แต่พี่ต่ายก็ไม่ยอม “งั้นเราพูดพร้อมๆกัน” พี่ต่ายมองหน้าผมเหมือนถามว่าดีมั้ย?ถ้าเราจะพูดความรู้สึกของเราออกมาพร้อมๆกัน ผมคิดไม่นานก่อนพยักหน้าตกลง ก็ดีเหมือนกันอย่างน้อยเราจะได้พูดโดยไม่ต้องมีคำพูดของอีกฝ่ายมามีอิทธิพลต่อกัน
“ต่อไปผมจะเลิกเล่นเกม”
“พี่ให้โอมเล่นเกมต่อ”
เมื่อเราต่างพูดไปแล้วต่างก็เบิกตาโตเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง ผมกัดปากแน่น แต่ในใจกลับเบิกบาน พี่ต่ายเองก็ดูเขินๆแต่ก็ยิ้มไม่หุบ
“พี่พูดก่อนนะ พี่มาคิดดูพี่ไปจำกัดสิทธิ์โอมมากไป โอมก็โตแล้ว พี่ไม่น่ามาคิดอะไรหยุมหยิม ไม่เข้าท่า”
“งั้นผมพูดมั่ง ผมโตแล้วไม่น่าจะเอาเรื่องเกมมาเป็นสาระสำคัญในชีวิต เอามาเป็นเรื่องชวนทะเลาะกับพี่ต่าย ไม่เข้าท่าเหมือนกัน”
พี่ต่ายรวบตัวผมเข้าไปกอดกระซิบที่ข้างหูผม “พี่ขอโทษโอมนะครับ ที่พี่โมโหเลยพูดไปแบบนั้น”
“ผมก็ขอโทษพี่ที่เอาแต่ใจครับ”
“งั้นเราไปนอนกันนะ ไม่น่ามาเสียเวลากับเรื่องบ้าๆเลย” อยู่ๆพี่ต่ายก็ลุกขึ้น แล้วดึงแขนผมให้ลุกตาม
“ไปไหน”
“ไปนอนไง ดึกแล้ว”
พี่ต่ายส่งสายตายิบๆมาให้ผม ผมรู้ครับว่าพี่ต่ายคิดอะไร แต่ผมไม่อยากไปกวนน้ำให้ขุ่นคงต้องตามใจ ตามน้ำกันไป คืนนี้ผมเลยไม่ได้เล่นเกมปลูกผัก แต่คงต้องเล่นเกมที่พี่ต่ายเป็นคนเลือกให้ ก็เกมเดิมๆล่ะครับ ที่คนเล่นมีกันแค่สองคนไม่ต้องไปหาเพื่อนบ้านให้วุ่นวาย เล่นกันกี่ครั้งก็ไม่มีเบื่อ ไม่ต้องโดนตัดแต้ม ไม่ต้องเพิ่มเลเวล ไม่ต้องทำเวลาตามกำหนด อาจจะมีเปลี่ยนรูปแบบไปบ้างแต่ใช้เวลาไม่นานก็เข้าใจได้ดี ไม่ต้องเรียนรู้อะไรกันมากมาย
เพียงแต่ไม่รู้ว่าเกมนี้ผมต้องเล่นไปตลอดชีวิตรึเปล่าเท่านั้นเอง เอิ้กกก...
หลายอาทิตย์ต่อมา ในหน้าเฟซบุ๊คของผม
“โอม ทำไมเพื่อนบ้านพี่ในเกม มีแต่เด็กเล็กๆล่ะ” พี่ต่ายเริ่มสงสัยแล้วครับ
“ก็เล่นเกม พี่จะไปเล่นกับผู้ใหญ่ที่ไหนกันล่ะ” ผมไม่ยอมให้มีคนอื่นหรอกครับ ไม่ได้เลย
“โอม ทำไมเพื่อนพี่ไม่มีเลยล่ะ มีแต่เพื่อนโอม” ก็เพื่อนพี่ผมไม่อยากให้คบน่ะสิ
“ก็บอกพี่แล้วว่าระบบมันเอ๋อเหรอ พี่ก็ให้เค้าแอดมาใหม่สิ” แอดมาผมก็จะลบออกให้หมดอีก ให้มันรู้ไป หึหึ
“ทำไมโอมยังเล่นเกมอยู่ล่ะ ไหนว่าจะเลิกเล่น” เอ๊ะสงสัยอีกแล้ว พี่ต่ายผมกลายเป็นเจ้าหนูเจ้าปัญหาไปได้ยังไง
“ก็พี่ต่ายให้ผมเล่นต่อนี่ พูดแล้วจะกลับคำเหรอ”
“แต่ว่า...”จะเถียงผมเหรอ ไม่ทันหรอก ขอบอก
“พี่ต่ายว่ายังไงผมก็ทำตามแล้วนี่” เจอไม้นี้เข้าไปต่อไม่ติดเลยครับ พี่ต่ายใบ้ไปเลย ไปต่อไม่เป็น
แต่ผมเริ่มผิดสังเกตเหมือนกัน “พี่ต่ายทำไมเลเวลพี่ต่ายขึ้นไปเรื่อยเลยล่ะ แซงหน้าผมไปแล้ว”
“ไม่รู้สิ พี่ก็เล่นนิดๆหน่อยๆช่วงกลางคืนเท่านั้นเองนะ ทำไมมันไปไวพี่ก็ยังงงๆ โอมอย่าลืมส่งของมาให้พี่นะ พี่กำลังสร้างคอกม้าอยู่”
เอิ่ม...พี่คงเล่นไม่นิดหน่อยแล้วล่ะ แถมคงไม่ได้เล่นแค่กลางคืนแล้วมั้ง เหมือนผมตอนบ้าเกมไม่มีผิด
“พี่ให้ใครช่วยเล่นให้รึเปล่า อย่าบอกนะว่ามีใครนอกจากผม”
“ไม่มีจริงๆ โอมอย่าลืมล่ะ อีกนิดเดียวพี่จะได้อัพเลเวลแล้ว”
รู้สึกเหมือนกรรมตามสนองครับ ช่วงนี้ผมเจอเกมใหม่ทำให้ไม่ค่อยเห่อเกมนี้แล้ว แต่กลายเป็นพี่ต่ายเริ่มสนุกเสียเอง ผมเลยต้องคอยสอดส่องเฟซบุ๊คพี่ต่ายบ้าง ว่ามีอะไรแปลกปลอมไม่น่าไว้วางใจรึเปล่า
‘เฮ้อ ไม่น่าเลย ไอ้โอม ไม่น่าไปชี้โพรงให้กระต่ายเล้ย’

*********************
จบแล้วค่ะ หวังว่าคงจะชอบกันนะคะ