ขอบคุณที่คนที่ติดตามอ่านค่ะ
ไว้คนเขียนจะตอบรีพลายเมื่อชาติต้องการนะคะ
(#10)คืนของสองเรา
เราขับมาถึงเมืองเชียงใหม่ก็มืดแล้วครับ เพราะพี่ต่ายไม่ชำนาญทางด้วย และระยะทางก็ไกลพอสมควร ผมเริ่มหิวข้าวแล้วตอนนี้ กิฟก็ยังไม่ตื่น แล้วจะไปไหนยังไงกันต่อล่ะทีนี้
“พี่ต่ายผมหิวข้าวแล้ว พี่ต่ายล่ะ”ผมดูเวลาเพิ่งจะหนึ่งทุ่มครับ “แล้วคืนนี้เรานอนที่ไหนพี่ต่าย” เหนื่อยกับการเดินทางจริงๆครับ อยากกินข้าวให้เสร็จๆ แล้วอาบน้ำนอนจริงๆ
“กิฟอยากกินไอเบอร์รี่ พี่ต่ายพาไปกินหน่อยซิ”น้องกิฟตื่นมาขัดจังหวะได้ แล้วมันอะไรกันเนี่ย ไอเบอร์รี่คืออะไรกัน??
“ก็ที่เชียงใหม่ก็มีนี่ กิฟไม่เคยไปเหรอ”พี่ต่ายก็ยังรู้จัก ว่าแต่ว่า..มันเป็นอะไรไอ้ไอเบอร์รี่ “เบอร์รี่ของฉัน”เหรอ
ผมได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น ไม่กล้าถามกลัวเสียฟอร์มเลยเงี่ยหูฟังต่อไปเรื่อยๆ
“ก็มันแพงไอติมลูกหนึ่งตั้งหลายบาท เลยอยากให้พี่เลี้ยงไง ฮี่ๆ มาๆๆไม่ต้องสงสัย เดี๋ยวพี่ต่ายจอดรถข้างทางเดี๋ยวกิฟพาไปเอง”ตกลงก็เป็นแค่ร้าขายไอศกรีม สรุปว่ายังไงก็ต้องพาไปแน่ๆแล้ว ใครไปตกลงว่าจะไปกินไอติมกันเมื่อไหร่เนี่ย ผมหิวข้าว อารมณ์นี้ไม่ต้องการของหวาน แล้วร้านนี้มันมีอะไรดี มีข้าวรึเปล่าหว่า
พี่ต่ายจอดรถเข้าข้างทาง แล้วลงมาจากที่คนขับ ผมเลยลงด้วย ช่วงพี่ต่ายจะขึ้นนั่งแทนที่ผม ผมแอบดึงมือไว้แล้วพูดกับพี่ต่าย “พี่ต่ายผมหิวแล้ว อยากกินข้าว” ผมทำตาละห้อย อยากให้พาไปกินอะไรอร่อยๆหน่อย
พี่ต่ายหัวเราะแล้วเอามือขยี้หัวผม “พาน้องไปกินก่อนแล้วกันเดี๋ยวร้านจะปิดไปเสียก่อน แป๊ปเดียวน่ะโอม”
ผมยังไม่ยอมแพ้ยื้อมือพี่ต่ายไว้ “แล้วมันมีขายข้าวไม๊ ร้านนี้ แล้วพี่ต่ายรู้จักได้ไงแล้วพี่ยัง.....”ผมจะถามว่าพี่ยังไม่ได้บอกผมเลยว่านอนที่ไหน แต่เจ้ากิฟที่เข้าไปนั่งที่คนขับแล้วตะโกนออกมาว่า
“พี่ๆครับ ตกลงปัญหาหัวใจกันอยู่เหรอ ไม่ขึ้นรถละคร๊าบบบ กิฟอยากกินไอเบอร์รี่ ไปเร้ว..”ผมได้แต่ถอนหายใจไหล่ตกหูตูบ แล้วปล่อยมือพี่ต่าย ต้องก้าวขึ้นรถไปอย่างเพลียๆ พี่ต่ายก็ไม่ได้พูดอะไรครับ ผมก็เหนื่อยจนไม่อยากอ้าปาก อยากพาไปไหนก็ไปแล้วกันพี่น้อง
ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ครับ พอตื่นขึ้นมาเราก็มาจอดหน้าร้านไอเบอร์รี่ที่ว่าแล้ว ร้านนี้อยู่ที่นิมมานเหมินทร์ ซอย 19 ผมมารู้ทีหลังว่าร้านนี้ดังเพราะเจ้าของคือโน้ส อุดม ที่หลังๆเหมือนจะมาตั้งรกรากอยู่ที่เชียงใหม่ ร้านตกแต่งอย่างทันสมัย มีส่วนที่นั่งทานในร้านและสวนด้านนอก จัดร้านแบบโปร่งโล่ง มองได้รอบทิศ มีต้นไม้ใหญ่พอให้ร่มเงา ตอนที่เราไปมีลูกค้านั่งอยู่ประปราย กระจายไปตามจุดต่างๆ ร้านนี้มีจุดเด่นที่เก้าอี้นั่งมีหลากหลายรูปแบบหลากสีสัน ส่วนเรื่องรสชาติไอศกรีมผมไม่รู้เพราะยังไม่เคยทานเหมือนกัน
“พี่ต่ายสั่งให้ผมแล้วกัน ผมนั่งรอข้างนอกนะ”ผมเดินไปนั่งรอพี่ต่ายข้างนอก กิฟกับพี่ต่ายเลยช่วยเลือกกันอยู่ สักพักหนึ่งสองคนก็ออกมา ไอศกรีมที่พี่ต่ายเลือกให้ผมเป็นสีแดงอมชมพูเข้มปนสีช็อคโกแลท “รสอะไรน่ะพี่สีแปลกๆ” พี่ต่ายยิ้มหวานแล้วบอกชื่อ “ช็อคโกแลทอินเลิฟ”
อายซิครับ มาหวานอะไรตอนนี้ ผมเลยแก้เขินด้วยการขอดูของพี่ต่ายบ้าง “ของพี่ต่ายรสอะไรพี่ ขอชิมบ้างซิ”
“ของพี่รสขิง ลองดูซิไม่หวานมานักอร่อยดีนะ” ผมลองชิมของพี่ต่ายก็แปลกๆดีครับ
“พี่ต่ายลองชิมของผมซิ ดีเหมือนกัน”บรรยากาศเหมือนร้านนี้มีเราสองคนจริงๆเลยครับ
“โอ๊ยยย...ไอติมมันหวานอะไรอย่างนี้”เสียงเจ้าตัวดีโวยขึ้นมาเชียวครับ ผมกับพี่ต่ายเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ามีกิฟมาด้วย แหะๆ
“หวานได้ยังไงกิฟ ของกิฟเป็นเชอร์เบ็ทไม่ใช่เหรอ น่าจะเปรี้ยวมากกว่านะ”พี่ต่ายงงกับอาการของน้องคนเล็กครับ
“ก็...ไอติมมันก็เปรี้ยวสะใจกิฟดีนะ แต่ไอติมของคนรักกันมันหวานจนต่อมอิจฉามันกำเริบน่ะ พี่รู้ไม๊”จนปัญญาครับ ไม่รู้จะไปต่อล้อต่อเถียงอะไรกับน้องอีก ตอนนี้เราเลยเหมือนนั่งผ่อนคลายทานไอศกรีมกันไปเรื่อยๆ ความหวานของไอศกรีมทำให้อาการเหนื่อยของผมลดลงไปเยอะเลยครับ
“พี่ต่ายแล้วตกลงเรานอนที่ไหนพี่ ผมถามหลายหนยังไม่รู้เรื่องเลย” กิฟเขยิบเข้ามาทันทีเลยครับ
“พี่ยังไม่ได้จองเลย”พี่ต่ายพูดและทำหน้าเหมือนกับมันเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่พวกผมได้แต่ “หา.....” เอากับพี่ต่ายซิ มาหาเอาดาบหน้าอีกแล้ว
ผมดูเวลาตอนนี้สองทุ่มกว่าแล้วอีกไม่ถึงสิบห้านาทีก็จะสามทุ่ม แต่เรายังไม่มีที่นอนเลย
*
*
*
“พี่ๆครับแต่ยังไงคืนนี้กิฟขอกลับไปนอนบ้านนะครับ แม่โทรหาหลายทีแล้ว สงสัยวันนี้ต้องกลับไปให้เห็นหน้าก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” คือผมก็เข้าใจน้องกิฟนะว่าแม่ตาม แต่ที่น้องบอกพวกผมกลายๆคือ น้องมีที่นอนแล้วแต่พวกผมต้องหาก่อน น้องมันทิ้งพี่แล้วครับคราวนี้ไม่ต้องไปทิ้งน้องก่อน
ผมหันไปมองหน้าพี่ต่าย เหมือนๆจะปรึกษาแต่ก็หงุดหงิดครับ“แล้วพี่จะให้ผมนอนที่ไหน”
“ก็นอนที่เดียวกับพี่ไง.....”ผมกำลังลังจะโวยต่อ พี่ต่ายก็ชิงพูดต่อ “เพียงแต่พี่ยังไม่ได้โทรหาเท่านั้นเอง...รอก่อนนะโอม ใจเย็นๆ” พี่ต่ายรื้อๆกระเป๋าแล้วหยิบกระดาษเอสี่ออกมาหนึ่งปึก แล้วแบ่งเป็นส่วนๆเท่าๆกันแจกให้ผมกับกิฟได้มาคนละสามสี่แผ่น “อะไรพี่” ผมกับกิฟก็มองหน้ากันงงทั้งคู่
“รายชื่อที่พักในเชียงใหม่ไง ลองดูซิจะไปไหนดี” ผมลองพลิกๆดู มีรายชื่อเกสท์เฮาท์ โรงแรม ที่อยู่ เบอร์โทร ราคาคร่าวๆ แล้วจะเลือกยังไงมีแต่ชื่อ “พี่ต่ายทำอย่างกับแจกข้อสอบ ผมต้องวงกลมเลือกไม๊พี่ หรือเอาถูกทุกข้อได้”อารมณ์กวนติงกลับมาแล้วครับ สามทุ่มกว่าแล้วนะ หิวด้วย เหนื่อยด้วย วันนี้ตื่นตั้งแต่ตีห้านะขอบอก (ซึ่งคนอื่นขับรถกันเค้าไม่บ่นซักคำ นี่นั่งๆนอนๆบ่นอยู่นั่นแหล่ะ) กิฟก็เอาแต่หัวเราะขำผม
ส่วนพี่ต่ายไม่ว่าอะไรที่ผมกวนเพราะคงชินชา หรือไม่ก็รู้ว่าโกรธไปมันก็กวนอยู่ดี แต่พี่ต่ายก็ลองหาดูอยู่เหมือนกันแล้วสักพักพี่ต่ายก็โทรศัพท์ครับ
“คุณคมเหรออยู่บ้านหรือเปล่า” อ้าวมาไกลถึงนี่ยังมีแก่ใจโทรหากิ๊กเก่ากันต่อหน้าต่อตาแบบนี้ก็มีเฮละซิครับ พี่ต่ายคงหันมาเห็นผมทำตาเขียวใส่อยู่พอดี เลยรีบยกมือขึ้นเป็นปางปราบมาร(ในตัวผม)ว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร ทำให้ผมต้องอ้าปากค้าง
“อยากให้ช่วยเปิดเน็ตหาที่พักให้ผมหน่อย พอดีผมลืมจดซอยมา....ใช่ๆ..ที่บ้านเสลาที่คุณแนะนำนั่นแหล่ะ ” พี่ต่ายปิดปากโทรศัพท์แล้วบอกผมว่า “ให้เค้าหาเลขซอยให้อยู่แถวๆนิมมานต์นี่แหล่ะ”
ก็ถ้ารู้ว่าจะไปนอนที่ไหนแล้วส่งโพยปึกใหญ่มาให้ผมกับกิฟหาเพื่อ???....กิฟถึงกับวางโพยทันทีไม่ดูไม่หากันแล้ว เหนื่อยฟรีๆ
“โอเค...ครับๆ ซอย5 โทร053894XXX ขอบคุณนะครับ พึ่งได้ในยามยากจริงๆ สนุกครับ...ได้ๆๆ”ท่าทางพี่คมจะชวนคุยยาวครับ ผมต้องทำขมวดคิ้วใส่แล้วพูดภาษาใบ้ว่า “พอได้แล้ว วางได้แล้ว” พี่ต่ายถึงอุบๆอิบๆแล้ววาง พอวางสายเสร็จก็ต่อสายไปหาบ้านพักครับ พี่ต่ายบอกว่าเคยเห็นทางเวปแล้วท่าทางน่าจะดี แต่ยังไม่ได้จอง
“ครับห้องเดียวครับ มีห้องน้ำในห้องไม๊ครับ อ๋อ เหลืออย่างละห้อง เดี๋ยวผมไปดูห้องก่อนแล้วกัน โอเค ..คืนนี้ครับ ครับๆเดี๋ยวรีบไปเลย”
พวกเรารีบออกจากร้านไอเบอร์รี่ ออกไปอีกไม่ไกลก็ถึงครับ ดูจากภายนอกเป็นอาคารพาณิชย์สีขาวสูง 3ชั้นเข้ามาจากปากซอยไม่ลึกมากนัก มีลูกกรงระเบียงสวย ด้านหน้ามีต้นไม้ประดับและมุมนั่งเล่นอยู่ เข้าไปด้านในมีมุมรับแขกอยู่ด้านหน้ามีผู้ชายนั่งคุยกันอยู่สองสามคน แต่ไม่รู้ว่าเป็นลูกค้าหรือเป็นใครกันแน่
มุมรับแขกด้านหน้า น่านั่งเล่นจริงๆ
เราเข้าไปติดต่อเรื่องที่พักพบสาวน้อยหน้าตายิ้มแย้มพูดจาสุภาพ ทำให้คิดว่ายังไงๆคืนนี้ก็คงพักที่นี่แน่ๆ “เดี๋ยวจะพาชมห้องนะคะ ห้องที่มีห้องน้ำในตัวอยู่ชั้นล่างค่ะ” ห้องที่เข้าไปชม ดูสะอาดสะอ้านดี มีห้องน้ำในตัวด้วย คืนละ800บาท
เราขึ้นไปชั้นสองมีห้องเตียงเดี่ยวสี่เสา มีพัดลม ทีวี โต๊ะเครื่องแป้ง มีเก้าอี้ให้นั่งเล่นในห้องด้วย การจัดวางค่อนข้างลงตัวกับขนาดห้อง แต่ไม่มีห้องน้ำในตัว ซึ่งพี่ต่ายไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ผมก็ตกลงที่จะเอาห้องชั้นสอง เรื่องห้องน้ำข้างนอกไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ เรื่องเตียงเรื่องพัดลมก็ไม่มีปัญหา ขนาดห้องก็แทบไม่ต่างกัน จะไปเสียเพิ่มอีก300บาทไปทำไมครับ ห้องน้ำที่ว่าอยู่ข้างนอกก็มีสองห้อง อยู่ติดกับห้องนอนที่เราเลือกเองใกล้นิดเดียว ไม่น่าจะลำบากอะไร
ห้องนอนแสนสวย มีสี่เสาด้วย อิอิ
มุมนั่งเล่นชั้นสอง น่าสบายเหมือนกัน
“เอาห้องนี้ครับ ห้องน้ำข้างนอกไม่มีปัญหา”
“แต่พี่กลัวไม่ปลอดภัยนะโอม”พี่ต่ายขัดขึ้นมาเสียงอ่อยๆ
กิฟคงอยากให้ตกลงเร็วๆครับ “ผู้ชายนะพี่จะกลัวอะไร เอาๆไปเหอะ จะได้ไปหาอะไรกิน ผมชักหิวแล้ว รีบเอาของมาเราจะได้ไปเดินถนนคนเดินกันต่อไงพี่”
“ไปๆกิฟไปเอากระเป๋ากัน พี่ต่ายไปจ่ายเงินด้วยนะเอาห้องนี้แหล่ะ”ผมลากกิฟไปเอากระเป๋าที่รถ ทำอะไรต้องให้ไวครับ แค่ได้บ้านตอนเกือบสี่ทุ่มก็ช้าเกินไปแล้ว ถ้ายังงมกับไอ้รายชื่อนับร้อยในกระดาษปึกนั้นคืนนี้พวกผมอาจต้องค้างที่ไอเบอร์รี่ก็ได้ หึหึ
ตอนที่ผมเก็บกระเป๋าเสร็จแล้วลงมาหาพี่ต่าย พนักงานกำลังบอกพี่ต่ายเรื่องเวลาปิดบ้าน “บ้านจะปิดตอนสี่ทุ่มครึ่งนะคะ ให้เข้าทางประตูด้านหลัง มีลูกกุญแจอยู่ที่พวงแล้วค่ะ เดินเข้ามาตรงข้างๆบ้านนะคะ”
คราวนี้เราก็จะไปเดินถนนคนเดินกันแล้วครับ ผมแอบมีหวังว่าจะได้กินอะไรอร่อยๆที่นั่น ถนนคนเดินที่เชียงใหม่จะมีเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ครับ วันนี้กิฟพาเราไปเดินเส้นถนนราชดำเนิน สี่แยกกลางเมือง ใกล้ๆหอศิลป์ กิฟเอารถไปจอดที่แฟลตตำรวจที่อยู่ใกล้ๆแล้วเราก็เดินทะลุซอย ไปที่ถนนที่มีพ่อค้าแม่ค้ามากมายมาขายของ มีทั้งของกิน เสื้อผ้า ของใช้ ของที่ระลึก มีทั้ง ภาพวาด เยอะมากครับ ผมกับพี่ต่ายก็เดินชมไปเรื่อยๆ ถนนทั้งเส้นยาวไปตลอดสายเลยครับ มีแต่ของขายเต็มไปหมด
วันนี้มีคนมาเดินเที่ยวกันมากทีเดียวแต่ผมว่าส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยมากกว่า มีทั้งมาเป็นกลุ่ม มาเป็นคู่ มาเป็นครอบครัว มากับเพื่อน แต่ที่เป็นคู่แบบผมก็มีมากครับ เดินๆไปคนชักแน่นขึ้นเรื่อยๆพี่ต่ายเลยเอามือผมมาจับไว้
ผมเลิกคิ้วถามพี่ต่าย ว่าจับทำไม พี่ต่ายย่นจมูกแล้วพูดแค่ว่า “เดี๋ยวหลง”แล้วก็จูงมือผมไปตลอดเลยครับ
กิฟพาเราไปหาอะไรทานกันที่วัดพันอ้น มีรถเข็นขายอาหารมากมาย ก็เหมือนกับฟู๊ดเซนเตอร์น่ะครับ แต่ร้านปิดไปเยอะแล้ว เดินวนไปหลายรอบก็ยังไม่รู้ว่าจะทานอะไรดี มีพวกข้าวขาหมู ลูกชิ้นทอด ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยว แต่ตอนนี้ห้าทุ่มกว่าแล้ว ความหิวโบยบินไปไหนหมดไม่รู้ ไม่อยากกินแล้วครับ จากหิวมากเลยกลายเป็นไม่กินก็ได้แล้วครับ
“งั้นไปกินขนมจีนกัน เดี๋ยวกิฟพาไป”กิฟพาเดินออจากวัดพันอ้น แล้วเข้าสู่อีกวัดหนึ่งแถวๆนั้น แต่พอเราเดินเข้าไปก็เริ่มปิดร้านกันแล้วครับไฟเริ่มปิดไปจนมืดๆ เราเลยเดินทะลุออกไปทางประตูอีกด้าน ร้านค้าก็เริ่มเก็บร้านกันแล้ว มีร้านรถเข็นขายเครปอยู่ข้างๆกำแพงวัด “กินเครปกันไม๊พี่ แทนข้าวไปเลย”กิฟชวนกินเครป ผมดูๆแล้วท่าทางไม่เลว มีฝรั่งยืนรออยู่ด้วย โกอินเตอร์ขนาดนี้ก็ต้องลองกันหน่อย
“พี่ต่ายเอาไส้อะไรครับ”ผมหันไปถามพี่ต่ายเห็นดูป้าแกทำอย่างสนใจ
“พี่เอาหมูหยอง โอมล่ะ”
“ของผมเนยกล้วย กิฟล่ะ”
“ของกิฟเอา ปูอัด แฮมครับ ราดทั้งซอส ทั้งช็อคเลยนะป้า”
เรายืนรอคอยป้าที่ทำไปยิ้มไป ดูชีวิตมีความสุขดีครับ ขนาดดึกขนาดนี้แกยังยิ้มได้ ทั้งที่ผมอายุก็น้อยกว่า เดินแป๊ปเดียวเริ่มเมื่อยขาแล้วครับ แล้วนี่แกคงยืนทำมาตั้งแต่เย็น บางทีผมก็รู้สึกว่าความอดทนต่อเรื่องความลำบากของผมช่างมีน้อยจริงๆ เราเดินไปกินไปเครปอันละ15บาทเองครับ กินเล่นๆรองท้องกันไป
จนกลับ ผมไม่ได้ซื้ออะไรเลยทั้งที่ตั้งใจว่าอยากจะซื้อของฝากไปให้แม่แต่ก็ไม่เจอที่ถูกใจจริงๆ ตอนที่เราเดินกลับกัน ร้านค้าก็เก็บกันไปมากแล้วครับ เราตกลงให้กิฟเอารถกลับบ้านไป แล้วพรุ่งนี้ค่อยมารับตอนเช้าเพื่อเที่ยวเชียงใหม่กันก่อนที่จะมีจุดหมายต่อไปคืออ.ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
“พี่ต่ายไปอาบก่อนไม๊ ผมง่วงให้ผมนอนก่อนนะ”ผมล้มตัวลงนอนไปที่เตียงแต่พี่ต่ายก็ดึงมือผมขึ้น
“ไปอาบน้ำด้วยกันก่อนโอม”
“ไม่เอาผมง่วงมากเลย เหนื่อยด้วย เมื่อยด้วยไม่ไหวแล้ว”
พี่ต่ายก็ปล่อยมือผมแล้วไปรื้อของกุกๆกักๆ ผมก็นึกว่าพี่ต่ายจะไปคนเดียว แต่อีกพักพี่ต่ายมาลูบๆแก้มอีกแล้ว ผมเลยปัดมือออก “ผมง่วงนะพี่”
“ไปอาบน้ำก่อนโอมจะได้นอนสบายๆตัวนะครับ น้องโอม”พี่ต่ายหอมแก้มผมเบาๆ ผมรู้สึกถึงสัมผัสเบาๆที่เปลือกตา พี่ต่ายจูบแตะริมฝีปากผมเบาๆ เหมือนหยอกเย้า
“อื้อ...อย่ากวนซิ”
“ก็ไปอาบน้ำกัน อาบพร้อมกันสองห้อง แล้วจะได้ล็อคประตูห้องไปไง พี่ไม่อยากมาเคาะกวนตอนโอมหลับสนิทอยู่” ผมลืมตาขึ้นมองพี่ต่ายอย่างเบลอๆเลียริมฝีปากที่เพิ่งโดนแกล้งมา บิดขี้เกียจก่อนจะยอมลุกขึ้น อาบก็อาบไม่งั้นพี่ต่ายคงไม่ยอมเลิกกวนแน่ๆ พี่ต่ายยิ้มอย่างพอใจที่ทำให้ผมตื่นขึ้นมาได้
“แล้วใครจะถือกุญแจห้อง? ผมอาบเร็วกว่าพี่ต่าย งั้นไว้กับผมนะ เสร็จแล้วผมได้เข้าห้องก่อน” พี่ต่ายพยักหน้าตกลงเราเลยต่างแยกย้ายกันอาบน้ำ
อากาศที่เชียงใหม่พอเริ่มดึกก็ยังหนาวอยู่ ผมได้อาบน้ำอุ่นที่อุ่นจนร้อนจากหลายวันที่เจอแต่น้ำเย็นๆ ก็ทำให้หายเหนื่อยขึ้นเยอะเลยครับ ผมอาบน้ำสระผมเสร็จก็กลับเข้าห้องไปก่อน พี่ต่ายเอาเสื้อผ้าให้ผมใส่จากในห้องน้ำเลย แต่ผมขี้เกียจนะครับ อยากไปแต่งตัวในห้องมากกว่า เลยนุ่งผ้าขนหนูเอา ก็มันดึกแล้วเกือบเที่ยงคืนแถมห้องก็ติดกันขนาดที่ว่าผนังเดียวกัน ออกจากห้องน้ำเสร็จผมก็วิ่งจู๊ดเข้าห้องเลยครับ ตอนออกมาจากห้องน้ำผงะไปเหมือนกัน มีแขกออกมาจากห้องอื่นพอดีครับคงมาโทรศัพท์โชคดีที่เป็นผู้ชาย เค้าเองก็ตกใจไปเหมือนกันที่เห็นผมวิ่งออกมาแบบนั้น ซวยจริงๆ
ค่ำคืนนี้มีใครบางคนหายไป
ส่วนคืนนี้ของสองเราจะเป็นอย่างไร ไว้มาติดตามกันตอนต่อไปค่ะ