{Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3  (อ่าน 15967 ครั้ง)

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :m20:
ของดีประจำคณะเศรษฐศาสตร์ พี่ไทม์ไงจะใครละ แทนถึงชอบมากินประจำ อ้าว ไม่ใช่เหรอ 55555

น้องแทนนน ร้ายกาจจจ แกล้งพี่เขาทำไมมม //ตีๆ
สู้ๆนะไทม์ งานเข้าก็ต้องทำใจ--- 55555555

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Will you be my family?{(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่ 12 ความจริงเริ่มปรากฏ




   “ไม่”

   “...” มึงไม่ต้องมาทำหน้าสงสัย

   “ธุระกงการก็ไม่ใช่ทำไมกูต้องทำด้วย”

   “ก็แค่คอยสังเกตเวลาน้องสาวผมมาเอง”

   “แล้วทำไมต้องเป็นกู”

   “พี่สะดวกที่สุดแล้ว”

   “ตรงไหนวะ”

   “พี่เป็นคนที่ผมรู้จัก”

   “มึงรู้จักกับกูคนเดียวเหรอทั้งชีวิตนี้”

   “พี่อยู่คณะเศรษฐศาสตร์”

   “...”

   “คณะที่น้องผมชอบมาบ่อยที่สุด”

   เถียงกับมันมาได้ครึ่งทางจนทำให้ผมได้รู้กับความจริงบางอย่าง

   ไม่อยากอวดว่าสมองดี แต่กับเรื่องแทนสุรบถผมจำได้หมดทุกรายละเอียดตั้งแต่มันก้าวเข้ามาในชีวิตด้วยยางลบก้อนกระจิ๊ดริดที่หยิบยื่นให้

   ไหนจะวันหลังสอบมิดเทอมที่ทำให้กลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้งด้วยค่าเหล้าพันห้ากับบทเรียนราคาแสนแพงว่าอย่าชวนใครไปเอา(ตังค์)บนห้องง่ายๆ

   รวมถึงการถูกเจ้าหนี้ตามมาทวงถึงที่โรงอาหารและการถูกลืมว่าเคยเป็นใครในความทรงจำ

   การได้รับประทานอาหารร่วมกันเป็นมื้อแรกแต่ผมเสือกแดกข้าวไม่ลงเพราะโดนคนทำร้ายจิตใจ

   กับฉากจูบใสใสที่แสดงให้พี่โชเห็นแต่เล่นทำผมไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

   ไหนจะหนังสืออิ๊งที่มันตื้อผมแทบเป็นแทบตายจนสุดท้ายก็ใจอ่อนยอมยกให้

   กับการช่วยเหลือคนเมาในร้านเหล้าพี่ดวกแล้วเสือกตื่นขึ้นมาทำหน้าเหมือนปลวกเสียพรหมจรรย์เล่นเอากูหวาดหวั่นไปถึงขาอ่อน

   ไหนจะเรื่องการช่วยเหลือครั้งล่าสุดของมันที่มีผลกระทบต่อจิตใจผมมากที่สุด

   แล้วกับเรื่องแค่นี้ทำไมไทม์ชลธีจะไม่เข้าใจล่ะ แต่แทนสุรบถมึงรู้มั้ยว่ากำลังทำให้ใครคนหนึ่งที่คิดเข้าข้างตัวเองอยู่ผิดหวัง เพราะคิดว่าการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นการเข้าหาอย่างบริสุทธิ์ใจ เจ็บสัดรัสเซียเลยว่ะ

   “ที่แท้ ที่มึงมาเข้าหากู ถามกูบ่อยๆว่าอยู่คณะไหนก็เพราะอย่างนี้เนี่ยนะ” ผมชี้หน้าแบบเสียมารยาทใส่มัน กะจะฟาดฟันกันให้ตายไปข้าง แต่ไม่ทันไรก็มีสัญญาณเหมือนบอกเวลาหมดยกแรกดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน

   “ขอโทษนะคะ” เอาอีกแล้วแม่ง “คือ...ขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยคะ” คิดว่าจะไม่มีอีกแล้วนะ ผมหัวเสียจนเกือบจะหันไปเหวี่ยงใส่แต่ทันทีที่ผมเห็นหน้าเธอ โอ้แม่เจ้าโว้ยยย

   หลังจากสงกรานต์ผ่านไปคราวนี้ก็ลอยกระทงเหรอ ชีวิตมันช่างเฟ็ดเฟ่อะไรอย่างนี้วะ หัวกระดงหัวกระไดไม่เคยแห้ง กูยกมามี่โป๊ะโกะให้มึงหนึ่งโหลไปเช็ดเลยเอา ผมมองเหยื่อรายล่าสุดที่กำลังจะโดนไอ้แทนสุดหล่อมันหักหน้าเป็นรายถัดไปอย่างนึกสงสาร สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักในชุดไปรเวทเธอจับโทรศัพท์ด้วยมือทั้งสองข้างท่าทางเกรงใจสุดชีวิต ละล้าละลังที่จะยกกล้องขึ้นมาเชะภาพคนหล่อในประวัติศาสตร์แต่ก็ยังใจกล้าที่จะเดินเข้ามาขอ

   น้องเข้ามาผิดจังหวะแล้วล่ะ ไอ้นี่มันไม่ยอมเซลฟี่กับใครง่ายๆ ดูอย่างคนสวยจะตายรายก่อนหน้านี้มันยังปฏิเสธอย่างไม่ใยดีเอาซะเลย แล้วกับแค่หน้าตาเหมือนเน็ตไอดอลครีมผิวขาวซิตร้าอย่างน้องมีหรือที่มันจะยอมให้ ผมเสมองไปเห็นริมฝีปากบางเฉียบที่เม้มเข้าหากันอย่างลำบากใจก่อนจะขยับปล่อยคำพูดทีน่าจะฆ่าแฟนคลับนางฟ้าของมันให้ตายคาที่ได้ออกมา

   “เออ...ขอโทษครับคือผมไม่...”

   “ปะ...เปล่าค่ะ” เธอขัดขึ้นมาได้ทันก่อนที่มันจะปฏิเสธ เล่นเอาผมกับไอ้แทนหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย

   “คือ...หมายถึงขอถ่ายพี่ไทม์กับแทนจะได้มั้ยคะ”

   เพล้ง!!

   รู้สึกเหมือนมีอะไรแตกดังเพล้ง!!

   อุ๊บ....ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า กูขำไปถึงชาติหน้าได้มั้ย อย่านึกว่ามึงหล่อคนเดียวแล้วคิดจะทำร้ายจิตใจสาวน้อยสาวใหญ่ใครต่อใครได้นะเว้ย กูไทม์ชลธีมีดีกรีเป็นถึงคนเกือบเดือนนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน หล่อสูสีคู่คี่กับมึงขนาดนี้มีเหรอคนไม่ขอถ่ายรูปได้ ฝันกลางวันว่ะ

   “ขำอะไร..พี่ไทม์” ปิดบังความรู้สึกอยากหัวเราะเยาะเสียเต็มประดาได้ไม่มิด ผมเลยนั่งกลั้นขำเหมือนปวดบิดอยู่นาน

   “เปล๊า ไม่ได้ขำ” โกหกเสร็จก็หันไปมองทางเด็กที่คาดว่าเป็นปีหนึ่งแล้วยื่นมือออกไปรับโทรศัพท์เธอมา “มา เดี๋ยวพี่ขอเซลฟี่กับมันหน่อย เก็บไว้เป็นที่ระทึก” ผมรีบย้ายก้นมานั่งข้างไอ้แทนอย่างไวว่องเบียดจนมันกระถดตัวหนีเบี่ยงตัวออกห่างหันหัวมามองทางผมอย่างหวาดๆ

   “ที่ระทึก?เนื่องในโอกาสอะไร?”

   “ก็เนื่องในโอกาสที่เขาไม่ได้ขอถ่ายมึงคนเดียวไง” ผมยิ้มกวนๆแล้วอ้อมมือไปข้างหลังคว้าไหล่มันที่ขืนตัวไว้ดึงให้กลับมาชิดตัวผม เสร็จแล้วก็บรรจงยกกล้องขึ้นมาหามุมดีดีมุมหล่อของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย

   “เอ้า ยิ้มสิครับ กลัวถ่ายออกมาแล้วผมราศีจับกว่าอย่างงั้นเหรอ” ฮ่าฮ่าฮ่าสะใจฉิบหาย ดูหน้ามันดิโคตรเหม็นเบื่อ ขนาดผมฉีกยิ้มจนแทบจะถึงรูหูแล้วมันยังไม่ยิ้มตอบกลับมาซักนิด เลยกระดกคิ้วยั่วโทสะไปอีกหนึ่งยกทำมันตาขวางใส่ผมสุดขั้ว “เอาน่าหยวนๆให้น้องเขาหน่อยเหอะมึง เอานะ หนึ่ง สอง...”

   ไม่ทันจะซั่มกันให้มันส์ถึงใจ มือใหญ่ๆก็เล่นไพล่มาจับท้ายทอยฉุดด้านข้างเข้าหาจนผมเสียสมดุลเซไปสัมผัสกับของนุ่มหยุ่นข้างแก้ม...

   เชะ!!

   เชี่ยกูมือลั่น!!

   ที่สำคัญคือภาพนั้นดันเป็นช็อตที่ทำให้ผมแทบล้มทั้งยืน...เออ ตูนั่งอยู่...ล้มทั้งนั่งก็ได้วะ เหยดเข้มึงทำไรกู๊!! ถามไปเหมือนคนโง่รู้อยู่ทนโท่ว่ามันหอมแก้มผม หนึ่งฟอดเต็มๆแถมน้ำลายหมายังเปื้อนข้างแก้ม

   “ทำห่าอะไรของมึงวะ!!”  ผมรีบหันหัวไปกะด่ามันให้เป็นหมันกันไปข้างแต่แล้ว...

   กูยอมเป็นหมันแทนก็ด้ายยยยยย มันยังไม่หันหน้ากลับไปครับ สาดดดดดดดดดด

   เชะเชะเชะเชะ!!

   เฮ้ยเสียงไรวะ กูไม่ได้กด!! พวกมึงมาถ่ายฟุตบอลพรีเมียร์ลีกข้างสนามหรือไงถึงต้องใช้สปีดซัตเตอร์ขนาดนั้น รัวยิ่งกว่าตอนที่ไอ้แทนโดนถ่ายเดี่ยวอีกครับคุณผู้โช้มมมม ดาราก็ไม่ใช่ถ่ายเอาไปทำซากอ้อยอะไรไม่ทราบ

   สติสตังตกอยู่ในภวังค์เพราะกูทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่มาคว้าเอาของที่อยู่ในมือผมไป

   น้องซิตร้าครับเธอเอามือถือกลับไปร่วมสมทบกับกองกำลังชุดใหญ่แชะใส่แบบก๊อกรั่ว กดแบบไม่กลัวไอโฟนจะเมมเต็มกันเลยทีเดียว กะเอาไปทำแกลลอรี่งานแสดงภาพถ่ายไทม์แทนคนแมนๆเตะบอลกันหรือเปล่าวะ เฮ้ยกูยังไม่อนุญาต เมิงหยุดดดดด

   “น้องพอแล้ว ถ่ายเอาไปทำไรเยอะแยะ”

   “เอาไปลงเพจค่ะ” เพจเหี้ยอะไร มึงดูหน้ากูก่อนว่าอนุญาตรึเปล่า แม่งวิ่งหนีไปเลยครับ อึ้งดิครับ อย่าคิดว่าผมจะกระโดดพรวดพราดวิ่งไปลากน้องซิตร้ามาตบหนึ่งฉาดแล้วเอามือถือกลับมา ผมไม่ทำครับ ไม่ใช่ว่าแมนหรืออะไร กูแค่อึ้งเลยยังลุกไม่ขึ้นทำอะไรไม่ถูก

   “หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ” เสียงข้างๆมันปรามาสผม

   “มึงนั่นแหละเล่นเหี้ยอะไรวะ” หอมแก้มกูเพื่อ!! กลืนท้ายประโยคลงคอไม่อยากตะโกนใส่เพราะอายชาวบ้านอีกหลายสิบชีวิตที่ยังนั่งกินข้าวอยู่ตรงนั้น

   “ก็เขาอยากได้รูปคู่ผมกับพี่ เลยเซอร์วิสมุมดีๆให้”

   “ใจดีกับแฟนคลับจังนะมึง”

   “แล้วทำไมพี่ต้องโวยวายด้วย กลัวเสียคะแนนนิยมเหรอ”

   “กูไม่แคร์เว้ย” มึงนั่นแหละที่จะโดนดีเพราะแฟนคลับมึงมีเยอะกว่ากูไม่ต้องเดาก็รู้ แต่เสียใจว่ะฐานด้อมผมจะยังเหลือมั้ย ตอบให้กูสบายใจที

   “สรุปพี่จะช่วยผมมั้ย” เก่งฉกาจยิ่งกว่าใครก็คือไอ้แทนที่ยังวกกลับมาเรื่องเก่าได้ ทั้งที่จะเอาให้มันลืมๆไปไม่ต้องสนใจแล้วเชียว อารมณ์ที่อยากจะหาเรื่องมันต่อเล่นหดกลับเข้ากระดองเลยครับ

   “ไส้กรอกมึงเหี่ยวหมดแล้ว รีบๆกินดิ เดี๋ยวก็ไม่อร่อยกันพอดี” หน้าด้านไปเรื่องอื่นได้แบบไม่อายสายตาใคร กูไม่ฟัง ไม่แคร์ ไม่สน มึงอย่ามาบังคับกู

   “อย่าลืมบุญคุณที่ผมทำกับพี่ไว้นะ”

   “มีเรื่องอะไรบ้างมึงว่ามาดิ เรื่องยางลบเหรอ โอเคเดี๋ยวกูวิ่งไปซื้อมาใช้คืนให้ บอกมาว่ายี่ห้ออะไรรุ่นไหนราคาเท่าไร หรือเรื่องตังค์พันห้าเดี๋ยวกูขอเวลาไปถอนจากตู้แป๊บแล้วจะเอามาคืนกูสัญญา”

   “ผมช่วยไปส่งพี่เดย์ตั้งหลายครั้ง”

   “เรื่องนั้นเดี๋ยวกูให้เพื่อนมาชดใช้คืนมึงเอง”

   “ผมไม่เอาเพื่อนพี่ ผมจะเอาพี่”

   “...” บางตำรากล่าวกันว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลกแต่ตอนนี้ตื้อของมึงช่างโคตรกวนประสาทกูสิ้นดี

   “พี่ต้องสืบเรื่องฟ้าให้ผม” เข้าใจว่าอยากรู้เรื่องน้องฟ้า แต่กูไม่ต้องเสียเวลาไปสืบให้มึงด้วยซ้ำก็ในเมื่อกระดาษคำตอบมันอยู่ในมือมาตั้งนานแล้ว ถุยยย กูอยากได้เป็นข้อสอบในชีวิตจริงมากกว่าที่จะต้องมาเป็นข้อสอบเรื่องพลเทพอย่างนี้น่ะ

   “ถ้ามึงรู้ว่าใครเป็นแฟนน้องฟ้าแล้วมึงจะทำยังไง”

   “ผมจะให้มันเลิกยุ่งกับฟ้า”

   “หา?”

   “เพราะมันเป็นคนที่ทำให้ฟ้าร้องไห้” ใครสอนทฤษฎีนี้ให้มึง ทำให้ร้องไห้แล้วต้องเลิกกันอย่างนี้สำนักงานเขตไม่ต้องหัวปั่นทำใบสำคัญเรื่องการหย่าวันละหมื่นแสนล้านฉบับเลยเหรอวะ ขึ้นชื่อว่าคนรู้ใจมันไม่ใช่เอาแต่มานั่งหัวเราะยิ้มให้กันมีอารมณ์สุขไปวันๆเพียงอย่างเดียว มันต้องมีสุขมีทุกข์ฝ่าฟันกันไปอย่างนี้ถึงจะเรียกได้ว่าคู่ชีวิตที่แท้จริงเว้ย

   “เรื่องของคนสองคนมึงจะเข้าไปยุ่งทำไมวะ”

   “น้องผมยังไม่สมควรมีแฟน”

   “มึงเอาอะไรมาตัดสิน”

   “ความคิดฟ้ายังเด็กเกินไปที่จะมีความรัก”

   “มึงรู้ได้ไง”

   “ที่ฟ้าร้องไห้ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดผมเดาได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องเรียน เรื่องครอบครัว หรือเรื่องเพื่อน ผลการเรียนแกดีมาตลอด ไม่มีปัญหาเรื่องครอบครัว หรือเรื่องโดนเพื่อนแกล้ง”

   “โหยนี่มึงตามสืบเรื่องน้องมึงได้ขนาดนี้ทำไมไม่ทำเองล่ะวะ”

   “ก็มีเรื่องเดียวที่ผมยังสืบไม่ได้ เหมือนฟ้าพยายามปิดผมอยู่ ขนาดเพื่อนสนิทยังไม่รู้เรื่องนี้เลย”

   “...”

   “พี่ไม่ต้องคิดอะไรมากแค่ทำตามที่ผมบอก ถ้าพี่สืบให้ ผมจะยอมเป็นไม้กันหมา กันพี่โชออกไปจากชีวิตพี่” เงื่อนไขมันดีเหมือนยิงหนังสติ๊กทีได้นกสามตัว ตัวหนึ่งคือไล่สิ่งน่ารำคาญออกจากชีวิต ตัวที่สองคือได้ใกล้ชิดไอ้แทน ตัวที่สามคือกูกำลังจะเป็นตัวจุดชนวนให้เพื่อนเลิกกับแฟน มันดีตรงไหนวะ!! ผมลุกขึ้นพรวดมองมันด้วยสายตาจริงจังอย่างไม่เคยทำมาก่อน

   “ไอ้แทนกูไม่อยากจะทำแบบนี้หรอกนะ” มึงเป็นคนบีบบังคับให้กูต้องทำ ผมกำมือถือกับสายเป้ไว้มั่นกัดฟันพูด ส่วนไอ้แทนมันก็ขมวดคิ้วมุ่นใส่ผมงุนงงกับประโยคที่กล่าวขึ้นมาอย่างเลื่อนลอย

   “จงจำไว้ว่ามึงเป็นคนบังคัญกูเอง!!” ตะโกนใส่แสกหน้าแล้วก็เผ่นเกียร์หมาดิครับ!! ผมโกยอ้าวแบบไม่คิดชีวิตออกจากร้านมายังริมถนนกระโดดขึ้นบนทางเดินผันตัวเองเป็นนักกีฬาลมกรดวิ่งฉิวไปตามฟุตบาท เออ ยอมรับก็ได้ว่ากูหนี!! กูไม่อยากทำตัวแบบนี้แต่มึงอ่ะตัวดีที่บังคับกู พอพอ ผมจะหนีหน้าจากไอ้แทนให้มันตามตัวไม่เจอเพราะกูไม่ได้ทิ้งรองเท้าซินเดอเรลล่าไว้ ไม่ได้ปล่อยฟีโรโมนให้หมามันตามกลิ่นได้ ไม่ได้ไอฟิลเดอะซันชายวิ่งในหลั่นล้าในทุ่งดอกลาเวนเดอร์จนมันตามมาทัน ผมโคตรมั่นใจในฝีเท้าตัวเอง วันนี้คือฝันร้าย พรุ่งนี้พอตื่นขึ้นมาก็จะเจอกับสภาพที่ว่าน้องฟ้าไม่ได้ทะเลาะกับไอ้แม็ค ไอ้แทนยังไม่รู้ว่าน้องสาวมีแฟน และผมที่ไม่รับรู้ว่าไอ้แทนคือเจ้าของยางลบก้อนนั้น กู๊ดไนท์เอเวอรี่บอดี้ สวีทดรีม




   นอนอืดคาห้องมาเกือบครึ่งค่อนวัน ความรู้สึกโคตรเหมือนสายลับที่กำลังโดนตามล่ากรอกยาเพื่อล้างสมอง จนต้องระหกระเหเร่ร่อนมาแอบซ่อนในห้องประจำหอประตูเอกตึกแปด มีอะไรที่ทำได้นอกเหนือจากหายใจให้หมดไปวันๆอีกมั้ยครับเนี่ย เบื่อโคตร มือถือก็เปิดไม่ได้เพราะไอ้แทนมันรู้เบอร์ จะออกไปข้างนอกก็กลัวจะไปเจอใครดักตีหัวข้างทาง จากนี้ไปผมต้องใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อนไปวันๆเหรอเนี่ย ตราบใดที่ไอ้แทนมันยังเรียนอยู่มหาลัยนี้ และตราบใดที่น้องฟ้ายังเป็นแฟนไอ้แม็ค

   เห็นทีนั่งนิ่งๆอยู่ตรงนี้ต่อไปคงไม่ได้ ผมรีบลุกพรวดไปตรงหน้ากระดานไวท์บอร์ดเล็กๆที่ติดเมมโมกันลืมไว้เต็มเอี้ยด กวาดแม็กเนทออกไปให้พ้นทางแล้วเริ่มสร้างยุทธศาสตร์ในการรบ

   ทางเลี่ยงที่หนึ่ง....เลิกคบกับไอ้แม็ค ในเมื่อมันเป็นแฟนน้องฟ้า ตัดมันที่ต้นเหตุรับรองได้ผล แต่แม่งเพื่อนผมทั้งคนให้กูเลิกคบด้วยเหตุผลอะไรวะ ไม่ๆข้อนี้ตกไป

   ทางเลี่ยงที่สอง...ย้ายมหาลัยเรียนแม่งเลย แต่ให้ซิ่วกับเรื่องขี้ปะติ๋วที่ไม่เกี่ยวกับกูเลยเนี่ยนะ อนาคตทั้งชีวิต แถมคณะนี้กว่าจะแอดมิชชั่นมาได้กูไม่ซิ่วไปตายให้โง่หรอก

   ทางเลี่ยงที่สาม...ซุนวูปราชญ์แห่งพิชัยยุทธ์ได้กล่าวไว้ รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ตามสืบเรื่องไอ้แทนให้มันรู้แล้วรู้รอดเลยว่าเรียนที่ไหนเวลาอะไรแล้วเลี่ยงซะก็สิ้นเรื่อง เออข้อนี้เจ๋งแฮะ แต่ผมจะไปหาตารางเรียนมันจากไหนวะ

   ว่าแล้วผมก็ตัดใจเปิดมือถือ แค่นั้นแหละเสียงแจ้งเตือนแม่งเด้งเข้ามาราวกับห่าพายุ ทั้งไลน์ อินสตาแกรม เฟสบุ๊ค แมสเสจ มิสคอลรวมแล้วกว่าร้อยรายการ นี่มันบ้าบออะไรวะ ปกติผมไม่ค่อยเล่นโซเซียลแต่ไหงทำไมปิดมือถือแค่วันเดียวเสือกมีอะไรต่อมิอะไรเข้ามาเยอะแยะขนาดนี้ ในนั้นสิ่งที่ผมเดาได้คือมิสคอลจากไอ้แทนที่กำลังตามล่าผม กับไอ้เดย์ที่คงงงว่าผมโดดเรียนไปไหนตั้งสองวันเต็ม แต่ไอ้อินสตาแกรมเนี่ยดิมันอะไร ว่าแล้วก็จิ้มเข้าไปดูให้หายสงสัย โดยหารู้ไม่ว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิด เพราะทันทีที่ภาพของใครบางคนปรากฏสู่สายตาก็เล่นเอาผมสมองชาไปครึ่งซีก

   เชี่ย!! โดนเล่นเข้าให้แล้วไง มุมกล้องโคตรทำเข้าใจผิดสัดๆ มันเป็นภาพเมื่อวานตอนที่ผมหันหน้าเข้าหาไอ้แทนแต่เป็นการถ่ายจากมุมที่ดูยังไงปากผมกับมันก็กำลังประกบกันอยู่!!

   ใต้ข้อความเป็นคำสั้นๆง่ายๆที่เล่นเอากูตายไปถึงชาติหน้า

   ‘ฟินนนนนนนนนนนนนนนนนน’ ฟินหอยหลอดดิ!! อย่าถามหาคอมเมนต์นะครับไม่ขออ่าน แต่ต่อให้อยากมองผ่านขนาดไหนสายตาก็ต้องไปสะดุดกับคอมเมนต์ที่ยอดไลค์เยอะกว่าชาวบ้านที่มันไม่โดนซ่อนอยู่ใน วิวออลร้อยกว่าคอมเมนต์

   Sky of Tan เอาภาพมาลงแบบนี้ อีกคนโกรธจนหนีหน้าผมไปแล้ว ใครก็ได้ตามตัวให้ทีครับ

   เหยดเข้ กูยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าชาวบ้านเขาเอารูปนี้มาลง อย่ามาเหมาว่ากูหนีเพราะโกรธ แต่กูหนีก็เพราะไม่อยากไปยุ่งเรื่องน้องสาวมึงให้มันวุ่นวายหัวใจต่างหาก อยากพิมพ์โต้กลับไปโคตรๆแต่กลัวไอ้แทนมันไหวตัวทันรู้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ งานนี้ผมเลยลงทุนสร้างแอคเคาท์อินสตาแกรมขึ้นมาใหม่แล้วกดหัวใจให้ภาพนั้นก่อนรัวนิ้วพิมพ์คอมเมนต์ตามลงไปทันทีโดยไม่ลืมที่จะแท็คไอ้เชี่ยแทน

   Sea of sky @Sky of Tan ขอตารางเรียนหน่อยค่ะ จะได้พาคนไปส่งถูก

   ตอแหลสุดในพ.ศ.นี้ก็กูเนี่ยแหละครับ ปลอมตัวเป็นแฟนคลับหลอกขอตารางเรียน ถ้ามันเชื่อก็ดีไปแต่ถ้าไม่ก็ค่อยหาวิธีใหม่เอา ผมนั่งจ้องหน้าจออยู่นานสองนานหวังว่าจะมีไอ้ตัวดีมาตอบแต่จนแล้วจนรอดกลับมีแค่ความเคลื่อนไหวของคนกดไลค์กับคอมเมนต์ที่เพิ่มเติมเลยตัดใจโยนมือถือลงเตียงแล้วนอนคว่ำหน้าเกลือกกลิ้งอย่างเก่า

   ไหนจะกระแสโซเซียล ไหนจะสิ่งที่ไอ้แทนมันทำเพื่อกระพื่อข่าวให้แฟนคลับมันคลั่งตายอีก อย่างนี้ต่อให้ไปไหนก็ไม่รอดต้องโดนจับตามองอย่างแน่นอน

   “ดรอปเรียนแม่งเลยดีมั้ยวะ” หาข้ออ้างเพราะความขี้เกียจเป็นหลัก แต่ไม่นานนักเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอีกรอบให้ผมต้องกระเด้งตัวหยิบมือถือขึ้นมาดูแทบจะในทันที

   Sky of Tan @Sea and Sky #ตารางเรียนแทนสุรบถวิศวะอุตฯ

   เหยดครกมันให้จริงๆ!! เปิดเผยราวกับคนของประชาชน อย่างนี้ไม่มีคนไปดักรอมันนรกแตกเหรอครับ ชักเป็นห่วง พอจิ้มเข้าไปก็เจอกับภาพอาร์ตๆที่ใช้ปากกาสีขาววาดลงบนกระดาษสีดำเป็นตัวการ์ตูนหัวโตๆที่หน้าตาเหมือนมันโคตรๆพร้อมกับประโยคในกล่องคำพูดรูปก้อนเมฆเป็นข้อความตัวใหญ่ๆว่า

   ‘ผมไม่มีหนังสือเรียนอิ๊งมาหนึ่งคาบแล้วนะ โปรดขอฉันขอฉันเถอะนะ พี่ไทม์’

   เฟี่ยยยยยยยยยยยยยยยยย เป็นห่วงเก้อ ไม่ใช่ตารางเรียนแต่เป็นคำทวงหนังสือเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานสามที่ผมยังไม่ได้ให้มัน!! สัดดดดด

   Sea and Sky @Sky of Tan มึงก็ไปซื้อมาเรียนเองดิวะ อย่ามาพึ่งพากู
   Sky of Tan @Sea and Sky พี่สัญญาแล้วว่าจะให้ผม
   Sea and Sky @Sky of Tan กูเปลี่ยนใจไม่ให้แล้วโว้ยยย
   Sky of Tan @Sea and Sky เป็นรุ่นพี่พูดโกหก เป็นตัวอย่างไม่ดีให้แก่รุ่นน้องนะครับ
   Sea and Sky @Sky of Tan อย่างมึงกูไม่นับว่าเป็นรุ่นน้อง
   Bell Meaw Meaw อร๊ายยยยที่แท้ก็พี่ไทม์ปลอมตัวมาาาา
   Y w Y เถียงกันงุ้งงิ้งกระดิ่งแมว น่ารักอะไรขนาดนี้ หนูฟินนนนนนนนนนนนนนน


   ฉิบหาย กูลืมตัววววว


   เหี้ย ห่า เหว แล้วกูจะสร้างแอคเคาท์ใหม่มาทำเพื่อ!! ออกจากอินสตาแกรมที่กำลังจะกลายเป็นอินสตากรรมด่วน!! ผมถอยออกจากแอพนี้ไปจิ้มแอพอื่นที่มีแจ้งเตือนเพียงเพื่ออยากหลุดพ้นจากความเป็นจริง อยากทิ้งเรื่องตรงหน้าไว้ก่อน แอพเครื่องหมายคำพูดฟ้าผ่าติดแจ้งเตือนขึ้นมาหนึ่งรายการให้ผมต้องจรดนิ้วจิ้มเข้าไปดู ข้อความในนั้นทำเอาฉงนไปหลายตลบ


   ‘ไทม์กูฝากฟ้าด้วย’
   ข้อความจากไอ้แม็ค....
   

   มันฝากเมียไว้กับกูอย่างกับฝากบ้านไว้กับตำรวจ หยุดยาวสงกรานต์ไปเที่ยวไหนหรือครับไอ้คุณชายแม็ค ถึงได้ส่งข้อความชวนสะท้านตับให้ใจหวั่นๆได้ขนาดนี้ ความคิดผมเร็วรี่รีบพิมพ์ตอบกลับมันไปทันที

   ‘ไม่รับฝากเว้ย เมียใครก็ดูแลเองดิวะ’

   กดปิดมือถือแล้วหงายตัวมองเพดานต่อ อยากให้โลกนี้กลับไปช่วงที่ไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์คให้คนติดต่อกันได้แค่โทรศัพท์สาธารณะ กับเบอร์บ้าน ผมจะได้ไม่ต้องมาคิดฟุ้งซ่านยามที่มีสิ่งต่างๆรอบกายมากระทบได้ง่ายขนาดนี้






   Rrrrrrrrr

   เสียงเรียกเข้าเล่นเอาสะดุ้งตื่นจากฝันหวาน ที่ผมกำลังเห็นภาพตัวเองเรียนจบรับปริญญาแล้วลงเอยกับแฟนที่คบกันมากว่าสี่ปี พอตื่นมาพบความจริงว่าตัวเองลืมปิดมือถือก็ทำให้ผมถึงกับปวดขมับกลัวว่าไอ้คนที่โทรเข้ามาจะเป็นเจ้าตัวปัญหาในใจผม แต่ผิดคาดหน้าจอกลับดันโชว์ชื่อไอ้เดย์อยู่

   “ไงมึง”

   [ไอ้สัดไทม์ ในที่สุดก็รับซะทีนะเว้ย มึงแม่งหายหัวไปไหนมาวะ กูตามหาให้วุ่น]

   “ก็นอนโดดเรียนอยู่ห้องกูตามปกติแหละวะ วันนี้มึงมีปัญหาอะไรถึงต้องตามหาตัวกูให้วุ่น ปกติกูโดดเรียนวันสองวันมึงยังไม่เห็นเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้เลย”

   [ก็มึงแม่งเล่นไม่ติดต่อมาเลย] เออจริงของมัน อย่างน้อยต่อให้ผมโดดเรียนแบบเหมือนหายไปตายที่ไหนยังไงก็จะต้องมีไลน์หรือส่งข้อความไว้ให้มันรู้

   “โทษที กูลืม”

   [พอพอกับไอ้เชี่ยแม็คเลย]

   “ฮะ? มึงว่าไงนะ อย่าบอกนะว่าไอ้แม็คมันก็โดดเรียนเหมือนกู”

   [เออดิวะ กูแม่งนั่งเรียนคนเดียวในห้องติดกันมาสองวันแล้ว พวกมึงแม่งโดดก็ไม่ชวน] รักเรียนสัดเลยเพื่อนกู

   “มันไม่ได้ส่งข้อความไปบอกมึงเหรอ”

   [เปล่า ก็เหมือนมึงแหละ ตอนแรกนึกว่าพวกมึงรวมหัวกันไปเที่ยวต่างจังหวัด ตั้งทริปคนอกหักกันเงียบๆสองคนแบบไม่ชวนกูด้วยซ้ำ โคตรน้อยใจ]

   “มึงว่าใครอกหักวะ”

   [อ้าวก็มึงกับไอ้แม็คไง]

   “ถ้าไอ้แม็คกูพอเข้าใจ เพราะมันพึ่งทะเลาะกับน้องฟ้ามา แต่ถ้าเป็นกู กูไม่เก็ทเว้ย”

   [มึงก็อกหักจากไอ้แทนไงเล่า ภาพมันคาตาขนาดนั้นแล้วทำไมมึงยังไม่เชื่ออีก]

   “ภาพอะไรของมึง”

   [อ้าวสรุปแล้วมึงไม่ได้หยุดไปเพราะอกหักช้ำรักจนมาเรียนไม่ได้เหรอวะ]

   “กูเปล่า กูแค่ไม่สบายแล้วลาเฉยๆ”

   [เชี่ยแล้ว อย่างนี้มึงก็ยังไม่รู้ดิวะ สัดกูพูดไปทำไมวะเนี่ย]

   “เรื่องอะไรมึงเล่ามาเลยนะ”

   [เปล่าๆ]

   “เล่ามาดิวะ ไอ้เดย์”

   [มึงไม่ต้องรู้หรอก]

   “มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่าวะ”

   [...]

   “ถ้าใช่มึงเล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้เลย”

   [เออก็ได้ แต่มึงต้องทำใจนะ]

   “เรื่องอะไรร้ายแรงขนาดต้องให้กูทำใจเลยเหรอวะ”

   [ก็ใช่ดิ ก็เรื่องไอ้แทนคนที่มึงแอบปลื้มไง] กูไม่ได้ปลื้มมันเว้ย ขอแก้ข่าว

   “แล้วเกี่ยวอะไรกับไอ้แทนวะ”

   [ก็มันน่ะดิที่เล่นชู้กับน้องฟ้า] อ้าวข่าวเก่า มึงยังเอามาเล่าอีกเหรอ

   “เรื่องนี้มันเข้าใจผิดกันอยู่ไม่ใช่เหรอ”

   [ตอนแรกกูก็คิดว่าเข้าใจผิด ที่ไหนได้วันก่อนที่มึงนั่งปลอบน้องฟ้าแล้วให้กูไปตามหาไอ้แม็ค แม่งเสือกเจอดีเข้าให้]

   “เจออะไรของมึง” วันนั้นกูก็เกือบเจอดี เจอไอ้พี่โชมันจะจับทำเมียเล่นเอาเกือบตายถ้าไม่มีไอ้แทนมาช่วยป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไง แต่ไม่บอกไอ้เดย์ไว้เป็นดีเดี๋ยวจะเป็นห่วงซะเปล่าๆแล้วจะมาต่อความยาวสาวความยืดกับผมว่าทำไมพี่โชมันถึงกล้ารีเทิร์นมาแหยมอิทธพลของเสี่ยอู๊ดได้อีก

   [เจอไอ้แทนมันมาส่งน้องฟ้าที่คอนโดน้องเขาแล้วเข้าไปในห้องไม่ออกมาตลอดทั้งคืน] จากคำบอกเล่าของไอ้เดย์ผมไล่ไปถึงเหตุการณ์ตอนคืนนั้น ถ้าให้เดาไอ้แทนคงมาหย่อนผมที่ห้องมันก่อนหันไปส่งน้องฟ้าที่เมามายจนเกือบไม่ได้สติ แต่ไอ้แทนมันก็พี่ชายไม่เห็นจะน่าตกใจตรงไหน เออผมลืมไปว่าไอ้เดย์กับไอ้แม็คมันยังไม่รู้

   “มึงอย่าบอกนะว่าตอนนั้นไอ้แม็คก็อยู่ด้วย”

   [ก็ใช่อ่ะดิ ตอนนั้นที่กูวิ่งไปตามหามัน พอเจอมันก็เอาแต่บ่นสำนึกผิดว่าไม่น่าตวาดใส่น้องฟ้าอย่างนั้น หัวเสียใส่ตัวเองจนกูต้องปลอบมันว่ายังไม่สายถ้ารีบไปขอโทษ พอเป็นอย่างนั้นมันก็รีบบึ่งไปหาน้องฟ้าถึงคอนโดลากกูไปช่วยเป็นกำลังใจให้ แต่ที่ไหนได้ตอนกำลังจะลงจากรถขึ้นตึกเสือกเห็นไอ้แทนประคองน้องฟ้าเดินกันมา กูกับไอ้แม็คหลบแทบไม่ทัน พอมันขึ้นตึกไปแค่นั้นแหละไอ้แม็คถึงขั้นพูดไม่ออก กูก็ได้แต่มองโลกในแง่ดีว่าอาจจะเป็นแค่คนรู้จักมาส่งเพราะมันมืดแล้ว แต่รอแล้วรอเล่าแม่งก็ไม่เสือกลงมา ทิ้งรถตากน้ำค้างไว้ถึงเช้า ทำเอากูตาโหลนอนรอในรถจนสว่าง เชี่ยสัดเลย] นี่มึงโมโหเพราะนอนไม่พอใช่มั้ยไอ้เดย์

   “แล้วไอ้แม็คมันว่าไงบ้าง”

   [มันนิ่ง เหมือนคนไม่มีความรู้สึก กูโคตรห่วงมัน เลยนั่งอยู่เป็นเพื่อนพักใหญ่จนแยกย้ายกลับหออาบน้ำไปเรียน แล้วสุดท้ายมันก็ไม่มา] สมควรแล้วถ้าแม็คมันไม่รู้ว่าแทนเป็นพี่น้องฟ้าก็ต้องช็อคเป็นธรรมดาแหละวะ

   “เดี๋ยวกูโทรหามัน”

   [นี่มึงไม่ช็อคเลยเหรอวะ อกหักไรเงี่ย อีกฝ่ายที่กำลังคั่วกับน้องฟ้าคือไอ้แทนที่มึงปลื้มเลยนะ]

   “สัดกูไม่ได้ปลื้มมันเลิกพูดได้แล้ว แล้วกูจะช็อคไปเพื่ออะไร”

   [อ้าวที่เพ้อมาปีกว่า แถมเก็บซากยางลบไว้นี่หมายความว่ามึงไม่ได้คิดอะไรเหรอวะ]

   “คิดดิ” คิดอยากตอบแทนบุญคุณเท่านั้นเอง

   [คิดแล้วทำไมตอบอะไรโคตรย้อนแยง นี่มึงปกติดีรึเปล่าเนี่ย]

   “ปกติสมบูรณ์ดีทุกอย่างเว้ย”

   [ถ้าปกติมึงก็ต้องชอบไอ้แทนดิวะ]

   “เออกูชอ...” สะกิดใจแป๊บ เหยยยยยยยยยยยยยยยยยนี่กูกำลังจะพูดอะไรออกไปวะ เรื่องนี้ต้องปฏิเสธกูไปตอบเยสมันทำไม “สัด!!ชอบที่ไหนล่ะมึง กูแค่จะบอกว่าที่กูไม่ช็อคเพราะกูรู้ว่าอะไรเป็นอะไร”

   [อะไรเป็นอะไร  เชี่ยอะไรของมึงวะ มึงก็รู้ว่าสมองกูมีน้อยช่วยพูดง่ายๆให้เข้าใจทีได้มั้ยไอ้ไทม์] เออ...เดี๋ยวกูจัดให้เนื้อๆเน้นๆไม่เอาน้ำ

   “กูรู้ว่าไอ้แทนมันเป็นพี่ชายน้องฟ้าไง”

   [...]

   “...”

   [ไอ้แทน? พี่ชายน้องฟ้า?]

   “เออดิ คลานตามกันมา เพื่อนไอ้แทนเป็นพยานได้”

   [เหยดดดดดดดดด ไอ้แม็คแม่งซึมเก้อแล้ว]

   “เออดิ กูถึงต้องรีบโทรไปหามัน เอายาแนวไปให้ไง”

   [ยาแนว? เอาไปให้มันทำไม]

   “แก้ซึม”

   [สัด]


   มาถึงจุดนี้ผมยังมีอารมณ์ขัน แต่ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าชีวิตมันไม่ง่ายเลย

TBC
+++++++++++++++++++++++++++

ช่วงนี้เหมือนใช้ภาษาฟุ่มเฟือย
ให้คนอ่านช่วยติชมหน่อยนะคะ
อ่านตรงไหนสะดุดใจ ไม่ว่าเรื่องเล็กกระจ้อยร่อยยังไง คอมเมนต์กันมาได้นะ
คนเขียนไม่กัดแน่นอน
หรืออ่านแล้วฟิน(แบบคนเขียน) อ่านแล้วชอบใครเกลียดใครในเรื่องก็ว่ากันมาได้
แค่คอมเมนต์มาน้ำตาก็ไหลแล้ว 555
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนถึง ตอน12 ค่ะ
รักนะ จุ๊บๆ

คุณmild-dy ให้มาหนึ่งคืนไปสิบ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

คุณFeaRes ของดีขาวเนียนน่าหอมม๊วฟๆ แทนถือคติแกล้งไทม์วันละนิดจิตแจ่มใสค่ะ พระเอกเราเป็นคนเปิดเผย?แต่ปิดบังกับบ้างเรื่อง 555 คนที่ความลับช่างดูมีสเน่ห์ (เหรออออออ) ขอบคุณที่อยู่กันมาตั้งแต่ตอนแรกนะคะ เป็นกำลังใจสำคัญที่ดีเยี่ยม ขอบคุณจริงๆค่ะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เกิดเป็นไทม์ คนนึงก็คนที่ชอ--- แค่ก อีกคนก็เพื่อน อืมมมม
แทนไม่บังคับพี่เขาดิ พี่เขาลำบากใจอยู่นะเห็นม่ะ //ตี
ไทม์ล่องหนเลย แทนจะได้หาไม่เจอ 5555555555

รีบๆบอกแม็คนะ จะได้ไม่ซึม โอ๋ๆเพื่อนเร็วววว

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่13 ความรักทำให้คนตาบอด



   [หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...]


   ไอ้สัดเปิดเครื่องซักทีดิวะ

   เชื่อเปล่าว่าผมกดโทรหามันเป็นครั้งที่สี่สิบสี่ ถ้าคิดหารเฉลี่ยสองวันหรรษาก็ปาไปวันละยี่สิบสองครั้ง สองวันมีสี่สิบแปดชั่วโมง หากนับจากตอนที่วางสายไอ้เดย์มาจนถึงตอนนี้สี่โมงเย็นของวันใหม่ ตกเหนาะๆปาไปชั่วโมงละสี่ครั้ง กับแฟนคนแรกกูทุ่มเททำให้ขนาดนี้มั้ย...ตอบเลยว่าไม่

   ที่ทำไปทั้งหมดบอกตามตรงว่ารู้สึกผิด ผิดที่ตนเองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องฟ้ากับไอ้แม็คระหองระแหงกัน แค่กูบอกว่าน้องฟ้าน่าจะรู้อยู่แก่ใจก็ไม่ได้หมายความให้ไปมีกิ๊ก ส่วนที่กูลากไอ้แทนเข้ามาสนิทก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้ชีวิตรักมึงล่มจม

   บอกทีนี่ท่านเทพยดาบนฟ้ากำลังแกล้งผมอยู่ใช่มั้ย ที่ทำให้ความบังเอิญต่างๆมันประดังประเดเข้ามา จนดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลง ใครมันสั่งให้พี่โชโผล่มาเอาน้องไปตอนนั้น ใครมันสั่งให้ไอ้แม็คดันไปเห็นภาพชวนเข้าใจผิด แล้วใครมันเป็นคนคิดให้ไอ้แทนมาช่วยน้องฟ้า...ตอบได้คำเดียวว่า...กูเอง

   ปีนี้ปีชงของผมสินะ...ร้องไห้แป๊บ

   แต่ก่อนร้องไห้ผมควรหาอะไรมาทำลายความทรมานและวูบโหวงในท้องนี้ก่อนมั้ย

   “หิว” ถึงขั้นต้องเอาน้ำลูบท้อง แต่ออกไปไหนไม่ได้ไง ชะตากรรมตอนนี้เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย อ่านใจไอ้แทนสุดหล่อพี่น้องฟ้าไม่ออกว่ามันจะรวมพลคนไอจีแฟนคลับเส็งเคร็ง เบลเหมียวเหมียว วายวิววาย ของมันมาดักตีหัวผมถึงหน้าห้อง แล้วลากไปบูชายัญที่หอตึกสองเลยรึเปล่า จินตการสำคัญกว่าความรู้ เพราะความคิดกูตอนนี้เท่าหางอึ่ง ผมเลยได้แต่นอนนิ่งๆซึ้งๆ เล่นมิวสิกวีดิโอปล่อยให้ฉันตายลงอยู่ตรงนี้ โดยไม่มีข้าวตกถึงท้องไปเรื่อยๆ แต่...

   “ฮ่วย!!! ปากท้องสำคัญกว่าจินตการเว้ย!!” จะเอาอะไรกับคนอย่างผมวะ ถ้าไอ้แทนมันฉลาดพอป่านนี้มันคงไปหาคนใหม่เพื่อจะไต่สู่ฝันที่มันต้องการแล้ว กับคนที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร มีหน้าที่แค่ใช้กรุยทางไปสู่ความจริงมันคงไม่ยอมนิ่งทนรอให้ผมออกมาจากถ้ำหรอก...

   ในที่สุดผมก็ตัดสินใจขยับตัว หยิบกระเป๋าตังค์และออกไปหาของกินตามเรื่องตามราว

   เสาร์อาทิตย์ชีวิตโคตรเฟ็ดเฟ่...









   เด็กดีในวันนี้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันหน้า คติพจน์ประจำใจตั้งแต่สมัยอยู่ในท้องแม่ แล้วที่แน่ๆกูคงเผลอลืมทิ้งไว้ตรงนั้น เพราะวันๆได้แต่ติดเหล้าเคล้านารีชอบดูหนังเอวีทุกๆสุดสัปดาห์ แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่กล้าพอที่จะโดดเรียนต่อเนื่องมันถึงสามวันได้หรอก เพราะจุดประสงค์อย่างแรกคือไปหาไอ้เชี่ยแม็ค อย่างที่สองคือเอาเปอร์เซ็นต์เข้าเรียนเพียรให้ผ่านไปถึงเทอมสอง...เห็นมั้ยล่ะ ผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตฝุดๆ...

   พอเข้ามาถึงโซนคณะ ผมก็ก้าวขาฉับเข้าตึกแล้วมานั่งหมกตัวอยู่ในห้องเรียนคาบแรกทันที นับจากวันที่พี่โชเข้ามาวนเวียนในชีวิตอีกครั้ง ผมก็ไม่เคยเดินเข้าใต้ถุนคณะอีกเลย ห่างไปเกือบหนึ่งสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่มีเรื่องมีราวผมเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องเลยถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ป่านนี้พี่โชจะเป็นยังไง จะไปหาเรื่องเอาความกับใครที่ไหน ผมไม่รู้เรื่องเลยซักนิด หากทุกอย่างมันผ่านไปโดยไม่มีอะไร ก็นับเป็นโชคดี ผมจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ทำความตั้งใจจากนี้ให้เป็นจริง ความตั้งใจที่ว่าจะตัดขาดจากพี่โช น้องฟ้า รวมถึงพี่ชายเธอ...ไอ้แทน

   “เชี่ย!!” นั่งคิดอะไรเพลินจนลืมสังเกตว่าใครแอบย่องมาข้างหลัง ทันทีที่อีกร่างหนึ่งวิ่งพุ่งเข้ามาโอบรัดตัวเสียแน่น ใจแม่งแทบร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เสียงอุทานไร้ความสุภาพทำเอาเด็กนักเรียนในห้องที่นั่งอยู่ก่อนหันมามองทางนี้เป็นตาเดียว พอเสร็จก็ทำท่าซุบซิบนินทาราวกับเห็นตัวประหลาด ทั้งที่ผมตกใจยังไม่กล้าหันไปมองว่าผู้ได๋มันทำกู ความระอุข้างแก้มกลับทำให้รับรู้ถึงเค้าแววของใบหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้ ลมหายใจเบาๆถูกเป่าใส่ใบหูจนผมขนลุกซู่อีกครั้ง

   “เสียวเหรอมึง เดี๋ยวนี้อ่อนไหวโคตรนะ” ทันทีที่ได้ยินเสียง แทบไม่ต้องคิด ผมใช้แรงสองมือผลักมันแล้วเขกกำปั้นเข้าไปที่กบาลแบบไม่ออมแรง “โอ๊ยยย”

   “เล่นบ้าอะไรของมึงวะ ไอ้เดย์”

   “โธ่...ก็กูคิดถึงมึงอ่ะ ช่วยไม่ได้นี่” มันช้อนตา ทำปากงอนเป็นเป็ด ลูบหัวที่โนป้อยๆ

   “ไปกอดคู่ขามึงไป ไม่ต้องมายุ่งกับกู”

   “คู่ขา?” มันทำท่าคิด “อ้อ...รายนั้นกูวิ่งไล่กอดมันประจำอยู่แล้วไม่ต้องห่วง” เสียงหัวเราะห้าวหาญราวกับสร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ได้

   “สัด มีที่สนองตัณหาแล้วก็อย่ามาระรานกู” คู่ขามึงใช่คนเดียวกับที่กูคิดรึเปล่าวะ ชักไม่แน่ใจ

   “ใช่ซี่ กูมันก็แค่อดีต พอมีไอ้แทนแล้วมึงก็เฉดหัวกูทิ้ง”

   “กูไม่ได้เป็นอะไรกับมัน อย่ามาสร้างกระแส” แค่นั้นแหละมันหรี่ตามองมาทันที

   “ไอ้ไทม์มึงอย่าคิดว่ากูโง่...กูรู้ กูเห็น แต่กูเลือกที่จะเงียบ ไม่กดไลค์ กดแชร์ กดสับตะไคร้ แต่ถ้ามึงยังไม่บอกกูตรงๆ กูจะแฉมันตรงนี้แหละว่ากูเห็นภาพในไอจีที่เขาแท็กมึงหมดแล้ว”

   “เชี่ยเดย์!!” มึงเสียงดังไปแล้วไอ้สิบแปดหลอดดดดด

   “จูบกันนัวเนียขนาดนั้นบอกไม่เป็นอะไร ควายถึงจะเชื่อ” มึงแหละไอ้ควายยยยยย มองไปได้ว่ากูมีอะไรกับมัน มุมกล้องเปล่าวะสัด “พวกมึงพัฒนาไปถึงขั้นนั้นตั้งแต่เมื่อไรวะ อ๋อมิน่าล่ะ มึงถึงรู้ว่าไอ้แทนมันเป็นพี่ชายน้องฟ้า เพราะความสัมพันธ์ไปถึงสามสี่ห้าแล้วชะ” ไอ้เดย์มันเอาศอกสะกิดยิกๆใส่ แม่งขืนมึงพูดอีกเดี๋ยวกูสอยให้ร่วงเลย สามสี่ห้าอะไรล่ะ ถอยลงเหว มุดเข้าคู แล่นลงอ่าวไทย ไปอ่าวเบงกอล เลาะชะง่อนหินผา แล้วไหลกลับมาบรรจบที่สามเหลี่ยมทองคำต่างหาก

   สัดเอ๊ยทำไมชีวิตรักกูรันทดอย่างนี้วะ ตอนแรกรักนัวเนียกิ๊วก๊าวราวกับปั๊บปี้เลิฟ ใครจะรู้ว่ากูหยิบหนังมาผิดแผ่นดันเสือกเป็นปกิณกะประวัติชีวิตฟ้าครามตามติดบุคคลที่สามภรรยาแห่งชาติของไอ้แม็คซะงั้น มึงดับฝันกูไอ้เชี่ยแทน

   “...”

   “ไอ้ไทม์”

   “อะไร”

   “เอายาแนวป่ะ”

   “เพื่อ”

   “มึงซึม”

   “กูขอโซฟี”

   “เพราะเรารักผู้หญิง...มึงใช้ไม่ได้เพราะมึงชอบผู้ชาย”

   “งั้นกูขอลอรีเอะ”

   “นุ่มสบาย แห้งสนิท...รอมึงร้องไห้ก่อนแล้วค่อยเอามาซับน้ำตาน่าจะคุ้มกว่า”

   “โมเดส”

   “ปกป้องมั่นใจไม่มีเปื้อน...แต่มึงยังมีเพื่อนอย่างกูอยู่ตรงนี้”

   “หาไม่ได้ก็เอาแบบสอดมันเลยละกัน”

   “สอดที่ประตูหลังน่าจะง่ายกว่า”

   “สัด กูเล่นเชี่ยอะไรกับมึงอยู่เนี่ย”

   “เอ๊า มึงไม่รู้เหรอว่ากูสายคอมเมดี้” มึงคอมเมดี้ให้ถูกที่ถูกเวลาด้วย ความไร้สาระไม่มีวันสิ้นสุดถ้าจะหยุดก็ต้องที่กูสินะ ตบมุกมันจนลาออกจากมหาลัยไปอยู่คณะตลกหรือเข้าไปสมบทฝ่ายการตลาดของบริษัทวันนั้นของเดือนได้เลย แต่นี่คนเกือบเดือนคณะเศรษฐศาสตร์นะครับ ทำไมจะต้องลดตัวไปเล่นมุกชั่วช้าเป็นคู่หูคู่ฮาไอ้เดย์แทนไอ้แม็คคนเมียสวยด้วยเนี่ย คิดได้ดังนั้นไม่รอช้าผมรีบหันไปหาคนที่มันกำลังหย่อนก้นลงข้างตัวผมทันที

   “ไอ้แม็คล่ะ” หัวเล็กๆของเพื่อนผมหันมาอย่างไวแล้วถลึงตาใส่

   “มึงยังไม่เจอมันใช่ป่ะ” ส่ายหัวจนสมองแทบไหลออกมาพิสูจน์ว่ากูไม่ได้โกหก ไม่ได้พบกับเพื่อนตัวดีมาเกือบครบสัปดาห์ได้แล้ว “เชี่ยแล้ว กูนึกว่ามันขึ้นมาแล้วซะอีก” ขึ้นมาอะไรล่ะ กูนั่งเป็นหมาเฝ้าสโลปโดดเดี่ยวหัวเดียวกระเทียมลีบมาครึ่งค่อนชั่วโมงแล้ว ยังไม่เห็นวิญญาณพ่อบ้านใจกล้าโผล่มาตรงนี้ซักตน “มึงยังติดต่อมันไม่ได้เหรอ”

   “มันปิดเครื่องไม่รับสาย ข้อความก็ไม่ยอมอ่าน ปิดทุกช่องทางที่กูจะติดต่อมันได้” เสือกเอาวิธีหนีเมียมาใช้กับกูซะได้ “วันนี้ถ้ามันไม่มากูว่าจะไปหามันที่คอนโดหน่อยว่ะ” เพื่อนทั้งคนนี่ครับ ยังไงก็เป็นห่วง ต่อให้คบกับมันมาชั่วโมงบินต่ำกว่าไอ้เดย์ แต่ไอ้แม็คมันก็เพื่อนในกลุ่มที่สรวจเสเฮฮามาด้วยกัน จู่ๆวันนึงมันมานั่งทุกข์จะไม่ให้ไปกู้สุขมันคืนมาได้ไง

   “กูไปด้วย เลิกเรียนแล้วไปกัน”








   เป็นไปตามคาดไอ้แม็คไม่มาเรียน พลอยทำให้หลังเลิกเรียนพวกเราต้องกระวีกระวาดถ่อสังขารมาถึงคอนโดที่มันอยู่ โชคดีที่วันนี้ไม่มีสารร่างของไอ้แทนโผล่มาแถวคณะผม กลับกันกับตลอดทั้งวันที่ผมรู้สึกได้ถึงสายตาของใครหลายคนที่จับจ้องซุบซิบนินทาจนเริ่มอึดอัด ได้แต่หวังว่าคงไม่ใช่กระแสภาพถ่ายในไอจี ที่ทำให้ผมตกเป็นขี้ปากสังคมได้ในช่วงข้ามคืนหรอกนะ

   ผมยังไม่ได้เข้าไปพิมพ์แก้ต่างในนั้นเลยนี่หว่า ว่าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอพตัวปัญหาระหว่างรอให้ไอ้เดย์จอดรถ จำนวนข้อความตอบกลับทำให้ผมถึงกับผงะ เชี่ยสามร้อย เยอะกว่าคอมเมนต์ใต้ภาพตอนเห่อประกวดเดือนคณะอีกสัด หนึ่งในนั้นมีข้อความของไอจีตัวดี ที่เป็นตัวตั้งตัวตีเอาภาพผมมาอัพปรากฏอยู่...ยัยเบลเหมียวเหมียวหง่าว...อย่าให้รู้นะว่าเป็นใคร พ่อจะด่าสั่งสอนให้ใช้มือถือไม่เป็นเลยทีเดียว


   Bell Meaw Meaw @Sky of Tan วันนี้พี่ไทม์ไม่ได้ลงมากินข้าวที่โรงอาหารคณะนะคะ
   Bell Meaw Meaw @Sky of Tan ตอนนี้เป้าหมายไม่ได้อยู่คณะแล้วค่ะ ออกไปกับพี่เดย์อย่างไว
   Sky of Tan @Bell Meaw Meaw ขอบคุณครับ


   เชี่ย!!มึงเป็นปาปารัสซี่ตามติดชีวิตดาราหรือไงวะ รู้ความเคลื่อนไหวกูอย่างกับติดจีพีเอส ออนไลน์เรียลไทม์ซะจนกูขนลุก แล้วไอ้แทนมึงก็ตัวดีเลยนะ เสือกขอบคุณเขาด้วย ไอ้เห็บหมา

   ผมคุ้ยเป้พลิกหน้าหลัง ขยับหมุนหัวมองไปรอบตัว หงายปลายฝ่าตีนดู จนไอ้เดย์มันขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย

   “ทำอะไรของมึงวะ”

   “กูสงสัยว่ามีคนติดเครื่องติดตามตัวที่กู”

   “เช้ดดดดด ติดไปเพื่อ”

   “กูเหมือนโดนล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวอยู่”

   “เชี่ยไทม์ อย่างมึงอ่ะนะ ใครเขาอยากล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวกัน ล่วงละเมิดทางเพศก็ว่าไปอย่าง”

   “สัด”

   “พอได้แล้ว ลงไปกับกู ไปหาไอ้เชี่ยแม็คกัน”

   ดีแล้วล่ะ ที่มีข้ออ้างมาหาไอ้แม็ค ไม่งั้นผมคงได้เปลี้ยตายเพราะโดนปาปารัซซี่ทำร้ายอยู่ในมอแน่ๆ

   หลังจากโดนไอ้เดย์ดันหัวให้หลุดออกมาจากรถ เราสองคนก็เดินก้าวเข้าไปในตัวคอนโดจนถึงโถงกว้างซึ่งตรงกลางลานเป็นส่วนรับรองแขก เคาน์เตอร์พนักงานตั้งอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางโซฟาที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ บนพื้นหินอ่อนซึ่งปูลาดออกไปสุดลูกหูลูกตา ส่วนปลายทางเดินที่ผมเห็นเป็นโถงลิฟต์ซึ่งมีการแบ่งเป็นโซนชั้นบนและชั้นล่าง แจกันขนาดยักษ์และของประดับตกแต่งแต่ละส่วนแสดงให้เห็นความหรูหราสมฐานะของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้ทรู ไอ้แม็คคนรวยคนจริงปีสองพันสิบเจ็ด

   “สวัสดีค่ะ ติดต่ออะไรดีคะ”

   “เออ...พวกเรามาขอพบคุณพลเทพที่อยู่ห้อง 8012 ครับ”

   “สักครู่นะคะ” เธอจิ้มโน้ตบุ๊คมองหน้าจออยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นแทนที่จะยกโทรศัพท์ต่อสายแจ้งเจ้าของห้อง กลับเงยขึ้นมาทำสีหน้าแปลกๆใส่พวกเรา

   “ห้อง 8012 คุณพลเทพเหรอคะ”

   “ใช่ครับ ห้อง8012 พลเทพที่หน้าตาดีดี แบบดูแบดบอยหน่อยๆ พวกเราก็มาออกจะบ่อย จำไม่ได้เหรอครับ” มึงไม่จำเป็นต้องอธิบายขนาดนั้นก็ได้ไอ้เดย์ อย่างนี้ไม่ไปติดประกาศตามหาคนหายเลยล่ะ หญิงสาวที่เป็นพนักงานต้อนรับยิ้มใส่พวกเรา ก่อนพูดบางอย่างออกมาที่ให้ผมกับไอ้เดย์ถึงกับอึ้ง

   “ห้อง 8012 เมื่อวันก่อนคุณพลเทพเพิ่งมาทำสัญญาปล่อยเช่าให้คนอื่นไปแล้วน่ะค่ะ”











   “ช็อกครับ”

   “ช็อคโกแลตปั่นสองนะคะ”

   “อะ...ปะเปล่าครับ ผมขอมอคค่าเย็นแก้ว”

   “ช็อคโกแลตปั่นหนึ่ง มอคค่าเย็นหนึ่งนะคะ” พนักงานจดออเดอร์เสร็จเก็บเมนูแล้วเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ ถึงจะดื่มมอคค่าเย็น แต่ใจผมกับไอ้เดย์ตอนนี้บอกตามตรงเลยว่าโคตรร้อน แถมยังช็อกตามชื่อเครื่องดื่มที่ไอ้เดย์มันสั่งอีก

   หลังจากที่ไปหาไอ้แม็คถึงที่ซุกหัวนอนในคอนโดสุดหรูของมัน ก็ทำให้พบกับความจริงบางอย่าง จนทำให้ผมกับไอ้เดย์ต้องย้ายตัวกลับมานั่งกลุ้มกันต่อที่ร้านกาแฟสุดฮิตแถวมอ ผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาใช้ชีวิตหลังเวลาเลิกเรียน ต่างก็จับกลุ่มทำการบ้านบ้าง เม้ามอยบ้าง และมองมาทางพวกผมเป็นระยะบ้าง มองอะไรกันนักหนาวะ ความหล่อมันติดหน้ากูหรือไงถึงได้สนใจกันขนาดนั้น เอาเถอะอยากจ้องๆไป เพราะผมยังไม่มีกะจิตกะใจแยกย้ายกลับหอไปคลายอารมณ์หรอก ขืนนั่งคิดหัวเดียวตัวเดียวมีหวังได้ระเบิดตายคาห้อง

   “ไอ้แม็คมันคิดอะไรของมันวะ อยู่ๆก็ขายคอนโดซะงั้น” ไอ้เดย์มันเปรยขึ้นมาทั้งๆที่ยังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือ ส่วนผมก็ได้นั่งจ้องหน้าจอแมสเซนเจอร์ที่ปราศจากการตอบรับจากเพื่อนอีกคน

   “ไอ้เดย์...กูชักรู้สึก...ไม่ค่อยดีแล้วว่ะ”

   “ไม่สบายเหรอ จะอ้วกป่ะ หรือว่ามึงท้อง เมื่อวันก่อนไม่กลับหอมึงไปนอนไหนมาวะ”

   “ใช่เวลาป่ะ ไอ้เชี่ยเดย์”

   “เออกูเลิกเล่นก็ได้ เห็นมึงเครียดๆกูก็ไม่อยากให้บรรยากาศมันเครียดเกินไป พวกเราอาจจะคิดมากไปเอง ความจริงแล้วไอ้แม็คมันอาจจะย้ายไปอยู่คอนโดสร้างใหม่ ที่ใกล้กับมอมากกว่าเดิมก็ได้ ใครจะไปรู้” ขอให้จริงอย่างมึงว่าเถอะ ถ้ามันย้ายออกไปในตอนที่ปัญหาไม่คาราคาซังแบบนี้มันคงจะดีเสียกว่า

   “มึงรู้จักบ้านมันมั้ย”

   “กูก็รู้เรื่องมันพอพอกับมึง” จริงของมัน บอกแล้วชั่วโมงบินในการคบกันของผมกับไอ้แม็คหรือไอ้เดย์กับไอ้แม็ค มันต่ำกว่าที่ผมคบกับไอ้เดย์อยู่มากโข ทำให้เรื่องราวส่วนตัวที่ควรจะรู้ยังไม่อาจลงลึกไปถึงขั้นนั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นไอ้แม็คมันใช้เวลาส่วนใหญ่กับแฟน เลยทำให้ห่างเหินเกินกว่าเพื่อนสนิทที่ความโสดมันซึมเข้ากระแสเลือดอย่างพวกผมจะรู้ได้

   หวังว่ามันจะแค่งอนน้องฟ้า แล้วหนีปัญหาโดยการหลบหน้าชั่วคราวหรอกนะ


มีต่อค่ะ

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1


   “จารย์ ผมมาขอเกรดเอ”

   “ถ้ายกมือไหว้แล้วได้เอ พวกเอ็งก็ไปเรียนกับศาลพระภูมิหน้าตึกไป”

   “ท่านเทพารักษ์รับแอดเมื่อไร ผมจะดรอปของจารย์ไปเรียนละกัน”

   “นพดล คาบหน้าไม่ต้องเข้าแล้วนะ”

   “อ้าวทำไมอ่ะจารย์”

   “เอฟนอนมา”

   “หูยยย แค่ล้อเล่นเองจารย์ ผมกับเพื่อนมาหาจารย์เพราะธุระอื่นต่างหาก” ไอ้เดย์มันกวนประสาทอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกผมสามตัวได้เสร็จก็หันไปมองตามสายตาของอาจารย์ที่เริ่มดูนาฬิกาข้อมือ

   “มีเวลาอีกสิบห้านาที มีอะไรก็รีบว่ามา” ผมกับไอ้เดย์หันมามองหน้ากันทันที ต่างคนต่างเงียบไม่ยอมเอ่ยปากอะไรขึ้นมาก่อน แต่แล้วมันก็เอาศอกมากระทุ้งผม

   “มึงพูดดิ” อ้าวเชี่ยนี่...ไร้สาระกับอาจารย์มาครึ่งบทเสือกมาโยนภาระให้กูต่อเนี่ยนะ เรื่องไรวะแม่ง

   “มึงนั่นแหละพูด”

   “กูไม่รู้จะพูดยังไงว่ะ”

   “ก็ถามไปตรงๆดิวะ”

   “สัด กูยังไม่ได้ตั้งคำถามเลย”

   “ตกลงไม่พูดใช่มั้ย งั้นก็ไม่ต้องพูดมันต่อไป” คนผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาจารย์ฟาดหน้าด้วยคำพูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงตั้งท่าจะเดินจากไป

   “เฮ้ยยยยยเดี๋ยวครับอาจารย์” ไอ้เดย์ฉุดแขน ส่วนผมขวางหน้า สภาพกระวนกระวายทุเรศสุดตีน ไร้เยื่อใยขนานแท้ก็อาจารย์ที่ปรึกษากูนี่แหละครับ เอฟเป็นเอฟ อยากดรอปเซ็นให้ได้ทันทีไม่มีถาม แต่ถ้าอยากแอดมึงต้องตามมากราบตีนแถมดอกไม้ธูปเทียนเครื่องบูชายกเซต เพราะวิชานี้มันเป็นวิชาบังคับถ้าอาจารย์ไม่รับแอดก็อย่าหวังว่าจะฝันไปถึงเทอมสอง พวกผมถึงต้องมาตามง้ออาจารย์อยู่นี่ไงครับ

   “อาจารย์ครับ พวกผมอยากรู้ ว่าพลเทพมันขาดเรียนไปถึงขั้นหมดสิทธิ์สอบแล้วหรือยัง เท่านั้นเองครับ” เอาวะ เอามันตรงๆอย่างนี้แหละ เหตุผลที่มาหาอาจารย์ไม่ใช่อะไรแค่ตั้งใจว่าจะมาเช็คความเคลื่อนไหวของไอ้แม็ค อยากรู้ว่ามันมีส่งใบลามาให้อาจารย์รึเปล่า ทางนี้จะได้วางใจว่าอย่างน้อยต่อให้โง่เรื่องความรักขนาดไหนก็ไม่ทำให้ผลการเรียนไอ้แม็คมันตก

   แต่คำถามนี้เล่นเอาอาจารย์ที่แสนเคารพรักและเทิดทูนของพวกผมชะงัก มองหน้าผมสลับกับหันไปมองไอ้เดย์ด้วยความสงสัยเต็มที่

   “พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทพลเทพไม่ใช่เหรอ” อ้าวถามเรื่องเปอร์เซนต์เข้าเรียนไหงมาจบที่ความสัมพันธ์ของพวกผมสามคนได้ล่ะครับ ต่อให้สนิทแค่ไหนก็ไม่มีใครว่างมานั่งจำเก็บยันสถิติเวลาเข้าเรียนของอีกคนหรอกนะ

   “ก็ใช่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ล่ะครับ” ไอ้เดย์มันตอบ

   “เป็นเพื่อนสนิทภาษาอะไร....ถึงไม่รู้ว่ารายนั้นเขาลาออกไปแล้วน่ะ”

   “...!!!”








   กูไปไม่ถูกเลย บ้าไปเปล่าวะกับเรื่องพวกนี้ ใครก็ได้ช่วยบอกกูทีว่าไอ้แม็คมันบ้า บ้าที่หนีปัญหาความรักด้วยการไม่เรียนต่อ บ้าที่ย้ายคอนโดหนีไปโดยไม่บอกเพื่อนซักคำ บ้าที่ไม่รอฟังความจริงให้เข้าใจ บ้าที่ฝากน้องฟ้าไว้กับผม เรื่องบ้าบออย่างนี้มันเกิดขึ้นได้ไงวะ

   หรือเป็นแค่พวกผมที่ไม่รู้ว่าไอ้แม็คมันออกไปไหน ความจริงน้องฟ้าอาจจะรู้เรื่องราวทุกอย่าง ที่เห็นว่ามันกำลังตั้งใจอ่านหนังสือ เพื่อซิ่วไปเรียนต่อหมออาชีพที่มันใฝ่ฝัน ความจริงแล้วมันอาจจะสอบติดที่ไหนซักแห่ง แล้วทำเรื่องลาออกโดยไม่บอกพวกผม

   แต่พวกผมเป็นเป็นเพื่อนมันนะ อย่างน้อยถ้าคิดว่าไม่สนิท ก็น่าจะบอกว่าลาออกไปต่อที่อื่นแค่นั้นก็ยังดี แต่นี่ไม่เลย ตัดขาดทุกการติดต่อ หายไปแบบแปลกๆจนผมต้องนึกร้อนใจว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล สามสี่วันที่ผ่านมาไม่เห็นมีวี่แววของน้องฟ้ามาที่นี่ ความจริงแฟนมันอาจจะรู้เรื่องนี้ดี พวกผมอาจจะเป็นแค่เพื่อนโง่ๆที่มันไม่เคยเห็นว่าเป็นเพื่อนเลยก็ได้

   ผมนั่งเอ๋ออยู่ใต้ถุนคณะ พอพอกับไอ้เดย์ที่เหม่อลอยทิ้งสติไปไกล ก่อนจะกลับมาเริ่มต้นบทสนทนาใหม่กับผม

   “กูไม่เข้าใจพฤติกรรมมันว่ะ ก่อนจะหายตัวไปมันมีบอกอะไรมึงไว้ป่ะ”

   “มึงอยู่กับมันล่าสุด มึงน่าจะรู้ดีกว่ากูนะ มาถามกูทำไม”

   “ตอนนั้นมันไม่ได้พูดอะไรกับกูซักคำ หน้ามันแม่งอึนสัดแบบจะตายให้ได้อ่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องน้องฟ้า เชี่ยเอ้ย คิดบ้าอะไรของมันวะ” เดย์ทุบโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ มันเป็นคนใจใจกับเพื่อนพอพอกับผม แค่เห็นว่าไอ้แม็คมันเอาอนาคตทั้งชีวิตมาทิ้งให้กับความรักมันก็ดูไร้สาระเต็มทนแล้ว ชีวิตยังมีอะไรอีกมากมายแค่อกหักช้ำรักไม่ถึงกับต้องประชดชีวิตขนาดนี้ก็ได้

   ...ผมก็พูดไป ทั้งๆที่ผมยังเคยไม่มีความรัก ใครมันจะไปรู้ล่ะ ว่าถ้าผมรู้จักกับสิ่งนั้นขึ้นมาแล้ว ความคิดมันจะผันเปลี่ยนไปเช่นไร ผมอาจจะกลายเป็นเหมือนไอ้แม็ค ที่ต้องการจะหนีปัญหาแล้วหายหน้าไปจากโลกนี้...โลกใบที่มีคนนั้นอยู่...

   “เชี่ยแล้วมึง”

   จู่ๆ ผมฉุกใจคิดถึงประโยคสุดท้ายของไอ้แม็คขึ้นมา

   “อะไรของมึง”

   “ก่อนหายตัวไปมันทิ้งข้อความไว้ให้กู”

   “จริงป่ะ มันว่าไงบ้าง”

   “มันบอกว่าฝากฟ้าด้วย”

   “...” ไอ้เดย์มันค้างไปชั่วขณะ....ผมก็เช่นกัน

   “พี่ไทม์!!” เสียงหวานๆทำเอาผมสะดุ้งโหยง อย่างน้อยก็ทำให้ผมได้รู้ว่ายังมีคนตายยากอย่างน้องฟ้าอีกคน

   “ฟ้า” ร่างของหญิงสาววิ่งกระหืดกระหอบมาดูท่าทางไม่สู้ดี มันทำให้ข้อสันนิษฐานของผมที่ใช้มุมมองของคนโลกสวยเริ่มสั่นคลอน ข้อสันนิษฐานที่ว่าน้องฟ้าอาจจะรู้เรื่องราวทุกอย่างที่ไอ้แม็คมันทำ

   “พี่แม็คไม่อยู่เหรอคะ” เธอมองไปรอบๆเหมือนกับหาใครอีกคนในก๊วนแก๊งของผมที่ควรจะนั่งอยู่ตรงนี้ ท่าทีแบบนั้นมันทำให้ผมได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ

   “อะเออ มันไปเข้าห้องน้ำน่ะ” ผมโกหกออกไป แต่ผมจะทำไปเพื่ออะไรวะ เธอก็แค่มาตามหาแฟนที่ไม่ได้มาเรียนแล้วเกือบสัปดาห์ แถมยังยื่นใบลาออกจากมหาลัยที่มีการเซ็นอนุมัติไปแล้วด้วย แค่บอกอย่างนั้นไปก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ

   น้องฟ้าพยักหน้าน้อยๆเมื่อฟังผมพูดจบแล้วขยับตัวลงนั่งเก้าอี้ม้าหินใกล้ๆ พลางผินมองไปในตัวอาคาร

   “ไปนานรึยังคะ”

   “ฮะ?”

   “พี่แม็คไปเข้าห้องน้ำนานรึยังคะ”

   “อะเออ ก็ซักพักแล้วน่ะ ฟ้าถามทำไมเหรอ”

   “อ๋อ เปล่าค่ะ ฟ้าก็แค่...อยากจะเจอหน้าพี่แม็คไวไว” เฮ้ย อย่าบอกนะว่าจะปักหลักนั่งรออยู่ตรงนี้น่ะ โอ๊ยไอ้ไทม์นะไอ้ไทม์จะโกหกแต่ละทีทำไมไม่โกหกให้มีศิลปะกว่านี้วะ ผมเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของน้องฟ้า ใบหน้าที่ดูอิดโรย ใต้ตาบวมช้ำ แทบไม่ต้องเดาเลยว่าเธอผ่านการร้องไห้มาขนาดไหน ผมจะทำยังไงดีวะเนี่ย

   “พี่ว่า...ฟ้ากลับไปรอไอ้แม็คที่คอนโดก่อนจะดีกว่านะ พี่เห็นมันบ่นร่ำๆว่าปวดหนัก เห็นบอกไม่ได้ปล่อยมาเกือบสองอาทิตย์แล้วอะไรเนี่ยแหละ ป่านนี้ขี้น่าจะแข็งพอสมควร กว่าจะเบ่งออกมาได้แต่ละก้อนคงใช้เวลานาน ให้มันเบ่งพรวดพราดออกมามีหวังริดซี่แตกกันพอดี ฟ้ากลับไปรอที่คอนโดฟ้าก่อนเถอะ ถ้ามันกลับมาเดี๋ยวพี่จะบอกให้ว่าฟ้ามาหา” ไอ้เดย์งัดสกิลแหลแถดิบๆ ทำให้คิดถึงภาพริดซี่แตกจนแอบสยองตาม แต่มีบางคนที่ไม่ยี่หระกับคำพูดนี้

   “ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้ารอได้ ต่อให้พี่แม็คไปขี้แตกที่ไหนฟ้าก็จะรอ” รักแท้ไม่แพ้ท้องผูก น้องฟ้าพูดด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มที่ จนผมกับไอ้เดย์ถึงกับยอมใจ แต่รอให้ตายยังไงไอ้แม็คก็ไม่มาหรอก เพราะมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้ว

   ผมจะเอายังไงต่อไปดีวะเนี่ย คิดดิคิด ไอ้ไทม์คิด ระหว่างที่พยายามหาวิธีการแทบเป็นแทบตายให้น้องฟ้ากลับไป ร่างเล็กก็หันมามองทางผมแล้วกล่าวลอยๆขึ้นมา

   “วันนั้นที่ฟ้าร้องไห้ พี่ไทม์พูดเหมือนพี่แม็คไม่พอใจอะไรฟ้าซักอย่างใช่มั้ยคะ”

   “...”

   “บอกตามตรงตอนนั้นฟ้ารู้สึกน้อยใจมากเลย ทั้งที่ตั้งแต่คบกันมาฟ้าก็ไม่เคยทำอะไรเป็นการนอกใจพี่แม็ค ผิดถูกอะไรก็คอยขอโทษและให้อภัยกัน แต่ฟ้าพึ่งมารู้เนี่ยแหละว่าเขาไม่พอใจฟ้า รู้สึกเสียใจจริงๆที่อีกฝ่ายไม่เคยบอก จนกระทั่งอยากจะทำตัวเหลวแหลกประชดพี่แม็คให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ไปจบร้านเหล้ากับพี่ปีสามคนนึงที่บอกว่ารู้จักพี่ไทม์” โหยไอ้พี่โช...มันใช่ชื่อกูหลอกน้องไปได้ ใจมึงมันทำด้วยอะไรกูอยากรู้จริงๆ

   “ฟ้า พี่ขอโทษนะ...”

   “พี่ไทม์ไม่ผิดหรอก ตอนนี้ฟ้ารู้ตัวแล้วแหละว่าฟ้างี่เง่าเอง ฟ้าแค่อยากอยู่กับพี่แม็คมากเกินไป พอขาดพี่แม็คแล้วมันทรมาน...ทรมานมาก” เสียงหวานเริ่มเจืออาการสั่นเครือ แต่เธอยังคงเก็บกักอารมณ์ไว้ได้โดยไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา

   “...”

   “ตอนนี้แค่อยากเจอหน้า อยากขอคืนดี อยากขอให้พี่แม็คให้อภัยฟ้า แล้วฟ้าสัญญาว่าปรับปรุงตัวใหม่ให้สมกับเป็นคนรักที่ดี”

   วันนั้น...ผมพูดบ้าอะไรออกไปวะ...

   แค่อารมณ์ฉุนแทนเพื่อนที่คิดว่ามันกำลังจะโดนสวมเขาเลยปากพล่อยพูดจาโง่ๆออกไป ทำให้คนสองคนเข้าใจผิดกัน ทำให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอย่างการที่น้องโดนพี่โชพาไปร้านเหล้า ทำให้เธอเมาจนไม่ได้สติ ทำให้ไอ้แทนที่ไอ้แม็คเชื่อว่าเป็นกิ๊กน้องฟ้าต้องมาวุ่นวายกับเรื่องไม่เข้าท่าทั้งหมด

   ไอ้แม็คมึงช่วยอ่านข้อความกูที กูรู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว

   “เชี่ยแล้ว” จู่ๆ ไอ้เดย์ก็อุทานขึ้นมาจนทำให้ผมต้องหันไปมอง

   “อะไรของมึงไอ้เดย์”

   “เฟสบุ๊ค”

   “นี่มันใช่เวลามาเล่นโซเซียลมั้ยวะมึง ดูสถานการณ์ด้วยดิ”

   “มึงเข้าไปดูก่อนเถอะ” หรือว่าไอ้แม็คมันตอบกลับมา ผมรีบกดเข้าไปดูตามที่ไอ้เดย์บอก แต่ตรงแมสเซนเจอร์ก็ยังไม่มีการแจ้งเตือนอะไร

   “ไม่เห็นมีอะไรเลยมึง”

   “มึงเข้าไปดูที่หน้าเฟรนด์ก่อนดิ” เข้าไปดูหน้าเพื่อนไล่ดูรายชื่อคนที่เป็นประเด็นอยู่ ณ ตอนนี้...พลเทพ หากแต่ภาพที่ควรจะเป็นใบหน้าสุดหล่อของเพื่อนแม็คกลับกลายเป็นรูปโปรไฟล์ที่ว่างเปล่า ความวิตกกังวลเกิดขึ้นมาในจิตใจ


   Pollathep....บัญชีผู้ใช้ไม่ได้ใช้งานแล้ว


   “มีอะไรรึเปล่าคะ” เค้าแววที่ฉายชัดมาจากใบหน้าพวกผมคงเรียกความสนใจจากน้องฟ้าได้ไม่น้อย เธอทำหน้าฉงนเพราะยังเดาอะไรไม่ได้ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปคงไม่มีอะไรดีขึ้น ผมเลยตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับน้อง

   “ฟ้า”

   “คะ?”

   “ฟ้าฟังพี่ดีดีนะ”

   “เฮ้ย ไอ้ไทม์” ไอ้เดย์มันร้องห้ามพลางดึงแขนเสื้อผมไว้ แต่ผมยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจ ขืนยังติดต่อไอ้แม็คไม่ได้ยังไงไม่ช้าก็เร็วน้องฟ้าก็ต้องรู้เรื่องเข้าสักวัน

   “มะ...มีอะไรเหรอคะ”

   “พี่ไม่รู้หรอกนะว่าไอ้แม็คมันคิดอะไรอยู่ แต่พี่เชื่อว่ามันยังรักฟ้า ทุกอย่างที่มันทำไปอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ”

   “พี่ไทม์พูดอะไร ฟ้าไม่เข้าใจ”

   “ไอ้แม็ค....มันลาออกจากมหา’ลัยไปแล้ว”

   ทุกอย่างรอบข้างเหมือนหยุดนิ่ง แม้แต่ลมที่พัดโชยอ่อนจนถึงเมื่อครู่ยังจางหายสลายไปเสียดื้อๆ ดวงตากลมโตไหวระริกจ้องหน้าผมราวกับจับต้นชนปลายไม่ถูก

   “พะ...พี่ไทม์พูดล้อเล่นอะไรน่ะ”

   “พี่ไม่ได้ล้อเล่น”

   “นี่พวกพี่อำฟ้าเล่นใช่มั้ย ฟ้าทำอะไรผิดทำไมต้องแกล้งกันขนาดนี้ด้วย”

   “พี่เปล่าอำนะ”

   “พี่แม็คเกลียดฟ้าแล้วเหรอ ถึงต้องให้พวกพี่ๆมาเล่นละครว่าพี่แม็คไม่อยู่แล้วน่ะ”

   “ไอ้แม็คมันไม่ได้ให้พวกพี่มาเล่นละครอะไรให้มัน”

   “แล้วพวกพี่จะทำไปเพื่ออะไร ไม่อยากให้ฟ้าคบกับพี่แม็คมากใช่มั้ย หรือพี่แม็คกำลังคบใครคนอื่นอยู่ พี่แม็คออกมาคุยกับฟ้าเดี๋ยวนี้เลยนะ” เธอตะโกนอย่างไร้สติพยายามจะลุกเดินไปทางตัวตึกที่เป็นทางเดินไปยังห้องน้ำ ผมได้แต่รีบรั้งไว้เพราะถึงไปก็ไม่เจอ เพราะมันไม่ได้อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว

   “ฟ้า...ฟังพี่ก่อน ไอ้แม็คมันไม่ได้ไปห้องน้ำ มันไม่ได้อยู่ตรงนี้ มันขาดเรียนมาตั้่งเกือบอาทิตย์แล้ว พวกพี่ก็ไม่ได้เจอมัน จนกระทั่งไปรู้จากปากอาจารย์เนี่ยแหละว่ามันลาออกจากมหา’ลัยแล้ว”

   ร่างเล็กตรงหน้าชะงักค้างเหมือนโดนไฟช็อตแล้วนิ่งไป เธอค่อยๆหันดวงหน้ามาทางผมช้าๆ

   “โกหก”

   “พี่พูดจริง”

   “พี่ไทม์โกหก ถ้าพี่แม็คลาออกทำไมไม่บอกฟ้าซักคำ ฟ้าไปที่คอนโดก็ไปเจอคนแปลกหน้ามาอยู่ในห้องพี่แม็ค พอถามว่าเป็นใครเขาก็บอกไม่รู้จัก ฟ้าไม่รู้จะหาพี่แม็คจากไหนฟ้าเลยมาหาพวกพี่ แล้วนี่มันอะไรคะ ทำไมพี่ต้องมาล้อเล่นกันแรงๆอย่างนี้ด้วย!!” เสียงตะโกนทำเอานักศึกษาที่นั่งอยู่ประปรายบริเวณนั้นเริ่มหันมาสนใจ

   “พี่ก็อยากให้มันเป็นเรื่องล้อเล่น แต่มันเป็นจริงไปแล้ว พี่ยังไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำ”

   “ไม่จริง ฟ้าจะไปหาพี่แม็คที่คอนโดอีกครั้ง พี่แม็คต้องไปซ่อนที่นั่นแน่ๆเลย พี่แม็คแค่งอนฟ้า ฟ้าไม่เชื่อหรอก” เธอสะบัดมือผมแล้ววิ่งพรวดพราดออกไปอย่างคนไร้สติ เสี้ยวอึดใจที่ผมรั้งตัวเธอไว้ไม่ทัน ร่างเล็กๆนั้นก็ได้ก้าวออกไปยังถนนข้างหน้าเตรียมพร้อมที่จะกระโจนไปยังฟุตบาทฝั่งตรงข้าม หากจู่ๆกลับมีบางสิ่งบางอย่างพุ่งหักเลี้ยวเข้ามาแบบไม่ทันคาดคิด

   เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดด

   เสียงลั่นของยางที่เสียดสีไปกับพื้นถนนทำเอาผมแทบช็อก เบื้องหน้าปรากฏเพียงภาพของเด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมโดนแรงของรถยนต์ที่พุ่งเข้ามาปะทะร่างนั้นจนเสียการทรงตัวเซล้มลงกับพื้น

   “ฟ้า!!!”

   ผมตะโกนอย่างคนสติหลุด หากสมองยังคงสามารถสั่งการให้เท้าทั้งสองข้างรุดไปข้างหน้าอย่างไม่รอช้า วิ่งไปหาร่างบอบบางที่นอนนิ่งอยู่

   “ฟ้า!!” มือทั้งสองของผมรีบประคองเธอขึ้นมาสำรวจอาการ ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าผมกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่แต่ผมตกใจมาก ไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ต่อหน้า มันทำให้หน้าซีดตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกเหมือนคนไร้ปัญญาได้แต่จับตัวคนตรงหน้าไปมาด้วยความตื่นตระหนก

   “พะ...พี่ไทม์” ฟ้าไม่ได้สลบไปทำให้ผมใจชื้นขึ้นเป็นเท่าตัว

   “เฮ้ย!!เป็นไงบ้างวะ” ไอ้เดย์ที่วิ่งตามหลังผมมาคุกเข่าช่วยประคองร่างตรงหน้าพลางถาม สีหน้ามันเหมือนตอนที่รู้ว่าตัวเองได้เอฟวิชาศิลปะการใช้ชีวิตที่เรียนตอนปีหนึ่งไม่ผิดเพี้ยน รอบกายของร่างบอบบางไม่มีร่องรอยบาดเจ็บเลือดไหลเป็นทางอย่างที่ผมจินตนาการไว้ ขาดแต่ตามตัวของเธอนั้นมีร่องรอยหนังเปิดแผลถลอกจนทำให้เห็นเนื้อในที่เริ่มมีเลือดซึมออกมา แค่มองก็รู้สึกเสียวไส้และเจ็บแทนแล้ว

   คู่กรณีก้าวลงจากรถมาถึงตัวพวกเราอย่างรวดเร็วแล้วถามไถ่ด้วยอาการเป็นห่วง โชคยังดีที่ถนนในมหา’ลัยจำกัดความเร็วไม่อย่างนั้นผมไม่อยากคิดเลยว่าเรื่องราวมันจะเลวร้ายขนาดไหน แต่ดูท่าว่าเจ้าของรถคงฝ่าฝืนกฎเล็กน้อยน้องฟ้าถึงได้สะบักสะบอมบอบช้ำขนาดนี้

   คนขับเสนอตัวที่จะพาไปโรงพยาบาล ซึ่งผมก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่ทันทีที่เริ่มประคองร่างเล็กๆตรงหน้า น้องฟ้าเธอกลับสั่นหัวอย่างแรง

   “ฟ้าไม่ไป”

   “นี่เราบาดเจ็บอยู่นะฟ้า พี่ต้องพาเราไปทำแผล”

   “ฟ้าไม่ไป ฟ้าจะไปหาพี่แม็ค”

   “ไปทำแผลก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยไปหาไอ้แม็คกัน” ผมพูดโดยไม่รู้ว่าจะไปหาไอ้แม็คที่ไหนด้วยซ้ำ แต่ดูจากสภาพตอนนี้แล้วยังไงผมก็ต้องเอาเธอไปทำแผลก่อน

   “ฟ้าจะไปหาพี่แม็คก่อน”

   “ฟ้าอย่าดื้อกับพี่สิ”

   “ฟ้าไม่ไป ถ้าฟ้าไม่เจอพี่แม็ค!!”

   “ระหว่างชีวิตเรากับไอ้แม็คฟ้าจะเลือกใคร!!เลิกคร่ำครวญแล้วไปโรงพยาบาลกับพี่ได้แล้ว!!” ความอดทนผมมีจำกัด ผมตะโกนใส่น้องฟ้าแบบไม่สนใจอีกแล้วว่าใครหน้าไหนมันจะหาว่าผมใจร้ายกับผู้หญิง เลยส่งผลให้ร่างเล็กตรงหน้าร้องไห้ฟูมฟายออกมาหนักกว่าเก่า “ไปเถอะฟ้า” ผมพยายามเอื้อมมือไปจับแขนเธออีกครั้ง คราวนี้คนตรงหน้าไม่ได้หลบ แต่กลับยกมือเล็กๆขึ้นมากำแขนเสื้อผมไว้แน่น

   “พี่ไทม์...ฟ้าอยู่ไม่ได้นะ ถ้าไม่มีพี่แม็ค” น้องฟ้ากล่าวประโยคนี้ไปพร้อมก้มมองพื้นนิ่งก่อนช้อนดวงแก้วที่รื้นไปด้วยน้ำตาขึ้นมาสบ “พี่ไทม์....ฟ้ากับลูกอยู่ไม่ได้นะ...ถ้าไม่มีพี่แม็ค”

   ฮะ? เมื่อกี้ฟ้าว่ายังไงนะ?

   “ฟ้าท้อง..พี่ไทม์ฟ้าท้อง”

   ยิ่งกว่าแรงปะทะของรถเมื่อครู่คงเป็นคำพูดนี้แหละที่กระแทกเข้าสมองผมอย่างจัง

   นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกันวะ ช่วยบอกผมที...



TBC

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ความดราม่านี้คืออะไร
แต่งเองปวดตับเอง ไม่ใช่ตัวแสดงแทน(เพราะตอนนี้พระเอกโผล่มาแต่สารแห่งอินสตาแกรม!!)
ลืมจ่ายค่าตัวพระเอก


คุณ FeaRes
หายไปสองอาทิตย์ไม่รู้ยังรอกันอยู่รึเปล่า ขอโทษนะค้า
ยาแนวใช้ไม่ได้ผมแล้วอ่ะ ซึมมมม
ตอนนี้ไม่มีแทนมาให้ชุ่มชื่นหัวใจ //ร้องไห้

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
วุ่นวายดีเนอะ หลายๆคำถามที่เกิดสงสัยแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ปล่อยไปก่อนแล้วกันนะ มึนอึนงงกับความวุ่นวายตรงนี้ก่อน

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
วุ่นวายแท้หน่อย...
แม็ค แวร์อาร์ยู?!! หายไปไหนของนายยยย
ไปไม่บอกอะไรเพื่อนเลยยย คนเขาเป็นห่วงงง และตามตัววุ่นวายมาก...
ตอนท้ายนี้พีคเลย โว๊ะ!...
แทนรู้จะเป็นไงเนี่ยย สงสารคนกลางอย่างพี่ไทม์
 :hao5:

ออฟไลน์ fsbeentaken

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ดราม่าเบอร์แรงงงง

แล้วงี้น้องแทนไม่ต้องลาออกมาทำงานหาเงินเลี้ยงหลานเลยเหรอ

 :o12:

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่14 จำเลยสังคม

บทที่ 14



   “เข้าห้องน้ำมั้ย?”

   “...” แดกจุดกันถ้วนหน้ายกเว้นผม เล่นอะไรไม่ดูสถานการณ์เล้ยยยย ไอ้เชี่ยไทม์เอ้ยยยยยย แต่น้องฟ้าช่วยบอกพี่ที ว่าน้องแค่ปวดขี้ ท้องเสีย ท้องผูก หรือห่าเหวอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ท้องที่แปลว่า...การตั้งครรภ์!!

   ยิงมุกไปแค่นั้นแหละครับ น้ำตามาเป็นกะตั้กเหมือนสันเขื่อนแตก โง้ยยยยไทม์ชลธีทำผู้หญิงร้องไห้ มึงแมนสุดๆอ่ะ!!

   เพื่อนผมอีกคนแม่งก็ไม่ยอมช่วยอะไรเลย ได้แต่อ้าปากค้างปล่อยให้แมลงหวี่แมลงเม่าบินเข้าไปผสมพันธ์กับแมงกินฟัน ผมเลยต้องจำใจดำเนินเรื่องต่อแบบไม่รู้จะไปฟ้องอิพ่ออิแม่ที่ไหน

   “เอาอย่างงี้ ไปเข้าห้องน้ำที่โรงพยาบาลละกัน” ผมจำใจใช้แรงฮึดมาดแมนแฮนด์ซั่มอุ้มน้องขึ้นมาทั้งตัว อย่างนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่านางจะอิดออดดีดดิ้นไม่ยอมไปอีกแล้ว เพราะขืนทำอีกทีกูมีปล่อยตกเอาให้ก้นกบเบี้ยวแน่ ส่วนคู่กรณีน่ะเหรอ โอเคมึงไม่ผิด จะผิดก็ผิดตรงที่คนในอ้อมแขนผมวิ่งทะเล่อทะล่าไม่ดูตาม้าตาเรือออกไปเอง ผมเลยบอกปฏิเสธความหวังดีแล้วเอารถเพื่อนซี้ขับคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล









   ผมควรบอกให้หมอเจาะเลือดตรวจการตั้งครรภ์ไปเลยดีมั้ย

   ระหว่างที่ชะโงกมองเจ้าของใบหน้าซึมๆซึ่งนั่งทำแผลอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว แต่ไม่นานก็แตกดังโป๊ะเมื่อคนข้างๆมันเอาศอกมาสะกิด

   “มึงว่าน้องฟ้าพูดจริงป่ะ” ไอ้เดย์เพื่อนตัวดีที่เจอสถานการณ์ยุ่งยากแต่ละทีเป็นอันไร้บทบาท มันกระซิบถาม

   “กูไม่รู้” แต่ใจลึกๆกูไม่อยากให้มันเป็นจริง เพราะมันดูไม่สู้ดีเลยกับการที่อีกฝ่ายซึ่งเข้าข่ายพ่อคนมากที่สุดมันเสือกมามุดหัวทำตัวเป็นขอมดำดิน หลีกลี้หนีหน้าอพยพหายตัวไปทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลยซักอย่าง...หรือไอ้แม็คมันรู้วะมันเลยหนี...เชี่ย กูไม่อยากคิด

   “ถ้าจริงขึ้นมาจะเอาไงดีวะคราวนี้”

   “กูไปรับยาก่อนนะ มึงอยู่เป็นเพื่อนน้องฟ้าไปละกัน”

   “อ้าวเฮ้ย..” ผมลุกขึ้นเดินออกมาโดยไม่สนใจที่จะฟังต่อ จะให้ทำอะไรได้อีกล่ะก็ต้องตามหาตัวไอ้แม็คให้เจอดิวะ คำตอบมันมีอยู่เพียงอย่างเดียว แต่ผมจะไปตามตัวมันมาจากไหน แล้วระหว่างนั้นผมจะปิดอุปสรรคก้อนโตได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เรื่องมันวุ่นวายไปกว่านี้ อุปสรรคที่มีชื่อว่า...แทน...

   พี่ชายที่หวงน้องสาด ถึงขนาดแค่น้องร้องไห้ยังจะไปสั่งให้เขาเลิกกัน แล้วยิ่งถ้าทำน้องมันท้องอย่างนี้ไม่เอามีดไปไล่ฆ่าเลยเหรอช่วยบอกกูที กว่าจะเดินมาถึงช่องรับยาถอนหายใจตามทางจนหมดไปครึ่งชีวิต  แล้วความคิดก็มาสะดุดตอนที่เภสัชสุดสวยอธิบายวิธีการใช้ยามาจนถึงตอนสุดท้าย

   “อะ...เออ...”

   “คะ” คุณเภสัชเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร  ผมชะงักความคิดไปชั่วครู่ แต่ถามดูก็ไม่เสียหายอะไรไม่ใช่เหรอ “มีอะไรสงสัยถามได้นะคะ หรือตรงไหนที่ฟังไม่ทัน...”

   “อ๋อเปล่าครับ คือ...ผมมีเรื่องสงสัยนิดหน่อย”

   “สงสัยอะไรคะ ถามมาได้เลยนะ”

   “อา...คือ” อ้ำอึ้งแดก แปลกมั้ยวะที่ถาม แต่เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว เป็นไงเป็นกัน “อะ...ไอ้ยาสองตัวนี้..มีอันไหนที่คนท้องกินไม่ได้รึเปล่าครับ”

   “ใครท้องเหรอพี่”

   “...” หืม...เมื่อกี้เสียงอะไรวะ

   เสียงคนสวยข้างหน้าก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเสียงมันทุ้มต่ำเกินไป แล้วอีกอย่างสิ่งที่ทำให้ผมแน่ใจว่าไม่ใช่อีกฝ่ายแน่ๆเป็นเพราะปากเธอไม่ได้ขยับไงครับ สัด!!!

   หมุนตัวลิ่วพลิ้วโคตรๆไปด้านหลังสภาพยิ่งกว่าใบพัดไล่แมลงวันที่เขียงหมู สุดท้ายก็ทำได้แต่เบิกตาโพลงแล้วตะโกนออกมาดังๆว่า

   “เชี่ย!!!” ลั่นทุ่งทั่วชั้น คนแม่งหันมามองเป็นตาเดียวกันเลยครับ อายสัด แต่ทำไงได้กูตกใจในเมื่อคนมาใหม่ดันเสือกเป็นใครที่ผมไม่อยากเจอตอนนี้ที่สุด!!

   “ตัวที่สองของเดือนแล้ว” สะสมแต้มตัวเชี่ยครบสิบตัวแถมโคตรเหง้าศักราชเชี่ยของแท้จากญี่ปุ่น โปรดีดีคุ้มค่าแบบนี้ต้องรีบคว้าไว้นะครับไอ้เชี่ยแทน!!

   ได้แต่ขายโปรสิบแถมหนึ่งอยู่ในหัว เพราะตอนนี้โคตรกลัวและตกใจสรรหาคำพูดอะไรไม่ได้อีก มึงมาที่นี่ได้ไงวะ!!!

   “อ้อลืมไป” ไอ้แทนมันพึมพำออกมาเบาๆ

   “หา?”

   “เซอร์ไพรส!!” สัด!!ช้าไปมั้ยมึง กูอึ้งตั้งแต่มึงถามว่าใครท้องแล้ววววววว

   จะบอกว่าบังเอิญก็ว่าไม่น่าใช่ เพราะมันบอกว่าเซอร์ไพรสกูเลยต้องใช้สมองคิด และแล้วผมก็หยิบเทเลโฟนขึ้นมาดู...

   ...เหยดแหม่...ชัดเลย...

   ภาพที่ขึ้นฟีดใหม่ในไอจีเป็นภาพตอนที่ผมกำลังอุ้มน้องฟ้า แต่โชคดีว่าผมหันหลังให้ หน้าเล็กที่ซบไหล่เลยโดนบังซะมิด


   Bell Meaw Meaw @Sea of Tan พี่ไทม์อุ้มคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ดูห้าวหาญชาญชัยโดนใจน้อง แต่น้องไม่ยอมให้สลับบทเด็ดขาดค่ะ หนูไม่ยอมมมมม



   แต่กูยอมโว้ยยยยย!! น่ากลัวกว่าเครื่องติดตามตัวก็มียัยน้องเบลพรุ้งพริ้งกระดิ่งแมวนี่แหละครับ อนาคตมึงไปสมัครเป็นเอฟบีไอเลยนะท่าจะรุ่ง

   “อย่าไปโกรธน้องเบลเลยนะ ซี ออฟ สกาย” แอนด์สมายบนใบหน้ามัน แต่กูไม่ขำเพราะกูกำลังโมโห!!

   “กูเป็นไอดอลมึงหรือไง ถึงต้องตามติดชีวิตกูขนาดนี้ เวลามีไม่รู้จักเอาไปร่ำไปเรียน”

   “นี่มันหกโมงเย็นแล้วนะพี่ ไอ้บ้าปีหนึ่งที่ไหนจะมีคาบเรียน นอกจากกิจกรรมรับน้อง”

   “งั้นมึงก็ไปรับน้องดิวะ”

   “ไปมาแล้ว แต่วันนี้เลิกเร็วเลยรีบมาหาพี่ไง” เกลียดคำหยอดนี้ว่ะ เกลียดๆๆๆเพราะเหมือนโดนให้ความสำคัญแต่ที่แท้มันต้องการแค่ข่าวน้องสาว...เออจริงด้วยสิ...น้องสาว

   “เออ..ขอโทษนะคะเรื่องที่ถามเมื่อกี้...” ตูลืมไปเลยว่าเคยมีเภสัช...แล้วเมื่อกี้ผมถามอะไรไปวะความจำสั้น “ถ้าให้เดานี่คงเป็นพ่อเด็กใช่มั้ยคะ ยาที่จ่ายให้ คนท้องทานได้ค่ะ หายห่วง” โง้ยยยยยเดาทั้งที เดาซะจนกูเข่าทรุด รู้แล้วว่าปริญญาเภสัชที่ได้มาคงเป็นเพราะความสามารถล้วนๆ เพราะให้เดาข้อสอบแม่งคงมั่วฉิบหาย ไม่ต้องทวนคำตอบ...ไม่ต้องบอกคำถามสุขภาพซ้ากกกกคำ แต่คนที่ยืนฟังอยู่ได้ยินเต็มสองรูหูเลยครับ!!! เมื่อกี้ถามเสียดิบดีเป็นห่วงเป็นใยว่ากูจะฟังไม่ทัน แต่ไหงมาบอกตอนกูหันหลังวะเนี่ย!!

   ขอเบิกอัศเจรีย์เพิ่ม หมดสต๊อกแล้ว

   “เออ...ไอ้แทน” เรื่องนี้กูอธิบายได้ แต่นึกคำโกหกก่อนแป๊บ เอออา...อันหยังดีวะอันยอง

   “ใครท้อง...” ก่อนที่มันจะถามอะไรไปมากกว่านี้ผมรีบคว้าถุงยาแล้วลากตัวคนสูงออกมาหลบที่เสา เพราะพวกเราเริ่มจะกลายเป็นตัวเกะกะขวางทางเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลไปซะแล้ว ผมลอบถอนหายใจเบาๆหนึ่งทีก่อนหันมาจัดการคนที่ทำท่าจะกัดไม่ปล่อย

   “มะ...ไม่มีใครท้องทั้งนั้นแหละ”

   “พี่ปิดบังอะไรผมอยู่” อย่าจ้องดิวะ ตาคมๆของมันทำผมกลัว “หรือพี่มีเมียเก็บ?”

   “มีที่ไหนเล่า” ทุกวันนี้กูต้องนอนเด้ากับหมอนเพราะยังหาเมียไม่ได้เนี่ยแหละ

   “งั้นก็ดีแล้ว อย่าทำให้ผมตก...”

   “ไอ้ไทม์!!” ฮะ? ใครเรียกกู ทันทีที่เบี่ยงหน้าออกซ้ายหลบร่างสูงชะโงกดู โหยกูรู้เลยครับ ร่างทั้งสองของไอ้เดย์และน้องฟ้าเดิมตามกันมาเล่นเอาตาผมเบิกโพลง

   เพื่อนเดย์มึงมาทำอะไรตอนนี้วะเนี่ยยยยยยย แล้วมันเสือกจำแผ่นหลังของไอ้แทนไม่ได้ เลยพล่ามต่อว่า “ทำไมมานานจังวะ มารับยาหรือหนีมาจีบพยาบาล”

   “เสียงพี่เดย์นี่ เฮ้ย!!”

   เวลานี้ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมตรงไหนแล้วครับ สองมือขยับไปจับหน้าหล่อๆของมันแล้วยึดไว้ให้มั่นอย่าให้มันหันไปปปป

   “ทำอะไรของพี่น่ะ”

   ผมชักกระตุกส่งซิกแนลให้ไอ้เดย์มันยิกๆ

   “แล้วเป็นบ้าอะไรขยิบตาอยู่ได้”

   รีบไปดิวะ รู้ตัวซักที

   “ข้างหลังมีใครอยู่...” โอ๊ยแล้วมึงจะบิดหน้าทำไมเนี่ย แรงต้านกูกำลังจะไม่เหลือแล้วนะเว้ย

   “มองหน้ากู!!” บังคับโว้ย ถึงรู้ว่าคงไม่ได้น่าพิสมัยเท่าไรให้มามองหน้าผู้ชายด้วยกัน แต่ตอนนี้มึงต้องมองหน้ากูเท่านั้นโอเคมั้ย แล้วไอ้เดย์ เออใช่ มึงรีบลากน้องฟ้าออกไปเลย เดี๋ยวตรงนี้กูจัดการเอง

   “ทำไมต้อง...มอง” สายตาคมดูอ่อนลงไม่คิดต่อต้านอีก ความสนใจพุ่งตรงมาทางผมแทนที่จะเป็นคนข้างหลัง ท่าทีนั้นมันดูแปลกๆชอบกล แถมเสียงที่พ่นประโยคหลังมายังพากระเส่า “ทนไม่ไหวแล้ว”

   “ฮะ?” เหี้ยทนไม่ไหวอะไรวะกูงง

   ตุบ!!

   เคยมีใครบอกมั้ยครับว่าทำอะไรต้องมีสติ นับจากวินาทีที่ไอ้เดย์ดึงน้องฟ้าที่กระปลกกระเปลี้ยเพลียแรงออกไป ทุกอย่างรอบตัวผมก็เหมือนหยุดนิ่ง เสียงตุบเมื่อกี้เป็นเพราะมีมือใหญ่ๆพาดกำแพงคล่อมตัวผมไว้ แล้วถุงยาก็ตกลงพื้นในบัดดล พร้อมกับคนตัวสูงที่เลื่อนหน้าเข้าใกล้....ใกล้เสียจนริมฝีปากสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา...

   จูบสั้นๆครั้งที่สอง กลางโรงพยาบาล พร้อมสักขีพยานอีกบานตะไท

   ...ประทับใจสัด...

   ใบหน้าคมคายถอนห่างออกช้าๆ ไอ้แทนทำหน้าเหมือนไปไม่ถูก หลังจากประกบจูบกับผม

   ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่เหลือ...สองมือตกไปอยู่ข้างตัว สมองโคตรเบลอ และใจโคตรพ่อโคตรแม่เต้นแรง ได้แต่ยืนค้างกลืนน้ำลายลงคอแบบงงๆ มองหน้าหล่อที่ขยับปากเหมือนจะพูดอะไรออกมา

   “อย่ายั่วผมได้มั้ย” โหยยยยยยยบันดาลโทสะระดับสิบ กูไปยั่วโมโหมึงตรงไหนไม่ทราบ “หรือว่าเมื่อกี้ส่งสัญญาณให้ใคร”

   “เฮ้ยยยเปล่า” ไม่รอให้ผมปฏิเสธจนจบ ร่างสูงย่อตัวก้มต่ำลงไปหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาจากพื้น เหี้ยแล้วถุงยา!!

   “ฟ้าคราม เกียรติไพศาล” กรรมของเวร

   “เฮ้ย ไอ้แทน!!” จบแค่นั้นมันวิ่งออกไปโดยไม่ปล่อยให้ผมรั้งไว้อีก...ซวยแล้ว ซวยแล้ว ซวยแล้วกู









   “ฟ้า!!” ถ้าเติมคำว่า ‘เหิน’ ขึ้นหน้าแล้วฟากตรงข้ามเป็นภูเขากูจะเหมาว่ามึงเป็นพี่ศรราม แล้วกูล่ะ กบสุวนันท์ ฮ่าๆๆ ขำดิครับ ใครเกิดไม่ทันขออภัยด้วยละกันกับมุกนี้ โอ๊ยแต่ผมขำไม่ออกอ่ะ...กูจิร้อง

   ผมเห็นร่างสูงกวาดตามองไปทั่วลานจอดรถ ตาไอ้แทนยิ่งกว่าสแกนกรรมพอมันเห็นรถซีอาร์วีสีดำเท่านั้น มันก็พุ่งปราดเข้าไปทันที ยิ่งกว่าหนังซอมบี้ล้างโลกอีกครับ ร่างสูงเดินตรงดิ่งไปขวางหน้าคนทั้งสองที่รีบร้อนเดินไปทางรถ ก่อนคว้าคอเสื้อเพื่อนผมอย่างจาบจ้วง พร้อมมองด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม

   “พี่จะพาฟ้าของผมไปไหน” เหยดดดด ฟ้าของผม ฟ้าของผม ฟ้าของผม มิน่าคนมันถึงเข้าใจผิดว่าสองคนมันกิ๊กกัน เล่นใช้คำพูดชวนให้เข้าใจผิดเสียขนาดนั้น

   “เฮ้ย ไอ้แทน ใจเย็นดิวะ นี่มึงคว้าคอเสื้อรุ่นพี่อยู่นะ” ผมรีบเดินไปจับมือมันปรามไว้ ครั้งแรกที่เห็นอารมณ์ร้อนสัดรัสเซียของเชี่ยแทน โคตรต่างกับแทนสุรบถคนกวนๆขี้เล่นที่มีรอยยิ้มส่งตรงมาให้ตลอดอย่างสุดขั้ว

   “รุ่นพี่แล้วไง มันเป็นอะไรกับฟ้า ทำไมต้องพากันหนีออกมา...” เสียงทุ้มหยุดชะงักเมื่อสายตาไปปะทะกับสภาพคนตัวเล็ก “ฟ้าไปโดนอะไรมาเนี่ย” มันปล่อยคอเสื้อไอ้เดย์ทันทีแล้วปรี่เข้าหาน้อง

   “อะ..เออ” แม้แต่เสียงยังตะกุกตะกัก เฮ้ยนี่พี่ชายน้องนะครับ จะกลัวทำไม พอเห็นอย่างนี้แล้วแอบสงสาร ผมเลยตอบแทนคนข้างหน้าออกไป

   “น้องมึงโดนรถเฉี่ยวที่หน้าคณะกู”

   “แล้วพี่ก็พาน้องมาส่งโรงพยาบาล”

   “ใช่”

   “แล้วฟ้าไปทำอะไรที่นั่น”

   “ก็ไป...” ไอ้ห่า...งับปากแทบไม่ทัน แค่จะพูดออกไปคำเดียวเท่านั้นแหละ เหยดดด มาเลยครับสายตาของน้องฟ้าที่ส่งตรงแบบหมายมาดอาฆาตแรงมาทางผม ก็พี่ไม่อยากโกหกแล้วอ่ะ พี่ขอเถอะ “ปะ...ไปขี้มั้ง” มุสาวาทาเวรละ มานี ชูใจ และมานะ ชาตินี้ตายไปตกนรกแน่นอนไม่ต้องจองหรือวางเงินดาวน์

   “ทำไมต้องไปถึงที่นั่นด้วย” โอ๊ยนี่กูยังต้องโกหกต่ออีกเหรอวะ ฮ่วย เอาก็เอา ขี่หลังเสือให้โดดลงมาก็ตายห่ากันพอดี

   “ไอ้แทน คนเราปวดขี้มันบังคับสถานที่กันได้ด้วยเหรอวะ กูถาม” ซักซะละเอียดยิบอย่างกับกูเป็นแบคทีเรียในลำไส้น้องมันอย่างนั้นน่ะ ยังไงก็เรื่องครอบครัวไอ้แทน คนนอกอย่างผมจะเอาตัวเข้าไปเกี่ยวให้มันยุ่งยากทำไม ปล่อยมันไปเถอะ

   “แล้วคนเรากะแค่โดนรถเฉี่ยว มันจำเป็นต้องขอยาให้คนท้องด้วยเหรอครับ ผมถาม”

   “...” ตะลึงกันทั้งไตรภาคี ฮืออออ มันไม่ปล่อยกูอ่ะ มองไปทางไอ้เดย์คิดจะให้ช่วย แต่มันเสือกทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ด่ากราดผมเบาๆในเสียงเงียบว่าไอ้เชี่ยแทนมันรู้ได้ไง...กูขอโทษ...

   “บอกมาได้รึยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ร่างสูงเลิกสนใจน้องสาวแล้วหันมาเผชิญหน้ากับผมตรงๆ ความคิดสับสนในหัวตีกันให้วุ่นวาย ทำไมผมต้องพูดโกหกออกไปด้วยวะ ถ้าไอ้แทนมันรู้ว่าฟ้าท้องแล้วจะทำไม อย่างมากมันก็คงตกใจแล้วหลังจากนั้นก็แค่ปล่อยให้ครอบครัวมันไปเคลียร์กันเอาเอง ส่วนไอ้แม็ค...ป่านนี้แล้วไม่รู้หายหัวไปไหนไอ้แทนมันคงตามไปไล่ฆ่าไม่ทันแล้วล่ะ บอกไปทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องมาเดือดร้อนถึงผมที่เป็นคนนอกด้วย พอตัดสินใจได้ ผมก็สูดหายใจเข้าลึก

   “ถ้าอยากรู้นัก มึงก็ตั้งใจฟังให้ดีละกัน”

   “เฮ้ย ไอ้ไทม์...มึงเอาจริงน่ะ” ไอ้เดย์ปล่อยเสียงแผ่วกึ่งห้าม แต่ขืนหันไปมองหน้าเพื่อนตอนนี้มีหวังคงทำให้ไขว้เขว ผมเลยจ้องตาคมๆของไอ้แทนอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดที่จะฟังใครอีก

   “ฟ้า...น้องมึงอ่ะ”

   “น้องผมทำไม”

   “เธอท้อง”

   “...”

   “...”

   “...”

   ใครกดปุ่ม mute เปล่าวะ...โคตรเงียบ... อีกสองคนที่อยู่ด้านข้างและด้านหลังผมไม่รู้ว่าหงายตึงท้องตั้งไปถึงชาติไหน ตอนนี้ผมสนใจได้แต่คนข้างหน้าซึ่งหน้านิ่งเกินกว่าจะบรรยายอารมณ์ มึงตกใจใช่ป่ะไอ้แทน มึงอย่าเงียบดิ กูกลัว ลุ้นจนตัวหงิกตัวงอ สุดท้ายเสียงทุ้มก็เปล่งคำพูดแรกออกมา

   “พี่...”

   “...”

   “ใช่เวลาเล่นป่ะ ผมซีเรียสนะ”

   “!!!” กูก็ซีเรียสเหมือนกันโว้ยยยยยย ถลกขนหัวให้มึงดูเลยมั้ยว่าเรื่องนี้ทำกูหงอกไปกี่เส้นแล้ว ยังมาหาว่าผมล้อเล่นอีก

   “เอาเถอะ พี่จะขอยาไปให้คนท้องที่ไหนก็ช่าง” พูดเสร็จไอ้แทนมันผินหน้าไปทางเพื่อนผม แววตามุ่งร้ายฉายชัดขึ้นใบหน้า ยังไม่ทันได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมมันก็พุ่งเข้าใส่ไปขยำคอเสื้อไอ้เดย์อีกรอบแล้ว “แต่พี่ต้องบอกมาว่าพี่เป็นอะไรกับน้องผม!!”

   “เชี่ยแทนมึง!!” มือซ้ายแม่งกำเป็นก้อนกลมๆ มึงอย่าแปลงร่างเป็นโดราเอม่อนเลยนะกูขอ ไอ้เดย์มันนิ่งหลับตาปี๋ไปแล้วครับ เพื่อนผมมันจะหน้าแหกด้วยความผิดที่ไม่ได้ก่อไว้ก็คราวนี้ ผมเลยรีบเข้าไปห้าม “ทำอะไรมีสติบ้างดิวะ”

   “พี่จะให้ผมมีสติยังไง สภาพน้องผมเป็นถึงขนาดนี้ แต่ไม่มีใครบอกผมซักคำว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

   “ก็กูบอกมึงไปแล้วไง แล้วมึงก็ไม่ฟัง กูชักจะเหลืออดแล้วนะเว้ย”

   “ก็บอกมาให้หมดดิวะ” ณ จุดนี้ คงไม่มีพี่มีน้องแล้วล่ะครับ ถ้ามึงอยากจะรู้นัก ก็ได้ กูจัดให้

   “มึงไม่ต้องไปสงสัยหมาตัวไหนทั้งนั้นแหละ น้องมึงกำลังท้อง แล้วก็ท้องกับไอ้เชี่ย...อุ๊บ!!!” จู่ๆก็เหมือนมีอะไรมาตะปบปากผมไว้ ผมเหลือบตามองลงไปยังฝ่ามือนิ่มๆเล็กๆขาวๆตรงหน้า หรือว่า...

   “กับพี่ไทม์ค่ะ!! ฟ้าท้องกับพี่ไทม์”


   หา?


   ว้อท เดอะ ฟัคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค!!











   มอ แอะ คอ อ่านว่าอะไรครับ คำง่ายๆเขียนด้วยพยัญชนะสระตัวสะกดสามตัว ถ้าไม่โง่กว่าผมที่ตกภาษาไทยตอนปอสอง ก็คงไม่มีใครอ่านว่า ‘ไทม์’ ได้หรอก ยกเว้นคนตัวเล็กข้างหลังผมเนี่ยแหละ

   “อ๊า...” อย่าคิดว่าคราง ไม่มีอารมณ์มาวาบหวามอะไรตอนนี้ แต่ผมกำลังเรียกชื่อคนที่กำลังอุดปากผมไว้ด้วยแรงน้อยนิดแต่มันเหนียวติดปากหนึบหนับ นี่น้องพูดอะไรออกไปรู้ตัวรึเปล่า ฮะ!!!

   “ฟ้าว่าไงนะ” เจ้าของเสียงทุ้มแสดงสีหน้าหลากหลายเสียจนจับความรู้สึกไม่ได้ ไอ้แทนมึงอย่าโง่เชื่อเด็ดขาดเลยนะ

   “ฟ้าท้องกับพี่ไทม์ค่ะ”

   โง้ยยยยยย จะพูดผิดอีกกี่รอบวะเนี่ย ไทม์มันยืนอยู่ตรงนี้ กูเนี่ยแหละไทม์ แฟนน้องชื่อแม็คไงครับจำไม่ได้หรือไง แล้วผมก็ไม่เคยไปเสียบใครจนทำให้ถึงท้องด้วย กูยังบริสุทธิ์เฟ้ยยยยย ไอ้เดย์มึงช่วยกูที

   เหลือบตาไปมองเพื่อน...อืม...มึงเป็นเพื่อนตายกูจริงๆ มันยืนนิ่งสติหลุดไปแล้วครับ ใครสอนให้มึงเกิดมารวยแต่โง่ได้ขนาดนี้วะ ไอ้เชี่ยเดย์!!

   “ฟ้าพูดบ้าอะไรเนี่ย” ใช่ไอ้แทนมึงอย่าเชื่อน้องนะ

   “พี่ไทม์เป็นแฟนฟ้า ฟ้าท้องกับพี่ไทม์ได้สามสัปดาห์แล้วค่ะ” ฟ้าคคคคคคคคคคคคค หยุดที ต่อไปนี้กูจะไม่ทน ผมรีบแกะมือเล็กออกจากปาก หันไปเผชิญหน้ากับคนที่ปล่อยโกหกคำโตออกมามากกกว่าผมเป็นร้อยเท่าพันเท่า

   “นี่ฟ้าพูดบะ...”

   “ฮึก...” น้ำตาที่พรั่งพรูออกมา เล่นเอาคำว่าบ้าไหลลงคอ ร่างเล็กพุ่งเข้ากอดผมแบบไม่สนอะไรอีก เธอเอาแต่ร้องไห้เหมือนวันนั้นที่ทะเลาะกับไอ้แม็ค ร้องจนน้ำตาซึมผ่านอกเสื้อผมเปียกไปหมด

   “พี่ไทม์...ฮึก...ต้องรับผิดชอบ...ฮึก”

   คำของน้องฟ้ามันสะท้อนก้องอยู่ในหัว รับผิดชอบอะไร...รับผิดชอบลูกในท้องเหรอ...หรือรับผิดชอบที่ทำให้คนสองคนนั้นเลิกกัน...

   “ลูกฟ้า...ฮึก...กำลัง...จะไม่มี...พ่อ ถ้าพี่ไทม์ทิ้งฟ้าไป” ร่างที่ชิดกับผมตัวสั่นเทาอย่างหนัก แล้วทำไมต้องเป็นผมด้วยวะ ผมนึกอย่างเห็นแก่ตัว ไอ้แม็คมันก็แค่มาถูกที่ถูกเวลามากไปจนทำให้เข้าใจผิดไปเอง เรียนตั้งสูงแต่เสือกขาดภูมิคุ้มกันเรื่องความรัก ผมอยากจะชกมันให้หน้าหักไปเลยจริงๆ แต่เรื่องนี้ถ้าไม่มีผมหรือพี่โชเข้าไปยุ่ง มันคงจะไม่บานปลายขนาดนี้ นึกแล้วก็ให้ได้โทษตัวเองขึ้นมา

   “เชี่ยเอ๊ย​!!” แรงหนักๆดึงผมให้แยกกับน้องฟ้า ร่างสูงถลามาคว้าคอเสื้อ งานนี้ไม่มีปากแตกก็คงตาช้ำล่ะวะ แต่ทำไมผมไม่รู้สึกกลัวเลยซักนิด ไม่มีการหลับตาแถมยังจ้องหน้าคนเป็นพี่อยู่นิ่งงัน ไอ้แทนมันถึงกับชะงักกำปั้นค้างไว้ สีหน้ามันดูเจ็บปวดใจอย่างบอกไม่ถูก “พี่มีอะไรจะพูดกับผมรึเปล่า” มันถามราวกับสั่งลาครั้งสุดท้าย ตอนที่ผมตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง


   “มึงชกกูมาเหอะ”

   “...”

   “กูนี่แหละแฟนน้องฟ้า”


   พลั่ก!!!



TBC
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หลังจากปล่อยลอยระทวย กับตอนที่13 ไปก็พักกองเรื่องนี้ไว้เสียนาน
ไม่รู้ยังมีคนตามอยู่รึเปล่า กรี๊ซซซซซซซซซซซ
ตอนนี้ให้ค่าตัวแทนเยอะหน่อย นางเลยแสดงตั้งแต่ฉากโรแมนซ์ยันแอ็คชั่น555


คุณ FeaRes ขอยกเพลง เคยรักเธอหรือเปล่า ของ ลำดวน ให้แก่น้องฟ้าาาาา สงสารไทม์ให้มากๆนะคะ... จากนี้ไทม์จะน่าสงสารยิ่งๆขึ้นไป(หราาาา) วิ่งหนี...

คุณ B52 อยากให้ถามมากๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ ถามมาได้เลยนะ เผื่อจะได้เห็นรอยรั่วแตกร้าวตรงไหน คนแต่งจะอุดไว้ให้มั่น(ตอนนี้หัวผุเล็กๆ) ขอบคุณสำหรับเมนต์ที่สองนะคะ จุ๊บๆ

คุณ fsbeentaken กรี๊ดดดตะโกนใส่หน้า!! ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่า แทนจะได้เป็นลุงแล้ววววว(หราาาา) เรื่องหาตังค์บ้านแทนน่าจะพอไปไหวอยู่ค่ะ น้องเรียนสาธิตที่นี่แถมมาอยู่คอนโดก็แอบรวยพอสมควร หรือให้เสี่ยเดย์ช่วยสมทบทุนดี



ขอบคุณที่อยู่มาด้วยกันจนถึงตอน14นะคะ  :mew6:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
...พี่ไทม์ผิดอะไรรรรร ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์บ้างนะพี่
ทั้งเพื่อน แฟนเพื่อน หาเรื่องมาให้ไม่หยุดเลยยยยย
ส่วนแทนก็ใช่ย่อย... ห้ามชกพี่ไทม์!!!

ไทม์เปลืองตัวมากอะจริงๆ เอาใจช่วย ; __ ; / 55555

ออฟไลน์ StarPasO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารพี่ไทม์   :o12:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แรกๆก็สนุกขำๆกันอยู่ดีๆ หลังๆนี่อีรุงตังนัง
แทนเอ้ยมีเรื่องเข้ามาได้ตลอด เรื่องยางลบยังเคลียร์ไม่ได้ อยู่ๆมีลูกซะอีก
อิแมครีบกลับมาเดี๋ยวนี้ :m31:

ออฟไลน์ PNatsita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ค้างงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)

ตอนที่15 ความรู้สึกที่นิยามไม่ได้



   พลั่ก!!



   ทุกอย่างไปไวมาก ภาพที่ผมเห็นคือมือใหญ่ดึงคอเสื้อแล้วยกหมัดหมายจะทิ่มลงตรงกลางหน้า หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงกระทบกันอย่างรุนแรงของผิวเนื้อ...โชคยังดีที่ผิวเนื้อนั้นยังไม่ใช่ใบหน้าของผม

   “สัดแทน!! มึงจะทำอะไรวะ” คนที่เคยตกเป็นกรณีพิพาทก่อนหน้าอย่างไอ้เดย์ยื่นมือเข้ามาขวางกำปั้นที่เกือบเฉียดเข้ามาปะทะข้างแก้ม ในขณะที่ผมได้แต่ยืนนิ่ง ไม่ทันแม้แต่ถอยหลังป้องกันตัว เพราะยังตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เหนือความคาดหมายของผมไปมาก คือการที่ไอ้แทน...มันตั้งใจจะชกหน้าผมจริงๆ

   เป็นคนท้ามันเองแท้ๆ แต่กลับหวังให้เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาและคิดว่าคนตัวสูงจะไม่กล้าลงมือ

   ความสัมพันธ์ที่คงตัวด้วยคำว่า...คนรู้จัก...

   ...นี่ผมหวังอะไรอยู่วะ...

   แม้กระทั่งเรื่องยางลบมันยังไม่อยากจะจำ แล้วนับประสาอะไรกับรุ่นพี่ต่างคณะที่มันตีสนิทเพราะอยากทราบความเป็นไปของน้องสาว

   ความรู้สึกเสียดแทงในอกนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่รู้ความจริงข้อนี้คืออะไร ผมให้คำนิยามมันไม่ได้ ทำไมต้องอ่อนไหวกับการกระทำของคนตรงหน้า มันสำคัญสำหรับผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ ผมได้แต่ย้อนถามตัวเองไปมา

   ...ถ้าจบที่คนรู้จัก ผมคงไม่เจ็บที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะโดนชกขนาดนี้...

   “พี่คิดว่าผมโง่เหรอ” คำถามนี้เรียกสติที่จดจ่อกับการค้นหาคำตอบในตัวเองให้กลับมาเผชิญหน้า จ้องสบดวงตาคมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์หลากหลาย

   “...” โง่...ในที่นี้หมายถึงอะไร หมายถึงเรื่องที่มันพลาดมาขอให้ผมสืบเรื่องน้องสาว   หรือโง่ที่คิดว่าจะเชื่อเรื่องที่ผมโกหกว่าเป็นแฟนน้องฟ้า หากไม่ทันจะทำความเข้าใจถึงคำถามนั้นให้ลึกซึ้ง เดือนวิศวะกลับก้าวเข้ามาใกล้ สายตามันบ่งบอกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่ความโกรธ แต่เป็นความผิดหวังและไม่พอใจอยู่ลึกๆ

   “อย่ารับผิดแทนคนอื่น”

   ฮะ? ประโยคที่ได้ยินนั้นเบาราวกับเสียงกระซิบ ถึงขั้นแยกไม่ออกระหว่างหูแว่วกับเรื่องจริง ไอ้แทนมองมาทางนี้เพียงแค่แวบเดียวก่อนหลบสายตาอย่างจงใจไปทางผู้เป็นน้อง

   “ฟ้า กลับบ้าน” ร่างสูงฉวยข้อมือเล็กแล้วลากไปอีกทาง หากแต่คนถูกจับจูงกลับสะบัดมือทิ้งแล้ววิ่งมาหลบหลังผม

   อ้าวเฮ้ยยยยย

   “ฟ้าไม่ไป” เสียงหวานดังแว่วมา น้องฟ้าใช้ผมเป็นปราการด่านสุดท้ายป้องกันท่านชาย ผมได้แต่ยืนร้อนๆหนาวๆราวกับกำแพงบ้านที่ตั้งขวางกำแพงเบอร์ลิน ไส้กรอกเยอรมันซักชิ้นมั้ยน้อง คิดว่าผมมีปัญญาปล่อยมุกนี้มั้ย เหอะ ไม่อ่ะ ผมกลัวมันหันมาต่อยผมอีกรอบเลยยืนกลั้นหายใจเผื่อมันจะมองผ่านตัวตนผมไป แต่เปล่าเลยไอ้แทนมันมองหน้าผม

   “ผมไม่อยากให้พี่มายุ่งกับเรื่องนี้อีก” กูก็ไม่ได้ยุ่งแล้ว แต่ดูน้องมึงดิ น้องมึงอ่ะ “ผมจะถือว่าไม่ได้ยินเรื่องที่น้องผมพูดละกัน แล้วพี่....ก็อย่ามาเจอกับฟ้าอีก” ไอ้แทนมันเดินเบี่ยงตัวหลบผม ตั้งหน้าจะไปคว้าคนที่อยู่ด้านหลัง ฉับพลันกับที่ไม่รู้ว่ามีอะไรมาดลใจให้ผมคว้าแขนเสื้อมันไว้จนร่างสูงต้องหยุดชะงัก

   ...ที่ไม่ให้มาเจอเนี่ย...หมายรวมถึงมึงด้วยรึเปล่าวะ...ไอ้แทน...

   ใจหายแบบแปลกๆ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมันมีแค่น้องฟ้าเป็นสายใยบางๆกั้นตรงกลาง แล้วถ้ามันถูกตัดขาดออกไปอย่างนี้ นี่ไม่เท่ากับว่าผมจะไม่ได้เจอหน้ามันอีกเลยเหรอ

   “พี่ไทม์”

   ...กูจะไม่ได้ยินเสียงนี้ที่เรียกชื่อกูอีกแล้วใช่มั้ย...

   มือใหญ่เลื่อนมาจับมือผมแล้วค่อยๆปลดออกจากปลายเสื้อเชิ้ตเบาๆ

   ...สัมผัสนี้...กูก็จะไม่ได้จากมึงอีกแล้วใช่มั้ย...

   ความรู้สึกผูกติดกับใครซักคน มันทำให้ผมเป็นคนสิ้นคิด จนเผลอพลั้งปากพูดออกไป

   “ทำไมกูจะมาเจอน้องฟ้าไม่ได้อีกวะ”

   “...”

   “ก็ในเมื่อ กูกำลังจะเป็นพ่อของเด็กในท้อง”

   “..!!!” ตกตะลึงกันทั่วสารทิศรวมถึงตัวของผมเอง เชี่ยไทม์เอ๊ยยยยย แค่ปล่อยไอ้แทนไปเรื่องมันก็น่าจะจบแล้วไม่ใช่เหรอ ดูท่าไอ้แทนมันก็จะไม่หาเรื่องเอาความอะไรอีกแล้ว แต่ทำไมผมถึง...ผมถึง...

   “พี่พูดอะไรออกมา รู้ตัวรึเปล่า” การเรียกร้องความสนใจได้ผล ไอ้แทนเปลี่ยนเป้าหมายสืบเท้ามาประชิดตัวพร้อมยื่นหน้าเข้าใกล้ผมจนเรียกว่าถ้าโดนผีผลักป่านนี้หน้าคงจิ้มหน้ากันไปนานแล้ว

   “รู้ดิ...ลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ” จบประโยคร่างสูงพรูลมหายใจใส่หน้าผมแรงๆ โหยถ้ามึงจะทำขนาดนี้ไม่ตดใส่หน้ากูไปเลยล่ะ

   “ผมให้โอกาสพี่แล้วนะ ในเมื่อไม่อยากได้ขนาดนั้น ผมจะให้พี่รับผิดชอบให้หนำใจเลย”







[แทน สุรบถ]


   คนที่ทำไม่เป็นแม้กระทั่งจูบ จะมีปัญญาทำคนอื่นท้องด้วยเหรอครับ

   “กับพี่ไทม์ค่ะ!! ฟ้าท้องกับพี่ไทม์”

   แวบแรกที่ได้ยินประโยคนั้น ผมตัดสินได้ทันทีเลยว่าฟ้าโกหก ไม่ใช่ว่ามีเครื่องจับเท็จขนาดพกพาอยู่กับตัว แต่กับคนที่เคยพิสูจน์ริมฝีปากบางเล็กคู่นั้นมาแล้วอย่างผม บอกได้คำเดียวว่า พี่ไทม์โสดมาตลอดชีวิตไม่เคยต้องมือหญิงหรือชายที่ไหนมาก่อนอย่างแน่นอน เพราะอย่างงั้นผมเลยสงสัยว่าฟ้าคิดอะไรถึงอ้างชื่อร่างโปร่งตรงหน้าขึ้นมาได้ หรือเป็นเพราะยัยตัวเล็กล่วงรู้ความลับของผม รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นคน...ที่ผมแอบเพ้อมานาน...

   เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อช่วงปิดเทอมสองปีก่อน ตอนผมโดนก๊วนแก๊งชวนมาเตะบอลที่โรงเรียน ด้วยความที่เป็นสายบาสมากกว่าสายบอลเลยทำให้ผมเดินชิลฟังเพลงไปเรื่อย ไม่เร่งร้อนแม้ว่าจะมาสายกว่าเวลานัดไปมากก็ตาม จนกระทั่งเผลอตัวเดินทะลุเข้าไปอยู่ท่ามกลางผู้คนมหาศาลเท่านั้นแหละ จากที่เดินเป็นสล็อตอยู่กูใส่เกียร์หมาเลยครับ คนมาจากไหนกันเยอะแยะวะ แถมตกเป็นเป้าสายตาขนาดนี้กูไม่ชิน หากมีบางสิ่งที่ทำให้ผมอยากกลับเป็นสล็อตอีกครั้ง...

   รอยยิ้มที่มีแรงดึงดูดมากมายมหาศาลนั้น รอยยิ้มที่สายตาผมเผลอไปปะทะเข้าอย่างจัง

   และราวกับเรื่องบังเอิญที่เมโลดี้เพลงเนื้อหาเกี่ยวกับรอยยิ้มของนักร้องกลุ่มหนึ่งถูกสุ่มขึ้นมา ณ วินาทีที่ผมสบตาอีกฝ่าย

   รักแรกพบ ตอนแรกผมเอาแต่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ หากพอมาเกิดขึ้นกับตัวเท่านั้นแหละ จุกจนพูดไม่ออกเลย แค่เห็นรอยยิ้มขี้เล่นของคนตรงหน้าก็ทำให้ผมมองแทบไม่ละสายตา คนบ้าอะไรวะ พอยิ้มแล้วน่ารักฉิบหาย ถ้าบอกว่าผมโดนยาสเน่ห์คงบอกได้คำเดียวว่ามันออกฤทธิ์แรงมาก มากเสียจนผมลืมไม่ลง และมันก็กลับมาตอกย้ำผมอีกครั้งในคืนวันสอบมิดเทอมหลังจากเริ่มต้นชีวิตมหาวิทยาลัยในปีหนึ่ง



   อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้วะ

   ผมจ้องคนตรงหน้าตาไม่กระพริบ ใครมันจะไปคิดว่าการที่โดนลากมาดื่มเหล้าย้อมใจก่อนเจอศึกหนักในวันใหม่อย่างข้อสอบแคลคูลัส จะทำให้ผมได้มาเจอกับคนที่เฝ้าเพ้อมานานแสนนานตั้งแต่ที่พบหน้ากันในวันนั้น ทั้งที่เก็บงำความรู้สึกอยากจะออกตามหานับแต่วินาทีที่ก้าวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยไว้จนเกือบขาดใจ

   ดวงตากลมโตใสมองตอบกลับมา ท่าทีของคนตรงหน้าไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันตกใจ แต่เชื่อเถอะความตกใจของผมชนะขาด

   “พี่...” ...ไทม์...โหยหาจะเรียกชื่อร่างโปร่งตรงหน้า หากแต่กลับโดนเสียงของบุคคลที่สามอย่างไอ้พนักงานเสิร์ฟร้านพี่ดวกมันฉุดรั้งความสนใจของอีกฝ่ายไปแบบไม่ใยดี

   เสียใจในความโล่งอก สิ่งที่อธิบายความรู้สึกได้คงมีแค่วลีนี้ ผมไม่รู้ว่ามันนำจะพาสถานการณ์ไปแบบไหน

   หากพี่มันรู้ว่า...มีใครบางคนไม่เคยลืมพี่มันได้เลยนับจากวันนั้น วันที่คนๆนั้นตัดสินใจส่งยางลบก้อนน้อยไปให้อีกฝ่ายยืม...

   ในวันนั้นความรู้สึกกระตือรือร้นอยากจะรู้ว่าเจ้าตัวคือใคร มันทำให้ผมต้องสืบเท้าถอยหลังไปทำทีเป็นยื่นยางลบให้ แต่ในใจกลับคิดว่าถ้าได้ผูกสัมพันธ์อีกสักนิดก็คงดี หากความเร่งร้อนสำหรับคนเข้าห้องสอบทำให้ผมได้เพียงแค่ลอบมองตัวอักษรย่อของโรงเรียนบนอกข้างขวา ซึ่งเป็นตัวบอกใบ้ให้ผมได้มีโอกาสเข้าไปในเพจสันทนาการโรงเรียนมัธยมของเจ้าของรอยยิ้มหวานนั้น และจากเพจสันทนาการก็เริ่มลามจนกลายเป็นกลุ่มปิดซึ่งเป็นที่รวมภาพของสาวฮอตหนุ่มฮิตประจำรั้วเขียวขาว

   ในนั้นมีภาพของเด็กมัธยมทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องและรุ่นเดียวกับผมมากหน้าหลายตา แต่ที่อึ้งสุดเห็นจะเป็นรูปแอบถ่ายของพี่มันที่กินพื้นที่เพจไปกว่าครึ่ง แบบเรียกได้ว่าไถจนนิ้วกุดสุดท้ายก็ไปหยุดที่คนตัวขาว

   ...ไทม์ ชลธี...

   ไม่รู้ตากล้องฝีมือดีหรือรัศมีของนายแบบมันเปล่งปลั่ง ถึงถูกถ่ายออกมาได้ช่าง...

   ...น่ารักเชี่ย...

   ภาพถ่ายเต็มตัวใส่ชุดนักเรียนกางเกงน้ำเงินหนีบกระเป๋านักเรียนสีดำแบนแต๊ดอยู่ข้างกาย โดยเท้าข้างซ้ายเหยียบอยู่บนลูกฟุตบอลกลมๆ ดวงหน้าขาวหันข้างเข้าหากล้องยิ้มยีฟันจนตาหยิบหยี สภาพแม่งดูไม่พร้อมจะเล่นกีฬาแต่ทำท่าจะเขี่ยฟุตบอลตรงหน้าให้กลิ้ง

   ผมเผลอมองหน้าจอมือถืออยู่นานแล้วเหลือบไปเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก

   ...เชี่ย...นี่กูยิ้มอะไรวะ...

   ผมรีบเตะโด่งความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นแล้วนั่งเลื่อนดูภาพต่อ

   โหย...ภาพนี้สงสารพี่มันสุดๆ

   แอบหลับหลังห้องเรียนยังไม่เท่าไรแต่ไอ้น้ำลายที่ยืดคามุมปากเนี่ยดิ ถ้าไม่คิดว่ารักหรือคลั่งไคล้ ตากล้องมันคงผูกใจเจ็บกับคนๆนี้เอามากๆ ถึงกระทั่งเลือกสภาพอุบาทว์สัดมาลงในกลุ่มปิดที่มีสมาชิกร่วมกว่าสามหมื่นชีวิตได้ คนกดไลค์หลักพันคนคอมเมนต์หลักร้อย ทำให้รู้ว่าพี่มันป๊อบไม่น้อย...แต่ป๊อบเชี่ยๆ

   ถัดมาเป็นภาพตอนวันงานกีฬาสี วันรับน้องม.หนึ่ง และอีกหลากหลายวัน จนกระทั่งวันปัจฉิมนิเทศ

   ไล่ดูหมดจนแทบจะรู้ทุกช่วงชีวิตของคนดังประจำโรงเรียน แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นได้จากหลายๆภาพ ทุกภาพที่มีพี่ไทม์ย่อมมีอีกคนยืนอยู่ด้วยเสมอ

   ...คนที่ยืนอยู่ข้างพี่มันในวันนั้น...คนที่ชื่อเดย์

   XXXXX จ้องจนพี่ไทม์จะละลายอยู่แล้ว
   XXXXXXXX ดวงตานี้ของพี่เดย์มีตายยยยยยยย

   ใจมันวูบโหวงอย่างประหลาดเมื่อได้อ่านคอมเมนต์สครีมกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง และคำรำพันแปลกๆของทุกคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น

   ...แฟน?...


   ‘แล้วไอ้ที่นอนตายอยู่ข้างๆไม่ใช่คู่หูพี่เหรอ’

   ความสงสัยไขกระจ่างด้วยคำถามของไอ้เสาร์ เพื่อนรักที่ตามตูดกันมาเข้ามหาวิทยาลัยในคณะเดียวกัน ทุกครั้งที่เผลอเปิดภาพพี่ไทม์ให้มันเห็นเป็นอันต้องถูกทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ เพื่อนคนนี้มันไม่ชอบเพศที่สามเข้าขั้นโคม่า แต่เหมือนโชคชะตาจะกลั่นแกล้งให้มันเสือกเป็นเสป็คของเก้งกวางบ่างชะนีไปได้ เจอแบบนี้ทีมันเลยพาล ขนาดคนหน้าหวานยังตั้งแง่รังเกียจ พลอยทำให้พี่ไทม์ที่ไม่เคยเจอมันแม้แต่ครั้งเดียวกลับเสือกขึ้นแท่นเป็นคนถูกเกลียดขี้หน้าอันดับหนึ่งในชั่วเสี้ยววินาที งานนี้บอกได้เลยคำเดียวครับว่าอคติล้วนๆ

   ‘ไอ้เดย์มันเพื่อนกู’

   เออ...เขาก็แค่เพื่อนกัน...มึงได้ยินยังไอ้เสาร์...แล้วไง...ทำไมกูต้องยิ้มด้วยวะ!!

   แทบจะยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองให้กล้ามเนื้อที่มุมปากมันเลิกทำงาน นี่ผมเป็นบ้าอะไรวะ ตั้งแต่เรื่องที่ส่องอินสตาแกรมพี่มันทุกวันอย่างกับคนโรคจิตแล้ว กับแค่รู้ว่าสองคนตรงหน้าไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างที่เขาว่ากัน ทำไมใจผมมันกลับตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง แถมยังให้คำจำกัดความมันไม่ได้อีก...

   ความสัมพันธ์ระลอกสองของคนตัวขาวกับผมที่ยังบ่งไม่ได้ว่าคืออะไรเริ่มต้นใหม่นับจากวันนั้น นับจากวันที่พี่มันเดือดร้อนเรื่องไม่มีตังค์จ่ายค่าเหล้า...

   ทุกครั้งที่เข้าหาผมพยายามบอกกับตัวเองเสมอว่าเพื่อน้อง น้องสาวของผมที่มีข่าวว่าชอบไปเดินป้วนเปี้ยนแถวคณะเศรษฐศาสตร์

   ...ผลพลอยได้จากการเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้ ก็เพื่อที่จะมีเวลาอยู่ดูแลน้องสาวเพียงคนเดียวที่ผมเป็นห่วง...

   ...และที่ผมเฉียดมาเข้ามาคณะเศรษฐศาสตร์ก็เพื่อมาตามสืบว่าน้องผมกำลังมีลับลมคมในกับใครอยู่...

   ...สาบานได้เลยครับว่าไม่ได้คิดอะไรกับพี่ไทม์จริงๆ...

   ...ให้ฟ้าผ่าตายเลยเอา...





   เปรี้ยง!!!

   คนตัวเล็กกว่ากระโดดเข้าหาอกผมจนรองเท้าคอนเวิร์สร่วงลงพื้น

   ใช่..ผมตกใจกับเสียงฟ้าผ่าไม่ใช่เพราะใบหน้าขาวหวานที่เข้ามาประชิดติดขอบสนามอย่างนี้ซะหน่อย

   ไม่ใช่โว้ยยยยยยยย!!

   สับสน สับสนสุดๆ แต่ทุกการกระทำที่ผมทำให้พี่มันแทบไม่แสดงออกถึงความสับสนนั้นเลยซักนิด เวลาเข้าใกล้พี่ไทม์ ผมจะมีความสุข สนุกกับการได้แหย่ใครคนหนึ่งให้ทำตัวหงุดหงิดงุ่นง่านใส่ เพราะท่าทีแบบนั้นมันโคตรน่ารัก น่ารักชะมัด จนอยากจะฟัด...อยากจะจูบ...

   ‘ขึ้นเลย’

   เชี่ยขึ้นจริง อย่าถามผมนะว่าอะไรขึ้น ชีวิตของเด็กหนุ่มวัยกำหนัดและกลัดมัน พอมีคนหน้าตาน่ารักผิวพรรณดีมาอยู่ในอ้อมกอดขนาดนี้มีหรือที่แทนน้อยของพี่จะไม่คึกคักขึ้นมา

   ผมสะกดกั้นอารมณ์ตนเองโดยเฉไฉไปเรื่องอื่น จะให้จับพี่มันปล้ำตรงนี้ผมทำไมได้ ยอมรับว่าตัวเองหื่นนิดๆแต่ไม่คิดว่าจะหื่นขนาดแค่ยืนกูก็มีอารมณ์ สัดหนังหมาเอ๊ย...หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ...โธ่เว้ยยยยยยยยย สงบซะไอ้ลูกพ่อ!!

   จนกระทั่งมีคนมาตัดอารมณ์ผมสัดๆ อย่างพี่ต่างคณะที่ผมไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้า แต่ดูท่าว่ามันจะคลั่งพี่ไทม์อยู่พอสมควรและร่างในอ้อมกอดผมก็ดูจะกลัวมันเอามากๆ ท่าทีดังกล่าวส่งผลให้จากที่เขินเรื่องการเป็นเจ้าของยางลบกลายเป็นไปจบที่ความกลัวว่าจะโดนพี่ไทม์รังเกียจเหมือนอย่างพี่โชมัน

   และวันนั้นเดียวกันนั้นเองที่ทำให้รู้ว่าผมอยากดีปคิสกับคนตรงหน้าขนาดไหน ผมเริ่มไม่ไว้ใจตัวเอง ผมกลัวว่าจะไม่สามารถหยุดให้พี่ไทม์เป็นได้แค่คนที่จะพาผมไปสู่ความจริงเรื่องน้องสาว เพราะผมเริ่มมีใจคิดอยากจะตามติดพี่ไทม์ อยากเดินตามทุกฝีก้าว โดยใช้เรื่องน้องสาวมาเป็นข้ออ้าง

   “ผมให้โอกาสพี่แล้วนะ ในเมื่อไม่อยากได้ขนาดนั้น ผมจะให้พี่รับผิดชอบให้หนำใจเลย”

   ในเมื่อพี่มันตัดสินใจที่จะกระโดดเข้ามาหาผมเอง...จากนี้ไป....ผมก็จะไม่เกรงใจล่ะนะ




[ไทม์ ชลธี]



   รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

   สภาพแวดล้อมที่แปลกตาของห้อง สีผนัง ผ้าม่าน รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ของประดับตกแต่งต่างๆ และตุ๊กตาเจ้าหมีน้อยที่วางอยู่บนโซฟา มันบ่งบอกได้ว่าผมกำลังนั่งอยู่ในห้องผู้หญิง

   โอ้-แม่-เจ้า-โว้ย

   ผมอยู่ในห้องผู้หญิงว่ะ ถ้าไม่นับรวมการเดินเข้าห้องแม่ นี่ก็ครั้งแรกในชีวิตเลยนะ ผมควรจะดีใจดิวะ แล้วทำไมกูถึงเหี่ยวได้ขนาดนี้ สาเหตุคงมีแค่สายตาคมที่จ้องผมไม่หยุดนับตั้งแต่พากันนั่งรถซีวิคสีเทาเมทัลลิคกลับมาที่ห้องน้องฟ้าแม่นางน้อยยอดขมองอิ่มของคนตรงหน้าล่ะมั้ง

   แทนที่จะแยกย้ายกันกลับห้องแต่เหตุที่ผมต้องมานั่งแช่อยู่ตรงนี้ เพราะมือเล็กๆของน้องฟ้าที่กำเสื้อเชิ้ตผมแน่นไม่ยอมปล่อยโอกาสให้ผมได้วิ่งหนี ราวกับว่าจะให้กูเป็นแฝดอินจันกับเธอไปตลอดนับจากนี้น่ะ

   “ฟ้า”

   “!!!” แรงสะดุ้งส่งผ่านมาถึงตัวผม จนต้องหันไปมองร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆบนโซฟาตัวเดียวกันและยังขยำเสื้อเชิ้ตผมแน่น เอิ่ม...เป็นอะไรกับเสื้อเชิ้ตกูมากรึเปล่าวะ ตั้งแต่คราวก่อนที่ร้องไห้จนชุ่มโชกแทบไม่ต้องส่งซักรีดแล้วมาคราวนี้มึงจะให้กูฉีดน้ำยาอัดกลีบให้ได้ใช่มั้ย เธอก้มหน้าตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด อะไรมันจะกลัวพี่ชายขนาดนั้นวะ ไอ้แทนแม่งไม่เห็นจะมีอะไรน่า...อึก...กูขอถอนคำพูด ใบหน้าคมคายเรียบเฉยไม่เหลือความขี้เล่นอย่างเคยเลยสักนิด จริงสิ เรื่องนี้มันควรจะจริงจังน้องสาวมันท้องทั้งคนนี่หว่า

   “เราเข้าไปในห้องก่อนได้มั้ย พี่มีเรื่องจะคุยกับพี่ไทม์แค่สองคน”

   “ฟ้าไม่ไป”

   วันนี้ทำให้ผมรู้อะไรหลายๆอย่าง อย่างหนึ่งคือน้องฟ้าไม่ได้นิสัยเหมือนนางฟ้าตามชื่อ อย่างสองเธอก็เป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่มีความดื้อด้านเอาแต่ใจอยู่นิดๆ

   “ถ้าฟ้าปล่อยให้พี่คุยกับพี่ไทม์ พี่สัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อแม่” เธอเงยหน้าขึ้นราวกับเจอข้อเสนอโดนใจผ่อนศูนย์เปอร์เซ็นต์สิบเดือน ลุ้นรถไปขับเลยด้วยมั้ยน้องจะได้ไม่ต้องไปท้องกับไอ้ตัวเหี้ยที่ไหนที่ทิ้งน้องไปอีกน่ะ มาถึงจุดนี้ผมถึงกับสะดุ้ง...เออจริงด้วยดิก่อนที่จะไปคิดถึงตรงนั้นกูควรคิดถึงเรื่องอนาคตที่กูต้องฟันฝ่าก่อนจริงมั้ย อย่างแรกเลยคือการตามหาตัวไอ้แม็คให้เจอ จนกว่าจะถึงเวลานั้นผมคงต้องทำตามสัญญาดูแลน้องฟ้าไปก่อน อย่าให้เรื่องราวมันเดือดร้อนใหญ่โต แรงกระตุกเสื้อทำให้สมองที่จะคิดแแผนหยุดชะงักหันกลับไปมองตามคนกระทำ

   “พี่ไทม์...อย่าทิ้งฟ้านะ” อ้อนกูสุดฤทธิ์ นี่ถ้าไม่ติดว่ารู้สึกผิดคงไม่มีวันสิ้นคิดรับเป็นพ่อของเด็กแน่ๆ ผมหยักหน้าแล้วตบมือเธอเบาๆ ให้วางใจ ร่างเล็กเลยยอมถอยไปเข้าห้องที่อยู่ด้านหลัง ทันทีที่เสียงประตูปิดฉับลงไปนั้น...

   “เย้ยยยยย จะทำไรของมึงวะ!!” ไอ้แทนมันเข้ามาไม่ทันให้รู้ตัวแถมยังคว้าข้อมือกูไปกำเสียแน่น

   “บอกผมมาตามตรงเถอะ ว่าใครกำลังคบกับฟ้าอยู่”

   “ก็กูไงไอ้สัด ถามอยู่ได้” ตอนนี้สกิลไลเออร์สิงห์โกหกกูคงอัพเกรดเข้าขั้นแม็กซ์สุดแล้วมั้ง

   “ทำไมปากแข็ง”

   “ปากกูไม่เคยแข็ง”

   “ถ้าปากตรงนั้นน่ะรู้...เพราะเคยจูบ”

   “เชี่ย!!”

   “รู้พอที่ทำให้เข้าใจด้วยว่าพี่ไม่เคยมีอะไรกับใคร”

   “คะ...ใครบอก กูไม่เคยมีอะไรกับใคร” อึ้งเลยสัด มันรู้ได้ไง กูเคยหลุดปากบอกออกไปเหรอ แค่ทำท่าทางพิรุจตอนถูกเค้นถามว่าเป็นเฟิร์สคิสรึเปล่าแค่นั้น มันคงไม่ทำให้ถึงกับตรัสรู้ได้ว่ากูยังบริสุทธิ์หรอกนะเฟ้ย วู่ฮู้กับคนอื่นได้โดยไม่จูบ มันต้องมีดิวะคนประเภทนั้น มันต้องมี...ที่ไหนกันว้าาาาาา

   “งั้น...พิสูจน์ให้ผมดูหน่อย”

   “ฮะ?”

   ไม่พูดพร่ำทำเพลงหรือรอให้ผมเข้าใจ ไอ้แทนฉุดตัวผมให้ยืนขึ้นแล้วใช้แรงดึงพุ่งไปยังห้องอีกฟากหนึ่ง เฮ้ย..เดี๋ยวเว้ยพิสูจน์ว่าเคยมีอะไรกับใครมันต้องพิสูจน์ยังไงวะ โอ๊ยยยยยยยยมึงจะทำอะไรกูเนี่ยยยยยยยย ผมพยายามขืนตัวซึ่งดูเหมือนมันจะได้ผลเพราะคนร่างสูงถึงกับต้องหยุดเดินแล้วหันกลับมา หึ อย่าดูถูกผมนะ บอกแล้วว่าผมเป็นสายกีฬา ออกกำลังในร่มผ้าเป็นประจำ แล้วมีหรือที่จะแพ้มัน เฮ้ย!!เดี๋ยวก่อนกูขอถอนคำพูด!!

   ชะล่าใจ ไม่นึกว่ามันจะปล่อยมือแล้วหันมาอุ้มผมขึ้นทั้งตัว

   “หนักชะมัด”

   “หนักก็ปล่อยกูลงดิวะ!!”

   “ก็พี่ดื้อ”

   “แล้วกูควรดื้อมั้ยเนี่ย”

   “แค่ให้ผมพิสูจน์นิดหน่อยเอง หรือพี่กลัว”

   “แล้วทำไมกูจะต้องพิสูจน์กับผู้ชายอย่างมึงด้วยวะ”

   “...!!”

   ตุบ!!

   “โอ๊ย เชี่ยแทนมึงปล่อยกูลงมาเพื่อ!!” เชี่ยแม่งเมื่อกี้อย่างกับฟรีฟอล ก้นกบกูแทบร้าว พื้นคอนโดแม่งไม่รู้สะเทือนไปทั่วชั่นรึเปล่า แต่ที่รู้กูเจ็บสัด  ถึงมึงจะบอกว่าตัวกูหนักมึงก็ไม่ต้องปล่อยกูทิ้งดิ่งถึงขั้นนี้ก็ได้เปล่าวะ!!

   แต่ดูเหมือนคำด่าจะไม่เข้าหูร่างสูง ก็มันเล่นนิ่ง นิ่งเหมือนหุ่นยนต์ที่แผงวงจรชำรุดกะทันหัน จนผมยังสงสัยเลยลุกขึ้นขยับตัวเข้าไปใกล้ หรือกูเผลอไปกดสวิซต์เปิดปิดตรงไหนเข้าให้วะ ผมจิ้มตามต้นแขนแกร่งไปเรื่อยแล้วย่อตัว เงยมองหน้าที่ก้มลงต่ำของมันแบบสังเกตสังกา

   “มาถึงขั้นนี้แล้วจะกลัวอะไรอีกวะ”

   ฮะ? เสียงทุ้มเอ่ยทิ้งข้อความกำกวมไว้แล้วสวนกลับแบบฉับไวด้วยการจับมือผมข้างที่จิ้มมันอยู่นั่นแหละ

   “เย้ย...โดนสวิซต์แล้วเหรอวะ!!”

   “ไม่ต้องไปถึงสวิตซ์หรอก อยู่เมืองไทยนี่แหละ ผมจะทำให้พี่รู้สึกดีเหมือนอยู่สวิตเซอร์แลนด์เอง”

   “!!!” จากท่าอุ้มเจ้าหญิงมันเปลี่ยนเป็นแบบกระสอบข้าวได้ยังไงวะ “เชี่ย ปล่อยกู กูรักเมืองไทย ไม่อยากไปเที่ยวไหนทั้งนั้นแหละ มันขาดดุลการค้าเว้ย ปล่อยยยยยยยย”

   ช่วยผมด้วย นี่ผมกำลังจะโดนมันทำอะไรวะ ช่วยบอกกูที!!



TBC

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

รู้สึกตัวเองดราม่าไม่ได้นาน 555
ขอโทษที่สั้นไปนิดนะคะ
ขอบคุณที่อ่านเหมือนเคยค่ะ
ตอนนี้มาแบบป่วยๆ55

คุณ B52 กระต่ายตัวนั้นคือคนแต่งรึเปล่านะ555

คุณ FeaRes ปีนี้ปีชงของไทม์รึเปล่าน้า55 แต่คนแต่งจะชงให้คู่กับแทน(ชงคนละความหมาย!!) ดูเหมือนจะเปลืองเนื้อเปลืองตัวมากกว่านี้ยังไงก็ไม่รู้อ่ะ >_<

คุณ StarPasO กอดไทม์ให้เค้าหน่อย ขอบคุณสำหรับการหลงผิดเข้ามาอ่านนะคะ รักน้า

คุณ songte ตอนนี้เละเป็นโจ๊ก555 ล้อเล่นค่า พล็อตยังมี คงต้องดำเนินต่อไป ว่าแต่ตอนนี้เคลียร์รึยังนะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

คุณ PNatsita ไปเช้าเย็นกลับดีกว่านะ55 ขอบคุณที่อ่านจนถึงตอนปัจจุบันนะคะ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ไทม์มันร้ายยยย พบคนปากแข็ง 1 ea
จำเขาได้ก็ทำเมิน ปล่อยให้พี่เขาน้อยใจจจ
รู้เรื่องนั้นเรื่องก็พูดสิ ปากหนักทำไมมม //ตั

แล้วเนี่ยๆๆๆ พิสูจน์อะไร อย่าฉวยโอกาส!!!
55555555

ออฟไลน์ PNatsita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ StarPasO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กอดพี่ไทม์นะ สู้ๆ

ปล.แทนอย่าทำพี่ไทม์แรงมากนะ  :hao6:  :hao6:

ออฟไลน์ Kmiew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากขอติงนิดนึงนะคะไม่รู้คนอื่นเป็นมั้ยแต่ความรู้สึกเราคือ อ่านแรกๆก็สนุกอยู่แต่พออ่านๆไปมันเริ่มเยอะแปลกๆจนทำให้น่ารำคาญนิดนึงอยู่ๆปัญหาก็โยนๆมาใส่ไทม์ ถ้าปัญหาต่างๆตรงนี้เคลียไวจะดีมมากเลยค่ะละอีกอย่างนึงคือเวลาตัวละครพูดคุยกันคือทำไมไม่พูดให้เคลียๆไปเลยยิ่งคู่หลักนะแทนแบบเป็นไรชอบแต่ทำเป็นจำไทม์ไม่ได้ เพื่อ? ถ้าเป็นเค้าโครงเรื่องที่คนแต่งวางไว้ให้เป็นแบบนี้อยู่แล้วเราก็ขอโทษน้าา :monkeysad: อันนี้แค่ความเห็นเราคนเดียวนะคะ :mew2:

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่ 16 กฎเหล็กของว่าที่น้องเขย





   “น้องผมไม่อยู่แล้ว ไม่ต้องแกล้งโกหกอีกแล้วก็ได้”

   “...”

   “ทำไมต้องทำท่ากลัวผมขนาดนั้น”

   “...”

   “ผมไม่ต่อยพี่อีกรอบหรอกน่า”

   “กุ...กูไม่ได้กลัวเรื่องนั้น”

   “แล้วพี่กลัวอะไร”


   กูกลัวใจมึงเนี่ยแหละ!! ท่านี้มันหมิ่นเหม่เกินไปแล้ว!!

   แผ่นหลังผมเป็นเตียง ผ้าปูที่นอนลื่นและนิ่มโคตร แถมหยุ่นนุ่มน่านอน แต่ผมกลับหลับไม่ได้เพราะไอ้เจ้าของห้องมันคร่อมผมแล้วล็อคไว้ทั้งตัวอยู่

   “ปะ...ปล่อยกูลุกขึ้น แล้วนั่งคุยกันดีดีได้มั้ยวะ”

   “พี่มันกะล่อน”

   “อ้าวเฮ้ย ไรวะอยู่ดีดีมาด่า”

   “ถ้าปล่อยให้ลุกขึ้นจะวิ่งหนีใช่มั้ย”

   “...” มะ...มันรู้ได้ไง!!

   “เงียบเลย แทงใจดำอ่ะดิ”

   “ชะ...ใช่ที่ไหนเล่า นอนคุยท่านี้กูไม่สะดวก”

   “สะดวกท่าไหน”

   “ท่าไหนอะไรของมึง”

   “อยากอยู่บน?”

   “สัดแทน มึงพูดเรื่องอะไร...เฮ้ย!!” อีกฝ่ายเล่นทิ้งตัวลงทับแล้วสอดมือเข้าเอวผมอย่างรวดเร็ว เสี้ยววินาทีที่โดนแรงเหวี่ยงพลิกกลับ ร่างทั้งร่างของผมก็ขึ้นมาทาบทับร่างสูงใหญ่อย่างง่ายดาย

   “สะดวกยัง”

   เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย สภาพนี้มึงอย่าบอกนะว่ากูออนท็อป!! ลมหายใจติดขัดเพราะหน้าท้องแบนราบแม่งเสือกทาบทับกันแนบสนิท ไอ้แทนมันโคตรรั้งตัวผมเข้าไปใกล้ ส่วนตรงนั้นก็...กูไม่อยากจะคิด มึงอย่ายกขาขึ้นเชียวนะ กูกลั๊วววว

   “กูหมายถึงนั่งคุยกันดีดีเว้ย!!”

   “คุยกันดีดีไม่เคยได้ความ พี่มันพวกชอบให้ผมบังคับ”

   “ใครบอกว่ากูชอบให้มึงบังคับวะ!!”

   “ก็ปากหนักไม่ยอมพูดความจริงซักที”

   “ความจริงที่มีกูก็พูดไปหมดแล้วนี่หว่า มึงจะเอาอะไรกับกูนักหนา จะถามกูอีกกี่ครั้ง!!”

   “ถามจนกว่าพี่จะยอมพูดออกจากปากว่าพี่ไม่ได้มีอะไรกับน้องผมไงเล่า!!”

   “ให้ได้อะไรวะ ผลลัพธ์แม่งก็ไม่เห็นจะต่างกันเลย สุดท้ายยังไงน้องมึงก็ท้องหลานมึงอยู่ดี จะบังคับกูทำเพื่อ!!”

   “ก็เพื่อให้ได้สิทธิในการจีบพี่ไงล่ะวะ!! สัดเอ๊ย!!”

   “... !!”

   บอกตามตรงว่าผมสตั๊น...โคตรพ่อโคตรแม่สตั๊น...แต่ไม่ใช่เพราะคำหยาบที่มันพ่นใส่ผม

   ระหว่างที่ผมจ้องหน้าคมๆด้วยตาโตเท่าไข่ห่าน อีกฝ่ายก็ได้แต่หอบหายใจเหมือนใช้พลังชีวิตทั้งหมดไปกับการเค้นประโยคเมื่อซักครู่นี้ออกมา มึง...อย่ามาเป็นลมเอาตอนนี้นะ กูไม่หามไปส่งโรงพยาบาลจริงๆด้วย

   “อะ...ไอ้แทน เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ” สายตาที่เสหลบไปเลื่อนกลับมาสบอีกครั้งอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนไอ้แทนจะยกมือขึ้นมาทึ้งหัวด้วยอารมณ์กระฟัดกระเฟียดคูณสิบ แต่อีกมือกลับเสือกไม่ยอมปล่อยเอวผม ร่างทั้งร่างของผมยังคงไม่เป็นอิสระ มึง...ใจเย็นๆ อย่าเอาอารมณ์มาลงที่กูนะ กูขอ ในที่สุดมันหยุดทำร้ายตัวเองแล้วมองลอดผ่านแขนมาด้วยสายตาคมๆเพียงข้างเดียว

   “ผมอยากจีบพี่ แล้วใครมันจะอยากให้คนที่จีบไปได้กับน้องสาวกันล่ะวะ ถามจริง” คนที่จีบ...เดี๋ยวๆๆๆ

   “จีบ...ใครอยากจีบใคร ใครได้กับใคร มึงพูดให้ชัดๆดิ๊” ทำไมเป็นผมที่หายใจติดขัดบ้างแล้ววะ นี่มันโรคติดต่อทางการสัมผัสชัดๆ!! แล้วยิ่งไอ้แทนมันเสือกเอามือที่ทึ้งหัวมาประคองแก้มผมแล้วส่งสายตาจริงจังมาไม่ขาดระยะนั่นยิ่งแล้วใหญ่

   “ผม...แทนสุรบถ เกียรติไพศาล อยากจีบไทม์ชลธี เวชสกุล ชัดเจนพอรึยัง”

   ชัด ชัดเจนมาก ไอ้ชัด!! กู...ไม่เคยเจอบทรุกหนักขนาดนี้มาก่อนเลย...RIP ไปจูนสติแป๊บ

   “อย่าเงียบสิ” ร่างสูงเริ่มขมวดคิ้ว ส่งเสียงเหมือนเด็กกำลังงองแง โมเมนต์นี้กูไม่เคยเห็น มึงบอกกูทีว่าฝันไป!!

   “ดะ...เดี๋ยวนะ...ขอเวลากู...” ผมหลบตามันบ้าง หากมือใหญ่กลับรั้งคางให้กลับไปมองหน้าหล่อๆของมันอย่างเก่า

   “อย่าทำผมเสียเซลฟ์”

   ใจกู...โว้ยยยย เซลฟ์กูเนี่ยแหละจะย่อยยับพังไม่เป็นท่าอยู่แล้ว

   “ไหนๆก็พูดแล้ว เอามันตรงๆเลยละกัน ผมจำพี่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว ไอ้ยางลบครึ่งก้อนที่พี่ชอบถามผมนักหนานั่นก็ของผม เจอกันร้านเหล้าน่ะเรื่องบังเอิญ ส่วนที่ให้ยืมตังค์น่ะจงใจ ขโมยเบอร์โทรศัพท์ไปก็เพราะอยากคุย ที่จูบก็เพราะแอบชอบ ที่อ้างเรื่องน้องสาวก็เพราะอยากอยู่ใกล้ๆ อยากจีบ อยากเป็นแฟน จบป่ะ”

   “...” ตี๊ด-ตี๊ด-ตี๊ด...ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไปเกิดใหม่ยังปรโลก

   ไอ้แทนมันโกหก ใช่!!มันโกหกแน่ๆ มันแสดงละคอ...ละครเชี่ยบ้าอะไรวะหน้าแดงขนาดนี้!!!

   “จะ...จริงเหรอ” มือใหญ่ที่อยู่ตรงเอวผมกระตุก ถ้าให้เปรียบผมคงเปรียบไอ้แทนได้กับกิ้งก่าเปลี่ยนสี อารมณ์เขินของมันดูปะปนความกลัวเหมือนเด็กที่แอบไปทำความผิดไว้แล้วผู้ใหญ่จับได้

   “อย่าเกลียดผมเลยนะ”

   “...”

   “ผมไม่อยากเป็นเหมือนพี่โช ถ้าโดนคนที่ผมรักหลบหน้า ผมคงทำใจไม่ได้”

   “...”

   “ขอโทษที่คิดจะต่อยพี่ด้วย”

   “...”

   “ก็ผมไม่คิดว่าพี่จะโง่ขนาดนี้ ขนาดกระโดดเข้าไปทำตามแผนของยัยฟ้า เลยอยากขู่ให้กลัวซะหน่อย”

   “แผนน้องมึง?” เฮ้ย เดี๋ยว...ก่อนที่กูจะสนใจเรื่องนี้ กูควรสนใจที่โดนมึงด่าโง่ก่อนดีมั้ย

   “ผมอยู่กับยัยฟ้ามาตั้งแต่เด็กๆทำไมจะไม่รู้ น้องคิดอะไรผมรู้หมดแหละ ฟ้าคิดว่าผมไม่กล้าทำอะไรพี่ เธอรู้ดีถ้าเอาพี่มาเป็นข้ออ้างผมจะไม่กล้าบอกพ่อแม่เพราะกลัวว่าพี่จะต้องแต่งงานกับน้องสาวผม แล้วก็ต้องยอมเลิกล้มที่จะตามหาตัวไอ้เลวนั่นทันที ยัยตัวเล็กน่ะรู้ว่าผมชอบพี่มาตั้งนานแล้ว แต่เธอก็พลาดอะไรไปอย่างนึง...”

   “พะ...พลาด...เรื่องอะไรวะ?”

   “พลาดที่ไม่รู้ว่าผมกับพี่รู้จักกันมาก่อนไง พลาดที่ไม่รู้ว่าผมเคยจูบพี่ พลาดที่ไม่รู้ว่าจูบมันมีประโยชน์ยังไง มันทำให้ผมเข้าใจว่าคนที่ไม่เคยจูบใครอย่างพี่มันโคตรบริสุทธิ์ บริสุทธิ์จนไม่มีหน้าไปทำให้ใครเขาท้องได้ไงล่ะ จริงมั้ย” เหยดดดดดดดด ไอ้เชี่ยแทน!! ไอ้สลัด!!

   “กูบริสุทธิ์แล้วมันหนักหัวส่วนไหนของมึงไม่ทราบวะ!! มึงจำเป็นต้องประกาศให้โลกรู้มั้ยว่ากูยังซิงอยู่น่ะ!!”

   “...”

   “...!!!”

   และแล้ว...กูก็รู้ว่ากูพลาด...พลาดตกหลุมไอ้แทนเข้าไปจังเบอร์

   “ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าไม่ใช่คนทำน้องสาวผมท้อง”

   “...” ตอนนี้กูควรจะอายที่มันรู้ว่ากูซิง หรือกูควรจะตกใจที่เผลอสารภาพออกไปว่าไม่ใช่คนทำน้องมันท้อง หรือกูควรจะโกรธที่โดนประจานด้วยคำพูดดีวะ...ฮือ

   “งั้นก็บอกมาซะทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ตอนนี้มันไปมุดหัวอยู่ไหน ผมจะได้เคลียร์ปัญหาให้มันจบๆไปซะที”

   “กูบอกไม่ได้” เพราะขนาดกูยังไม่รู้ว่ามันหายหัวไปไหนเลย

   “ทำไม?”

   “มึงอย่าถามมากได้มั้ย ให้มันหยุดอยู่ที่กูไว้ก่อน ยังไงกูก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะกูเป็นคนที่ทำให้น้องมึงกับมันเลิกกันน่ะ”

   “มันเลิกกับน้องผมแล้ว?”

   “เออดิวะ”

   “เชี่ยอย่าบอกนะว่าพอมันรู้ว่าน้องผมท้องมันก็เลิกเลยน่ะ สัดเอ๊ย มันเป็นใคร พี่บอกผมมา!!” ไอ้แทนเกรี้ยวกราดทำท่าจะลุกพรวดพราดออกไป แต่ทว่า...

   “อื้อ!!” แสรดดดดดดดดดด เข่ามึง เข่ามึง เข่ามึง โดนน้องชายกู!!

   “...!!!” ชะงักกันทั้งสารบบ เหมือนประสบความขัดข้องทางเทคนิค ไอ้แทนมองหน้าผมแบบตกใจ ส่วนผมนั้นไซร้ไม่รู้จะเอาหัวไปมุดที่ไหนอยู่ตอนนี้ มึงอย่าทักเชียวนะ พลีสสสสสสส

   “ขะ...ขอโทษครับ” สายตาคมหลุกหลิกไปมาเหมือนไม่รู้ว่าจะไปหาจุดตกที่ไหน แต่แล้วมันกลับหันมาจ้องอีกรอบ จนผมแทบจะกลั้นหายใจ

   “อะ...อะไร”

   “รู้สึกเหรอ”

   “กูเปล่าเว้ย ขามึงมาโดนของกูแรงๆ กูก็เจ็บดิวะ”

   “แต่เสียงพี่โคตร...มีอารมณ์” อ้ายยยยยยยยยเชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

   “อารมณ์บ้านพ่องดิ!!” จังหวะที่มันเผลอหันมาแหย่ผมเต็มอัตราศึก ผมใช้ฝ่ามือยันตัวออกเต็มกำลังหมายมั่นจะลุกลงจากเตียงให้ได้ แต่สุดท้ายเข่าแข็งๆที่ชันอยู่ก็กระแทกข้างกลางสะโพกทำร้ายผมให้ร่วงลงมาทับอกมันอีกรอบเต็มแรง คราวนี้อย่าว่าแต่เอวเลยครับ แม่งทั้งมือทั้งขาก่ายกันมาเต็มที่ แทบจะหลอมรวมเป็นร่างเดียวกัน

   “ไอ้แทน ไอ้เหี้ย มึงจะทำอะไรวะ!!”

   “สอบปากคำ”

   “มึงต่อยกู ซ้อมกู ทิ่มแทงกู ซะยังจะดีกว่า ถ้ามึงจะมาเค้นกูด้วยวิธีการนี้น่ะ!!”

   “อยากให้ทิ่ม ผมก็ทิ่มให้ได้นะ” ตื่นตะลึงกับคำพูดมัน นี่แม่งสารภาพรักกับกูเสร็จก็เลิกเก๊กเลยใช่มั้ย ไอ้หื่มกามมมม

   “เลิกทะลึ่งกับกูซักที นี่กูพี่มึงนะ”

   “หรือพี่จะเป็นคนนำ”

   “...!!” ฮือออออ กูยอมมมม ตั้งแต่เกิดมากูยังไม่เคยเป็นหัวหน้าห้องแล้วกูจะไปเป็นผู้นำให้มึงได้ยังงายยยย

   “ถ้ายังไม่ยอมบอก ถ้ายังอยากโกหกว่าเป็นแฟนน้องผมอีก ก็ได้ผมยอมให้ แต่ยังไงพี่ก็ต้องทำตามกฎน้องเขยของบ้านเกียรติไพศาลซะก่อน!!”

   “!!!” กฎ? กฎบ้าบออะไรวะ กูไม่อาววววววววววววววววว












   ทำไมเหมือนถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลาเลยวะ


   “หยุดมือทำไมอ่ะพี่ รีบทำไปดิ จะได้กลับหอกัน”

   “เออๆ กูรู้แล้ว” มัน...แบบไม่ใช่แค่สายตาของไอ้คนข้างหน้าอ่ะ แต่เหมือนสายตาจากคนทั้งใต้ถุนคณะแม่งพร้อมใจมารวมกันตรงนี้หมดเลยเนี่ยดิ!!

   หันหลังขวับ นั่นแน่หกนาฬิกามึงหลบสายตากู หันซ้ายพรึ่บ อื้อหือแปดนาฬิกามึงคิดว่ากูบ้าไม่เห็นเรอะ หันขวา โอ้โหแฮะสามนาฬิกามึงยกกล้องมือถือขึ้นมาฟาดหน้ากูเลยมั้ยยยย

   “ทำไมพี่ดูไม่มีสมาธิเลย”

   ส่วนไอ้นี่ก็...สิบสองนาฬิกา มึงช่วยเลิกจ้องหน้ากูซักที

   “กูจะไม่มีสมาธิมากกว่านี้ ถ้ามึงยังเสือกจ้องหน้ากูอย่างเดียวไม่ยอมทำห่าอะไรเนี่ย”

   “แล้วจะให้ผมทำอะไร”

   “เล่นมือถือ หรือหยิบหนังสือขึ้นมาดู รอกูไปพลางๆก็ได้หนิวะ ทำไมต้องให้กูแนะมึงหมดทุกเรื่องเลยเนี่ย หรือถ้ามึงรำคาญนักที่จะต้องมานั่งรอกู มึงก็เลิกสัญญาหรือกฎบ้าๆอะไรนี่ไปเหอะ”

   “ใครบอกว่าผมรำคาญ รอมาตั้งปีกว่าให้รอต่อไปอีกทั้งชาติผมก็รอได้”

   “!!!” ตั้งแต่มันสารภาพความจริงทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องยางลบ มันก็เล่นรุกซะจนกู่ไม่กลับ รุกหนัก รุกเป็นบ้าเป็นหลัง รุกถึงแม้กระทั่งการตั้งกฎบ้าๆขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการควบคุมความประพฤติว่าที่น้องเขยอย่างผม





   กฎข้อที่ 1 ต้องกลับหอพร้อมพี่เมียเสมอ



   “ทำไปเถอะ ไม่ต้องสนใจผม”

   “ได้ไงวะ ก็มึงจ้องซะ”

   “ทำไม เขินเหรอ”

   “เขินพ่องแดะ”

   “อ้าว นี่มัน ยางลบผมหนิ”

   “เฮ้ยมึง ปล่อยนะ ทำอะไรวะ”

   “พี่ต่างหากทำอะไรผมน่ะ”

   “หา?”

   “แอบจับมือกันไม่อายสื่อ แฮชแท็กเป็นเบาหวานตายที่ใต้ถุนคณะ กรี๊ดดดดด”

   เสียงแอ๊บกระเทยจ๋ามาเต็มสตรีม ผมหันไปมองคนมาใหม่ที่ทันได้จังหวะเห็นผมยื้อยุดฉุดกระชากซากยางลบสุดรักสุดหวงกับอดีตเจ้าของอย่างมึนๆ หลังจากที่ไอ้แทนมันเอาแต่จ้องผมแล้วหันไปเล่นงานกับยางลบในถุงดินสอแบบไม่ขออนุญาตผมซักคำ ทำให้ผมต้องคว้ามือฉุดรั้งเครื่องรางของต่างหน้ากลับ แล้วให้ได้มาเจอกับเสียงจีบปากจีบคอของกระเทยชั่วคราวอย่างไอ้เดย์เข้าให้

   “สัดเดย์ มึงพูดเชี่ยอะไรวะ” ไอ้ตี๋จอมซกมกมันหย่อนก้นลงม้านั่งแบบไม่ทันได้ตอบ ประจวบเหมาะกับที่มือใหญ่ปล่อยจากยางลบแล้วยกมือขึ้นไหว้อีกฝ่ายแทน

   “สวัสดีครับพี่เดย์”

   “ไหว้พระเหอะมึง ให้มันได้อย่างนี้ดิ ท่าทีเนี่ยต่างจากเมื่อวานหน้ามือเป็นฝ่าเท้าเลยนะ เมื่อวานคอเสื้อกูอ่ะ มีแต่จะคว้าเอา คว้าเอา”

   “เมื่อวานอารมณ์มันพาไปจริงๆ ขอโทษทีครับ” ร่างสูงหัวเราะแห้งๆ ทำเอาไอ้เดย์ถึงกับเลิกคิ้วสงสัยหันมามองทางผม

   “นี่มึงเคลียร์กันแล้วเหรอวะ เป็นไปได้...”

   “ก่อนที่มึงจะมาสงสัย เมื่อกี้มึงพูดอะไรวะไอ้สัดเดย์”

   “เปล๊า...กูแค่อ่านแคปชั่นตามภาพในไอจี” แม่งผมฉุกใจได้คว้าไอโฟนไวเท่าแสง จิ้มเข้าไปดูหน้าประจำที่ตอนนี้ผมแทบจะกดฟอลโล่ติดตามมันทุกวันเป็นแฟนพันธุ์แท้อยู่แล้ว

   เชี่ย...กูนึกไว้ไม่มีผิด ภาพชวนให้คิดไปถึงไหนต่อไหนของไอ้แทนกันผม ที่นั่งจับมือกันกลมอยู่บนม้าหินขึ้นฟีดอล่างฉ่างมาให้เห็นเต็มสองลูกกะตา แถมคนกดไลค์แม่งปาเข้าไปเกือบพัน เพียงช่วงเวลาสั้นๆแบบแทบกลั้นลมหายใจ

   “ใครวะแม่ง!!” กูลุกขึ้นพั่บหันหัวสามร้อยหกสิบองศาแบบเอาให้ชาติหน้าเป็นสมศรีสี่สองสองอาร์ แต่คนอีกสิบกว่าชีวิตที่ตรงใต้ถุนมันเสือกหลบสายตากูให้วุ่นกันเป็นทิวแถว เชี่ยยยยยน่าสงสัยหมดทุกคน เวรกรรม

   ไอ้แทนมันสะดุ้งหลังผมผุดลุกจนผิดสังเกต ผมแทบมองไล่ไปตามสายตามันแต่เสือกสะดุดกับมือที่ยื่นมาจับแขนผมเสียก่อน

   “พี่ไทม์ ใจเย็นๆ แล้วนั่งลงก่อนเถอะ” แรงแขนฉุดผมเบาๆ ให้นั่งลง ผมยอมหย่อนก้นแต่ไม่วายคว้าแขนไอ้แทนกลับ

   “มึงรู้ใช่มั้ย ว่าใครเป็นไส้ศึก”

   “รอผมบวชก่อนนะ”

   “หา?”

   “แล้วจะสึกออกมาเบียดให้พี่”

   “คนละศึกกันแล้วเว้ย!!”

   จุ๊บ!! สัมผัสจากริมฝีปากเบาๆแล่นเข้าที่หน้าผาก

   “เมนส์ไม่มาอย่าอารมณ์เสียสิ”

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

   เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เอาดอเด็กสู้เสียงยัยผู้หญิง กระเทย ตุ๊ดตะนอยและบรรดาเด็กน้อยที่ใต้ถุนคณะเลยกรู อกข้างซ้ายทำงานหนักให้กูพักบ้างได้มั้ยยย

   “เรื่องมันไปถึงไหนแล้ววะ” เพื่อนผมมันพูดขึ้นมาแบบหาทางไปไม่ถูกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้ากูบอกมึงว่าตอนสิบหกกูจะโดนมึงชกมั้ยวะไอ้เดย์

   “ทำไม่เสร็จก็ช่างมันเถอะ” ส่วนไอ้แทนก็ไม่สนใจมันกวาดสมุดหนังสือ เคาะโต๊ะตุบๆเสร็จก็คว้ากระเป๋าผมขึ้นมาสะพายก่อนฉวยข้อมือผมขึ้นมายิ้มหน้าชื่นตาบาน “ชื่อว่าการบ้านก็ต้องเอากลับไปทำที่บ้านสิครับถึงจะถูก เดี๋ยวผมช่วยทำให้พี่จนเสร็จเอง ไม่ต้องห่วง”

   “ดะ...เดี๋ยว!! เฮ้ย ไอ้เดย์มึง!!” ช่วยกูที๊!!! ไวเท่าความคิดผมคว้าต้นแขนเพื่อนไว้ได้ จนทำแรงฉุดที่ดึงให้ผมเดินตามไปนั้นสะดุดลงกลางคัน

   แชะแชะแชะ...แชะแชะแชะ..แชะแชะ

   ฉิบหายแล้ว...โหยกูรู้เลยใครแม่งถ่าย...หนึ่ง สอง สาม สี่ เชี่ยนับสิบ!!

   “เด่นเลยว่ะมึง” ไอ้เดย์ยิ้มแหยเลิกคิ้วมองดูคนนับสิบแบบเฉยๆ ส่วนไอ้แทนนะเหรอ...กลายเป็นไอ้หล่อหน้าบึ้งแบบไม่สบอารมณ์โคตรๆไปแล้วครับ “มึงไปกับมันก่อนเถอะ ก่อนที่มันจะฆ่ากูทิ้งกลางใต้ถุน”

   “แต่กูมีเรื่องต้องคุยกับมึง” ผมบีบต้นแขนไอ้เดย์มันอย่างแรง ทำปากขมุบขมิบส่งซิกชื่อคนที่คุณก็รู้ว่าใครไปให้มันแบบใช้พลังวัตรไปกว่าครึ่ง

   “หา?” โอ๊ยยยยยมึงอย่ามาเสือกโง่ตอนกูกำลังหน้าสิ่วหน้าขวานได้มั้ยวะ

   “พี่เดย์อย่าปล่อยพี่ไทม์ไปง่ายๆแบบนี้สิคะ!!” จู่ๆเสียงไม่ได้รับเชิญก็โพล่งดังมาจากที่ใกล้ๆพวกผมสามตัวหันขวับไปตามต้นเสียงโดยไม่ได้นัดหมาย โง้ยยยยยยให้ตายเถอะ แฟนคลับผมเองครับ หัวหน้าประธานชมรมคู่จิ้นเดย์ไทม์ แถมยังควบตำแหน่งน้องรหัสสุดน่ารักประจำสายอีก น้องมินคนเดียวคนเดิมที่เพิ่มเติมคือความกล้า!!

   “น้องมินว่ะ งานเข้าแล้วไง บอกไปเลยมั้ยว่ากูกับมึงเลิกกันแล้ว ส่วนมึงตอนนี้ก็กำลังคบกับไอ้แทนน่ะ” ทำร้ายจิตใจน้องกูฉิบหาย ชีจิ้นมาได้เกือบครึ่งค่อนเทอม แต่กูกลับมาวางระเบิดเรือแตกกลางคันเนี่ยนะ แล้วหนังสือภาษาอังกฤษไอ้เดย์ที่ผมแอบพยายามไปตอดมาถึงห้อง นี่ไม่เรียกว่าเปลืองน้ำพักน้ำแรงเลยเหรอวะ

   “มิน น้องรหัสพี่ไทม์ใช่มั้ยครับ” จู่ๆเสียงทุ้มนุ่มละมุนก็ดังข้างตัวผม ไอ้สัดแทน มึงพูดกับน้องกูทำมายยย

   พอรู้ว่าโดนคนหน้าตาดีแห่งวิศวะร้องทัก น้องรหัสผมก็ยืดอกสู้ เดินเข้ามาใกล้แบบไม่กลัว ให้มันได้อย่างนี้ดิ สายรหัสผมเลือดมันข้นยิ่งกว่าน้ำ ใครหยามศักดิ์ศรีมาขอให้บอกพวกเราสู้ไม่ถอยอยู่แล้วครับ

   “ถ้าใช่แล้วจะทำไมคะ” ภูมิคุ้มกันคนหล่อของน้องมินคงเข้าขั้นแม็กซ์สุด เสียงเธอไม่สะดุดให้ไอ้แทนเลยซักนิด หรือน้องสายผมแม่งเกิดมาเพื่ออุทิศตนเป็นสาววายเชียร์ให้ชายได้ชายเท่านั้นกันวะ

   “ก็ไม่อะไรหรอกครับ แค่อยากจะขอบคุณ” ยิ้มบาดใจถูกโปรยใส่ให้น้องน้อย เชื่อเหอะว่าร้อยทั้งร้อยของผู้หญิงที่เจอรอยยิ้มแบบนี้มันต้องมีใจละลายพร้อมทอดกายถวายชีวี แต่พลาดตรงที่ไอ้แทนมันดันมาทำกับน้องรหัสผม เหอะ...ไม่ได้กินน้องมินร็อก!!

   “ขะ...ขอบคุณ เรื่องอะไรคะ” อ้าวเฮ้ยไหนว่าไม่หวั่นไหวทำไมเสียงมีสั่น

   “ขอบคุณที่เอารูปพวกเราไปลงไอจี”

   “!!!”

   “ขอบคุณที่คอยเชียร์อยู่ห่างๆ นะครับ คุณเบลเหมียวเหมียว”

   ว้อท เดอะ ฟ้าคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค!!

   กูถูกหักหลังแม่กระทั่งน้องรหัสเหรอเนี่ย!! ฆ่ากูให้ตายเถอะ คิวกู แอนด์ พลีส เทค มาย โซล โก ทู เดอะ เฮลลลลลลลล

   สาบานว่าต่อไปนี้มีอะไรกูจะไม่ให้หนังสืออะไรนางอีกเลย ฮืออออออออออ

   “ไอ้เดย์” หน้าผมตอนนี้คงโคตรปลงตก เหลือบไปเห็นอะไรพอเป็นไดอิ้งเมสเสจได้ก็คว้ามาแบบไม่ขออนุญาตเจ้าของ ก่อนเขวี้ยงใส่หน้าไอ้เดย์

   “เชี่ยไทม์!! ทำบ้าอะไรวะ”

   “มึง!! หามันให้เจอนะ!!” นิ้วชี้กราดหน้าสั่งไม่สนใจคำค้านใดใดของเพื่อนทั้งสิ้น แล้วเดินสะบัดตูดออกไปเพราะกูไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกแล้ว ความจริงมันโหดร้ายเกินไปสำหรับกู


   “เชี่ย...ปามาได้ แม็ค...เย็บกระดาษ”



TBC

+++++++++++++++++++++++++++++++

ลืมเรื่องสั้นประจำเทศกาลตามคอนเซปต์ตัวเองเลย ปีนี้เลยไม่มีคริสต์มาสอีฟ ฮืออออ
ตามเคยค่ะ ติ และ ชม มาได้เลย คนแต่งรับได้หมด เพื่อการพัฒนา!!


คุณ FeaRes มาคราวนี้จากแข็งเป็นอ่อนปวกเปียกเลยทีเดียว ไม่น้อยใจอีกต่อไปแล้วนะ ทำร้ายนายเอกเราไม่ได้จริมๆ ให้น้องแทนได้ตอดเล็กๆน้อยๆต่อไปถือว่าทำบุญ55

คุณ PNatsita มาแล้วค่ะ!! สองสัปดาห์เร็วกว่าที่คิด

คุณ StarPasO น้ำลายที่ไหลนั้นคืออารั้ยยย5555 ไม่แรงเลยแค่ออนท็อป!!

คุณ Kmiew ขอบคุณมากๆเลยค่ะสำหรับคอมเมนต์ เราดีใจเสียอีกที่มีคนให้ความคิดเห็นเราขนาดนี้ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องแรกจริงๆสำหรับเราค่ะ รู้ดีเลยว่ามีบางครั้งก็แอบขัดใจว่าทำไมแต่งไม่ได้ตามที่คิดนะ พล็อตเรื่องนี้อาจจะวางไว้หลวมมากแบบแทบจะดิ้นได้ เพราะเอาอารมณ์คนเขียนเป็นหลัก แต่จุดหมายปลายทางมีแล้วแน่นอนค่ะ ขอบคุณมากๆจริงๆนะคะ เราจะรอความคิดเห็นเพื่อจะได้ปรับปรุงในตอนต่อๆไป และในเรื่องหน้า(เอ๋ๆๆๆๆจะมีเหรอออ)ต่อไปค่ะ รักนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ StarPasO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ว๊า เสียดายจัง อุ๊บ  :-[ สาบานว่าตอนที่แล้วไม่ได้คิดไปไกลเลย 

แมคไปไหนละเนี่ย ขอให้หาเจอแล้วเคลียปัญหาให้จบนะ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
แถเหลือเกินนนน หมั่นไส้ 5555
กฎน้องเขยหรือสะใภ้ของบ้านเกียรติไพศาล พูดตรงๆได้ ไม่ต้องแถ--- 5555
เอาใจช่วยทั้งคนรุกและคนถูกรุกนะ แต่เอาใจช่วยคนหลังมากกว่า---(?)
รีบๆหาแมคให้เจอน้อ จะได้มาเจอลูก(?) และพี่ไทม์จะได้เป็นสุข?!!

ออฟไลน์ PNatsita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไรท์หายไปไหนนนนนนนนนนนนน

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่ 17 กฎมีไว้แหก รักแรกมีไว้ชื่นชม




   บอกตามตรงผมรู้สึกดีใจนะที่ได้ใช้เวลากับอีกฝ่ายมากขึ้น แต่มันไม่ต้องนานขนาดนี้ก็ได้เปล่าวะ

   สายตาเหลือบไปมองคนที่ขับรถแบบอีเรื่อยเฉื่อยแฉะทั้งที่หออยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยแค่ไม่เท่าไรแท้ๆ แต่มันก็ยัง...ขับไปไม่ถึงสักที

   “ไอ้แทน กูกลับหอชาตินี้นะ”

   “ผมกำลังใช้ความคิดอยู่ อย่าพึ่งขัด” มันพูดจบแล้วหันไปเคาะนิ้วเบาๆตามจังหวะเพลงที่ดังในวิทยุ ความคิดมึงสุนทรีย์มากเลยนะ

   “ให้กูขับแทนมั้ย มึงจะได้ใช้ความคิดได้เต็มที่” ผมเสนอ

   “รถผม ผมขับเองได้” แต่มันไม่สนอง

   “ถ้ามึงหวงขนาดนี้ก็อย่าให้กูขึ้นมานั่งดิวะ”

   “กฎข้อที่หนึ่งว่าไง พี่ลืมแล้วเหรอ”

   กูไม่ลืม แต่กูไม่อยากจำเฟ้ย ผมจิ๊ปากไม่พอใจแล้วหันมานั่งบ่นพึมพำกับตัวเองแบบขัดอะไรไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปหาเรื่องคุยกับมันต่อเพราะผมนั่งจ้องข้างทางมานานเกินจนเอียนแล้วนี่หว่า

   “มึงรู้ตั้งแต่เมื่อไรว่าน้องรหัสกูเป็นคนเดียวกับที่โพสต์รูปพวกเราลงไอจี”

   “แค่เดาเอาน่ะ”

   “ถ้าจะเดาแม่นขนาดนี้ ลาออกไปเป็นหมอดูดีกว่ามั้ย”

   “ให้ผมดูดวงให้พี่มั้ยล่ะ” พูดเสร็จก็เหลือบมามองหน้าผมชั่วครู่ก่อนเอ่ยต่อโดยไม่แม้แต่จะฟังคำตอบ “ดวงความรักกำลังสดใส คนโสดกำลังจะมีคู่”

   “มึงเรียนวิศวะต่อไปเถอะ ท่าจะไม่รุ่ง ทำนายมั่วโคตร”

   “เดี๋ยวดิพี่ ผมยังพูดไม่จบเลย”

   “กูขี้เกียจฟังแล้ว”

   “ก้มมองฝ่าเท้าตัวเองดิ” ผมยกฝ่าตีนที่ใส่เกือกขึ้นดู อ้าวบ้าจี้ตามมันอีก “มีหมากฝรั่งติด” สัดเหยียบเข้าไปตอนไหนวะเนี่ย ทิชชู่ ทิชชู่ แต่...เฮ้ยนี่มันใช่เวลามาดูตีนตัวเองเปล่าวะ

   “ไอ้แทน” ผมหันไปมองหน้ามัน กูด่าไม่ถูกแล้ว

   “ถึงฝ่าเท้าไม่มีไฝ แต่ดวงมีเกณฑ์ย้ายที่อยู่”

   “ย้ายบ้านพ่องดิวะ”

   “บ้านพ่อผมน่ะไม่ย้าย แต่บ้านพี่น่ะกำลังจะย้าย พรุ่งนี้ย้ายมาอยู่ห้องผมนะ ผมเริ่มทำเรื่องไปแล้ว”

   “หา?”

   “วันนี้ก็กลับไปเก็บข้าวของเตรียมย้ายชั่วคราวไว้ ไม่ต้องแบกอะไรมามาก ของๆผมก็เหมือนกับของๆพี่ หยิบใช้ได้ตามสะดวก เสื้อผ้าชุดนอนเอาของผมไปใช้ก่อนก็ได้ ส่วนกางเกงในถ้าไม่รังเกียจอะไรใส่ของผมไป ผมไม่ถือ”

   “แต่กูถือ!!” นี่มันพล่ามเหี้ยอะไรออกไปนอกอวกาศวะ “ไอ้แทน เวลาจะทำอะไรมึงหัดบอกเหตุผลกูก่อนได้มั้ยวะ”

   “เอาเหตุผลจริงหรือเหตุผลที่ผมกุขึ้นมาล่ะ”

   “เหตุผลจริงดิ ใครมันจะบ้าถามเรื่องโกหกกันวะ”

   “ทีผมถามเรื่องน้อง พี่ยังไม่ยอมบอกผมเลย แล้วทำไมผมจะโกหกพี่บ้างไม่ได้ล่ะ”

   ฉึก!! แทงใจดำกูเต็มๆ นี่มึงหาจังหวะกูล้มแล้วกะเหยียบซ้ำกระทืบลงหลุมดำแบบไม่ให้ไปผุดไปเกิดเลยใช่มั้ย

   “ทีนี้ก็รู้รึยัง ว่าการถูกคนปิดบังความจริงมันเป็นยังไง”

   “กูไม่รู้” ผมกัดปากตัวเองเบาๆอย่างทู่ซี้หน้าด้านตอบไปจนได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่าย

   “ทำไมพี่ดื้ออย่างนี้นะ”

   “กูก็มีเหตุผลของกูรึเปล่าวะ”

   “เหตุผลอะไร” โว้ยยังจะถามอีก ก็เหตุผลที่แฟนน้องมึงไม่ได้แค่เลิกกับน้องมึง แต่เล่นหายหัวไปเลยยังไงล่ะวะ    “ยังเงียบอีก”

   “กูขออยู่อย่างสงบๆบ้างไม่ได้หรือไงวะ”

   “ตราบใดที่พี่ยังไม่พูดว่าไอ้บ้านั่นมันเป็นใคร พี่ก็ไม่มีทางสงบหรอก”

   “แล้วถ้ากูบอกไปว่ามันเป็นใครแล้วมึงจะทำยังไง”

   “ถามได้ ก็จะตามไปกระทืบมันอ่ะดิ!!”

   “เชี่ย!!”

   ใครบอกให้มึงกระทืบคันเร่งประกอบฉากฟระเนี่ย!! ทดสอบอัตราเร่งก็ไม่ใช่แต่แผ่นหลังกูนี่เรียบไปกับเบาะเลยครับ จากเต่าเดินดินแม่งวิ่งเป็นรถไฟหัวกระสุนส่วนใจกูก็รุมๆกลัวไอ้แทนมันฆ่าตายกลางทาง

   “พะ...เพราะอย่างนี้ไงกูถึงไม่อยากบอกอ่ะ!!”

   เอี๊ยดดดดดดด

   โง้ยยยคราวนี้เบรคกระชากหน้าแหก อดีตมึงเป็นพนักงานขับรถแฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธหรือไงวะ ออกตัวแต่ครั้งหยุดรถแต่ละทีเล่นลากเอาวิญญาณพี่ไปด้วย พอไอ้แทนมันตบไฟข้างเข้าซ้ายจอดรถปลดเข็มขัดนิรภัยได้เท่านั้นแม่งหมุนตัวพุ่งใส่ผมทันทีเลยครับ

   ตุบ!!

   เสียงหนักๆเน้นๆนั้นไม่ใช่อะไรก็กำปั้นแข็งๆนั่นไงที่ทุบเข้ากับคอนโซล โอ้ยยังดีนะที่ไม่ใช่หน้าผมไม่งั้นแหกจากเบรคแฮปปี้แลนด์กูต้องมาแหกแฮปปี้ดีพร้อมท์เพราะหมัดจากคุณชายสุรบถอีก อย่างนี้เกิดใหม่อีกทีกูจะยังหน้าตาดีครบสามสิบสองประการรึเปล่ายังไม่รู้เลย

   “แล้วอย่างกับว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นพี่ ผมจะไม่กล้าทำอะไรอย่างงั้นน่ะ” ตัวกูนี่ลู่เป็นทิชชู่เปียกเรียบไปกับประตูเลยครับ รู้แล้วครับว่ามึงกล้ากูไม่ได้ท้ามึงซะหน่อย

   “มะ...มึงจะทำอะไร จะต่อยกูเหรอ” อย่างน้อยกูขอเบาๆเอาแบบมดกัดได้มั้ย แต่แทนที่จะเป็นหมัดลอยหวือมาใส่กลับเป็นการถอนหายใจของใครบางคน

   “เห็นผมเป็นคนยังไงฮะ”

   “...” อึ่ก...อย่าถาม กูไม่กล้าตอบ

   “ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”

   สัด กูเผลอพยักหน้า ก็มึงบอกว่าจะตามไปกระทืบไอ้แม็คหนิ

   “นี่แรมพี่ต่ำหรือความจำสั้นกันแน่เนี่ย ที่ผมพูดไปเนี่ยมันไม่ซึมลงไปประสาทส่วนไหนเลยเหรอ”

   ด่ากูโง่ไปเถอะ ณ จุดๆนี้ผมยอมอ่ะ เจ็บใจดีกว่าเจ็บตัวว่ะ

   “ผมจะใช้ความรุนแรงไปเพื่ออะไร อย่างนี้น่ะ...ให้จูบดีกว่าเป็นไหนไหน” เสียงท้ายประโยคฟังดูกระเส่าแบบแปลกๆ ผมกระชากสติที่มีหันไปมองหน้าหล่อที่อยู่ใกล้พลางทำตาโตใส่ เช้ดดดดอย่าบอกนะว่า...

   “มึง...”

   “...”

   “มึงจะตามไปจูบแฟนน้องฟ้าเนี่ยนะ!!” จูบไอ้เชี่ยแม็คเหรอวะ!! สัดเอ๊ยยยยยย

   “โธ่เว้ย จะซื่อบื้อไปถึงไหนวะเนี่ย!! ไม่จูบใครที่ไหนทั้งนั้นแหละ จูบคนตรงหน้าผมเนี่ย​!!”

   “!!!” เกรี้ยวกราด ชาติชั่ว แต่ไม่มั่วผู้หญิง คือคุณสุรบถ แห่งบ้านเกียรติไพศาลนี่แหละครับ ริมฝีปากแห้งๆที่ไม่ได้ดื่มน้ำมาตลอดระยะทางที่คุณชายมันขับรถเกียร์เต่าคลานเชื่องช้านำพาไปถึงหอ โดนหล่อเลี้ยงด้วยลิปกลอสที่อีกฝ่ายทาทิ้งไว้ให้ริมฝีปากบางเฉียบฉ่ำน้ำดูน่าจูบ จมูกโด่งสันปัดผ่านจมูกผมเอียงองศาแม่นเหมาะฝังลงโหนกแก้มใส ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่สูดเข้าราวกับกำลังดอมดมกลิ่นหอม จากที่ตกใจ...ทำไมจู่ๆผมถึงรู้สึกเคลิ้มวะ เฮ้ยไม่ใช่ดิ ผมต้องหยุดเรื่องนี้

   เพราะที่มันแคบมากเลยทำได้แค่หันหัวไปอีกทางหลบเลี่ยงจุมพิตที่อีกฝ่ายมอบมาให้ หลังจากนั้นจะอะไรซะอีกล่ะครับ ซอกคอผมสิที่โดนมันสูดแทน!! เสียวจนขนลุกเกรียวไปทั่วร่าง เสียงจุ๊บๆปนความเปียกชื้นกับแรงดูดผิวเนื้อสร้างความรู้สึกจั๊กจี้ ผมกำลังจะประสาทเสียเพราะรับมือกับสติของตนเองไม่ได้ มือซ้ายยกไปผลักไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ส่วนมือขวาก็ไล้ลงบังเป้าตัวเอง

   “ปะ...ปล่อยกูไอ้แทน...”

   “ก็ได้”

   พรึ่บ

   หา? เมื่อกี้กูฝันไปเปล่าวะ ปล่อยกูง่ายๆอย่างนี้เลย มันหันไปใส่เกียร์เหยียบคันเร่งเคลื่อนรถไปข้างหน้าสบายใจเฉิบ ปล่อยให้ผมใจเต้นโครมคราม หายใจหอบถี่ นั่งตัวลีบติดประตูอย่างกับอยู่ในรถไฟชั่วโมงเร่งด่วนคนเดียว พอจิตเริ่มนิ่งผมจึงลุกขึ้นมาจัดเสื้อแสงมองอย่างระแวดระวังแล้วยกหลังมือขึ้นถูริมฝีปากแรงๆอยู่หลายที...เชี่ย...

   ...ใจเต้นแรงฉิบหาย...

   “ใจเต้นแรงชะมัด” หันไปตามเสียงจนคอแทบหลุด ไอ้แทนมันพูดสิ่งที่ผมคิดออกมา ใบหน้าด้านข้างเผยให้เห็นความขัดเขินเล็กๆที่เจ้าตัวต้องยกหลังมือขึ้นเกลี่ยนิ้วชี้เบาๆเข้ากับกลีบปากได้รูป ถ้ากูเป็นแฟนคลับมึงกูจะถ่ายมุมนี้เก็บไปทำคอลเลคชั่นแล้วโพสต์ลงโซเชียลใส่แฮชแท็กเล็กๆว่า #เขินวันละนิดจิตสั่นไหว โง้ยยย กูจะบ้า คิดไรวะเนี่ย

   “พี่ไทม์”

   “!!!” ผมสะดุ้ง รีบจ้องเสี้ยวหน้าของคนด้านข้างอย่างหวาดๆทันที

   “ผมจีบพี่อยู่”

   “...”

   “หัดรับรู้ข้อนี้ไว้ด้วย”

   “...”

   “แล้วใครหน้าไหนมันจะไปบ้าต่อยคนที่ชอบได้บ้างล่ะพี่”

   “คนอย่่างมึงไง” ปากไว นี่แหนะ ตีปากแป๊บ ปากไม่รักดีวอนตีนไอ้แทนเข้าให้แล้วไง

   “ผมไม่ต่อยพี่หรอก มีแต่จะหงุดหงิดมากกว่า ไม่รู้ว่าคิดบ้าอะไร มัวแต่ปิดบังเรื่องคนรักของยัยฟ้าอยู่ได้ แต่ถึงยังไงคนเป็นพี่ชายอย่างผมก็ต้องตามหาตัวไอ้บ้านั่นให้ได้อยู่แล้วล่ะ พี่คงรู้นะว่าผม...ปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้จริงๆ” สองมือแกร่งกระชับพวงมาลัยมากขึ้นตอนพูดมาถึงท้ายประโยค

   “...”

   “ผมยอมรับว่าเรื่องนี้ฟ้าก็มีส่วนผิด ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ใครมันก็รู้ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ผมจะไม่โทษใครและผมจะให้ความสำคัญกับเรื่องที่อยู่ตรงหน้า ต่อให้พ่อของเด็กมันไม่ยอมรับฟ้ากับลูกก็ตาม”

   จบประโยคความรู้สึกผิดมันจุกขึ้นในอก มึงอย่าพึ่งสันนิษฐานไปมั่วๆอย่างนั้นดิวะไอ้หมอดูไม่แม่น ไอ้แม็คมันก็แค่เข้าใจผิดเรื่องมึงกับน้องฟ้าเท่านั้นแหละ ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าไม่ยอมรับลูกตัวเอง ผมไม่ได้ยินอะไรจากเพื่อนผมมาหรอก แต่ผมยังอยากจะเชื่อว่าอย่างนั้น เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างถ้าเป็นตามที่ไอ้เดย์บอกแม็คมันก็แค่เข้าใจผิดว่ารักร้าวจนประกาศเลิกกับน้องฟ้าก็แค่นั้น ตอนนี้มันอาจจะกำลังไปทะเลหาที่พักใจสไตล์คนอกหัก หรือเข้าป่าเพราะเหนื่อยล้าไม่อยากเจอคนใจร้ายอย่างน้องฟ้าก็เป็นได้

   ...แล้วทำไมมันต้องลาออกด้วยวะ...

   ผมสะบัดหัวไล่ความคิดแง่ลบออกไป ไอ้แทนยังคงขับรถเรียบเรื่อยของมันแต่เบื้องหลังคงจมจ่ออยู่ในห้วงความคิดเช่นเดียวกับผม

   “ไอ้แทน” ผมเรียกชื่อมันเบาๆ พี่ชายตัวดีของน้องฟ้าผินหน้ามาทางผมพลางขมวดคิ้วก่อนหันกลับไปมองถนนต่อ

   “ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นก็ได้พี่”

   “...”

   “คนที่ใกล้ชิดฟ้ามากที่สุดในบ้านก็คือผม ผมผิดเองแหละที่ไม่สอนน้องให้ดี ท้องไม่พร้อมมันไม่ได้มีผลแค่ตัวคนเป็นแม่ แต่มันจะมีผลไปถึงอนาคตของเด็กคนนึงด้วย ผมเลยแค่...อยากทำหน้าที่ของพี่ชายให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”

   “...”

   “แต่ตอนนี้...”

   “...”

   “ผมขอกำลังใจเป็นพี่จะได้มั้ย” มือข้างซ้ายของมันเอื้อมคว้ามือของผมเข้าไปกุมแน่น ส่วนผมก็เผลอกระชับตอบกลับตามสัญชาตญาณ แม่งมือนี้แหละที่ผมโคตรอยากจะจับ อยากจะให้มันโยกหัวผมเหมือนอย่างที่เคยทำ ไม่ใช่แค่ให้มึงมากุมกอบปลอบตอนเศร้าอย่างนี้ ทางที่ดีผมควรจะรีบหาตัวไอ้แม็คให้เจอ และต่อให้ไม่เจอ


   ...ผมก็พร้อมที่จะรับผิดชอบต่อสิ่งที่ผมกระทำ...







   ในที่สุดไอ้หัวกระสุนก็นำพาผมมาถึงหอได้สำเร็จ ไอ้แทนมันสามารถขับรถโดยกุมมือผมไว้ตลอดทาง แถมใช้ต่างอาวุธในการฉุดเกียร์เข้าโหมดจอดแล้วพลิกนิ้วมากอบกุมไว้อย่างเต็มมือเสียอีก

   ทำไมผมถึงรู้สึกร้อนๆตรงหลังมือที่มันลูบเล่นอยู่นั่นล่ะวะ กูสงสัย

   “สากพอมะ” ขอโทษครับที่ไปกระชากสติซึ่งดูเหมือนอยู่ในภวังค์ให้คุณมึงถึงกับต้องหันมามอง สายตาคมแฝงแววแปลกจนผมเอะใจ

   “ไม่รู้ดิ เหงื่อพี่แตกจนเหนียวมือไปหมด ตื่นเต้นเหรอ” คุณชายสุรบถยกยิ้มขี้เล่นใส่ แต่ใจกูกลับเหลวเป็นขี้เลยครับงานนี้ เชี่ยโว้ยยยยยยเป็นอะไรวะฮะชลธี หน้ากูจะร้อนแทนมือแล้ว สติ สติ

   “เออกูตื่นเต้น ในที่สุดก็กลับถึงหอแล้ว เย่” ยกมือยกไม้ข้างที่เหลือประกอบฉากแต่น้ำเสียงกูขึ้นมาแบบโทนเดียวโหลดเตี้ยเรี่ยไปกับพื้นเลยครับ

   “ดีใจเป็นเด็กๆไปได้”

   “สัด มึงเข้าใจมั้ยว่ากูประชด มีอย่างที่ไหนออกมาตอนหกโมงถึงหอตอนทุ่มครึ่ง มหาลัยกูอยู่ในประเทศไทยนะ ไม่ได้ไปเช้าเย็นกลับอ๊อกฟอร์ด เคมบริดจ์ บริติสคัลซิล อย่างนี้สู้กูเปลี่ยนเป็นไปกลับบ้านไม่ต้องค้างหอจะดีกว่ามั้ย”

   “ก็ถึงได้บอกไงว่าให้ย้ายมาอยู่ห้องผม” โง้ยยยยยไอ้นี่ จะโฆษณาแต่ละทีทำอย่างกับหอมึงติดสถานีบีทีเอสทางสะดวกใกล้ห้างราคาเริ่มต้นที่หนึ่งล้านเศษๆ ได้ข่าวว่าหอมึงแม่งก็หอเดียวกับกูเถอะ ต่างกันแค่มันอยู่คนละตึกเท่านั้นแหละเฟ้ย

   “ย้ายไปห้องมึงแล้วมันเร็วขึ้นตรงไหน” กูไม่เข้าใจ กูควายล้วนไม่มีวัวผสม ถ้าจะเอาให้ดีมึงเอาพิมพ์เขียวมายันเลยนะว่าระยะทางจากห้องมึงยาวไปจนถึงวงกบอาคารเรียนรวมทั้งสี่มันห่างไกลสิริรวมทั้งหมดกี่กิโลเมตร กูจะได้เชื่อทฤษฎีมึง

   “เร็วกว่าอยู่แล้ว เพราะมีผมอยู่”

   “...” อึ้งไปดิครับ แบบเหมือนเจอคนรู้จักเดินสวนมา พอถามว่าจะไปไหน แต่แม่งเสือกตอบกลับอย่างไว ว่าไม่เป็นไรกูสบายดี!! แถมคราวนี้เดือนวิศวะมันไม่ขยายความให้กูประเทืองปัญญาเลยสักนิด ถามเสร็จมันปิดประเด็นด้วยการเงียบปล่อยให้กูนั่งเทียนเหตุผลมันต่อ “ถ้ากูตื่นสายมึงจะมาคอยบอกว่า เอ๋วิ่งดิเอ๋เหรอวะ” ดีน่ากาบามีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง แต่ถามกูก่อนว่าตอนนี้กูมีสมองให้ใช้รึเปล่า

   “พูดอะไรของพี่น่ะ ผมหมายถึง...พี่กำลังจะได้อยู่กับคนหล่อต่างหาก”

   “...” วันนี้กูมาเพื่อทำแฮตทริกแดกจุด!!

   “เมื่อเช้าผมฟังวิทยุ ดีเจเขาเอาผลการวิจัยนึงมาเล่าให้ฟังว่าถ้าสาวๆได้ทำอะไรร่วมกันกับคนหล่อประสิทธิภาพในการทำงานจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า”

   ผมอยากเปิดกระโหลกนักวิทยาศาสตร์พวกนั้นมาดูจัง ว่ามันใช้อะไรมาคิดค้นงานวิจัยพวกนี้วะ

   “อ้าวหรือว่าผมไม่หล่อ”

   จ๊ะ มึงหล่อกูยอมรับ ถ้าบอกมึงไม่หล่อจะเป็นการหักหลังคนหน้าตาธรรมดาอีกหลายพันล้านคนให้เกณฑ์ดิ่งตกเหวเข้าไปอีก และที่น่าเศร้าก็คือ...กูก็เป็นหนึ่งในนั้น

   “อีกอย่างถ้าอยู่กับผม ตื่นสายผมก็คอยปลุก ไม่มีรถผมก็คอยไปส่ง หิวข้าวก็มีคนกินเป็นเพื่อน ไม่สบายป่วยไข้ก็มีคนคอยเฝ้าให้ ทำการบ้านไม่ไหวผมก็ช่วยสอน พี่มีแต่ได้กับได้” งานเสนอขายต้องมา ไอ้แทนฟูลออฟชั่นหากโทรมาภายในห้านาทีนี้คุณจะได้รับหุ่นเซี๊ยะๆของมันไปนอนกอดตลอดคืน

   “เรื่องพวกนั้นกูทำเองได้เปล่าวะ”

   “แต่มันจะดีขึ้นถ้ามีผม”

   “...”

   “แล้วพี่ก็คงไม่มีสิทธิ์คัดค้าน เพราะพี่ต้องทำตามกฎที่ข้อสอง”


[มีต่อด้านล่างค่ะ]

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1

   “แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว...”

   เฮ้ยเดี๋ยวก่อน...นี่กูทำอะไรอยู่วะเนี่ย...

   กระเป๋าสะพายข้างถูกเทพลิกคว่ำเป็นครั้งที่สิบ

   ตั้งแต่ผมกลับเข้ามาในห้องได้ร่างกายมันก็เหมือนถูกสั่งการอัตโนมัติให้คว้าจับหยิบของนู่นนั่นนี่มาไว้กลางเตียงไล่เรียงจากเช็คลิสต์สิ่งที่จำเป็นในการชีวิตประจำวัน แต่เมื่อกี้ผมไม่ได้รับปากไอ้เดือนวิศวะนั่นว่าจะย้ายไปอยู่หอมันซะหน่อย คิดได้สองตีนก็ยันลุกขึ้นจากที่นอนเดินลิ่วหมายมั่นจะไปหาของกินลงท้องที่เริ่มร้องประท้วง แต่แล้วสายตากลับสะดุดไปเห็นกองผ้ายืดชิ้นน้อยที่ใส่จนพูนตะกร้าโผล่ออกมาให้เห็น

   “จริงด้วยดิ กางเกงใน” ขาก้าวเปลี่ยนทิศแทบจะในทันที จนกระทั่งหยิบไอ้ผ้ายืดสีเทาขึ้นมาไว้กับมือเนี่ยแหละ ถึงได้รู้ตัวว่า...

   “โว้ยยยยยยยเอาอีกแล้วกู” ใจจดจ่อจะไปหาไอ้แทนอยู่ได้ ทำไมมึงยอมมันง่ายอย่างนี้วะ สองมือกำขยำกางเกงลิงชิมแปนซีไปมาอย่างเหลืออดพลางย่อเข่าคู้ลงต่ำอย่างหมดเรี่ยวแรง ผ้ายืดสีเทาสามตัวร้อยที่ซื้อเหมาโหลมาจากห้างแถวมหาวิทยาลัยถูกยกขึ้นปิดครึ่งหน้าราวกับพยายามหนีจากความอาย กลิ่นกำจายของน้ำยาปรับผ้านุ่มซึมเข้าลมหายใจทุกอณู ผมไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะเป็นยังไง ถ้าผมเคลียร์เรื่องไอ้แม็คได้แล้วไอ้แทนจะไปกับผมต่อแบบไหน ไม่มีใครรู้เลย แต่ก่อนที่จะคิดไปถึงเรื่องอนาคตผมควรจัดการกับเรื่องตรงหน้าเสียก่อน

   จัดการคืนชิมแปนซีสู่ป่าลุกขึ้นยืนล้วงมือถือออกมากะจะพิมพ์ข้อความหาเพื่อน แต่ทว่าผมกลับเจอข้อความแจ้งเตือนขึ้นมานับสิบจากแอพที่คุณก็รู้ว่าใคร

   เวรแล้ว...ผมสังหรณ์ใจแปลกๆว่ะ

   จิ้มไอคอนรูปกล้องเข้าไปดูอย่างหวาดหวั่น

   เช้ดดดดด กูว่าแล้วไงนั่น ทำไมกูไม่ฝันเห็นญาณทิพย์ตอนทำข้อสอบวิชาสถิติปีหนึ่งวะ จะช่วยกูได้มากเลย

   ภาพผมกับไอ้สุดหล่อประจำลานเกียร์และเพื่อนสนิทอย่างไอ้เดย์ สามคนอยู่เฟรมเดียวกันในสภาพที่ไอ้แทนจับข้อมือผมส่วนผมก็จับต้นแขนไอ้เดย์ เท่สัดอย่างกับเล่นชักเย่อ!! ส่วนแคปชั่นใต้ภาพก็


   Bell meaw meaw รักสามเส้า เราสามคน ฮืองานนี้อยากเชียร์พี่เดย์ แต่ใจกลับเทให้แทนไทม์


   แค่คิดว่าคนโพสต์จุดใต้ตำตอเป็นยัยมินน้องสายสุดเลิฟ ผมแทบจะอยากปาโทรศัพท์ทิ้ง

   ติ๊ง!!

   ยัง ยังไม่หยุด คอมเมนต์ตามมาเป็นพรวนจนมือถือกูรวนเลยครับ ว่าแล้วก็...

   กระทืบไลค์ประชดแม่งเลย
   ♡

   เสร็จก็ปิดแอพฉับมาส่งข้อความหาเพื่อนตามที่ตั้งใจไว้

Time Chonlatee
เชี่ยเดย์
ได้ความว่าไงบ้าง มึงสืบไปถึงไหนแล้ว


   เคยมีมั้ยตอนที่อยากให้ใครรีบอ่านแต่รอแล้วรอเล่ามันก็ไม่ยอมReadทั้งที่ผ่านมาไม่กี่วินาทีแท้ ตอนนี้ผมใจร้อนบอกได้เลยคำเดียวว่าอยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบไวไว ไม่อยากให้พี่ชายของน้องฟ้าต้องมาทำหน้าเครียดแบบนั้นอีกแล้ว

   คิดไปคิดมาผมไม่อยากกินแรงเพื่อนเลยกดออกหาเบอร์ประจำ เบอร์ที่ผมไล่เฝ้าโทรหามันทุกวันยิ่งกว่าตอนทวงตังค์เพื่อนเสียอีก

   [หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้]

   หมดหวังแล้วล่ะมั้ง กับการภาวนาให้ไอ้แม็คมันเปิดมือถือขึ้นมาเพื่อรับสาย หรือผมควรจะไปประกาศตามหาในพันธ์ทิพย์ดีวะ แต่ถ้ามันลาออกไปจริงอย่างที่อาจารย์ว่า อย่างน้อยมันก็น่าจะมาทำธุระแถวมหาวิทยาลัย...

   จริงด้วย!!อย่างน้อยมันก็น่ามาทำธุระแถวสำนักทะเบียนดิวะ!!






   “แต่มึงจะโดดเรียนไปดักเฝ้ามันทุกวันไม่ได้”

   สายตาเหลือบมองคนที่อยู่ๆก็เหมือนผีเรียนเข้าสิงอย่างกังขาว่าวันนี้มันมาไม้ไหน หลังจากที่ผมเล่าความเป็นไปทั้งหมดให้เพื่อนซี้ของผมฟัง

   “ปกติมึงไม่เคยค้านแบบนี้นี่หว่า มีแต่จะยกมือว่าเห็นด้วย อย่างตอนวันนั้นแค่กูหยุดไปหนึ่งวันมึงยังงอนที่ไม่ยอมชวนโดดด้วยเลย” ไอ้เดย์มันหยิบหนังสือจากกระเป๋าวางลงโต๊ะสโลปแบบลวกๆ ดูรักอุปกรณ์การเรียนมากจนผมแม่งแทบไม่อยากเชื่อถือคำพูดมันที่บอกว่าต้องเข้าเรียนทุกวันห้ามโดดเลย มันพาดแขนลงกับโต๊ะใช้นิ้วกรีดมุมหนังสือไปมาก่อนหันมาทำสีหน้าจริงจังใส่ผม

   “กูบอกไม่ได้ก็ไม่ได้”

   “เอ๊ะ มึงนี่ยังไง ห้ามกูอยู่ได้”

   “มึงรู้เหรอว่ามันจะมาเมื่อไร” ผมส่ายหัว

   “กูไม่รู้ แต่ไม่ลองทำดูจะรู้ได้ไง ไม่แน่กูอาจจะดวงดีบังเอิญไปเจอมันเข้าก็ได้”

   “มึงไม่ดวงดีหรอกกูบอกได้เลย”

   “ทำไมช่วงนี้ชอบมีคนทำนายชะตาให้กูจังวะ มาจากแม่หมอสำนักไหน อย่าสักแต่บอกว่าทำอย่างงั้นอย่างนี้มันไม่เหมาะมึงช่วยบอกวิธีสะเดาะเคราะห์ให้กูด้วย”

   “เปล่า คนที่มีเคราะห์น่ะไม่ใช่มึงหรอก” น้ำเสียงมาอย่างสะพรึงอื้ออึงราวกับหนังสยองขวัญ กะอีแค่กูจะไปดักไอ้แม็คที่สำนักทะเบียนเท่านั่นอ่ะนะ จะไปทำใครถึงตายได้วะ

   “มึงทำอย่างกับถ้าไปแล้วดวงใครจะถึงฆาตอย่างนั้นแหละ”

   “ก็เออดิวะ ดวงกูเนี่ยแหละจะถึงฆาตเพราะเวลาเข้าเรียนกูจะไม่พออยู่แล้วเนี่ย!!”

   ไอ้ฟายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

   กะโหลกกะลาแม่งหนายิ่งกว่าหน้ามันอีก เข้าเรียนแต่ละทีไม่เคยปรึกษาแต่พอทีกูจะโดดมีหน้ามาขวาง ผมแทบจะปายางลบใส่มันเป็นรอบที่ห้าของวัน สมองมีก็หัดใช้ซะมั่งว่ากูไม่ได้กำลังชวนมึงอยู่

   “กูไปคนเดียวได้เว้ย มึงไม่ต้องไป”

   “เฮ้ยได้ไง กูทิ้งให้มึงลำบากคนเดียวไม่ได้หรอก” โอ๊ยกูซึ้งหม้อนึ่งกะละมังไห บอกมาตามตรงเลยดีกว่าว่ามึงก็อยากโดดวิชาศราวุธหน่ะ!!

   “กะอีแค่ไปสำนักทะเบียนมันลำบากตรงไหนวะ”

   “ถ้าไม่อยากไปขนาดนั้น ผมไปเป็นเพื่อนพี่ไทม์ให้ก็ได้นะ”

   “!!!”

   ผีหลอกกลางวันสตั๊นไปสามวิฯ

   “อะ...ไอ้เดย์” เมื่อกี้มึงได้ยินเสียงไรป่ะ ประโยคท้ายลอยหายไปเลยหายไปในอากาศลอยไปกับสายลมไปสู่...ความสิ้นหวัง ก็ดูหน้าเพื่อนผมดิครับ บ่งอาการแปลกที่ผมแทบไม่อยากจะจินตนาการตาม แผ่นหลังกูมีอะไร เดอะริง จูออน ผีหลอกวิญญาณหลอน หรือลัดดาแลนด์ ที่รู้แน่คือพลังงานบางอย่างแผ่กระจายเข้ามาจนทุกคนมองกูเป็นตาเดียว

   เสียงซุบซิบปนวี้ดว้ายคล้ายโดนของจากสาวๆเพื่อนร่วมเซคเรียน เร่งให้ผมรีบคว้าเป้ที่พาดข้างกระเด้งตัวลุกขึ้นตามสัญชาตญาณ ตราบใดที่ซินเดอรล่าไม่ได้เก็บรองเท้าแก้วแล้วไซร้ มึงก็อย่าหันหลังกลับไปเด็ดขาดนะไอ้ไทม์!!

   ที่เหลือก็วิ่งดิครับจะรออะไร!! เอ๋วิ่งดิเอ๋วิ่ง มันเป็นจริงก็คราวนี้!!

   “เฮ้ยพี่ไทม์ หนังสือ” เสียงหล่อดังแว่วมาด้านหลัง มีเหรอที่ผมจะรอหยุดฟังมันฝันไปเหอะ แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์มันอยู่ตรงหน้าผมรีบคว้าประตูกระชากเปิดออก ในขณะที่กำลังจะก้าวเท้าออกไปนั้นจู่ๆก็...

   “จะไปไหนนักศึกษา ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว”

   เหยดครก ศราวุธ!!

   เป็นการเลือกที่ยากที่สุดตั้งแต่เกิดมาในชีวิต ระหว่างเอฟวิชาอังกฤษกับไปนั่งปวดบิดข้างไอ้แทน...





   “พี่ไทม์”

   “...”

   “พี่ไทม์”

   “...”

   แปะ

   “เชี่ยแทนทำไรกู!!”

   “นักศึกษาตรงนั้นเงียบหน่อย”

   อุ่ก...อุตส่าห์แกล้งทำหูทวนลมไม่สนใจ เพราะไม่รู้ว่าจะแถไปทางไหนหากอีกฝ่ายถามขึ้นมาว่าผมจะไปทำห่าอะไรที่สำนักทะเบียน แต่สุดท้ายไอ้แทนมันก็เรียกร้องความสนใจด้วยการเอาอะไรมาติดที่คอผม มือข้างขวาสัมผัสได้ถึงความหยาบของแผ่นสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กซึ่งใช้นิ้วเขี่ยจับแตะอย่างไรก็ไม่ออก พลาสเตอร์? ไม่ใช่หรอกมันต้องเป็นเครื่องส่งสัญญาณติดตามตัวแน่ๆ ผมรู้...ผมดูโคนันมา

   “มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย” พยายามใช้เล็บนิ้วชี้กลางล้วงแคะแกะเกาสุดท้ายก็โดนตีที่มือเบาๆเข้าให้

   “อย่าแกะ”

   “แล้วมึงเอามาแปะกูทำไม”

   “มันเป็นรอย”

   “รอยอะไร”

   “เห็นชัดเกินไป” แม่งไม่ยอมตอบผม

   “ปูเป้ ขอยืมกระจกหน่อย” ผมเอิี้ยวตัวไปคว้ากระจกขนาดพอดีหน้าของเพื่อนรวมเซคที่ต่างคนต่างรู้ว่ามันพกตั้งโต๊ะไว้เป็นประจำเพื่อเติมเครื่องสำอางค์ ไม่ต่างอะไรกับกระจกหกเหลี่ยมที่แขวนหน้าบ้านซักเท่าไร พอได้มาไว้ในมือก็จับยกขึ้นเสมอคอชำเลืองมองลงต่ำ พลาสเตอร์ยาแบบผ้าถูกแปะไว้อย่างเหมาะเหม็งตรงจุดที่ผมพึ่งสัมผัสไป

   แล้วจะรออะไรล่ะครับ กระชากมันออกดิถามได้

   “เฮ้ยพี่” ไอ้แทนมันลุกลี้ลุกลนประท้วงจนผมสงสัย กูเป็นขี้กากหรือไงถึงได้กลัวขนาดนี้ หากสิ่งที่ปรากฏสะท้อนเงากระจกกลับเป็นรอยจ้ำสีม่วงปื้นหนึ่งซึ่งผมไม่รู้ที่มาที่ไป

   ...รอยช้ำนี้ท่านได้แต่ใดมา แทนสุรบถถึงให้พลาสเตอร์ยาท่านได้ กระแทกสิ่งใดมาวานบอก เราซุ่มซ่ามขนาดนั้นหรือไซร้ ถึงได้เจ็บตัว...

   งานนี้ศรีปราชญ์ก็มา ผมเสียเวลานั่งคิดกลอนอยู่นาน เฮ้ยไม่ใช่ดิ เสียเวลานั่งคิดสิ่งที่ผมทำไปอยู่นาน เมื่อวานก็ไม่ได้ทำอะไรมัวแต่จัดกระเป๋าชักเข้าชักออกจนนอนดึก พอตื่นมาอีกทีนาฬิกาก็ปลุกเข้าเป็นรอบที่สิบห้า ต้องรีบกุลีกุจอออกมาจากหอ ระหว่างทางก็ไม่ได้ประสบอุบัติเหตุกระแทกกระทั้นอะไร แล้วมันมีรอยช้ำตรงนี้ได้ไงวะ

   “หรือกูแพ้อะไร”

   “ติดกลับไปอย่างเดิมเนี่ยแหละ” เศษพลาสเตอร์ยาเน่าๆที่ผมกำไว้ ถูกฉวยไปจากมือแล้วคลี่ออก ความพยายามรอบที่สองในการบังคับติดพลาสเตอร์หลังคอปิดทองหลังพระจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง ผมพยายามหลบมือมันแต่พื้นที่ดันไม่อำนวย แผ่นหลังที่ถอยเกินความจำเป็นจึงไปกระแทกกับไอ้เดย์เข้าอย่างจังจนของที่อยู่ในมือเพื่อนผมมันตกพื้น

   “เชี่ยพวกมึงเล่นอะไรกันวะ” ไอ้เดย์หันมาเอ็ดผม

   “ก็ไอ้เชี่ยแทนนี่ดิ จะเอาพลาสเตอร์ยามาแปะคอกูอยู่ได้ กูถามว่ากูแพ้อะไรก็ไม่ยอมตอบ”

   “มึงแพ้เองทำไมไม่ถามตัวมึงเองวะ ไอ้แทนมันจะรู้ได้ไง...”

   เออแฮะ...วันนี้เพื่อนผมมันฉลาด ถ้าแพ้จริงไอ้แทนมันจะรู้ได้ไง ผมนี่โง่ถามอะไรไปเนี่ย

   “แพ้น้ำลายผมเอง” ไอ้หล่อหลุดโพล่งขึ้นมาท่ามกลางบทสนทนาของผมกับเพื่อน ไอ้เดย์ที่ได้ยินถึงกับขั้นต้องเอียงถามด้วยความสงสัย

   “น้ำลายมึง”

   “เมื่อวานผมเผลอดูดแรงไปหน่อย ไม่คิดว่าจะขึ้นเป็นรอยค้างนานขนาดนี้”

   “...!!!”

   “เอาพลาสเตอร์ยาติดไปก่อนเถอะนะผมขอ ไม่อยากให้คนมองไปมากกว่านี้แล้ว”

   “!!!”

   แกร่ก!!

   เสียงปากกากับดินสอของคนรอบข้างพร้อมใจกันร่วงตกโต๊ะไปตามๆกัน

   อุต๊ะ...ตกใจว่ะ

   ณ จุดๆนี้อยากใส่ซับนรกใต้ใบหน้าผู้หญิงที่นั่งถัดไปทางขวาไอ้แทนเสียจริง ยัยนี่มันแอบฟังมาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ยยยยยยย!! มีตีเนียนหยิบปากกาขึ้นมาทำท่าเขียนแต่มือขวานี่กดมือถือยิกยิกเลยครับ พอเห็นสายตาผมเท่านั้นแหละถึงกับพูดว่า...

   “ระ...เราลืมเอาเครื่องคิดเลขมาน่ะ”

   กูเชื่อก็บ้าแล้วไอ้สัด นี่มันวิชาภาษาอังกฤษ!! เมิงจะเอาเครื่องคิดเลขมาผันเวิร์บหรือไง ฟายที่ไหนมันจะเชื่อ แต่แทนที่จะลุกขึ้นไปกระชากมือถือของหล่อนแล้วหักมันสองท่อนคามือ ผมควรจะเคลียร์กับคนที่อยู่ตรงหน้าเสียก่อน

   “เฮ้ ดู๊ด นายพูดเรื่องอะไรเพื่อนไม่เข้าใจ” แกล้งทำเป็นฮาพูดภาษาไทยสำเนียงต่างด้าวไปก่อน เผื่อจะได้กลับลำเนียนๆไปว่าเพื่อนผมมันล้อเล่นได้

   “คิสมาร์กที่คอพี่ฝีมือผมเอง”

   “ไอ้สัด มึงจะพูดออกมาทำไมวะ” ผมกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้พลางกระซิบด่าทั้งที่อยากโวยวายแทบตาย

   “ก็พี่ถามผม”

   “อย่ามาโทษกู เพราะมึงนั่นแหละเสือกทำทำไม มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย” งานนี้ถ้าศราวุธออกไมค์มีหวังเป็นเรื่องผมเลยต้องพูดเสียงเบาเท่าเข็มตกพื้นต่อไป

   “กลับแน่ แต่ผมแค่จะมาถามพี่ว่าพี่กำลังจะไปไหน”

   “จะไปไหนมันก็เรื่องของกู”

   “ไปสำนักทะเบียนใช่มั้ย”

   “...” ปากเนี่ยยิ่งกว่าน้ำท่วมครั้งใหญ่อุทกภัยปีสองห้าห้าสี่อีก ผมหุบปากฉับทำตาโตสู้ใบหน้าหล่อๆไม่ตอบโต้อะไร

   “ให้ผมไปส่งนะ แล้วกลับหอพร้อมกัน”

   “ไอ้ไทม์มันจะไปกับกู” จู่ๆเสียงหล่อรองจากไอ้แทนก็ดังแว่วมาจากทางซ้าย ผมรีบหันควับไปมองหน้าผู้ช่วยชีวิตใกล้ตัวผมอย่างไอ้เดย์ มึงมาได้ถูกจังหวะถูกเวลามาก โอ๊ยยยยยยยกูรักมึง

   “พี่เดย์ไม่สะดวกไม่ใช่เหรอครับ” ไอ้แทนมันกระดกคิ้วถามอย่างสงสัย

   “กูสะดวกเสมอสำหรับไอ้ไทม์” โดยไม่รอช้าเพื่อนผมมันแสดงภาพประกอบคำอธิบายด้วยการผายมือมาจับไหล่ดึงผมเข้าไปในอ้อมกอด และมือเดียวกันนั้นก็ขยับมาจับพลาสเตอร์ที่คอผมดึงออกอย่างแรง

   เชี่ยเจ็บสัด!! จะทำอะไรมึงบอกกูก่อนดิวะ

   “อย่าคิดจะแตะต้องของๆใครง่ายๆ ที่กูยอมมาขนาดนี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว”


   เพื่อนผมแม่ง...เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ครับ

TBC
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


สองเดือนกับการไปค้นหาตัวเอง
และวันป่วยๆท้องเสียถึงสองระลอกที่คงไม่ถึงกับโรต้าไม่งั้นคงได้นอนรพ.
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ที่ผ่านมา แม้แค่เป็นหนึ่งคอมก็มีค่าเสมอสำหรับไรท์
และกำลังใจที่ขาดไม่ได้จากยอดรี้ดและยอมเฟ้บ
และเพื่อนๆที่ทนฟังการบ่นว่า อยากรีไรท์เหลือเกิน555 แต่ก็ดันจนเข็นตอนนี้ออกมาได้
ด้วยความติสต์ของคนแต่ง
ขอบคุณที่ยังติดตามกัน
รักเสมอ...

คุณFeaRes หลังจากหายไปไม่รู้ว่าจะยังตามกันอยู่มั้ย อาจจะลืมเรื่องตอนเก่าไปแล้ว แต่ก็ยังรักเสมอนะคะ เปิดคอมเมนต์มาอ่านแล้วกำลังใจมา

คุณStarPaso เราขอโทษจริงๆที่หายไป ยังไงถ้ามีโอกาสเปิดมาอ่านก็ต้องขอขอบพระคุณนะคะ คอมเมนต์ที่เยียวยาจิตใจ

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
รักสามเส้าก็มา(?) เป็นศึกเล็กชิงพี่ไทม์---
พี่เดย์เล่นใหญ่ไปอีกกกก หวงจริงหวงปลอมไหนบอกเร็ววว แต่ชอบนะ 55555
แล้วก็ยังติดต่อแม็คไม่ได้ หายแบบหายเลยยยยย
พี่ไทม์บอกแทนเรื่องแม็คไปเลยก็ได้ แทนก็ดูมีเหตุผลนะ
พอรู้สาเหตุแล้วคงไม่ทำอะไรรุนแรงหรอก มั้ง(?)

รักษาสุขภาพด้วยน้าาาา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ StarPasO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พึ่งได้มาอ่าน พอดีคนเขียนอัพช่วงที่ไปไล่อ่านนิยายที่จบแล้วเลยไม่ได้มาอ่าน ตอนนี้ได้มาอ่านแล้ว! กลับมาอ่านปุ๊ป ไทม์โดนดูดคอเลย แถมเดย์นี่ก็เนียนเนอะ  :hao7:

ยังคงรอคอยให้แม็คกลับมา เพื่อนๆเป็นห่วง ฮ่าๆ

ออฟไลน์ sakutaka

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 128
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่ 18 แพ้ท้อง กับ คืนแรก




     อึ้งเลยดิ ถึงคราวเพื่อนรักผมมันออกตัวปกป้อง อย่าคิดว่าจะธรรมดา ขนาดพี่โชยังโดนไล่ตะเพิดไปขนาดนั้นแล้ว อย่างมึงคงไม่เหลือล่ะไอ้แทน

     ผมมองหน้านิ่งๆไม่แสดงอาการ ใบหน้าที่โคตรเดาอารมณ์ไม่ถูก จะบอกว่าช็อกไปแล้วก็ไม่เชิงหรือบอกว่ามีแผนอะไรอีกก็ไม่ใช่ ไม่นานไอ้หล่อมันก็ยกยิ้มขึ้นมาเบาๆราวกับทุกอย่างเป็นไปตามที่มันคาด

     "พี่เดย์กับพี่ไทม์หรือครับ" มันมองหน้าเพื่อนผมแล้วเลื่อนสายตามาทางนี้แบบหยามๆ ทำเอาไอ้เดย์มันเริ่มหงุดหงิดนิดๆ ที่การแสดงของมันดูไม่ได้ผลดังตั้งใจไว้

     "กูกับไอ้ไทม์สนิทกันมาก มากกว่าที่มึงคิด"

     "หืมมมม" ไม่ใช่แค่น้ำเสียงนะ ปากเป็ดกับหัวที่โยกขึ้นลงซ้ำๆของไอ้แทนแม่งกวนตีนได้โล่

     "ถ้าไม่เชื่อกูจูบไอ้ไทม์ให้มึงดูตอนนี้เลยก็ได้" เฮ้ย จะทำอะไรปรึกษากูก่อนดิวะ

     ผมหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างหวาดๆ ในใจรู้ว่ามันไม่กล้า เพราะตั้งแต่เกิดมาก็เป็นชายชาตรีแท้ทั้งแท่ง ประวัติการมีแฟนอาจดูแร้นแค้นไปสักนิด แต่ทั้งชีวิตไอ้เดย์มันคบแต่กับผู้หญิงนะครับ....เว้ยยยย แค่สบกับตาเยิ้มๆ ที่เริ่มเคลื่อนเข้ามาใกล้ผมก็เริ่มไม่แน่ใจในพลังความแมนของมัน แต่ช่วงจังหวะเดียวกันนั้นกลับมีพลังงานบางอย่างเข้ามาเสียบแทรกกลางระหว่างเราทั้งคู่

     ...หือ? หนังสือพี่บั๊ค...เล่มที่กูลืมไว้ตอนหนีไอ้แทนนี่หว่า...

     ไม่ทันไรไอ้เล่มเดียวกันนั่นแหละที่กระแทกเข้าไปที่ปากเพื่อนผม

     บึก!!

     "เชี่ยแทน!" ถ้าเปรียบกับหมัดก็คงแค่ระดับสะกิด แต่ในความคิดของไอ้เดย์มันคงเสียหมาน่าดู ถึงได้ปล่อยตัวผมแล้วตวาดออกมาแบบหงุดหงิดหัวเสียขนาดนั้น

     "ถ้าแค่เพื่อนก็อย่าให้มันมากไปกว่านี้เลยครับ" ไอ้แทนตอบรับเสียงนิ่งท่าทีไม่สะทกสะท้านกับกิริยาปีนเกลียวที่พึ่งกระทำไปหมาดๆ กับรุ่นพี่ แถมดูติดจะโมโหด้วยซ้ำ หรือผมคิดไปเองวะ

     "ใครบอกว่ากูแค่เพื่อนวะ ไม่รู้แล้วอย่าเจ๋อ แน่จริงมึงถามไอ้ไทม์ได้เลยว่าความสัมพันธ์พวกกูมันระดับไหน" อ้าว ทำไมมาโยนขี้ให้กูวะ ผมมองหน้าไอ้แทนแล้วกลืนน้ำลายหนึ่งอึก บอกแล้วกูโกหกไม่เก่งเล่นละครไม่เป็นอย่ามาถามกู สุดท้ายเดือนวิศวะฯเหมือนจะใช้พลังเทเลทับบี้หยั่งรู้ฟ้าดินมันเลยหันไปไล่จี้กับไอ้เดย์ต่อ

     "พี่เดย์ไม่ได้ชอบผู้หญิงเหรอครับ"

     "จะหญิงหรือชายก็ได้เว้ย กูมันสายวาไรตี้ ถ้าขึ้นชื่อว่าชอบก็คือชอบ กูไม่เกี่ยงหรอกว่าเป็นเพศไหน"

     "แล้วเรื่องของจิง ถ้าเธออยากกลับมาขอคืนดี พี่จะว่าไงครับ"

     "..."

     โหลดดิ้งนาว เดี๋ยวนะ จิง จิง จิง ว้อท เดอะ ฟ้าคคคคคคคคคคค ชื่อต้องห้าม มึงพูดออกมาได้งั้ยยยยยย ไอ้เฟี่ยยยยย ยังไม่ลืมกันใช่มั้ยแฟนเก่าไอ้เดย์ ที่ชื่อเล่นว่าจิง สรุปมันคือชื่อจริงหรือชื่อเล่นกันวะ ผมแม่งงง

     "จิงไหนวะ"

     "จิงคนที่เป็นแฟนเก่าพี่ ตอนนี้เรียนอยู่ภาคเดียวกับผม บังเอิญมีโอกาสได้คุยกัน เธอชอบเล่าเรื่องพี่ให้ผมฟังบ่อยๆ" งานนี้อย่าว่าแต่ซากขี้เถ้าเลย ถ่านไฟเก่ายังร้อนรอวันรื้อฟื้น

     "เล่าว่าไงบ้าง" ไอ้เดย์มันถาม

     "เธอบอกว่าพี่เป็นคนดี"

     "ดีแล้วได้เหี้ยอะไร"

     "บอกว่าเสียใจจริงๆที่ทิ้งพี่ไป"

     "เสียใจแล้วทำไมไม่เห็นมาตามขอโทษกู"

     "ยังอยากกลับมาคืนดีกับพี่"

     "งั้นฝากบอกมึงตรงนี้เลยว่ากูมีไอ้ไทม์เป็นเมียแล้ว"

     "!!!"

     "แล้วกูก็รักมันมาก"

     "..."

     "ไม่ต้องมาลำบากสร้างความร้าวฉานให้เปลืองแรงหรอก"

     จบคำประกาศก้องไร้ความเกรงกลัวฟ้าดิน หลังผมถูกดึงไปพิงกับอกเพื่อนสนิท มือของมันลูบเข้าหัวทุยๆก่อนแนบจมูกเข้าข้างศีรษะ สูดกลิ่นเหม็นอับอย่างเต็มที่

     ฟอดดดดดดดดดด

     "หัวมึงแม่ง...หอมไม่เคยเปลี่ยน"

     เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไอ้เชี่ยมึงดมหัวกูทำไม

     เดาว่าโดนคุณไสยหรือไม่ก็เล่นของ เที่ยวมาทำตัวสตรองต่อหน้าผม ทั้งที่ใจมึงไม่มีวันทิ้งน้องจิงได้ลงหรอกกูเชื่อ ทุกวันนี้มีแต่จะงองแงทำตัวเป็นเด็กอมตีนลืมคนเก่าโกเอาท์ไปหาคนใหม่ไม่ได้ แล้วไหนเลยเพื่อนกูมันอีโวพัฒนาการเปลี่ยนจากควายเป็นคนเอาตอนนี้ ตั้งแต่สองปีที่ผ่านมาหลังเลิกรากับน้องเขา กูไม่เคยเห็นวันไหนเลยที่มันจะไม่ซึมทุกครั้งนึกถึงเมียเก่า จนต้องเฝ้าระวังไม่ให้ย้ำถึงชื่อน้องจิง

     ตัดกลับมาที่คู่กรณีอีกคน ไอ้แทนมันนั่งหน้านิ่งดูละครโลกเล็กรูดม่านปิดฉากไปไม่นานซักพักจึงเอาหนังสือมาวางตรงหน้าโต๊ะผม

     "พี่ลืมไว้เมื่อกี้" เจ้าตัวลุกเต็มความสูงตั้งท่าจะเดินออกไป แต่ผมคว้าข้อมือไว้ได้ทัน

     “มึงจะไปไหน”

     “กลับหอ”

     “ไหนว่ามึงมารับกูกลับ”

     “ไปกับพี่เดย์เถอะครับ”

     “...”

     “ผมขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ จากนี้ไปเรื่องของฟ้าให้ถือซะว่าไม่เคยได้ยินละกัน” มือผมถูกสะบัดหลุด ก่อนไอ้แทนจะเดินจากไปแบบไม่สนใจจะหันกลับมา

     จากที่อยากทำให้อีกฝ่ายอึ้ง...ทำไมกลายเป็นกูที่อึ้งเองวะ...

     ผมนิ่งค้างท่าเดิมอยู่นาน จนกระทั่งวินาทีที่มีสัมผัสนุ่มๆ เบาๆ เข้าข้างกกหูมาแทรกเนี่ยแหละ

     "กรี๊ดดดดดดดดดด"

     "อร๊ายยยยยยยยยยยย"

     "แม่ตายแป๊บบบบบบบ"

     "ทิ้งไม้พายเลยจ้าเรือหลักแล่นเองแล้ววววววว"

     "นักศึกษาทุกคนเงียบ!!"

     เพราะเสียงปรามของศราวุธดังสะท้อนไปทั่วห้อง ทำให้สติผมกลับมาสมบูรณ์ครบร้อยเลยหมุนตัวหันไปเผชิญหน้ากับไอ้เดย์ที่กำลังเล่นบ้าด้วยการดมหัวจูบขมับกูอยู่นั่นแหละ

     "ไอ้แทนมันไปแล้ว เลิกดมหัวกูทีเหอะ"

     "ทำไม เดือดร้อนเหรอวะ ทีตอนพี่โชมึงยังยอมเล่นไปกับกูด้วยเลย"

     "ก็ตอนนั้นมันเป็นพี่โชนี่หว่า แต่ตอนนี้มันเป็น..."

     "ไอ้แทน"

     "..."

     "คนที่มึงชอบ"

     "..."

     "เฮ้อ ชอบก็บอกว่าชอบดิวะ จะมาทำตัวเป็นผู้ชายสายซึนทำเชี่ยทำไม”

     “กูไม่ได้...”

     “เดี๋ยวกูตีปากแตก” เชี่ยยยมันเอาจริง ง้างมือเหนือหน้ากูไม่ถึงคืบ “แล้วจะเอาไงต่อไป” ไอ้เดย์ถามให้ผมได้คิดต่อ

     "กูเป็นห่วงมันว่ะ อาการมันดูแปลกๆ ปกติต่อให้กูต่อต้านมันขนาดไหนมันก็จะตื้อไม่เลิก แต่วันนี้มันกลับ..."

     "จะตามมันไปมั้ยล่ะ"

     "..."

     "กูยอมไม่มีเพื่อนเรียนก็ได้วะ"

     "..."

     "ส่วนเรื่องไอ้แม็ค เดี๋ยวกูจัดการเอง"




     ผมวิ่งกระหืดกระหอบออกมา มองหารถซีวิคสีเทาเมทัลลิคอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่สุดท้ายกลับไม่เห็นคันที่ดูคลับคล้ายว่าจะเป็นของคุณชายสุรบถเลยสักนิด ด้วยความที่วิ่งมาแบบคว้าอะไรได้ก็โกยมาหมดไม่ทันจัดใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย สองมือจึงโอบอุ้มกองหนังสือไว้เต็มมือ ดูทุลักทุเลต่อการหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาบุคคลที่วนเวียนอยู่ในหัวตอนนี้เป็นอย่างมาก

     "ไอ้แทน...เบอร์ไอ้แทน...ชื่ออะไรวะ" นึกไม่ออกทันที ปกติมีแต่มันโทรหาผม แล้วดูตอนนี้ดิทำไมผมต้องวิ่งวุ่นโทรหามันด้วยเนี่ย "จริงด้วย...หล่อสุดในสามโลก" ผมรีบจิ้มเบอร์ตรงรายชื่อสายที่รับแล้วคู้ตัวยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ไม่นานเสียงโทรออกตู๊ดยาวก็ดังขึ้นประสานกับเสียงเมโลดี้ที่ผมคุ้นเคย เสียงนั้นมันดังแว่วมาจากข้างหลัง...เสียงริงโทนของไอ้แทน

     รีบหมุนตัวไปแบบกลัวจะเสียโอกาส จนกระทั่งเจอคนตัวสูงเดินอย่างเชื่องช้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกด...

     ตัดสาย!! เชี่ยแทน!! มึงกล้ามากนะที่กดตัดสายกู ผมลุกพรวดพราดอย่างลืมตัว

     "ไอ้แทน!!"

     ตุบ!!

     ระเนระนาดครับท่าน ไอ้ที่มันอยู่ในมือผมจนถึงเมื่อครู่ทุกอย่างห่าเหวแม่งไปกองอยู่ที่พื้นหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ...เชี่ยลูกพ่อ มึงจะอยู่รอดถึงจบเรื่องมั้ยวะ แต่มันกลับเป็นผลดีที่ช่วยดึงดูดความสนใจของไอ้แทนให้รีบรุดมา คนตัวสูงย่อตัวลงช่วยเก็บข้าวของที่เกลื่อนกลาดกระจัดกระจายอยู่ตามพื้น

     "เป็นไรมากมั้ย" น้ำเสียงมันฟังดูเป็นห่วงผมพิลึก สองมือแกร่งฉวยเก็บหนังสือ ถุงดินสอ รวมไปถึงมือถือก่อนผมจะคว้าได้ทันจากนั้นจึงยื่นส่งให้ ณ ตอนนี้ผมได้แต่ยืนนิ่งไม่ยอมยื่นมือไปรับจนร่างสูงแปลกใจ "เป็นอะไรพี่ รับไปดิ"

     "ของมึงน่ะ"

     "หา?"

     "หนังสือเล่มนี้ของมึง" สายตาคมก้มลงไปมองหนังสือเล่มบางที่อยู่ในมือ ก่อนเงยขึ้นสบตาผมอีกครั้ง

     "หนังสือภาษาอังกฤษพื้นฐานสาม"

     "ที่กูสัญญาว่าจะให้มึง"

     "..."

     "กูขอโทษที่ให้ช้า แต่คนอย่างกูถ้าสัญญากับใครแล้วกูจะไม่ผิดสัญญา"

     "..."

     "รวมถึงเรื่องน้องฟ้าด้วย"

     "..."

     "กูสัญญาว่าจะดูแลอย่างดี ถึงแม้เพื่อนกู...ไอ้แม็ค มันจะไม่อยู่ที่นี่แล้วก็ตาม"

     ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามีใครบางคนตกใจไปถึงชาติหน้า ผมสาบานเลยว่าไอ้แทนมันต้องกลุ้มเรื่องน้องมันถึงได้ทำตัวสติฟั่นเฟือนยอมแพ้กับเรื่องง่ายๆ แค่นี้ แล้วผมก็ไม่มีทางปล่อยให้มันเครียดกับเรื่องที่ผมเป็นตัวต้นเหตุคนเดียวได้หรอก

     ดวงตาคมเบิกโตทันที ไม่บอกก็รู้ว่ามันแปลกใจแค่ไหนที่ผมสารภาพออกมาโดยตรง ผมอาจจะเดาผิดที่คิดว่าท่าทีของเจ้าตัวตอนเดินออกมาจากศูนย์เรียนรวมต่อหน้าต่อตาผม มันเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม แผ่นหลังที่เหมือนจะแบกรับเรื่องราวอมทุกข์ไว้ทุกอย่างมันดูอ้างว้างจนทำให้ผมต้องรีบตามออกมา อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมอยากจะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของคนตรงหน้าไว้มากเพียงใด

     "แม็ค..." ไอ้แทนอุทานออกมา

     "คนที่เป็นแฟนกับน้องมึงก็คือไอ้แม็คเพื่อนกู คนที่มึงเคยเจอที่ร้านเหล้า"

     "..." เจ้าตัวทำท่าราวกับไปไม่ถูก ดวงตาคมสั่นไหวเหมือนกำลังย้อนอดีตหวนถึงความหลังวันวานที่เคยเจอหน้าคู่กรณีของน้องฟ้า

     "ตอนนั้นกูยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแฟนมันคือน้องมึง มันเลยได้แต่สงสัยว่ามึงเป็นอะไรกับน้องฟ้า คิดว่าน้องฟ้ามีคนใหม่ สองคนนั้นเลยเลิกกัน"

     "แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน" ไอ้แทนโพล่งขึ้นมาขัดประโยคที่ผมกำลังจะเล่าต่อ

     ทั้งที่ตัดสินใจว่าจะพูดออกไปให้หมดแล้วแท้ๆ แต่พอต้องมาตอบคำถามแบบนี้ ผมถึงกับสะดุด

     "ที่พี่บอกว่าไม่อยู่แล้ว มันหมายความว่ายังไง"

     "..."

     "บอกผมมาสิ" ผมสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนมองหน้าไอ้แทนอีกครั้ง

     "มึงฟังแล้วอย่าพึ่งขึ้นนะ"

     "..." มันไม่ให้สัญญา แต่ก้าวขามาถึงขนาดนี้แล้วยังไงผมก็ต้องไปต่อ

     "มันลาออกไปแล้ว"

     "พี่ว่าอะไรนะ"

     "กูบอกว่ามันลาออกไปแล้ว" ร่างสูงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกออกมาราวกับจะประชด สายตาคมปราดมองมาทางผมก่อนสาดน้ำเสียงเย็นเยือบลงมาเต็มใบหน้า

     "นี่พี่กำลังจะบอกว่ามันหนีไปเพราะรู้ว่าฟ้าท้องอย่างนั้นเหรอ"

     "เฮ้ย เปล่าซะหน่อย กูไม่ได้บอกว่ามัน...."

     "นี่พี่กำลังตามมาแก้ต่างให้เพื่อนพี่ใช่มั้ย" เดี๋ยวๆๆ ทำไมกลายเป็นประเด็นนั้นได้วะ

     "..." กำลังจะอ้าปากเถียง แต่ไอ้แทนกลับต่อความขึ้นมาเสียก่อน

     "อย่าคิดว่าผมไม่รู้ ไม่งั้นพี่จะปิดบังเรื่องหมอนั่นมาตั้งแต่แรกทำไม"

     "..."

     "ขนาดยอมเอาตัวรับผิดแทนมันได้"

     "..."

     "แล้วไหนจะตอนนี้อยู่ดีดีก็มาบอกทุกอย่าง"

     "..."

     "ถ้าไม่ใช่ว่าปกป้องเพื่อนแล้วมันจะเรียกว่าอะไรกันวะ!!" หนังสือในมือมันถูกผลักเข้ามาในอกผมเต็มๆ เจ็บจุกในความรู้สึก แต่ไม่ได้มาจากแรงกระทำของอีกฝ่าย น้ำเสียงกับสีหน้าที่โกรธขึ้งราวกับเกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนทำเอากระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมา ผมปล่อยให้ทุกอย่างร่วงตกลงพื้นไปอีกครั้งโดยไม่คว้าไว้ ก่อนขยับริมฝีปากที่สั่นไหวอย่างเชื่องช้า

     "จะเรียกว่าอะไรได้อีกวะ"

     "..."

     "ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะกูเป็นห่วงมึงน่ะ!" ทันทีที่เปล่งวาจานี้ออกไปเหมือนลมหายใจจะหมดลง ผมหอบแฮ่กถี่รัวเรียกอากาศเข้าปอดอย่างหนักหน่วง ก้มหน้าเสตามองพื้นกระเบื้องที่อยู่แทบเท้า ไม่อยากมองหน้ามันอีกแล้ว ผมกลัวตัวเองจะร้องไห้

     "พี่ไทม์"

     "แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอวะ เห็นมึงทำหน้าเครียดแล้วเดินออกไป กูก็ห่วงจะตายอยู่แล้ว กูกลัวว่ามึงจะคิดมากเรื่องน้อง กลัวว่ามึงจะเกลียดกู กลัวไปหมดทุกอย่าง ทั้งที่กูตัดสินใจว่าจะพูดทุกอย่างแต่มึงกลับมาตวาดกู หาว่ากูเข้าข้างเพื่อน กูก็แค่ไม่อยากเห็นมึงเครียดอีกแล้ว เห็นมึงไม่ยิ้มแย้มเหมือนเดิมกูจะเป็นบ้ารู้มั้ย"

     แถมยังจะเครียดตามมึงไปด้วย คิดแล้วก็ปวดมวนท้องขึ้นมาจนรู้สึกเหมือนจะคลื่นไส้ กว่าจะมารู้ตัวอีกทีผมก็คู้ตัวนั่งคุกเข้าลงที่เก่า พาดแขนเข้ากับท้องอย่างทรมาน ข่มอาการลำไส้บิดตัวจนปวดแปลบ รู้สึกปากคอแห้ง มือเย็น แต่ไม่วายต้องยกขึ้นป้องปากตัวเอง เพราะผมกำลังจะ...

     อุบ...โอ้กกกกกกกกก

     "อุแหวะ แค่กๆ" ฉิบหาย...กูอ้วก ออกมาเต็มๆ พื้นข้างหน้า อ้วกจริงจังถึงขั้นว่าไอ้หน้าหล่อยังตกตะลึง

     "เฮ้ย พี่ไทม์" มือใหญ่รีบตะโบมลูบหลังเป็นระวิง ผมทำลานหน้าตึกอาบไปด้วยกลิ่นอ้วกซะแล้ว ฮือออตูจิบ้า สิ่งที่ผมทำเป็นอย่างแรกคือการประคองตัวไว้กับร่างสูง มือชื้นเหงื่อกำเสื้อเชิ้ตสีขาวของไอ้แทนไว้แน่น กูจะล้ม ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกแบบนี้วะ น้ำย่อยย้อนขึ้นคอทำให้รู้สึกแสบแย่ไปหมด พอทุกอย่างถูกดันออกมาก็เหมือนว่าจะดีขึ้น แต่ทว่า...

     "ไอ้แทนมึง เอาออกไป" ผมรีบปัดมืออีกฝ่ายออก ของที่อยู่ในมือของคนตรงหน้าเป็นผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่ไอ้แทนกำไว้ คงตั้งใจจะเอามาเช้ดปากผม

     "ใช้นี่เช็ดไปก่อนเถอะพี่ แล้วเดี๋ยวผมพาไปห้องน้ำ"

     "กูไม่เอา" ผมผลักมือมันออกไปอีกครั้ง

     "ผมไม่ถือหรอกน่า ผ้าเช็ดหน้าเลอะยังไงก็ซักได้" ยังดึงดันที่จะให้ผมใช้อีก คราวนี้ไม่ใช่แค่ผลักแต่เป็นใช้มือจับทั้งแขนอีกฝ่ายดันให้ออกห่างจากตัวที่สุดเท่าที่จะทำได้

     "แต่กูเหม็น!!" ผมตวาด กูทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ผ้าเช็ดหน้าแม่งเอาไปจุ่มขี้ความมาหรือไงวะถึงได้เหม็นขนาดนี้ โอ๊ยยยยยยยจะออกอีกรอบแล้ว ข้าวเที่ยงกูเสียดายฉิบ

     "พี่ว่าอะไรนะ"

     "กูบอกว่าเหม็นไง เอาผ้าเช็ดหน้ามึงไปไกลๆ เลยนะ"

     "เหม็นอะไรของพี่น่ะ ผมยังแทบไม่ได้ใช้เลยด้วยซ้ำ" มันยกขึ้นสูดหนึ่งรอบให้ผมดู...อิ๊ เห็นเแล้วกูจะเป็นลม

     "มึงดมทำไมเหม็นจะตาย"

     "พี่บ้ารึเปล่า ผ้าเช็ดหน้าผมมีแต่กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม"

     "มึงจะบ้าเหรอเหม็นขนาดนี้ จะเป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มไปได้ไง" ผมยกมือปัดๆ ไล่ไอ้แทนไม่ต่างอะไรกับแมลงวัน ร่างสูงถึงกับต้องผละกายไปด้านหลังพลางส่งสายตามองมาอย่างข้องใจ

     "ผมว่าพี่อาการแปลกๆแล้วล่ะ"

     "แปลกยังไงวะ" ยังไม่ทันจะตอบคำถามไอ้แทนมันก็หันมาคว้าข้อมือผมไปเสียดื้อๆ

     "ไปกับผมก่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากัน"


[มีต่อนะคะ]

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด