█ ▌รักเต็มใจ ➽ HEART IS FULL ▌█
┠ 31 ┨
ข่าวสังคมกระหน่ำเรื่องดีเรื่องมงคล
‘ลูกชายคนเล็กของตระกูลสื่อโฆษณายักษ์ใหญ่กลับใจเลิกผู้ดีเกย์ หลังพบรักแท้ไฮโซสาวสวย’ ผมอ่านแล้วก็ได้แต่เหน็บยิ้มตรงมุมปาก
“มีความสุขที่เห็นผัวหมั้นกับผู้หญิงอื่น?”
คำประชดประชันของผู้ชายหน้าโหดที่อยู่ในโหมดเจ็บแค้นเคืองโกรธทำให้ผมต้องปิดหน้าจอไอโฟนแล้วขำจนแทบจะสำลักไอศกรีม
“อ่ะ”
ตักไอศกรีมรสช็อคโกแลตชิพคำโตป้อนอีกฝ่าย แต่รอแล้วรออีกจนไอศกรีมในช้อนแทบจะละลายฝ่ายนั้นก็ไม่คิดจะอ้าปากรับ ทำเพียงแค่ตวัดดวงตาคู่คมใส่ผมนิดหนึ่งเท่านั้น ผมจึงดึงมือกลับแล้วกินไอศกรีมในช้อนเสียเอง
ถ้าจะให้ผมตอบคำถามของอีกฝ่ายตามความจริงมันก็จะทำให้เจ็บและปวดใจเสียจน
‘ความสุข’ ที่มีอยู่ตอนนี้หมดไป ผมก็แค่อยากจะรักษาเวลาดีๆ ที่เราทั้งคู่มีด้วยกันไว้ก็เท่านั้น
ตอนนี้เราทั้งคู่นั่งอยู่ในร้านไอศกรีมชื่อดังที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางกรุง วันหยุดนักขัตฤกษ์เราว่างตรงกัน และทางสภานักศึกษาก็นัดผมมาคุยเรื่องซักซ้อมการแสดงบนเวทีในงานประเพณีของมหาลัย ออมจึงขอตามผมมาด้วย ถ้าออมมาซันก็ต้องมาครับ แต่หลังจากคุยงานเสร็จทั้งคู่ก็ขอแยกไปดูหนัง จึงเหลือแค่ผมกับคนตรงหน้านี่แหละ ที่เดินเล่นกันจนเบื่อแล้วก็มาหยุดที่ร้านไอศกรีมแห่งนี้ แต่ดูท่าว่าจะมีผมแค่คนเดียวเท่านั้นที่ยังรู้สึกว่าไอศกรีมมันทั้งเย็นและหวาน
กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆ มือใหญ่ก็จับข้อมือข้างที่ถือช้อนไอศกรีมของผมเอาไว้แล้วออกแรงบังคับให้ผมตักไอศกรีมจนเต็มช้อนจากนั้นก็ป้อนเข้าปากเจ้าตัว คำแล้วคำเล่าจนไอศกรีมหมดถ้วย มือใหญ่จึงยอมปล่อย
“สัส! นี่ถ้ามึงบอกให้กูไปตาย แล้วกูตายขึ้นมาจริงๆ มึงเองก็เจ็บจนต้องตายตามกูไปด้วยนั่นแหละวะ”
ดวงตาคู่คมแดงก่ำ ผมใช้ทิชชู่เช็ดมุมปากที่เลอะคราบไอศกรีมให้อีกฝ่าย ในขณะที่มือใหญ่ก็ยื่นมาตรงหน้าแล้วปาดเช็ดน้ำตรงหางตาให้ผม
“จำไว้นะว่ากูจะทำเรื่องเหี้ยๆ แบบนี้ให้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
“อืม”
ไม่รู้ทำไมผมถึงหุบยิ้มไม่ได้
“วันนั้นมึงต้องไปอยู่ในงานกับกูด้วย”
“อืม”
แม้คำพูดจะฟังดูหยาบคายแต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดและความรักที่อีกฝ่ายมีให้ผม
“ส่งเคสจบเสร็จกูจะเอามึงทั้งวันทั้งคืนแบบไม่ให้ตื่นมาดูวิวทะเลได้แมร่มเลย”
แม้น้ำตาจะยังไหลแต่ก็หลุดขำจนได้ครับ และผมก็พยักหน้าตอบรับอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ท่าทางคำตอบของผมคงจะถูกใจ ใบหน้าคมเข้มจึงดูผ่อนคลายลง ริมฝีปากบางยกยิ้มมุมปากแล้วแกล้งหลบตาเมื่อไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป
“ขอบคุณนะ”
“เรื่อง?”
มือใหญ่รีบปาดน้ำตาของตัวเองแบบลวกๆ แล้วหันมาจ้องหน้าผมเขม็ง
“ทุกเรื่องนั่นแหละ.. โดยเฉพาะที่ทำให้เต็มรู้ว่าความรักที่แท้จริงมันเป็นยังไง”
ผมพูดเรื่องจริงและเป็นสิ่งที่อยากจะพูดกับอีกฝ่ายมานานแล้ว แต่คนตรงหน้าหรี่ตาแล้วหัวเราะ
‘หึ’ ในลำคอเบาๆ ใบหูนี่ขึ้นสีแดงจัดจนผมอดจะฉีกยิ้มกว้างออกมาไม่ได้
“ต่อให้อีกกี่ร้อยกี่พันชาติเต็มก็หาผู้ชายที่โคตรหล่อ โง่ ขี้แย และรักเต็มแบบเทมป์ไม่ได้อีกแล้ว เพราะงั้นเต็มต้องรักเทมป์ให้มากๆ อย่าวอแวกับสาวๆ ที่ไหนอีกเด็ดขาดก็พอ”
ทั้งที่ควรจะซึ้งแต่ทำไมผมต้องหัวเราะขำเนี่ย น่าแปลกนะครับที่เทมป์ไม่ค่อยจะหึงผมเรื่องผู้ชายด้วยกันแต่จะชอบจับผิดจับตามองเรื่องผมกับผู้หญิงอื่นเสมอ มันทำให้ผมเพิ่งคิดได้ว่าก่อนที่จะมาเจออีกฝ่ายนั้นผมผ่านประสบการณ์มามากแค่ไหนแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยจริงจังกับใครเลยสักคน
“รู้แล้วน่า”
บ้าจริง ผมหุบยิ้มไม่ได้จริงๆ นะครับเนี่ย ร่างสูงกระตุกยิ้มแล้วลุกขึ้นเตรียมไปจ่ายเงินตรงแคชเชียร์ ผมจึงลุกเดินตามไปยืนรอที่หน้าร้าน เมื่ออีกฝ่ายเดินออกมามือใหญ่ก็ดึงมือผมไปกุมไว้พร้อมกับสบถออกมาเบาๆ ผมจึงหันกลับไปมองในร้านมีคนกำลังแอบถ่ายคลิปเราอยู่ครับ หรือคงจะไม่ใช่เรียกว่าแอบแล้วล่ะถือกล้องโจ่งแจ้งขนาดนั้น ผมยิ้มหวานให้ปาปารัซซี่หนุ่ม ฝ่ายนั้นถึงกับอ้าปากค้างแล้วยอมลดโทรศัพท์มือถือลงก่อนจะมองผมตาปริบๆ พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่.. ก็แค่นั้นแหละครับ
“กลับกันเถอะ”
อีกฝ่ายพยักหน้า มือใหญ่จับกุมมือของผมไว้เหมือนอย่างเคย น่าแปลกนะครับที่แค่ได้รับความอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่มันก็ทำให้ผมไม่สามารถกลั้นยิ้มเอาไว้ได้
“ก่อนกลับบ้านเทมป์พาเต็มไปที่ๆ หนึ่งก่อนจะได้มั๊ย?”
“ได้สิ.. เต็มอยากจะไปไหนล่ะ?”
แค่รู้ว่าผมจะไม่กลับบ้านและยังอยากจะไปที่อื่นต่อใบหน้าคมก็ระรื่นขึ้นแทบจะทันที แถมมีส่งสายตาวิบวับๆ อีกด้วย นี่คงคิดว่าผมจะชวนไปเปิดห้องของโรงแรมหรูสักห้องล่ะสิท่า น่าหมั่นไส้จริงๆ นะครับเนี่ย
“เต็มอยากไปสนามยิงปืน”
“หืม???”
“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลยนะ.. เต็มพูดจริง”
พูดจบก็เดินนำไปรอที่รถ และระหว่างทางจนถึงสนามยิงปืนใบหน้าคมได้แต่ทำหน้ามุ่ยและเสียงทุ้มก็ถามผมย้ำซ้ำหลายรอบว่า
‘ทำไมไม่ไปโรงแรม’ จนผมอดสงสารไม่ได้เลยต้องตอบกลับไปว่า ‘
เสร็จจากสนามยิงปืนละกัน..’ เมื่อนั้นแหละครับเจ้าตัวก็ยิ้มร่าหน้าระรื่นอารมณ์ดีขึ้นมาเชียว
.
.
.
.
.
สนามยิงปืนที่ผมให้เทมป์พามาเป็นสนามยิงปืนที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองหลวงนี่แหละครับ เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ก็ต้อนรับผมซึ่งเป็นสมาชิกวีไอพีอย่างดี ผมให้เทมป์ไปรอผมในเล้าจ์สำหรับแขกวีไอพีซึ่งเป็นห้องกระจกมองเห็นสนามซ้อมยิงปืนได้และยังมีบริการอาหารและเครื่องดื่มพร้อมสรรพอีกด้วย
แน่ะ งงกันใช่มั๊ยว่าทำไมผมถึงได้เป็นสมาชิกวีไอพีของที่นี่ คำตอบสั้นๆ ง่ายๆ ก็ได้บารมีคุณพ่อนั่นแหละครับ สนามยิงปืนแห่งนี้เปิดให้บริการมานานหลายสิบปีโดยมีคุณพ่อของผมเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญ และตั้งแต่ผมกลับมาอยู่ไทยก็แทบจะได้จับปืนน้อยมากเลยต้องมาเคาะสนิมกันสักหน่อย เมื่อถึงเวลาจริงจะได้ยิงไม่พลาดเป้ายังไงล่ะครับ
ตั้งแต่เด็กคุณพ่อบังคับให้ลูกๆ ทุกคนเรียนวิชาการต่อสู้ป้องกันตัว พี่อุ่น พี่ขวัญ และผมนี่ระดับเทควันโดสายดำเชียวนะ นอกจากเทควันโดผมยังเรียนอีกหลายอย่างครับ โดยเฉพาะปืนสั้น ตอนอยู่ไฮสคูล ผมเคยได้แชมป์เหรียญทอง ประเภทความแม่นยำ ระดับเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี มาแล้วด้วย
ขณะที่ผมกำลังเช็คอุปกรณ์ต่างๆ ของปืนพกขนาดเล็กยอดฮิตอย่าง Ruger Lcp .380 ผมก็หันไปมองร่างสูงที่ยืนกอดอกมองผมมาจากในเล้าจ์ แม้ระยะห่างจะทำให้ผมมองเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัดแต่ขอเดาว่าคงจะตีหน้ายุ่งคิ้วผูกโบว์อยู่เป็นแน่ ผมยกแขนโบกมือให้อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันกลับมาเตรียมตัวทำสมาธิกับกีฬาตรงหน้าแบบจริงจัง
Ruger Lcp .380 เป็นปืนพกซ่อนขนาดจิ๋วบรรจุกระสุน 7 นัด เป็นที่นิยมกันมากในกลุ่มเจ้าหน้าที่ปราบปราม มีกลไกในการเหนี่ยวเป็นระบบดับเบิลแอ็กชั่น ง้างนกก่อนยิงไม่ได้ และไม่มีเซฟให้ปลด แต่ข้อดีก็คือยิงในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ง่ายและรวดเร็ว ขนาดก็เท่ากับโทรศัพท์มือถือนี่แหละครับ ทั้งเล็กและเบา กระสุน .380 ACP อานุภาพแรงพอตัวโดนจุดสำคัญก็จอดไม่ต้องแจวเลยทีเดียว
“ไม่มีหลุดเป้าแม้แต่นัดเดียวเลยครับ”
คุณแทนไทผู้จัดการของสนามยิงปืนเดินเข้ามาหาผมด้วยสายตาชื่นชมหลังจากดูผลการยิงของผม พร้อมกับส่งกล้องส่องทางไกลให้ผมดูผลงานของตัวเองบ้าง และก็ได้แต่จุดยิ้มมุมปากเมื่อทั้ง 35 นัดเข้าจุดเล็งจี้ครบทุกนัด แบบนี้ก็ถือว่าผ่านแล้วครับ ผมหันไปส่งยิ้มให้ผู้จัดการหนุ่มใหญ่ก่อนจะยกมือไหว้
“คุณเต็มไม่ได้มาเสียนานแต่ฝีมือไม่ตกเลยนะครับ”
“ถ้าเป็นปืนรุ่นอื่นก็คงจะพลาดเยอะเหมือนกันครับ”
เพราะผมถนัดปืนสั้น ดังนั้นจึงคล่องมือกว่าปืนประเภทอื่น ซึ่งระหว่างที่ยืนคุยกับคุณแทนไท เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาช่วยเก็บอุปกรณ์ให้ผม คุณแทนไทจึงผายมือเชิญผมไปพักผ่อนที่เล้าท์ และแน่นอนครับร่างสูงยืนปั้นหน้าโหดรอผมอยู่นานแล้ว
“ท่านกับคุณหญิงเป็นยังไงบ้างครับ? ได้ข่าวมาว่าท่านลาออกจากที่ปรึกษาของบริษัทวายเจแล้วอย่างนั้นเหรอครับ?”
คำถามของคุณผู้จัดการทำให้ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ”
“ตอนได้ยินข่าวผมเองไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ เพราะท่านกับคุณหญิงเป็นไม้หลักค้ำจุนให้บริษัทวายเจมานาน ยิ่งกับเจ้าสัวนี่นับถือกันเหมือนพี่น้อง แต่อย่างว่าละครับพ่อกับลูกบางครั้งลูกไม้ก็หล่นไกลต้นได้”
ไม่แปลกที่คุณแทนไทจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีเพราะคุณแทนไททำงานให้กับคุณพ่อมานาน บริหารสนามยิงปืนแห่งนี้มาตั้งแต่เริ่มต้นจึงรู้จักคุ้นเคยในวงการธุรกิจของคุณพ่อเป็นอย่างดี และผมก็ทำได้เพียงแค่ใช้รอยยิ้มแทนคำตอบให้กับคู่สนทนา
“ว่าแต่เพื่อนของคุณเต็มคนนั้นใช่หลานชายเจ้าสัวยางที่เป็นข่าวกันอยู่ใช่มั๊ยครับ?”
“ข่าวด้านไหนเหรอครับ?”
“ผมเลือกเสพแต่ข่าวด้านดีครับ”
ฉลาดที่จะตอบ ผมหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับพยักหน้าอย่างยอมแพ้เพราะท่าทางว่าต่อให้ผมโกหกออกไปคุณแทนไทคงจะจับได้อยู่ดี
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะโซฟาหรูในเล้าจ์รับรองแขกวีไอพี ผมก็แนะนำคุณแทนไทให้เทมป์รู้จักและพูดคุยกันต่ออีก 2-3 ประโยค คุณแทนไทก็ขอตัวกลับไปทำงาน ผมจึงหย่อนก้นลงบนโซฟา แล้วยกน้ำผลไม้เย็นๆ ที่อีกฝ่ายสั่งไว้ให้ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว จากนั้นก็ส่งยิ้มให้คนที่นั่งมองผมจนคิ้วขมวด
“เต็มยิงปืนเป็นด้วยเหรอ?”
“ยิงปืน ธนู เทควันโด มวยไทย มวยจีน อ่อ เคนโด้ด้วยนะ”
ดวงตาคู่คมหรี่มองผมอย่างกับไม่เชื่อแต่ในแววตาผมมองเห็นความน้อยใจอยู่เจือจาง ที่ผ่านมาอีกฝ่ายใส่ใจผมแทบจะทุกรายละเอียดเพราะฉะนั้นคงจะรู้สึกแย่ที่ไม่เคยถามและไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน จะว่าไปผมเองก็ผิดเหมือนกันที่ไม่เคยบอกหรือเล่าให้เจ้าตัวฟัง
ผมลุกขึ้นแล้วไปนั่งบนพนักโซฟาของอีกฝ่าย
“คุณพ่อบังคับเรียนตั้งแต่เด็กๆ หน่ะ แต่พอได้เรียนแล้วเต็มชอบ จึงเรียนและฝึกมาเรื่อยๆ อย่างยิงปืนนี่เคยได้แชมป์ด้วยนะ เดี๋ยวไว้เต็มค่อยหารูปเก่าๆ ให้ดูนะ”
อธิบายให้ฟังพร้อมกับบีบๆ นวดๆ หัวไหล่เอาใจ แฟนงอนก็ต้องง้อหน่อยครับ
“มิน่ามือหนักฉิบหาย”
ฮ่า.. ผมหัวเราะ
“วิชาป้องกันตัวทุกอย่างที่เต็มเรียนไม่ได้เอาไว้ทำร้ายใคร แต่เอาไว้ป้องกันตัวเองและช่วยเหลือคนอื่น อย่างการยิงปืน ครูของเต็มสอนไว้ว่าเราหันปลายกระบอกปืนหาคู่ต่อสู้ได้แต่จะลั่นไกไม่ได้ ส่วนคนที่หันปลายกระบอกปืนก็คือคนหมดหนทางสู้ ปืนไม่ใช่อาวุธสังหารแต่มันเพียงเครื่องมือที่ใช้สำหรับป้องกันตัวเท่านั้น”
นึกถึงช่วงเวลาที่ยังเป็นเพียงเด็กไฮสคูล ผมขออนุญาตคุณพ่อไปเรียนวิชาป้องกันตัวต่างๆ คุณพ่อท่านก็ดีใจและสนับสนุนแตกต่างจากคุณแม่ที่มักจะบ่นด้วยความเป็นห่วง คุณแม่ท่านไม่ชอบให้ผมเจ็บตัวสักเท่าไหร่ ท่านจึงไม่สามารถดูผมซ้อมเคนโด เทคควันโด หรือมวยไทยได้สักครั้ง
“แล้วเทมป์เคยเรียนวิชาป้องกันตัวอะไรมาบ้าง?”
คำถามของผมทำให้อีกฝ่ายทำท่าทางครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะตอบออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“กระบี่กระบอง..”
“หืม??”
อีกฝ่ายคงเห็นผมทำหน้างงเจ้าตัวจึงอธิบายเพิ่ม
“ก้าวเท้าชิดเท้าขวา ยกเข่าขวาขึ้นตั้งฉากต่อกับข้อศอกขวา ปลายเท้างอขึ้นพร้อมกับมือซ้ายรำข้าง”
เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นเต็มหัว จนอีกฝ่ายขำแล้วบอกให้ผมไปหาในกูเกิ้ลเอาเองล่ะกัน ผมก็ได้แต่พยักหน้ารับอย่างงงๆ ก่อนจะกระซิบถามอีกฝ่ายว่า
‘โทรจองโรงแรมรึยัง?’ ซึ่งคำตอบก็คือริมฝีปากบางจุดยิ้มมุมปากพร้อมกับฉุดให้ผมลุกขึ้นแทบจะทันที แบบนี้ผมคงต้องโทรไปบอกคุณพ่อกับคุณแม่แล้วล่ะครับว่าคงได้กลับไปทานมื้อเที่ยงกับพวกท่านในวันพรุ่งนี้เลยทีเดียว
.
.
.
.
.
วันอาทิตย์แบบนี้นับว่าเป็นวันครอบครัวเลยก็ได้ครับ วันนี้ทุกคนพร้อมหน้า เมื่อคืนผมนั่งทำรายงานเคสจบเพลินรู้ตัวอีกทีก็เช้า แต่หลังจากล้มตัวลงนอนได้แค่ชั่วโมงกว่าๆ ก็สะดุ้งตื่นเพราะฝันร้าย จะให้นอนต่อก็นอนไม่หลับ ผมจึงลุกขึ้นอาบน้ำแล้วลงมาทานมื้อเช้า และผลจากการไม่ได้นอนทำให้มีท่าทีอิดโรยจนสังเกตได้ ผมจึงถูกคุณแม่เอ็ดเรื่องที่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง ผมก็ได้แต่ยิ้มรับในความผิด
ทานมื้อเช้าเสร็จก็มานั่งคุยเรื่องสัพเพเหระและดูข่าวสารบ้านเมืองต่อที่ห้องนั่งเล่น วันนี้มีผลไม้สดๆ จากสวนของเจ้าสัวยางด้วยครับ
“เจ้าของแบรนด์ทีเจนี่โคตรใจดีเลยนะคะ เป็นสปอนเซอร์หลักให้กับการแสดงของอาเต็มแบบทุ่มงบไม่อั้นเลยค่ะ”
จู่ๆ ออมก็เงยหน้าจากหน้าจอไอโฟนแล้วพูดเรื่องการแสดงในงานประเพณีมหาลัยของผม นั่นแสดงว่าออมกำลังคุยไลน์อยู่กับพี่ขวัญแน่ๆ คุณแม่อมยิ้มแล้วหันมามองหน้าผม
งานประเพณีจัดขึ้นกลางเดือนหน้า และหลังจากนั้นก็เป็นงานหมั้นของเทมป์กับคุณฮันนี่ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ต้องรีบเคลียร์งานเคสจบทุกอย่างส่งอาจารย์ก่อนจะกลับอังกฤษแบบถาวร ดังนั้นเราจึงนัดกันว่าเมื่อส่งเคสจบเสร็จแล้วก็จะไปเที่ยวทะเลกันสองต่อสอง ซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่าทริปของเราจะไม่ล่มลงกลางทางเสียก่อน
“อาขวัญเขาจะใช้การแสดงของน้องเต็มเป็นทีเซอร์โฆษณาเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ด้วยเลยสินะ?”
คุณพ่อละจากหน้าจอทีวีแล้วเอ่ยถามออม พร้อมกับจิ้มผลไม้ในจานทาน
“ใช่ค่ะคุณปู่ มันเลิศมากเลยนะคะคุณปู่คุณย่า รอบนี้อาเต็มโอปป้าของออมต้องดังเป็นพลุแตกแน่ๆ เลยค่ะ”
“ถามอาเต็มเขาสักคำมั๊ยว่าอยากดังรึเปล่า?”
คนเป็นย่าส่งสายตาปรามหลานสาวที่เชิดหน้าเชิดคอพูดด้วยความภาคภูมิใจเสียหนักหนา คนถูกปรามก็ไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกนะครับ ยังคงเริงร่าเหมือนเดิม
“ช่วงนี้อายุ่งๆ เรื่องรายงานเคสจบ จึงยังไม่ได้เปิดเพลงที่จะใช้ในการแสดงฟังเลยนะ”
บอกหลานตามความเป็นจริง เมื่อวันก่อนที่นัดประชุมเรื่องการแสดงทางสภานักศึกษาได้ให้ไฟล์เพลงและธีมการแสดงคร่าวๆ มาให้ซ้อมล่วงหน้าแต่ผมยังไม่มีเวลาเปิดฟังเลย เท่าที่รู้เพลงที่จะต้องร้องเป็นเพลงไทยสากลนี่แหละครับ ซึ่งผมไม่ค่อยถนัดเอาเสียด้วยสิ
“ไม่เป็นไรค่ะ ออมรู้ว่าอาเต็มของออมเก่ง แถมมีพื้นฐานเรื่องดนตรีที่เป็นเลิศมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นงานนี้เบเบสำหรับอาเต็มมากเลยค่ะ”
ตอนเด็กๆ ออมติดผมกับโอบมาก แม่ปอส่งออมไปเรียนบัลเล่ย์ แต่ออมไม่ยอมไป แม่ปอเลยต้องส่งผมกับโอบไปเรียนด้วยออมถึงจะยอมเรียน ซึ่งนอกจากเรียนบัลเล่ย์แล้ว ก็ยังมีเรียนเปียโน และขับร้อง ทั้งหมดก็เอาไว้ใช้เวลาที่ต้องออกงานสังคม แต่ผมก็ไม่ค่อยจะได้ร้องสักเท่าไหร่ หน้าที่ร้องโดยส่วนใหญ่โอบจะเหมาไปเสียมากกว่าเพราะว่าผมมีประสบการณ์เรื่องร้องเพลงผิดตั้งแต่เด็กมันเลยฝังใจมาจนโต ความมั่นใจด้านนี้จึงไม่ค่อยจะเต็มร้อย แต่ถ้าหากมันจำเป็นจริงๆ ก็ต้องเต็มที่ครับ
คุยเรื่องนี้แล้วต่อด้วยเรื่องใหม่ เสียงของออมเจื้อยแจ้วไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ออมมักจะหามุกมาทำให้คุณปู่คุณย่าหัวเราะขำได้ตลอด ฟังแล้วก็เพลินดีครับ ผมชอบบรรยากาศแบบนี้ จนกระทั่งแอร์เย็นๆ ทำให้ผมรู้สึกง่วง ผมเอนตัวลงบนโซฟาโดยใช้หน้าขาของคุณแม่แทนหมอน ฝ่ามืออันแสนอบอุ่นลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน
“ถ้าเหนื่อยนักก็พักเสียบ้างก็ได้นะลูก”
น้ำเสียงละมุนบอกผมแผ่วเบา ผมหลับตาลงและพยายามหยุดคิดเรื่องราวที่รกอยู่เต็มสมอง ช่วงจังหวะที่กำลังจะเคลิ้มหลับ ผมเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้
“ก่อนกลับอังกฤษ ผมจะขอไปเที่ยวทะเลกับเทมป์ได้มั๊ยครับ?”
ไม่รู้ว่าเสียงของผมที่เอ่ยถามออกไปจะหนักเบาเพียงใด รู้แต่ว่าผมไม่สามารถลืมตาขึ้นได้เพราะง่วงเหลือเกิน และหลังจากนั้นไม่นาน เสียงของคุณพ่อก็เอ่ยขึ้นราวกับว่าดังมาจากที่ไกลแสนไกล
“ไปพักผ่อนเสียบ้างก็ดี.. พ่อไม่ห้ามหรอก”
คำตอบของคุณพ่อทำให้ผมยิ้มและพูดว่า
‘ขอบคุณครับ’ ซึ่งมันคงจะแผ่วเบาเสียจนคนฟังอาจจะไม่ได้ยินก็ได้
.
.
.
.
.
ได้นอนหลับสนิทชนิดที่ว่าผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ช่วงบ่าย ลืมตาตื่นขึ้นมาก็เจอคุณแม่นั่งอ่านนิตยสารอยู่ตรงโซฟาข้างกัน ส่วนตัวผมก็นอนหนุนหมอนและมีผ้าห่มคลุมช่วงตัวอย่างสบาย
“ตื่นแล้วเหรอลูก? หิวมั๊ยคะ?”
ลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียพร้อมกับพยักหน้าตอบว่า
‘หิวครับ’ “ไปล้างหน้าล้างตาเสียก่อน แล้วเดี๋ยวแม่จะตั้งโต๊ะรอนะจ๊ะ”
“ครับ”
เพื่อไม่ให้คุณแม่รอนาน ผมจึงลุกขึ้นเดินไปห้องนอนแล้วตรงเข้าห้องน้ำ ระหว่างที่กำลังใช้ผ้าขนหนูซับหน้าอยู่นั้น เสียงเรียก
‘อาเต็มขา’ ที่ดังอยู่ตรงประตูก็ทำให้ผมต้องหันไปมอง ออมแง้มประตูแล้วโผล่หน้าเรียกผมด้วยรอยยิ้มสดใสและมันก็ทำให้ผมยิ้มตาม
“มีอะไรรึเปล่า? อากำลังจะลงไปทานข้าวนี่แหละ”
“มีนิดหน่อยค่ะ”
หลานสาวเดินเข้ามาในห้อง รับผ้าขนหนูของผมไปตากไว้ตรงราว แล้วรีบกลับมาควงแขนผมเดินออกจากห้องลงไปห้องอาหารด้วยกัน มาประจบเอาใจแบบนี้แสดงว่าต้องมีอะไรแน่นอนครับ
“ออมรู้มาว่าอาเต็มเป็นคนให้กองทัพตกลงรับหมั้นอี.. นั่นเหรอคะ?”
นั่นไง ผมว่าแล้วเชียว..
“อาเต็มทำแบบนั้นทำไมเหรอคะ?”
ผมได้แต่อมยิ้มแทนคำตอบ
“อาไม่ตอบออมเหรอคะ?”
งอนปากคว่ำแล้วล่ะครับ
“ได้ค่ะ.. แต่อาเต็มจะต้องรู้สึกผิดมากๆ แน่ที่ทำให้หลานสาวสุดน่ารักแบบออมนอนไม่หลับไปอีกหลายคืน”
ปล่อยแขนที่ควงผมไว้แล้วสะบัดผมบ็อบเดินนำไปห้องอาหาร เวลาหลานสาวงอนก็น่ารักดีนะครับ เมื่อถึงห้องอาหารคุณแม่ก็นั่งรอผมอยู่แล้ว บนโต๊ะมีข้าวและกับข้าวแค่ถ้วยเดียว คงจะเหลือแค่ผมนี่แหละครับที่ยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยง ผมนั่งประจำที่ คุณแม่นั่งมองผมอยู่ฝั่งซ้าย ส่วนออมรินน้ำใส่แก้วให้ผมแล้วนั่งลงฝั่งขวา ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ ครับ แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ มองซุปสีแปลกตาในถ้วย
“อะไรเหรอครับ? พะโล้เหรอครับ?”
“เขาเรียกว่า ‘บักกุดเต๋’ มันก็คือซี่โครงหมูตุ๋นยาจีน ลองทานดูสิลูก”
คุณแม่อธิบายยังไม่ทันจบ ออมก็ตักทั้งเนื้อและผักแถมน้ำซุปใส่จานให้ผมเรียบร้อยเลยครับ ผมจึงมีหน้าที่กินอย่างเดียว แต่ก็ขอลองน้ำซุปก่อนนะครับ อืม... รสชาติกลมกล่มแถมยังมีรสเผ็ดของเครื่องยาจีน และในส่วนของเนื้อก็เปื่อยนุ่มลิ้นดี
“อร่อยดีนะครับ”
“ฝีมือกองทัพค่ะ”
ออมพูดขึ้นอย่างไว และมันก็ทำให้ผมแปลกใจมากทีเดียว
“พ่อกองทัพแวะเอามาให้เมื่อตอนสาย นั่งเฝ้าน้องเต็มอยู่ในห้องนั่งเล่นจนบ่ายเลยนะลูก ชวนทานข้าวเที่ยงก็ไม่ยอมทาน นี่ถ้าไม่ติดว่ามีธุระด่วนคงจะรอจนน้องเต็มตื่นนั่นแหละ”
เทมป์มาอย่างนั้นเหรอ??
“ทำไมไม่มีใครปลุกผมล่ะครับ?”
“ถ้าออมปลุกอาเต็ม กองทัพก็ได้โกรธออมสิคะ ข้อหา
‘ทำให้แฟนฉันนอนไม่เต็มอิ่ม’”
หลานสาวอธิบาย พร้อมกับดัดเสียงให้ทุ้มเข้มเหมือนเพื่อนของตัวเอง ทำเอาผมอดจะยิ้มขำไม่ได้ แต่คุณย่าไม่ขำด้วยหรอกนะครับ
“เอ๊ะ! น้องออมเนี่ย เอาใหญ่แล้วนะเรา ล้ออาเต็มแบบนั้นได้ยังไง”
คนโดนเอ็ดแกล้งย่นคอสำนึกผิดนิดหนึ่ง แค่นิดเดียวนะครับ จากนั้นก็ยิ้มหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนคนเป็นย่าก็ได้แต่ส่ายหน้าเท่านั้น
จู่ๆ เสียงเรียกเข้าจากไอโฟนของออมก็ดังขึ้น เจ้าตัวดูชื่อหน้าจอแล้วก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนผมกับคุณแม่ต้องหรี่ตามอง ออมคงจะเขินจึงรีบขอตัวไปรับสายแฟนด้านนอก จึงเหลือผมกับคุณแม่แค่ 2 คน ผมตั้งท่าจะกินอาหารตรงหน้า แต่สายตาของคุณแม่ที่มองผมไม่วางตาก็ทำให้ผมต้องวางช้อนลง
“คุณแม่มีอะไรจะคุยกับผมรึเปล่าครับ?”
นิ้วเรียวสวยของคุณแม่ยื่นมาปัดปอยผมตรงข้างแก้มให้ผม
“น้องเต็มกับพ่อกองทัพยังรักกันดีอยู่รึเปล่าคะลูก?”
“รักกันดีสิครับ คุณแม่มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“แม่ได้ข่าวมาว่าพ่อกองทัพจะหมั้นกับลูกหลานนักธุรกิจใหญ่..”
เดาไว้แล้วล่ะครับว่าจะต้องเป็นเรื่องนี้ ผมระบายยิ้มออกมา แล้วดึงมือคุณแม่มากุมไว้
“ผมกับเทมป์.. เราทั้งคู่ยังรักกันดีครับ ส่วนเรื่องหมั้นของเทมป์.. เต็มเป็นคนตัดสินใจเองครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ เต็มโอเคมากเลย วันหมั้นเต็มก็จะไปด้วยนะครับ”
“ดูสิ.. พูดแบบนี้แม่ยิ่งเป็นห่วงเข้าไปใหญ่”
คนเป็นแม่ตีหน้ายุ่ง ผมจึงหัวเราะ ท่านเลยตีผมเข้าที่ท่อนแขนเบาๆ
“คุณพ่อท่านให้คุณแม่มาถามใช่มั๊ยละครับ? ถ้าอย่างนั้นฝากบอกคุณพ่ออย่างที่ผมบอกคุณแม่นี่แหละครับ เรื่องหมั้นของเทมป์ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลย หมั้นได้ก็ถอนหมั้นได้ไม่ใช่เหรอครับ”
ฉีกยิ้มให้กว้างขึ้นเพื่อให้คุณแม่สบายใจว่าผมโอเคกับเรื่องนี้จริงๆ ท่านมองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ไว้แม่จะคุยกับคุณพ่อให้ละกันนะลูก”
“ขอบคุณครับ”
“น้องเต็มกินข้าวเถอะ แม่ไม่กวนแล้ว”
บุพการีลุกขึ้น ท่านลูบหัวผมด้วยความเอ็นดูอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป เมื่อเหลือผมอยู่คนเดียว ผมก็ได้แต่ค่อยๆ ละเลียดชิมอาหารด้วยความรู้สึกอิ่มเอมโดยไม่ลืมที่จะถ่ายรูปลงไอจีขอบคุณเชฟประจำตัวผมสักหน่อย
ทานข้าวเสร็จผมตั้งใจว่าจะเดินออกไปนั่งเล่นกับคุณพ่อคุณแม่ต่อที่ศาลากลางสวนหลังบ้าน แต่เพราะน้าปองมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับผมทำให้ผมต้องอยู่คุยกับน้าปองก่อน น้าปองส่งซองเอกสารพร้อมแฟลชไดร้ให้ผม และเมื่อผมเปิดดูเอกสารในซองก็ได้แต่เหน็บยิ้มมุมปาก
“จริงตามข่าวสินะ”
“สายข่าวของคุณแทนไทไม่เคยพลาดครับ”
ผมพยักหน้ารับเห็นด้วย เมื่อวันก่อนผมให้น้าปองไปสืบข่าวเรื่องบางเรื่องมาจากคุณแทนไทและมันก็เป็นจริงตามที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด
“ทำตามแผนเดิม ถ้าหากมีอะไรผิดพลาดผมจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง”
“คุณเต็มไม่กลัวว่าคุณกองทัพจะเข้าใจผิดเหรอครับ?”
“เพราะผมนิ่งมานานทางนั้นถึงได้กล้าทำขนาดนี้ ผมจำเป็นต้องแลกครับ และผมคิดว่ากองทัพคงจะเข้าใจ”
“แล้วถ้าหากคุณกองทัพไม่เข้าใจล่ะครับ”
เรื่องนั้นผมเองก็ไม่ได้คิดไว้เหมือนกัน ดังนั้นคำตอบของผมจึงมีเพียงแค่รอยยิ้ม ผมยกไหว้ขอบคุณน้าปองก่อนจะเตรียมขึ้นไปบนห้องนอนเพื่อตรวจดูข้อมูลในซองเอกสารอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง แต่ก่อนที่ผมจะหันหลังกลับ ก็เพิ่งนึกอะไรขึ้นได้
“คุณพ่อยังไม่รู้เรื่องนี้ใช่มั๊ยครับ?”
น้าปองระบายยิ้มบางเบา
“คุณเต็มถอดสำเนาท่านมาทุกกระเบียด.. ต่อให้ผมไม่ได้รายงานให้ท่านทราบด้วยตัวเอง ท่านก็มีวิธีรู้จนได้นั่นแหละครับ”
คนพูดหัวเราะ ผมเองก็หัวเราะตามไปด้วย ผมไม่เคยปิดความลับคุณพ่อได้สักเรื่องเลยสินะเนี่ย
.
.
.
.
.
.
.
TBC......