คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 11  (อ่าน 8904 ครั้ง)

ออฟไลน์ Loste

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: คอร์ดรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 7
«ตอบ #30 เมื่อ14-08-2017 05:09:34 »

คุณปกน่ารักอะ  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: คอร์ดรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 7
«ตอบ #31 เมื่อ14-08-2017 16:38:37 »

ปกติ ภู  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
อยู่ในช่วงทำความรู้จักคุ้นเคยกันสินะ
เหมือนปกติ รู้จักภู มาก่อน

รออ่านปัง กันเพื่อนบ้าน  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: คอร์ดรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 7
«ตอบ #32 เมื่อ14-08-2017 20:23:35 »

เรื่องวัยทำงานแต่น่ารักเชียว
เห็นชื่อเรื่องตอนแรกคิดว่าแนวดนตรี แบบคอร์ดกีตาร์อะไรงี้ ที่จริงเป็นคอร์ทแบดนี่เอง

ออฟไลน์ Chay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ดรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 7
«ตอบ #33 เมื่อ15-08-2017 18:40:47 »

ขอบคุณสำหรับฟีดแบคเรื่องชื่อเรื่องด้วยนะครับ เดี๋ยวจะปรับเรื่องตัวสะกดให้ถูกต้อง ขอบคุณอีกครั้งคร้าบบ

ออฟไลน์ Chay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 8
«ตอบ #34 เมื่อ24-08-2017 16:53:23 »

ตอนที่ 8 : พนัน


[มุมของปกติ]

คุณ...เคยรู้สึกสนใจใครสักคนหนึ่งที่คุณไม่รู้จักไหมครับ สนใจแบบว่า...ทำไมเราถึงเจอคนๆ นี้บ่อยจัง ไม่ว่าคุณจะไปทำอะไรที่ไหน ไปกินข้าว ไปเดินห้าง ไปกับเพื่อน หรือแม้กระทั่งไปเล่นกีฬา คุณก็ยังเจอคนๆ นี้อยู่ได้ เจอซ้ำแล้วซ้ำอีก เห็นคนๆ นี้เข้ามาอยู่ในสายตาตลอด แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าแค่ความสนใจที่ว่า ไอ้คนๆ นี้มันหน้าตาน่ารักดี เวลามันยิ้มแล้วดูน่ามองชะมัด คือมองได้ตลอดนะครับ ถึงจะไม่ได้คิดอะไรแต่ก็รู้สึกอยากมอง ทั้งๆ ที่ก็เป็น ‘ผู้ชาย’ เหมือนกัน ยิ่งบังเอิญเจอกันหลายครั้ง ก็ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มคนๆ นี้บ่อยยิ่งขึ้น และกลายเป็นความสนใจขึ้นมาโดยไม่ทันรู้ตัว

เกือบๆ สามปีที่แล้ว...

ผมไปดูเพื่อนผมแข่งกีฬาแบดมินตันที่สนามแบดแห่งหนึ่ง เป็นการแข่งขันที่ไม่ได้ใหญ่โตมาก แต่ก็มีคนสมัครเข้าร่วมรายการนี้ค่อนข้างเยอะ ตอนนั้นผมเพิ่งเริ่มตีแบดเองครับ ยังตีไม่เก่งอะไรเลย แค่เห็นเพื่อนตีก็อยากตีบ้าง พอเพื่อนมันลงแข่งผมก็เลยมาดู แต่ก็เพิ่งมารู้ว่าการแข่งนั้นใช้เวลาค่อนข้างนาน(มาก) ตั้งแต่แมทช์ที่ 1 ... 2 กว่าจะเริ่มกว่าจะจบทีละแมทช์ ผมเดินไปหาอะไรกินก็แล้ว สัปหงกก็แล้ว สไลด์โทรศัพท์จนแบดหมดไปครึ่งหนึ่งก็แล้ว ก็ยังไม่ถึงเวลาลงแข่งแมทช์ที่ 3 สักที (การแข่งขันรอบแรกจะมีทั้งหมด 3 แมทช์) ผมเลยเดินออกมาสูดหายใจใต้โรงยิมเพื่อรอเวลา ค่อยรู้สึกโล่งหน่อยครับ เพราะในโรงยิมนี่โคตรจะร้อน รู้งี้นอนตากแอร์อยู่บ้านดีกว่า
ระหว่างนั้นผมเห็นคนๆ หนึ่งเดินคุยโทรศัพท์ลงมาจากบนโรงยิม เป็นผู้ชายรูปร่างไม่สูงไม่เตี้ย ดูตัวเล็กกว่าผมหน่อย ผิวออกแทนนิดๆ ตากลมๆ ตอนคุยโทรศัพท์ไอ้หมอนี่คุยไปก็ยิ้มไป เวลายิ้มนี่จะเห็นลักยิ้มบุ๋มเข้าไปที่ข้างแก้ม ดูน่ารักดีแฮะ ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกันยังต้องชมเลย เรานั่งอยู่ไม่ไกลกัน เพราะที่นั่งใต้โรงยิมนี้ถูกจัดไว้ให้อยู่โซนเดียว นอกนั้นจะเป็นที่จอดรถ ทำให้ผมได้ยินภาษาเหนือที่เป็นบทสนทนากับคนในโทรศัพท์ ฟังแทบไม่ออกเลยครับ ผมได้แต่มองจากด้านหลัง เสื้อแบดที่มันใส่อยู่เป็นสีดำ ผมยังจำได้เลยว่าด้านหลังเสื้อสกรีนเป็นชื่อตัวสีชมพูว่า PHUPINK  หะ!! คนอะไรวะชื่อพูพิ้ง นี่เอาน่ารักหรือเอาฮากันแน่ แต่ถ้าจะเอาน่ารัก ผมว่า...ก็น่ารักอยู่นะครับ

หลังจากนั้น ผมก็กลับขึ้นไปดูเพื่อนผมแข่งในแมทช์ที่ 3 ปรากฏว่าคู่แข่งของเพื่อนผมคือคนที่ผมได้เจอข้างล่างเมื่อกี้นี่เอง แถมมันกับพาร์ทเนอร์ยังเป็นที่สนใจของคนที่มาร่วมการแข่งขันในวันนี้ซะด้วย เพราะหน้าตาดูโดดเด่นกว่านักกีฬาคนอื่นๆ ที่มาแข่งวันนี้แทบจะทุกคน ไอ้คนตัวสูงนั่นก็อย่างกับดารา สาวๆ นี่ส่งสายตาหยาดเยิ้มให้กันเป็นแถว ส่วนไอ้คนผิวแทนตัวเล็กกว่านี่ก็ทำให้ผู้ชายหลายๆ คนมายืนล้อมมองกันอยู่ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว...
ผมแทบไม่รู้ตัวเลยครับว่าระหว่างแข่ง ผมแทบไม่ได้หันไปเชียร์เพื่อนผมเลยด้วยซ้ำ เพราะสายตาผมมองไปที่เจ้าของดวงตากลมๆ กับรอยยิ้มสวยๆ นี่อยู่เกือบจะตลอด มันไม่ได้เล่นแบดมินตันเก่งอะไรมากมายเลยด้วย (แต่คิดว่าน่าจะเก่งกว่าผมในตอนนั้น) แถมยังแพ้เพื่อนผมอีกต่างหาก แต่ก็เป็นการพ่ายแพ้ที่ดูไม่ได้น่าเสียใจอะไร แต้มค่อนข้างสูสี ขนาดว่ามันแพ้มันก็ยังยิ้มแล้วยิ้มอีก

‘มาดูกูแข่ง ก็เชียร์กูบ้างครับเพื่อน สายตานี่มองแต่ฝั่งตรงข้ามกูตลอดเลยนะ’ เพื่อนผมทักขึ้นมาหลังจากที่มันเพิ่มเก็บชัยชนะในแมทช์เมื่อสักครู่นี้มาหมาดๆ

‘หมายถึงไรของมึงวะ’

‘เอ้า ยังไม่รู้ตัวอีกนะมึง กูเห็นมึงเอาแต่มองไอ้คนตัวเล็กฝั่งตรงข้ามกูไม่วางสายตาเลย นี่ขนาดพวกกูแข่งอยู่แท้’ เพื่อนอีกคนที่ลงแข่งด้วยกันเริ่มช่วยกันขยี้ผมซะแล้ว

‘มองเหี้ยไร ป่าว กูก็ดูแข่งแบด ก็ต้องมองไปทั้งสนามป่าววะ’

‘เหรอออ มองไปทั้งสนาม หรือมองแต่ฝั่งตรงข้ามกันแน่วะ เอาดีๆ’

‘เออๆ ช่างแม่ง พวกมึงชนะแล้วจะไปสนใจอะไรกันวะ คิดอะไรไปเรื่อย กูจะไปมองผู้ชายทำห่าไร’

‘เออๆ ไม่มองก็ไม่มอง กูเชื่อๆ’ เพื่อนผมสองคนมันหันไปหัวเราะกันเหมือนกับไม่เชื่อผมจริงๆ อย่างที่มันพูด แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็ผมไม่ได้มองจริงๆ นี่หว่า

หลังจากนั้น เพื่อนผมก็มีแมทช์ที่ต้องแข่งต่ออีก เพราะรอบแรกมันทำคะแนนได้ดี ผ่านเข้ามาสู่รอบที่ 2 ซึ่งแมทช์นี้ ถ้าแพ้คือกลับบ้านเลย ถ้าชนะก็เข้าไปสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ผมอาสาเดินไปซื้อเครื่องดื่มเกลือแร่มาให้พวกมันทั้งสองคนก่อนจะเริ่มแข่ง พอผมเดินไปถึงร้านขายน้ำ ผมก็ได้เห็นไอ้สองคนที่เพิ่งจะแข่งกับเพื่อนผมไปแมทช์ที่แล้วมันยืนคุยกันอยู่ตรงข้างร้านน้ำพอดี

‘ลุงครับ สปอนเซอร์สองขวด แล้วก็ชาเขียนเย็นแก้วนึงครับ’ ผมสั่งน้ำไปแบบไม่ได้สนใจอะไรสองคนนั้น

‘ไม่ต้องคิดมากหรอกมึง เราทำเต็มที่แล้ว ไว้แข่งครั้งหน้าค่อยเอาใหม่ก็ได้’ ไอ้คนตัวสูงกว่าทำท่าเหมือนกำลังปลอบใจเจ้าของดวงตากลมๆ ที่เมื่อกี้นี้ผมยังเห็นมันยิ้มๆ อยู่เลย แต่ตอนนี้ดูมันเหมือนจะแดงๆ นิดๆ ซะแล้ว

‘กูแม่งไม่น่าพลาดเองหลายแต้มเลย ถ้าเล่นได้ดีกว่านี้ก็คงไม่แพ้ว่ะ เห้อออ...’ ประโยคที่ออกมาจากปากไอ้คนตัวเล็ก ทำให้ผมพอรับรู้อารมณ์ผิดหวังได้ชัดเจน ผมเลยแอบหันไปมองนิดๆ อยากรู้ว่ามันเป็นอะไรหรือเปล่า

‘เอาน่า ช่างแม่ง กูก็เล่นเสียไม่แพ้มึง แต่เราก็ไม่ได้เล่นแย่ แค่ฝ่ายตรงข้ามพลาดน้อยกว่าเรา เอาน่าไอ้ภู ปกติมึงไม่เคยมานั่งนอยด์แบบนี้นี่หว่า ไม่ได้แพ้ครั้งแรกซะหน่อยนะเว้ย 555’ อ่อ ชื่อภูนี่เอง ถึงว่าสกรีนชื่อด้านหลังเสื้อว่าพูพิ้ง นี่มันเสียใจที่มันแพ้ถึงขนาดเพื่อนต้องมายืนปลอบใจกันยืดยาวขนาดนี้เลยหรือไงวะ

‘กูรู้เว้ย ว่าครั้งหน้าก็ยังมี แต่ก่อนแข่งกูเพิ่งจะบอกแม่กูไปเองว่าจะเอาถ้วยไปฝากให้ได้เป็นของขวัญวันเกิด นี่เป็นปีแรกเลยนะที่กูไม่ได้กลับไปฉลองวันเกิดแม่กู เพราะกูเลือกที่จะแข่งแบด แล้วแม่งไม่ได้อะไรกลับไปให้แม่กูดีใจเลยสักอย่าง กูก็เลยเสียดายที่แม่งตีเสียหลายแต้มจนต้องแพ้นี่ไง’

‘เอาน่ามึง กีฬาก็คือกีฬาป่าววะ มีแพ้มีชนะ กูรู้ว่ามึงรักแบดมินตัน แต่มึงต้องแยกแยะหน่อย เราไม่ใช่นักกีฬามืออาชีพ เราเล่นเพราะเราสนุก แม่มึงต้องเข้าใจมึงอยู่แล้ว ตีไปหัวเราะไปเหมาะกับมึงมากกว่าตีแล้วมานั่งนอยด์แบบนี้นะเว้ย’

‘ไอ้ห่าปัง กูไม่ใช่คนบ้า จะได้ตีไปหัวเราะไป มึงนี่นะ’ ดูเหมือนว่าไอ้คนชื่อพูพิ้งจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว สังเกตจากลักยิ้มที่เริ่มผุดขึ้นมาบนสองข้างแก้ม

‘เออ ต้องแบบนี้ดิวะมึง เลิกคิดเยอะ ป่ะ หาไรกินกัน เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง เรื่องแบดแพ้ แต่เรื่องกินไม่แพ้เว้ย’

พูดจบทั้งสองคนมันก็เดินไปทางลานจอดรถ ผมยืนฟังมันคุยกันจนจบ ไม่รู้จะไปอยากรู้อะไรกับเค้าด้วย แต่เท่าที่ผมได้ยิน (เผือก) เมื่อกี้ ไอ้พูพิ้งอะไรนี่น่าจะชอบตีแบดมากเลย ถึงดูเซ็งขนาดนั้น ผมคิดถึงเรื่องเมื่อกี้อยู่ตลอดทางที่ผมเดินกลับมาหาเพื่อนผม จริงๆ ก็ไม่ได้สนใจนะครับ แค่มันยังติดอยู่ในหัวเฉยๆ

การแข่งขันวันนี้ สรุปว่าเพื่อนผมได้ที่ 4 ไปแพ้เอาแมทช์ชิงที่ 3 แต่มันสองคนก็ดูดีใจมากเลยนะครับ จากที่ไม่เคยได้รางวัลอะไรมาก่อน และก็แข่งกันมาหลายรายการ นี่เพิ่งเป็นรายการแรกที่มันได้เหรียญรางวัลกลับบ้าน (การแข่งแบดจะมีรางวัลให้สำหรับที่ 1 – 4) ผมเห็นมันตั้งใจและพยายามกันมาก นัดซ้อมกันตลอดทุกอาทิตย์ ตอนแข่งนี่ผมส่งเสียงเชียร์มันแบบไม่สนใจใคร อยากให้เพื่อนเราชนะนี่ครับ เป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มรู้สึกสนุกกับกีฬานี้แบบจริงๆ จังๆ  ผมเริ่มอยากตีแบดให้เก่งขึ้นบ้าง จากแค่คนที่มาตีแบดเล่นๆ ตามประสาเพื่อนชวน ไม่มีอะไรจะทำก็เลยมา กีฬาอื่นก็ไม่ค่อยได้เล่น แต่ตอนนี้ ผมเริ่มอยากเข้าใจความรู้สึกของคนที่รักในบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาบ้าง อยากลองมีโมเมนต์ที่ได้ยืนรับเหรียญ หรือได้กระโดดตบสูงๆ อย่างที่เห็นคนอื่นเค้าทำได้บ้างแล้วล่ะครับ


วันต่อมา ระหว่างที่ผมนั่งทานข้าวเช้ากับป๊าม๊า อยู่ๆ ป๊าก็บอกว่าอยากจะให้ผมไปช่วยดูร้านวันเสาร์ อาทิตย์ เห็นว่าผมว่าง ไม่มีเรียน เลยอยากจะให้ลองศึกษากิจการค้าส่งของที่บ้านไปในตัวด้วย แต่ด้วยความที่ผมขี้เกียจ ไม่อยากจะต้องทำอะไรในวันหยุด ผมเลยบอกป๊าไปว่าผมไปสมัครเรียนตีแบดไว้ กว่าป๊าจะยอมเชื่อว่าทำไมผมถึงต้องเรียนตีแบด ก็ต้องชักแม่น้ำเกือบจะสิบสาย และเพื่อความสมจริง ผมก็ต้องให้ป๊าจ่ายค่าเรียนให้ด้วยครับ (เนียนโคตร)

หลังจากนั้นผมก็เริ่มเรียนตีแบดมาตลอด ชวนเพื่อนผมที่มันเพิ่งไปแข่งได้ที่ 4 มาเรียนกับผมด้วย แรกๆ ก็ไม่ได้อยากเรียนเท่าไร เพราะคิดว่าทำเพื่อให้ไม่ต้องไปช่วยงานป๊า ก็เลยมีโดดบ้าง อู้บ้าง เพราะเวลาเรียนมันจะเหนื่อยมาก เรียกได้ว่า โคตรรรรรเหนื่อยเลยจะดีกว่าครับ แต่พอเรียนไปเรื่อยๆ ได้เห็นพัฒนาการของตัวเอง ได้รับคำชมจากเพื่อนๆ ที่ตีแบดด้วยกัน ก็ทำให้ผมเริ่มรู้สึกสนุกและหลงรักในกีฬาแบดมินตันมากขึ้น จากนั้นผมก็เรียนมาเรื่อยๆ เรียนจนฝีมือตีแบดผมพัฒนามาไกลพอสมควร(วัดจากเวลาที่ผมไปตีแบดตามสนามต่างๆ แล้วมีผลงานดีตลอด ไปแข่งก็ได้ถ้วยรางวัลติดมือมาบ้าง) และจากวันนั้น ผมก็ยังตีแบดมาจนถึงทุกวันนี้ครับ ถ้าจะให้บอกว่าตั้งแต่ที่ผมไปดูเพื่อนแข่งแบดวันนั้น แล้วก็...ที่ได้ยินไอ้พูพิ้งนั่นมันคุยกับเพื่อน คือส่วนหนึ่งในแรงบันดาลใจของผม ก็ไม่ผิดหรอกครับ



หนึ่งปีหลังจากนั้น...

หลังจากที่เรียนแบดมาได้เกือบปี ผมก็ได้ไปสมัครเข้าแข่งขันแบดมินตันรายการหนึ่ง และด้วยความบังเอิญ ก็ทำให้ผมได้มีโอกาสเจอกับเจ้าของลักยิ้มคนเดิมที่เคยเจอกันเมื่อปีก่อนอีกครั้ง มาคราวนี้มันดูตัวโตขึ้นนิดๆ แบบไม่ได้หมายความว่าสูงขึ้นนะครับ แต่ร่างกายมันดูมีกล้ามเนื้อมากขึ้น จากเท่าที่จำได้ว่ามันเคยดูตัวผอมๆ กว่านี้ สงสัยกีฬาอาจจะช่วยพัฒนาร่างกายเราไปด้วยในตัว ดูอย่างผมดิครับ กล้ามแขนก็เริ่มมาแบบไม่ต้องยกเวทเลย การเจอกันครั้งนี้ ผมกับมันก็ยังไม่ได้รู้จักกันหรอกครับ เราเดินสวนกันหลายรอบ เพราะมาแข่งแบดครั้งนึงต้องใช้เวลาทั้งวัน ผมเลือกที่จะนั่งอยู่ไม่ไกลจากมัน ทำให้ผมได้เห็นมันเดินไปเดินมา เห็นทั้งหน้ายิ้มหน้าบึ้งของมัน เดี๋ยวก็หลับเดี๋ยวก็ตื่นขึ้นมากิน เราลงแข่งคนละระดับมือกัน (รู้สึกว่าตอนนั้นผมจะลงแข่งระดับที่หนักกว่าไอ้พูพิ้งแล้วครับ) เลยไม่ได้เจอกันในสนาม มองๆ มันไปก็เพลินดีนะครับ มันเป็นผู้ชายที่เห็นแล้วรู้สึกว่าน่ารัก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกชอบหรืออะไรหรอก

การแข่งขันครั้งนี้ ผมลงแข่งคู่กับเพื่อนผมอีกคนหนึ่งที่เรียนแบดมาด้วยกัน ระหว่างรอแข่งนัดสุดท้าย เพื่อนผมมันก็พูดขึ้น

‘ไอ้ปก มึงจำไอ้คนนั้นได้ป่าววะ ที่หน้าตามันน่ารักๆ อ่ะ’

‘ใครวะ ที่ว่าหน้าตาน่ารักของมึงอ่ะ’

‘ก็ไอ้คนที่มึงชอบมอง มองจนลืมเชียร์เพื่อนอ่ะ’

‘มึงพูดไรวะ กูไม่ได้มองใครทั้งนั้นอ่ะ’ จริงๆ ผมรู้ครับว่าเพื่อนผมมันหมายถึงไอ้พูพิ้ง แต่ผมว่าผมแกล้งตีมึนดีกว่า เพราะถ้ายอมรับมันจะหาว่าผมไปสนใจผู้ชายซะเปล่าๆ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย

‘เออๆ ไม่มองก็ไม่มอง เมื่อกี้กูเห็นมันแข่งอยู่ตรงคอร์ท 7 ดูเป็นรองเยอะเชียว ฝั่งตรงข้ามแม่งตบเอาๆ เห็นหน้าตาน่ารักๆ ของมันเวลาทำหน้าหงอยแล้ว กูนี่ยังอยากจะเดินเข้าไปปลอบมันเลย ผู้ชายห่าไรวะ เห็นแล้วรู้สึกตื่นเต้นอย่างกับเจอสาวๆ’

‘จะแพ้อีกหรือเปล่าวะเนี่ย...’ ผมเอ่ยปากออกมาเบาๆ แบบไม่ได้ตั้งใจ

‘หะ...มึงว่าไงนะไอ้ปก’

‘ป่าวๆ กูหิวน้ำ เดี๋ยวเดินไปซื้อน้ำก่อนนะ’ พูดจบผมก็เดินออกมาทันที จริงๆ ไม่ได้อยากกินน้ำ แต่อยากจะแว้บไปสังเกตการณ์สักหน่อย ว่าไอ้พูพิ้งมันเป็นไงบ้าง

ผมเดินมาถึงสนามที่ 7 เป็นจังหวะที่เกมจบลงพอดี

‘ไม่เป็นไรเว้ย อย่างน้อยก็เสมอ ได้มาแต้มนึง โอเคแล้ว’ ไอ้คนตัวสูงกว่าเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี ทำให้เจ้าของลักยิ้มนั้นพูดขึ้น
‘เออ เต็มที่แล้ว ฝ่ายตรงข้ามแม่งโคตรหนัก รวมคะแนนแล้วเราน่าจะเข้ารอบถัดไปแหละ’ พูดจบทั้งสองคนก็แปะมือกันเสียงดัง ผมได้เห็นรอยยิ้มของไอ้พูพิ้งอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เห็นมาตั้งเกือบปี รอยยิ้มของมันผมคิดว่าน่าจะทำให้คนที่ได้เห็นทุกคน อยากจะเข้าไปขยี้หัวมันให้หมายหมั่นเขี้ยวเสียจริงๆ (รวมทั้งตัวผมเองด้วยหรือเปล่าวะ)

ผมเดินกลับไปยังที่นั่ง ด้วยความรู้สึกดีใจนิดๆ สาเหตุน่าจะมาจากที่ได้รู้ว่าไอ้พูพิ้งไม่ได้แพ้ ผมจะไปเอาใจช่วยมันทำไมก็ไม่รู้นะครับ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเอง

‘กินน้ำอิ่มเลยไหมครับไอ้ปก’ เสียงเพื่อนผมทักขึ้นมา

‘เออะ...เออ ทำไมวะ’

‘เจ้าของร้านน้ำที่นี่เค้าใจดีเนอะ ไม่ต้องจ่ายตังค์ก็ได้กินน้ำฟรี กินมากี่ขวดวะ’ ไอ้เพื่อนผมมันเริ่มพูดไปหัวเราะไป ‘เห็นกระเป๋าตังค์มึงวางแหมะอยู่ข้างกระเป๋าแบดมึงอ่ะ ไม่รู้ว่าไปซื้อน้ำจริงๆ หรือแอบไปดูใครมาหรือเปล่าวะ ฮ่าๆๆๆๆ’ รอบนี้มันสองคนหัวเราะร่วนเลยครับ ผมแม่งพลาดจริงๆ บอกจะไปซื้อน้ำแล้วไม่เนียน ดันลืมหยิบกระเป๋าตังค์ไปซะได้

‘ไปดูใครที่ไหนวะ ก็ไปกินน้ำฟรีตรงที่เค้าเตรียมไว้ให้ข้างสนามไง พวกมึงนี่ก็แซวกูจังเว้ย’ ผมทำท่าเซ็ง เนียนไปก่อนครับ แต่มันสองคนก็ยังหัวเราะกันไม่หยุด จะมาจับคู่ผมอะไรกับไอ้พูพิ้งนั่นกันนักหนาวะเนี่ย!!


ร้าน KFC ประมาณ 3 เดือนก่อน

ระหว่างที่ผมกำลังทานมื้อกลางวันอยู่ ผมก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงแก้วน้ำหล่นแตกดังลั่นร้าน ตามมาด้วยมือของใครสักคน ที่กระชากพนักเก้าอี้ผมจนแทบจะหงายหลัง ผมหันไปมองเจ้าของมือเรียวๆ กลายเป็นไอ้พูพิ้งเจ้าของลักยิ้มไปซะได้ มันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงวะเนี่ย แถมรอบตัวมันยังมีไก่ทอดตกกระจายไปทั่ว หน้ามันดูเหวอนิดๆ มันขอโทษผมแล้วก็รีบเดินออกไปจากร้านอย่างไว หลายๆ คนในร้านมองตาม รวมทั้งผมด้วย ผมหันกลับไปอีกฝั่ง เห็นผู้ชายล่ำๆ คนนึงกำลังเรียกพนักงานมาเก็บกวาดชิ้นไก่ทอด ไม่รู้ว่าใช่คนที่มีปัญหาอะไรกับไอ้พูพิ้งหรือเปล่า ผมก็ไม่ทันได้เห็น เหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้นแค่แป้บเดียว แต่ก็ถือเป็นอีกครั้งที่ผมได้เจอกับมัน ตามันยังกลมๆ หน้ามันยังเนียนใสเหมือนที่ผมเคยเห็น ผมจำไม่ได้แล้วว่าไม่ได้เจอมันมานานแค่ไหน แต่ที่สำคัญ มันยังดูน่ารักเหมือนเดิมเลยแฮะ

หลังจากนั้นไม่นาน ที่สนามแบดมินตันแห่งหนึ่ง
วันนั้นผมแวะมาตีแบดที่สนามหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านผมนัก แต่เป็นสนามที่ผมไม่ค่อยได้มา เพราะมันไกลจากบ้านพวกเพื่อนผม พวกมันตีกันอีกที่หนึ่ง ผมก็เลยต้องตามพวกมันไปด้วย ผมไม่ค่อยชอบไปตีแบดคนเดียวเท่าไร เพราะมีหลายครั้งที่มักจะโดนพี่ๆ ที่สนามแซวกันอยู่เรื่อย ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกัน บางคนมีถึงเนื้อถึงตัวด้วยนะครับ เข้ามาทำท่าควงแขนบ้าง มานั่งเบียดบ้าง ผมรู้ว่าพี่ๆ เค้าก็คงแกล้งเล่น แต่บางทีผมก็ทำหน้าไม่ค่อยจะถูก ไม่ได้รังเกียจ แต่ก็ไม่ได้ชอบนี่ครับ แต่ถ้าไปกับเพื่อน ไอ้พวกนี้มันก็จะคอยกันท่าให้ พวกมันชอบด่าผมว่าให้ไปลดความหล่อลงบ้าง พี่ๆ ที่ก๊วนเค้ามองผมจนไม่เป็นอันตีแบดกันอยู่แล้ว (ไอ้พวกนี้ก็โอเวอร์ซะเหลือเกิน)

แต่ที่ยอมมาคนเดียววันนี้ ก็เพราะเพื่อนผมมันติดธุระ มันเลยขอยกเลิกนัด ส่วนอีกคนก็ยกเลิกตาม แต่อยู่บ้านก็ไม่มีอะไรจะทำ ก็เลยคิดว่าจะมาเล่นสักสองสามเกมค่อยกลับไปนอน หลังจากที่ตีเกมแรกเสร็จ ผมก็เดินมาซื้อน้ำ จากนั้นก็กำลังเดินกลับไปเพื่อนรอลงเกมถัดไป ใครคนหนึ่งก็เดินมาชนไหล่ผมเข้าอย่างจัง ไม่ได้แรงมาก แต่ก็ทำให้ผมต้องชะงัก ยังไม่ทันจะหันไปมองเต็มๆ ก็จำได้ทันทีว่านี่มันไอ้พูพิ้งนี่หว่า มันหันมามองผมพร้อมกับเหงื่อที่ท่วมไปทั้งตัว ส่วนผมหันไปมองมันแค่ปลายๆ ตาเท่านั้น ไม่เคยรู้ว่ามันก็ตีแบดที่นี่ด้วย ตอนนั้นผมอึ้งนิดๆ ที่ได้เจอมัน แล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไร ยังไม่ทันได้ยินด้วยซ้ำว่ามันพูดอะไรหรือเปล่า ผมก็เดินออกมาเลย ทำไมผมต้องไม่กล้ามองหน้ามันผมก็ไม่แน่ใจ ระหว่างเดินกลับมาผมก็เหลือบไปเห็นพาร์ทเนอร์ที่เคยแข่งแบดคู่กับไอ้พูพิ้งนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ ฝั่งนั้นเป็นก๊วนตีแบดที่ผมไม่เคยมาเล่นด้วยเลย ถ้าให้เดาก็คิดว่าสองคนนี้น่าจะตีแบดประจำกับที่นี่ ส่วนผมมาเล่นกับอีกก๊วนหนึ่งที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของสนาม นี่ก็ถือเป็นความบังเอิญอีกครั้งที่ทำให้ผมได้เจอกับมันอีกครั้ง (ขนาดเห็นแว้บๆ ก็ยังคิดว่า เจ้าของลักยิ้มนี่มันยังน่ารักเหมือนเดิม)


เมื่องานแข่งกีฬาบริษัทที่เพิ่งผ่านมา

ปีนี้ผมได้ร่วมแข่งกีฬาประจำปีของบริษัท หลังที่ผมเข้ามาทำงานได้ประมาณ 10 เดือน ก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นนักกีฬาแบดมินตันคู่มือ 1 ของชมรม บริษัทผมเป็นบริษัทในเครือของบริษัทแม่อีกที ผมสมัครเข้ามาทำงานที่พร้อมกับเพื่อนตีแบดของผม แต่มันได้งานในบริษัทในเครืออีกที่หนึ่ง ทำให้ผมต้องเป็นทีมฝั่งตรงข้ามกับมัน (กีฬาจะแบ่งออกเป็น 4 สี แข่งแบบพบกันหมด) ได้ข่าวมาว่า มันก็ถูกวางให้เป็นคู่มือ 1 ของสีเช่นกัน (ผมอยู่สีชมพู มันอยู่สีเขียว) ชมรมแบดของบริษัทผมค่อนข้างซ้อมหนักเลยครับ มีการซื้อตัวนักกีฬาระดับจังหวัดมาร่วมแข่งด้วย ตอนนี้ฝีมือผมก็ถือว่าเล่นได้สบายไม่แพ้ใครง่ายๆ แล้วล่ะครับ อาจจะยังด้อยกว่าเพื่อนผมนิดหน่อย เพราะมันเริ่มตีมาก่อนผม แถมเรายังเรียนแบดมาด้วยกันเป็นเวลา 2 ปีเห็นจะได้ ถ้าได้เจอกันต้องมันแน่นอนครับ

พอวันแข่งกีฬามาถึง ผมนัดกับเพื่อนเพื่อไปถึงสนามกีฬาตอนเช้าหน่อย จะได้ไปซ้อมล่วงหน้ากันก่อน เพราะถ้าคนเยอะแล้วเราจะไม่ได้วอร์มกันอีกเลย ประมาณเจ็ดโมงครึ่งตอนผมไปถึง คนก็ยังมากันน้อย เพราะการแข่งขันจะเริ่มตอน 9 โมง ผมเริ่มซ้อมกับเพื่อนจนได้แรงเลยหยุดพัก อีกไม่นานก็จะเริ่มแข่งขันแล้ว ตอนนี้ทั้งตัวมีแต่เหงื่อ เลยแยกตัวกันไปอาบน้ำก่อนสักรอบหนึ่ง หลังจากทำธุระเสร็จก็เดินมาที่หน้ากระจกเพื่อเช็คสภาพร่างกายสักหน่อย ผมเลือกใส่เสื้อสีชมพูประจำสีที่ชมรมแจกให้ไว้เลย จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ระหว่างที่ผมยังยืนอยู่หน้ากระจกนั้น สายตาผมก็ดันเหลือบไปเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แบบไม่ได้ตั้งใจ แต่ดันกลายเป็นคนที่ผมคุ้นตาไปซะได้ มันคือ...ไอ้พูพิ้ง !!

นี่มันมาทำอะไรที่นี่วะเนี่ย แต่ก็เดาไม่น่ายาก ถ้ามันใส่ชุดกีฬาแล้วมาอยู่ในวันแข่งกีฬาบริษัทประจำปีแบบนี้ มันต้องทำงานที่บริษัทเดียวกับผมแน่นอน แต่น่าจะอยู่บริษัทในเครือที่อื่น หรือไม่ก็สำนักงานใหญ่ เพราะผมไม่เคยเจอมันเลย ตอนนี้ผมอึ้งนิดๆ ครับ แต่ผมเก็บอาการไว้ทัน เลยรีบหลบสายตาจากมัน ระหว่างนั้น ผมกลับรู้สึกได้ว่า เจ้าของสายตาด้านข้างนี้มองมาทางผมแทน ผมยืนนิ่งๆ ปล่อยให้น้ำจากก๊อกไหลผ่านมือ แล้วค่อยๆ มองมันผ่านกระจก

‘หน้ากูมีอะไรติดหรือไง’ ผมระงับความอึ้งของตัวเอง แล้วถามมันก่อน เพราะผมเห็นตากลมๆ ของมันจ้องค้างอยู่ที่หน้าผมอยู่สักแป้บหนึ่งแล้ว ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี เลยใช้คำพูดแบบปกติที่ผมพูดกับเพื่อนของผม ซึ่งมันก็ดูไม่ค่อยสุภาพนัก

‘…’

อ้าว มันไม่ตอบด้วยแฮะ แถมสายตามันยังคงมองมาที่หน้าผมไม่เลิก

‘เห้ย ได้ยินป้ะเนี่ย’ ผมย้ำถามมันอีกครั้ง ไอ้พูพิ้งมันเป็นอะไรวะครับ

‘หะ ห๊ะ ว่าไง’ สงสัยสติมันจะเริ่มกลับมาละครับ ถึงตอบคำถามผมได้ แต่จะว่าคำตอบก็คงไม่ใช่ มันเป็นคำที่ถามผมกลับต่างหาก ไอ้น่ารักนี่กวนผมซะแล้ว

‘ก็เห็นยืนจ้องหน้ากูอยู่ มีอะไรหรือเปล่า หน้ากูมีอะไรติดอยู่หรือไง’ ผมทำตาหรี่ๆ รอคำตอบจากมัน เห็นมันอึ้งๆ ผมก็เลยอยากจะแกล้งมัน เวลามองหน้ามันตรงๆ นี่ถึงได้เห็นว่า หน้ามันโคตรเนียนเลยครับ ตากลมๆ ของมันนี่ทำให้มันดูน่ารักกว่าเพศชายคนอื่นๆ ที่ผมเคยเจอ (จริงๆ ผมก็ไม่ควรคิดว่าผู้ชายน่ารัก ถูกต้องไหมครับ)

‘ปะ เปล่า ไม่มีไร โทษที’ ไอ้พูพิ้งตอบผมแบบตะกุกตะกัก แล้วก็ก้มหน้าก้มตาล้างมือ ผมยังคงมองหน้ามันอยู่อย่างนั้น แต่ก็แค่สามวินาทีเห็นจะได้ ก่อนที่ผมจะเดินออกมา ผมรู้สึกตื่นเต้นนิดๆ นะครับที่ได้เจอหน้ามัน แต่จะตื่นเต้นทำไมเนี่ย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ

การแข่งแบดมินตันวันนี้ ผมเอาชนะคู่แข่งที่ผ่านมาได้ไม่ยาก จนกระทั่งแมทช์สุดท้าย ที่เป็นรอบชิงชนะเลิศ ผมต้องมาแข่งกับเพื่อนของผมเองที่อยู่ทีมสีเขียว และที่สำคัญ ทีมผมก็คาดหวังกับคู่ของผมมากๆ เพราะสีชมพูเป็นแชมป์เก่าถึง 3 สมัย แล้วข่าวที่ว่านักกีฬาทีมสีเขียวมาแรงมากปีนี้  ก็เป็นที่โจษจันในชมรมผมเป็นอย่างมาก (ซึ่งนั่นก็คือเพื่อนผมเองครับ) แน่นอนว่าใครจะไปอยากเสียแชมป์ ไอ้ตัวผมนี่จะแพ้หรือชนะก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้วครับ แค่อยากเล่นให้สนุกเท่านั้น

ระหว่างที่ผมกับพาร์ทเนอร์กำลังเตรียมตัวลงแข่ง ผมก็เห็นเพื่อนของผมมันเดินมาส่งซิกเรียกผมให้ออกไปคุยด้วย

‘เชี่ย ต้องมาแข่งกันเองซะงั้น 555’ เพื่อนผมทักขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะ

‘เออดิวะ สีกูแม่งก็โคตรกดดันกูเลยเนี่ย สงสัยกลัวเสียแชมป์’

‘แชมป์ไม่แชมป์ จริงๆ กูไม่ได้สนว่ะ กูก็อยากสนุกเหมือนมึง เอางี้ มาพนันกันดีมั้ย’ เพื่อนผมเริ่มหาอะไรพิเรนมาเล่นละครับ

‘พนันอะไรวะ’

‘ก็ไม่มีอะไร พนันกันสนุกๆ จะได้เล่นกันเต็มที่ กล้าป่าววววว...’ เพื่อนผมทำท่าล้อเลียน สงสัยมันรู้มั้งครับว่าผมไม่ชอบยอมแพ้ เลยกะว่าจะบิ๊วผมให้ยอมเล่นสนุกกับมัน แล้วก็ได้ผลซะด้วยครับ

‘พนันอะไร ไหนมึงลองว่ามา’

‘ใครชนะ สามารถสั่งให้คนแพ้ทำอะไรก็ได้อย่างหนึ่ง’ โอ้โห เหมือนจะดูง่ายๆ แต่เอาจริงๆ ไอ้เพื่อนผมคนนี้มันกวนตีนใช่ย่อยนะครับ ถ้ามันสั่งให้ผมไปยืนแก้ผ้าหน้าสนามแบดจะทำไง แต่เอาจริงๆ ผมก็คิดว่ามันคงไม่เลวขนาดนั้นหรอกครับ ‘แต่ต้องบอกมาก่อนแข่งเลยนะเว้ย ว่าอยากให้ทำอะไร คิดตอนนี้เลย’

‘เชี่ย มึงจะรีบไปไหนวะ กูจะไปคิดอะไรออกตอนนี้ แม่งจะแข่งอยู่แล้ว’

‘อ้าว ยิ่งรู้ก่อนว่าถูกท้าว่าอะไรก็ยิ่งกดดัน สนุกดีออก เวลาแข่งจะได้ทำเต็มที่ อารมณ์เหมือนหนีตาย ฮ่าๆ’

‘เชี่ยละ มึงจะสั่งให้กูไปตายหรือไง’

‘ไอ้ห่า มึงก็บ้า นี่กูเพื่อนมึงนะเว้ย เร็วๆ บอกมา ถ้ากูแพ้มึงจะให้กูทำอะไร’ ตอนนี้อีกไม่กี่นาทีจะลงแข่งอยู่แล้วครับ ผมเลยนึกไม่ออกว่าจะหาอะไรกวนๆ ให้มันทำดี ถ้ามันแพ้ผมในรอบชิง

‘งั้น กูจะขอให้มึงไปสารภาพรักกับน้องนาเดีย ที่เรียนแบดกับเรา เห็นมึงบอกชอบเค้ามาเกือบปีละ ป๊อดอยู่ได้’

‘เชี่ยยยย สารภาพรักเลยเหรอวะ’

‘เออ มึงอยากตั้งชวนกูพนันเองนี่หว่า พูดแล้วห้ามคืนคำนะเว้ย’

‘เออ กูไม่คืนคำก็ได้ ถ้ากูแพ้กูจะยอมไปสารภาพกับน้องนาเดียก็ได้ แต่ถ้ามึงแพ้ สิ่งที่กูจะให้มึงทำก็คือ........มึงต้องไปจีบไอ้ผู้ชายน่ารักที่มึงชอบมองคนนั้น 7 วัน !!’






เดี๋ยวนะครับ เพื่อนผมมันพูดอะไรผิดหรือเปล่าครับ ให้ผมไปจีบผู้ชายเนี่ยนะ

‘เดี่ยวๆ มึงจะให้กูไปจีบผู้ชายเนี่ยนะ’

‘ทำไมวะ ผู้ชายน่ารักขนาดนั้น แล้วที่สำคัญ กูเห็นมึงไปด้อมๆ มองๆ เค้ามาตั้งแต่ปีสองปีที่แล้ว หรือมึงป๊อดวะ’

‘เชี่ย จีบผู้ชายเนี่ย มึงไม่ป๊อดเหรอ’

‘งั้นมึงก็ชนะดิ มึงจะได้ไม่ต้องทำ เพราะกูก็ไม่อยากแพ้มึงหรอก มึงคิดว่ากูจะเอาความกล้าที่ไหนไปสารภาพกับน้องนาเดียวะ’

สรุปว่า ตกลงพนันกันเอง แต่ก็หวั่นๆ กันเอง งั้นล้มเลิกดีไหมครับ แล้วไอ้ที่ให้ผมไปจีบผู้ชายเนี่ย มันไม่ยิ่งกว่าอีกเหรอ ถึงผมจะคิดว่า ที่เพื่อนผมบอกว่าผมเคยไปด้อมๆ มองๆ ไอ้พูพิ้งเนี่ย มันก็ไม่ได้ผิด แต่ผมก็ไม่ได้คิดถึงขั้นจะไปจีบมันสักหน่อย ยังไม่ทันที่จะตกลงกันเสร็จ กรรมการก็เป่านกหวีดเรียกลงสนาม นัดชิงชนะเลิศกำลังจะเริ่มต้นแล้วครับ

‘ตามนั้นนะเว้ยไอ้ปก เล่นกันให้เต็มที่ แล้วใครแพ้ห้ามเบี้ยวนะเว้ย กูไปล๊ะ’ พูดจบเพื่อนผมมันก็หันหลังเดินกลับไปทันที แถมก่อนก่อนไปมีทำเสียงกวนทีนผมซะด้วย ดูเหมือนผมจะไม่มีทางเลือกสำหรับการพนันในครั้งนี้ ตอนแรกที่ว่าจะเล่นกันขำๆ ตอนนี้เหมือนผมจะเริ่มขำไม่ค่อยออกซะแล้วครับ

...ถ้าผมแพ้ ผมต้องไปจีบไอ้พูพิ้งนั่นจริงๆ เหรอเนี่ย...

*************************************************
ต้องขออภัยที่เว้นนานไปหน่อยนะครับสำหรับตอนนี้ เนื่องจากผู้เขียนติดภารกิจหลายอย่าง ยังไงเดินทางมาถึงตอนที่ 8 แล้ว น่าจะได้รู้จักกับปกติมากยิ่งขึ้น ชอบหรือไม่ยังไง แนะนำติชมกันได้เลยนะคร้าบบบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-08-2017 16:56:43 โดย Chay »

ออฟไลน์ K.PanPan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 8
«ตอบ #35 เมื่อ26-08-2017 00:07:53 »

แอบชอบภูแล้วอะดี้ ปกติ :-[

ออฟไลน์ awfsp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 8
«ตอบ #36 เมื่อ26-08-2017 13:56:41 »

น่ารักจัง ปกติ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 8
«ตอบ #37 เมื่อ26-08-2017 15:12:57 »

ปกติ น่ารักเกิ้น
แอบมองเขาเป็นปีๆ

ออฟไลน์ Chay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 8
«ตอบ #38 เมื่อ27-08-2017 14:34:47 »

เรื่องราวของปกติยังมีอีก 1 ตอน ฝากติดตามในตอนต่อไปกันด้วยนะคร้าบ >//<

ออฟไลน์ Chay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #39 เมื่อ21-09-2017 17:00:03 »

ตอนที่ 9 กลับมาต่อแล้วครับ ต้องขอโทษด้วยที่ห่างหายไปเกือบเดือน ชีวิตมีปัญหาให้สะสางเยอะมากๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหาเวลามาสานต่อเรื่องราวของปกติกับภูพิงค์แน่นอนครับ ยังไงขอกำลังใจจากทางผู้อ่านเยอะๆ หน่อยนะคร้าบ >//<





ตอนที่ 9 : จะจีบแล้วนะเว้ย


[มุมของปกติ 2]

ปี๊ดดด...

เสียงนกหวีดจากกรรมการเป่าเพื่อเริ่มการแข่งขัน ตอนนี้สมาธิผมเหมือนจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไรเลยครับ เรื่องที่ผมถูกท้าทายจากเพื่อนที่ตอนนี้กลายเป็นคู่แข่งอยู่ฝ่ายตรงข้าม ยังคงรบกวนจิตใจผมอยู่ลอดเวลา การที่ต้องไปจีบผู้ชายด้วยกันนี่มันเป็นยังไง ผมก็ยังนึกภาพไม่ออก แต่ทางเดียวที่ผมจะไม่ต้องทำ นั่นก็คือผมต้องชนะการแข่งขันครั้งนี้ให้ได้ แม้ผมจะเป็นมวยรองก็เถอะ

เกมเริ่มไปได้ไม่นาน แต้มของผมยังคงสูสีกับฝ่ายตรงข้าม แล้วในขณะที่ผมเป็นฝ่ายเสริฟลูกนั้น สายตาผมก็ดันมองผ่านตาข่ายตรงหน้า ไปเห็นไอ้พูพิ้งนั่นนั่งดูผมแข่งอยู่ที่ท้ายสนามฝั่งตรงข้าม สายตามันกำลังมองมาทางผมพอดี ระยะห่างของผมกับมันตอนนี้ไม่ได้ไกลเกินกว่าที่ผมจะเห็นหน้าของเจ้าตัวชัดๆ มันทำให้การท้าพนันครั้งนี้วนเวียนมาในหัวผมอีกจนได้ ทั้งๆ ที่สมาธิผมเริ่มกลับมาแล้ว ผมต้องทำเป็นไม่มองมันแล้วแข่งต่อไป แต่ให้ตายเถอะครับ ตอนนี้แม้แต่เสียงกองเชียร์จากทีมของผมที่ดังกระหึ่ม กลับผ่านหูผมไปเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย เพราะประโยคที่ว่า

‘มึงต้องไปจีบไอ้ผู้ชายน่ารักที่มึงชอบมองคนนั้น 7 วัน’ มันกลับมาวิ่งวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ผมใช้พลังและความสามารถเท่าที่มี มาทดแทนกับสมาธิที่ไม่ค่อยจะอยู่กับตัวเท่าไรนัก ไอ้พูพิ้งมันจะมานั่งตรงนั้นทำไมวะเนี่ย มันทำให้ผมมองเห็นมันตลอดเวลา แล้วก็เหมือนว่ามันเองก็มองมาที่ผมตลอดเวลา ถึงผมจะคิดว่าผมคิดไปเอง แต่มันก็ทำให้ผมต้องมองไปทางมันอยู่ตลอด ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากรู้ว่ามันมองผมอยู่หรือเปล่า ผมตีพลาดไปหลายแต้ม ทั้งที่มันไม่ควรจะพลาดเลย แม้พาร์ทเนอร์ของผมจะไม่ได้ว่าอะไร แต่ผมหงุดหงิดตัวเองเป็นบ้าเลยครับ ยิ่งพอได้เห็นรอยยิ้มมุมปากจากเพื่อนผมที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตาข่าย มันยิ่งตอกย้ำว่าผมจะแพ้ไม่ได้ แต่ตอนนี้เกมในเซ็ตแรกกำลังจะจบไปด้วยสกอร์ที่ผมไม่น่าจะตามทันแล้วครับ

21 – 18

ผมแพ้ไปในเซ็ตแรกด้วยคะแนนที่ไม่ห่างเลย ถ้าผมตีเสียน้อยกว่านี้ ผมอาจจะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ ไม่ได้การแล้วครับ เหลือโอกาสอีกเซ็ตเดียว ผมต้องทำอะไรสักอย่าง !!
ผมตัดสินใจแล้วว่า ผมจะเดินเข้าไปหาไอ้พูพิ้งนั่นเพื่อทำอะไรสักอย่าง ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องดึงสมาธิกลับมาให้ได้

ผมหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าของลักยิ้มนั่น มันนั่งก้มหน้าสไลด์โทรศัพท์อยู่สักแป้บก็คงจะรู้ตัว เลยเงยหน้ามองมาที่ผม นาทีนั้นผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกันครับ เรียกว่า พูดไม่ออกดีกว่า ตากลมๆ ของมันจ้องมองมาที่ผมด้วยอารมณ์ที่ดูตกใจนิดๆ ปากมันก็เผยอหน่อยๆ แม่งผู้ชายอะไร ทำไมมันน่ารักจังวะเนี่ย แต่เดี๋ยวก่อน ผมต้องไม่ลืมจุดประสงค์ที่ผมเดินมาหามันตรงนี้ ยังไงผมก็ต้องทำ ผมสูดหายใจเข้าปอดเบาๆ ก่อนจะพูดออกไป

‘อย่ามองได้มั้ยวะ กูเสียสมาธิ’ ผมพูดออกไปด้วยท่าทางที่จริงจัง ก็มันทำให้ผมเสียสมาธิจริงๆ นี่หว่า

‘ห๊ะ’ ไอ้พูพิ้งตอบกลับมาด้วยน้ำเสียง งงๆ

‘กูบอกว่า อย่ามองได้มั้ย กูไม่มีสมาธิ’ ขอร้องเหอะ ถ้าไม่อยากโดนกูจีบ!!

ผมหันกลับมาโดยที่ไม่กล้ามองหน้ามันต่อเลยครับ เดาว่ามันคงงงอยู่แน่ๆ ว่าทำไมผมต้องมาพูดเรื่องอะไรแบบนี้ ผมอาจจะคิดบ้าอะไรของผมไปเอง แถมเพื่อนที่นั่งข้างๆ มันก็คงได้ยินที่ผมพูดไปด้วย ตอนนี้ทั้งสองคนคงกำลังพูดถึงผมกันอยู่แน่ๆ แต่ก็ช่างเถอะครับ หน้าที่ของผมตอนนี้ คือต้องเอาชนะเกมในเซ็ต 2 ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นให้ได้ รอบนี้ผมเปลี่ยนมาอยู่อีกฝั่งหนึ่งแล้ว ซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับที่ไอ้พูพิ้งนั่งอยู่ นั่นหมายความว่าเซ็ตนี้ผมต้องหันหลังให้ ดีเลยครับ ถ้าไม่ได้เห็นหน้ามัน ผมจะต้องมีสมาธิมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมแน่ๆ

เสียงกรรมการเป่านกหวีดให้สัญญาณเริ่มเกมในเซ็ตที่ 2 คราวนี้ผมรวบรวมพลังที่เหลือโหมบุกใส่ฝ่ายตรงข้ามไม่ยั้ง ทั้งตบทั้งตัดหยอด ทั้งรับ ทั้งเสริฟ เรียกว่าเรียนวิชาอะไรมาบ้างนี่ผมเอามาใช้หมดครับ แต้มเราผลัดกันนำผลัดกันตาม เกมเป็นไปอย่างสูสี เสียงกองเชียร์ของทั้งสองสีดังกระหึ่ม ตอนนี้ผมลืมนึกถึงไอ้พูพิ้งไปได้ขั่วขณะ เพราะสมาธิผมมาเต็ม

แต่แม่งงงง !!
ฝ่ายตรงข้ามแม่งดันตีลูกออกไปทางด้านหลัง ทำให้ผมต้องเดินไปเก็บลูก แล้วเจ้าลูกแบดเนี่ย ก็ดันไปตกลงตรงหน้าของไอ้พูพิ้งนั่นอีก ทำให้ผมต้องหันไปเห็นหน้าใสๆ ของมันอีกครั้ง ไอ้ห่านี่ก็ยังคงมองผมอยู่ได้ วินาทีเดียวที่ผมสบตากับมัน ประโยคที่ถูกท้าพนันก็แล่นเข้ามาในหัวทันที ถ้าผมต้องจีบไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมนี่มันจะเป็นยังไงวะ...

ผมเดินกลับมาเสริฟลูกหลังจากที่ได้แต้มเมื่อกี้ เกมดำเนินต่อไป ไอ้เพื่อนฝ่ายตรงข้ามของผมก็ไม่รู้ไปกินอะไรมา แรงมันดีไม่มีตกเลยครับ คราวนี้มันก็บุกอย่างต่อเนื่อง ลูกตบของมันทำเอาพาร์ทเนอร์ของผมรับไม่ได้ไปหลายลูกเลย แต้มของฝั่งผมเริ่มเป็นฝ่ายตามซะแล้ว

17-15
18-15

การตาม 3 คะแนนในช่วงปลายเซ็ตแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ใจจริงผมอยากเห็นเพื่อนของผมได้จีบน้องนาเดียมากกว่านะครับ เห็นมันแอบมองมาตั้งเป็นปี น้องแกขาวหมวยน่ารัก เพื่อนผมมันก็หน้าตาดี ดีกรีนักกีฬา น่าจะลงเอยกันได้ มันไม่ควรจะกลายเป็นผมที่ต้องไปจีบผู้ชายที่ถึงแม้ผมจะยอมรับว่าน่ารักขนาดไหนก็ตามเหอะ ถูกต้องไหมครับ

แต่...

21 – 19

ผมแพ้ครับ...
เชี่ยแล้วไงงงง...

ผมเดินไปจับมือฝ่ายตรงข้ามตามมารยาทหลังการแข่งขัน เพื่อนผมก็ไม่รอช้าที่จะทวงสัญญาผมทันที

'อย่าลืมนะไอ้ปก สัญญากันแล้วนะเว้ย' นั่นไงครับ เอาจริงๆ ผมยังคิดว่ามันล้อผมเล่นอยู่เลย แต่ตอนนี้สงสัยจะไม่ใช่ซะแล้ว

'เออ กู...กูรู้แล้วน่า ขอเวลากูทำใจหน่อยดิวะ นี่มึงคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายเหรอ ให้กูไปจีบผู้ชายเนี่ย'

'มันจะยากเว้ย ถ้ากูให้มึงไปจีบใครก็ไม่รู้ แล้วกูก็คงไม่ให้มึงทำแบบนั้น แต่กับคนเนี้ย คนที่มึงมองเค้ามาตั้งนาน ถึงมึงจะบอกว่ามึงไม่ได้คิดอะไร แต่กูว่ากูอ่ะ...ดูออก ว่ามันเป็นผู้ชายคนเดียวที่มึงสนใจ และมึงจะจีบเค้าได้ มึงเชื่อกูดิ แค่ 7 วัน แพ้แล้วอย่ามาทำเบี้ยวนะเว้ย'

'เออ กูรับปากแล้ว บอกจะทำก็ทำ แต่กูไม่เข้าใจว่ะ ว่าทำไมมึงถึงคิดว่ามันเป็นผู้ชายที่กูจะจีบได้วะ กูเคยมองมันก็จริง แต่มันไม่ได้หมายความว่ากูชอบผู้ชายนะเว้ย'

'กูรู้ว่ามึงไม่ได้ชอบผู้ชาย กูถึงบอกว่า แค่คนนี้คนเดียว ขนาดกูยังมองว่ามันแม่งน่ารัก น่าแกล้งชิบหาย เอาน่ามึง แค่ 7 วันไม่ตายหรอก เริ่มเลย'

'ห๊ะะ.. เริ่มเลยเชี่ยไร มึงจะบ้าเหรอ ขอเวลากูทำใจก่อน'

'ไอ้ห่าปก วันนี้เนี่ย จะหมดวันแล้ว มึงเริ่มวันนี้ พรุ่งนี้แม่งก็วันที่สองละ มึงจะรอไรวะ มึงอยากยื้อเวลาให้นานเหรอ แหม...แผนสูงนะมึงงง'

'แผนเผินไรวะ เชี่ย เอาไงดีวะเนี่ย แล้วกูจะต้องพูดยังไงวะ'

'มึงก็พูดไปเลยว่ามึงจะจีบ จะอ้อมค้อมทำไม ไปจัดเลยเพื่อน'

ตอนนี้หัวใจผมเต้นรัวไปหมด จะว่าตื่นเต้นก็...น่าจะใช่นะครับ คือผมพูดตรงๆ ว่า อาการต่อต้านในหัวของผมนั้นมันแทบไม่มีเลยครับ ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่นี่คือการไปจีบผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง แล้วผมก็คงไม่ยอมทำแน่ๆ ถ้าเพื่อนผมให้ไปทำแบบนี้กับคนอื่น แต่กับไอ้พูพิ้ง เจ้าของลักยิ้มน่ารัก กับตากลมๆ ที่ผมเคยเห็นมาหลายๆ ครั้ง ทำไมผมถึงยอมรับปากก็ไม่รู้

ผมเดินมาตรงประตูทางออกจากโรงยิม เพราะจำได้ว่าเมื่อกี้นี้เห็นพาร์ทเนอร์ของไอ้พูพิ้งเดินอยู่แว้บๆ เจ้าตัวก็น่าจะอยู่ด้วยกันล่ะมั้ง แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงประตู ผมก็เห็นเจ้าตัวกำลังเดินเอื่อยๆ อยู่ด้านหน้าพอดี

‘เห้ย เดี๋ยว’ ผมส่งเสียงทักไอ้พูพิ้งจากด้านหลัง

‘มีอะไรอีก’ เจ้าของลักยิ้มตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนัก

‘มึงทำให้กูแพ้’ ผมพูดไปด้วยเสียงแข็งๆ ตอนนี้ความตื่นเต้นเข้าถาโถมผมเข้าอย่างจัง

‘ห๊ะ อะไรนะ’ มันทำหน้าเหวออีกแล้วครับ

‘มึงทำให้กูแพ้ มึงต้องรับผิดชอบ’


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

จะ...จะ...จะพูดแล้วนะ...

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก หัวใจผมแทบจะหลุดออกมาจากอกข้างซ้ายอยู่แล้ว

‘เห้ย รับผิดชอบอะไรวะ’ เสียงทวงถามจากบุคคลตรงหน้ายังคงแว่วเข้ามาในหู

เอาวะไอ้ปกติ พูดก็พูด!!

1 – 2 – 3

‘มึง ต้อง มา เป็น แฟน กู’
..
..
..
..
..
..
เชี่ยยย ผมพูดไปแล้วครับ พูดไปแล้วจริงๆ ด้วย ขอผู้ชายเป็นแฟน ทำไปได้ไงวะ ไอ้คนตรงหน้าผมดูสตั๊นไปเลยครับ นิ่งสนิทไปสามวิ ผมหันหลังเดินกลับมาทันที ตอนนี้ถ้าใครเอาไม้แบดมาฟาดที่หน้าผม ผมอาจจะไม่รู้สึกอะไรแล้วก็ได้นะครับ มันชาไปหมด ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าแค่พูดๆ ไปตามหน้าที่ รับปากแล้วต้องทำ แต่ตอนนี้หน้ามันชาๆ ใจเต้นรัว รู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนไปจีบสาวสมัย ม.ปลาย เลยครับ

ผมคิดว่า นี่คงเป็นสิ่งแปลกประหลาดที่สุดจากทุกอย่างที่ผมเคยทำมาแล้วในชีวิตเรียบๆ จืดๆ ของผม ผมยังจำสายตาที่ดูตกใจของไอ้พูพิ้งได้อยู่เลย เป็นผมก็คงอึ้งนะครับ มีผู้ชายมาขอเป็นแฟนแบบนี้ สับสนโคตรๆ เลยครับ นี่นับเป็นวันที่ 1 แล้วใช่ไหม แล้วหลังจากนี้อีกตั้ง 6 วัน มันจะเป็นยังไงต่อ ผมยังคิดภาพไม่ออกเลย...



07.00 น.

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ผมตื่นมาทำงานด้วยสภาพร่างกายที่โคตรจะไม่พร้อมที่สุดตั้งแต่ทำงานมาเลยครับ เพราะการแข่งกีฬาบริษัทเมื่อวานได้ดูดเอาพลังชีวิตที่ผมมี หมดไปกับแบดมินตันเกมสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย กว่าผมจะนอนหลับลง ทั้งที่ร่างกายเพลียมากๆ แต่มันทั้งปวดทั้งเมื่อยไปทั้งตัว น่าจะเป็นเพราะว่าผมไม่ได้ยืดเส้นหลังจากแข่งเสร็จด้วยแหละครับ 
และอีกส่วนหนึ่ง น่าจะด้วยความที่ผม..............
ผม..
ผม..
ผม........ผมต้องรีบวิ่งไปขอผู้ชายด้วยกันเป็นแฟนนี่แหละครับ ทำเอาหัวผม blank ไปหมด!!
เห้อออออ ผมไม่น่าแพ้เลย ถึงพี่ๆ ในชมรมจะเข้ามาแสดงความดีใจและชื่นชมในฝีมือของผมและพาร์ทเนอร์ที่เล่นได้ชนะใจทุกคนจนไม่สนกับผลการแข่งขันก็ตาม แต่ตัวผมเองนี่ดิครับ ที่ต้องมาจัดการกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอีก 6 วันที่เหลือนี้ ผมต้องทำยังไงต่อไปผมยังไม่รู้เลย

แต่...ถ้าผมจำไม่ผิด ผมเคยเจอไอ้พูพิ้งที่สนามแบดครั้งนึงนี่หว่า
 
ที่ผมนึกขึ้นมาได้ก็เพราะผมคิดว่ามันเป็นที่ๆ มีโอกาสจะได้เจอกับคนที่ผม(จำเป็นต้อง)จีบอยู่น่ะสิครับ ในเมื่อตอนนี้ผมไม่มีคอนแทคอะไรกับมันเลย ผมก็คิดว่าการไปสถานที่ๆ เจ้าตัวอยู่น่าจะดีที่สุด
อย่างว่าแหละครับ ผมลูกผู้ชาย คำไหนคำนั้น พนันได้ก็ต้องทำได้ครับ แค่จีบผู้ชาย 6 วันเอง ไม่น่ายาก!! ... มั้ง

หลังเลิกงานผมกลับมาเปลี่ยนชุดที่บ้าน เพราะตั้งใจว่าวันนี้ผมจะเข้าไปตีแบดสนามแถวบ้าน ที่ผมบอกว่าผมเคยเจอไอ้พูพิ้งนั่นแหละครับ นี่โทรไปชวนเพื่อนตั้งแต่บ่าย ไอ้สองคนนั้นมันก็รักผมจริงๆ ครับ ไม่มีใครมาเป็นเพื่อนผมสักคน เพื่อนเวร
 
หลังจากที่เตรียมของเสร็จ ผมก็นั่งแท็กซี่จากบ้านมาที่สนามแบด ระยะทางไม่ไกลผมเลยขี้เกียจขับรถมา วันนี้รถไม่ค่อยติดเท่าไร เพราะคนขับรถรู้ตรอกซอกซอยในการลัดเลาะเป็นอย่างดี แป้บเดียวก็มาถึงสนามละครับ สองทุ่มพอดี ผมเดินขึ้นไปตรงก๊วนที่เคยเห็นไอ้พูพิ้งมันมาตีอยู่เมื่อหลายเดือนก่อน เพื่อบอกชื่อ แล้วก็จ่ายตังค์ค่าชิปสำหรับใช้แทนเงิน

‘ไม่เคยเห็นหน้าเลย เพิ่งเคยมาตีกับก๊วนเราใช่ไหมเนี่ย’ พี่คนหนึ่งที่ดูแลก๊วนนี้ทักขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อย

‘ครับ’ ผมตอบกลับไปสั้นๆ

‘งั้นก็มาบ่อยๆ นะจ๊ะ ก๊วนพี่จะได้มีสีสัน น่ามอง’ ประโยคหลังนี่จะว่าเป็นคำแซวก็ไม่เชิงนะครับ เพราะพอผมเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าสมาชิกคนอื่นๆ ที่มาตีแบดวันนี้มองผมกันเป็นตาเดียว ทำเอาผมเดินไปไหนไม่ถูกเลย รู้สึกเขินนิดๆ ครับ ผมไม่ค่อยได้ไปตีแบดแบบฉายเดี่ยวที่ไหน แถมพอมากลายเป็นเป้าสายตาแบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่ ตอนนี้ผมก้มหน้าก้มตาเดินไปตรงริมสนามฝั่งหนึ่งเพื่อนั่งรอคนจัดเกมเรียกลงไปในสนาม

เสียงแซวแว่วเข้ามาในหูผมตลอดทาง จริงๆ ผมไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกครับ เพราะเคยโดนแซวแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง แล้วผมก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองหล่ออะไรมากมายด้วย ผมเลยเดินมาแบบเงียบๆ แล้ววางกระเป๋าลง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่นแก้เก้อ

นั่งอยู่ประมาณสิบนาทีก็คิดว่า เกมต่อไปน่าจะเป็นเกมที่ผมได้ลงไปเล่นแล้ว ผมเลยเดินไปทางร้านขายน้ำเพื่อซื้อน้ำเปล่าและเครื่องดื่มเกลือแร่มาเตรียมไว้ พอเดินกลับมาผมก็ได้เห็นว่า คนที่เป็นเป้าหมายที่ทำให้ผมต้องมาที่นี่วันนี้ ได้ยืนอยู่ที่โต๊ะลงชื่อพร้อมกับเพื่อนของมัน ผมยืนนิ่งอยู่แว้บหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้าไปทัก เอาน่า นี่วันที่ 2 แล้ว เหลืออีกแค่ 5 วัน พันธสัญญาการจีบผู้ชายของผมก็จะสิ้นสุด

‘อยากตีแบดด้วย’ ผมเอ่ยทักจากทางด้านหลัง เจ้าของลักยิ้มหันกลับมาด้วยท่าทางตกใจนิดๆ
 
‘มาได้ไงวะ’ มันถามผมด้วยหน้าตาที่ยังอยู่งงๆ อยู่

‘ก็มาหา’ คนจีบกันเค้าต้องพูดแบบนี้ใช่ป่าววะ นี่ผมไม่ได้คบกับใครมาตั้งนานจนลืมกระบวนการไปหมดแล้วเนี่ย

‘หะ มาหาเราเนี่ยนะ’ หน้ามันยิ่งงงกว่าเดิมครับ หรือว่ามันจะลืมไปแล้วว่าเมื่อวานนี้ผมพูดอะไรไว้กับมัน

‘เออ มาหามึ... มาหานายดิวะ’ เกือบหลุดภาษาที่ผมใช้กับเพื่อนของผมไปละ ดีนะที่ชะงักไว้ทัน

ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่า สายตาหลายๆ คู่มองมาทางผมกับไอ้พูพิ้ง อาจจะสงสัยว่าเราสองคนรู้จักกันด้วยเหรอ งั้นบอกได้เลยว่า ไม่รู้จักครับ!! แต่จากนี้กำลังจะรู้จักแล้ว (มั้ง)

‘แล้ว...ทำไมต้องมาหาเราด้วย’ ไอ้พูพิ้งยังคงไม่หมดคำถาม

‘อ้าว ลืมแล้วหรือไงวะ ก็เมื่อวานเราเพิ่งบอกไปว่าให้มาเป็นแฟ.......’ ผมยังพูดไม่ทันจบ ไอ้พูพิ้งรีบยื่นมือมาอุดปากผมอย่างแรง แรงจนน่าว่าจะเรียกว่าตบปากผมเลยดีกว่า แต่เชื่อไหมครับว่ามันไม่ได้เจ็บเลย มือของมันนุ่มมาก แล้วท่าทางตอนตกใจของมันก็ดูน่ารักโคตร มันเหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วกลัวว่าผมจะเอาไปฟ้องแม่ ผมแอบยิ้มในใจ ตอนนี้ผมกับมันมองตากันอยู่สักสองวิเห็นจะได้

‘โทษที เจ็บป่าว’ มันถามผม สงสัยจะเพิ่งรู้ตัวว่าฟาดมือมาแรงขนาดไหน แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรมันนะครับ ไม่ได้เจ็บอะไรอยู่แล้ว ผมอยากเดินไปตั้งหลักสักแป้บหนึ่งมากกว่า เพราะผมรู้สึกว่า การถูกเนื้อต้องตัวกันครั้งแรกนี่ทำผมใจเต้นนิดๆ ผมกลัวมันจะดูออกด้วยแหละครับ

ที่สำคัญกว่านั้น ผมคิดว่า...ความน่ารักของมันเริ่มก่อกวนความรู้สึกของผมขึ้นมานิดๆ ซะแล้วสิครับ ว่าแล้วก็เอาไม้แบดขึ้นมาเปลี่ยนที่พันด้ามสักหน่อยดีกว่า นั่งเฉยๆ ตอนนี้ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงแฮะ!!

หลังจากนั้นชื่อของผมก็ถูกคนจัดเกมเรียกลงไปเริ่มเกมในสนาม แต่ตีไปได้แค่ 2 เกมก็นึกขึ้นมาได้ว่า พรุ่งนี้ผมนัดกับม๊าไว้ ว่าจะพาไปทำธุระตอนเช้า หลังจากที่เลื่อนมา(ด้วยความนอนตื่นสายของผม)มาหลายครับ คืนนี้ผมเลยไม่อยากจะนอนดึกมาก ผมเลยเตรียมตัวจะกลับบ้าน จริงๆ แอบเสียดายนะครับ ยังไม่ค่อยอยากกลับเท่าไร วันนี้ตีแบดสนุกดี ถือเป็นการมาร่วมก๊วนใหม่ๆ ที่ไม่น่าผิดหวัง

อีกเรื่องหนึ่งคือผมได้มาเจอกับไอ้พูพิ้ง ซึ่งถือเป็นวันที่ 2 ของผลจากการแพ้พนัน ผมไม่ได้ตีแบดกับมันสักเกมเลยครับ จริงๆ ผมก็อยากตีด้วยนะ อยากแกล้งมัน แต่ตอนนี้ผมต้องรีบกลับ เพราะสี่ทุ่มครึ่งแล้ว มองกวาดตามองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นไอ้พูพิ้ง ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แต่ไม่เป็นไร ยังไงผมก็คงต้องเจอกับมันอีก….5 วัน

แต่ทันใดที่ผมเดินออกมาตรงประตูทางออก ซึ่งอยู่ชั้น 2 ของโรงยิม

ว็อท เดอะ ฟ้าคคคคค !!!!!!

ฝนแม่งตกอย่างกับฟ้ารั่ว แล้วดันเป็นวันที่ผมไม่ได้เอารถมาซะด้วย ปัญหาใหญ่ทั้งสองอย่างตอนนี้คือ ผมไม่ได้เอาร่มติดมาด้วย และสนามแบดที่นี่มันต้องเดินออกจากซอยอีกหน่อยเพื่อไปถึงถนนสายหลัก แล้วผมควรจะวิ่งฝ่าไปดีไหมครับ แม่ง ซวยโคตร มาตกอะไรวันนี้วะ

จังหวะนั้น เสียงหนึ่งก็ทักขึ้น

‘อ้าว กลับไงวะ มึง’ พาร์ทเนอร์ของไอ้พูพิ้ง เอ่ยถามผมมาจากตรงทางเดินทางไปยังที่จอดรถ

...ผมคิดว่านี่แหละคือทางกลับบ้านที่สวรรค์ส่งมาให้ผม...

ผมตอบมันไปตามตรงว่าผมไม่ได้ทั้งเอารถและเอาร่มมา ในจังหวะนั้นผมเห็นมันสองคนกระซิบกระซาบอะไรกันงุ้บงิ้บๆ ผมเลยเดินมาหยุดตรงด้านหลัง จริงๆ แล้วก็เพื่อจะแสดงตัวว่า ผมอยากจะรบกวนขอติดรถมันกลับไปจากตรงนี้ด้วย ตอนนี้ไม่มีทางเลือกจริงๆ ครับ สุดท้ายเจ้าของรถก็เชิญชวนให้ผมติดรถกลับไป อย่างน้อยไปลงตรงที่ๆ หารถแท็กซี่ได้ง่ายกว่านี้ก็น่าจะดีกว่า แต่ไอ้พูพิ้งดูท่าจะไม่ค่อยพอใจแฮะ ทำหน้าตาบูดบึ้งอย่างกับเด็กงอนเพื่อน

‘งั้นเดินมาด้วยกันเลยก็ได้ กูปังนะ ส่วนไอ้นี่ชื่อภู มึงรู้จักมันแล้วใช่ป่ะ วันนั้นกูเห็นมึงสองคนคุยกัน โอ๊ยยย!!’ ไอ้คนตัวสูง เอ่ะ มันชื่อปังสินะ ยังพูดไม่ทันจบประโยค ไอ้พูพิ้งก็กระทุ้งศอกใส่เพื่อนอย่างแรง ‘มึงเป็นเชี่ยไรเนี่ย กูเจ็บนะเว้ย’

‘ป่าว’ ไอ้พูพิ้งทำแก้มตุ่ยๆ มองหน้าไปทางอื่น มันดูน่ารักดีนะครับตอนนี้

‘กูรู้จักภูแล้ว’ ผมตอบกลับไป จริงๆ ก็แค่พอจะรู้จักฝ่ายเดียวแหละครับ แล้วผมก็แนะนำตัวเองบ้าง ‘กูชื่อปกติ’

‘หะ ชื่อปกติเนี่ยนะ คนไรวะชื่อปกติ’ ไอ้ปังถามผมต่อ

‘สงสัยต้องถามพ่อกูแล้วว่ะ เค้าเป็นคนตั้ง’

‘เฮ้ย กูล้อเล่น ก็เห็นมันแปลกดี’

‘เออ กูชินละ เรียกกูปกก็ได้’

‘ได้ยินหรือเปล่าไอ้ภู เค้าชื่อปกนะเว้ย ไม่ใช่ไอ้หน้าตี๋’ อ่อ เพิ่งจะรู้ว่าไอ้พูพิ้งนี่มันเรียกผมว่าไอ้หน้าตี๋ แสดงว่ามันต้องเคยพูดถึงผมมาบ้าง

แต่ก็ไม่แปลกหรอกครับที่ผมจะถูกพูดถึง หลังจากที่ผมพูดออกไปว่า ให้มันมาเป็นแฟนผม เป็นใครก็คงต้องอึ้งหากได้ยินประโยคนี้จากผู้ชายด้วยกัน แถมยังไม่รู้ที่มาที่ไปของประโยคนี้อีกต่างหาก

‘แล้วไงวะ มาบอกกูทำไม’ ไอ้พูพิ้งเริ่มมีบทสทนาอีกครั้ง คราวนี้เหมือนมันแอบเหล่ๆ มาทางผมนิดๆ

‘มึงจะได้เรียกชื่อถูกไง คนจะเป็นแฟนกันก็ต้องรู้ชื่อกันไว้สิคร้าบ’ เฮ้ยเดี๋ยวไอ้ปัง จะชงอะไรขนาดนั้นวะ

‘เป็นแฟนห่าไรวะไอ้ปัง มึงพูดเชี่ยไรเนี่ยกูไม่รู้เรื่อง’ คราวนี้ไอ้พูพิ้งหลบตามองพื้นอย่างไว ผมได้แต่มองมันจากทางด้านหลัง มันก้าวขาฉับๆ เดินนำหน้าไปลิ่วๆ

‘อ้าว ก็วันนั้นกูได้ยินมึงสองคน....โอ๊ยยย’ ประโยคยังไม่ทันจบ ไอ้พูพิ้งหันมาชักศอกใส่เพื่อนมันอีกครั้ง จริงๆ ผมก็อยากรู้นะครับว่ามันสองคนกำลังจะแซวอะไรกัน ใช่เรื่องของผมหรือเปล่า ส่วนตัวผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่เดินตามมันสองคนไปเงียบๆ แต่สายตาผมก็ยังคงแอบมองอิริยาบถต่างๆ ของไอ้พูพิ้ง ผมเริ่มคิดว่า ไม่ว่าจะทำอะไร มันก็ดูน่ารักดีนะครับ ดวงตากลมๆ ของมันดูน่ามอง แล้วผมก็ชอบที่จะเห็นรอยยิ้มของมันด้วยแฮะ

ระหว่างทาง เจ้าของรถชวนแวะกินข้าว หลังจากที่เราทุกคนต่างก็ใช้พลังในการตีแบดไปค่อนข้างเยอะ เป็นเรื่องปกติที่มักจะหิวข้าวหลังตีเสร็จทุกครั้ง ผมเลยตกปากรับคำไป
 
‘กูไม่หิว’ ยังไม่ทันไร ไอ้พูพิ้งก็ปฏิเสธขึ้นมาซะงั้น

‘ไม่หิวเชี่ยไร ก่อนออกมามึงบอกมึงหิวข้าว’ อ้าว ตอนนี้เพื่อนมันเริ่มจับผิดกันซะแล้ว

‘ก็ กูไม่หิวแล้วไง’ เจ้าของลักยิ้มเริ่มทำเสียงแบบคนอมกระพุ้งแก้มตัวเองอีกครั้ง

‘ไม่หิวก็กินๆ ไปเหอะ กูรับปากแล้วว่าจะเลี้ยงข้าวมึง นี่กูว่าจะไปกินโจ๊กเปิดหม้อร้านโปรดมึงเนี่ย ทางผ่านคอนโดมึงด้วย อย่าเรื่องเยอะครับเพื่อน’

‘เรื่องเยอะเชี่ยไร กู.....เออๆ ช่างแม่ง’

‘ภูชอบกินโจ๊กเหรอ’ ผมแทรกกลางระหว่างบทสนทนาที่เหมือนกำลังจะขัดใจกันอยู่ตามประสาเพื่อน จริงๆ ผมไม่ได้อยากรู้เท่าไรหรอก แค่ไม่อยากฟังมันสองคนเถียงกันไปมามากกว่า

‘ใช่แล้วไอ้ปก จดใส่เมมโมรี่ไว้เลยนะมึง’ ดูท่าเหมือนไอ้ปังจะชอบกระเซ้าให้ผมได้รู้เรื่องของไอ้พูพิ้งอยู่หลายรอบ ผมไม่ได้ตอบรับอะไร บทสนทนาจบลงโดยที่สายตาผมยังไงมองไปที่ไอ้พูพิ้งจากทางเบาะนั่งด้านหลังของรถ มันเอาแต่สไลด์มือถือไปเรื่อยๆ แล้วเราก็มาถึงร้านโจ๊ก

ไอ้ปังและพูพิ้งจัดแจงเลือกโต๊ะ ร้านนี้เป็นร้านที่ผมเคยมากิน แต่ก็นานมาแล้ว แต่ผมก็ยังคงมีเมนูประจำของผมอยู่ สั่งอาหารไปได้สักพัก เมนูของแต่ละคนก็เรียงมาวางอยู่บนโต๊ะ

‘โจ๊กพิเศษทุกอย่างใส่กุ้งแม่น้ำใส่ไข่ลวกสองฟองคร้าบ’ พนักงานเสริฟเอ่ยชื่อเมนูชามที่ผมสั่งไป ผมเอื้อมมือไปรับโจ๊กชามโต ชามมันใหญ่มากตามระดับความหิวของผม

‘โห ไอ้ปก มึงหิวขนาดนั้นเลยเหรอวะ’ เสียงไอ้ปังทักดังลั่น

‘เออ กูไม่ได้กินข้าวตั้งแต่พักเที่ยง’

‘อ้าวไมวะ งานมึงยุ่งเหรอ’

‘เออ’ วันนี้งานผมยุ่งจริงๆ ครับ ทั้งทำรีพอร์ต ทั้งเข้าประชุม จนแทบจะไม่มีเวลาหาอะไรลงท้อง

‘แล้วมึงทำงานบริษัทในเครือนี้มานานหรือยังวะ’ ไอ้ปังยังคงไม่หมดคำถาม

‘กูเพิ่งเข้ามาทำได้ยังไม่ถึงปี พ่อกูอยากให้กูทำที่นี่ กูก็เลยมาสมัคร’ ผมตอบกลับไปตามความจริง ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลยครับ มัวสนใจแต่ชามโจ๊กที่อยู่ข้างหน้า

‘มึงสมัครเข้ามาทำ เพราะพ่อมึงอยากให้ทำเนี่ยนะ’

‘เออ’ จะสงสัยอะไรกับผมนักหนาวะเนี่ย 

‘แล้วมึงจะชอบงานที่มึงทำอยู่เหรอวะ’

‘ต้องชอบด้วยเหรอ’ จริงๆ ที่ผ่านมาผมก็ไม่ได้ชอบในงานที่ผมทำอะไรหรอกครับ แต่ก็ไม่ได้เกลียด เรียกได้ว่าทำได้ไปตามหน้าที่ ตามบรรทัดฐานของสังคมที่ว่า จบปริญญาตรีเมื่อไร ก็ต้องหางานทำให้เป็นหลักเป็นแหล่ง แล้วที่ผ่านมา ถ้าเรื่องไหนที่ไม่ได้ขัดต่อความรู้สึกของผมมากๆ ผมก็จะยอมเออออตามป๊ากับม๊าผม ตั้งแต่เด็กแล้วล่ะครับที่ผมเป็นคนอะไรก็ได้ ไม่เคยให้ความสำคัญกับเรื่องไหนมากเป็นพิเศษ แต่ตั้งแต่ผมได้มารู้จักกับกีฬาแบดมินตัน มันก็ทำให้ผมรู้สึกว่านี่อาจจะเป็นสิ่งแรกที่ผมรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำ พอผมได้รู้ว่าบริษัทที่ป๊าอยากให้ผมเข้าทำงานอยู่มีชมรมแบดมินตันที่มีผลงานดี และมีการจัดแข่งอย่างจริงจัง ผมเลยไม่ลังเลที่จะสมัครเข้ามาทำงานที่นี่

 ‘แล้วนี่มึงเรียนแบดมาป่าววะ’ ไอ้ปังเอ่ยถามผม

ผมพยักหน้าตอบไปแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่ในหัวของผมกลับมาภาพเก่าๆ ตั้งแต่ที่ผมเริ่มตีแบดด้วยฝีมือแบบเด็กเล่น จนมาถึงวันที่ผมได้เจอกับไอ้พูพิ้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงบันดาลในที่ทำให้ผมตัดสินในไปสมัครเรียนแบดมินตัน ตอนนั้นมันเหนื่อยมากๆ จะถอดใจอยู่ก็หลายครั้ง แต่ในขณะเดียวกับผมก็หลงรักแบดมินตันขึ้นทีละนิดๆ จนวันนี้ ฝีมือการตีแบดของผมอาจจะนำหน้าไอ้สองคนที่อยู่ตรงหน้าผมไปแล้ว แต่ผมก็ยังจำวันก่อนๆ ได้ดี

ผมคิดไปเรื่อยเปื่อย ในมือก็ค่อยๆ หยุดคนโจ๊กในชามและเปลี่ยนมาตัดกุ้งตัวโตเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อที่จะเริ่มกินเป็นคำแรก จังหวะนั้น สายตาผมจะหันมาสบตากับไอ้พูพิ้งเข้าพอดี ตากลมๆ ของมันมองมายังผม เหมือนเวลามันหยุดนิ่ง ผมรู้สึกว่าอยากจะใช้สายตาของผมสำรวจใบหน้าที่น่ารักนี้ให้ถ้วนทั่ว แต่แค่หนึ่งวินาทีที่เราส่งสายตาให้กัน ผมก็ชะงักขึ้นมา ตอนนี้ผมรู้สึกเขินนิดๆ ที่ผมไปมองหน้ามันเข้าแบบนั้น เลยคิดว่าต้องหาเรื่องอะไรพูดขึ้นสักอย่าง

‘มองไร อยากกินกุ้งเหรอ’ ผมเอ่ยถามเจ้าของดวงตากลมๆ พร้อมกับยื่นช้อนไปหา ‘อ่ะ...’

...เนี่ยเหรอวะเรื่องที่ผมคิดว่า ควรจะพูดขึ้นมาเพื่อแก้เขิน นี่มันโคตรจะสวนทางกับความคิดแบบสุดๆ เลยด้วยซ้ำ...

‘เอาละเว้ย มีป้อนกันด้วยว่ะ ไอ้ปกกูว่ามึงไม่ได้ชอบแค่แบดอย่างเดียวแล้วมั้งงง’ นี่เลยครับสายปั่น ตั้งแต่ที่สนามแบดมาจนถึงตอนนี้ ไอ้ปังยังผมปั่นเรื่องของผมกับไอ้พูพิ้งไม่หยุด

‘เห้ย ป้อนเปิ้นอะไร กูไม่ได้จะกินเว้ย’ ไอ้พูพิ้งดูท่าทางมือไม้สะเปะสะปะไปหมด มันหลบสายตาลงต่ำก่อนจะตัดโจ๊กคำโตใส่ปาก แต่...

‘โอ๊ยยย...’ โจ๊กร้อนๆ น่าจะลวกปากเข้าให้แล้วครับ สงสัยมันคงจะลืมไปว่าในถ้วยนั้นอุณหภูมิเกินครึ่งร้อยองศาด้วยซ้ำ ผมรีบหยิบแก้วน้ำเย็นของผมส่งให้มันทันที ‘กินน้ำก่อน’

‘ไอ้เปนไอเอ้ย อั้นไอ้ไอ้แอ้วเอา’ และแม่งก็ไม่ยอมกิน แถมเอาแต่บ่นอะไรก็ไม่รู้มัน

‘เชี่ยภูใจเย็น มึงไม่ต้องเขินขนาดนั้น ปากพองป่าวเนี่ย 555’ เขินเหรอ นี่ไอ้ปังมันหมายความว่าไอ้พูพิ้งนี่กำลังเขินผมอยู่เหรอ ทำไมผมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดๆ วะเนี่ย


มีต่อครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2017 11:21:35 โดย Chay »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
« ตอบ #39 เมื่อ: 21-09-2017 17:00:03 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #40 เมื่อ21-09-2017 17:03:29 »

(ต่อครับ)

หลังจากนั้นไม่นานเราก็กินกันเสร็จ เราจ่ายเงินและเก็บของเดินมาที่รถ ไอ้ปังก็เอ่ยปากถามขึ้น

‘ไอ้ปกมึงจะไปแถวไหนวะ’

‘บ้านกูอยู่ตรงซอย XXX เดี๋ยวกูต่อแท็กซี่แถวนี้เลยก็ได้’

‘อ้าว ซอยนั้นก็แถวคอนโดไอ้ภูอ่ะดิ ทางผ่านกลับคอนโดกูพอดีแหละ งั้นมึงไปลงพร้อมไอ้ภูละกัน’ อ่าว ไอ้พูพิ้งก็อยู่แถวนี้เหมือนกันเหรอเนี่ย แถมไอ้ปังจะไปส่งผมให้ลงพร้อมกับมันอีก ผมแอบหันไปมองไอ้พูพิ้งจากด้านหลัง มันทำท่าเหมือนจะขัดไอ้ปัง แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไร เห็นมันทำแก้มตุ่ยๆ น่ารักอีกแล้ว

ไม่นานนักรถก็มาจอดที่หน้าคอนโดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคอนโดที่ผมผ่านบ่อยมากๆ เพราะร้านกาแฟร้านโปรดของผมอยู่ตรงข้ามกับคอนโดนี้ ตอนนี้ดึกมากแล้ว รถหน้าคอนโดเลยโล่ง ไม่เห็นแท็กซี่ผ่านมาสักคัน ผมยืนรอรถอยู่ เห็นไอ้พูพิ้งมันยังไม่ไปไหน เลยกะว่าจะชวนคุย

‘แล้ว...’ แต่มันพูดขึ้นซะก่อน แค่คำเดียว แล้วมันก็เหมือนนิ่งๆ ไป 

‘กลับเข้าห้องก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราเรียกแท็กซี่แถวนี่แหละ’ เห็นหน้ามันง่วงขนาดนี้ ผมเลยบอกให้มันกลับห้องไปก่อน ไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนผมก็ได้

‘เออ... งั้นก็เรียกเลยดิ’ แหม่ไอ้เจ้านี่ทำเป็นไล่ให้ผมไปเรียกแท็กซี่ แล้วมันมีวิ่งมาสักคันไหมละครับคุณพูพิ้ง ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่ามันตั้งใจกวนผมหรือเปล่า แต่ผมไม่ได้ต่อปากต่อคำด้วย ได้แต่หันไปมองมัน เห็นมันทำหน้าหมาหงอย คอก็ตกเหมือนคนจะหลับ ผมก็เลยลองชวนมันคุย ‘เหนื่อยป่าว...’

‘ก็ ไม่เหนื่อยอ่ะ แต่ง่วง กะ...กลับไปได้แล้ว’ เอ้า มันไล่ผมอีกแล้ว แต่คราวนี้มันก้มหน้าก้มตาพูดจาตะกุกตะกัก แถมหูแดงอย่างกับลูกตำลึง ผมเลยแกล้งแซวมันต่อ

‘ก็รถยังไม่มา ง่วงแล้วทำไมไม่เข้าไปนอน จะรอเป็นเพื่อนเหรอไง’

‘ป่าวเว้ยย ไปนอนแล้ว กลับดีๆ ละกัน’

พูดจบไอ้พูพิ้งก็ม้วนตัวกลับเข้าคอนโดไปอย่างไว ผมมองตามหลังมัน รอยยิ้มของผมออกมาตอนไหนก็ไม่รู้ นี่เป็นวันแรกที่ผมมีโอกาสได้เจอและได้คุยกับมันเยอะหน่อย จากที่ผมเคยแต่มองมันในระยะไกล ใครจะรู้นะครับว่าวันหนึ่งผมจะได้มาเอ่ยปากขอมันเป็นแฟน ถึงจะเป็นการท้าพนันหรืออะไรก็เหอะ แต่แม่งงงง...มันน่ารักจริงๆ นะครับ

ว่าแต่...ผมลืมไปเลย!! พรุ่งนี้ผมต้องตื่นแต่เช้าไปทำบุญกับม๊านี่หว่า อุตสาห์เลิกตีแบดเร็วเพื่อจะรีบกลับไปนอน พอได้ไปกินข้าวกับไอพูพิ้งเข้าหน่อยนี่ผมลืมธุระของตัวเองไปซะเฉย พี่แท็กซี่คร้าบบบ มารับผมกลับบ้านได้แล้วววว!!!

วันที่ 2 กำลังจะผ่านไป แล้ว...พรุ่งนี้ผมจะได้เจอมันอีกไหมนะ.....พูพิ้ง

ออฟไลน์ K.PanPan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #41 เมื่อ21-09-2017 22:57:26 »

 :o8: คุณตำรวจจจจจ ทางนี้มีคนจีบกันล้าววว

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #42 เมื่อ22-09-2017 19:28:00 »

น่ารักมาก

ชอบตีแบดเหมือนกัน อ่านแล้วนึกถึงเสียงพื้นร้องเท้าดังเอี๊ยด ๆ เวลาเสียดสีกับพื้นคอร์ท เสียงหวดลูกแบด

ปกับภูดูมุ้งมิ้ง ส่วนปังกับคุณหุ่นหมีห้องข้าง ๆ น่าจะมันส์ ฮ่า ๆ ๆ

ปล. ขออนุญาตเสนอความคิดเห็นนิด ๆ หน่อย ๆ เนอะ

 ถ้าเป็นคำพูดใจสถานการณ์ปัจจุบัน นักเขียนมักจะใช้เคื่องหมายคำพูด แบบนี้ "...." มากกว่า
เครื่องหมาย '.....' มักจะใช้เมื่อเป็นการเล่าถึงคำพูดในอดีต อันนี้จากประสบการณ์ที่อ่านเรื่องอื่น ๆ มานะคะ



ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #43 เมื่อ23-09-2017 11:10:24 »

เนื้อเรื่องใสๆ สนุกดีครับ
ปกติดูเป็นคนดีนะ ท่าทางจีบใครไม่ค่อยเป็น

ออฟไลน์ Chay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #44 เมื่อ23-09-2017 13:43:59 »

คุณ Alternative ขอบคุณมากนะครับ เดี๋ยวจะปรับปรุงเครื่องหมายคำพูดในตอนถัดไปเลยครับ
และขอบคุณอีกสำหรับอีกสองเม้นด้วยครับ <3

ปล.ดีใจที่ได้เจอคนชอบตีแบดเหมือนกันครับ  555

ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #45 เมื่อ23-09-2017 21:49:00 »

เนื้อเรื่องใสๆ เริ่มต้นจากความประทับใจที่ผ่านมาบวกกับแพ้พนัน
ทำให้ มีความกล้าเข้าไปคุยกับคนที่เคยประทับใจมานาน  :heaven

ชอบ เนื้อหาสมูทจัง  จะติดตามต่อนะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #46 เมื่อ24-09-2017 12:16:39 »

สนกดีค่ะ เนื้อหาเรื่อยๆสบายๆดี
** แต่อยากแนะนำให้ใช้เครื่องหมายคำพูด "......"  ลงในบทสนทนาดีกว่านะคะ '.....' ใช้แบบนี้มันเหมือนคุยกันในพาร์ทอดีตเลยค่ะ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #47 เมื่อ24-09-2017 13:04:20 »

ขอบคุณค่ะ  น่ารักมากจ้า

ออฟไลน์ Insightinmind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #48 เมื่อ30-09-2017 19:53:29 »

ขอตอน 10 ด่วน ๆ คร้าบบบบ  :katai5:

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #49 เมื่อ10-10-2017 10:39:34 »

 เข้ามาติดตามด้วยคนครับ:กอด1: :L2: :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
« ตอบ #49 เมื่อ: 10-10-2017 10:39:34 »





ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #50 เมื่อ10-10-2017 19:03:15 »

 :katai5:

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #51 เมื่อ21-11-2017 23:14:36 »

แต่ละคู่ เค้ารุกจีบกันหนักมาก  :L2:

ชอบจัง...ตามจ้าตาม  o13 o13

ออฟไลน์ Chay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #52 เมื่อ02-12-2017 18:05:38 »

เรียนผู้อ่านทุกท่านนะครับ ทางผู้เขียนต้องขออภัย ที่ได้หายไปร่วม3 เดือน เนื่องจากแอดมินได้สูญเสียคุณตา และต่อมาด้วยคุณยายอันเป็นที่รัก ทำให้สภาพจิตใจของผู้เขียนค่อนข้างแย่ แต่ก็พยายามจะกลับมาเป็นปกติให้ได้โดยไว และขอสัญญาว่า ปกติและภูภิงค์ จะยังไม่หายไปไหน เรื่อง คอร์ทรัก(โคตรรัก) จะถูกเขียนต่อจนจบแน่นอน ไม่ว่าจะมีคนที่รักใยนิยายเรื่องนี้สักกี่คนก็ตาม

ทั้งนี้ต้องขออภัย ทางแอดมินเว็บไซต์ด้วยครับ ที่อาจจะไม่ได้จี้แจงได้ แต่อย่าเพิ่งลบทิ้งนะครับ ตอนที่ 10 กำลังจะกลับมาในเร็ววันนี้ครับผม

จากใจผู้เขียน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-12-2017 18:09:16 โดย Chay »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #53 เมื่อ02-12-2017 21:17:51 »

รับทราบค่ะ  เป็นกำลังใจให้นะคะ
เข้มแข็งค่ะ 

ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 9
«ตอบ #54 เมื่อ02-12-2017 22:31:06 »

 :L1: เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L1:

ออฟไลน์ Chay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 10
«ตอบ #55 เมื่อ04-04-2018 17:16:15 »

กลับมาต่อแล้วนะครับ ต้องขออภัยทุกท่านที่หายไปนานมากๆ หลังจากที่เสียคุณตาและยายไปในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ก็พยายามฟื้นฟูจิตใจเพื่อกลับมาเขียนต่อให้ได้ กลับไปอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อเก็บรายละเอียดต่างๆ ไม่ให้ผิดพลาด อยากให้คนที่จะกลับมาอ่านต่อไม่ผิดหวัง และขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกันนะครับ



ตอนที่ 10 : หมดเวลา


[มุมของปกติ 3]

วันนี้เป็นวันที่ 3 ตามข้อตกลงที่ผมจำต้องยอมรับหลังจากแข่งแบดมินตันแพ้เพื่อน นั่นก็คือการไปตามจีบผู้ชายคนหนึ่งเป็นระยะเวลา 7 วัน แล้วคนๆ นี้ก็เป็นคนที่ผมเคยเห็นหน้ามันมาร่วมสามปีแล้วเห็นจะได้ แม้ว่าผมจะไม่เคยรู้จักหรือทำอะไรมากไปกว่าการบังเอิญพบกันหลายต่อหลายรอบก็ตาม แต่ผมก็ยอมรับเลยว่า มันเป็นผู้ชายแปลกหน้าคนเดียวที่ติดอยู่ในหัวของผมมาตลอด ถึงจะไม่ได้พิเศษอะไร แต่ทุกครั้งที่เจอกันผมก็อดไม่ได้ที่จะมองตาม หรือคอยสังเกตในสิ่งที่มันทำ แล้วเพื่อนสนิทผมทั้งสองคนก็คงพอจะรับรู้เรื่องนี้ได้บ้าง มันเลยแกล้งท้าพนันผมจนกลายเป็นว่า สองวันที่ผ่านมานี้ ผมต้องพยายามเข้าหาไอ้เจ้าพูพิ้งนี่เพื่อทำตามสัญญา

แต่เอาจริงๆ แล้ว ผมก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เพราะการได้เจอและมองหน้ามัน บางทีมันก็รู้สึกดีต่อใจอยู่เหมือนกันนะครับ...

ผมก็มีโอกาสได้เจอกับพูพิ้งมากขึ้น จะด้วยเพราะสัญญาที่ผมต้องทำ หรือจะเพราะความบังเอิญที่ทำให้ได้เจอกัน ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟร้านประจำใกล้บ้านผม ที่ชอบแวะไปใช้เวลาว่างๆ ที่นั่นในช่วงวันหยุด ก็ดันอยู่หน้าคอนโดของมันซะอีก ผมได้เจอมัน 2 ครั้ง ก็เลยมีโอกาสได้นั่งกินกาแฟด้วยกัน ไหนจะการ์ตูนเรื่องที่ผมกำลังติดหนึบอยู่ ไอ้เจ้าพูพิ้งมันก็ดันมาอ่านเรื่องเดียวกัน แถมผมยังแกล้งมันด้วยการขอติดรถไปที่ห้าง เพื่อไปเดินซื้อการ์ตูนเรื่องเดียวกันนี้ด้วย ทั้งๆ ที่รถผมก็มี จริงๆ มันก็อาจจะเป็นเพราะว่าผมอยากไปกับมันด้วยล่ะมั้งครับ พอเราเริ่มคุยเรื่องเดียวกัน หรือทำอะไรคล้ายๆ กัน ถึงมันจะทำท่าเหมือนไม่อยากคุยกับผมอยู่ตลอดเวลา แต่ผมกลับรู้สึกชอบที่จะเห็นมันเป็นแบบนี้ ชอบได้ยินเสียงบ่นหรือเสียงไล่ตะเพิดผม ...นี่ผมเข้าข่ายคนบ้าไปหรือยังครับ

ยิ่งมานึกถึงตอนที่ผมได้นั่งกิน KFC กับมัน แล้วที่ผมได้ยินว่ามีคนมาขอไอดีไลน์พูพิ้ง ผมกลับรู้สึกว่าผมไม่อยากให้มันให้ไอดีกับไอ้เด็กนักเรียนนั่นเลย แล้วมันก็ไม่ยอมให้จริงๆ ด้วยครับ ผมเลยได้โอกาสออกตัวกันท่าได้เต็มที่ ทั้งที่ไม่แน่ใจตัวเองด้วยซ้ำว่าทำแบบนั้นไปทำไม
...เพราะแป้บๆ ก็เดี๋ยวก็ครบสัญญา 7 วันแล้ว หลังจากนั้นผมอาจจะไม่ได้เจอมันอีกด้วยซ้ำ...

อีกเรื่อง...ไหนจะกริ๊ปพันด้ามไม้แบดสีเหลืองที่มันเป็นคนเลือกให้ผมอีก ตั้งแต่เกิดมาผมแทบจะไม่เลือกใช้อะไรที่เป็นสีเหลืองเลย แต่กับกริ๊ปพันด้ามม้วนนี้ที่แพคหนึ่งมีอยู่ 3 ชิ้น ผมใช้ทีเดียวสองอันสำหรับไม้แบดทั้ง 2 ไม้ของผม นี่ถ้าผมมี 3 ไม้ก็คงใช้ทีเดียวจนหมด
...สีมันก็ดูใช้ไม่ยากนี่หว่า สีเหลืองไอ้พูพิ้งมันชอบ

ผ่านจากวันที่ 3 วันที่ 4 และวันที่ 5 ที่กำลังจะหมดไป ผมรู้สึกว่ามันเป็นเวลาที่ผ่านไปเร็วกว่าปกติ อาจจะเป็นเพราะเสาร์ อาทิตย์ และวันจันทร์ที่ผ่านมาเป็นวันหยุดยาวด้วยมั้งครับ ทำให้รู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมาก ตามประโยคคุ้นปากที่ใครๆ ก็มักจะพูดกันว่า “ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ” แต่ในครั้งนี้ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า มันผ่านไปเร็วแค่เพราะว่ามันเป็นวันหยุด หรือเพราะว่ามันมีหลายๆ เรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขกันแน่


วันที่ 6
วันนี้วันอังคาร เป็นวันทำงานวันแรกหลังจากหยุดยาว ด้วยความที่ผมเองก็ทำงานในบริษัทเครือเดียวกันกับไอ้เจ้าพูพิ้ง ซึ่งที่ๆ มันทำอยู่นั้นเป็นส่วนของสำนักงานใหญ่ และได้มีการจัดอบรมให้กับผู้บริหารรุ่นใหม่ โดยพนักงานจากบริษัทในเครือที่ถูกคัดเลือก จะต้องไปอบรมที่นั่นเป็นเวลา 2 วัน และผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ถูกเลือกจากแผนกให้ไปร่วมอบรมด้วยเช่นกัน
ผมมาที่สำนักงานใหญ่แต่เช้า เพราะต้องแพลนเวลาไว้สำหรับการเดินทาง และด้วยความขึ้นชื่อเรื่องรถติดของย่านนี้ ทำให้ผมเลือกที่จะเอารถไปจอดไว้ที่อาคารจอดรถไฟฟ้าสถานีหนึ่ง แล้วต่อรถไฟฟ้ามาอีกที แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังมาถึงในช่วงเวลาหมิ่นเหม่ รถไฟฟ้าตอนเช้านี่ปลากระป๋องดีๆ นี่เองครับ

การอบรมจะเริ่มตอน 08.30 น. ซึ่งผมมาถึงก่อนเวลาเพียงไม่ถึง 10 นาทีเท่านั้น แถมสูทที่ผมใส่อยู่ก็ทำให้ผมร้อนเป็นบ้า แต่มันเป็นยูนิฟอร์มบังคับน่ะครับ ได้ยินมาว่ามีผู้ใหญ่ระดับบิ๊กบอสเข้าร่วมอบรมครั้งนี้หลายท่านเลย ผมยืนรอลิฟต์อยู่ท่ามกลางพนักงานที่ประจำอยู่สำนักงานใหญ่ พอจะรู้สึกตัวได้ว่ามีสายตาหลายคู่ส่งมาทางผมพร้อมกับเสียงซุบซิบเบาๆ ไม่รู้ว่าเค้าชมหรือด่ากันแน่ที่ผมแต่งตัวมาเต็มขนาดนี้ แถมยังมาตัวคนเดียวโดดๆ ก็ทำให้รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจขึ้นมานิดๆ เหมือนกันครับ
ยังไม่ทันที่ลิฟต์จะมา ก็มีเสียงคุ้นๆ ที่เหมือนว่าช่วงนี้จะได้ยินบ่อยๆ มาจากทางด้านข้าง แล้วมันก็เป็นเสียงจากคนที่ผมเริ่มจะคุ้นตา ไอ้พูพิ้งครับ มันเข้ามาทักทายพร้อมทั้งแซวเรื่องการแต่งตัวของผม

“อบรมต้องแต่งตัวขนาดนี้เลยเหรอวะ...”

จังหวะนี้ผมกำลังอยากมีเพื่อนคุยอยู่พอดี แต่คุยไปได้แค่สามสี่คำ ลิฟต์ดันมาถึงก่อนซะงั้น แล้วมันก็ได้เวลาเข้าอบรมแล้วด้วย เลยได้แต่ทิ้งท้ายกับมันไว้

“แล้วเจอกันนะ”

..........อืมม.......... ผมก็อยากเจอมันจริงๆ นะครับ แถมตอนพูดยังเผลอยิ้มไปแบบไม่รู้ตัวอีกต่างหาก นึกแล้วก็เขินเหมือนกันนะครับตอนนั้น!!

หลังจากอบรมช่วงเช้าเสร็จ เรียกได้ว่าทั้งง่วงทั้งน่าเบื่อเลยครับ เพราะมีแต่ฟัง ฟัง ฟัง แล้วก็ฟังอย่าเดียว ภาษาก็มีแต่คำยากๆ บาง section นี่แทบจะภาษาอังกฤษล้วนๆ เลยครับ ดีนะที่ผมพอจะมีความรู้ติดตัวอยู่บ้าง กลางวันนี้ผมไม่ได้ไปหาอะไรทานเป็นมื้อใหญ่ เพราะได้ทานขนมตอนเบรกไปบ้างแล้ว ตอนนี้ในหัวผมมีแต่คำว่ากาแฟเย็นๆ เข้มๆ สักแก้วต่างหากล่ะครับ ที่น่าจะช่วยให้ผมอยู่รอดไปจนถึงตอนเย็น

พอได้กาแฟจากร้านใต้ตึกออฟฟิศเรียบร้อย ผมก็เตรียมตัวที่จะขึ้นไปนั่งรออบรมต่อในช่วงบ่าย ระหว่างที่กำลังจะออกจากร้านกาแฟ ผมก็ได้เจอกับเจ้าของลักยิ้มคนเดิมอีกครั้ง หน้าขาวๆ กับผิวหน้าเนียนๆ พร้อมกับตากลมๆ ที่มันมองมาทางผมแบบสะดุ้งนิดๆ นั้น มันทำให้ผมอยากจะยืนมองหน้ามันอยู่แบบนั้นสักครู่หนึ่งจริงๆ ไอ้พูพิ้งนี่มันน่ารักชะมัด ผมยังคงยืนยันคำนี้ถึงแม้ว่าผมก็เป็นผู้ชายเหมือนกันก็เถอะ แต่ผมคงยืนมองมันแบบที่ผมคิดไม่ได้หรอก เพราะนี่มันหน้าประตูร้านกาแฟที่มีคนเข้าออกคึกคักตามประสาพักเที่ยงนะครับ ไม่ใช่ทุ่งหญ้าหรือสวนดอกไม้แบบซีรีส์นิยายรัก ผมเลยทักมันแค่แป้บเดียวแล้วก็เลี่ยงเดินออกมา แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า ผมจะคุยกับมันต่อไม่ได้ใช่ไหมล่ะครับ เพราะผมมีสิ่งนี้!!! (ผมหยิบโทรศัพท์มือถือผมขึ้นมา แล้วเปิดเข้าไปดูในโฟลเดอร์รูปภาพ ซึ่งรูปล่าสุดนั้นเป็นรูปที่ผมถ่ายหน้าสุดท้ายของหนังสือการ์ตูนที่ผมเพิ่งซื้อมาไว้ ที่ด้านล่างของหน้ากระดาษ เป็นชื่อไอดีไลน์ของใครคนหนึ่ง...ไอ้เจ้าพูพิ้งนั่นแหละ)

                                       
                                                  AB-Normal : แอดมาละนะ

ส่งข้อความไปแค่แป้บเดียว ก็ขึ้นสัญลักษณ์ตัว R ที่แสดงว่าอีกฝ่ายหนึ่งได้อ่านแล้ว แต่ยังไม่ตอบกลับมา ผมเลยแนะนำตัวก่อน
                                                                       : เราปก
PHUPING : นึกว่าใคร เออๆ
                                                  AB-Normal : ไม่ได้ลืมนะ
PHUPING : ลืมไรวะ
                                                  AB-Normal : เพลง

ผมนึกขึ้นมาได้พอดีว่า ผมบอกกับมันไว้เมื่อวานนี้ว่าจะส่งเพลง “เธอคือเหตุผล” ให้ทางไลน์เแล้วผมยังไม่ได้ส่ง เลยเอามาเป็นเรื่องคุยซะหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวเก้อครับ!!
 
PHUPING : ลืมก็ได้ไม่เป็นไร เดี๋ยวหาฟังเองก็ได้

                                                  AB-Normal : ไฟล์เสียงมันไม่ค่อยดี เดี๋ยวหาโหลดใหม่ รอก่อน

PHUPING : ไม่เป็นไรจริงๆ เว้ย บอกชื่อเพลงมาอีกทีละกัน

                                                 AB-Normal : อยากส่งให้


..................ก็ผมอยากส่งให้จริงๆ นะครับ...................

PHUPING : เออๆ แล้วแต่

                                                  AB-Normal : โอเค รอก่อนนะ

PHUPING : เออ

บทสนทนาสั้นๆ จบลงตอนที่ผมเดินมาถึงหน้าห้องอบรมพอดี ผมเดินเข้าไปนั่งพร้อมกับแก้วกาแฟที่กินไปแค่นิดหน่อย เมื่อวิทยากรขึ้นเวที เค้าก็เริ่มสอนเรื่องราวต่างๆ ต่อจากเมื่อเช้า เวลาเดินไปเรื่อยๆ แบบที่ความรู้ไม่ค่อยจะเข้าหัวผมสักเท่าไร อยากกลับไปนอนอ่านการ์ตูนจะแย่แล้วครับ สักแป้บผมก็ได้เห็นคนสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในพาร์ทที่ 3 ของการอบรม ไอ้พูพิ้งนี่หว่า มากับผู้หญิงคนหนึ่งดูภูมิฐาน น่าจะเป็นหัวหน้ามันล่ะมั้ง พอเห็นมันนั่งลงตรงฝั่งตรงข้าม พร้อมทำท่าทีสนใจกับสิ่งที่วิทยากรกำลังเริ่มต้นพูดขึ้นอย่างเต็มที่ ผมเลยคิดว่าแกล้งขัดจังหวะมันสักหน่อยน่าจะดีกว่า


                                                  AB-Normal : มองตรงมา

PHUPING : ทำไมวะ

                                                  AB-Normal : มองตรงมาดิ

                                                 ผมเห็นมันทำท่าเลิกลั่กนิดๆ แล้วมันก็มองมาทางผม

                                                 AB-Normal : ต้องอบรมเหมือนกันเหรอ

PHUPING : มาช่วยหัวหน้าจดรายละเอียดเฉยๆ

                                                 AB-Normal : อ่อๆ

PHUPING : ไม่คิดว่าจะเป็นห้องเดียวกัน

                                                  AB-Normal : หมายถึงไม่คิดว่าจะได้เจอเราอ่ะเหรอ

PHUPING : ไม่ใช่เว้ย
                   : (สติกเกอร์หน้าโหด)
                                                  AB-Normal : เลิกงานกี่โมง

PHUPING : ห้าโมง

                                                 AB-Normal : เราอบรมถึงหกโมง

PHUPING : เออ แล้วไง

                                                  AB-Normal : กลับด้วยกันป่าว

PHUPING : ไม่อ่ะ นัดไอ้ปังไว้แล้ว

                                                  AB-Normal : ไปไหนอ่ะ

PHUPING : ตีแบด

                                                  AB-Normal : ฟิต

PHUPING : แน่นอน

                                                  AB-Normal : โอเค

PHUPING : แล้ว วันนี้ตีแบดหรือเปล่า

                                                  AB-Normal : ไม่ได้ตีอ่ะ นัดกินข้าวกับม๊าไว้

                                                  เห้อออ แอบเสียดายเล็กๆ อยากไปตีแบดกับมันเหมือนกันนะครับ

PHUPING : เออๆ เดี๋ยวฟังอบรมก่อน

                                                   AB-Normal : (สติกเกอร์หน้าตาง่วงๆ)

หลังจากคุยกับมันเสร็จ ผมก็ยังคงลอบมองมันจากทางอีกฝั่งหนึ่ง หน้าตาของคนที่กำลังตั้งใจฟังอบรมอย่างเอาเป็นเอาตาย ฟังไปจดไป ดูเป็นพนักงานดีเด่นเชียวนะไอ้พูพิ้ง...



18.15 น.
หลังจากที่อบรมวันแรกเสร็จ ผมก็เดินทางกลับมาถึงบ้านด้วยระยะเวลาไม่นานนัก เรียกได้ว่ารถไฟฟ้าช่วยเซฟเวลาไว้ได้เยอะเลย ไม่งั้นคงไม่ทันนัดม๊ากินข้าวไว้แน่ๆ จริงๆ มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอกครับ แค่ม๊าอยากกินกระเพาะปลาเจ้าดังที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก แล้ววันนี้มีหลานมาที่บ้านด้วยพอดี ม๊าเลยพามาด้วย ระหว่างกินไปผมก็คุยเรื่องสัพเพเหระกับม๊าไปเรื่อยเปื่อย แต่หลักๆ ม๊าจะคอยเทคแคร์หลานมากกว่า นานๆ จะได้เจอกัน ผมกินไปก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่นไปด้วย กดเข้าไปใน instagram เพื่อส่องอะไรเรื่อยเปื่อย ผมไม่ค่อยได้ follow ใครเยอะหรอกครับ ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนๆ ซะมากกว่า สไลด์ไปสักแป้บก็ไปหยุดอยู่ที่รูปๆ หนึ่ง ในภาพนั้นเป็นอุปกรณ์ตีแบดที่จัดวางไว้บนพื้นสนามสีเขียว ทั้งไม้แบดที่พันด้ามไว้ด้วยกริ๊ปสีเหลือง รองเท้าตีแบดสีเหลืองดำ และกระเป๋าใส่อุปกรณ์ตีแบดที่ห้อยพวงกุญแจตัวการ์ตูนสีเหลืองเอาไว้ด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าเจ้าของโปรไฟล์นี้ต้องชอบสีเหลืองแน่ๆ ใช่แล้วล่ะครับ มันคือรูปของไอ้พูพิ้งนั่นเอง ผม follow IG นี้มาไม่กี่วันหรอกครับ แอบไปถามจากไอ้ปังมา กะเอาไว้ว่าเผื่อจะได้รู้จักกันมากขึ้น ไหนๆ ก็จะต้องจีบมันแล้ว

normallamron :  กริปสีเหลือง’

ผมคอมเม้นท์ไปใต้ภาพล่าสุดที่ผมเพิ่งเห็น ไม่รู้หรอกครับว่าเจ้าของโปรไฟล์จะรู้หรือเปล่าว่าผมเป็นใคร เพราะ IG ผมเองตั้ง private เอาไว้ ให้แค่เพื่อนๆ ที่ติดตามกันเองได้เห็นเท่านั้น มันอาจจะเป็นแค่คอมเม้นท์นึงที่ถูกเลื่อนหายไปตามประสาความฮอตของเจ้าพูพิ้งที่แต่ละรูปนี้หลักร้อยไลก์ทั้งนั้น

หลังจากนั้นมานานผมกับม๊าและหลานก็ทานกันเสร็จ เลยขับรถกลับบ้านซึ่งใช้เวลาแค่ไม่แป้บเดียวก็มาถึง เพราะเลยเวลารถติดมาแล้ว หลังจากจอดรถเสร็จเรียบร้อย ผมถึงได้มาดูมือถืออีกครั้งว่า มีการแจ้งเตือนจาก IG ซึ่งเป็นการตอบกลับจากคอมเม้นท์ที่ผมเพิ่งได้ทำไป

what_a_phuping  @normallamron  yess’ 
ไอ้พูพิ้งมันตอบกลับมาด้วยนี่หว่า แต่ตอบแค่ yess เนี่ยนะ!!

ผมเดาเอาว่ามันน่าจะรู้แล้วว่าเป็นผม เพราะรูปโปรไฟล์ใน IG ผมใช้เป็นรูปเดียวกับในไลน์ แล้ววันนี้ผมก็เพิ่งจะแชทกับมันไปเมื่อตอนบ่ายๆ แบบนี้ต้องกวนมันกลับไปสักหน่อยครับ

normallamron ใช้เหมือนกันเลย’

 ‘what_a_phuping  @normallamron เลือกเอง?’ 

ผ่านไปแค่แป้บเดียว คอมเม้นท์ก็เด้งตอบกลับมาอีกรอบ
 
normallamron มีคนเลือกให้’

ผมตอบกลับไปแบบนี้ อยากรู้เหมือนกันนะครับว่า พอมันอ่านแล้วจะทำหน้าแบบไหน

what_a_phuping @normallamron เออ ให้มันรู้ซะมั่ง’

normallamron อย่าลืมมาแบ่งกันใช้นะครับ’

ดูเหมือนจะกลายเป็นการคุยโต้ตอบกันมากกว่าแค่คอมเม้นท์ซะแล้วครับ ตอนนี้ผมยังคงยิ้มไม่หยุด ผ่านไปประมาณนาทีกว่าๆ ไม่มีการแจ้งเตือนกลับมา ผมก็เข้าใจว่าไอ้พูพิ้งมันคงจะหยุดไปแล้ว กำลังจะวางมือถือลงเลยครับ ก็มีการแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

bread_space @what_a_phuping @normallamron จีบกันซะด้วย’

ผมจำชื่อ IG นี้ได้ครับ เป็นของไอ้ปัง เพื่อนสนิทพูพิ้งนี่เอง ไม่ยักรู้ว่ามันเข้ามาส่องตอนที่ผมไปคอมเม้นท์รูปนั้นอยู่ด้วย แต่จะว่าไปมันก็ไม่พูดอะไรผิดนะครับ เพราะนี่ก็ยังเป็นวันที่ 6 วันที่ผมยังอยู่ในสัญญาว่าจะต้องจีบไอ้พูพิ้งอยู่พอดี ผมเลยปล่อยเลยตามเลยแบบนั้นนั่นแหละครับ


แต่.......เปลี่ยนใจละครับ


normallomron เหลือ 1 อัน เก็บไว้ให้คนที่ชอบสีเหลือง’……………..



วันถัดมา เวลา 16.50 น.

การมาอบรมนอกสถานที่วันสุดท้ายของผมกำลังจะจบไปในอีก 10 นาทีต่อจากนี้แล้วครับ หลังจากที่ผม(พยายาม)ที่จะตั้งใจฟัง สลับกับการบังคับตัวเองไม่ให้สัปหงกโงกเงกอยู่หลายต่อหลายที แถมวันนี้การอบรมยังเสร็จเร็วกว่าเมื่อวานตั้ง 1 ชั่วโมง นาทีนี้ผมดีใจยิ่งกว่าแข่งแบดชนะอีกครับ เพราะมันช่างเป็นการอบรมที่ทั้งเคร่งเครียดและซีเรียส ไม่วิทยากรคนไหนมาแนวขำขันเฮฮาให้หายง่วงเลยสักคน มีแต่แนววิชาการจ๋า ซึ่งบอกได้เลยครับว่า ถ้าอบรมแบบนี้ที่สำนักงานที่ผมทำงานอยู่ ผมหลับไปแล้ว แต่ที่นี่ผมยังเกรงใจว่าเป็นตัวแทนจากทางแผนก เดี๋ยวเขาจะด่ากลับไปถึงหัวหน้าผมเอาครับ ห้าๆๆ

พูดถึงว่าอบรมจะเลิกเวลาห้าโมงเย็น ผมก็นึกไปถึงที่ได้คุยกับไอ้เจ้าพูพิ้งไว้เมื่อวาน มันบอกผมว่ามันเลิกงาน 5 โมง งั้นก็แสดงว่าตอนนี้มันกำลังจะเลิกงานแล้ว ผมลองไลน์ไปหามันดูดีกว่า เผื่อจะมีเพื่อนเดินกลับบ้านแก้เบื่อ

.....แก้เบื่อจริงๆ นะครับ นี่นั่งอบรมทั้งวันน้ำลายจะบูดอยู่แล้วเนี่ย!!

หลังจากที่ไลน์ไปหาเจ้าของลักยิ้มน่ามองนั่น เจ้าตัวก็ตกลงที่จะเดินกลับบ้านไปขึ้นรถไฟฟ้าพร้อมกันกลับผม ผมไม่ลืมที่จะส่งสติ๊กเกอร์รูปคนยิ้มปิดท้ายไปให้ เพราะมันแทนความรู้สึกของผมตอนนี้ได้ดีจริงๆ

.....ใช่ครับ ผมกำลังยิ้มอยู่ เดินไปยิ้มไป ดีใจที่จะมีเพื่อนเดินกลับบ้านเป็นเจ้าพูพิ้ง.....

ผมเดินลงมาถึงหน้าตึก ยังไม่เห็นผู้ร่วมเดินกลับของผมลงมาถึง ผมเลยถอดเสื้อคลุมสูทออก แล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบน ข้างนอกตึกนี่อากาศร้อนจนคิดว่ายังเป็นเวลาเที่ยงอยู่ด้วยซ้ำ ผมดูดน้ำแก้วเดิมที่ถือติดมือมาไปอึกหนึ่ง ก่อนจะมองหาถังขยะเพื่อทิ้งแก้วนั้น แต่สายตาก็หันไปเจอคนที่ผมกำลังยืนรออยู่เดินออกมาจากทางด้านหน้าของตึกพอดี ตากลมๆ ของมันมองมาทางผมแต่ไกลเลย ผมยิ้มให้เป็นการทักทาย ในใจก็เต้นเร็วขึ้นนิดๆ มันรู้สึกเหมือนไม่ได้เจอกันมานานทั้งที่เมื่อวานก็เพิ่งจะเจอกันแท้ๆ เจ้าพูพิ้งมันทำสายตาเหมือนจะหลบตาผม แต่มันก็ยิ้มนิดๆ กลับมาให้ เราทักทายกันไม่เท่าไร ก็ออกเดินไปพร้อมๆ กัน
เอาตรงๆ นะครับ ทุกประโยคที่เราคุยกัน มันโคตรจะเป็นเรื่องเบสิก ไม่ต่างจากที่คนทั่วไปคุยกัน แต่ในใจผมมันกลับอยากคุยอยู่อย่างนั้น อยากพูดอะไรไปก็ได้ เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งตอบ...อะไรก็ได้...กลับมา ผมรู้สึกว่าการได้คุยกับมันทำให้ความเหนื่อยและความเบื่อจากการอบรมของผมทั้งวันนี้ มันค่อยๆ จากหายไป ในขณะเดียวกันมันก็รู้สึกสบายใจและอิ่มเอมอยู่นิดๆ ไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าความรู้สึกแบบไหนเหมือนกันนะครับ

“ไปกินข้าวด้วยกันก่อนได้ไหม” ผมตัดสินใจพูดประโยคนี้ออกไป ไอ้พูพิ้งดูจะสตั๊นไปเล็กน้อย แถมมันยังไม่ยอมตอบ จนผมต้องถามย้ำมันไปอีกที

“ไป...ป้ะ?”

“ก็....” มันยังอ้ำอึ้งอยู่อีก นี่ผมเขินนะเว้ย ให้มาชวนผู้ชายกินข้าวซ้ำๆ แบบนี้เนี่ย

“ไปกินอะไรอ่ะ” เออ!! ตอบซักทีเหอะ

“อะไรก็ได้ งั้นไปสยามละกันนะ”

ไหนๆ นี่ก็เป็นวันสุดท้ายที่ผมได้มาอบรมที่นี่ แล้วจะได้มาอีกเมื่อไรก็ไม่รู้ จะมัวรอเจอมันที่สนามแบด ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะได้เจอกันวันไหน เพราะสนามที่พูพิ้งมันตีประจำ ไม่ใช่ที่ๆ ผมและเพื่อนไปบ่อยซะด้วย แล้วที่สำคัญ นี่คือวันสุดท้ายที่คำสัญญาจากการแพ้พนันของผมกำลังจะจบลง หลังจากวันนี้ผมจะเป็นอิสระ ไม่ต้องมานั่งตามจีบผู้ชายที่กำลังเดินนำหน้าผมอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว คิดแล้วก็เหมือนหัวใจมันเหมือนฟีบๆ ลงไป ความรู้สึกเหมือนกำลังจะเสียอะไรบางอย่างไป คิดแล้วมันก็แปลกๆ นะครับ จากวันแรกที่เหมือนต้องฝืนใจมาทำอะไรที่ไม่ได้อยากจะทำ ถึงผมจะเคยมองพูพิ้งว่ามันเป็นผู้ชายที่หน้าตาน่ารักก็ตาม แต่การให้มาจีบนี่ก็ผิดจุดประสงค์ไปเยอะเลย นี่ผ่านมาแค่ 7 วันเท่านั้น ผมกลับรู้สึกว่า ..


วันนี้อย่าเพิ่งหมดไปได้มั้ย......


เรามาถึงสยาม กว่าจะเลือกร้านได้ ผมต้องรอให้ไอ้คุณชายพูพิ้งปฏิเสธไม่รู้กี่รอบ นั่นก็ไม่ชอบ นี่ก็ไม่อยาก นั่นก็กินบ่อยแล้ว นี่ก็เพิ่งกินมาเมื่อวาน เดินวนกันเกือบสิบนาทีถึงมาสรุปจบว่าจะไปร้านชาบูอากิโยชิที่อยู่ฝั่ง Siamsquare 1
พอเราเดินมาถึงหน้าร้าน เราต้องรอคิวสักครู่หนึ่งเพราะคนค่อนข้างเยอะ ผมแอบเห็นสายตาอันเปล่งประกายของไอ้พูพิ้งที่มองไปที่ภาพโฆษณาชาบูหม้อยักษ์ที่ติดอยู่ตรงกระจกหน้าร้าน เลยออกปากแซวมันสักหน่อย

“แหม พอราเมงชามละ 300 บ่นว่าแพง พอมาเจอชาบูหัวละ 500 นี่ไม่บ่นซักคำนะ”

...แน่ล่ะครับ ก่อนหน้านี้ผมชวนมันกินราเมงร้านหนึ่ง มันตอกกลับผมมาว่า ราเมงชามละสามร้อยไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือดีกว่า

“ก็อันนี้มันบุฟเฟต์นี่หว่า ยังไงก็คุ้ม” ไอ้พูพิ้งทำท่าเถียงแบบลอยหน้าลอยตา มันน่าจับมาขยี้หัวชะมัด

“แต่เรากินบุฟเฟต์ไม่เคยคุ้มเลย” อันนี้ผมพูดความจริงเลยครับ

“ทำไมวะ อิ่มง่ายเหรอ” มันถามผมย้อนกลับพร้อมหัวคิ้วที่ขมวดขึ้นไปด้านบน

“เออ แต่ช่างมันเหอะ ภูกินให้คุ้มก็แล้วกัน จะได้นั่งนานๆ” ผมตอบพร้อมกับเสมองไปทางอื่น

“จะนั่งนานทำไม ก็กินให้อิ่ม อิ่มแล้วก็กลับ”

“ก็ไม่ได้อยากรีบกลับนี่หว่า” 

“ทำไมวะ...” ไอ้พูพิ้งถามกลับมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

……….ผมคิดอยู่ว่าควรจะตอบอะไรไปไหม แต่ผมก็ไม่ได้ตอบนะ ยังไม่แน่ใจว่าผมจะตอบยังไงดี ขนาดตัวผมเองตอนนี้ผมยังไม่ค่อยเข้าใจเลย


*********มีต่อด้านล่าง***********
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-04-2018 13:59:35 โดย Chay »

ออฟไลน์ Chay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 10
«ตอบ #56 เมื่อ04-04-2018 17:20:14 »

*******ต่อครับ******


พอถึงคิว เราก็เข้ามานั่งในร้าน ไอ้พูพิ้งสั่งเนื้อหมูหลายชนิดมาจนเต็มโต๊ะ จริงๆ ร้านนี้มีเมนูเนื้อวัวนะครับ แต่พอมันรู้ว่าผมไม่กิน มันก็เลยไม่สั่งมา ผมกินไปได้ไม่ทันถึงครึ่งชั่วโมง ทั้งๆ ที่นั่งได้ตั้งชั่วโมงครึ่ง ก็รู้สึกว่ามันเต็มกระเพาะไปหมดแล้ว แต่ไอ้คนตรงข้ามผมนี่ดิ ยัดเอาๆ ไม่รู้ในท้องมันมีกระเป๋าโดราเอมอนอยู่หรือยังไง ถึงใส่อาหารเข้าไปได้เยอะขนาดนั้น

“ไมอิ่มไวจังวะ นี่เรายังกินไม่ถึงครึ่งกระเพาะเลย” ไอ้พูพิ้งถามผมหลังจากที่เห็นว่าผมกินต่อไม่ไหวแล้ว

“บอกแล้วกินไม่คุ้ม อิ่มแล้วก็กินต่อไม่ไหวละ”

“แล้วจะรีบไปไหนต่อป่าวล่ะ” มันถามไปปากก็เคี้ยวไปด้วย อร่อยอะไรขนาดนั้นน่ะ

“ไม่ไปอ่ะ นั่งดูลูกหมูกินอยู่ตรงนี้นี่แหละ”

“ใครวะลูกหมู ทำมาแซวนะเว้ย เราไม่ได้อ้วนสักหน่อย”

“กินแบบนี้บ่อยๆ ต่อไปอ้วนแน่ๆ ใครจะเลี้ยงไหววะ”

“ก็ไม่ต้องมีใครเลี้ยง เลี้ยงตัวเองสบายจะตาย”

“แล้ว...ถ้ามีคนที่อยากเลี้ยงล่ะ” ผมเว้นจังหวะนิดหนึ่ง ก่อนจะพูดประโยคนี้ออกไป ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีมื้อถัดไปจากนี้อีกหรือเปล่า แต่ผมก็ยังอยากถาม

“อยากเลี้ยง...หมายถึงไรวะ” มือที่จับช้อนกำลังจะส่งหมูชิ้นนุ่มเข้าปากหยุดชะงักทันที มันมองผมด้วยดวงตากลมๆ พร้อมกับความสงสัย

“ไม่มีไร ก็แค่แซว ถ้าวันหนึ่งมีคนที่บอกว่าอยากเลี้ยง เลี้ยงไหว จะตอบว่าอะไร”

“ไม่มีหรอก ใครจะพูด เราไม่ใช่ผู้หญิง ทำไมต้องให้ใครมาเลี้ยง” ใช่ครับ ผมก็ไม่เคยมองว่าไอ้พูพิ้งเป็นผู้หญิง

“ไม่เกี่ยวหรอก ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ถ้าเป็นคนที่เราชอบ เราก็อยากดูแลคนๆ นั้นป่าววะ อยากนั่งมองเค้ากินเยอะๆ แค่นี้ก็คงมีความสุขแล้ว”

แล้วตอนนี้ผมก็กำลังมองคนตรงหน้ากำลังกินเยอะๆ อยู่ด้วย

“เหรอ” ไอ้พูพิ้งตอบสั้นๆ แล้วก้มหน้าก้มตากินจนแทบจะมุดลงไปในถ้วยอยู่แล้ว ผมไม่รู้มันคิดอะไรอยู่ แต่ผมรู้แค่ว่าผมอยากนั่งมองมันกินแบบนี้ไปให้เต็มชั่วโมงครึ่งเลย ไม่ต้องรีบอิ่มก็ได้ แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขมันมักจะผ่านไปไวอยู่แล้ว

 
หลังจากนั้นไม่นานนักไอ้พูพิ้งก็อิ่ม ได้เวลาที่เราต้องจ่ายเงินค่าอาหารแล้วก็กลับบ้าน หัวใจของผมเหมือนจะกลับมาเริ่มฝ่อลงอีกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ เราเดินออกจากร้านไปที่สถานีรถไฟฟ้า ขึ้นไปรอที่ชานชาลาสักแป้บ รถไฟฟ้าก็มา นี่ก็สามทุ่มครึ่งแล้ว แต่คนที่สยามยังเยอะอยู่เลยครับ ผมไม่ได้มาที่ย่านนี้บ่อยนักถ้าไม่ได้มีธุระต้องมาจริงๆ เราเดินเข้าไปยืนอยู่ตรงซอกระหว่างตู้โบกี้รถไฟฟ้าโดยที่ยังไม่ได้พูดอะไรกันสักคำตั้งแต่เดินออกจากร้านชาบู จริงๆ ก็อยากพูดนะครับ แต่ก็ทำได้แค่มองหน้ามัน สลับกับมองเพดานรถไฟฟ้า หรือหันไปมองคนนู้นคนนี้บ้าง ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี สับสนกับตัวเองโคตรๆ ทำไมต้องนอยด์เหมือนตอนทะเลาะกับแม่ด้วยวะเนี่ย เอ้ยไม่ใช้ดิ เหมือนตอนฟังเพลงเศร้า หรือ...เหมือนตอนอกหักกันแน่วะครับ


“เดี๋ยวเราลงสถานีถัดไปแล้วนะ” ไอ้พูพิ้งพูดขึ้นในขณะที่ความคิดผมกำลังดำดิ่งไปอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้

“จะลงแล้วเหรอ ไวเหมือนกันเนอะ” เกือบสี่ทุ่มแล้ว เวลาเดินไวชะมัด ข้อตกลงระหว่างเพื่อนกับผมกำลังจะจบลงแล้ว

“ไวก็ไม่ดีเหรอจะได้กลับไปนอนไวๆ ง่วงแล้วเนี่ย” เห้ออออ...ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสินะคนเรา

“อืม...งั้นเดี๋ยวเราส่งเพลงให้นะ” 

ผมทวงสัญญาให้กับสิ่งที่ตัวผมเองยังไม่ได้ทำ เพราะมันเป็นสิ่งแรกที่แว้บขึ้นมาในหัวผมในตอนนี้ ผมเลยหยิบมือถือขึ้นมา เข้าไปที่แอปพลิเคชั่นไลน์ แล้วกดเลือกไฟล์เพลงอย่างรวดเร็ว ผมอยากให้มันไปถึงมือผู้รับก่อนที่จะถึงสถานีหน้า

“ไปละ” ไอ้พูพิ้งหันมาบอกผมอีกครั้ง ผมมองตามันได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ ดวงตาของมันตอนนี้ดูไม่ได้สดใสเหมือนตอนกินชาบูเลย

“อย่าลืมฟังเพลงนะ” คำขอสั้นๆ ที่ผมท้วงกลับไปให้พูพิ้งอีกครั้ง

ผมมองมันอย่างไม่ละสายตา ตั้งแต่มันเดินก้าวออกไปพ้นประตูรถ เจ้าตัวหันกลับมามองที่ผม ผมเห็นมันยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางผู้คนขวักไขว่ที่เดินลงจากขบวนรถไปพร้อมๆ กัน เวลาตอนนี้เหมือนหยุดนิ่ง ทั้งๆ ที่ความจริงมันเดินผ่านไปไวมาก หมดแล้วล่ะครับ 7 วันที่ผมต้องจีบไอ้พูพิ้ง ผู้ชายคนเดียวที่ผมเคยแอบมองมาสามปี มองตั้งแต่ยังไม่ได้รู้สึกอะไรเลย จนตอนนี้ ความรู้สึกมันสับสนปนเปกันไปหมด จับใจความได้เพียงอย่างเดียว


ผมอยากเจอมันอีก...


จิตใจมันสับสน แล้วเธอจะรู้ตัวบ้างไหม
  ว่าเธอคือเหตุผล ที่ทำให้ฉัน ต้องกระวนกระวายในคืนนี้


ท่อนหนึ่งของเพลงที่ผมเพิ่งส่งให้พูพิ้ง ลอยขึ้นมาในหัวผม รถไฟฟ้าเคลื่อนตัวออกช้าๆ แล้วค่อยๆ เร็วขึ้น ภาพของคนนอกขบวนรถหายไปจากสายตากลายเป็นผนังสีดำมืด

จะเป็นไปได้ไหม อยากเจอเธออีกครั้ง อยากบอกความในใจที่ฉันมี…
.......................................................


ออฟไลน์ K.PanPan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 10
«ตอบ #57 เมื่อ05-04-2018 23:27:18 »

มาให้กำลังใจคุณปกอะ เดี๋ยวอ่านตอนล่าสุด
 :impress2:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 10
«ตอบ #58 เมื่อ06-04-2018 05:55:43 »

สนุกเหมือนเดิมครับ ได้อารมณ์เหมือนเรื่องเล่าของเพื่อนดี

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 10
«ตอบ #59 เมื่อ06-04-2018 09:14:27 »

น้องปก ลุยแล้วลุยให้สุดนะคะ
ดูเหมือนว่าจะมีหวัง น้องพิงค์มีความสนใจ หวั่นไหวในจังหวะเผลออยู่บ่อยๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด