คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 11  (อ่าน 8902 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 10
«ตอบ #60 เมื่อ06-04-2018 14:38:44 »

ขอบคุณที่ยังคงตามอ่านอยู่นะครับ มีกำลังใจเขียนต่ออีกเยอะเลยครับ // ผู้เขียน  :hao5:

ปล. นิยายตอนที่ 1 - 10 อยู่หน้า 1 และ 2 นะคร้าบ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 10
«ตอบ #61 เมื่อ06-04-2018 16:29:58 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Insightinmind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 10
«ตอบ #62 เมื่อ08-04-2018 12:25:41 »

มาแล้ว ๆ ๆ พูพิ้ง จะแห้วไหม๊เนี่ยยย ติดตาม ๆๆๆ ครับ

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Chay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 11
«ตอบ #63 เมื่อ22-06-2018 16:54:49 »

ตอน 11  หงุดหงิด


“แค่อยากรู้รังเกียจกันไหม ขอให้มันอย่าเป็นแบบนั้นเลย
  อยากได้ยินเสียงคนที่คุ้นเคย อยากเจอเธอคนเดิมที่เคยได้เจอในเมื่อวาน
  หากพรุ่งนี้ทุกอย่างหมุนไป ฉันนึงจะยืนตรงที่เก่า
  อยู่เพื่อบอกเธอ คำที่ค้างใจ ต่อให้มันจะไม่มีวันเป็นจริงเลยก็ตาม
  อยากให้รู้ว่ารักเธอ...”



ผมฮัมเพลงนี้ระหว่างอาบน้ำแต่งตัวในช่วงบ่ายแก่ๆ ของวันเสาร์ หลังจากที่รู้สึกว่าเนื้อเพลงมันลอยขึ้นมาในหัวได้ไงไม่รู้ ผมก็เลยเปิดฟังจาก Youtube จากนั้นก็ฟังวนไปวนมาทั้งวัน เพราะผมเป็นคนประเภทชอบเพลงไหนแล้วก็จะฟังซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนกว่าจะเบื่อ จากที่เคยฟังเพลงนี้แบบผ่านๆ เมื่อก่อนหน้านี้ มาตอนนี้ร้องได้ไม่ผิดสักคำเลยครับ

เผลอแป้บเดียวก็เป็นวันหยุดอีกแล้ว รู้สึกเวลาผ่านไปเร็วมาก อาจจะเพราะสัปดาห์ที่ผ่านมางานผมค่อนข้างยุ่งด้วยมั้งครับ จะว่าไปแล้วผมไม่ได้เจอไอ้ปกติมาเกือบอาทิตย์แล้ว ตั้งแต่วันที่ผมไปกินชาบูกับมันวันนั้น มันก็เงียบหายไป หายไปจากทั้งไลน์ ไอจี แล้วก็ที่ก๊วนแบดที่มันเคยมาตีกับผมและไอ้ปังด้วย ไม่รู้เป็นบ้าอะไรของมัน เดี๋ยวก็โผล่มาเดี๋ยวก็หายไปซะเฉยๆ ทำอะไรไม่เคยนึกถึงคนอื่นเลยว่าเค้าจะรู้สึกยังไง คิดแล้วมันน่าโมโหชะมัด


นี่ผมนึกถึงมันทีไรเป็นต้องหงุดหงิดใจทุกที ...


“สวัสดีครับแม่” ผมรับสายจากแม่ผมที่โทรมาตอนผมเดินออกจากห้องน้ำพอดี

[ภู หยุดยาวสิ้นเดือนนี้ น้องจะปิ๊กบ้านก่อ] 
(ภู ลูกจะกลับบ้านช่วงวันหยุดยาวตอนปลายเดือนไหมลูก) เสียงหวานๆ จากคุณแม่โทรมาถามข่าวคราว หลังจากที่ผมไม่ได้กลับบ้านที่ลำปางมาร่วม 2 เดือน

“ปิ๊กก่ะ น้องกึ๊ดเติงหาแม่ขนาด ไค่อยากหื้อถึงวันหยุดโวยโวย บ่าอยากไปยะก๋านละ ไค่อยากปิ๊กไปหาแม่วันพูกเลย”
(กลับครับแม่ คิดถึงแม่จะแย่อยู่แล้ว นี่อยากจะให้ถึงวันหยุดไวๆ ไม่อยากไปทำงานแล้ว ไปหาแม่พรุ่งนี้เลยได้มั้ยอ่ะครับ)
เจอลูกอ้อนจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแบบนี้ ดูดิ๊ว่าแม่ผมจะตอบว่าไง

[บ่าได้หนะน้อง กว่าจะเข้าไปยะก๋านตี้นี่ได้ น้องจะมาเถลไถลได้จะได ต้องตั้งใจ๋ยะก๋านหื้อเต๋มตี้ หื้อสมกับตี้เปิ้นจ้างเฮาก่ะน้อง] 
(ไม่ได้สิลูก กว่าจะเข้าทำงานที่บริษัทนี้ได้ แล้วลูกจะเถลไถลได้ยังไง ต้องตั้งใจทำงานให้เต็มที่ ให้สมกับที่เค้าจ้างเราสิลูก)
นั่นไง ไม่ต่างจากตอนสมัยเรียน ที่ถ้าผมทำตัวงอแงออดอ้อนขี้เกียจไปโรงเรียนเมื่อไร แม่ผมเป็นต้องพูดจริงจังแบบนี้ตลอด

“น้องล้อเล่นบ่าดาย จะไปโดดงานได้จะได ยะก๋านแหมสองติ๊ดก่อได้หยุดแล้ว แม่รอน้องหน่อยเน่อ ปิ๊กไปจะกอดฮื่อแน่นๆเลย” 
(ล้อเล่นคร้าบ ภูจะโดดงานไปได้ยังไง ทำอีกสองสัปดาห์ก็ได้หยุดแล้ว แม่รอภูหน่อยน๊า กลับไปจะกอดให้แน่นเลย)

[ดีละ จะไดมาวันไหนก่อบอกแม่ก่อนเน่อ จะได้แป๋งกับข้าวลำลำไว้กอย] 
(ดีแล้วจ้ะลูก ยังไงจะมาถึงวันไหนก็บอกแม่ล่วงหน้าด้วยนะลูก แม่จะได้ทำกับข้าวอร่อยๆ ไว้รอ)

“ครับแม่ จะไดน้องไปเซาะอะหยังกิ๋นก่อน แล้วคืนนี้จะโทรหาแหมกำ ฮักแม่เน่อ” 
(คร้าบแม่ งั้นเดี๋ยวภูไปหาอะไรกินก่อน แล้วไว้คืนนี้ภูโทรหาใหม่ รักแม่นะครับ)

[จ้า แม่ก่อฮักน้องเน่อ] 
(จ้า แม่ก็รักลูก)


ผมวางสายไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังเจืออยู่ที่มุมปาก โลกนี้ใครจะน่ารักเท่าแม่ของผมคงไม่มีแล้วล่ะครับ คิดแล้วก็อยากกลับไปเยี่ยมบ้านไวๆ คิดถึงอากาศเย็นสบายกับสวนหลังบ้านที่เต็มไปด้วยผักสวนครัวของแม่ จักรยานคันเก่าที่ผมเอาไว้ถีบไปตลาดหน้าปากซอย แล้วก็เจ้าแต๊ หมาบางแก้วที่แม่ผมเลี้ยงไว้ตั้งแต่ตัวเล็กๆ จนมันค่อนข้างคุ้นเคยกับคน ไม่ดุเหมือนบางแก้วตัวอื่นๆ ตอนผมไม่อยู่แม่ก็น่าจะมีเจ้าแต๊นี่แหละเป็นเพื่อนคลายเหงา


หลังจากที่แต่งตัวเสร็จ ผมก็เดินออกมาข้างหน้าคอนโด จุดมุ่งหมายคือร้านกาแฟร้านเดิม ที่ผมต้องไปแฝงตัวแทบจะทุกวันหยุด วันนี้ผมคิดว่าจะนั่งแช่นานๆ แล้วเย็นๆ ค่อยกลับมาที่ห้อง เลยแต่งตัวแบบสบายๆ ขั้นสุด คือเสื้อยืดย้วยตัวเก่ากับกางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ ผมที่สระมาก็ยังไม่แห้งเลยครับ แถมตอนนี้ผมหน้าม้าก็เริ่มยาวลงมาปิดคิ้วแล้ว โชคดีนะครับที่ผมเป็นคนผิวหน้าไม่มีสิว เลยอาจจะไม่ได้ดูโทรมมาก


พอเดินเข้ามาในร้านก็ผิดคาดนิดหน่อยครับ วันนี้คนไม่ค่อยเยอะมาก จากที่ทุกวันเสาร์อาทิตย์นั้นจะหาโต๊ะนั่งยากพอสมควร หลังจากที่ผมสั่งกาแฟเสร็จผมก็มองหาโต๊ะที่เหมาะกับการแฝงตัวแบบยาวๆ แล้วผมก็เหลือบไปเห็น...

ไอ้ปกติ...
ไอ้คนที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจทุกครั้งที่นึกถึง คนที่อยู่ๆ ก็หายไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

มันนั่งอยู่มุมหนึ่งของร้าน กับแมคบุคเครื่องเล็กเสียบสายหูฟังสีขาว มันนั่งหันหน้าเข้าหากำแพงร้านเหมือนกับว่าไม่อยากจะมีปฏิสัมพันธ์กับใคร ผมเลยเลือกที่จะไปนั่งอีกมุมหนึ่ง เพราะคิดว่า ในเมื่อมันเลือกที่จะหายหน้าไปจากผม ก็คงไม่ได้มีเรื่องไรจะต้องคุยกัน จากที่เมื่อก่อนก็ไม่ได้คุยอะไรกันอยู่แล้ว

ผมวางของลงบนโต๊ะเล็กๆ ที่มุมอีกด้านหนึ่งของร้าน พร้อมกับหมายเลขออร์เดอร์เพื่อรอพนักงานของทางร้านมาเสริฟกาแฟให้ ระหว่างนั้นผมก็หยิบการ์ตูนที่ถือติดมือขึ้นมาอ่าน แต่ตัวหนังสือต่างๆ ในเล่มที่ผ่านสายตานั้น มันไม่เข้าหัวผมเลยสักตัว เพราะมันเต็มไปด้วยหน้าของไอ้ปกติที่ลอยมาเต็มหัว พร้อมกับคำถามที่ตามมาว่า ทำไมมันถึงหายไป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ มันทั้งขอไลน์ผม ส่งเพลงให้ผม ตามมาตีแบดกับผม ตามผมไปเดินห้าง แล้วผ่านมาไม่กี่วัน ก็ทำเหมือนคนไม่เคยรู้จักกับผมซะงั้น ผมคิดวนไปวนมาทั้งที่ไม่อยากจะคิด แต่ก็เอาออกจากหัวไม่ได้สักที ไม่น่ามาเจอมันเลยครับ

ไหนว่าจะจีบไม่ใช่เหรอวะ...

หลังจากที่พนักงานมาเสริฟกาแฟให้ ผมก็พยายามโฟกัสกับหนังสือการ์ตูนอีกครั้ง นี่ผมอ่านมาจนถึงเล่มที่ 12 แล้ว เนื้อหากำลังสนุกเลย ผมต้องอินไปกับมันสิครับ

“อ่านการ์ตูนเรื่องเดียวกันเลยนะครับ” อ่านไปได้สามตอน เสียงหนึ่งก็ทักขึ้น ทำลายสมาธิในการอ่านของผมอีกครั้ง

ผมลดหนังสือการ์ตูนลงให้พ้นจากระดับสายตา เพื่อมองหาที่มาของเสียง ปรากฏว่าเป็นผู้ชายโต๊ะข้างๆ มันกำลังส่งยิ้มให้ผม ฟันสวยๆ ของมันไม่อาจทำให้ผมรู้สึกอยากคุยกับมันได้หรอกครับ ผมเลยตอบไปแบบส่งๆ


“อ่อ ครับผม” แล้วก็ทำท่าจะยกการ์ตูนขึ้นมาอ่านต่อ

“แล้ว...มานั่งคนเดียวเหรอครับ” ตอนนี้ผมเริ่มเดาได้ละครับ ว่าที่มันมาทักผมเนี่ย คงไม่ต่างจากครั้งก่อนๆ ที่ผมเคยเจอมาแน่ๆ

“ครับ” ผมตอบสั้นๆ

“งั้นผมขอนั่งด้วยได้ไหมครับ พอดีเห็นคนมองหาโต๊ะหลายคน แล้วไม่มีโต๊ะว่างเลย ผมก็มาคนเดียว คุณก็มาคนเดียว จะได้แบ่งโต๊ะให้คนอื่นนั่งด้วย ดีไหมครับ” เอาแล้วไง ไม่น่าจะเดาไปทางอื่นได้ ไอ้หมอนี่มามุกขายขนมจีบชัวร์ๆ เหตุการณ์คล้ายกับที่ร้าน KFC เมื่อตอนนั้นเลยครับ แล้วถึงจะบอกว่าผมชินหรือเจอมาตลอดตั้งแต่มัธยม แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกดีใจเลยสักนิด รวมถึงครั้งนี้ด้วย

ตอนนี้ผมยังไม่ตอบอะไร แต่ทอดสายตามองไปทั่วๆ ร้าน คนเริ่มเยอะตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่แน่ใจ แต่โต๊ะว่างในร้านไม่มีแล้วจริงๆ ด้วยครับ

“ถ้าไม่ตอบ ถือว่าได้...นะครับ” บ๊ะ ไอ้นี่ก็ตื๊อไม่เลิก แถมยังเอามือรวบรวมข้าวของเตรียมตัวจะลุกมานั่งกับผมทันที นี่ผมอยากมานั่งชิวคนเดียวนะเว้ยเห้ย

แหมะ!! ไอ้หมอนี่ทิ้งตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามผมซะแล้ว ท่าทางมันยิ้มร่าเลยตอนนี้

“อ่านไวนะครับ เล่ม 12 แล้วเหรอ ผมเพิ่งอ่านถึงเล่ม 10 เอง เนื้อเรื่องไปถึงไหนแล้วอ่ะครับ เล่าให้ฟังมั่งได้ป่าว” แค่ย้ายมานั่งด้วยผมก็ปวดหัวแล้วครับ นี่ยังจะมาชวนผมคุยเรื่องการ์ตูนที่ผมอ่านอยู่อีก แล้วผมไม่ตอบได้ไหมครับเนี่ย ตอนนี้แก้วกาแฟในมือผมเริ่มจะสั่นด้วยความรำคาญซะแล้วครับ

“ก็สนุกดี ลองอ่านไปเรื่อยๆ ดูแล้วกันครับ” ผมตอบกลับไปแบบส่งๆ พร้อมกับรอยยิ้มแบบเฝือๆ ตั้งใจจะให้อีกฝ่ายรู้ว่า ผมไม่ได้อยากคุยด้วยเท่าไร แค่แชร์โต๊ะกันนี่ก็เต็มที่แล้ว


ลองมานึกดู นี่ผมดูเป็นคนที่ไม่ค่อยน่าเกรงใจหรือเปล่า ใครอยากจะมาคุย ใครอยากจะมานั่งกับผม ก็ทำเหมือนเป็นเรื่องง่ายไปหมด ถึงจุดประสงค์อยากจะเข้ามาจีบหรืออะไรก็ตาม อันนี้ถึงผมจะไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจซะทีเดียว แต่อย่างน้อย ถ้าดูท่าทีผมออกว่าผมไม่ได้อยากคุยด้วย ก็น่าจะให้เกียรติผมสักหน่อยไหม เพราะผมเองก็เป็นคนแบบนั้น ถ้ารู้ว่าใครไม่อยากคุย ไม่อยากติดต่อ หรืออยากจะหายไปจากชีวิต ผมก็จะไม่ทำให้เค้าลำบากใจแน่ๆ ...


“เนี่ยๆ ไอ้ตัวร้ายตัวเนี้ย อ่านแล้วโคตรหงุดหงิดเลยนะครับ ฆ่าเท่าไรก็ไม่ตาย อะไรแม่งจะเก่งขนาดนั้น”

โอยยย...ยอมใจเลยครับ ไอ้คนตรงข้ามนี่ชวนผมคุยไม่เลิกจริงๆ ขนาดผมถือหนังสือการ์ตูนปิดหน้าแล้วนะครับ ผมลดหนังสือการ์ตูนลงจากระดับสายตาอีกครั้ง ตอนนี้สายตาผมอาจจะเริ่มแสดงอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว

“ครับ เดี๋ยวผมขอตัวก่อนแล้วกันครับ” แต่ก็คิดได้ว่า ถ้ามันไม่ยอมเลิกคุย ผมแค่เดินหนีก็จบ นั่งต่อไปอารมณ์ชิวของผมวันนี้น่าจะกลายเป็นอารมณ์ไม่ดีแทน


ผมเก็บข้าวของบนโต๊ะพร้อมกับถือแก้วกาแฟแล้วหันตัวออกมาจากโต๊ะกาแฟอย่างไว คิดในใจว่า ถ้าไม่มีโต๊ะว่างโต๊ะอื่นให้ผมนั่ง ผมก็คงกลับไปนอนอยู่ที่ห้องแทน

ตุ้บบ!! ระหว่างที่หันตัวออกมานั้น ผมชนกับใครคนหนึ่งเข้า แก้วกาแฟในมือผมกระแทกหน้าอกเค้าอย่างจัง จนมันตกลงไปกระจายอยู่บนพื้น เรียกสายตาคนทั่วร้านได้ดีทีเดียวครับ มีเรื่องให้อายอีกแล้วผม

“ขอโทษครับ” ผมเงยหน้าจากแก้วกาแฟบนพื้นขึ้นมามองคนที่ชนกับผม “ไอ้ปกติ!!”

“ภู” มันเองก็ดูอึ้งไม่แพ้ผม

“เอ่อ โทษที เราไม่ทันมอง เดี๋ยวเราเอากระดาษเช็ดให้” ผมดึงสติกลับมา ตอนนี้ต้องหากระดาษมาเช็ดกางเกงที่เปื้อนกาแฟของผมให้มันก่อน

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปล้างที่ห้องน้ำก็ได้” พูดจบแล้วมันก็เดินไปทางห้องน้ำอย่างไว ผมเหลือบไปเห็นรองเท้าผ้าใบสีขาวของมันเปื้อนคราบกาแฟอยู่หลายจุด คงจะอยากรีบล้างออกแน่ๆ

...เห้ออออ สร้างเรื่องอีกแล้วสิผมเนี่ย คิดแล้วผมเลยเดินตามมันไปที่ห้องน้ำ

พอไปถึงผมก็เห็นไอ้ปกติมันกำลังถอดรองเท้า แล้วเอาน้ำพยายามถูๆ ส่วนที่เปื้อนคราบกาแฟออก แต่ดูแล้วไม่ค่อยจะจางลงไปเท่าไรนัก

“ออกไหมอ่ะ” ผมถามมันด้วยความรู้สึกผิด

“ก็น่าจะออกแหละ มั้ง” มันตอบผมสั้นๆ แต่มือมันยังคงพยายามเช็ดคราบกาแฟต่อไป

“เราเอาไปซักให้ไหมอ่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอก”

“เราเป็นคนทำเปื้อน เราอยากรับผิดชอบ”

“บอกว่าไม่เป็นไร ถ้าเช็ดไม่ออกก็เอากลับไปซักที่บ้าน เดี๋ยวก็ออก”

“ปกติ...”

มันหยุดถูรอยเปื้อนที่รองเท้า แล้วหันมามองผม

“เรา...ขอโทษ” ถึงคำนี้จะออกมาจากปากผมยากสักหน่อย แต่ผมก็คิดว่าเวลานี้มันสมควรต้องพูดแล้ว เพราะถ้าเป็นผม แล้วมีคนมาทำรองเท้าเปื้อนแบบนี้ แถมเป็นรองเท้าสีขาวซะด้วย ก็คงต้องไม่พอใจบ้างแหละ

“…” ไอ้ปกติไม่มีคำตอบอะไรกลับมา มันมองมาที่ผมอยู่สักสองวินาทีเห็นจะได้ ก่อนที่มันจะวางรองเท้าลง แล้วใส่ไปทั้งที่รอยเปื้อนยังคงอยู่ จากนั้นมันก็เดินออกไปโดยที่ไม่พูดอะไรกับผมแม้แต่คำเดียว

“อ้าว ไอ้ปกติ เดี๋ยวก่อนดิ”

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา ผมเห็นมันก้าวขาฉับๆ เดินกลับเข้าไปในร้าน ตอนนั้นผมเริ่มหัวร้อนขึ้นมานิดๆ แต่ก็ไม่ได้เดินตามมันไป ยังคงยืนงงว่ามันเป็นอะไรของมันกันแน่ นี่ผมก็พูดกับมันดีๆ แล้วนะครับ ทำเปื้อนก็จะเอาไปซักให้ มันก็ไม่ยอม แถมยังเดินหนีผมไปแบบนี้


…………..แม่ง ทำผมหงุดหงิดโคตรๆ เลยครับ!!


“ฮัลโหล ไอ้ปัง มึงอยู่ไหนวะ”

“กูอยู่บ้าน มีไรวะเพื่อน” เสียงเพื่อนสนิทผมรับสายแบบอารมณ์ดี

“วันนี้กูอยากกินเหล้า มึงไปกับกูนะ!!”






มีต่อด้านล่างครับ

ออฟไลน์ Chay

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 11
«ตอบ #64 เมื่อ22-06-2018 17:01:33 »

21.50 น.


ผมมานั่งรอไอ้ปังอยู่ที่ร้านประจำ วันนี้คนค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นคืนวันเสาร์ ขาเหล้าเลยมารวมตัวกันเพื่อความสนุกกันเต็มร้านไปหมด ยกเว้นแค่ผม เพราะที่มาวันนี้ไม่ใช่อยากสนุกแบบคนอื่นๆ แต่อยากจะเจอหน้าเพื่อนรักที่มันรับฟังผมได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่มหาลัยมาจนถึงวัยทำงาน มีแต่มันนี่แหละครับที่เปิดใจได้แบบไม่ต้องอาย

ผมกระดกไปแล้วสามสี่แก้ว เพิ่งจะเห็นเงาไอ้ปังเดินมาถึงที่โต๊ะ

“โห ไม่ต้องรอกูแล้วเว้ยเดี๋ยวนี้” มันทักผมอย่างอารมณ์ดีหลังจากที่เห็นว่า เหล้ากลมใหญ่ถูกเปิดและพร่องไปบ้างแล้ว

“อย่างมึงกูต้องรอด้วยเหรอวะ กินเหล้าเป็นน้ำ สามนาทีก็แซงกูไปไกลละ”

“ห้าๆๆ ว่าไปเรื่อยนะมึง แล้วนี่เป็นไรวะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะชวนกูก่อน มีแต่กูเนี่ยต้องตามมึงมานั่งเป็นเพื่อน”

“ไม่มีไรอ่ะ กูแค่อยากมานั่งชิว”

“เชี่ยย ชิวที่ร้านเหล้า คิดว่ากูจะเชื่อมึงเหรอไอ้ภู นี่กูเพื่อนมึงนะเว้ย”

“…”


ไอ้ปังมันต้องดูผมออกอยู่แล้วล่ะครับ เพราะที่ผ่านมามีแต่ผมที่ต้องมานั่งเป็นเพื่อนมัน แล้วก็แทบจะไม่เคยเป็นฝ่ายชวนก่อนเลย ถ้าไม่มีเรื่องหนักหัวจริงๆ เหมือนกับครั้งนี้ ผมยอมรับเลยนะครับ ว่าผมหนักหัวเรื่องไอ้ปกติ!!

“เออ กู...ก็มีเรื่องอยากมาถามมึงนิดหน่อย” ผมพูดไปพร้อมกับชงเหล้าแก้วแรกสำหรับไอ้ปัง และแก้วที่ห้าของผม

“เอาละเว้ย พูดซะกูอยากรู้ขึ้นมาเลยเนี่ย เรื่องไรของมึงวะ”

“ก็เรื่อง......” พอจะพูดจริงๆ ผมก็รู้สึกแบลงก์ขึ้นมาแว้บหนึ่ง นี่ผมกำลังจะปรึกษาเรื่องอะไรกันแน่นะ

“หืมมม...”

“เรื่อง......”

“เอ้าไอ้ห่านี่ มึงเรียกกูมาถึงนี่ เกิดจะอ้ำอึ้งอะไรขึ้นมาอีกเนี่ย”

“เรื่องไอ้ปกติ” พูดจบผมก้มหน้าก้มตาทันที ไม่แน่ใจว่าไอ้ปังมันจะมองผมแบบไหนกันแน่ เอาจริงๆ มันก็อายอยู่เหมือนกันนะครับ ที่เอาเรื่องผู้ชายด้วยกันมาปรึกษาเพื่อนเนี่ย

“55555 ก็แค่เนี้ย มึงจะอ้ำอึ้งทำไมวะ ทำไม ไอ้ปกติมันทำไรมึงเหรอ”

“ไม่ได้ทำไรเว้ย”

“มันจะไม่มีได้ไงว่า ทำท่าทางงุบงิบขนาดนี้ อย่าบอกนะ ว่า.....มัน มันปล้ำมึงแล้ว!!”

“ปล้ำเชี่ยไรไอ้ห่าปัง มันแค่มากวนใจกูเว้ย”

“แล้วกวนใจยังไงล่ะคร้าบเพื่อน ไหนลองเล่ามาดิ้”


เหล้าแก้วแรกของไอ้ปัง หมดไปพร้อมกับแก้วของผม นี่ผมว่าผมชงให้มันเข้มแล้วนะครับ นี่มันกระดกทีเดียวเหมือนไม่รู้สึกอะไร ผิดกับผมที่เริ่มวิ้งขึ้นมาทีละนิดซะแล้ว และคราวนี้ก็เป็นมันที่หยิบแก้วผมไปชงให้บ้าง

บรรยากาศในร้านเหล้าตอนนี้ มองไปมองมาก็วิงเวียนใช่น้อย คนเดินไปเดินมา บางคนก็โยกตัวช้าๆ ไปตามจังหวะเพลง บางคนก็กอดคอหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน สายตาที่เริ่มเบลอของผมเหมือนจะมองเห็นโต๊ะที่อยู่ถัดไปไม่ไกล ยกแก้วเหล้าทำท่าเหมือนจะชนกับผม ด้วยความไม่คิดอะไรผมก็ยิ้มให้นิดๆ ไปตามมารยาท


“อ่าว มึงจะเล่าไม่เล่าวะเนี่ย กูรอฟังอยู่นะเว้ย” ไอ้ปังเร่งให้ผมเล่าเรื่องให้มันฟังต่อ

“เออๆ ก็... มึงจำได้ป่ะวะ ที่...ไอ้ปกติ มัน...”

“มันจีบมึงอ่ะเหรอ เออ กูจำได้ ทำไมวะ”

“ไอ้เชี่ยปัง พูดเบาๆ ก็ได้เว้ย มึงจะเสียงดังทำไมวะ”

“ไม่เห็นเป็นไร ใครจะมาสนใจเราวะ หรือว่า...นี่มึงกำลังอายกูเหรอ 5555”

“อายเชี่ยไร กูเปล่าเว้ย”

“เออๆ ไม่อายก็ไม่อาย กูล้อเล่น อ่ะต่อๆ” ไอ้ปังชวนผมคุยพร้อมกับหยิบแก้วผมไปชงใหม่อีกครั้งทั้งที่เหล้ายังไม่ทันหมดแก้ว แต่ช่างมันครับ วันนี้ผมมาเพื่อดื่ม พรุ่งนี้วันอาทิตย์ นอนตายได้ไม่เป็นไร ว่าแต่...ผมเล่าถึงไหนแล้วนะ เริ่มจะมึน

“เออ ก็มันอ่ะ มาป้วนเปี้ยนรอบกูอยู่หลายวัน ทั้งที่สนามแบด ทั้งที่ทำงานกู ไหนจะตามกูไปกินข้าวอีก”

“เออ แล้วไงวะ” ไอ้ปังทำหน้าตั้งใจฟังมากขึ้น

“แล้ว แล้วมันก็หายไปไง มึงรู้ป่ะ มันแอดไลน์กู ส่งเพลงมาให้กูฟังแล้วมันก็หายไปเลย”

“หายไปนี่มึงหมายถึงยังไงวะ”

“หายไปแบบ ไม่ติดต่อกูมาอีก.........”

ไอ้ปังเงียบไปนิดนึง แต่มันยังคงมองหน้าผมด้วยสายตาเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง

“ใจเย็นมึง เอ้าชนก่อน จะได้เล่าต่อได้คล่องๆ” มันยังคงชวนผมดื่มไม่หยุด ตอนนี้สติผมเริ่มหลุดไปเรื่อยๆ แล้วครับ แต่ก็ยังคงรู้ตัวอยู่

“แล้วยังไง มึงอยากคุยกับมันต่อเหรอวะ”

“กู ก็ไม่รู้ว่ะ แล้ววันนี้กูดันไปเจอมันที่ร้านกาแฟหน้าคอนโด มันก็เมินใส่กูอีก เดินหนีกูเฉย จะไม่ให้กูงงได้ไงวะ แม่งคนรู้จักกันนะเว้ย” พูดจบผมก็กระดกเหล้าไปค่อนแก้ว

“แล้วทำไมมึงไม่ไปถามมันให้รู้เรื่องล่ะ ปล่อยให้มันเดินหนีไปทำไมวะ เอาน่า...มึงอย่าคิดมากเลยไอ้ภู อยากทำไรก็ทำ อยากถามก็ถาม อยากคุยก็คุย กำแพงในตัวมึง ลดๆ มันลงบ้างก็ได้ ชีวิตไม่ได้ยืนยาวนะเว้ย ดูอย่างเหล้าในขวดดิ แป้บเดียวเดี๋ยวก็หมดละ เอ้า ชนนนนนน!!”

เวลามึนๆ แบบนี้ ให้ฟังยังไงผมก็ไม่เข้าใจว่ากำแพงกับเหล้าในขวดมันเกี่ยวกันยังไง เริ่มจับใจความผิดๆ ถูก ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่หยิบแก้วขึ้นมาชนกับไอ้ปัง แล้วกระดกไปสองอึก สักแป้บ พนักงานเสริฟคนหนึ่งที่รู้จักกับผมก็เดินเข้ามาหาที่โต๊ะ

“พี่ภูครับ มีคนฝากมาชนแก้วครับ” พนักงานพูดขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปทางไอ้คนที่มันทำท่ายกแก้วให้ผมเมื่อกี้ ผมมองไปตามมือ แต่ก็มองหน้าไม่ค่อยจะชัดหรอกครับ ตาเริ่มเบลอละ แต่ก็ไม้ได้คิดไรมาก หยิบแก้วจากมือพนักงานแล้วกระดกทีเดียวจนหมด บอกแล้ววันนี้ผมมาเพื่อดื่ม แถมมีเพื่อนมาด้วย จะไปกลัวอะไรครับ แค่เหล้าแก้วเดียว

“เห้ยย ไอ้เชี่ยภูใจเย็น เดี๋ยวก็เมาตายพอดี แก้วใครนั่นมึงรู้จักเหรอ” ไอ้ปังทักขึ้นทันทีที่ผมกระดกเหล้าแก้วนั้นจนหมด

“ไม่รู้เว้ย แต่ก็ช่างแม่ง ยังไงกูก็เมาอยู่แล้ว อ่ะมาเล่าต่อ” ผมส่งแก้วเหล้าคืนพนักงานเสริฟแบบไม่ได้สนใจอะไร รู้แค่ว่าสติลดลงไปเยอะพอสมควรกับเหล้าสามสี่แก้วที่ผ่านมานี้ โดยเฉพาะแก้วเมื่อกี้ โคตรขม





00.15 น.


“คือออ กูแค่สงสัยย ว่าทำมายย มันถึงหายไป ทั้งที่มันก็บอกก จะจีบกูไม่ใช่เหรออ”

“เออ กูเข้าใจละ มึงพูดประโยคนี้กับกูรอบที่สามแล้วเว้ย ว่าแต่ทำไมมึงต้องพูดเสียงยานๆ ด้วยวะ อย่าบอกนะมึงเมาแล้ว”

“เมาเชี่ยยไรไอ้ปังง กูยังไม่เมาเว้ยย กูแค่อยากรู้วว ว่าวันนี้มันเดินหนีกูทำไมมม แล้วทำไมมันเข้ามาในชีวิตกูววว แล้วมันก็หายไปวะ มึงง คิดว่ามันต้องการอะไรจากกู มันอยากกวนตีนกูเหรอออ”

ตอนนี้ผมเริ่มพูดความรู้สึกออกมาแบบไม่มียั้ง เหมือนกำแพงความอายที่จะพูดตรงๆ มันพังทลายไปกับแอลกอฮอล์แล้วเรียบร้อย จริงๆ ผมอาจจะไม่ได้อยากได้คำตอบอะไรหรอกครับ ผมแค่อยากมีเพื่อนรับฟัง สิ่งที่ผมอึดอัดมาหลายต่อหลายวันมากกว่า


เหล้าแก้วที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ แต่เท่าที่รู้คือไอ้ปังยังคงหน้าตาสดใส เหมือนคนที่กินแต่น้ำเปล่า ทั้งที่เหล้ากลมใหญ่นั้นกำลังจะหมดลงแล้ว นี่อย่าบอกนะว่าผมกินอยู่คนเดียว

“ชนอีกสักแก้วได้ไหมครับ” เสียงหนึ่งทักขึ้นมา หลังจากที่สติผมเริ่มเลื่อนลอย พอหันไปตามเสียงก็เห็นคนเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง หน้าตาตี๋ๆ แบบที่สาวๆ น่าจะชอบแน่ๆ “ผมที่ขอชนแก้วกับพี่เมื่อกี้ไงครับ”

“อ่ออออออ มาๆ ชนนนนนนๆ” ผมยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ตั้งท่าเตรียมหยิบแก้ว

“เห้ย เดี๋ยวๆ” แต่เสียงไอ้ปังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน “มึงเมาแล้วก็พักกินก่อนดีกว่าไหม พูดจะไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว”

“เมาไรวะ กูยังสติดีเต็มร้อยย มาชนๆ ครับน้อง”

“มาครับพี่” ไอ้เด็กวัยรุ่นนี่เดินเข้ามาหาผมแบบไม่สนใจเสียงไอ้ปังแม้แต่น้อย

“ไอ้น้อง แฟนพี่เมาแล้ว ให้มันพักก่อน แก้วเมื่อกี้ก็พอแล้ว” อ้าวเฮ้ยยย ไงไอ้ปังพูดงั้นอ่ะ “เฮ้ยไอ้ปัง.....”

“เงียบก่อนเลยภู เมาแล้วทำเป็นคอแข็ง เดี๋ยวปั๊ดปล้ำแม่งตรงนี้เลย” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดต่อ ไอ้ปังก็ขัดจังหวะขึ้นมาอีกรอบ แถมรอบนี้มีปล้งปล้ำอะไรอีกวะเนี่ย

“อ้าวพี่เป็นแฟนกันเหรอ”

“ก็เออดิ ก็พูดอยู่ยังจะมาถามอีก กลับโต๊ะไปได้แล้วน้อง”

“....” ไอ้เด็กวัยรุ่นไม่พูดอะไร มันมองผมอยู่สักแป้บ พอเห็นว่าผมไม่ได้พูดอะไรต่อ มันก็ทำคิ้วขมวดแล้วเดินกลับโต๊ะไปอย่างไว
“พูดไรของมึงวะไอ้ปัง”

“กูก็ดูแลมึงอยู่เนี่ย ไอ้ขี้เมา ถ้ากูไม่พูดแบบนี้แล้วคิดว่าไอ้เด็กนั่นมันจะไปเหรอ หรือมึงชอบ กูจะได้เรียกมันมาใหม่”
“ไม่ได้ชอบเว้ย เออๆ ช่างแม่ง”


ผมไม่ได้กลับมาคุยเรื่องไอ้ปกติต่อ ตอนนี้สติผมแทบจะเลือนหายไปกับเหล้ากลมที่ 2 ที่ไอ้ปังเพิ่งสั่งมา มันเปิดขวดแล้วชงให้ผมแก้วทีละแก้วๆ เวลาผ่านไปเท่าไรไม่รู้ ความสามารถในการควบคุมตัวเองของผมลดลงไปจนเหลือเพียงความสนุกเข้ามาแทนที่ ตอนนี้เห็นใครก็อยากทักทายเค้าไปซะหมด พอเพลงไหนสนุกเข้าหน่อยก็ลุกขึ้นมาโยกอย่างไม่อายใคร ทั้งที่ขาก็แทบจะยืนไม่อยู่ เซไปชนคนนั้นบ้าง คนนั้นบ้าง แต่ก็เหมือนจะเห็นว่าใครๆ เค้าก็ยิ้มตอบมาให้ผมกันทั้งนั้น แบบนี้ยิ่งสนุกเลยครับ เหมือนเป็นเพื่อนกันหมดทั้งร้าน


“เห้ยไอ้ภู กูว่ามึงเมามากแล้ว กลับเหอะ” เสียงแว่วๆ ของไอ้ปังทักขึ้นในขณะที่ผมกำลังหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มพร้อมกับโยกย้าย จนเหล้าหกลงมาเต็มอกเสื้อ

“ครายย มาววว วะไอ้ปังงงง ถ้ากูวววมาว กูจาเต้นได้เหรอออ”

“ไม่เมาเชี่ยไร เดินชนเค้าไปหมดแล้วเนี่ยไอ้ห่า ดูดิ้เหล้าหกเต็มเสื้อแล้ว” ไอ้ปังทำท่าเก็บของและลุกขึ้นมาประคองผม

“กูยังไม่กลาบบบ กินต่อ ให้หมดขวดดด ไปเลยมึงงง”

“พอๆ เลยมึง กลับบ้านนอนได้ละ เดี๋ยวกูไปส่ง”

“เห้ยย บอกไม่กลาบ ไงงงง”

เท่าที่จำได้ ผมพยายามสะบัดแขนไอ้ปังที่มันพยายามประคองผมออกจากร้าน ในขณะที่ผมยังคงโยกย้ายพร้อมกับเหล้าในแก้วที่กระฉอกหกเรี่ยราดไปทั่ว ระหว่างที่ไอ้ปังมันยื้อให้ผมเดินออกไปกับมันนั้น ผมก็ดันไปชนกับคนที่กำลังเดินสวนมา เหล้าครึ่งแก้วหกใส่มันเข้าเต็มๆ

“เอ้ยยยย ขอโทษค้าบบ ม่ายได้ตั้งจาย” ผมเอ่ยขอโทษไปแบบไม่ค่อยเป็นภาษาเท่าไรนัก สายตาที่มองอะไรก็หมุนไปหมดทำให้ไม่รู้เลยว่าผมกำลังพูดกับใครอยู่

“ไม่เป็นไรครับน้อง เมาหนักเลยนะครับเนี่ย” เท่าที่ผมพอจะยังฟังรู้เรื่อง ไอ้คนที่เดินชนกับผม มันตอบกลับมาด้วยเสียงนุ่มๆ

“ม่ายเมาคร้าบ ไม่เชื่อมาชนแก้วกับผมดิ มาๆ” ส่วนผมก็ยังไม่วายอยากดื่มต่อ เลยชวนมันชนแก้วสักหน่อย

“เฮ้ยไอ้ภู กูบอกให้มึงกลับได้แล้ว ไว้ค่อยมาใหม่ เมาเละแล้วเนี่ย” ไอ้ปังก็ยังคงขัดจังหวะผมไม่เลิก

“ใจเย็นสิครับ เพื่อนคุณอยากดื่มต่อ ถ้าคุณจะกลับก่อน เดี๋ยวผมดูแลเพื่อนคุณให้ก็ได้”

นี่ไง ผมได้เพื่อนดื่มคนใหม่แล้วครับ ไอ้ปังอยากจะกลับมึงก็กลับไปเลย ชิ้วๆ

“ไม่เป็นไรครับ เพื่อนผม ผมดูแลเองได้”

“เพื่อนคุณผมก็ดูแลได้ จะห่วงไร แค่คนกินเหล้าเมา ผู้ชายเหมือนกันทั้งนั้น”

“เห้ยย อย่ายุ่งได้ป่ะวะ นี่เพื่อนกู มันเมา กูจะพามันกลับบ้าน เกี่ยวไรกะมึงวะ”

“อ่าว พูดงี้มึงอยากมีเรื่องว่างั้น เจอกูหน้าร้านมั้ย”


เรื่องราวดูจะบานปลาย ไอ้ปังที่ยังประคองผมไว้มือหนึ่ง กำลังใช้อีกมือในการกระชากคอเสื้อฝั่งตรงข้าม ในขณะที่อีกฝ่ายก็ยื้อยุดไม่ยอมกันจนเหล้าในมือของมันร่วงแตก คนในร้านเริ่มหยุดมอง ส่วนผมยังคงเซไปมาทำท่าคอพับคออ่อนไปตามสติที่แทบจะไม่เหลือ เด็กเสริฟในร้านที่รู้จักผมกับไอ้ปัง เข้ามาช่วยห้าม แต่เหมือนเพื่อนของไอ้ฝั่งตรงข้ามก็เข้ามาช่วยเสริมทัพ จนดูเหมือนเรื่องจะใหญ่โตขึ้นมา ระหว่างความชุลมุนนั้น เหมือนจะมีใครคนหนึ่งเข้ามาช่วยไอ้ปัง ดูท่าจะเป็นคนตัวใหญ่กว่าไอ้ปังอีก มันกระซิบอะไรกับเด็กเสริฟไม่กี่คำ ก่อนจะให้เด็กเสริฟช่วยกันฝ่ายตรงข้ามออก และช่วยไอ้ปังประคองผมออกไปทางหน้าร้าน ไอ้นี่มันใครวะ?

“เกือบซวยแล้วนะคุณ จะไปมีเรื่องกับเค้าเป็นสิบ แล้วมากันแค่สองคนเนี่ยนะ” ไอ้คนตัวโตพูดขึ้นกับเพื่อนผม

“แล้วจะให้ยอมได้ไงวะ!!” ไอ้ปังมันสะดุดไปนิด มันจ้องไปที่คู่สนทนา “เฮ้ย มึง.......”

“อ้าวคุณ!! คุณเคยมานอนที่ห้องผมนี่”

“ใครเคยไปนอน กูไม่ได้ไปนอนเว้ย มึงต่างหากที่พากูไปนอน”

มันคุยไรกันวะเนี่ย รู้จักกันด้วยเหรอวะ...........

“อ้าว โอเคๆ ผมนี่แหละที่พาคุณไปนอน จริงๆ คุณต้องขอบคุณที่ผมช่วยพาคุณออกมาจากกองอ้วกนะครับ”

“กูกลับห้องไหวเว้ย แค่กูนอนพักเรียกสติ ใครให้มึงมายุ่งกับกูล่ะ”

“เอาน่า อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลย พาเพื่อนคุณกลับก่อนดีไหม เมาขนาดนั้น เดี๋ยวผมไปส่ง นี่ผมก็กำลังจะกลับพอดี”

“ไม่จำเป็นเว้ย แท็กซี่เยอะแยะ กูกลับกันเองได้”

“คร้าบ กลับเองได้อ่ะผมเชื่อ แต่ถ้าเพื่อนคุณอ้วกเรี่ยราดเต็มรถแท็กซี่ขึ้นมา ผมว่าอันนี้คุณมีปัญหาแน่”

“มัน... ไม่อ้วกหรอก ช่างมันเหอะ”

“แน่ใจนะครับว่าไม่ คุณลองมองเพื่อนคุณดีๆ ก่อน สภาพไม่น่าจะไหวแล้ว ไปรถผมจะอ้วกตอนไหนเดี๋ยวผมแวะข้างทางให้ อย่าลืมนะครับ ผมกับคุณน่ะ อยู่คอนโดเดียวกัน ยังไงเราก็กลับทางเดียวกันอยู่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ”

“พูดไม่รู้เรื่องไงวะ บอกว่ากลับเองได้ไง”

จังหวะนั้นสงสัยไอ้ปังจะออกแอ็คชั่นมากไปนิด จนมันเผลอปล่อยแขนที่ประคองไหล่ผมไว้ ความที่ผมมึนจนยืนไม่อยู่เลยทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น แหม...พื้นปูนหน้าร้านนี่มันก็หอมใช้ได้นะครับ งีบสักแป้บละกัน คร่อกกก…

“เป็นไงล่ะครับ มัวเถียงกันจนเพื่อนลงไปนอนกับพื้นแล้ว รอตรงนี้แป้บนะครับ เดี๋ยวผมไปเอารถก่อน ดื้อจริงๆ เลย”

“เฮ้ยยย...ไอ้นี่ !!”


………………………………………………………………………..

ออฟไลน์ K.PanPan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: คอร์ทรัก (โคตรรัก) ตอนที่ 11
«ตอบ #65 เมื่อ28-06-2018 12:43:54 »

เป็นกำลังใจมห้รีบๆมาต่อนะครับ o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด