แอ๊บที่ 10: เมียกูอยู่ไหน?“เฮ้อ~”
“เป็นไรวะไอ้แมน ทำหน้าเหมือนเมียหาย”
พี่แมนตวัดสายตามองเพื่อนรักที่พูดจาไม่เข้าหูตั้งแต่ประโยคแรกที่เจอหน้า ส่งผลให้พี่งอกผู้กะแซวเล่นๆ แต่มันเสือกโกรธจริงรู้สึกขนลุกวูบวาบคล้ายถูกเสกควายธนูเข้าท้องอย่างไรพิกล
“อารมณ์ไม่ดีเหรอมึง?”
“มึงพิจารณาเอาจากหน้ากูซิ ลัลล้าเลยไหม? โลกสดใสดอกไม้เบ่งบานเลยรึเปล่า?”
พี่เงิบที่อุตส่าห์หวังดีถามไถ่ก็พลอยหน้าม่อยไปอีกคน ไอ้แมนเวลาโกรธแม่งเหมือนผู้หญิงเป็นเมนส์ ใครเข้าใกล้ได้โดยเหวี่ยงไปหมด พี่เงิบกับพี่งอกเลยหันมาคุยกันเองเสียแทน
“ไอ้เหี้ย วันนี้ขยันนะ แบกหนังสือมาเรียนซะกระเป๋าตุงเลย”
“เปล่า กูเอามาหนุนหัว”
ว่าแล้วพี่งอกก็จับหนังสือเรียงเป็นตั้งแล้วฟุบลงไปนอน ไม่ได้สนใจท่านอาจารย์ที่กำลังก้าวเข้ามาสอนในห้องแต่อย่างใด พี่เงิบที่ทางซ้ายก็มาคุ ทางขวาก็กรนดังเลยได้แต่นั่งกดมือถืออย่างไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร
“ไอ้เงิบ”
“ไรมึง?”
“วันนี้ไปแดกส้มตำเป็นเพื่อนกูหน่อย”
พี่เงิบขมวดคิ้ว แพ้ท้องรึไงวะถึงได้เปรี้ยวปากอยากแดกส้มตำ ปกตินี่บ่นเหม็นบ่นเค็มตลอด แถมชวนหน้านิ่งๆ อย่างนี้ลางไม่ดีแน่ๆ
“ที่ไหนวะ?”
“หึ!”
มึงอย่ายิ้มดิ้ กูขนลุก! พี่เงิบลูบแขนตัวเองป้อยๆ มองหน้าหัวโจกที่แม่งยังคงตั้งอกตั้งใจเรียนพร้อมรอยยิ้มเย็นๆ เคลือบไว้ที่ริมฝีปากอย่างน่าสยดสยอง ทางเลือกเดียวของพี่เงิบตอนนี้คือหุบปากแล้วไปแดกส้มตำเป็นเพื่อนมันนั่นแหละจบ!
.
.
.
“ทำไมมึงต้องถ่อมากินที่นี่ด้วยวะ?”
พี่งอกที่เพิ่งตื่นนอนจากในคาบเรียนเมื่อครู่เดินเกาหัวเข้ามานั่งในเพิงขายส้มตำหน้าหอเพื่อนหญิงอย่างไม่เข้าใจ ไอ้แมนมันไม่ชอบแดกส้มตำ หรือถ้ามันนึกอยากแดกส้มตำหน้าหอมันก็มี ถ่อมาถึงหออีเอ็มมี่นี่ไม่ใช่ใกล้ๆ นะเห้ย!
“เจ้านี้ตำอร่อย”
ไอ้ตอแหล! อร่อยแล้วมึงสั่งแต่ไก่ย่างเพื่อ? พี่งอกและพี่เงิบได้แต่ผรุสวาทอยู่ในใจ ด้วยไอ้แกนคณะเพื่อนรักมันก็หน้านิ่งเกิ๊น เดาอารมณ์ไม่ถูกจริงๆ ว่ามันต้องการอะไรจากชีวิตลูกน้องอย่างกูสองคนกันแน่ สามหนุ่มแทะไก่กันจนอิ่มหนำเป็นที่เรียบร้อย พี่แมนก็ล้างมือล้างปากแล้วหันหน้าไปถามเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มบาง
“ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว พวกมึงอยากขึ้นไปหาอีกุมารไหม?”
“ไม่อ่ะ”
“แต่กูว่าพวกมึงอยาก”
“กูไม่...”
“พวกมึง...อยาก” ไม่ถงไม่ถามความสมัครใจกูซ๊ากกกกกกกคำแม้แต่ความอยากของพวกกูมึงยังยัดเยียดอ่ะไอ้แมน พ่อมึงเป็นฮิตเลอร์ใช่ไหม? หลังจากอวดครวญพอเป็นพิธี พี่งอกกะพี่เงิบก็พาเพื่อนแมนสุดที่รักขึ้นมายืนหน้าห้องหอของสองกุมารและอีเอ็มมี่ได้เป็นผลสำเร็จด้วยคีย์การ์ดที่น้องเมเม่เคยให้พี่งอกไว้ แต่พอเห็นว่าหน้าห้องมีกุญแจลูกใหญ่ล็อกไว้อยู่ก็เป็นอันชัดเจนว่าสองศรีกะเทยทองไม่ได้สถิตอยู่ที่ห้อง
“ป่ะ กลับเหอะ”
“เย็นแล้วนะ มึงไม่คิดจะโทรถามพวกมันหน่อยเหรอว่าไปทำอะไรอยู่ที่ไหน?”
“กูว่า...”
“มึงโทรเห๊อะ~!”
พี่เงิบขัดคู่ซี้ที่ยังไม่สำเหนียกตัวว่านั่นไม่ใช่คำเสนอแนะแต่เป็นคำสั่ง พี่แมนมองเพื่อนรักกดโทรศัพท์หากุมารน้อยของมันอย่างไม่วางตา พอปลายสายรับพี่แมนก็จ้องเขม็งทันที
“เมเม่เหรอ? หนูอยู่ไหนจ๊ะ?”
“กลับบ้านเหรอจ๊ะ? อ๋อ คิดถึงสิจ๊ะ”
“ถามสิว่าอยู่กับใคร” ได้ยินเสียงสั่งโหดๆ ลอยมา บรรยากาศหวานแหววก็หายวับไปทันตา พี่งอกอ้อมแอ้มถามสุดที่รักก็ได้ความว่าอยู่กับน้องสาวฝาแฝดและคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง
“แล้ว....!?”
พี่แมนเม้มปากแน่นเหมือนห้ามตัวเองไม่ให้หลุดพูดอะไรออกไป ก่อนที่เจ้าตัวจะจิ๊ปากทำท่าทางฮึดฮัดอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้
“แม่งเอ๊ย!”
แกนคณะสุดแมนสบถแล้วเดินหนีสองเพื่อนรักลงไปทันที เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้หงุดหงิดขนาดนี้ หงุดหงิดจนหงุดหงิดตัวเอง หงุดหงิดจนคาดโทษไอ้ตัวต้นเหตุไว้ในใจเลยว่ามันกลับมาเมื่อไหร่ได้แผลเพิ่มอีกแน่ๆ
.
.
.
“พี่แมนคะ ขนมหวานนั่งด้วยคนได้ไหมคะ?”
น้องเฟรชชี่หน้าตาน่ารักคนหนึ่งถือถาดข้าวเข้ามาทักพี่แมนที่กำลังเขี่ยราดหน้าด้วยสีหน้าอยากฆ่าคนเต็มที่ แต่ดูเหมือนแม่น้องขนมหวานนี่จะไม่ได้รับรู้อารมณ์พี่แมน หรือไม่ก็คิดว่าพี่แมนแค่เบื่อและอยากหาอะไรที่สดใสมาเติมให้ชีวิต ซึ่งคุณน้องเธอก็ดูจะพร้อมเป็นสิ่งที่ว่านั่น
พี่แมนมองหน้าน้องเขา ก่อนจะเบนสายตามองพื้นที่ในโต๊ะที่แน่นขนัดไปด้วยลูกน้องในแก๊งค์แล้วหันกลับมามองน้องเขาอีกที
“ที่ว่างเหลือแต่พื้นนะครับ ถ้าน้องจะนั่งพี่ก็ไม่ขัดศรัทธานะ”
ปิดท้ายรอยยิ้มขับไล่ไสส่งอีกหนึ่งที คุณน้องขนมหวานจึงต้องเก็บเศษหน้าแล้วรีบจรลีจากไปก่อนที่อะไรๆ จะเลวร้ายกว่าปัจจุบัน
“แมนแม่ง ปล่อยไปได้ไงวะ? น่าขยี้สัดๆ”
“ไอ้แมนมันไม่มีอารมณ์เหล่หญิงอื่นหรอก มันกำลังเฮิร์ท เมียทิ้ง”
“ไม่อยากมีปากไว้แดกข้าวแล้วไง? มึงอ่ะ”
พี่เงิบทำใจดีสู้เสือยักไหล่อย่างไม่กลัวเกรง แล้วขยี้จุดหัวหน้าแก๊งค์ต่อไปด้วยแรงสนับสนุนจากพี่งอกที่นั่งประกบเป็นลูกคู่อยู่ข้างๆ
“มึงจะบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกะมันเลยไง๊?”
“แล้วมึงจะให้กูคิดอะไร? กูเกลียดตุ๊ด มึงก็รู้!”
“ถ้าไม่คิดอะไรทำไมแค่มันหายหัวไปมึงถึงแดกไม่ได้นอนไม่หลับ เดี๋ยวพาลเดี๋ยวเหวี่ยงใครเข้าหน้าไม่ติดงี้วะ?”
“ไอ้เงิบ!!” พี่แมนโยนช้อนลงกับโต๊ะแล้วลุกขึ้นชี้หน้าตวาดเพื่อนเสียงดัง นักศึกษาร่วมโรงอาหารเดียวกันต่างแตกฮือไปคนละทิศละทางด้วยความหวาดผวา
“ไอ้แมน ใจเย็น”
พี่งอกที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบคว้าไหล่เพื่อนไว้ เขารู้ว่าไอ้แมนมันกำลังพาลไอ้เงิบที่พูดแทงใจมันตรงเป๊ะ วิธีการของไอ้เงิบมันก็ถือว่าได้ผลดี แต่เสี่ยงโดนตีนไอ้แมนเขี่ยปากอยู่มากโข
“ไอ้เงิบมันก็พูดถูกนะไอ้แมน มึงคิดดูดีๆ เหอะว่ามึงอ่ะเกลียดตุ๊ดจริงๆ หรือเป็นเพราะถูกรุ่นพี่ฝังหัวมากันแน่”
“ไอ้งอก!!” “หรือถึงมึงจะเกลียดตุ๊ดจริงๆ แต่ถ้าการที่อีเอ็มมี่หายไปจากสารบบของมึงแค่สามวันแล้วมึงแทบจะกลายร่างแบบนี้ กูว่ามันก็คงพิเศษสำหรับมึงมากพอดูนั่นแหละ”
“พวกมึง...”
พอเห็นหัวโจกแก๊งค์ตัวเองทำหน้าสับสนกับข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าสมองไปให้คิด สองคู่ซี้ก็รู้ตัวว่าควรจะหยุดอยู่ตรงนี้ได้แล้ว เรื่องละเอียดอ่อนและเข้าใจยากแบบนี้มันคงต้องใช้เวลาไม่น้อย แต่ยังไงอีเอ็มมี่ก็ถือว่ามาได้ไกลมากแล้ว...
ทั้งแก๊งค์ที่นั่งกินข้าวเย็นกันไปเงียบๆ พร้อมใจรีบอิ่มอย่างมิได้นัดหมาย เพราะท่านแกนฯ ก็ได้แต่นั่งเหม่อ ส่วนมือขวามือซ้ายก็มองอาการเพื่อนอย่างเป็นห่วง เมื่ออิ่มกันเรียบร้อย...ทั้งกลุ่มก็เดินกันไปยังลานจอดมอเตอร์ไซค์ที่วันนี้ค่อนข้างบางตา พี่แมนเธอพาดขาเสียบกุญแจฟีโน่ในช่วงเวลาเดียวกับที่รถบัสคันหนึ่งวนเข้ามาจอดตรงลานกว้างพอดี
ไอ้ตอนแรกพี่แมนก็ไม่อยากจะสนใจ แต่หน้าเด็กเฟรชชี่แต่ละคนที่ก้าวลงมาจากรสบัสมันก็คุ้นหน้าค่าตากันเป็นอย่างดีเพราะเป็นเด็กคณะศิลป์ที่ขึ้นแสตนด์กันอยู่ทุกวัน ยิ่งไอ้คนที่ห้อยเฝือกเดินลงมาจากรถเป็นคนสุดท้ายนั่นยิ่งคุ้นเข้าไปใหญ่
“อีเอ็มมี่!!” “อ้าว? พี่แมน มารอรับผมเหรอครับ?”
อีตุ๊ดจำเลยที่ยังไม่รู้ตัววิ่งดุ๊กๆ เข้ามาหาโจทก์อย่างดีอกดีใจ พี่แมนตวัดขาลงจากรถแล้วก้าวฉับๆ เข้าไปหามันทันที
ผัวะ! “โอ๊ย! พี่แมนต่อยผมทำไมอ้ะ?!”
เอ็มโวยวายหน้าตาตื่น อะไรวะ? คนอุตส่าห์ดีใจนึกว่าผัวใจดีมารอรับ นี่กูไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไปใช่ไหม?
“มึงหายไปไหนมา?!” “ป....ไปรับน้องไง”
“ทำไมไม่บอก?!” “บอกแล้ว ฝากอีเม่กะอีม่าให้บอกพี่งอกกะพี่เงิบไปบอกพี่แมน”
สดับได้ดังนั้น พี่แมนก็ตวัดสายตาพิฆาตมองไอ้สองเพื่อนรักตัวแสบที่ยืนยิ้มเผล่อย่างน่ากระทืบทันที ดูมัน...สำนึกผิดสักนิดก็หามีไม่!
“พวกมึง...อยากไปแดกเหล้าที่ห้องกูไหม?”
คนหน้าสวยเอ่ยชวนเสียงเย็น แน่นอนว่าคนถูกชวนมันก็คงรู้ตัวว่าขืนไปคงไม่ได้ดื่มอย่างสงบสุข
“คงไม่ไปอ่ะ ช่วงนี้กูแพ้แอลกอฮอลล์ว่ะ”
“เป็นไรวะ?”
“แดกแล้วเมา”
แล้วสามหน่อซึ่งหมายรวมถึงอีตุ๊ดเมียทาสที่เพิ่งกินหมัดสามีต้อนรับกลับกรุงเทพมาหมาดๆ ก็หัวเราะเอิ๊กๆ กันอย่างชอบใจ พอพี่แมนเห็นดังนั้นก็เบนเข็มมาถามตุ๊ดที่ยังไม่หายเดี้ยงเสียงเขียว
“กูโทรไปทำไมไม่รับ?”
“มือถือโดนพี่ภูมิซิวไปตั้งแต่วันนั้นละเหอะ”
“แล้วมึงเอากีตาร์ไปด้วยทำไม?”
“ไม่เอาไปก็นอนไม่หลับดิ”
“เสื้อผ้ามึงก็เก็บไปหมดตู้เลยด้วย”
“เก็บไปไหนล่ะ ก็ซักอยู่ที่ห้องอ่ะ โน้ตก็ติดไว้ที่ฝาเครื่องว่าไม่มีเวลาแล้ว ตากให้ด้วย”
พี่แมนทำหน้าเอ๋อไปชั่วขณะ โน้ตอะไรวะ? พอระลึกได้ว่าตัวเองไม่ได้เฉียดไปใกล้เครื่องซักผ้าเลยเพราะผ้าที่ใส่ไว้สามวันก็ยังกองอยู่ในห้องก็ไม่กล้ากล่าวหาว่ามันโกหก
“นี่แสดงว่ายังไม่ได้เอาออกจากเครื่องเลยใช่ไหม? โอย...ราขึ้นแล้วมั้ง”
พอกล่าวโทษอีตัวปัญหาที่ไปไม่ลามาไม่ไหว้ไม่ได้สักข้อ แถมยังถูกมันบลัฟกลับอีกพี่แมนเธอก็รู้สึกว่าพื้นดินที่ยืนอยู่ชักไม่มั่นคง ขืนเผชิญหน้าต่อได้เพลี่ยงพล้ำเป็นแน่ เธอจึงก้าวขึ้นคร่อมฟีโน่แล้วบิดปื้ดออกไปท่ามกลางความงุนงงของอีเอ็มมี่ที่ยังไม่เข้าใจเรื่องราวสักเท่าไหร่
“อีเอ็มมี่ มาเร็ว...กูไปส่ง”
พี่งอกที่สวมบทกามเทพรีบช่วยอีเอ็มมี่ขนของขึ้นซ้อนมอไซค์แล้วบิดตามเพื่อนรักไปทันที พอส่งอีเอ็มมี่เสร็จเรียบร้อยพี่ท่านก็แถมกุญแจสำรองห้องพี่แมนให้ด้วยเพราะรู้ว่าเวลาไอ้แมนมันเขิน ยังไงมันก็ต้องหาทางหลบหน้าอยู่แล้ว
“โชคดีนะมึง”
“ขอบคุณมากพี่”
กะเทยเสิ่นเจิ้นหอบกระเป๋าหนึ่งใบและกีตาร์หนึ่งตัวขึ้นมาบนห้องของผัวรักอย่างทุลักทุเล ก่อนจะใช้กุญแจไขเข้าไปพบกับสีหน้าตกใจของเจ้าของห้องที่กำลังอ่านโพสต์อิทที่เขาเป็นคนแปะไว้ที่เครื่องซักผ้าก่อนไป
“มึงเข้ามาได้ไง? หนอย...ได้กุญแจมาจากไอ้งอกใช่ไหม?!”
“พี่แมน...พี่แมนเป็นไรอ่ะ?”
พออีเอ็มมี่มันถามด้วยสีหน้าโง่ๆ ตามประสามันแบบนั้น พี่แมนก็ยิ่งหงุดหงิดที่ตลอดสามวันที่ผ่านมากลายเป็นเหยื่อให้ไอ้เพื่อนซี้สองคนนั่นมันเล่นตลก โมโหเป็นบ้าเป็นหลังกับเรื่องที่คิดไปเองทั้งนั้น แค่ตื่นเช้ามาไม่เห็นหน้ามันก็แตกตื่นกลัวว่ามันจะหนีหายไป
“ความผิดมึงนั่นแหละ!”
พี่แมนขยำโพสต์อิทปาใส่ตุ๊ดร่วมห้อง วิธีที่ดีที่สุดคือโทษมันนั่นแหละ ก็เพราะมันนั่นแหละ เพราะมัน...
เอ็มขยับเข้ามาใกล้พี่แมนที่ยืนกำหมัดแน่นอย่างไม่นึกกลัวว่าหมัดนั้นมันจะลอยมากระทบมุมปากอีกรอบ เพราะมันปล่อยไว้ไม่ได้ มันปล่อยคนตรงหน้ามันที่มีดวงตาฉายความสับสนจนไหวระริกไว้ไม่ได้
“ครับ...ผมขอโทษ ผมผิดเอง” เอ็มดึงร่างเล็กกว่าเข้ามาโอบไว้หลวมๆ ด้วยแขนที่เหลือเพียงข้างเดียว พี่แมนนิ่งงัน เงยหน้าขึ้นมองอีตุ๊ดหน้าหล่ออย่างไม่เข้าใจ มึงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามึงผิดตรงไหน แล้วทำไมมึงต้องยอมรับผิด...ทำไมต้องขอโทษกู?
“ถ้าพี่แมนบอกว่าผมผิดก็ตามนั้นเลยนะ...อยากต่อยผมอีกทีไหม?”
มึงอย่ามาพูดกับกูด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนั้นนะ อีตุ๊ดแอ๊บแมน! “มึงแย่มากรู้ตัวไหม? มึงต้องปลุกกูสิ! มึงคิดว่ากูจะรู้สึกยังไงที่ตื่นมาหลังจากทำ....ทำ...น่ะ แล้วมึงก็ไม่อยู่”
เอ็มพยักหน้ารับคำด่าพี่แมนหงึกๆ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้มีความผิด แต่แทนที่มันจะทำหน้าเศร้าสลดมันกลับยิ้มมุมปากอย่างมีความสุขเสียนี่ พี่แมนเลยยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเพลี่ยงพล้ำเข้าไปใหญ่
“ครับๆ กลัวผมไม่รับผิดชอบใช่ไหม?”
กะเทยเทียมเอ่ยล้อ
“ป๊ามึงสิ กูนี่ต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบ!” เอ็มเลิกคิ้ว กระชับเอวคนในอ้อมกอดให้แน่นขึ้นแล้วพูดเสียงเจ้าเล่ห์
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ พี่แมนต้องรับผิดชอบผมด้วย”
“อ่ะ...อะไร?”
พี่แมนหน้าแดงจัด โต้กลับไม่เป็นคำ ยิ่งเห็นพี่แมนลนลานทำอะไรไม่ค่อยจะถูก เอ็มก็ยิ่งได้ใจ แนบริมฝีปากกับใบหูแดงเรื่อของคนในอ้อมกอดแล้วเอ่ยขอเสียงเปี่ยมสุข
“เป็นแฟนกันนะครับ...นะ”
“ไม่เอา! ถ้าใครรู้ว่ากูมีแฟนเป็นตุ๊ด กูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?!”
เอ็มอยากจะตอบสุดที่รักเหลือเกินว่าก็เอาไว้ที่เดิมนั่นแหละเพราะกูไม่ได้เป็นตุ๊ด กูแค่เหมือนเว่ย! แต่บรรยากาศกำลังดีๆ และขืนพูดไปตอนนี้พี่แมนที่ปักใจเชื่อไปแล้วก็คงไม่ฟังกันอยู่ดี เพราะงั้น...ก็เลยตามเลย
“งั้นไม่ให้ใครรู้ก็ได้ เรารู้กันสองคนนะครับ ตกลงนะ?”
“ไม่...ปล่อยดิ...ไม่เอา”
“ตกลงก่อน แล้วจะปล่อย เป็นแฟนกันนะ น้า~”
“ไม่ตกลง ไม่เอา ไม่เป็น”
“ถ้าไม่ตกลงจะจูบนะ”
“ไม่...อื้อ~”
แล้วคนหน้าด้านก็ฉวยโอกาสกับรุ่นพี่อีกครั้งอยากดูดดื่ม ฝ่ายพี่แมนก็ได้แต่นึกด่าตัวเองอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงแพ้ทางจูบอีตุ๊ดนี่ตลอดเลยวะ คิดๆ ไปไม่ทันเท่าไหร่สมองก็ขาวโพลนไปหมด จะอ้าปากด่าเรื่องที่มันลวนลามเขาด้วยการล้วงเสื้อเข้าไปลูบเอวเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา ก็ไม่มีสติเพียงพอที่จะทำเช่นนั้น ได้แต่ปล่อยให้มันทั้งชิมทั้งเลียทั้งดูดจนพอใจละออกไปเอง ถ้ามันกินปากเขาได้มันคงทำไปแล้วล่ะ
“สรุปว่า...ตกลงนะ?”
เอ็มทวงถามย้ำกับคนที่หอบหายใจปากแดงชื้น พี่แมนสูดหายใจลึกๆ เรียกวิญญาณกลับเข้าร่างก่อนจะปล่อยมือที่ขยำเสื้ออีกฝ่ายจนยับแล้วเรียกชื่อตุ๊ดเทียมด้วยเสียงกระเส่า
“อีเอ็มมี่...”
ปึ้ก! “อุก!...อ...อ...ไอ้พี่...แมน”
คนหล่อเอามือกุมไข่ไหลลงไปกองกับพื้นอย่างน่าสงสาร ฝ่ายพี่แมนที่ระบบหายใจกับมาทำงานปกติก็เหยียดหางตามองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาทั้งๆ แก้มยังซับสีเลือด
“ถ...ถ้าใครรู้นะ มึงตาย!” ทิ้งท้ายจบ พี่แมนก็คว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างเร่งรีบ ทิ้งให้คนโง่ต้องประมวลผลคำพูดนั้นพร้อมนอนบิดเกร็งไข่ไปอย่างทรมาน ถึงจะใช้เวลานานกว่าคนปกติสักหน่อย แต่พอมันเข้าใจความหมายของคำนั้น เอ็มก็กระโดดตัวลอยแทบลืมความเจ็บ
“พี่แมน! ออกมาคุยกันก่อน ออกมาก่อน~ สรุปว่าตกลงใช่ไหม? ใช่ไหม?”
“มีสมองก็คิดเองสิ อีโง่!”
“พี่แมน...เค้าอาบด้วย...อาบด้วย เปิดหน่อย”
“ไม่เปิด!”
“ไม่เปิดเค้าจะพังประตูนะ”
“ถ้ามึงพัง กูจับมึงกดชักโครก! เห้ย! กูบอกว่าอย่าพังไง อีเอ็มมี่!!!!” ก็เป็นอีกค่ำคืนนึงที่ห้องข้างๆ คงจะนึกด่าอีสองคนนี้ในใจ...
โปรดติดตามแอ๊บต่อไป
#แอ๊บรัก
Talk~*
เขินแทนพี่แมนจังเลยยยยยยย