Lucky cat Special
“ชวินทร์ อย่าดิ้น”
ผมดุเขา เมื่อคนตัวเล็กขยับตัวยุกยิกในอ้อมกอด ไม่ยอมนอนดีๆ สักที เขายอมหยุดดิ้นไปมา ช้อนตาขึ้นมองผม ใบหน้าน่ารักนั่นทำให้ผมต้องอดทนอย่างมากไม่ให้ตัวเองเผลอจับเขาฟัดให้สมใจอยาก
หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันนั้น ผมก็ตามจีบเขาจนได้คบกันมาร่วมเดือนแล้ว ทีแรกเด็กน้อยมีท่าทีเก้อเขิน ทำอะไรก็เงอะงะไปหมด โคตรน่ารักเลยให้ตาย แต่พอเราเริ่มคุ้นชินกันมากขึ้น เขาก็เริ่มเปล่อยวางและขยันอ้อนผมมากกว่าเดิม ชวินทร์ทำให้ผมอยากด่าตัวเองอยู่ทุกวันว่าทำไมไม่เจอเขาให้เร็วกว่านี้
ถึงอย่างไรก็ได้พบกับเขาแล้ว และผมจะไม่ปล่อยให้เขาเศร้าเสียใจอีก
การที่มีเขาอยู่ข้างกายเช่นนี้ทำให้โลกซังกะตายของผมน่าอยู่กว่าเดิม
ผมกระชับอ้อมกอด โอบกอดร่างเล็กให้จมลงไปในอก จุมพิตที่หน้าผากมน ก่อนจะเข้าสู่นิทรา
เราคบกันมาได้ร่วมเดือนแล้วก็จริง แต่ผมไม่เคยทำอะไรไปมากกว่านอนกอดเขา ไม่ใช่ไม่อยาก แต่กลัวเด็กดีของผมเสียขวัญหากจะทำอะไรเกินเลย แม้ว่าร่างปิศาจข้างในตัวผมจะร้องเรียกให้จับเขากดอยู่ทุกวัน แต่ไม่ได้ว้อย เดี๋ยวเขาเกิดกลัวแล้วหนีหายไปจะทำไง
ในตอนนี้เราต่างผลัดมานอนหอของกันและกัน บ้างไปนอนห้องผม บ้างไปนอนห้องเขา อย่าถามว่าทำไมไม่อยู่ด้วยกันให้มันจบๆ ไปเลย เพราะสาเหตุคือไม่มีตังค์...
หอผมและเขาต่างเป็นห้องหับเล็กๆ ที่อยู่ได้เพียงคนเดียวทั้งคู่ ครั้นจะหาหอใหม่ก็ไม่มีเงินอีก จึงได้แต่ผลัดกันมานอนเบียดกันอย่างนี้ แต่ชวินทร์ก็ดูไม่ได้มีปัญหาที่ต้องมานอนเบียดกันจนไม่สบายตัวเช่นนี้เท่าไหร่ เด็กดีอย่างเขาคงไม่เอ่ยเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกกังวลง่ายๆ หรอก ถ้าไม่นับว่าเขาจะไปบ่นกับแมวแทนล่ะก็นะ
ทว่านับจากวันนั้น ผมก็ไม่เจอเจ้าลางร้ายอีกเลย...
ชวินทร์ก็ไม่เจอเจ้าลัคกี้ของเขาเหมือนกัน เราคุยเรื่องแมวดำมาได้สักระยะ จนคิดว่ามันคงหาที่อยู่ใหม่ได้แล้วล่ะมั้งถึงได้จากไป ทั้งๆ ที่ใจจริงผมไม่คิดอย่างนั้นเลยสักนิด แมวประหลาดนั่นต้องเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตกอยู่ในร่างแมวร่วมสองอาทิตย์แน่ๆ และมันคงพอใจที่ได้แกล้งผมแล้ว มันถึงไม่ยอมปรากฏตัวมาให้เจออีกเลย
ผมคุยกับน้องถึงเรื่องแมวตัวนี้ว่าเจอมันที่สวนสาธารณะตรงนั้น และทำให้ผมเห็นเขากับเจ้าแมวดำในบางครั้ง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมรู้จักเขาและชื่อของแมว
แน่นอนผมโกหก
แต่จะให้บอกว่าตัวเองเคยเป็นแมวให้น้องมันลูบก็ใช่เรื่อง มีหวังเขาได้บอกเลิกผมเพราะคิดว่าผมเป็นบ้าแน่ๆ
ในตอนเช้า ผมเข้าทำงานพร้อมชวินทร์ และตอนเย็นผมก็กลับหอพร้อมเขา บางทีผมเลิกก่อนก็เป็นฝ่ายรอ บางทีเขาเลิกงานไวก็มารอผม กิจวัตรประจำวันทั่วไปที่เพื่อนผมเอ่ยแซวด้วยความอิจฉาทุกวัน ส่วนผมก็ยิ้มเยาะใส่พวกนั้น
แหงสิ มีแฟนน่ารักขนาดนี้ก็ขออวดหน่อยเป็นธรรมดา
นับวันผมยิ่งหลงรักเขา ชวินทร์น่ารักแบบที่ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตา ทว่านิสัยใจดี เอาใจใส่ คอยเป็นห่วงผมอยู่เสมอทำให้ผมตกหลุมรักเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และในวันนี้นี่เอง ผมมีแผนที่จะทำอะไรๆ อย่างที่คนรักเขาทำกัน
หลังจากที่เรากินอาหารเย็นกันเสร็จ คราวนี้เป็นตาหอพักผมที่จะเป็นที่นอนของคืนนี้ อันที่จริง หอพักเราไม่ได้ไกลกันเท่าไหร่ แต่เพราะไม่อยากอยู่ห่างกัน จึงได้ตกลงว่าจะนอนด้วยกันทุกคืนเช่นนี้
ไม่มีความอึดอัดใดๆ แม้ว่าจะถูกรุกล้ำอาณาเขตส่วนตัว กลับกันเลย ผมอยากให้เขาอยู่ในอาณาเขตของผมตลอดไปด้วยซ้ำ และในคืนนี้ เขาจะต้องตกเป็นของผมทั้งกายและใจ
ถ้าไม่เจอแมวดำนั่งรออยู่หน้าห้อง...
“ลัคกี้!?”
ไอ้แมวเวร
เป็นลางร้ายจริงๆ ด้วยสินะมึง
ชวินทร์ดูดี๊ด๊าที่เจอเจ้าแมวดำ หลังจากที่ไม่ได้เจอมาร่วมเดือน เขาขอให้ผมนำเจ้าลัคกี้เข้าห้องด้วยซึ่ง...จะปฏิเสธได้หรือไง เล่นมองกันตาใสขนาดนี้
ฮึ่ย น่ามันเขี้ยว
ผมมองชวินทร์ที่นั่งเล่นกับเจ้าลัคกี้ของเขา แต่เป็นเจ้าลางร้ายของผม คนตัวเล็กดูดีใจที่ได้เจอเจ้าเหมียว คงมีแต่ผมที่ทำหน้าบูดกับการยอมให้แมวดำเข้ามาในห้อง ไม่ใช่ไม่มีความผูกพันกับมัน อย่างไรเสียเจ้าลางร้ายก็เคยเป็นเพื่อนระบายความเครียดผมอยู่ช่วงหนึ่งเหมือนกัน
เพียงแต่...ทำไมต้องวันนี้
มีเวลาตั้งหลายวัน ทำไมถึงเลือกวันนี้วะไอ้แมวร้าย
ทั้งๆ ที่ตั้งใจแล้วแท้ๆ เวรเอ๊ย
ไอ้แมวดำใช้ดวงตาสีเหลืองสดมองมาที่ผมราวกับอ่านความคิดได้ ผมถลึงตาใส่มันกลับ มันเห็นอย่างนั้นก็ขยับตัวไปอ้อนชวินทร์ทันทีอย่างน่าถีบ
จากประสบการณ์ ผมว่าแมวตัวนี้ไม่ใช่แมวธรรมดา...
ตอนที่ผมกลายเป็นแมว ก่อนหน้าที่โลกจะมืดผมก็เล่นกับมัน และตอนที่ผมกลายมาเป็นคน ภาพสุดท้ายที่เห็นก็เป็นมัน เลยทึกทักเอาเองว่ามันต้องเป็นตัวบงการทำให้ผมกลายเป็นแมวแน่ๆ
รวมถึงดูจากการที่ท่าทางของมันฉลาดเหมือนฟังภาษามนุษย์รู้เรื่องด้วยแล้ว
“ชวินทร์ ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“อือ พี่กี้...เอาไงกับลัคกี้อ่ะ”
“เดี๋ยวเอาไปไว้ข้างนอก”
“แต่...ให้มันอยู่ด้วยไม่ได้เหรอ”
“หอไม่ให้เลี้ยงแมว แล้วก็ไม่มีอุปกรณ์เลี้ยงแมวสักอย่าง ให้มันอยู่ไปก็ทรมานเปล่าๆ ไหนจะไม่มีข้าว ไม่มีที่ให้ถ่ายอีก”
“แต่...แค่คืนเดียวก็ไม่ได้เหรอ”
ผมแพ้ให้กับใบหน้าหงอยนั่นอีกแล้ว
“ถ้ามันไม่ร้องออกก็คงได้มั้ง...”
จนต้องจำใจตอบคนน่ารักไป ไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง
ชวินทร์แย้มยิ้มสดใสออกมา เอ่ยขอบคุณผมก่อนเข้าไปอาบน้ำ และเมื่อเสียงน้ำดังขึ้น ผมหันไปคุยกับแมว
“เห้ย ไอ้ลางร้าย ออกไปเลยมึง”
แน่นอน แมวไม่ตอบ
“วันนี้กูจะกอดน้อง เพราะงั้นอย่ามาขัดขวางกันให้ยากเลย”
“มีเวลาตั้งหลายวันทำไมเลือกโผล่มาวันนี้วะแม่ง ทำอย่างกับรู้ว่ากูจะทำอะไร” ผมบ่นอุบอิบ ก่อนจะคิดได้ว่า...หรือว่ามันรู้จริงๆ
ผมหันไปมองแมวดำที่ตอนนี้นั่งเลียขนอย่างไม่สนใจสิ่งที่ผมพูด พอมันรู้ว่าผมจ้องมัน ดวงตาสีเหลืองจึงจ้องกลับมา
ถ้าตาไม่ฝาด ผมเห็นเหมือนแมวแสยะยิ้มได้
“อย่าบอกนะ...”
“แกอ่านความคิดคนได้เหรอวะ”
ผมสบตากับมันเป็นเวลานาน จ้องดวงตากลมโตสีเหลืองอย่างต้องการเค้นคำตอบ เจ้าลางร้ายไม่ตอบอะไรกลับมา แต่มันก็จ้องผมกลับเช่นกัน
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูทำให้ผมละความสนใจจากแมวชั่วตรงหน้า หันไปทางต้นเสียงก็เจอกับชวินทร์ที่เปลือยครึ่งท่อน ตัวขาวๆ ของเขาทำให้ผมแทบลมจับ
“ทำไมไม่ใส่เสื้อดีๆ”
“ผมลืมเสื้อไว้ข้างนอกอ่ะ”
คนเด็กกว่าตอบเสียงหงอย ผมปล่อยให้เขาเดินไปหยิบเสื้อของตัวเองก่อนจะเลิกอดทน เดินตรงเข้าไปหาคนตัวขาว ซ้อนหลังเขาไว้
“พ...พี่กี้?”
“อย่าทำตัวน่ารักมากจะได้มั้ย”
ผมบอก ซบหน้าตัวเองลงกับไหล่ของเขา ตวัดแขนโอบรอบเอวคอด ชวินทร์จะทำให้ผมเป็นบ้าอยู่แล้ว ทันทีที่ผมกอดเขาไว้แนบอก คนตัวเล็กเกร็งตัวในทันที เขายืนนิ่งค้างให้ผมกอดอย่างนั้น
เมื่อไร้ซึ่งการขัดขืน ผมเริ่มไล้มือไปตามหน้าท้องขาว เลื่อนมือลูบขึ้นผ่านไปยังหน้าอก ก่อนนำมือลงมาจับผ้าขนหนูที่พันเอวเขาไว้อย่างหมิ่นเหม่
“พ...พี่ อือ...”
คนน้องเกร็งตัวอย่างเห็นได้ชัด จนผมต้องจับใบหน้าน่ารักนั่นหันมามอบจุมพิตให้ รุกไล่จนเขาเริ่มคล้อยตาม สองแขนโอบรอบคอผม โน้มให้ผมก้มตัวลงมาใกล้เขามากกว่าเดิม
ผมปลดผ้าขนหนูน่ารำคาญนั่นออก
พร้อมกับยกตัวชวินทร์ขึ้นไปวางบนเตียง
ใบหน้าน่ารักแดงซ่าน หดขาอย่างเคอะเขินไร้เดียงสา
“ได้มั้ย”
ผมเอ่ยถามความยินยอมของเขา อย่างไรเสีย ถ้าชวินทร์ไม่อยากทำ ผมก็ไม่อยากไปขืนใจ ถึงจะตั้งใจจะกอดเขาวันนี้ แต่เอาเข้าจริงถ้าน้องไม่พร้อม ผมก็คงไม่ทำ...
“ไม่ตอบแปลว่าตกลงนะ”
ผมบอกเขา กระซิบข้างใบหูก่อนก้มลงมาฉกชิมเนื้อขาวที่ต้นคอ ไล่ลิ้นเลียเนื้อหวานจนเขาร้องไม่เป็นภาษา แขนเล็กๆ นั่นกอดหลังผมไว้แน่น แทนคำตอบตกลง
ทุกอย่างกำลังไปได้สวย จนกระทั่งเขาร้องขึ้นมา
“พี่...พี่กี้”
“หือ”
“แมว...เจ้าลัคกี้มันมองง่ะ”
ผมหันไปตามสายตาของชวินทร์ เห็นเจ้าแมวดำนั่งมองอยู่ตรงปลายเตียง ใจนึกอยากจะถีบมันไปให้พ้นๆ เสียแต่อยู่ต่อหน้าเด็กดี ทำให้ผมทำได้เพียงกอดเขาให้จมหายไปในอ้อมกอด
“ไม่ต้องไปสนใจ”
“แต่มันมอง...อือ”
ผมปิดปากคนตัวเล็กไม่ให้เอ่ยอะไรขึ้นมาได้อีก เป็นการบอกเจ้าแมวดำกลายๆ ว่าต่อให้มันพยายามเข้ามาขัดขวาง แต่เอ็งเป็นแค่แมว ทำอะไรไม่ได้หรอก เฮอะ
แมวดำเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไร เพราะมันกระโดดขึ้นมาบนหัวเตียงในขณะที่ผมกำลังนัวเนียกับชวินทร์ จนคนน้องร้องบอกผมใหญ่
“พี่กี้ แมว”
ผมแยกเขี้ยวใส่เจ้าลางร้ายที่จ้องมองมาทางผมอย่างไม่ละสายตา เจ้าแมวอาจหาญนอกจากจะไม่ย้ายตัวหนีแล้วยังหย่อนตูดนั่งบนหมอนผมอีกต่างหาก
ผมลงมือปล้ำจูบใส่เขาต่ออย่างไม่ละความพยายาม แต่ไอ้แมวเวรนี่ก็เอาแต่เดินป้วนเปี้ยนอยู่รอบเตียง ปกติแล้วแมวมันไม่ทำตัวอย่างนี้ไม่ใช่หรือไง ไอ้แมวผีนี่มันต้องรู้แน่ๆ ว่าผมคิดอะไร ถึงได้มาก่อกวนกันอย่างจงใจขนาดนี้ ทำให้ชวินทร์ของผมดิ้นใหญ่ เพราะอายแมว
ส่วนผมก็เหนื่อยใจที่จะทำเป็นไม่สนใจมันเหมือนกัน
“พี่กี้...”
“เฮ้อ”
ผมถอนหายใจ ยอมแพ้ต่อการก่อกวนของแมวดำ ล้มตัวซบไหล่คนที่อยู่ใต้ร่าง แต่ยังคงกอดเขาไว้แน่น ชวินทร์ขยับแขนโอบกอดผมกลับ ซุกใบหน้าเข้ากับไหล่ของผมบ้าง ท่าทางของเขาทำให้เขาดูตัวเล็กกว่าเดิมอีก
ผมตวัดผ้าห่มมาคลุมร่างของพวกเราเอาไว้ปกปิดจากการมองเห็นของแมวดำ ภายในห้องของผ้าห่ม ทำให้ผมเห็นใบหน้าน่ารักของเขาชัดกว่าเดิม จนอยากจะลุกขึ้นจับแมวดำโยนออกไปนอกหน้าต่าง แล้วบรรเลงเพลงรักกับเขาต่อให้สมกับที่อัดอั้นมานาน
“พ...พี่กี้ ผม...เอ่อ...”
คนใต้ร่างบิดตัวเขินม้วน ร่างกายเปลือยเปล่าของเขาทำให้เห็นอะไรต่ออะไรง่ายนัก และส่วนกลางลำตัวของเขาที่กำลังชูชันตรงนั้นคงทำให้น้องอึดอัด
เพราะมีแมวดำคอยป้วนเปี้ยนอยู่อย่างนี้ ทำให้ผมแม้อยากจะทำให้สุดทางแต่ก็ทำไม่ได้
อย่างในตอนนี้ ผมสัมผัสได้ถึงอุ้งเท้าดำๆ ของมันก็กำลังเหยียบย่ำบนแผ่นหลังผมข้างนอกผ้าห่ม คอยขัดขวางอย่างน่ารำคาญใจ
“เดี๋ยวพี่ช่วย”
กล่าวจบผมอุ้มตัวน้องมานั่งบนตัก ช้อนท้ายทอยของเขาให้ซบลงที่ไหล่ผม ไม่ให้ไปมองแมวชั่ว ก่อนจะลงมือประคองส่วนกลางลำตัวของเขาและของตัวเองไว้คู่กัน เริ่มขยับมือเร่งเร้าจังหวะ
ชวินทร์ร้องครางอืออาไม่เป็นภาษา ส่วนผมก็ขบกัดซอกคอเขาระบายอารมณ์เป็นระยะ จ้องมองแมวดำที่นั่งมองกลับมาอยู่ตรงข้าม
แกชนะ วันนี้จะไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้ พอใจมั้ย
ผมคิดในใจ เหมือนพูดกับแมว คิดว่าตัวเองคงใกล้บ้าแล้ว แต่พอชวินทร์สะดุ้งตัว ก็ทำให้ผมกลับมาโฟกัสกับการช่วยน้องให้ถึงฝั่งฝัน รูดมือขึ้นลงรวดเร็วขึ้นจนในที่สุด เด็กดีของผมก็ปลดปล่อยน้ำขุ่นออกมา
เขาหลับไปแล้ว ส่วนผมนั่งจ้องหน้ากับแมวดำอย่างหาเรื่อง
ได้แต่บ่นอยู่ในใจเพราะกลัวส่งเสียงดังแล้วเขาจะตื่น แมวดำเองก็นั่งเลียหน้าเลียตาไม่สนใจว่าผมจะทำหน้ายักษ์ขนาดไหน จนพอใจแมวแล้ว มันก็ขดตัวลงนอนปลายเตียง ชูหน้ามามองผมครั้งสุดท้ายราวกับเอ่ยคำสั่งให้ปิดไฟ
ผมถอนหายใจอีกครั้ง
เอาเถอะ มีอีกตั้งหลายวันที่จะทำให้ชวินทร์เป็นของผม
และมีอีกตั้งหลายวิธีที่จะกำจัดแมวผีให้ไม่มาขัดขวาง
-End-
ミミミミミミミミミミミミミミミミミミミ
หลังจากที่เขียนเรื่องนี้จบไปเกือบปี
ก็เค้นตอนพิเศษออกมาจนได้ค่ะ
คิดว่าเจ้าแมวร้ายคงอยู่แกล้งพี่ต่อไป 5555
ใครคิดถึงเรื่องนี้ก็ขอฝาก #เจ้าลางร้าย ไว้ด้วยนะคะ