Thank god it's CRYDAY! สุขสันต์วันเศร้า (ตอนเดียวจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Thank god it's CRYDAY! สุขสันต์วันเศร้า (ตอนเดียวจบ)  (อ่าน 5916 ครั้ง)

ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


--------------------------------------------------------------



Thank god it's CRYDAY!
สุขสันต์วันเศร้า




'บางทีความเป็นเพื่อนมันก็มีข้อจำกัดไงมึง'
'เพื่อนน่ะ ดูแลกันได้แค่บางอย่างในชีวิตเท่านั้นแหละ'
.
.
.
แล้วอะไรวะที่เพื่อนทำไม่ได้?


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-06-2017 12:19:04 โดย lykar »

ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
Re: Thanks god it CRYDAY! สุขสันต์วันเศร้า
«ตอบ #1 เมื่อ18-06-2017 12:07:22 »

จะมีอะไรควรค่าแก่คืนวันศุกร์มากไปกว่าการได้ปลดปล่อยพลังบ้าแหกปากร้องคาราโอเกะ หลังเหนื่อยล้าจากโปรเจกต์ใหญ่แห่งปีที่เตรียมงานมานานกว่าสองเดือน ก็ถึงเวลาพักผ่อนสำหรับทีมครีเอทีฟเสียที จับฤกษ์งามยามดีจองห้องไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เพื่อเราจะได้ตะโกนว่า ‘สุขสันต์วันศุกร์ (เสียทีโว้ยยย)’

สมาชิกทั้ง 6 คนของทีมครีเอทีฟกำลังบึ่งรถไปยังร้านในฝัน ถนนเส้นเกษตร-นวมินทร์ติดแน่นแทบไม่ขยับ แต่ชายหญิงที่อัดกันอยู่ในรถวอลโว่คันใหญ่ก็ยังชิล เสียงพูดคุยโหวกเหวกตะโกนแข่งกับเพลงธีมอาร์เอสยุคแรพเตอร์ที่เปิดเรียกน้ำย่อย ทำเอาหัวใจคึกคักตั้งแต่ยังไม่ถึงร้าน

นภนต์ได้รับเกียรตินั่งเบาะหน้าข้างคนขับ ในฐานะหัวหน้าทีมผู้อาวุโสที่สุดของแก๊ง จริงๆ เขาอายุแค่ 32 แต่ไอ้เด็กพวกนี้มัน 20 กลางๆ กันเท่านั้นเอง ยืนยันอีกทีว่าเขาไม่ได้แก่ แค่ไอ้พวกลูกลิงมันตามมาไม่ทัน

ฟังพวกบ้าแหกปากร้องเพลงแล้วก็ขำ เกิดทันกันได้ยังไงก็ไม่รู้ แล้วนี่ต้องไปฟังพวกมันร้องกันอีกสามสี่ชั่วโมงเนี่ยนะ! คิดแล้วปวดเฮด ปกติเขาไม่ใช่สายบันเทิง ชอบนั่งจิบเบียร์ละเลียดอารมณ์กลางผับสไตล์ไอริชมากกว่า แต่นัดนี้นอกจากจะเป็นการสังสรรค์ฉลองความสำเร็จกับงานยักษ์แล้ว ยังเป็นการแฟร์เวลเลี้ยงส่งน้องคนหนึ่งในทีมที่จะออกในอาทิตย์หน้าอีกด้วย วันสำคัญแบบนี้เขาเลยไม่อยากปฏิเสธพวกเด็กๆ ให้เสียน้ำใจ

“พี่ภนต์ไม่มีนัดเหรอวันนี้” ยัยลูกเจี๊ยบน้องเล็กของทีมชะโงกหน้ามาถาม ปกติเย็นวันศุกร์แบบนี้เขาไม่ค่อยว่าง เพราะมีแก๊งเพื่อนขาประจำรอกินเบียร์ด้วยทุกอาทิตย์

“ที่ถามนี่คือไม่อยากให้พี่มาใช่ปะ” แกล้งตีรวนเด็กในทีมไปงั้น แต่ใจรู้ดีว่าไอ้พวกนี้มันอยากให้เขามาจะตาย

“หูยยยย พ่อจ๋าอะ คิดเอาไว้ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่ๆ ทำไมเข้าใจอะไรยาก เดี๋ยวเราจะแย่...” ปลายเสียงร้องเป็นทำนองเพลงฮิตเมื่อหลายสิบปีก่อน ซึ่งกำลังเปิดอยู่ตอนนี้

พี่ใหญ่สุดหัวเราะกับไอ้พวกทโมนที่ทำทะลึ่งทะเล้นเป็นลิงหลอกเจ้า ทีในเวลางานล่ะกลัวเขาหัวหด พอเลิกงานปุ๊บนี่เล่นหัวกูได้เลย

“ไงคะคุณพ่อ วันนี้จะร้องเพลงกับเด็กๆ หรือเปล่า” เจ้าของรถที่กำลังจดจ่ออยู่กับการจราจรติดหนึบร้องถาม ปุ๊กเป็นครีเอทีฟก็อปปี้ไรเตอร์มือดีของทีม ด้วยความที่อายุไล่เลี่ยกัน และมักจะได้จับงานคู่กันบ่อยๆ เขาสองคนจึงสนิทกันเป็น...พิเศษ

“เหอะ” เสียงในลำคอก้ำกึ่งระหว่างหัวเราะขันกับปฏิเสธ “ถ้าอยากฝันร้ายก็ลองดู”

ไม่มีใครสนใจคำพูดของพี่ใหญ่อีก ขบวนรถยังติดยาวจนมองไม่เห็นต้นทาง แก๊งเด็กแสบแหกปากร้องเพลงกันมันส์หยด นภนต์ทิ้งตัวลงพิงเบาะนิ่ม คืนวันศุกร์เขามักจะจอดรถไว้คอนโด ถึงไม่ได้ไปเมาจนไร้สติ แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงกับด่านตรวจเหมือนกัน

หน้าจอโทรศัพท์ในมือหัวหน้าครีเอทีฟสว่างวาบ กรุ๊ป ‘TGIF’ กำลังรัวทั้งข้อความทั้งสติกเกอร์จนอ่านแทบไม่ทัน ใจความสำคัญคือการที่เขาเบี้ยวนัดประจำกลุ่ม แถมเพื่อนอีกคนยังหนีไปกินข้าวกับแฟน ทิ้งให้หนุ่มเปลี่ยวสามคนต้องนั่งดื่มกันแบบเหงาๆ

เขารู้ว่าพวกมันก็บ่นประชดไปอย่างนั้นเอง ด้วยความที่คบกันมานาน เรื่องแค่นี้ไม่สามารถไปสะกิดต่อมอารมณ์ของใครได้เลย จุดเริ่มต้นของความเป็นเพื่อนนั้นถอยกลับไปตั้งแต่สิบปีก่อน ในตอนไปเข้าค่ายอบรมการทำโฆษณากับเอเจนซีดังเจ้าหนึ่ง ไม่รู้พระเจ้าหรือซาตานที่กำหนดเส้นชะตา ให้ผู้ชายห้าคนต้องมาจับกลุ่มเดียวกัน  แต่นับจากวันนั้นทุกคนก็เกาะกลุ่มกันเหนียวแน่น และกลายมาเป็นเพื่อนเดนตายจนถึงทุกวันนี้

หลังจากด่านภนต์จนเบื่อ พวกมันก็เริ่มเบนเป้าหมายไปยังเพื่อนอีกคนบ้าง

‘ห่าคีย์ ติดหญิงแล้วทิ้งเพื่อน’

‘เออ วันนี้วันของพวกกูนะเว้ย บอกให้แฟนมึงไปเกิดวันอื่นนู่น’

‘ไม่ไหวเลยนะน้องคีย์ เกเรแบบนี้ต้องให้พี่ภนต์จูบสั่งสอน’

‘อ้าวเหี้ย ทำไมต้องเป็นกู’ ประโยคนี้เป็นเขาที่รัวนิ้วส่งไป เมื่อถูกพาดพิงอย่างอยุติธรรม

‘เหมาะสมกันอย่างกับตั่วเฮียกะโรงศพ ต้องพี่ภนต์น้องคีย์เท่านั้นแหละ’

แล้วอีกคนที่ถูกด่ารัวๆ ในไลน์ก็โผล่มาพร้อมสติกเกอร์หมีสูบบุหรี่ทำหน้าอ้อนตีน โดยไม่มีข้อความใดๆ จนเป็นนภนต์เองที่ทนไม่ไหว ต้องส่งข้อความไปอีกครั้ง

‘เป็นเด็กเป็นเล็ก ริอ่านสูบบุหรี่’

จริงๆ พวกเขาอายุเท่าๆ กัน แต่คีรินทร์อ่อนเดือนที่สุดในกลุ่ม บวกกับนิสัยแง้วๆ ไม่รู้จักโต เพื่อนๆ เลยชอบทรีตมันเหมือนเป็นเด็กอยู่ตลอด รวมทั้งเขาด้วย

‘พาเฮลโหลคิตตี้ของมึงไปฉลองที่ไหน’ ภนต์พิมพ์เข้าไปในกรุ๊ปอีกรอบ เจาะจงถึงคนติดแฟน 2017 โดยตรง

ไลน์กลุ่มไม่มีความเคลื่อนไหว แต่เขากลับได้รับไลน์เดี่ยวแทน

‘ไม่ได้ไปว่ะ’

ในบรรดาเพื่อนสี่คน เขาสนิทกับคีรินทร์ หรือน้องคีย์ของเพื่อนๆ ที่สุด อาจเพราะเป็นสองคนที่ยังทำงานโฆษณามาตั้งแต่เรียนจบจนถึงปัจจุบัน หรือไม่ก็เพราะบุคลิกความเป็นพี่ใหญ่ที่ดูเหมือนพึ่งพาได้ของเขาเอง ที่ทำให้ไอ้เด็กไม่รู้จักโตติดเขาเป็นลูกแหง่แบบนี้

ข้อความในไลน์จากคนในห้วงความคิดเล่าว่า คีรินทร์จัดการจองร้านทุกอย่างเรียบร้อย แต่เพื่อนน้องเหมียวดันเทงานซึ่งๆ หน้า ด้วยสปิริตแห่งพริตตี้ เหมียวเลยไปทำงานนั้นแทน และนัดของมันก็ล่มไม่เป็นท่าอยู่ในตอนนี้

ภนต์จับความรู้สึกเพื่อนได้ว่าคงเซ็งเหลือคณา ตามประสาน้องเล็กที่โดนตามใจมาจนชิน

‘ไปหาพวกเพื่อนดิ มึงจะนั่งง่วงอยู่ทำไม’ เขาแนะนำ

‘ไม่เอาอะ ไปแล้วก็ไม่หาย’

‘ไม่หายง่วง?’

‘เหอะ ไม่หายเงี่ยน’

‘สัส’

ความทันมุกกันแบบเม็ดต่อเม็ดทำให้นภนต์ต้องหัวเราะออกมาเสียงดัง

“พี่ภนต์คุยกับครายยย อารมณ์ดีเชียว” บรรดาลูกลิงที่ตะโกนแซวจากเบาะหลังทำให้เขากลับสู่โลกความเป็นจริง

“เพื่อนโว้ยยย”

เงยหน้ามองถนนอีกทีก็เห็นป้ายร้านอยู่ไม่ไกลแล้ว ก่อนเตรียมตัวลงเขาก็ไม่ลืมพิมพ์กลับไปหาเพื่อนอีกครั้ง

‘มาร้องคาราโอเกะกับออฟฟิศกูมั้ย’

ข้อความขึ้น read แต่อีกฝ่ายกลับเงียบหาย

“ถึงแล้ววววว” เด็กๆ กุลีกุจอลงจากรถ เห็นดังนั้นเขาเลยเปิดประตูแล้วก้าวตามไปอีกคน

หน้าจอโทรศัพท์ในมือสว่างขึ้นอีกครั้ง

‘ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวกูไปรอแถวๆ โรงแรมที่เหมียวทำงานดีกว่า’

อีกฝ่ายตัดสินใจแบบนั้น เขาก็เลยเลยตามเลย



ห้องคาราโอเกะไซส์ M ทำหน้าที่ต้อนรับหนุ่มสาวขาแดนซ์ที่จะมาเปิดฟลอร์กันในค่ำคืนนี้ ทันทีที่หย่อนตัวลงนั่ง เสียงเจี๊ยวจ๊าวก็แข่งกันเลือกอาหารจิ้มเมนูนั้นเมนูนี้กันชุลมุน หากยังไม่มีใครกล้าสั่ง เพราะเจ้ามือยังนั่งเฉย

“พี่เอากุ้งแช่น้ำปลาแล้วกัน แล้วก็เบียร์ตามโปรโมชันนี้ครับ” สั่งพนักงานเสร็จก็หันมาบอกลูกน้องบ้าง “อะ สั่งกันเลยๆ จะกินจะดื่มอะไรก็เลือกเอานะ”

สิ้นคำอนุญาต บรรดาลูกลิงที่รอจังหวะอยู่ก็รัวเมนูแบบไม่ต้องรอให้เชิญซ้ำสอง พอสั่งกันเรียบร้อยก็ถึงเวลาของนักร้องเสียงดี ที่เตรียมเพลงมาประชันกันชุดใหญ่

“เพลงแรกเอามาเลย เกรงใจๆ”

“เฮ่ย...ไม่ต้องเกรงใจๆ เอาเพลงไรว่ามา”

“โอ๊ยยยย มุกเหรอนั่น! เอาเพลง ‘เกรงใจ’ กูมาเดี๋ยวเน้ มึงจะกดไม่กด เร็วๆ!”

พนักงานยกเครื่องดื่มเข้ามาในห้อง เบียร์เย็นๆ ถูกรินและส่งให้นภนต์ก่อนเป็นคนแรก ราวกับรู้ลำดับความสำคัญ

“พี่ภนต์จะคันคอเปล่าอะ มีแต่เบียร์บ้านๆ ฮิ้วววว” เจอลูกน้องแซวออกไมค์ พี่ใหญ่เลยตอบคำถามด้วยการกระดกสิงห์ทองรวดเดียวหมดแก้ว เด็กๆ ปรบมือชอบใจกันใหญ่ เห็นเจ้ามือดูมีอารมณ์ร่วมกับปาร์ตี้ดีแล้วจึงหันความสนใจไปที่คาราโอเกะแทน

พอได้อยู่กับตัวเองอีกครั้ง หัวหน้าครีเอทีฟจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นไปเรื่อยเปื่อย กรุ๊ปไลน์แก๊ง TGIF เงียบไปแล้ว รวมถึงไลน์ของคีรินทร์ด้วย ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่เขารู้ดีว่าคืนนี้น้องเล็กของกลุ่มกำลังมีปัญหา ทว่าต่างคนก็ต่างโตเกินกว่าจะมาเซ้าซี้ถามให้อีกฝ่ายรำคาญใจ

เสียงร้องโหยหวนดังลั่นท่ามกลางดนตรีมันส์ๆ และไฟสลัว ในระหว่างที่เด็กสี่คนกำลังยืนเรียงหน้ากระดานเต้นท่าฮิต แก้วเบียร์ในมือเขาก็ถูกแก้วอีกใบยื่นมาชนเบาๆ

ก็อปปี้ไรเตอร์ร่วมทีมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ปุ๊กยกแก้วขึ้นชนอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขายังนิ่ง “ตัวอยู่นี่ ใจอยู่ไหนน้า”

ดวงตาเฉี่ยวคมแกล้งมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ของหัวหน้าครีเอทีฟที่ยังสว่างจ้า นภนต์ยักไหล่ คว่ำหน้าจอลงกับโต๊ะ ก่อนจะหยิบแก้วเบียร์ตนเองมาจิบ

พออีกฝ่ายดื่ม สาวสวยข้างๆ จึงยกแก้วขึ้นกระดกบ้าง

“ไหนว่าไม่กิน” เสียงทุ้มถามอย่างแปลกใจ วันนี้ปุ๊กขับรถพาทุกคนมา เพราะเจ้าตัวบอกเองว่าจะไม่เมา

“แก้วเดียว เป่าไม่ขึ้นหรอกน่ะ” เสียงหวานเอ่ย แฝงถ้อยคำกำกวมในประโยคต่อมา “แต่เป่าอย่างอื่นก็ไม่แน่...”

มือเรียวสวยวางอยู่บนหน้าขาของนภนต์ใต้โต๊ะ นาทีนี้ไม่มีใครสนใจพวกเขา ไฟฟอลโล่จับอยู่ที่นักร้องนำหน้าจอทีวี ครีเอทีฟใหญ่ทิ้งสมาธิไปที่จมูกรั้นกับเรียวปากอิ่มของคนข้างๆ แน่นอนว่าเขายังมีสติดี ไม่บ้าบอทำอะไรงามหน้าในห้องนี้ และหนูซนๆ อย่างปุ๊กก็เพียงแค่เย้าแหย่ให้เขาเคลิ้มเท่านั้น ข้อตกลงเด็ดขาดของพวกเขาคือ ไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน และไม่ประเจิดประเจ้อให้ใครเห็น ยังไงเขาก็ยังคงสถานะเพื่อนร่วมงานที่เข้าขากันดี แม้หลายๆ ทีจะเคยขาเข้ากันมาแล้วก็ตาม

ทว่าสัมผัสร้อนที่ไล้วนอยู่เหนือกางเกงยีนส์ ทำให้นภนต์ตื่นเต้นและตื่นอย่างอื่นไม่น้อย ดีว่ากางเกงเนื้อหนาช่วยอำพรางอะไรๆ ไม่ให้เผยความลามกเหมือนความคิดในหัว แต่มือเจ้ากรรมของเขาดันเผลอลูบไล้เอวคอดที่ซ่อนใต้เชิ้ตขาวของคนข้างๆ ไปเสียได้

“จุ๊ๆๆ” เสียงดุพร้อมสายตาห้ามปรามทำเอาหัวหน้าใหญ่ได้สติ คนเสียฟอร์มกระแอมในลำคอเบาๆ ส่วนสาวข้างๆ ค่อยๆ ขยับตัวออกห่างอย่างแนบเนียน เป็นอันว่าสมใจแล้วที่ได้ยั่วแกล้งอีกคน

“พี่ภนต์ ร้องเพลงกันๆๆ” เสียงเรียกผ่านไมค์ทำให้เจ้าของชื่อต้องกลับมาสวมบทหัวหน้าทีมที่น่าเคารพโดนพลัน “พี่ร้องไม่เพราะหรอก จะหนวกหูกันเปล่าๆ”

“โห่ยยยย พ่อจ๋าไม่ใจเบยยย”

ถึงจะโดนลูกตื๊อเท่าไร แต่ภนต์ก็ยังใจแข็งยืนยันว่า ‘ไม่’ คำเดียวเท่านั้น จนคนชวนเลิกไปเอง ก็อปปี้ไรเตอร์สาวที่นั่งมองอยู่แอบขำ ก่อนจะแกล้งพิมพ์ข้อความส่งไลน์ไปหาคนถูกเด็กรุม

‘ร้องเพลงไม่เพราะ แล้วร้องอะไรเพราะคะ’

แสงวาบขึ้นหน้าจอ นภนต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อก ก่อนร่างสูงจะลุกออกไปนอกห้องทันที ปุ๊กมองตามเงียบๆ สงสัยว่าแค่ข้อความแหย่เล่นของเธอ ทำให้พี่ใหญ่สุดขรึมถึงกับต้องออกไปสงบสติอารมณ์เลยหรือไง

คนที่ผละออกมาจากห้องคาราโอเกะกำลังวุ่นวายใจกับการต่อสายโทรออก ชื่อของคีรินทร์ถูกกดเป็นครั้งที่ห้า เมื่อสัญญาณรอสายในสี่ครั้งที่ผ่านมาไม่มีการตอบรับ

‘มึง เหมียวโกหกกู’

ประโยคในไลน์จากคีรินทร์ยังสะท้อนอยู่ในหัว เกิดอะไรขึ้น... ป่านนี้มันจะเป็นยังไง...

“อือ” สุดท้ายเสียงแหบแห้งของความในห้วงความคิดก็ตอบรับกลับมา

“มึงอยู่ไหน”

ปลายสายเงียบ แต่เสียงที่แทรกขึ้นมาคือเสียงประกาศจากขบวนรถไฟ “สถานีต่อไป ศูนย์วัฒนธรรม”

“อยู่ใน mrt เหรอ”

“อือ”

“รถล่ะ”

“จอดไว้โรงแรม”

ร่างสูงพลิกข้อมือดูนาฬิกา จะสี่ทุ่มแล้ว ตอนนี้พอจะมีห้างไหนเปิดอยู่บ้าง

“คีย์...คีย์” เอ่ยเรียกปลายสายที่เงียบจนน่าห่วง

ได้ยินเสียงหายใจดังลอดเข้ามาก่อนอีกคนจะตอบรับ “อื้อ กูฟังอยู่”

“กินข้าวหรือยัง”

อีกฝ่ายเงียบ

“ไปกินเห่าดงกันมั้ย” นภนต์เอ่ยราวกับกำลังกล่อมเด็ก

“...ไม่หิว”

“เบียร์วุ้น?”

“ไม่อยากกิน เจ็บคอ”

“คีย์...” เรียกชื่อคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้คิดเตลิดไปถึงไหน ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยประโยคสั้นๆ ที่ตรงกับความในใจ “กูอยากเจอมึง”

เสียงถอนหายใจดังเข้ามาพร้อมการประกาศสถานีต่อไป “แต่มึงไปเลี้ยงส่งน้องในทีม...”

“มันยังไม่ได้ออกวันนี้ ค่อยมาเลี้ยงใหม่อาทิตย์หน้าก็ได้”

“มึงเป็นเฮด จะทิ้งน้องๆ มาแบบนี้ไม่ได้หรอก”

“กูให้แบงค์พันอยู่แทนกูได้” เสียงเข้มเอ่ยหนักแน่น “แต่ให้มึงอยู่คนเดียวไม่ได้”

เงียบไปนาน แต่ภนต์รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลง

“...ก็ได้”

“นี่...” เรียวปากของคนต้นทางยกยิ้ม เมื่อสิ่งที่คาดการณ์ไว้ไม่ผิดไปจากที่คิด  “ลงสถานีพหลนะ ไม่ใช่ลาดพร้าว”

“อ้อ เกือบไปละ” ปลายเสียงติดหัวเราะน้อยๆ นั่นแสดงว่าประโยคสั้นๆ ของเขาช่วยกล่อมเพื่อนได้สำเร็จ

นภนต์รู้... ในเวลาอ่อนแอที่สุด คีรินทร์ต้องการเพียงใครสักคนที่มองตนเองเป็นคนสำคัญ


หลังวางสายจากเพื่อน ร่างสูงใหญ่ก็เข้ามาในห้องคาราโอเกะอีกครั้ง ตอนนี้แนวเพลงเปลี่ยนเป็นร็อกแมสๆ ที่ร้องตามกันได้ทุกคน ทรุดนั่งลงที่เก่า สังเกตคนอื่นๆ เพื่อหาจังหวะแจ้งข่าวด่วน ส่วนข้าวของไม่มีอะไรต้องเก็บ เพราะกระเป๋าสตางค์ มือถือ และกุญแจห้องอยู่ที่ตัวหมดแล้ว

“ทุกคน” เขารอเพลงจบแล้วจึงเรียกน้องๆ ในห้อง “เพื่อนพี่มีอุบัติเหตุ พี่ต้องไปหามันอะ ขอโทษทีนะ”

เสียงโห่ร้องด้วยความเสียดาย ทำให้พี่ใหญ่ลำบากใจไม่น้อย แต่เขาไม่เปลี่ยนใจ

“ขอโทษจริงๆ” เอ่ยขอโทษอีกครั้ง ก่อนจะหันไปหาคนที่จะลาออก “นิ้ง อาทิตย์หน้าพี่เลี้ยงข้าวอีกทีนะ”

อีกฝ่ายพยักหน้า

“ส่วนตอนนี้” มือแกร่งเปิดกระเป๋าสตางค์ แบงค์พันห้าใบถูกวางลงบนโต๊ะ “พี่ฝากน้องชายพี่ให้นั่งต่อแล้วกัน”

“ว่ออออออ”

“ได้ค่ะพี่ หนูจะดูเลยน้องห้าพันให้ดีที่สุด”

เสียงตอบรับเซ็งแซ่ ทุกคนบอกลาพี่ใหญ่ แล้วหันไปสนุกกันต่อ ภนต์ก้าวออกมาจากห้องนั้นอย่างรีบเร่ง ปุ๊กวิ่งตามมา

“ภนต์” เสียงคนด้านหลังเรียก

“โทษทีนะปุ๊ก”

ตาคมเฉี่ยวมีแววเสียดาย “นึกว่าวันนี้...”

“ผมก็นึกไว้อย่างนั้นเหมือนกัน” คำตอบดูหวานล้ำ แต่สายตากลับไร้แววความรู้สึก หญิงสาวรู้โดยทันทีว่าใจของนภนต์ไม่รู้ตรงนี้แล้ว

“เอ๊ย ไม่ต้องซีเรียส ไปเถอะ”

โบกมือลาปุ๊กแล้วขายาวก็รีบก้าวออกจากร้าน แท็กซี่คันแรกที่เปิดไฟว่างถูกเรียกทันที โชคดีที่จุดหมายปลายทางอยู่เส้นวิภาวดีเหมือนกัน แถมยังขับตรงไปไม่ไกล ไม่งั้นเขาคงได้ยืนหน้าแห้งโบกแท็กซี่ไม่ต่ำกว่าสิบคัน


ไลน์จากคีรินทร์แจ้งว่าถึงร้านแล้ว และนั่งอยู่ที่ชั้น 2 ข้อความต่อมายังมีอารมณ์ตลกร้าย แสดงว่าคงไม่เป็นไรมาก

‘สงสัยชีวิตเหี้ยพอแล้ว พระเจ้าเลยเห็นใจให้โต๊ะกู’

รถติดสมศักดิ์ศรีคืนวันศุกร์ ร่างสูงบนแท็กซี่มีท่าทีร้อนใจ ไลน์จากคนที่ร้านยังส่งมาเรื่อยๆ ล่าสุดเป็นรูปจานถั่วทอดกับเบียร์วุ้น พร้อมข้อความว่า ‘ล่วงหน้าไปก่อนแล้วกันนะ’

‘ไหนว่าเจ็บคอ’ นิ้วยาวพิมพ์ถามกลับทันควัน

‘ไม่ได้เจ็บคอ’ อีกฝ่ายตอบด้วยความเร็วไม่แพ้กัน ‘เจ็บ ค.’

‘สัส’

รถแท็กซี่ตีไฟเลี้ยวเทียบจอด นภนต์ยื่นแบงค์ร้อยให้ รอรับเงินทอนสิบกว่าบาท แต่ท่าทางอ้อยอิ่งของคนขับทำให้เขาต้องถอนหายใจ นี่ถ้าไม่ติดว่ารีบก็คงจะนั่งรอตังค์ทอนกวนตีนแม่งนั่นแหละ

ปิดประตูรถดังปัง ก่อนจะพาร่างสูงของตนเองผ่านประตูร้าน ลัดเลาะหลบโต๊ะแน่นเอี๊ยดจนถึงบันไดทางขึ้นชั้นสอง ก้าวฉับๆ อย่างร้อนใจจนถึงที่หมาย เห็นร่างสมส่วนในเสื้อสีชมพูอ่อนนั่งพิงโซฟายาวอยู่ด้านในสุด

แรงยวบจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามทำให้คีรินทร์เงยหน้าขึ้นมามอง ร่างสูงโปร่งของเพื่อนที่ปรากฏทำให้เรียวปากบางยกยิ้ม “เหาะมาเหรอ”

“ป่าว ดำน้ำมา” คนเพิ่งมาถึงปลดกระดุมที่แขนเสื้อ ก่อนจะพับมันลวกๆ ร้านนี้ร้อนกว่าห้องคาราโอเกะที่เขาเพิ่งจากมา

“หือ? ไหนถังออกซิเจน”

“ขับเรือดำน้ำสิ ลุงกูอนุมัติซื้อมาแล้วไง”

“อ้อ นี่ถ้าจีนมาสร้างรถไฟให้เสร็จ มึงก็คงมารถไฟใช่มะ” คู่สนทนาตามมุกทันเหมือนเคย

“แน่นอน” เขาตอบยียวน

เสียงใสหัวเราะ “มึงเคลียร์ได้ช้ะ?”

“เคลียร์ไร”

“เคลียร์ให้อยู่คุกเดียวกันได้เนี่ย! สัส!”

เป็นเขาที่หัวเราะบ้าง เด็กเสิร์ฟเดินมารับออเดอร์ เขาสั่งโดยไม่เสียเวลาอ่านเมนู “เบียร์วุ้นหนึ่ง เห่าดงเนื้อหนึ่ง ต้มแซ่บเนื้อตุ๋นหนึ่ง เอาเป็นถ้วยพอนะครับ อ้อ... กุ้งแช่น้ำปลาด้วย”

เด็กเสิร์ฟจดมือระวิง รับคำสั่งแล้วจากไป

“สั่งยังกะไม่ได้แดกข้าวมา” คนมาถึงก่อนเอ่ยแซว

“ก็ใช่ดิ กินกุ้งไปสามตัวเอง”

“...โทษที กูรบกวนมึงอีกแล้ว” ปลายเสียงเบาลง ใช่...อีกแล้ว ไม่รู้กี่ครั้งที่นภนต์ต้องทิ้งธุระตนเองเพื่อมาหาเขา

มือหนาโบกปฏิเสธ “รบกวนเหี้ยไร มึงก็รู้กูไม่ชอบร้องเพลง”

“แต่ชอบร้องคราง?”

“มึงอยากฟังมั้ยจ๊ะน้องคีย์”

“น้องคีย์พ่อง” นิ้วกลางถูกส่งมาให้พร้อมคำตอบ

อีกฝ่ายหัวเราะ

เบียร์วุ้นมาเสิร์ฟพร้อมเปลี่ยนจานถั่วให้ใหม่ มือใหญ่คว้าแก้วตรงหน้ามาซด รสขมปร่าทว่าเย็นสดชื่นช่วยต่อยอดจากเบียร์สองขวดก่อนหน้าได้เป็นอย่างดี “แล้วไง จะแดกก่อนหรือจะคุยก่อน”

คนถูกถามยักไหล่ เดาะถั่วเข้าปาก “โดนเด็กหลอกอีกแล้วกู”

คนฟังเงียบ หยิบถั่วพร้อมพริกสดกินไปพลาง รู้ว่าคีรินทร์จะเล่าต่อโดยไม่ต้องถาม

“กูไปเด๋อด๋าอยู่หน้าฟรอนต์โรงแรมที่มันบอก ถามย้ำพนักงานเป็นสิบครั้งว่าอีเวนต์ที่เหมียวเป็นพริตตี้ไม่มีแน่เหรอ แม่ง...ไม่มีงานเหี้ยไรทั้งนั้นอะ ห้องบอลรูมโรงแรมปิดปรับปรุง มีแต่ห้องประชุมเล็กๆ ซึ่งก็ไม่มีงานไรเหมือนกัน”

คนเล่ากระดกเบียร์ลงคอ

“ตอนแรกกูคิดว่ามันเป็นโรงแรมนี้แต่คนละที่ ลองเสิร์ชๆ ดูแม่งก็ไม่เจอสาขาอื่น อ้อ..มีที่เชียงใหม่อีกที่ ลืมไป”

“เค้าอาจจะไปที่นั่นก็ได้นะเว้ย” ภนต์แกล้งกวนตีน

“เออ กูเลยจะไปซื้อตั๋วเครื่องบิน ถุย! คิดแบบนั้นก็ควายแล้วกูอะ” เล่นเองเจ็บเอง ยอมรับความโง่ของตัวเองโดยดุษณี

“อ่าฮะ แล้วมึงรู้ได้ไงว่าเค้าโกหกแน่ๆ”

“เพราะกูหิว”

“ฮะ??”

“กูหิว กูเลยไปหาไรแดกที่ห้องอาหารของโรงแรม” มือเรียวยกแก้วเบียร์ขึ้นซดอึกใหญ่ ก่อนจะหันไปถามคู่สนทนา “มึงคิดว่าถ้านี่เป็นวิดีโอไวรัล เรื่องนี้จะเป็นไงต่อ”

“มึงเลยเจอน้องคิตตี้เหมียวนั่งกินข้าวกะผู้ชาย?” หัวหน้าครีเอทีฟเดา

“เยส”

“แบบ...แต่งตัวสวยๆ ยั่วๆ มาฉลองวันเกิด?”

“อาฮะ”

“มึงก็เลยแอบไปนั่งโต๊ะข้างๆ สืบหาความจริง”

“อันนี้ไม่ใช่ว่ะ เรื่องจริงคือ กูก็เดินไปทักทายแม่งเลย ‘อ้าวเหมียว งานเสร็จแล้วเหรอ ทำไมไม่โทรหาพี่เลย’ อะไรแบบนี้”

“เหออออ น้องเหมียวมึงก็เหวอเลยดิ”

“เออ ก็นิดนึง แต่กูดิเหวอกว่า”

“ทำไมวะ” ถามเพราะเคยชิน ทั้งๆ ที่รู้ว่าคีรินทร์ต้องเล่าอยู่แล้ว

“ก็แม่งตอบกูว่า พอดีนัดกินข้าวกับแฟนต่อ เลยไม่ได้โทรไปค่ะ”

“เหยดเข้ พูดงี้แล้วมึงเป็นตัวไรวะ”

“ก็ตัวเงินตัวทองให้มันเกาะไง สัสเอ๊ย ไอโฟนเจ็ดพลัสกู บัตรยังไม่ตัดรอบเลยเนี่ย” บ่นอุบด้วยความเสียดายและเสียรู้

“เหี้ยยยย นี่เค้าไม่ได้อำมึงใช่มั้ย” คนมีจินตนาการยังคิดถึงทางเป็นไปได้อื่นๆ

“กูก็ยังคิดเข้าข้างตัวเองว่าน้องเหมียวจะเล่นละครฉากใหญ่เพื่อขอกูแต่งงานหรือเปล่า แต่ไอ้ห่าผู้ชายที่นั่งกับเหมียวแม่งมองกูหน้าโคตรแบลงก์”

“เชี่ย แล้วมึงทำไงวะ”

“ก็ไม่ทำไง เหมียวมันบอกว่า ‘นี่วันเกิดเหมียว ถ้าพี่จะคุยงานก็ไว้คุยกันพรุ่งนี้’ กูก็เลยเดินหน้าม้านออกมา”

“โธ่เอ๊ยยย ไอ้คีย์” เขาพูดได้เท่านี้ สะท้อนใจกับชีวิตรักของเพื่อน ที่มันต้องจบลงในแบบเดิมทุกครั้ง

เสียงบทสนทนาเงียบลง ต่างฝ่ายต่างยกแก้วตัวเองขึ้นจิบ ก่อนต้นเรื่องจะเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

“กูผิดที่รวยใช่ปะวะ” ถ้าเป็นคนอื่น ภนต์คงนึกหมั่นไส้ แต่กับคีรินทร์ผู้ที่ฐานะของตัวเองพาความรักพังครั้งแล้วครั้งเล่า เขารู้ว่ามันพูดจริง

“มึงไม่ได้ผิดที่รวย” ตาคมจ้องมองอีกฝ่ายคล้ายจะเจาะลึกลงไปก้นบึ้งหัวใจ “มึงผิดที่โง่”

“ฮืออออออ อย่าด่ากู” คร่ำครวญพลางซุกหน้าลงกับโต๊ะ

ดูท่าแล้วเพื่อนเขาไม่ได้อาการหนักเท่าที่แล้วๆ มา สติสตังดูอยู่ครบ ไม่ได้จิตหลุดฟูมฟายแบบคราวก่อน นี่อาจเป็นเวลาที่เขาต้องพูดบ้าง

“คีย์ เดือนหน้ามึงก็จะสามสิบสองแล้วนะ” คนที่ไถตัวไปกับโต๊ะเหลือบตามองเพื่อน ท่าทางเตรียมงอแงนั่นทำให้ภนต์ต้องรีบพูดดัก “ไม่ต้องมาทำตาแป๋วเลย ...รู้ใช่มั้ยว่ากูจะพูดอะไร มันถึงเวลาที่มึงต้องเลิกมองผู้หญิงที่โตแต่นม แต่ไม่มีสมองได้แล้ว”

แก๊งสาวๆ โต๊ะข้างๆ หันขวับ นภนต์หดคอ ส่งยิ้มแหยๆ เป็นเชิงขอโทษไปให้ ก่อนจะหันมาพูดต่อแต่เบาเสียงลง

“มึงชอบเด็กเอ๊าะๆ กูไม่ว่า แม่งรสนิยมมึง ห้ามกันไม่ได้ แต่มันไม่มีเลยเหรอวะ เด็กดีๆ ที่จะประคับประคองหัวใจมึง คนที่จะคอยดูแลในวันที่มึงป่วย คนที่เป็นเพื่อนคู่คิดวันที่มึงมีปัญหา คนที่แดกข้าวผัดไข่โง่ๆ จากร้านข้างทางกับมึงได้อะ” ประโยคยาวยืดไร้น้ำเสียงของความประชดประชัน เพราะภนต์พูดทั้งหมดนั้นด้วยความปรารถนาดีจากหัวใจ

คีรินทร์หยัดตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรง มือเรียวที่กำแก้วเบียร์สั่นน้อยๆ นัยน์ตาหม่นแสงคล้ายมีน้ำตาคลอ “มึงพูดแบบนี้ คือมึงขี้เกียจมาคอยตามดูแลกูแล้วใช่มั้ย”

คนถูกถามเบิกตากว้าง ทำไมสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อถึงถูกเข้าใจแบบนั้นไปได้วะ!!

“คีย์!! ทำไมคิดแบบนั้น เวลามึงเศร้ากูก็อยากวาร์ปมาแดกเบียร์กับมึงได้ทุกครั้ง ถ้าเป็นไปได้กูก็อยากอยู่ข้างๆ มึง คอยดูแลมึงไปจนแก่ตายห่านั่นแหละ ...แต่ความเป็นจริงมันไม่ได้ไง”

“ทำไมล่ะ”

“มึงอย่ามากวนตีน”

“กูถามจริงๆ ว่าทำไมมึงทำแบบนั้นไม่ได้” สายตาที่จ้องมานั้นเต็มไปด้วยคำถาม

“คือว่านะ... บางทีความเป็นเพื่อนมันก็มีข้อจำกัดไงมึง” อาหารทยอยมาเสิร์ฟ นภนต์ใช้โอกาสนี้เรียบเรียงคำพูด เห่าดงเนื้อ หรือเนื้อเกือบดิบราดซอสชิ้นหนึ่งถูกจิ้มเข้าปาก ลิ้มรสความหวานหอมของเมนูเด็ดประจำร้านขณะใคร่ครวญไปด้วย สุดท้ายเสียงทุ้มก็เอ่ยต่อ

“เพื่อนน่ะ ดูแลกันได้แค่บางอย่างในชีวิตเท่านั้นแหละ ให้สนิทแค่ไหน ยังไงกูก็แค่คนอื่น แต่แฟนมึง คนที่จะมาใช้ชีวิตคู่ไปกับมึง เค้าคือคนในครอบครัว คนที่มีสิทธิ์ในชีวิตมึงทั้งทางพฤตินัยและนิตินัย ...เข้าใจมั้ยเนี่ย”

มือที่เขี่ยกุ้งแช่น้ำปลาในจานไปมาทำให้ภนต์ต้องถามอีกรอบ “คีย์ เข้าใจหรือเปล่า”

“แต่มึงก็เป็นครอบครัวกูได้นะ กูนับมึงเป็นครอบครัว”

“ขอบใจนะ กูรู้ว่ามึงพูดจริง แต่กูก็พูดจริงๆ เหมือนกัน ถ้ามึงเจอแฟนที่ดี มึงแทบไม่ต้องมีเพื่อนอย่างกูเลยก็ได้”

“ไม่จริง แล้วอะไรวะที่เพื่อนทำไม่ได้”

“ไอ้สัส เย็x กันไง ควาย”

ถ้าไฟในร้านไม่หลอกตา นภนต์คิดว่าคนตรงข้ามกำลังหูแดง

“สรุปก็คือ...” คีย์ยืดตัว เอาศอกเท้ากับโต๊ะ สองมือกุมกันไว้ด้านหน้า “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่มึง แต่อยู่ที่กูใช่มั้ย?”

“ยังไงนะ”

“กูรอฟังอยู่ ว่ามึงจะพูดถึงความลำบากของตัวเอง ในการต้องมาดูแลคนอย่างกูตอนไหน” ตาเรียวมองสบตาคนฟัง “แต่ก็ไม่มี”

“ใช่... ก็กูไม่ได้รู้สึกลำบากอะไร”

“มึงไม่ได้พูดว่าต่อไปมึงก็จะต้องมีครอบครัว มีคนที่มึงต้องดูแล”

“กูเคยบอกมึงหลายครั้งแล้วนี่ สิ่งสุดท้ายที่กูจะทำคือการสร้างกรรมด้วยการมีลูก”

“แล้วเมีย?”

ร่างสูงยักไหล่ “อาจจะมีหรือไม่ก็ได้ กูชอบชีวิตไร้พันธะ”

“กูเก็ตละ”

จากนั้นบทสนทนาก็ไม่ได้วนมาที่ประเด็นชีวิตคู่อีก ภนต์ไม่แน่ใจว่าเพื่อนเข้าใจสิ่งที่ตนเองพูดจริงๆ หรือเพียงตอบเพื่อเฉไฉไปเรื่องอื่น เพราะที่ผ่านมาเขาพยายามพูดกับคีรินทร์หลายครั้งในเรื่องนี้ แต่เด็กไม่รู้จักโตก็ตีรวนเปลี่ยนเรื่องเสียทุกครั้ง ความดื้อแพ่งของไอ้ตัวแสบนั้นน่าหนักใจพอๆ กับปัญหาการคอรัปชันที่ตรวจสอบไม่ได้

เขาไม่รู้ว่าผู้ชายอายุสามสิบกว่าคนอื่นๆ นั้นเป็นยังไง แต่สำหรับเขา นี่คือวัยที่ต้องสะสมทุกอย่าง ทั้งเงินทอง ความรู้ และประสบการณ์ การพาตัวเองไปวกวนอยู่แต่เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ต้องนอนร้องไห้เมาหัวราน้ำทุกคืนวันศุกร์คือเรื่องโคตรไร้สาระ ตัดเรื่องนี้ไปซะอย่าง ชีวิตก็มีเวลาไปทำอะไรอีกเยอะ ตามคติที่เขายึดมาหลายปี ถ้าหายากนักกับอีแค่แฟนดีๆ ก็ไม่ต้องมีแม่งเลยแล้วกัน


ออฟไลน์ lykar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-0
Re: Thank god it's CRYDAY! สุขสันต์วันเศร้า
«ตอบ #2 เมื่อ18-06-2017 12:18:37 »

“พี่ครับ ครัวจะปิดแล้ว จะสั่งอะไรอีกมั้ยครับ” พนักงานคนเดิมวนกลับมาถามอีกครั้ง นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนครึ่ง ปกติร้านนี้ปิดตีสอง แต่อาหารคงสั่งได้ถึงแค่ตอนนี้

“มึงเอาไรปะ” เอ่ยถามคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์

“กับข้าวคงม่ายละ” คีรินทร์ตอบเสียงยานคาง “เบียร์อีกสักขวดแล้วกาน”

ภนต์เกือบจะร้องห้าม แต่เห็นวันนี้เด็กดื้อกลายเป็นเด็กดี เขาเลยให้รางวัลมันหน่อย “เบียร์อีกขวดแล้วเช็กบิลเลยครับ”

พอเด็กเสิร์ฟจากไป เขาก็หันมาพูดกับคนรีเควสต์เบียร์ทันที “เมาแล้วมึงอะ”

อีกฝ่ายยู่หน้า “กินให้เมาปะวะ ไม่เมาจะแดกทำมาย”

“ปากดีจริง ถ้าอ้วกกูปล่อยทิ้งนะโว้ย”

โดนขู่มาเลยทำท่าจะขย้อนของเก่าให้ดูเสียเลย

“เฮ่ยๆๆ จะอ้วกจริงปะเนี่ย เหี้ยคีย์!”

“เอิ๊กๆๆ” เสียงหัวเราะสะใจดังแทรกดนตรีสไตล์คันทรีขึ้นมา

“ไม่ต้องกินแล้วมั้ง พอเหอะ”

“พี่ภนนนนนต์ นุ้งคีย์ขออีกสองนะคร้าบบบ”

“เป็นน้องพลับเหรอสัส แดกตีนกูมะ สองข้างพอดี” ไม่พูดเปล่า ภนต์ยังยกอัลตร้าบูทส์คู่โปรดให้เป็นของแถม

“อิอิ อิอิ” คนเมาขำกวนประสาท

เบียร์มาเสิร์ฟ แบ่งได้อีกคนละแก้ว

“รีบแดกๆ จะได้กลับไปนอน”

แก้ววุ้นกลายร่างเป็นแก้วธรรมดาไปแล้ว เหมือนซินเดอเรลลาหลังเที่ยงคืน

“มึงนั่งแท็กซี่กลับคอนโดเลยใช่ปะ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ขณะที่มือก็เปิดกระเป๋าสตางค์เตรียมจ่ายค่าอาหาร

“กูจ่ายเองๆ” คนตรงข้ามร้องห้าม ก่อนบัตรเครดิตจะลอยหวือลงถาดที่พนักงานนำมาวางไว้

คนโดนแย่งจ่ายส่ายหน้า แต่ไม่ขัดศรัทธาเสี่ยคีรินทร์ ไว้เจอกันอีกทีค่อยจ่ายมันคืน ตอนนี้ขี้เกียจเถียง เพราะตนเองก็มึนๆ เหมือนกัน

เบียร์หมดขวด ทิปพนักงานไปยี่สิบแล้วสองหนุ่มก็เดินไต่บันไดลงมาจากร้าน คนซาลงไปแล้ว เหลือไม่กี่โต๊ะที่นั่งกินกันเงียบๆ เสียงเพลงก็หรี่ลงจนเกือบสุด บรรยากาศจากคึกครื้นกลายเป็นเวิ้งว้างสุดใจ

“นี่มันบันไดเดียวกะตอนขึ้นมาปะวะ” เสียงงึมงำของคนที่เดินตามมาทำให้นภนต์ต้องหันไปมอง แล้วก็ต้องใจหายวาบเมื่อคนที่กำลังก้าวขาเกิดเซจะล้มจนเขาต้องคว้าตัวไว้

“นั่งก่อนมั้ย” เอ่ยถามทั้งๆ ที่ใจยังเต้นตุบๆ ดีว่ามือหนึ่งของคนเมาจับราวบันไดไว้แน่น ไม่งั้นคงได้กลิ้งเป็นลูกขนุนกันทั้งคู่

“ไหวๆ ไปเหอะ” ตัวคนจะล้มแทบจะสร่างเมา เมื่อกี๊ถ้าภนต์ไม่รับไว้คงได้มีแข้งขาหักกันบ้าง

ประคองสติตัวเองและประคองคนข้างๆ มาจนถึงหน้าร้านได้สำเร็จ นภนต์ก็ให้คนเมานั่งรอนิ่งๆ ส่วนตัวเองยืนโบกแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน

“ไปเอกมัยใช่ปะ” หันมาถามเพื่อนอีกที ขณะแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดตรงหน้า

“ไม่ๆ เดี๋ยวกูไปเอารถก่อน” ตอบจบคีรินทร์ก็เปิดประตูก้าวขึ้นรถ ก่อนจะร้องอุทานเสียงดัง เมื่อร่างใหญ่ๆ ของเพื่อนกระโจนตามเข้ามา

“พี่ๆ เปลี่ยนไปลาดพร้าว” แขกไม่ได้รับเชิญบอกทางเสร็จสรรพจนคนจะไปเอารถถึงกับเหวอ

“อะไรของมึงเนี่ย ก็ไปเรียกคันอื่นดิ”

“มึงไปนอนห้องกู” เสียงเฉียบทำเอาคนฟังสะดุ้ง แต่ยังใจดีสู้เสือ

“ง่า...แต่กูจอดรถไว้โรงแรมนะ”

“กูรู้ว่ามึงเปิดห้องเปล่าไว้จอดรถ” อีกฝ่ายสวนทันควัน “จะขับให้โดนตำรวจเรียกเหรอ เป่าทีพุ่งไปสามร้อยแล้วมั้ง”

“เมาไม่ขับดีแล้วน้อง ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงเพื่อนร่วมทางเถอะ” อยู่ๆ พี่แท็กซี่ก็พูดแทรกขึ้นมา ซึ่งนภนต์คิดว่าเป็นประโยคการเสือกที่ดีที่สุดแห่งปี

“เนี่ย มึงจะไปขับให้คนอื่นลำบากเหรอ”

พอโดนรุมแบบนั้นคนพยายามเมาแล้วขับเลยนั่งกอดอกเงียบ ดึกๆ แบบนี้รถเริ่มน้อย แต่ที่ติดนานจะเป็นด่านตรวจมากกว่า จริงๆ คีรินทร์ก็แอบคิดว่าดีแล้วที่ไม่ได้ขับรถกลับ และเป็นจริงอย่างที่เพื่อนว่า เขาเปิดห้องของโรงแรมไว้เพื่อจะได้ฝากรถได้ เวลาเครียดๆ เขามักออกมานั่งรถสาธารณะเล่น นั่งไปเรื่อยๆ คล้ายคนไร้จุดหมาย แต่ลึกๆ เขารู้ การเดินทางแต่ละครั้งจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อนภนต์ติดต่อมา

หลายครั้งที่เขาพยายามหาใครที่จะมาเป็นคนรัก ใครที่จะมาอยู่ดูแลกันไปชั่วชีวิต คนแบบที่นภนต์พูดปาวๆ ว่าเขาควรจะมี คนดีๆ ที่จะประคับประคองหัวใจ คนที่จะคอยดูแลในวันที่เจ็บป่วย คนที่เป็นเพื่อนคู่คิดในวันที่มีปัญหา คนที่ชวนกันกินข้าวแกงข้างทางไม่ใช่แค่ร้านหรู น่าแปลกนักที่เขาไม่อาจนึกถึงใคร ...นอกจากตัวคนพูดเอง...


“ถึงแล้วมึง” เสียงเรียกเบาๆ แต่กลับทำให้คนที่นึกอะไรเพลินๆ ต้องสะดุ้ง “แวะเซเว่นก่อนละกัน”

เจ้าของห้องเดินนำไปยังร้านสะดวกซื้อใต้คอนโด

ผู้มาเยือนซื้อแค่แปรงสีฟันอันเดียว เพราะเชื่อว่าที่ห้องของเพื่อนมีให้ยืมหมด ส่วนเจ้าของห้องกลับแบกตะกร้าใส่ของมากมาย

“ซื้อไรเยอะแยะวะ” คีรินทร์ถาม

“ของให้มึงไง”

“ให้กู?”

“เออ กูซื้อแฮ้งกับพวกโจ๊ก ไข่ลวกให้มึงไว้กินตอนเช้า แล้วก็น้ำเปล่าที่ห้องหมดพอดี เลยซื้อมาด้วย”

มองดูของกินในตะกร้าแล้วถอนหายใจ “จริงๆ กูโอเค ไม่ได้เมาขนาดนั้น”

“เอาเหอะ พรุ่งนี้ค่อยขอบคุณกูก็ได้”

“สัส เอามา เดี๋ยวกูจ่ายเอง” แขกของห้องคว้าตะกร้านั้นมาให้พนักงานคิดเงิน ขณะกำลังนับแบงค์ บัตรแทนเงินสดเซเว่นของคนด้านหลังก็แตะลงที่เครื่องตี๊ดบัตรเสียแล้ว

“มึงจ่ายที่ร้านไปแล้ว อันนี้กูจ่ายเอง”

ขี้เกียจจะเถียง คีรินทร์เลยทำได้เพียงหิ้วถุงหนักๆ สามถุงออกมา

ห้องชุดโทนสีเรียบเปิดต้อนรับผู้มาเยือนในเวลาเกือบตีสอง เจ้าของห้องโยนข้าวของเข้าตู้เย็น แล้วหายไปในห้องนอน ก่อนจะกลับออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวและบ็อกเซอร์กับเสื้อยืด

“มึงอาบห้องน้ำข้างนอกก็ได้ ถ้าจะปั่นผ้าก็ที่ระเบียงนะ เดี๋ยวกูอาบในห้องกู”

พยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำตามที่นภนต์ชี้ ดึกขนาดนี้เขาไม่มีอารมณ์จะมาซักผ้าอะไรแล้ว พรุ่งนี้ค่อยขอยืมชุดเพื่อนใส่ แล้วให้มันไปส่งโรงแรม


คิดว่าตัวเองเป็นคนอาบน้ำเร็วแล้วแต่ก็ยังสปีดแพ้ร่างสูงใหญ่ที่นั่งเล่นคอมอยู่บนโซฟาหน้าทีวี

“ทำไร ไม่นอน?” มือหนึ่งใช้ผ้าขยี้ผมเปียกหมาดของตัวเอง อีกมือคว้าโทรศัพท์มาเล่น

“เช็กเมลแป๊บ มึงไปนอนก่อนได้เลย กูเปิดแอร์ไว้ละ” พูดจบเจ้าของห้องก็หันไปจดจ่ออยู่กับหน้าจอแมคบุ๊ก เขาเพิ่งไล่อ่านไลน์ แล้วพบว่าเออีส่งบรีฟมาให้เมื่อสี่ทุ่ม งานนี้เป็นของลูกค้าใหม่ เขาแค่อยากเห็นคร่าวๆ ว่าจะต้องทำอะไร

“เฮ้ย!!” คนตั้งใจทำงานร้องลั่นเมื่อหัวเย็นๆ มาพาดบนตัก มองไปก็เห็นหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ของเด็กโข่งนอนเล่นมือถือสบายใจ

“อะไรของมึง” พยายามผลักหัวไอ้ตัวแสบออก แต่มันก็ยกหัวตัวเองกลับมาใหม่ทุกที

“ก็มึงบอกให้กูนอนได้เลย”

“สัส หมายถึงในห้องนอนมั้ยล่ะ”

“อ้าวเหรอ” แสร้งร้องเสียงแบ๊วจนภนต์ต้องดีดหน้าผากไปที “โอ๊ยยย กูรอมึงก่อนดีกว่า ไม่อยากนอนคนเดียว กลัวผี”

“เหอะๆ กูน่ากลัวกว่าผีอีก บอกไว้ก่อน”

คนบนตักขมวดคิ้ว “ทำไมๆ”

“ก็ไม่ทำไม แต่ระวังจะทำเมีย หึหึ” พูดออกมาหน้าตาเฉย มือก็เลื่อนแป้นเมาส์อ่านบรีฟไปเรื่อย ไม่ทันได้เห็นว่าคนฟังหูแดงแป๊ด

“...ก็ได้นะ” อยู่ๆ คนบนตักก็พูดขึ้น

“ฮะ ว่าไงนะ”

“ก็ได้ไง” เสียงเอ่ยเบาหวิวจนคนที่ตั้งใจว่าจะนั่งทำงานต้องถามย้ำ

“ก็ได้? อะไร?”

“ก็ที่มึงบอกว่า ไม่ทำไม ก็...ทำอย่างอื่นที่มึงบอก...ก็ได้”

คราวนี้คนที่นั่งทำงานได้ชะงักกึก คีรินทร์ลุกขึ้นมานั่งแบบปกติ แต่ไม่ยอมหันหน้ามามองคนที่ตัวเองทำใจกล้าพูดจาทะลึ่งใส่
ถึงไม่ได้เห็นตรงๆ แต่ใบหูแดงๆ นั่นก็ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายพูดจริง ถ้าถามว่านภนต์รู้สึกยังไงตอนนี้ เขาคงตอบอะไรได้ยาก เพราะสมองกลวงเปล่า กลายเป็นไอ้โง่ที่แยกแยะระหว่างความฝันกับความจริงไม่ได้ขึ้นมา

“รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไร คีย์ เมาใช่มั้ย” เสียงดุเอ่ยทำลายความเงียบ

“ไม่ได้เมา” คนที่ยังไม่ยอมสบตาตอบกลับ

“อยากลองใจกูเหรอ” มือหนาปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วหันไปหาคนข้างๆ เต็มตัว “กูบอกแล้วว่ากูน่ากลัวกว่าผีนะ”

คีรินทร์หัวใจเต้นตุบๆ ไปด้วยความกลัว เขาไม่กล้าหันไปมองนภนต์ ไม่กล้าสบตา เพราะไม่อยากเห็นสายตาเย็นชาที่เต็มไปด้วยคำว่าเพื่อน

“คีย์” อีกฝ่ายเรียก

เมื่อเจ้าของชื่อไม่ยอมตอบรับ เขาเลยใช้สองมือจับใบหน้าของคนขี้ขลาดให้หันมาเอง

พยายามหลบตา แต่ก็ไม่อาจฝืนแรงมือหนาที่ล็อกคางตัวเองไว้ ทันทีที่สบกับตาคม คีรินทร์ก็ต้องแปลกใจที่ได้เห็นแววตาไหวระริกซึ่งเต็มไปด้วยความสับสน...

“ชอบกูเหรอ หรือแค่อยากลอง” น้ำเสียงราบเรียบราวกับคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่หัวใจคนพูดกำลังแห้งผากพร้อมจะแตกเป็นเสี่ยงได้ทุกวินาที ...ไม่ต่างจากหัวใจคนฟัง

คีย์เอื้อมมือแตะไหล่คนตรงหน้า “ที่มึงให้หาคนที่ดีพอน่ะ...กูเจอนานแล้ว...”

เรื่องที่ร้านเหล้าถูกเอ่ยถึงขึ้นมาอีกครั้ง เสียงแหบพร่าหยุดไปครู่หนึ่งคล้ายคนพูดกำลังกลืนก้อนสะอื้นลงคอ “แต่แม่งเสือกเป็นเพื่อนที่กูรู้จักมาสิบปี ไอ้เหี้ยเนี่ย...กูป่วยแม่งก็พาไปหาหมอ...กูทำสไลด์ไม่ผ่านก็ช่วยกูแก้ อยากกินข้าวผัดไข่ที่เยาวราชมันก็บ้าไปด้วยกัน ...อกหักแม่งก็ทิ้งทุกอย่างมานั่งแดกเบียร์ด้วย รู้จักทุกซอกชีวิตกูแบบที่กูไม่ต้องพูด ...นั่นแหละ ไอ้เหี้ยที่กูรักอะ แม่งดีจนเกินพอ แต่กูคงไม่มีอะไรดีพอสำหรับมัน...มึงว่ามั้ย”

นภนต์ตัวชาดิกกับคำสารภาพที่ไม่คิดว่าจะมีวันได้ยิน คนที่ย้ำกับตัวเองเสมอว่าคือเพื่อน คนที่เขาสัญญาว่าจะดูแลไปชั่วชีวิต คนที่ทำให้เขาไม่อาจมีใครได้ ไม่ว่าจะสิบปีที่ผ่านมาหรือว่าตลอดไป ...คนที่ไม่มีเหี้ยอะไรดี แต่กลับรักสุดหัวใจ

ไม่มีคำตอบจากคนที่รอคอย มีเพียงจูบแสนหวานที่พร่างพรมบนเรียวปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งทำให้คีรินทร์เข้าใจได้มากกว่าร้อยพันคำพูดใดๆ

“ขอบคุณนะ” หลังริมฝีปากร้อนถอนออก คนได้รับมอบจูบหวานๆ ก็เอ่ยคำขอบคุณที่หวานล้ำไม่แพ้กัน

นภนต์ยิ้มรับ ก่อนใบหน้าคมจะเคลื่อนเข้าไปใกล้คนในอ้อมกอด เสียงทุ้มกระซิบแผ่วจนใบหูของคนฟังที่แดงอยู่แล้วได้แดงขึ้นไปอีก

“ทีนี้... เพื่อนกันก็ทำได้ทุกอย่างแล้วใช่มั้ย...”




The end.




สวัสดีค่ะ
มีเรื่องสั้นแนวแอบรักเพื่อนมาฝากกันอีกแล้ววว อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ TT
จริงๆ ตั้งใจจะเขียนให้เสร็จทันเย็นวันศุกร์ ให้เข้ากับเหตุการณ์ในเรื่อง แต่มันไม่ทันง่ะ
ยังไงฝากพ่อจ๋านภนต์กับเสี่ยคีรินทร์ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ : )

ส่วนใครที่ยังอินกับแนวแอบรักเพื่อน
ย้อนวัยไปแอบรักกันไสยๆ (?) ในรั้วมหาลัยกันได้ที่ Sweet Dilemma (เรื่องยาว): http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57204.0

ปล. ฝากเพจคนเขียนด้วยค่า https://www.facebook.com/lykar91




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2017 16:05:59 โดย lykar »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ขอตอนพิเศษรัวๆๆๆๆๆๆๆๆ  :m3:

ออฟไลน์ sunshine538

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
อ่านไปลุ้นไปว่าจะจบแบบไหน 555
สนุกมากค่ะ ขอตอนพิเศษเพิ่มเลยละกันนะคะ
 :call:

ออฟไลน์ RinNam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ความน่ารักนั้น ฉ้านตายยยย อั๊ยย ><

ชอบมากๆๆๆ จะมีอะไรดีไปกว่าใจตรงกันนน

มาขอปูเสื่อรอตอนพิเศษได้ไหมคะ ><

ออฟไลน์ LALYNN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านแล้วก็อยากให้เป็นเรื่องยาวบ้างจังเลยค่ะ
เสี้ยคีย์นี่แอบขี้อ้อนจริงๆ พี่ภนต์ทนมาได้ยังไงสิบปีล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ชอบๆๆๆ ขออีกได้ไหม

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
แค่นี้ยังไม่พอนะค้าา ขออีกกก  :ling1:
ชอบเด็กงอแงกับพ่อภนต์มากก (ถึงจะอายุเท่ากันก็ตาม แต่นุ้งคีย์ดูงอแงวอแว น่ารังแกสุดๆ)  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ต่ออีกนิดดดดได้ไหมคะ โอ๊ยยยยน่ารัก :o8:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 687
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
 :-[ ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ it.the.world

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะรอตอนพิเศษนะคะ อิ้อิ้ นุ้งนัลล้ากกก ขอบคุณนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 408
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
 :o8: ตัลล้ากกกกกกกกกงื้อออน่ารักมากน้อนนนนนนนนคีย์ของแม่

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
คือดีมากกกกก ชอบจงเลย :hao7:

ออฟไลน์ kingkongkaew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ฮืออออ น่ารักมาก อยากอ่านต่อ ไม่เปลี่ยนใจทำเป็นเรื่องยาวเหรอคะ

ออฟไลน์ TrebleBass

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อะฮือ   จบแล้วอ่ะ   :ling1:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
มันหวานแบบซึ้งๆอ่ะ  o13 o13

ออฟไลน์ Bradly

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ต่ออีกนิดนะค้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด