“พี่ครับ ครัวจะปิดแล้ว จะสั่งอะไรอีกมั้ยครับ” พนักงานคนเดิมวนกลับมาถามอีกครั้ง นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนครึ่ง ปกติร้านนี้ปิดตีสอง แต่อาหารคงสั่งได้ถึงแค่ตอนนี้
“มึงเอาไรปะ” เอ่ยถามคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์
“กับข้าวคงม่ายละ” คีรินทร์ตอบเสียงยานคาง “เบียร์อีกสักขวดแล้วกาน”
ภนต์เกือบจะร้องห้าม แต่เห็นวันนี้เด็กดื้อกลายเป็นเด็กดี เขาเลยให้รางวัลมันหน่อย “เบียร์อีกขวดแล้วเช็กบิลเลยครับ”
พอเด็กเสิร์ฟจากไป เขาก็หันมาพูดกับคนรีเควสต์เบียร์ทันที “เมาแล้วมึงอะ”
อีกฝ่ายยู่หน้า “กินให้เมาปะวะ ไม่เมาจะแดกทำมาย”
“ปากดีจริง ถ้าอ้วกกูปล่อยทิ้งนะโว้ย”
โดนขู่มาเลยทำท่าจะขย้อนของเก่าให้ดูเสียเลย
“เฮ่ยๆๆ จะอ้วกจริงปะเนี่ย เหี้ยคีย์!”
“เอิ๊กๆๆ” เสียงหัวเราะสะใจดังแทรกดนตรีสไตล์คันทรีขึ้นมา
“ไม่ต้องกินแล้วมั้ง พอเหอะ”
“พี่ภนนนนนต์ นุ้งคีย์ขออีกสองนะคร้าบบบ”
“เป็นน้องพลับเหรอสัส แดกตีนกูมะ สองข้างพอดี” ไม่พูดเปล่า ภนต์ยังยกอัลตร้าบูทส์คู่โปรดให้เป็นของแถม
“อิอิ อิอิ” คนเมาขำกวนประสาท
เบียร์มาเสิร์ฟ แบ่งได้อีกคนละแก้ว
“รีบแดกๆ จะได้กลับไปนอน”
แก้ววุ้นกลายร่างเป็นแก้วธรรมดาไปแล้ว เหมือนซินเดอเรลลาหลังเที่ยงคืน
“มึงนั่งแท็กซี่กลับคอนโดเลยใช่ปะ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ขณะที่มือก็เปิดกระเป๋าสตางค์เตรียมจ่ายค่าอาหาร
“กูจ่ายเองๆ” คนตรงข้ามร้องห้าม ก่อนบัตรเครดิตจะลอยหวือลงถาดที่พนักงานนำมาวางไว้
คนโดนแย่งจ่ายส่ายหน้า แต่ไม่ขัดศรัทธาเสี่ยคีรินทร์ ไว้เจอกันอีกทีค่อยจ่ายมันคืน ตอนนี้ขี้เกียจเถียง เพราะตนเองก็มึนๆ เหมือนกัน
เบียร์หมดขวด ทิปพนักงานไปยี่สิบแล้วสองหนุ่มก็เดินไต่บันไดลงมาจากร้าน คนซาลงไปแล้ว เหลือไม่กี่โต๊ะที่นั่งกินกันเงียบๆ เสียงเพลงก็หรี่ลงจนเกือบสุด บรรยากาศจากคึกครื้นกลายเป็นเวิ้งว้างสุดใจ
“นี่มันบันไดเดียวกะตอนขึ้นมาปะวะ” เสียงงึมงำของคนที่เดินตามมาทำให้นภนต์ต้องหันไปมอง แล้วก็ต้องใจหายวาบเมื่อคนที่กำลังก้าวขาเกิดเซจะล้มจนเขาต้องคว้าตัวไว้
“นั่งก่อนมั้ย” เอ่ยถามทั้งๆ ที่ใจยังเต้นตุบๆ ดีว่ามือหนึ่งของคนเมาจับราวบันไดไว้แน่น ไม่งั้นคงได้กลิ้งเป็นลูกขนุนกันทั้งคู่
“ไหวๆ ไปเหอะ” ตัวคนจะล้มแทบจะสร่างเมา เมื่อกี๊ถ้าภนต์ไม่รับไว้คงได้มีแข้งขาหักกันบ้าง
ประคองสติตัวเองและประคองคนข้างๆ มาจนถึงหน้าร้านได้สำเร็จ นภนต์ก็ให้คนเมานั่งรอนิ่งๆ ส่วนตัวเองยืนโบกแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน
“ไปเอกมัยใช่ปะ” หันมาถามเพื่อนอีกที ขณะแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดตรงหน้า
“ไม่ๆ เดี๋ยวกูไปเอารถก่อน” ตอบจบคีรินทร์ก็เปิดประตูก้าวขึ้นรถ ก่อนจะร้องอุทานเสียงดัง เมื่อร่างใหญ่ๆ ของเพื่อนกระโจนตามเข้ามา
“พี่ๆ เปลี่ยนไปลาดพร้าว” แขกไม่ได้รับเชิญบอกทางเสร็จสรรพจนคนจะไปเอารถถึงกับเหวอ
“อะไรของมึงเนี่ย ก็ไปเรียกคันอื่นดิ”
“มึงไปนอนห้องกู” เสียงเฉียบทำเอาคนฟังสะดุ้ง แต่ยังใจดีสู้เสือ
“ง่า...แต่กูจอดรถไว้โรงแรมนะ”
“กูรู้ว่ามึงเปิดห้องเปล่าไว้จอดรถ” อีกฝ่ายสวนทันควัน “จะขับให้โดนตำรวจเรียกเหรอ เป่าทีพุ่งไปสามร้อยแล้วมั้ง”
“เมาไม่ขับดีแล้วน้อง ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงเพื่อนร่วมทางเถอะ” อยู่ๆ พี่แท็กซี่ก็พูดแทรกขึ้นมา ซึ่งนภนต์คิดว่าเป็นประโยคการเสือกที่ดีที่สุดแห่งปี
“เนี่ย มึงจะไปขับให้คนอื่นลำบากเหรอ”
พอโดนรุมแบบนั้นคนพยายามเมาแล้วขับเลยนั่งกอดอกเงียบ ดึกๆ แบบนี้รถเริ่มน้อย แต่ที่ติดนานจะเป็นด่านตรวจมากกว่า จริงๆ คีรินทร์ก็แอบคิดว่าดีแล้วที่ไม่ได้ขับรถกลับ และเป็นจริงอย่างที่เพื่อนว่า เขาเปิดห้องของโรงแรมไว้เพื่อจะได้ฝากรถได้ เวลาเครียดๆ เขามักออกมานั่งรถสาธารณะเล่น นั่งไปเรื่อยๆ คล้ายคนไร้จุดหมาย แต่ลึกๆ เขารู้ การเดินทางแต่ละครั้งจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อนภนต์ติดต่อมา
หลายครั้งที่เขาพยายามหาใครที่จะมาเป็นคนรัก ใครที่จะมาอยู่ดูแลกันไปชั่วชีวิต คนแบบที่นภนต์พูดปาวๆ ว่าเขาควรจะมี คนดีๆ ที่จะประคับประคองหัวใจ คนที่จะคอยดูแลในวันที่เจ็บป่วย คนที่เป็นเพื่อนคู่คิดในวันที่มีปัญหา คนที่ชวนกันกินข้าวแกงข้างทางไม่ใช่แค่ร้านหรู น่าแปลกนักที่เขาไม่อาจนึกถึงใคร ...นอกจากตัวคนพูดเอง...
“ถึงแล้วมึง” เสียงเรียกเบาๆ แต่กลับทำให้คนที่นึกอะไรเพลินๆ ต้องสะดุ้ง “แวะเซเว่นก่อนละกัน”
เจ้าของห้องเดินนำไปยังร้านสะดวกซื้อใต้คอนโด
ผู้มาเยือนซื้อแค่แปรงสีฟันอันเดียว เพราะเชื่อว่าที่ห้องของเพื่อนมีให้ยืมหมด ส่วนเจ้าของห้องกลับแบกตะกร้าใส่ของมากมาย
“ซื้อไรเยอะแยะวะ” คีรินทร์ถาม
“ของให้มึงไง”
“ให้กู?”
“เออ กูซื้อแฮ้งกับพวกโจ๊ก ไข่ลวกให้มึงไว้กินตอนเช้า แล้วก็น้ำเปล่าที่ห้องหมดพอดี เลยซื้อมาด้วย”
มองดูของกินในตะกร้าแล้วถอนหายใจ “จริงๆ กูโอเค ไม่ได้เมาขนาดนั้น”
“เอาเหอะ พรุ่งนี้ค่อยขอบคุณกูก็ได้”
“สัส เอามา เดี๋ยวกูจ่ายเอง” แขกของห้องคว้าตะกร้านั้นมาให้พนักงานคิดเงิน ขณะกำลังนับแบงค์ บัตรแทนเงินสดเซเว่นของคนด้านหลังก็แตะลงที่เครื่องตี๊ดบัตรเสียแล้ว
“มึงจ่ายที่ร้านไปแล้ว อันนี้กูจ่ายเอง”
ขี้เกียจจะเถียง คีรินทร์เลยทำได้เพียงหิ้วถุงหนักๆ สามถุงออกมา
ห้องชุดโทนสีเรียบเปิดต้อนรับผู้มาเยือนในเวลาเกือบตีสอง เจ้าของห้องโยนข้าวของเข้าตู้เย็น แล้วหายไปในห้องนอน ก่อนจะกลับออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวและบ็อกเซอร์กับเสื้อยืด
“มึงอาบห้องน้ำข้างนอกก็ได้ ถ้าจะปั่นผ้าก็ที่ระเบียงนะ เดี๋ยวกูอาบในห้องกู”
พยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำตามที่นภนต์ชี้ ดึกขนาดนี้เขาไม่มีอารมณ์จะมาซักผ้าอะไรแล้ว พรุ่งนี้ค่อยขอยืมชุดเพื่อนใส่ แล้วให้มันไปส่งโรงแรม
คิดว่าตัวเองเป็นคนอาบน้ำเร็วแล้วแต่ก็ยังสปีดแพ้ร่างสูงใหญ่ที่นั่งเล่นคอมอยู่บนโซฟาหน้าทีวี
“ทำไร ไม่นอน?” มือหนึ่งใช้ผ้าขยี้ผมเปียกหมาดของตัวเอง อีกมือคว้าโทรศัพท์มาเล่น
“เช็กเมลแป๊บ มึงไปนอนก่อนได้เลย กูเปิดแอร์ไว้ละ” พูดจบเจ้าของห้องก็หันไปจดจ่ออยู่กับหน้าจอแมคบุ๊ก เขาเพิ่งไล่อ่านไลน์ แล้วพบว่าเออีส่งบรีฟมาให้เมื่อสี่ทุ่ม งานนี้เป็นของลูกค้าใหม่ เขาแค่อยากเห็นคร่าวๆ ว่าจะต้องทำอะไร
“เฮ้ย!!” คนตั้งใจทำงานร้องลั่นเมื่อหัวเย็นๆ มาพาดบนตัก มองไปก็เห็นหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ของเด็กโข่งนอนเล่นมือถือสบายใจ
“อะไรของมึง” พยายามผลักหัวไอ้ตัวแสบออก แต่มันก็ยกหัวตัวเองกลับมาใหม่ทุกที
“ก็มึงบอกให้กูนอนได้เลย”
“สัส หมายถึงในห้องนอนมั้ยล่ะ”
“อ้าวเหรอ” แสร้งร้องเสียงแบ๊วจนภนต์ต้องดีดหน้าผากไปที “โอ๊ยยย กูรอมึงก่อนดีกว่า ไม่อยากนอนคนเดียว กลัวผี”
“เหอะๆ กูน่ากลัวกว่าผีอีก บอกไว้ก่อน”
คนบนตักขมวดคิ้ว “ทำไมๆ”
“ก็ไม่ทำไม แต่ระวังจะทำเมีย หึหึ” พูดออกมาหน้าตาเฉย มือก็เลื่อนแป้นเมาส์อ่านบรีฟไปเรื่อย ไม่ทันได้เห็นว่าคนฟังหูแดงแป๊ด
“...ก็ได้นะ” อยู่ๆ คนบนตักก็พูดขึ้น
“ฮะ ว่าไงนะ”
“ก็ได้ไง” เสียงเอ่ยเบาหวิวจนคนที่ตั้งใจว่าจะนั่งทำงานต้องถามย้ำ
“ก็ได้? อะไร?”
“ก็ที่มึงบอกว่า ไม่ทำไม ก็...ทำอย่างอื่นที่มึงบอก...ก็ได้”
คราวนี้คนที่นั่งทำงานได้ชะงักกึก คีรินทร์ลุกขึ้นมานั่งแบบปกติ แต่ไม่ยอมหันหน้ามามองคนที่ตัวเองทำใจกล้าพูดจาทะลึ่งใส่
ถึงไม่ได้เห็นตรงๆ แต่ใบหูแดงๆ นั่นก็ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายพูดจริง ถ้าถามว่านภนต์รู้สึกยังไงตอนนี้ เขาคงตอบอะไรได้ยาก เพราะสมองกลวงเปล่า กลายเป็นไอ้โง่ที่แยกแยะระหว่างความฝันกับความจริงไม่ได้ขึ้นมา
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไร คีย์ เมาใช่มั้ย” เสียงดุเอ่ยทำลายความเงียบ
“ไม่ได้เมา” คนที่ยังไม่ยอมสบตาตอบกลับ
“อยากลองใจกูเหรอ” มือหนาปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วหันไปหาคนข้างๆ เต็มตัว “กูบอกแล้วว่ากูน่ากลัวกว่าผีนะ”
คีรินทร์หัวใจเต้นตุบๆ ไปด้วยความกลัว เขาไม่กล้าหันไปมองนภนต์ ไม่กล้าสบตา เพราะไม่อยากเห็นสายตาเย็นชาที่เต็มไปด้วยคำว่าเพื่อน
“คีย์” อีกฝ่ายเรียก
เมื่อเจ้าของชื่อไม่ยอมตอบรับ เขาเลยใช้สองมือจับใบหน้าของคนขี้ขลาดให้หันมาเอง
พยายามหลบตา แต่ก็ไม่อาจฝืนแรงมือหนาที่ล็อกคางตัวเองไว้ ทันทีที่สบกับตาคม คีรินทร์ก็ต้องแปลกใจที่ได้เห็นแววตาไหวระริกซึ่งเต็มไปด้วยความสับสน...
“ชอบกูเหรอ หรือแค่อยากลอง” น้ำเสียงราบเรียบราวกับคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ แต่หัวใจคนพูดกำลังแห้งผากพร้อมจะแตกเป็นเสี่ยงได้ทุกวินาที ...ไม่ต่างจากหัวใจคนฟัง
คีย์เอื้อมมือแตะไหล่คนตรงหน้า “ที่มึงให้หาคนที่ดีพอน่ะ...กูเจอนานแล้ว...”
เรื่องที่ร้านเหล้าถูกเอ่ยถึงขึ้นมาอีกครั้ง เสียงแหบพร่าหยุดไปครู่หนึ่งคล้ายคนพูดกำลังกลืนก้อนสะอื้นลงคอ “แต่แม่งเสือกเป็นเพื่อนที่กูรู้จักมาสิบปี ไอ้เหี้ยเนี่ย...กูป่วยแม่งก็พาไปหาหมอ...กูทำสไลด์ไม่ผ่านก็ช่วยกูแก้ อยากกินข้าวผัดไข่ที่เยาวราชมันก็บ้าไปด้วยกัน ...อกหักแม่งก็ทิ้งทุกอย่างมานั่งแดกเบียร์ด้วย รู้จักทุกซอกชีวิตกูแบบที่กูไม่ต้องพูด ...นั่นแหละ ไอ้เหี้ยที่กูรักอะ แม่งดีจนเกินพอ แต่กูคงไม่มีอะไรดีพอสำหรับมัน...มึงว่ามั้ย”
นภนต์ตัวชาดิกกับคำสารภาพที่ไม่คิดว่าจะมีวันได้ยิน คนที่ย้ำกับตัวเองเสมอว่าคือเพื่อน คนที่เขาสัญญาว่าจะดูแลไปชั่วชีวิต คนที่ทำให้เขาไม่อาจมีใครได้ ไม่ว่าจะสิบปีที่ผ่านมาหรือว่าตลอดไป ...คนที่ไม่มีเหี้ยอะไรดี แต่กลับรักสุดหัวใจ
ไม่มีคำตอบจากคนที่รอคอย มีเพียงจูบแสนหวานที่พร่างพรมบนเรียวปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งทำให้คีรินทร์เข้าใจได้มากกว่าร้อยพันคำพูดใดๆ
“ขอบคุณนะ” หลังริมฝีปากร้อนถอนออก คนได้รับมอบจูบหวานๆ ก็เอ่ยคำขอบคุณที่หวานล้ำไม่แพ้กัน
นภนต์ยิ้มรับ ก่อนใบหน้าคมจะเคลื่อนเข้าไปใกล้คนในอ้อมกอด เสียงทุ้มกระซิบแผ่วจนใบหูของคนฟังที่แดงอยู่แล้วได้แดงขึ้นไปอีก
“ทีนี้... เพื่อนกันก็ทำได้ทุกอย่างแล้วใช่มั้ย...”
The end.สวัสดีค่ะ
มีเรื่องสั้นแนวแอบรักเพื่อนมาฝากกันอีกแล้ววว อย่าเพิ่งเบื่อกันนะ TT
จริงๆ ตั้งใจจะเขียนให้เสร็จทันเย็นวันศุกร์ ให้เข้ากับเหตุการณ์ในเรื่อง แต่มันไม่ทันง่ะ
ยังไงฝากพ่อจ๋านภนต์กับเสี่ยคีรินทร์ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ : )
ส่วนใครที่ยังอินกับแนวแอบรักเพื่อน
ย้อนวัยไปแอบรักกันไสยๆ (?) ในรั้วมหาลัยกันได้ที่ Sweet Dilemma (เรื่องยาว):
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57204.0ปล. ฝากเพจคนเขียนด้วยค่า
https://www.facebook.com/lykar91