ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 23 (ตอนจบ nc ) ***
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 23 (ตอนจบ nc ) ***  (อ่าน 9036 ครั้ง)

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
*****************************************************************************************




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-08-2019 14:32:59 โดย ringofblue »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ข้างๆรัก ตอนที่ 8 สงสัย
«ตอบ #1 เมื่อ19-07-2017 23:33:34 »

นนท์ บลู  :mew1: :mew1: :mew1:

นนท์ ปมครอบครัวแตกแยก แม่สร้างปัญหาไว้
น่าจะปัญหาหนี้สินหรือเปล่า
แล้วก็ทังครอบครัว ไปมีสามีใหม่
ตอนนี้กลับมาพร้อมกับขอความช่วยเหลือจากลูก
นนท์ เย็นชากับแม่ และไม่ใส่ใจ ไม่ช่วยเหลือ
ก็แม่ทำตัวเอง แล้วกลับมาขอความช่วยเหลือจากลูกที่ตัวเองทิ้งไปอยูกับสามีใหม่
แม่แบบนี้ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่เข้าใจแม่แบบนี้จริงๆ

บลู จิตใจดี งานตัวเองแทบไม่ได้ทำ
เพราะหัวหน้าเอางานตัวเองมาให้ทำ
เวลาบอสด่า เก็บปากเงียบไม่ช่วยลูกน้อง ทั้งที่ลูกน้องทำงานให้ดึกๆดิ่นๆ
นายแบบนี้ห่วยแตก เอาเปรียบลูกน้องสุดๆ คนแบบนี้น่ถูกฟ้าดินลงโทษ

เทพ เพื่อนรุ่นน้อง เห็นความอยุติธรรม ช่วยเหลือ บลู
ให้เพื่อนๆแบ่งเบางานบลู โดยแลกกับความลับของเพื่อนร่วมงาน
รอตอนต่อไปนะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
วันนี้มาอ่านอีกครั้งแล้วกลับไปดู MVเป็นทุกอย่าง แล้วมันDownมาก อยากร้องให้มันอึดอัดอัดอั้นทำไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ มันเจ็บปวดมากนะที่ทำไรไม่ได้แม้แต่หวังยังหวังไม่ได้ .....เธอคือโลกทั้งใบของเราแม้ว่าเราจะไม่ใช่โลกของเธอ

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

แหวนสีนำ้เงินแวะมาบอก......

ตอนใหม่ยังไม่มีเวลาปั่นเลยค่ะห่างหายไปเป็นเดือนช่วงนี้งานรุมเร้า....ขอบคุณยอดยิวที่เพิ่มขึ้นทุกวันคิดว่ายังมีคนอ่านอยู่เนอะจพยายามเคลียร์ทุกอย่างแล้วมาปั่นต่อเด้อ......./อ่านวนตอนเก่าๆไปก่อนเด้อเพราะไรท์ก็อ่านเหมือนกันเลยรู้ว่าเนื้อหามันหายไปแฮ่ๆๆๆ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ สีหราช

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-1

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก*****รอแก้ไข***
«ตอบ #7 เมื่อ21-04-2019 11:38:58 »

   ******   ตอนนี้บลูกำลังแก้ไขเรียบเรียงใหม่นะคะ เนื้อหาทั้งหมดอาจมีการแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง
เพื่อให้สนุกขึ้น(รึเปล่า...อิอิ) ขอบคุณทุกยอดวิว เมนต์ทุกเมนต์ ที่มีความสุขกับนนท์บลู หวังว่าทุกคนจะติดตามนนท์บลูกันต่อไปค่ะ ^ __ ^

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก**(แก้ไข) ตอนที่ 1
«ตอบ #8 เมื่อ07-07-2019 15:51:01 »

นนท์บลู....ข้างๆรัก

เพื่อนสนิท เพื่อนรัก คนพิเศษ คนที่ในชีวิตนี้ขาดไม่ได้
สายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นและยาวนาน
       " บลู "
รักก็คือรัก แม้ว่านายไม่รู้ว่าเรารักแต่เราก็มีหน้าที่รักและหวังดีกับนายตลอดไป
 
       " นนท์"
ความรักที่เปราะบางอาจแตกหักได้ทุกเมื่อ  ความสัมพันธ์ที่ดีของคนเราอาจถูกตัดขาดได้เพราะความรัก




....................................................................

“ นนท์เลิกงานยัง แล้วจะมาหามั๊ย  ….เปล่าๆ ถ้ามาก็จะรอไง เห็นบอกว่าเมื่อเช้าจะแวะมาเลยถาม”
“ ”
“ งั้นเรากลับก่อนก็ได้ อือ แล้วค่อยเจอกัน”เสียงสนทนาประโยคที่ยืดยาวของเขาจบลงพร้อมอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก ผิดหวังเหรอ ไม่รู้สิ น้อยใจมั๊งก็อาจจะใช่ เสียใจรึเปล่ามันก็ไม่ถึงขนาดนั้น มันอาจจะป็นแค่…..
…..เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพร้อมๆกับท่าทางเซ็งๆของใบหน้าที่เหนื่อยหล้ามาทั้งวันแต่พอมองเห็นชื่อที่หน้าจอโทรศัพท์ใบหน้าเดิมกลับยิ้มขึ้นมาอย่างสดใส ซึ่งก็เป็นคนเดียวกับที่เพิ่งวางสายไปเมื่อซักครู่นั่นเอง

….อือ .   นนท์ ว่าไง
“ บลู กลับยัง”
“ ยัง กำลังเก็บของจะกลับแล้ว ว่าไง” 
“เราเปลี่ยนใจแล้ว เดี๋ยวเราแวะไป”
“ อือ มาสิ เรารอยุนี่แหละ “
“ โอเค งั้นแปบหนึงนะ”
เพียงแค่นี้ใจที่ห่อเหี่ยวก็เบ่งบานอีกครั้ง


                     บลู ชายหนุ่มวัย 26 ปี รูปร่างสมส่วนแบบชายไทย ถ้าเทียบมาตรฐานกับผู้ชายทั่วไปแล้วเขาน่าจะเป็นผู้ชายประเภทกลางๆ อะไรก็กลาง  ส่วนสูงกลางๆ หน้าตากลางๆ ไม่ได้โดดเด่น  ออกจะไปทางน่ารักด้วยซ้ำเพราะมีลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้าง แถมผิวขาวอีกต่างหาก ใครเห็นก็เอ็นดู  แต่บุคลิกส่วนตัวมุ่งมั่นตั้งใจถ้าจะทำอะไรก็ต้องทำให้สำเร็จ เข้ากับคนง่ายแต่ไว้ใจคนอื่นยากมักมีเขตปลอดภัยให้ตัวเองเสมอ เรียกง่ายๆก็โลกส่วนตัวสูงนั่นแหละ มักเก็บความลับได้ดีเพราะคิดว่าเรื่องไหนที่ไม่เกี่ยวข้องกับใครก็ไม่ควรรู้     ปล่อยให้เป็นเรื่องของแต่ละคนไป แต่ความคิดนี้ก็มีข้อยกเว้นเสมอกับบางคน
“นนท์  มาแล้วเหรอ ” 



                       
                           นนท์ ชายหนุ่มวัยเดียวกัน เพื่อนสนิทตั้งแต่มัธยม ร่างสูงโปร่งอาจจะเกินมาตรฐานชายไทยนิดหน่อย ผิวขาว จมูกคม ตาชั้นเดียวที่เจ้าตัวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะมันทำให้ใบหน้าลดความเข้มลง บุคลิกมั่นใจในตัวเองสูงมาก แต่ก็รู้จักกาลเทศะ จิตใจดี ฉลาด หลักแหลม  แต่ก็แก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง  สรุปง่ายๆรูปหล่อพ่อรวย  เพราะพ่อเป็นคนว้างขวาง  หน้าที่การงานใหญ่โต ไม่มีใครไม่รู้จัก สาวๆคนไหนเห็นเป็นต้องเหลียวมองซ้ำ แต่ชอบทำตัวง่ายๆสบายๆ มักขัดคำสั่งพ่อเสมอ   ทำงานสายเดียวกันแต่อยู่คนละหน่วย งานคล้ายกันแต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน     แต่ทั้งสองจะรู้สถานการณ์ของแต่ละคนเสมอ

“เฮ่อ เหนื่ออ่ะ แล้วก็หิวด้วย ตอนเที่ยงกินนิดเดียวเอง ” ชายหนุ่มผู้เพิ่งมาเยือนพูดพร้อมกับทิ้งตัวลงที่โซฟารับแขกหน้าห้องทำงานของเขาอย่างหมดแรง

“งั้นเราเก็บของแป๊บ แล้วไปกินข้าวกัน”

“ อ้าว นายไม่กลับบ้านเหรอ วันนี้ไม่มีงานค่ำหนิ”

“ตอนแรกก็ว่าจะกลับ แต่นายมาอยากกินข้าวด้วย เลยเปลี่ยนใจไม่กลับ พรุ่งนี้ค่อยกลับก็ได้” บลูตอบคำถามทำให้อีกคนยิ้มพอใจในคำตอบ

“งั้น ไปเถอะ หิวแล้ว”ทั้งสองเดินออกจากตึกชั้นเดียวอันเงียบสงบอายุหลายปีแต่ดูแลรักษาให้น่าอยู่เสมอ และมีอุปกรณ์ทันสมัยมากมาย อยู่ในบริเวณพื้นที่กว้างขวาง เพื่อไปยังร้านอาหารที่อยู่อีกฟากถนนของตึก

“ วันนี้จริงๆก็ไม่อยากกลับบ้านหรอก ขี้เกียจฟังพ่อบ่น”

“ท่านก็บ่นเพราะเป็นห่วง  นายก็อย่าทำให้ท่านเป็นห่วงสิ”

“เฮ้ย เรายังไม่ได้ทำไรเลยนะ ก็ทำเหมือนปกติอ่ะ  แต่ช่างเถอะ กินข้าวดีกว่า” บทสนทนาถูกหยุดลงเมื่อทั้งสองเดินมาถึงร้านขายอาหารที่ทั้งสองมาประจำหรืออีกอย่างคือไม่รู้จะไปที่ไหนมากกว่าเพราะเมืองเล็กๆแห่งนี้และเวลาค่ำๆแบบนี้ข้าวก็มีแต่ที่ร้านนี้เท่านั้น  ส่วนอาหารชนิดอื่นก็คงไม่พ้นประเภทเส้น และของกินเล่น  บังคับเลือกจริงๆ สินะเนี่ย


“ กินไรดีอ่ะ ” บลูถามอีกฝ่าย
“คิดไม่ออก แต่ก็ไม่รู้จะคิดทำไม ก็กินอยู่แต่เดิมๆ” อีกฝ่ายตอบแบบไม่คิด
“’เอาเหมือนเดิมนะ” อีกฝ่ายส่ายหัวเบาๆเรื่องอื่นนี่คิดมากจริงแต่เรื่องนี้ต้องเป็นเค้าสิที่เป็นฝ่ายเสนอออกความคิดเห็นเวลาไปทานข้าวด้วยกัน


“เอาอะไรจ๊ะ พ่อรูปหล่อทั้งสอง” เสียงเจ้าของร้านหน้าตายิ้มแย้ม รูปร่างค่อนไปทางอวบถามขึ้น บ่งบอกถึงความคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“เหมือนเดิม  2 ครับเจ้  ” ชายหนุ่มผู้มีหน้าตาน่ารักตอบ
“ กินอย่างเดียวตลอดเลย เจ้ก็ทำอย่างอื่นเป็นเหมือนกันนะจ๊ะ ไม่ใช่ทำเป็นอย่างเดียว” เสียงเจ้าของร้านพูดกลั้วหัวเราะ

“ก็ชอบอันนี้นี่ครับ แล้วเมนูนี้เจ้ก็ทำอร่อยที่สุดร้านอื่นสู้เจ้ไม่ได้”
“แหมๆ ปากหวานจังหล่อแล้วยังปากหวานอีกนะเนี่ย เดี๋ยววันนี้ให้เยอะๆเลย เจ้ใจดี ” คนพูดพออกพอใจกับคำตอบไม่นานอาหารก็

“ได้แล้วจ้า  กะเพราหมูสับใส่ผักบุ้ง เจ้แถมให้ไข่เจียวหอมๆอีกคนละใบ” เจ้าของร้านลงทุนยกมาให้ถึงโต๊ะเองถึงแม้จะเป็นเมนูธรรมดาๆที่หากินได้ทั่วไปหรือเมนูสิ้นคิดแต่สำหรับพวกเค้าทั้งสองมันเป็นสิ่งที่ชอบและรู้สึกว่าต้องกินถ้ามาด้วยกัน

“นี่ กินได้แล้วมัวแต่หัวเราะ ไหนว่าหิวมาก”บลูถามอีกฝ่าย
“ กินแล้วคร้าบ หัวเราะลูกน้องของเจ้อ่ะ แอบมองบลูพอเราหันไปเจอสะดุ้งจนทัพพีหล่นจากมือ” อีกฝ่ายพูดไปเคี้ยวข้าวไป ดูอารมณ์ดี

“ เค้ามองนายมากกว่า เราอยู่ที่นี่ตลอดไม่เห็นเค้ามองเลย พอนนท์มาเค้าถึงสนใจ”

“ ช่วยไม่ได้คนหน้าตาดี ไปไหนต้องเป็นจุดสนใจอยู่แล้ว    ทำใจนะมีเพื่อนหน้าตาดี ฮ่าๆๆๆ” อีกฝ่ายก็ตอบอย่างพอใจแถมหัวเราะเสียงดัง ให้คนฟังได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ ในเมืองเล็กๆแห่งนี้หน้าตาแบบนี้ก็ค่อนข้างจะเป็นที่สนใจเป็นธรรมดา

“ คุณบลู กินข้าว  เหม่อไร เรากินหมดจะต่อจานที่สองแล้ว ” ความคิดเป็นอันหยุดลงเมื่อมีเสียงเรียกชื่อตัวเองพร้อมกับจานข้าวอีกจานที่มีข้าวเต็มควันลอยกรุ่นอยู่

“ วันนี้คุณชายนนท์ไปอดอยากมาจากไหนทำไมถึงตั้งหน้าตั้งตากินซะขนาดนี้ ”
“ก็ตอนเที่ยงที่ทำงานเค้ากินก๋วยเตี๋ยวกัน มันไม่อร่อยอ่ะเลยกินนิดเดียว มันไม่อยู่ท้อง”

“งั้นรีบๆกินเลย จะได้กลับบ้าน เดี๋ยวพ่อบ่นอีก”
“ รับทราบครับ”
“นี่ๆนนท์  สาวๆโต๊ะข้างๆอ่ะมองใหญ่เลย รู้จักกันปะ” บลูกระซิบถามอีกฝ่ายทำให้ชายหนุ่มผู้เป็นเป้าหมายต้องหันกลับไปมองโต๊ะที่อยู่ข้างๆพอสบสายตาสาวเจ้าก็หลบตาก้มหน้ายิ้มอายๆ จนชายหนุ่มส่งยิ้มมีเสน่ห์ส่งไปให้แล้ววกกลับมาหาคู่สนทนาของตัวเอง


“ เราบอกแล้วคนหน้าตาดีก็งี้ บลูต้องทำตัวให้ชิน มีเพื่อนหล่อ” คนพูดยักคิ้วหล่อให้อีกหนึ่งที อย่างนี้สิเค้าเรียกโปรยเสน่ห์ของจริง
“ ครับรับทราบครับ กระผมจะจำไว้และทำตัวให้ชินครับ ” อีกฝ่ายรับคำอย่างตั้งใจประชด ทำให้อีกฝ่ายหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่รู้สึกว่ามีเพื่อนที่ดีก็แบบนี้ พูดเล่นได้อย่างสบายไม่ต้องคอยวิตกกังวล

“เออ ทำไมบลูทำหน้าเครียดๆอ่ะ ตั้งแต่ตอนอยู่ที่ทำงานแล้ว” อีกฝ่ายเพิ่งนึกได้ว่าตั้งแต่เจอกันเพื่อนของเขาหน้าตาไม่ค่อยสดใสแถมยังมีสีหน้าเหนื่อยคงจะเจองานหนักอีกหล่ะสิท่า

“เรื่องเดิมๆแหละ ทำงานไปผลงานไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด เราก็ไม่รู้จะบอกยังไง พูดไปเค้าก็ไม่ฟัง เรามันเป็นผู้ปฏิบัตินิ ” อีกฝ่ายตอบอย่างเหนื่อยหน่าย

“เอ้าเค้าก็รู้นี่ว่าส่วนของบลูอ่ะมันทำยาก จะเอาอะไรนักหนา มันไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่ทำได้ มันต้องมีหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ”
อีกฝ่ายขึ้นเสียงเข้ม ท่าทีไม่พอใจที่เพื่อนโดนหัวหน้าตำหนิเรื่องเดิมๆซ้ำ ซึ่งใครๆก็รู้ว่างานส่วนนี้มันยากแล้วก็ไม่มีใครอยากทำจนต้องทำการจับสลากกันว่าใครจะเป็นคนได้ทำ ซึ่งก็ผลมาตกที่เพื่อนเค้านี่ไง คนที่ตั้งใจทำงานแต่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนๆเดียวต้องมีหลายๆอย่างมาประกอบกันรู้ทั้งรู้ว่ามันยากยังจะว่าอีกดีเท่าไหร่แล้วที่ทำได้ขนาดนี้ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนเค้าจะมีใครทำได้ขนาดนี้มั๊ย

“ ช่างมันเถอะนนท์  เราคงไม่เก่งจริงๆแหละ ถ้าคนอื่นเค้าทำคงทำได้ดีกว่านี้ ” อีกฝ่ายตอบอย่างเหนื่อยหน่าย

“นี่ถ้าไม่ใช่บลูนะป่านนี้เละไปถึงไหนๆแล้ว ดูสิว่ามีใครอยากทำบ้างเห็นมีแต่คนปฏิเสธไม่ใช่เหรอ ” อีกฝ่ายยิ่งฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดมากขึ้น

“ เฮ้ย นายใจเย็นก่อน เราไม่เป็นไรหรอก”
“ นายก็แบบนี้ทุกที แล้วเป็นไงตัวเองเหนื่อยคนเดียวไม่เห็นหัวหน้ามันจะมาเหนื่อยด้วยเลย”

“เอาน่าไม่เป็นไรหรอก ” บลูตอบพลางยิ้มทำให้คนกำลังฉุนเฉียวขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย
“ นี่แล้วยิ้มทำไม แทนที่จะโมโห” นนท์ถามขนาดเขาเองไม่ได้รับผลกระทบยังเป็นเดือดเป็นร้อนแทน  แต่อีกฝ่ายกลับยิ้ม หัวเราะอยู่ได้

“ ก็เราขำนายนั่นแหละ โมโหแทนเราจนลืมกินข้าว แล้วทำหน้าเข้มเสียงเข้มด้วย รู้มั๊ยน้องผู้หญิงโต๊ะนั้นตกใจเลย” บลูพูดพลางพยักหน้าไปทางโต๊ะที่มีสาวๆนั่งมองอยู่เมื่อครู่แต่ตอนนี้ก้มหน้าก้มตาตักข้าวในจานของตัวเองไม่กล้าหันมามอง

“ เอ่อ ก็เราโมโหอ่ะ ทำไงได้ ” คนตอบเบาเสียงลงให้ได้ยินกันสองคน
“ งั้นยิ้มหล่อๆ อย่าทำหน้าเข้ม น้องเค้าจะได้ไม่กลัว”
“ ไม่ยิ้มก็หล่อนะ หน้านิ่งก็หล่ออีกแบบ”

“ อืม เอาเถอะ รีบๆกินจะได้กลับบ้าน พ่อโทตามไม่รู้ด้วย ทีนี้โดนบ่นยาวเลย”

“ อย่าพูดดิ นายพูดแบบนี้ทีไรเป็นแบบที่พูดทุกที ” อีกฝ่ายทำตาโตเพราะจำได้ว่าถ้าบลูพูดครั้งไหนต้องโคนพ่อบ่นจนได้ ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง ขนาดเขาลืมซื้ออาหารให้หมายังบ่นได้เป็นวันๆ ทุกวันนี้ยังสงสัยอยู่ว่าพ่อรักหมามากกว่าลูกอย่างเขาเสียอีก แต่ก็อย่างว่าแหละเขาเองมันลูกนอกกรอบชอบทำตัวขัดคำสั่งพ่อตลอดพ่อบอกซ้ายเค้าไปขวา พ่อบอกข้างบนเค้าลงข้างล่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยทำเรื่องเสียหายให้พ่อต้องทุกข์ใจ

“ เออๆ ไม่พูดแล้วรีบกินเลย” บลูหยุดอารมณ์อีกฝ่ายไว้แค่นั้น ถ้าพูดไปคงยาวกว่านี้อีกเรื่อยๆคืนนี้คงต้องดึกกว่านี้แน่เพราะดูท่าอีกฝ่ายคงไม่อยากกลับจริงๆ         ไม่รู้อะไรนักหนากับเพื่อนคนนี้อยู่ข้างนอกดูร่าเริงสดใส มั่นใจในตัวเองสูงแต่พอวกกลับเข้าบ้านต้องมีสีหน้าเบื่อหน่ายตลอดอย่างที่บลูก็พอรู้ตื้นลึกหนาบางของครอบครัวอีกฝ่ายเหมือนกันแต่เลี่ยงที่จะพูดถึงทุกครั้งและปล่อยผ่านไป  ถ้าถามว่าทำไมเหตุผลเดียวคือเขาไม่อยากให้คนๆนี้เสียใจกับเรื่องครอบครัวอีกต่อไปแล้ว คนๆนี้ควรพบกับความสุขในชีวิตของตัวเองซักที


********
บลูแก้ไขเนื้อหาตัดต่อบางส่วนนะคะ สำหรับคนที่เคยอ่านกันมาขอบคุณมากที่อ่านทุกยอดวิวนะคะ

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #9 เมื่อ07-07-2019 20:03:43 »


 “บลูอยากกินอะไร ” นนท์ถามเพื่อนถึงเมนูที่จะทานด้วยกันตอนเย็น ขณะนี้พวกเขากำลังอยู่ในห้างสรรพสินค้าขนาดย่อมประจำเมืองที่มีวัตถุดิบให้เลือกสรรค่อนข้างหลากหลายและครบครัน

“นายทำ? ” คนต้องตอบกลับเอียงคอมองแล้วตั้งคำถามกลับมาแทน

“แน่นอนสิ บอกแล้วจะทำให้กิน ” เย็นวันจันทร์หลังเลิกงานที่วันนี้พวกเขาทั้งสองว่างไม่มีงานต่อตอนเย็น   
ทั้งสองจึงนัดเจอกันจากที่ไม่ได้เจอหลายวันเพราะงานยุ่งทั้งสองคน    ซึ่งมีคนหนึ่งต้องทำงานทุกอย่างรวมทั้งรักษาการหัวหน้าด้วยเนื่องจากหัวหน้าตัวจริงอาศัยเวลาว่างแอบแวบไปจัดการธุระของตัวเอง     ที่ไม่เกี่ยวกับงานเลย  ลูกน้องอย่างเขาก็แอบเซ็งแต่ทำอะไรไม่ได้ และอีกคนที่เร่งทำงานให้ถึงเกณฑ์โดยมีหัวหน้าของตัวเองคอยตรวจสอบเช้าเย็นงานนี้บอกเลยว่าถ้ารอดไปได้ก็ไม่มีอะไรในโลกที่โหดร้ายกว่านี้อีกแล้ว


“ งั้นคนทำอยากทำไรหล่ะ คนกินๆได้ทุกอย่าง ระดับนี้ไม่มีปฏิเสธ   ” ถามกลับมาอีกแล้วให้คนทำต้องคิดหนักเพราะทุกทีที่ทานข้าวด้วยกันมีแต่บลูเท่านั้นที่เป็นคนเสนอเมนู    ส่วนเขาเหรอก็เป็นคนกินกับคนทำให้ไง ดูๆแล้วมันอาจจะกลับกัน  จากหน้าตาเขาอาจจะคมเข้มเฉียบขาดดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่อารมณ์เข้าครัวทำอาหารแต่ทำได้แม้อาจไม่ดีแต่รับประกันเวลาทำแล้วไม่มีใครติก็แล้วกัน      ผิดกับอีกคนที่ดูเหมือนจะน่ารักอ่อนโยนกว่าแต่ทำกับข้าวไม่ค่อยเก่งเพราะอยู่บ้านบลูไม่ต้องทำอาหารเองมีพ่อแม่ทำให้ตลอดคนเป็นลูกมีหน้าที่กินเท่านั้นถึงได้หน้ากลมแบบนี้ไง      ส่วนเขาก็ช่วยเหลือตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆรวมทั้งเรื่องกินด้วยกลายเป็นความเคยชินของเขาที่ต้องดูแลตัวเองและเพื่อนสนิทคนนี้ด้วยเวลาอยู่ด้วยกัน

“ หิวแล้วอ่ะเอาที่เร็วๆแล้วกัน   ”
“เราเป็นคนเลือกวัตถุดิบ นายทำแฟร์ดี  ” บลูผู้ต้นคิดเมนูพูดขึ้นมาพร้อมกับเข็นรถเดินไปฝั่งอาหารสด งานนี้คุณพ่อครัวได้แต่เดินตามต้อยๆนึกเดาในใจจากวัตถุดิบที่อีกฝ่ายเลือกมา คุณหนูบลูเพื่อนรักไหนบอกเมนูง่ายๆ

“ โอ้โห ที่ห้องมีปาร์ตี้กันเหรอซื้อไรมาเยอะแยะอ่ะ ” เพื่อนบ้านห้องข้างล่างติดทางเดินถามขึ้นเมื่อมองเห็นพวกเขาที่กำลังช่วยกันถือของพะรุงพะรังกำลังเดินขึ้นบันไดห้องพัก   ซึ่งเป็นห้องพักสวัสดิการของหน่วยจัดให้กับพนักงานได้พัก      มีทั้งหมดสี่ชั้นและห้องของบลูอยู่ชั้นสี่งานนี้มีลิ้นห้อยอ่ะลำพังเดินขึ้นเฉยๆยังเหนื่อยนี่ต้องแบกของกันอีกคนละกี่กิโลวะ นนท์คิดในใจ

“ไม่มีหรอกพี่ พอดีของที่ห้องหมดน่ะผมเลยซื้อมาเยอะ  มีคนช่วยขนด้วยใช้แรงงานซะเลย ” บลูหันไปตอบคำถามเพื่อนบ้าน นนท์หันไปพยักหน้าเป็นการสวัสดีเพราะมือทั้งสองไม่ว่างงานนี้วางไม่ได้ด้วยเดี๋ยวเสียสมดุล

“ โหนึกว่ามีจะได้ไปแจมซักหน่อย วันนี้พวกนั้นไปเตะบอลกันหมด พี่ขี้เกียจไปเลยเซ็งอยู่คนเดียวเนี่ย ” พี่เพื่อนบ้านตอบท่าทางเสียดายจริงจัง  บลูหัวเราะน้อยๆ แต่ไม่พูดอะไร   ปกติพี่เขาจะมีเพื่อนๆร่วมแกงส์กันห้าหกคนจะชอบมาปูเสื่อกระดกน้ำสีๆที่ทางเดินหน้าห้องอย่างไม่เกรงใจใครเพราะชั้นนี้ก็เป็นห้องของพวกพี่แกทั้งหมดนี่ยังไงหล่ะ

“ไปก่อนนะพี่ ผมไม่ไหวแล้ว ”
“ไปเถอะดูจากสภาพแล้วน่าจะหนักใช่ย่อย ”
“ไอ้บลูเอ้ยเห็นเพื่อนตัวใหญ่แข็งแรงแฮนซั่มขนาดนี้ก็ให้มันแบกของอย่างหนัก ” คำพูดบอกให้ไปแต่ยังมิวายชวนคุยเหมือนเดิม

“มันไม่ได้ใช้ผมหรอกพี่ มันบอกขนหลายๆรอบแต่ผมขี้เกียจเดินขึ้นเดินลงเลยรวบมาครั้งเดียวจบ ”นนท์ตอบพลางเดินขึ้นบันไดโดยมีเสียงของเพื่อนรุ่นพี่ร้องตามมา

“  เฮ้ยๆถ้ามีปาร์ตี้อย่าลืมเรียกนะโว้ย    ไม่เรียกโกรธจริงด้วย” น่านมีการขู่กูด้วย นนท์คิดในใจ    หึๆจะเรียกทำไมพี่เข็ดไปจนตาย   ก็คราวที่แล้วพี่แกพูดแบบนี้เป๊ะด้วยความเป็นน้องใหม่ก็ชวนตามมารยาทรุ่นน้องที่น่ารัก แต่พี่แกเป็นรุ่นพี่น่ารักยิ่งกว่าแถมมีน้ำใจกับคนอื่น      ยกเว้นคนชวนอย่างกูนี่แหละ แม่งชวนมาทั้งโขยงจากของกินที่ซื้อมาเผื่อสองคนกินพอดีและกักตุนไว้เป็นเสบียงแต่พี่แกเล่นล่อหมดแถมลำบากต้องออกไปซื้อให้อีก ผู้ชายแมนๆทั้งโขลง         กินเหล้ากับแกล้มพร้อมงานนี้ไม่สว่างไม่เลิก แถมต้องได้หิ้วแต่ละคนลงมาที่ห้องจากชั้นสี่มาชั้นหนึ่งทีละคนงานนี้มีหอบครับไอ้นนท์ไม่อยากจะคิดแล้วสภาพห้องหลังจากนั้นเหรออย่าเรียกว่าห้องเลยครับมันไม่สามารถบรรยายได้จริงๆ ขอให้ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิตเลยทีเดียว

“ ไม่มีหรอกพี่ พี่ก็รู้ว่าไอ้บลูมันไม่ค่อยถูกกับแอลกอฮอล์ ” นนท์ตอบตามความจริง บลูดื่มได้นิดหน่อยแต่ด้วยความที่ไม่ค่อยดื่มทำให้คออ่อนมาก แก้วเดียวอาจจะน็อกได้ทันทีหากร่างกายวันนั้นไม่ได้พักผ่อนมา ส่วนเขาเหรอก็น้องๆพวกพี่ๆเขานั่นหล่ะ






“อร่อยอ่ะ ทำให้กินบ่อยๆนะ ” บลูบอกพ่อครัวใหญ่ที่ฝีมือยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิม

“แล้วแต่อารมณ์ครับ วันไหนอารมณ์ดีก็ทำวันไหนไม่ก็อดนะครับคุณหนูบลู ” พ่อครัวตอบกลับมาอย่างกวนๆ

“ ภาวะนาขอให้ท่านพ่อครัวใหญ่อารมณ์ดีบ่อยๆนะครับกระผมจะได้โชคดีบ่อยๆ ” พูดพลางเก็บของไปพลางนานแล้วพวกเขาไม่ได้มีบรรยากาศแบบนี้ก็อย่างที่บอก  พอโตขึ้นหน้าที่การงานก็เยอะขึ้น ยุ่งมากขึ้น เหนื่อยมากขึ้นแต่ถามว่าได้คุยกันมั้ยแน่นอนคุยทุกวัน     บางทีก็คิดว่าเราหาเรื่องอะไรมาคุยกัน จนบางครั้งคนอื่นก็ยังสงสัยมันมีเรื่องอะไรคุยกันหนักหนา

“ เฮ้ยถามจริง ในชีวิตพวกมึงมีเพื่อนกันอยู่สองคนนี้เหรอ  ”พี่คนหนึ่งเขาถามขึ้นอย่างสงสัย 
“ กูเห็นพวกมึงคุยกันอยู่สองคนเนี่ย ไปไหนมาไหนไม่เห็นมีเพื่อนคนอื่นเลย เป็นแบบไม่คบเพื่อนหรือเพื่อนไม่คบวะ ”

“ โหพี่ พวกผมก็มีเพื่อนคนอื่นๆครับแต่พวกนั้นมันไม่ค่อยกลับบ้านกัน แล้วไอ้พวกที่อยู่แถวนี้แม่งก็ติดแฟน นัดกันทีโคตรลำบาก มันเลยเหลือกันอยู่สองคนนี้ไง” เป็นนนท์ที่ตอบคำถามคาใจให้รุ่นพี่ฟัง

“ เออกูก็นึกว่าพวกมึงไม่มีใครคบ      สงสัยพวกมึงหน้าตาดีเกินไปเพื่อนๆมันเลยเหม็นขี้หน้าพวกมึงไง มึงว่ามั้ย ” รุ่นพี่ว่าให้

“ โหพี่ ไม่ต้องประชดครับรู้ตัวว่าสู้พี่ไม่ได้   เรื่องหน้าตานี่ต้องยกให้พี่ใครๆก็รู้พี่บอลคนหล่อ คนเก่ง คอนเนคชั่นเยี่ยม ผลงานยอด อย่างนี้โคตรจะสุดยอด ” นนท์พูดสีหน้าท่าทางปลื้มสุดๆ

“เออเรื่องนี้เถียงไม่ได้ด้วยสิ หลักฐานมันเต็มตาอยู่ ทำใจนะไอ้น้อง เอ็งน่ะเกิดทีหลังพี่เกิดก่อนความหล่อมันเลยเพิ่มตามอายุ พวกเอ็งอย่าอิจฉาข้านะโว้ยเรื่องแบบนี้บุญใครบุญมัน” แล้วพี่บอลผู้สุดแสนจะเพอร์เฟคแห่งสายนี้ก็ดัดเสียงให้ต่ำลง นุ่มนวลขึ้น บอกได้เลยงานนี้พอใจสุดๆ
บลูคิดแล้วก็หัวเราะออกมาเมื่อกำลังเก็บจานชามที่ใช้ขณะที่พ่อครัวใหญ่เอนหลังอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่นในมือถือโทรศัพท์มือถือจ้องหน้าจอไม่กระพริบ

“ นนท์ อาบน้ำก่อนมั้ย เหนื่อยจะได้พัก ”

“ไม่หล่ะรอนายอาบเสร็จก่อนเราอาบนานนายก็รู้ เดี๋ยวนายหลับก่อนได้อาบน้ำพอดี ” เรื่องการอาบน้ำของเขาเป็นที่รู้จักกันดีเขาใช้เวลานานมากในการอาบน้ำไม่ได้ทำอะไรหรอกนะแค่มีความสุขเวลาที่น้ำมันไหลผ่านตัวมันสดชื่นทำให้สมองโปร่งเลยชอบที่จะอยู่ในนั้นนานๆ

“พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านี่ มีประชุมเช้าเดี๋ยวเรารีบอาบนายจะได้รีบอาบเหมือนกัน  ” บลูพูดแล้วรีบเข้าห้องน้ำไปปล่อยอีกคนนั่งมองโทรศัพท์มือถือต่อโดยที่อีกฝ่ายที่อยู่ในห้องน้ำไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ปรากฏที่หน้าจอโทรศัพท์นั้นคืออะไร เรื่องเดิมๆถูกว่าเหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือมันพาดพิงถึงคนที่ไม่เคยพูดถึงมานานแล้วทำไมกันนะถึงได้กลับมาพูดถึงอีก เขารู้สึกไม่ชอบใจเลยหงุดหงิดให้คนที่พูดและคนที่เอ่ยถึงอย่างห้ามไม่อยู่



“ มาแล้วครับๆ ไอ้คู่หล่อปาท่องโก๋ มาสายนะครับพวกคุณมึง ” บอลชายผู้สมบูรณ์แบบ เพียบพร้อม ไร้ที่ติ เอ่อในวงเล็บที่แกคิดเอาเองเป็นส่วนมาก      ทักขึ้นเมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองเดินเข้าไปในห้องประชุมที่ผู้คนเริ่มทยอยมาบ้างแล้ว และกำลังนั่งพูดคุยกันตามประสาคนทำงานสายเดียวกันที่ไม่ค่อยได้เจอกันแถมอยู่คนละหน่วยก็ไกลกันเกินจะมานั่งเล่นพบปะกันได้     แน่นอนยกเว้นเพื่อนสนิทสองคนนี้ วันนี้เป็นวันประชุมใหญ่รวมทุกหน่วย ลังจากที่แต่ละหน่วยมีประชุมย่อยกันก่อนหน้านี้แล้วเพื่อที่จะเตรียมข้อมูลมานำเสนอในวันนี้ซึ่งเป็นวันสำคัญที่จะนำเสนอผลงานเอาหน้าเอาตาของแต่ละหน่วย

“ สายยังไงครับนี่ยังไม่ถึงเวลาเลยเหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมง พวกผมมาก่อนเวลาตั้งเยอะ” นนท์ตอบคำถามทีเล่นทีจริงกับรุ่นพี่คนนี้ต้องพูดแบบนี้แกชอบพูดเล่นๆแต่ได้งาน ไม่อ่อนหวานแต่จริงใจยกเว้นเรื่องความหล่อของแกทุกคนรับรู้ว่าเป็นเรื่องที่ต้องปล่อยแกไปอย่างเดียว

“ พี่บอลมีอะไรให้พวกเราช่วยมั๊ยครับ ” บลูถามขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน เวลาเข้าประชุมกันทุกครั้งเจ้าภาพคือหน่วยของพี่บอลนี่หล่ะและพี่บอลเด็กสุดหน้าที่ใช้แรงงานเลยเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนรูปหล่อคนนี้  แล้วก็เป็นที่รู้กันอีกนั่นแหละว่าสุดท้ายแล้วหน้าที่ทุกอย่างของพี่บอลต้องมาตกที่พวกเค้าทั้งสองคนในฐานะที่เด็กสุดของคนที่เข้าร่วมประชุมและหน้าตาดีจนพี่บอลหมั่นไส้ข้อหลังนี้แกเคยบอกในวงปาร์ตี้ของแกเอง

“ นี่ไงน้องรักของพี่เอ็งหล่อแล้วยังเป็นเด็กดีมีน้ำใจอีก ” บอลพูดพร้อมทำตาโตซาบซึ้งหันมาทางบลู     รู้อยู่แล้วว่าบลูต้องพูดแบบนี้แหมจะไม่รู้ได้ไงทำงานด้วยกันมาสามปีเขารู้จักนิสัยทุกคนหมดแหละ ลองให้บลูพูดแบบนี้ไอ้นนท์ก็ต้องทำตามอยู่แล้วไม่มีขัดเพื่อนโชคดีของเขาจริงๆที่สนิทกับไอ้บลู     บอลแอบหัวเราะหึๆอย่างพอใจ

“ พี่ไม่ต้องพูดมาก จะให้ช่วยอะไรบอกมาเลยดีกว่า” นนท์ตัดบทอย่างรู้ทันกัน

“ ครับคุณน้องนนท์ คุณพี่บอลจะรบกวนคุณน้องทั้งสองช่วยเตรียมอันนี้หน่อยครับ คือคุณพี่ต้องดูแลเกี่ยวกับเนื้อหาที่จะให้บิ๊กบอสนำเสนอหน่ะครับมันสำคัญมาก คุณพี่ดูตั้งแต่หลายวันแล้วยังไม่มั่นใจว่าตารางมันตรงมั๊ย เลยต้องรบกวนคุณน้องเตรียมส่วนอื่นๆให้หน่อยน่ะครับ” บอลพูดมายาวเหยียดและทำสีหน้าจริงจังเกินเหตุนนท์ได้ยินถึงกับส่ายหน้ากับบลูเบาๆ     อีกครึ่งชั่วโมงเตรียมทั้งหมดนี่ให้ตายเจริญหล่ะไอ้พี่บอลเอ้ย คนอื่นนั่งเยอะแยะทำไมไม่ให้ช่วยวะลงเอยสองคนนี้อีกแล้ว

“ ให้คนอื่นช่วยมันก็ไม่เรียบร้อยสิวะ พวกเอ็งสองคนไม่เคยทำงานไม่เรียบร้อยนี่หว่า เพราะฉะนั้นพวกเอ็งสองคนเหมาะสมที่สุด หึหึ” อันนี้บอลคิดในใจแน่นอนไม่พูดออกไปอยู่แล้ว

“ ขอบใจมากไอ้สุดหล่อทั้งสอง ช่วยพี่ได้เสมอ พี่เชื่อใจพวกเอ็ง” นี่ไงหล่ะสิ่งที่พูดออกไปพี่บอลออกจะเป็นคนจริงใจ
ทั้งสองจะทำไรได้นอกจากทำตามลิสอันยาวเหยียดภายในเวลาสามสิบนาทีอย่างเร่งด่วนและที่สำคัญต้องให้เรียบร้อยถูกต้องที่สุดห้ามผิดพลาดเพราะวันนี้บิ๊กบอสทั้งสองมาเอง



“ สุดหล่อทั้งสองเลิกแล้วจะไปไหนครับ ” คุณพี่บอลถามอย่างอยากรู้แววตาปิดไม่มิด

“ ไม่ไปไหนหรอกพี่กลับบ้านกัน ไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว” บลูตอบตามความจริงเพราะเขาเองที่มีงานด่วนก็จะค้างที่ห้องพักไม่กลับบ้านเพราะเหนื่อยเกินไปไม่อยากเอาร่างโทรมๆไปให้แม่เห็นเดี๋ยวจะเป็นห่วงเปล่าๆแต่อีกคนเหรอบอกแล้วไม่ค่อยอยากกลับบ้านอยู่แล้วงานนี้บอกได้เลยไม่ได้กลับหลายวันแล้วเหมือนกันครับ

“ นึกว่าอยู่ห้องกันจะชวนปาร์ตี้ซะหน่อย พวกนั้นมันไปเตะบอลกันอีกแล้วว่ะ” รุ่นพี่ตอบอย่างเซ็งๆ ทั้งน้ำเสียงและท่าทาง
“ โอกาสหน้านะพี่วันนี้ไม่สะดวกจริงๆ” นนท์ตอบแบบรักษาน้ำใจสุดๆ
“ พวกผมไปก่อนนะ” พูดเสร็จก็รีบโกยอ้าวกันออกมาเรื่องไหนก็พอคุยกันได้แต่เรื่องปาร์ตี้นี้ขอให้มันอยู่แค่ในความทรงจำเถอะอย่ามีอีกเลยไอ้นนท์จะบ้าตาย

“ กลับบ้านเลยนะนนท์ อย่าแวะที่ไหนอีกนะเดี๋ยวพ่อโทมาถามเราไม่รู้จะตอบยังไง ” บลูกำชับเพื่อนสนิทที่หาเรื่องกลับบ้านช้าได้ทุกทีแล้วเขาก็ต้องทำหน้าที่ตอบคำถามพ่อของอีกฝ่ายทั้งตอบคำถามทั้งเป็นคนกลางคอยไกล่เกลี่ยให้สองพ่อลูกเข้าใจกันคนนิสัยเหมือนกันแบบนี้ไงเลยไม่ยอมกัน

“ ครับคุณบลูผมจะรีบกลับ ไม่ต้องเป็นห่วง ถึงแล้วจะรายงานให้ทราบทันทีครับ” คนพูดหน้าตึงไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินคำสั่งให้กลับบ้านแล้วขับรถออกไปทันทีบลูได้แต่มองตามแล้วถอนหายใจพลางคิด นนท์นะนนท์ทีเรื่องอื่นนี่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ เก่งสาระพัดฉลาดทันคนแม้ในห้องประชุมยังหาเหตุผลมาอ้างอิงกับบิ๊กบอสได้แต่พอเป็นเรื่องพ่อทีไรทำตัวเป็นเด็กทุกทีงานนี้มีหายหน้าอีกตามเคย เป็นเพื่อนกับเด็กแปดขวบต้องทำใจนะบลูชายหนุ่มบอกกับตัวเองอย่างนึกขำ แล้วเจ้าตัวก็ขึ้นรถกลับบ้านบ้างพลางคิดถึงเมื่อกลับถึงบ้านต้องมีข้อความมาบอกสั้นๆอย่างเคยว่า “ ผมถึงบ้านด้วยความปลอดภัยแล้วครับ”
 
*************


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
« ตอบ #9 เมื่อ: 07-07-2019 20:03:43 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #10 เมื่อ07-07-2019 20:06:54 »

ตอนที่ 3
                       บรรยากาศยามเย็นหลังเลิกงานผ่านมาหลายชั่งโมงแสงอาทิตย์กำลังอ่อนลงตามเวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังตั้งใจทำงานอย่างจริงจังทั้งที่วันนี้ไม่จำเป็นต้องทำเพราะไม่ใช่งานเร่งด่วนเหมือนช่วงที่ผ่านมา   
แต่เขายังคงนั่งทำอยู่อย่างนั้นแม้เพื่อนร่วมงานคนอื่นจะทยอยกลับบ้านกันไปหมดทุกคนแล้วก็ตาม      เหตุผลคืองานของเขามันยากและค่อนข้างสำคัญกับหน่วยทำให้เขาต้องตั้งใจทำมากกว่าคนอื่น  ทุ่มเทมากกว่า  เสียสละมากกว่า เครียดมากกว่า       ขนาดเขาคิดว่าเขาทำสุดความสามารถแล้วยังออกมาได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดเขาคิดว่าต้องทุ่มเทให้มากกว่านี้เพราะเขาไม่ได้เก่งและฉลาดมากมาย        อาศัยความจริงใจใส่ใจในงานทำให้ยังพอมีผลงานบ้างเขาไม่เคยโทษรุ่นพี่คนอื่นๆที่ปฏิเสธไม่ทำงานนี้          เขากลับยอมรับทำมันเองถึงแม้จะได้รับมาแบบจับสลากก็ตาม       แน่นอนเขามีสิทธิ์ที่จะอุทรกับหัวหน้าได้ในฐานะที่เป็นรุ่นน้องที่ได้รับงานที่มีความยากและมีแรงกดดันมากมายนี้แต่เขาไม่ทำและเลือกที่จะลองทำมันแต่สงสัยว่าเขาจะขยันไม่พองานนี้เลยผิดคาดไปมาก          ผลที่ออกมาคือถูกบิ๊กบอสสอบสวน ถูกหัวหน้าด่าตามลำดับ       ตอนแรกก็โกรธหัวหน้าที่ด่าทั้งๆที่รู้ว่าเป็นยังไงแต่พอเวลาผ่านไปก็ลืมความโกรธจนมีคนที่รู้เรื่องแล้วโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแทน     และคนๆนั้นก็เป็นคนที่ได้หายจากการติดต่อไปเป็นสัปดาห์แล้ว   เฮ่อ ..... คุณชายนนท์

“ ไปกินข้าวกันยังไม่กลับบ้านใช่มั้ย อยากกินผัดกะเพราใส่ผักบุ้ง” บลูเลือกที่จะส่งข้อความไปแทนการโทรหาอีกฝ่ายเพราะรู้ดีว่าถ้าโทรไปอีกฝ่ายคงไม่รับ   แต่รอจนขี้เกียจรอก็ยังไม่ขึ้นว่าอ่านหรือข้อความส่งตอบกลับมา


“ ทำไมยังอยู่ทำงานค่ำๆอีก  หรืองานเร่งด่วนอะไรที่เราไม่ได้ทำ แล้วก็อยู่คนเดียวด้วย” นนท์มาถึงเปิดประตูเข้ามาเห็นเพื่อนนั่งทำงานอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง พูดออกไปด้วยใบหน้าตึงนิดๆ  แอบอ่านข้อความแล้วไม่ตอบนะนนท์แล้วก็ทำทรงเหมือนมาเองแบบไม่รู้ไม่ชี้
“ ไม่ด่วนหรอกแต่อยากทำให้ดีผลงานในที่ประชุมครั้งที่แล้วมันได้น้อย นายก็เห็นหนิ เลยอยากทำให้มันเรียบร้อย เราไม่เก่งเหมือนนายนะ จะได้ทำแปบเดียวเสร็จนี่นั่งทำมาตั้งนานยังได้แค่นี้เอง” บลูยิ้มอ่อนๆรู้ดีว่านนท์ไม่ชอบให้อยู่คนเดียวตอนค่ำแบบนี้

“ เราบอกแล้วเราไม่ได้เก่งแค่ของหน่วยเรามันทำง่ายกว่านายตั้งเยอะ ใครๆก็รู้ ” นนท์ตอบตามความจริงงานเดียวกันก็จริงแต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างและที่สำคัญที่สุดคือปัจจัยที่เป็นคน   

“ ไม่ใช่หรอกทุกที่มันก็มียากง่ายเฉพาะแต่ละที่เราว่าของนายมันก็ยากอีกแบบเพราะนายเก่งไงเลยทำได้ดี เราไม่เก่งเลยทำมันไม่ดีเอง” บลูค้านโดยไม่หันมามองหน้าอีกฝ่ายที่ส่ายหน้าระอา คนๆนี้ใครบอกว่าเด็กดี พูดง่าย เค้าไม่เถียงหรอกแต่บทจะดื้อก็ดื้อซะอยากตีซักป้าบให้หายดื้อ

“ ไหนว่าหิวข้าวไง” นนท์เปลี่ยนเรื่องเอาไว้อารมณ์ดีค่อยพูดกันอีกทีหลัง
“ ก็หิวไง เก็บของแปบเดียว ” คนพูดลุกขึ้นพลางเก็บของใส่กระเป๋าเป้ใบใหญ่
“ แล้วทำไมไม่ล็อกประตู นั่งทำงานไปเผื่อใครเปิดเข้ามา ค่ำแล้วนะ แล้วป้อมยามก็อยู่ไกลกว่าน้ายามจะเดินมาถึงถ้ามีอะไรเค้าก็วิ่งถึงถนนออกไปได้ง่ายนิดเดียว” อีกฝ่ายถามขึ้นแล้วเลยบ่นต่ออย่างยืดยาวเหมือนคนแก่บ่นให้เด็กๆ

“ คราวหน้าจะระวังนะครับ ” บลูพูดขึ้นสั้นๆหันมายิ้มให้อีกฝ่าย
“ ยิ้มอะไร นี่กำลังบ่นอยู่นะ”
“ เปล่าๆ หิวแล้วปะไปกัน ”บลูไม่ตอบแต่เดินออกจากห้องทำงานพร้อมคนขี้บ่นเขาไม่บอกหรอกว่าเพิ่งจะเปิดประตูคุยกับน้ายามไปก่อนหน้าที่จะเห็นชายหนุ่มจอดรถที่หน้าตึก       สงสัยจะลืมว่ายืนอยู่หน้าห้องนี้มันมองเห็นลานจอดรถได้ชัดเจนแล้วเขาก็กำลังจะปิดคอมพิวเตอร์พอดีที่อีกฝ่ายเข้ามาก่อน        จึงทำเหมือนยังทำงานไม่เสร็จเพื่อรอดูว่าอีกฝ่ายจะว่าอย่างไรถ้าเห็นเขายังทำงานอยู่        คุณชายนนท์ผู้หล่อเหลาผู้ไม่อยากกลับบ้านถ้าไม่มาหาเขาก็ไปสังสรรค์กับรุ่นน้องในหน่วยทำไมเขาถึงรู้น่ะเหรอ        ก็รุ่นน้องของนนท์ในหน่วยก็เป็นเพื่อนกับรุ่นน้องในหน่วยเขาเหมือนกันแค่นี้ก็ง่ายนิดเดียวไม่ถามน้องมันก็เล่าให้ฟังหมด 

“ เหมือนเดิม2ครับเจ้” บลูเดินไปบอกเจ้าของร้านที่กำลังผัดกะเพราควันลอยคลุ้งไปรอบๆบริเวณร้าน
“ ได้จ้า เร่งด่วนให้เลยสงสัยวันนี้คุณบลูคงหิวมากมาถึงไม่คิดไรเลย สั่งทันที” เจ้าของร้านรับคำพร้อมชวนคุยอย่างคุ้นเคย
“ ใช่ครับหิวมาก ”บลูตอบพร้อมหันไปหาเพื่อสนิทที่นั่งฝั่งตรงข้าม
เจ้าของร้านรีบทำให้อย่างรวดเร็วเมนูเหมือนเดิม รสชาติเดิมไม่เคยเปลี่ยน


“ ทำไมกินนิดเดียวตัวเองต้องทำงานถึงค่ำมืด แล้วดูเวลาข้าวเย็นแทนที่จะรีบกินดันรอมาตั้งเย็นขนาดนี้” บลูยิ้มตอบ
“ทำไมวันนี้คุณชายนนท์ขี้บ่นจัง ก็ตอนเที่ยงมันรีบ  ไปกินเจอกับหัวหน้าพอดีแล้วเขาก็พูดเรื่องงานด้วยเลยรีบกินรีบออกมา ”
“ ฮะ ขนาดเวลาพักกลางวันยังไม่เว้นเหรอ มันป็นเวลาส่วนตัวนะ” เสียงสูงมาเลยนะคุณชายนนท์ บลูคิดเมื่อเห็นท่าทางฮึดฮัดของอีกฝ่ายแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง

“ นี่ๆนายแฟนคลับนายเค้ากลัวหมดแล้วเบาๆหน่อยครับ หันไปยิ้มให้น้องเค้าหน่อย” ชายหนุ่มเอี้ยวตัวไปมองเห็นน้องสาวๆนั่งแอบมองอยู่เลยส่งยิ้มไปให้  เหมือนเป็นละครฉากเดิมที่พวกเขานั่งทานข้าวแล้วมีน้องผู้หญิงนั่งมองอยู่โต๊ะถัดไป  ใครๆก็รู้จักพี่นนท์สุดหล่อ  เรียนดี กีฬาเด่น  ศิษย์เก่าดีเด่นของโรงเรียนดังข้ามรุ่นย้อนหลังตั้งสี่ห้าปีเพราะสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนมากมาย  รูปพี่นนท์จูบเหรียญรางวัลยังอยู่หน้าปกเฟสบู๊กอยู่เลย 

“ แบบนี้สิถึงจะเป็นพี่นนท์สุดหล่อของน้องๆ ”
“ แน่นอน พี่นนท์สุดหล่อของน้องๆทุกคน” ไม่มีถ่อมตัวหล่ะ แต่ก็รู้ว่านนท์ชอบพูดเล่นเวลาอยู่กับเขา
“ แต่นายแพ้คนหนึ่งนะ คนนี้ใครก็ล้มไม่ได้” บลูพูดแล้วหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมยิ้มใสซื่อให้อีกคนส่ายหน้าเป็นอันเข้าใจว่าคนนั้นเป็นใครแหมมีคนเดียวครับทั้งเมืองนี้  พี่บอลไงจะใครหล่ะ

“ รีบกินเลยไหนว่าหิวมากไง” นนท์ตัดบท แล้วพยักหน้าไปที่จานข้าวของอีกฝ่ายที่บอกว่าหิวมากแต่ไม่ยอมทานซักทีทั้งๆที่น้องเด็กเสิร์ฟยกมาให้นานแล้วเพราะเจ้าตัวมัวแต่คุยล้อเขาอยู่


“ อยากดูหนังอ่ะ”บลูพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ทานข้าวเสร็จและเดินออกจากร้านมาที่รถของนนท์ วันนี้รถของบลูจอดอยู่ที่ห้องพักที่อยู่ห่างจากที่ทำงานแค่ห้าร้อยเมตร เจ้าตัวเดินมาทำงานในตอนเช้าเพราะวันนี้มีงานข้างๆตึกที่ทำงานทำให้ที่จอดรถหายากเลยตัดปัญหาโดยการเดินมาทำงานง่ายกว่า

“ โหลดมาใหม่ จะดูมั๊ยหล่ะหลายเรื่องเลย ”
“ ดูๆ ”  “ อยากดูม้ากมาก” บลูทำหน้าดีใจซึ่งเป็นท่าประจำของเขาเวลาที่อยากดูหนังแล้วอีกฝ่ายหามาให้ดู

 “ งั้นไปเอาเสื้อผ้าก่อน”นนท์พูดนั่นหมายความว่าพวกเค้าจะไปเอาเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวบางส่วนที่บ้านของนนท์ที่บอกว่าบางส่วนเพราะส่วนหนึ่งนั้นเขาเอาไว้ที่ห้องของบลูแล้ว      แต่วันนี้มันเป็นการค้างแบบฉุกเฉินของบางอย่างอาจจะไม่มีเลยต้องกลับไปเอาที่บ้าน     เวลาดูหนังทีไรต้องดูด้วยกันทุกครั้งบลูไม่เคยที่จะดูคนเดียวซักครั้งเหตุผลเหรอไม่รู้เหมือนกันและไม่เคยหาด้วยพวกเขาก็เป็นแบบนี้แหล่ะ

“ ทำไมมันเศร้าอย่างนี้หล่ะ พระเอกก็หล่อนางเอกก็สวย เพื่อนพระเอกก็สวย เลือกใครก็เศร้าหมดเลยนะ” คนอยากดูหนังกำลังนั่งหน้าเครียดอยู่หน้าจอส่วนคนที่หามาให้กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่เพราะเขาได้ดูแล้วครั้งหนึ่งเลยเข้าใจเนื้อหาของเรื่องแล้ว
“ เลือกใครก็เจ็บแหละ แต่หนังมันก็ต้องมีพระเอกนางเอกไงเพื่อนก็แอบรักมาตั้งนานพอเขาจะคบกันดันมาบอกว่าชอบ      ทำไมไม่บอกตั้งแต่ก่อนนั้นเนาะมีโอกาสตั้งหลายครั้ง พอจะกล้าก็ทำให้เค้าลำบากใจ แล้วจะให้ทำไงได้หล่ะคนหนึ่งคนรัก คนหนึ่งเพื่อนรัก ”

“ ก็จริงแบบที่นายพูดหล่ะนะ จะทำให้เพื่อนลำบากใจทำไมก็ตอนนั้นตัวเองไม่พูดเอง ” บลูเห็นด้วยแล้วกลับไปสนใจเนื้อในจอต่ออย่างจริงจัง

“ ความรักมันก็แบบนี้หล่ะบลู มันมีทั้งสุข สมหวัง ผิดหวัง เศร้า แล้วแต่ใครจะเจอแบบไหน อยู่ที่จังหวะและเวลาที่จะได้เจอ และคนที่เจอด้วย” นนท์พูดเมื่อหนังจบลงแต่อารมณ์คนดูยังไม่จบยังคงคร่ำครวญถึงเนื้อเรื่องและสงสารเพื่อนพระเอกที่ไม่สมหวังบอกรักในวันที่สายไปและต้องอยู่กับอดีตที่มีความสุขเมื่อมีเพื่อนอยู่ด้วยไม่ยอมเดินออกมาจากอดีตและเริ่มต้นใหม่และอยู่อย่างโดดเดี่ยวหว้าเหว่ในนาทีสุดท้ายของชีวิต

“ นายเข้าใจดีจังเลยนะ เคยมีเหรอความรักน่ะถึงได้เข้าใจแจ่มชัด” บลูอดแซวไม่ได้เพราะเขารู้ดีคนๆนี้ไม่เคยมีแฟนไม่เคยมีความรักและอาจจะไม่เชื่อมั่นในความรักแล้วก็ได้ คนที่สมบูรณ์แบบทุกอย่างนนท์ไม่น่าจะขาดเรื่องพวกนี้เลยแต่บลูรู้ดีว่าเพราะอะไร

“ ไม่มีก็รู้ มันก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ เราก็เห็นอยู่ทุกวัน”
“ แล้วสาวๆแฟนคลับทั้งหลายนั่นหล่ะไม่เลือกมาลองคบซักคนดู ใช้หน้าตาให้เป็นประโยชน์หน่อยสิ”

“ บลูนายก็รู้ว่าเราคิดยังไง เรารู้นะว่ารักแท้มีจริง  แต่สำหรับเราไม่เชื่อมั่นในความรัก หรือไม่ต่อมความรักเราอาจจะตายไปแล้วก็ได้” อีกฝ่ายพูดโดยที่มองหน้า บลูทำได้แค่ตบไหล่เบาๆแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ ว่าแต่เรานายหล่ะ มีซะทีสิแฟนน่ะ  ถ้านายมีเราอาจจะมีก็ได้ เพราะนายนั่นแหละไม่มีเราเลยไม่มีไปด้วยเนี่ย” นนท์วกกลับมาถามเขาซะเอง

“ อ้าวๆ  ไอ่คุณชายนนท์ครับ นี่พูดอย่างกับว่าเป็นความผิดของกระผมที่ไม่มีแฟนแล้วทำให้คุณพี่นนท์รูปหล่อของสาวๆไม่มีแฟนงั้นหล่ะ มันเกี่ยวอะไรกับเราหล่ะ ” บลูแกล้งพูดเสียงกร้าวขึ้น

“ นี่พูดไม่เพราะนะครับ เวลาพูดไม่ถูกใจสรรพนามเปลี่ยนทุกที ”
“ ใช่มันเป็นความผิดของนายเลย ก็ถ้านายมีแฟนอยู่กับแฟนเราก็อาจจะหาแฟนบ้างก็ได้ นี่อยู่แต่กับนายเลยไม่มีเวลาหาแฟน   เพราะฉะนั้นความผิดคุณล้วนๆครับคุณหนูบลู” บลูกระพริบตาปริบๆพูดไม่ออกที่อยู่ๆก็มีความผิดติดตัว

“ เริ่มจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปหาแฟนซะคุณบลู”
“ นี่เอาจริงเหรอ ทำไมทำหน้าจริงจังขนาดนั้นอ่ะ เรายังไม่อยากมีแฟน”

“ ฮ่าๆๆๆ เราพูดเล่นเรื่องแบบนี้หาง่ายๆได้ที่ไหน ขนาดเราหน้าตาดีขนาดนี้ยังหาไม่ได้เลย” อีกฝ่ายตอบพลางยักคิ้วสองที
“ เอ่อ.....หมดคำจะพูดเลย  นอนก่อนดีกว่า ” บลูตัดบทล้มตัวลงนอน นนท์หัวเราะหึหึ บลูเถียงไม่สู้     บลูนอนตะแคงหันหลังให้นนท์ เข้าใจนนท์เป็นอย่างดี เพราะเรื่องที่ติดอยู่ในใจ  มันคงไม่มีวันที่จะลบเลือนไปได้ง่ายๆขอให้เพื่อนของเขาได้เจอคนที่ช่วยรักษาแผลในใจนี้ให้หายทีเถิดเมื่อถึงวันนั้นเพื่อนอย่างเขาจะได้หมดห่วงซะที      คนที่มีบาทแผลฉกรรจ์        อีกคนที่รับรู้มาตลอดแต่ช่วยอะไรไม่ได้เลยนอกจากรับฟังและอยู่ข้างๆอย่างที่เคยทำมาหลายปี     
                                  บลูรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเหมือนหายใจติดขัดเป็นห้วงๆของคนที่นอนข้างๆท่าทางกระสับกระส่าย     จึงตัดสินใจเปิดไฟที่หัวเตียง เขย่าตัวคนที่นอนอยู่ข้างๆเพื่อปลูกให้ตื่น    ขณะที่คนถูกปลูกก็สะดุ้งสุดตัวมองหน้าเพื่อน
“ นนท์เป็นไร”
“ เราฝันร้ายมันเหมือนจริงมากๆเหมือนวันนั้นมันจริงทุกอย่างจริงจนเราแน่ใจว่าเราอยู่กับมันจริงๆ” คนพูดเสียงสั่น มือสั่น นานแล้วที่คนนี้ไม่มีอาการแบบนี้ บลูจึงตัดสินใจยื่นมือโอบกอดรอบคอและแผ่นหลังเพื่อนเอาไว้พลางลูบขึ้นลง สงสารเพื่อนจับหัวใจ
“ ไม่เป็นไรแล้วนนท์ มันผ่านมาแล้ว นนท์จะไม่เจอแบบนั้นอีกแล้ว เราอยู่ข้างๆนนท์เสมอนะ ไม่เป็นไรแล้ว”
แรงกอดตอบแน่นขึ้นแต่ไม่มีคำพูดหลุดลอดออกมาของคนในอ้อมกอด    มีเพียงเสียงสะอื้นนของคนเข้มแข็งที่ข้างในเปราะบางแต่เจ้าตัวพยายามสร้างเปลือกแข็งห่อหุ้มไว้  ความเก่ง  ความฉลาดรอบรู้    ความรู้ทันคน  บุคลิกภาพที่สมบูรณ์แบบถูกสร้างขึ้นเพื่อให้โดดเด่นปกปิดความอ่อนแอไปจนหมด      จากสังคมอันโหดร้ายนี้จนบางทีเจ้าตัวเองอาจจะลืมไปว่าความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่มีบาดแผลที่ถูกซ่อนอยู่ด้วย      มันถูกปกปิดและไม่ได้รับการรักษาเยียวยาที่ถูกต้อง       เพียงรอวันที่จะกำเริบขึ้นมาใหม่เท่านั้น   แล้วความรู้สึกหนึ่งก็เกิดขึ้นในใจของบลูอย่างท่วมท้นเมื่อคิดว่าคนๆนี้ต้องเจอกับอะไรมาบ้าง     เจ็บปวดทำไมเขาถึงได้เจ็บปวดเหลือเกินเมื่อคิดว่านนท์ต้องเจ็บปวดเพียงใด    ห่วงใยอย่างมากมายและหวังว่าอยากให้คนที่กำลังกอดอยู่นี้หลุดพ้นจากความเจ็บปวดภายในเดี๋ยวนี้วินาทีนี้     นนท์ บลูจะอยู่เคียงข้างนนท์จนกว่านนท์จะไม่ต้องการนะ เขาได้แต่บอกอีกคนภายในใจและหวังว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ได้เช่นกัน
******************************

ตอนที่ 4
เวลาบ่ายสองโมงนิดๆปกติจะเป็นเวลาที่ทุกคนในหน่วยพักเบรก    พูดคุยกันตาประสาบ้างก็แอบหัวหน้าไปร้านกาแฟที่อยู่ข้างๆ   บ้างก็เดินไปหาเพื่อนที่อยู่หน่วยเดียวกันแต่คนละแผนก     แต่วันนี้ไม่ใช่เหมือนทุกวันที่ผ่านๆมาเพราะหัวหน้าเรียกประชุมด่วนจึงเป็นเหตุให้ทั้งสิบกว่าชีวิตในฝ่ายไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งอะไร   ห้องประชุมที่ปกติเครื่องทำความเย็นของอุณหภูมิที่บิ๊กบอสอนุมัติให้ใหม่เคยทำให้เย็นจนต้องใส่เสื้อคลุมแต่วันนี้เกิดเครื่องเสียหรืออย่างไร ทุกคนถึงรู้สึกว่ามันไม่เย็นเอาเสียเลย            แถมดูเหมือนอากาศหายใจจะไม่พออีกต่างหาก บรรยากาศช่างน่าวังเวง   ถ้านี่เป็นช่วงกลางคืนคงได้ยินแม้กระทั่งเสียงของใบไม้ที่ปลิวไหว….แต่นี่เป็นเวลากลางวันและในเวลาทำงาน แต่ทำไมบรรยากาศมันถึงเป็นเช่นนี้หรือ   ก็เพราะว่าผลงานมันไม่ถึงเกณฑ์อย่างร้ายแรงไงแล้วงานของใครที่ไม่ถึงเกณฑ์ มันก็ของทุกคนนั่นแหละ ซึ่งทุกคนมันก็พออ้างเหตุผลได้  แต่ของชายหนุ่มผู้ที่มีหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูอยู่เสมอนั้นวันนี้กลับมีใบหน้านิ่งไม่แสดงออกว่ารู้สึกเช่นไร

“บลู คุณมีความคิดเห็นยังไง ผมหวังว่าคุณจะมีเหตุผลที่ดีนะ ”  ชายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะซึ่งมีฐานะเป็นบิ๊กบอส
“ ผมพยายามแล้วครับบอส ” ชายหนุ่มสบตาเจ้านายพร้อมตอบคำถาม
“ คุณบอกว่าคุณพยายามแล้วงั้นเหรอ ” อีกฝ่ายก็จ้องกลับมาอย่างขึงขัง
“ ครับ  ”
“ผมว่าคุณยังไม่พยายามให้เต็มที่มากกว่ามั้ง ถ้าพยายามจริงๆมันคงออกมาดีกว่านี้ จริงมั๊ย ”
“ ครับ ผมจะพยามให้มากกว่านี้นะครับครั้งต่อไปจะทำให้ดีครับ ” ชายหนุ่มตอบนิ่งๆ พร้อมมีมือคนที่นั่งข้างๆยื่นมาสะกิดเบาๆสองครั้ง ชายหนุ่มยังนิ่งและพูดต่อ

“ผมจะพยายามให้มากขึ้น ทุ่มเทให้มากขึ้นครับครั้งนี้ผมอาจจะพลาดไปตรงไหนซักอย่างผมจะทบทวนและจะทำให้ดีครับ ” ชายหนุ่มตอบอย่างแน่วแน่

“เอ่อ..บอสครับพี่บลูทำเต็มที่แล้วจริงๆนะครับ ทำจนดึกเกือบทุกวัน ผมเห็นพี่เค้าไม่ค่อยได้พักเลยนะครับ ” เจ้าของเสียงที่อดทนไม่ได้พูดขึ้นซึ่งเป็นคนเดียวกับที่สะกิดเขาเมื่อสักครู่นี้    คงอดทนไม่ไหวด้วยนิสัยขี้ใจร้อนของเขาแล้วจากเหตุการณ์ที่เป็นอยู่คงเห็นแล้วโมโหแทนเขา เพราะรู้สถานการณ์ของเขาเป็นอย่างดี
“ผมไม่ทราบว่าพวกคุณจะทำกันยังไง แต่งานก็คืองาน ในเมื่อมีกฎเกณฑ์ให้ทำตามพวกคุณก็ต้องทำ  ผมหวังว่าทุกคนจะรับรู้ รับทราบโดยทั่วกัน และผลงานครั้งต่อไปหวังว่าจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง พวกคุณก็รู้ว่าฝ่ายของพวกคุณคือฝ่ายสำคัญที่สุด ถ้าพวกคุณพลาดนั่นหมายความว่าคุณภาพของหน่วยเรา ” คำพูดอันยึดยาวของเจ้านายนั้นมีความหมายเดียวก็คือ  ต้องทำให้ได้ตามเป้า ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

“แต่บอสครับผมคิดว่า… ” ชายหนุ่มรุ่นน้องเอ่ยขึ้นก่อนที่บลูจะสะกิดต้นขาไว้ทัน รุ่นน้องหันมามองอย่างขัดใจ
“มีอะไรหรือคุณเทพ ” เจ้านายถามกลับด้วยเสียงเรียบ เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะพูดแต่ก็เงียบไป
“เอ่อ ไม่มีไรครับ ” ชายหนุ่มตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก  บลูรู้ดีว่าเทพกำลังจะพูดว่าอะไร เทพรู้เห็นทุกรายละเอียดการทำงานทุกอย่างเพราะอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา

“แล้วคนอื่นหล่ะ มีอะไรสงสัยมั๊ย ผมหวังว่าครั้งต่อไปจะได้รับผลงานที่ยอดเยี่ยมกันทุกคนนะ     เอาหล่ะวันนี้ก็เหนื่อยมากันมากแล้ววันนี้เอาไว้แค่นี้ ” พูดจบชายที่มีฐานะเป็นเจ้านายก็ยืนขึ้นและเดินออกจากห้องไป ทุกคนพร้อมใจกันพ่นลมหายใจออกมาอย่างอึดอัดและอัดอั้น        ไม่ชอบเลยบรรยากาศที่เหมือนกับอากาศบนโลกนี้ขาดแคลนอย่างหนัก  ทำให้หายใจยังไงก็ไม่เต็มปอด

“พี่บอกแล้วนะบลู ที่พี่ตามพี่บ่นน่ะเพราะอย่างนี้ไง  ” แล้วก็ถึงบทบาทหัวหน้าพูดซักทีแต่ก่อนหน้านี้ที่บิ๊กบอสอยู่ไม่เห็นจะอ้าปากพูดซักคำ
“พี่ภพก็เห็นว่าพี่บลูทำงานหนักแค่ไหน  แล้วเมื่อกี้บิ๊กบอสว่ายังไงบ้าง ทำไมพี่ภพถึงไม่พูดหรืออธิบายให้บิ๊กบอสเข้าใจหล่ะ ผมเห็นแต่นั่งเงียบ  ” เทพเอ่ยขึ้นอย่างฉุนจัด  หัวหน้าเป็นคนที่ใกล้ชิดลูกน้องมากที่สุดเห็นทุกอย่างว่าใครเป็นยังไงแล้วเวลานั้นทำไมถึงไม่ช่วยอะไรเลย
“พี่พูดไปจะมีประโยชน์อะไร ก็อย่างที่บิ๊กบอสบอกว่างานเรามันมีกฎมีเกณฑ์ที่ต้องปฎิบัติให้ได้ตามเกณฑ์   เราเป็นลูกน้องเราก็ต้องทำอยู่แล้ว ” คนเป็นหัวหน้าตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยยิ่งทำให้อารมณ์ร้อนของชายหนุ่มพุ่งสูงขึ้น

“พี่เป็นหัวหน้านะ พี่ควรพูดเพื่อหาทางแก้ไขดิวะ ขอคนมาทำงานนี้เพิ่มหรือลดงานอื่นๆของพี่บลูลงเพื่อให้ทำงานนี้ได้เต็มที่ หรืออะไรก็ได้ไหนบอกว่างานนี้สำคัญกับหน่วยนักหนาไง ” เทพตอบกลับอย่างไม่ลดละ

“พี่บอกแล้วว่างานมันมีเกณฑ์แล้วคนอื่นก็งานล้นมือกันทุกคนจะเอาให้ใครทำหล่ะ    แล้วขอคนใหม่มาเพิ่มเหรอใครจะอยากมากเค้าก็ชอบงานเบาๆสบายๆกันทั้งนั้น ” เสียงที่ตอบกลับมาเข้มอย่างเท่าเทียมกัน

“งั้นพี่ก็เอางานพี่ที่ให้พี่บลูช่วยทำกลับไปสิแค่นี้พี่บลูก็มีเวลาทำงานตัวเองแล้ว ”

“พี่ให้ช่วยแค่ช่วงนี้แหละ ช่วงนี้งานพี่ยุ่งใครๆก็รู้พี่เอามาแล้วก็ทำงานตัวเองให้ดีๆหล่ะบลู ”

“ดีเลยพี่แค่นี้ ก็ดีแล้วครับ เต็มที่เลยพี่บลูสถานะลอยตัวแล้ว ”พูดขึ้นอย่างถูกใจพลางหันไปจ้องตาหัวหน้า อย่างท้าทาย
“เทพ  หมายความว่าไง ” หัวหน้าถามลูกน้องขึ้นด้วยเสียงเข้มจัด ไม่พอใจกับคำพูดและการกระทำของเทพเมื่อซักครู่นี้
“เอ่อ   พี่ภพครับขอบคุณมากนะครับผมจะตั้งใจทำงานให้ดีกว่านี้ให้ได้ตามเป้านะครับ ” บลูเอ่ยขึ้นก่อนที่เทพจะพูดและทำให้สถานการณ์ร้ายแรงไปกว่านี้   เพียงแค่นี้ผู้ไม่มีส่วนในบทสนทนาก็นั่งกันเงียบอย่างไม่มีใครกล้าออกความคิดเห็นซักคน
“ดีแล้วบลู ตั้งใจให้มากกว่านี้อย่าทำเป็นเล่น   เหมือนเด็กบางคนแค่ควบคุมอารมณ์ตัวเองยังทำไม่ได้คิดจะทำงานใหญ่ๆอย่าหวังว่าจะทำได้ ” จบคำพูดของหัวหน้าเทพหันไปมองอย่างดุดันแต่ติดที่ต้นขามีมือของบลูคอยสกิดอยู่ชายหนุ่มทำได้เพียงฮึดฮัดแล้วมองหน้าบลูอย่างไม่ชอบใจ

“ครับพี่ภพ ” บลูตอบรับแค่เพียงสั้นๆก่อนหัวหน้าจะเดินออกจากห้องประชุมไป

“พี่บลูห้ามผมทำไม แม่งหัวหน้าเอาเปรียบ เอางานของตัวเองมาให้พี่ทำจนพี่ไม่มีเวลาทำงานของตัวเอง  นั่งเล่นสบายๆ ถึงเวลาก็อาสาเอาหน้ากับบิ๊กบอส แต่คนโดนด่าคือพี่ ” ชายหนุ่มพูดมาอย่างโมโหที่ทำอะไรไม่ได้
“ไม่เป็นไรหรอกพี่โอเคดีไม่ต้องเป็นห่วง  ” บลูตอบให้อีกฝ่ายสงบอารมณ์

“เป็นงี้ทุกทีแหละพี่บลู หัวหน้าเลยเคยตัวใช้ได้ก็ใช้ไปไม่คิดถึงคนทำเลย ”

“พี่ไม่เป็นไรจริงๆ ไปๆกลับไปเก็บของกลับบ้านกัน  ถึงเวลาเลิกงานแล้วเร็วๆไป๊ ” บลูชวนเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้อีกฝ่ายสงบอารมณ์เลิกโมโห    ไม่งั้นวันนี้คงไม่ได้กลับแน่ๆเป็นที่รู้กันถ้าลองได้ขึ้นแบบนี้ไม่มีลงง่ายๆและไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ด้วย   น่ากลัวกว่าหัวหน้าก็คนนี้นี่หล่ะรูปร่างใหญ่หน้าตาบูดบึ้งตาขวางเป็นใครก็กลัวถึงแม้หน้าตาจะดีก็เถอะถ้าไม่ยิ้มนี่ยักษ์ดีๆนี่เอง

“ไปๆกลับกัน ” บลูย้ำอีกครั้งพร้อมลุนหลังรุ่นน้องให้ออกจากห้องประชุมเพื่อกลับเข้าห้องทำงานเลยเวลาเลิกงานมานิดหน่อย   เหนื่อยทำงานแล้วต้องมาเหนื่อยใจกับหัวหน้าทั้งสองอีก มันช่างเป็นวันที่แย่ๆสำหรับบลูจริงๆ

“พี่บลูกลับบ้าน    เป็นคนชวนกลับแท้ๆแล้วทำไมยังนั่งอยู่นี่อีกหล่ะ ”เทพถามเมื่อเขากำลังจะกลับแล้วแต่บลูยังมีทีท่าว่าจะทำงานต่อ
“พี่เก็บของก่อนเทพกลับก่อนเลย   ปั่นจักรยานมาพี่ต่อให้   เดี๋ยวพี่ปิดห้องเองไม่ต้องห่วง ” บลูตอบพร้อมเดินเก็บของรวบไว้ใกล้ๆโต๊ะทำงาน

“ครับ แล้วรีบกลับนะไปพักผ่อนพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ”เทพเดินออกจากห้องไปแล้ว   บลูก็ตั้งหน้าตั้งตาตรวจดูงานของตัวเองต่อไปอย่างขมักเขม่นโดยลืมเวลาจนกระทั่งน้ายามมาเคาะประตูห้องเรียกเพราะเห็นไฟเปิดอยู่
“ครับน้ายาม บลูเองยังทำงานไม่เสร็จเหมือนเคยครับ ” บลูตอบกลับยามไป
“ดึกแล้วกลับเถอะครับ คนอื่นกลับไปจนเค้าเข้านอนกันแล้วหล่ะมั้งผมว่า ”
“กำลังจะกลับแล้วหล่ะครับ พอหน้ายามพูดก็เหนื่อยขึ้นมาทันที  ” บลูพูดกลั้วหัวเราะ
“กลับเถอะครับ ผมปิดห้องให้ ” น้ายามบอกอีกครั้งพร้อมช่วยดูความเรียบร้อยของห้องอีกครั้งก่อนปิดห้อง บลูกล่าวขอบคุณแล้วเดินไปยังรถที่จอดอยู่หน้าตึกพร้อมกับร่างกายที่เหนื่อยหล้า “ได้เวลากลับไปพักแล้วบลูพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ” บอกกับตัวเองแล้วก้าวขึ้นรถเพื่อกลับไปยังห้องพักเพื่อพักผ่อนซักทีหลังจากที่เหนื่อยหล้ามาทั้งวันเป็นอีกวันที่หนักหนาสำหรับบลู



“ทำไมยังไม่กลับบ้าน” น้ำเสียงเรียบเฉยถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ บลูสะดุ้งตกใจเงยหน้ามองคนที่มาใหม่อย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียงพอเห็นว่าเป็นใครใบหน้าตกใจเปลี่ยนเป็นยิ้มให้อีกฝ่าย
“แล้วประตูห้องก็ไม่ล็อก ทั้งตึกอยู่คนดียว ไฟข้างหน้าทางเดินก็ไม่เปิด ” เสียงเข้มถามขึ้นสีหน้าเข้ม

“กินข้าวเย็นรึยัง” เสียงเดิมถามกลับมาอีกครั้งอย่างไม่รอให้อีกฝ่ายตอบคำถาม
“ กลับกันเถอะดึกแล้ว” พูดพร้อมเดินออกไปรอหน้าห้อง บลูได้แต่มองตามอย่างงๆ
“เร็วบลูรีบเก็บของดึกแล้ว” บลูทำได้เพียงรีบปิดคอมพิวเตอร์ ก่อนก้มเก็บของเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมมือ อ่าสามทุ่มแล้ว  บลูรีบรวบของกอดไว้แล้วเดินตามออกไปอย่างไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมา  เดาอารมณ์อีกฝ่ายไม่ถูกจริงๆ สีหน้านิ่งๆเสียงเข้มๆไม่ดุแต่ไม่ปกติแน่ๆ   เมื่อเดินออกไปที่หน้าตึกก็ถูกสั่งให้ขึ้นรถอย่างงงๆ
“เดี๋ยวๆจะพาไปไหน รถเราหล่ะ” บลูถามขึ้นอย่างสงสัย
“จอดไว้นี่แหละฝากน้ายามไว้แล้ว แกจะดูให้อย่างดี” เสียงเข้มตอบกลับมาพร้อมเคลื่อนรถออกจากหน้าตึกเพื่อมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายโดยที่คนนั่งข้างๆก็ไม่ถามอะไรขึ้นมาอีกลองมาขนาดนี้แล้วการนั่งนิ่งๆดีที่สุดสำหรับบลู
****************************************

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #11 เมื่อ07-07-2019 20:11:35 »

ตอนที่ 5


“บลูตื่น ” เสียงพูดขึ้นเบาๆพร้อมกับแรงที่เขย่าบริเวณไหล่ทำให้บลูลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก
“หืม ถึงแล้วเหรอ”ถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียพร้อมกับหรี่ตามองออกไปรอบๆข้างนอกรถ     แล้ววกกลับมาเก็บกระเป๋าและของที่หล่นในรถเดินสลืมสลือออกจากรถได้ก็ตรงดิ่งไปที่บันไดเตรียมเดินขึ้นห้องแต่พอหันกลับไปมองก็เห็นอีกคนหอบหิ้วของเต็มมือทั้งสองข้างที่หลังก็มีกระเป๋าเป้สพายอยู่

“เราช่วยมั๊ย” อดถามไม่ได้เพราะดูจากสภาพแล้วคงหนักไม่น้อยและยิ่งต้องต่อสู้กับแรงดึงดูดของโลกไปถึงชั้นสี่อีก
“ไม่เป็นไร  พาตัวเองให้รอดไปถึงชั้นสี่เถอะ” อีกฝ่ายตอบกลับมาเสียงยังนิ่งเหมือนเดิม     บลูทำได้เพียงสบตานั้นอย่างอ่อนใจแล้วหันหน้าไปทางบันไดตั้งหน้าตั้งตาเดินเพื่อจะได้ถึงห้องเร็วๆ   บลูเปิดประตูห้องวางกระเป๋าไว้ที่โซฟาจากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นกลับออกมาก็เห็นอีกคนกำลังเดินเอากระเป๋าเป้ที่ใส่เสื้อผ้าหลังจากที่ไปเอาจากที่บ้านมาไปไว้ในห้องนอนจากนั้นก็กลับออกมาที่เค้าเตอร์ส่วนที่เป็นครัวแล้วหยิบวัตถุดิบในการปรุงอาหารออกมา

“นนท์ จะทำอะไร”
“ทำอาหาร”อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างไร้อารมณ์

“รู้ครับว่าทำอาหารแต่คือจะทำประเภทไหน ต้มผัดแกงทอด จะได้ช่วย” บลูตอบกลับอย่างใจเย็น
“ไม่ต้องเราทำเอง   ถ้าอยากช่วยก็ช่วยไปอาบน้ำแล้วมานั่งรอที่โต๊ะอาหาร”คำสั่งครับไม่ใช่ขอร้องอย่างนี้คนสั่งก็ต้องทำตามไม่มีสิทธิบ่นหรือโต้แย้งใดๆมีหน้าที่แค่ทำตามด้วยความเต็มใจ

“ครับ จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” ตอบกลับก็เดินเข้าห้องไปเพื่ออาบน้ำและจะได้รีบกลับมานั่งรอพ่อครัวใหญ่ตามคำสั่ง         หลังจากอาบน้ำชำระความเหนื่อยหล้าให้ร่างกายได้สดชื่นแล้วก็กลับออกมาที่ครัวอีกครั้งก็พบว่าพ่อครัวใหญ่กำลังตักกับข้าวของโปรดของทั้งสองคนใส่จาน บลูจึงเดินไปรับมาถือไว้แล้วเป็นคนเดินไปวางที่โต๊ะจากนั้นก็เตรียมน้ำให้ทั้งสองคน

“รีบกินเลย”คำสั่งมาอีกครั้งพร้อมทั้งจานข้าวสวยร้อนๆที่เลื่อนมาตรงหน้า   บลูมองหน้าทำท่าจะถามขึ้นแต่โดนพ่อครัวพูดดักไว้ซะก่อน

“กินข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน ”พูดเสร็จก็พยักพเยิดให้กินข้าว   เมื่อสั่งก็ต้องทำตามครับทั้งสองก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างเงียบๆโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา   กับข้าววันนี้อร่อยเหมือนทุกทีที่นนท์ทำ นนท์รู้เสมอว่าเพื่อนชอบอะไรไม่ชอบอะไร     เราสองคนชอบคล้ายๆกันแต่ไม่เหมือนกัน       บลูกินข้าวทุกครั้งต้องมีอาหารประเภทแกงหรือต้มด้วยเสมอไม่งั้นจะกินข้าวไม่คล่องคอ       นนท์ชอบล้อว่าเหมือนคนแก่ ส่วนนนท์ชอบอาหารรสจืดไม่มัน ไม่เผ็ด ไม่เค็ม       ดูเป็นคุณชายของแท้ และที่เราไม่ชอบเหมือนกันคืออาหารรสหวาน      โนชูก้าได้ยิ่งดี

“เรากินอิ่มแล้ว”หลังจากที่นั่งทานอาหารมาซักพักอาหารในจานก็เกือบหมด    บลูพยายามสบตาอีกฝ่าย
“กี่วันแล้วที่ทำงานดึกๆแบบนี้”นนท์ถามขึ้นพร้อมจ้องตากลับมา
 
“ก็สองสามวัน”บลูตอบยังคงจ้องตาอยู่เหมือนเดิม
“แต่ที่เรารู้มันมากกว่านี้นะ”
“ก็แค่ไม่กี่วันเอง”
“อย่าลืมว่าเรามีสาย”นนท์โหมดนี้น่ากลัวมาก

“ไม่กี่วันจริงๆ บางวันอยู่คุยเล่นกันเฉยๆ” บลูตอบกลับเสียงเบา
“ บลูไม่ใช่คนแบบนั้นนะเท่าที่รู้จัก    เวลาที่คนอื่นอยู่นายทำงานได้ที่ไหนเด็กสมาธิสั้นอย่างนายชอบทำงานตอนเงียบๆอยู่คนเดียวที่ทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว   แล้วไอ้ตอนเวลางานก็ไปช่วยงานหัวหน้าที่ใช่มั้ย” เป๊ะครับข้อมูล บลูโอดครวญในใจ

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น” บลูเริ่มเสียงอ่อย
“เรามีพยานหลายปากนะ” นนท์ยังยืนยัน ฮือนนท์น่ากลัวมาก
“ก็กลัวมันไม่เสร็จ กลัวมันไม่ตามเป้าแล้วบิ๊กบอสก็จะว่าอีก”เสียงตอบอ่อยๆไม่กล้าเถียงต่อไปอีกแล้ว
“จนไม่มีเวลาพักเนี่ยนะ น้ายามบอกเวลานี้บางวันยังไม่กลับเลย”
“มันใกล้แล้วหล่ะอีกนิดเดียวเอง”

“ถึงจะด่วนมากยังไงก็ควรดูแลตัวเองบ้าง นี่เล่นทำงานทั้งวันจนถึงดึกๆดื่นๆไม่พัก    ข้าวปลาไม่ยอมกิน ถ้าเป็นไรมาจะทำยังไงแล้วงานที่เร่งๆน่ะใครจะทำแทนถ้าไม่สบาย   อยู่คนเดียวอีก รู้ว่าในห้องมันปลอดภัยแต่อย่าลืมว่าน้ายามแกไม่ได้นั่งเฝ้าตลอดเวลา       แล้ววันหนึ่งได้พักกี่ชั่วโมงดูหน้าตาก็ดูไม่ได้ โทรมขนาดนี้      ไม่ต้องมายิ้มเลยไม่ได้กลับบ้านกี่วันแล้ว     ที่หายๆไปนี่คืออยู่ที่ทำงานตลอดใช่มั๊ย ” เสียงบ่นยืดยาวมาเต็มหน้ากระดาษพร้อมกับจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง      ทั้งที่พอฟังแล้วควรจะโกรธแต่บลูกลับยิ้มออกมาทั้งสายตาใบหน้าความรู้สึกอุ่นซ่านแผ่เข้ามาในจิตใจสมองที่เคยเหนื่อยหล้ากลับหายเป็นปลิดทิ้งความสุขกลับมาอีกครั้งหลังจากที่มันหายไปกว่าสิบวันที่ผ่านมา

“ยิ้มไม่ได้เหรอ”ถามแต่ยังยิ้ม
“ไม่ได้ ห้ามยิ้ม นี่กำลังโดนดุอยู่นะฟังมั๊ยเนี่ย”นนท์ตอบกลับด้วยใบหน้าตึง

“ฟังคร้าบฟังทุกคำเลย”เพราะฟังทุกคำนี่แหละถึงได้ยิ้มออกมาเพราะสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่อึกคนส่งผ่านมาให้จากคำพูดและน้ำเสียง นนท์รู้จักนิสัยเขาดี ดีจนเกินไปรายละเอียดทุกอย่างคิดจะโกหกหรือบ่ายเบี่ยงยังไงนนท์ก็รู้อยู่ดีสู้ยอมรับไปเลยดีกว่า

“ยอมรับก็ได้ ก็เราอยากให้งานมันเสร็จแล้วก็ออกมาดีๆเราก็เลยทุ่มเทมากแบบนี้ไง เราไม่อยากโดนด่าอีกแล้วนายก็รู้        ถ้าเราทำงานนี้เรียบร้อยตามเป้าหัวหน้าก็จะเล่นงานเราไม่ได้      เราจะมีสิทธิต่อรองหรือเสนอความคิดเห็นต่างๆได้เค้าจะรับฟังเรามากขึ้นนะนนท์” นนท์ยังนิ่งแถมยังยกมือดอกอกจ้องตาอีกต่างหาก

“นนท์เรารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ถ้าไม่ไหวจริงๆเราก็จะหยุดเราไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอะไรหรอกนะ    ไม่ต้องเป็นห่วง”บลูพยายามอธิบายต่อ เพื่อให้อีกคนได้ใจเย็น
“แล้วทำไมไม่บอกเราหล่ะ     เราก็ช่วยได้งานเราก็ทำเหมือนกัน หรือไม่ก็อยู่เป็นเพื่อนก็ได้”นนท์ซักต่ออย่างไม่ยอมง่ายๆ นี่มันสอบสวนกันชัดๆ


“เราไม่อยากรบกวนแค่งานนายเองก็หนักอยู่แล้ว  แล้วอีกอย่างเราทำได้นี่ก็ใกล้จะเสร็จแล้วด้วย บอกแล้วไงไม่ต้องเป็นห่วง”
“บลูเราเป็นเพื่อนกันนะถ้าเพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะมีเพื่อนไว้ทำไม     หรือไม่อยากให้เราช่วยก็บอกมา”น้ำเสียงหงุดหงิดตอบกลับเขาไม่ชอบเลยที่บลูพูดแบบนี้ คนที่บลูจะเกรงใจเป็นคนสุดท้ายบนโลกใบนี้คือเขานะ   

“ไม่ใช่อย่างนั้นอย่าคิดมากสิ   เอางี้งั้นต่อไปก็มาอยู่เป็นเพื่อนเราตอนหลังเลิกงานจนกว่างานนี้จะเสร็จโอเคมั้ย”บลูรีบเสนอทางออกให้คนคิดมากได้ใจเย็นลง

“ได้ โอเค” ก็แค่เนี้ย
“ครับ  ต่อไปกระผมรบกวนคุณนนท์ด้วยนะครับช่วยมาอยู่เป็นเพื่อนหาข้าวหาน้ำขับรถให้จนกว่ากระผมจะทำงานเสร็จ   โอเค๊”บลูแกล้งพูดอย่างจริงจังแต่สีหน้าและแววตากลับอมยิ้มน้อยๆ นนท์ส่ายหัวออกมาเด็กดื้อน้อบทจะดื้อก็ดื้อจริงๆ ดื้อจะทำให้สำเร็จจนลืมดูแลตัวเองต้องให้ดุถึงจะยอม  ดูสิผอมซูบโทรมจนดูไม่ได้         
    แต่กับอีกคนที่สัมผัสได้ถึงความสุขและความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นน้อยๆในหัวใจโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าคืออะไรแต่ที่แน่ๆคือความสุขที่รู้ว่าอีกฝ่ายห่วงใยมากแค่ไหน



“ไงเทพ วันนี้หนักกันมั๊ย” คำถามประจำวันที่จะต้องตอบคำถามนี้มาสามวันแล้ว   นอกจากจะมีตำแหน่งในที่ทำงานแล้วตอนนี้เค้าก็มีหน้าที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างที่ตัวเองได้แต่งตั้งตัวเองขึ้นมาโดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจใครใดๆทั้งสิ้น   ตำแหน่งนั้นคือ นายเทพ องครักษ์พิทักษ์พี่บลู เค้าบอกเลยหน้าที่นี้สำคัญมากดูพี่บลูสิคนดีมากไม่เคยตอบโต้ ไม่เถียง ทำงานตั้งใจไม่บ่น   คนสบายคือหัวหน้าแล้วอย่างนี้จะไม่ไห้เค้าโมโหได้ไง

“ก็เหมือนเดิมแหละพี่ ตั้งแต่บิ๊กบอสมาครั้งนั้นหน่วยเราก็ไม่เคยเบาหล่ะ ยกเว้นไว้คนที่รู้ๆกันอยู่” เทพตอบอย่างเบื่อหน่าย
“แล้วนี่วันนี้มาอยู่เป็นเพื่อนพี่บลูอีกแล้วใช่มั๊ย”เทพถามแต่ไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังเพราะนึกรู้อยู้แล้วจากสถานการณ์ที่ผ่านมาหลายวัน

“อือใช่ แล้วจะไปไหนต่อ” นนท์ตอบพร้อมถามกลับ
“โดนพี่บลูไล่ให้กลับบ้านครับ ก็เลยนัดกันกับไอ้สองเดี๋ยวจะหาที่ไปกัน”  สองคือเพื่อนเค้าที่ทำงานอยู่หน่วยเดียวกับนนท์รุ่นเดียวกันมาทำงานพร้อมกันทำให้สนิทกัน
“อ๋องั้นไปเถอะ เดี๋ยวพี่เข้าไปหาไอ้บลูก่อน”

“ครับพี่แล้วเจอกันไว้จะเที่ยวเผื่อนะ”เทพตอบอย่างอารมณ์ดีเมื่อพูดถึงเรื่องเที่ยว   ก็ตามประสาผู้ชายหน้าตาดีและวัยกำลังสนุกกับชีวิต


“หิวมั๊ย กินข้าวก่อนค่อยทำต่อ”นนท์เดินเข้ามาในห้องทำงานบลูนั่งลงที่โซฟารับแขกหน้าห้อง
“หิวๆวันนี้ซื้อไรมา”บลูถามพลางลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจไปมาแล้วเดินไปหานนท์ที่โซฟา

“เยอะเลยกินให้หมดก็แล้วกัน”
“รับรองไม่มีเหลือ ”ทั้งสองช่วยกันจัดอาหารที่นนท์ซื้อมาลงจานแล้วทานอาหารด้วยกันพูดคุยกันไปซักพักแล้วประตูห้องทำงานก็เปิดออกพร้อมกับคนที่ก้าวเข้ามาทั้งสองหันไปมองตามเสียง

“ยังไม่กลับเหรอบลู” คนมาใหม่ถามขึ้น
“ยังครับหัวหน้า หัวหน้ามีอะไรรึเปล่าครับผมนึกว่ากลับแล้ว” บลูตอบหัวหน้าและอดถามไม่ได้ปกติเวลานี้หัวหน้าเค้าต้องกลับถึงบ้านแล้วหรือไม่ก็วุ่นอยู่กับธุระสำคัญที่ไม่ใช่งานของตัวเอง

“พี่แวะมาดูนี่แหละว่าถึงไหนแล้ว เหลือเวลาอีกไม่นานพี่กลัวบลูจะลืมเลยแวะเข้ามาเตือน ”
“ครับใกล้จะเสร็จแล้วครับ หัวหน้าไม่ต้องเป็นห่วง”บลูจงใจใช้คำว่าหัวหน้าเพราะไม่อยากเรียกแทนว่าพี่
“ดีแล้วพี่จะได้ไม่ผิดหวัง งั้นพี่ไปก่อนนะ ยังไงก็ขอให้เสร็จเร็วๆนะ มีคนช่วยทำแล้วหนิใช่มั๊ยนนท์” พูดเสร็จก็เดินออกไปจากห้องทันที ทั้งสองหันมองหน้ากันด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นยังไง กำลังคิดอะไรอยู่



“บลู”นนท์พูดแค่นั้นแต่ถูกบลูส่ายหน้าดักไว้ก่อน
“นนท์ ..ไม่เป็นไรหรอกนนท์ งานนี้ใกล้เสร็จแล้วอีกแปบเดียว เชื่อเราพองานนี้เสร็จเค้าจะไม่กล้าว่าเราอีก”
“ก็เป็นแบบนี้ตลอดเค้าถึงไม่เกรงใจนายไง”นนท์กับเทพก็คล้ายกันถ้าเป็นเรื่องนี้ไม่มีใครเห็นด้วยกับบลูซักคน
“นนท์เราหิว กินต่อนะ”บลูเปลี่ยนเรื่องทั้งๆที่รู้อารมณ์ความคิดอีกฝ่ายแต่ถ้าไม่เปลี่ยนคนๆนี้ไม่ยอมจบจริงๆคนที่รักความถูกต้อง ยุติธรรมเจออย่างนี้เข้าไปก็อารมณ์ขึ้นง่าย  บลูตั้งหน้าตั้งตากินข้าวอย่างไม่เปิดโอกาสให้นนท์ได้พูดต่อ นนท์ได้แต่ฮึดฮัดก็เจ้าตัวเขาไม่เอาเรื่องคนนอกอย่างเขาจะทำไรได้

“กินให้หมดด้วย” ก็ได้แต่เปลี่ยนตามเจ้าตัวเค้านั่นหล่ะ
“อื้อ” บลูเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมาตอบพร้อมอมยิ้มจนแก้มตุ่ยถึงจะมีข้าวเต็มปากอย่างนั้นก็ยังเห็นลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้างน้อยๆทำให้นนท์ยิ้มออกมาได้ บลูนะบลูอย่างนี้ทุกที

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #12 เมื่อ07-07-2019 20:18:53 »

ตอนที่ 6


“เย้ๆๆๆในที่สุดก็ผ่าน อย่างนี้ต้องฉลองครับ”เสียงเฮดีใจดังลั่นทั้งสำนักงานเวลานี้ใกล้เลิกงานเต็มทีแต่ทุกคนยังไม่กลับบ้านและอยู่กันครบยกเว้นหัวหน้า
“นี่ไอ้เทพแกจะดีใจอะไรนักหนางานไอ้บลูมัน    มันควรจะเป็นคนที่ดีใจไม่ใช่แก”เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“อ้าวๆพี่ชลทำไมพูดแบบนี้หล่ะครับงานพี่บลูผ่านก็หมายความว่าบิ๊กบอสจะลดการเพ่งเล็งแผนกเราลงไงครับแล้วงานนี้เนี่ยก็เป็นงานเชิดหน้าชูตาของแผนกด้วยนะครับ     ที่สำคัญสุดๆคือพี่บลูลำบากมาเกือบเดือนจะได้ทำงานแบบชิวๆซะทีไม่ใช้สำนักงานแทนบ้านอีกแล้วใช่มั๊ยครับพี่บลู”    เทพร่ายอย่างยาวเหยียดเพราะรู้สึกแบบนั้นจริงๆเค้าทนเห็นพี่ชายที่รักยากลำบากในการทำงานมาตลอด    ทั้งที่อยากช่วยใจจะขาดแต่ก็ถูกห้ามไว้ด้วยเหตุผลต่างๆของพี่บลู       เกรงใจบ้างหล่ะ งานของตัวเขาเองก็เยอะพอแล้วบ้างหล่ะ      อยากให้กลับบ้านไปพักเร็วๆจะได้มีสมาธิมาต่อกรกับหัวหน้าบ้างหล่ะ     ซึ่งบอกเลยว่าเทพจนปัญญาจริงๆกับคนนี้ที่ดูเหมือนจะเป็นคนง่ายๆ       
                  แต่จริงๆแล้วดื้ออย่างไม่น่าเชื่อเขาเองก็เลยจำใจยอมรับและช่วยได้เพียงคอยระวังภัยจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานบางคนซึ่งพอบลูได้ยินตอนแรกก็แอบขำกับตำแหน่งของน้อง นายเทพองครักษ์พิทักษ์พี่บลูแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนึกขอบใจน้องมากที่หวังดีกับเขาขนาดนี้นอกเหนือจากคนๆนั้น


“พี่บลูๆงานผ่านแล้วเราไปฉลองกันนะ นะๆๆ เนี่ยเราไม่ได้ฉลองกันนานแล้วนะผมอยากปาร์ตี้”เทพเอ่ยชวนบลูนานแล้วที่หน่วยของพวกเขาขาดการสังสรรค์เฮฮาตามประสาผู้ชายหน้าตาดี  อันหลังนี้เทพบอกเองและค่อนข้างมั่นใจว่าถูกต้องซึ่งก็ไม่มีใครขัดซักคนแถมพวกสาวๆแผนกข้างๆยังร้องวิ้ดว้ายการันตีกันอีกอย่างนี้เข้าทางน้องชายเค้าเลย

“เอาสิที่ไหนดีหล่ะ”บลูถามขึ้นหลังจากเงียบมานาน
“ที่เดิมนะ ค่อยถูกคอกับทุกคนที่อื่นนี่มันรสนิยมไม่ตรงกันทุกคน”เทพบอกมาตามจริงด้วยวัยที่มีหลากหลายเลยต้องหาที่ๆมันเข้ากับทุกคนและทุกครั้งก็เป็นร้านนี้

“ทุกคนเห็นว่าไง”บลูหันไปถามสมาชิกอีกหกเจ็ดคนทุกคนก็พยักหน้าลงความเห็นเป็นอันว่าโอเคไม่มีข้อโต้แย้ง
…………..


“ห้องใหญ่คร้าบคนหล่อมาหลายคน”เทพบอกกับพนักงานประจำร้านแถมยิ้มให้จนปากกว้างถึงหู

“เชิญทางนี้ค่ะ เลือกเมนูได้เลยนะคะอีกห้านาทีจะกลับมารับออเดอร์ค่ะ ส่วนคาราโอเกะก็เลือกตามนี้ได้เลยค่ะ”พนักงานสาวสวยอธิบายวิธีการต่างๆอย่างย่อให้ฟังซึ่งก็ไม่เป็นปัญหาเพราะทุกคนมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

“ไอ้เทพแกม่อไปทั่วน้องระวังไว้นะเว้ยคนนี้เขามีเจ้าของแล้ว”รุ่นพี่เอ่ยเตือน
“โหพี่ไม่ได้ม่อไปทั่วม่อเฉพาะน้องคนเนี้ย ”เทพตอบกวนๆ

“แกรู้มั้ยว่าผช.คนนั้นที่ยิ้มให้แกตอนเข้ามาน่ะนั่นน่ะผัวน้องเค้าเลย”รุ่นพี่คนเดิมตอบกลับมา
“ไม่เชื่อหรอกครั้งที่แล้วน้องเค้ายังบอกว่าไม่มีแฟนอยู่เลย”เทพเถียงก็ครั้งที่แล้วน้องเค้ายังยิ้มอายๆบอกว่าไม่มีนี่นา

“ก็ตอนนั้นมันเพิ่งเลิกกับคนก่อนคนนี้เพิ่งคบกันได้กันใหม่ๆ”
“ไม่ๆๆผมไม่เชื่อน้องเค้าออกจะน่ารักดูท่าทางใสๆไม่น่ามีแฟนผมไม่เชื่อ”

“กูบอกมึงแล้วว่าน้องมันใสใครเห็นก็เชื่ออย่างไอ้เทพนี่ไง”เสียงรุ่นพี่อีกคนพูดขึ้น
“จริงเหรอพี่พวกพี่อย่าอำผมนะถ้าคนนั้นเป็นแฟนน้องเค้าจริงๆกระทึบทีเดียวไส้ทะลักนะพี่”เทพบอกพร้อมทำหน้าอย่างแหยงๆ

“จริงสิวะพวกข้าจะล้อเล่นทำไมมึงระวังไว้ดีๆเล่นเยอะพวกข้าไม่ช่วยนะเว้ย”รุ่นพี่ยังสำทับมาอีก
“พวกพี่ต้องระวังให้ผมสิเผื่อแฟนน้องเค้ามาจริงๆอย่าทิ้งผมนะคราวที่แล้วผมก็ช่วยพี่ๆโกหกเมียพี่ที่แอบหนีไปเที่ยวโอเกกันอ่ะ”เทพทวงบุญคุณ


“อ้าวไอ้นี่ ที่พวกข้าพูดๆอยู่นี่ก็ช่วยระวังมึงแล้วไงมึงก็เลิกม่อน้องเค้าซะ”
“เดี๋ยวพวกกูจะช่วยดูอีกที จะระวังทุกย่างก้าวเลยแต่ขอร้องอย่าบอกเมียพี่นะๆๆๆน้าน้องเทพคนดี”รุ่นพี่ที่ตอนแรกเสียงแข็งแต่อ่อนลงในตอนท้ายเป็นท่าทีที่เทพพอใจ

“โอเค ดีล”ตกลงผลประโยชน์กันได้พร้อมกับอาหารยกมาเสริฟ แอลกอฮอล์พร้อม กับแกล้มด้วย คาราโอเกะชั้นดีทีนี้ก็สนุกเต็มที่ บลูนั่งมองพี่ๆน้องๆเพื่อนร่วมงานที่สนุกสนานแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้เถียงกันซักพักก็กินกันต่อร้องเพลงด้วยกัน ถึงเวลางานทุกคนจะมีเหตุผลว่างานตัวเองมากมายจนไม่มีเวลามาช่วยเค้าและแถมยังเกี่ยงกันอีกต่างหากแต่บลูก็ไม่ได้ถือสาดีซะอีกที่ทำคนเดียวเพราะไม่ชอบวุ่นวายคนเยอะยิ่งเรื่องเยอะ แต่พอตอนนี้งานเสร็จถึงเวลาปลอดปล่อยทุกคนก็เต็มที่เหมือนตัวเองซะอีกที่ทุ่มเทความลำบากมา


“เฮ้ยไอ้บลูผู้ช่วยคนสำคัญแกไปไหนวะทำไมไม่มาด้วยหล่ะ คนนี้สำคัญมากนะเว้ยถ้าไม่มีเค้าไอ้บลูของเราก็ยังทำไม่เสร็จ”รุ่นพี่เอ่ยถามบลู พร้อมกับหันไปคุยกันเองในช่วงหลัง

“บอกว่าติดธุระอ่ะพี่เสียดายเหมือนกันงานแบบนี้เคยพลาดที่ไหนยิ่งมีพวกพี่ๆกับเทพแล้วยิ่งเข้าคอ”บลูตอบ
“เสียดายว่ะเอาไว้ครั้งหน้าค่อยมาพวกพี่พร้อมเสมอใช่มั้ยฮ่าๆๆๆ”รุ่นพี่ตอบและส่งเสียงหาพรรคพวก
“ครับเดี๋ยวบอกให้”บลูตอบกลับ

             บรรยากาสกำลังดีแอลกอฮอล์ได้ที่ มีผลัดกันร้องคนละเพลงสองเพลงแต่คนอื่นฟังอาจจะบอกว่านี่ใช่ร้องเพลงจริงๆใช่มั๊ยเพราะแต่ละคนจัดอยู่ในกลุ่มพลังเสียงยอดเยี่ยมกันทุกคน

“พี่  นนท์บอกว่าจะมาเสร็จธุระแล้ว”บลูบอกเพื่อนร่วมงานหลังจากที่เปิดอ่านข้อความที่คนที่กล่าวถึงส่งมาเมื่อซักครู่ “กลับกันรึยัง เดี๋ยวเข้าไปร่วม”ส่งมาเท่านี้แม้ตอนที่บลูส่งกลับไปถามว่าเสร็จธุระแล้วเหรออีกคนก็ไม่ตอบข้อความนั่งรอซักพักประตูก็ถูกเคาะและเปิดเข้ามา


“เฮ้ยไอ้นนท์น้องรักมาได้เวลา…มาๆๆๆ.มาสนุกกัน”รุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมยกแก้วชูส่ายไปมาแต่เสียงยืดยาวเกินระดับปกติบ่งบอกว่าแอลกอฮอล์ในเลือดคงถึงขั้นเกินลิมิตแล้ว
                             
                    นนท์นั่งลงข้างๆบลูแทนที่เทพที่ขยับที่ให้ยิ้มน้อยๆให้ทุกคนคว้าแก้วบลูที่พร่องไปนิดเดียวขึ้นกระดกรวดเดียว บลูมองตามอย่างนึกแปลกใจปกติถึงนนท์จะชอบดื่มแต่ก็ไม่เคยมีอาการแบบนี้หน้านิ่งยิ้มน้อยๆไม่มองหน้าใคร    มันเหมือนคนกำลังอึดอัดหรืออัดอั้นกับอะไรซักอย่างทุกทีมีแต่จะพูดคุยกับพวกพี่ๆอย่างสนุกสนาน
“นนท์ค่อยๆสิ”บลูเตือนเมื่อเห็นนนท์เดี๋ยวยกๆกลัวจะเมาก่อนพวกที่ดื่มกันก่อนซะอีก

“เรากระหายน้ำ”นนท์ตอบแต่ไม่มองหน้าบลูกลับหันไปทางที่วางขวดหลายใบตั้งอยู่แล้วบริการตัวเองชงเองยกเองไม่สนใจใคร กระหายน้ำแต่ดื่มแอลกอฮอล์เนี่ยนะบลูมองอย่างแปลกใจ      นนท์มีอะไรใช่มั้ยไปทำธุระนี่เรื่องอะไรกับใครเกิดอะไรขึ้นกับนนท์บลูได้แต่เก็บความสงสัยไว้คนเดียวเงียบๆ


“ไอ้คุณนนท์ครับมาถึงไม่พูดไม่จายกแม่งอย่างเดียว”รุ่นพี่ของบลูทักขึ้นเมื่อเห็นว่าคนมาใหม่เอาแต่นั่งเงียบๆยกเอาๆมันจะไม่คุยกับใครเลยหรือยังไงวะถ้ามันอยากกินขนาดนั้นมันซื้อไปกินที่บ้านคนเดียวดีกว่ามั้ย    ถ้าจะมาสังสรรค์แล้วไม่พูดไม่จากับใครแบบนี้


“โถพี่ก็ผมเห็นพวกพี่กำลังสนุกกันอยู่ไม่อยากขัดจังหวะเลยนั่งดื่มเงียบๆก่อนไงรอจังหวะเหมาะผมเข้าเสียบเลย”เพลงที่จบลง

นนท์หันไปมองรอบๆยกแก้วขึ้นระดับสายตาแล้วบอกทุกคน


“เอ้ามาชนกันหน่อยนานแล้วที่ไม่ได้มาอย่างนี้หมดแก้วครับหมดแก้ว”   ทุกคนยิ้มรับพร้อมชนกันทุกคนอย่างครื้นเครงเมื่อหมดแก้วเพลงต่อไปก็ขึ้นมาต่อพอดี  นนท์ก็หันมาชงให้ตัวเองต่อส่วนคนอื่นๆก็ส่งให้เทพช่วยจัดการหน้าที่เด็กสุดในวงก็อย่างนี้หล่ะคอยบริการพี่ๆมือไม่เคยหยุดส่วนพี่ๆก็มีหน้าที่สนุกกันอย่างสุดเหวี่ยง   ทั้งร้องที่เหมือนจะร้องจริงๆแต่ไม่เข้ากับคีย์หรือจังหวะดนตรีเอาซะเลยและทั้งเต้นเอ่อพี่ครับเพลงมันๆแต่ก็เต้นได้เท่านี้เหรอครับแล้วจะร้องเพลงมันๆกันทำไมเทพแอบคิดอยู่ในใจ



“พี่แสดงความยินดีให้กับงานคุณบลูเสร็จตามเป้า  เอ้าชนนนน…”นนท์บอกหลังเพลงจบหันมาชนแก้วต่อแล้วเพลงก็ขึ้นคนร้องก็ร้องไปอย่างสนุกสนาน
“เอ้าชนรอบนี้ให้กับทีมหน่วยพวกพี่ที่จะไม่ถูกบิ๊กบอสทั้งสองเพ่งเล็งงงงง”ชนแก้วกันอีกรอบ
“เอ้าหมดแก้วให้กับความสนุกสนานครับ”เสียงคนเดิมนำอีกแล้ว
“เอ้าชน…”
“เอ้าพี่ๆหมดๆยกหมด”
“เต็มที่ๆ”
.
.




.ชนครับชน…”
“เอ่อทุกคนครับผมว่าค่อยๆเบาๆกันดีมั้ยครับพรุ่งนี้ยังต้องทำงานกันนะครับเดี๋ยวจะทำไม่ไหวหัวหน้าจะบ่นให้อีก”บลูนั่งมองมาซักพักเลยอดที่จะเอ่ยห้ามไม่ได้กลัวจะหนักกันเกินไปเพราะดูแต่ละคนเริ่มจะตาเยิ้มยืดยาวกันไปหมดแม้แต่คนที่คอแข็งยังแอบสะบัดหัวบ่อยๆ     และที่สำคัญคนที่นั่งอยู่ข้างๆเค้าเองนี่แหละมาทีหลังก็อาการไม่ต่างกัน คนอื่นยังกินไปร้องไปเต้นไปแต่คนนี้ตั้งหน้าตั้งตาดื่มอย่างเดียวจนบลูหันไปมองขวดที่วางเต็มโต๊ะและบางขวดที่หมดแล้วถูกยกไปวางไว้กับพื้นเพราะหมดหน้าที่และความสำคัญแล้วต้องยกพื้นที่ให้ขวดที่เต็มอยู่ต่อไปมองแล้วก็อดห่วงไม่ได้



“เฮ้ยๆไอ้บลูนานๆมาทีนะเว้ยนานแล้วที่เราไม่ได้มาอย่างนี้กันอ่ะ”เสียงคนพูดขึ้นมาด้วยเสียงยืดยาวมากกว่าปกติ

“ใช่ๆโดยเฉพาะหลังจากที่บิ๊กบอสมานะช่วงนั้นแม่งโคตรเครียด ที่ทำงานกูนึกว่าป่าช้าแมลงวันซักตัวยังไม่กล้าบินเลยวันนี้ขอผ่อนคลายหน่อยเว้ย”อีกคนมาเสริม


“ใช่ๆกูนึกว่าน้ำลายกูจะบูดอยู่แล้วแม่งไม่พูดไม่จาคุยกับใครก็ไม่พูดกับกูแม่งจะซีเรียสอะไรกันนักหนา”พี่อีกคนเสริมขึ้นพลางบ่น

“มึงจะเครียดอะไรไอ้ตี๋กูเห็นมึงแอบใช้คอมหน่วยโหลดหนังโป๊มึงไม่กลัวโดนไวรัสแดกงานเหรอวะเดี๋ยวก็ลามมากับสายแลนด์แดกงานพวกกูด้วยทีนี้หล่ะมึงซวยกันหมดแน่”



“ไอ้ห่านี่กูรู้จักที่ปลอดภัยเว้ยรับรองไม่มีแน่นอนระบบป้องกันของหน่วยก็ยอดเยี่ยมไม่มีทางแน่นอนที่ไวรัสจะเข้ามาแดกได้”

“แต่มึงทำไมเอาคอมหน่วยวะทำไมไม่ใช้คอมตัวเองพวกกูจะดูด้วยฮ่าๆๆๆ”

“กูว่าแล้วๆทำเป็นว่ากู    กูมีเยอะเดี๋ยวแบ่งให้ทุกคนพี่ตี๋ใจดี นนนนนท์เอามั๊ย”แล้วพี่ตี๋ก็หันหน้ามามองนนท์ที่นั่งคอตกอยู่   บลูแอบขำกับพี่ๆที่เถียงกันหรือเปล่าไม่แน่ใจแต่สรุปเข้ากันได้อย่างดียังมีใจดีหันมาแบ่งกันอีก      แล้วคนที่เค้าถามหน่ะเหรอคงไม่รู้เรื่องแล้วหล่ะคอพับคออ่อนไปแล้ว



“พี่นนท์เขาไม่เอาหรอกพี่เรื่องแบบนี้แต่พี่ๆลืมกฎของหน่วยหรือเปล่าห้ามโหลดหนัง เกมส์ หรือรูปภาพที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานน่ะถ้าหัวหน้ารู้นี่โดนกันยกกลุ่มนะครับ”เทพบอก

“พี่ตี๋บอกแล้วว่าปลอดภัยมึงโหลดแล้วมึงก็ลบประวัตสิวะพี่เรียนมาไอ้น้องไม่ต้องห่วง”

“งั้นพวกกูแบ่งให้มึงดูด้วยเดี๋ยวก้อปปี้ใส่แผ่นให้เลยแบบสเปเชียลสุดๆมีทุกตอนพิเศษเลย”พี่ตี๋เสนอเงื่อนไขอย่างใจปล้ำ

“ผมไม่อยากดูอ่ะ”เทพตอบกลับรุ่นพี่

“เอ่าไอ้นี่มึงไม่อยากดูมึงก็อยู่เฉยๆดิคนอื่นเค้าอยากดูมีเยอะแยะเว้ย”


“ผมจะบอกหัวหน้างานนี้โดนแน่ถึงพี่เป็นคนดูแลระบบคอมของหน่วยแต่หัวหน้าต้องขอดูรายละเอียดประวัติการใช้งานแต่ละคนอย่างละเอียดแน่ๆอย่าลืมว่าคนเก่งๆในแผนกอื่นๆก็มีงานนี้ไม่ยากครับ”เทพพูดพร้อมหรี่ตามองอย่างเหนือชั้น

“ไอ้เทพมึงต้องการไรวะมึงจะเอากับพวกกูเหรอคิดให้ดีนะมึงเรื่องแค่นี้หัวหน้าเค้าไม่ถือสาหรอกถ้างานมันออกมาดี แล้วแค่เด็กๆอย่างแกกับพวกฉันแกคิดว่าหัวหน้าจะเชื่อใคร”รุ่นพี่เริ่มเสียงเข้มบรรยากาศเริ่มซีเรียสขึ้นพร้อมกับเพลงที่หยุดลงจากใครซักคนที่ทำให้มันหยุด


“ผมไม่เอาอะไรหรอกผมแค่อยากให้พี่ๆช่วยงานพี่บลูที่หัวหน้าให้ทำบ้างไม่ใช่ปล่อยให้พี่บลูทำคนเดียวแบบนี้ แล้วถ้าพี่คิดว่าหัวหน้าจะเชื่อใครน่ะเหรอ   หึหึผมคิดว่าผมมีหลักฐานสำคัญอยู่ในนี้นะรับรองไม่ผิดหวัง”เทพพูดพลางชูโทรศัพท์มือถือส่ายไปมาต่อหน้าทุกคน

“ไอ้เทพมึงทำไรมึงถ่ายภาพพวกกูตอนโหลดหนังเหรอ”รุ่นพี่ถามขึ้นทันที


“เปล่าไม่ได้ถ่ายรูปตอนโหลดหนังแต่ผมมีไอดีของพวกพี่ที่ใช้แชทคุยกับน้องนางเอกกับน้องพริตตี้พร้อมประวัติการแชทอย่างละเอียดระหว่างทำงานที่พวกพี่ดูเหมือนตั้งใจทำงานกันมากๆหน่ะพอหัวหน้าเห็นประวัตินี้หัวหน้าก็จะให้แผนกอื่นมาตรวนสอบเพื่อความโปร่งใสทีนี้หล่ะโดนขุดตั้งแต่รากเหง้าโคนจนถึงยอกกันเลยทีเดียว      แล้วที่สำคัญอีกอย่างพี่ๆอย่าลืมว่าผมมีเบอร์ติดต่อเมียพี่ทุกคนเพราะเวลาเมาแล้วติดต่อไม่ได้ผมต้องเป็นคนคอยรับผิดชอบพวกพี่เพราะงั้น   ถึงหัวหน้าจะไม่เอาเรื่องแต่เมียๆพี่ผมไม่แน่ใจ”เทพตอบอย่างอารมณ์ดีผิดกับคนอื่นๆในกลุ่มที่หน้าตาเข้มขึ้นเตรียมเอาเรื่องเต็มที่

“แต่ถ้าพวกพี่ทำตามที่ผมเสนอรับรองผมจะเอาประวัติดีๆของพวกพี่เสนอให้หัวหน้าดูพวกพี่เจริญรุ่งเรืองกันต่อไปแน่นอน”เทพรับประกันพร้อมทำหน้าอย่างจริงจัง



“มึงจะทำไรได้วะเด็กเพิ่งเกิดเมื่อวานมึงอย่าหาเรื่องมาขู่พวกกูเลยยากว่ะ”
“พี่ลืมไปแล้วเหรอเพื่อนผมมันเป็นคนทำงานอยู่ศูนย์ควบคุมระบบใหญ่    หน้าที่มันคือขุดประวัติทุกคนที่เข้าใช้คอมหรืออินเตอร์เนตของทุกหน่วยพี่ว่ามันยากหรือง่ายที่จะเอาข้อมูลมาจากมัน”


“ไอ้นี่นิทำไมมึงชั่วแบบนี้วะกับรุ่นพี่มึงนะอยู่หน่วยเดียวกันนะเว้ยมึงจะกล้าทำได้ลงคอเหรอวะ”คนถามกลับมาอย่างขุ่นเคืองตอนนี้ความเมาแต่ละคนเริ่มสร่างจากสนุกๆกับเครียดขึ้นมาทันที


“ผมไม่ได้ชั่วพี่ผมยังไม่ได้ทำไรเลยผมมันเป็นคนหล่อใจดีถ้าพวกพี่ช่วยงานพี่บลูแค่ผลัดกันคนละวันแค่นี้แลกกับคะแนนประเมินของหัวหน้าระดับดีเยี่ยมพวกพี่จะเอามั้ยหล่ะและแถมเวปโหลดแจ่มๆๆให้เลยแจ่มกว่าที่พี่ดูกันซะอีกเพื่อนผมโลดไว้เดี๋ยวจะเอามาให้ลอง     และอีกอย่างทีเด็ดสุดๆแชทลับกับน้องเนย น้องน้ำตาล น้องน้ำหวาน เนื้อนมไข่นะพี่รับรองเมียพี่ๆไม่รู้หัวหน้าไม่รู้ ดีลมะ”เทพถามพลางยักคิ้วปากยิ้มกว้างแทนที่หน้าตาหาเรื่องเมื่อซักครู่นี้จนหมดเป็นเทพคนหล่อเหมือนเดิม



“คิดดีๆนะพี่แค่คนละวันแต่ผลประโยชน์มากมายมหาศาลไม่เอาไม่ว่าครับผม แค่เสนอไปอยากให้รู้ไว้”ยักคิ้วอีกครั้งพลางยกแก้วขึ้นจิบรอเวลาให้พี่ปรึกษากันพลางหันหน้ามาทางบลูที่หายไปจากบทสนทนามาตั้งนาน  บลูจ้องกลับอย่างจริงจังแล้วส่ายหน้าเป็นเชิงไม่เห็นด้วยแต่เทพไม่สนยักไหล่ทำนองว่าผมไม่ได้ทำไรแค่เสนอทางเลือกให้พี่พวกนี้ตัดสินใจซึ่งเทพรู้อยู่แล้วว่าผลเป็นยังไง


“ไอ้เทพพวกกูปรึกษากันแล้วข้อเสนอที่มึงเสนอมาพวกกูก็อยากรับแต่พวกกูจะแน่ใจได้ยังไงว่ามึงจะไม่หักหลังพวกกู”รุ่นพี่ถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจ


“พี่ผมเป็นคนบริสุทธ์ใจ แฟร์ๆไม่มีนอกไม่มีนัยถ้าผมจะทำพวกพี่ง่ายนิดเดียวแถมเมียพี่เชื่อผมแน่นอนอย่าลืมเรื่องน้อเก๋หล่ะเรื่องนี้คุยได้อีกยาว”เทพพูดยิ้มๆดูไม่เดือดร้อนใจผิดกับอีกหลายคนที่มีกรณีกับน้องเก๋สาวพริตตี้ชั้นดีที่มีไอ้น้องเทพคนนี้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปมีเก็บศพกันครับและไม่แน่ใจว่ากี่ศพแต่ละคนรีบละล่ำละลักบอก


“เทพๆพวกพี่รับก็ได้แต่สัญญาได้มั้ยว่าจะทำตามที่พูดจริงๆถ้าเป็นจริงพวกพี่ยอมทุกอย่างเลย”รุ่นพี่รีบบอก
“ใช่ๆ”
“เออๆพวกกูเอาด้วยๆๆ”
“ก็แค่เนี้ยะ…”เทพพูดพร้อมยิ้มร้ายกาจ

“งั้นสนุกกันต่อคร้าบพี่ๆรับรองเราจะสนุกกันเต็มที่เพื่อหน่วยของเราเย้…..”เทพนำทีมสนุกอีกครั้งและทุกคนก็เต็มที่เหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้            บลูนั่งมองอย่างไม่เข้าใจบทจะผิดใจกันก็ง่ายนิดเดียวพอจะดีก็ดีอย่างไม่มีเหตุผลเฮ้อ…..แต่ก็ดีแล้วหล่ะเขาก็ขี้เกียจจะห้ามแล้วทะเลาะกันบ้างดีกันบ้างถือว่าสร้างสีสันความสามัคคีในที่ทำงานแล้วกันนะ


“นนท์ๆ ไหวรึเปล่า”บลูหันกลับมามองนนท์ที่นั่งอยู่ข้างๆพลางเขย่าตัวเบาๆหลังจากเหตุการณ์ไม่สงบผ่านไปพักใหญ่ๆทุกคนกลับมาสนุกกันต่อ  ยิ่งดึกก็ยิ่งคึกแอลกอฮอล์ได้ระดับความมันก็มาไม่ขาดสายแต่มีเพียงคนเดียวที่อยู่ที่นี่และไม่มีส่วนร่วมกับบทสนทนาใดๆเลยนั่งยกแก้วอยู่คนเดียวพอผ่านไปซักพักจึงมีท่าทางเป็นแบบที่เห็น


“นนท์…ถ้าไม่ไหวกลับบ้านกันนะดึกแล้ว”บลูบอกกับอีกคนที่หันมาลืมตามองแล้วพยักหน้าแล้วก็ฟุบลงกับโต๊ะบลูมองตามท่าทางน่าเป็นห่วง
“พี่ๆผมว่าเรากลับกันเถอะครับดึกมากแล้วเดี๋ยวจะกลับกันไม่ไหว อีกอย่างพรุ่งนี้ต้องทำงานกัน”บลูหันไปบอกทุกคนที่ท่าทางจะไม่ต่างจากนนท์เท่าไหร่แต่ยังดีไม่ฟุบหรือนั่งหลับไปก่อนจะกลับบ้านกัน


“เทพรบกวนขับรถพี่พาทุกๆคนกลับหน่อยนะดูท่านนท์จะไม่ไหวเดี๋ยวพี่จะขับรถนนท์กลับ”บลูบอกกับเทพซึ่งเป็นหน้าที่ประจำที่หลังจากสังสรรค์กันแล้วสองคนนี้ต้องขับรถตระเวนส่งพี่ๆที่บ้านกับรุ่นพี่คอทองแดงอีกคนรายนั้นถึงจะดื่มหนักแค่ไหนเจ้าตัวก็ไม่เมาอย่างมากก็กลื่มๆ      แถมหลังดื่มยังขับรถกลับบ้านเองซะอีกเทพกับบลูเคยเป็นห่วงแถมกังวลคอยถามตลอดทางแต่พี่แกก็ไปได้แถมพาเพื่อนๆไปด้วยตั้งหลายคน    ทุกคนก็ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพเมียพี่แกบอกว่าปล่อยไปเถอะเคยห่วงจนตอนนี้เลิกห่วงแล้วเห็นกลับถึงบ้านค่อยคิดว่ามีชีวิตอยู่      งานนี้ทั้งบลูและเทพเลยปล่อยเลยตามเลยคราวใครคราวมันแล้วกันนะพี่



“นนท์ลุกไหวมั้ย ปะกลับกัน” บลูหันไปพูดกับนนท์หลังจากจัดการค่าอาหารและต้อนทุกคนออกจากห้องเพื่อกลับบ้านกันงานนี้บอกเลยว่ายากคนเมามักพูดไม่รู้เรื่องแล้วยิ่งกับคนเมาตั้งหลายคนความยากยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวงานนี้เหนื่อยเทพอีกตามเคย


“บลูเราไม่อยากกลับบ้าน เราอยากดื่ม” นนท์พูดงืมงำขึ้นมาทำให้บลูต้องหันมามองขณะที่กำลังพยุงนนท์ออกจากห้องเดินมาตามทางเดินเพื่อไปที่รถของนนท์
“นนท์กุญแจรถอยู่ใหน” บลูถามพลางคลำหาในกระเป๋ากางเกงนนท์


“ในป๋าวกางเกงข้างซ้าย”นนท์ตอบพลางล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองหยิบกุญแจส่งให้กับบลูโดยที่เจ้าตัวตาจะปิดอยู่รอมร่อ บลูรับกุญแจมากดเปิดรถแล้วพานนท์ไปที่ฝั่งคนขับจากนั้นก็ปรับเบาะเอนลงพอประมาณให้นนท์กึ่งนั่งกึ่งนอนพอสบายตัวแล้วล็อกเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย


“นนท์นะนนท์เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงเป็นแบบนี้ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีอาการแบบนี้มานานแล้ว”บลูพึมพำอย่างนึกแปลกใจหรือว่า…..คงไม่ใช่ใช่มั๊ยนนท์ขอให้เป็นเรื่องอื่นเถอะนะอย่าเป็นเรื่องนี้เลยขอให้แผลมันหายไปกับการเวลาอย่าได้มีใครสะกิดมันขึ้นมาอีกเลยคนๆนี้ควรได้รับความสุขเหมือนอย่างคนทั่วไปซะที บลูถอนหายใจ    ยกสองมือลูบแก้มทั้งสองข้างของนนท์เบาๆอย่างให้กำลังใจถ่ายทอดความหวังดีผ่านสัมผัสอันอ่อนโยนสายตาทอดมองอย่างเข้าใจและรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวด       เราสัญญาอีกครั้งนะนนท์เราจะไม่ทิ้งนนท์ไปไหนเราจะอยู่ข้างๆนนท์เดินไปกับนนท์จนกว่านนท์จะไม่ต้องการเรา

**************************






ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #13 เมื่อ07-07-2019 20:26:08 »

ตอนที่  7 

                ภายในรถเก๋งคันเล็กที่จอดอยู่หน้าห้องพัก   ท่ามกลางความมืดที่มีแสงไฟสลัวจากเสาร์ไฟตรงรั้วประตูทางเข้าเพียงสองดวง บรรยากาศเงียบสงบไม่มีแม้แต่ลมพัดในคืนที่ร้อนอบอ้าวเช่นนี้และยามนี้หลายห้องที่อยู่บนตึกสี่ชั้นนั้นมืดสนิทเพราะเจ้าของห้องกำลังหลับใหล     เวลานี้เป็นเวลาดึกมากแล้วสำหรับต่างจังหวัดเมืองเล็กๆแห่งนี้       มีเพียงเสียงเครื่องยนต์จากรถที่จอดอยู่ลานจอดรถข้างตึกมาซักพัก คนขับนั้นเป็นหนุ่มหน้าตาน่ารักที่พักอยู่ชั้นสี่ของตึกนี้เองและคนที่กำลังนอนเอนอยู่ที่เบาะข้างคนขับคือเพื่อนสนิทและเจ้าของรถตัวจริง แต่สภาพตอนนี้หลับใหลเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่มีปริมาณมากในร่างกาย      ถึงแม้เจ้าตัวจะมีความทนต่อแอลกอฮอล์ได้ยอดเยี่ยมแค่ไหนแต่จากปริมาณที่ดื่มในวันนี้นั้นร่างกายจึงยากที่จะต่อสู้ได้


“ นนท์  เราอยากรู้ว่านนท์เป็นอะไร นนท์บอกเราได้มั๊ย นนท์ไม่เป็นแบบนี้มานานแล้วนะ ”  ชายหนุ่มที่นั่งประจำที่คนขับรถพูดขึ้นมาหลังจากที่เขานั่งมองอีกคนมาซักพัก ภายในใจเกิดความสงสัยอย่างมากมายถึงสาเหตุที่ทำให้คนๆนี้ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้       บลูรู้เกือบจะทุกเรื่องของนนท์เช่นเดียวกันกับนนท์ที่รู้ทุกเรื่องของบลูทั้งสองเป็นแบบนี้มานานแล้วรู้จักกัน       คบกันมาตั้งแต่วัยรุ่นผ่านเรื่องราวมาด้วยกันมากมายไม่ว่าร้ายหรือดี           
                    ช่วงที่เป็นวัยรุ่นวัยอันตรายก็คอยแนะนำตักเตือนกัน ช่วงที่เลวร้ายที่สุดก็ช่วยกันปลอบซึ่งกันและกันทำให้ทั้งสองผ่านมันมาได้          แม้จะไม่สวยหรูแต่ทุกครั้งทั้งสองก็ไม่เคยไม่อยู่ในช่วงชีวิตของกันและกัน   และในยามที่ทั้งสองดีใจที่สุดพวกเค้าก็อยู่ด้วยกันรับรู้ทุกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ    แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาจะมีระยะห่างสำหรับคำว่าเพื่อนให้กันเสมอ      มันคือระยะและพื้นที่ของแต่ละคนได้มีอิสระเป็นของตัวเองและครั้งนี้ก็เป็นเหมือนเช่นทุกครั้งที่เคยเป็นบลูจะไม่ถามไม่ซักอีกฝ่ายถ้านนท์ไม่เล่าและบลูก็จะทำเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมาคือรอให้อีกฝ่ายพูดออกมาเองและอยู่เป็นเพื่อนจนนนท์ดีขึ้นและพร้อมที่จะตั้งหลักกลับมาสู้ใหม่ได้อย่างเข้มแข็งอีกครั้ง 


“นนท์  นนท์รู้ใช่มั๊ยว่าเราไม่อยากให้นนท์เจ็บปวดอีก  ”  บลูพูดพร้อมกับมือที่กุมมือของนนท์ไว้ส่งผ่านความจริงใจไปให้อีกฝ่ายผ่านสัมผัสที่อบอุ่นนั้น เขาถอนมือกลับและนั่งมองนนท์อยู่อย่างนั้นเงียบๆ


“บลู  … ”  นนท์ลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียดูตาข้างหนึ่งหรี่ลงคล้ายกับสู้แสงที่ผ่านเข้ามาเพียงเล็กน้อยจากกระจกด้านข้างของรถไม่ได้
“ นี่เราหลับไปนานแค่ไหนเนี่ย ”  นนท์ถามด้วยเสียงงัวเงียพร้อมบิดตัวไปมาเพื่อไล่อาการปวดเมื่อยที่นอนท่าที่ไม่สบายเป็นเวลานานพร้อมสะบัดศีรษะไปมาเพื่อขับไล่ความมึนงงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์


“ ก็..ซักพักใหญ่ๆ เราไม่อยากปลุกเห็นกำลังหลับสบายเลยกะให้นอนซักพักเผื่อจะหายเมา ” บลูหันไปตอบ อีกฝ่ายพยักหน้าเข้าใจพร้อมขยับเพื่อเปิดประตูลงจากรถไปยืนรอข้างๆใช้สะโพกพิงรถไว้เพื่อให้ยืนได้มั่นคง

“ มึนหัวมากเลย ปวดด้วย ”  นนท์ก้มหน้าลงมือหนึ่งก็ยกขึ้นนวดขมับให้ตัวเอง อาการเมายังอยู่เต็มร้อยและอาการคลื่นไส้อยากอาเจียนกำลังก่อตัวมวนท้องมาน้อยๆ    เจ้าตัวพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆกลืนน้ำลายถี่แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ช่วยอะไรเลย


“ ไหวมั๊ยนนท์”หลังจากที่จัดการเก็บของในรถและล็อกรถแล้ววกกลับมามองที่ใบหน้าอีกฝ่ายที่ใบหน้าเริ่มบอกอาการไม่ค่อยดี หน้าซีด คิ้วขมวดพลางหายใจแรงๆ
“ เราอยากอ้วกว่ะ เวียนหัว ” นนท์ตอบแบบไม่มองหน้าและหลับตาเงยหน้าขึ้นฟ้าสูดอากาศเย็นยามดึก


“ ปะ…งั้นเรารีบขึ้นห้องกันเถอะจะได้อาบน้ำ” บลูเดินไปจับข้อศอกนนท์เพื่อพาเดินขึ้นห้องพักซึ่งอยู่ชั้นที่สี่ นนท์เดินอย่างทุลักทุเลเกาะราวบันไดไปกว่าจะถึงชั้นสี่ก็เซไปหลายรอบ   คนพยุงเดินใจหายตามไปหลายรอบเช่นกันกลัวได้กลิ้งตกบันไดกันไปทั้งคู่        แต่ยังดีว่าปลอดภัยถึงห้องทั้งสองคน นนท์นั่งทิ้งตัวลงที่โซฟารับแขกที่ห้องโถงอย่างหมดแรง บลูเดินเข้าไปในห้องนอนหยิบผ้าเช็ดตัวมาส่งให้ นนท์รับมาแล้วลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป     
                         บลูมองตามอย่างลุ้นว่าจะล้มกองลงไปกับพื้นแต่ซักพักได้ยินเสียงน้ำไหลจึงเบาใจลง แล้วเดินเข้าห้องเพื่อจัดการเก็บของในห้องนอนต่อ    เวลาผ่านไปเสียงในห้องน้ำหยุดลงพร้อมกับกลิ่นสบู่หอมๆลอยมาแตะที่จมูกแทนที่ของกลิ่นแอลกอฮอล์ที่สัมผัสมาตั้งแต่หลังเลิกงานทำให้รู้สึกสดชื่นเหมือนได้อาบเอง     บลูหันกลับไปมองอีกฝ่ายที่เดินไปยังตู้เสื้อผ้าของเขาและมีเสื้อผ้าของอีกฝ่ายรวมอยู่     นนท์ใส่เสื้อผ้าแล้วทิ้งตัวลงนั่งที่เตียงพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆเช็ดผมไปด้วย


“ ได้อาบน้ำแล้วค่อยดีขึ้นหน่อย…. สดชื่นขึ้นเยอะเลย ” นนท์พูดขึ้นท่าทางดีขึ้นเหมือนที่พูดจริงๆ
“ หิวน้ำมั๊ย เราเอาให้ ” บลูถามขึ้น เพราะทุกครั้งที่เมาหลังจากที่อาการเมาเริ่มหายอาการกระหายน้ำจะมากถ้าได้ดื่มน้ำเย็นๆจะช่วยให้ดีขึ้นได้เร็วมาก


“ ไม่เป็นไรเราไปหยิบเอง นายไปอาบน้ำเถอะ ดึกแล้วจะได้รีบเข้านอน ” นนท์ตอบพร้อมเดินออกไปที่ตู้เย็นในส่วนของครัวหยิบน้ำขึ้นมาดื่มอย่างกระหาย บลูรู้เสมอว่าหลังจากดื่มหนักๆนนท์จะดื่มน้ำมากกว่าปกติ นนท์หันไปมองที่ประตูห้องน้ำหลังจากที่ดื่มน้ำเสร็จ      รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของชายหนุ่มเขามีเพื่อนที่ดีจริงๆ เพื่อนที่จริงใจ เข้าใจเขาเสมอ ทุกอย่างที่บลูทำ    และอยู่เคียงข้างกันมาทำให้เขาผ่านเหตุการณ์ต่างๆในชีวิตมาได้      เมื่อเขาคิดถึงสิ่งที่ดีๆต่างๆที่บลูทำให้นนท์ก็รู้สึกอุ่นซ่านขึ้นมาในหัวใจความรู้สึกอึดอัด อัดอั้น สับสน เมื่อตอนเย็นผ่อนคลายลงอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่เขาคิดถึงคนๆนี้….บลู


“ นนท์ๆ … นนท์  เราไปทำงานแล้วนะ ตื่นยัง ลุกไปอาบน้ำเร็วสายแล้ว ”  เสียงบลูดังขึ้นพลางเก็บของใส่กระเป๋าเป้เพื่อเตรียมตัวไปทำงาน      วันนี้วันทำงานปกติถึงแม้เมื่อคืนจะฉลองกันขนาดไหนก็ต้องลุกขึ้นไปทำงานกันอยู่ดี
 
“ อือ…. ตื่นแล้ว…เดี๋ยวลุกแล้ว บลูไปเถอะเดี๋ยวสาย ” ตายังไม่ลืมขึ้นพร้อมมุดหน้าเข้าไปในผ้าห่ม อาการปวดศีรษะยังมีน้อยๆ เป็นอาการปกติหลังจากที่เมาหนักตอนกลางคืน

“ ไหวมั๊ยเนี่ย  คุณรักษาการหัวหน้า… ดูสภาพอย่างนี้จะทำงานได้เหรอ ” ดูจากสภาพแล้วถึงลุกขึ้นได้แต่อาการปวดก็จะยังมีอยู่แน่นอน

“ เข้าบ่ายก็ได้…เดี๋ยวโทบอกน้องไว้ก่อน บลูไม่ต้องห่วงหรอก ไปทำงานเถอะ สายแล้ว”  เสียงตอบกลับมาอู้อี้ในผ้าห่มบลูส่ายหน้าอ่อนใจอย่างนี้เดาได้เลยไม่เข้าทำงานแน่นอน      ที่ทำงานของนนท์เป็นแบบนี้ใครจะอยู่จะไปก็ได้ค่อนข้างจะมีอิสระขอแค่ทำงานของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อยเท่านั้นเพราะถือว่าโตกันแล้วต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเอง        เหมือนอย่างที่หัวหน้าของนนท์ไม่เข้าหน่วยหลายวันก็ไม่เป็นไรเพราะงานของหัวหน้าคือสั่งและตรวจสอบไม่ได้ทำทุกขั้นตอนเหมือนพวกลูกน้องและที่สำคัญ         มีลูกน้องเก่งและแก้ปัญหาได้ทุกอย่างแบบนนท์หัวหน้าก็หายห่วง แต่วันนี้คนที่มีความรับผิดชอบสูงเกิดจะเกเรขึ้นมาอย่างนี้แล้วใครจะอยู่รักษาการหล่ะ  แต่ดูจากสภาพการณ์ที่เป็นในตอนนี้ต่อให้เอาช้างมาฉุดคุณนนท์ผู้แสนดีก็ไม่มีทางลุกจากที่นอนอย่างแน่นอน


“ งั้นเราไปก่อนนะ  ถ้าไม่ไปทำงานก็ลุกขึ้นมาหาข้าวทานด้วย ”  บลูบอกออกไปอย่างยอมแพ้ และยอมเดินออกจากห้องเพื่อไปทำงานของตัวเองในเวลาที่เกือบจะเข้างานสายพร้อมกับความรู้สึกที่ยังอดเป็นห่วงไม่ได้


               นนท์โผล่หัวออกมาจากผ้าห่มพร้อมถอนหายใจ เขาไม่อยากไปทำงานในตอนนี้     และไม่อยากพบเจอใครความรู้สึกมากมายกำลังตีกันในหัวของเขา    แต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนเป็นห่วงเพราะรู้ดีว่าถ้าบลูรู้ต้องเป็นห่วงและเครียดไปกับเขาแน่ๆ     เพราะบลูเป็นแบบนี้เห็นความรู้สึกของเขาสำคัญ มองเขามีตัวตนและเป็นคนสำคัญจากที่แต่ก่อนเขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีตัวตน          ไม่มีความสำคัญกับใครแต่พอมาเจอเพื่อนของเขาคนนี้เขากลับมีความสำคัญและรู้สึกได้ทั้งความรู้สึกและการกระทำที่บลูแสดงออกมา


“ ขอโทษนะบลู เราไม่อยากให้เป็นห่วง ขอเราคิดอะไรซักพักนะ ” นนท์พูดขึ้นมาหน้าแหงนมองเพดานห้องนอนแม้เพื่อนของเขาจะไม่อยู่ที่นี่ด้วยก็ตามแต่เขาก็อยากบอกเพื่อลบล้างความรู้สึกผิดที่โกหกและทำให้เพื่อนเป็นห่วง     ชายหนุ่มขว้าโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงปลดล็อกแล้วโทรออกหาเบอร์ที่ไม่ได้โทรหาหรือติดต่อกันนานแล้ว      และที่สำคัญเขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้มีโอกาสกดเบอร์นี้อีกครั้ง เสียงสัญญาณโทรศัพท์แสดงถึงการเชื่อมต่อสายดังขึ้น ไม่นานเสียงที่ตอบกลับมาอย่างดีใจของคนที่รับสายก็ดังขึ้น


“ นนท์  เป็นไงบ้างลูก สบายดีมั๊ย คิดถึงลูกจังเลย อยากเจอหน้าลูก ” เสียงตอบกลับมาอย่างไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยคำใดๆออกมา นนท์ไม่มีโอกาสได้พูดเขานิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น และมือที่ถือโทรศัพท์กำแน่นเส้นเลือดที่มือปูดขึ้นเป็นเส้นอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อผุดขึ้นที่ไรผม     เสียงหายใจสั้นและถี่ขึ้น อย่างที่เจ้าตัวพยายามอดกลั้นและควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้กระเจิงไป


“รู้มั๊ยว่ารอลูกโทรมาตลอดเลย      อยากเจอลูกจริงๆนะ อีกไม่นานจะได้เจอกันแล้ว ลูกดีใจมั้ย   ”  เสียงยังถามมาอีกครั้ง คนฟังยิ่งนิ่งขึ้นอีก ทุกสิ่งรอบตัวดูอึดอัดขึ้นมาทันที


“ แม่ต้องการอะไร ผมอยากรู้แค่นี้ ” เสียงตอบกลับไปอย่างเย็นชา สายตาเข้มแข็งกร้าวขึ้นอย่างน่ากลัวหากมีใครซักคนที่อยู่ในห้องนี้อาจจะไม่สามารถทานทนต่อสายตานี้ได้


“ นนท์อย่าพูดอย่างนั้นสิลูก  แม่คิดถึงลูกถึงได้โทรไปหาพ่อเค้าไง  แม่แค่อยากเจอนนท์ ”  เสียงนั้นยังตอบกลับมาอย่างต่อเนื่อง น้ำเสียงติดที่จะตัดพ้ออยู่หน่อยๆ แต่สำหรับคนฟังที่เป็นลูกเขารู้ดีว่ามันไม่ใช่     เขารู้ดีว่าภายใต้น้ำเสียงแบบนี้มันมีเป้าหมายเสมอ


“ ผมอยากรู้แค่ว่าแม่ต้องการอะไร      ถ้าคิดถึงผมทำไมไม่โทรหาผม โทรหาพ่อทำไม ”  นนท์อดที่จะสงสัยไม่ได้เพราะอะไรถ้าอยากได้เงินจากเขาทำไมไม่โทรหาเขา    ทำไมถึงโทหาพ่อเขา คนที่แม่ของเขาไม่กล้าสู้หน้ามาหลายสิบปีแต่อยู่ดีๆกลับติดต่อมาอย่างนี้


“ แม่แค่อยากรบกวนให้พ่อกับนนท์ช่วยอะไรซักอย่าง ” นนท์ได้ยินถึงกับนิ่วหน้าขมวดคิ้ว     ทำไมถึงได้กล้ามาขอให้ช่วยทั้งๆที่ตัวเองมีความผิด     ตอนนั้นที่ตัวเองจากไปทิ้งความปวดร้าวและปัญหาต่างๆไว้มากมาย  จากไปมีความสุขของตัวเองพร้อมกับคนใหม่แต่ปล่อยคนเก่าๆไว้ข้างหลัง       ให้จมอยู่กับความเจ็บปวดมานานหลายปี     กว่าพวกเขาจะพ้นจากความทุกข์ทรมานนั้นมาได้และสามารถมีที่หายใจในโลกนี้ได้อีกครั้ง   มันต้องใช้ทั้งเวลาและกำลังใจอย่างมากมาย     แล้วพอจะกลับมาก็กลับมาง่ายๆมันดูไม่ยุติธรรมกับคนที่อยู่ที่เดิมตรงนี้เลยซักนิด


“ ผมว่าแม่พูดง่ายไปนะ ” นนท์พูดสั้นๆเรียบๆน้ำเสียงยังคงเย็นชา
“ นนท์อย่าพูดอย่างนั้นได้มั๊ย   แม่รู้ว่ามันจะทำให้นนท์ลำบากใจแต่ช่วยแม่หน่อยนะ”  อีกฝ่ายยังคงขอร้องกลับมา
“ ผมช่วยแม่ไม่ได้หรอก อย่าหวังกับผมเลย ” นนท์ตอบกลับไปอย่างไม่ใยดี

“ นนท์แม่ขอร้อง    ฟังแม่ก่อนได้มั๊ยแม่เดือดร้อนจริงๆ ”  นนท์ได้ฟังยิ่งโกรธมากขึ้นอารมณ์ที่พยายามทำให้สงบลงกลับมาอีกครั้ง

“ แล้วตอนที่ผมกับพ่อขอร้องให้แม่ฟังพวกเราหล่ะ   ตอนนั้นแม่ไม่ยอมที่จะหยุดฟังด้วยซ้ำ”  เสียงตอบกลับไปอย่างเย็นชาและแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด

“ นนท์แม่ผิดไปแล้ว  แม่ขอโทษจะให้แม่ทำอะไรก็ได้บอกมาเลยแม่ทำได้ทุกอย่างขอเพียงให้นนท์ช่วยแม่เท่านั้น”  น้ำเสียงอ้อนวอนอย่างร้อนรนผ่านมาตามสาย
“ แม่ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้วผมเชื่อและเคยเห็นมากับตาตัวเอง”  นนท์สวนกลับไปทันที


“ แม่ขอโทษนนท์ แม่ผิดไปแล้วแม่สำนึกผิดจริงๆ นนท์ฟังแม่นะ เชื่อแม่นะ” เสียงอ้อนวอนร้อนรนแต่นนท์ไม่รอฟังพูดตัดบทสนทนาอย่างไม่คิดถึงความถูกต้องเหมาะสม

“ แค่นี้นะผมกำลังยุ่ง     คงช่วยแม่ไม่ได้หรอก ” พูดเสร็จแล้วกดตัดสาย สายตาว่างเปล่าเย็นชา เจ็บปวดเคียดแค้นเหรอ  ไม่หรอกมันเลยจุดนั้นมาแล้ว  โกรธเหรออาจจะใช่  ผิดหวังใช่ไหม   มันไม่มีความหวังมานานแล้ว นนท์บอกตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ามันคืออะไร  และที่ยังมีในใจคือความสงสัยที่ว่าคนๆนี้ทำไมถึงกล้ากลับมา


            บลูเปิดประตูห้องเข้ามาหลังจากที่เลิกงานกลับมา สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือกลิ่นแอลกอฮอล์ที่แตะจมูกแล้วภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือ นนท์ผู้ชายหน้าตาดีเพื่อนสนิทเขาที่กำลังนั่งถือแก้วในมือนั่งนิ่งๆดวงตาเหม่อลอยเหมือนไม่ได้รับรู้ถึงการมาของเขา บลูมองภาพนั้นนิ่งๆ     นนท์เปลี่ยนชุดจากชุดใส่นอนในตอนกลางคืนแล้ว คงจะเปลี่ยนแล้วออกไปซื้อเหล้ามาเพราะว่าห้องเขาเองไม่มีเหล้าหรือแอลกอฮอล์ซักขวด    และดูจากปริมาณที่น้ำในขวดพร่องลงไปไม่น้อยนนท์คงดื่มมาตั้งแต่เช้า        และขวดเปล่าที่วางอยู่ข้างๆโซฟาอีกหลายขวด ไม่เห็นว่าจะมีอาหารหรือของกินอื่นๆนอกจากขวดเหล้า


“ นนท์ กินข้าวยัง ” บลูเดินเข้าไปใกล้ๆหยุดยืนตรงหน้านนท์เงยหน้าขึ้นมามอง กลับมาแล้วเพื่อนของเขา เพื่อนที่จริงใจไม่เสแสร้ง   เพื่อนที่ไม่เคยถามถึงปัญหาเพื่อตอกย้ำ     เพื่อนที่คอยรับฟังทุกอย่างอย่างไม่โต้เถียงหรือคัดค้าน เพื่อนที่คือเขตปลอดภัยอีกที่หนึ่งของเขา    เพื่อนคนนี้ที่คอยเป็นที่ให้พิงเวลาเซและส่งพลังกลับมาให้ยืนตรงได้อีกครั้ง

“ บลู…..เขากลับมาแล้ว….คนนั้นกำลังจะกลับมา”  นนท์สบตากับบลูพูดเสียงแผ่วแววตาอ่อนหล้า
“ นนท์รู้ใช่มั๊ยเราอยู่ข้างๆนนท์ ”  บลูพูดตอบกลับไปอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยนพร้อมกับยื่นมือไปแตะที่ไหล่ซ้ายกดเบาๆส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดไปให้ รับรู้และเข้าใจทุกอย่าง “เราจะอยู่ข้างๆนนท์”

 
“ นนท์โอเคมั๊ย” ทั้งสองนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนมีเพียงแสงไฟสลัวจากระเบียงนอกห้องที่ส่องเข้ามาทำให้พอมองเห็นใบหน้าได้       นนท์หนอนหงายมือประสานมือไว้ที่หน้าท้องสายตาเหม่อมองเพดานอย่างว่างเปล่า มีบลูนอนตะแคงหน้ามองนนท์อยู่ข้างๆ สายตาแห่งความห่วงใยทอดส่งผ่านมาให้

“ เราไม่รู้ว่ะบลู เราทำไรไม่ถูกเราสับสน ” นนท์ตอบบลู  โดยที่ไม่หันไปมองหน้าตายังคงจ้องเพดานนิ่งอยู่อย่างนั้น
“ เราเชื่อว่านนท์จะผ่านมันไปได้ ” บลูบอกออกไปน้ำเสียงจริงใจ     มันเป็นเหมือนน้ำเย็นๆที่สาดมายังใจที่ร้อนรุ่มให้คลายลง    นนท์รู้ว่ามันจะผ่านไปแต่จะอีกนานแค่ไหน     เจ็บปวดทรมานอีกเท่าไหร่  เขานึกไม่ออก


“ วันนี้เหนื่อยมากแล้วพักผ่อนเถอะ  บลูต้องทำงานเช้าอีก”  นนท์หันพลิกตัวตะแคงหน้ามองบลูสบตากัน ในความสลัวของแสงไฟในห้อง
“ อืม นอนหลับให้สบายนะ ” บลูพูดพร้อมยิ้มให้

“ อืม…ขอบใจนะ ” นนท์ตอบกลับและยิ้มส่งคืนให้ บลูหลับตาลงพร้อมรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก นนท์ไม่รู้ว่าทำไมบลูถึงเป็นคนที่เข้าใจเขาได้มากมายขนาดนี้      อาจจะมากกว่าตัวเขาเองด้วยซ้ำ บลูไม่พูดอะไรมากมายแต่ทุกคำพูดมันพอดีกับเขา       ไม่เข้าข้างเกินไป ไม่สงสารเกินไปซึ่งเป็นสิ่งที่นนท์เกลียดที่สุดเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า    คนที่ได้รับความสงสารคือคนที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย   
                    แต่บลูจะเชื่อมั่นในตัวเขาว่าเขาจะจัดการมันและคอยอยู่ข้างหลังคอยผลักเบาๆให้เดินต่อไปได้        นนท์หลับตาลงพร้อมกับกระชับผ้าห่มให้ตัวเองและคนข้างๆได้อุ่นขึ้นป้องกันตัวจากอากาศที่เย็นของเครื่องปรับอากาศในยามดึก     เอาไว้ก่อนพรุ่งนี้ค่อยจัดการใหม่บางทีคงถึงเวลาที่เราจะต้องเผชิญปัญหาและยอมรับมันซักที    ความคิดสุดท้ายของนนท์ก่อนที่จะเข้าสู่ความหลับใหลจากความเหนื่อยหล้าของกายและใจในวันนี้ที่ผ่านมา

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #14 เมื่อ07-07-2019 20:36:25 »

ตอนที่  8
   
                บรรยากาศในห้องทำงานในตอนนี้ค่อนข้างเงียบสงบแตกต่างจากช่วงเช้ามากมายที่มีความวุ่นวายและเสียงดังอย่างที่เคยเป็นประจำ       จากสมาชิกในห้องทำงานที่เป็นชายฉกรรจ์เป็นส่วนมากที่ทำงานไปด้วยพูดคุยเรื่องเรื่องมีสาระบ้างไม่มีสาระบ้างตามแต่หัวข้อที่มีผู้เปิดสนทนาว่าเป็นใคร    แต่ในตอนนี้บรรยากาศนั้นได้เลือนหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเหลือไว้แต่บรรยากาศที่เงียบ       ไร้ซึ่งเสียงเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตใดๆ บรรยากาศแบบนี้มันน่าอึดอัดมากกว่าการที่ทะเลาะกันหรือโต้ถียงกันซะอีก     บรรยากาศในห้องกำลังดีแท้ๆไม่น่าเลยทำไมมันเหมือนกลับไปเหมือนวันนั้นอีกแล้วนะ   
               
                   วันที่บิ๊กบอสมา เทพคิดในใจเขาไม่อยากอยู่สภาพแบบนี้อีกแล้วเขาทนไม่ได้        เทพหันหน้าไปที่รุ่นพี่คนสนิทที่ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  บลูนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองมือขวากำลังจับเมาท์คอมพิวเตอร์ลากไปมาใบหน้าห่างจากจอพอประมาณ    ที่หน้าจอมีตารางรายงานเกี่ยวกับผลงานอะไรซักอย่างมันขึ้นเป็นสีแดงมากกว่าสีเขียวเกือบเท่าตัวนั่นหมายความว่า    งานส่วนของเขาที่ทำไปทั้งหมดนั้นมันได้เกิดปัญหาอันใหญ่หลวงขึ้นให้แล้ว     เป็นสาเหตุที่ทำให้ห้องทั้งห้องเงียบสงบขนาดนี้     ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดปัญหาอะไรขึ้นแต่ที่รู้ๆคือในบรรดาหน่วยหลายๆหน่วยมีหน่วยของเขาที่เกิดปัญหาที่เดียวที่อื่นไม่มีปัญหา   
                 

                      ตอนนี้บลูจึงพยายามค้นหาสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเคร่งเครียด มันเกิดอะไรขึ้น        ผิดพลาดตรงไหนเขาจะต้องรู้สาเหตุและแก้ไขปัญหาให้ได้และที่สำคัญต้องแก้ให้ได้วันนี้เท่านั้น  หัวหน้าให้เวลาถึงแค่วันนี้และพรุ่งนี้พวกเขาต้องส่งรายงานที่เรียบร้อยให้หัวหน้า     เทพเองก็งงว่าอยู่ดีๆเกิดอะไรขึ้นตอนนี้เขาพยายามจะช่วยหาข้อมูลข้อผิดพลาด         เขาพยายามถามเพื่อนเขาเองที่ดูแลระบบข้อมูลของหน่วยใหญ่ให้ช่วยตอนนี้ฝ่ายนั้นกำลังหาทางช่วยอย่างเร่งรีบ      งานนี้ทุกคนมีส่วนร่วมหมดเพราะแน่นอนว่าถ้าผลออกมาว่าแก้ไม่ได้ทุกคนก็จะมีผลและโดนไปด้วยเพราะมันเป็นงานรวมงานทุกส่วนมันเกี่ยวเนื่องกันไม่สามารถแยกออกได้เมื่อส่วนใดผิดมันจึงพ่วงไปกันทั้งหมด 


“ เออ…ว่าไง ..ได้เรื่องมั๊ย ” เสียงของเทพดังขึ้นทำลายความเงียบที่ก่อตัวมานานเกือบสองชั่วโมง ทุกคนละสายตาจากคอมพิวเตอร์ของตัวเองหันไปมองตามเสียงเห็นเทพกำลังคุยโทรศัพท์สีหน้าเคร่งเครียด และคาดเดาได้ว่าน่าจะเป็นเพื่อนที่หน่วยใหญ่โทรมาส่งข่าว



“ เออ เดี๋ยวกูลองก่อน …ได้ๆ ..แปบๆ กูหาไม่เจอ ..เออ  มึงบอกมาเลย ตามสเตป …เออออ ”  เสียงพูดโต้ตอบกับคนในสายดังต่อเนื่องพร้อมมือลากเมาท์ไปมาบนโต๊ะ    ทุกคนในห้องหยุดทำงานอย่างถาวรแล้วหันมาตั้งใจฟังบทสนทนาของเทพเมื่อแน่ใจแล้วว่าเป็นเพื่อนของเทพแน่นอนที่คุยกับเทพอยู่ในเวลานี้


“ ได้แล้ว ขอบใจมากเพื่อน เดี๋ยวที่เหลือคงต้องช่วยกันจัดการ เอาไว้คราวหน้าคราวหลังมึงบอกกูด้วย แม่งคนอื่นคิดว่าพวกกูเป็นไงวะ …เออออ ได้ๆโอเค….. ” ผ่านไปซักพักเสียงสนทนาได้จบลงพร้อมกับเสียงถอนหายใจอย่างหมดแรงของเทพ


“ ว่าไงวะเทพ เกิดอะไรขึ้น  ”  รุ่นพี่ถามขึ้นอย่างร้อนใจเทพกวาดสายตามองหน้าทุกคนแล้วพูดออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“ คืองี้พี่… หน่วยอื่นน่ะเค้าใช้โปรแกรมพิเศษกันใช่มั๊ยเวลาทำงานแล้วส่งรายงานอ่ะมันเลือกส่งได้ว่าเราจะส่งอะไร    อันไหนผิดมันก็จะฟ้องให้เราแก้ทันที  ” เทพตอบรุ่นพี่


“ แล้วของเรามันผิดเหรอวะ     ไอ้บลูไม่น่าทำผิดนะเว้ยถ้าคนอื่นก็ว่าไปอย่าง ” รุ่นพี่อีกคนถามกลับมา


“ เปล่าพี่ ไอ้โปรแกรมพิเศษน่ะ มันจะแปลงรหัสจากโค้ดรหัสของเราที่ทำอีกที่หนึ่ง   พอไปที่หน่วยใหญ่เค้าก็นับข้อมูลได้เลย    แต่ของเรามันเป็นโค้ดที่ยังไม่ได้แปลง ข้อมูลที่ไปที่ฐานข้อมูลของหน่วยใหญ่เค้าตั้งโปรแกรมอัตโนมัติไว้มันดึงข้อมูลได้ทันทีที่มีข้อมูลเข้าไปแล้วแปรผลรายงานได้    ทีนี้พอของเราเข้าไปมันไม่ใช่รหัสที่ตั้งไว้มันเลยไม่นับรายงานมันก็เลยขึ้นเป็นข้อมูลผิดพลาด    หรือข้อมูลที่สูญเปล่าน่ะ” เทพอธิบายอย่างยืดยาว รุ่นพี่บางคนฟังแล้วงงๆ จนต้องอธิบายเพิ่มเติมอีก



“ ของเรามันเป็นโค้ดรหัสดิบที่ยังไม่แปลงรหัสไง  ฐานข้อมูลหน่วยใหญ่มันเลยไม่รับ   แต่ของคนอื่นน่ะโปรแกรมพิเศษมันแปลงให้แล้วจากที่เขาทำงานปกติ พอส่งมันก็ส่งได้ทันทีไม่ต้องแปลง  ” บางคนเริ่มพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เทพอธิบาย
“ อ๋อออ ….ถ้างั้นเราก็ใช้โปรแกรมพิเศษเหมือนคนหน่วยอื่นๆสิเราจะได้สะดวก ” รุ่นพี่อีกคนเสนอความคิดเห็น

“ พี่ก็รู้ว่าโปรแกรมนี้มันเสียเงิน หัวหน้าไม่เอานี่พี่ ครั้งที่แล้วก็พูดในที่ประชุมหัวหน้าหน่วย มีหน่วยเราที่เดียวที่ไม่เอา ”
“ แล้วมันมีประโยชน์อะไรวะโปแกรมนี้ ”
“ เอาไว้ตรวจสอบการทำงานทุกคนว่าถูกหรือผิด      ต้องแก้ตรงไหน ลดความผิดพลาดไงพี่ ”


“ แล้วเราต้องทำไงวะตอนนี้ มีทางแก้มั๊ย แก้ไม่ได้นี่ตายเลยนะ ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่หัวหน้า ” เสียงพูดอย่างเคร่งเครียด

“ ช่วยกันแก้ไงพี่ แก้ทีละตัว จนครบทุกตัว เพื่อนผมมันบอกวิธีแก้แล้ว  ”
“ แล้วมันต้องแก้ยังไงวะ ยากมั๊ยวะ แล้วนานมั๊ยกว่าจะเสร็จ ”



“ นี่เลย…….แบบนี้   … ไปตรงนี้  กดตรงนี้ แล้วเปลี่ยนตรงนี้เป็นรูปนี้กดโอเค คือเสร็จ….” เทพอธิบายพร้อมทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
รุ่นพี่แต่ละคนทำหน้าตาตื่นตกใจบางคนถึงกับหมดแรงนั่งแหมะลงบนเก้าอี้หลังจากที่สุมหัวกันดูเทพสาธิตการแก้ไข
“ ถึงเช้าจะเสร็จกันมั๊ยวะ  ” คนถามเสียงอ่อนแรง


“ พวกพี่โทรบอกที่บ้านได้เลย คืนนี้ไม่ได้กลับ ” เทพบอก

“ โอ้ยตายๆๆๆๆกู พรุ่งนี้กูจะบอกหัวหน้าให้ซื้อโปรแกรมบ้าบออะไรนี่ แน่ๆ     ถ้าไม่ซื้อนะกูจะขอย้ายแผนกเลย คอยดู ”
“ เอาเถอะพี่พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน วันนี้เรารีบทำดีกว่าจะได้เสร็จเร็วๆ เผื่อจะได้กลับบ้านกัน ”  เสียงบลูพูดขึ้นหลังจากที่เงียบฟังมานานตั้งแต่ต้น      ที่เขาเงียบไปไม่ใช่ว่าเพราะอะไรแต่เงียบเพราะกำลังตั้งสติกับสมาธิเพื่อให้ตัวเองเข้าใจในสิ่งที่เทพอธิบายเพราะมันสำคัญมาก   
                   ในขณะที่ความคิดของตัวเองเอาแต่คิดถึงอีกคนที่แยกกันเมื่อเช้าเพื่อจะไปทำงานของแต่ละคน       ใบหน้าของคนที่ถึงจะยืนยันกับเขาว่าไม่เป็นไรแต่ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นและเป็นหนักมากด้วย   และวันนี้ทั้งวันเขาก็ติดต่อไม่ได้     โทรศัพท์ไปก็ไม่ติด               ส่งข้อความก็ไม่ตอบ เขาอดกังวลไม่ได้ คนที่คนอื่นเห็นว่าเข้มแข็งหนักหนา    แต่จริงๆภายในกำลังอ่อนล้าและอ่อนแรงเป็นอย่างมาก     บลูได้แต่ข่มความกังวลไว้ในใจคนเดียวนี่เวลางาน แล้วงานนี้ก็มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับเขาเต็มที่       ถ้าเขาไม่มสมาธิหรือทำผิดอีกเพื่อนร่วมงานที่อุตส่าแก้กันมาก็สูญเปล่า เวลางานไม่ควรคิดเรื่องส่วนตัว บลูบอกกับตัวเอง


“ ตอบเรามาซักคำก็ดีนะนนท์แค่นี้เราก็โอเค ” บลูพูดกับอีกคนในใจ




                    เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้แต่เวลานี้ข้างนอกนั้นมืดสนิท          และเงียบสงบบลูเงยหน้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หันกลับไปมองทุกคนในห้องที่กำลังขมักขเม่นอยู่กับหน้าจอของตัวเองอย่างเคร่งเครียด    มองไปรอบๆพลางถอนหายใจทำไมวันนี้มันยุ่งยากกว่าทุกวัน      ทั้งเรื่องงานที่ไม่เคยมีปัญหาหนักหนาขนาดนี้มานานแล้ว     และนนท์เพื่อนของเขาที่ปัญหาก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากันเลยไม่หนำซ้ำยังเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้มาหลายปีเป็นปัญหาที่เป็นเหมือนสนิมกัดกินหัวใจให้เกิดบาดแผลลึกและไม่มีวันหายเวลานี้นนท์จะอยู่ไหนทำอะไร     
                 เขารู้ว่านนท์ไม่ทำอะไรที่เลวร้ายหรือไม่มีเหตุผลแต่เขาก็เป็นห่วงแค่ได้เห็นนนท์ในสายตาว่าเป็นยังไงก็พอแล้ว     บลูคิดแล้วพลันหายใจติดขัดในอก     อยากเดินออกไปข้างนอกซักพักเพื่อดับอารมณ์ตัวเองที่กำลังก่อตัวขึ้นมาในตอนนี้


“ ทุกคนบลูจะออกไปซื้ออะไรเย็นๆกินแก้ง่วง     มีใครต้องการอะไรมั๊ยครับ ” บลูพูดขึ้นมาทำให้ทุกคนหันมามองแล้วรายการสั่งของเต็มหน้ากระดาษก็เกิดขึ้น       แต่ละคนต้องการพลังงานมาเติมเต็มและเป็นเสบียงเพื่อต่อสู้กับค่ำคืนที่ยาวนานนี้


“ พี่ผมไปช่วยถือ ” เทพอาสาเป็นเพื่อนเพราะเห็นรายการแล้วก็อดสงสารไม่ได้      พี่ๆแต่ละคนนี่อย่าเรียกว่าซื้อมารับประทานเลยครับเรียกว่าอย่างอื่นเถอะ

“ ไม่เป็นไรเทพ ใกล้ๆเองแค่ข้ามถนน เทพทำไปเถอะ พี่ไปนะ ” บลูตอบเทพอย่างรวดเร็วไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธได้      และออกจากห้องทันที เขาขอบใจรุ่นน้องที่อยากมาช่วยเทพเป็นคนมีน้ำใจกับเขาเสมอสมกับตำแหน่ง “ องครักษ์พิทักษ์พี่บลู” ที่เจ้าตัวตั้งให้ตัวเอง      แต่ตอนนี้เขาอยากอยู่คนเดียวซักพัก อย่างปล่อยใจปล่อยอารมณ์ที่กำลังอึดอัดนี้เผื่ออาการจะดีขึ้น บลูเดินอย่างช้าๆไปตามทางเดินหน้าตึกสำนักงาน สูดหายใจลึกเอาอากาศเย็นๆในยามค่ำคืนเข้าปอดให้มากๆ       เวลานี้ข้างนอกคนไม่พลุกพล่านแล้วแต่ยังมีบ้างประปรายตรงหน้าร้านสะดวกซื้อที่อยู่อีกฝั่งถนน       

                      บลูมองไปรอบๆเพื่อพักสายตาแล้วบังเอิญสายตาปะกับร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเองเคยเจอมาครั้งหนึ่งแต่นานมากแล้ว      เขาจ้องมองชัดๆเพื่อความแน่ใจและบอกตัวเองว่าไม่ใช่หรอก     ตาฝาดแน่ๆสงสัยทำงานมากไปหน่อยตามันล้าเลยมองไม่ชัดแน่ๆ เพราะผู้หญิงคนนั้นกับคนนี้ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน   เป็นเมื่อเจอกันครั้งแรกและครั้งเดียวเธอดูสวย ดูดี มีความสุข แต่กับคนนี้ที่มีรูปร่างผอม   คล้ำ  แก่กว่าถ้าจะเทียบเวลากับคนนั้น   บลูสะบัดศีรษะและรีบเดินข้ามถนนไปพร้อมผู้หญิงคนนั้นก็ขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าร้านและรถเคลื่อนออกไปเมื่อบลูเดินไปถึง บลูมองตามจนสุดสายตา จนบอกตัวเองอีกครั้งว่าไม่ใช่หรอกน่า ทั้งๆที่ความไม่แน่ใจได้ก่อตัวขึ้นมาทีละน้อย
 

“ ขอบใจทุกคนที่ช่วยกันจนงานเสร็จเรียบร้อยเป็นอย่างดี คงไม่ได้นอนกันใช่มั๊ยดูท่าแต่ละคน วันนี้พี่ปล่อยตามสบายหนึ่งวัน    เดี๋ยวพี่จะรีบเข้าประชุมกับบิ๊กบอสต่อช่วงบ่าย    เอาผลงานพวกเราไปเสนอ   ทุกคนตามสบายนะ… ” เสียงคนพูดได้จบลงพร้อมกับหยิบแฟ้มเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ  และก้าวออกจากห้องไปด้วยใบหน้าที่สดใสเนื่องจากงานเสร็จเรียบร้อยและอยู่ในระดับที่น่าพอใจ


“ เฮ่อ…….เสร็จจริง งานเสร็จคนก็จะเสร็จ…. ” เทพพูดขึ้นอย่างเหนื่อยล้าเมื่อคืนเขาไม่ได้นอนเลย    มีตอนใกล้สว่างที่มันเผลอหลับไปแล้วก็สะดุ้งขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ปลุกตอนเช้าเป็นประจำทุกวัน    พอลืมตาขึ้นหันไปมองรอบๆเห็นบลูนั่งทำงานอยู่หน้าตาอิดโรยไม่ต่างกัน     พี่ๆบางคนฟุบหน้าลงบนโต๊ะ    บางคนหลับคอพับอยู่บนเก้าอี้    งานนี้แต่ละคนสภาพอิดโรยดูไม่จืดเลย


“ ได้งานก็หอบไปเอาหน้ากับบิ๊กบอส คงได้หลายหน้า ” เทพพูดต่อด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ บอกวันนี้ปล่อยตามสบาย ถึงไม่ปล่อยสภาพนี้คงนั่งถ่างตาทำงานได้หรอกนะ ” รุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้น


“ ผมว่าเราไปหาอะไรเย็นๆมากินแก้ง่วง      แก้เซงกันดีกว่าไหนๆก็ปล่อยแล้ว ผมไม่มีอารมณ์ทำงาน  ” เทพเสนอความคิดเห็น
“ แต่ยังไม่เที่ยงเลยนะ   รอเที่ยงก่อนมั๊ย ” บลูออกความคิดเห็น


“ มันใกล้เที่ยงแล้วหล่ะบลู    ไม่เป็นไรหรอกวันนี้บอสบอกตามสบายไง ” รุ่นพี่คนที่เป็นการเป็นงานมากที่สุดพูดขึ้น       งานนี้คงจะเหนื่อยจริงๆเพราะปกติพี่คนนี้จะไม่ค่อยปล่อยในเวลาทำงาน     พี่ที่บลูพอจะเอาเป็นแบบอย่างได้บ้างและพอที่คนอื่นจะเกรงใจรองจากบอส



“ เราไปหาอะไรมากินในนี้ดีกว่า    ห้องอาหารเราอาจจะแคบแต่ก็ดีกว่าออกไปกินข้างนอก    สภาพงี้คนได้แตกตื่นกันหมด พี่ไม่อยากเสียภาพพจน์ ” รุ่นพี่เสนอความคิดเห็น
“ ใช่ๆเห็นด้วยเผื่อมีงานด่วนเข้ามาด้วย     อีกอย่างขี้เกียจตอบคำถามคนอื่นด้วย ” เสียงสนับสนุนส่วนใหญ่คือกินที่ห้องอาหารที่ทำงาน   จากนั้นกระบวนการหาอาสาสมัครในการหาเสบียงจึงเกิดขึ้นสรุปสุดท้ายไม่พ้นนายเทพสุดหล่อประจำหน่วย  หล่อตลอดถ้าตอนใช้งาน เทพแอบคิดในใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นตัวเอง


“ พี่ใครจะไปกับผม แบกไม่ไหวนะเยอะขนาดนี้อ่ะ ” เทพขอกำลังเสริมจะให้เขาขนซื้อมาคนเดียวคงไม่ไหวงานนี้ต้องหาผู้ช่วยอีกแรง
“ มาๆเดี๋ยวพี่ไปเอง    อยากออกไปสุดอากาศข้างนอกบ้างอยู่ในนี้แทบจะบ้าอยู่แล้ว ” รุ่นพี่เสนอตัวเพราะอึดอัดเต็มทีกับการที่อยู่ในที่ทำงาน24ชั่วโมง

“ โอเคคร้าบ   อย่างนี้สิพี่ยามศึกเรารบ   ยามสงบเราต้องช่วยกัน  ” เทพพูดเสียงสดใส

“ มึงก็เวอร์ตลอด ” พูดพร้อมกับผลักประตูออกไปข้างนอกเพื่อไปจัดการสิ่งที่ต้องการ
“ กูอยากงีบซักหน่อย  ”
“ กูอยากดื่มโว้ย  ”
“ กูก็อยากดื่ม ”

“กูอยากเล่นเกมส์ให้หายเครียด ”

“ กูอยากคุยกับน้อง น้ำอ้อย น้ำตาล น้ำหวาน  ของกู…. ”
          นี่คือเสียงบ่นระงมของสมาชิกในหน่วยที่ทุ่มเทกันทำงานมาทั้งคืน พอมาถึงวันนี้ก็ประชุมสรุปงานครึ่งค่อนวัน อาการเหนื่อยล้าของแต่ละคนจึงเป็นอย่างที่เห็น บลูนั่งมองพี่ๆแต่ละบางคนนอนเหยียดยาวบนโซฟา บางคนฟุบกับโต๊ะ บางคนเดินเข้าๆออกๆห้องทำงานเพื่อผ่อนคลาย    บางคนเล่นโทรศัพท์ รวมทั้งตัวเขาเองด้วย ถึงจะประชุมสรุปงานเครียดแค่ไหนแต่ในใจก็ยังอดกังวลถึงอีกคนไม่ได้ คอยมองโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลาแต่ก็ไม่มีความเลื่อนไหวของอีกคน      บลูตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาให้ตัวเองสดชื่น       เขาเองอึดอัดจนหายใจไม่ออกคล่องอาจเพราะว่าไม่ได้นอนทั้งคืนและความวิตกกังวลถึงอีกคน



ติ้ง…
เสียงข้อความโทรศัพท์ดังขึ้นบลูรีบยกขึ้นมาดูพอเห็นชื่อคนส่งก็รีบกดเข้าไปดู

“ เราโอเค นายไม่ต้องห่วง ” บลูอ่านข้อความสั้นๆนั้นพร้อมกับสติกเกอร์ตัวการ์ตูนคำว่าโอเคใหญ่ๆนั้น ก็ยังดีที่ส่งกลับมาถึงแม้จะสั้นแต่ยังดีกว่าที่ไม่รู้อะไรเลย    บลูคิดในใจหลังจากที่รอมาทั้งวันทั้งคืน “ ขอให้โอเคจริงๆนะนนท์  ”

            บรรยากาศยามเย็นหลังเลิกงานที่เงียบสงบ ลมพัดเอื่อยๆดวงอาทิตย์กำลังอ่อนแสงลงเรื่อยๆท้องฟ้าเบื้องบนเป็นสีส้มแดงมองแล้วยิ่งทำให้อารมณ์ที่อ่อนไหวยิ่งดิ่งสู่ห้วงลึกของหัวใจ      บลูยืนมองท้องฟ้าจากระเบียงหลังห้องพักในมือถือโทรศัพท์ไว้มั่น    ใจคิดไปถึงคนที่อยู่ในความคิดมาตลอดคนที่รอฟังข่าวคราว คนที่อยากเห็นหน้าเพียงแค่อยากรู้ว่าเจ้าตัวยังอยู่ดี      แต่เมื่ออีกฝ่ายบอกมาว่าโอเคเขาก็ได้แต่เก็บความห่วง กังวลนี้ไว้ในใจเพียงผู้เดียว       พวกเขาเป็นอย่างนี้ไม่ซักถามเพียงรอให้อีกฝ่ายเป็นคนพูด แต่ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่เคยทิ้งกันยังอยู่ข้างๆกันตลอดมา       และบลูหวังว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไปแม้ว่าจะในถานะอะไรก็ตาม เขามองโทรศัพท์ในมืออีกครั้งก่อนถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน “ เราจะทำยังไงดีนนท์”
   


                    บลูเดินกลับเข้ามาในห้องเพราะบรรยากาศข้างนอกตอนนี้มันเศร้ามากเกินไปเกินกว่าที่ใจจะรับไหว วันนี้งานทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยดีแต่เขาไม่ได้กลับบ้านทั้งๆที่ไม่ได้กลับมาหลายวันเพราะถ้ากลับไปแล้วใจเขาก็เอาแต่คิดถึงเรื่องของอีกคนคงดูเหมือนคนกำลังเครียดและพ่อกับแม่เขาต้องสังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้และซักเขาแน่ๆซึ่งถ้าซักแล้วเขาก็ไม่รู้จะบอกยังไงเพราะบางครั้งเขายังไม่มีคำตอบให้ตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าเขาห่วงนนท์มากเกินไปหรือเปล่า    กังวลแทนไปหมด   เกินกว่าเพื่อนคนหนึ่งจะทำหรือบางครั้งเขาเองก็ยังสับสนว่าความคิดของตัวเองและความสับสนนี้คืออะไร     มันเป็นความรู้สึกของเขาเองจริงๆใช่ไหมหากต้องตอบคำถามพ่อแม่เขาคงไม่มีคำตอบให้    บลูเดินไปมารอบห้องพลางมองไปรอบๆหาอะไรทำแก้อาการฟุ้งซ่านนี้

 

“ เก็บห้องดีกว่าไม่ได้ดูแลมาหลายวันห้องรกเหมือนกองขยะ”  บลูบอกกับตัวเองแล้วลงมือเก็บของต่างๆเข้าที่ปัดกวาดเช็ดถูทุกซอกทุกมุม     ของมีไม่มากเอาไว้แค่เท่าที่จำเป็นเพราะบลูคิดว่าเผื่อบางทีเกิดได้ย้ายห้องหรือเปลี่ยนห้องจะขนลำบากเพราะห้องนี้อยู่ตั้งชั้นสี่   นอกจากของเขาแล้วยังมีของของนนท์ที่ปะปนรวมกันอยู่พอสมควร เขาเก็บคัดแยกของใช้     เสื้อผ้าของแต่ละคนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย พอเสร็จเงยหน้าดูนาฬิกาอีกทีก็เป็นเวลากว่าสี่ทุ่มแล้ว  นี่เค้าทำงานจนลืมเวลาแล้วเหรอนี่



“ อาบน้ำนอนเถอะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ” หยิบผ้าเช็ดตัวที่แขวนอยู่บนราวข้างตู้เสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไป       หลังจากที่ได้อาบน้ำสระผม ชำระร่างกายแล้ว กลิ่นสบู่ แชมพูอ่อนๆก็ทำให้ผ่อนคลายขึ้นอาการง่วงนอนก็เริ่มคลืบคลานเข้ามาและจากที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืนและวันนี้ทั้งวันก็มีเรื่องให้ทำให้คิดมากมาย  สมองและร่างกายก็ล้าไปพร้อมๆกัน      บ่งบอกว่าร่างกายต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอ 
                          บลูก้าวขึ้นเตียงฝั่งที่ตัวเองนอนเป็นประจำมันเป็นความเคยชินที่ถ้าเขานอนที่ห้องนี้เขาจะนอนชิดด้านเดิมเสมอ    อีกด้านเว้นไว้เพราะเป็นส่วนของใครอีกคนถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ได้มานอนด้วย    แต่ทุกครั้งบลูก็ทำแบบนี้ เตียงที่นอนเป็นขนาดสำหรับนอนคนเดียว คนอื่นอาจจะเอาไว้ใช้นอนคนเดียวแต่พวกเขากลับนอนสองคนได้อย่างไม่อึดอัด     บลูเคยคิดจะเปลี่ยนให้ใหญ่ขึ้นจะได้นอนกันสบายๆแต่นนท์บอกว่าไม่ต้องหรอก   เพราะพวกเขาไม่ได้มาค้างประจำจะมาก็ช่วงมีงานเร่งๆ หรือมีสังสรรค์กับเพื่อนแล้วกลับบ้านไม่ไหว      แต่เอาเข้าจริงๆพวกเขากลับมีกิจกรรมร่วมกันในห้องนี้อย่างมากมาย 
                           พอล้มตัวลงนอนคลุมผ้าห่มให้ตัวเองเรียบร้อยแล้วก็หลับไปอย่างง่ายดายเหมือนร่างกายรอเวลานี้มานานพอได้โอกาสก็ไม่ยอมปล่อยให้เจ้าของได้ต่อรองหรือขัดขืนอีก    บลูหลับไปพร้อมกับค่ำคืนที่แสนสงบและเงียบเหงา     เพื่อที่จะตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเช้าวันต่อไปที่ยังไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้าให้ได้แก้ปัญหาและดำเนินชีวิตต่อไป

*************************************************



ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #15 เมื่อ07-07-2019 20:45:45 »

ตอนที่ 9


เปรี้ยง…… วิ้ดดดดด…….ซ่าซ่าๆๆๆๆๆๆ
                           เสียงลมอื้ออึงพัดใบไม้ปลิวว่อนกิ่งไม้ลู่โอนเอนตามกระแสลม      ฝุ่นตลบอบอวลจนแทบมองไม่เห็นทาง เสียงฟ้าร้องเปรี้ยงๆฟ้าแลบแปรบปราบอย่างน่ากลัวเม็ดฝนก็โปรยปรายลงมาจากตอนแรกที่เริ่มเพียงเบาบางกลับหนักขึ้นๆเป็นสายฝนที่พัดกระหน่ำไปทั่วบริเวณ    ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มเพราะถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำทะมึน ทั้งๆที่เป็นช่วงเวลาหลังเลิกงานที่ทุกคนทยอยเดินทางกลับบ้าน        บรรยากาศหนาวเย็นโอบล้อมเข้าปกคลุมแผ่ไปทุกอณู บนถนนรถวิ่งวุ่นวายด้วยต่างคนก็ต่างมุ่งหน้าเพื่อให้ถึงที่หมายให้เร็วที่สุดไม่มีใครอยากเสี่ยงอยู่ท่ามกลางสายฝนที่โหมกระหน่ำแบบนี้   


                               บลูค่อยๆขับรถเข้าจอดหน้าตึกห้องพักหยิบของในรถใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยมองไปทั่วรถว่าไม่ลืมอะไรจากนั้นเปิดประตูรถวิ่งฝ่าสายฝนเพื่อไปที่ทางเดินขึ้นตึกที่อยู่ไม่ไกลแต่ด้วยสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนักถึงแม้จะใกล้ก็ทำให้โดนเม็ดฝนไปไม่น้อยพอทำให้ผมเปียกได้       บลูเดินขึ้นบันไดพร้อมสพายกระเป๋าเป้ไว้ด้านหลังมือปัดหยดน้ำทีเกาะตามตัวออกไปด้วย     พอถึงห้องก็วางประเป๋าลงบนโต๊ะในห้องโถงเดินเข้าห้องหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย      ถึงอากาศข้างนอกจะเย็นเพียงใดแต่ร่างกายที่ทำงานมาทั้งวันก็ต้องการการชำระให้สะอาดสดชื่น    หลังจากอาบน้ำแต่งตัวตามสบายแบบอยู่บ้าน  บลูก็เดินออกมาที่ห้องโถงอีกครั้งมองไปรอบๆห้องพลางในหัวกำลังลำดับความคิดว่าจะทำอะไรก่อนดี  วันนี้เป็นอีกวันที่ทำงานอย่างหนักหน่วง


               ช่วงนี้ทุกหน่วยเร่งงานกันทั้งนั้นด้วยเป็นช่วงที่ใกล้ถึงเวลาสรุปผลงานของแต่ละหน่วย    ดังนั้นทุกคนต้องทำงานของตัวเองให้ทันรวมทั้งหน่วยของพวกเขาด้วย

 
“ ทำไรกินก่อนดีกว่า อากาศแบบนี้ทำไรอุ่นๆน่าจะดี  ”  พอเปิดตู้เย็นออกดูก็ปรากฏว่าเหลือแค่ผักบุ้ง  ไข่กับนม  และผลไม้อีกนิดหน่อย เขาลืมไปว่าของที่ซื้อมากักตูนไว้หมดแล้วทุกทีจะซื้อตูนไว้อย่างมากก็ไม่เกินสามวันเพราะถ้านานกว่านั้นเขาก็จะซื้อหามาเพิ่ม   แต่ครั้งนี้มันวุ่นๆหลายเรื่องเลยลืมว่าตัวเองอยู่ห้องมาเป็นอาทิตย์แล้วโดยที่ไม่กลับบ้านเลยของที่ตูนไว้เลยเหลือแค่นี้


“ เมนูที่อร่อยที่สุดแล้วกันนะ ไม่ได้กินนานแล้ว  ” บลูพูดกับตัวเองอีกครั้ง  ก้มลงเปิดลิ้นชักหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและปลากระป๋องออกมาวางไว้  เปิดตู้เย็นหยิบผักบุ้งและไข่ออกมาวางไว้ใกล้ๆ กำลังหยิบหม้อใบเล็กๆที่อยู่ในชั้นออกมาก็ต้องชะงัก

ก๊อกๆๆๆๆ
“ ครับ ” เดินไปที่ประตูเปิดออกไปก็ต้องชะงักเป็นรอบที่สอง


“ ทำไรอยู่ ” ผู้มาใหม่ถามทันทีที่ประตูเปิดออก

“ กำลังจะทำอะไรกิน  ” บลูตอบแบบงงๆ พลางคิดว่าจะถามอีกฝ่ายว่ายังไงดี บลูมองตามคนที่เดินเข้าห้องมาทิ้งตัวนั่งลงโซฟาอย่างหมดแรงผมเสื้อผ้าเนื้อตัวชุ่มไปไม่น้อยสงสัยจะวิ่งฝ่าฝนมาแน่ๆ   เขาเดินเข้าห้องหยิบผ้าเช็ดตัวออกมา


“ เช็ดตัวก่อน ” 
“ อื้อ ขอบใจ แล้วกำลังทำอะไรกินอ่ะ ” คนพูดพลางเช็ดหน้าเช็ดตัวไปด้วย

“ ทำเมนูที่อร่อยที่สุด ” บลูตอบพร้อมพยักหน้าไปที่อุปกรณ์ต่างๆที่เตรียมไว้      นนท์มองตามไปที่ของทั้งหมดแล้วยิ้มดูก็รู้ว่าอีกคนจะทำอะไร
“ ไปอาบน้ำก่อนมั๊ยค่อยออกมากิน เปียกหมดทั้งตัวเลย ” อีกฝ่ายไม่ค้านทำตามอย่างง่ายดาย


“ เราอาบแปบเดียวเดี๋ยวมา  ” นนท์บอกแล้วรีบลุกเดินไปเข้าห้องน้ำบลูหันไปทำอาหารต่อจากวัตถุดิบที่มีดีนะยังพอเหลืออยู่บ้างไม่งั้นได้ออกไปกินกันข้างนอกแน่ๆ     บลูทำนู่นทำนี่ซักพักนนท์ก็เดินออกมาหาพร้อมกับชุดใส่อยู่ห้องสบายๆ

“ กินได้ยัง หิวแล้ว ” นนท์พูดพร้อมก้มหน้าดูในหม้อ
“ หอมมาก  ไม่ได้กินนานแล้วนะ  เมนูนี้ต้องกินที่นี่เท่านั้น กินที่ไหนก็ไม่อร่อย ทำเหมือนกันเป๊ะๆแต่ไม่เห็นอร่อยแบบนี้เลย ” คนพูดก็พูดไปแต่คนฟังก็แอบยิ้มในใจ    เพราะอะไรไม่รู้รู้แต่ว่าดีใจ เวลาที่นนท์พูดแบบนี้ทีไรมันอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก


“ ไปนั่งไป เดี๋ยวยกไปให้ ”
“ อื้อ  ” นนท์ตอบรับง่ายๆ บลูดูจะชงักกับคำตอบที่ตกลงง่ายเกินไป    ไม่โต้เถียง ไม่ต่อรอง ยอมทำตามแต่โดยดี       ตั้งแต่บอกให้ไปอาบน้ำแล้วปกตินี่จะมีเหตุผลโน่นนี่มาโต้แย้งตลอด คิดแล้วก็เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ


“ มาแล้วๆ จะกินหมดมั๊ยเนี่ย ตอนแรกกลัวไม่อิ่ม เลยทำเยอะพอทำเสร็จทำไมมันเต็มหม้อเลย ” บลูส่งอุปกรณ์สำหรับการทานอาหารให้นนท์    เมนูที่อร่อยที่สุด ที่เราทำกันสองคนทานกันสองคนเมนูธรรมดาๆเมนูที่หลายคนใช้เป็นอาหารหลักตอนสิ้นเดือน    เมนูที่บางคนบอกว่าไม่อยากทาน แต่พวกเขาถือว่าเป็นเมนูพิเศษทุกครั้งที่ทานด้วยกันมันอร่อยรู้สึกดี   เติมเต็มความรู้สึกของทั้งสองได้ทุกอย่าง  เหมือนจะดูว่ามันจะเกินไปหรือเปล่าแต่มันเป็นความจริงแรกๆที่ทำกินด้วยกันเกิดจากความขี้เกียจของทั้งสองคนที่ไม่อยากออกไปทานข้างนอกเลยทำง่ายๆทานด้วยกันแต่พอหลังๆมามันกลับเป็นเมนูพิเศษ


“ มาม่าต้มยำกุ้ง  ใส่ไข่  ปลากระป๋อง ผักบู้ง   อืมมม หอมมม อากาศเย็นๆแบบนี้อุ่นดี ” นนท์ก้มลงสูดกลิ่นหอมจากหม้อแล้วก้มหน้าก้มตากินอย่างตั้งใจ    บลูมองตามกริยาของอีกคน ดูตั้งใจเกินไปกลบเกลื่อนแน่ๆนนท์    บลูไม่ถามรอให้สบโอกาสดีๆก่อนนะนนท์ ทั้งสองนั่งทานไปเรื่อยๆอาหารในหม้อพร่องลงไปเกือบหมดนนท์ก็เงยหน้าสบตากับบลูครั้งแรก



“ เราอิ่มแล้ว เดี๋ยวเก็บครัวให้ บลูกินต่อเลยนะ  กินเสร็จเอามาวางไว้เลย อยากดูหนังมั๊ยเรื่องใหม่ในเครื่อง  เพิ่งโหลดมา เรายังไม่ดูเหมือนกัน ล้างเสร็จเดี๋ยวจะไปดูด้วย  ” คนพูดก็พูดไปลุกขึ้นหยิบจับทำนู่นนี่ไปด้วย  บลูไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าให้เป็นอันเข้าใจกันว่าตามนั้น




   บรรยากาศข้างนอกเวลานี้มืดสนิท มีเสียงฟ้าร้องครืนๆฟ้าแลบแปล๊บๆมาบางครั้ง ลมพัดละอองปรอยฝนซู่ซ่ากระทบหน้าต่างเป็นช่วงๆ แม้จะไม่หนักเหมือนช่วงเย็นแต่ด้วยที่ตกมาหลายชั่วโมงและค่อยๆซาลงบ้างก็ยังทำให้อากาศข้างนอกเย็นยะเยือก    การได้นอนห่มผ้าดูหนังที่ชอบสบายๆแบบนี้เป็นการผ่อนคลายอารมณ์ได้อย่างดี  บลูนอนเหยียดยาวเอนตัวพิงหัวเตียงวางโน๊ตบุคไว้ที่ท้องตาดูหนังไปซักพักอีกคนก็เดินมาหย่อนตัวลงเตียงสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มด้วยกันเอาหมอนมาพิงศีรษะไว้เอนตัวลงในท่าเดียวกัน


“ สนุกมั๊ย ” นนท์ถามสั้นๆ บลูหันไปมองครู่หนึ่งแล้วหันกลับมาที่เดิม

“ สนุกดี ไม่เคยดูแนวนี้วิทยาศาสตร์แนวใหม่    แต่มันก็เกินจริงนิดๆแหละนะ    แต่ก็สนุกดูจะแหวกแนวกว่าทุกเรื่อง ” บลูพูดเกี่ยวกับเนื้อหาในเรื่องที่ดูมาเกือบครึ่งเรื่อง อีกคนพยักหน้าสายตาจ้องไปที่หน้าจออย่างตั้งใจเนื้อหาในเรื่องดูจะเข้มข้นไม่น้อย สนุก ตื่นเต้น คาดเดาไม่ได้นี่คือเป็นเสน่ห์ของหนังแนวนี้ทำให้คนดูได้ลุ้นอยู่ตลอดเวลา


   หนังจบลงแล้วบลูหันไปมองหน้าเพื่อนเห็นอีกคนยังจ้องหน้าจออยู่บลูปิดหน้าจอลงแต่อีกคนก็ยังจ้องแต่แววตาไม่ได้หยุดอยู่ที่หน้าจอมันเป็นแววตาเหม่อลอย ไม่มีจุดหมาย หน้านิ่งเรียบ บลูมองแล้วอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“นนท์ ……. ” นนท์หันมองตามเสียงเรียกเบาของบลู
“ หืม ว่าไงบลู ” นนท์ถามกลับมาท่าทางนิ่งเฉยเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น

“ เรื่องนั้นนน  นนท์เป็นไงบ้าง ” บลูไม่รู้ว่าตัวเองถามอะไรออกไป  ไม่แน่ใจว่าจะใช้คำไหนให้ดูอ่อนที่สุด
“ ก็โอเคดี อย่างที่บอกเราปฏิเสธไปแล้ว   ถ้าเราไม่ก็คือไม่เค้าคงไม่กล้าเซ้าซี้เราหรอก ” นนท์ตอบเสียงเรียบเฉย
“ แล้วพ่อหล่ะ ” บลูถามต่อนนท์ทำสีหน้าเบื่อหน่าย
“ นายก็รู้ว่าพ่อเราไม่เคยสอนให้โกรธหรือเกลียดแม่  ” นนท์ตอบพลางถอนหายใจ


“ เราไม่เข้าใจทั้งๆที่พ่อก็โดนหนักไม่น้อยเหมือนกันกับเรา แต่ทำไมพ่อถึงทำใจได้ ทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องปกติ    มีคนบอกว่าพ่อเราโง่   เรื่องที่แม่ทำกับพวกเราพ่ออาจจะโกรธมากในช่วงแรกแต่หลังจากนั้นมาพ่อก็ทำเหมือนไม่เคยโกรธแม่เลย  เราไม่เข้าใจพ่อเลยจริงๆนะ ” นนท์พูดต่ออย่างอัดอั้น


“ อาจจะเป็นเพราะพ่อเข้มงวดในการใช้ชีวิตเกินไป  พ่อเป็นคนเก่ง พ่ออยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์ที่สุด พ่อไม่ชอบความผิดพลาด พ่อไม่ชอบความล้มเหลว จนบางทีไม่เหลือพื้นที่ส่วนตัวให้ใครๆในบ้าน  นี่หล่ะมั้งที่ทำให้แม่ไม่อยากอยู่กับพวกเรา ” นนท์ค่อยพูดด้วยแววตาเหม่อลอย


“ แต่แม่ก็ไม่ควรทำแบบนี้กับพวกเรา   ถ้าไม่รักกันแล้วทำไมไม่จากกันด้วยดี ทำไมต้องจากกันด้วยความเจ็บปวดทิ้งร่องรอยเอาไว้แบบนี้      รู้มั้ยกว่าพวกเราจะผ่านมันมาได้มันเจ็บปวดแค่ไหน เราต้องพยายามกันเท่าไหร่ แล้วพอเราอยู่ได้แล้วก็จะกลับมา  ” เสียงคนพูดแหบแห้งเหมือนหน้าแล้งที่อ่อนระโหยแห้งผาก

“ บลูนายรู้มั้ยว่าเค้ากลับมาทำไม  ” เสียงถามแต่เหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบ
“ ลูกชายคนใหม่เค้ามีปัญหา    มีเรื่องกับนักเลงในโรงเรียนเดียวกันแล้วอยู่ไม่ได้ แม่ก็เลยจะหอบลูกชายสุดที่รักหนีมา  ”

“ แล้วทำไมต้องให้นนท์ช่วยหล่ะ ” บลูอดสงสัยไม่ได้
“ ย้ายกลางเทอม    โรงเรียนเค้าไม่อยากรับเพราะมีประวัติไม่ดีด้วย    ก็เลยจะให้เราช่วยพูดกับอาจารย์ ” นนท์ตอบอย่างที่รู้ๆกันว่านนท์นั้นเป็นศิษท์เก่าดีเด่นสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนมากมายเพียงแค่เค้าออกปากขอร้องกับอาจารย์ก็ไม่มีปัญหา


“ แล้วก็ให้เราช่วยพูดกับพ่อให้ช่วยอีกคน  ” ด้วยหน้าที่การงานของพ่อเค้าถึงแม้ไม่ใหญ่โตแต่ก็ใช่ว่าจะน้อยๆเพียงพ่อรับปากว่าจะจัดการแค่นี้ก็ไม่เกินมือที่จะเข้าโรงเรียนที่ดีมีชื่อเสียงและอยู่ในห้องดีๆได้ตามที่ต้องการ

“ แล้วพ่อว่าไง ”
“ พ่อก็จะช่วยแหละ เราบอกแล้วพ่อไม่เคยเกลียดหรือโกรธแม่ แต่เป็นเราเองที่ห้ามพ่อไว้ ”

“ รู้มั้ยตอนเรามีปัญหา   เราจัดการด้วยตัวเอง     เราไม่เคยทำตัวเป็นปัญหาสำหรับคนอื่น   เราพยายามไม่ทำตัวให้คนอื่นสมเพศ
เวทนา     เราแก้ปัญหาด้วยตัวเองตลอดมา    เวลาที่เราต้องการเค้าให้ช่วยเค้าก็ไม่อยู่ช่วยเราแต่พอเค้าเดือดร้อนเค้ากลับมาขอให้เราช่วยเค้า      อย่างนี้มันยุติธรรมกับเรามั๊ย ” นนท์เสียงสั่นอัดอั้นในอารมณ์ บลูรู้เห็นทุกอย่างตลอดมา นนท์อยู่ได้ด้วยตัวเอง ทุกอย่างสอนให้นนท์ต้องต่อสู้ให้ได้นนท์ไม่ชอบให้คนอื่นสงสารเพราะรู้สึกตัวเองเป็นคนไม่มีค่าแถมน่าสมเพศที่ต้องรอคอยความช่วยเหลือจากคนอื่น ทุกอย่างที่นนท์ทำออกมาจึงเพื่อความอยู่รอดของตัวเองและปกปิดความอ่อนแอร่องรอยบาดแผลในจิตใจ    นนท์ทำให้ตัวเองมีค่าโดยที่ตั้งใจทำทุกอย่างนนท์จึงเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในทุกด้าน    แต่บลูรู้ภายนอกท่าทางที่มั่นใจนั้นกลับซุกซ่อนจิตใจที่อ่อนไหวบอบบางไว้      ซ่อนไว้จนมิดชิดแม้เจ้าตัวก็อาจจะลืมเลือนมันไปว่าตัวเองก็อ่อนแอเป็น



“ แม่จะกลับมาอยู่ที่นี่  กับครอบครัวใหม่ ” นนท์พูดแค่นั้นก็ลุกเดินออกไปนอกห้องนอนบลูรู้สึกตกใจไม่น้อยพลันนึกถึงวันนั้นที่บลูเจอผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาคล้ายกับแม่ของนนท์แต่ก็ปลอบตัวเองว่าคงไม่ใช่     เค้าคงตาฝาดหรือไม่ก็คนหน้าตาคล้ายกันแต่ลางสังหรณ์ก็บอกว่าเป็นแม่ของนนท์จริงๆ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ คนๆหนึ่งที่กำลังจะมีความสุขที่กำลังจะอยู่กับปัจจุบันต้องหวนกลับไปเจ็บปวดกับอดีตอย่างไม่จบไม่สิ้นฟ้ากำลังจะเล่นตลกกับชีวิตคนเราไปถึงไหนแล้วยังจะมีอะไรอีกที่ต้องพบเจอหรือชีวิตนี้จะต้องอยู่แบบนี้ตลอดไป     
               
                บลูมองออกไปที่ระเบียงหลังห้องลมพายุที่ทำท่าว่าจะหยุดลงแล้วเมื่อช่วงหัวค่ำกลับกระหน่ำลงมาอีกรอบ    พัดเอาสายฝนที่โปรยปรายอยู่สาดซัดกระเด็นเข้ามาที่ระเบียงต้นไม่กิ่งไม้ไหวเอนลู่ตามลมบางกิ่งหักห้อยลงมาจากต้นคล้ายหมดแรงจะต้านทาน      ฟ้าแลบแปร้บปราบสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้าเสียงฟ้าร้องได้ยินเสียงครืนๆอยู่แว่วมากับเสียงลม     นี่หล่ะหนอธรรมชาติบทจะโหดร้ายรุนแรงใครหน้าไหนก็ต้านไม่อยู่    ทั้งฝน พายุกระหน่ำเข้ามาพร้อมๆกัน ชีวิตคนเราก็คงจะเป็นแบบนี้หวังว่าพายุจะไม่หนักและไม่นานจนเกินไป      เกินกว่าที่จะต้านทานได้ไหว แม้จะแข็งแกร่งเพียงใดก็คงต้องมีซักวันที่จะต้องอ่อนแอและพ่ายแพ้ไปในที่สุด








“ พี่บลูๆ ดูนี่ๆ พี่นนท์ได้เยอะสุดเลยว่ะ โหยโคตรเก่ง พวกหน่วยอื่นๆที่ว่าเจ๋งนะไม่สู้เลย พวกนี้ขี้โม้นี่หว่ะ นึกว่าจะแน่บอกแล้วว่าให้รอดูผลงาน   ไม่ใช่ดูที่คำพูด ”เสียงเทพดังมามาก่อนที่บลูจะเดินถึงโต๊ะทำงานในห้องในเช้าวันใหม่ของวันทำงานที่มาพร้อมกับความชื้นแฉะของน้ำที่ยังมีขังตามผิวถนนทางเดินและลานหน้าตึกหลังจากที่ตอนกลางคืนพายุฝนกระหน่ำอย่างหนักหน่วงพร้อมทิ้งร่องรอยไว้ให้ดูต่างหน้า    เศษกิ่งไม้ใบไม้ที่หักโค่นลงมารอการเก็บกวาดอยู่มากมายจนลุงคนสวนต้องช่วยกันอย่างขมักเขม่นเพราะพวกมันกำลังกีดขวางทางเดิน


“ อะไรนะเทพ  ” คนถามไม่ใช่บลูแต่เป็นนนท์ที่เดินตามเข้ามาบลูหันไปมองอย่างสงสัยก็ตอนแยกกันเมื่อเช้าต่างคนต่างขึ้นรถเพื่อไปทำงานของตัวเองแต่มาโผล่ตามหลังเขาได้ยังไง

“ ก็นี่ไงพี่ รายงานสรุปผลงานของแต่ละหน่วยของพี่ได้เยอะสุด  ” เทพชี้ให้นนท์ดูที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ นนท์มองตามแล้วตอบกลับเทพ

“ เขาคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ของพี่เป้าหมายมันน้อยมันเลยได้เปอร์เซ็นต์เยอะกว่าแต่ของที่อื่นดูดิ   เป้าเยอะๆกันทั้งนั้นดูช่องที่ทำได้สิมันก็เยอะแต่ตัวหารเยอะกว่ามันเลยกลายเป็นเหมือนได้น้อยไง ”

“ มันไม่สำคัญหรอกพี่   เขาดูกันที่บทสรุป พวกนั้นมันก็ดีแต่คุยหล่ะว้า    เก่งแต่เห่าหอนเอาหน้าไปวันๆ  ” เทพพูดอย่างใส่อารมณ์จนนนท์อดหัวเราะไม่ได้มันก็จริงของเทพหล่ะนะ




“ เออพี่ เห็นว่าบิ้กบอสฝั่งพี่อ่ะบอกว่าจะให้รางวัลคนที่ทำได้ดีหนิ   แต่ก็สมควรนะ เห็นไอ้สองบอกว่าพี่อดทนทำมาเป็นอาทิตย์ แก้แล้วแก้อีกไม่หลับไม่นอน กลับบ้านดึกดื่นทุกวัน จะช่วยก็ไม่เอาทำคนเดียวหมด หัวหน้าก็ไม่อยู่อีก   ผมว่ารางวัลน่าจะให้พี่คนเดียวไปเลย ไอ้สองมันก็เห็นด้วยนะมันบอกเหมาะสมทุกอย่าง ” คำตอบที่บลูสงสัยว่านนท์หายไปไหนไปทำอะไรมาปรากฏให้หายสงสัย   เขาพอจะเข้าใจ  นนท์ตั้งใจทำงานดึกดื่นเพื่อจะเป็นข้ออ้างกับพ่อได้ว่าทำงานดึกยุ่งเรื่องงาน  จะได้หลบหน้าพ่อและปฏิเสธแม่ไปด้วย บลูคิดไว้แล้วอย่างนนท์ทำอะไรต้องมีเหตุผลแล้วพ่อของเขาก็เห็นเรื่องงานเป็นสำคัญชอบความสำเร็จของงาน   ไม่ชอบความผิดพลาด ยังไงพ่อต้องสนับสนุนลูกชายในเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว นนท์ฉลาดใช้ข้อดีข้อด้อยของคนอื่นให้เป็นโอกาสและประโยชน์เพราะอย่างนี้ทุกคนจะว่าเขาไม่ได้



“ ไม่หรอกเทพ ก็ช่วยๆกันนั่นหล่ะทุกคนเขาก็ทำเต็มที่กันทั้งนั้นพี่เองพอช่วยได้ก็ช่วย    อยากลบคำสบประมาทพวกนั้นด้วย ” นนท์กับเทพยังคงคุยกันต่อเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะจบจนบลูต้องเรียก    วันนี้แปลกๆท่าทางเหมือนอยากคุยกับเทพนักหนา   หัวหน้าก็ไม่อยู่ทำไมคุณชายนนท์ไม่รีบไปทำงาน


“ นนท์ ……. ” นนท์ชะงักหันมาทางบลูพร้อมกับหยุดบทสนทนากับเทพลง เทพก็หันไปคุยกับรุ่นพี่คนอื่นต่อดูท่าทางนั้นจะยังเมามันไม่เลิกกับการชื่นชมผลงานของแต่ละหน่วยแน่หล่ะก็แอบมีความแค้นส่วนตัวกับบางหน่วยด้วยนี่นะ
“ ไม่รีบ….. ” บลูถามสั้นๆ
“ หึ….. ” นนท์ก็ตอบสั้นๆ
“ หัวหน้าอยู่  ”
“ หึ….  ” พูดพร้อมส่ายหน้าและก้มหน้าลงมองหน้าจอโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ
“ แล้ว…. ”
“ รอกินข้าวเที่ยงก่อนค่อยไป    อยากกินร้านนั้นน่ะไม่ได้กินนานแล้ว  ” นนท์บอกเหตุผล   บลูเลิกคิ้วแต่ยังไม่ทันว่าอะไรเสียงโทรศัพท์ของตัวเองก็ดังขึ้น




“ สวัสดีครับ พ่อ ” อีกคนทำเป็นไม่มองก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อไป  แต่บลูสังเกตเห็นมือที่ชะงักไปเพราะอีกฝ่ายเหมือนจะรู้สถานการณ์ล่วงหน้าแล้วว่าอะไรเป็นอะไร   คงแอบฟังอยู่แน่ๆ เล่นอะไรกันอีกพ่อลูกคู่นี้นี่แหละน่าคนนิสัยเหมือนกันรู้ทันกันไปหมด

“ ครับ … ใช่ครับ …. อ่อๆๆใช่ครับ เดี๋ยวผมบอกให้ครับตอนนี้กำลังคุยกับบอสอยู่ครับ …….ครับพ่อ ครับสวัสดีครับ  ” พูดไปพลางมองหน้าอีกฝ่ายไป แต่อีกฝ่ายทำเป็นไม่รับรู้หรือได้ยินอะไรยังคงสนใจแค่โทรศัพท์ในมือเท่านั้น


“ พ่อโทรมา ”
“ อ้าวเหรอ โทรมาหานายทำไม ไม่โทรหาเราหล่ะ  ” นนท์ทำเสียงสูงท่าทางสงสัย “แอคติ้งไม่ผ่านนะนนท์” บลูคิด

“ พ่อบอกนายไม่รับ พ่อโทรไปที่หน่วยเขาบอกพ่อว่าว่านายมีประชุม  ”
“ อืม ประชุมจริงๆ  ” นนท์ตอบตาใส

“ ประชุมอะไร บิ๊กบอสก็ไม่อยู่ทั้งสองคน ผลงานปีนี้ก็สรุปหมดแล้ว   ”
“ ก็นายบอกเมื่อกี้นี้ไง ว่าเรากำลังคุยกับบิ๊กบอส ” นนท์ตอบได้หน้าซื่อมาก เจ้าเล่ห์มากนนท์
“ ก็เราไม่อยากให้นายกับพ่อมีปัญหากันหนิ ” ถ้าพ่อของอีกฝ่ายโทรหาเขาแสดงว่าลูกชายคนเก่งเล่นอะไรซักอย่างที่คนเป็นพ่อควบคุมไม่ได้


“ นั่นไงก็ถูกแล้ว นายทำถูกต้อง  ”
“ ถูกด้วยการช่วยโกหกเนี่ยนะ ”
“ ไม่ได้โกหก แค่ทำให้เข้าใจแบบนั้น   ไม่ได้เรียกโกหกซะหน่อย  ”

“ ตกลงว่าวันนี้มีประชุมเพราะเราบอกพ่อว่านายกำลังคุยกับบิ๊กบอส …ว่างั้น ” บลูยอมแพ้ถ้าจะเถียงนี่คงยาว
“ อือ ฮึ เพราะฉะนั้น วันนี้เราประชุมทั้งวัน โอเค๊  ” นนท์พูดสรุปพร้อมกับเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้โซฟา ยกขาขึ้นข้างหนึ่งก่ายไว้ที่เข่าอีกข้างพร้อมกระดิกเท้ายิกๆยักคิ้วไปด้วยยิ้มมุมปากแววตาวาววับ      สาวๆเห็นคงได้กริ้ดๆๆๆลั่นห้องท่าทางอย่างนี้เหมือนพระเอกหนังสุดหล่อมาดนักธุรกิจก็ไม่ปาน


“ เอาความจริง ” บลูดักทางอีกฝ่าย
“ ก็ไม่มีอะไรงานเสร็จหมดแล้ว    เลยขี้เกียจเข้าหน่วยบอกไอ้สองไว้แล้วพวกนั้นบอกว่าจะเฝ้าให้    เลยเตร่อยู่แถวนี้ไง ” นนท์ตอบแบบไม่สบตาก้มหน้าที่จอโทศัพท์อีกครั้ง


“ แล้วปล่อยให้ใครรออยู่หน่วย  ” บลูถามกลับ

“ ก็อยากไปรอเองหนิ บอกล้วว่าไม่ว่าง ไม่คุย ไม่อยากเจอหน้า ” นนท์ตอบเสียงเรียบใบหน้าตึง  รู้ทันทีว่าคนๆนั้นต้องหาวิธีคุยกับเขาจนได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม แต่อย่าหวังว่าจะได้คุยง่ายๆมันไม่ง่ายเหมือนที่แม่เดินจากเขาไปง่ายๆหรอกนะ     เขาจะทำทุกอย่างต่อให้ใครๆว่าเขาเล่นเป็นเด็กๆก็ตาม


“ เฮ่อ …งั้นก็นั่งเล่นรอไปก่อนเที่ยงค่อยออกไปกินข้าวกัน ” บลูถอนหายใจยาวพร้อมพยักพเยิดหน้าไปที่ห้องทานอาหารที่มีโต๊ะโซฟาเล็กๆพร้อมกับเครื่องดื่มพวกชากาแฟเอาไว้บริการให้ทุกคนในหน่วย    นนท์ลุกขึ้นจากโซฟาและเดินตามทางที่บลูบอกอย่างรู้ที่ทางอย่างดี    เป็นธรรมดาที่นนท์จะมาที่นี่จนทุกคนคุ้นชินพอๆกับที่หน่วยของนนท์คุ้นเคยกับบลูเช่นกัน
“ เทพ บ่ายพี่ออกไปเลยนะ เดี๋ยวพี่เคลียร์งานเสร็จจะออกไปเลย  ” บลูบอกเทพที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานใกล้ๆกัน


“ ไปเถอะพี่งานเราก็เสร็จหมดแล้ว     บอสก็ไม่อยู่    พวกที่อยู่นี่ก็ใช่จะทำงานนู่นเห็นมั๊ย     ดูสิว่าทำอะไร ระวังเถ๊อะไวรัสลงเครื่องซักวันคงได้สนุกกัน  ” เทพบอกพลางชี้ให้ดูคนอื่นๆ บลูพยักหน้าเป็นภาพที่คุ้นเคยไปแล้วกับผู้ชายในหน่วยนี้    แผนกนี้ ดูหนังผู้ใหญ่กันในเวลางานแต่ก็ยังดีที่รู้จักระวังตัวกันอย่างดีไม่งั้นได้เละกันทั้งหน่วยแน่      บลูมองไปที่ห้องพักทานอาหารนั่นอีกครั้งก่อนจะหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองให้เสร็จเพราะมีอีกเรื่องที่ต้องรีบเคลียร์คงปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้แน่ๆ ทุกครั้งที่ผ่านมาเขาไม่เคยที่จะเสนอความคิดเห็นหรือขัดแย้งเพียงแค่เป็นผู้รับฟังที่ดีแต่ครั้งนี้คงต้องขอมีส่วนร่วมเพราะเขาทนเห็นอีกคนเป็นแบบนี้ไม่ได้ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรเลวร้ายแค่ไหนเขาก็ต้องพร้อมที่จะยอมรับและอยู่ข้างๆนนท์เสมอ

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #16 เมื่อ07-07-2019 20:52:26 »

ตอนที่ 10



       “ นนท์…..กินไร ” ทั้งสองเข้ามานั่งในร้านอาหารที่มีบริเวณกว้างขวางพอประมาณบรรยากาศสบายๆ   ร่มรื่นด้วยต้นไม้หลากหลายที่เจ้าของร้านเป็นคนจัดการลงเองทั้งหมด ด้วยร้านนี้อยู่ในบริเวณบ้านเจ้าของจึงทำให้ร้านมีบรรยากาศสบายๆเหมือนทานข้าวที่บ้าน      ด้านหน้าของร้านเป็นเคาท์เตอร์บาร์เล็กๆและตู้ขนมไว้บริการผู้ที่ชื่นชอบในรสของกาแฟและเครื่องดื่มต่างๆ พร้อมเค้กอร่อยๆที่เมียเจ้าของร้านทำเองทุกวัน ทั้งสองมาทานร้านนี้จนรู้จักสนิทสนมกับเจ้าของร้านและครอบครัวเป็นอย่างดี และทุกวันจะมีเด็กผู้ชายขวบกว่าๆเดินมาทักทายลูกค้าที่โต๊ะด้วยรอยยิ้มที่สดใสเสมอ      บลูชอบมองภาพที่น่ารักๆนั้นทุกวันลูกค้าคนอื่นๆก็เช่นกัน ความสดใสไร้เดียงสาของเด็กช่วยทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น


“ นายกินไร ก็เอาอันนั้นหล่ะขี้เกียจคิด  ” นนท์ตอบบลูเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ครู่หนึ่งแล้วก้มลงจ้องหน้าจอต่อ   บลูถอนหายใจแล้วหันไปสั่งกับเจ้าของร้านผู้ชายที่มารับออเดอร์   บลูสั่งเหมือนทุกครั้งที่มาทานด้วยกันเมนูก็เมนูเดิมๆไม่เคยเปลี่ยน    ทั้งสองชอบที่นี่เพราะมันส่วนตัวคนไม่พลุกพล่านสามารถพูดคุยกันได้อย่างสบายใจไม่ต้องคอยระวังว่าจะมีคนอื่น


“ กินก่อนมั๊ย จะกินหมดก่อนแล้วนะ  ” บลูบอกนนท์ที่ไม่ยอมทานซักทีทั้งๆที่อาหารก็มาเสริฟนานแล้วแต่นนท์เอาแต่เล่นเกมส์ในโทรศัพท์ตลอดเวลา    เวลานนท์ไม่อยากพูดเรื่องอะไรหรือเลี่ยงที่จะตอบคำถามบลู      นนท์จะทำเป็นสนใจอย่างอื่นทำเหมือนกับว่ามันสำคัญมากมายจนบางครั้งบลูหมดอารมณ์หรือขี้เกียจซักไปเอง และครั้งนี้ก็เหมือนกันนนท์ทำแบบเดิมแต่เขาจะไม่ยอมเด็ดขาดขอยุ่งด้วยซักครั้งเถอะ


“ กินแล้วๆ จบเกมส์แล้วเนี่ย  ” พูดไม่สบตาเหมือนเดิม   บลูจึงก้มหน้าทานข้าวต่อทั้งสองนั่งทานไปเรื่อยๆเพราะไม่ได้เร่งรีบกับเวลาเหมือนทุกวัน  อากาศวันนี้สบายๆไม่ร้อน  มีเพลงเก่าๆสมัยเด็กเปิดคลอมาเบาๆทำให้ผ่อนคลายอารมณ์ได้อย่างดีและจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีเรื่องมารบกวนจิตใจให้ต้องได้คิดหนักทั้งสองคน


“ พี่ครับขอกาแฟสองแก้วครับ เหมือนเดิม  ” นนท์สั่งกาแฟเพิ่มหลังจากทานอาหารอิ่มแล้ว และทำท่าว่าจะก้มหน้าลงเล่นโทรศัพท์ต่อแต่บลูรีบเรียกไว้ก่อน
“ นนท์….. ” บลูมองหน้านนท์แล้วพูดต่อ

“ เรื่องแม่เป็นไงบ้าง ” บลูรีบถามแบบตรงๆไม่อ้อมค้อม   นนท์ฉลาดรู้ดีทุกอย่าง เพราะฉะนั้นการถามตรงๆเป็นการดีที่สุดเพราะคนฉลาดถ้าไม่อยากตอบก็จะหาทางเลี่ยงได้เหมือนเดิม


“ ก็ไม่มีไร เราบอกแล้วว่าไม่ เราไม่อยากยุ่งด้วย ” นนท์ตอบหน้านิ่งเฉย
“ เราขอพูดบ้างนะ  ”  “  เราว่านายควรคุยกันกับแม่ ”  บลูบอกไปตรงๆตามที่คิด
 “ ไม่เราไม่คุย  ” นนท์ปฏิเสธทันทีที่บลูพูดจบ


“ เราไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้วบลู เราเปลี่ยนเรื่องเถอะ ” เพียงแค่บลูเริ่มต้นนนท์ก็ปฏิเสธ ตัดบทสนทนาเอาดื้อๆแต่บลูไม่ยอมแพ้     กำลังจะเอ่ยพูดต่อพอดีกับกาแฟที่ยกมาให้ที่โต๊ะนนท์บอกเจ้าของร้านคิดเงินจ่ายเสร็จก็เดินออกไปรอที่รถ     บลูเดินตามไปหลังจากล่ำลากับเด็กน้อยเจ้าของร้านตัวจิ๋วที่มายิ้มหวานส่งเขา    นนท์ยืนถือแก้วกาแฟรอด้านข้างรถฝั่งคนนั่ง    บลูปลดล็อครถทั้งสองเปิดประตูรถขึ้นนั่งประจำที่วันนี้นนท์จอดรถไว้ที่ทำงานของบลูมารถของบลู      บลูสตาร์ทรถ เปิดแอร์และล็อครถเรียบร้อยคาดเข็มขัดนิรภัยคล้ายกำลังจะออกรถแต่กลับเอ็นตัวเอาหลังพิงเบาะ     นนท์หันมามองอย่างไม่เข้าใจ


“ เราอยากคุยกับนายให้เข้าใจ    เราไม่อยากให้นายเครียด นายเข้าใจเราใช่มั๊ย ถึงนายไม่อยากฟังเราก็จะพูด  ” บลูพูดขึ้นมาตอบข้อสงสัยทางสายตาของนนท์  นนท์นั่งนิ่งสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์


“ เรารู้ว่าเรื่องแบบนี้เราไม่ควรยุ่งเพราะเป็นปัญหาในครอบครัวของนาย     นายจะว่าอะไรเราก็ได้นะเราไม่โกรธ หรือนายจะโกรธเราเราก็ไม่ว่า เพราะสิ่งที่เราจะพูดต่อไปนี้เราพูดจากใจจริง เราหวังดีกับนายเสมอ ” นนท์ยังคงนิ่งเงียบหันหน้าออกทางกระจกหน้าต่างรถ


“ ที่เราอยากให้นายคุยกับแม่ให้เข้าใจเพราะว่าเรื่องทุกอย่างมันจะได้จบ    มันจะได้ไม่ค้างคาในใจ นายจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยที่ไม่มีเรื่องพวกนี้คอยตามติดอยู่ข้างหลังตลอดเวลา  ” นนท์ยังคงนิ่งเหมือนเดิม



“ นนท์…… แผลน่ะ นายก็รู้ดีนี่ถ้าไม่รักษาให้ถูกวิธีมันมีแต่จะลุกลามไปถ้ามันลุกลามมากๆมันจะไม่เหลืออะไร เกิดแผลเน่าเป็นหนองถ้าไม่รักษามันก็ถึงตายได้  ยิ่งแผลใจถ้ามันกัดกินจนถึงใจกลางมันแล้วหัวใจก็ทำงานต่อไม่ได้ เราก็เหมือนคนที่ตายทั้งเป็น”         “ เราไม่อยากเห็นนนท์ ตายทั้งเป็นแบบนั้น เราอยากเห็นนนท์ที่เป็นนนท์ สดใส ไฟแรง และพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เราอยากเห็นภาพนั้นมากกว่าที่จะเห็นนนท์ที่เป็นอยู่แบบนี้  รู้มั๊ยว่านายดูไม่สดใส  ไม่ใช่นนท์คนเดิม  ” บลูพูดเรื่อยๆสายตามองไปข้างหน้ารถ


“ เราปกติดี เราไม่เป็นไร แล้วแผลเราก็หายแล้วมีแต่คนอื่นจะมาสะกิดและทำให้มันเป็นแผลใหม่  ” นนท์พูดเสียงเข้มหน้ายังมองออกไปนอกรถเช่นเดิม  บลูมองเห็นเพียงเสี้ยวหน้าไม่อาจรับรู้ถึงแววตาของอีกคนได้  บลูรู้ว่าอีกคนพยายามสงบอารมณ์อยู่แต่มาถึงขนาดนี้ยังไงก็ต้องพูดกันให้เข้าใจบลูไม่ยอมถอยกลับเช่นกัน

“ เราถามนายหน่อยนะว่าทำไมถึงไม่อยากคุยกับแม่   ” บลูถามตรง นนท์สะบัดหน้ามามองแววตาแข็งกระด้าง ใบหน้าเรียบตึง

“ นายไม่เคยเจอแบบเรานายไม่เข้าใจหรอก  ” นนท์ตอบแล้วหันหน้าหนีทันที เขาพยายามสะกดอารมณ์ตัวเองไม่ให้โมโหพูดไม่ดีกับเพื่อนออกไป
“ นายก็บอกเรามาสิ เราจะได้เข้าใจ เราจะได้ช่วยได้ ” เสียงบลูเข้มขึ้นยามพูดกลับไป

“ นายช่วยไม่ได้หรอก ใครๆก็ช่วยไม่ได้  ”  นนท์พูดเสียงเรียบ บลูรู้สึกได้ว่าเพื่อนเขากำลังอดกลั้นอารมร์ตัวเองอย่างขีดสุด

“ ถ้านายไม่บอกคนอื่นเขาก็ไม่รู้ไม่เข้าใจนาย แล้วเขาจะช่วยนายได้ยังไง ” บลูพูดต่ออย่างซักยิ่งทำให้นนท์เริ่มไม่พอใจว่ากลับมาอย่างเสียงแข็ง

“ นายไม่เคยมีปัญหาครอบครัวบ้านแตกแบบเรานายจะเข้าใจเราได้ไง    รู้มั๊ยว่าเด็กบ้านแตกเด็กที่ไม่มีแม่มันเป็นยังไง นายไม่เข้าใจบลู ” คนพูดหายใจหอบลึกกำมือที่วางไว้ข้างตัวแน่น

“ นายก็บอกเราสิ บอกเราเราอยากช่วยถ้ามันหนักหนาร้ายแรงเราก็พร้อมจะช่วยนาย ” บลูไม่รับรู้ถึงอาการ
นั้นยังคงพูดต่อ


“ นายก็เหมือนคนอื่นแหละบลูนายไม่เข้าใจเราจริงๆ   เราว่าเลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะมันไม่ง่ายหรอกบลู    ปัญหามันไม่ได้แก้ง่ายๆขนาดนั้น  ” นนท์ผ่อนลมหายใจลงว่าเสียงคล้ายตัดพ้อผิดหวัง   เขานึกว่าบลูจะเข้าใจเค้ามากที่สุดแต่ตอนนี้กลับเป็นบลูเพื่อนรักของเขาที่กำลังบังคับให้เขาทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ   ไม่มีใครเข้าใจเขาจริงๆ


“ นนท์ นายฟังเราก่อน ” บลูรีบพูดขึ้นกลัวอีกคนจะเข้าใจผิด  น้ำเสียงนนท์เหมือนผิดหวังตัดพ้อต่อว่าเขา

“ ถึงเราจะเหมือนคนอื่นๆที่ไม่เข้าใจนายแต่เราไม่เคยที่จะซ้ำเติมนาย   เราพร้อมจะอยู่ข้างๆนายเสมอไม่ว่าผลมันจะเป็นยังไง   หรือนายจะไม่อยากให้เราอยู่ข้างๆนายก็ตาม  ” บลูหันไปมองเสี้ยวหน้าของนนท์ที่ไม่ยอมหันมามองหน้าเขาเลย

“ เราแค่อยากเห็นนายมีความสุข   เราแค่อยากเห็นรอยยิ้มที่อบอุ่นของนาย   คนอื่นจะเป็นยังไงเราไม่รู้เราไม่แคร์   เราโกรธแม่ของนายแทบตายที่ทำให้นายเป็นแบบนี้แต่เราทำอะไรไม่ได้เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเราเลย   แต่เป็นนายเพื่อนของเราที่เราอยากเห็นนายมีความสุขไม่จมอยู่กับอดีต ไม่หนีความจริง   เรารู้นายนอนฝันร้ายตั้งแต่วันนั้นที่แม่นายโทรมา  ” บลูคิดถึงวันที่นนท์ฝันร้ายและนอนละเมอกลางดึก หลังจากนั้นนนท์ก็ดื่มหนักขึ้นเมาบ่อยๆทำตัวเคร่งเครียดขึ้น


“ นนท์ นายจะหนีเขาไปตลอดแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ  ซักวันเค้าก็ต้องหาวิธีที่จะคุยกับนายให้ได้ มันต่างคนต่างอยู่ไม่ได้แล้วนะ  เขาจะกลับมาอยู่ใกล้ๆนายแล้ว   ถึงนายอยากหนีไปไกลแค่ไหนแต่สุดท้ายทุกอย่างมันก็จะติดใจนายอยู่ดี   ถ้าไม่เคลียร์มันให้เรียบร้อยตอนนี้ที่มีโอกาสนายอาจจะไม่ได้ทำมันอีกเลยก็ได้นะ ” บลูรีบพูดต่อ


“ นายจะทำยังไงเราไม่ว่า  นายจะปฏิเสธเขาไปหรือจะช่วยเขาก็ได้นายจะใจร้ายไม่ดูดีหรือจะหนีไปไกลๆเราก็ไม่ว่า แต่เราอยากให้พูดให้คุยกันให้จบ  จบแบบไม่ค้างคา เรารู้ว่ามันทำยาก แต่เพื่อตัวนายเอง เราไม่อยากให้นายฝันร้ายทุกคืน  นายเข้าใจเรามั๊ยนนท์ ” บลูพูดเสียงสั่นเครือ


“ คนอื่นจะเป็นยังไงเราไม่สน เราไม่อยากรู้ เราสนแค่นาย นายไม่รู้หรอกว่าเวลานายเครียดนายทุกข์แล้วเราช่วยอะไรไม่ได้เลยได้แต่คอยมองแบบเป็นห่วงน่ะมันก็เครียดไม่ต่างกัน    แล้วตอนที่นายหายไปเป็นอาทิตย์เราเป็นห่วงขนาดไหนแค่เห็นข้อความที่นายส่งมาว่าโอเคเราก็ได้แต่คิดว่านายจะโอเคจริงๆ  ”เสียงสั่นๆพูดออกมาอย่างต่อเนื่อง


“ เราอาจจะเป็นแค่เพื่อนของนายนะ  นายอาจจะโกรธที่เราเข้าไปก้าวก่ายกับครอบครัวของนาย   เรื่องของนาย แต่เราอยากให้นายรู้ไว้ว่าเรารักและหวังดีกับนายไม่แพ้คนอื่น  นายจะโกรธเราก็ได้นะเราไม่ว่าหรอกแต่เราอยากให้นายคิดดูดีๆ ” บลูพูดเสียงแผ่วในตอนท้ายรู้ดีว่าเขาเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของนนท์แต่เขาคิดดีแล้วว่าเขาควรทำเขา    และยอมที่จะแลกกับการที่นนท์จะโกรธหรือเกลียดเขา 
             
บลูไม่รู้ว่าที่ผ่านมามันมีอะไรบ้างในครอบครัวนี้เพราะตอนที่พวกเขาเจอกันมันก็เป็นเวลาที่เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วพร้อมๆกับนนท์ที่มีความคิดติดหลังมาว่าแม่ไม่รักแม่หนีไปเป็นเด็กบ้านแตก     แต่เราไม่สามารถที่จะย้อนอดีตได้บลูจึงต้องพยายามทำปัจจุบันให้ดีที่สุดลบความขัดแย้งในใจของนนท์ออกไปให้มันเบาบางจางลงไปเพื่อให้นนท์ได้เริ่มต้นใหม่


“ เราอยากให้นนท์คิดให้ดี  ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไงเราจะอยู่ข้างๆนนท์เสมอ แม้ว่านนท์อาจจะไม่อยากให้เราอยู่ด้วยก็ตาม ” บลูพูดทิ้งท้ายแค่นั้นแล้วเคลื่อนรถออกไปทั้งรถมีเพียงความเงียบเข้าปกคลุมไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาได้ยินเพียงเสียงเครื่องยนต์ของรถแม้เสียงหายใจยังรู้สึกได้ว่ามันเบาบางลง     รถจอดที่หน้าตึกที่ทำงานของบลูที่นนท์จอดรถไว้นนท์ลงจากรถเดินไปที่รถของตัวเองและขับออกไปอย่างรวดเร็วไม่มีแม้คำเอ่ยลาใดๆออกมา     บลูมองตามด้วยความกังวลและเป็นห่วงในใจของให้นนท์ตัดสินใจอย่างที่ตัวเองคิดไว้แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นบลูก็คงต้องทำอะไรที่มันยุ่งยากขึ้นไปหวังว่านนท์จะเข้าใจ






                          รถเก๋งคันงามแล่นไปยังถนนที่ทอดยาวด้วยความเร็วสูงในเวลานี้รถบนท้องถนนไม่มากเพราะยังเป็นเวลาทำงาน      คนขับใบหน้าเคร่งขรึมนั่งหลังตรงคอตั้งตรงแววตาดุดันมองเพียงถนนที่อยู่ตรงหน้า   มือที่กำพวงมาลัยอยู่กำแน่นจนเกร็งเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นชัดเจนและเท้าที่เหยียบคันเร่งโดยที่ไม่คิดแตะเบรกเลยซักนิด นนท์ขับรถไปอย่างไร้จุดหมายในใจเพียงคิดแต่ว่า

            “ทำไมบลูต้องให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำ”  “ทำไมบลูต้องพยายามให้เขาไปเจอหน้าคนที่ไม่อยากเจอที่สุดในชีวิต”   
             “ทำไมบลูถึงพยายามให้เขาช่วยคนที่ทิ้งเขาไปไม่ใยดี”  เขาคิดว่าบลูเข้าใจเขาแต่บลูกลับทำในสิ่งที่แม้คนเป็นพ่อเขาเองยังไม่กล้าทำขนาดนี้     บลูต้องการอะไร บลูคนที่เข้าใจเขามากที่สุดคนนั้นแต่ตอนนี้กำลังพยายามบังคับให้เขาทำในสิ่งที่ตลอดชีวิตนี้ไม่เคยคิดที่จะทำ      เขาโกรธบลูตอนที่ได้ยินบลูพูดโกรธมากแต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไง   นนท์เร่งความเร็วรถอย่างน่ากลัว ถ้าบลูยังอยู่คงต้องเอ่ยเตือนสติกันได้แต่ตอนนี้เขากำลังโกรธมาก   นนท์ขับรถไปเรื่อยๆมาจอดที่สวนสาธารณที่อยู่ริมน้ำบรรยากาศตอนเย็นหลังเลิกงานลมพัดเอื่อยๆหอบเอาความเย็นของน้ำเข้ามากระทบใบหน้า นนท์ยกเบียร์กระป๋องที่ซื้อจากร้านข้างทางก่อนจะมาถึงขึ้นจิบ   

                  เขาไม่อยากคิด อยากปล่อยอารมณ์ของตัวเองให้ล่องลอยไปจากเรื่องบ้าๆนี้ซะที      นนท์เอ็นตัวลงพึงเบาะรถหลับตาลงเงียบๆเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้รู้ตัวอีกทีก็มีเสียงเพลงจากลานเต้นแอโรบิกที่อยู่ไกลๆดังขึ้น  เขาลืมตาแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายและอัดอั้น


“ เฮ่อ …. อยากให้เราทำอย่างนั้นจริงๆเหรอบลู รู้มั้ยว่าไม่มีใครกล้าพูดกับเราอย่างนี้เลยนะ  ” เมื่อได้อยู่กับตัวเองอารมณ์ที่สงบลงสมองเริ่มคิดตามเหตุตามผลถ้าเขาจะทำตามที่บลูบอกเริ่มแรกเขาต้องหาคำตอบของสาเหตุทั้งหลายนี้ก่อนและคนที่น่าจะรู้คำตอบที่ดีที่สุดและอยู่ไม่ไกล



                เสียงรถจอดลงหน้าบ้านหลังงามเป็นบ้านชั้นเดียวที่มีบริเวณกว้างขวาง มีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นสลับกันที่รั้วบ้านและข้างๆบ่งบอกว่าบ้านนี้รักการปลูกต้นไม้อย่างมาก   ภายในบ้านดูร่มรื่นเหมาะสำหรับการพักผ่อนในวันว่างๆหรือเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานที่แสนสาหัสจากข้างนอกมาแล้วกลับมารับความรักความอบอุ่นของบ้านเพื่อเก็บไว้เป็นพลังในการที่จะต่อสู้ในวันต่อไป   แต่มันไม่ใช่สำหรับนนท์ บ้านที่มีพ่อกับเขาอยู่แค่สองคนบ้านที่น่าอยู่สำหรับคนอื่นแต่สำหรับเขาบางครั้งมันเงียบเหงา หว้าเหว่  เหมือนมันขาดบางสิ่งบางอย่างไป ส่วนประกอบที่ไม่ครบและไม่ว่าจะตามหาหรือสร้างอะไรมาทดแทนมันก็ยังไม่พอ      นนท์จอดรถกระแทกประตูปิดอย่างแรงเดินลิ่วๆเข้าบ้านในเวลานี้พ่อของเขาเลิกงานกลับมาบ้านแล้ว       จากรถที่จอดอยู่ในโรงรถอีกคัน


               นนท์เดินตรงเข้าบ้านไปที่ห้องนั่งเล่นพ่อของเขากำลังนั่งเอนตัวที่โซฟาดูรายการที่ฉายทางโทรทัศน์ เขาเดินไปนั่งที่โซฟาอีกตัวข้างๆกัน แต่ไม่พูดอะไรนั่งนิ่งๆจนคนเป็นพ่อต้องเอ่ยปากออกมา

“ แกเป็นอะไร ปิดประตูรถซะจนเสียงดังมาถึงในบ้าน  เวลานี้ก็ไม่เคยเห็นกลับบ้าน ” พ่อเขาถามเมื่อเห็นว่าผู้เป็นลูกชาย
“ พ่อ…ผมถามอะไรหน่อยได้มั๊ย ”  นนท์ไม่ตอบคำถามพ่อแต่เลือกที่จะถามกลับไปให้ผู้เป็นพ่อนิ่ง ลูกชายจึงเอ่ยปากต่อ


“ ทำไมพ่อถึงอยากให้ผมช่วยแม่ ” นนท์ถามสั้นๆแต่ได้ใจความ คนเป็นพ่อยังนิ่งไม่มีทีท่าหรือสีหน้าที่เปลี่ยนไป นนท์รอคอยคำตอบอยู่จนนึกว่าพ่อจะไม่ตอบแล้วแต่พ่อก็เอ่ยออกมา

“ แล้วทำไมแกถึงไม่อยากช่วยเค้าหล่ะ  ” พ่อเอ่ยเป็นคำถามกลับมา พ่อของเขารู้อยู่แล้วว่าซักวันนนท์ต้องถามแบบนี้ด้วยเพราะรู้นิสัยของลูกชายดีนนท์เป็นคนมีเหตุผลเสมอ


“ พ่อก็รู้ๆอยู่  ” นนท์ตอบด้วยเสียงเข้ม
“ รู้อะไรหล่ะเจ้านนท์  ” พ่อยังคงมีท่าทีที่นิ่งๆเรียบๆเช่นเดิม
“ ก็รู้ว่าแม่เขาทิ้งเราไป เขาไปมีความสุขกับคนอื่น เขาไม่สนใจเรา ”




“ แล้วมันเป็นเหตุผลที่แกจะไม่ช่วยเขาเหรอ ตอนนี้เขากำลังทุกข์ กำลังเดือดร้อน ลูกอย่างแกที่ต้องช่วย  ”
“ ไม่ ผมไม่ช่วย  ” เสียงตอบกลับอย่างไม่ใยดี

“ นั่นแม่กับน้องแกนะ  ” พ่อหันมามองหน้าลูกชายเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ทั้งสองคุยกัน
“ ผมไม่นับผม เป็นลูกคนเดียว และแม่ของผมก็ทิ้งไปนานแล้ว ผมรู้แค่นี้  ” นนท์สบตาพ่อ


“ นนท์เกลียดแม่…. ” ผู้เป็นพ่อพูดขึ้นแล้วเงียบรอดูปฏิกิริยาของลูกชาย


“ ผม……คือ…ผม  ” นนท์อึกอักไม่ตอบ  ผู้เป็นพ่อพยายามสบตาลูกชายที่หลุบตาลงต่ำไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา   ทำไมคนเป็นพ่อจะไม่รู้ว่าลูกตัวเองเป็นยังไง รู้สึกยังไง ลูกที่เลี้ยงมากับมือตั้งแต่ยังเด็กไม่เคยห่างกัน ลูกที่สดใสที่เป็นกำลังใจและพลังให้พ่อแม่ แต่เมื่อวันหนึ่งมีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไปจากเด็กที่ไร้เดียงสากลับกลายเป็นคนที่เงียบเหงา รอยยิ้มที่หายไป เสียงหัวเราะที่ไม่สดใสอีกเลยนับตั้งแต่นั้นมา ทำไมคนเป็นพ่อจะไม่รู้ คนที่เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างแต่แก้ไขอะไรไม่ได้ได้แต่ยอมรับและอยู่กับมันให้ผ่านพ้นไป


“ นนท์ไม่ได้เกลียดแม่ แต่นนท์ต้องการแม่  ”
“ ไม่ ผมไม่ต้องการผมอยู่ได้แบบนี้มานานแล้ว  ผมมีแค่พ่อ  ” นนท์ข่มความอึดอัดไว้ข้างใน
“ แต่แม่ที่แกต้องการกำลังจะกลับมา  เขาจะกลับมาทำหน้าที่ของแม่ให้แล้ว ” เสียงของพ่อนิ่งเย็นไม่หวั่นไหว

“ ผมไม่ต้องการ  ”

“ ผมถามพ่อจริงๆนะ ทำไมพ่อถึงไม่โกรธไม่เกลียดแม่ ทำไมพ่อถึงพยายามให้ผมทำดีกับแม่ทั้งๆที่แม่ไม่เคยกลับมาดูดำดูดีเรา
เลย ทั้งๆที่เราถูกทิ้ง ทำไมพ่อถึงได้ทำเหมือนพ่อไม่รู้สึกอะไรเลย ผมไม่เข้าใจ  ” นนท์ถามพ่อเสียงสั่นพยายามอดกลั้นอารมณ์ที่มันกำลังจะปะทุออกมาจากความอัดอั้นนี้

“ พ่อรอไห้ถามคำถามนี้มาตลอด เมื่อถามพ่อก็มีคำตอบให้  ” พ่อทอดสายตาออกไปที่หน้าต่างด้านข้าง

“ นนท์จำตอนเด็กๆได้มั้ย แกว่าพ่อเป็นคนยังไง พ่อเป็นคนที่จริงจัง เคร่งครัด ทุกอย่างทุกเรื่อง แม้แต่ตอนนี้ก็เป็น แก้ไขไม่ได้ทำให้แกต้องอึดอัด  แม่แกก็เหมือนกัน ” พ่อเว้นช่วงความเงียบก็เกิดขึ้นชั่วขณะ ถอนหายใจแล้วพูดต่อ



“ พ่อกับแม่รักกันมาก แต่งงานกันพอมีลูก  ที่เกิดจากความรักมันก็เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ มันเหมือนจะดีใช่มั๊ย แต่ไม่เลยพ่อเริ่มทำงานหนักขึ้น   งานเยอะขึ้นเพื่อหวังจะได้เจริญก้าวหน้าเติบโตอย่างรวดเร็ว จนลืมไปว่ามีเมียกับลูกรออยู่ที่บ้าน  ทั้งสองรอพ่อทุกวัน  รอทุกปีจนกลายเป็นหลายปี  จากคนที่รอก็เกิดความเหงา หว้าเหว่  เวลาลูกไม่สบายแม่ก็ต้องอยู่คนเดียวร้องให้กอดลูกที่ร้องงอแงเพราะรอพ่อกลับมา  ” พ่อหันหน้ามามองหน้าลูกชายที่หน้าซีด




 “ พ่อกลับมาเห็นลูกร้องให้งอแง  พ่อว่าแม่เป็นคำแรกโดยที่ไม่รู้ว่าเขาอยู่กับลูกแค่สองคนเค้ากลัวแค่ไหน   พ่อยังดุว่าดูแลลูกไม่ดี  ปล่อยลูกให้เจ็บป่วย  ”
“ แรกๆคนเป็นแม่ก็ทน ไม่เคยโกรธคิดว่าพ่อทำงานเหนื่อย  เลยพยายามจะเข้าใจ แต่พอมันนานๆไปความเข้าใจฝ่ายเดียวมันก็ไม่เพียงพออีกแล้ว”


“ แล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่ลูกร้องให้กอดขาแม่ไว้  วันที่ลูกร้องให้มากที่สุด แม่ก็ร้องจนน้ำตานองหน้า  มันเป็นภาพที่ปวดใจสำหรับพ่อมาก คนที่รักทั้งสองคนกำลังร้องให้ พ่อทนดูไม่ได้จนต้องกอดลูกไว้  พ่อทำได้แค่นั้นพ่อไม่อาจจะรั้งแม่ไว้ได้เลย   พ่อทำผิดกับลูกที่ทำให้ลูกไม่มีแม่  พ่อรับรู้ทุกอย่างที่แม่ตัดสินใจ       เขาเลือกให้ลูกอยู่กับพ่อเพราะรู้ว่าลูกต้องไม่ลำบาก   เขายอมที่จะเดินจากไปโดยที่ไม่มีอะไรติดตัวไปเลยแม้แต่ชิ้นเดียว   เพราะเขาเป็นห่วงลูกสมบัติทุกชิ้นของเค้าเป็นชื่อของลูกหมด ” พ่อเริ่มเสียงสั่น


“ ที่แม่เค้าไม่ติดต่อมาเลยเพราะเขากลัวว่าเค้าจะทนคิดถึงลูกไม่ได้   เขาเลือกที่จะเจ็บปวดเอง ” เสียงพ่อหยุดลงเนิ่นนานกว่าลูกชายจะเอ่ยถาม


“ แล้วทำไมเค้าต้องไป ทำไมเค้าเลือกทิ้งผม ” น้ำตาที่กลั้นไว้อยู่นานหล่นลงกระทบมือที่สั่นเทา น้ำตาที่มาจากหัวใจส่วนลึก น้ำตาที่ถูกกักเก็บไว้มานานจนลืมไปแล้วว่ามันมีหน้าที่อะไร ความอัดอั้นในอกบีบแน่นคล้ายระเบิดที่กำลังจะปริแตกในเวลาอีกไม่นาน

“ เค้ารักแกแต่ไม่ได้รักพ่อแล้ว  เค้าเลยเลือกที่จะให้คนที่เค้ารักอยู่กับคนที่คิดว่ารักไม่น้อยกว่ากัน   แกรู้มั๊ยความรักในฐานะคนรักของพ่อกับแม่แกมันจบลงตั้งแต่วันที่แกป่วยแล้วถูกทิ้งให้เค้าอยู่กับแกแค่สองคน แต่ความรักของแม่แกมันไม่หมดลงนะนนท์”


“ ความรักแบบคนรักน่ะนอกจากรักแล้วต้องมีความเข้าใจกันด้วย   พ่อเข้าใจเค้าในตอนที่เค้าไม่อยู่แล้วแต่ตอนที่เค้ารอให้พ่อเข้าใจพ่อกลับเลือกที่จะทิ้งเค้าไว้ให้เดียวดาย  เพราะแบบนี้พ่อถึงไม่เคยโกรธหรือเกลียดแม่ของแกเลย  ” สิ้นเสียงของพ่อจบลงพ่อก็ลุกขึ้นยืนตบบ่าลูกชายที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆแล้วเดินออกจากห้องไป นนท์ยังคงนั่งก้มหน้านิ่งไม่ไหวติงมีเพียงหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองตกกระทบมือที่ประสานกันไว้ระหว่างเข่าทั้งสองข้างหยดแล้วหยดเล่า

************

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #17 เมื่อ07-07-2019 21:22:32 »

ตอนที่ 11



“ นนท์  ถามได้มั๊ยเรื่องแม่ ” บลูนั่งลงบนเตียงฝั่งของตัวเอง หลังจากที่กลับมาแล้วบลูให้นนท์อาบน้ำก่อนเพราะดูจากสภาพแล้วถ้าให้รอเจ้าตัวคงหลับไปทั้งสภาพแบบนั้น แต่พอบลูเดินออกมากลับพบว่าอีกฝ่ายนั่งเล่นโทรศํพท์อยู่บนเตียงยังไม่หลับอย่างที่คิด

“ หืม   ” นนท์หันมามองคนที่นานๆจะเอ่ยปากถามถ้าเขาไม่เล่า
“ เรื่องแม่  กับนนท์ ”
“ ก็เรียบร้อยดี ไม่มีอะไร เราก็จัดการเรื่องที่เขาขอให้ช่วยเหลือก็เท่านั้น ” นนท์ตอบท่าทางสบายๆทำให้บลูอดสงสัยไม่ได้


“ แค่นั้น ???  ” บลูเอียงคอถาม
“ ฮ่าๆๆๆ  ทำไมทำหน้าแบบนั้นฮ้า เรียบร้อยจริงๆไม่มีอะไร  เราไม่ได้โกหกจริงๆ เรียบร้อยมาก ทุกเรื่องเลย” นนท์หัวเราะกับสีหน้าท่าทางสงสัยของบลูเขาไม่เคยรอดพ้นสายตาบลูไปได้ อดไม่ได้ต้องยื่นมือไปยีผมบลูเบาๆอย่างเอ็นดู


“ เราไม่ได้ว่านายโกหกแต่นายบอกไม่หมดต่างหาก   ” นั่นไงเขาว่าแล้ว

“ บอกหมดแล้วครับไม่มีโกหก ไม่มีซุกซ่อนซ่อนเร้นซ่อนเงื่อนซ่อนแอบซ่อน… ”


“ พอแล้วๆๆๆ นายนี่น้า ” บลูหยุดนนท์พร้อมส่ายหน้าอย่างรู้ทัน ไม่มีหรอกที่จะบอกหมดน่ะ แต่อารมณ์ดีพูดเล่นได้แบบนี้แสดงว่าโอเคแล้วเขาก็สบายใจดีกว่าให้เพื่อนเขาเศร้าเจ็บปวด

“ แล้วจะทำไงต่อไป  ”
“ อยู่ใกล้ๆกันแบบนี้นายโอเคใช่มั้ย  ”

“ ก็ไม่เป็นไรอยู่ใครอยู่มัน ทางใครทางมัน อย่าให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเดือดร้อนก็พอ  ” นนท์พูดพลางยักไหล่สองข้างก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อ

“ อือ ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกันเนอะ  ” บลูว่าพลางล้มตัวลงนอน

“ อื้อ  .. อ้าวจะนอนแล้วเหรอ  ” นนท์หันมามอง
“ อือเหนื่อยอ่ะ ”

“ ปิดไฟนะ ” นนท์บอกพร้อมเอื้อมมือไปปิดไฟให้บลู
“ เปิดไว้ก็ได้ นายยังไม่นอนนิ ”

“ ไม่เป็นไร เปิดไว้นายก็นอนไม่หลับ เดี๋ยวเราก็จะนอนแล้วเหมือนกันขอดูตัวอย่างหนังแป๊บหนึง ” นนท์บอกกับบลูพร้อมหยีบหูฟังมาเสียบต่อโทรศัพท์

“ อืม รีบนอนนะนายดูเพลียๆเหมือนกัน ” บลูบอกยิ้มๆ นนท์รู้ดีว่าเขานอนไม่หลับถ้าไม่ปิดไฟและมีเสียงดังรายละเอียดเล็กน้อยที่นนท์จำได้ไม่ลืมซักครั้งความอบอุ่นในใจแผ่ซ่านมาอีกครั้งบลูหลับตาลงพร้อมรอยยิ้มจางๆที่มุมปาก“ “ ฝันดีนะนนท์ ”







“เที่ยวทะเลเหรอพี่ อยากไปอยู่นะไม่ได้ไปนานแล้ว ” เสียงเทพพูดอย่างตื่นเต้น แววตาสดใสเหมือนเด็กๆที่นึกถึงของเล่นแต่นี่มันยี่สิบสามยี่สิบสี่แล้วนะ


“ ใช่ พี่ประชุมสองวัน มันต่อเลยวันหยุดก็เลยจะอยู่เที่ยวด้วยเลย สนใจมั๊ย พี่ไปก่อนแล้วที่เหลือก็ค่อยตามไป ”
“ ดีๆพี่ พี่บลูว่าไง น่าสนุกดีนะเราไม่ได้เที่ยวนานแล้วไปผ่อนคลายกัน  ” เทพหันมาถามบลู

“ ก็ดีนะ เราไม่ได้เที่ยวนานแล้วจริงๆแหละ   ”
“ เยส อย่างนี้สิพี่ ”
“ แล้วพี่นนท์ชวนใครบ้าง  ”
“ ก็สองอีกคน แค่นี้ไม่อยากชวนเยอะหลายคนกลัวเรื่องเยอะเพราะมันไกล ”


“ จริงด้วย วันหยุดด้วยน้อยๆคนคุยกันง่ายดี ”เทพเห็นด้วย
“ พี่ดูไว้ยังพักที่ไหน เที่ยวที่ไหนบ้าง  ”
“ ยังเลยรอถามสมาชิก   นายว่าไง ” นนท์หันมาถามเพื่อน

“ เราไม่รู้เทพหล่ะอยากไปที่ไหน  ”
“ นั่นสิ เอางี้พี่ว่าเทพกับสองไปดูมาแล้วกันเอาตามสองคนว่าดีพวกพี่ยกทริปนี้ให้สองคนไปจัดการ ” นนท์บอกกับเทพ เข้าทางเขาเลยงานนี้สนุกแน่


“ แต่ขอแบบธรรมดาๆนะเทพ ไปพักผ่อนอย่าเอาตื่นเต้นเกินไป ” บลูบอกยิ้มๆอย่างรู้ทัน เทพแอบทำหน้าเซ็ง

“ คร้าบรู้แล้วคร้าบ รับรองได้พักยาวๆแน่นอนนน ” บลูมองตาแล้วไม่ไว้ใจเรื่องเที่ยวนี่ขอให้บอกเทพจัดการให้หมดเป็นอย่างดีแถมดีเกินไปด้วยซ้ำเพราะแต่ละอย่างที่จัดมาเรียกว่าล้นหลามคุ้มค่ากับงบประมาณ เริ่มตั้งแต่ที่พักสวยงาม     เครื่องดื่มหลากหลายชนิด กับแกล้มคาวหวาน และที่สำคัญปิดท้ายเบอร์น้องๆสาวสวยแจกจ่ายกันทั่วหน้าไม่รู้ไปหามาจากไหนทำเอารุ่นพี่ผู้ชายตาวาวเป็นแถวจากที่เมาๆก็สร่างเมาทันที งานนี้บลูกับนนท์ยังจำได้ไม่ลืม   


“ พี่เริ่มจะไม่ไว้ใจแล้วหล่ะสิเนี่ย ” บลูเอ่ยออกมาเหมือนปรามกลายๆ
“ จริงๆพี่ แหมรู้หรอกไปกับพี่บลูพี่นนท์  ”

“ ไปกับพวกพี่แล้วมันเป็นไงวะ  ” นนท์ขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
“ ก็ไม่เป็นไงครับ ก็สนุกดี สนุกแบบเรียบร้อย แฮ่ๆๆ ”เทพตอบนนท์พลางหัวเราะแห้งๆ

“ ก็ไปเที่ยวพักผ่อนกันนี่หว่าไม่ได้อยากไปหาเรื่องแบบนั้นทำนี่ พักผ่อน ผ่อนคลายหน่ะเข้าใจมั้ย ”
“ คร้าบเข้าใจดี พักผ่อน ผ่อนคลาย สงบๆเนอะ ” เทพพูดด้วยสีหน้าทะเล้นกวนๆ

“เออๆไปวางแผนมาแล้วจะได้ไปกัน  บอกรายละเอียดกับไอ้สองด้วยนะพี่ยังไม่ได้บอกอะไรมันเลย”
“ ได้ครับ โอเคครับ  ” เทพกดโทรศัพท์หาเพื่อนทันทีอย่างตื่นเต้นงานนี้พี่นนท์กับพี่บลูสนุกแน่ๆ

********



“ พี่บลูพี่นนท์นัดเจอที่ไหนครับ  ”  เทพถามบลูที่กำลังขับรถอยู่ พวกเขาสามคนออกเดินทางกันตั้งแต่เช้ามุ่งหน้าสู่จังหวัดทางภาคตะวันออกซึ่งแน่นนอนว่าเป้าหมายในครั้งนี้คือการมาเที่ยวทะเลโดยที่นนท์ได้เดินทางมาล่วงหน้าแล้วก่อนหน้านี้สองวันเพื่อเข้าร่วมอบรม และนัดหมายเจอกับสมาชิกอีกสามคนที่เหลือในช่วงบ่ายของวันนี้  หลังจากที่คุยกันตกลงตามแผนของสองหนุ่มรุ่นน้อง


“บอกว่าเจอกันที่โรงแรม แล้วค่อยเลยไปที่พักเลย  ” บลูตอบเทพหลังจากนั้นเทพก็ก้มลงดูโทรศัพท์ตัวเองใช้ค้นหาที่อยู่ และเส้นทางเพื่อที่จะไปยังโรงแรมที่นนท์นัดหมาย

“ พี่นนท์พวกผมอยู่ลานจอดรถข้างหน้าแล้ว ”  เทพกำลังโทรศัพท์พูดกับนนท์สายตาก็สอดส่ายสายตามองหาว่านนท์จะเดินมาทางไหน

“ โอเคพี่กำลังเดินไป พี่เห็นรถแล้ว  ” นนท์รีบเดินออกมาจากส่วนล็อบบี้ของโรงแรมที่นั่งรอมาซักพักมองเห็นรถของบลูจอจอดอยู่ เทพเปิดประตูเดินลงมาจากฝั่งข้างคนขับช่วยยกกระเป๋าใบใหญ่กว่าใครของนนท์ขึ้นใส่ท้ายรถจากนั้นเดินอ้อมไปนั่งที่เบาะหลังข้างๆสองเพื่อนของตัวเอง ให้นนท์ขึ้นนั่งแทนที่ข้างคนขับ


“ อบรมเสร็จนานแล้วเหรอนนท์  ” บลูถามขึ้นขณะที่รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถ
“ เสร็จได้ซักพักแล้ว อาจารย์สอนเร็วน่ะ อัดเนื้อหามาตั้งแต่เมื่อวานเบลอไปหมด กลับไปคงจำอะไรไม่ได้อ่ะ เยอะเกิน  ” นนท์พูดพลางหัวเราะทั้งรถก็ส่งเสียงหัวเราะตามอย่างเห็นด้วย

“ ก็หลักสูตรผู้บริหารนี่พี่ จะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ก็อย่างนี้หล่ะ กลับไปก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับอนาคตหัวหน้า  ” สองพูดด้วยท่าทางนอบน้อมเกินเหตุนนท์เห็นอดใจไม่ได้จนต้องหันกลับไปเขกหัวให้หนึ่งที

“ เกินไปไอ้สองนี่ถ้าหัวหน้าไม่ติดธุระเงินๆทองๆพี่ไม่ได้มาหรอกไอ้หลักสูตรพวกนี้น่ะ  ”
“ เออก็จริงพี่ งานแบบนี้หัวหน้างาบหมด ฮ่าฮ่า ” สองส่งเสียงหัวเราะชอบใจนนท์ก็แอบเห็นด้วยแต่ไม่พูดอะไรออกไป


“ เหนื่อยมั๊ยขับรถ  ” นนท์หันมาถามบลูที่ทำหน้าที่ขับรถมาตั้งแต่เช้าระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ถึงจะไม่รีบกันก็เถอะแต่ขับไกลๆแบบนี้ก็แอบเหนื่อยอยู่ไม่ใช่น้อย
“ ก็นิดหน่อย ไม่ได้ขับไกลๆนานแล้ว  ” บลูหันมาตอบ
“ งั้นเดี๋ยวตอนเที่ยวเราขับต่อให้ ”
“ อื้อ  ”



         รถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพักริมทะเลที่เทพจัดการจองที่พักไว้ก่อนเดินทาง บ้านหลังขนาดเล็กที่มีสีเขียวอ่อนสดตัดกับน้ำทะเลที่อยู่ด้านหลังหน้าบ้านเป็นต้นดอกเฟื่องฟ้าออกดอกสีขาว ชมพูสลับกันเป็นซุ้มด้านข้างเป็นต้นมะพร้าวขนาดเท่าหลังคาบ้านเรียงกันเป็นรั้วระหว่างบ้านแต่ละหลัง


“โหบรรยากาศดีจริงๆ สงบดีอ่ะเหมาะมากที่จะพักผ่อน  ” สองลงจากรถได้ก็ยืดเส้นยืดสายพลางมองไปรอบๆบ้าน

“ หลังบ้านมันเป็นทางลาดลงไปที่ชายหาดปูเสื่อนั่งเล่นได้ ถ้าไม่อยากนั่งโต๊ะ  ” เทพบอกเพื่อนพลางยกกระเป๋าลงจากท้ายรถมาวางรวมกันไว้ที่พื้นลานจอดรถเพื่อช่วยกันขนของเข้าบ้าน


“ บ้านนี้มีกี่ห้องวะเทพ  ” นนท์ถามพวกเขาจะได้แบ่งที่นอนกันได้ถูก
“ สองครับ ห้องน้ำในห้องนอนเลย  ข้างนอกห้องนั่งเล่น ข้างหลังมีโต๊ะกับส่วนที่ใช้นั่งเล่นได้ ” เทพบอกพลางเดินสำรวจพื้นที่อีกครั้งจากข้อมูลที่สอบถามมาและจากรูปที่เคยเห็น


“ บรรยากาศดีนะ เทพหาเจอได้ไง  ” บลูถามหลังจากเดินดูรอบๆห้องโถงบ้านนี้เป็นบ้านหลังเล็กๆแต่มีพื้นที่ใช้สอยพร้อมและเป็นสัดส่วน ตกแต่งโดยใช้โทนสีขาวฟ้า ทั้งโซฟา ผ้าม่าน ผนังห้อง หน้าต่างที่เป็นกระจกบานใหญ่ทั้งหมดทำให้บ้านดูโล่งสบายตาพอเปิดหน้าต่างออกลมทะเลก็พัดเข้ามาเย็นสบาย


“ เพื่อนแนะนำมาน่ะพี่มันเคยมากับแฟน บรรยากาศตอนกลางคืนโคตรดีอ่ะโรแมนติกสุดๆ  ”
“ พี่ว่ามากันเหนื่อยๆแยกย้ายพักผ่อนก่อนมั๊ยแล้วตอนเย็นค่อยออกไปหาอะไรกินกัน ” นนท์บอกทุกคนเพราะดูเวลายังเหลืออีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงตอนเย็นที่จะออกเที่ยวกัน


“งั้นเจอกันหกโมงเย็นมั๊ยครับ ออกไปหาไรกินกันข้างนอกแล้วเดินเที่ยวต่อแถวตลาดไนท์แถวไกล้ๆนี้กัน  ” เทพเสนอ
“ เออพี่เห็นด้วย บลูจะได้พักซักหน่อย ”
หลังจากตกลงเวลากันได้ทุกคนก็แยกย้ายกันเข้าตัวเอง ห้องนอนทั้งสองห้องสามารถมองเห็นวิวทะเลจากในห้องได้จึงไม่มีปัญหาการเลือกห้องนอน


“ นายอาบน้ำก่อนมั๊ยจะได้สดชื่น ”
“ อือ ดีเหมือนกันรู้สึกเพลียๆ ” บลูหยิบอุปกรณ์ครบมือแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ซักพักเดินออกมาเจอนนท์นอนดูโทรทัศน์อยู่แต่เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นพอดีตัวกับเสื้อยืดสีฟ้าสดซึ่งเป็นสีที่เจ้าตัวโปรดมากที่สุด


“ จะนอนพักมั๊ยใกล้ๆถึงเวลาเดี๋ยวปลุก ”นนท์ขยับตัวดึงผ้าห่มออกคลี่ให้บลูนั่งลง
“ ไม่ง่วงอ่ะแค่อยากเอนหลังซักพัก ” บลูหยิบโทรศัพท์แล้วเอนตัวลงพิงหมอนที่วางพิงไว้หัวเตียงอีกที ทั้งคู่นั่งเอนอยู่ข้างๆกันบนเตียงบรรยากาศสบายๆแล้วจมอยู่กับโลกส่วนตัวของแต่ละคน





“ บลู ๆ บลู ตื่นจะถึงเวลานัดแล้ว  ” บลูได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองพร้อมสัมผัสที่ไหล่เบาๆ เขาลืมตาขึ้นมาช้าๆขมวดคิ้วงง นี่เขาหลับไปตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย
“ กี่โมงแล้วนนท์ ”
“ จะหกโมงแล้ว ” นนท์ตอบพร้อมกับชูนาฬิกาที่ข้อมือให้บลูดู
“ สงสัยจะเหนื่อยขับรถ เลยหลับคอพับอยู่บนหมอน ” บลูได้ยินแล้วขมวดคิ้วเค้าหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัวเลยพลางเหลือบตามองหาโทรศัพท์ของตัวเองที่จำได้ครั้งสุดท้ายว่าเขากำลังดูอะไรในโทรศัพท์อยู่ นนท์มองเห็นท่าทางบลูเลยชี้มือไปที่โต๊ะหัวเตียงที่มีโทรศัพท์วางอยู่


“ ไปล้างหน้าก่อนไป ไอ้พวกนั้นนั่งรออยู่ข้างนอก ”

“ อือ บอกน้องรอแปบนะเราล้างหน้าแปบเดียว ” พูดจบก็คว้าฝ้าเช็ดหน้าที่อยู่บนราวเข้าห้องน้ำไป นนท์มองตามอย่างขำๆในท่าทางสลืมสลืองงๆของบลู      เจ้าตัวคงเหนื่อยมากกว่าจะขับรถมาถึงนี่ก็แปดชั่วโมงเพราะช่วงนี้วันหยุดรถเยอะ        ถึงขนาดหลับโดยที่โทรศัพท์หล่นจากมือจนนนท์ที่อยู่ข้างๆหันมามอง    ก็เห็นเจ้าของโทรศัพท์หลับคอพับอยู่บนหมอนเขาไม่อยากปลุกจึงจัดการช้อนที่ท้ายทอยบลูขึ้นขยับหมอนมาวางให้เข้าที่จากนั้นวางศีรษะของบลูลงจัดการห่มผ้าให้ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาวางไว้ให้ที่โต๊ะข้างเตียง “ บลูเอ๊ย เวลาหลับนายนี่มันเด็กน้อยชัดๆ  ” นนท์มองท่าทางซุกหน้ากับหมอนกับผ้าห่มของบลูแล้วก็นึกขำ เดินไปปิดม่านให้ห้องสลัวลง       หลี่เสียงโทรทัศน์ที่ดูอยู่จนแทบไม่ได้ยินเด็กน้อยของเขาจะได้หลับสบาย



*******

“ นนท์ ไม่ชอบทะเลทำไมชวนมาทะเลหล่ะ  ” เพราะนนท์บอกมาตลอดว่าเขาไม่ชอบทะเล แดดแรง น้ำเค็ม นับครั้งได้ที่นนท์มาเที่ยวทะเล       แต่ครั้งนี้ทำไมถึงเป็นคนเอ่ยปากชวนเอง ทั้งสองนั่งเล่นกันอยู่ที่เก้าอี้หลังบ้านติดกับชายหาด ตอนนี้เวลาค่อนข้างดึกสองหนุ่มรุ่นน้องเสน่ห์แรงก็ยังไม่กลับจากปาร์ตี้บ้านข้างๆที่อยู่ไม่ไกลกัน     จากที่เดินเที่ยวทานข้าวกันเมื่อตอนเย็นสองหนุ่มผู้มีอัธยาศัยดีจึงได้มีโอกาสทำความรู้จักกับสาวๆกลุ่มใหญ่ที่มาพักอยู่ไกล้ๆกัน      แต่บลูกับนนท์ก็แอบเป็นห่วงถึงแม้จะเป็นผู้ชายทั้งคู่แต่มาต่างที่แบบนี้ก็แอบห่วงอยู่ ทั้งสองจึงยังไม่ได้เข้านอนนั่งเล่นรอรุ่นน้องอยู่ที่ริมหาด


“ นายรู้มั๊ยว่าทะเลน่ะมันเป็นสถานที่ที่ให้ครอบครัวได้มาเที่ยวกัน      อยู่ด้วยกัน ให้พ่อแม่พาลูกๆมาเล่นน้ำ เด็กๆสนุกสนาน  ” นนท์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆท่าทางสงบ         แต่คนฟังกลับกระตุกในใจอย่างรุนแรง บลูยื่นมือไปแตะไหล่นนท์เบาๆ
“ เราไม่ชอบทะเลเพราะเรามาแบบนั้นไม่ได้  ” บลูกดฝ่ามือลงบนไหล่แรงขึ้น
“ พรุ่งนี้อยากเล่นบานาน่าโบ้ทเราไม่เคยเล่น ” บลูบอกออกไป ตั้งใจเลี่ยนเรื่องเสีย

“ อยากเล่นเหมือนกัน  ” นนท์หันมาตอบบลูยอมเปลี่ยนเรื่องตาม
“ อยากดำน้ำดูปะการัง ”
“ เราก็อยาก ”

“ แต่แถวนี้ไม่มีที่ให้ดำ ”
“ นั่นน่ะสิ ”

“ งั้นคราวหน้ามาดำน้ำกัน ”
“ โอเค ”
“ตกลง  ”

“อยากนั่งเรือไปดูเกาะฝั่งโน้น ”
“ อืม คงจะสวยน่าดู ”
“ อยากดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า ”

“ พรุ่งนี้ไงรีบตื่น ”
“อยากวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าอากาศน่าจะดี ”
“ ดูพระอาทิตย์แล้ววิ่งต่อ ”
.
.

.
นายไม่ได้เกลียดทะเลหรอกนนท์นายฝันมาว่าจะมาตลอดต่างหาก      บลูคิดว่าเขาเข้าใจนนท์มากขึ้นแล้ว นนท์ก็เหมือนคนทั่วไปในวัยเด็กที่ฝันว่าจะได้มาเที่ยวทะเลกับครอบครัวแต่เมื่อมันไม่สามารถเป็นไปได้จึงเปลี่ยนจากความปรารถนาเป็นตรงข้ามกัน



“ ดึกแล้วสงคนนั้นยังไม่มาเลย ” บลูมองเวลาในโทรศัพท์ แล้วกดโทรออกหาเทพทันทีพูดคุยกันซักพักถึงยอมวางสาย
“ พวกนั้นมันเป็นผู้ชายนะบลู ไม่ต้องห่วงมันหรอกเดี๋ยวพวกมันก็กลับ ” นนท์บอกกับบลูที่มีท่าทางเป็นห่วงน้อง
“ อือ  ” บลูพยักหน้าเขาเป็นห่วงมากเกินไปจริงๆ

“ เข้าบ้านกันดีกว่า พวกนั้นจะกลับกันแล้ว ”
“ นนท์   นนท์มีครอบครัวที่ใหญ่มากนะรู้มั๊ย ” บลูบอกนนท์ที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน เขาหมายความตามนั้นจริงๆครอบครัวของนนท์ที่จะมีเขาอยู่ด้วยทุกที่ทุกเวลาครอบครัวของนนท์ที่มีบลู แม้นนท์จะไม่รู้ก็ตาม

****************


ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #18 เมื่อ07-07-2019 21:35:31 »

ตอนที่ 12

“ อรุณสวัสดิ์พี่นนท์ พี่บลู ” สองเดินออกจากห้องนอนมาที่ห้องโถงกลางบลูกับนนท์นั่งดื่มกาแฟกันอยู่บรรยากาศยามเช้าที่มีแสงแดดอ่อนๆส่องเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดไว้พร้อมกับสายลมที่พัดเอื่อยๆเข้ามา
“ พี่นึกว่าจะตื่นกันไม่ไหวซะอีกเห็นเมื่อคืนกลับกันมาดึก ” บลูเอ่ยทักออกไป

“ ไหวสิพี่เมื่อคืนไม่ได้ทำไรเลยแค่ไปนั่งคุยกับสาวๆเขาแค่นั้นเอง ” สองตอบยิ้มๆ
“ คุยแบบไหนวะสอง ” นนท์ถามพลางสบตาแววตาบ่งบอกอย่างรู้ทัน

“ คุยจริงๆพี่พวกกลุ่มนั้นเค้ามากันหลายคน     แค่คุยถูกคอกันเฉยๆเฮฮาสนุกสนานกันไป ” สองตอบจริงจัง แต่นนท์ยังหลี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ

“ แล้วเทพตื่นยัง หิวกันมั๊ยมีกาแฟกับขนมปัง กับข้าวต้มทะเลทางบ้านพักเค้าจัดมาให้  ” บลูพยักหน้าไปที่โต๊ะวางอาหารที่พนักงานยกมาให้ตอนเช้า ซึ่งก่อนเข้าพักจะให้แขกเลือกเมนูแล้วจัดให้ตอนเช้าของอีกวัน

“ ตื่นแล้วพี่บลู กำลังแต่งตัวอยู่รอแปบหนึ่ง ” สองบอกพร้อมชะโงกหน้าไปทางห้องนอนที่ประตูถูกเปิดเอาไว้เห็นเพื่อนกำลังแต่งตัวเซตผมเตรียมความพร้อมอยู่ และเดินไปจัดการอาหารให้ตัวเองกับเพื่อน

“ เดี๋ยวรอเจ้าของโปรแกรมมาแถลงแผนการก่อน เราค่อยว่ากันอีกที ” นนท์บอกพร้อมกับยกกาแฟขึ้นจิบท่าทางสบายๆ

“ นี่พวกพี่ตื่นกันแต่เช้าเลยเหรอเนี่ย ” เทพเดินออกมาจากห้องนั่งลงข้างๆสองที่มีถ้วยข้าวต้มวางอยู่ตรงหน้า

“ อือ ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกันสวยมาก ว่าจะปลุกแต่กลัวไม่ตื่นกัน ” อาทิตย์ยามเช้าตรู่ที่ค่อยๆทอแสงขึ้นพร้อมกับเช้าวันใหม่ที่สดใสเป็นเหมือนพลังจากท้องฟ้าที่อยู่ข้างหน้าได้มอบพลังวิเศษให้    เสียงคลื่นกระทบฝั่ง หาดทรายขาวสะอาดตามีปูตัวเล็กวิ่งล้อเกลียวคลื่นที่สาดเข้าฝั่งอย่างไม่ขาด ลมเย็นๆที่พัดเอาความบริสุทธ์ของธรรมชาติมาให้กับผู้ที่ได้ชื่นชม

“ จริงพี่พวกเรากับพระอาทิตย์อยู่กันคนละฝ่าย ” เทพบอกพร้อมตั้งหน้าตั้งตาทานข้าวสงสัยจะหิวมากเพราะเมื่อคืนมัวแต่คุยกับสาวๆจนลืมสนใจอาหารการกิน

“ แล้วนี่กินเสร็จไปไหนดี โปรแกรมว่าไง ”

“ ไปดูตามนี้เลยพี่เค้ารีวิวมาว่าเจ๋ง     กินข้าวที่ร้านนี้โคตรเด็ด        ซื้ออาหารทะเลที่สะพานปลาตรงนี้สดๆแล้วตอนบ่ายๆก็กลับมาเตรียมปาร์ตี้ตอนเย็นกัน ” เทพอธิบายแผนการคร่าวๆทั้งวันพร้อมกับเปิดแผนที่ในโทรศัพท์ให้สมาชิกดูที่ต่างๆตามแผน          ทริปนี้พวกเขาเน้นเที่ยวแบบสบายๆ จริงๆจะไม่ออกไปไหนก็ยังได้นอนเล่นอ่านหนังสือ ดูหนัง หรือเตะบอลที่ชายหาดก็ได้เพราะบรรยากาศที่นี่เหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ แต่คิดว่าเมื่อมาแล้วก็ขับรถเล่นซะหน่อยแล้วกัน ออกไปชมวิวต่างๆกันหน่อยเป็นการเพิ่มพลังให้กับชีวิต





“ นนท์ยกเตามาวางตรงนี้หน่อย จะได้มีพื้นที่เยอะๆไม่เกะกะ ” บลูบอกกับนนท์ที่กำลังจัดสถานที่เพื่อเตรียมปาร์ตี้ริมหาดในคืนนี้ หลังจากที่พวกเขาขับรถตระเวนเที่ยว ซื้อของ      ทานอาหารตามที่ต่างๆแล้วทั้งหมดก็หอบของเต็มไม้เต็มมือกลับมาเพื่อปาร์ตี้กันในตอนเย็น      พอกลับมาบ่ายแก่ๆแดดเริ่มไม่แรงทั้งสี่ก็ไม่รอช้าตรงดิ่งไปที่ชายหาดที่มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน      บลูยังได้เห็นเด็กโตตื่นเต้นกับการเล่นกิจกรรมแบบเด็กที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสได้ทำ “ทั้งเล่นบานาน่าโบ้ทที่สนุก ตื่นเต้นและเหนื่อยจนหมดแรง เดินเก็บเปลือกหอยมาสร้างบ้านหอย   ก่อปราสาททรายที่ไม่ได้เป็นรูปร่างเพราะเจ้าตัวบอกว่ามันเป็นเมืองที่ถูกยึดอำนาจไปแล้ว ”


“ เมืองนี้ถูกพวกศรัตรูบุกทำลาย เราต้องหนีเพื่อไปสร้างเมืองใหม่ ”
“ แล้วจะไปสร้างที่ไหนหล่ะถึงจะพ้นจากสายตาของศรัตตรู  ” บลูถามเจ้าชายที่พยายามรักษาเมืองไว้

“ ยังหาทำเลดีๆไม่ได้เลยถ้าสร้างตรงนี้น้ำก็ท่วม ไปตรงโน้นก็แห้งแล้ง ไปที่นั่นก็อยู่บนยอดเขาสูงเกินไปปีนลำบาก ” เจ้าชายยังคงหาที่ตั้งต่อไปเพื่อความอยู่รอดของเมือง
“ให้พวกเราช่วยหามั๊ยท่าน เราชำนาญการในเรื่องหาที่เหมาะๆ ” ทหารหนุ่มสองคนอาสาช่วยท่านเจ้าชายหาที่ตั้งเมืองใหม่

“ พวกเจ้าลองหามาเสนอให้เราดูว่ามันเหมาะสมหรือไม่ถ้าดีเราจะได้สร้างเมืองใหม่กัน ”
“ แล้วเจ้าหล่ะอยากไปตั้งเมืองที่ไหน ” เจ้าชายหันมาถามพระสหายคนสนิท
“ แล้วแต่ท่านเลยเราเชื่อมั่นในการตัดสินใจของท่าน ” พระสหายตอบกลับมาด้วยท่าทางมั่นคง

“ งั้นเราเลือกตรงนี้เป็นที่ตั้งเราจะสร้างป้อมประตูเมืองได้ง่ายมองเห็นได้รอบเมือง ” เจ้าชายประกาศเสียงกร้าวอย่างเข้มแข็งมั่นคง

“ พวกเจ้าจงไปแจ้งข่าวแก่ชาวเมืองให้ช่วยกันสร้างเมืองใหม่ของเราให้สำเร็จ เราจะอยู่ที่เมืองนี้ให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป….. ”
“ รับทราบพะยะค่ะ  ” สิ้นเสียงเจ้าชายทหารทั้งสองก็ตอบรับอย่างแข็งขัน


.
.
“ แม่คับๆ ผมอยากไปเล่นสร้างปราสาทกับพวกพี่ๆนั่นอ่ะ  ”
พรืบบบบบบบ   หืมมมมมมมมมม
เสียงเด็กผู้ชายตัวเล็กพูดแทรกขึ้นทำให้ทั้งสี่หนุ่มที่กำลังเล่นก่อปราสาททรายหันไปมองก็เห็นเด็กชายอายุประมาณห้าหกขวบจุงมือกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งคงจะเป็นแม่ของเด็กคนนี้       และรอบๆข้างนั้นก็มีเด็กตัวเล็กๆสามสี่คนอายุไล่เลี่ยกันไปกำลังจ้องมองมาที่ปราสาททรายของพวกเค้าที่กำลังจะก่อขึ้น    นอกจากเด็กๆแล้วยังมีผู้ใหญ่อีกหลายคนที่กำลังมองมาทางพวกเขาเช่นกัน

“ เอ่อ… ใครอยากสร้างปราสาทหลังใหม่กับเจ้าชายบ้าง  ” นนท์รู้สึกตัวดึงสติกลับมาก่อนเอ่ยถามออกไปด้วยเสียงอ่อนโยน
“ เมืองเรากำลังต้องการคนมาช่วยสร้างปราสาท ใครจะสร้างได้สวยที่สุดจะได้รับรางวัลจากเจ้าชายไปเลยครับ ” บลูรับบทบาทต่อ

“ ผมๆๆ ครับ  ” “ ผมอยากสร้างปราสาท  ” “ ผมอยากเป็นเจ้าชายครับ ”
“ หนูค่ะ อยากเป็นเจ้าหญิง ”
.
.
เสียงเด็กๆดังขึ้นแข่งกันทำให้ทหารทั้งสองต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายทันที

“ ชาวเมืองทุกคนครับ เรามาแบ่งหน้าที่กันสร้างปราสาทดีมั๊ยครับ กลุ่มหนึ่งสร้างปราสาท กลุ่มหนึ่งสร้างกำแพงเมืองและป้อมทหารเอาไว้ส่องศรัตตรู ดีมั๊ยครับ  ”
“ ดีครับ ” “ดีค่ะ ”

“ เยี่ยมเลยครับงั้นเราลงมือเลย ….ลุยยยยยย ” แล้วทหารสองนายก็นำเด็กๆสร้างเมืองจากทรายอย่างสนุกสนาน แต่ละคนตั้งใจทำเต็มที่ตามจินตนาการของตัวเอง
“ หึหึหึ ”

“ หัวเราะอะไรครับเจ้าชาย  ” พระสหายคนสนิทถามขึ้น

“ ก็หัวเราะพวกเรานี่แหละ จากตอนแรกที่แค่อยากนั่งเล่นทรายธรรมดาๆ กลับมีเพื่อนเล่นตั้งมากมาย…ดูสิ ” นนท์บอกยิ้มๆพลางกวาดสายตามองดูรอบๆที่พวกเค้าเล่นก่อปราสาททรายกันอยู่ จากตอนแรกที่พวกเขาเล่นแกล้งถมทรายกันหลังจากหมดแรงจากการเล่นบานาน่าโบ้ท         แกล้งกันไปมาจนมาถึงการสร้างเมืองแล้วก็มีชาวเมืองอยากสร้างด้วยจนพ่อแม่บางคนกำลังช่วยลูกสร้างเมืองอย่างจริงจังนนท์มองแล้วอดยิ้มตามไม่ได้


“ เด็กๆก็งี้หล่ะ มีความสุขง่ายๆจากสิ่งรอบข้าง      เห็นอะไรก็สนุกไปหมด ” บลูก็ยิ้มตามพลางหัวเราะเมื่อทหารทั้งสองทำกำแพงเมืองฝั่งหนึ่งพังแล้วถูกชาวเมืองลงโทษให้สร้างใหม่ งานนี้ทหารทั้งสองต้องขอโทษชาวเมืองเป็นการใหญ่เพราะชาวเมืองเบะปากเตรียมจะร้องให้     แต่พอกำแพงสร้างเสร็จแถมสวยกว่าเดิมเป็นที่ถูกใจของทุกคนทหารสองคนจึงได้รับรางวัลเป็นการจุ๊บแก้มจากสาวน้อยชาวเมืองแสนสวย ทำเอาทหารทั้งสองหายเหนื่อยกลับมาสร้างเมืองต่อได้อย่างสวยงาม



“ พี่นนท์พวกผมช่วย  ” สองหนุ่มรุ่นน้องเดินมาทันตอนที่นนท์ยกเตาปิ้งย่างไปอีกฝั่งตามที่บลูบอก

“ พักก่อนก็ได้ทหารทั้งสอง โดนสาวสวยให้สร้างปราสาทให้ตั้งหลายหลังไม่เหนื่อยเหรอ ” นนท์บอกน้องๆที่หลังจากแยกย้ายจากกลุ่มเด็กๆที่ช่วยกันสร้างปราสาทและเล่นกันอย่างสนุกสนานพี่เทพกับพี่สองขวัญใจน้องๆงานนี้เล่นจนเหนื่อยอ่อน

 “ก็น่ารักจริงๆ  นะเด็กผู้หญิง ช่างพูด  ”นนท์ยิ้มเมื่อนึกถึงสาวน้อยเพื่อนเล่นทรายของพวกเขา


“ พี่นนท์ชอบเด็กผู้หญิงเหรอ ”
“ อืม เด็กผู้หญิงคุยเก่ง ช่างอ้อนเห็นแล้วมันน่ารัก ”
“ นี่พูดแบบนี้แปลว่าอยากมีลูกแล้ว…… ” เทพถามหยั่งเชิง


“ แหมคนเรามันก็ต้องฝันไว้บ้างสิวะ มีลูกมีครอบครัวน่ะใครๆก็อยากมีไม่ใช่เหรอ ” นนท์ตอบแบบเลี่ยงๆ
“ แสดงว่ามีแม่ของลูกแล้วสิ  ” สองที่เงียบฟังอยู่นานถามขึ้นอย่างอยากรู้

“ก็………ไม่มีอ่ะ  ”


“ เฮ่อ ” บลูถอนหายใจเงียบๆไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกลั้นหายใจไปตั้งแต่ตอนไหน

“ โหย……..นึกว่ามีเล่นเกริ่นมาซะ ” สองโอดครวญพลางส่ายหน้า ไอ้เขาก็อุตส่าห์ลุ้นอยากเห็นหน้าว่าใครนะที่จะมาเป็นเจ้าของหัวใจของผู้ชายที่ทั้งหล่อ เก่ง นิสัยดี คนนี้

“ ก็มันยังไม่มีคนถูกใจนี่หว่า  หาแม่ของลูกอ่ะไม่ง่ายนะเว้ย มันต้องพิถีพิถันหน่อยสิวะ  ”

“ หานานระวังแก่นะพี่        แล้วจะเสียดายของที่ไม่ได้ใช้ให้คุ้มค่าคุ้มราคา ของมีมันต้องใช้เว้ยครับ  ” เทพแนะนำอย่างจริงจัง


“ จะรีบไปไหนวะ   พี่ยังไม่แก่ซักหน่อยอายุแค่นี้เอง อยู่เที่ยวสนุกๆกับพวกเอ็งไม่ดีกว่าเหรอวะ   เรื่องนี้ถ้ามันจะมาก็มาเองหล่ะ ”
นนท์ตอบพร้อมกับไฟที่เตาติดได้ที่พอดี    นนท์เดินไปที่โต๊ะบลูเตรียมของเสร็จเรียบร้อย แล้วปาร์ตี้ริมหาดก็เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับตะวันที่เริ่มอ่อนแสงลงเตรียมจะลับขอบฟ้าแต่ทาสีไว้แดงๆปนส้ม ลมทะเลโชยมาหอบเอาไอน้ำเหนียวๆเค็มมาด้วย ปาร์ตี้เล็กๆ ที่ทำกันเอง เตรียมเอง กินเอง เคล้าแอลกอฮอล์อย่างลงตัว



“ พี่ว่าสองคนเริ่มเมาแล้วหล่ะ  ”ยิ่งดึกลมทะเลยิ่งพัดแรงหอบเอาความเย็นโชยมาเป็นละลอกเสียงคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่งอยู่ใกล้ๆมองออกไปเห็นแสงไฟระยิบระยับสวยงามเป็นปราการสะท้อนความมืดยามค่ำคืนเพิ่มให้อารมณ์อ่อนไหวได้ง่ายดาย ทั้งสี่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานทั้งเรื่องงานที่หนักหนาสาหัสในช่วงที่ผ่านมา เรื่องครอบครัว  เรื่องเที่ยว ยิ่งมีดรีกรีจากแอลกอฮอล์เพิ่มอรรถรสยิ่งคุยได้ไม่รู้จบ        เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ไม่มีใครสนใจแต่ดูจากจำนวนน้ำสีเหลืองทองในขวดที่พร่องลงไปเกือบหมดคงบ่งบอกได้เป็นอย่างดี


“ ไม่เมาพี่บลู ไม่เมา แค่มึนนน ฮ่าๆๆ” สองบอกรุ่นพี่แบบนี้ไม่เมาหรอกถ้าเมามันต้องหนักกว่านี้สิน่า
“ ไม่เมาเลยไอ้สองแก ” นนท์ว่าพลางยิ้มขำรุ่นน้อง

“ คนเมามันต้องพูดไม่รู้เรื่องสิ    อันนี้ผมรู้เรื่องดี.... ” คนพูดพยายามยืดเปลือกตาที่จะตกลงไปให้กลับขึ้นมาใหม่ทำให้คนที่มองอดหัวเราะไม่ได้

“แล้วคนไม่เมาทำไมมึงจับแก้วไม่ถูกวะ ”

“ ก็มันมีหลายแก้วนี่ ผมไม่รู้ว่าอันไหนของผม ผมเลยลังเลไง ฮิฮิ” คนพูดก็พูดเสียงยืดยาวไป ทั้งหัวเราะ สีหน้าเริ่มแดงจัดบ่งบอกอาการได้เป็นอย่างดี แถมพฤติกรรมที่กำลังเป็นอยู่นี่อีก นั่งไม่ตรงเลื้อยหาที่พิงศีรษะ เพ่งไปที่แก้วก่อนจะหยิบขึ้นมาก็งงคล้ายไม่รู้จะหยิบแก้วไหนทั้งๆที่มีนมีอยู่แก้วเดียว

“ งั้นคนไม่เมาทั้งสองพี่ว่าไปพักผ่อนกันเถอะ วันนี้เล่นทั้งวันดูหน้าตาแดงหมดแล้ว ” บลูบอกรุ่นน้องทั้งสองที่อีกคนนั่งมองฟ้าร้องเพลงคร่ำครวญอยู่แต่มันคือเพลงอะไรก็ไม่รู้ฟังไม่ได้ทั้งเนื้อทั้งทำนอง


“ ยังสนุกอยู่เลยอ่ะพวกผมขออยู่ต่อหน่อยนะ มาไอ้สองมึงมาดวนเพลงกับกู ใครเจ๋งกว่าคนแพ้ต้องทำตาม โอเค๊ ” เทพหยิบกีตาร์ตัวโปรดที่เตรียมมาจากบ้านมาเริ่มเล่นทั้งบลูและนนท์ก็ได้ชมคอนเสิร์ชอีกครั้งหลังจากที่หยุดเล่นไปซักพัก แต่รอบก่อนมันเพราะกว่านี้แต่รอบนี้มันคือการร้องที่ไม่เข้ากับทำนองเพลงใดๆทั้งสิ้น

“ มึงเอาร๊อกกๆๆ พี่เทพขอร๊อก ” พี่เทพบอกกับน้องสองที่ทำหน้าที่เล่นกีต้าร์
“ ไม่เอากูจะเอาโรแมนติก  ”

“ มึงงั้นเอาพลงนี้ดิ กูชอบ  ”
“ เพลงไรของมึง  ”

“ เป็นทุกอย่าง ” คนพูดหันมาทางบลูกับนนท์
“ มอบให้พี่ทั้งสอง ที่เป็นเพื่อนรัก เพื่อนสนิทกันมานาน และผู้สนับสนุนในการเดินทางมาในครั้งนี้  ”


“ ขอให้พวกพี่ทั้งสองคนเป็นพี่ที่สุดแสนประเสริฐของน้องๆ  ต่อไปนะครับ”
“ ช่าย  แล้วครั้งต่อไปน้องๆตาดำๆหวังว่าจะได้มาอีกนะค้าบ  ”

“ เป็น ทุกอย่างให้เธอแล้ว แม้ว่าเธอไม่เคย เป็นอะรายกาบช้าน เลยยยยย โอ้ววววโหว่โฮฮฮฮฮวว ”

“ เป็น ทุกอย่างให้เธอแล้ว แม้ว่าเธอไม่เคย เป็นอะรายกาบช้าน เลยยยยย โอ้ววววโหว่โฮฮฮฮฮวว ”

“ เป็นเพื่อนกันตอนดูหนัง แม้ไม่ใช่คนพิเศษ เป็นคนโทปลุกในตอนเช้า โว้ววววว โหห ”

“ เดี๋ยวๆๆๆ นี่มันเป็นเพลงจริงๆเหรอวะ ไอ้พวกนี้ เพลงเขาดีๆดังๆมาทำซะกูนึกไม่ออกเลยว่ามันเป็นเพลงอะไร  ” นนท์ทั้งหัวเราะทั้งร้องบอกรุ่นน้องทั้งสองที่มอบเพลงนี้ให้พวกเขาสองคน          แต่ต้นฉบับมันเพราะมากๆเรียกว่านั่นสวรรค์และนี้เวอร์ชั่นนรกชัดๆ

“ ยังๆๆ ยังไปต่อได้อีก สามารถมาก  ”

“ ได้อยู่ตรงนี้ก็ดีแค่ไหน จะหวังอะไรให้มากมายยยยยย ฮู้วววววววฮุววว ” “  ปบมือค้าบบบบ นี่เป็นเพลงจากน้องๆมอบให้พี่ที่เคารพ ” แปะๆๆๆๆ เสียงปรบมือของผู้ชมและนักร้องดังขึ้นหลังเพลงพิเศษจบลง

“ เออจบได้ซะที ขอบใจเว้ย แต่ข้าฟังแล้วปวดหัวว่ะ ทีหลังไม่ต้องมอบให้ก็ได้ ข้าเสียดายเพลงของพี่ๆเค้า   ” นนท์บอกนักร้องทั้งสอง

“เพงนี้พี่บลูเปิดหลายรอบมากกก ตอนนั่งรถมา พวกผมมอบให้เป็นเพลงพิเศษสำหลับทิปนี้ค้าบ เนอะพี่บลู  ” สองหันไปยิ้มหวานตาหวานกับบลู บลูยิ้มขำๆกับสองคน

“ บลูชอบเพลงนี้เหรอ  ” นนท์ถามเพราะปกติไม่เคยเห็นเปิดเพลงนี้เลยในเพลลิสเพลงที่เปิดในรถส่วนมากเป็นแนวฟังสบายๆ บลูไม่ชอบเพลงหนักๆ ซึ่งต่างจากเขาที่ชอบร๊อคหนักๆตามแบบฉบับผู้ชายทั่วไป แต่เพลงนี้ก็แนวของบลูแต่ไม่เคยได้ฟังเลย
“ อื้อ เพราะดี ”

“ ไม่เคยเห็นเปิดในรถ เราไม่เคยได้ยิน  ” นนท์พูดนึกติดใจกับเพลงนี้ยังไงไม่รู้
“ คงเล่นไม่ถึงแทร็กนี้มั้งมันน่าจะอยู่ท้ายๆน่ะ ”

“ สงสัยจะใช่ ”
“ พี่บลูเปิดเพลงนี้ให้ใคร  ” “ เป็นคนที่เคยแอบรัก เป็นทุกอย่างที่เธอขอ…..มันเพลงแอบรักชัดๆ  ” สองกับเทพต่อเพลงกันขึ้นมาอีกครั้ง

“ เปล่า เพลงมันเพราะเลยฟังหลายรอบแค่นั้นแหละ  ”
“ นี่แล้วเพลงพี่บลูทำไมมันมีแต่เพลงแอบรักหล่ะ แนวเศร้าๆด้วย  ”

“ ใช่ๆตอนแรกก็เพลงสนุกๆอยู่หรอกแต่พอตื่นขึ้นมานะ เพลงแนวนี้ทั้งนั้นเลย ”
“ ตกลงยังไงพี่บลูแอบรักใคร  ”

“ หรือจะเป็นพี่ไหมการเงิน  ใช่ๆแน่ๆคนนี้ชอบส่งตาหวานให้พี่บลู ” เทพบอกอย่างนึกขึ้นได้ พี่ไหมชอบมาที่หน่วยพูดคุยหยอก
หล้อกันท่าทางสนิทสนม
“ เอ่อ ไม่ใช่ๆ พี่ก็ฟังไปเรื่อยๆ ตอนมาทางมันไกลพี่กลัวเบื่อฟังเพลงเก่าๆเลยหาเพลงใหม่มาไม่ได้เลือกเห็นเพลงไหนดังๆก็เลยเอามาหมดเลย  ” บลูตอบทำหน้ายิ้มน้อยๆกับน้อง ปกติรุ่นน้องทั้งสองคนไม่เคยซอกแซกถามเรื่องแบบนี้กับเขาเลยซักครั้ง         แต่ครั้งนี้ได้แอลกอฮอล์เข้าไปความยับยั้งชั่งใจเลยไม่สามารถควบคุมความอยากรู้ได้

“ อ๋ออออ นึกว่าแอบรักใครแล้วไม่บอกไม่งั้นมีงอนนะครับบบบ  ” เทพบอกออกมาแถมทำหน้างอนๆ
“ มึงตัวไม่เข้ากับหน้ามึงเลยไอ้เทพ    กูขนลุกว่ะ  ” สองดักเพื่อนพร้อมทำท่าขนลุกขนพอง

“ ฮ่าๆๆๆๆๆ  ” บลูหัวเราะออกมาแห้งๆ กับทั้งสองคนแต่ในใจเอาแต่เต้นถี่รัว เขาไม่อาจบอกใครได้ว่าเพลลิสที่เล่นในรถของเขานั้นเป็นแทร็กที่เขาฟังบ่อยที่สุดเวลาอยู่คนเดียว        มีทั้งเพลงใหม่เพลงเก่าความหมายของมันลึกซึ้งเกินกว่าที่เขาจะอธิบายให้ใครรับรู้ได้

 “ รอคอยปาฏิหาริย์ คนใกล้ตัว เพียงข้างหลัง อยากรู้แต่ไม่อยากถาม ” เพลงพวกนี้เป็นเหมือนเพื่อนอีกคนหนึ่งของเขามันได้บรรยายความรู้สึกของเขาต่อใครคนหนึ่งอยู่ในเนื้อเพลงนั้นจนบางครั้งยังแอบคิดว่าเพลงนี้เขาแต่งมาให้ตัวเองหรือเปล่า


“ บลู บลู ๆๆ ” แรงสะกิดเบาๆที่ไหล่ทำให้บลูหันไปมอง ทันทีที่สบตาบลูก็หลบตาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสมองออกไปที่ชายหาดที่ไม่ไกล

“ นนท์ว่าไงนะ ” บลูถามขึ้น
“ เราถามว่าบลูเมารึเปล่า ง่วงมั๊ย เราว่าจะชวนไปเดินเล่นที่ชายหาด ” บลูแอบโล่งอกที่นนท์ถามไม่ใช่เรื่องเพลงเหมือนที่น้องๆถาม    แบบนี้สินะคนที่ไม่บริสุทธิ์ใจทำอะไรก็ตื่นกลัวไปหมด

“ ไปสิเราก็อยากเดินเล่นเหมือนกัน   บรรยากาศกำลังสบายเลย ” พูดพร้อมลุกขึ้นยืนทันทีแล้วมองรุ่นน้องทั้งสองที่เริ่มครวญเพลงขึ้นมาใหม่สงสัยคืนนี้คงอีกยาวไกลถึงแม้ทั้งคู่จะเริ่มพูดคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วก็ตาม

“ ปล่อยไว้งี้แหละ ไปเดินเล่นกลับมาค่อยมาพาเข้าบ้าน แถวนี้ไม่น่ามีอะไร อีกอย่างเราก็เดินๆอยู่แถวๆนี้ ไม่ได้ไปไกล ” นนท์บอกเมื่อเห็นท่าทางบลูมองรุ่นน้องแล้วนิ่งเหมือนกำลังตัดสินใจว่าจะทำยังไงดี


“ นนท์ ชอบทะเลขึ้นมาบ้างรึยัง  ” บลูถามทำลายความเงียบเมื่อทั้ง    สองเดินออกมาที่ชายหาดได้ซักพักแต่ไม่มีใครพูดอะไร
“ จริงๆก็ไม่ใช่ไม่ชอบหรอก      อย่างที่บอกแหละเราไม่รู้จะมากับใครเลยไม่อยากมา แต่ครั้งนี้มีเพื่อนมาด้วยมันก็สนุกดี  ”

“ เราชอบนะตอนเล่นบานาน่าโบ้ทน่ะ    สนุกมากแต่ก็เหนื่อยเสียแรงปีนขึ้นตั้งหลายรอบ หล้าไปหมด  ”

“ เราก็ชอบรอบสุดท้ายพี่เค้าทิ้งซะเต็มแรงเหวี่ยงกระเด็นไปคนละทาง ” นนท์พูดยิ้มๆหัวเราะน้อยๆ ดูผ่อนคลาย

“ เด็ดสุดตอนก่อปราสาทสร้างเมือง    ไม่นึกว่าเด็กจะชอบด้วย เห็นเด็กแล้วก็น่ารักดีแถมสองคนนั้นยังได้แฟนคลับตัวน้อยมาด้วย  ” บลูพูดถึงเด็กๆที่ช่วยกันสร้างเมืองจากเม็ดทรายด้วยกันเมื่อตอนบ่าย มันสนุกจริงๆ

“ ถ้าเรามากับคนอื่นเราไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด    ตัวโตเท่าอะไรนั่งเล่นทรายก่อปราสาทกัน  ”  นนท์หัวเราะออกมาสุดเสียงในหัวพลางนึกภาพเมื่อบ่ายตาม ถ้ามากับคนอื่นรับรองไม่ทำอะไรเด็กๆแบบนี้แน่ ขืนทำแบบนี้ได้โดนล้อทั้งปี

“ ถ้ามาคราวหน้าก็เล่นอีกสิ สนุกดี เด็กๆยังชอบเลย ”
“ นั่นมันเด็ก นี่โตเลยวัยมาตั้งหลายสิบปีแล้ว ”

“ ไม่มีกฎห้ามผู้ใหญ่หนิ ว่าโตเแล้วห้ามเล่นก่อปราสาททราย ” บลูพูดจริงอยากเล่นก็เล่นถ้ามันเป็นความสุขของเราคนอื่นจะมองยังไงก็แล้วแต่เพราะเราทำไม่ได้เดือดร้อนใคร

“ ถ้าอยากมาเล่นอีกก็บอกเรา     มาบ่อยๆก็ได้เราชอบทะเล ” บลูยังคงพูดต่อเนื่องพลางมองหน้าเพื่อนสนิทไปด้วย
“ แล้วจะมาได้เหรอ เผื่อติดอะไรนั่นนี่อีกหลายอย่าง ” นนท์พูดเบาๆคล้ายไม่แน่ใจ

“ ได้สิ ถ้างานไม่เร่งอะไร วันหยุดมาได้อยู่แล้ว ”
“ ก็เผื่อมีใครไม่ให้มา     เราก็ถามไว้ก่อน  ” นนท์ยังคงพูดเสียงเรียบๆ

“ หืม….. ใครจะไม่ให้เรามา ไม่มีใครว่าอะไรหนิ พ่อแม่ไม่ห้ามอยู่แล้วท่านแค่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเฉยๆ ” บลูพูดตามจริง พ่อแม่เขาไม่เคยห้ามเพราะรู้อยู่แล้วว่าตัวเขาเองเป็นยังไง

“ ถามแปลกๆ ”
“ก็คนที่นายเปิดเพลงให้ไง เผื่อเรายังไม่รู้ เราก็ถามไว้จะได้ทำตัวถูก ”

“นี่เชื่อคนเมาเหรอ มันก็เพลงทั่วไปนั่นแหละ เพลงดังๆใครๆก็ฟังกัน  ” บลูตอบเรียบๆ

“ แต่นายเคยฟังเพลงทั่วไปด้วยเหรอ  ” เพลงที่บลูชอบฟังส่วนมากเป็นเพลงที่มีความหมายในตัวของมันเองที่ลึกซึ้งบางเพลงเป็นเพลงไม่ดังด้วยซ้ำบลูยังฟัง

“ไม่มีจริงๆ  ”
“ ถ้ามีต้องบอกนะ     เราจะได้ช่วยดู คนสมัยนี้ต้องดูให้ดีๆเราไม่อยากให้นายเจอคนไม่ดี ”

“ ถ้ามีแล้วจะบอกนายคนแรกเลย ”
“ จริงๆนะ ต้องบอก ”

“ เราเคยมีความลับกับนายเหรอ ” บลูเอียงหน้าถาม

“ ที่ผ่านมาไม่มี แต่เรื่องนี้นายอาจคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ”

“ ไม่มีหรอกน่า สบายใจได้ ” บลูบอกยิ้มๆ

“ เรากลับกันเถอะ ไม่รู้สองคนนั้นสลบไปแล้วรึยัง  ”


“ ดีเหมือนกัน ดึกแล้ว เริ่มง่วง ” ทั้งสองเดินกลับบ้านพักท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องกระทบระลอกน้ำทะเลที่อยู่ด้านหลัง ด้วยอารมณ์สดใสโล่งใจทั้งสองคน       คนหนึ่งโล่งใจที่เพื่อนไม่ซักต่อจนอาจมีพิรุธให้ความลับถูกเปิดเผย        อีกคนโล่งใจเพราะรู้ว่าเพื่อนยังไม่มีใครถ้าหากเพื่อนเขามีใครซักวันก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะที่ผ่านมาก็มีแต่เพื่อนคนนี้ที่คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆกันตลอดมา       ถ้าวันหนึ่งเพื่อนเขาจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ข้างๆเขาก็ต้องยอมรับแต่ขอให้อย่าเป็นเวลาอันใกล้นี้เลยเขายังไม่ได้เตรียมความพร้อมที่จะอยู่คนเดียวขอเวลาให้เขาได้เตรียมตัวเตรียมใจบ้างก็พอ

*************************


ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #19 เมื่อ03-08-2019 14:02:54 »

ตอนที่ 13

“ พี่นนท์ๆ รู้มั๊ยทำไมพี่บลูดูเหนื่อยๆ เครียดๆ ตั้งแต่กลับมาจากเที่ยวแล้ว ” สองเอ่ยนนท์ในใจพลานึกไปถึงเมื่อวันอาทิตย์ที่เขาพบกับบลูโดยบังเอิญที่ร้านขายของในตลาด

“ พี่ไม่ได้เจอบลูสองอาทิตย์แล้วสอง ก็ไม่เห็นว่ายังไงนะก็คุยไลน์กันปกติหนิ ” นนท์ตอบเรียบๆพวกเขาคุยกันเกือบทุกวันเพื่อนสนิทของเขาก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ผิดปกติหรือแปลกตรงไหน

“ ผมเห็นหน้าตาเศร้าๆ หน้าดูซูบๆ เพลียๆ ตอนแรกคิดว่าดูคล้ำลงจากไปทะเลแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คล้ำมากดูสดใสกว่านี้ ”
“ งานเร่งมั้ง ฝั่งนั้นก็เป็นประจำแบบนี้ ”

“ สงสัยคงใช่มั้งพี่ เห็นไอ้เทพก็ว่าแบบนั้นมันบ่นให้ฟังจนจะบ้ากับมันแล้ว ” สองพูดพลางพยักหน้าเป็นที่รู้กันว่าหน่วยของเพื่อนเขามันก็เป็นแบบนี้แหละ   เขาก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อโดยที่อีกคนยังติดใจอยู่ ไม่ได้เจอกันสองอาทิตย์แต่ก็คุยปกติดีบลูไม่เคยมีความลับกับเขาถ้ามีอะไรก็ต้องบอกสิ สงสัยไอ้สองจะคิดไปเอง

“ นี่จะกินอะไรดี เอาเหมือนกันมั๊ย ” บลูถามนนท์เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาในร้านอาหารที่ประจำของพวกเขา วันนี้นนท์ออกจากที่ทำงานตอนเที่ยงบอกว่ามาส่งงานที่สำนักงานใหญ่แล้วชวนเขาออกมาทานร้านประจำ
“ หึ เอาเหมือนเดิมอ่ะ ” นนท์ตอบหลังจากที่บลูถามอยู่นาน
“ เหมือนเดิมครับพี่ กาแฟด้วย ” บลูหันไปตอบเจ้าของร้านกับลูกชายสุดหล่อตัวน้อยๆที่ยืนจับมืออยู่ข้างพ่อส่งยิ้มหวานจ๋อยมาให้พวกเขาทั้งสองคนแล้ว

“ มีอะไรนนท์     ทำไมเหมือนนายคิดอะไรอยู่ เรื่องงานเหรอ ” บลูหันกลับมาถาม
“ กำลังคิดว่าลืมส่งงานอะไรรึเปล่า   ตอนออกมารีบๆหัวหน้าบอกให้ส่งด่วน ”
“ หืมมีงานด่วนเหรอ งานไหนไม่เห็นบอสบอกเลยเห็นช่วงนี้ทำงานปกตินี่ ” บลูถามด้วยพลางทำท่าเหมือนคิดทบทวนอยู่ในใจ

“ ก็งานส่งรายงานประจำเดือนที่ทำแหละ หัวหน้าบอกว่าเค้าเร่งให้ส่ง ”
“ ไม่นะ ส่งเหมือนเดิมอาทิตย์ก่อนเทพไปประชุมมาบิ๊กบอสบอกตามกำหนดการเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ”
“ สงสัยหัวหน้าจำผิดหรือเปล่า แต่ชั่งเถอะ ดีแล้วงานจะได้เสร็จๆไป แล้วนายเสร็จกันยัง โดนให้ทำคนเดียวอยู่มั้ย ” นนท์หันมาถามบลูแทน

“ ดีขึ้นเยอะเลยตั้งแต่ครั้งนั้นหล่ะ     ทุกคนช่วยกันเยอะช่วงนี้เราก็สบายหน่อยค่อยๆทำไป ไม่ได้เร่งเอาเป็นเอาตายเหมือนแต่ก่อน ”
“ ดูเพลียๆนะ    นึกว่าทำงานหนักจนไม่ได้นอนอีกแล้ว ” นนท์ยังคงถามเรื่อยๆแต่แอบลอบสังเกตอาการเพื่อนหลายครั้งมันปกติเกินไปบลูทำเรื่องทุกอย่างให้เหมือนปกติทั้งท่าทาง การพูด สีหน้า ปกติจนรู้สึกว่ามันไม่ปกติ

“ สงสัยดูหนังดึกมั้ง    ดูติดต่อกันหลายวันเลย ” ดูหนังเหรออยู่ในโน๊ตบู๊คของเขาเป็นส่วนใหญ่   อยู่ในเครื่องของบลูไม่เกินสามสี่เรื่อง บลูไม่ชอบดูโทรทัศน์เรื่องที่ดูช่องเคเบิลต่างๆตัดไปได้เลย

“ หนังใหม่...” นนท์ถามต่อ
“ ไม่ หนังเก่าเอามาดูซ้ำอยากดูอีกมันเลยติดต่อกัน ”

“ นอนดึกมากๆบ่อยๆมันไม่ดีนายก็รู้นี่     แต่ก่อนก็ทำงานจนดึกดื่นเดือนหนึ่งมี30วัน นายเล่นทำไป45วันเลย ” นนท์เริ่มเตือนเพื่อนแต่ก่อนก็นอนดึกเพราะงานอันนี้ก็พอจะเข้าใจแต่นอนดึกเพราะดูหนังเหรอดูจะไม่ใช่บลูเลย

“ รู้แล้วๆ    จะพยายามนอนให้เร็วขึ้นคุณนนท์ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ”   บลูยิ้กับคำตอบแต่ยังไม่สบตาคนฟัง

“ คืนนี้นอนหอมั๊ยอยากดูเรื่องใหม่ ”นนท์ลองหยั่งถามดู

“ มีนัดกับแม่แล้วอ่ะ นายไม่บอกล่วงหน้า พอดีแม่ถามเลยนัดกันไว้”
“ งั้นว่างเมื่อไหร่ก็บอกมีมาหลายเรื่องเลย ”

“ โอเค อยากดูอยู่แล้ว ช่วงนี้ไม่ได้ตามเรื่องใหม่เลย ” เมื่อกี้บอกว่านอนดึกเพราะดูหนังแต่ตอนนี้บอกว่าไม่มีเวลาตามเรื่องใหม่มันดูไม่ค่อยไปด้วยกันเท่าไหร่

“ ไอ้สองว่านายเครียดๆ ดูเหนื่อยๆ ” นนท์บอกตามที่รุ่นน้องเล่าให้ฟัง
“ อ๋อ เจอกันที่ตลาด วันนั้นก็นอนดึกตื่นสายด้วยหน้าเลยโทรมๆ” บลูตอบพลางก้มลงมองอาหารที่ยกมาเสริฟให้พอดีซ่อนสายตาล้าๆจากนนท์ได้สำเร็จ

“ แล้วนี่ต้องกลับเข้างานอีกมั้ยหรือว่าออกมาเลย ”
“ ไม่หล่ะขี้เกียจเข้า      จะไปคุยกับพี่ๆที่หน่วยใหญ่ต่อเรื่องงบกับแผนน่ะ ”
“ งั้นรีบกินเถอะ    เย็นหมดแล้ว จะได้รีบเข้างาน”


“ ไงนนท์ สุดหล่อของพี่ ” เสียงหวานๆลอยมาก่อนที่นนท์จะเดินถึงทางเดินในอาคาร
“ หวัดดีครับพี่จ๋า ” นนท์ยกมือไหว้รุ่นพี่คนสวยที่ยิ้มหวานหน้าบานส่งมาให้ จ๋ารุ่นพี่การเงินที่ควบคุมงบประมาณของทุกหน่วยไม่ว่าจะหน่วยไหนต้องผ่านการพิจารณาเสนอจากจ๋าก่อนที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่    หน้าตาอัธยาศัยดี    แต่ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนได้ข่าวว่าเคยมีแล้วเลิกกันไปจากปัญหาอะไรไม่มีใครทราบแน่นอน รู้แต่เพียงว่าทั้งสองคนจบกันไม่ค่อยดีเลยทำให้ไหมยังไม่คิดมีใครมาจนถึงทุกวันนี้

“ มาทำไรจ๊ะ มาหาเพื่อนหรือว่ามาพี่ ” จ๋ารับไหว้จากสองหนุ่มเพื่อนสนิทที่ไหมก็สนิทคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี หน้าตาดีทั้งคู่นิสัยก็ดีหน้าที่การงานก็มีความรับผิดชอบ  จ๋าเลยสบายใจที่จะคุยกับสองคนนี้เป็นพิเศษ

“ หาทั้งสองคนครับแต่พี่จ๋าสำคัญกว่าแน่นอนครับ ” นนท์ตอบกลับสาวสวยด้วยรอยยิ้มหวานพราวเสน่ห์
“ จ้า พ่อรูปหล่อ พี่เชื่อว่าสำคัญที่สุดเพราะพี่กำลังจะเสนองบเข้าที่ประชุมใช่มั๊ยหล่ะ  ” ไหมตอบกลับอย่างรู้ทัน

“ แหมไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อยพี่ อันนั้นก็สำคัญแต่สำหรับสาวสวยอย่างพี่ต้องสำคัญที่สุดอยู่แล้วครับ  ” นนท์ยังคงยิ้มหวานส่งไปอย่างต่อเนื่อง

“ บลู     ดูนะดูเพื่อนเราอย่างนี้ไง สาวๆถึงได้ติดใจนักหนา แพรวพราวเหลือเกินพ่อคุณ ” จ๋าทำถ้าหมันไส้สวนกลับมาทำให้บลูอดหัวเราะเบาๆไม่ได้พี่สาวคนนี้น่ารักเสมอ

“ ผมขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวนนท์จะคุยกับพี่จ๋าต่อ  ” บลูบอกแล้วเดินเลี่ยงไปเข้าห้องทำงานของตัวเองไป

“ บลูนี่ก็ดีนะทำงานดีเสียอย่างเดียวมีเพื่อนร่วมงานปากเสีย  ” จ๋าพูดลอยๆไม่ระบุถึงใครเป็นพิเศษ

“ ใครหรือครับพี่จ๋า ผมเห็นปกติดีนี่ครับ ” นนท์ถามกลับอย่างอยากรู้เป็นที่รู้กันว่าหน่วยนั้นเป็นศูนย์รวมของหนุ่มๆต่างวัย ตั้งแต่รุ่นใหญ่ไฟดับมอดจนถึงรุ่นใหม่ไฟแรงเวอร์อย่างเทพที่ร้อนแรงจนบางครั้งมีกระทบกระทั่งกันในหน่วย

“ ก็จะมีใครซะล่ะนนท์ก็ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่นไง    เป็นเด็กเป็นเล็กพูดจาฟังได้ที่ไหน  ” ท่าทางของคนพูดทำให้นนท์คิดไม่ออกว่าโกรธเกลียดหรือขยะแขยงกันแน่

“ เอ่อผมไม่เห็นมีใครเด็กแล้วนะพี่    เด็กสุดก็เทพแต่ก็ยี่สิบสามยี่สิบสี่แล้วนะครับ  ” นนท์พูดพลางหัวเราะแห้งๆไม่ได้ตั้งใจจะต่อล้อกับรุ่นพี่

“ ก็ไอ้เด็กนั่นหล่ะ   ฮึ่ยไม่อยากพูดถึงแล้วเปลี่ยนเรื่องดีกว่า พูดเรื่องนนท์ดีกว่าเยอะ ” สาวสวยปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วจนนนท์ตามไม่ทัน แต่ก็ยอมเปลี่ยนเรื่องด้วยก็ได้เพราะเรื่องที่เขาจะพูดนั้นสำคัญกว่าและอีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องคนอื่นอยู่แล้ว

********
 
“ อยากดูหนังวันนี้นอนหอนะ  ” ข้อความสั้นๆของบลูที่ส่งให้นนท์หลังจากที่พวกเขาไม่ได้เจอหน้ากันเกือบหนึ่งเดือนซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่นานมากๆสำหรับพวกเขาทั้งสองคน แต่ยังคุยกันเหมือนเดิมทุกวันทางไลน์แชท บลูมักจะบอกเสมอว่าไม่ค่อยว่าง ช่วงนี้มีนัดกับแม่ไปทำธุระบ่อยๆ ติดงานด่วน หรือไม่ค่อยสบาย หลายเหตุผลสารพัดที่จะมาอ้างกับนนท์แต่วันนี้อยู่ดีๆทำไมชวนนอนหอเอง

“ บลูๆ ...บลู  ” นนท์สะกิดเรียกบลูหลังจากนั่งมองบลูมาซักพัก
“ ฮ้า   ว่าอะไรนะนนท์  ” บลูหันกลับไปมองหน้านนท์ พวกเขานอนเล่นดูหนังอยู่บนเตียงที่หอพักของบลู ดูหนังเรื่องใหม่ที่นนท์หามาเหมือนเช่นเคย
“ นายเป็นอะไร เห็นนั่งนิ่งตาลอยตั้งนาน  ” นนท์เอ่ยถามอย่างสงสัยในใจนึกเป็นห่วงตั้งแต่เจอกันตอนเย็นทานข้าวเย็นด้วยกันจนถึงตอนนั่งดูหนังด้วยกันบลูใจลอยๆผิดปกติ บางครั้งถอนหายใจอย่างลืมตัว ใบหน้าดูเหนื่อยล้า

“ ไม่ได้เป็นไรหรอก คงอินตามเรื่องมากไปน่ะ  ” บลูตอบแล้วเสมองในจอภาพต่อ  ตั้งหน้าตั้งตาดูหน้าจออย่างผิดปกติของคนที่อยู่ด้วยกันมารู้เห็นกันมาทุกรายละเอียดของชีวิต   จนแล้วจนรอดนนท์ก็เห็นบลูนั่งเหม่อถึงตาจะมองหน้าจอแต่มันเหมือนไม่ได้โฟกัสที่ตรงนั้นเลย   นนท์ปิดจอลงเสียงดังจนบลูสะดุ้งเบาๆมองหน้านนท์อย่างสงสัยว่าทำไมถึงปิดทั้งๆที่หนังยังไม่จบ  นนท์สบตากลับอย่างจริงจัง สายตาแบบนี้บลูไม่เคยหลบหนีได้เลย

“ บลู ....  ” นนท์พูดมาแค่นั้นแล้วเงียบไป เพราะรู้ดีว่าถ้าให้เวลาหรือจังหวะที่เหมาะสมเพื่อนเขาจะพูดออกมาเองโดยที่ไม่ต้องซักถามมากมายเหมือนที่บลูบอกบลูไม่เคยมีความลับกับนนท์

“ แม่บอกว่าธนคารเขาจะมายึดบ้าน ” บลูพูดแล้วก้มหน้านิ่งไป
“ บลู..... ” นนท์ยื่นมือไปแตะไหล่บลูลูบเบาแต่ยังไม่พูดอะไรออกมา

“ แม่เราเอาบ้านเข้าธนาคารตอนที่เราเรียนหนังสือกับเอามาลงทุนทำอะไรนิดหน่อยที่คิดว่ามันจะได้ผลแต่มันไม่ได้ตามที่คาด ” บลูพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงอ่อนล้า
“ เราก็รู้มาตลอดเราก็พยายามช่วยส่งให้แต่หลังๆมาน้องเราต้องใช้เงินเยอะทั้งเรียนทั้งฝึกงานแล้วทั้งเรื่องมีปัญหากับแฟนมันแม่เลยได้ใช้เงินเยอะเลยขาดส่งไปหลายงวด  ”

“ แม่ไม่ได้บอกเรา      เราก็ให้แม่เท่าเดิมเรานึกว่าแม่ส่งตามนัดแต่จริงๆแม่ไม่ได้ส่ง พอมากๆเข้ามันเลยกลายเป็นทบต้นทบดอกพอกพูนไป เลยกลายเป็นว่าส่งไม่ไหว ”

“ เรารู้ก็ตอนที่มันบานปลายไปหลายงวดเราพยายามหามาให้แล้วก็ยังไม่พอเราไม่รู้จะทำยังไงดี ” บลูหยุดพูดนั่งนิ่งๆ ถอนหายใจออกมายาวๆ นนท์มองด้วยความเป็นห่วง เห็นใจ ยิ่งเห็นแววตาที่แห้งผากไม่มีความหวังของเพื่อนนั้นเขายิ่งรู้สึกสงสารมากขึ้นหลายเท่า

“ เราเหนื่อยแล้ว เราคิดไม่ออก เราไม่คิดว่าปัญหามันจะใหญ่ขนาดนี้ เราตั้งรับมันไม่ทันเลย ” นนท์กระชับแรงบีบที่ไหล่ของเพื่อนให้แรงขึ้นส่งผ่านกำลังใจทั้งหมดให้เพื่อน

“ เราไม่รู้จะทำยังไงดีนนท์ เราสับสน เรา…. ” แล้วบลูก็หยุดพูด

“ บลู นายต้องเข้มแข็ง ถ้ามันเหนื่อยมากก็พักก่อน อย่าเพิ่งคิดอะไรมากไปกว่านี้เลย ปัญหามันมีไว้แก้ พักก่อนแล้วค่อยแก้ ” นนท์พยายามสบตาเพื่อนที่ก้มหน้าต่ำ

“ ตอนนี้มันอาจจะแก้ยากนะบลูแต่เราเชื่อว่านายต้องแก้ไขได้ ทุกปัญหามันมีทางออกของมันเสมอ เพียงแต่บางครั้งเรายังมองไม่เห็นมันต้องรอเวลาที่เหมาะสม ”

“ อันไหนที่พอแก้ได้เร่งด่วนเราก็ทำไปก่อน  แล้วค่อยหาทางทำให้มันมั่นคงในครั้งต่อๆไป ”

“ เราอยู่กับนายเสมอนะ  นายจะให้เราช่วยอะไรเราพร้อมจะช่วยนายเสมอเพียงแค่นายเอ่ยปากบอกเรา  ”
“ เรื่องนี้มันใหญ่เกินไปนนท์  เราไม่อยากรบกวนนาย  ” นนท์เงยหน้ามาสบตากับนนท์ที่จ้องอยู่ก่อนหน้าแล้ว

“ ไม่มีปัญหาเล็กใหญ่สำหรับนาย    บลู ...ทุกปัญหาของนายสำคัญสำหรับเราเสมอ  ” บลูจ้องหน้านนท์นิ่งอย่างซาบซึ้งใจน้ำตาของเขาค่อยไหลออกมาจากตาอย่างเงียบๆ

“ เราไม่อยากทำให้นายลำบาก   ” บลูพูดออกมาเสียแผ่วเบา

“ อะไรที่ลำบากเราไม่ทำหรอกบลูนายก็รู้ สิ่งที่เราทำทุกอย่างเราเต็มใจเสมอ  ” นนท์พูดอย่างจริงใจถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดให้บลูได้รับรู้

“ นนท์ ..... ขอบใจมากนะถ้าไม่มีนนท์เราไม่รู้จะอยู่ยังไง เรามืดไปหมดเรา..... ”

“ นายยังมีเราบลู  ” นนท์รวบไหล่เพื่อนรักเข้ามากอดไว้กระชับอ้อมแขนแน่นบลูซบหน้ากับไหล่นนท์น้ำตาแห่งความเหนื่อยล้า ความสับสนความยากลำบากได้ไหลออกมาอย่างเงียบๆมันนำพาเอาความเจ็บปวดทั้งหมดไหลออกมาจากความรู้สึกข้างในใจจนเกือบหมดเมื่อมีอ้อมกอดของคนๆนี้เขาไม่จำเป็นต้องทำเหมือนเข้มแข้งอีกต่อไปแล้วเขามีอ้อมกอดที่อบอุ่นให้ซบแล้ว

“ กลัวมากใช่มั๊ย  ” นนท์พูดขึ้นเบาๆแต่น้ำเสียงอบอุ่น

“ อื้อ...  ” บลูพยักหน้าอยูกับไหล่นนท์ลูบหลังเพื่อนรักของเขาไปมาเพื่อนเขาที่ดูเหมือนเข้มแข็งกับทุกเรื่องแต่จริงๆแล้วคงแบกรับอะไรเอาไว้มากมาย ร้องมาให้หมดบลูแล้วพรุ่งนี้บลูจะได้สดใสเหมือนเป็นบลูคนเดิม

“ ขอบคุณมากนะนนท์ ขอบคุณจริงๆ ” บลูบอกเสียงแผ่วเบาภายในใจรู้สึกอบอุ่น มันบอกไม่ถูกมันรู้สึกอุ่นซ่านไปทั้งใจเหมือนได้อากาศที่บริสุทธ์เข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกายและจิตใจที่แห้งผากให้กลับมาอบอุ่นและมีชีวิตรอดอีกครั้ง รู้สึกปลอดภัยและกล้าที่จะทิ้งตัวทั้งหมดลงเพื่อที่จะรับการปกป้องจากอ้อมกอดนี้ของคนๆนี้ “ นนท์ ”


******************************

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
« ตอบ #19 เมื่อ: 03-08-2019 14:02:54 »





ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #20 เมื่อ03-08-2019 14:04:24 »

ตอนที่  14

“ อยู่หน้าตึกแล้วนะ ” “  อื้อ เดี๋ยวรอที่รถ ไม่ต้องรีบก็ได้ ได้ๆ โอเค ” นนท์จอดรถไว้ที่หน้าตึกสำนักงานที่ทำงานของเพื่อนรัก     เขาไม่ได้เข้าไปหาบลูที่ห้องทำงานเช่นทุกครั้งเพราะว่าหัวหน้าของบลูอยู่ในห้องด้วย แล้วการพบกันแต่ละครั้งมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะมีความคิดต่อต้านกับการกระทำของหัวหน้าคนนี้แม้ตัวเขาเองจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ก็ตามแต่เขาก็ไม่อยากให้ความคิดนี้ส่งไปหาเพื่อนของเขาเพราะมันมีผลต่อการทำงานของบลู

“ พี่นนท์ ไม่เข้าไปเหรอครับ ” นนท์เปิดกระจกลงเพื่อจะทักทายรุ่นน้องของบลูที่เดินอยู่ตรงทางเดิน

“ ไม่ดีกว่าเทพ เห็นว่าบอสอยู่ด้วยกำลังซักเรื่องงานกันพี่ไม่อยากไปขัดจังหวะ ” นนท์อธิบายเหตุผลเมื่อเทพเดินมาหาที่รถ

“ อ๋อครับ   โดนซักกันไปไม่มีใครรอด นี่ผมก่อนเพื่อนเลยเสร็จแล้วเลยหนีออกมาซักแปบ ” เทพทำหน้าเหม็นเบื่อพลางยักไหล่ไปด้วย

“ หึหึ  ” นนท์หัวเราะออกมาอย่างรู้กันว่าเขาเข้าใจดี

“ เออๆ พี่นนท์ ช่วงนี้พี่บลูเป็นอะไรผมเห็นเครียดๆ เหนื่อยๆ หน้าตาดูไม่สดชื่นเลยเห็นมาเป็นเดือนแล้วนะ ผมว่าจะถามพี่นนท์แต่ก็ลืมทุกที  ” เทพนึกขึ้นได้อาการของบลูช่วงนี้ดูแปลกๆไป
“ เครียดเรื่องแม่มั้ง    เห็นว่าไม่ค่อยสบาย  ” นนท์ตอบตามจริงเพราะแม่ของบลูนั้นเป็นที่รู้กันว่าสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ และบลูก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากแต่หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้บลูเป็นแบบนี้

“ สงสัยจะใช่เพราะเห็นว่าช่วงนี้เข้าออกโรงบาลบ่อยๆ ” เทพเห็นด้วยเพราะพอรู้อยู่ว่าบลูพาแม่ไปโรงพยาบาลบ่อยๆ

“ แล้วพวกพี่จะไปไหนกันเนี่ย    เลิกงานแล้วเที่ยวไหนกัน  ” นนท์ถามถึงที่นนท์มารอบลูวันนี้ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วที่นนท์จะมาหาบลูและไปไหนมาไหนด้วยกัน
“ ไปทำธุระนิดหน่อยน่ะ   ช่วงนี้ยุ่งๆไม่มีเวลาว่างเที่ยวเลย ”

“ อืมม พี่บลูคงใกล้เสร็จแล้วมั้ง บอสซักตั้งนานแล้ว เดี๋ยวผมไปบอกให้  ผมไปก่อนหล่ะ ” เทพชะเง้อคอมองไปทางห้องทำงาน

“ ไม่เป็นไรเทพ   ไม่ได้รีบอะไรหรอกพี่รอได้  ” นนท์รีบบอกรุ่นน้องไม่อยากให้บลูรีบเกินไปเดี๋ยวจะโดนว่าเอาอีก

“ อ่อ ครับๆงั้นผมไปก่อนนะพี่นนท์ แล้วค่อยเจอกัน ” เทพบอกพลางโบกมือให้รุ่นพี่

“  อืม ไว้เจอกัน ” นนท์โบกมือตอบ เทพหันหลังให้เดินลิ่วๆไปทางห้องทำงาน เปิดประตูเข้าไปคนที่เดินสวนออกมาคือบลูพอมองเห็นรถของนนท์จอดอยู่ก็เดินตรงมาหน้ายิ้มน้อยๆพอเห็นลักยิ้ม

“ ไงโดนซักเรื่องไรหล่ะคราวนี้ ” เสียงนนท์ถามขึ้นพลางหัวเราะน้อยๆหลังจากที่บลูเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างคนขับเรียบร้อย พอนั่งได้ก็ถอนหายใจออกมายืดยาวจนนนท์หันมามองหน้าอย่างจริงจัง

“ เรื่องสั่งงานแล้วไม่ทันเวลา  ” บลูตอบเสียงเนือยๆ

“ งานอะไรทำไมเร่งไหนนายบอกว่าช่วงนี้สบายๆ ” นนท์ถามพลางขมวดคิ้วสงสัย

“ ท่านอยากให้เสร็จเรียบร้อยก่อนกำหนดส่งท่านเลยกำหนดวันของท่านเอง     ทุกคนโดนกันให้ถ้วนหน้า ไม่เว้นซักคน  ” เสียงตอบอย่างเบื่อหน่าย

“ แต่ช่างเถอะ ปล่อยมันไปไม่อยากคิดเดี๋ยวก็ผ่านไป  ”
“ ไปกันเถอะ นายรอนานแล้ว  ” บลูหันมาบอกเพื่อนให้ออกรถเพื่อไปทำธุระสำคัญของเขา


“ ครับ เข้าใจครับ ครั้งต่อไปก็ยอดนี้นะครับ ขอบคุณครับ ” บลูหันมามองนนท์ที่นั่งอยู่ข้างๆหลังจากบทสนธนากับบุคลที่อยู่ตรงหน้าจบลงพร้อมยิ้มและโค้งศีรษะน้อยส่งให้ นนท์ลูกขึ้นยืนเดินนำออกไปบลูเดินตามจนพวกเขามาอยู่ในรถอีกครั้ง

“ เฮ่อ...... ” เสียงถอนหายใจดังขึ้นพลางเจ้าของเสียงเอ็นตัวพิงเบาะหลังอย่างหมดแรง

“ ถอนหายใจจนจะหมดแล้วบลู     อากาศหมดปอดแล้วมั้ง อายุสั้นลงอีกเป็นสิบปีเลย ” นนท์สตาร์ทรถเพื่อเตรียมอออกรถเมื่อพวกเขาทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ ขอบใจนายมากนะที่ช่วยเราอ่ะ เงินมันไม่ใช่น้อยๆเลย เรารู้สึกว่าเราทำให้นายลำบากไปด้วยจริงๆ  ” บลูหันมามองนนท์อย่างซาบซึ้งใจ นนท์ช่วยเหลือเขาทุกอย่างทั้งให้กำลังใจ เป็นที่ระบาย ช่วยเหลือให้เขาหาทางแก้ปัญหาได้     ยอมรับในความอ่อนแอของเขาที่ไม่คิดว่าตัวเองจะอ่อนแอได้ขนาดนี้ และที่สำคัญอ้อมกอดของนนท์นั้นช่วยปกป้องตัวเขาจากความกลัวความหว้าเหว่ที่กำลังจะคลืบคลานกัดกินหัวใจของเขา ให้เขาได้รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยและพร้อมที่จะกล้าเผชิญกับสิ่งต่างๆที่จะเกิดขึ้นอย่างเข้มแข็ง

“ เราบอกแล้วเราไม่ได้ลำบากอะไรเลย ทุกสิ่งที่เราทำเราเต็มใจเสมอ  ” นนท์ยิ้มให้บลูอย่างจริงใจ และอบอุ่นจนคนมองอดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึมขึ้นมาอีกครั้ง นนท์ยื่นมือไปขยี้ที่ศีรษะเบาๆ ส่งผ่านความรู้สึกไปให้อีกคนที่กำลังยิ้มทั้งที่น้ำตาคลอนัยน์ตาอยู่



..........................................................


“ หนาวจังเลยนนท์.......อุยยยมือซีดหมดแล้วเนี่ย” บลูยื่นมือของตัวเองให้เพื่อนดูหลังจากอาบน้ำเสร็จ อีกมือก็เช็ดผมที่เปียกไปด้วย
“ หนาวก็รีบเช็ดผมให้แห้ง   แล้วทำไมใส่เสื้อบางๆ ถุงเท้าหล่ะ   ตอนดึกๆอากาศเย็นกว่านี้อีก ” นนท์ยื่นมือออกไปจับมือเพื่อนที่ยื่นมาตรงหน้า ทั้งซีดทั้งเย็น

“ จะใส่อยู่ เดี๋ยวเช็ดผมให้แห้งก่อนนี่ไง ”

“ รีบเช็ด จะได้มาเข้าผ้าห่มอุ่นๆ ตัวซีดหมดแล้ว    บอกแล้วว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยสระก็ไม่เชื่อ ” คนพูดก็พูดไปตบผ้าห่มไปด้วย เป็นเชิงว่ารีบๆเข้ามาได้แล้ว

“ แล้วพรุ่งนี้ไปไหนต่ออ่ะ ” บลูก้าวขึ้นเตียงซุกตัวเข้าในผ้าห่มผืนใหญ่แล้ว หันมาถามนนท์ที่กำลังนั่งเอนๆพิงหัวเตียงมีผ้าห่มคลุมถึงเอว

“ อืมไปไหนดี แถวนี้เรามาบ่อยแล้ว จริงๆแค่อยากมาเปลี่ยนบรรยากาศเฉยๆ ไปไหนก็ได้บลูบอกมาเลย ” บลูทำตาโตจ้องอีกคนกลับ
“ อ้าวเรานึกว่านนท์วางโปรแกรมไว้แล้ว ”

“ ฮึ ไม่ได้วาง แค่คิดว่าอยากมา เห็นว่างตรงกันก็เลยชวนมาเลย ” หืมอินดี้เกินไปอีกหล่ะชายนนท์  ยอมจริงๆกับเหตุผลและความคิดของเขา     ตอนดึกวันศุกร์โทรศัพท์หาเขาบอกว่าพรุ่งนี้ให้เก็บประเป๋าแต่เช้าไปขับรถเล่นวังน้ำเขียวกัน    พอเขาบอกว่ายังไม่ได้บอกแม่เลยเจ้าตัวก็ตอบกลับมาว่า  “  เราบอกแม่นายแล้วเมื่อกี้   ก่อนโทหานาย ” บลูเลยได้แต่ตอบรับแบบงงๆแล้วตอนนี้พวกเขาก็กำลังนอนอยู่ในที่พักที่วังน้ำเขียวนี่ไง

“ ขับรถเล่นจากบ้านมานอนเล่นที่วังน้ำเขียว ?  ” บลูเอียงคอถามเพื่อนด้วยท่าทางใสซื่อแต่แววตาบ่งบอกชัดว่าต้องการเหตุผลที่แท้จริง

“ หึ หึ  ” นนท์มองหน้าแล้วหัวเราะออกมาเบาๆไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเพื่อนเค้าทำหน้าแบบนี้แล้วน่ารัก แก้มใสๆยุ้ยๆนิดๆและลักยิ้มข้างแก้มนั่นและแววตาที่ทำเหมือนกำลังซักเขาอยู่นี่มันช่างมีเสนห์จริงๆ

“  ก็เห็นใครๆเขาก็เที่ยวภูเขากัน ” นนท์ตอบด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมกับก้มลงมองโทรศัพท์ในมือต่อ

“  อืม มันก็ใช่แต่มาแบบไม่มีโปรแกรมเนี่ยเหรอ ” ยังไม่ไว้วางใจกับท่าทางที่อีกคนแสดงออกมา นนท์นั้นเจ้าเล่ห์ระดับเทพ   ไม่เคยโกหกมีแต่บอกไม่หมด ไม่เคยหลอกลวงแต่มีเหตุผลให้อ่อนตาม

“ จริงๆ ”  “ นอนได้แล้ว อากาศเย็น พรุ่งนี้ค่อยตื่นเช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน ”  นนท์บอกพร้อมวางโทรศัพท์ไว้หัวเตียงแล้วหันมามองเพื่อนส่งยิ้มซื่อๆไปให้

“ เดี๋ยวๆ จะไปดูที่ไหน ยังไง ตื่นกี่โมง ”
“  ตื่นตีสี่ครึ่ง ตีห้าขึ้นเขาไปที่ผาชมตะวัน เคมั้ย ” นนท์บอกโปรแกรมคร่าวๆของเช้าพรุ่งนี้
“  แล้วต่อจากนั้นหล่ะ ”
“ อืม ต่อจากนั้นก็แล้วแต่นายอยากไปที่ไหน ”

“ เรายังไม่ได้ดูไว้เลยนี่นา เดี๋ยวดูก่อนว่าจะไปไหนบ้าง ” บลูก้มกำลังจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงแต่นนท์ดึงมือไว้ก่อนพร้อมบอกด้วยคำสั่งเรียบๆ
“ นอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยดู มีเวลาอีกเยอะก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ”

“ แต่อยากดูตอนนี้ จะได้เตรียมตัวไว้เลยไง ”
“ เดี๋ยวตื่นสาย ยิ่งขี้เซาอยู่ด้วย อดดูกันพอดี ” นนท์พลางหัวเราะเบาๆ บลูยู่หน้าแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆนนท์

“ ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ตั้งนาฬิกาปลูกไว้ก็ตื่นแล้ว ” บ่นงืมงำเบาๆให้เพื่อนได้ยิน

“ ไม่เด็กแต่ดื้อ  ”
ขวับ
“ ใครดื้อ ” บลูหันมามองและถามอย่างรวดเร็ว

“ ใครที่บ่นงืมงำๆเมื่อกี้ไง บอกให้รีบนอนเดี๋ยวตื่นสาย ก็บ่น ”

“ เราไม่ได้บ่นแค่บอกว่าตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก็ตื่นแล้ว ” นนท์ยิ้มกว้างนึกขำในใจเด็กดื้อน้อ

“ นอนครับ ห้ามงอแง มือซีดเย็นหมดแล้วเนี่ย ดูซิตัวก็เย็น นอนเร็วๆเลย ” นนท์รวบมือของบลูมากุมไว้ทั้งสองข้างใช้อีกมือสัมผัสหน้าผากกับแก้มของอีกฝ่าย ที่ตัวยังเย็นทั้งๆที่เข้ามาอยู่ในผ้าห่มตั้งนานแล้ว

“ ก็กำลังจะนอนนี่ไง ” บลูพูดเบาๆรู้สึกได้ถึงสัมผัสของอีกคนที่ทำให้เห่อร้อนไปทั้งร่างกาย พยายามซุกหน้าลงกับหมอนซ่อนสายตาและใบหน้าเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายเห็นเขาแน่ใจว่าหน้าเขาต้องแดงแน่ๆ

“ ดีมากเด็กดื้อ พรุ่งนี้จะปลุกแต่เช้า หึหึ ” บลูได้ยินเสียงพูดลอยมาอยู่เหนือศีรษะพร้อมเสียงหัวเราะตอนนนท์เอื้อมไปปิดไฟที่หัวเตียงของฝั่งของเขา

“ ฝันดีนะนนท์  ” บลูบอกเบาๆพร้อมกับเสียงเต้นของหัวใจที่รัวจนกลัวอีกฝ่ายได้ยิน ไม่กล้าลืมตามองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
.
.
.

ในขณะที่อีกคนที่ทำเหมือนหลับแต่ไม่ได้หลับจริงๆก็ลืมตาขึ้น    หันไปเปิดไฟฝั่งตัวเองหรี่ลงให้แสงสลัวมากที่สุดจนเกือบจะมองไม่เห็น จ้องมองหน้าอีกฝ่ายยามหลับใหล ใบหน้าของคนที่หลับซุกตัวอยู่กับหมอนปรอยผมตกลงมาปิดหน้าผากปิดตาไปเกือบครึ่ง แก้มขาวๆเนียนๆที่มีลักยิ้มอยู่ทั้งสองข้าง ริมฝีปากสีชมพูน้อยๆ นนท์ยื่นมือไปจัดปอยผมให้เข้าที่อย่างเบามือ     ไม่เข้าใจตัวเองว่าวันนี้ตัวเองเป็นอะไร ทั้งๆที่เขาควรจะนอนอย่างที่บอกกับอีกคนได้แล้วแต่ทำยังไงก็นอนไม่หลับ ภาพของบลูตอนที่คุยกันยังติดตาอยู่ทั้งๆที่เจอหน้ากันเกือบทุกวันแต่ทำไมวันนี้เขาถึงมองบลูแปลกไป

 “ นายเป็นอะไรนนท์   ” นนท์ถามตัวเองในใจ
 “ บลูคนเดิม ทำไมนายถึงมองเพื่อนนายแปลกไป   ”
“  เราเป็นผู้ชายทำไมเรามองว่านายน่ารักหล่ะ ” 
“ นายจะนอนแบบไม่รู้สึกรู้สาแบบนี้ไม่ได้นะบลู เด็กดื้อ นายทำอะไรกับเรา    ” นนท์นอนจ้องหน้าบลู พูดเบาๆพร้อมกับมือที่ลูบไปบนศรีษะและผมอย่างละมุล
.
.
“ เฮ่อ ท่าจะห่วงนายจนอาการหนักแล้วเรา    ”  สุดท้ายก็ถอนหายใจยอมแพ้ใจตัวเองหันไปปิดไฟอย่างไม่อยากให้แสงรบกวนอีกฝ่าย ขยับเข้าไปใกล้ๆบลู แล้วเอื้อมมือไปกุมมือบลูไว้หลับตาลงส่งผ่านความอบอุ่นที่มือทั้งสองข้างให้อีกคนพร้อมความรู้สึกที่อบอุ่นในหัวใจ ท่ามกลางอากาศข้างนอกที่หนาวเย็น
 
 
.............................................................


ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #21 เมื่อ03-08-2019 14:06:00 »

ตอนที่ 15

ฟู่ๆๆๆ
“ หนาวจริงๆ ขนาดใส่เสื้อกันหนาวสองชั้นนะเนี่ย   ” นนท์เป่ามือตัวเองฟู่ๆเมื่อสัมผัสกับลมหนาวที่พักโชยมาต้องผิวกาย วันนี้พยากรณ์อากาศบอกว่าเป็นวันที่หนาวที่สุดอุณหภูมิต่ำสุดในรอบเดือนนี้ เมื่อลมพลัดกรูมาเป็นละลอกๆทำให้ยิ่งเพิ่มความเย็นยะเยือกจับใจจนรู้สึกว่าข้างในมันสั่นๆเลยทีเดียว

“ อืม หนาวจริงๆ ข้างในจะสั่นไปหมดแล้วเนี่ย ” บลูบอกเสียงสั่นๆพลางมองไปยังวิวตรงหน้าตอนนี้เป็นเวลาตีห้ากว่าๆที่ผู้คนเริ่มทยอยกันขึ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า ที่ผาชมตะวันอาจจะไม่ได้ติดอันดับโด่งดังเท่าที่อื่นๆแต่ที่นี่ก็มีเสน่ห์มากพอให้ผู้ที่อยากจะสัมผัสแสงอาทิตย์แรกของวันที่งดงามไม่แพ้ที่อื่นเช่นกัน

“ ลืมเตรียมถุงมือมาไม่คิดว่าที่นี่จะหนาวขนาดนี้ ” นนท์คิดว่าที่นี่คงไม่หนาวถึงขั้นต้องใส่ถุงมือหนาๆเหมือนเขาที่ภาคเหนือหรือที่ยอดภูต่างๆแต่เขาลืมไปว่าวันนี้พยากรณ์อากาศบอกว่าเป็นวันที่หนาวที่สุดเลยต้องมานั่งเป่ามือถูมือตัวเองอยู่แบบนี้ไง

“ ซุกในกระเป๋าเสื้อลองดูเผื่อดีขึ้น ” นนท์บอกกับบลูแล้วก็ทำตามบ้าง

“ ดีขึ้นมั๊ย ”

“ ดีขึ้นนิดหนึง แต่ก็ยังชาๆอยู่ ” บลูบอกเสียงสั่นๆ พร้อมเดินขยับไปมาเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น ถึงแม้จะใส่เสื้อผ้ากันหนาวมาหลายชั้น ทั้งยังหมวกไหมพรมอีกแต่ยังไม่เพียงพอเมื่อมีลมพัดกรูผ่านร่างกายของเขาไป บลูหันไปมองคนอื่นๆที่อยู่รอบๆนั้นก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ละคนทั้งขยับร่างกายเดินกลับไปกลับมา บางคนมาเป็นคู่ๆก็นั่งเบียดๆกันให้อบอุ่น แต่บางคนก็เตรียมตัวมาพร้อมดูจะไม่หนาวซักเท่าไหร่

“ เอามือมานี่มา ” เสียงนนท์ดังขึ้นใกล้ๆ
“ หืม ... อะไรนะนนท์ ” บลูหันกลับมามองทำหน้าไม่เข้าใจ

“ เราบอกว่าให้นายเอามือออกมาจากเสื้อ ”
“ อืม ....” บลูเอามือออกมาอย่างงงๆ พร้อมยื่นมือไปข้างหน้า

หมับ
“ หืม ” บลูส่งเสียงออกมาเบาๆเมื่อนนท์ขยับเข้ามาใกล้ๆแล้วจับมือของเขาทั้งสองข้างไปกุมไว้ในอุ้งมือของตัวเองพร้อมทั้งลูบไปมาเบาๆ

“ แบบนี้จะได้อุ่นเร็วขึ้น นายน่ะขี้หนาวขนาดไม่หนาวเท่านี้มือยังซีด นี่เรายังหนาวจนสั่นดูมือนายสิไม่มีสีของเลือดเลย ” นนท์พูดไปก็ลูบมือเบาๆไปบลูได้แต่มองตามมือที่จับกันอยู่อย่างนั้น

“ นนท์ เราโอเคแล้ว ดีขึ้นแล้ว ” ผ่านไปซักพักบลูถึงตั้งสติคิดคำพูดออกมาได้ แอบมองไปรอบๆเห็นคนอื่นๆจับกลุ่มคุยกันแล้วค่อยหันมาพูดต่อ

“ เราหายชาแล้ว ” บลูบอกเบาๆ มันไม่ได้อุ่นแค่ที่มือแต่สัมผัสของนนท์ ท่าทาง การกระทำ คำพูดมันส่งผลต่อจิตใจและร่างกายของเขาทุกส่วนและเขารู้ดีว่ามันคืออะไร

“ ดีขึ้นอะไร ซีดจนขาวดูดิ อยู่อย่างนี้แหละ อีกนานกว่าตะวันจะขึ้น ”
“ ไปนั่งตรงนู้นดีกว่าไม่มีคนนั่ง เงียบๆดี ” คนพูดก็พูดไปพลางลากมือไปด้วย โดยไม่ได้สนใจมองรอบข้างแม้แต่น้อยเป้าหมายคือหาที่นั่งให้กับตัวเองและบลู

“ นนท์ เราว่าปล่อยก่อนก็ได้ ” บลูบอกเบาๆก้มหน้าน้อยๆหลบสายตาคนที่อยู่ใกล้ที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น

“ ไม่หล่ะ นี่ไงมีที่นั่งจริงๆด้วย ” นนท์ปฏิเสธออกมาพร้อมกับลากบลูมาถึงที่นั่งพอดี เขาให้บลูนั่งแล้วตัวเองก็นั่งลงชิดอีกข้างพร้อมกับเอามือทั้งสองคนเข้ามาซุกไว้ข้างในเสื้อ

“ อืม  อย่างนี้สิถึงจะอุ่นสบาย ” บอกกับบลูยิ้มๆ
“ อื้อ ” บลูรับคำแล้วขยับเข้ามาชิดมากขึ้นให้ตัวเองและนนท์อยู่ในท่าสบายมากขึ้น แอบถอนหายใจเบาๆหัวใจเขาทำงานหนักตั้งแต่เช้าอย่างนี้แล้วเขาจะมีสติเก็บอาการได้ไหมหนอ หวังว่าเพื่อนของเขาจะไม่สังเกตเห็นอาการที่เผลอหลุดออกมาหรอกนะ

“ สวยจริงเนอะบลู ไม่เสียแรงตื่นแต่เช้าขับรถขึ้นมา  ” ทั้งสองคนยังนั่งอยู่ท่าเดิมแม้จะผ่านมาเป็นชั่วโมงเพื่อรอคอยที่จะได้ชมแสงแรกของวันและทะเลหมอกที่ปรากฏขึ้นให้เห็นในวันที่หนาวที่สุดของปีนี้

“ อื้อ  อยากอยู่แบบนี้นานๆจัง ” บลูเอ่ยออกมาเบาๆ

“ อยู่นานๆก็ได้ แต่ถ้าสายกว่านี้มันก็ไม่เห็นทะเลหมอกน่ะสิ แล้วแดดก็แรงด้วยนะ ”

“ อือ  ก็ใช่ ” บลูพูดแค่นั้น พยายามใช้สายตา ใจ ความรู้สึกซึมซับเอาบรรยากาศทั้งหมดที่เกิดขึ้นรอบตัว ให้ได้มากที่สุดเพราะไม่รู้ว่าจะได้มาแบบนี้กับคนๆนี้อีกเมื่อไหร่

“ ถ่ายรูปกันปะ แสงสวยมาก ” นนท์บอกพร้อมปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากกันแล้วลุกขึ้นยืน ออกแรงดึงที่มือเบาๆให้บลูลุกขึ้นยืนตาม
   
   บรรยากาศยามเช้าที่พระอาทิตย์โผล่พ้นก้อนเมฆออกมาเพียงครึ่งซีก      ลำแสงอ่อนๆทอดผ่านมายังผิวโลกทำให้มองเห็นทะเลหมอกที่ลอยอยู่ด้านหน้าคล้ายปุยเมฆด้านบน    ใครได้เห็นก็คงมีความคิดไม่ต่างกัน นี่มันสวรรค์บนดินจริงๆ แม้ว่าจะไม่สวยมีชื่อเสียงเหมือนที่อื่นๆหากแต่บรรยากาศของขุนเขา ต้นไม้ เสียงร้องของสัตย์ที่ร้องรับอรุณตอนเช้า    และสายลมเย็นๆที่พัดกรูเข้ามาจากหน้าผาเป็นระรอก ก็ทำให้ที่แห่งนี้มีเสน่ห์น่าหลงใหลได้เช่นกัน
“ ธรรมชาติยิ่งใหญ่และงดงามเสมอ  ” เช่นเดียวกับผู้ชายสองคนที่ยืนจับมือแนบชิดกันอยู่นั้น ตอนแรกทั้งสองก็มีความคิดแบบคนอื่นทั่วไปคือถ่ายรูปกับบรรยากาศอันน่าประทับใจนี้ให้มากที่สุดเพราะไม่รู้ว่าจะได้สัมผัสอีกเมื่อไหร่      แต่พอถ่ายไปซักพักก็เลือกที่จะยืนมองเงียบๆและซึมซับทั้งหมดด้วยใจและสัมผัสที่อบอุ่นนั้น

“ มาวังน้ำเขียวทั้งทีไม่แวะที่นี่ไม่ได้นะ ” บลูบอกนนท์เมื่อทั้งสองขับรถเที่ยวมาเรื่อยๆหลายที่ทั้งที่เป็นทางผ่านและจุดที่น่าสนใจอยากแวะที่ไหนก็แวะ   แม้แต่ข้างทางที่มีวิวสวยๆ ดอกหญ้าขึ้นเป็นแนวก็แวะ ทั้งสวนองุ่นที่ให้ลองเก็บเอง   สวนสตอร์เบอรี่ที่เก็บไปกินไปเพราะคนงานบอกว่าปลอดสารพิษ ฟาร์มเห็ดที่ซื้อของฝากเป็นเห็ดและอื่นๆอักหลายอย่างมากมาย เรียกได้ว่าแวะกันจนเหนื่อยสุดท้ายก็มาหาที่พักผ่อนเติมพลังกัน

“ สวนดอกไม้ ฟรออร่าปาร์คก็เข้าแล้วไม่ดูดอกไม้อีกได้ปะ  ” นนท์เริ่มงอแง เพราะอะไรน่ะหรือเรื่องนี้บลูรู้ดี เพื่อนเขากำลังจะแบตหมดน่ะสิ

“ ไม่มีดอกไม้มีแต่แกะกับหงส์ ดูมั๊ย ” บลูลองหยั่งเชิงถามดู แต่สิ่งที่ได้รับเป็นคำถามกลับมา
“ นายอยากให้อาหารแกะนี่ ไปดูดิ  ” นนท์บอกเขาไม่ชอบแกะเพราะไม่ชอบกลิ่นของมันถึงจะไม่แรงแต่ก็ไม่ชอบอยู่ดี    แต่ถ้าเพื่อนอยากเข้าก็ไม่ได้ขัดยังไงเขาก็เป็นคนถ่ายรูปให้อยู่แล้ว

“ แต่เราว่าไม่เข้าดีกว่า แกะดูจากที่ฟาร์มเมื่อกี้มาแล้ว  ”
“ เอากาแฟกับขนมไปนั่งกินข้างบนดีกว่า บรรยากาศน่าจะดีสบายๆด้วย ” บลูเสนอความคิดพวกเขาแวะเที่ยวแวะกินกันมาตลอดทาง เป้าหมายที่แวะที่นี่คือพักเหนื่อยดื่มกาแฟ   ให้นนท์ได้ชาร์จแบตตัวเองเพื่อเดินทางยาวหลายชั่วโมงในการกลับบ้าน

“ อคัพ ออฟ เลิฟ .......... ใครไม่แวะแสดงว่ามาไม่ถึงวังน้ำเขียว  ” บลูอ่านรีวิวในอินเตอร์เน็ตมา คนชอบก็บอกว่าสวย บรรยากาศดี คนไม่ชอบก็บอกว่าธรรมดา แต่เขาว่ามันก็เป็นที่แห่งหนึ่งที่มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆน่ารัก ผ่อนคลายสบายๆดี
“ บรรยากาศข้างบนดีจัง มาทีไรไม่เคยขึ้นมาซักที มองเห็นวิวข้างในได้แบบชัดเจน ”
“ อือใช่ สวยด้วย สวยกว่าเข้าไปข้างในอีกแหนะ ” บลูเห็นด้วยกับนนท์ จากที่พวกเค้านั่งอยู่สามารถมองเห็นข้างในส่วนที่เป็นสระน้ำ สวนดอกไม้ ทางเดินและโรงเลี้ยงแกะได้ชัดเจนและกังหันลมที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางนั้น นนท์อดใจไม่ไหวยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปอีกครั้ง

“ อยู่ตรงนี้รูปแสงสวย นั่งนี่เดี๋ยวถ่ายให้  ” นนท์จับเพื่อนนั่งตรงที่ตัวเองถ่ายรูปเมื่อซักครู่ที่เขาถ่ายมันสวยมากถ้ามีบลูนั่งอยู่ตรงนี้ต้องเพิ่มความน่ามองของภาพมากแน่ๆ

“ นายก็มาถ่ายบ้างดิ    เราถ่ายให้สลับกัน ” บลูบอกนนท์เมื่อคิดว่านนท์ถ่ายให้ตัวเองเยอะแล้ว ยื่นมือออกไปเพื่อรับกล้องถ่ายรูปจากนนท์มาถือ นนท์เดินไปแทนที่บลูถ่ายได้ซักพักก็กวักมือเรียกบลู

“ ถ่ายด้วยกันดีกว่า ถ่ายคนเดียวไม่สนุก  ”  นนท์ยื่นมือออกมารับกล้องไปถือไว้เหมือนเดิม ก้มลงปรับโหมดนุ่นนี่ แล้วยกกล้องขึ้นในท่าเตรียมพร้อม
“ ยิ้มคร้าบ 1 2 3 ”
แชะ แชะ แชะ แชะ
เสียงกล้องถ่ายรูปดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง  จนพอใจนั่นหล่ะถึงยอมวางกล้องลงยิ้มอย่างพอใจกับผลงานตัวเองเมื่อก้มลงเช็คผลงานในจอกล้อง
“ สวยมากเราจะเอาไปทำกรอบสวยๆ   ” นนท์ส่งยิ้มบอกมา

“ สมัยนี้เขาไม่ค่อยใส่กรอบกันแล้วหนิ เขาเอาลงไว้ในโซเชียลหรือไม่ก็เมมหมดแล้ว ” บลูบอกเพราะสมัยนี้น้อยนักที่จะนิยมเก็บภาพโดยการใส่กรอบถ้าไม่ใช่ภาพพิเศษหรือภาพงานพิเศษต่างๆ

“ ก็ไม่ได้อยากเหมือนใครอยู่แล้ว  ” คนพูดยักคิ้วให้ทีหนึ่งแล้วก้มหน้าดูรูปตัวเองต่อ รูปที่เขาชอบทริปนี้มีหลายรูปมากๆ เขาอดแปลกใจไม่ได้ที่พอกลับมาดูรูปแล้วมีรูปคู่เป็นส่วนมาก และบางรูปดูแล้วมันให้อารมณ์อ่อนหวานนุ่มนวลเป็นพิเศษโดยเฉพาะรูปที่มีบลูอยู่  ทั้งรูปที่ถ่ายตอนเช้าที่ผาชมตะวัน ทะเลหมอกกับดวงอาทิตย์เช้า   สวนสตอเบอร์รี่ที่เก็บใส่ตะกร้าไปกินไป       และแม้แต่ข้างทางที่มีดอกหญ้ารายล้อมรอบตัวเหมือนอยู่กลางสวนสวรรค์ที่พลิ้วไหวลู่ตามลม     และรูปสุดท้ายที่ถ่ายด้วยกันเมื่อซักครู่มันสดใสซะจนดูแล้วอดยิ้มตามไม่ได้
รูปที่เขากอดคอบลูใบหน้าเกือบจะแนบชิดกัน บลูชูสองนิ้วและยิ้มเต็มหน้ามองกล้อง แววตาส่งผ่านความสุขและสดใสผ่านเลนส์ของกล้องทะลุออกมาจนสัมผัสได้ และเขาเองที่กำลังทำปากจู๋เลิกคิ้วข้างหนึ่งท่าทางกวนๆ และข้างหลังมีป้ายคำว่า   
       “    LOVE   ”


...............................................................


ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #22 เมื่อ03-08-2019 14:07:10 »

ตอนที่ 16

          “ อ่ะ  ” บลูยื่นซองสีน้ำตาลขนาดเท่าฝ่ามือให้นนท์ อีกคนมองหน้าเป็นเชิงถาม บลูยิ้มน้อยๆให้เห็นลักยิ้มข้างแก้มแววตาสดใสอบอุ่น

          “  ของขวัญวันเกิด ขอโทษที่ให้ช้านะ ” นนท์ก้มมองของในมือใบหน้ายิ้มกว้างออกมา
          “ อ๋อ    ไม่เป็นไรขอบใจมาก  ” “ แล้วข้างใน  ......? ”

          “ เปิดดูสิ  ”บลูไม่บอกว่าเป็นอะไรแต่บอกให้อีกฝ่ายเปิดซองดู  นนท์ค่อยๆแกะซองออกอย่างช้าๆซองเล็กๆค่อนข้างหนาเพราะเป็นแบบซองกันกระแทก บลูเลือกให้แบบนี้เพราะพวกเขาเป็นผู้ชายถ้าจะมานั่งห่อใส่กล่องสวยๆสีหวานเรียบหรูคงไม่เข้ากันอีกอย่างการให้แบบนี้บลูคิดว่าดูสบายใจมากกว่าทั้งคนให้และคนรับ ดูเหมือนของขวัญวันเกิดธรรมดาๆชิ้นหนึ่งที่เพื่อนให้กัน    แต่บลูรู้ดีว่ามันเป็นของที่พิเศษมากสำหรับเขา

          “ เท่ห์มากเลยบลู   ขอบใจนะ ” นนท์บอกขอบคุณพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้าแววตาดูพอใจกับสิ่งที่อยู่ในมืออย่างมาก
          “ชอบมั๊ย   ” บลูอดถามไม่ได้ แม้จะรู้สไตล์ความชอบของกันและกันแต่ทั้งสองก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันพอสมควร
          “ ชอบมาก  ” นนท์ตอบทันทีพร้อมยกของที่อยู่ในมือขึ้น
          “ ทำไมถึงเลือกที่จะให้ สร้อยข้อมือเรา  ” นนท์สงสัยนานแล้วที่พวกเขาไมได้ให้ของขวัญวันเกิดกันเพราะเหตุผลหลายๆอย่างๆทั้งระยะเวลา    ระยะทางที่ห่างกันและบางครั้งก็เป็นวันที่ต้องทำงานและงานเร่งด่วนด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างลงตัวแล้วเพื่อนเขาเลยมีเวลาหาของขวัญให้

          “ก็เห็นมันเท่ห์ดี นนท์น่าจะชอบ ” บลูตอบยิ้มๆ
          “ แล้ว.... ” นนท์ถามต่อ อย่างบลูมันต้องมีมากกว่านี้สิ
          “ เค้าว่าให้สร้อยหรือกำไรข้อมือมันหมายถึงการอวยพรให้โชคดี หรือเป็นสิ่งนำโชค ของขวัญวันเกิดมันก็ต้องเกี่ยวกับการโชคดี หรือการเริ่มต้นสิ่งดีๆไง  ” นนท์ยิ้มพอใจกับคำตอบ เห็นมั๊ยบลูมีเหตุผลในการเลือกเสมอ

          “ เราชอบมาก เป็นของขวัญที่ชอบที่สุด เราว่าเราต้องโชคดีตลอดไปแน่ๆ ” นนท์ยิ้มให้สายตาส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างไปให้บลูโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว บลูส่งยิ้มกลับมาสะดุดกับสายตานั้นของเพื่อนที่จ้องสบตากับเขา

          “ เราอยากให้นนท์โชคดี  ” บลูรีบพูดเพื่อซ่อนอาการร้อนที่หน้า เขากลัวจะหลุดอาการแสดงบางอย่างออกไปให้อีกฝ่ายได้รู้ได้เห็น แต่เหมือนอีกคนยังไม่ทันได้สังเกตอาการของเพื่อนเพราะมัวแต่ถ่ายรูปของขวัญที่ชอบถ่ายแล้วถ่ายอีกถ่ายไปยิ้มไป

          “ เฮ่อ... ” บลูถอนใจเบาๆ “เกือบไปแล้วมั้ยหล่ะบลู เกือบหลุดอาการไปแล้ว ทำไมพักหลังๆมาถึงได้ลุดอาการบ่อยจัง ” บลูพูดกับตัวเองในใจ พลางนั่งมองเพื่อนรักชื่นชมกับของขวัญที่ตอนนี้เจ้าตัวใส่มันไว้ที่ข้อมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

       
   “ เราให้สร้อยข้อมือก็เพราะว่า สร้อยจะยืดเราสองคนไว้อย่างเหนียวแน่นไม่จากกันไปไหน สร้อยคือตัวแทนของความรักที่บริสุทธิของเรา เมื่อเรารู้หัวใจตัวเอง เราก็พร้อมที่จะมอบมันให้กับคนที่เราอยากให้เป็นเจ้าของมัน ”   
.
.
.นี่ต่างหากคือเหตุผลที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา  .......คำพูดที่ดังก้องอยู่ในใจของบลู
**************************

          “ สองที่ครับ  ” นนท์กำลังเลือกที่นั่งสำหรับดูหนัง ในมือบลูมีอุปกรณ์เสริมสำหรับการดูหนังเต็มมือทั้งสองข้าง
 หลังจากที่บลูให้ของขวัญกับนนท์แล้ว คุณชายนนท์ก็บ่นอยากดูหนังพวกเขาจึงตกลง   โดยที่บลูให้นนท์เลือกเรื่องจะดูเองเลือกที่เองเสร็จสรรพ    ปกติชอบมาที่ไหนมีแต่บ่นว่าคนเยอะขี้เกียจเบียดกับเด็กๆแต่ครั้งนี้ถึงกับเอ่ยปากชวนเองคงอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศจริงๆ

          “ ตกลงเรื่องนี้จริงๆเหรอ ไหนว่ามีแต่เด็กๆ ” บลูถามขึ้นเมื่อมองตั๋วหนังในมือนนท์ แล้วมองไปรอบๆหน้าโรงหนังขณะที่พวกเขากำลังรอเวลารอบหนัง  ที่ส่วนมากมีแต่เด็กๆวัยรุ่นที่มาดูกันเป็นกลุ่มๆ หรือมากับแฟน แต่อายุน่าจะไม่เกินวัยมอปลายหรือปีหนึ่งปีสอง

          “  จริงสิ เห็นเค้าว่าสนุกดี แล้วอีกอย่างหน้าตาเราก็ไม่ได้ต่างจากน้องๆเท่าไหร่ วัยไล่เลี่ยกัน ” หน้าตาคนพูดจริงจัง
          “ ฮ่าๆๆๆ  อยากลดอายุเป็นหนุ่มน้อยกับเขาเหรอนนท์ ย้อนวัย14อีกครั้งเหรอ  ” บลูอดแซวไมได้
          “   อยากเป็นหนุ่มน้อยหัดรักบ้าง   ตอนนั้นยังไม่เข้าใจความรักมัวเล่นซนอยู่ ” นนท์ตอบมาส่งสายตาหวานๆออกมาแต่เพียงพักเดียวก็หันกลับไปมองรอบๆ เมื่อเห็นประตูโรงหนังเปิดแล้วจึงเดินนำบลูไปที่ประตูพร้อมกับความคิดในหัว “เป็นอะไรอีกแล้ววะนนท์ใจมันเต้นแปลกๆ” 

          “ เอ่อ พี่คะ ขอโทษนะคะ ขอผ่านไปด้านนั้นหน่อยค่ะ ” เสียงน้องผู้หญิงวัยรุ่นผมสั้นคนหนึ่งดังขึ้น พวกเขาเข้ามานั่งในโรงหนังได้ซักพักและในจอกำลังฉายหนังตัวอย่างอยู่คนกำลังทยอยเดินเขามาในที่ของตัวเอง

          “เอ่อ ครับได้ครับ  ” บลูตอบเบาๆพร้อมยิ้มให้กับน้องผู้หญิงคนนั้น คนได้รับรอยยิ้มแม้ไฟในโรงตอนนี้จะไม่ชัดแต่ก็รู้ได้ว่าเขินกับรอยยิ้มนี้มากแค่ไหนถ้าไฟสว่างๆต้องรู้แน่เลยว่าเขาหน้าแดงกับรอยยิ้มพี่คนนี้

          “ แก้กกกกกก  เมื่อกี้อ่ะ พี่เขายิ้มให้ฉันด้วย น่ารักมาก มีรักยิ้มที่แก้มสองข้างด้วยอ่ะ งื้อออ ” น้องผู้หญิงหันไปกระซิบกับเพื่อนข้างๆอีกสองคน ที่นั่งถัดกันไป
          “ จริงเหรอแก พี่เขาแบบมีออร่ามากเลยนะ มีแก้มนิดๆโอ้ยอยากเห็น  ” เพื่อนอีกคนที่อยู่ใกลสุดชะโงกหน้ามาพูดด้วยเบาๆ
          “ อือ จริงน่ารักมาก  พูดเพราะด้วยนะแก ท่าทางสุภาพสุดๆ   ” น้องผู้หญิงยังพูดไม่หยุด 

          “ ตอนอยู่ข้างนอกฉันเห็นตอนพี่เค้าคุยกับเพื่อน ฉันหยุดมองไม่ได้เลยมีเสน่ห์มาก  ”
          “ แต่เพื่อนพี่เค้าก็ดีนะแก แต่ไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่อ่ะ ดูหน้าเข้มๆดี หล่ออีกแบบ  ”
          “ คนหนึ่งหล่อเข้ม คนหนึ่งน่ารักงื้ออออ แกฉันชอบบบ ตอนออกไปเราไปขอแอด เฟส ทวิต ไอจี กันมั๊ย  ”
          “  หืมจะบ้าเหรอ เราไม่ได้รู้จักพี่เค้า เกรงใจเค้าหน่อย ”
          “ นี่ก็ขัดเพื่อนตลอดเลย งั้นตอนออกไปเราแอบตามดูดีมั๊ยอยากเห็นหน้าหล่อๆในที่สว่างๆอ่ะแก นะๆๆๆน้า ”
          “ ก็ได้ๆแต่เนียนๆนะเดี๋ยวเค้าจะว่าเราไม่มีมารยาท  ”
          “ ระดับนี้เนียนอยู่แล้ว  ”
          “ แกว่าพี่เขามีแฟนยังอ่ะ  ”
          “ ยังหรอกแกถ้ามีก็ต้องมากับแฟนแล้ว ดูหนังใครๆก็อยากมากับแฟน  ”
          “ อยากรู้จักพี่เขาจังเลยคนอะไร น่ารักๆ มีรักยิ้มด้วย ยิ้มหวานๆ โอ้ยดีมากอ่ะ ”

          “ นี่เธอๆ จะดูหนังมั๊ยจะ คนอื่นเขาจะดูหนังกันจ่ะ  ”  แล้วเสียงนี้ที่ดังมาจากที่นั่งด้านหน้าก็หยุดอารมณ์ของสาวน้อยที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับรอยยิ้มของบลูอยู่นั้นให้รีบหุบยิ้มหดตัวลงแล้วหันไปนั่งด้วยความสงบเสงี่ยมทันที

หึ หึ  นนท์แอบขำ เด็กน้อยเอ้ยหลงเสน่ห์ของบลูอีกคนแล้วสิ   บทสนทนาของเด็กสาวกลุ่มนี้เขาได้ยินตั้งแต่ต้น ถึงแม้จะกระซิบกันแต่เก้าอี้ที่ชิดกันทำให้เขาได้ยินที่พูดคุยกัน  เขาไม่ได้ขัดหรือแสดงให้รู้ว่าเขาได้ยินเพราะอยากรู้มากกว่าว่าน้องๆจะพูดถึงบลูของเขาว่ายังไง ..........
               หืม  “บลูของเขา” นนท์สะดุดกับความคิดตัวเองอีกครั้ง ทำไมคิดว่าบลูเป็นของเขา อืมมมมเพราะบลูเป็นเพื่อนเขาหล่ะมั้ง ใช่ๆๆๆบลูของเขาคือบลูเพื่อนของเขา ตกคำว่าเพื่อนไป

ใช่เหรอนนท์นายคิดแบบนี้เหรอนนท์
....................

   “ ไหนใครบอกอยากดูหนัง  ” บลูหันมาถามนนท์ขณะที่เดินออกมาจากโรงหนัง

“ หนังสนุกมั๊ย   ” บลูถามต่อกับคนที่ยังหาวหวอดๆ

“ นายว่าไงหล่ะ สนุกมั๊ย เราว่าก็ดีนะ หนังเด็กๆดี  ” นนท์ตอบเรียบๆ ไม่เจาะจงเนื้อหาเพราะอะไรน่ะเหรอ

“หึ หึ  หลับก็รู้ด้วยว่าสนุก  ” บลูนึกขำคุณชายเข้าไปนั่งกินน้ำกินขนมซะเรียบ พอหนังเริ่มฉายเท่านั้นแหละคอเอียง หัวตกพิงพนักเก้าอี้โรงหนังจนเขากลัวว่าคอจะเคล็ดเป็นคุณชายคอเอียงให้สาวๆได้เวทนา จึงจับให้ซบไหล่นอนดีๆจนจบเรื่องถึงได้ปลุกเมื่อคนเริ่มทยอยออกจากโรง

“ หลับที่ไหน แค่หลับตาเฉยๆ หูยังได้ยินอยู่เลย  ” 
“ ครั้งหน้าดูที่ห้องดีกว่าเนอะเสียดายค่าบัตรตั้งแพง  ” บลูรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ เขาสองคนชอบดูหนังนะแต่ส่วนใหญ่จะออกแนวแอกชั่นหรือสืบสวนสอบสวนมากกว่า แล้วเรื่องที่ดูเมื่อกี้นี้เป็นแนวที่เพื่อนเขาไม่ชอบสุดๆ

“ ดูในโรงก็ดีเปลี่ยนบรรยากาศ อีกอย่างมันก็สนุกต่างกันกับตอนดูอยู่ห้องด้วย ......แต่แบบครั้งหน้าเดี๋ยวต้องเลือกเรื่องที่แนวสนุกกว่านี้หน่อย แต่นายชอบแนวนี้ไม่ใช่เหรอ  ”
“ ก็ชอบแต่นายไม่ชอบนี่ ถ้าจะเข้ามาหลับก็ดูที่ห้อง นายจะได้หลับสบายๆ  ”
“ ไม่เป็นไรถือว่ามาหาประสบการณ์ในการนอนที่แปลกใหม่แล้วกัน..... ”

“ หืมมม  แบบนี้ก็ได้เหรอนนท์ฮ่าๆๆ  ” บลูมองตามคนที่เดินไปยังร้านอาหารก่อนเขาหลังจากที่เจ้าตัวบอกเหตุผลกับบลู  นี่หล่ะเพื่อนเขา ตัวตนของนนท์เป็นแบบนี้เหมือนจะมีเหตุผลกับคนอื่นเสมอแต่จริงๆแล้วกับตัวตนที่แท้จริงนั้นก็เป็นแบบนี้ นนท์ที่ไม่สนใจกับอะไร หรือแคร์ใคร  มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ตัวตนในด้านนี้ของนนท์ 

“ แก   ... พี่เค้าน่ารักมาก ”
บลูเดินตามเข้าไปในร้านอาหาร โดยที่ไม่รู้ว่ามีเด็กสาวกลุ่มหนึ่งที่เดินตามอย่างห่างๆกำลังเคลิ้มกับความน่ารักของตัวเอง พี่ชายคนนี้หล่อ น่ารัก ถึงไม่ได้หล่อมากแต่เป็นคนมีเสน่ห์
“ แต่ฉันชอบเพื่อนพี่อีกคนมากกว่า หล่อเข้มดี โอ้ยอยากตามอ่ะ  ”
“ พวกแกเอาที่พอดีได้มั๊ย ฉันอายคนเขา ”
“ แกก็ ขัดเพื่อนตลอดตั้งแต่ในโรงหนังแล้ว  ”
“ ก็พวกแกเล่นเกินงามอ่ะ ฉันต้องเตือน ”
“ แกอ่ะ ก็อยากมองพี่เขาอ่ะ  ”
“ กลับบ้านดิค่ำมืดแล้ว เดี๋ยวพ่อแม่เป็นห่วงกัน ”
“ แกอ่ะ ไม่เข้าใจ จำไว้เลย  ”

“ กลับก็ได้ ชิ... ” แล้วกลุ่มเด็กสาวที่แอบปลื้มพี่ชายที่น่ารักก็เป็นอันตกลงสลายตัวกลับบ้านเพราะได้เวลากลับบ้านจริงของเด็กมัธยม
“หึหึ  พวกแกอย่าไปรบกวนพี่เขาเลย เวลาดูหนังทุกคนก็ต้องอยากมาดูกับแฟน พวกแกเป็นคนบอกเอง ” คนที่เพื่อนชอบบอกว่าขัดเพื่อนตลอดพูดออกมาเบาๆหลังจากเพื่อนๆแยกย้ายกันกลับแล้ว           สายตามองเข้าไปในร้านอาหารที่พี่หล่อสองคนนั่ง                            เพื่อนเขาไม่มองกันด้วยสายตาแบบนี้หรอกนะ แล้วในโรงหนังใครว่าพี่หล่อเข้มหลับจริงๆหล่ะ เสียงดังขนาดนั้นพี่เค้าแค่อยากอ้อนพี่อีกคนมากกว่า              แต่ดูเหมือนไม่มีใครรู้นอกจากสายตาของสาววายมอปลายคนนี้ บอกเลยว่าประสบการณ์ที่มีมาหลายปีแค่นี้ดูออกได้ง่ายๆ

“ หึหึ เหมาะสมกันดีจังค่ะ ขอให้รักกันนานๆ ตลอดไปนะคะ  ” พูดออกมาเบาๆแล้วหมุนตัวกลับบ้านอย่างมีความสุข

*********************


ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #23 เมื่อ03-08-2019 14:09:17 »

ตอนที่ 17

“ เฮ่อ ..เหนื่อยจังเลย หมดแรงเลย” นนท์ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟากลางห้องนั่งเล่นในห้องพักของบลู หลังจากกลับมาจากที่ทำงานในเวลาค่ำซึ่งเลยเวลาเลิกงานไปนานแล้ว   เหตุผลที่เขาต้องกลับบ้านเวลานี้มาเป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้วก็เนื่องจากงานที่เข้ามาแบบเร่งด่วนและที่สำคัญคนที่ควรจะรับผิดชอบงานนี้ก็หายตัวตามเคย

“ อ่ะ..กินน้ำก่อนจะได้สดชื่น ” บลูเดินไปหยิบแก้วเทน้ำเย็นๆมาส่งให้ นนท์รับไปยกดื่มรวดเดียวหมด

“ ค่อยยังชั่วหน่อย  ” พูดแล้วก็ส่งยิ้มให้บลูแล้วกลับไปทิ้งตัวลงนอนในท่าเดิม พลางหลับตาลงเพื่อผ่อนคลายอาการเหนื่อยล้าจากงานที่ค่อนข้างเครียดมาหลายวันแถมวันนี้ยังแปลกๆด้วยอาการปวดตุ๊บๆที่ขมับทั้งสองข้าง

“ นี่สรุปงานเสร็จแล้วใช่มั๊ย  ” บลูนั่งลงที่พื้นหน้าโซฟาที่นนท์นั่งอยู่ เป็นที่ประจำของเขามาตั้งแต่ที่นนท์กลับบ้านค่ำๆเขานั่งตรงนี้นนท์นั่งบนโซฟาพร้อมกับบ่นไป พูดนั่นนี่ไปเรื่อยบลูชอบฟังที่นนท์เล่าเรื่องต่างๆให้ฟังเพราะบลูรูสึกว่าเขาได้รับรู้ทุกๆความเป็นไปในชีวิตของนนท์

“ เสร็จแล้วเรียบร้อย แต่ไม่รับรองผล  ” นนท์ยังคงหลับตาพูดมือก็นวดคลึงขมับตัวเองไปด้วย

“ ปวดหัวเหรอนนท์  ” บลูถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าทางของนนท์

“ อือ ปวดตุ๊บๆ เหมือนหัวเต้นได้เลย  ” นนท์อธิบายอาการของตัวเองที่อาจจะเกิดจากการที่เขาสะสมความเครียดมาหลายวันโดยไม่ได้พักเลย
“ งั้นเดี๋ยวหายาให้กิน นนท์ไปอาบน้ำก่อนจะได้สดชื่น ออกมาได้กินข้าวกินยา  ” บลูขยับไปใกล้ๆใช้มืออิงที่หน้าผากรู้สึกถึงผิวสัมผัสอุ่นๆที่มือ ไม่น่าจะเป็นไข้หรอกมั้ง

“ อือ ” นนท์ลืมตาขึ้นมาพบหน้าบลูอยู่ใกล้ๆ เขาสูดกลิ่นหอมของแป้งเด็กอ่อนๆเข้าจมูกอย่างไม่รู้ตัว กลิ่นที่คุ้นเคยที่พอได้สัมผัสแล้วอารมณ์ร้อนๆก็เย็นลงได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม

“ นนท์...นนท์..ๆ  ” บลูเขย่าที่ไหล่นนท์เบาๆเมื่อเห็นอีกคนนอนลืมตานิ่งๆ
“ หืม ว่าไงนะบลู ” นนท์ได้สติกลับมาได้ยินเสียงบลูเรียกชื่อตัวเองเบาๆ

“ ไหวมั๊ยเนี่ย เราบอกว่านายไปอาบน้ำก่อน  ออกมาจะได้ทานข้าวทานยา  ” บลูบอกคำเดิมอีกครั้ง พลางสังเกตอาการของเพื่อนไปด้วย
“ อ๋อ อืมๆ ได้ๆ เหนียวตัวยังไงไม่รู้  ” นนท์พูดตะกุกตะกัก ท่าทางแปลกๆจนบลูต้องถามย้ำอีกครั้ง 
“ ไหวมั๊ย  ”
“ ไหวๆ เดี๋ยวไปอาบน้ำก็ดีขึ้น  ”  นนท์บอกพร้อมลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องนอนหยิบผ้าเช็ดตัวเดินออกมาเข้าห้องน้ำ หลังจากที่สายน้ำเย็นๆนำพาเอาคราบเหงื่อไคลและความเหนื่อยล้าออกไปกับกลิ่นแชมพูหอมๆ กลิ่นเหมือนกับบลูร่างกายก็กลับมาสดชื่นอีกครั้ง อารมณ์ก็ผ่อนคลายลง

“ หิว  ” พออารมณ์ดีขึ้นความหิวก็มาเยือน นนท์นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับบลู กับข้าวถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
 บลูจัดการตักข้าวใส่จานให้นนท์และของตัวเองทั้งสองทานไปคุยกันไปส่วนมากเป็นเรื่องงานที่นนท์ต้องทำในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นนท์ไม่เคยบ่นเรื่องงานเลยกับคนอื่นแต่กับบลูเขาบ่นได้ทุกเรื่องเพราะหลังจากบ่นแล้วเขาจะได้รับคำแนะนำอย่างจริงใจจากบลูเสมอ     คำแนะนำที่มีทั้งแนะนำ ห้ามปราม ชี้แนะ และบ่นกลับมาให้ด้วยในบางครั้งแต่นนท์ก็อุ่นใจเสมอที่ได้ยินมัน

“ นี่ยา กินแล้วจะได้พัก  ” หลังจากเก็บกวาดทำความสะอาดโต๊ะอาหารเรียบร้อย นนท์นั่งเอนพิงพนักหัวเตียงตาจ้องมองโทรศัพท์มือถือ พอเห็นยาในมือบลูที่ยื่นให้ก็รับมาทานอย่างรวดเร็ว แล้วนั่งนิ่งๆมองตาแป๋ว  ท่าทางเหมือนเด็กน้อยกลัวแม่ดุเวลาไม่สบายแล้วงอแง จนบลูเห็นแล้วนึกขำ

“หึ หึ  ทำไมทำเหมือนเด็กๆเลย  ” อาการเหมือนเด็กรอให้แม่ไปอยู่ใกล้ๆจะได้อ้อนให้กอดให้โอ๋
“ ก็เรายังเป็นเด็ก เด็กๆ ขี้อ้อนน่ารัก  ” นนท์ยิ้มจนตาหยีเหมือนเวลาเด็กๆได้ของที่ถูกใจ
“ หืม  เด็ก ?? ” บลูเลิกคิ้วสงสัย มายังไงหล่ะเนี่ยอารมณืไหนของนนท์

“ อื้อ เด็ก วันนี้ก็เป็นเด็กดี กินข้าวกินยาแล้ว รอฟังนิทานก่อนนอน ”  คนพูดตาใสแจ๋วทำไปได้นะนนท์

“เด็กโข่งน่ะสิ   ” คนว่าให้พลางยิ้มจนเห็นลักยิ้มข้างแก้มน้อยๆ

“ แล้วน่ารักมั๊ยหล่ะ  ”  เด็กงอแงถามเอาคำตอบ

“ ไหนว่าตัวเองหล่อ  ” บลูไม่ยอมตอบแต่ถามกลับให้เด็กตอบแทน

“ กับคนอื่นอ่ะอยากหล่อแต่กับบลูอยากทั้งหล่อและน่ารัก  ” พูดยิ้มๆนัยน์ตาพราวจนบลูใจสั่น

“ ก็..ๆ น่ารัก ก็น่ารัก  ”  บลูพยายามตอบไม่ให้เสียงสั่นยามตอบคำถาม

“ จริงนะ  ”
“ อื้อทั้งหล่อทั้งน่ารักนั่นหล่ะ  ” คนพอใจคำตอบยิ้มตาพราวอีกครั้งแสดงท่าทางพออกพอใจ ดูอารมณ์ดีขึ้นมาทันตา

“ งั้นก็นอนกัน มาๆ มานอนๆ  ” เด็กโข่งตบลงที่นอนข้างตัวเองเพื่อบอกอีกคนให้มานอน

“ ยังไม่ได้ เก็บของข้างนอกเลย เราไปจัดการก่อน  ” บลูบอกแล้วรีบเดินออกมาข้างนอกพร้อมปิดประตูห้องนอนลง สูดหายใจลึกๆเพื่อหวังให้จังหวะหัวใจค่อยๆเต้นเบาลง
นนท์จะรู้มั๊ยว่าวันนี้นนท์ทำให้เขาใจสั่นไปกี่ครั้งแล้ว ถ้าเขาหลุดอาการณ์ออกไปนนท์จะเป็นยังไง นี่ยังดีที่พอหาทางออกได้หวังว่าพอกลับเข้าไปนนท์จะเลิกเล่นแล้วนอนหลับไปก่อน เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงจะทำตัวไม่ถูกแน่ๆ

“ หึ หึ  ” เสียงหัวเราะเบาๆคล้อยหลังคนที่เดินออกไปเห็นหน้าปุเลี่ยนๆของบลูแล้วก็ขำ     ทำไมยิ่งมองยิ่งน่ารัก ยิ่งอยู่ด้วยแล้วมีความสุข        เวลาเหนื่อยๆก็อยากเห็นหน้าแค่ได้พูดคุยก็เหมือนกับความเหนื่อยล้าทุกอย่างมันจางหาย      ทำไมนะทำไมเพื่อนของเขาถึงไดมีอิทธิพลต่อเขาได้มากมายขนาดนี้ นนท์ได้แต่สงสัยในใจ
.
.

“ ฝันดีนะบลู  ”  นนท์นอนตะแคงลืมตาในความสลัวของแสงไฟที่ส่งผ่านผ้าม่านหลังห้องเข้ามา เขานอนมองเพื่อนของเขาอย่างนี้มาหลายคืนแล้ว ตอนคืนแรกไม่ได้ตั้งใจจะมองหรอกนะ แต่บลูของเขานอนเหมือนเด็กๆผ้าห่มคลุมหน้าดิ้นไปมา จนเขารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาจัดผ้าห่มให้แล้วนั่งมองพอยิ่งมองก็ยิ่งเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ที่มองแล้วมันอุ่นใจ มีความสุข ทุกครั้งที่ได้มอง จนทำให้เขาต้องตื่นขึ้นมามองหลังจากที่บลูหลับไปแล้วทุกคืน

“ เด็กน้อยบลู อย่านอนน้ำลายยืดนะ หึหึ  ” พูดพลางลูบหัวเพื่อนหัวเราะน้อยๆแล้วล้มตัวลงนอนอย่างมีความสุขเขาจะฝันดีทุกคืนถ้าได้มองหน้าบลูก่อนนอน

.
..........................................

“ นนท์วันนี้ แม่บอกให้กลับบ้าน  ” บลูกำลังคุยโทรศัพท์กับนนท์เพื่อบอกกล่าวสิ่งที่มารดาบอกมา
“ อืม ไม่ได้กลับหลายวันแล้วแม่คงอยากเห็นหน้ามั้ง  ” อีกฝ่ายตอบกลับมาบลูกับนนท์นอนที่ห้องพักบลูยาวมาเป็นสัปดาห์กว่าๆ เพราะนนท์ทำงานกลับบ้านค่ำมืดทุกวันบลูเลยเป็นห่วงไม่อยากให้กลับบ้านเพราะคุณชายเล่นดื่มหลังเลิกงานทุกวัน     จนบลูต้องคอยบ่น ถ้าให้ขับรถกลับบ้านก็เป็นห่วงเลยต้องให้นอนที่ห้องพักแทน


“  ไม่หรอกเราก็กลับประจำน่าจะมีธุระอย่างอื่นมากกว่า  ” บลูบอกไปตามที่คิดเพราะปกติแม่เขาก็ไม่ได้มีปัญหากับการพักที่ห้องหลายๆวันเพราะรู้ว่าเขาทำงานเหนื่อยต้องพักมากๆ    แต่ครั้งนี้ขอให้กลับน่าจะมีธุรสำคัญมากกว่า
“ อืม นายกลับเถอะ เราก็จะกลับเหมือนกันโดนบ่นอยู่ทุกวัน ว่าทิ้งบ้านช่อง  ” นนท์ว่าเสียงเรียบมาตามสาย เขาถูกพ่อบ่นให้ทุกวันว่าไม่กลับบ้าน อยู่บ้านไม่ติด ทั้งๆที่บ้านก็สะดวกสบายดีทุกอย่าง เขากลับไปก็เหงาสิ พ่อก็มีกลุ่มสังสรรค์ทุกวันเขาก็ต้องอยู่คนเดียว เรื่องอะไรจะกลับ

“ พ่อคิดถึงมั้งหายมาหลายวัน  ” บลูพูดลอยๆหยั่งเชิงดู หลังจากเรื่องเข้าใจผิดกันในครอบครัวผ่านพ้นไปดูเหมือนทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้นรวมถึงความสัมพันธ์พ่อลูกที่เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ

“ ไม่หรอก เรารู้เหตุผลพ่อจะเอาเราไปอวดพรรคพวกน่ะสิเราไม่อยากให้ใครรู้เลย แต่พ่อก็เอาแต่อวดกันไปอวดกันมาน่าเบื่อ ” เสียงเนือยบ่นบอกว่าน่าเบือจริงๆ

“ ท่านภูมิใจไง คนเป็นพ่อแม่ก็งี้หล่ะ มีลูกเก่งๆแบบนายพ่อก็ต้องอยากอวดเป็นธรรมดา ” บลูให้เหตุผล ขนาดเขายังภูมิใจกับนนท์เลยแล้วพ่อแม่นนท์จะไม่ภูมิใจได้ไง

“ มันเกินไปน่ะสิ แล้วเรากลัวมีคนหมั่นไส้วันไหนพลาดขึ้นมาเขาจะสมน้ำหน้า ” นนท์บอกสิ่งที่เขากังวลเพราะพ่อบอกว่าเขาดีทุกอย่างเกินไปเลยต้องคอยทำตัวให้ดี แต่คนเรามันก็มีด้านเทาๆกันทั้งนั้นเขากลัวพ่อจะเสียใจถ้าวันไหนเขาพลาดขึ้นมา

“ ไม่หรอกนนท์เรารู้ว่าเราทำไรอยู่ก็พอคนอื่นจะคิดยังไงก็ช่างเขาเถอะ เรามีความสุขดีก็พอแล้ว  ” บลูบอกสิ่งที่เขาคิด เขาไม่แคร์คนอื่นเขาแคร์แค่คนที่เขารักก็พอแล้ว

“ ครับ ผมจะจำไว้ครับ ” นนท์ตอบเสียงล้อๆเข้าใจสิ่งที่บลูต้องการจะบอก

“ ดีครับ งั้นก็แค่นี้นะครับจะขับรถกลับบ้านแล้วครับ ” บลูตอบกลับไปพร้อมกับเปิดประตูรถขึ้นนั่งหน้าพวงมาลัยสตาร์รถเพื่อเดินทางกลับบ้าน
.
.
...........
“แม่ครับ ผมว่ามันยังไม่ถึงเวลา อีกอย่างฐานะผมก็ยังไม่มั่นคง หนี้สินเราก็ยังไม่หมด ผมไม่อยากให้เขาต้องมาลำบากด้วย  ”
คำตอบของบลูตอบผู้เป็นแม่เมื่อทั้งสองนั่งคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นมาได้ซักพัก

“ แม่รู้บลู แต่เราแค่ไปเจอกันทำความรู้จักกันไว้มันก็ไม่เสียหายอะไรนี่ น้องเค้าก็นิสัยดีแม่ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายอะไร  ” แม่ยังคงยืนยันความคิดเดิม

“ แม่ครับผมอยากให้มีฐานะการงานมั่นคงกว่านี้ก่อน ให้พ่อกับแม่สบายก่อนแล้วเรื่องนี้ค่อยคิดก็ยังไม่สายนะครับ ” บลูยังยืนเหตุผลเดิมเขาแต่ดูเหมือนมาดาเขายังไม่ลดละความพยายาม

“ เรื่องนั้นบลูไม่ต้องห่วง เรื่องฐานะเราก็ค่อยๆสร้างกันไป บลูเก่งรับรองว่าบลูทำได้อยู่แล้ว แล้วพ่อกับแม่ก็สบายดีแล้ว ไม่เดือดร้อนอะไร เรื่องของน้องมันก็จบไปแล้ว บลูไม่มีอะไรต้องห่วงนี่ลูก แม่ว่าค่อยๆศึกษากันไปมันก็ดีนะ เราจะได้มีเวลาปรับตัวเข้ากันได้  ” มารดาว่ามาอีกยืดยาว

“ แม่ครับผมไม่อยากมีตอนนี้ครับ ขอผมดูแลพ่อกับแม่ให้ดีกว่านี้ก่อนนะครับ ถึงเวลาแล้วถ้าเป็นคู่กันจริงๆก็ได้อยู่ด้วยกันเอง แม่เคยบอกแบบนี้นี่ครับ   ” บลูเอาคำพูดของมารดาย้อนกลับมาพูดแม่เป็นคนบอกเขาเสมอว่าดวงคนถ้าจะคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกัน และเขาก็เชื่อแบบนั้นตลอดมา

“ ตามใจลูกแล้วกัน ลองบลูได้ยืนยันแบบนี้แม่คงเปลี่ยนความคิดของลูกไม่ได้ เห็นเชื่อฟังพ่อแม่ตลอดบทจะดื้อก็เอาไม่อยู่จริงๆ  ” แม่ของเขาบ่นออกมา ท่าทางผิดหวังน้อยๆแต่เขารู้ว่าแม่เข้าใจเขาเพราะเรื่องแบบนี้ถ้าไม่รักกันจริงจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไปตลอดได้อย่างไร

“ ขอบคุณครับแม่ที่เข้าใจบลู  ” บลูยิ้มให้แม่รู้สึกโล่งใจขึ้นมา

“ เราน่ะเป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไร เด็กดื้อ แม่ไม่พูดด้วยแล้ว พักผ่อนซะพรุ่งนี้ต้องทำงานอีก  ” แม่พูดปนเอ็นดูถึงลูกจะโตแค่ไหนแต่สำหรับพ่อแม่ก็เห็นลูกเป็นเด็กอยู่ดี

“ ครับแม่  ” แม่เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปคงไปรายงานสถานการณ์ให้พ่อเขาฟังตามเคย พ่อเขาไม่ค่อยคุยกับลูกโดยตรงแต่จะติดตามทุกความเคลื่อนไหวของลูกเสมอ

“ แม่จะให้บลูเปิดใจกับคนอื่นได้ยังไง หัวใจของบลูๆรู้ดีว่ามันอยู่ที่ใคร  ” บลูนึกถึงเมื่อเขามาถึงบ้าน ทานข้าวเรียบร้อยแม่ก็จับแขนเขาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น บอกว่ามีเรื่องน่าสนใจจะเล่าให้ฟัง
“ แม่ไปเจอกับเพื่อนมา เจอลูกสาวเขาด้วย สวยน่ารักอ่อนหวานเพิ่งเรียนจบ ยังไม่มีแฟน แม่ชอบมาก ” ท่าทางแม่ดูตื่นเต้นและชอบจริง
“ครับแม่  ” บลูตอบรับยังคงท่าทางสบายๆ
“ แม่เลยอยากให้เรารู้จักกับน้องไว้   ” อ๋อออบลูเข้าใจในทันทีที่แม่พูดจบ แม่ไม่เคยพูดเรื่องแบบนี้กับเขาเลยซักครั้งครั้งนี้ทำไมถึงสนใจลูกสาวเพื่อนคนนี้ได้
“ ครอบครัวเขาเราก็รู้จักดี เป็นคนดีทั้งพ่อทั้งแม่ ” นี่เป็นเหตุผลของแม่และเป็นที่มาของการนั่งคุยกันอันแสนยืดยาวนี้แต่บลูก็ไม่สามารถทำตามความต้องการนี้ของแม่ได้ได้แต่นึกขอโทษแม่ในใจ “ แม่ครับ บลูขอโทษ ขอโทษที่ทำให้แม่ผิดหวัง ”

.........

“  กลับเร็วจังวันนี้ ” บลูถามขึ้นเมื่อคนที่กำลังเปิดประตูห้องพักเข้ามาด้วยท่าทางสดใสใบหน้ายิ้มแย้มไม่เหมือนนนท์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วซักนิด

“ ส่งงานเรียบร้อย หัวหน้าพอใจเลยได้โอกาสชิ่งหนีมา ” นนท์ตอบพร้อมกับนั่งลงบนโซฟาเอนตัวลงกับพนักพิงด้านหลัง

“ ดีแล้วจะหายได้หายเครียด เครียดมาหลายวันหน้าตาโทรมลงไปเยอะ  ” บลูว่าอย่างโล่งใจขึ้นนนท์เวลาทำงานค่อนข้างซีเรียสกับงานเขาหวังให้งานออกมาดีเสมอ

“ ตอนนี้กลับมาหล่อเหมือนเดิมแล้ว ไม่ต้องห่วง  ” นนท์ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มกว้างจนคนมองตาพร่าใจสั่น เราไม่ชอบที่นนท์ทำแบบนี้เลยไม่ดีกับใจเรามากๆเรารู้สึกเหนื่อยเหมือนกับวิ่งเป็นกิโลเลย

“ เออ แล้วกลับบ้านไปแม่ว่าไง มีเรื่องอะไรหรือเปล่า  ” นนท์เปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นท่าทางเก้อๆของเพื่อน เลยตัดสินใจถามเรื่องที่อยากรู้กลัวบลูจะมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจแล้วไม่บอกเขาอีก

“ ก็ไม่มีอะไรหรอก แม่ไปเจอเพื่อนมาเจอลูกสาวเพื่อนแม่ด้วยเลยอยากแนะนำให้รู้จักกัน  ” บลูพูดพร้อมลุกขึ้นจากโซฟาไปที่ตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมาเทใส่แก้วสองใบปากก็พูดไปเรื่อยๆอย่างนึกขำแม่   
          แต่ตอนนั้นบลูไม่ขำเลยอดกังวลใจไม่ได้ด้วยซ้ำที่ทำให้แม่ผิดหวัง แต่พอได้คุยกับพ่อในตอนเช้าในเรื่องนี้อีกครั้งพ่อบอกว่าแม่เข้าใจดี ตอนแรกแม่ก็บ่นๆกับพ่อแต่พอพ่อบอกว่าจิตใจใครจิตใจมันแม่ก็ทำใจได้และเข้าใจ ทำให้บลูโล่งใจขึ้น
“ จิตใจลูกเป็นของลูก เราบังคับจิตใจใครไม่ได้หรอกเราปล่อยให้ลูกใช้ชีวิตอย่างที่ลูกต้องการเถอะลูกจะได้มีความสุข  ” คำพูดของพ่อที่พูดกับแม่ ถึงพ่อจะไม่ค่อยพูดแต่บลูรู้ว่าพ่อเข้าใจเขาเสมอมา

“ ลูกสาวเพื่อนสนิทแม่เพิ่งเรียนจบ สวยบุคลิกดี  เพียบพร้อม  เป็นคนมีความคิดดี ครอบครัวเขาก็ดีแม่เราเลยอยากให้รู้จักกัน แม่เลยจะนัดให้เราไปเจอกัน วันอาทิตย์หน้า น้องเค้าว่างพอดี  ” 

“ เห็นแม่บอกว่าถึงเป็นลูกคนเดียวแต่พ่อแม่ก็เลี้ยงแบบให้รู้จักคิด รู้จักทำไรด้วยตัวเอง เป็นคนเก่งเลยหล่ะ แม่เลยชอบ ”

“ หึ หึ ท่าทางจะชอบจริงๆเพราะไม่เคยเห็นพูดเรื่องแบบนี้ซักที คงเห็นว่าเราอายุพอถึงเวลาแล้วมั้ง   ”  บลูพูดไปยิ้มไปหัวเราะไป พอหันกลับมาเจอเพื่อนน่านิ่งๆ ไม่ถึงกับบึ้งแต่ก็ไม่ยิ้มเหมือนตอนแรก ทำให้บลูชงัก

“ แล้วนายว่ายังไง  ” นนท์ถามเรียบๆไม่บ่งบอกความรู้สึก

“ เท่าที่ดูครอบครัวพ่อแม่เขาก็เป็นคนดี ลูกก็คงจะดีด้วยหล่ะมั้ง ไม่ดีแม่เราไม่พูดหรอก  แม่คงอยากให้เจอคนดีๆ ” บลูตอบตามความเป็นจริง


“ นายชอบคนดีหรือคนสวย  ” นนท์ซักต่อเรื่อยๆอดแปลกใจไม่ได้เพราะปกติบลูไม่ค่อยพูดเรื่องแบบนี้

“ คนสวยใครๆก็ชอบ แต่ถ้าสวยด้วยดีด้วย เก่งด้วยมันก็สมบูรณ์แบบ ”

“ น้องเขาไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลยเหรอ คนสวยๆไม่น่าโสดนะ  ”  นนท์ว่าเพราะปกติที่เคยเจอคนสวยๆไม่เคยว่างหรอกมีแต่จะเรียงคิวเข้ามาให้เลือกเป็นแถว

“ แม่บอกว่าโสดเพราะน้องเขาไม่เคยคบใครสนใจแต่เรื่องเรียนเหมือนเราเลย  ” ไม่รู้ทำไมพอบลูพูดจบเขาถึงได้แปรบๆในใจ มันหน่วงๆอย่างบอกไม่ถูก หน้าที่เคยนิ่งๆกลับบึ้งขึ้นมาทันที

“ แล้วนายบอกแม่ว่าไง  ” เสียงเริ่มแข็งจนบลูเริ่มเอะใจนนท์เป็นอะไรเขาพูดอะไรผิดหรือเปล่า

“ ก็บอกว่าถ้าเป็นคนดีสมบูรณ์แบบๆนี้ก็น่าสนใจ.  ”
“  หมายความว่านายจะไป ” นนท์เสียงแข็งหน้าตึงขึ้นอีกเมื่อสรุปความหมายจากคำพูดของบลู

“ เรา... ”


“ นายจะแน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะชอบนาย เขาสวยขนาดนั้นเพอร์เฟคขนาดนั้นอาจจะเคยคบใครมาก่อนก็ได้  ถึงพ่อแม่จะเป็นคนดีแต่ก็ใช่ว่าลูกจะเป็นคนดีด้วย หรือถ้าเป็นคนดีแต่จะรู้ได้ยังไงว่าจะรักกันจริง แล้วเผื่อเค้าทำให้นายเสียใจหล่ะ คนไม่เคยรู้จักกันจะคบกันได้ยังไง   ” นนท์พูดรวดเดียวเป็นประโยคยาวเหยียดไม่เว้นให้บลูได้พูดเลย

“ คนสวยๆชอบหักออกคนอื่นนายไม่เคยได้ยินเหรอ หรือนายอยากเป็นตัวเลือกให้เค้า ”

“ หรือนายชอบแค่คนสวยๆ  ” ไม่รู้ทำไมแค่คิดว่าบลูจะไปตามนัดของแม่ใจเขาก็ร้อนรน แค่คิดว่าถ้าไปแล้วบลูจะไปยิ้มให้คนอื่น หัวเราะตาใสๆให้คนอื่น พูดเพราะกับคำปลอบอย่างจริงใจให้คนอื่น เวลาที่บลูเคยมีให้เขาก็ต้องให้คนอื่น เพียงแค่คิดใจเขาก็ร้อน วุ่นวายในใจไปหมด

“ ถ้านายชอบคนสวยๆก็ระวังให้ดีเตรียมใจไว้ด้วยก็แล้วกัน  ” นนท์พูดเท่านั้นก็เอื้อมมือไปหยิบกุญแจรถที่วางไว้โต๊ะหน้าโซฟา บลูตกใจ ใจหายกับท่าทางของนนท์จนต้องรีบเรียกไว้

“ นนท์เดี๋ยวสิ  ”  นนท์ชงักเตรียมรับคำตอบจากบลูโดยไม่ยอมสบตาเลย

“ เราบอกแม่ว่าเราไม่ไป  ” บลูจ้องมองนนท์นิ่ง นนท์ตวัดสายตากลับมาสบตากับบลู

“ ทำไม  ” นนท์อดสงสัยไม่ได้

“ เราบอกแม่ว่าเรายังไม่คิดเรื่องนั้น เราอยากดูแลพ่อกับแม่ให้ดีก่อน อีกอย่างภาระหนี้สินเราก็มากมาย เราเลยไม่อยากมีใครให้เขาเดือดร้อนกับเรา ” บลูตอบเหมือนที่คุยกับแม่นนท์มีท่าทางผ่อนคลายลง

“ แต่นายบอกว่าชอบน้องเขา  ”

“ เราไม่ได้พูดซักหน่อย  ”

“ ก็นายบอกว่าเขาสมบูรณ์แบบ ใครๆก็ชอบคนสวย คนดี แม่นายก็ชอบ  ”

“ เราบอกว่าใครๆ แต่ไม่ใช่เราซักหน่อย  ” บลูว่าเสียงอ่อยๆ

“ หืม หมายความว่า  ” นนท์เลิกคิ้วท่าทางสงสัย

“  เราไมได้ชอบน้องเค้า ไม่เคยเจอกันเลยจะชอบได้ไง เราปฏิเสธกับแม่ไปแล้ว  ” นนท์ได้ยินคำตอบที่น่าพอใจก็ยิ้มน้อยๆออกมา วางกุญแจรถคืนไว้ที่เดิม ยกแก้วน้ำที่บลูเอามาวางตั้งไว้ตั้งแต่แรกขึ้นดื่ม เขาโล่งใจขึ้นมาทันตา
“ อาบน้ำดีกว่า เหนียวตัวมากออกมาจะมาทำอะไรอร่อยๆให้ทาน  ” นนท์พูดแค่นั้นก็เดินลิ่วเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับร้องเพลงเบาๆไปด้วยอย่างอารมณ์ดี   บลูไม่เข้าใจกับท่าทางของนนท์เขาไม่รู้ไม่เข้าใจอะไรเลยเมื่อกี๊นนท์คิดอะไร กับท่าทางที่แสดงออกมาเขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเขาไม่อยากเสียใจ.......................................


*************************************************

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #24 เมื่อ03-08-2019 14:11:18 »

ตอนที่ 18


“อยากกินไรดีครับ  ” นนท์เดินมาส่วนของห้องครัวที่บลูกำลังก้มเงยๆหยิบนั่นนี่ในตู้เย็นอยู่

“ คนทำอยากทำอะไรหล่ะครับ ”

“อืมมมม  ทำไรดี ดูวัตถุดิบแล้วทำได้หลายอย่าง  ” นนท์เลือกดูของที่บลูเอาออกมาวางไว้บนโต๊ะ
“เอางี้วันนี้เอาแบบง่ายๆรวดเร็วได้กินเลย ”
แล้วพ่อครัวก็จัดการกับของที่วางอยู่และแน่นอนบลูมีหน้าที่ทำตามพ่อครัวใหญ่ที่จะสั่งให้ทำซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในกระบวนการของการเตรียมการเท่านั้น ล้างผัก หั่นเนื้อ ตำพริกกระเทียม ส่วนของการปรุงพ่อครัวไม่ให้ทำเขาเองก็ไม่ถนัดด้วย


“ อิ่มมากเลย พุงจะแตกแล้ว  ”บลูเอนหลังไปพิงที่โซฟา ตอนนี้พวกเขานั่งทานกันอยู่ที่พื้นมีเสื่อรองทุกอย่างไว้ ส่วนอาหารที่อยู่ตรงหน้าที่ถึงจะกินไปเยอะแล้วแต่ก็ยังเหลือร่องรอยในหม้อไว้นั่นคือ “ จิ้มจุ่ม ” ของโปรดบลูอีกเมนู ทำทีไรกินจนพุงกางทุกที

“ มีพุงที่ไหนหล่ะนั่น ” นนท์ยกแก้วเบียร์จิบไปด้วยท่าทางผ่อนคลาย    ต่างจากหลายวันก่อนที่เคร่งเครียดเพราะเรื่องงาน

“ ถ้ามากกว่านี้ไม่ไหวจริงๆนะ  ทำจิ้มจุ่มทีไรกินพุงกางทุกที ดูสิพุงออกเลย  ”บลูลูบพุงโชว์

“ ผู้ชายกินแค่นี้ไม่อ้วนหรอก เดี๋ยวก็เผาผลาญออกหมด  ”

“ ใช่ที่ไหนเล่า   กำลังกายก็ไม่มีเวลาออกมีแต่จะอ้วนขึ้นๆทุกวัน  ”

“ อ้วนที่ไหน ดูยังเท่าเดิมอยู่เลย  ” นนท์ยังไม่เห็นความแตกต่างของบลูเลยเห็นแต่ความน่ามองของบลูที่เพิ่มขึ้นทุกวัน

“ อ้วนสิ หน้ากลมขึ้นมากเลย กางเกงก็จะใส่ไม่ได้แล้ว  ”

“แก้มเยอะๆ ก็ดูหล่ออีกแบบนะ ผู้ชายมีแก้มน่ารักดีออก  ”บลูน่าร้อนขึ้นมาทันทีพยายามห้ามไม่ให้ตัวเองหน้าแดงกับคำพูดของเพื่อน

“ อยากหล่อบ้างแบบหน้าคมเข้ม   เป็นสัน    ช่วงนี้กำลังฮอตสาวๆชอบ   ”

“ ไม่เห็นหล่อเลยแบบนั้น แถมมีถมไป ไม่ชอบ ชอบแบบมีแก้มเยอะๆ นิ่มๆมากกว่า  ” ท่าทางของนนท์สบายๆต่างจากบลูที่พยายามควบคุมหัวใจตัวเองให้ปกติ

“ แต่สาวๆชอบแบบนั้นนะ ล่ำๆ เท่ห์ๆ  ”
“ แต่เราไม่ชอบเราชอบแบบนี้ ”

“หืม..... ”บลูสบตานนท์อย่างสงสัย นนท์หมายถึงอะไร

“ เราชอบแบบที่นายเป็นแบบนี้มากกว่า ”

“ นายชอบผู้ชายแบบเราเหรอ ”บลูอดถามไม่ได้

“ เราชอบแบบที่นายเป็นไม่ได้ชอบผู้ชายแบบนาย ” นนท์บอกอีกครังบลูก็ยังไม่เข้าใจ

“ เราก็เป็นเรา ”

“ ใช่นายก็เป็นนาย เราชอบนาย....แบบที่นายเป็นนี้ไง ถ้าคนอื่นเป็นแบบนายเราก็ไม่ชอบ   ”บลูใจเต้นอยู่ข้างในแต่ก็เข้าใจที่เพื่อนสื่อความหมาย    เขาจะแอบดีใจได้มั้ยว่านนท์ชอบที่เขาเป็นแบบนี้ ชอบเขาคนเดียวถึงคนอื่นจะเป็นแบบเขาแต่นนท์ก็จะไม่ชอบ ถึงจะเป็นแบบไหนความหมายคืออะไรบลูก็ขอเก็บความดีใจนี้ไว้ข้างในเอาไว้มีความสุขในมุมเล็กๆของตัวเอง


“อ๋อออ   ” เขาตอบรับออกไปแต่ไม่ได้พูดอะไรขอหยุดความเข้าใจตัวเองเอาไว้เพียงแค่นี้

“เฮ่อ   กี่คืนแล้วที่เป็นแบบนี้  ”
นนท์นั่งมองบลูที่หลับคอพับอยู่กับหมอน  หลังจากทานข้าวกันเสร็จพวกเขาก็เข้ามาดูหนังในห้องนอนเหมือนที่เป็นมาหลายๆวัน แต่ดูได้ซักพักยังไม่ถึงครึ่งเรื่องบลูก็หลับคอพับคออ่อน ตัวเอนพิงพนักเตียงอยู่ นนท์นั่งมองใบหน้าเพื่อนสนิทอย่างที่ทำทุกคืน ทำไมใบหน้าที่แสนคุ้นเคยนี้ถึงมีแรงดึงดูดต่อสายตาเขายิ่งนัก

“ เด็กน้อยนอนดีๆ ” นนท์จัดท่าให้บลูนอนลงในท่าสบายพยามอย่างยิ่งที่จะไม่รบกวนการนอนของเพื่อน

“ อือ .. ”บลูครางออกมาเบาๆเมื่อถูกรบกวนการนอนอันแสนสุข ท่าทางยิ่งเหมือนเด็กน้อยเหมือนนนท์ชอบบอก

“ ครับๆ ไม่กวนแล้ว นอนๆ  ” นนท์ดึงผ้าห่มมาคลุมให้ถึงอก แล้วเดินไปปิดไฟปิดหน้าต่าง จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนข้างๆบลู เขานอนมองเพดานที่มืดสลัว ก่อนจะหลับตาลงเพื่อเข้าสู่การพักทั้งร่างกายและจิตใจแต่พอเวลาผ่านไปซักพัก เขาก็ลืมตาขึ้นมาใหม่ เป็นแบบนี้อยู่สองสามรอบ

“ ทำไมเป็นแบบนี้หล่ะนนท์ควรพักได้แล้ว ”ทั้งที่บอกกับตัวเอง แต่ร่างกายกลับตะแคงไปด้านที่เพื่อนหลับอยู่

“ หลับสบายจังนะ  เด็กน้อยเอ้ย ”
“ จะรู้มั๊ยว่าใครเขานอนไม่หลับอยู่นี่ ” นนท์บ่นกับคนที่หลับอย่างท่าทางมีความสุข

“ทำยังไงถึงจะหลับ บอกเราที ” นนท์มองใบหน้าที่หลับนั้นอยู่นาน แก้มขาวๆ ริมฝีปากชมพูอ่อนๆ  พร้อมกับกลิ่นแชมพูอ่อนๆที่คุ้นเคย นนท์เคลื่อนใบหน้าตัวเองช้าๆไปใกล้ๆกับใบหน้าบลู เขาบรรจงจรดริมฝีปากและจมูกลงบนแก้มขาวๆของบลูสัมผัสอย่างตั้งใจสูดความหอมของกลิ่นกายบลูเข้าไปเต็มปอด แล้วเคลื่อนออกอย่างอ้อยอิ่ง เขาไม่อยากคิดอะไร ทุกอย่างที่ทำลงไปเมื่อซักครู่นี้เขารู้ดี แต่เขาก็ไม่อาจต้านทานจิตใจของตัวเองได้ ทุกสิ่งทุกอย่างให้มันเป็นไปตามทางของมัน

“ ฝันดีนะบลู ”

***********

“ปะ ขึ้นรถ  ” คำสั่งแบบไม่มีหัวเรื่องนำเอ่ยขึ้น

“ ไปไหน ”

“ ขึ้นมาเถอะ ” คนสั่งยังสั่งมาอีกรอบแต่ไม่ยอมตอบคำถาม

“ ไปไหนบอกก่อน ”บลูไม่ยอมขึ้นจนกว่าจะได้คำตอบ

“ ไม่ใกล้ไม่ใกล ”  คนตอบก็ยังตอบไม่ชัดเจน แต่ดูจากการแต่งตัวแล้วบลูเดาได้ไม่ยาก

“ทำไมต้องด่วนขนาดนี้แล้วเสื้อผ้าหล่ะ ”
“ ก็เห็นว่างทั้งสองคน เสื้อผ้าเก็บมาให้จากห้องเรียบร้อยแล้ว ของใช้เตรียมพร้อมทุกอย่าง  ” พวกเขารู้ดีว่าแต่ละคนเป็นยังไง ต้องการอะไร สามารถเตรียมให้ได้อย่างถูกต้อง
“ เมื่อไหร่จะเลิกแบบปุ๊บปั๊บซักที ไม่ได้บอกแม่ล่วงหน้า  ” และบอกได้เลยคุณชายนนท์โทบอกแม่เขาเรียบร้อยเพราะท่านบอกว่านนท์มาแล้วรออยู่หน้าบ้าน แถมเดินมาส่งอีกต่างหาก


“ บอกให้แล้วไง อีกอย่างเวลาแพลนไว้ทีไรไม่ได้ไปซักที   ” ก็จริงแพลนกันไว้ซะดิบดีแต่ดันมีอุปสรรคมาขัดขวางตลอด

“ แต่เราเที่ยวบ่อยนะช่วงนี้ เพิ่งกลับมายังไม่นานเลย  ”

“ ร่างกายต้องการการพักผ่อน ” เอากับเขาสิเหตุผลนี้

“ พักอยู่บ้านก็ได้ ”บลูหาเหตุผลมาแย้ง

“ ไม่เหมือนสิ ”“ อากาศที่บริสุทธ์ วิวสวยๆ  สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป จะกระตุ้นให้สมองเราตื่นตัวอยู่เสมอ รับอะไรใหม่ๆได้ดี มีความคิดใหม่ๆในการทำงาน ไง ”

“ ทฤษฎีของใคร ” งานนี้ไม่รู้เอาของใครมาอ้างซะยืดยาว

“ ของเราเอง ” นั่นไงบลูคิดในใจ

“ สรุปคือจะไปวันนี้ ”

“ ครับ ตอนนี้ด้วย  ”
นั่นคือสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้

“ วิวสวยดี แวะก่อนมั๊ย คนแวะเยอะด้วย  ”  พวกเขากำลังขับรถขึ้นเขาที่ค่อนข้างชัน ด้านข้างเป็นจุดแวะชมวิว มีศาลาและที่จอดรถไว้ให้พักระหว่างทาง ด้านข้างฝั่งหนึ่งเป็นภูเขาที่มียอดสูงใหญ่อยู่เหนือน้ำทะเลหลายพันเมตร และอีกด้านเป็นหน้าผาตัดลงสู่เบื้องล่างที่สูงชัน หากพอมองออกไปสู่หน้าผานั้นจะเจอภาพของหุบเขาที่กว้างใหญ่เหมือนรูปวาดที่ชอบวาดตอนเด็กๆ ดวงตะวันที่บ่ายคล้อย ส่องกับไอน้ำในอากาศทำให้มองเห็นเหมือนฝ้ามัวๆ เขาอีกหลายลูกที่อยู่ลิบๆ บ้านเรือนหลายหลังในหมู่บ้านที่เห็นเพียงแค่เป็นจุด ลมเย็นที่พัดมาทำให้ความเหนื่อยหล้าจากการขับรถหลายชั่วโมงจางหายไปอย่างง่ายดาย

“  พี่คะ รบกวนถ่ายรูปให้พวกเราหน่อยได้มั๊ยคะ ”  น้องผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพอบลูหันกลับไปมองตามมือก็เห็นกลุ่มเพื่อนของน้องผู้หญิงอีกกลุ่มใหญ่ทั้งผู้หญิงผู้ชายน่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนวัยมหาวิทยาลัย

“ ได้ครับผม  ” บลูรับกล้องมาแล้วเดินไปที่กลุ่มนั้นทำหน้าที่เป็นตากล้องให้อย่างดี

“ พี่มากี่คนคะ หรือว่ากับเพื่อน  ” สาวถามขึ้นหลังจากถ่ายรูปเสร็จ

“ พี่มากับเพื่อนครับ  ”
“ ไหนคะ ชวนเพื่อนพี่มาถ่ายรูปสิคะเดี๋ยวหนูถ่ายให้  ” สาวน้อยหันมองหาไปรอบๆบริเวณ

“ เอ่อไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก พวกพี่ถ่ายพอแล้ว  ” บลูตอบตามจริงพวกเขาถ่ายจนจะเมมโมรี่จะเต็มอยู่แล้ว

“ พี่น่ารักดีนะคะ  ” สาวน้อยเอ่ยชม พี่คนนี้ออกแนวน่ารักดี พลางหันไปหากลุ่มเพื่อนก็เห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นชนิดปิดไม่มิดของเพื่อนทั้งหญิงทั้งชายในกลุ่ม

“ เอาอีกแล้วพวกนี้  ” สาวน้อยบ่นพลางส่ายหน้า
“ อะไรเหรอครับ  ” บลูถามงงๆว่าพูดถึงอะไร

“ ก็เจ้าพวกนั้นน่ะสิคะ เห็นใครดูดีเป็นไม่ได้ อาการออกทุกคนทั้งหญิงทั้งชาย  ”
“ หืมมม ” บลูหันไปตามที่น้องว่าก็เจอกับสายตาของทั้งกลุ่ม ได้แต่ส่งยิ้มแห้งไปให้

“ ขอบคุณนะคะพี่ๆรีบไปอยู่กับเพื่อนเถอะค่ะ หนูไปก่อน  ” สาวน้อยเอ่ยขอบคุณแล้วรีบเดินไปหาเพื่อนบลูได้ยินเสียงบ่นกันระงมของกลุ่มเพื่อนตามหลังมา

“ ไปวัดกันมั้ย ไหว้พระกัน  ” นนท์ชวนเดินไปอีกทางเพื่อห่างกลุ่มนั้น ทุกเหตุการณ์อยู่ในสายตาของนนท์ทั้งหมด

“ ก็ดีนะจะได้เป็นสิริมงคล  ” บลูออกเดินนำโดยไม่เห็นสายตาของนนท์ที่ส่งกลับไปให้กลุ่มที่อยู่ด้านหลัง  ที่ทั้งกลุ่มได้เห็นหลบสายตากันแทบไม่ทัน
“ หึหึ  ” นนท์หัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนออกเดินตามบลูไป  “ บลูของเขาคนเดียวห้ามใครมอง”



“ อันนี้มันคืออะไรครับคุณยาย   ” บลูยืนดูอะไรบางอย่างที่ห้อยอยู่ตรงหน้า

“ มันคือวงแหวนนำโชคจ้า โชคดีทุกอย่างหน้าที่การงาน ความรัก ครอบครัว  ” คุณยายยิ้มให้พลางหันไปมองที่นนท์

“ ความรักด้วยเหรอครับคุณยาย  ” นนท์จับขึ้นมาดูเป็นวงแหวนสีทองสองวงคล้องเกี่ยวกันมองอีกด้านคล้ายๆเป็นเครื่องหมายอินฟินิตี้

“ อันนี้มีคนเขาออกแบบมาให้ เขามาที่นี่แล้วเขาโชคดีสมหวังทั้งเรื่องการงานความรักเขาเลยทำแบบมาให้แล้วที่วัดก็เห็นว่าสวยดีเลยเอามาทำเป็นเครื่องหมายนำโชคจ้า   ”

“ สวยดีนะบลู  ”
“ คุณยายครับเอาสองอันครับ  อันหนึ่งสีทอง อันหนึ่งสีเงิน ”

“ นี่จ้า”  “ ขอให้ทั้งสองคนรักกันนานๆนะจ๊ะ รักกันไปจนแก่เฒ่า อาจจะมีอุปสรรคบ้างแต่เมื่อสองร่วมใจกันฝ่าฟันก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ดูแลกันตลอดไปนะ   ”  คุณยายหยิบซองที่ใส่ปิดเรียบร้อยส่งให้

“ เอ่อ.. คุณยายครับ เราเป็นเพื่อนกันครับ  ”  บลูละล่ำละลักบอก

“  ความรักมันเกิดขึ้นได้กับคนทุกคน เมื่อเจอกันแล้ว เข้าใจกันแล้วก็ขอให้เข้าใจตัวเอง ยอมรับใจตัวเอง มันถูกกำหนดมาแบบนั้แล้ว”

“ ยายหมายความว่ายังไงครับ  ” บลูถามต่อ

“ ความรักไม่ใช่เรื่องผิดนะลูกนะ ความรักทำให้โลกใบนี้งดงามเสมอ  ”
“ อยู่คู่กันตลอดไป เจริญๆทั้งสองนะลูก  ” ยายจับมือทั้งสองคนมาจับกันไว้แล้วตบเบาๆสองครั้งพลางยิ้มให้อย่างจริงใจ
ทั้งสองมองหน้ากันแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา พอดีกับที่มีคนใหม่เดินเข้ามาดูของต่อพวกเขาจึงได้ผละออกจากร้านมา

“  ไปที่พักเลยมั้ย  ” นนท์เห็นท่าทางบลูเงียบๆแล้วจึงเอ่ยขึ้นพอขึ้นรถได้ทั้งสองก็เงียบไม่มีใครพูดอะไรจนกระทั่งถึงที่พัก
.
.
.
“ บลู  ” นนท์ที่กำลังนั่งดื่มเบียร์อยู่หลังจากทานอาหารเอ่ยขึ้น  ทั้งสองทานอาหารในบ้านพักแต่ละคนก็ทานไปได้นิดเดียวแต่ที่หนักคือเบียร์ดูจากจำนวนของกระป๋องที่วางอยู่แล้วขนาดบลูที่ไม่ค่อยดื่มคออ่อนสุดๆยังดื่มไปตั้งหลายกระป๋อง ก่อนเดินทางนนท์จัดเตรียมใส่ท้ายรถมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ เขามีวัตถุประสงค์ในการมาครั้งนี้ เขารู้ใจตัวเองระดับหนึ่งแต่เขายังไม่มั่นใจ เขาเลยต้องหาอะไรยืนยันเพื่อให้ตัวเองแน่ใจ จนวันนี้เหตุการณ์ระหว่างทางทำให้เขาแน่นใจมากขึ้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาไม่รู้เลยว่าเพื่อนคิดอย่างไรกับเขา เขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองถึงที่ผ่านมามีอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นก็ตาม

“เรื่องที่คุณยายพูดที่วัดบลูคิดว่ายังไง  ”

“ เราเอ่อ..เราไม่รู้ ยายก็อาจจะอวยพรให้เราโชคดีแบที่อวยพรคนอื่นๆหล่ะมั้ง  ”

“ แล้วนายไม่คิดว่ายายหมายความเป็นอย่างอื่นเหรอ  ”    นนท์สบตาบลู

“ หมายความว่ายังไง  ”บลูสบตากลับ

“ ก็หมายความว่าให้เรารักกันไง  ”

“ เราก็รักนนท์อยู่แล้วนี่ นนท์ก็น่าจะรู้  ”

“ บลู ..สิ่งที่เราจะพูดต่อไปนี้เราไม่รู้ว่าสมควรที่จะพูดมั๊ย ถ้าพูดไปมันจะทำให้ความสัมพันธ์ของเรายังเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนแปลงไป เราก็ยังอยากจะพูด อยากทำให้มันชัดเจน เราไม่อยากอึดอัดอีกต่อไปแล้ว   ” 

“ นนท์  ”

“  ถ้าพูดไปแล้วนายไม่คิดเหมือนเราหรือนายไม่พอใจเราก็ขอโทษ เรายอมรับผลทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับคำพูดของเรา ”

“ นนท์  ” บลูเริ่มใจไม่ดีในใจร้อนรุ่มเขากลัวใจนนท์เหลือเกินที่ผ่านมานนท์อาจจะดีกับเขาทุกอย่างคอยช่วยเหลือและเขาแน่นใจว่านนท์รักเขามากเท่าที่เพื่อนคนหนึ่งจะให้ได้ เขาอาจจะแสดงออกมากเกินไปทำให้คนอื่นมองออกว่าเขาคิดยังไง นนท์ก็รังเกียจเขา และตอนนี้ที่นนท์กำลังจะพูดเขากลัวว่านนท์จะทำอะไรที่ตัดสัมพันธ์ของพวกเขาสองคน แม้แต่คำว่าเพื่อนก็ไม่เหลือ

“ เรารักนาย  ”
“ .... ”

“ เรารักบลู  ”
****************************************

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #25 เมื่อ03-08-2019 14:12:36 »

ตอนที่  19

“ นะ น นนท์  ” 
“ เรารักนาย รักมากว่าเพื่อน รักมากเท่าที่คนๆหนึ่งจะรักได้   ”

“ นนท์  ” บลูพูดอะไรไม่ออก หาเสียงตัวเองไม่เจอ ทำได้เพียงเอ่ยชื่อนนท์เบาๆ ด้วยท่าทางตกใจกับคำพูดของนนท์

“ บลูเรา....เราขอโทษ เรารู้ว่าไม่ควรพูดแบบนี้ เรารู้ว่าเราไม่ควรคิดเกินเพื่อน แต่เรา... ” นนท์ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตากับบลูเขากลัวเห็นท่าทางรังเกียจหรือโกรธเกลียดจากบลู

“ ระ...เราไม่คิดว่านนท์จะคิดกับเราแบบนั้น  ”บลูเพิ่งหาเสียงตัวเองเจอเอ่ยออกมาเสียงสั่นๆ

“ เราขอโทษที่เราคิดแบบนั้น เราไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน  แต่พอรู้ตัวมันก็เป็นไปแล้ว  ” บลูยังคงนิ่งแต่มือเริ่มสั่นน้อยๆนัยน์ตาเริ่มพร่ามัว มันสั่นไปทั้งหัวใจ

“  นายรู้แล้วนายโกรธเรามั๊ย เกลียดเรามั๊ย นายจะด่าเรายังไงก็ได้นะ เรายอมรับผลทุกอย่าง  ” นนท์ยังคงก้มหน้าอยู่ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามามองบลู

“ …… ”

“ นายจะต่อยเราก็ได้นะ ทำได้เต็มที่   ” นนท์เงยหน้าขึ้นมามองบลูที่เอาแต่เงียบไม่พูดอะไร เขาเข้าใจดีว่าบลูรู้สึกยังไงเพราะตอนที่เขารู้ใจตัวเองครั้งแรกก็ตกใจ สับสนอยู่นานแต่เขาก็เลือกจะพูดแม้ต้องสูญเสียเพื่อนคนนี้ไปอย่างน้อยที่สุดเขาก็ได้ทำตามหัวใจและให้เพื่อนได้รับรู้ว่าเขารักรักมากแค่ไหน
“ .....  ” บลูทำส่ายหน้า พยายามกลั้นอารมณ์ตัวเองเพื่อที่จะเอ่ยคำพูดออกมา

“ นายโกรธเรามั๊ย    ”นนท์ถามซ้ำอีกครั้ง

“ เราจะโกรธนายได้ยังไง เราดีใจต่างหาก ที่นนท์ก็คิดเหมือนเรา  ” บลูเอ่ยขึ้นมาเป็นฝ่ายหลบสายตาเสียเอง

“ ฮะ...นายหมายความว่า....  ” นนท์ชะงักค้างกับคำตอบของบลู

“  เราก็คิดเหมือนนนท์  เราถึงไม่โกรธไม่เกลียดนนท์ เพราะถ้าเราโกรธเราก็เหมือนโกรธเกลียดตัวเองด้วย  ” บลูค่อยเงยหน้าขึ้นมองสบตากับนนท์

“ บลู .. ”  นนท์ครางชื่อบลูเบาๆอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

“ เราไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่ตอนไหน  พอรู้ตัวเราก็รักไปแล้ว เรากลัวนนท์จะรังเกียจ เราก็พยายามเก็บอาการไว้แต่เราก็ไม่สามารถเก็บไว้ได้ ที่คุณยายบอกตอนอยู่ที่วัดเราคิดว่าเป็นเพราะเราเก็บอาการไม่มิดเลยทำให้คนอื่นรู้ เรากลัวนนท์โกรธมาก ตอนนนนท์.... ” นนท์เป็นฝ่ายนิ่งฟังบ้างในใจเขาเริ่มเต้นรัวมากขึ้นมันเหมือนจะพองออกถึงข้างนอก

“ ตอนนนท์บอกว่ามีอะไรจะพูดเรากลัวแทบตายว่านนท์จะบอกว่าให้เราห่างกัน กลัวคนเข้าใจผิด เรากลัวจนกระทั่งนนท์จะบอกเลิกคบเราเป็นเพื่อน  แต่พอรู้ว่านนท์รักเราเหมือนกันเราดีใจจนพูดไม่ออก   ”

“ บลู... ”  นนท์ครางออกมาเบาๆ
หมับ
นนท์รวบบลูเข้ามากอดไว้ที่อกแขนสองข้างกระชับอย่างแนบถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดลงไปให้คนในอ้อมกอดได้รับรู้ บลูกอดตอบพลางซบหน้าลงกับอกอ้อมกอดที่อบอุ่นเสมอ ครั้งนี้มันไม่ใช่กอดเพื่อปลอบใจหรือให้กำลังใจแต่มันเป็นกอดที่ถ่ายทอดความรู้สึกรักอันแสนอบอุ่นความสมหวังของคนสองคนที่ได้รู้ว่าหัวใจของเราตรงกัน

“ บลู  ” เวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ทั้งสองตระคองกอดกันไว้จนพอใจ
“ หืม  ” บลูขานรับแต่ไม่ยอมเงยหน้ามามองนนท์ก้มลงมองแก้มแดงๆนั้น
 
“ ขอจูบนะ  ”  นนท์ผละออกมาพยายามสบตาที่อีกคนก้มหน้าหงุด

“ อื้อ  ” นนท์ยิ้มเมื่อได้คำตอบ เขาใช้มือประคองใบหน้าบลูให้เงยขึ้นช้าๆ ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ้ง นนท์แนบริมฝีปากลงมาประทับริมฝีปากสีชมพูอ่อนของบลู บลูหลับตาลงมือสองข้างกำเสื้อนนท์ไว้แน่นในตอนแรกค่อยคลายออกกลายเป็นกอดกระชับ จูบที่ดูดดื่มเป็นจูบแรกของกันและกันเป็นจูบที่เต็มไปด้วยความรักความโหยหาและความอบอุ่น

“ จู๊บ  ” เสียงสุดท้ายก่อนทั้งสองถอนริมฝีปากออกจากกัน
หมับ
นนท์รวบตัวบลูเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง บลูซุกหน้าลงกับอกเขาหน้าร้อนไปหมดทำตัวไม่ถูกได้แต่ซ่อนใบหน้าจากสายตาของนนท์ที่มองมา
“  บลูไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ ”    นนท์เขย่าคนในอ้อมกอดเบาๆ

“ จะให้พูดอะไรเล่า ” บลูเอ่ยเบาๆเขายังไม่ชินมันทำตัวไม่ถูกรู้แค่ว่าใจเขาตอนนี้สั่นไปหมด เต้นจังหวะถี่มากๆ มือไม้ไม่รู้จะวางที่ไหน

“ พูดอะไรก็ได้ อย่าเงียบสิ อยากได้ยินบลูพูด  ”

“ ก็ไม่มีอะไรจะพูดนี่ ” เสียงกระเหง้ากระหงอดอยู่ที่อกใบหน้าแดงๆจนนนท์อดไม่ได้ต้องก้มลงไปหอมแก้มอีกฟอดใหญ่
ฟอดด
“ อื้อนนท์   ” บลูส่งเสียงประท้วงหน้ายิ่งแดงขึ้นไปอีก
“ ก็บลูน่ารักเราเลยอดใจไม่ไหว  ” นนท์ก้มลงไปหอมอีกทั้งสองข้างจนบลูต้องยกมือขึ้นมาปิดไว้

“ พอแล้ว  ”
“ ครับๆ พอแล้วครับ ไม่แกล้งแล้ว ”   
“ อื้อ   ”  บลูเงยหน้ามามองทั้งสองสบตากันอีกครั้ง นนท์ยิ้มกว้างพลางยกมือลูบไปที่แก้มทั้งสองข้างเบาๆ

“ วันนี้นนท์มีความสุขที่สุดเลยรู้มั๊ย  ” นนท์พูดไปพลางซบหน้าผากลงไปที่หน้าผากของบลูมือยังลูบแก้มไม่วาง

“ บลูก็มีความสุขที่สุด ขอบคุณนะนนท์ที่เอ่ยปาดพูดกับบลูวันนี้  ” เขารู้สึกขอบคุณนนท์จริงที่ทำให้ความรักของเขาถูกรับรู้และได้รับตอบจากคนที่เขารักไม่ใช่เขาคนเดียวที่รักอยู่ข้างๆตลอด

“ ต้องขอบคุณคุณยายที่วัดที่เป็นคนบอกทำให้เรามั่นใจและกล้าที่จะพูด แต่ก่อนเรากลัวมากถึงเราจะมั่นใจตัวเองแต่พอจะพูดจริงๆกลับไม่กล้าทุกที   ” เห็นเขามั่นใจทุกเรื่องแต่ยกเว้นเรื่องนี้จริงๆ

“ ถ้าคุณยายไม่พูดก่อนนนท์จะพูดกับเรามั๊ย  ” บลูที่นั่งเอนๆซบอกอยู่เอ่ยขึ้น

“ พูดสิ ที่ชวนมานี่ก็จะพูดนี่แหละ  ” นนท์ลูบใช้มือลูบแขนนิ่มๆนั่นเล่นอย่างชอบใจ เขาเตรีมทุกอย่างไว้แล้ววันนี้แต่ดีที่มีคนกระตุ้นอีก

“ เตรียมการมาพร้อมเลยสิเนี่ย  ” เสียงงอนๆของบลูนนท์หันไปมองกองข้าวของที่วางอยู่พร้อมกับเบียร์กระป๋องที่ดื่มหมดแล้วเขายังงตัวเองว่าดื่มเข้าไปได้ยังไงมากขนาดนั้นปกติแค่สองสามกระป๋องยังนั่งจะไม่ค่อยอยู่เลย

“ฮ่าๆๆ ใช่สิ จะทำการใหญ่ใจต้องพร้อม   ”

“ การใหญ่อะไรหล่ะ พูดเหมือนจะไปออกรบเลย  ”

“ ใครว่าเหมือนยิ่งกว่าออกรบอีก งานนี้มีหัวใจเป็นเดิมพันเชียวนะ  ” นนท์ว่าอย่างเสียงใส

“ ….. ” บลูนิ่งไม่ตอบแก้มที่หายแดงแล้วแดงขึ้นมาอีก คืนนี้เขาต้องบ้าแน่ๆ อากาศข้างนอกที่หนาวเย็นแต่เขากลับอบอุ่นจนร้อนไปทั้งหน้าและใจมันก็เต้นไม่เป็นจังหวะจนเขากลัวมันจะวายไปซะก่อน
 จุ๊บ ๆ ฟอด ๆ
เสียงจุ๊บที่ริมฝีปากเบาๆและหอมแก้มเขาทั้งสองข้าง มันยิ่งทำให้ความอบอุ่นที่หัวใจแผ่ร้อนออกมาที่ร่างกายและใบหน้ามากขึ้น ถ้ามากกว่านี้เขาตายแน่

“ อื้อ นนท์พอแล้ว  ”

“ เห้อออ.....พอก็ได้ ดึกแล้วไปอาบน้ำครับจะได้พักผ่อน   ”

 “ อื้อ  ”  บลูผละออกจากอ้อมกอดของนนท์อย่างอ้อยอิ่ง เดินไปหยิบของที่กระเป๋าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป โดยมีสายตาของนนท์มองตามอย่างแววตามีความสุข

“  เสร็จแล้วเหรอ นอนก่อนเลยก็ได้นะเหนื่อยมาทั้งวัน เดี๋ยวนนท์อาบแปบเดียว ” บลูเดินออกมาจากห้องน้ำเขาอาบน้ำนานกว่าปกติ เขาใช้เวลาปรับสภาพอารมณ์และหัวใจให้เป็นปกติกว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ต้องใช้เวลานาน พอออกมาก็เห็นนนท์เก็บกวาดของทุกอย่างเรียบร้อย เขาลืมไปเลยว่าพวกเขายังไม่เก็บของนนท์ที่เหนื่อยจากการขับรถยังต้องมาเก็บของอีก

“ นนท์ไปอาบเถอะเดี๋ยวบลูรอนอนพร้อมกัน  ”

จุ๊บ
“ ถ้าไม่ติดว่าตัวนนท์เหม็นเหงื่อจะกอดแน่นๆเลย   ” พูดแล้วเดินเข้าห้องน้ำปล่อยให้อีกคนเขินอยู่ที่เตียง

..
.
“ ทำไมไม่หลับหล่ะ  ” นนท์ถามคนในอ้อมกอดเวลาตอนนี้เลยเที่ยงคืนมาหลายชั่วโมงแล้ว ทั้งๆที่พวกเขาเหนื่อยแสนเหนื่อยแต่ทำยังไงก็ไม่หลับ

“ ไม่รู้เหมือนกัน มันไม่อยากหลับ ”

“ ไม่หลับงั้นทำอย่างอื่น ”  นนท์ทำหน้าตาแพรวพราวเย้าอีกคนเล่น

“ หืมมมม ”

“ ฮ่าๆๆๆๆๆ   ให้ทำปะ ”  นนท์มองเข้าไปในแววตาอย่างแพรวพราว

“  ทำไรก็ทำสิ  ” เสียงตอบเบาๆ ให้คนถามเล่นๆชะงัก

“ ทำจริงนะ  ” จากเล่นๆกลายเป็นน้ำเสียงเอาจริง

“  อื้อ  ” 
“ บลู ...นนท์พูดจริงๆนะ  ” นนท์ก้มลงไปพูดกับอีกคนที่เอาแต่ซุกอกเขาอยู่ บลูรู้ว่าเขากำลังทำอะไร เขารักคนๆนี้มาก มากพอที่จะไว้ใจเชื่อใจและอยากมอบสิ่งที่มีค่าของตัวเองให้ครั้งแรกของเรา

“ ….. ” 
เมื่ออีกคนไม่ตอบนนท์จึงใช้ริมฝีปากแตะเบาๆที่หน้าผากไล่ลงมาที่แก้มทั้งสองข้าง ถึงริมฝีปากเขาจูบอย่างเนิ่นนาน
“ นนท์รักบลูนะครับ รักมากทั้งหัวใจ รักคนนี้คนเดียว  ”
….

.
“ อรุณสวัสดิ์ครับที่รัก  ” นนท์เอ่ยทักทายคนที่กำลังหลี่ตาสู้แสงในตอนสายๆของเช้าวันใหม่ บลูมองออกไปข้างนอกผ่านกระจกหน้าต่างเห็นทะเลหมอกที่เบาบางอยู่ลิบๆ

“ ทะเลหมอกเริ่มหายแล้ว  นนท์ไม่อยากปลุก เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยดู ” 

“  อื้อ ” บลูกลับมาซุกหน้าที่อกขาวๆนั่นต่อเขาทั้งเขินทั้งมีความสุขเมื่อระลึกได้ว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น

“ ยิ้มอะไร  ” นนท์สงสัยที่อีกคนเอาแต่ซุกหน้าซ่อนยิ้มอยู่อย่างนั้น

“ บลูรู้สึกเหมือนบลูฝันอยู่  เป็นฝันที่บลูมีความสุขมาก   ”  ฝันว่าตื่นมาในอ้อมกอดของกันและกันในเช้าที่แสนหวานมันอบอุ่นในหัวใจมากมาย

“ เดี๋ยวนนท์จะทำให้รู้ว่าบลูไม่ได้ฝัน  ” ว่าแล้วก็ก้มหน้าลงซุกที่ซอกคอขาวๆหอมๆนั่นที่เขาซุกซบมาทั้งคืน

“ เดี๋ยวนนท์จะทำอะไร   ”  บลูหน้าตาตื่น
“ก็ทำเหมือนเมื่อคืนไง บลูจะได้เชื่อว่าไม่ได้ฝัน  ”
“ ไม่เอานนท์ เดี๋ยวๆ เราเชื่อแล้ว   ” บลูร้องห้ามเป็นพัลวัน

“ จริงนะ   ”
“ จริง ๆเชื่อแล้ว  นี่ไงนนท์ตัวเป็นๆใม่ใช่ฝัน  ” บลูยืนยันด้วยการใจกล้ายื่นริมฝีปากไปจุ๊บที่แก้มเบาๆ
“ หึหึ ตรงนี้ด้วย  ” นนท์ชี้ที่ปากตัวเอง

“ ยังไม่แปรงฟันเลย  ” บลูไม่ยอมแค่จุ๊บแก้มเขาก็เขินแล้ว

“ไม่แปรงก็จุ๊บได้ มอร์นิ่งคิสไง  ”
“ ไม่เอา  ”
“ น้ะน้า ...ที่รักนะ  ” บลูยิ่งเขินเข้าไปใหญ่หน้าแดงตัวแดงไปหมด
“ ไม่เอา ”
“ นิดเดียวเอง นะ... ”
“ ก็ได้  ”
จุ๊บ
“ อื้อ..อืม...  ” บลูทุบไปที่ไหล่นนท์เบาๆสองสามที
“ ไหนว่านิดเดียว  ขี้โกง ” 
“ ก็บลูน่ารัก นนท์เลยอดใจไม่ไหวไง  ” บลูส่งค้อนให้นนท์เบาๆหนึ่งที นนท์หัวเราะชอบใจ เช้านี้เขามีความสุขที่สุด ตื่นเช้ามามีคนที่รักนอนอยู่ในอ้อมกอด ข้างนอกท้องฟ้าที่สดใสเหมือนกับหัวใจเขาในขณะนี้  นนท์รวบตัวบลูเข้ามากอดอีกครั้ง

 “  อืมมม นนท์มีความสุขมากเลยรู้มั๊ย   ”
“ เราอยู่ต่ออีกวันหนึ่งนะ พรุ่งนี้ลางานกัน ”

“ ได้ไงหล่ะนนท์ ไม่ได้ลาล่วงหน้าเดี๋ยวเขาว่าเอาได้  ”

“  ไม่ว่าหรอกเชื่อเรา เราเที่ยวต่ออีกซักวันนะ นนท์อยากอยู่กับบลูนี่ครับ”

“ วันนี้ก็อยู่ทั้งวันอยู่แล้วนี่ เรารีบลุกแล้วรีบเที่ยวกลับบ้านกันแปบเดียว  ”

“ แต่บลูต้องพักก่อนวันนี้เที่ยวไม่ไหวหรอก ” บลูหน้าแดงแปร้ด ตาโตจนนนท์ขำ คงต้องให้เวลาซักหน่อยบลูของเขายังไม่ชิน

“ ไหวสิ เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก็สดชื่นขึ้นแล้ว  ” บลูกำลังจะลุกขึ้นถูกนนท์ยื้อไว้ให้ล้มตัวลงนอนอย่างง่ายดาย

“ บลูต้องพักนะครับ วันนี้เที่ยวมากไม่ได้ พักก่อนนนท์เป็นห่วง  ” เสียงนุ่มๆกับสายตาที่มองมาทำให้บลูนิ่งลง

“ วันนี้พักก่อนพรุ่งนี้เดียวพาเที่ยวแล้วกลับบ้านเลย นะครับ  ”

“ แต่ยังไม่ได้ลาหัวหน้าเลย บลูต้องบอกหัวหน้าก่อน  ” บลูมองหาโทรศัพท์ลืมไปแล้วว่าเมื่อคืนเอาไว้ที่ไหน

“ หัวหน้าอนุญาตแล้ว  ” นนท์ยื่นโทรศัพท์ให้บลู บลูขมวดคิ้วแล้วก้มลงเปิดดูโทรศัพท์ของตัวเอง

“  นี่นนท์ .... ”

“ ครับลาให้เรียบร้อย เห็นมั๊ยหัวหน้าไม่เห็นว่าอะไร  ”

“  นนท์นะนนท์ทุกอย่างจัดการวางแผนไว้หมดแล้วค่อยมาบอกทีหลัง  เจ้าเล่ห์นัก ”

“ ก็นนท์เป็นห่วงอ่ะ  ” ทำหน้าทำเสียงอ้อนๆแบบนี้ใครจะไปใจแข็งได้

“ เฮ้อออเจ้าเล่ห์จริง  ”

“ นนท์วางแผนดีต่างหาก  ” ก็นั่นแหละรักไปแล้วนี่รักคนๆนี้ถึงจะเจ้าเล่ห์แค่ไหนก็รักไปแล้ว

ฟอด
“  มีความสุขจัง ตอนนี้นนท์มีความสุขกว่าทุกคนบนโลกรวมกันซะอีก ”

“  บลูก็เหมือนกัน บลูไม่คิดว่าจะมีความสุขได้เท่านี้อีกแล้ว   ”
เมื่อหัวใจสองดวงตรงกัน  ความสุข ความอบอุ่นในหัวใจมันก็เกิดขึ้นได้อย่างท่วมท้น เวลาที่แอบรักเพียงฝ่ายเดียว ความอึดอัด ทรมานได้จางหายไปเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน เพียงมีกันทุกอย่างที่ผ่านมาก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป จะมีเพียงแค่ความสุขในวันนี้และพรุ่งนี้และตลอดไป

****************************************

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #26 เมื่อ03-08-2019 14:14:08 »

ตอนที่ 20


“ แม่ครับ นนท์เอง คือวันนี้น่าจะถึงดึกๆอ่ะครับแม่ แล้วบลูก็ไม่สบายนิดหน่อย เลยว่าจะนอนที่ห้องเลยครับไม่เข้าบ้าน”

“ บ่นว่าครั่นเนื้อ ครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้สงสัยเจออากาศเย็น ตอนนี้ก็หลับอยู่ครับ ”

“ ครับกินยาแล้วครับ หลับตลอดทางเลยครับ  ”

“ ครับแม่ ครับ ไม่ต้องห่วงครับ หวัดดีครับ  ”

บทสนทนาจบลงนนท์วางโทรศัพท์แล้วหันไปเรียกบลูเบาๆ

“ บลู พักเข้าห้องน้ำมั๊ย   ”

“ อือออ ถึงไหนแล้วนนท์  ” คนงัวเงียใช้มือขยี้ตาพลางหันไปรอบๆที่เริ่มมืดสลัว

“ ครึ่งทางแล้วครับ หิวมั๊ย  ” พวกเค้าแวะเที่ยวกันมาตลอดทางพอเริ่มบ่ายคล้อยเหมือนอีกคนจะหมดแรงเลยเอาแต่นอนทั้งๆที่เวลานั่งรถไปด้วยกันไม่เคยหลับเลยจะนั่งคุยเป็นเพื่อนกันตลอดทางแต่ครั้งนี้สงสัยจะเหนื่อยจริงๆ

“  หิว หล้ามากด้วย แต่ก็อยากถึงเร็วๆกลัวถึงบ้านดึก ”

“ เราโทบอกแม่แล้วว่าจะค้างที่ห้องเลยไม่เข้าบ้าน  ”

“ หืม บอกตอนไหน  ”

“ ตอนบลูหลับ  ” นนท์ตอบยิ้มๆส่งสายตาวิบวับเจ้าเล่ห์

“ บลูยังไม่บอกเลยว่าจะนอนน่ะ ” บลูหมายถึงนอนห้องพักของที่ทำงาน

“ นนท์บอกแม่ว่าบลูไม่สบายนิดหน่อย ”

“ หืมมมม  ”  คนหันมองหน้าตื่น

“ แหะๆ ก็บลูไม่สบายจริงๆนี่นา  ” นนท์ยิ้มแหยๆ แต่แววตานั้นบลูอยากหยิกซักสิบที

“ บอกแบบนั้นแม่ก็เป็นห่วงน่ะสิ ”  บลูเอ่ยอย่างกังวล

“ ไม่ๆ    นนท์บอกแล้วว่าจะดูแลอย่างดีแม่ไม่ต้องเป็นห่วง  ”

“ นนท์น้าวางแผนเตรียมการไว้ทุกอย่าง เจ้าเล่ห์นัก  ”

“ ก็นนท์เป็นห่วงบลูนี่ เห็นเพลียๆอยากดูแลใกล้ๆอ่ะ  ” นนท์ทำหน้าตาใสซื่อแต่คนฟังหน้าแดงแปร้ดพลันคิดถึงสาเหตุของที่เป็นแบบนี้ ไอ้เที่ยวน่ะไม่เท่าไหร่หรอกลำบากกว่านี้ก็ลุยกันมาแล้ว

“ แฮ่ๆๆ  ” คนเป็นต้นเหตุหัวเราะแห้งๆเมื่อเห็นหางตาเขียวปั๊ดที่มองมา รีบเปลี่ยนเรื่องทันที
.
.


“ บลูกินอันนี้นะ ต้มเลือดหมูไม่ใส่เลือด   ”  นนท์ให้บลูนั่งรอที่โต๊ะแล้วเดินไปสั่งอาหารพวกเค้าแวะปั๊มเพื่อเข้าห้องน้ำและทานอาหารเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาอาหารเย็น ทริปนี้เป็นทริปง่ายๆใกล้ไหนแวะนั่น แถมกินข้าวกันบนรถก็มี นนท์ที่ยิ้มตลอดทางเพราะมีคนป้อนให้ทั้งข้าว ทั้งน้ำแถมขนมที่ชอบให้อีก

“ บลูอยากกินผัดกะเพราเผ็ดๆจะได้โล่งๆมันมึนหัว  ” บลูมองจานข้าวเปล่าที่นนท์วางลงข้างหน้าพร้อมต้มเลือดหมู อีกเมนูที่ทั้งสองชอบทาน

“ ไม่เอามันเผ็ด กินแบบนี้ก่อนพรุ่งนี้ดีขึ้นแล้วค่อยกิน  ”  นนท์นั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วเลื่อนจานให้เสร็จสรรพ

“ ..  ” บลูได้แต่ทำหน้านิ่งทั้งที่หน้าแดงร้อนจนจะระเบิด

“  กินอันนี้แหละเดี๋ยวพรุ่งนี้ทำให้กินเองเลย วันนี้ต้องเน้นจืดๆไว้ก่อนจะได้ปลอดภัย  ” คนพูดก็พูดได้ไม่อายยังพูดได้เรื่อยไปแต่คนฟังนี่สิ ก้มจนหน้าจะชิดอกอยู่แล้ว

“  ก็ใครทำเล่า  ” บลูทำแก้มพองพูดเบาๆก้มหน้ากินข้าวอย่างไม่เหลือบตามองอีกคน เรื่องนี้ทำไมนนท์พูดได้หน้าตาเฉยขนาดนี้นะไม่อายบ้างเลยเหรอยิ่งคิดยิ่งหน้าแดง

“ ก็เป็นคนทำไงเลยต้องดูแลให้ดี บริการหลังการขายครับ หึหึ ” สิ้นเสียงนนท์บลูได้แต่เบิกตากว้างค้างชะงัก พอได้สติก็ก้มหน้ากินต่อ หัวใจเต้นเกินร้อยครั้งอุณหภูมิของร่างกายเลยสี่สิบองศาแน่ๆ ต่างกับอีกคนที่ยิ้มสบายใจทานข้าวไปมองคนอายไปอย่างสบายอารมณ์  ความสุขมันอยู่ทุกที่จริงๆแค่ได้นั่งทานข้าวมองหน้าบลูไปด้วยเขาก็สุขใจแล้ว


...............................................


“ เหนื่อยมาทั้งวันทำไมไม่หลับหล่ะ หืม  ”

“ ไม่รู้สิหลับมาในรถเยอะแล้วมั้ง  ”

“ ปวดเมื่อยตรงไหนรึเปล่า เดี๋ยวนนท์นวดให้  ”

“ ไม่ปวด  ”  คนตอบส่ายหัวไปมาบนอกของนนท์ที่เค้าใช้หนุนแทนหมอนมาสองคืนแล้ว มันอบอุ่นละมุนมากจนบางครั้งยังนึกว่าฝันไป

“ หิวมั้ยกินข้าวตั้งแต่เย็นตอนนี้ดึกแล้ว เดี๋ยวนนท์หาอะไรอุ่นๆให้กิน  ”  นนท์ใช้มือซ้ายลูบเบาที่ผมนุ่มของบลู สูดกลิ่นหอมๆของแชมพูเข้าเต็มปอด บรรยากาศสบายๆระหว่างสองคนทำให้ทุกอย่างรอบตัวเป็นสีชมพูขึ้นมาทันที

“ ไม่หิว อยากนอนมากกว่า  ” บลูซุกเข้าหาอีกฝ่ายมากขึ้นเพื่อยืนยันว่านี่ไม่ใช่ความฝัน
 
“  อยากนอนก็นอนครับ เดี๋ยวนนท์ลูบหลังให้จะได้สบาย ” ว่าแล้วก็เลื่อนมืออีกข้างไปลูบที่หลังเบาๆเหมือนกล่อมเด็กน้อยๆนอน ท่าทางสบายจนบลูเริ่มตาปรือหนังตาเริ่มลืมไม่ขึ้นพยายามเงยหน้าขึ้นมองนนท์แล้วทำใจกล้ากดปากและจมูกที่ปลายคางของนนท์เบาๆ

“ ฝันดีนะนนท์  ”  เสียงพูดเบาๆแต่ชัดทุกถ้อยคำ ส่วนคนพูดหน้าแดงซุกหน้าลงกับอกหนีสายตาหวานๆของนนท์ไปเรียบร้อย นนท์ก้มลงหอมที่กระหม่อมบลูหนักๆอีกครั้งด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข

“ บลูก็ฝันดีเหมือนกันนะครับ   ” แล้วก็หลับตาลงด้วยความสุขที่ฉายชัดบนใบหน้าเข้าสู่ห้วงนิทราตามบลูไปอีกคน
 .
.
.
...........................................
“  พี่นนท์ ถามจริงกับข้าวแถวนี้มันน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ พักเที่ยงทีไรเห็นออกไปข้างนอกทุกที   ”   เอ่ยออกมาอย่างสงสัยในเที่ยงวันหนึ่ง

“ เทียวไปเทียวมาจะเป็นเดือนแล้วนะพี่  ”  คนพูดคงอดไม่ไหวเพราะด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยจะอดทนต่อความสงสัยเท่าไหร่นั้นมันกระตุ้นยิกๆให้ถามออกไป

“ ก็ไม่ขนาดนั้น ” นนท์แหล่ตามองรุ่นน้องที่ทำหน้าถามเขาอย่างจริงจัง

“ ขนาดนั้นแหละพี่ตั้งแต่กลับมาจากเที่ยวคราวก่อนนี่ไม่อยู่กินข้าวกับพวกผมเลย ตอนเย็นก็รีบกลับ  ”

“ พี่ก็มีธุระของพี่สิวะ ไอ้นี่  ” นนท์ตอบน้อยๆไม่เจาะจง

“ ธุระจะสร้างยานไปดาวอังคารเหรอพี่  เห็นยุ่งทั้งวันหลังเลิกงานก็อีก    ”   สองพูดล้อก็อดสงสัยในท่าทางของรุ่นพี่ตรงหน้าไม่ได้ แต่ก่อนเฮไหนเฮกันแถมสมาชิกอย่างเพื่อนเขาและรุ่นพี่ที่สนิทอีกคนแต่เดี๋ยวนี้ดูเหมือนจะถอนตัวทั้งสองคน เขาจึงอกสงสัยไม่ได้

“ เออจะสร้างเผื่อแกด้วยเนี่ยแต่จะส่งไปดวงอาทิตย์นะ ให้สมกับที่เป็นน้องรักเลย  ”

“ อ้ากกดวงอาทิตย์ก็ไหม้สิพี่  ขอเป็นดวงจันทร์ได้เปล่าจะได้เย็นๆแถมมีกระต่ายให้เล่นด้วยอีก  ” สองยังทำหน้าทะเล้นส่งมาให้

“ อย่างแกไปนู่นเลยดาวพลูโต นอกวงโคจรเว้ย ไอ้ดาวเคราะห์แคระ  ” หึหึนนท์หัวเราะปิดท้ายแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป

“ อ้าวพี่อย่างนี้ผมก็ไม่มีเพื่อนน่ะสิ เหงาแย่เลย  ” นนท์ได้ยินเสียงสองตะโกนตามหลังมา เขายิ้มรีบแทรกตัวเข้าไปในรถเพื่อไปยังเป้าหมายยังเช่นทุกวัน

“ พี่นนท์ กับข้าวแถวที่ทำงานพี่มันไม่อร่อยเหรอ  ” พอเดินเข้าไปหน้าตึกทำงานของบลูก็เจอเทพถามขึ้นอืมคำถามเดียวกันเลยเว้ย นนท์คิด

“ เปล่าหรอก ก็กินได้  ” นนท์ยังตอบสั้นๆเหมือนเดิม

“ ผมได้ยินไอ้สองมันบ่นๆว่าพี่นนท์ออกมากินข้าวข้างนอกทุกวันผมก็เลยเพิ่งสังเกตุ มันว่าพี่นนท์อาจจะไม่ชอบกินข้าวแถวนั้นเลยมาไกลทุกวัน  ” คนถามทำหน้าจริงจังไม่เหมือนเพื่อนที่ทำหน้าทะเล้น

“ พี่ไปทำธุระหลายอย่างน่ะ ไอ้สองมันก็พูดไปเรื่อยหล่ะ มันไม่มีคนดื่มเหล้าเป็นเพื่อนตอนเย็น  ” นนท์ตอบหาเหตุผลมาอ้าง จะให้เขาตอบเหตุผลที่แท้จริงได้ยังไงว่าคนที่ทำให้เขาออกมากินข้าวด้วยทุกวันทั้งกลางวันเย็นกำลังเดินออกจากห้องมา

“ สงสัยจะใช่แหละพี่ไอ้สองมันบ่นว่าพี่หายจากวงการไปเป็นเดือนมันขาดเจ้ามือเลี้ยง  ” เทพคิดตามที่ได้ยิน

“ นั่นหล่ะเหตุผลที่แท้จริงของมัน  ”  นนท์สัมทับต่อ

“  ปะ โทษทีบลูส่งงานให้หัวหน้าอยู่  ” นนท์ยิ้มรับแล้วหันไปตบไหล่เทพเบาๆสองที

“ ฝากบอกไอ้สองด้วยไว้โอกาสดีๆจะเลี้ยง  ” จากนั้นก็เดินไปที่รถที่จอดอยู่หน้าตึกกับบลู

“ คุยอะไรกันกับเทพอ่ะ  ” บลูถามเมื่อรถเคลื่อนออกจากที่จอดรถ

“ ไม่มีไรเทพสงสัยที่สองมันบ่นว่ากับข้าวแถวที่ทำงานมันไม่อร่อยหรือเปล่าทำไมนนท์ถึงออกมากินที่นี่ทุกวัน แถมเวลาเลิกงานก็รีบกลับ มันขาดเจ้ามือเลี้ยง  ” 

“ แล้วนนท์ตอบว่าไง  ” บลูเอียงคอถามนนท์ที่ขับรถด้วยมือข้างเดียวเพราะอีกข้างจับมือเขาอยู่ตั้งแต่ขึ้นรถมา แรกๆบลูก็ไม่ยอมขับรถมือเดียงมันอันตรายแต่คุณชายเขาก็หาเหตุผลมาอ้างจนได้ เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลยเพราะระยะทางมันก็ไม่ไกล แล้วก็ช่วยกันมองถนน และห้ามขับเร็วเด็ดขาด

“ บอกว่ามากินข้าวกับที่รัก  ”  นนท์ตอบยิ้มๆตายังคงมองไปข้างหน้า แต่คนฟังหน้าแดงแปร้ดใจกระตุกกับคำนี้  เพราะตั้งแต่เปิดใจให้กันมาเป็นเดือนนนท์ยังไม่เคยพูดอะไรทำนองนี้เลย

“ นะนนท์ตอบแบบนี้จริงเหรอ  ”

“ แล้วบลูคิดว่าไงหล่ะ  ”  คนถามสบายอารมณ์ แต่คนฟังเริ่มใจสั่น

“ คือ...เราว่า. ”

“  บลูไม่ชอบเหรอ  ” คนอารมณ์ดีหุบยิ้มหันมามองนิดหนึ่งเมื่อบลูอึกอักไม่ยอมตอบ

“ เปล่าๆ  บลูชอบ แต่... ”

“ แต่อะไรครับ  ”

“ แต่นนท์ไม่ได้บอกใช่มั๊ยว่าที่รักเป็นใคร  ” บลูกลั้นใจถามออกไป ในจิตใจสั่นๆบอกไม่ถูก

“ บอกสิ นนท์บอกว่ามากับบลู  ”นนท์พูดตรงๆรอดูปฏิกิริยาของบลู เขาอยากพูดเรื่องนี้มาซักพักแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้พูด แล้วเวลานี้เหตุการณ์ก็ประจวบเหมาะที่ให้เขาได้พูดซักที เมื่อแน่ใจและตัดสินใจที่จะเดินด้วยกันในสถานะคนรักแล้วเขาจะต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่มีอะไรติดขัดในใจเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขที่สุด

“ แล้วสองว่ายังไง สองเอ่อ..สองง แบบมีปัญหาหรือเปล่า บลู.เอ่อ  ” น้ำเสียงร้อนรนที่เอ่ยออกมาและมือที่เย็นเฉียบนั้นมีเหงื่อซึมเล็กๆนนท์กระชับมือข้างนั้นมองหาที่จอกรถเหมาะๆใต้ร่มไม้ในสวนสาธารณแล้วจึงหยุดรถ

“ บลู นนท์ถามบลูได้มั๊ย  ” บลูเงยหน้ามองแววตาไม่แน่ใจ

“ บลูคิดว่าที่เราเป็นแบบนี้บลูเสียใจมั๊ย  ”

“ ไม่” บลูตอบได้มันทีพร้อมส่ายหน้า ยืนยันคำตอบ

“ บลูอายมั๊ยที่รักกับนนท์  ”

“  ไม่ บลูดีใจมากต่างหาก  ” บลูจ้องอีกฝ่ายพร้อมแววตาสงสัย

“ แล้วบลูคิดว่าที่เรารักกันมันผิดมั๊ย  ”

“ บลูไม่รู้ว่าผิดหรือเปล่าแต่สำหรับบลูที่แอบเก็บความรู้สึกมาตลอดบลูโล่งใจมากกว่าที่นนท์ก็รู้สึกเหมือนบลู ตอนนี้บลูมีความสุขมาก  ” ผู้ชายสองคนรักกันผิดหรือเปล่าเขาไม่รู้เขารู้แต่ว่าเขารักนนท์แล้วมีความสุข

“ แล้วบลูกลัวมั๊ยว่าซักวันคนอื่นจะรู้เรื่องของเรา  ” นนท์ถามตรงประเด็น

“ บลู ....บลู...กะกลัวคนอื่นรับไม่ได้กลัว...พ่อนนท์โกรธเกลียดเพราะเรารู้ว่าพ่อนนท์ไม่ชอบเรื่องแบบนี้ กลัวคนอื่นหัวเราะนนท์ ” บลูหลบตาเขากลัวนนท์เห็นสายตาที่หวั่นไหวนี้

“ บลู  ” นนท์กระชับมือข้างนั้นแน่นขึ้น

“ บลูกลัวที่ทำงานนนท์รู้แล้วจะรังเกียจนนท์ หน้าที่การงานของนนท์กำลังก้าวหน้า จะได้เป็นรองหัวหน้าอยู่แล้ว บลูกลัวเรื่องนี้ทำให้นนท์ไม่เป็นที่เชื่อถือ  แล้วนนท์จะลำบาก ” บลูก้มหน้าแทบชิดอก

“ บลู  ” นนท์รวบบลูเข้าไปกอด ลูบหลังเหมือนปลอบเด็ก เด็กน้อยของเขาช่างคิดมากเหลือเกิน คิดนั่นคิดนี่เต็มไปหมด แต่เขาจะให้ความมั่นใจกับบลูเอง

“ บลูอยากให้คนอื่นรู้เรื่องเรามั๊ย  ” นนท์เห็นสายตาลังเลที่สบอยู่นั้น

“ เราสองคนจนป่านนี้ยังไม่รู้ว่าอยู่ในสถานะใดเลยตั้งแต่วันนั้นที่ภูเขาเราก็ไม่ได้ตกลงกัน แต่วันนี้เราจะมาตกลงกันดีกว่า นนท์อยากให้บลูสบายใจ ”

“ แล้วนนท์คิดว่าเราอยู่ในสถานะไหน ระหว่างเราจะเรียกมันว่าอะไร  ”

“ คนรัก ”

“ เราเป็นมากกว่าเพื่อน แต่นนท์ไม่อยากใช้คำว่าแฟนเพราะคำว่าแฟนมันมีวันเลิกรากันได้ซึ่งนนท์ไม่ต้องการให้เราเป็นแบบนั้น  ” นนท์อธิบายต่อ แต่คนฟังใจเต้นจนจะออกมานอกอก

“ แล้วเราจะบอกคนอื่นว่ายังไง พ่อนนท์อีกที่ทำงานด้วย  ” ถึงจะหน้าแดงกับสายตาที่ส่งมาให้แค่ไหนบลูก็พยายามถามออกไปเพื่อตัดความสงสัยของตัวเอง

“ กับพ่อนนท์คงต้องให้เวลา  พ่อเป็นคนมีเหตุผลถึงจะชอบบ่นนนท์แต่จริงๆนนท์เชื่อว่าพ่อต้องเข้าใจ กับคนอื่นนนท์ไม่รู้ แต่เขาจะคิดยังไงก็ช่างมันเป็นเรื่องของเค้า เราก็ใช้ชีวิตเรื่อยๆของเราไป ความรู้สึกคนอื่นเราควบคุมไม่ได้   ” นนท์ยกมือบลูก้มมาจูบหนัก

“ นนท์แคร์แค่บลูที่รักของนนท์คนนี้ พ่อของนนท์ ครอบครัวของบลู คนที่รักเราเท่านั้นที่นนท์แคร์  ”

“ นนท์.. ” บลูเอ่ยออกมาเบาๆ เขาเข้าใจนนท์ที่นนท์ก็เข้าใจเขาเช่นกัน เราไม่ต้องบอกใครขอให้เรารู้ในใจเราก็พอ

“ ถ้าคนอื่นถามเราก็บอกว่าเพื่อนสนิท บลูโอเคมั๊ย  ” นนท์สรุปปิดท้ายให้

“  เพื่อนสนิทที่แปลว่า ที่รัก  ”  บลูยิ้มออกมาอย่างเข้าใจความหมายทำนนท์ยิ้มตาม

“ครับ ที่รัก   ”

“ แล้วนนท์บอกสองว่ามากินข้าวกับ... ”

“ ที่รัก  ”

“ อื้อนั่นหล่ะ  ”

“ นนท์แกล้งบลูเฉยๆ นนท์อยากรู้ว่าบลูจะคิดยังไง  ”

“ แล้วแกล้งบลูทำไมเล่า ก็รู้ว่าบลูคิดมากอยู่แล้ว  ” บลูทำท่างอน ปากยู่ จนนนท์ต้องยื่นปากไปงับเบาๆให้คนถูกงับสะดุ้งเฮือก หน้าแดงหูแดง

“ ไม่ต้องคิดมาก นนท์จะทำอะไรต้องถามบลูก่อนอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อน แล้วก็มีผลกับเราสองคนด้วย ต่อไปนนท์จะปรึกษาหรือไม่ก็ต้องถามบลูก่อนไม่ว่าเรื่องอะไรเพราะเราเป็นคนรักของกันและกันไงครับ  ”

“ ไม่ต้องทุกเรื่องก็ได้บลูรู้ว่าคนเราก็ต้องมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง บลูขอแค่เรื่องไหนที่สำคัญหรือเกี่ยวข้องกันไม่ว่าจะสุขจะทุกข์หรือร้ายแรงเพียงใดให้บอกกัน ห้ามคิดเองตัดสินใจไปเองคนเดียวก็พอ  ” บลูต้องดักทางไว้ก่อนเพราะรู้ดีว่าคนมั่นใจในตัวเองอย่างนนท์บางครั้งทำอะไรไปรวดเร็วอาจมีผลตามมาภายหลังได้

“ ครับ บลูก็เหมือนกันห้ามคิดมากอยู่คนเดียวเครียดคนเดียวมีอะไรให้บอกนนท์ทันที  ” นนท์ดักทางบ้างรายนี้ชอบเก็บไว้จนเยอะแยะไม่ยอมบอก

“ อื้อ บลูจะบอกนนท์คนแรกเลย รู้มั๊ยเวลาที่มีเรื่องอะไรบลูคิดถึงนนท์เป็นคนแรกเลย  ” นนท์ยิ้มให้และรวบบลูมากอดไว้อีกครั้งพร้อมด้วยรอยยยิ้ม แล้ววกไปหาความหอมนุ่มที่แก้มนุ่มนั่นอีกครั้งก่อนที่จะผละออกจากกันเพื่อไปยังร้านอาหารเจ้าประจำด้วยสภาพท้องร้องจ๊อกๆ เนื่องจากเลยเวลาเที่ยงมานานแล้ว

                                *************************************

ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #27 เมื่อ03-08-2019 14:15:42 »

           
     ตอนที่ 21




                ยากจะบอกเหตุผล ให้ใครเข้าใจ
ว่าทำไมต้องรัก เธอเสียมากมาย
ไม่มองตัวเอง ว่าเธอไม่แคร์
ไม่เคยจะแล เลยก็รู้
เหมือนคนโง่ที่รัก
เธอเพียงข้างเดียว
ทั้งที่ไม่มีหวัง ยังไม่ห้ามใจ
แค่ขอได้ใกล้เธอ
แค่นี้ก็เป็นสุขใจ
แค่แอบมีเธออยู่ในใจ ก็พอ
ไม่ขอให้เธอมารัก และเห็นใจฉัน
แค่ปล่อยให้คนคนนึง
ฝันไปก็แล้วกัน
อย่าสนใจเลย อย่าสนใจ
แค่แอบมีเธออยู่ในใจ ก็พอ
ก็เพราะเธอมีความหมาย
อยากให้เข้าใจ
ไม่อยากให้เธอรำคาญ
ถ้าบางทีเผลอไป
ลืมคิดว่าเธอ ไม่รักกัน”


เสียงเพลงจังหวะสบายๆผ่อนคลายลอยมาทำให้คนที่นอนมุดตัวในผ้าห่มท่ามกลางอากาศที่ค่อนข้างเย็นในเช้าวันหยุดหนึ่งของฤดูหนาว เจ้าตัวยกศีรษะขึ้นมองไปที่หน้าต่างที่มีแสงลอดเข้ามา ก้มลงมองไปที่ข้างตัวเพื่อจะซุกอย่างที่ชอบทำแต่ก็ไม่เห็นมีคนที่นอนซุกซบมาทั้งคืนมีเพียงที่นอนที่เคยอุ่นๆกับรอยยับที่บ่งบอกว่าเมื่อซักครู่นี้เจ้าตัวได้นอนอยู่ที่นี่  นนท์ลุกขึ้นจากเตียงก้มลงหยิบกางเกงที่หล่นอยู่ข้างเตียงขึ้นมาสวมลวกๆเดินหัวยุ่งออกไปข้างนอกห้องนอนตามเสียงไป

หมับ

ฟอดดดดดดดดด

“ทำไมตื่นเช้าจัง ลุกไหวเหรอ  ”นนท์สวมกอดบลูจากด้านหลังกอดแน่นๆแล้วก้มลงฟัดแก้มนุ่มๆนั่นฟอดใหญ่อีกคนอาบน้ำแล้วกลิ่นแป้งเด็กอ่อนๆทำให้นนท์สดชื่นมากๆ  ในขณะที่บลูกำลังหั่นผักกำลังเตรียมทำอาหารเช้าอยู่


“ นนท์นี่ พูดไรก็ไม่รู้   ” บลูต่อว่าน้อยๆแต่แก้มแดงหูแดง


“ ก็พูดความจริงนี่  กว่าจะได้นอนก็ค่อนคืนนนท์เป็นห่วงนี่ครับ  ” ไม่พูดเปล่านนท์ยังลูบไล้มือเข้าไปในเสื้อยืดตัวบางทั่วท้องสะโพกหน้าอกบลู จนบลูจั๊กจี้

“ นนท์  อยู่นิ่งๆสิบลูจะทำกับข้าวนะ สายแล้วหิวมั๊ย  ” บลูเอียงหน้าหนีทั้งมือทั้งปากของนนท์พลางหัวเราะเพราะนนท์ไซร้ที่ซอกคอ นนท์รู้ว่าบลูมีจุดอ่อนที่ซอกคอ ไม่ใช่โดนแล้วจะอ่อนไหวหรือวาบหวามอะไรแต่เพราะบ้าจี้ต่างหาก พอโดนทีไรขนลุกและก็ขำทุกที ยกเว้นเวลานั้นน่ะนะนนท์ใช้วิทยายุทธ์ขั้นสูงจนบลูลืมไปเลยว่าตัวเองบ้าจี้ 


 “  หึหึ  ”ฟอดดดดดด
นนท์หยุดแล้วเล่นเอาบลูหอบน้อยๆเลยทีเดียว


“ อารมย์ดีแต่เช้าเลย  เปิดเพลงไปด้วยทำกับข้าวไปด้วย  ”


“ แน่นอนสิ ก็บลูมีความสุขม้ากกกมาก ”บลูยิ้มกว้างตาเป็นประกายบ่งบอกว่าสุขใจแค่ไหน จนนนท์อดใจไม่ไหว
จุ๊บ จู๊บ
ก้มลงไปจุ๊บที่ปากสองครั้ง  เขาก็มีความสุขที่สุด


“ ทำไมฟังเพลงเก่าจังเลย เกิดทันหรือเนี่ย  ”นนท์ก็ยังเป็นนนท์ขอแหย่นิดแหย่หน่อย


“  เขาเอามาcoverใหม่ตั้งหลายคน นนท์นี่ไม่รู้เรื่องเลย เพลงโปรดบลูเลยนะ  ตอนนั้นก็คิดว่าตัวเองเป็นเหมือนเพลงเลย แอบเศร้าอยู่คนเดียวนิดๆแต่ก็มีความสุขเวลาที่ได้เห็นนนท์ยิ้ม ”


“ บลู  ”นนท์เข้าใจความรู้สึกบลูดี ที่ต้องเก็บอะไรหลายๆอย่างไว้มันคงไม่ง่ายเท่าไหร่  นนท์ดึงบลูเข้ามากอดไว้


“ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วมีความสุขมากๆต่างหาก  ”บลูคล้องแขนที่คอของนนท์ดึงลงมาประกบปากอย่างแนบแน่น เป็นจูบที่ดูดดื่ม อบอุ่น ในตอนเช้า


“ นนท์จะทำให้บลูมีความสุขที่สุดเลย  ”จุ๊บ


“ บลูเชื่อนนท์   ”บลูยิ้มพลางผละออกไปทำที่ค้างไว้ต่อ


“  บลูจะทำอะไรกินบ้าง ”นนท์ตามไปยืนชิดๆมือกอดที่เอวบลูวางคางที่ไหล่บลู 


“ ต้มจืด ไข่เจียว แล้วก็ต้มผักจิ้มน้ำพริก  ”วันนี้หยุดบลูเลยอยากโชว์ฝีมือบ้างหลังจากที่ผ่านมามีแต่นนท์ที่ทำให้เขาทาน


“ ครบห้าหมู่พอดี  ฮ่าฮ่าฮ่า  ”บลูค้อนให้นิดนึงเขารู้หรอกน่าว่าทำเป็นแค่นี้ใครจะเหมือนนนท์หล่ะทำได้ทุกอย่าง  ชิอุส่าตื่นเข้ามาเพื่อทำให้เลยนะ

ฟอดดดดดดด


“  ล้อเล่นครับ รู้ว่าบลูทำอะไรก็อร่อยทุกอย่างอยู่แล้ว นนท์กินไม่เคยเหลือ ”นนท์รีบพูดเอาใจนานๆทีบลูจะทำให้ทานเขารู้ว่าบลูตั้งใจมากๆอยากทำให้เขา


“  เบื่อมั๊ยบลูทำได้เท่านี้  ”บลูเสียงอ่อยลงนนท์จึงรีบดักไว้กลัวอีกคนคิดมาก


“ ไม่เคยเบื่อเลย ชอบด้วยซ้ำ เพราะนนท์ชอบกินแบบนี้ บลูเลยตั้งใจทำให้ใช่มั๊ยหล่ะ นนท์จะเบื่อทำไม  ”


 “ จริงนะ  ”


“ อื้อ จริงสิครับ บลูทำอร่อยจะตาย ไม่รู้ตัวเลยเหรอ ตัวเองทำอร่อยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ”แค่พูดคงไม่เชื่อคนตัวสูงเลยก้มลงไปฟัดแก้มฟัดเอาๆ  จนอีกคนหัวเราะออกมาเพราะจั๊กจี้


“ พอแล้วๆ นนท์ บลูจะรีบทำต่อแล้วไปอาบน้ำไปจะได้ออกมากินข้าวสายแล้ว ยังเหลืออีกตั้งหลายอย่าง  ”บลูดันหน้าคนตัวโตหนีก่อนจะพาเสียเวลาไปมากกว่านี้


“ ไม่เอากินแล้วค่อยอาบ  ”มือปลาหมึกยังไม่ปล่อยเอวง่ายๆ


“ งั้นก็ไปแปลงฟันก่อนไปแล้วออกมาช่วยบลูหน่อยบลูหิวมากๆ  ”


“ ได้ครับผม  ”

ฟอดดดด

“  หืมม นนท์นี่ ช้ำหมดแล้ว ”บลูตาเขียวๆใส่ หอมแต่ละครั้งเบาซะที่ไหนกดจนจมูกจะสูบแก้มเขาเข้าไปด้วยจริงๆ เช้านี้ทั้งสองแก้มคงช้ำหมดแล้ว


“ ไม่ช้ำหรอก ดูแล้วน่าหอมเหมือนเดิม ฮ่าๆๆๆ ”นนท์แกล้งเท่านั้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป บลูทำอาหารที่ค้างไว้ต่อ เพลงที่เปิดไว้ก็เล่นไปเรื่อยๆเป็นเพลงเดียวที่ฟังตั้งแต่แรกแต่หลากหลายจังหวะกันไปตั้งแต่ช้าๆจนถึงตอนนี้จังหวะสนุกสนาน  จนบลูอดที่จะร้องคลอตามและโยกตัวไปมาได้ การแอบมีเธอก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เศร้าเสมอไป อย่างน้อยก็ทำให้เราได้รู้ว่าความรักเป็นเช่นไร




.....
.
.
.
.

.

.



“ โอ้ยอิ่มจนจุกแล้ว นนท์ขยับไม่ได้แล้ว  ”

“ ก็ไม่หยุดกินนะ ว่าอิ่มแล้วก็ยังกินต่อ  ”บลูบ่นให้เมื่ออีกคนตั้งหน้าตั้งตาทานจนหมดทุกอย่างทั้งที่บอกว่าอิ่มก็ยังไม่หยุดทาน


“ ก็มันอร่อยมากนี่ แล้วก็เพิ่งรู้ว่าหิวมากๆตอนเห็นอาหารนี่แหละ สงสัยเมื่อคืนใช้พลังงานไปเยอะ  ”


“ นนท์ เดี๋ยวเถอะ  ”นนท์พูดหน้าตายแต่คนฟังมันอดไม่ได้ที่จะหน้าแดง ทำไมชอบพูดแบบนี้ให้อายก็ไม่รู้


“  หึๆ ”นนท์นั่งหัวเราะอยู่กับที่มองคนที่กำลังเก็บโต๊ะหลังทานข้าวแล้ว เขาจะช่วยเก็บแต่อีกคนบอกไม่ให้ช่วย เขาก็เลยปล่อยให้ทำไป  วันนี้วันหยุดปกติพวกเขาจะแยกย้ายกันกลับบ้านมีไม่บ่อยครั้งที่ไม่กลับส่วนมากจะไปทำธุระหรือเที่ยวต่างจังหวัดมากกว่า ทั้งสองคนไม่มีแพลนไปทำอะไรที่ไหนก็เลยตกลงกันว่าจะนอนดูหนังที่ห้องนี่หล่ะจะได้พักผ่อนสบายๆด้วย


“ บลูจะดูเรื่องอะไร นนท์จะค้นรอ  ”นนท์ตะโกนถามบลูที่กำลังเก็บของอยู่ข้างนอกเพื่อมาดูหนังด้วยกัน


“ เรื่องอะไรก็ได้ นนท์เลือกเลย   ”บลูตอบกลับมานนท์ค้นอยู่พักหนึ่งก็ได้หนังที่ต้องการดู เขาจัดการเปิดทันที บลูเดินเข้ามาในห้องล้มตัวลงนอนเอนๆพิงพนักเตียงฝั่งตัวเอง อากาศดีลมพัดเย็นในช่วงเช้าที่พัดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้รู้สึกหนาวจึงดึงผ้าห่มคลุมถึงเอว นนท์เปิดหนังเรียบร้อยก็ตามลงมานั่งใกล้กันถอยตัวให้ศีรษะพอดีกับไหล่ของบลูแล้ววางลงที่ไหล่พอดี เป็นท่าอ้อนๆของเจ้าตัวที่ชอบทำบลูชอบมากมันน่ารักมากสำหรับนนท์ที่ทำอะไรแบบนี้

หมับอื้มมมมมมม

บลูก้มลงไปหอมที่หัวของนนท์ที่เพิ่งสระผมใหม่ๆมันหอมสดชื่นมาก นนท์จึงจับมืออีกข้างของบลูยกขึ้นมาจูบหนักๆมันเป็นการกระทำที่ทำให้ทั้งสองคนยิ้มมีความสุขอย่างที่สุด ตั้งแต่มีกันและกันมาพวกเขาก็มีความสุขแค่ได้อยู่ด้วยกันในวันธรรมดาแบบนี้ก็สุขได้


“ นนท์  ”


“  หืมมมม ”

“  หัวหน้าให้บลูไปดูงานที่กรุงเทพ อาทิตย์หน้า ”


“ ฮะ ไปไหนเมื่อไหร่ วันไหน กี่วัน  ”คนที่นอนดูหนังที่เกือบจะหลับไปแล้วเพราะเมื่อคืนนอนดึกมากๆแถมวันนี้อากาศก็น่านอนสุดๆ เงยหน้าขึ้นมองคนรัก


“ กรุงเทพ อาทิตย์หน้า เดินทางวันอาทิตย์เริ่มงานวันจันทร์ แล้วก็เรียนเพิ่มเติมต่ออีก ที่จะมาใช้ในงานที่หน่วยน่ะ  ”บลูตอบมาแต่ยังไม่พอใจ


“ ไปกับใคร ไปกี่วัน พักที่ไหน  ”


“ ไปกับพี่ที่อยู่ฝ่ายไอทีน่ะ พักที่โรงแรมแถวดูงานเลยโครงการเค้าจองให้ เดินถัดไปสองตึกก็ถึง  ”


“ ไปกี่วัน  ”คำถามนี้สำคัญ


“ .....  ”บลูไม่ตอบแต่ใช้นิ้วชูให้ดู

“ 1 วัน  ”

“   … ” ส่ายหน้าไม่ใช่

“  1 อาทิตย์ ”


“ …..” บลูส่ายหน้าอีกครั้ง


“ อย่าบอกว่า 1 เดือน  ”


“ อื้อ 1เดือน  ”พยักหน้ายืนยันอีกครั้ง


“ บลู........ ”นนท์ส่งเสียงเรียกยาวพลางซุกตัวเข้าที่หน้าอกบลู ไม่ได้งอนหรือโกรธอะไรเพราะรู้ว่ามันเป็นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาเรื่องงานมันจะเลี่ยงไม่ได้ แต่มันใจหายหน่อยๆคงจะคิดถึงมากๆ เพราะตั้งแต่ตกลงว่างเราเป็นที่รักของกันและกันวันนั้นก็เกือบห้าเดือนแล้วเรายังไม่เคยห่างกันเลย


“ นนท์ ... ”บลูกอดนนท์ไว้พลางลูบผมเบาๆ เขาคิดว่านนท์ก็คงคิดเหมือนเขา เราไม่เคยห่างกันเลยอย่างนานที่สุดก็สามวันในวันที่เราต้องกลับบ้าน แต่นี่เป็นเดือนเราต้องคิดถึงกันมากแน่ๆ


“  เราไม่เคยห่างกันเลยนะบลู นนท์ต้องคิดถึงบลูมากแน่ๆ เลย ”


“  บลูก็คงต้องคิดถึงนนท์มากๆเหมือนกัน ”บลูก้มลงหอมที่ผมนนท์กดจมูกและปากลงหนักๆ นนท์ก็กระชับอ้อมกอดของบลูแน่นขึ้น


“  นนท์เป็นห่วงบลูนะ จะกินยังไง ยิ่งกินยากๆอยู่ด้วย แล้วกรุงเทพบลูก็ไม่คุ้น  ขึ้นรถก็ไม่เป็น  แล้วพี่ที่ไปด้วยอีกถึงจะสนิทกันแต่บลูไม่ชอบนอนกับคนอื่นจะนอนยังไงเดี๋ยวก็หลับๆตื่นๆอีก ”นนท์รู้ดีว่าตัวเองห่วงงี่เง่ามากไปพวกเขาโตแล้วการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมให้ได้นั้นมันเป็นเรื่องธรรมดาของคน แต่เขาก็อดห่วงอดบ่นไปตามประสาไม่ได้


“ บลูไม่เป็นไรหรอก ถ้ากินไม่ได้ก็เข้าเซเว่นเลยง่ายดี ถ้าจะไปไหนเดี๋ยวจะถามทางนนท์ก่อน แต่คิดว่าคงไปไม่ไกลแถวนั้นหรอกบลูเบื่อนั่งรถนานๆ ส่วนห้องพักบลูเคยพักกับพี่เค้าแล้วครั้งหนึ่งตอนไประยอง คิดว่าไม่น่ามีปัญหา ”


“ แต่นนท์ก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดีหล่ะนะ  ทั้งๆที่รู้ว่าบลูเก่งดูแลตัวเองได้แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ  ” นนท์รู้ว่าตัวเองเป็นเอามากกับเรื่องแค่นี้ไม่ว่าใครก็ต้องเจอเพราะหน้าที่การงานมันต้องมีแบบนี้อยู่แล้วเป็นประจำ


“ บลูนี่มันบ้านนอกเข้ากรุงของแท้เลยเนอะ ฮ่าๆๆๆๆ   ” บลูคิดแล้วก็ขำตัวเองเขาไม่ชอบกรุงเทพ ขนาดเรียนก็เรียนที่ตัวจังหวัดบ้านตัวเอง เข้ากรุงเทพแต่ละทีต้องมีธุระสำคัญ ไม่อย่างนั้นก็ไปกับนนท์ที่เรียนที่นี่ ช่ำชองทุกซอกมุมแถมเพื่อนฝูงกระจายอยู่ทุกมุมของกรุงเทพและปริมณฑล นนท์เป็นแบบนี้ไปไหนเพื่อนก็เยอะเป็นธรรมดาของนนท์


“  ถ้าใกล้ๆก็เดินเอานะบลู ไม่ต้องขึ้นวินมอไซต์ ถ้าจะไปไกลๆก็ใช้รถไฟฟ้าที่เคยพาไป ไม่งั้นก็ใช้พวกแอปเรียกรถที่นนท์เคยให้ดู เข้าใจมั๊ย ถ้าอันไหนไม่แน่ใจโทมาถามนนท์ก่อน อย่าทะเล่อทะล่าไปง่ายๆ มันไม่เหมือนบ้านเรา เข้าใจมั๊ย   ” นนท์ร่ายยาวบลูนึกขำอีกตั้งอาทิตย์กว่าจะได้เดินทางคงมีอีกหลายอย่างตามมาเป็นหางว่าว


“ ครับผม บลูจะทำตามที่นนท์บอกทุกอย่างเลยครับ  ”


“ดีมาก รู้ใช่มั๊ยว่านนท์เป็นห่วง  ”


“ รู้สิ รู้ว่านนท์เป็นห่วงบลูมาก ถ้านนท์ไปด้วยได้คงไปด้วยแล้ว ใช่มั๊ย ” บลูยิ้มอ่อนๆให้นนท์พยักหน้า เป็นความจริงอย่างที่บลูบอกแต่ด้วยตำแหน่งรองหัวหน้าที่ต้องดูแลรับผิดชอบงานมากมายแถมในบางครั้งยังต้องรักษาการหัวหน้าเป็นอาทิตย์เพราะหัวหน้าตัวจริงไม่ยอมโผล่หน้าให้เห็น


“ อยากไปด้วยจัง นนท์ต้องเหงามากแน่ๆ  ”


“ นนท์ก็มีสอง กับเทพไง พวกนั้นเฮฮาจะตาย อีกอย่างจะได้ไปสังสรรค์กับน้องๆด้วยๆ พวกนั้นจะได้เลิกบ่นซะที ”


“ แต่เราไม่ควรห่างกันนานขนาดนี้นี่  อยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามันนะ  ก็ควรจะอยู่ด้วยกันตลอดสิ ”


“ นนท์นี่ พูดอะไรก็ไม่รู้  ”บลูหน้าแดงอีกครั้งนนท์บ้าชอบพูดให้เขินอยู่เรื่อย


“  จริงๆนะ อย่างเราถ้าแต่งงานกันคนโบราญเขาเรียกว่าช่วงข้าวใหม่ปลามัน อะไรก็หอมหวานไปหมด นนท์คิดๆดูแล้วคนโบราญเค้าก็เรียกถูกนะถูกทุกอย่างเลย  อย่างบลูนี่ยิ่งหวาน หอมทุกส่วนเลย  ”นนท์ยิ้มตาพราวให้อีกคนเขินขั้นสุดนอกจากหน้าจะแดงตัวก็แดงเป็นกุ้งลวกอีกด้วย


“  ตรงนี้ก็หอม  ” นนท์กดจมูกที่แก้ม


“  ตรงนี้ก็อุ่น ” นนท์เลื่อนจมูกมาที่ซอกคอ


“  ตรงนี้ก็นุ่ม ” ไล่ลงมาที่หน้าอก


“  ตรงนี้ก็หวาน ” และวกกลับมาที่ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อนั้น

จุ๊บบบ จ๊วบบๆๆ


“  อืมมม  หวานมากๆนนท์ชอบที่สุด ” นนท์ถอนริมฝีปากที่จุบกันอย่างดูดดื่มลึกล้ำออกมาอย่างอ้อยอิ่ง พลางเช็ดมุมปากให้บลูเบาๆ


“  นนท์บ้า ” บลูยิ้มเขินนึกคำพูดอะไรไม่ออก มันไม่ชินเท่าไหร่ที่นนท์พูดเรื่องแบบนี้ทีไรเขาต้องหน้าร้อนทุกที



“ บลูหวานทุกส่วนจริงๆนะครับ  ไม่มีส่วนไหนที่นนท์ไม่ชอบทุกสิ่งที่เป็นบลูนนท์ชอบหมด มันลงตัวมันพอดีกับบลู ที่รักของนนท์  ” คำว่าที่รักมีผลต่อบลูมากมาย

หมับ
จุ๊บ 

“อืมมม ”
 นนท์ครางออกมาอย่างพอใจเมื่อบลูโน้มคอเขาลงมาแล้วประกบริมฝีปากเข้าด้วยกัน ดูดซับความหวานละมุนของกันและกัน  ลิ้นทั้งสองกวัดรุกเร้ากันไปมา เอียงหน้าให้ถนัด นนท์ครางออกมาเป็นระยะ พอใจเป็นอย่างมากที่วันนี้บลูน่ารักเหลือเกิน


“  บลู  อืมม ” เสียงครางเบาๆเมื่อบลูไซร้จมูกและปากไปที่ซอกคอสองมือบลูลูบไล้ไปที่แผ่นท้องแน่นๆของนนท์ เจ้าตัวใจร้อนลุกขึ้นมาถอดเสื้อของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว ครั้งแรกที่บลูของเขาเริ่มก่อนแบบนี้ ทุกครั้งมีแต่นอนนิ่งเขินตัวแดงไปหมด
นนท์เอนตัวลงพลางยกเสื้อบลูผ่านศีรษะออกอย่างง่ายดาย ทั้งสองที่เปล่าเปือยช่วงบนบลูกำลังซุกไซจมูกที่หน้าอก จากนั้นก็ใช้ปากดูดขยี้เบาๆที่ตุ่มแข็งเป็นไตเล็กทั้งสองข้างสลับกันไปมาทั้งดูดทั้งดูนจนพอใจ

“  ซี้ดส์  บลูครับ ” นนท์เอ่ยครางเบาๆไม่หยุด เขาชอบแบบนี้จริงๆบลูที่ทำให้เขาด้วยอาการทั้งเขินทั้งอายแต่ก็อยากทำมันยิ่งทำให้เขารู้สึกมากขึ้นไปอีก ทั้งตื่นเต้นและเรียกรองเหมือนครั้งแรกของเรา


“  นะ นนท์  อ๊ะ .”  บลูร้องออกมาเบาๆเมื่อนนท์ใช้ความเร็วในการถอดกางเกงทั้งสองชั้นของเขาอย่างชำนาญ  นนท์ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังทำให้บลูยิ่งวูบวาบไปทั้งตัว มือไม้เริ่มอ่อนแต่ยังตั้งใจทำให้นนท์ไม่หยุด ไม่นานบลูก็ถอดกางเกงของนนท์ได้ นนท์ยิ้มพอใจเขาลูบไล้ไปทั่วทุกส่วนของร่างกายบลูไม่มีส่วนไหนที่นนท์ไม่ได้สัมผัส


 “ บลู เตรียมพร้อมให้นนท์เหรอครับ  ”  นนท์เอ่ยขึ้นเมื่อสัมผัสส่วนที่อ่อนไหวในซอกลึกนั้น  บลูที่ทาบทับอยู่บนตัวนนท์สั่นน้อยๆด้วยความเขินอาย


“  อื้อ...” บลูซุกหน้าเข้ากับซอกคอแล้วนิ่งอายมากเขาไม่กล้าทำต่อ


“ ที่รักน่ารักมากเลยครับ  ” นนท์กระซิบเบาๆที่ข้างหูบลู เอื้อมมือไปที่ลิ้นชักหัวเตียงหยิบหลอดเจลใสๆออกมาบีบใส่มือแล้วป้ายที่ส่วนอ่อนไหวนั้นของบลูและส่วนที่ชูชันของตัวเอง


“  ที่รักครับ ทำให้นนท์นะ นนท์อยากเห็น  จุ๊บ ”


“ อื้อออ ตะ แต่ว่า บลูทำไม่เป็น  ” บลูไม่กล้าสบตา เขาอายมากถึงจะเตรียมร่างกายมาพร้อมแต่ทุกครั้งไม่ใช่คนเริ่มก่อนและไม่ได้ทำเองครั้งนี้จึงไม่รู้จะทำยังไงก่อนดี


“ ที่รัก มองหน้านนท์หน่อยครับ  ” นนท์บอกเสียงอบอุ่น พลางลูบหลังปลอบเบาๆ  บลูเงยหน้าจากซอกคอนนท์แล้วจ้องตานนท์อย่างอบอุ่น


“  ที่รักทำตามนนท์บอกนะครับ  ค่อยเป็นค่อยไป เชื่อใจนนท์นะ ”จุ๊บบบบ จีวบบบบ


นนท์ดึงบลูลงมาจุบอย่างดูดดื่มอีกครั้งมือก็ทำหน้าที่ของมันไปเรื่อยๆ นำทางให้บลูได้ทำทุกอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ให้ทั้งสองคนถึงฝั่งฝันที่ขอบฟ้าพบเจอกับสายรุ้งที่สว่างไสวพร่างพราวอย่างเต็มอิ่มและมีความสุข   

..
..
..

ฟอดดดดด
“  นนท์มีความสุขที่สุด บลูของนนท์น่ารักมากเลยครับ ” เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกตินนท์หอมแก้มบลูหนักๆหนึ่งครั้ง แล้วกอดบลูให้ซุกลงกับอกแน่นของตัวเองพลางกระซิบบอกบลูที่เอาแต่ซุกหน้าหนีอีกครั้ง บลูของเขาคงหมดแรงเวลาผ่านมาตั้งแต่ตอนสายจนบ่ายคล้อย


“  พักนะครับ ตื่นมาตอนเย็นเดี๋ยวนนท์จะทำอะไรอร่อยๆให้ทาน ” นนท์พูดบอกคนในอ้อมกอดเบาๆเอาใจอีกหน่อยที่วันนี้น่ารักเหลือเกิน บลูพยักหน้าไม่พูดอะไร แล้วหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่มีความสุขในหัวใจอย่างที่สุด  ทั้งสองหลับไปอย่างง่ายดายท่ามกลางบรรยากาศของรักที่อบอุ่นปลอดภัยในอ้อมกอดของกันและกัน





                                                 *************************************




ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #28 เมื่อ03-08-2019 14:17:02 »

ตอนที่ 22


“ พี่นนท์ วันนี้ไปปะ  ”  สองเดินมาชะโงกหน้าที่โต๊ะทำงานของนนท์

“ ไปไหนวะ ” ถามออกไปแต่ยังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่

“ เอ่า ก็ไปปาร์ตี้กันไงพี่ หลังเลิกงานอ่ะ ที่ไอ้เทพมันชวนไว้ไง  ”

“ เออ ลืมว่ะ วันนี้วันอะไร” นนท์เงยหน้าขึ้นมาพลางทำสีหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ ว่านัดกับรุ่นน้องสองคนนี้ไว้
“ วันที่ 16 ทั้งวันเลยครับพี่ ไม่มีขาดไม่มีเกิน ” สองทำหน้าทะเล้นตามประสา

“ เออบอกเทพด้วย ไว้เจอกันที่เดิม ”

“ ครับผม ”
เมื่อได้คำตอบที่พอใจสองก็ยิ้มร่าเดินกลับโต๊ะทำงานของตัวเองไป อารมณ์ดีที่วันนี้หลังเลิกงานจะมีเจ้ามือเลี้ยงเป็นเสี่ยนนท์ผู้ที่มีจิตใจดีเหมือนหน้าตา

“ พี่นนท์ งานเข้าแล้วพี่  ”  ต้ารุ่นน้องอีกคนเดินสวนกับสองเข้ามาหน้ายุ่ง

“ มีอะไรต้า ”

“ บอสน่ะสิ... ” พูดแค่นี้ทุกคนในหน่วยก็หันมามองต้าด้วยความพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“ เฮ่อ......คราวนี้ต้องทำยังไงอีก ” นนท์เข้าใจโดยไม่ได้ไต่ถามเหตุการณ์เพียงแต่หาวิธีแก้ไขกันให้ทันเวลาเท่านั้น

“ คืออย่างนี้ครับ.. ” ต้าหันไปมองสบตากับทุกๆหลังจากนั้นก็เกิดการประชุมหน่วยกันอย่างเร่งด่วน แต่ละคนก็เสนอแนวทางตาม

หน้าที่ของตัวเองที่รับผิดชอบ และการประชุมจบลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทำงานส่งได้ทันเวลา

นนท์ต้องมีสติให้มากกว่าคนอื่น หลายครั้งที่เขาแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถพาทีมผ่านวิกฤตินี้ไปได้ และหลายครั้งที่รุ่นน้องในทีม

เห็นตรงกันว่าไม่มีหัวหน้าในหน่วยนี้ก็ได้  ก็ในเมื่อก่อเรื่องไว้ขนาดนี้ ตัวเองก็หนีไปไม่อยู่รับผิดชอบมีไปก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี

“ เรามีเวลา 7 ชั่วโมง ในการทำงานนี้ ขอให้แต่ละส่วนทำแล้วส่งให้พี่ดูเป็นระยะเพื่อจะได้แก้ไขเพิ่มเติมได้ทัน  ”

“ แต่ละส่วนถ้าข้องใจตรงไหนอย่ามัวเถียงกันให้มีคนตัดสินใจไปเลยถ้าเถียงกันมันจะไม่จบง่ายๆเสียเวลาเพิ่มไปอีก แล้วพี่จะดูอีกทีว่าโอเคมั๊ย  ”

“ สองกับต้าทำหน้าที่รวบรวมแต่ละส่วนแล้วจัดหมวดหมู่ก่อนส่งให้พี่  ”

“ เอมกับที สองคนคอยประสานขอข้อมูลกับหน่วยใหญ่ให้เพื่อนส่วนอื่นๆ ที่ต้องการข้อมูลพวกสถิติ หรือเกณฑ์ที่สำคัญ ”

“ งานนี้เรามีเวลาเป็นตัวกำหนดขอให้ทุกคนตั้งใจช่วยกันทำพี่เชื่อว่าทุกคนต้องทำได้  ”

นี่เป็นการณ์ตัดสินใจในภาวะเร่งด่วนแบบนี้และทุกคนในทีมก็ยอมรับเพราะในเวลานี้มีเพียงคนเดียวที่จะพาหน่วยให้รอดพ้นไปได้อย่างปลอดภัย

ทุกคนก้มหน้าก้มตาทำงานในส่วนของตัวเองอย่างขะมักเขม้น ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะพูดคุยเล่นกันเหมือนเคย ในหน่วยส่วนมากมี

แต่ผู้ชายวัยทำงานและวัยไล่เลี่ยกันความเป็นกันเองจึงมีมากกว่าช่องว่างระหว่างวัย บรรยากาศในการทำงานจึงสนุกสนานเฮฮา

 บางครั้งออกจะไปทางทะลึ่งตึงตังแต่ยังดีที่ทุกคนช่วยกันทำงานอย่างเช่นวันนี้

นนท์ก้มหน้าก้มตาทำงานจนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้พอเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาก็พบว่าเลยเวลาอาหารไปนานโข

“สองบอกทุกคนพักไปทานข้าวกันก่อนไป ค่อยมาทำต่อ ”

เวลาผ่านมาเกือบบ่ายโมงนนท์เห็นไม่มีใครออกไปทานข้าวซักคนมัวแต่ทำงานเดี๋ยวเกิดเจ็บป่วยมาจะลำบากกันไปอีก

“ ได้พี่นนท์ แล้วพี่นนท์หล่ะจะกินอะไร ”

“ จะไปกินอะไรก็ฝากซื้อมาเผื่อพี่ด้วยแล้วกันเอาเหมือนกันนั่นหล่ะ  ”


“ ได้เดี๋ยวผมดูให้ ” สองบอกแล้วเดินออกไปบอกเพื่อนร่วมงานหลังจากนั้นก็ออกไปกับเพื่อนกลุ่มหนึ่งเพื่อไปซื้ออาหารสำหรับ

ตนเองกับเพื่อนๆ และเหลือส่วนหนึ่งไว้ทำงานในส่วนที่รีบเร่งต่อไปงานจะได้ไม่ขาดตอน ไม่นานทั้งกลุ่มก็กลับมาพร้อมอาหารที่

อยู่ในมือของทุกคน นนท์ได้กลิ่นหอมๆของอาหารลอยเข้าจมูกมาก็คิดว่าหยุดพักซักหน่อย เติมพลังให้ร่างกายก่อนไม่งั้นสมองไม่แล่นแน่ๆ อีกอย่างเดี๋ยวนี้เขาทานข้าวตรงเวลาเพราะถ้าอีกคนรู้ว่าไม่ทานตรงเวลาจะโดนดุเอาแต่เขาก็รู้ดีว่าอีกคนบ่นให้เพราะอะไรก็เพราะเป็นห่วงน่ะสิ คิดแล้วก็คิดถึงนี่จะบ่ายสองแล้ววันนี้ยังไม่ได้ส่งข้อความหาเลยมัวแต่ยุ่ง

“งานยุ่งหัวฟูแล้ว เพิ่งได้กินข้าวเที่ยง”
“ ตอนเย็นค่อยคุยกันนะ ตอนนี้ขอเติมพลังก่อน  ”

ข้อความที่ส่งไปแล้วได้สติ๊กเกอร์เป็นรูปยิ้มปากกว้างและสองนิ้วกลับมาแค่นี้ก็มีแรงแก้ไขปัญหาร้อยแปดแล้ว

 “ พี่นนท์ คุยกับใครอ่ะ  พี่บลูปะ ” สองถามขณะที่ข้าวในจานนั้นหมดเกลี้ยงบ่งบอกว่าหิวมาก แต่ของนนท์ยังตักไปได้แค่สองสามคำ

“ อือ ว่าไง ” ตอบพลางตักข้าวเข้าปากไปด้วย

“ จะกลับวันไหนอ่ะ ไปเดือนนึงใช่มั๊ย  ”

“ อื้อใช่ อีกอาทิตย์นึงก็กลับ ช่วงนี้เห็นบอกมีเวิร์คชอปทุกวัน ตอนเช้าฟังบรรยาย ตอนบ่ายเข้าเวิร์คชอป  ”

“ ไปอยู่กรุงเทพตั้งเป็นเดือนคงไปเที่ยวจนเบื่อ ที่พี่บลูอยู่มันก็ไม่ไกลจากที่เที่ยวเท่าไหร่  ถ้าเป็นผมนะคงเทียวจนเบื่อเลยหล่ะ  ”
“ ก็นั่นมันนายไม่ใช่บลู  ” นนท์แย้งให้

“ อือ ก็จริงพี่บลูคงแบบอบรมแล้วกลับห้อง ตอนเช้าตื่นกินข้าวแล้วมาอบรมต่องี้ ”

“ หึหึ ใครจะเหมือนนาย ” นนท์หัวเราะเบาๆพลางนึกถึงบลูก็เป็นอย่างที่สองว่านั่นหล่ะ

ชีวิตบลูที่ไม่มีเขาอยู่ด้วยมันก็มีกิจกรรมไม่มากนักหรอก ตอนเช้าตื่นทานข้าวแล้วเข้าห้องอบรมพอเสร็จก็ไปทานข้าวกับกลุ่มที่สนิทแล้วกลับเข้าห้องอาบน้ำ และกิจกรรมสุดท้ายที่ทำให้ความห่างไกลของทั้งสองไม่ไกลเกินไปคือการคุยกันผ่านตัวอักษรที่บรรยายว่าคิดถึงกันแค่ไหน และถ้าวันไหนสะดวกเพื่อนร่วมห้องไม่อยู่ก็จะได้เห็นใบหน้าป่องๆผ่านหน้าจอโทรศัพท์พร้อมกับแววตาที่บอกว่าคิดถึงไม่ต่างกัน

“ พี่นนท์ยิ้มอะไร กับข้าวมันมีอะไรพิเศษงั้นเหรอ  ” สองชะโงกหน้ามามองจานอาหารตรงหน้านนท์

“ ก็ไม่มีไรพิเศษต่างกันนี่นา  ”

“ เปล่าเว้ย พอดีพี่นึกถึงที่ดูในวิดิโอเขาทำรูปตลกๆในจานข้าวน่ะ เลยคิดว่าถ้าทำบ้างมันจะเป็นไง  ” นนท์บอกสองพยักหน้างงๆ

“ สงสัยพี่จะเครียดหนักเนอะนั่งยิ้มให้กับข้าวในจานเป็นนานสองนาน   ” สองว่าเบาๆแล้วหันกลับไปทานต่อ

นนท์ไม่ได้ว่าอะไรกลับไปพลางก้มลงตักข้าวทานต่อแต่ในใจก็อดจะยิ้มและคิดถึงบลูไม่ได้  ต้องรีบเคลียร์งานจะได้กลับบ้านเร็วๆ คิดถึงบลูจะแย่แล้ว



วงอาหารใช้เวลาไม่นานเพราะทุกคนต่างเร่งงานของตัวเองให้เสร็จทันเวลา มีบางคนที่ทั้งทานข้าวสลับกับทำงาน นนท์มองดูทุกคนแล้วก็ได้แต่คิดว่าหากคนเป็นหัวหน้ามีจิตสำนึกความรับผิดชอบกว่านี้ลูกน้องทุกคนคงไม่ลำบากขนาดนี้ นี่เขาจะทำอย่างไร   กับสถานการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นและที่สำคัญจะทำอย่างไรไม่ให้มันเกิดซ้ำแบบนี้เรื่อยๆ
 
“ เอาตอนนี้ให้รอดก่อนนะนนท์   ” นนท์บอกตัวเองเบาๆปัญหาใหญ่ค่อยไว้ทีหลังตอนนี้ขอจัดการปัญหาเฉพาะหน้าก่อน


………………………………………………

“ พี่นนท์ครับ ข้อมูลชุดสุดท้ายได้แล้วครับ  ” เสียงจากต้าดังอยู่หน้าโต๊ะพอเงยหน้าขึ้นก็เห็นหน้าทุกคนมองมาที่เขาเพียงจุดเดียว    เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้แต่หันดูรอบๆข้างนอกความมืดเริ่มเข้ามาปกคลุมพื้นที่นอกอาคาร

“ งั้นทุกคนกลับได้เลยนะนี่ก็ทุ่มกว่าแล้ว เดี๋ยวพี่ขอเช็คแปบหนึ่งเดี๋ยวจะส่งให้เขาเลย  ” นนท์บอกน้องๆหลังจากที่ตั้งหน้าตั้งตา

ทำมาทั้งวันโดยที่ไม่ได้พักเลย

“ ไม่เป็นไรพี่นนท์ เดี๋ยวพวกผมอยู่ก่อนก็ได้เผื่อต้องแก้อะไรอีก  ”  เอมเป็นตัวแทนทุกคนแย้งถึงจะเสร็จเรียบร้อยแต่เผื่อต้องได้แก้จะได้ช่วยกัน

“ ไม่เป็นไร กลับกันเถอะ ทุกคนเหนื่อยมากแล้ว คงไม่ได้แก้แล้วหล่ะพวกเราทำสมบูรณ์ดีแล้ว  ”

“ อยู่ต่อนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรพี่พวกนี้มันวางแผนจะไปฉลองกันต่อ เสร็จแล้วค่อยไปพร้อมกันเลยก็ได้  ” สองให้เหตุผล

“ อืมไปเถอะ จะเสร็จแล้ว ไม่ต้องห่วงพี่หรอก  ไปผ่อนคลายกันเลย”  นนท์ย้ำอีกครั้งไม่อยากให้น้องๆกังวลทุกคนทำงานเรียบร้อยดีเขาเพียงตรวจเช็คความถูกต้อง เพิ่มเติมให้สมบูรณ์ในส่วนที่คิดว่ายังขาดเท่านั้น

“ งั้นพวกผมไปก่อนนะ มีอะไรโทรได้ตลอดนะพี่  ” ต้าบอกก่อนที่จะหันไปตกลงกับทุกคน

“ อืมขอบใจมากทุกคน ไปเถอะ  ” นนท์คิดว่าเขาโชคดีที่ได้รุ่นน้องร่วมงานทีที่ดี ถึงจะรู้สึกว่าคนที่เป็นหัวหน้าไม่โอเคก็ตามแต่

อย่างน้อยมันก็ยังมีดีอยู่หลายอย่างกับเพื่อนร่วมงานนี้







.
.
..

.................................................................................................


เมื่อรถจอดที่โรงจอดรถหน้าบ้านเรียบร้อยนนท์ก้าวลงรถอย่างหมดแรง รีบเดินเร็วๆให้ถึงบ้านตอนนี้เขาอยากอาบน้ำชำระเหงื่อไคลและความเหนื่อยล้าออกจากร่างกายเต็มที    งานนี้สูบเอาพลังเขาไปหมดหวังว่าผลของมันจะออกมาเป็นที่น่าพอใจ   

นนท์ทำภารกิจส่วนตัวอย่างรวดเร็ว กลิ่นสบู่หอมๆกับน้ำเย็นๆช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายขึ้น  เขาจัดการทานข้าวเย็นให้เสร็จอย่างรวดเร็วเช่นกัน เพราะมีสิ่งที่อยากทำมากๆนั่นคือการต่อสายพูดคุยกับคนที่อยู่อีกที่หนึ่งที่ป่านนี้ไม่รู้ว่ากำลังรอเขาอยู่รึเปล่า

“ กินข้าวยัง “ เพียงปลายสายรับเขาก็รีบถามไปทันที

( กินแล้ว เพิ่งกลับถึงห้องได้ซักพักเอง )

“ทำไมวันนี้กลับช้าหล่ะ นี่จะสามทุ่มแล้ว “

( พอดีเพื่อนพี่เค้าพาไปทานข้าวมาร้านแถวนี้แหละเลยกลับช้า )

“ ไปกับใครบ้าง “ นนท์ถามเสียงเรียบเอื่อยๆ

( กับพี่กลุ่มเดียวกันอีกสองคน ที่เคยเล่าให้ฟังไงว่าเค้าให้แบ่งกลุ่มอยู่ด้วยกัน คุยกันทุกวันเลยสนิทกัน )

“ อ๋ออ แล้วเป็นไงวันนี้ เหนื่อยมั๊ย “ พลางเอนตัวลงหลังพิงที่หัวเตียงขาเหยียดยาวอย่างผ่อนคลาย

(เฮ่ออ เหนื่อยมากมีทั้งฟังบรรยาย แล้วก็เวิร์คชอปตั้งหลายอย่าง แต่ได้คุยกับนนท์ก็หายเหนื่อยแล้ว  )

“ บลู...พูดแบบนี้ยิ่งทำให้คิดถึงนะ “ นนท์ประท้วงเบาๆยิ่งอารมณ์ตอนนี้เหนื่อยๆจิตใจอ่อนไหวเอาง่ายๆแค่ได้ยินบลูพูดแบบนี้เขายิ่งคิดถึง

( บลูก็คิดถึง คิดถึงมากด้วย ) เสียงตอบกลับอ่อนอ่อยบ่งบอกว่าคนทางนั้นก็คิดถึงเหมือนกัน

“ เหงามั๊ย “

( เหงามาก เห็นอะไรก็คิดถึงนนท์หมดเลย ที่ๆนนท์เคยพาไป ที่ๆเคยผ่าน   แค่สามสัปดาห์ทำไมบลูรู้สึกว่ามันนานเป็นปีเลย ) 

เสียงกระเง้ากระหงอดเบาๆมาตามสาย ปกติบลูไม่ค่อยทำอะไรแบบนี้มีแต่นนท์ที่ทำงอแงออดอ้อนเหมือนเด็กๆใส่

“ พี่เค้าอยู่มั๊ย “

( ไม่อยู่ พี่เค้าออกไปกับเพื่อนต่อบอกว่าจะไปแฮงค์เอ๊ากันคงกลับดึกๆ  )

“ เปิดกล้องหน่อยอยากเห็นหน้า “  ซักพักก็ปรากฏภาพของบลูที่อยู่ในชุดนอนเรียบร้อยนอนเอนพิงหมอนบนหัวเตียงอยู่ใน

ท่าทางเดียวกัน นนท์ยกยิ้มอย่างอดใจไม่ได้ คิดถึงมากทำไมคิดถึงขนาดนี้ทั้งๆที่คุยกันทุกวัน

“ แล้วนี่กินข้าวยัง ทำไมวันนี้ดูเพลียๆ หัวยุ่งไม่หล่อเลย  ” บลูยิ้มกับสภาพหัวฟูๆนั้นของนนท์ วันนี้สงสัยยุ่งมากแน่ๆเพราะไม่เห็น         ส่งข้อความมากวนเขาตอนกลางวันเหมือนเช่นทุกวัน มีเพียงข้อความสั้นๆว่างานยุ่งแล้วก็หายไปตลอดวัน

“ กินแล้ว  งานเข้านิดหน่อย แล้วตัวปัญหาก็ไม่อยู่เลยยุ่งกันทั้งหน่วย “  นนท์บอกย่างเซ็งๆ

( แล้วเรียบร้อยดีใช่มั๊ย ) เสียงปลายสายถามอย่างเป็นห่วงด้วยรู้นิสัยนนท์ดีถ้าเขาจะทำอะไรก็จะทำให้สำเร็จ จนบางทีเครียด

อย่างไม่รู้ตัว

 “ เรียบร้อยแล้ว แต่สภาพแต่ละคนสะบักสบอมกันไปพวกนั้นจะไปต่อกัน บอกว่าฉลองที่งานเสร็จ แต่นนท์ไม่อยากไปเลยบอกว่า จะกลับบ้าน  เลยกลับมาซะค่ำมืดแบบนี้

( ดีแล้วหล่ะ กลับมาพักดีกว่า )

“อื้อ อยากกลับมาคุยกลับบลูเร็วๆด้วย วันนี้คิดถึงทั้งวันเลย “  บลูยิ้มอ่อนๆกลับมาให้ คนทางนี้ก็ยิ้มกว้างให้กับคนน่ารัก บลูรู้วิธีที่จะทำให้เขาผ่อนคลายได้เสมอ   

 (  เหนื่อยมั๊ย บลูคิดถึง  )  เป็นครั้งที่สองของวันที่บลูบอกคิดถึง

“ เฮ่ออออออ โคตรคิดถึงบลูเลย อยากกอดแน่นๆแล้ว” นนท์ตอบกลับมาด้วยเสียงเบาๆอ้อนๆให้รู้ว่าคิดถึงมากมาย บลูที่กอดหมอนไว้กับอกก็บอกเบาๆ

( เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้วเนาะ อีกแค่อาทิตย์เดียวเอง อดทนมาได้ขนาดนี้) เหมือนจะปลอบอีกคนแต่เป็นการปลอบตัวเองซะมากกว่า

“ ใช่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะนนท์ไม่ทนหรอกถ้าคิดถึงขนาดนี้ป่านนี้ถึงกรุงเทพเป็นร้อยรอบแล้ว”

( บลูก็เหมือนกัน) บลูยิ้มเบาๆ

“  ที่เขาบอกความคิดถึงฆ่าคนได้นี่มันจริงๆใช่มั๊ย นนท์เริ่มรู้สึกว่ามันเป็นจริงแล้วในตอนนี้”


(............)  บลูไม่ตอบแต่นอนราบลงกับเตียงหนุนหมอนตะแคงหน้ามองโทรศัพท์นิ่งๆ
.
.
.
ทั้งสองนอนมองหน้ากันผ่านหน้าจอ มองแล้วก็ยิ้มให้กันเพื่อส่งผ่านกำลังใจ  และความรักความคิดถึงให้กัน



มันอาจจะไม่นานสำหรับบางคนแค่เวลาสามสัปดาห์ แต่สำหรับทั้งสองคนที่ไม่เคยต้องห่างกันเลยมันช่างทรมานเหลือเกิน     มันไม่ถึงขนาดที่นอนไม่หลับ ทานข้าวไม่ได้ เพราะได้คุยกันทุกวันแต่ความสุขในการทำสิ่งต่างๆลดลง     เราจะใช้เวลาเหล่านั้นคิดถึงกันมากขึ้น        แต่ก่อนไม่เคยรู้ว่าความคิดถึงเป็นยังไงแต่ตอนนี้ นาทีนี้รู้ซึ้งดีการคิดถึงใครซักคนมันเป็นแบบนี้เอง

( คิดถึง  )

( คิดถึงนะครับ )

( คิดถึงมาก)

( คิดถึงอยากกอดจัง )

( คิดถึง อยากกอดมาก ทำไมเวลามันเดินช้าแบบนี้  )

( คิดถึง เหงารีบๆกลับมาให้กอดนะครับ  )

ข้อความที่ถูกส่งมาให้ในแต่ละวันที่คุยกันจบลง  เนื้อหายาวขึ้นตามวันเวลาที่เดินไป  ให้ได้รู้ว่าคิดถึงขนาดไหน

“เหมือนกันครับ ”

“ อยากกลับไปกอดแล้ว ”

“ นอนคนเดียวมันเหงามากเลย ”

“ กับข้าวไม่อร่อยเลย ”

“ รถติดจนน่ารำคาญ นั่งอยู่บนรถจนปวดหัว  ”

และอีกมากมายที่ส่งกลับไปให้อีกคนได้รู้ความเป็นไปของชีวิตในแต่ละวัน ซึ่งแต่ก่อนไม่เคยคิดหรือจะพูดอะไรง่ายๆแบบนี้ ถ้านนท์ไม่เอ่ยปากถามก่อน     แต่เมื่ออยู่ห่างไกลกันจิตใจอ่อนไหวเปราะบางบลูจึงเอ่ยความรู้สึกออกมาได้อย่างง่ายดาย  แค่อยากบอกให้อีกคนรับรู้เรื่องราวพวกนี้ในแต่ละวัน ส่วนอีกคนที่รับฟังก็เข้าใจได้ว่าคนนี้กำลังบอกว่า    คิดถึง



(นนท์อยากไปหาบลูนะ ตั้งแต่เราอยู่ด้วยกันยังไม่เคยห่างกัน )

“ มาได้นะถ้านนท์อยากมา เสาอาทิตย์ก็ไม่ได้ทำอะไร ”

(ไม่ไปหรอก นนท์จะอดทนรออยู่ตรงนี้ รอให้บลูกลับมา  รู้มั๊ยว่าทำไม)

บลูส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ เพราะเราจะได้รู้ว่าความคิดถึงสำคัญแค่ไหนเวลาเราอยู่ห่างไกลกัน   เราจะได้ถนอมช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันให้มีค่ามากที่สุดในหัวใจ  ”

บลูนื่งเงียบหลับตาลงเพื่อซึมซับความรู้สึกนั้น แล้วลืมตาขึ้นยิ้มเบาๆให้นนท์ผ่านหน้าจอ

“ รอบลูนะ ”

“ อื้อ นนท์รอกอดบลูแน่นๆเลย  ”

..............................................................




ออฟไลน์ ringofblue

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ข้างๆรัก(แก้ไข) ตอนที่ 1 ***
«ตอบ #29 เมื่อ03-08-2019 14:31:19 »

ตอนที่ 23 นนท์บลู


 “นนท์ ทางนี้  ” นนท์มองตามเสียงเรียกเขาเป็นเสียงที่คุ้นเคยและแสนคิดถึง  บลูเดินลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่กำลังเดินมาหา
“ บลู  ” นนท์เดินเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าแววตาดีใจปิดไม่มิด

“ รอนานมั๊ย  ” นนท์ลากกระเป๋าใบใหญ่มาถือไว้เองพลางเดินออกไปที่ลานจอดรถ

“ ไม่นานหรอก นนท์นั่งเล่นเกมส์รอแปบเดียวก็ได้ยินประกาศว่าเครื่องบินเที่ยวสุดท้ายมาถึงแล้ว ” จริงๆเขาตื่นเต้นมาก มารอตั้งแต่ยังไม่ถึงสองทุ่มทั้งๆที่รู้ว่าบลูมาเที่ยวสุดท้ายคือสี่ทุ่ม 

“ หิวมั๊ย กินข้าวเย็นรึยัง  ”
“ กินตั้งแต่บ่ายแล้วแต่ไม่หิว หิวอย่างอื่นมากกว่า  ” คนฟังหน้าแดงแปร๊ดเมื่อเห็นใบหน้าทะเล้น แววตาวิบวับของนนท์เลี่ยงหนีโดยการเปิดประตูรถขึ้นนั่ง นนท์ยกกระเป๋าขึ้นท้ายรถแล้วรีบตามขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ

“ คิดถึง ” นนท์จับมือบลูขึ้นจูบหนักๆสูดกลิ่นหอมของบลูให้ชื่นใจ

“ บลูก็คิดถึง ” บลูยิ้มยื่นหน้ามาใกล้
จู๊บบ  นนท์เอียงหน้าเล็กน้อยริมฝีปากทั้งคู่สัมผัสกันเบาๆทำให้อุ่นซ่านในหัวใจ ความคิดถึงที่ห่างกันไปเพียงเดือน แต่ก็ทำให้คิดถึงมากมาย พอเห็นหน้ากันในวันนี้ต่างฝ่ายไม่ลังเลที่จะแสดงออกว่าโหยหากันมากแค่ไหน


“ กลับเลยมั๊ยหรือแวะที่ไหนก่อน ”
“ กลับเลยนนท์อยากถึงบ้านเร็วๆ  ” นนท์ขับรถออกจากสนามบินเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน โดยมีบลูคลอเคลียอยู่ไหล่ด้านซ้ายมือที่ว่างก็ถูกรวบมาจับกันแน่น ปากบางแนบลงที่หัวไหล่หนา     ซุกซบไว้พลางสูดดมกลิ่นที่แสนคุ้นเคยเข้าปอดลึกๆ  บลูไม่พูดว่าคิดถึงมากแค่ไหนแต่การกระทำนั้นมันบ่งบอกได้อย่างชัดเจน

        นนท์ยกมือขึ้นลูบแก้มบลูที่ซบอยู่บนไหล่และต้นแขนเขาเบาๆ  แก้มนุ่มๆ หอมๆ แต่ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้มาก  ทำได้แค่ยกมือที่กุมมือเขาไว้นั้นมาจูบและกอดแนบอกไว้       บลูยื่นมือที่ว่างไปกดเปิดเพลงเสียงเพลงบรรเลงดนตรีที่ช้าหวานก็ดังขึ้นเบาๆคลอไปทั่วรถ         บลูหลับตาลงซึมซับช่วงเวลาอ่อนหวานและแสนสุขนี้เอาไว้อย่างอิ่มเอมในใจ 





“ บลู นนท์เข้าไปได้มั๊ย  ” นนท์เคาะประตูห้องน้ำเบาๆ    หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงห้องพัก เขาบอกบลูให้ไปอาบน้ำได้เลยเดี๋ยวเขาจะเก็บของให้ นนท์เก็บของอยู่ซักพักก็เรียบร้อยเพราะบลูคัดแยกของในกระเป๋าเป็นสัดส่วน     เขาจึงได้ทำแค่เพียงเอาออกจากกระเป๋าแล้วเก็บไปไว้ตามส่วนๆเท่านั้น                                  ระหว่างที่เก็บของเขาเหลือบเห็นขวดสีใสข้างในมีของเหลวสีใส เขาหยิบมาดูเป็นขวดใหม่พร้อมใบเสร็จจากร้าน        เขาหยิบมันขึ้นมายิ้มกว้างพลางเดินออกไปทางห้องน้ำที่บลูเข้าไปอยู่ได้ซักพัก

“ อื้อ ” เสียงตอบรับมาจากข้างในพร้อมกับเสียงสายน้ำเบาๆ 

              แก็ก    นนท์บิดลูกบิดประตูห้องน้ำเข้าไป ภาพที่เห็นคือร่างเปลือยเปล่า                   ยืนอยู่ใต้สายน้ำที่กำลังไหลรินรดทั่วทั้งตัว  ร่างบอบบาง เอวคอดบาง ผิวขาว ปากสีชมพูซีด ปลายผมลู่ลงละไปกับใบหน้าและลำคอ ที่ปลายผมมีฟองขาวๆอยู่ประปราย มือที่กำลังลูบไล้ต้นคอนั้น แววตาที่มองมาอ่อนหวานและรุ่มร้อนในคราวเดียวกัน 


“ นนท์ ” บลูเอ่ยเรียนนท์เบาๆด้วยเสียงแหบพร่า นนท์ถอดเสื้อผ้าของตัวเองทิ้งอย่างไม่ใยดี เขาเดินเข้าไปอยู่ใต้สายน้ำนั้นมือเอื้อมกอดเอวบลูดึงสะโพกให้แนบชิดกัน 

“ นนท์อาบให้นะ  ” เสียงพูดแหบพร่าไม่ต่างกัน มืออุ่นร้อนลบไล้ไปทั่วแผ่นหลังนวดคลึงอย่างนุ่มนวล บลูยกสองมือเกาะไหล่นนท์ไว้ทั้งสองข้าง ตาจ้องมองไม่กระพริบ                  ครั้งแรกที่ทั้งสองได้สัมผัสกันแบบนี้ที่ผ่านบลูไม่ยอมให้นนท์อาบน้ำด้วยกันซักครั้งแม้นนท์จะออดอ้อนอย่างไรก็ไม่ยอม                 
             
           นนท์เอื้อมมือไปกดสบู่เหลวกลิ่นหอมที่บลูชอบใช้ลูบไล้ไปทั่วเอว หน้าท้อง หน้าอก ผ่านตุ่มไตแข็งสีชมพูก็บี้ลงเล็กน้อย บลูครางอือในลำคอ       หน้าร้อนแดงขึ้น ลามไปถึงคอนนท์วนเวียนที่หน้าอกนั้นเป็นพิเศษ อีกมือเขาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลัง สะโพกระเรื่อยมาถึงบั้นท้ายกลมกลึง นนท์บีบคลึงเบาๆทั้งสองข้าง มันนุ่มหยุ่นเต็มมือ
                 
              บลูซบหน้าลงที่ซอกคอของนนท์ ซ่อนใบหน้าร้อนไว้ที่อก นนท์จับเงยขึ้นไล้นิ้วไปที่ริมฝากนุ่ม แล้วใช้ริมฝีปากตัวเองทาบทับลงไปเมื่อสัมผัสกันเหมือนมีไฟฟ้าสถิตวิ่งไปทั่วร่างทั้งสอง มันดึงดูดเข้าหนากัน มือที่จับใหล่นนท์ไว้เปลี่ยนมาเป็นคล้องที่ลำคอ ลูบไล้ไปมา     
       
              ส่วนมือของนนท์ทั้งสองข้างดึงสะโพกบลูให้แนบชิดกันมากขึ้น พลางลูบไล้เข้าไปในซอกล่องหลืบนั้น พอนิ้วเข้าไปถึงสัมผัสอันอ่อนโยนที่วงนั้นก็พบกับความนุ่มหยุ่น บลูเตรียมพร้อมให้นนท์แล้ว นนท์แอบยิ้มอยู่ในใจ นนท์กดมือลงไปคลึงเบาๆ กดลงบางจังหวะบลูครางฮือในลำคอเด้งสะโพกให้แนบชิดกันมากขึ้นส่วนหน้าที่ชูชันถูกันไปมา ริมฝีปากที่แนบชิดกันดูดดึง สลับกันส่งลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจชิมโพรงปากกันอย่างร้อนแรง     
               นนท์ละริมฝีปากออก บลูหอบหายใจด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้ม                นนท์ยิ้มสบตากัน มือยังคงกดนวดคลึงที่วงอุ่นนุ่มนั้น ทั้งๆที่โดนทำข้างหลังแต่ข้างหน้าของบลูกลับชูชันแข็งร้อนขึ้นนนท์ส่งมือไปลูบไล้แล้วรวบของบลูกับของตัวเองเข้าด้วยกัน                ขยับมือขึ้นลงปากยังคงเกี่ยวกวัดกันอย่างร้อนแรง บลูขนลุกไปทั้งตัว ผิวขาวกลับแดงเรื่อร้อนแรง           
           นนท์จับให้บลูบลูพิงกับผนังห้องน้ำแล้วก้มลงไปที่กลางลำตัวบลูมองการกระทำนั้นของนนท์จนต้องร้องออกมาอีกครั้งเมื่อนนท์ลูบเบาๆที่ท่อนแข็งร้อนชูชันชั้นเบาๆ

            จุ๊บ นนท์จุ๊บๆเบาที่ส่วนปลายสีชมพูแดงเข้ม มันสะดุ้งๆน้อย             เขาแลบลิ้นออกมาเลียเบาๆเพียงแค่นี้บลูก็ถึงกับจะหมดแรงจนต้องส่งมือข้างหนึ่งมาค้ำที่ศีรษะนนท์ไว้ นนท์อ้าปากรับปลายท่อนนั้นไว้ในโพรงปากที่ร้อนนุ่ม ขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะเนิบนาบ ทั้งดูดตรงปลายแดงๆนั้น       ทั้งใช้ลิ้นเลียจนบลูต้องยกขามาเกี่ยวที่บ่ากว้างไว้


“ นนท์  ฮื่อ บลูจะไม่ไหวแล้ว  ” บลูเอ่ยออกมาอย่างเสียงพร่าท่ามกลางสายน้ำที่ยังไหลไม่ขาดสาย นนท์เห็นบลูขาสั่นก็นึกสงสารเดี๋ยวบลูน้อยจะทรุดฮวบไปซะก่อน เขาลุกขึ้นเช็ดมุมปากของตัวเองเอื้อมมือไปปิดน้ำแล้วใช้ผ้าเช้ดตัวผืนใหญ่มาห่อตัวบลูไว้

“ ไปที่เตียงดีกว่า  บลูจะได้ขาไม่สั่น  ” บลูตีไหล่นนท์เบาๆ  ก้มหน้าซุกเข้าที่คอเมื่อนนท์อุ้มขึ้นเขารีบคว้ามือไปรอบคอนนท์ไว้

“ บลูถือเจลด้วยนนท์ลืม  ” บลูมองตามสายตายื่นมือไปคว้าขวดเจลที่นนท์ถือเข้าด้วย นนท์วาบลูลงบนเตียงเบาๆ คลี่ผ้าเช็ดตัวออก ไม่รอช้ารีบทาบทับตัวลงไปทันที


“ นนท์คิดถึงบลู  ” พูดแค่นั้นไม่ต้องอธิบายให้ยุ่งยากให้การกระทำทั้งหมดบ่งบอกว่าคิดถึงกันมากขนาดไหน  บลูนนอนหงายหายใจหอบ ขาที่สั่นเริ่มหายไปเมื่อไม่ได้รับน้ำหนักร่างกายไว้ บลูยกศีรษะขึ้นมองนนท์ที่กำลังดูดดุนตุ่มแข็งบนหน้าอกเขาทั้งสองข้าง


“ อ้า นนท์ บลูเสียว  ” บลูขยุ้มเข้าไปในเส้นผมดกดำของนนท์ นนท์ส่งเสียงอือๆพอใจในคอ

“ บลูชอบมั๊ย  นนท์ชอบตรงนี้ของบลูมันหอมดี ” ทั้งนิ้วทั้งลิ้นที่กระหน่ำที่หน้าอกของบลู
นนท์ลากลิ้นลงต่ำไปถึงท้องน้อย จนบลูเสียวในท้อง

“ อื้อนนท์  อืมมมม ” บลูครางออกมาเมื่อนนท์ลากลิ้นถึงท่อนแข็งร้อนนั้นอีกครั้ง

“ บลูครับ แยกขาให้นนท์นะคนดี   ”  บลุทำตามอย่างว่าง่าย นนท์ก้มลงจูบที่ปลายท่อนร้อนๆนั้นให้รางวัล เด็กดี

“ อ้า ซีดส์  ” บลูครางพร้อมกับเด้งสะโพกขึ้นเล็กน้อย นนท์หัวเราะหึๆ รู้สึกดีที่บลูพอใจ  เขาลากลิ้นไปทั่วหน้าขา สูดกลิ้นหอมสบู่อ่อนๆ และกลิ่นของบลูเข้าจมูกเต็มปอด นนท์ลากลิ้นไปตามร่องลึกนั้น             จับขาบลูให้แยกกว้างขึ้นอีก เผยให้เห็นวงสีชมพูนุ่มหยุ่นที่เขาใช้มือสัมผัสไปแล้วตอนอยู่ในห้องน้ำ                    เขาจูบมันอีกครั้ง แลบลิ้นมาเลียรอบๆเบาๆ บลูขนลุกซู่กัดปากตัวเองไว้มือยังขยุ้มที่ผมนนท์ไม่ปล่อย


“ นะนนท์  บลูจะตาย  ” นนท์ทำให้ทุกครั้งบลูก็รู้สึกว่าจะขาดอากาศหายใจตายทุกครั้ง

“ หึหึ  ” นนท์ชอบเวลาที่ทำให้แล้วบลูดิ้นส่ายไปมามะนทำให้บลูดูร้อนแรง
เขาปัดป่ายลิ้นไปมาจนบลูหอบหายใจถี่เร็ว ส่งเสียงครางไม่หยุด สะโพกเด้งส่ายไปมา ทั้งที่นนท์ยึดไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง

“ ซีดส์ นนท์ บลูจะเสร็จ  ” นนท์หยุดลิ้นที่กำลังละเลงในช่องหลืบนั้น เขายังไม่อยากให้บลูเสร็จตอนนี้
“ นนท์แกล้งบลู  ” บลูหอบเอ่ยเสียงพร่า

“ ตั้งแต่ในห้องน้ำแล้ว  ” นนท์รู้ว่าถ้าเขาใช้ปากให้บลูจะเสร็จทุกครั้ง แต่ครั้งนี้พอบลูใกล้ถึงฝั่งเขาก็หยุดกลางคัน เขาอยากอยู่แบบน้ำกับบลูนานๆ  แต่อีกใจก็สงสาร ร่างที่บิดเร่าส่ายสะโพกไปมา ถึงจะเป็นภาพที่เขาชอบก็เถอะ


“ นนท์ไม่แกล้งแล้วครับ บลูคนดี  ” นนท์เอื้อมมือไปหยิบหลอดเจลที่วางอยู่บนเตียงบีบลงป้ายที่ช่องทางสีชมพู แล้วป้ายที่ท่อนร้อนๆของตัวเอง          สอดนิ้วเข้าไปเปิดทางแม้ว่าบลูจะเตรียมการไว้แล้วแต่พวกเขาห่างหายไปเป็นเดือนมันอาจจะไม่ค่อยสะดวกก็ได้เขาไม่อยากให้บลูเจ็บ            บลูแหงนเงยหน้าหลับตาแน่นเมื่อมีนิ้วกับเจลเย็นๆสัมผัสที่ช่องทางด้านใน จากหนึ่งเป็นสอง เป็นสาม

“ อืมมม  อึก ”  บลูครางเบาๆ

“ นนท์จะเข้าไปแล้วนะ  ”บลูพยักหน้า นนท์ถอนมือออก ลูบแท่งร้อนตัวเองจับมาจ่อที่ทางเข้าค่อยๆดันเข้าไปอย่างช้าๆ คอยระวังไม่ให้บลูเจ็บทั้งๆที่ตัวเขาอยากจะสอดพรวดเข้าไปครั้งเดียวในทันที               ใครว่ามีแค่บลูหล่ะที่จะเสร็จเขาก็เกกลือบไปหลายครั้งเหมือนกันแค่ได้เห็นบลูขาสั่นเสียงสั่นในห้องน้ำนั่นเขาก็จวนจะระเบิดเหมือนกัน


“ อื้อออ นนท์  ”  บลูกดใหล่นนท์แน่น เมื่อท่อนร้อนๆเข้าไปได้จนสุดลำ

“ บลูเจ็บเหรอ  ” นนท์หยุดการเคลื่อนไหว แช่ไว้นิ่งๆ

“ หึ บลูเสียว  ” บลูหลับตาส่ายหน้ากัดริมฝีปากมันยิ่งเป็นภาพที่เขาแทบจะระเบิดออกมาซะตอนนี้ บลูรู้สึกถึงลำแข็งที่กะตุกอยู่ข้างในร่างกายตัวเอง มันทั้งคับแน่น           เติมเต็มจนบลูสะท้านทั้งร่างกาย ตรงปลายมีน้ำใหลซึมออกมา นนท์ขยับจากเบาๆเป็นเร่งเร็วขึ้น บลูกอดไหล่นนท์แน่นขึ้น


“ บลูครับ บลูคนเก่งของนนท์  มันแน่นไปหมด” นนท์ขยับลึกและเร็ว

“ นนท์คิดถึงบลู คิดถึงทุกวัน  ”
“ บลูคิดถึงนนท์มั๊ยครับ ที่รัก  ”
“ ที่รักคิดถึงนนท์มั๊ย  ”
“ อ้า ซีดส์ แน่นมากที่รัก  ”  นนท์ครางไม่หยุดพร่ำเรียกบลูอยู่ไม่ขาด ข้างในบลูโอบรัดท่อนร้อนของนนท์อย่างแน่น


“ ฮื่ออ นนท์บลูไม่ไหวแล้ว อ้า  ” บลูไม่สามารถทนทานได้อีกต่อไปเมื่อโดนกระทุ้งเข้าตรงจุดอ่อนไหวข้างในนั่น บลูส่งมือไปรวบท่อนร้อนของตัวเองอ้าปากครวญครางพร้อมกระตุกรัดเกร็งปล่อยน้ำพุ่งออกมารินรดหน้าท้องตัวเองจนเต็มไปด้วยน้ำขาวขุ่น

 
“ นนท์ก็จะไม่ไหวแล้วครับ อ้า  ” นนท์ปล่อยเสียงครางยาว กระแทกสะโพกลึกๆสองสามทีแล้วก็เกร็งตัวปล่อยน้ำอุ่นรินรดข้างในของบลู จนทะลักล้นออกมาข้างนอก เขาทรุดตัวลงไปซุกที่อกบลูนิ่งๆหายใจหอบ บลูที่ยังหายใจไม่เป็นปกติก็รวบเอาศรีษะทุยๆนั้นกอดไว้ ก้มลงหอมสูดกลิ่นนนท์เข้าไปเต็มปอด   
            บรรยากาศสงบ เงียบของกลางคืนได้เข้ามาครอบครองทั้งห้องอีกครั้ง นนท์กอดบลูไว้อย่างนั้นโดยที่ส่วนล่างยังเชื่อมต่ออยู่กับบลู ไม่มีใครอยากขยับแม้แต่นิดเดียวทั้งๆที่เหนอะหนะด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ทั้งคู้ก็ยังอยากซึมซับความสุข ความอ่อนหวานนี้ไว้จนกว่าจะพอใจ


บลูที่เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนรู้สึกตัวขึ้นมาเพราะนนท์ผละออกจากอ้อมกอด 

“ หลับไปนานเลย ตีหนึ่งแล้ว  ” นนท์บอก บลูก้มมองส่วนที่เชื่อมกันอยู่ หน้าก็ร้อนขึ้นอยู่กันได้ยังไงตั้งครึ่งชั่วโมงโอยที่คาอยู่แบบนี้
“ นนท์เอาออกนะ  ”
“ อื้อ   ซีดส์ ”  พอนนท์ขยับท่อนใหญ่ออกบลูก็ซีดปากด้วยความเจ็บแต่มันไม่ได้เจ็บมากมาย

“ เจ็บเหรอ ขอโทษนะ นนท์ไม่ได้เอาออกทันที นนท์อยากอยู่ในตัวบลูนานๆ  ” นนท์กดจูบเบาที่ริมฝีปากบลูเป็นการขอโทษ

“ ไม่เจ็บมากหรอก ตอนนั้นบลูก็อยากให้นนท์อยู่นานๆเหมือนกัน  ” พูดแล้วก็ซุกตัวเข้าอกนนท์เพื่อซ่อนหน้าแดงๆไว้ ความห่างไกล ความคิดถึง มันได้ถูกเติมเต็มและทดแทนด้วยช่วงเวลาที่มีกันและกัน 
อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น เสียงที่เฝ้าเรียกชื่อหาอย่างโหยหาและอ้อนวอน รอบจูบที่ลึกซึ้งและอ่อนหวาน กลิ่นกายที่คุ้นเคยและหอมหวน ทุกอย่างมันแทนความคิดถึงเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย    สองร่างกอดกันอย่างแนบแน่นใต้ผ้าห่มผืนบางและหลับไปอย่างแสนหวานในอ้อมกอดของกันและกัน                   ฝันดี นนท์บลู


*************************



จบแล้วนะคะ นนท์บลู ขอบคุณที่คอยอ่านกัน แม้ไม่มากแต่ก็ขอบคุณที่ยังคอยอ่าน คอยเมนท์ นานมากสำหรับนนท์บลู ตอนสุดท้ายพานนท์ผู้อบอุ่นกับบลูคนขี้อายมาฝาก (ลงครั้งเดียวหลายตอนเลย)   :bye2:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด