Since the love song
จนกว่าจะถึงเพลงรัก
08
สัมผัสแผ่วเบาบริเวณริมฝีปากทำให้คนที่กำลังเคลิ้มหลับอยู่รู้สึกตัว นริศพยายามเขม้นมองภาพตรงหน้าเมื่อเปิดเปลือกตาที่แสนจะหนักอึ้งได้ และภาพที่เห็นก็ยังเป็นคน ๆ เดิม กวินกำลังนั่งมองเขาอยู่ คนตัวเล็กนั่งหมิ่นเหม่อยู่บนโซฟาตัวเดียวกันกับที่เขานอน นิคเลื่อนสายตาไปที่มือเล็กแล้วก็พบต้นเหตุที่ทำให้เขาตื่น ในมือของกวินมีผ้าขนหนูผืนเล็กที่นิคคิดว่าเจ้าตัวคงจะใช้เช็ดหน้าให้เขาเมื่อครู่
"พี่ไม่ต้องเช็ดหรอก เดี๋ยวผมไปอาบน้ำเองก็ได้" ร่างเล็กกลับส่ายหน้าไปมา
"ฉันเช็ดแผลให้แล้วถ้าลุกไหวก็ไปอาบน้ำ เสื้อผ้าฉันวางไว้ให้ที่เตียงเสร็จแล้วก็ออกมาทายาแล้วก็กินยาปวด" ว่าจบก็ถดตัวแล้วลุกขึ้นยืนเห็นดังนั้นนริศจึงยื่นแขนสองข้างไปหาคนตรงหน้า กวินจับมือของเด็กขี้อ้อนไว้ก่อนจะออกแรงรั้งเอาคนตัวโตกว่าขึ้นมานั่ง
"หิวมั้ย เดี๋ยวฉันทำโจ๊กให้แล้วจะได้กินยา" คนที่ไม่รู้สึกหิวส่ายหน้ารัวปฏิเสธโจ๊กมื้อดึก
"โอเค งั้นฉันต้มของฉันซองเดียวแล้วนายดื่มนมรองท้องเอาแล้วกัน" ว่าจบก็หมุนตัวเตรียมจะเดินไปที่ครัวแต่กลับมีมือเด็กบางคนรั้งแขนไว้ เปลี่ยนใจกันแบบปุบปับ "จะกินโจ๊กด้วย.."
"จะกินด้วยก็รีบไปอาบน้ำได้แล้ว" เพียงเท่านั้นเจ้าเด็กที่เคยงอแงก็ลุกขึ้นยืน บิดซ้ายบิดขวาเอาตัวขี้เกียจออกจากร่างแล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไป
กระจกบานใหญ่บนอ่างล้างหน้าสะท้อนภาพรอยช้ำบนริมฝีปากของนริศอย่างชัดเจน ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาให้กับความซวยในค่ำคืนนี้ ปากแตก มุมปากช้ำแถมยังปวดปร่าไปทุกครั้งที่ขยับแต่เมื่อเห็นว่าไม่เกิดประโยชน์อันใดที่จะมาคร่ำครวญนิคจึงเดินเข้าไปอาบน้ำให้เสร็จ ๆ ไป..
ผ้าเช็ดตัวผืนสีน้ำตาลเข้มที่พาดอยู่บนราวทำให้มือที่กำลังจะคว้าเอามันมาใช้ชะงักไป ทำไมเขาไม่เคยสังเกตว่าของ ๆ เขาที่อยู่ในห้องนี้มันไม่ได้อยู่แบบคนอื่น ข้าวของของนิควางระเกะระกะคล้ายกับว่าห้องนี้คือห้องของเขา ห้องที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับว่าเขาใช้ชีวิตอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ ผ้าขนหนูของเขาไม่เคยถูกพับเก็บไว้ในตู้แต่กลับพาดอยู่บนราวตลอดเวลา แปรงสีฟันที่ไม่ต้องเรียกหาหรือขออันใหม่ในยามที่ต้องการใช้เพราะทุกครั้งมันจะเสียบอยู่ในแก้วเดียวกันกับแปรงสีฟันของผู้เป็นเจ้าของห้อง หรือแม้กระทั่งสบู่ แชมพู ยาสีฟัน เราก็ใช้ยี่ห้อเดียวกันได้โดยไม่เกี่ยงงอน
นริศเข้านอกออกในที่แห่งนี้ได้ในขณะที่คนอื่นไม่ได้รับสิทธิ์นั้น
ทั้งที่เมื่อคืนก่อนยังเป็นฝ่ายเรียกร้องขอให้เขาสนใจความรู้สึกตัวเองบ้าง แต่วินาทีนี้เขากลับรู้สึกเต็มตื้นไปทั้งอก เมื่อคิดได้ว่าตนเองถูกอีกฝ่ายเอาใจใส่มากเพียงใด ยิ่งก้าวเข้าไปในห้องนอนแล้วพบว่าชุดนอน'ตัวเก่ง'วางอย่างเรียบร้อยที่ปลายเตียงก็ยิ่งสะท้อนในอก คำพูดของกวินกลับมาวิ่งวนในห้วงความคิดตอกย้ำว่าสิ่งที่เจ้าตัวพูดมาคือ'ความจริง'ไม่ใช่เพียงคำที่ใช้ง้องอนขอคืนดี
'นายเป็นคนสำคัญในโลกของฉัน' กวินไม่เคยพูดแต่บอกทุกอย่างด้วยการกระทำ ถึงตอนนี้นริศจึงทำได้แค่เพียงย้อนถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าแล้วเขาล่ะเคยสนใจความรู้สึกของกวินบ้างไหม..
กลิ่นโจ๊กหอมกรุ่นลอยอยู่เต็มบรรยากาศยามที่นริศเปิดประตูออกมาจากห้องนอนคนตัวเล็ก เสื้อยืดคอย้วยสีขาวกับกางเกงบาสเนื้อนิ่มใส่สบายทำให้เจ้าตัวดูผ่อนคลายกว่าเดิม ร่างสูงก้าวเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับคนตัวเล็ก โจ๊กหมูในชามหอมจนเรียกน้ำย่อยรอบดึกให้ทำงาน นิคค่อย ๆ ตักโจ๊กเข้าปากด้วยความระมัดระวัง
"เจ็บแผลใช่มั้ย" นิคมองคนถามด้วยรอยยิ้มแล้วจึงพยักหน้าเบา ๆ ทั้งที่เป็นฝ่ายที่ถูกใส่ใจแต่ก่อนหน้านี้นิคกลับมองไม่เห็นสิ่งเหล่านั้น ไม่เคยรับรู้ว่ามันพิเศษสำหรับเขาจนวันนี้
"ค่อย ๆ กินนะ เดี๋ยวไปหยิบยามาให้" กวินกินเสร็จแล้ว คนตัวเล็กไม่ได้รอกินพร้อมนิคแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเดินวนเวียนอยู่แถวนั้นและมองเขาด้วยความเอาใจใส่ ผ่านไปสักครู่กวินก็กลับมาพร้อมกับยาแก้ปวดและน้ำเปล่าอีกหนึ่งแก้ว
"เดี๋ยวกินเสร็จแล้วก็กินยา อย่าลืมทายาแก้ฟกช้ำด้วย หลอดสีฟ้าในกล่องที่วางอยู่ข้างทีวีอะ" หลังจากวางยาแก้ปวดไว้บนโต๊ะให้เสร็จแล้วกวินจึงหันไปจัดเรียงขวดน้ำเปล่าใส่ตู้เย็นแทนขวดที่เอาออกไปดื่ม คุ้ยตู้เย็นไปสักพักก็พบว่าในช่องแช่แข็งมีชอกโกแลตอยู่หนึ่งกล่อง ใจจริงอยากจะเอามากินซะตอนนั้นแต่พอนึกถึงสภาพปากของไอ้เด็กที่มันเป็นคนเอามาแช่ก็ตัดใจวางไว้ที่เดิมเพราะถ้าหยิบออกมาหมอนั่นก็จะต้องอยากกินด้วยแต่ชอกโกแลตแข็งขนาดนี้นิคคงกินไม่ไหวแน่ ๆ เมื่อหันกลับมาอีกครั้งกวินก็พบว่าโจ๊กในถ้วยของคนเจ็บพร่องไปเกือบหมดแล้ว
"กินเสร็จแล้วไปบ้วนปาก ยังไม่ต้องแปรงฟันเดี๋ยวมันจะโดนแผล" มือบางเอื้อมไปหยิบเอาถ้วยโจ๊กเปล่าที่เพิ่งหมดลงไปมาถือไว้ขณะรออีกฝ่ายกินยา วันนี้นิคเป็นคนเจ็บจึงได้รับการอนุโลมให้ไม่ต้องล้างจาน เมื่อกวินเก็บแก้วและถ้วยโจ๊กทั้งหมดไปล้างแล้วนิคจึงลุกไปบ้วนปากอย่างที่อีกฝ่ายสั่งไว้ เพียงครู่เดียวก็กลับออกมา ชายหนุ่มเดินไปหยิบหลอดยาแก้ฟกช้ำแล้วเดินไปหาคนตัวเล็กที่อ่างล้างจาน
ไหล่เล็กขยับขึ้นลงในขณะที่ล้างเอาฟองสีขาวออกจากจาน ใบหน้าหวานก้มต่ำมองสิ่งที่กำลังทำอยู่ด้วยความตั้งใจ ดวงตาคู่นั้นจะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเสมอในยามที่เจ้าของของมันลงมือทำอะไรก็ตาม ทั้งที่มองเห็นสิ่งเหล่านี้มาตลอดแต่เขาไม่เคยเก็บมันมาใส่ใจ การกระทำที่แสนเล็กน้อยหากเมื่อย้อนกลับไปคิดถึงมีแต่จะทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับสิ่งเหล่านี้จากกวิน และถ้าให้พูดกันตามตรงนริศออกจะมั่นใจว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้สัมผัสความพิเศษที่กวินมอบให้ หลายครั้งที่บ่นตัดพ้อต่อว่าถึงการกระทำร้ายกาจแต่เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่หรือที่ทำให้เราอยู่ด้วยกันมาจนถึงวันนี้
‘หรือเขาจะรอมึงอยู่..’ คำพูดของเพื่อนย้อนกลับมาให้ได้ยินชัดเจนในความรู้สึกราวกับว่าคนพูดยืนอยู่ข้าง ๆ
การได้นอนจับมือกับกวินเมื่อตอนเช้าเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เขาเพิ่งตระหนักในเวลานี้...
พระเจ้าครับ ถ้าผมจะขอเข้าข้างตัวเอง...
ถ้าผมจะขอให้เหตุผลกับทุกการกระทำของคนๆนี้ว่า ‘ความรัก..’
นริศยืนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำขอบคุณ ฤทธิ์จากแอลกอฮอล์ที่ตกค้างในกระแสเลือดเมื่อทำปฏิกิริยากับความตื้นตันใจที่กำลังปะทุในอกมันทำให้ความยับยั้งชั่งใจหลุดหายไปราวกับอากาศที่ปลิดปลิว ร่างกายของเขาไม่รับคำสั่งจากสมอง ดังนั้นสิ่งที่แสดงออกมาจึงเป็นการกระทำที่เกิดจากความต้องการของหัวใจล้วน ๆ
ร่างสูงก้าวเข้าไปยืนซ้อนหลังคนที่กำลังล้างจานอยู่ แขนแกร่งสอดรั้งเอวเล็กเข้าสู่อกกว้าง กดจมูกลงกับกลุ่มผมนิ่มก่อนเลื่อนใบหน้าไปกระซิบชิดริมหูคนในอ้อมกอด
“ขอบคุณครับ..” คำเดียวที่สามารถพูดได้ในเวลานี้..
สัมผัสอ่อนโยนที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้กวินตกใจจนเกือบจะปล่อยจานในมือให้หล่นลงไปเป็นเศษกระเบื้อง คนตัวเล็กรีบล้างฟองออกจากจานใบสุดท้ายแล้วล้างมือให้สะอาด ยังไม่ทันได้เช็ดมือให้เรียบร้อยก็รู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ไหล่เล็ก..
ไหล่ที่ใครอีกคนกำลังใช้มันซับน้ำตาหยดแล้วหยดเล่า นริศซุกหน้าเข้าหาลาดไหล่ของอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้นเมื่อคนที่อยู่ในอ้อมกอดวางมือเย็น ๆ ลงบนมือหนา แรงกระชับแผ่วเบาพอให้รู้สึกถึงความใส่ใจทำให้น้ำตายิ่งพรั่งพรู ไม่มีคำพูดใดจากคนตัวเล็กแต่ถึงอย่างนั้นนริศก็รู้ว่ากวินเข้าใจในสิ่งที่เขากำลังบอก..
ไม่มีคำถามว่าทำไมให้ลำบากใจที่จะตอบ เมื่อนริศยังคงรักษาความเงียบไว้กวินก็พอใจจะอยู่เงียบ ๆ เป็นเพื่อน..
ความรู้สึกที่นริศค้นพบในตอนนี้ยิ่งตอกย้ำความไม่เอาใจใส่ ไม่มองเห็น ไม่รับรู้ของตนเองให้ยิ่งรวดร้าว กวินไม่เคยปกปิดความรู้สึกหากแต่แสดงออกด้วยความสม่ำเสมอ แต่เขากลับมองว่านั่นเป็นเรื่องเล็กน้อยและธรรมดาเพราะเป็นฝ่ายที่ได้รับจนเคยชิน..
ในตอนนี้ แม้กระทั่งคำว่าขอโทษเขาก็ยังไม่กล้าจะพูดมันออกไป
.
.
.
เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งปลุกไว้ตอนหกโมงเช้าร้องดังสนั่นไปทั่วห้องนอน มือเล็กควานหาต้นเสียงเมื่อเจอแล้วก็ยัดมันใส่มือคนเป็นเจ้าของก่อนจะลุกขึ้นมานั่งหัวฟู..
กำหนดการในวันนี้คือออกเดินทางเจ็ดโมงเช้า กระเป๋าเดินทางที่เตรียมเรียบร้อยแล้วสำหรับทริปคืนเดียววางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า คนตัวเล็กไถตัวลงจากเตียงแล้วก้าวเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว สักพักกวินก็ออกมาในชุดที่พร้อมจะเดินทาง กางเกงห้าส่วนสีน้ำเงินเข้มกับเสื้อยืดสีขาวเพ้นท์ลายกีตาร์ที่นิวให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อต้นปีทำให้เจ้าตัวดูเหมือนเด็กมัธยมจนน่าตกใจ
ทั้งที่นัดกับชาวบ้านไว้เจ็ดโมงแต่ตอนนี้ไอ้คนที่มันใช้โทรศัพท์แทนนาฬิกาปลุกก็ยังไม่ยอมโงหัวจากที่นอน ร่างเล็กเดินไปยังเตียงฝั่งที่นริศนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มก่อนจะออกแรงเขย่าไหล่หนา
“นิค..ตื่นได้แล้วนะ” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากไอ้คนที่ท่านเรียก..
“นิค..” ก็ยังไม่ยอมตื่น..
“นิค!” น้ำเสียงห้วนห้าวที่ดังชิดริมหูทำให้คนขี้เซาค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมอง ทั้งที่เพิ่งได้นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่เขากลับถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ ใบหน้างอง้ำแสดงความหงุดหงิดที่ถูกรบกวนการนอนฉายชัดบนใบหน้าคมเห็นดังนั้นคนตัวเล็กจึงถามเสียงเรียบ
“ไม่ไปแล้วใช่มั้ย ถ้าไม่ไปจะนอนต่อก็ได้ ส่วนของในกระเป๋าฉันจะเก็บออกให้ฝากเฝ้าบ้านด้วยละกัน” ดวงตาคมมองตามคนจริงที่ตอนนี้กำลังเดินเปิดกระเป๋าเดินทางใบขนาดย่อมเพื่อจะเก็บเอาเสื้อผ้าของนิคออกแล้วก็ต้องรีบสลัดผ้าห่มออกจากตัวกระโดดลงจากเตียงเพื่อไปรั้งมือเล็กไว้
“อะไรอะ ไม่ได้บอกว่าไม่ไป ขอเวลาอาบน้ำแป็บเดียวรับรองไม่เกินสิบนาที” ว่าจบก็ถลาไปที่ราวพาดผ้าเช็ดตัวคว้าเอาผืนที่เป็นของตัวเองมาได้ก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความรวดเร็ว
กวินมองไอ้เด็กไม่รู้จักโตแล้วก็ถอนใจเบา ๆ ผ้าห่มที่กองระเกะระกะถูกรวบมาพับให้เรียบร้อยโดยเจ้าของห้อง ตั้งแต่คืนนั้นหลังจากที่กวินปล่อยให้นิคเสียน้ำตาทำซึ้งจนพอใจเขาก็จูงมืออีกฝ่ายเข้าไปนอน ซึ่งพอถึงเตียงเด็กตัวโตก็ยื่นหลอดยามาตรงหน้าแล้วทรุดนั่งลงบนขอบที่นอนเชิดหน้ารอให้กวินเป็นฝ่ายทายาให้
กวินบรรจงป้ายยาลงบนมุมปากหนาด้วยความแผ่วเบา นวดช้า ๆ เพื่อให้ตัวยาซึมและออกฤทธิ์ได้อย่างทั่วถึง แต่เมื่อทาเสร็จไอ้ตัวดีก็บ่นว่าเหม็นยา ก็ช่วยไม่ได้ในเมื่อแผลมันอยู่ใต้จมูกแบบนั้นถ้าอยากหายก็คงต้องทนเหม็นไปอีกหลายวัน จากนั้นกวินจึงเข้าไปล้างมือในห้องน้ำกลับออกมาก็พบว่านิคนอนซุกตัวหลับตาพริ้มอยู่ในผ้าห่มของเขาเรียบร้อยแล้ว และตั้งแต่คืนนั้นจนกระทั่งตอนนี้หมอนั่นก็ยังไม่กลับไปนอนที่ห้องตัวเองแม้แต่คืนเดียว หนักเข้าก็ไปเก็บเอาสัมภาระข้าวของเครื่องใช้หนังสือหนังหามาวางกองไว้ในห้องของกวินอย่างกับว่าห้องนี้มันจ่ายเงินซื้อด้วยตัวเอง..
ถ้ามันเกิดเป็นผู้หญิงพ่อแม่คงหนักใจไม่น้อยที่ลูกตัวเองเก็บข้าวเก็บของมาอยู่กับผู้ชายสองต่อสองแบบนี้..
กวินมองคนที่อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นระดับเข่ากับเสื้อยืดสีขาวลายไมโครโฟน(ที่เป็นของขวัญจากนิวเหมือนกัน)แล้วจึงเบ้ปากใส่ อย่างนี้มันแต่งตัวเลียนแบบกันนี่หว่า!
เมื่อพร้อมออกจากบ้านกวินจึงเดินสำรวจก๊อกน้ำและปลั๊กไฟภายในห้องให้เรียบร้อยอีกครั้งจากนั้นจึงออกมาสมทบกับไอ้คนที่มันยืนแบกเป้รออยู่หน้าประตู กวินกระชับกระเป๋ากล้องบนไหล่แล้วจึงปิดล็อคประตูหน้าห้อง คนตัวเล็กเดินนำเข้าไปในลิฟต์แล้วก็กดหมายเลขชั้นที่อยู่สูงขึ้นไปให้อีกฝ่ายทำตาโตเป็นคำถาม..
“ไปดูห้องนายก่อนสิ เผื่อลืมเสียบปลั๊กอะไรทิ้งไว้”
“ไม่ลืมแล้ว เมื่อคืนก่อนผมก็ขึ้นมาดูแล้วรอบนึงอะ” กวินส่ายหน้าไม่ไว้ใจ เมื่อคืนมันบอกว่าลืมเอาสายชาร์จโทรศัพท์มาด้วย แล้วบอกว่าระหว่างที่ไปทะเลจะใช้ของเขาแทนเพราะเสียบกันได้พอดี ทำให้เขาสังหรณ์ใจว่ามันต้องเสียบสายชาร์จทิ้งไว้โดยไม่ได้ดึงออกจากปลั๊กแน่ ๆ เพราะทุกครั้งที่ไปหานิคที่ห้องกวินจะเจอสายชาร์จถูกเสียบคาไว้กับปลั๊กอยู่เสมอ
เมื่อเปิดประตูเข้ามากวินก็พบว่าห้องของนิคดูเรียบร้อยกว่าตอนที่เจ้าตัวอยู่เป็นประจำ เพราะคุณแม่ของไอ้เด็กนี่ส่งแม่บ้านมาทำความสะอาดให้วันเว้นวัน แล้วยิ่งพอไม่มีคนทำรกห้องก็เลยดูดี (แต่ตอนนี้ห้องของเขากำลังรกมากและคงไม่ต้องบอกว่าเป็นเพราะใคร) กวินเดินสำรวจจนทั่วแล้วก็พบว่าสายชาร์จโทรศัพท์ไม่ได้คาปลั๊กอยู่แต่ม้วนไว้อย่างเรียบร้อยจนไม่น่าเชื่อว่าเจ้าตัวมันเป็นคนเก็บเอง คนตัวสูงยักคิ้วใส่กวินสองจึ๊กซึ่งแปลได้ความว่า ผมบอกแล้วใช่มั้ย หน้าตามันทะเล้นจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นคนเดียวกับผู้ชายที่กอดเขาร้องไห้ในคืนนั้น มือเล็กเงื้อขึ้นหมายจะดีดหน้าผากไอ้คนที่มันกำลังทำหน้าเยาะเย้ยตนเองแต่กลับถูกฝ่ายนั้นคว้าข้อมือไว้ นิคฉีกยิ้มยักคิ้วใส่ตาคนตัวเล็กกว่าที่กำลังฮึดฮัดไร้ทางสู้ เปล่าไม่ใช่ว่าสู้ไม่ได้ เพียงแต่ของที่กวินสะพายอยู่นั้นออกจะเป็นของรักของหวงของเจ้าตัวทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายรูปหรือกีตาร์ตัวเก่ง ลองว่าทำอะไรรุนแรงลงไปถ้าพลาดข้าวของเสียหายดูท่าว่าจะไม่คุ้ม..
และด้วยเหตุผลเหล่านี้มันเลยทำให้คนที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าทะลุปรุโปร่งยิ่งได้ใจ กวินจะรู้ตัวไหมว่าตั้งแต่คืนที่เผลอทำตัวใจดีให้ใครอีกคนยืมไหล่ซับน้ำตาในความตื้นตัน คน ๆ นั้นก็ตั้งปฏิญาณกับตัวเองว่าจะเริ่มปฏิบัติการ’ค้นใจ’เพื่อหา’ความหมาย’ในทุกการกระทำของกวิน..
จริงอยู่ว่านริศอาจจะไม่เคยจีบใครก่อน แต่ก็ใช่ว่าเขาจะทำไม่เป็นเสียหน่อย ของแบบนี้มันต้องมีครั้งแรก ความรู้สึกลิงโลดประทุขึ้นในอกทุกครั้งที่คิดว่ากวินอาจจะมีใจให้เขาบ้างและมันก็เป็นแรงผลักดันให้เขาลองทำในสิ่งที่เคยคิดมาตลอดว่าทำไปก็ไร้ค่า จากการที่ใช้ชีวิตด้วยกันมานาน เห็นความผิดพลาดของคนอื่นมาหลายครั้ง โดยเฉพาะที่พี่จองโมทำลงไป นิคจึงเรียนรู้ที่จะไม่เดินดุ่มเข้าหา วิธีการพุ่งเข้าชนไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ ความเสี่ยวในสายเลือดมันบอกเขาว่ากับคน ๆ นี้ ต้องใช้วิธีหลิ่วตาตาม
นิคส่ายหน้าไปมาคล้ายกับจะบอกอีกฝ่ายว่าต่อให้ดิ้นไปก็ไม่มีประโยชน์ ร่างสูงเลื่อนฝ่ามือไปกุมกระชับกับมือเล็กแล้วออกแรงจูงให้เดินไปที่หน้าห้องหลังจากที่เดินไปหยิบเอาสายชาร์จมาใส่กระเป๋าแล้ว นริศจัดการล็อกประตูเรียบร้อยโดยไม่ยอมปล่อยมือกวินให้เป็นอิสระ จนกระทั่งลงมาถึงชั้นล่างสุด ลามไปจนตอนที่รถตู้ของธรมาจอดรับนิคก็ยังดึงมือกวินให้ขึ้นมานั่งข้างกัน
เพราะออกเดินทางกันแต่เช้า ดังนั้นเมื่อผ่านไปสักพักทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของรถที่จับจองเบาะหลังสุดเพื่อนั่งซุกกันกับเบสแค่สองคน เบาะกลางที่มีพีชนั่งยิ้มกับถนนหนทางให้นิวลงไปนอนขดตัวหนุนตัก หรือเบาะหน้าสุดที่เป็นของกวิน คนตัวเล็กนั่งหลับตาพริ้มฟังเพลงปล่อยให้ไอ้เด็กบางคนเอนศีรษะมาพิงไหล่ ส่วนเกื้อที่วันนี้มาเดี่ยวก็อาสาไปนั่งข้างหน้าคู่กับพี่คนขับ
หลังจากผ่านการนั่งรถกินขนมชมวิวบ้างหลับบ้างราวสามชั่วโมงคณะนักเดินทางผู้มีเสียงดนตรีอยู่เต็มหัวใจก็มาถึงท่าเรือสำหรับข้ามไปยังเกาะเล็ก ๆ ที่เป็นเป้าหมายของทริปนี้..
เมื่อขนสัมภาระลงจากรถตู้ลงเรือเร็วที่จองไว้แล้วคุณชายธรจากตระกูลดังก็สั่งความให้คนขับรถกลับมารับอีกทีพรุ่งนี้ตอนเย็น ใช้เวลาแค่ยี่สิบนาทีทั้งหมดก็มาถึงรีสอร์ทท้ายเกาะ น้ำทะเลใสแจ๋วอย่างที่วาดหวัง แถมยังมีกิจกรรมทางน้ำอีกหลายรายการให้เลือกเล่นได้เต็มที่ งานนี้คงได้เปลี่ยนสีผิวกลับบ้านกันแน่ ๆ
บ้านพักแต่ละหลังที่จองไว้มีบริเวณเป็นของตัวเอง พวกเขาจองบ้านพักสองหลังติดกันเพราะหนึ่งหลังมีห้องนอนสองห้อง โชคดีที่นิวจัดการทุกอย่างไว้ก่อนแล้วบ้านพักที่พวกเขาได้จึงเป็นหลังที่หันหน้าออกสู่ทะเล หลังจากเอาข้าวของสัมภาระไปเก็บเรียบร้อยก็ได้เวลาลงน้ำ ไม่มีใครรีรอเนื่องจากมีเวลาแค่สองวันหนึ่งคืน ดังนั้นเมื่อกวินออกมาจากห้องพักก็พบว่าไม่มีใครแล้ว
กวินสะพายกระเป๋ากล้องเดินออกมาที่ลานหน้าบ้านพัก สายลมหอบเอากลิ่นทะเลมาปะทะกับใบหน้าให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบ คนตัวเล็กเดินเข้าไปหาพีชที่กำลังทำท่าเก้ ๆ กัง ๆ กับกล้องตัวใหม่ที่กวินไม่กล้าจะแตะเท่าไหร่เพราะราคามันมากกว่าค่าเทอมของเขาไปเกือบสามเท่า ชายหนุ่มหันมาหากวินพร้อมกับทำหน้าเมื่อย
“ถ่ายแล้วสวยดีนะ แต่ฉันยังไม่ชินเท่าไหร่ ถนัดกับไอ้ยักษ์มากกว่าเสียดายน้องชายเอาไปพังจนซ่อมไม่ได้เลย” กวินฟังแล้วก็คิดไปถึงกล้องตัวเก่าของพีช คนตัวเล็กกว่ายกกล้องในมือขึ้นโชว์เพื่อบอกว่าของเขายังอยู่ดี กล้องตัวนั้นเขากับพีชไปซื้อพร้อมกันตอนที่ขึ้นปีสองด้วยเหตุผลที่ว่าจะลงเรียนถ่ายรูป ซื้อพร้อมกันยี่ห้อเดียวกันแล้วสุดท้ายก็เอามาถ่ายด้วยกันเกือบจะทุกงาน กวินรู้จักกับเพื่อนคนนี้เพราะเคยไปเล่นกีตาร์ให้กับเพลงที่ใช้ในการแสดงละครเวทีที่พีชได้รับบทเป็นตัวเอกตั้งแต่ตอนที่อยู่ปีหนึ่ง
“เดี๋ยวก็ชินน่า นายถ่ายรูปสวยอยู่แล้ว ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว” ว่าแล้วก็บุ้ยใบ้ให้ลองเก็บภาพ เอ่อ อะไรวะนั่น! กวินมองไอ้แก๊งนักดนตรีแล้วก็ขำพรวดออกมา เกื้อ นิค ธร ในชุดเสื้อกล้ามสีดำสนิทตัดกับผิวขาวจัดอวดกล้ามเนื้อแก่สายตาประชาชีที่มันเดินผ่าน แต่กับท่อนล่าง..กวินเดาเอาว่ามันต้องนัดกันซื้อมาใส่แน่ไอ้กางเกงลายดอกสีชมพูแป๊ด เขียวอี๋ เหลืองอ๋อย สามสีสามคนนั่น แล้วไม่ทราบว่าสน๊อกเกิลกับตีนกบตีนเป็ดตีนไก่ที่มันสรรหามาใส่ประดับร่างมันก็นัดกันซื้อหรืออย่างไรทำไมมันถึงได้สีเดียวกับกางเกงกันทั้งสามคน
“เฮ้ย พีช ลองถ่ายสามคนนั่นดิ๊ อยากรู้ว่าสีจะสวยมั้ย” คนโดนทักยกกล้องขึ้นเก็บภาพเสร็จก็พอดีกับที่นายแบบทั้งสามคนเดินเข้ามาถึงใต้ร่มไม้ที่กวินนั่งอยู่กับพีช
“พี่สองคนไม่เล่นน้ำเหรอครับ” เสียงทุ้มต่ำมีสัมมาคารวะถูกส่งมาจากคุณชายธรเจ้าของกางเกงสีเหลือง
“ยังไม่เล่นตอนนี้อ่ะ ร้อน เดี๋ยวถ่ายรูปพวกนายกันก่อนแล้วตอนเย็น ๆ ค่อยลง” ร่างสูงเดินมาหมายจะหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกับกวินแต่ก็ช้ากว่าก้นใหญ่ ๆ ของใครอีกคน นริศตีหน้าซื่อขณะที่เบียดเข้ามาแทรกตัวลงที่ว่างข้างคนตัวเล็กพร้อมกับปรายตามองให้ธรไปนั่งเก้าอี้อีกตัวที่ไรแดดลอดผ่านเงาไม้มาถึง ธรอาจจะไม่ได้คิดอะไรเพราะเข้าใจว่าเพื่อนไม่อยากโดนไอความร้อนจากแสงแดด แต่ไอ้แขนที่มันยกขึ้นมาพาดพนักเก้าอี้แสดงความเป็นเจ้าของคนข้าง ๆ นี่แหละที่ไม่พ้นสายตาเกื้อ มือเบสของวงหลุดทำเสียงขลุกขลักในลำคอ ภาพเหล่านี้ไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเท่าไหร่ เพราะนิคมันก็ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของพี่กวินอย่างนี้ประจำแต่ที่ติดใจคือ‘บรรยากาศ’ที่เปลี่ยนไปต่างหาก เมื่อก่อนนริศอาจจะทำสิ่งเหล่านี้ไปโดยไม่รู้ตัวคล้าย ๆ อาการของเด็กหวงเพื่อน แต่สามสี่วันนี้เขารู้ว่ามันตั้งใจ..
นริศมันตั้งใจแสดงให้คนทั้งโลกรับรู้ว่าพี่กวินเป็นของมัน
กวินยังคงยกกล้องขึ้นส่องทัศนียภาพไปเรื่อย ๆ สลับกับการตรวจเช็ครูปโดยไม่ได้สนใจความเป็นไปของคนข้าง ๆ ว่าตอนนี้ขยับเข้ามาใกล้เพียงใดแล้ว นริศยื่นหน้าเข้าไปมองรูปที่กวินกำลังดูอยู่ ส่งปลายนิ้วไปชี้โน่นนี่นั่นบนหน้าจอแอลซีดีพร้อมออกความเห็นราวกับเป็นปรมาจารย์ด้านการถ่ายภาพโดยที่แขนอีกข้างก็ยังวางพาดพนักเก้าอี้ ฟังมันบรรยายเรื่องแสงตกกระทบมุมโน้นมุมนี้เพราะงั้นผมว่าพี่ควรจะโฟกัสตรงนั้นตรงนี้จะเหมาะกว่าแล้วเกื้อก็ชักจะหมั่นไส้หนัก
“แหมะ กูเพิ่งรู้ว่ามึงไปเรียนถ่ายรูปกับพี่กวินมาด้วย รู้ดีจังเลยนะไอ้เรื่องแสงเรื่องเงาเนี่ย”
“ไม่ได้ขัดคอกูนี่มึงจะกินข้าวไม่ลงใช่มั้ยครับ” สวนทันทีโดยไม่ต้องรักษาภาพ รู้เช่นเห็นชาติกันมาตั้งสามปี นิครู้ดีว่าอย่าได้เพลี่ยงพล้ำให้มันเด็ด ๆ
“เปล่า ก็กูเห็นมึงเล่าเรื่องแสงเรื่องสีให้พี่กวินฟังได้เป็นฉาก ๆ ตกลงมึงเรียนมาหรือเป็นกูเกิ้ลถึงได้รู้ดีไปหมดทุกเรื่อง” นิคหันไปมองเพื่อนสนิทแล้วจึงเบ้หน้าใส่ ตัดสินใจใช้ความสงบสยบคำพูดอีกฝ่ายโดยการหันไปให้ความสนใจกับคนข้าง ๆ ต่อ คุยกับเกื้อไม่เจริญหูเจริญตาสู้หน้าหวาน ๆ ตาโต ๆ ที่นั่งเบียดกันนี่ไม่ได้..
นิคนึกยิ้มย่องในใจเมื่อค้นพบว่าความจริงแล้วกวินไม่ได้เพียงแค่หล่อมากอย่างเดียว แต่พอมองให้หวาน คนตัวเล็กก็หวานได้อย่างไม่น่าเชื่อ หนำซ้ำยามที่ยิ้มจนตาปิดแก้มป่องยิ่งดูน่ารักจนเขาแทบจะคลานเข่าเข้าไปถวายตัว...เอ่อ ไม่ใช่ละ! แก้มป่อง ๆ นั่นเจ้าตัวจะรู้ไหมว่ามันน่าฟัดขนาดไหน ถึงตอนนี้เขาจึงไม่นึกแปลกใจเลยว่าทำไมที่ผ่านมาคนที่เข้ามาขายขนมจีบให้กวินถึงได้มีซะทุกเพศทุกวัย..
“พี่หิวมั้ย” เสียงทุ้มที่คลอเคลียอยู่ริมหูเอ่ยถามในสิ่งที่กวินคิดว่าไอ้คนถามนั่นแหละที่เป็นฝ่ายหิว ตั้งแต่แวะกินข้าวเช้าระหว่างทางจนมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอาหารมื้อหนักตกถึงท้องใครสักคน แต่ด้วยความที่กินขนมกันมาตลอดทางเลยทำให้ไม่หิวมากเท่าที่ควร
“หิวนิดหน่อย ทำไมนายหิวแล้วเหรอ” คนหิวพยักหน้ารัวอย่างที่กวินคิดไว้ไม่มีผิด คนตัวเล็กกว่าเลยหันไปหาน้องอีกสองคนที่กำลังคุยกันเรื่องผลบอลเมื่อคืนก่อนโน้น
“เกื้อ ธรหิวกันหรือยัง” ยังไม่ทันได้ตอบพีชที่วุ่นวายกับกล้องตัวใหม่อยู่ก็แทรกขึ้นมาก่อน
“รอแป็บนึงนะ นิวกับเบสไปสั่งอาหารแล้ว เดี๋ยวคงมาแล้วล่ะ” ว่ายังไม่ทันขาดคำสองคนที่ไปสั่งอาหารก็ปรากฏต่อสายตา ทั้งสองคนเดินนำหน้าพนักงานของรีสอร์ตเข้ามาที่โต๊ะ อาหารง่าย ๆ สำหรับมื้อกลางวันถูกยกมาเสิร์ฟให้แต่ละคนประทังความหิวก่อนที่จะไปจัดเต็มกับมื้อค่ำที่พวกเขาสั่งชุดปิ้งย่างอาหารทะเลแบบฟูลเซ็ตไว้
หลังจากที่จัดการมื้อกลางวันที่ค่อนไปทางบ่ายอ่อน ๆ กันเสร็จกิจกรรมทางน้ำที่รอคอยก็มาถึง แสงแดดจัดจ้าไม่ได้เป็นอุปสรรคแก่เหล่านักดนตรีผู้มีความสนุกอยู่เต็มหัวใจ
“พี่ครับผมฝากโทรศัพท์ด้วยนะ เดี๋ยวมันเปียก” ทันทีที่เกื้อเดินมายื่นโทรศัพท์ไว้ให้ดูแลชั่วคราว มืออีกสามข้างก็ยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้า รุ่นพี่ตัวเล็กค่อย ๆ รวบเอาเครื่องมือสื่อสารราคาแพงของแต่ละคนไว้ ดูเหมือนจะมีแค่นิวเท่านั้นที่เอาไปซุกไว้ในกระเป๋ากล้องของพีช เมื่อทุกอย่างพร้อมชาวคณะจึงมุ่งหน้าไปยังจุดที่มีเรือพายที่เตรียมไว้ให้เช่าจอดอยู่
กวินสังเกตว่าเวลาที่ไอ้แกงสามช่ามันเดินผ่านนักท่องเที่ยวกลุ่มไหนก็เป็นอันให้มีสาว ๆ มองตามกันจนเหลียวหลังไปตลอดทาง ปกติแค่หน้าตาก็กินขาดคนทั่วไปอยู่แล้วแต่วันนี้มันยังพร้อมใจกันแต่งตัวเป็นแฝดสามสีงานนี้ไม่ถูกมองจนสึกก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
คนตัวเล็กยกกล้องเก็บภาพนายแบบทั้งหลายไปเรื่อย ๆ ขณะที่แต่ละคนตกลงกันว่าจะเล่นอะไรก่อนหลัง ไอ้ที่คุย ๆ กันไว้ก่อนหน้านี้ไม่มีผลใด ๆ ทั้งสิ้นเมื่อเจอของเล่นจริง ๆ แต่ละคนงอแงจะเล่นอันที่ตัวเองหมายตาไว้ก่อนจะไปเล่นอย่างอื่น นิว เบส นิคจะเล่นบานาน่าโบ๊ท ในขณะที่เกื้อกับธรจะพายเรือคายัค แต่ธรจะพายกับเบส และนิคจะนั่งบานาน่าโบ๊ทแข่งกับเกื้อเพื่อดูว่าใครจะเป็นฝ่ายตกก่อนกัน เอากับพวกมันสิ!
ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ตกลงใจกันได้ว่าจะไปพายเรือกันก่อนงานนี้พีชเลยต้องฝากกล้องไว้ที่กวินเพื่อไปพายเรือให้นิวนั่งเล่น คู่อื่นดูท่าว่าจะไปกันได้สวยแต่ไอ้ลำที่มือเบสนั่งกับนักร้องนำนี่กวินชักจะเป็นห่วง
พอขึ้นไปนั่งได้มันก็พายกันคนละทิศเรือยังไม่ทันจะได้ออกตัวไปไหนก็เห็นแววว่าจะล่มอยู่แถวนั้น กวินยังคงไล่ถ่ายภาพแต่ละคนด้วยความสนุก เห็นธรกับเบสหยอกล้อกันบนเรือลำเล็กแล้วก็ได้แต่ยิ้มตาม ไม่ต่างจากท่าทางอบอุ่นของพีชยามที่พายไปแล้วชี้ชวนให้นิวดูโน่นดูนี่ไปด้วย แต่คู่ที่น่ารักที่สุดเห็นจะเป็นคู่ข้าวใหม่ปลามันที่คนหนึ่งก็นั่งหน้าบูดพยายามจะงัดพายไปทางขวาอีกคนก็ทำหน้าทะเล้นไม่ยอมน้อยหน้าโดยการออกแรงตวัดไม้พายเพื่อให้เรือไปทางซ้ายและสุดท้ายมันก็วนไปวนมาอยู่ที่เดิม ถ้าไม่ได้อยู่กับทั้งสองคนมานานกวินก็คงไม่เชื่อว่าด้วยนิสัยไม่ยอมกันแบบนี้มันจะร่วมวงดนตรีกันมาได้ถึงสามปีแล้ว
...
#เด็กเสี่ยกวิน
ไปทะเลยาวมาก...ขอแบ่งเป็นสองนะคะ
เจอกันวันเสาร์