My Angel ผมไม่ใช้นางฟ้า(โว๊ยยย)ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ 1/1/2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: My Angel ผมไม่ใช้นางฟ้า(โว๊ยยย)ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ 1/1/2018  (อ่าน 30440 ครั้ง)

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

มันก็เหมือนจะหวานๆนะ

ออฟไลน์ Monkey D

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
ตอนที่ 8


หลังจากไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน  ความสัมพันธ์ของมันกับผมก็ดำเนินมาเรื่อยๆ  ไม่ได้หวือหวามุ้งมิ้งอะไรกันมากหรอกครับ  ผมเองก็ไม่ได้ต่อต้านมันมากเหมือนอย่างตอนแรกแต่ก็ไม่ได้ยอมรับสถานะแฟนแบบจริงจังหรอกนะครับยังไงผมก็ยังชอบผู้หญิงอยู่


  แค่เวลาอยู่กับมันผมก็รู้สึกสบายใจเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่คล้ายๆเป็นเพื่อนสนิทกันต่างแค่ตรงที่ไอ้คริสมันเทคแคร์ผมดีกว่าเพื่อนนิดนึง 


  คิดๆดูถ้ามันเป็นแบบนี้ก็โอเคนะ  ยอมเป็นแฟนมันแค่ในนามเพื่อชดเชยที่ทำหนังสือแสนรักมันหายไปแค่ 6 เดือน แป๊บเดียวก็ครบแล้ว


“เดี้ยวนี้ไม่รีบกลับบ้านไปนอนแล้วหรอว่ะไอ้ปิ๊น  เห็นนั่งอยู่โรงเรียนถึงเย็นมาหลายวันล่ะ”  ไอ้เจสถามขึ้นหลังจากที่มันเพิ่งเล่นบาสเสร็จไป 1 เกม  แล้วเดินมากินน้ำตรงโต๊ะที่ผมมานั่งฆ่าเวลาดูมันเล่นบาส


“เรื่องของกูป่ะ  ยุ่งว่ะ”  ผมเฉไฉทำเป็นอ่านการ์ตูนไปเรื่อย  คือจริงๆผมก็อยากกลับบ้านไปนอนนะ  แต่ไอ้คริสมันขอร้องผมว่าให้ผมรอมันมารับไปส่งบ้านทุกเย็น  พอผมไม่ตกลง มันก็ดราม่าตามฉบับของมันว่าเพราะมันโดดเรียนวันศุกร์ที่แล้วมันเลยโดนอาจารย์ด่าแถมหักคะแนนความประพฤติมันไปตั้ง 10 คะแนน โทรไปฟ้องแม่มันอีกต่างหาก หนำซ้ำยังโดนแม่มันหักค่าขนมอีก คร่ำครวญจะเป็นจะตาย  พอผมถามมันว่าแล้วจะบ้ามาหาผมทำไมทุกวัน  มันก็ตอบผมว่า

“ก็เพราะกูคิดถึงอยากเจอหน้ามึงทุกวันไง”

แม่ง  น้ำเน่าชิบหาย

ด้วยความรำคาญมัน  ผมก็เลยยอมๆไปอะครับ  ไม่ได้อยากรอมันหรอกนะ

ติ๊ง   

- กูถึงรร.มึงแล้วนะ ยืนรอที่เดิม –



ผมกดอ่านไลน์ทันที  พอมันมาแล้วก็รีบเก็บของใส่กระเป๋าครับ

“เอ้า  เก็บของไปไหนวะ”

“จะกลับบ้านไปนอนแล้วไง  ง่วง บายนะมึง”

ไม่รีรอให้ไอ้เจสถามอะไรต่อผมก็แจ้นออกมาเลย   เฮ้อออออออ  คือนอกจากไอ้ตงที่รู้เรื่องนี้ผมยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลยครับ ก็นะ  ใครจะกล้าเล่าว่ะ  ผมเป็นผู้ชายแต่ดันถูกผู้ชายอีกคนมาตามตื้อให้เป็นแฟนตามพรหลอกๆที่เคยขอไว้มันน่าอายนะครับ  ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเลยสักนิด


“รอนานไหมปิ๊น”  ไอ้คริสทักขึ้น  ทันทีที่ผมเดินไปถึงข้างโรงเรียนสถานที่นัดเจอใหม่ครับ  ขืนให้มารอหน้าโรงเรียนทุกวันกลายเป็นขี้ปากคนในโรงเรียนแน่ๆ  ก็คริสเองก็เด่นซะขนาดนี้ ทั้งหน้าตา ทั้งเรียนเอกชน  แตกต่างจากเด็กโรงเรียนผมสุดๆ


“นานดิ”


“ไปเดินห้างเล่นกันนะ”


“ไม่เอาอ่ะ  อยากนอน”    ง่วงจะตายแล้วครับ


“ไว้ค่อยกลับไปนอนก็ได้  ดูหนังกันกูเลี้ยงเอง”


“ก็ได้วะ”  เอ้า ตกลงทำไมเนี้ยกู เห็นของฟรีทีไรรับปากอัตโนมัตทุกที


“หึหึ”


“งั้นไปกันเลย”


แล้วผมกับมันก็นั่งแท็กซี่ไปกันครับแน่นอนว่ามันออกค่าแท็กซี่  ไปถึงก็ตรงไปซื้อตั๋วหนังที่เพิ่งเข้าใหม่ครับได้รอบหกโมงเย็น  เหลือเวลาก่อนหนังจะฉายอีกตั้งครึ่งชั่วโมงผมกับมันเลยมากินแฮมเบอเกอร์รองท้องกันก่อน  จากนั้นก็เดินเล่นแถวหน้าโรงหนังครับ


“เปี๊ยกไปเล่นนั่นกัน” 


ยังไม่ทันได้ตอบอะไรไอ้คริสก็ลากแขนผมไปที่ตู้คีบตุ๊กตาแล้วครับ


“อยากได้ตัวไหนบอกเดี๋ยวกูเอาให้”  ผมหันไปมองไอ้คริสที่ปากถามผม  แต่ตัวมันเนี้ยกลายเป็นเด็ก 7 ขวบอีกรอบ  มือมันทั้งสองข้างเกาะตู้กระจก  ตาจ้องตุ๊กตาในตู้กระจกอย่างเป็นประกายวิ๊งค์วิ๊งค์เลยทีเดียว


“มึงคีบเป็นหรอวะ”


“หึหึหึ  กูอ่ะเทพเรื่องคีบตุ๊กตาเลยนะเว้ย”  มันยืดอกพูดอย่างภูมิใจ


“ให้มันจริงเถอะ แน่จริงคีบตัวลิงให้หน่อยดิ”  ผมชี้ไปที่ตัวลิงสีฟ้ายิ้มหน้าแป้นแล้น เห็นแล้วมันน่ารักดี


“จัดไป”  ไอ้คริสหยอดเหรียญแล้วเริ่มกดเคลื่อนย้ายตัวคีบ  ผมที่อยู่ข้างแม่งก็ลุ้นไปด้วยซะงั้นว่ามันจะทำได้ไหม


ตัวคีบเคลื่อนที่ไปอยู่ด้านบนของตุ๊กตาลิง  ก่อนจะหยุดแล้วค่อยๆหย่อนตัวคีบเข้าไปใกล้จากนั้นไอ้คริสก็จัดการคีบหมับเข้าที่หัวตุ๊กตาลิง


“โห เก่งว่ะ”  ผมชมมันครับ  เป๊ะมาก ผมเคยมาเล่นคีบกับพวกไอ้เจสไอ้ปอตั้งหลายครั้งหมดไปกันเป็นร้อยแต่ไม่เคยคีบกันได้สักตัว


“แน่นอน”  มันยักไหล่แบบยอมรับแล้วกดเคลื่อนที่ตัวคีบให้มาปล่อยตุ๊กตาลงที่ช่องปล่อยแล้วตุ๊กตาลิงสีฟ้าหน้าแป้นแล้นก็มาอยู่ในมือผมครับ   แม่งโคตรน่ารัก  I love monkey


“เหมือนมึงดีเนอะ  กูเอาบ้างดีกว่า”   แล้วไอ้คริสก็จัดการเล่นอีกรอบแต่คราวนี้มันดันได้ลิงสีชมพูหน้าตาปัญญาอ่อนมาครับ


“ฮ่าๆๆๆ โคตรเหมาะกับมึงอ่ะ”  ผมขำ


“ไรว่ะ  หน้าเสือกไม่เหมือนกันอีกแม่ง”  มันดูหงุดหงิดมากครับกับแค่ตุ๊กตาแค่นี้ก็เอา


“อ่ะ มึงเอาตัวนี้ไปก็ได้  เรื่องแค่นี้ต้องหงุดหงิด”  ผมยื่นตุ๊กตาลิงสีฟ้าให้มัน  มันมองนิดนึงแล้วก็รับไป


“งั้นมึงเอาตัวนี้ไปแทนล่ะกันนะ” 


“ไม่เอาอ่ะ  มึงก็เก็บไว้ทั้งสองตัวเลยดิ”   ผมปฏิเสธ  หน้าตาลิงนี้ปัญญาอ่อนเกินไปครับไม่เหมาะกับผู้ชายแมนๆแบบผมหรอก


“ต้องเอา ถ้าไม่เอากูจะทิ้งลงถังขยะ”  ไอ้คริสยื่นให้อีกรอบ  มองหน้าลิงปัญญาอ่อนแล้วก็สมเพชเวทนามันครับ  รับๆมาก็ได้ว่ะ


“ก็แค่เนี้ย หึ”  มันยิ้มพอใจก่อนจะพากันไปดูหนังเพราะใกล้เวลาแล้ว  ก่อนเข้ามันก็แวะซื้อป๊อบคอร์นกับแก้วน้ำชุดใหญ่แบบมีตัวการ์ตูนอยู่บนแก้วน่ะครับครับ  ไอ้คริสมันคงจะชอบพวกตุ๊กตา ตัวการ์ตูนจริงๆ


“ชอบสะสมแก้วน้ำหนังหรอ” 


“อืม ใช่เก็บไว้เป็นคอลเลคชั่นน่ะ”


“กูเห็นมึงชอบพวกตุ๊กตา การ์ตูนอะไรเทือกๆนั้นจังว่ะ   โคตรไม่แมน”


“หึ    ก็กูชอบอ่ะ กูชอบความน่ารัก  ความเท่  ของพวกมัน เหมือนมีแรงดึงดูดเวลาได้เห็น  แล้วพวกตัวการ์ตูนส่วนใหญ่เนี่ยมันก็มักจะมาพร้อมกับพลังเจ๋งๆแทบทั้งนั้น  เท่จะตาย”


“ชอบขนาดนี้ไม่ทำธุรกิจผลิตตุ๊กตาเลยล่ะ  มึงคงจะฟิน” 


“ฮ่าๆๆๆ  มึงรู้ป่ะว่ากูเคยคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ”


“ฮ่าๆๆ กูแกล้งพูดเล่นนะเนี้ย  คิดจะทำจริงๆดิ?”


“จริง  แต่ตอนนี้อยากทำอย่างอื่นแล้ว”


“หือ  แล้วอยากทำอะไรวะ”


“กูอยากเปิดสวนสนุกแบบดิสนีย์แลนด์  ดิสนีย์ซี ยูนิเวอร์แซล แฮรรี่ พ๊อตเตอร์อะไรแบบนั้นอ่ะ”


“โห  เอาจริงดิมึง  แม่งยากนะ  กี่พันล้านว่ะนั้น”  ผมพูดไปพลางลองคิดคำนวน  ค่าลิขสิทธ์ ค่าก่อสร้าง  ค่าที่ดิน บลาๆๆๆ


“อืม  ยากมากแต่ก็อยากทำให้ได้”


“ทำไมอ่ะ  ทำธุรกิจผลิตตุ๊กตายังดูเป็นไปได้มากกว่าอีก”


“ก็กูชอบตุ๊กตา  มึงชอบเล่นเครื่องเล่นไง  ถ้าทำได้กูกับมึงคงมีความสุขน่าดู  กูก็ได้เห็นตัวการ์ตูนเยอะๆเวลาที่เล่นเครื่องเล่นเป็นเพื่อนมึงตอนไปสวนสนุกด้วยกัน”   


ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร  ผมกับหันมามองหน้าสบตากันพอดีหลังจากที่มันพูดจบ  รู้สึกยังไงก็ไม่รู้สิครับ  อธิบายไม่ถูก  อาจจะแค่ตกใจที่แม้แต่ความฝันในอนาคตของมัน  ยังมีผมอยู่ในนั้นด้วย


ตึกตึก


ตึกตึก


ตึกตึก


“ขณะนี้หนังเรื่อง xxx  เปิดให้ผู้ที่มีบัตรเข้าชมในโรงหนังได้แล้วนะครับ  ขอเชิญเข้าโรงหนังได้เลยครับ”
เสียงประกาศทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์และอาการที่อยู่ๆหัวใจก็ดันเต้นผิดจังหวะซะงั้น


แม่งเอ๊ย!  ทำไมร้อนหน้าจังว่ะ   แอร์เสียแน่ๆ



กลายเป็นว่าดูหนังไม่ค่อยรู้เรื่องเลยครับ  ก็เลยกินป๊อบคอร์นรัวๆเพื่อจะหยุดคิดเรื่องเมื่อก่อนหน้าไปได้บ้าง  หัวใจกูมันจะเต้นอะไรนักหนาว่ะ  คิดไปกินไป  แอร์ในโรงหนังก็เย็นเหลือเกิน  ไหนๆก็ดูไม่รู้เรื่องตั้งแต่ต้นก็ขอหลับตางีบสักพักแล้วกันไม่อยากคิดอะไรแล้ว


ร่างของเด็กหนุ่มเอนพิงหลังอย่างไม่สบายตัวนัก  เปลือกตาค่อยๆปิดลง  ไม่นานนักคอก็เอนเอียงไปด้านข้างอย่างไม่รู้สึกตัว   เด็กหนุ่มตัวโตที่นั่งข้างๆมองร่างเล็กกว่าตนเองที่นอนหลับคอพับคออ่อนอย่างเอ็นดู  ก่อนจะค่อยๆสอดแขนโอบไปด้านหลังของอีกฝ่ายดึงให้มาซบตนเองแล้วลูบหัวอย่างอ่อนโยน  คล้ายจะกล่อมให้อีกคนนอนฝันดี


แปลกจัง...ทำไมวันนี้เก้าอี้โรงหนังมันอุ่นเหลือเกิน


-------------------------------------------------
ขอบคุณทุกคอมเมนต์จ้า
ขึ้นหน้า2แล้วววววว
นึกว่าจะ10ตอนต่อ1หน้า ซะแล้ว :laugh:   :hao5:
ขอให้มีความสุขในสุดสัปดาห์จ้า
 :mew1:

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :กอด1: เค้ามีความน่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

55 มันก็เหมือนจะหวานๆอยู่นะ เอ็ดดู
เริ่มมีโมเม้นท
ติดตามๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-06-2017 15:25:19 โดย Billie »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Monkey D

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0

ปิ๊นก็ไม่ได้สนใจอะไรกับคริสมาก

แค่เอาตุ๊กตามานอนด้วยแค่นั้นเอ๊งงงง

55555

ใต้ตุ๊กตาลิง

ใต้ซิกแพคคริส

ใต้พุงนุ้งปิ๊น

(ฝีมือเรากากแต่อยากวาดประกอบ)

กว่าจะอัพรูปได้ เพลียยย ฝากไฟล์ไว้พออัพก็ไม่ขึ้น :ling2:
สุดท้ายต้องโหลดแอปรีไซต์รูป.  :katai4:
พี่เอาโน้ตบุ๊กไปชีวิตเราก็จะวุ่นวายหน่อยๆ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ว๊าย! คือมีความน่ารักอ่ะนิยายเรื่องนี้ :katai2-1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Monkey D

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0


ตอนที่  9       ความลับแตก

7.00 น.       กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง     

 เสียงนาฬิกาเรือนเก่าเรือนเดิมที่อยู่คู่กับผมมาตั้งแต่จำความได้  ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างตรงเวลา  ผมกดปิดเสียงที่ดังอย่างน่ารำคาญก่อนจะลุกขึ้นบิดไปมา

พลันสายตาก็มองไปที่ตุ๊กตาลิงสีชมพูหน้าตาปัญญาอ่อนที่นอนอยู่ข้างๆ       ตื่นมาก็เจอหน้ากันคนแรกเลยนะ  ไอ้บ้า     

แล้วผมก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะลงมาทานอาหารเช้าที่พี่ปูนเตรียมไว้ให้อย่างเคย       “รีบกินนะปิ่นปิ๊น  เดี้ยวไปโรงเรียนสาย”       “คร้าบบบบ”  รับปากเสร็จผมก็จ้วงข้าวต้มกุ้งแสนอร่อยใส่ปากโดยไว  อร่อยจริงๆฝีมือพี่ปูนเนี้ย       “เอ่อออ ปิ๊น”     

“ว่าไง พี่ปูน”  ผมหันหน้าไปหาตามเสียงเรียกของพี่ชาย     

“เดี๋ยววันนี้ตอนเย็น  ปิ๊นกลับมาทานข้าวเย็นให้ทันนะ”     

“ปิ๊นก็กลับมาทานอยู่ทุกวันนิพี่ปูน”  งงสิครับ  พี่ปูนดูเบลอๆนะ มือไม้ถูแขนขาไปทั่วเหมือนไม่รู้ว่าจะเอามันไปวางที่ไหน     

“คือ...หมายถึงให้กลับมาเร็วหน่อย  สักหกโมงเย็นก็ยังดีเมื่อวานเห็นปิ๊นกลับดึกก็เลยอยากนัดไว้ก่อน”     

“ทำไมอ่ะพี่ปูน”     

“...เย็นนี้....พี่เอกจะมาทานข้าวด้วยน่ะ  พี่อยากให้ปิ๊นเจอเขา”         

“...”  ได้ยินแบบนั้นผมก็ร่างกายค้างไปอัตโนมัติ  พี่ปูนจะพาแฟนมาบ้าน!  แถมแฟนที่ว่าดันเป็นผู้ชายเหมือนกันด้วย  ถึงใจผมจะรู้สึกยังไม่อยากยอมรับแค่ไหน  แต่พอเห็นสายตาของพี่ชายเพียงคนเดียวของผม  ที่มองผมอย่างลุ้นว่าผมจะพูดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

อาการประหม่าที่เห็นได้ชัด  ทำให้ผมรู้ว่าพี่ปูนแคร์ความรู้สึกของผมมากแค่ไหน  เชื่อได้เลยถ้าผมบอกว่าไม่อยากเจอ  พี่ปูนก็คงไม่พาแฟนมาแน่ๆ  แต่อาจจะแอบไปร้องไห้ที่ไหนเงียบๆสักที่ซึ่งแน่นอนว่าน้องชายอย่างผมจะไม่ยอมทำให้พี่ผมต้องรู้สึกเสียใจ     

“ก็เอาดิ  อยากเจออยู่เหมือนกัน  จะได้แสกนด้วยว่าควรจะมาเป็นแฟนพี่ชายของปิ๊นหรือเปล่า”  ผมตอบไปพร้อมกับรอยยิ้ม     

“ปิ๊น อยากเจอจริงๆหรอ  ถ้างั้นเย็นนี้กีรีบกลับบ้านนะ  พี่จะทำของโปรดไว้รอเยอะๆเลย”   

 พี่ปูนคลายยิ้มออกมาอย่างโล่งใจทันที  นี้แหละครับสิ่งที่ผมอยากเห็นมากที่สุด  ก็คือการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข     

“โอเคครับผม”  ผมทำท่าตะเบะแล้วกลับไปตักข้าวต้มกินอย่างรวดเร็วจนหมด     

“ไปแล้วนะคร้าบบบบ”     

“ตั้งใจเรียนนะปิ๊น”       ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ชูมือขึ้นแล้วทำเป็นสัญลักษณ์โอเคไปแทน  แล้วเดินมุ่งหน้าไปทางโรงเรียน         

 หลังจากไปยืนอาบแดดฟังสุนทรพจน์ของผอ.เสร็จ  พวกผมก็ได้ขึ้นมานั่งบนห้องเรียนกันสักที  แดดตอนเช้านี้ร้อนอะไรขนาดนี้ก็ไม่รู้

“ไอ้ปิ๊น  มึงมีเรื่องอะไรจะบอกพวกกูม่ะ?”  ไอ้เจสที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหน้าผมนั่งคร่อมเก้าอี้หันมาทางผม     

“เรื่องอะไรวะ ก็ไม่มีนี้มึง”  ผมตอบมันไปทั้งๆที่ยังงงอยู่ว่ามันถามเรื่องอะไร     

“โกหก”  ไอ้เจสพูดขัดทันที  จนไอ้ปอที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆผมหันมามองด้วยอีกคน
 

“โกหกบ้านมึงดิ  กูจะโกหกมึงเรื่องอะไร  แล้วกูก็ไม่เข้าใจด้วยว่ามึงถามเรื่องอะไร”     

“งั้นกูขอถามตรงๆ  เมื่อวานมึงไปดูหนังกับใคร”     

“...”   เชี่ยแหละ   เชี่ยแล้วววววววววววววว  ไอ้เจสมันเห็นหรอวะ  Oh my god!     

“...”  มันกลายเป็นช่วงเวลาเดธแอร์ที่น่าอึดอัดที่สุดของกลุ่มผมตอนนี้  ตอบไงดีวะกู  ตอบยังไงดีๆๆๆ     

“เชี่ยยยย  อย่าบอกนะว่านั่นกิ๊กมึง” O0O  ไอ้เจสตาโตเอานิ้วชี้หน้าผม     

“กิ๊กพ่อง  แค่เพื่อนหรอก”  ผมสวนทันควัน  ทั้งที่ใจเจ้ากรรมเต้นแรงฉิบหาย     

“ถ้าเป็นแค่เพื่อนมึงก็คงตอบกูตรงๆตั้งแต่แรกล่ะ  ไม่ใช่ทำท่านิ่งเงียบเหมือนไม่รู้จะตอบกูยังไงแบบนี้”   ปกติไอ้เจสมันก็โง่นะครับ  ทำไมทียังงี้แม่งฉลาดจัง     

“กู..แค่..อ..อึ้งไง ว่ามึงไปเห็นตอนไหน  เมื่อวานมึงก็เล่นบาสอยู่นิ”     

“หร๊า  ก็บังเอิญมิ้งอยากดูหนังพอดี กูเลยต้องไปเป็นเพื่อนไถ่โทษครั้งก่อนที่เบี้ยวนัดไง”     

“อ้อหรอ  ดีแล้วมึง  ถ้ามึงทำมิ้งเสียใจอีก กูจะเข้าไปเสียบแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ”  แถไปเรื่องอื่นแม่ง       “อย่ามากวนตรีนนน มึงตอบกูมาเดี๋ยวนี้ สรุปไปกับใครหน้าตาดีซะด้วย”     

“ก็บอกว่าเพื่อนไงวะ  ทำไมไม่เชื่อ”     

“เออ ไอ้เจสมึงจะเค้นอะไรไอ้ปิ๊นมันนักหนาวะ”  ไอ้ปอที่นั่งเงียบมานานก็พูดขึ้น  โคตรพระเอกขี่ม้าขาวช่วยชีวิตผมเลย ไอ้ปอกูรักมึงมาก ไอ้เพื่อนรัก 

“ถ้าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแฟนไอ้ปิ๊นมันก็ไม่ได้แปลกนิ ยังไงไอ้ปิ๊นมันก็ผู้ชายปะวะ”  เออช่ายยยย   

“เออมันไม่แปลกถ้าคนนั้นเป็นผู้หญิง  แต่นี้มันเป็นผู้ชาย  แถมเป็นผู้ชายที่หน้าเหมือนไอ้หล่อที่แท็กไอ้ปิ๊นในเฟสด้วย” 

“มึงว่าไงนะ!  เชี่ยปิ๊นมึงตอบมาเดี๋ยวนี้ว่าไอ้เชี่ยนั่นมันเป็นใคร”   แล้วไอ้พระเอกเมื่อ 30 วินาที ที่แล้วก็กลายเป็นเดวิลที่เข้ามาเขย่าตัวผมเค้นคำตอบในตอนนี้  ฮืออออ 

“เฮ้ย  ใจเย็นเว้ยยย ไอ้ปอ  ไอ้ปิ๊นตัวหักตายพอดีมึงเขย่ามันขนาดนี้”  ไอ้เจสรีบลุกมาดึงไอ้ปอออกจากตัวผม 

“มึงตอบมาไอ้ปิ๊นมึงตอบดิวะ!”  ไอ้ปอตะคอกถามผมต่อแม้จะปล่อยมือออกจากตัวผมแล้ว  เวลามันโมโหโคตรน่ากลัวเลยครับ 

“เฮ้ย  ทะเลาะอะไรกันวะ ใจเย็นๆดิพวกมึง เดี๋ยวอาจารย์ก็จะเข้ามาสอนแล้วนะเว้ย”  เสียงของไอ้เพชรหัวหน้าห้องพูดขึ้น  หันไปมองมันก็พบว่าทั้งหัวหน้าห้องแล้วก็เพื่อนในห้องผมหันมามองพวกผมกันเป็นตาเดียว 

“เออ นั่นดิใจเย็นๆไอ้ปอ  ห่าแม่งของขึ้นยิ่งกว่ากูอีกไอ้สัส” ไอ้เจสก็ช่วยเสริมอีกที 

“งั้นมึงก็ตอบกูมาดิว่าไอ้เชี่ยนั่นมันเป็นใคร”

“เรื่องมันยาวอ่ะมึง” 

“ยาวแค่ไหนกูก็จะฟัง”  ไอ้ปอพูดเสียงเหี้ยม  ทำผมหายใจไม่ทั่วท้องประนึงโดนพ่อจับได้ว่าแอบมีแฟนยังไงยังงั้น 

“เฮ้ย  อาจารย์มาแล้วนั่งที่เร็ว”  ไอ้แจ็คที่นั่งติดประตูหน้าห้องคอยทำหน้าที่ดูต้นทางให้เพื่อนๆมาแต่ไหนแต่ไร รีบตะโกนบอกเพื่อนอย่างรู้กัน   ทุกคนที่เล่นๆหรือนั่งจับกลุ่มกันอยู่รีบกลับไปนั่งในที่ของตัวเองอย่างรู้งาน 

“หวังว่าตอนพักกลางวันมึงคงมีคำตอบจริงๆให้กูนะ”  ไอ้ปอพูดเสียงนิ่งแล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะของมัน   เฮ้อออออออ  กูอยากจะบ้าตาย  ตอนแรกคิดว่าจะแอบเป็นแฟน เอ๊ย! เป็นเพื่อนกับไอ้คริสไปเงียบๆจนครบ 6 เดือน ไม่บอกพวกมัน  แต่ดูท่าแล้วผมคงหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ


    ออดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด   

เสียงออดดังบ่งบอกถึงเวลาพักเที่ยง  แต่ทำไมวันนี้มันเหมือนเสียงหมดเวลาชีวิตฉิบหาย   เพื่อนคนอื่นๆก็ทะยอยเดินออกจากห้องไปกันจนหมดเหลือแค่พวกผมที่ยังนั่งกับอยู่บนห้อง  เงียบจนได้ยินเสียงเหงื่อไหลซิกๆๆ ทีเดียว 

“เล่ามา”    แล้วเสียงมัจจุราจปอก็ดังขึ้นอย่างทรงอำนาจ Y_Y   สุดท้ายผมก็เล่าตั้งแต่ต้นจนถึงเหตุผลทั้งหมดว่าทำไมถึงไม่ยอมบอกพวกมัน  ตลอดเวลาที่เล่าไอ้เจสตั้งใจฟังหน้าตาบ่งบอกว่าอยากเสือกมากมาย  ต่างจากไอ้ปอที่หน้าเคร่งเครียดตลอดการฟัง 

“หน้าตาหนังสือนั้นมันเป็นยังไง”  หลังจากเล่าเสร็จไอ้ปอก็ถามถึงหนังสือนั้น 

“ก็เป็นพวกรวมนิทานอ่ะมึงเห็นไอ้คริส มันบอกว่าเป็นลิมิเต็ดมากๆ ปกสีเหลืองอ่ะ” 

“เดี๋ยวกูช่วยหามาให้  เย็นนี้มึงไปบอกเลิกคุยกับมันซะ”  ไอ้ปอสั่งอีกครั้ง 

“ห๊ะ” 

“ทำไม หรือมึงอยากโดนมันบังคับให้เป็นแฟนต่อ”   

“ป..เปล่า  เปล่าเว้ย” 

“ถ้ามึงไม่กล้า เดี๋ยวตอนเย็นกูไปเป็นเพื่อนเอง ไม่ต้องกลัว” 

“ไม่ต้องหรอก  เดี๋ยวกูขอเคลียร์เองดีกว่า”  ผมบอกไอ้ปอไป  ขืนให้เจอกันได้มีมวยแน่ๆครับ ไอ้ปอมันเป็นคนนิ่งๆนะครับแต่ถ้าเดือดเมื่อไรมันจะอารมณ์ร้ายมาก เคยไปกระทืบรุ่นพี่มาแล้วเพราะว่าไอ้รุ่นพี่นั่นมันมาแกล้งจับก้นแบนๆของผม ตอนนั้นสะใจมากครับ แต่ตอนนี้ไม่ต้องการให้มันมีเรื่องกันเลยจริงๆ 

“ตามใจมึง  แต่ถ้ามันไม่ยอมกูจะไปเคลียร์เอง” 

“บรรยากาศมาคุฉิบหาย เคลียร์กันแล้วก็ไปหาไรกินเหอะว่ะกูหิวแล้ว  เดี๋ยวออดเข้าเรียนดังจะอดกินกันซะ”  ไอ้เจสพูดแล้วลุกขึ้นเดินนำ  ผมเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินไปข้างๆไปเจสทันทียังหวาดๆไอ้ปอไม่หาย 

แล้วเย็นตอนนี้ผมต้องเคลียร์กับไอ้คริสจริงๆใช่ไหมว่ะ... 

ติ๊ง  -คริส- 

เสียงไลน์แจ้งเตือนจากไอ้คริส เมื่อผมกดดูก็เห็นมันส่งรูปก๋วยเตี้ยวต้มยำมาให้ดูครับ 

/น่ากินอ่ะเด้/ 

/ไม่อยากจะโม้เลยว่าอร่อยโคตรๆ/ 

/นี้กูโดดรั้วรร.ออกมากินโดยเฉพาะเลยนะเว้ย เจ๋งป่ะ 5555/ 

ผมหลุดยิ้มกับความปัญญาอ่อนและความบ้าของมัน  กำลังจะกดพิมพ์ด่ามันกลับแต่ก็ต้องชะงักลงเมื่อนึกได้ว่ายังไงเย็นนี้ก็ต้องเคลียร์เรื่องของมัน 

/อ่านแล้วไม่ตอบวะ/

พร้อมกับส่งสติ้กเกอร์โมโหมาให้

แต่ผมก็ได้แต่มองครับ 

ครืดดดดด ครืดดดดด 

ไม่ทันได้คิดอะไรไอ้คริสก็โทรมาทันที  แต่ผมตั้งปิดเสียงไว้เสมอเวลามาเรียน 

“ไม่รับหรอวะ”  ไอ้เจสที่เดินข้างๆกันมองไปที่โทรศัพท์ 

“ไม่ดีกว่าว่ะ  ไว้ค่อยคุยตอนเย็นทีเดียว”  ผมกดวางสายแล้วกดบล็อคเบอร์ไอ้คริสไว้ชั่วคราวก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าไปเหมือนเดิม   ถ้าคิดจะ ตัดก็ไม่ควรจะติดต่ออีก...ใช่ไหมครับ

*********************************

ปิ๊นจะตัดสินใจยังเนี้ยยยยย

จะทิ้งหมาคริสลงจริงหรอ :z3:

หล่อปัญญาอ่อนหายากนะรุ่นนี้ :laugh:

555555+

ขอบคุณทุกคอมเมนต์น้ามีความสุขมากที่สุดเวลาได้อ่านคอมเมนต์ของทุกคน

เราจะพยายามอัพวันเว้นวันนะ

จันทร์,พุธ,ศุกร์ 


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
คริสออกจะน่ารัก(?)!!!

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คริส มีแนวทางในการอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขนะ  :hao3:

แอ๊ะ........ปิ่นปิ๊น เริ่มมองเห็นความน่ารักของคริสละ  :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ทำได้ลงเหรอ? นั้นน้องหมาเลยนะนั้น :katai1:

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Monkey D

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
ตอนที่  10   วันที่ฝนตกไหลลงที่หน้าต่าง


      แต่พอถึงเวลาจริงๆผมกลับปอดแหกครับ  เลยส่งไลน์ไปบอกไอ้คริสแทนว่าเย็นนี้ไม่ต้องหามีธุระที่บ้านกับพี่ชาย  ไอ้คริสก็บ่นนิดหน่อยแต่ก็ส่งสติ้กเกอร์โอเคตอบกลับมา     

“กูกลับก่อนนะพวกมึง  ไปล่ะ”     

“อย่าลืมไปรีบเคลียร์กับมัน”  ไอ้ปอย้ำอีกที   

“เออๆมึงเองก็รีบหาหนังสือนั่นให้เจอละกัน”  ผมตอบก่อนจะแยกย้ายกันไป     

เดินออระเหยมาเรื่อยๆจนถึงข้างโรงเรียน  อดไม่ได้ที่หันไปมองว่าไอ้คริสมันจะมายืนพิงกำแพงรอเหมือนอย่างหลายๆวันที่ผ่านมารึเปล่า  ถึงแม้ผมจะเป็นคนบอกว่าไม่ให้มันมาเองก็ตาม             แล้วมันก็ว่างเปล่า     

    ก็ดีแล้วนิ     

    ดีแล้ว
   

ผมเดินจนถึงบ้านเมื่อเข้าไปก็เห็นพี่ปูนปู๊น กำลังเตรียมอาหารอยู่ในครัว     

“ทำอะไรกินอะ พี่ปูน”     

“ก็หลายอย่างเลยมีแกงปลาที่ปิ๊นชอบ ด้วยนะ”

“โห  อยากกินแล้วอ่ะ”     

“รอแป๊บนึงนะปิ๊น  ขึ้นไปอาบน้ำนอนหลับสักงีบก่อนก็ได้ เพิ่งจะสี่โมงเย็นเอง”     

“ก็ได้  แล้วไหนคนที่บอกจะพามาเจออะ”     

“พี่เอกน่ะหรอ  ส่งไลน์มาบอกว่าเพิ่งเลิกคลาส กว่าจะถึงนี้ก็เป็นชั่วโมงแหละ ถนนเริ่มรถติดแล้วด้วย”     

“โอเค  งั้นปิ๊นไปนอนสักงีบนะ  ไม่ได้หลับตอนเย็นมาหลายวันแล้ว”  ผมหาวชูแขนบิดอย่างขี้เกียจ     

“นั่นน่ะสิ  กลับบ้านมืดทุกวันเพราะแอบไปเที่ยวกับแฟนใช่ป่ะ  ยังไม่ได้ตอบพี่เลยน้า”  พี่ปูนหันมาพูดแซวทำหน้าตาเจ้าเลห์ได้โมเอะมากๆ

“อะไร มีที่ไหนแฟน มีแต่คนบ้าเท่าน้นแหละ  ไปนอนละนะ ทำเสร็จแล้วปลุกด้วย”  ผมรีบพูดแล้วเดินขึ้นชั้นสองแต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงพี่ปูนตะโกนอีกว่า       

“ปิ๊น รู้ตัวเปล่าเวลาปิ๊นเขินอ่ะจะชอบพูดเร็วๆยาวๆแล้วเดินหนีไม่สนใจตลอดเลย”       พูดอะไรของพี่ปูนผมไม่ได้เขินสักหน่อยเว้ย  ก็แค่อยากพูดทีเดียวให้มันเสร็จต่างหาก  พี่ปูนมองว่าผมเขินได้ไงวะ  อาบน้ำนอนดีกว่าแม่ง           

แล้วในขณะที่ผมเคลิ้มๆใกล้จะหลับไอ้ปอก็ส่งไลน์มาขื้นโชว์แจ้งเตือนถามว่าเคลียร์กับไอ้คริสหรือยัง  แต่ผมไม่ได้กดเข้าไปอ่านหรอกครับ  ไม่รู้จะตอบมันยังไง  อึดอัดด้วย  รู้สึกว่ามันกดดันผมเกินไป     

ติ๊ง  -คริส-     

/ไม่ได้เจอกันแค่วันเดียว/     

/แต่กูคิดถึงมึงฉิบหาย/     

/เล่นของใส่กูใช่ไหม!/     

/ไอ้เปี๊ยกกกกก/     

“หึหึ”  เป็นอีกรอบที่ผมหลุดขำออกมา  ความรู้สึกอึดอัดเมื่อกี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง  อาจจะเพราะได้อ่านข้อความปัญญาอ่อนๆจากไอ้คริสเลยทำให้ไม่เครียดมาก  ไวกว่าความคิดนิ้วเจ้ากรรมดันกดพิมพ์ตอบกลับไป     

-ปัญญาอ่อน!-     

/ตอบกูสักทีนะ/     

/หายไปตั้งนาน/     

/ทำอะไรอยู่/ 

-กำลังจะนอน- 

/ทำไมนอนเร็วจังวะ/

-รำคาญมึงไง ;p- 

/แต่กูกำลังนอนคิดถึงอยู่นะเว้ย/ 

-อ้วกกกกกก- 

/อะไรแพ้ท้องไวจังวะ/ 

/กูแค่ชักว่าวแล้วคิดถึงหน้ามึงเองนะ/ 

/ยังไม่ได้ทำจริงสักหน่อย/ 

-ไอ้เชี่ยยยยยยยยคริส- 

-กูจะฆ่ามึง!- 

ปรี้ดเลยสิครับผมเจอมันพูดทะลึ่งแบบนี้ใส่ แม่งกวนตีนมากๆ 

/55555555555/   สติ้กเกอร์ส่งจูบ       

- olo -       

ไม่น่าไปคุยกับไอ้บ้าอย่างมันเลยจริงๆ จากไอ้ที่ว่าจะนอนกลายเป็นนอนไม่ลงซะงั้น     

โครกกกก     

เสียงท้องเจ้ากรรมร้องประท้วงเหมือนจะสั่งให้ผมไปหาของกินมาใส่ท้องให้อิ่มเดี้ยวนี้  มองนาฬิกาก็ห้าโมงเย็นสามสิบนาทีแล้ว  ปานนี้พี่ปูนคงทำอาหารเสร็จหมดแล้วมั้งลงไปกินเลยดีกว่า ผมมันเป็นสายรอกินอย่างเดียวครับ  ทำไม่เป็นสักอย่าง เหอๆๆ     

เดินออกจากห้องลงบันไดมาครึ่งข้างแล้วตาเจ้ากรรมก็ดันไปเจอชอทเด็ดซะนี้     

เชี่ยยยยยยยยยยยยยยย     

พี่เอกกับพี่ปูนจูบกัน!!!       เห็นอย่างนั้นผมก็ไม่รอช้าครับ       ไม่รอช้าที่จะถอยกลับขึ้นบันไดไปแล้วแอบซุ่มดูเงียบๆ  *0*     

ภาพที่ผมเห็นคือผู้ชายสองคนที่กำลังกอดจูบกันอย่างดูดดื่มจนเห็นสายน้ำลายเชื่อมกันเสมอเมื่อริมฝีปากผละออกจากกันแล้วกลับไปประกบจูบกันใหม่อย่างเสน่ห์หา  พี่ชายของผมที่ถูกอ้อมกอดจากคนตัวโตกว่ากอดไว้อย่างแนบแน่นเหมือนไม่อยากปล่อยให้หลุดไปไหน

แต่กระนั้นแขนเรียวยาวของพี่ปูนก็โอบกอดคอของคนตัวโตไว้ไม่คลายเช่นกัน       เห็นแบบนั้นก็รู้สึกใบหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันใด  ใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นแรง เลยต้องขอถอยทัพกลับไปที่ห้องนอนตัวเองก่อนครับ  ขอนั่งสงบสติอารมณ์สักแป๊บ

ตายๆๆๆ  กูไม่น่าหิวจนต้องไปเจอกับภาพแบบนั้นเลย  ฮือออออ     

ติ๊ง –คริส-     

/โกรธหรอ/     

/ขอโทษษษษษษ/     

/แต่มันเป็นสิ่งที่กูคิดจริงๆนะ/     

ผมยกมามองดูไลน์แต่ก็ไม่ได้กดเข้าไปอ่าน ไม่อยากคุยกับมันตอนนี้ครับ  สติมันกระเจิงไปหมดแล้ว     

ก๊อกๆๆ       เฮือก!  ผมสะดุ้งอย่างตกใจเสียงเคาะประตู  ก่อนจะได้ยินเสียงพี่ปูนตามมา   

“ปิ๊น  ลงมากินข้าวได้แล้วนะ”     

“ค..ครับ แป๊บนึงนะ”   ผมตะโกนออกไปก่อนจะสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นจังหวะปกติตามเดิม  แล้วจึงลุกไปล้างหน้าให้หายร้อนครับ  เช็คความเรียบร้อยของตัวเองเสร็จก็เดินลงไปข้างล่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน     

“ปิ๊น  นี้พี่เอกนะ...แฟนพี่เอง”  พี่ปูนบอกด้วยท่าทางอายหน่อยๆ     

“สวัสดีครับพี่เอก”  ผมยกมือไหว้พี่เอก  จากการสำรวจแล้วพี่เอกถือว่าหล่อเลยละครับ  ขาว ตี๋ เกาหลี คูลๆ อะครับ 

“หวัดดีครับน้องปิ๊น  พี่ปูนพูดถึงน้องให้ฟังบ่อยๆ ได้เจอตัวจริงกันสักทีเนอะ” พี่เอกส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่นและดูเท่มากครับ   

“อ่า  จริงหรอครับ แหะๆ”

"พี่แวะซื้อซีฟู้ดชุดใหญ่มาให้ปิ๊นด้วยนะ  เห็นปูนบอกว่าเราชอบกินซีฟู้ดมาก"

เหอะ คิดจะใช้ของกินมาล่อผมหรอ บอกเลยว่า

คิดถูกแล้ว  5555 ของโปรดเลยล่ะครับซีฟู๊ด

“งั้น เรามาทานข้าวกันเลยเนอะ  เดี้ยวจะเย็นซะหมด”  พี่ปูนพูดขึ้น พวกเราก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย  ผมเลยทำหน้าที่ตักข้าวให้กับทุกคน  พี่เอกก็ช่วยรินน้ำใส่แก้วให้ครับ  จากนั้นพวกเราก็คุยกันเรื่อยเปื่อยครับ

   เรื่องก่อนที่พวกพี่เขาจะคบกัน เรื่องที่พี่เอกแอบชอบพี่ปูน ประทับใจอะไรในตัวพีปูน  พูดไปก็โดนพี่ปูนทุบไปหลายที เพราะเขิน ฮ่าๆๆๆ  พี่เอกเป็นคนอารมณ์ดีครับ ยิ้มง่าย แล้วก็มีมุกขำๆให้พวกเราได้ฮาตลอดการทานข้าว  แถมยังคอยแกะกุ้ง แกะปู แกะหอยให้พวกผมอีก ดี๊ดีอะ

"โอ้โฮ น้องปิ๊นตัวเล็กแต่สายแข็งมากเลยนะเนี้ย พี่แกะกุ้งให้แทบไม่ทัน กินเก่งมากๆ"

"ปินปิ๊น ก็แบบนี้แหละพี่เอก ถ้าได้กินของโปรดเมื่อไหร่ ฟาดเรียบไม่มีเหลือ พี่ยังจะสู้อยู่ไหม"

"สู้สิสู้ เพื่อให้น้องยอมรับพี่เป็นพี่เขย พี่ทำได้ทั้งนั้นแหละ"

"บ้า! พี่ขงพี่เขยอะไรกัน" ถึงปากจะว่าแต่หน้าพี่ปูนนี้แดงเป็นมะเขือเทศเชียว ก่อนจะหลุดยิ้มอายๆออกมา

ผมเห็นพี่ปูนยิ้มอย่างมีความสุขก็รู้สึกดีไปด้วยเลยครับ  แม้ลึกๆในใจจะไม่อยากยอมรับสักเท่าไร  แต่เท่าที่ดูพี่เอกก็นิสัยดีไม่ได้มีท่าทีที่น่ารังเกียจ ไม่น่าคบอะไรแบบนั้น  แถมยังดูแลผมและพี่ปูนตลอดการกินอีก ผมก็พอทำใจให้ยอมรับได้ครับ     จนพี่เอกพี่ปูนทานอาหารเสร็จผมก็ยังขอนั่งกินซีฟู๊ดต่อไปคนเดียว คือมันอร่อยจริงๆครับ น้ำจิ้มซีฟู้ดก็แซ่บซี๊ดได้ใจมากครับ

  ฟาดจนเรียบก็เก็บจานไปล้างครับ  ตอนแรกพี่เอกจะมาช่วยอีกแต่ผมปฏิเสธไป  พี่เอกเลยเดินกลับไปหาพี่ปูนที่นั่งดูทีวีอยู่แทน  ล้างจานไปได้ไม่ทันไร  ฝนก็ดันตกลงมาอย่างหนักซะงั้น  กรุงเทพนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆครับ  ตอนเช้าๆอากาศเย็น พอสายๆอากาศร้อน  กลางคืนฝนตกซะงั้น  เฮ้อออออ 

ล้างจานเสร็จผมก็มานั่งดูซีรี่ย์ CSI กับพวกพี่เขาครับ  ติดมาก สนุกจริงๆ ดูไปก็เดากันไปว่าจะสืบข้อมูลคนร้ายได้จากทางไหนบ้าง  ดูจนจบแต่ฝนก็ยังไม่หยุดตกสักที  รำคาญเสียงฝนตกจังโว้ย 

“ฝนไม่หยุดตกสักที  พี่ขอนอนค้างที่นี้ได้ไหมปูน”  จู่ๆพี่เอกก็พูดขึ้น  พี่ปูนหันมามองทางผมคล้ายจะขออนุญาติกันก่อน 

"ให้พี่เอกค้างด้วยได้ไหมปิ๊น" 

“เอ่อ..ก็เอาดิพี่เอก ฝนตกกลับลำบากแท็กซี่คงไม่ออกมาวิ่งรับผู้โดยสารแล้วล่ะ” 

“ขอบใจนะน้องปิ๊น” 

“ไม่เป็นไรครับ  ก็แฟนพี่ชายสุดที่รักของผมนิเนอะ” 

“ปิ๊น!”  พี่ปูนพูดเสียงเข้มคล้ายจะดุ  แต่มันดูไม่น่ากลัวสักกระนิดเดียว   ดูหนังกันต่ออีกเรื่องจบก็พากันแยกย้ายขึ้นนอนแล้วครับ  ง่วงมากมาย

หยิบโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้บนเตียงก็เห็นไลน์ขอโทษขอโพยจากไอ้คริสมากมาย  รวมถึงไลน์ไอ้ปอไอ้เจสด้วยที่ถามว่าเคลียร์กับไอ้คริสหรือยัง

เฮ้อออออออ

แค่เห็นก็ปวดหัว  ผมควรจะเคลียร์กับไอ้คริสสีกทีสินะ   กดไลน์เข้าไปอ่านข้อความจากมัน  กำลังจะพิมพ์ไปเคลียร์แต่ไอ้คริสก็ดันส่งข้อความมาก่อน 

/ฝนบ้านมึงตกหรือเปล่า/ 

/แถวบ้านกูตกหนักโคตรๆ/ 

/นอนห่มผ้าด้วยนะมึงเดี๋ยวไม่สบาย/ 

/กูห่วง/ 

/อ่านแล้วก็ตอบบ้างดิวะ/ 

/โทรหามึงก็ไม่ติด บล็อคกูหรอ/ 

/เก่งจังนะมึงเรื่องทำให้กูหัวเสียเนี้ย/ 

/เอาเพลงนี้ไปฟังไป/

/https://m.youtube.com/watch?v=SXy-v1KbF4k/

/กูนอนล่ะ พรุ่งนี้เจอกัน! มึงโดนทำโทษแน่ๆ/ 

แล้วมันก็ส่งลิงค์ยูทูปมาให้ผมครับ  ผมเลยกดเข้าไปดูก็เห็นว่ามันเป็นเพลงของพี่เสกโลโซ  ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมครับว่าเพลงอะไร ฝนตกแบบนี้อ่ะ เหอๆ

วันนี้ฝนตก ไหลลงที่หน้าต่าง เธอคิดถึงฉันบ้าง ไหมหนอเธอ เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว สองเรายังได้เจอ เธอ ส่งยิ้มมา

นั่งอยู่คนเดียว เหลียวมองที่หน้าต่าง หากมีเธอข้างๆ ก็คงจะสุขใจ เธอคงไม่รู้ ว่าฉันเองยังไม่มีใคร หากเป็นเธอก็คงเข้าที

* เธออาจจะมีใครคนนั้นที่แสนดี ส่วนฉันคนนี้ก็คงจะเศร้าใจ เธออาจจะมีแฟนแล้วก็เป็นได้ ก็ยังสงสัย ยังอยากจะรู้

** หวังแค่เพียงเธอมีใจให้ซักหน่อย เฝ้าแต่รอคอยเพียงเธอบอกรักมา สุขใจยิ่งนัก ที่ฉันได้เพียงแค่มองตากับเธอ ก็สุขสุดหัวใจ

( ซ้ำ * , ** )

ก็สุขสุดหัวใจ

มึงอาจจะสุขสุดหัวใจนะไอ้หมาคริส

แต่กูเนี่ย  ปั่นป่วนไปทั้งใจแล้วแม่ง

--------------------------

น้ำหยดใส่หินทุกวัน หินมันยังกร่อน

นับประสาอะไรกับใจคน  อิอิ

แถมรูปปลากรอบ

ถ้าใจเราไม่กลัวอ้วน เราจะกินกุ้งกองเป็นภูเขายังไงก็ได้ :laugh:

ใต้กองซากกุ้ง

ใต้ความห่วงกิน

ใต้ลืมแล้วเรื่องคิดมากทุกสิ่ง

ตอนนี้นุ้งปิ๊นขอกินก่อนนะ :z2:

ขอบคุณทุกคอมเมนต์มากๆจ้ามีกำลังใจมาต่อที่สุด





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2017 12:14:06 โดย Monkey D »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ปอนี่คิดเกินเพื่อนกับปิ๊นไหมนี่

ออฟไลน์ Monkey D

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
ตอนพิเศษ  เรื่องคืนนั้น

   00.30 น.
   ผมตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกปวดท้องจู๊ดๆอย่างทนไม่ไหว  เปิดไฟจะไปเข้าห้องน้ำส่วนตัวในห้องนอนก็ไฟดันไม่ติดอีกซะงั้น  แมร่งงงง ซวยอะไรวะเนี้ย!

   ด้วยความที่ปวดหนักมากผมเลยต้องจำใจขึ้นไปเข้าห้องน้ำชั้น3 ครับ  จริงๆห้องน้ำชั้น 2 เคยอยู่ด้านนอกห้องนอนผมครับแต่ด้วยความที่ผมกลัวผีมากๆ ปวดฉี่ก็ไม่กล้าออกมาเข้าห้องน้ำจนพี่ปูนสงสารเลยจ้างช่างมารวมห้องน้ำเข้ากับห้องน้ำให้โดยเฉพาะ  แต่ห้องน้ำชั้น 3 ยังอยู่ด้านนอกเหมือนเดิม 
   
   รีบเปิดไฟจนทั่วทั้งชั้น 2 ชั้น 3 ให้สว่างก่อนจะเข้าไปนั่งปลดทุกข์ให้สบายใจสบายตูดดดด

   อ๊า โล่งงง

   เสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็ออกมากะเดินลงไปนอนต่อถ้าไม่ดันได้ยินเสียง...

   “อา...อ๊า..อื้อออ”     เสียงไรอะ?  ผีปะวะ

   พั่บๆๆๆ

   “อ๊า ปูน อาห์” 

   ได้ยินแบบนั้นผมก็พอรู้แล้วละครับว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องพี่ปูน  แต่ก็ตกใจนะครับแบบช็อคอะ ไม่กล้าขยับเลยแม้แต่ลมหายใจยังพยายามหายใจให้เบาที่สุด

   “อื้อออ เจ็บครับ ซี้ดดด”  เสียงพี่ปูนดังออกมาอย่างดูเจ็บปวด  ผมก็ได้ย้ายที่เอาหูมาแนบผนังห้องเพื่อจะฟังชัดๆ

   “อีกนิดเดียวนะปูน อ่าห์ จะเสร็จแล้ว”  เสร็จอะไรวะ! แล้วพี่ปูนเจ็บอะไรอ่ะ หรือว่าจะเหมือนในละครที่ได้ยินเสียงแล้วมโนไปเองทั้งที่จริงพวกเขาอาจจะแค่ทำแผลกันเฉยๆก็ได้...มั้ง

        ทำแผลตอนเกือบตี 1 น่าจะมีความเป็นไปได้อยู่นะ

   “อื้อออ เร็วๆพี่เอก  ปูนจะไม่ไหวแล้ว อ๊ะๆๆ”  อ๊ากกกก ไม่ไหวอะไรๆๆ ตกลงทำอะไรกันแน่วะ ไอ้ปิ๊นนี้เครียดนะครับ อยากรู้อ่ะ!  พลันสายตาก็มองไปเห็นรูท่อแอร์เก่าที่ไม่ได้โบกปูนปิดไว้  ไวกว่าความคิดผมก็ย่องตีนแมวอย่างรวดเร็วไปยกโต๊ะที่วางตกแต่งอยู่หน้าห้องน้ำมาวางให้เงียบที่สุด ก่อนจะปีนขึ้นไปบนโต๊ะกะดูเต็มที่ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป


   เต็มๆเลยครับ



   ไม่เห็นเต็มๆเลยครับ

   บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ได้เตี้ย แต่เพดานมันสูงเกินไป จริงๆ - -   

   แต่ก็มิใช่ปัญหาครับ ลงไปเอาเก้าอี้พับได้มาต่อไปอีกที ฮ่าๆๆๆ เสร็จปิ๊นล่ะ  พวกพี่เขาจะทำอะไรกันน้า จะอะสะปาเดเฮ้ หรือแค่ช่วยกันทำแผลใสๆหว่า?

   มองเข้าไปรูท่อแอร์เก่าแล้วก็ได้เห็นเต็มตา  ถึงจะคิดไว้ล่วงหน้าแล้วแต่พอเห็นจริงๆก็อดที่จะช็อคไม่ได้

   ใช่ครับ

   ที่คิดไว้ถูกแล้ว

   
   พี่เอกกับพี่ปูนอะสะปาเดเฮ้กัน

   ภาพที่ชายหนุ่ม 2 คนกอดก่ายทำรักกันอย่างดูดดื่ม สายตาทั้งคู่ที่ประสานกันอย่างมีความหมายที่ลึกซึ้ง รอยยิ้มบางที่ดูมีความสุขแม้ร่างกายและใบหน้าจะมีเหงื่อผุดออกมาอย่างมากมายทั้งคู่  ดูเหมือนพวกเขาต่างหลงใหลในกันและกันอย่างไม่สามารถแยกออกได้ในนาทีนี้

   “พี่รักปูนมากนะ”

   “ผมก็รักพี่เอก”

   ทั้งคู่เคลื่อนใบหน้าเข้าหากันอย่างกับมีแรงดึงดูด จูบซ้ำๆอย่างเอาใจ ในขณะที่ร่างกายก็ยังขับเคลื่อนไม่หยุดนิ่ง ก่อนจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมากกว่าเดิม

   “อาห์”  เสียงครางครั้งสุดท้ายเสร็จพี่เอกก็ฟุบนอนลงไปทับตัวพี่ปูน  ใบหน้าซุกเข้าซอกคออย่างออดอ้อน

   “พี่เอกเอามันออกก่อน”

   “ไม่เอา ในนี้มันอุ่นดี หึหึ”

   “ทะลึ่ง!”

   “หึหึหึ” พี่เอกแกล้งยอกพี่ปูนไปมาบนเตียงก่อนจะรวบตัวพี่ปูนมานอนพิงอกแกร่งไว้

   “พี่ดีใจนะที่วันนี้เราผ่านอุปสรรคไปอีกหนึ่งอย่าง  น้องของปูนยอมรับพี่แล้ว”

   “ผมก็ดีใจครับ ดีใจมาก แต่...พ่อกับแม่ปูนพวกเขายังไม่รู้เลยนะ”

   “นั่นสิ  แต่พี่ไม่กลัวหรอก พี่รักเราจริงๆ จะกี่อุปสรรคพี่ก็จะจับมือเราไว้ไม่ยอมปล่อยไปไหนหรอก”

   “ให้มันจริงเถอะ  พ่อกับแม่ปูนโหดนะครับ”  ใช่ครับโหดมาก  แม่เราเป็นทหารครับประจำอยู่ที่ภาคเหนือ  ส่วนพ่อก็เป็นนายหัวทำฟาร์มไข่มุกที่ใต้ครับ 

   “โหดแค่ไหนก็จะสู้ เพื่อแฟนพี่ทั้งคน”

   “เจอพ่อปูนเอาปูนไล่ยิง ขี้คร้านจะวิ่งหนีไม่ทันเหอะ”

   “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง พี่คงพาปูนหนีไปวิวาห์เหาะเลยล่ะกัน ฮ่าๆๆๆ”  พี่ปูนหัวเราะอย่างชอบใจ จนพี่ปูนหลุดยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

       สรุปพี่ผมถวายทั้งตัวและหัวใจให้พี่เอกหมดแล้วสินะ :hao5:

       เห็นว่าพี่เอกท่าทางรักพี่ปูนมากหรอก ยอมรับความจริงก็ได้วะ

       ว่าพวกพี่เขารักกัน...


   ผมดูจนพอใจ(?)ก็คิดว่าถึงเวลากลับไปนอนแล้วละครับ  ได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้คืนนี้ก็คงหลับสบายใจแล้วละ

   ผมค่อยๆปีนลงอย่างระมัดระวังและเงียบที่สุดก่อนจะยกโต๊ะและเก้าอี้ไปวางที่เดิม

   ง่วงจังเลยยยยยยย


   “พี่ขออีกรอบนะปูน”

   “พี่เอกอะ ปูนเหนื่อยยยย”

   “นะๆๆ ออนท๊อปให้พี่หน่อยนะคนดี”

   “หือออออ ไม่อ๊าววว”

        "แต่พี่จะเอา"



   พวกคุณคิดว่าผมจะได้นอนไหมครับคืนนี้?


------------
มาสั้นๆ แต่มาบ่อยนะ
   

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Laliat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Monkey D

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
       


ตอนที่ 11  แพ้ใจ
 
    7.00 น.
 
    กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
    เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นอย่างกวนประสาทผมมากที่สุด  มือก็คว้านหาไปกดปิดเสียงให้เงียบลง
 
    ปวดหัวฉิบหาย!
 
    รู้สึกเหมือนนอนไม่พอครับ เปลือกตาก็หนักอึ้งจนลืมตาไม่ขึ้น แถมยังรู้สึกร้อนๆหนาวๆอีก ยิ่งทำให้ไม่อยากลุกจากที่นอนเลยจริงๆ   
 
    ผมหดตัวกลับเข้าไปในผ้าห่มใหม่  มือก็คลำหารีโมทแอร์เพื่อมากดปิดการทำงานของมัน  ก่อนจะนอนหลับต่อไม่สนอะไรทั้งนั้นแล้ว แม้แต่โรงเรียน
 
    .
 
    .
 
    .
    มารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะถูกเช็ดตัวให้อย่างอ่อนโยน   
   
    พยายามลืมตามองดูก็เห็นพี่ปูนที่กำลังเช็ดให้ครับ
 
    “ตื่นแล้วหรอปิ๊น  ปวดหัวไหมเนี้ย พี่เห็นปิ๊นไม่ออกไปโรงเรียนสักทีเลยเข้ามาดูถึงรู้ว่าตัวร้อน”
    “อือ ปวดนิดหน่อยอ่ะพี่ปูน  ไม่อยากลืมตาเลย” ผมบอกก่อนจะหลับตานอนต่อ
 
    “พี่ก็ว่าปิ๊นคงลืมตาไม่ขึ้นแน่ๆ นี้พี่มองตาปิ๊นเหมือนจะเป็นตากุ้งยิงเลย มันดูบวมๆเป่งๆ”   
 
    จึก!     ผมมันคนบาปเองละพี่ปูน  ผลกรรมจากเมื่อคืนชัวร์ๆ ไม่น่าเลย ฮือออออ
 
    “แล้วปิ๊นก็นะ  เมื่อคืนฝนก็ตกหนักยังจะเปิดทั้งแอร์ทั้งพัดลมอีก  ป่วยเลยเห็นไหมเนี้ย”
 
    “ก็มันชินอ่า”  คิดว่าหลายๆคนคงเคยเป็นนะครับ  เราชินที่ได้ยินเสียงแอร์กับเสียงพัดลมก่อนหลับ  ถ้าไม่ได้ยินก็นอนไม่หลับ  เมื่อคืนก็ว่าจะตั้งเวลาปิดแต่เพราะง่วงมากเข้าห้องได้ก็นอนเลยทันที
 
    “แล้วตกลงจะไม่ไปโรงเรียนใช่ไหมเนี้ย”
 
    “ไปไม่ไหวอ่ะ  ขอหยุดวันหนึ่งนะ  พี่ปูนโทรบอกไอ้เจสให้ด้วยนะ”  ผมสั่งทั้งๆที่ตายังหลับอยู่ไม่ยอมลืม
 
    “ก็ได้  แต่พี่มีเรียนทั้งวันเลยนะวันนี้ ปิ๊นอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”
 
    “ได้คร้าบบบ”
 
    “โอเค งั้นพี่เอาโทรศัพท์ปิ๊นโทรบอกเจสให้เองนะ ”
 
    “อือ”
 
    “ข้าวต้มอยู่ในหม้อข้างล่างนะปิ๊น จะให้พี่ยกขึ้นมาให้ไหม?”
 
    “เดี๋ยวปิ๊นลงไปกินเอง ขอนอนต่อก่อนนะ”
 
    “ยังไงก็อย่าลุกไปกินสายมากล่ะ  เดี๋ยวพี่เตรียมยาไว้ให้นะ”
 
    “คร้าบ”
 
    “หายไวๆนะพี่ไปเรียนก่อน”
 
    ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะนอนหลับต่อไป
 
 
 
    ฟุดฟิด ฟุดฟิด 
 
    กลิ่นอะไรว่ะ  หอมมากอ่ะ  ผมสูดหายใจแรงเพื่อที่จะได้ดมกลิ่นให้ชัดเจน  กลิ่นมันหอมน่ากินมากเลยครับ  ได้แค่กลิ่นยังรู้สึกหิวขึ้นมาเลย

 
    โครกกกกกกกกกก

 
    นั่นไงครับไม่ทันขาดคำ ท้องเจ้ากรรมของผมก็ร้องเสียงดังเหมือนพญาธิประท้วงว่า ไปหาอะไรมาให้ข้ากินได้แล้วเจ้ามนุษย์
 
    ทนความหิวไม่ไหวเลยลืมหามองหาของกินอย่างจำยอมทั้งที่ยังอยากนอนต่อมากๆ
 
    หอมอะไรน้า
 
    “เฮ้ย!!!”   
 
    “มะ..มึง”  ผมขยี้ตาอีกทีอย่างไม่เชื่อสายตาเท่าไร  ก็คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้สิครับ มันคือ
 
    “ไอ้คริส! มาได้ไงวะ?!”
 
    “ใจสั่งมา”  มันพูดอย่างเก๊กๆพร้อมยักคิ้วข้างเดียวให้ผม คงคิดว่าเท่มากมั้ง - -
 
    “ถุย เชื่อตาย”  ผมว่ามันก่อนล้มตัวนอนไปอีกรอบ  เห็นหน้ามันแล้วหมดอารมณ์ครับ
 
    “ฮ่าๆๆๆ กูโทรมาหามึงเมื่อเช้า พี่มึงรับบอกมึงป่วยกูเลยรีบมาหาไง ซึ้งใจกูไหมล่ะ กูยอมโดดโรงเรียนเพื่อมึงเลยนะเว้ยยยยย” 
 
    “ปัญญาอ่อน มีหน้าที่เรียนทำไมไม่ไปเรียน มึงมันบ้า”  ผมว่ามันก่อนจะหลับตาลงอีกรอบอย่างหงุดหงิด  ไม่ชอบเลยครับที่มันทำเหมือนผมสำคัญกับมันมาก....ทั้งที่ไม่ควรจะเป็น
 
“แล้วมึงเข้าบ้านมาได้ยังไงวะ”   ไม่มีทางที่มันจะมาทันก่อนที่พี่ผมจะออกไปแน่ๆอ่ะ
 
    “กูใส่ชุดเกาะไอร่อนแมนบินมา อิอิ”
 
    “เฮ้อออออ มึงนี้มัน”
 
    “ลุกมากินโจ๊กก่อน กูอุตส่าห์แวะไปซื้อเจ้าเด็ดมาให้มึงเลยนะ เร็วยังร้อนอยู่เลย”  ไอ้คริสยกถ้วยโจ๊กมายั่วผม พลางตักโจ๊กให้เห็นหมูเด้งๆ ที่น่ากินมากกกกกก
 

    โครกกกกกกกกกกกกกกกกก

 
    “เออ กินก็ได้วะ”  ผมลุกตัวขึ้นมาอีกรอบ  รู้สึกโอเคขึ้นมานิดนึงหลังจากที่นอนพักไปอีกรอบ
 
    “ดีมาก  เดี๋ยวกูยกโต๊ะมาวางแป๊บจะได้กินง่ายๆ”  แล้วไอ้คริสก็เดินไปยกโต๊ะญี่ปุ่นมาวางบนเตียงก่อนจะเอาถ้วยโจ๊กมาวางอีกที
 
    “ม่ะ กูป้อน อ้ามมมมมมม”  มันนั่งฝั่งตรงข้ามกับผมแล้วตัดโจ๊กมาจ่อที่ปากพลางทำท่าอ้าปากบิ๊วผมไปด้วย _*_  กูจะกินไม่ลงก็ตรงปากมึงกว้างจนเห็นลิ้นไก่นี้แหละ
 
    “อ้าม พ่องงง กูกินเองได้เว้ย” ผมว่ามันก่อนจะหยิบช้อนจากมือมันมาตักกินเอง  โจ๊กเจ้านี้เด็ดอย่างที่มันบอกจริงๆ หมูก็ให้เยอะ ไข่ลวกก็กำลังดี แถมยังอร่อยมากๆด้วย ผมนี้จ้วงเอาๆเลยครับ
 
    “มองไรคนกำลังกิน เสียมารยาท”   
 
    “ก็มึงกินน่าอร่อยอ่ะ  กูก็มองดิ ไม่เสียแรงไปซื้อมาให้ อร่อยมากป่ะ?” ^^
 
    “...เอออร่อย....ขอบใจนะ”  เห็นแก่ว่าโจ๊กมันอร่อยหรอกนะ  ไม่อยากเสียมารยาทกินของเขาแล้วยังไปด่าก็ดูจะนิสัยเสียไปหน่อย  ถึงในใจจะไม่อยากขอบคุณเท่าไรหรอก
 
    “หึหึ กินต่อเหอะจะได้กินยาตาม”
 
    “อืม”
 
    นั่งกินต่อจนหมดเกลี้ยงไอ้คริสก็เก็บโต๊ะไปแล้วยื่นยามาให้กิน แต่ก็นะผมต้องพิจารณาก่อนครับว่ามันเอายาอะไรให้ผมกิน
 
    “จ้องขนาดนี้  คิดว่ากูให้ยาปลุกเซ็กส์มึงรึไงว่ะ ไอ้เปี๊ยก”
 
    “กูก็แค่ดูเฉยๆหรอกน่ะ” พูดเสร็จผมก็กินยาต่างๆทันทีครับ   
 
    “โห สุดยอดอะมึง กินไปได้ไงว่ะทีเดียวตั้งหลายเม็ด”  ไอ้คริสทำหน้าตกใจปนอึ้งๆมาก  แค่เรื่องกินยาหลายเม็ดมองซะอย่างผมเป็นอัจฉริยะ  แต่พอเห็นสายตามันก็อดไม่ได้ที่จะยืดตัวนิดๆอย่างน้อมรับคำชม  แหมนานๆจะมีคนชมก็ขอยืดสักนิดเถอะครับ
 
    “เรื่องแค่นี้จิ๊บๆเว้ย  ผู้ชายแมนๆมันก็อย่างงี้แหละมึง”   อิอิ พูดนิ่งๆแต่ในใจกรี้ดร้องมากครับแต่ต้องคีพลุคไว้
 
    “ไม่เกี่ยวกับแมนไม่แมนสักหน่อย”  มันเถียง
 
    “พูดอย่างนี้แสดงว่าเวลามึงป่วยชอบดื้อไม่กินยาใช่ป่ะว่ะ”  ผมถามไป
 
    “...”  มันไม่ตอบทำเป็นเสมองไปรอบห้อง
 
    “ไอ้อ่อนเอ๊ย”  ได้ทีก็ขอแซวมันหน่อยเถอะ  แม่งทำตัวเป็นเด็กน้อยไปได้ ฮ่าๆๆ
 
    “ใครอ่อน  กูไม่อ่อนนะเว้ย”  มันหันมามองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจคิ้วขมวด
 
    “ก็เห็นๆอยู่ว่าอ่อนด๋อย ยังจะมาเถียงอีก”  เถียงมาเถียงกลับไม่โกง
 
    “ไม่อ่อน!”
 
    “อ่อน!”
 
    “ไม่อ่อน!!”
 
    “อ่อน!!!”
 
    “พูดงี้จับของกูเลยดีกว่าว่ะ!”
 
    “เฮ้ยยยยยย”     ตกใจสิครับเถียงกันอยู่ดีๆไอ้เชี่ยคริสจับมือผมไปจับที่กลางเป้ากางเกงมันเฉย
 
    “ไง แข็งขนาดนี้ยังจะว่ากูอ่อนอีกไหม”
 
    “ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยย”
 
    เหี้ย ไอ้คริสมันเหี้ยจริงๆ  เกิดมาไม่เคยเจอใครหน้าด้านเท่ามันแล้วครับ
 
    “ฮ่าๆๆๆๆ เถียงพี่ไม่ออกเลยสินะน้องเปี๊ยก”
 
    “มึงมันบ้าไอ้เชี่ยคริส” ผมดึงมือกลับมาถูกับกางเกงผมอย่างรังเกียจ แม่งทำไปได้
 
    “ฮ่าๆๆๆๆ”  มันหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งผม
 
    “หุบปากไปเลย แม่ง”  ผมว่ามันแล้วก็ล้มตัวนอนไปใหม่อีกรอบ
 
    “เฮ้ย  อย่าเพิ่งนอนดิ เพิ่งกินเสร็จเดี๋ยวก็เป็นกรดไหลย้อนหรอก”  ไอ้คริสพูดพร้อมพยายามดึงผมให้ลุกขึ้น
 
    “ไม่เอาเว้ย กูจะนอนต่อแล้ว”  ผมขืนตัวไว้ไม่ยอมลุกไปตามแรงดึง
 
    “ลุกมานอนพิงหัวเตียงก็ยังดี  ลุกดิ”  ไอ้คริสก็ยังพยายามจะดึงตัวผมให้ขึ้นไปให้ได้
 
    “บอกว่าไม่ลุกก็ไม่ลุกดิวะ!”  ผมว่าก่อนจะดึงตัวเองให้กลับไปจมเตียงอีกครั้งอย่างเต็มกำลัง
 
    “เหวอออออ”
 
    ตุ๊บ!
 
    เชี่ยแม่ง จุกสิครับ  ไอ้คริสล้มมาทับเต็มๆทั้งตัว  มองไปก็เห็นหน้ามันอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
 
    ตึกๆ
 
    ตึกๆ
 
    ตึกๆ
 
    เอาอีกแล้วหัวใจเจ้ากรรม  ทำไมชอบเต้นแรง....เวลาที่ผมตกใจจัง

 
    สายตาของไอ้คริสมองมาที่ผมอย่างดูลึกซึ้งจนผมเองต้องหันมองไปทางอื่นเพราะทนต่อสายตาแบบนั้นไม่ได้   แวปหนึ่งในหัวผมกลับนึกถึงฉากเมื่อคืนขึ้นมาซะงั้น  มันใช่เวลาไหมว่ะ -///-
 
    เฮือก!
 
    ผมสะดุ้งนิดๆที่จู่ๆก็เหมือนมีอะไรมาเกลี่ยโดนที่แก้ม
 
    “แก้มมึงนี้ เนียนดีเนอะ”  มันกระซิบเสียงเบาทั้งที่จมูกโด่งๆข้างมันยังเกลี่ยไปมากับแก้มผม
 
    “....”
 
    “แถมยังหอมอีก”  หอมตรงไหนวะน้ำยังไม่ได้อาบตั้งแต่เช้า  อยากหันไปเถียงครับแต่กลัวหันไปแล้วจะไปโดนปากมันเหมือนในละครที่คุณแม่ชอบดู  ผมยังไม่อยากมีโม้เม้นท์แบบนั้นนะ
 
    “ฟอดดดด”
 
    “เฮ้ยยยยย”  สติแตกสิครับ อยู่ๆโดนหอมแก้มเฉย  ผมหันไปพร้อมกับเอาทุบตีมันอย่างเต็มแรงเท่าที่มี  มันจะเกินไปแล้วโว๊ยยยยย
 
    “โอ๊ย เจ๊บๆๆๆ”
 
    “สมควรโดนไอ้ห่าคริส มึงมันกวนตีน ไอ้หน้าด้าน หน้าไม่อาย มาหอมแก้มกูได้ยังไง”
 
    ตุ๊บๆๆๆ  ผมยังคงตีมันอย่างเมามัน
 
    “พออออออออ”  ไอ้คริสพูดก่อนจะรวบมือทั้งสองข้างของผมไปไว้เหนือหัว    แม่งท่าแบบนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับผมเลยจริงๆ
 
    “ปล่อยดิ  ปล่อยยยยยยย”  ผมดิ้นพยายามจะเอาให้มือหลุด   แต่มือไอ้คริสก็แข็งอย่างกับคีมไม่ยอมปล่อยเลย
 
    “รู้ไหมเด็กดื้อต้องถูกทำโทษยังไง”
 
    “ไม่รู้ ไม่ใช่เด็กดื้อ โตแล้วเว้ย”
 
    “หึ เด็กดื้อแบบมึงพูดดีๆไม่เชื่อก็ต้องโดนทำโทษด้วยการ...จูบบบบปากไงล่ะ” มันยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะค่อยๆโน้มตัวลงมา
 
    “หยุดเลยนะเว้ย หยุดดดด”  ผมสั่งหลับตาปี้เมื่อหน้าไอ้คริสใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
 
    “ถ้ากูอยากจูบ อะไรก็มาหยุดกูไม่ได้หรอก” เสียงพูดที่ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้ผมรู้สึกหมดแรงจะสู้กับมันจริงๆ   มือก็ถูกจับไว้แน่น  ตัวก็ถูกมันทับไว้จนขยับไม่ได้ แถมยังป่วยอยู่อีก  ผมจะเอาอะไรไปสู้กับมันล่ะครับนอกจาก
 
 
    “เอิ้กกกกกก”     
    สายลมแห่งกระเพาะได้พัดผ่านลำไส้ ท่อส่งอาหาร แล้วก็ช่องปากที่ยังไม่ได้แปรงฟันตั้งแต่เมื่อคืนหมักหมกมาก็น่าจะเกือบครบ 24 ชั่วโมง ก็ได้ส่งไปถึงจมูกโด่งๆที่กำลังก้มลงมา  เพราะผมไปอ้าปากครอบจมูกมันแล้ว เรอไปอย่างเต็มที่
 
    “อุ๊  ไอ้เชี่ยปิ๊นนนนนนน”
 
    ได้ผลครับ  ไอ้คริสหยุดชะงักทันทีก่อนจะวิ่งไปเข้าห้องน้ำเหมือนอยากจะอ้วก  ฮ่าๆๆๆๆๆ สะใจโว้ยยยยย  อายเหมือนกันนะครับเกิดมาก็ไม่เคยทำตัวทุเรศๆใส่ใครแบบนี้มาก่อน  แต่ก็นะทีมันยังทำอะไรไม่อายผมเลย แล้วผมจะไปสนอะไรล่ะครับ
 
    ไม่มีอะไรหยุดมึงได้ แต่กลิ่นปากกูหยุดมึงได้โว๊ย
 
    ยิ้มอย่างพอใจที่หลุดพ้นจากมือไอ้คริสมาได้ผมก็ล้มตัวไปนอนอย่างมีความสุขแล้วล่ะครับ  แต่ก็ไม่วายเอาผ้าห่มมาปิดปากไว้กันมันทะลึ่งมาทำจะจูบผมอีก
 
    ปินปิ๊น ไม่ใช่คนง่ายๆนะโว๊ยยยยยย
 
    กำลังเคลิ้มๆก็ยินเสียงมันออกจากห้องน้ำมา สงสัยมึนกับกลิ่นปากผมจัดถึงได้หายไปนาน หึหึ
 
    “เช็ดตัวอีกรอบก่อน ค่อยนอน”   เสียงทุ้มบอกผม  เมื่อลืมตามองก็เห็นมันถือกะละมังพร้อมผ้าเช็ดตัวมาให้
 
    เชี่ยแม่ง  ยังไม่เข็ดอีกหรอว่ะ  เป็นผมเจอแบบนี้หนีกลับบ้านไปแล้วนะ
 
    “ไม่เอาไม่เช็ด ง่วง" ผมบอกก่อนจะตั้งท่านอน เวลาป่วยจะอยากนอนมากครับ แถมเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ไม่อยากทำอะไรเลย
 
    "ไม่ได้  ยังไงก็ต้องเช็ด ตัวยังไม่หายร้อนเลย เช็ดตัวบ่อยๆไข้จะได้ลง" ไอ้คริสพูดอย่างจริงจัง แล้วถือวิสาสะดึงแขนผมไปเช็ดตัวให้ 
 
จะดึงแขนออกแต่มันก็จับไว้แน่น แถมยังส่งสายตาดุๆมาให้อีก   
 
    "อย่าดื้อกับกูให้มาปิ๊น  ที่กูบังคับก็เพราะอยากให้มึงหายป่วยไวๆ"

   "..."  เพิ่งเคยเห็นไอ้คริสโหมดจริงจังก็วันนี้  แถมให้เหตุผลที่ผมเถียงไม่ออกอีกก็เลยปล่อยเลยตามเลย
 
 
    ไอ้คริสค่อยๆเช็ดตัวผมแบบถูทวนแนวขนย้อนขึ้นมา จากแขนซ้ายเสร็จก็มาแขนขวาตามด้วยลำคอและค่อยๆปลุกระดมชุดนอน...แล้วลงมือเช็ดไปตามแผ่นอก
 
       เฮือก
 
       เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตลามไปร้อนที่หน้าอย่างรวดเร็ว  แต่เมื่อเชยตามองไอ้คริสก็ได้เห็นเพียงสีหน้าที่จริงจังและตั้งใจเช็ดตัวให้ผมจริงๆ
 
        แม่งเอ้ย
 
       ถ้ามันทำลวนลามตัวผมสักนิด  ผมคงตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ที่วุ่นวายนี้ได้ง่ายกว่านี้
 
        มันเช็ดตัวผมเสร็จอย่างรวดเร็วก็ย้ายไปเช็ดขาผมต่อ ตั้งแต่ต้นขายันซอกนิ้วเท้าทั้งสองข้างจนสะอาดเอี่ยม
 
      "อยากเปลี่ยนชุดไหม จะได้สบายตัว"
 
       ผมพยักหน้ารับ ไอ้คริสก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดลำลองมาให้พร้อมกับกางเกง   
 
       "หันหน้าไปทางอื่นก่อนดิ

       "ทำไม กลัวกูเห็นหนอนชาเขียวมึงหรอ"
 
        "อนาคอนดาต่างหากเว้ย รีบหันไปเร็วๆเลย  กูอยากนอนแล้ว"
 
         "เออๆ"  ไอ้คริสรับปากแล้วหันหลังให้ 
 
          ผมเลยรีบถอดชุดนอนออกจากตัวรวมไปถึงกางเกงในตัวน้อยที่หุ้มเจ้าโลกของผมอยู่  ก่อนจะรีบหยิบตัวใหม่ที่ไอ้คริสเอามาให้ใส่ไป ใส่ยากนิดนึงเพราะตัวผมนั่งอยู่บนเตียงแต่ไม่นานก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เตรียมตัวนอนอีกรอบ
 
         "เสร็จแล้ว" ผมบอกมันที่ยืนหันหลังให้  ไอ้คริสนิ่งต่อไปสักแป๊บ ก่อนจะหันหน้ากลับมาด้วยใบหน้าที่แดงจัด
 
          "ปิ๊น อย่าไปแก้ผ้าให้ใครเห็นนะ"
 
          "พูดบ้าอะไรอีกวะ" ผมงง  แต่พอมองเลยตัวมันไปก็ได้รู้ความหมายที่มันพูดขึ้น
 

             กระจก!

 
            เต็มๆกระจกแบบส่องได้ทั้งตัวที่ตั้งอยู่ฝั่งที่ไอ้คริสมันหันหน้าไป  แถมมันยังสะท้อนเห็นตัวผมที่นอนอยู่บนเตียงแบบชัดระดับHDอีกต่างหาก
 
            "ไอ้เชี่ยคริส ไอ้ลามก หื่นกาม!" ว๊ากกกกกกกกก  กูอยากตายซะตอนนี้เลย ฮือออ
 
            "กูเปล่าหื่นนะเว้ย ก็มึงบอกให้กูหันหลังเองอะ กูก็หันอะดิ"  ไอ้คริสเถียงทั้งที่หน้ามันยังแดงเหมือนจะแข่งกับหน้าร้อนๆของผมตอนนี้
 
            โฮฮฮฮฮฮ อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้วครับอายจนต้องเอาผ้าห่มมาปิดไว้ทั้งหัวแล้วขดตัวนอนอย่างไม่อยากรับรู้อะไร

 
.          “เดี๋ยวก่อน”
 
           “อะไรอีกกกก กูง่วงกูจะนอน”  ชักหงุดหงิดครับขัดกูเหลือเกิน กูอายจนไม่กล้าโผล่หัวออกไปไหนแล้วแม่ง จากที่เริ่มรู้สึกเบาไข้เหมือนจะกลับมาหนักอีกรอบเพราะมันนี้แหละ
 
          “บ้วนปากก่อนเหอะ  กูขอร้อง ไอ้ห่ากูคิดว่าหนูตายในปากมึง”
 
         “ไม่เอา”  เรื่องไรละครับ เกิดบ้วนแล้วมันมาจูบผมอีกก็ไม่มีไรป้องกันดิ
 
         “บ้วนเหอะขอร้องกูไม่จูบมึงแล้วก็ได้ กูพูดจริงๆนะเมื่อกี้กูแทบเป็นลม ขมคอเลยสัส”  มันพูดจริงจังจนผมรู้สึกอ๊ายอาย  แม่งเหม็นขนาดนั้นจริงหรอวะ 
 
         “เอ้า บ้วนซะ”  มันหยิบน้ำยาบ้วนปากมาให้  ผมก็เลยรับมาบ้วนปาก
 
        “คายใส่ในกะละมังนี้แหละเดี๋ยวเอาไปทิ้งให้”  มันพูดพลางถือกะลังที่ใส่น้ำเช็ดตัวรอผมคายน้ำยาบ้วนปากทิ้ง
 
         มันเป็นการกระทำที่ดูไม่น่ามองเท่าไร  แต่ผมรู้สึกตื้อๆในใจยังไงไม่รู้   
 
         มันจะดีกับผมมากเกินไปแล้วนะ...
 
         แต่ความจัญไรก็มีเยอะไม่แพ้กัน! (ยังแค้นเรื่องเมื่อกี้อยู่)

 
        “หลับซะ กูอยู่เฝ้ามึงนี้แหละไม่ไปไหนหรอก”  มือหนาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน ก่อนจะช่วยห่มผ้าให้
 
        “ฝันดีนะนางฟ้า”
 
        “ก็บอกว่าไม่ใช่นางฟ้า”   
 
        “หึ”
 
        .
 
        .
 
        ก่อนที่ผมจะเข้าสู่ห้วงนิทรา  ตาเจ้ากรรมก็ดันลืมขึ้นมานิดๆมองหาคนตัวโตอย่างอดรู้ไม่ได้ว่ามันจะอยู่เฝ้าผมจริงๆไหม

       ภาพที่เห็นคือ ไอ้คริสยกเก้าอี้มานั่งใกล้ๆเตียง  มันสวมแว่นและกำลังนั่งอ่านหนังสือเรียนอย่างดูตั้งอกตั้งใจ  มีแสงแดดส่องพาดเข้ามาโดนตัวมันอย่างดูอบอุ่นช่างเป็นภาพที่น่าสวยงามจริงๆ
 

------------------------------
***แจ้งข่าว
งดลง my sunshine ความรักทำให้ตาสว่าง  เพราะจอคอมเสียT_T  :z3: :hao5:

ส่วนปิ๊นคริสลงปกติ เดชะบุญ เราอัพเข้าเมลไว้

ยังใช้มือถือลงในเว็บได้ ไม่งั้นคงต้องงดอีกเรื่อง

     


ในเพจมีตอนสั้นๆ(มาก)ที่ไม่มีในนิยายด้วยน้า
อ่านคั่นเวลาเล่นๆกันได้ :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-07-2017 08:50:24 โดย Monkey D »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

มีความอบอุ่น

ออฟไลน์ maxtorpis

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-4

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
คริสนแสนดีอย่างนี้
ไม่แพ้ใจก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว
 :mew3:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Monkey D

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
ตอนที่  12  ความในใจของนายคริส


ร้อนจังว่ะ     

 ร้อนชิบหาย     

ร้อนสุดๆ       

ผมลืมตามาก็โดนแสงแดดแยงตาขึ้นเต็มๆ  หน้าต่างถูกเปิดไว้  แต่แอร์ไม่เปิด  พัดลมก็ไม่เปิด!

โอ้ยยยยยยย ถึงว่าร้อนโคตรๆ  เหงื่อแตกพลั่กเลยครับ         แล้วทำไมรู้สึกหนักๆที่ตัวจังวะ?     

“เฮ้ย!”   ลุกพรวดเลยครับ  ก็ไอ้ต้นเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกหนักที่ตัวก็คือไอ้บ้าคริสที่ขึ้นเตียงมานอนกอดก่ายผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้     

“หือ”  มันครางอย่างหงุดหงิดแต่ยังคงหลับต่อไปแขนก็ขยับมากอดต้นขาไว้

อยากจะทุบมันจริงๆ แต่พอเห็นหน้าตอนมันหลับก็ทำไม่ลง แม่งเหมือนเด็กน้อยเกิ๊นนน  ไล่พิจารณามันไปก็คิดทบทวนอะไรหลายๆอย่างไป  จริงๆไอ้คริสมันก็ดีกับผมมาก  แบบที่ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าจะดีอะไรกับผมนักหนา

แต่มันก็กวนตีนผมไม่ใช่น้อยเหมือนกันล่ะ ทำให้ผมปวดประสาทหลายๆครั้ง แล้วก็ทำให้ผมยิ้มได้หลายครั้งเหมือนกัน...     

อย่างที่เคยบอกไว้ว่าตัวผมเองเกิดมาก็ไม่เคยมีแฟนสักคน  ผมเลยไม่เข้าใจนักว่าการกระทำของมันเรียกว่ารักได้หรือเปล่า  หรือมันก็แค่ความเป็นห่วงของมนุษย์ทั่วไป  หรือที่มันมาทำดีกับผมอาจจะแค่อยากเอาชนะเพื่อให้ผมเป็นแฟนอย่างที่มันเคยขอตอนนั้นก็ได้ใครจะไปรู้  แม้แต่กระทั่งความรู้สึกของผม ผมเองยังไม่ค่อยเข้าใจเลย  ไอ้อาการใจเต้นแรงเวลาที่ใกล้กัน  รู้สึกดีเวลาที่มันทำอะไรเพื่อผม

การกระทำโง่ๆของมันในบางครั้งอย่างที่โดดเรียนเพื่อมาเฝ้าผมเพระผมป่วย  ถึงจะหงุดหงิดแต่ลึกๆผมเองก็แอบรู้สึกดี     


‘รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนสำคัญ’ 


“อือออ อ้าวตื่นแล้วหรอว่ะ”   ไอ้คริสเงยหน้าขึ้นมามองผม 

“เออดิ   แม่งทำไมไม่เปิดพัดลมเปิดแอร์ว่ะ แล้วยังห่มผ้ากูอีก กูโคตรร้อนเลยตื่น” 

“กูอ่านในเน็ต เขาบอกต้องทำให้เหงื่อออกเยอะๆ ไข้จะได้ลดเร็วๆไง จริงๆกูกลัวยังไม่อุ่นพอเลยต้องกอดดดดมึงเพิ่มไง รู้สึกดีขึ้นม่ะ?”  ไม่พูดเปล่าไอ้คริสกระชับแขนกอดผมแน่นไปอีก 

“เหอะ  เชื่อตาย ปล่อยได้แล้วกูร้อนเหนียวตัวอยากอาบน้ำ”   จริงๆก็รู้สึกดีขึ้นมากเลยครับ  เหมือนตัวจะไม่ค่อยร้อนแล้ว  แต่เหงื่อนี่ชุ่มไปทั้งตัว 

“ไหนมาวัดก่อนตัวยังร้อนอยู่ไหม”

ไอ้คริสลุกขึ้นนั่ง ยกมือขึ้นมาอังที่หน้าผากผม  อดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองหน้ามัน  การกระทำที่แสดงถึงความห่วงใยทำเอาผมรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง 

“ก็เบาแล้วนะ กูว่ามึงแค่ลูบๆตัวก็พอ ถ้าอาบเดี๋ยวไข้กลับอีก” 

“อ..อืม”  ผมตอบรับหลุบตาลงมองไปทางอื่น

“ลุกไหวเปล่า  ให้ช่วยพยุงไหม” 

“ไหว  แค่ป่วยไม่ได้เป็นง่อยเว้ย” 

“หึหึหึ  เอองั้นเดี๋ยวกูลงไปหาของกินข้างล่างมาให้  บ่ายโมงแล้วจะได้กินยาอีกรอบ” 

“อืมๆๆ”   ไอ้คริสลุกลงจากเตียงไป  ผมที่มองตามหลังมันถึงได้รู้ว่า  แผ่นหลังของมันเปียกไปด้วยเหงื่อเต็มไปหมด  มันเองก็คงจะร้อนเหมือนกัน  แต่ก็ยังจะทนอยู่เป็นเพื่อนผมไม่ไปไหน

    มึงมันตัวอันตรายต่อหัวใจกูจริงๆ   


ตกเย็น

พี่ปูนก็กลับมาบ้านครับพร้อมทั้งชวนไอ้คริสอยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน  ขอบคุณไอ้คริสยกใหญ่ที่อยู่ดูแลผมทั้งวัน  ตัวไอ้คริสเองก็ตอบรับคำชวนหน้าระรื่น  แถมยังเสนอหน้าไปช่วยพี่ปูนทำกับข้าวในครัวอีก     

ติ๊งต่อง     

เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น  ผมที่อยู่เฉยๆเลยลุกขึ้นไปดูจอว่าใครมาหา       พี่เอกละมั้ง       เดินไปจนถึงหน้าประตูมองจอชัดๆอีกทีก็ตกใจ

“เชี่ยเจส” 


เชี่ยยยยยยยยย  มันมาทำไมว่ะ  หรือมันจะมาถามว่าเคลียร์เรื่องไอ้คริสหรือยัง  ผมเองก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย  แถมตอนนี้ไอ้คริสก็อยู่ในบ้านด้วย     

ฉิบหายแล้ววววววววววว     

ติ๊งต่อง     

“ใครมาอะปิ๊น  ไม่ออกไปดูละ”  พี่ปูนตะโกนถามมาจากในครัว     

“เพื่อนปิ๊นเอง  กำลังจะออกไปหามันแล้ว”  ผมตอบกลับ   แล้วรีบหันไปดูจอว่ามีใครอีกหรือเปล่านอกจากไอ้เจส  ดูแล้วไอ้เจสมาคนเดียวไม่มีไอ้ปอ  ผมเองก็โล่งอกนิดนึง       เดินไปเปิดประตูแล้วก็รีบปิดทันที  กลัวไอ้เจสมองเข้าไปแล้วจะเห็นไอ้คริสครับ     

“มาทำไมวะ” ผมถามมัน     

“เห็นพี่มึงโทรบอกว่าป่วย  กูเลยแวะมาเยี่ยมไง ดีขึ้นยังล่ะ” 

“เออดีขึ้นมากแล้วมึง  พรุ่งนี้กูคงไปเรียนได้แล้วล่ะ” 

“งั้นก็ดีแล้ว เข้าไปในบ้านได้เปล่าวะ  หิวน้ำอ่ะ” ไอ้เจสถาม 

“ไม่ได้!”   ไม่ได้เด็ดขาด  เข้าไปก็เจอแจ็คพอตสิครับ 

“ทำไมว่ะ  แปบเดียวเอง กูอุตส่าห์มาเยี่ยมมึงนะโว้ย” 

“เอ่อออ ก็  ก็พี่กูผัดกระเพราฉุนทั่วบ้านไปหมด  มึงเข้าไปคงสำลักกลิ่นพอดี  มึงไม่ชอบกลิ่นกระเพราไม่ใช่หรอ”  ผมหาข้ออ้างบอกมันไป  พยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุจน์มากที่สุด   แต่ทำไมเหงื่อที่มือแฉะจังว่ะ - - 

“งั้นหรอ  เออๆงั้นกูไม่เข้าไปดีกว่า” 

“เออ ไม่ต้องเข้าไปอ่ะดีแล้ว”   โล่งอกแล้วครับ  เฮ้ออออ  รอดไปอีกวัน 

“เออนี่  ไอ้ปอมันฝากมา...” 

“ฝากอะไร!”  จะฝากถามเรื่องไอ้คริสหรืออะไร     

“จะตะโกนทำแป๊ะอะไรของมึง  มันฝากเลคเชอร์มาให้  ใกล้สอบแล้วมันกลัวมึงสอบตก  เอาไปอ่านซะ”  แล้วไอ้เจสก็หยิบกระดาษถ่ายเอกสารเลคเชอร์มาให้ผม 

“อ้าวหรอ ขอบใจนะมึง แหะๆ”     

“งั้นกูกลับเลยละกันนะ  รถติดเดี๋ยวถึงบ้านดึกว่ะ”     

“เออดีๆ รีบกลับเหอะมึง  บายโว้ยยย”  ผมรีบโบกมือไล่ไอ้เจสด้วยความยินดีปรีดา 

“ปิ๊น  กับข้าวเสร็จแล้วนะเข้ามากินได้แล้ว”     

 กึก     

 เหมือนตัวผมถูกสต๊าฟไว้  มือที่โบกให้ไอ้เจสก็พลอยหยุดไปด้วย  ไอ้เจสเองที่กำลังจะเดินไปก็หันกลับมามองต้นทางของเสียง     

ไอ้เชี่ยคริสมึงจะออกมากทำมายยยยยยยย     

“เข้ามาดิปิ๊น  กูตักข้าวไว้แล้ว  เดี๋ยวเย็นหมด”  ไอ้คริสเดินมายืนข้างผมพร้อมกอดรัดคอผมไว้       

“...”           

“...”       

“...”  T_T

ผมเกลียดบรรยากาศเดดแอร์   ฮือออออ   

“คนนี้ใช่ไหม  ที่ชื่อคริส”  ไอ้เจสถามขึ้น  ดวงตามองนิ่งมาที่พวกผม       

“ใช่ ข้าชื่อคริสเองอ่ะ  มีอะไรหรือเปล่า”  ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรไอ้คริสก็ชิงตอบแทน     

“เป็นเพื่อนไอ้ปิ๊นหรอ”     

“เปล่าเป็นคนสำคัญต่างหาก”

ไอ้คริสตอบก่อนจะทำหน้าระรื่นมามองผม   หน้าบานไม่ดูสีหน้ากูเลย     

“สำคัญบ้าไรเล่า  อย่ามโน”  ผมว่าก่อนจะยกแขนมันออกจากคอ     

“กูก็นึกว่ามึงเคลียร์กับมันแล้วซะอีก”  ไอ้เจสพูดพร้อมมองหน้าผม     

“ก็  ยังหาโอกาสไม่ได้”  ผมพูดเสียงอ่อย     

“เคลียร์ไรวะ พูดเรื่องไรกัน”  ไอ้คริสมองหน้าผมสลับกับไอ้เจสไปมาอย่างสงสัย     

“กูจะไม่เซ้าซี้มึงหรอกไอ้ปิ๊น   แต่กูหวังว่ามันคงมีคำตอบให้ไอ้ปอนะ”     

“...”   ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร         

“อะไร  พูดเรื่องอะไรกันวะ  มีไรก็พูดมาตรงๆเลยดิ!”  ไอ้คริสเริ่มหงุดหงิดขึ้นเสียงใส่ไอ้เจส     

“มึงอยากรู้ก็ถามไอ้ปิ๊นเองล่ะกัน  มันคงตอบได้ดีที่สุด”  ไอ้เจสตอบอย่างไม่ยี่หร่ะ     

“ส่วนมึงไอ้ปิ๊น  กูไม่รู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่  แต่อย่าลืมว่ากูเป็นเพื่อนมึงไม่ว่ามึงจะตัดสินใจยังไงกูก็โอเคหมดแหละ  รีบตัดสินใจสักที  อย่ามัวแต่โลเล”  พูดแค่นั้นไอ้เจสก็เดินกลับไปทิ้งให้ผมยืนอยู่กับไอ้คริสสองคน     

“ตกลงมันเรื่องอะไรกันวะ ไอ้ปิ๊น”     

“....”   ผมไม่ได้ตอบ  แค่เงยหน้าไปมองหน้ามันนิ่งๆ       

“สองคนนั้น รีบเข้ามากินข้าวสักทีสิ เย็นหมดแล้วน้า”  พี่ปูนออกมาเรียก  ทำลายบรรยากาศอึมครึมตอนนี้ไป         บรรยากาศการกินข้าวก็เป็นไปอย่างอึมครึม อึมครึมจริงๆ  ไม่มีใครพูดอะไร  ตอนแรกพี่ปูนก็ชวนคุย  แต่พอเห็นว่าทั้งผมแล้วก็ไอ้คริสไม่คุยอะไรกลับก็เลยหยุดพูด  พาให้การกินอาหารที่แสนอร่อยกลายเป็นรู้สึกไม่อยากจะกินกันเลยครับ  เฮ้อออออ       

ต่อด้านล่าง 

ออฟไลน์ Monkey D

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0

“เดี๋ยวพี่ล้างเองปิ๊น  ไปคุยกับเพื่อนเหอะ”  พี่ปูนพูดขึ้นแล้วมาหยิบจานในมือผมไป       

“มีอะไรก็รีบๆเคลียร์กันซะนะ”  พี่ปูนเข้ามากระซิบใกล้ๆก่อนจะเดินเข้าครัวไปพร้อมกองจาน           ถึงเวลาที่ผมต้องตัดสินใจแล้วสินะ

 “กู...มีอะไรจะคุยด้วยอ่ะ”  ผมเดินไปหาไอ้คริสที่กำลังใส่รองเท้าเตรียมตัวกลับ       

“ก็คุยมาดิ”   น้ำเสียงเหวี่ยงๆที่ส่งมาแถมยังเอาแต่ก้มหน้าผูกเชือกไม่ยอมหันมามองหน้ากันอีกด้วย   แม่ง  ทำตัวอย่างกับงอนผมแน่ะ       

“จะคุยยาวเว้ย  เรื่องเมื่อเย็นอ่ะ จะฟังไหม  ถ้าไม่ฟังก็กลับไปเลย”  ผมพูดแล้วหันตัวกลับ  กูไม่ง้อมึงหรอกเชอะ           

“เดี๋ยว  อยากรู้ดิ  แค่นี้ทำงอนนะ”   ห๊ะ  ผมเนี้ยนะงอนมัน   มันนั่นแหละงอนผมมากกว่า     

“เออ  งั้นก็คุยไปเดินไปแล้วกัน  จะขึ้นรถเมล์หรือแท็กซี่อ่ะ?”           

“รถเมล์ก็ได้  กูไม่รีบ”       

“โอเค”  ผมบอกก่อนจะสวมรองเท้าแตะเดินนำมันมา  ออกจากบ้านไปตามทางฟุตบาท  มันเองก็เดินตามหลังมาติดๆจนเราเดินพร้อมๆกัน     

“ก่อนที่กูจะพูดเรื่องเมื่อเย็น  กูขอถามอะไรมึงสักอย่างได้ป่ะ?”       

“ได้ดิ  จะถามกี่อย่างก็ได้”       

“อืม...ทำไม มึงต้องมาบังคับให้กูแป็นแฟนมึงด้วยวะ”  ผมแทบกลั้นหายใจก่อนจะถามคำถามที่น่าอายออกไป       

“...ถ้าให้พูดจริงๆก็ไม่รู้เหมือนกัน”       

“เอ้า!”  คือตอบได้กวนตีนมาก  ตอนแรกมันเล่นบังคับผมทวงสิทธิ์ต่างๆนาๆ  แต่พอถามเอาคำตอบจริงจังกลับบอกว่าไม่รู้  ให้มันได้อย่างงี้สิวะ

“ฮ่าๆๆ จริงๆนะ  ก็...ตอนแรกที่กูเจอมึงอะ  ตอนที่กูโดนรุมตีน  จำได้ป่ะ?”       

“จำได้ดิวะ  กูเนี้ยเป็นคนวิ่งไปตามตำรวจมาช่วยมึงเองแหละ”       

“เออ นั่นแหละ  คือก่อนหน้านี้กูก็มีพวกของกูมาด้วยไง  แต่พอปะทะกัน แม่งอยู่ๆ หายหัวกันไปไหนหมดก็ไม่รู้  ตอนนั้นกูรู้สึกว่ากูถูกทิ้งอะมึง  แบบเหี้ยไรวะทิ้งกูไปไหนกันหมด  กูกำลังโดนรุมกระทืบจนเจ็บไปหมดเสือกไม่มีหมาตัวไหนมาช่วยกูสักตัว  ตอนนั้นกูคิดว่ากูคงตายแน่ๆอ่ะ  ไม่น่ารอด”       

“เออ สภาพมึงตอนนั้นก็ไม่น่ารอดจริงๆแหละ  เลือดแม่งเต็มหน้าเต็มตัวหมด”  คิดแล้วยังสยองไม่หาย           

“ใช่ไหมล่ะ  แต่ตอนที่กูกำลังหมดความหวัง  อยู่ๆกูก็คิดขึ้นมาเฉยๆว่า  กูจะตายไปโดยยังไม่เคยรักใครไม่ได้เด็ดขาด”       

“พูดจริงดิ”  ผมหันไปมองหน้ามันแบบขำๆ จะตายอยู่แล้วยังจะมีอารมณ์มาคิดเรื่องนี้อีกหรอวะ       

“เออ จริงดิ  กูคิดอย่างนั้นจริงๆนะเว้ย  กูเสียดายตายถ้าชีวิตกูไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งเหมือนในนิทานอ่ะ  กูมโนไว้หลายเรื่อง  ถ้าไม่ได้ทำสักเรื่องกับคนที่รัก กูคงเป็นวิญญาณที่โคตรเศร้าแน่ๆ  อย่างน้อยก่อนจะตายก็ควรมีความทรงจำดีๆกับใครสักคนป่ะว่ะ”  ไอ้คริสพูดอย่างจริงจัง  จริงจังมาก  จนผมเองต้องกลั้นขำไว้

มันแม่ง...         โคตรน่ารัก       

“อืมๆๆ  แล้วไงต่อ”       

“ก็พอกูคิดอย่างงั้นปุ๊บ  จู่ๆความเจ็บที่กำลังโดนกระทืบก็หายไปเฉย  ตอนนั้นกูก็มึนๆงงๆเหมือนสติกูเริ่มไปแล้ว  แต่ก็รู้สึกว่าโดนลากโดนยกไปนอนที่ไหนสักอย่าง  ตอนนั้นกูคิดกูคงได้ขึ้นสวรรค์แล้วละมั้ง  กูเสียใจมาก กูนึกว่ากูตายแล้วมีเทวดามาหิ้วปีก ไอ้ห่าแม่ง”       

“ฮ่าๆๆๆ”  ผมหัวเราะลั่น  โอ๊ยยยย  จินตนาการมึงนี้เนอะ  ตลกอะ       

“อย่าขำดิวะ  กูจริงจังนะเนี้ย”           

“เออๆ ต่อดิ”       

“เออ  กูก็กำลังเสียใจหนักมากไง  แล้วทีนี้กูก็รู้สึกว่าคนมากุมมือกู  พูดให้กำลังใจกู แล้วมันแบบโคตรรู้สึกอบอุ่นเลยเว้ย  ไอ้ความรู้สึกถูกทิ้งเหลือตัวคนเดียวจนตายมันหายไปหมดเลย  กูรู้สึกดีใจมากที่มีคนมาอยู่เคียงข้างกู ณ ตอนนั้น  กูก็เลยพยายามลืมตามองว่าใครคือเจ้าของมือที่แสนอบอุ่นนั้น”         พอพูดมาถึงตรงนี้ไอ้คริสมองหน้าผม  ก่อนจะยิ้มนิดๆ

แล้วเอามือมากุมมือผมไว้         -///-   

ไอ้ผมก็แรดยอมให้มันจับไม่สะบัดออกสักนิด       

 “ตอนที่ลืมตาแล้วเห็นหน้ามึงอ่ะ  กูคิดว่ามึงเป็นนางฟ้าจริงๆนะ  หัวใจกูเต้นแรงมากจนกูเองยังกลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากตัวกูเลย”       

“เวอร์!”       

“จริงๆเว้ย”       

“อ้วก”  ผมทำท่าอ้วกแก้อาย   แหม  ผมก็คนนะครับไม่ใช้พระอิฐพระปูนถึงจะไม่รู้สึกอะไรเลย  พูดมาขนาดนี้ไม่เขินก็แปลกแล้ว       

“ปิ๊น  มึงคือรักแรกพบของกูนะ”       

ฉ่า  -////////-   หน้าร้อนไปหมดแล้วคร้าบบบบ    ทำไมถึงอะไรน้ำเน่าได้ขนาดนี้วะ

“มึง  มันใจง่ายมากกว่า  แหม  เจอกูตอนมึนๆแป๊บเดียวก็มาบอกว่ารักซะแล้ว  ไวไปไหมมึง”  ผมไม่เชื่อหรอกครับว่าคนเราจะรักอีกฝ่ายได้เพียงแค่เห็นหน้ากัน  ถ้าชอบเล่นๆก็ว่าไปอย่าง       

“กูก็คิดแบบนั้นแหละ  แต่พอกูฟื้นมารักษาตัวจนหายกูก็ยังไม่สามารถลืมหน้ามึงไปได้เลย  กูก็เลยคิดว่าต้องหามึงให้เจอให้ได้   แต่พอกูเจอมึงแม่งก็เสือกความจำสั้นจำกูไม่ได้อีก  กูเลยหงุดหงิดไง  คนแม่งก็มองเต็มไปหมด  ยอมรับตรงๆเลยว่ากูกลัวเสียหน้ามากเลยต้องพูดบังคับมึงไป”       

“แต่หลังจากนั้นมึงก็บังคับกูทุกวันอ่ะ”       

“ฮ่าๆๆๆ เออยอมรับ ก็มึงน่ารักนิหว่า  กูกลัวว่าถ้าไม่บังคับมึง  มึงคงไม่มาเจอหน้ากูอีกแน่ๆ  เลยต้องหาข้ออ้างมาบังคับมึงอะ”         ก็จริงแหละครับ  ใครจะไปอยากเจอมัน ณ  ตอนนั้น   ภาพตอนยืนเถียงกันริมถนนเข้ามาเป็นฉากๆเลย

“งั้นเรื่องหนังสือนั้น  มึงก็แค่เอามาอ้างเล่นๆไม่ได้อยากได้คืนจริงๆใช่ป่ะ?”  ผมลองแกล้งถามมันดู       

“ไม่ได้อ้างเล่นๆเว้ย!  อยากได้คืนจริงๆสิถามได้  กูรักกูหวงมากเลยนะเล่มนั้น  วันที่พกมากูก็กะจะเอาไปอ่านที่ตู้อ่านหนังสือคนตาบอดสักหน่อย  แต่ดันมามีเรื่องก่อนไง”   พอฟังมันพูดก็แอบคิดนะครับว่า   มันเองนี้ก็ใจดีไม่น้อย  มีคิดจะไปอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟังด้วย       

“งั้นกูก็ต้องหามาคืนมึงให้ได้จริงๆใช่ไหม  ถึงจะเป็นอิสระ”   ผมถามมัน  เพราะดูท่ามันหวงหนังสือเล่มนั้นมากจริงๆ       

“ไม่คืนก็ได้นะ”       

“เฮ้ย  จริงดิ”         

“เออ  แค่มาเป็นแฟนกูจริงๆก็พอ”       

“ไอ้บ้า!  ตกลงกันแค่ 6 เดือนเถอะ  จำไม่ได้รึไง”  ทีงี้ล่ะเนียนเลยนะมึง       

“ก็กูอยากเป็นนานกว่านั้นอ่ะ”  แล้วไอ้คริสก็ทำหน้าเป็นเด็กโดนขัดใจอีกรอบ       

“ถึงตอนแรก  เรื่องของเราสองคนมันจะเป๋ๆแปลกๆไปบ้าง แต่ทุกครั้งที่กูอยู่กับมึง กูมีความสุขมากนะเว้ย   กูเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่  กูคิดว่ามึงเองก็น่าจะรู้สึกเหมือนกูใช่ไหมล่ะ”       

“มึงรู้ได้ไง  อย่ามั่วไปหน่อยเลยว่ะ”  เถียงครับ  ผมคีพลุคตลอดแหละ       

“ถ้าไม่ใช่  มึงคงไม่กล้าปล่อยกลิ่นปากเน่าใส่กูหรอก  ไอ้ห่า  แถมตุ๊กตาลิงตัวนั้นก็อยู่บนเตียงมึงด้วยใช่ไหมล่ะ รู้สึกดีกับกูแล้วบอกมาเหอะ  ทีกูยังบอกมึงตรงๆเลย”     

“...”  แม่งเจอมันพูดแบบนี้ผมเองก็ไปไม่เป็น 

“ของอย่างงี้มันก็ต้องรอเวลาก่อนป่ะว่ะ ให้มันชัวร์ก่อน  ไม่ใช่พูดออกมาง่ายๆแบบมึง”  ผมเถียงมันไป       

“ไม่ใช่ว่ากูพูดออกมาง่ายๆเว้ย  แต่กูที่เคยเฉียดตายมาก่อน  กูรู้ดีว่าทุกนาทีมันมีค่า  กูรอดมาแล้ว  กูก็ควรทำในสิ่งที่กูอยากทำ พูดในสิ่งที่กูอยากพูดกับคนที่กูอยากให้รู้ไง  ไม่อยากเสียดายอะไรอีกแล้ว  กูแมนพอที่จะพูดความจริง...แล้วมึงล่ะแมนพอป่าว ที่จะทำตามความรู้สึกตัวเอง”   เด็กหนุ่มลูกครึ่งพูดอย่างท้าทาย  เพราะตัวเขาคิดไว้แล้วว่า  ร่างเล็กกว่าตรงหน้าเขามีใจให้เขาบ้างแน่นอนไม่มากก็น้อย  อยู่ที่ว่าจะกล้าพูดออกมาหรือเปล่า         

ผมไม่ได้ตอบอะไรไอ้คริสไป  แต่ก้าวเท้าเดินต่อ  ถ้าถามความรู้สึกตอนนี้แน่นอนว่าผมเองก็รู้สึกดีๆกับมันแหละครับ  แต่ถ้าจะให้ยอมรับความจริงมันก็น่าอายไหมล่ะ  แถมต้องตอบคำถามเพื่อนๆผมอีก  ไหนจะสังคมอีกล่ะครับ     

ถึงประเทศไทยจะบอกว่ายอมรับเกย์กันมากขึ้นแต่เอาเข้าจริงก็มักมีการพูดถึงในทางเหยียด ดูถูก เหมือนเป็นตัวตลกในสังคมเสมอ  ไม่ใช่แค่นี้นะครับ  ครอบครัวพวกผมอีก  ทั้งพ่อและแม่ผมเป็นคนหัวโบราณครับบ่อยครั้งที่เวลาพ่อหรือแม่มาเยี่ยมผมกับพี่ปูนแล้วนั่งดูทีวีด้วยกัน  เวลามีข่าวเกี่ยวกับเกย์    พ่อก็มักบอกว่าพวกนั้นมันบ้าเกิดเป็นผู้ชายดีๆไม่ชอบ เดี๋ยวก็โดนฟ้าผ่าตาย     แม่ก็บอกว่า  เสียดายหน้าตาหล่อๆเป็นเกย์กันไปหมด ไม่น่าเป็นเลย  เป็นต้น  เอาแค่เรื่องพวกนี้ไม่รวมเรื่องยิบย่อยผมก็ประสาทจะกินแล้วครับ       

“แล้วตกลงเรื่องเมื่อตอนเย็นคืออะไร?”  ไอ้คริสถามขึ้น  ทำให้ผมหลุดจากความคิดตัวเอง 

“ก็...คือเพื่อนกูมันรู้ว่ามึงบังคับให้กูเป็นแฟนไง  มันก็ไม่พอใจ  บอกให้กูมาเคลียร์กับมึงว่า...ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับกูอีก  เดี๋ยวพวกมันจะช่วยกันหาหนังสือมาคืนมึงให้อ่ะ”  ผมบอกมันเสียงเบา   

“แล้วแม่งเสือกอะไรด้วยว่ะ! เรื่องของกูกับมึงสองคนป่าวล่ะ  คิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะแยกมึงไปจากกูได้หรอ  ไม่มีทาง!”  ไอ้คริสดูหัวเสียมากพอได้ฟังที่ผมพูดเสร็จ       

“อย่าด่าเพื่อนกู  เพื่อนกูมันก็ห่วงกูถูกแล้วเว้ย  ลองเป็นเพื่อนมึงโดนอย่างนี้มึงจะยอมอยู่เฉยไหมล่ะ?”  ผมถามกลับ  ซึ่งแน่นอนว่าไอ้คริสก็เงียบไปเป็นตัวมันเองก็คงไม่ยอมเห็นเพื่อนโดนบีบบังคับเหมือนกัน       

“ขอโทษนะ”       

“ห๊ะ?  ขอโทษเรื่องไรอะ”       

“ขอโทษที่บังคับมึงไง”       

“อ้อ  อืม”  ผมตอบรับ  อยู่ๆมาขอโทษอย่างรู้สึกผิด  ผมเองก็แอบตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน       

เดินจนถึงป้ายรถเมล์แล้วนั่งลงไปพลางมองดูว่าใกล้จะมีรถเมล์ผ่านมาหรือยัง         

“แล้วมึงอยากให้กูเลิกยุ่งกับมึงหรือเปล่า?”  ไอ้คริสที่นั่งตาม  เอ่ยถามขึ้นแล้วมองมาอย่างรอคำตอบ   

ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้วสินะ 

.     

.     

.     

“คนอย่างมึงเคยฟังใครไหมล่ะ  ถึงกูไล่ มึงก็วิ่งตามอยู่ดี”  ผมบอกมันไปแบบนี้  ก็ไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจความหมายจากคนปากแข็งแบบผมไหมนะ       

“ฮ่าๆๆๆ  รู้ใจกูไม่พอ ยังรู้สันดานกูอี๊กกกกกก”   ไอ้คริสยิ้มแฉ่ง อย่างพอใจคำตอบผม       

“ก็แค่  6  เดือนเว้ย ในฐานะแค่เพื่อนเท่านั้น  อย่าทำเป็นดีใจไป ชิ”     

ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นอย่างไร  จะโดนพวกเพื่อนผมรุมด่าในการกระทำของผมหรือเปล่า  แต่ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตไปครับ  คิดมากไปก็ไม่ช่วยอะไร

ไอ้คริสเองมันก็ดีกับผมมากๆ  ถ้าคบกับมันเป็นเพื่อนไปก่อนก็คงไม่เสียหายอะไร  อย่างน้อยก็ถือว่ารับผิดชอบที่ทำหนังสือมันหายไปก็แล้วกัน   

“อาทิตย์หน้าโรงเรียนกูจัดโอเพ่นเฮ้าส์  มึงจะไปป่ะ?”  ไอ้คริสถามขึ้น   ผมเองก็เห็นประกาศเชิญชวนในเฟสบุคที่มีคนแชร์ๆกันมาเหมือนกัน  ว่าโรงเรียนมันจัดงานโอเพ่นเฮ้าส์       

“ไม่รู้ดิ  มีอะไรน่าสนใจอ่ะ”       

“ตัวกูไง  น่าสนใจสุดในโรงเรียนล่ะ” ^^       

 “โอเค  งั้นกูไม่ไป” - -       

“เฮ้ย  ล้อเล่น ไปเหอะ  อยากให้ไปอ่ะกูมีเล่นดนตรีตอนเย็นไปเชียร์กูหน่อย กูต้องการกำลังใจนะเว้ย”   ไม่พูดปล่อยยังส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ผมอีก       

“เออๆ  ก็ได้วะ”  ผมตอบรับมันไป   เห็นหน้าตาวอนตีน?แล้วสมเพชเวทนา       

“กูจะรอนะ”       

“เอออออ  ว่าแต่มึงขึ้นรถเมล์สายอะไรว่ะ  กูจะได้ช่วยดูให้”  ผมถามพลางคอยมองหารถเมล์       

“ไม่รู้ดิ กูก็ไม่เคยขึ้นจากที่นี้ไปถึงบ้านกูสักที”       

“อ้าว  แล้วทำไมไม่ขึ้นแท็กซี่ตั้งแต่แรกว่ะ  จะเดินมาป้ายรถเมล์ทำไมตั้งไกล  บ้าป่ะเนี้ย”     

“ก็...แค่อยากอยู่กับมึงนานๆ”       

“โว๊ะ  ในหัวสมองมึงนี้มีแต่น้ำเน่าป่ะว่ะ ไอ้ห่า  พูดแต่ละคำ  ขนลุกฉิบหาย”       

“หึหึหึ  พูดจากใจโว๊ยยย  เขินอ่ะดิ”         

“เขินพ่อง  นู่นรถแท็กซี่มาแล้วโบกเร็ว”   ผมรีบบอกมัน  ไอ้คริสก็ลุกไปยืนโบกจนแท็กซี่จอดรับ       

“เดินกลับดีๆนะปิ๊น  ถึงบ้านแล้วบอกกูด้วยล่ะ”  ไอ้คริสสั่ง       

“อืมๆ  มึงเองก็กลับดีๆนะ”       

“โอเค  รีบนอนนะจะได้หายป่วยไวๆแล้วอย่าลืมฝันถึงกูล่ะ”       

“ไม่มีทาง  รีบไปได้แล้ว ชิวๆ”  ผมทำท่าไล่มันจนแท็กซี่ออกรถไป  ไอ้คริสเองก็มองจากในตัวรถมาที่ผม  แล้วยกมือบ๊ายบายให้       

ผมก็แค่ยกมือโบกกลับไปก่อนจะหันหลังกลับบ้าน...         

 
ไปด้วยรอยยิ้ม

 :-[





ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
คริสเป็นผู้เป็นคน น่ารักขึ้น
รู้ักขอโทษที่บังคับด้วย
 :mew1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด