Do you know? รู้ไหม...ว่าใครรักคุณ Chapter 25 Journey อวสาน [16/10/60] หน้าที่ 6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Do you know? รู้ไหม...ว่าใครรักคุณ Chapter 25 Journey อวสาน [16/10/60] หน้าที่ 6  (อ่าน 78085 ครั้ง)

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
กรณ์จะว่าลูกเจี๊ยบร่านไม่ได้นะ
เพราะตอนที่ตัวเองมีอารมณ์ก็ข่มเหงลูกเจี๊ยบตลอด
ตอนนี้ทุกอย่างยิ่งยุ่งยากมากขึ้น
กรณ์เหมือนไม่เห็นค่าลูกเจี๊ยบเลย
เอาลูกเจี๊ยบมาเป็นเครื่องพนันขันต่อ
นิสัยเลว

รู้สึกดีใจที่เชียร์พี่รันมาตั้งแต่ตอนที่แล้ว
ตอนนี้ที่ชอบมากเลยคือพี่ไฟ
คนอะไรดีไปเสียหมด Perfect!!!!

แต่เราว่าแล้วว่ายาหยีนางต้องมีอะไร

อยากจะตีพี่กวางนัก มาต่อช้าเสียเหลือเกิน
ใจคนอ่านแทบจะขาดรอนๆ  :ling1:

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
กรณ์เอ้ย เจ็บตัวไม่พอ ยังโดนผู้หญิงสวมเขาอีก เห้อ
เพลงจะบอกไหมนี่

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ไม่ได้สงสารหรือเห็นใจกรณ์แม้แต่น้อย มาขนาดนี้แล้วยังไม่สำนึกแล้วยังโลเลอีก
เชียร์พี่รันหรือพี่ธามดีกว่า เพลงก็ควรจะตัดใจได้แล้วแต่คงทำไม่ได้อีกเพราะเห็นโยมีคนอื่น  :เฮ้อ:
ขอบคุณมากนะคะะ สนุกๆๆ มาต่อไวๆน้าาา  :pig4:

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อ่า.....
เชียร์ทุกคน ยกเว้นกรณ์ เหอๆ ลูกเจี๊ยบควรทำอะไรๆให้มันชัดเจนหน่อย คือถ้าจะชอบกรณ์ก็ปฏิเสธคนอื่นให้ชัดไปเลย ไม่ใช่สร้างความหวังให้คนอื่นแบบนี้ ในเรื่องคนที่น่าสงสารที่สุดคือธาม กับ รัน เพราะพยายามแทบตายก็ไม่ชนะคนที่ร้ายอย่างกรณ์

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
Chapter 10 แค่ดอกไม้ที่ทำตก

   
     ดอกลิลลี่สีชมพูที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงผู้ป่วยเริ่มเหี่ยวเฉาไปตามเวลา 5 วันแล้วที่กรณ์นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แม้จะมีการจ้างพยาบาลพิเศษคอยดูแลตลอดเวลาแต่โยษิตาก็ทำหน้าที่นี้ได้ดีเยี่ยมไม่แพ้กัน ตลอดสามวันเธอเฝ้าถามไถ่อาการบาดเจ็บที่นอกจากศีรษะแล้วก็ยังมีบริเวณอื่นที่ฟกช้ำ โดยเฉพาะที่หน้าอก เพราะเป็นส่วนที่ได้รับแรงกระแทกมากที่สุด แต่เมื่อเข้าเครื่องเอ็กซเรย์แล้วพบว่าอวัยวะภายในไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อีกไม่กี่วันอาการเจ็บเสียดก็จะหาย

    โยษิตามาเยี่ยมคนรักทุกวัน และเป็นเวลา คือก่อน 8 โมงเช้า และหลังจาก 6 โมงเย็นไปแล้ว ไม่เพียงแต่คอยช่วยป้อนข้าวป้อนยา แต่เธอยังเป็นเพื่อนคุยที่ดี แถมยังช่วยคนป่วยเช็ดตัวอีกด้วย ไม่ว่าใครที่เข้ามาเห็นก็อดชื่นชมไม่ได้ โดยเฉพาะกริช บิดาของกรณ์ที่ถึงกับเอ่ยปากชม ทุกคนคิดอย่างนั้นแต่ไม่ใช่กับชนวีร์

    หนุ่มตัวอ้วนไม่ค่อยชอบโยษิตาเท่าไรนัก ถึงเธอจะเป็นคนรักของพี่ชาย และเวลาเกือบสองปีเธอก็ไม่เคยทำอะไรให้กรณ์เสียใจ แต่เขากลับไม่ชอบหน้าเธอ มันฟังดูไร้เหตุผลแต่เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ คงเป็นเพราะบางอย่างในสายตาของโยษิตากระมัง มันคล้ายกับคนไม่จริงใจ

   หากเขาเอาเรื่องนี้ไปคุยกับใครสักคน เขาจะกลายเป็นนางร้ายในละครหลังข่าวทันที เพราะโยษิตาที่ทุกคนเห็นคือเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ช่างเอาใจ วาทศิลป์ในการตอบโต้ก็ยอดเยี่ยม แทบจะไม่มีตรงไหนเลยที่บกพร่อง เขาเองต่างหากที่คิดอคติไปเอง
    ชนวีร์มองดูสตรีร่างเล็กที่กำลังปอกเปลือกแอปเปิ้ลอย่างตั้งใจให้กับคนป่วยที่นอนดูทีวีอยู่ อาการของกรณ์ไม่ได้หนักอย่างที่อัคคีเคยบอกไว้จริงๆ แค่หัวแตกเย็บ 20 เข็ม กับจุกเสียดหน้าอก และมีแผลฟกช้ำตามร่างกาย ที่น่าเป็นห่วงคือสภาพของเฟอร์รารี่มากกว่า งวดนี้ลุงกริชสั่งห้ามไม่ให้กรณ์เอารถราคาแพงออกมาขับเล่นอีก คงเหลือแค่รถญี่ปุ่นให้ใช้เป็นยานพาหนะเท่านั้น เจ้าตัวโอดครวญตามประสาแต่เมื่อบิดาสั่งเด็ดขาดเลยจำใจต้องยอมรับ เขาเห็นด้วยกับลุงกริชเพราะกรณ์ควรเลิกขับรถแข่งไปพักใหญ่จริงๆ

    “คุณหมอกบอกหรือยังคะว่าจะได้กลับบ้านวันไหน”

    เสียงใสถามคนรัก ระหว่างที่ยื่นแอปเปิ้ลเนื้อขาวให้คนป่วย กรณ์รับมันใส่ปากเคี้ยวกร้วมๆ ไม่กี่ทีก็หมด แล้วค่อยตอบคำถาม “อีก 2-3 วันมั้ง ใช่ไหม...วิน”

   หนุ่มตัวอ้วนเบนสายตาจากโยษิตาไปยังกรณ์ เขาพยักหน้าเออออไปกับคำถาม แม้จะไม่มั่นใจนักว่าพี่ชายจะได้ออกจากโรงพยาบาลวันที่เท่าไร ใจจริงเขายังไม่อยากให้คุณหมออนุญาตให้กรณ์กลับบ้านเร็วนัก เพราะยังอยากเห็นว่าโยษิตาผู้แสนดี จะดีจริง...หรือเปล่า

    หลังจากปล่อยให้เขาทนอยู่กับความหวานซึ้งของคู่รักไม่นาน อริญชย์ ธาวินและนักรบก็มา รายหลังนี่เพิ่งจะมาเยี่ยมกรณ์เป็นครั้งที่สอง ส่วนคนอื่นๆ มาทุกวันเท่าที่จะปลีกเวลาได้ สามหนุ่มทักทายคนป่วย แต่ไม่มีของเยี่ยมที่เหมาะกับผู้ที่กำลังพักฟื้นร่างกายสักนิด มีแต่เหล้า เบียร์ กับแกล้ม ราวกับจะมาสังสรรค์มากกว่าเยี่ยมคนป่วย

    อริญชย์โยนเบียร์กระป๋องให้กรณ์ อีกฝ่ายรับได้อย่างแม่นยำ ริมฝีปากคลี่ยิ้มด้วยความยินดี ก่อนจะเปิดฝากระป๋องแล้วกระดกดื่มโดยไม่ฟังคำทัดทานจากโยษิตา

    “ไม่ได้นะคะ คุณเพิ่งหายห้ามกินเหล้ากินเบียร์ หมอก็บอก” โยษิตาเอ็ด พยายามแย่งเบียร์จากมือคนรักแต่ไม่เป็นผล คนป่วยขมวดคิ้วไม่พอใจ

   “ผมอยากกิน” กรณ์บอกสั้นๆ แล้วดื่มเบียร์ต่อ โดยได้ขนมขบเคี้ยวที่ธาวินโยนให้เป็นกับแกล้ม ลืมแอปเปิ้ลไปเสียสนิท
    ชนวีร์ได้แต่สั่นหน้าในความดื้อรั้นของพี่ชาย แต่ไหนแต่ไรแล้วที่กรณ์ไม่เคยสนใจสิ่งใด ทำทุกอย่างที่ใจต้องการ แม้แต่สาเหตุที่ทำให้ต้องมานอนโรงพยาบาลนี่ด้วย ทุกคนในห้องรู้ดี เว้นแค่โยษิตา ที่คิดว่าคนรักของตนแค่อยากจะประลองความเร็วเท่านั้น

    พูดถึงการแข่งขัน ผลแพ้ชนะยังไม่เด็ดขาดเพราะถ้าหากไม่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน ในรอบที่สามกรณ์ต้องเป็นฝ่ายชนะแน่นอน ดังนั้นในตอนนี้การตัดสินยังไม่เด็ดขาด ดนตร์ยังคงไม่ได้ตกเป็นของใครคนใดคนหนึ่ง แต่อันที่จริงแล้วคนที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างคือกรณ์ เขาจะไม่มีวันยอมให้ดนตร์โดนเอาเปรียบแน่นๆ พอในความคิดมีดนตร์ผุดขึ้นมาเขาก็คิดขึ้นมาได้อีก ตั้งแต่เกิดเรื่องเขายังไม่เจอเจ้าแว่นเลย ติดต่อก็ไม่ได้ เขาเองก็ยุ่งเรื่องเรียน ไหนจะต้องมาเยี่ยมคนเจ็บ แล้วก็ลุงกริชอีก รายหลังเขาให้อัคคีหาโรงแรมระดับ 5 ดาวให้ อยู่ไม่ห่างจากโรงพยาบาลเท่าไร ลุงกริชมาเยี่ยมกรณ์ไม่กี่ครั้ง เพราะมีธุระให้ต้องจัดการในช่วงนี้พอดี กรณ์เองก็ไม่ได้ยี่หระอะไร คงเพราะเคยชินกับความบ้างานของผู้เป็นพ่อของตนเสียแล้ว

    “มีใครเจอเพลงบ้างไหม” ชนวีร์ถามขึ้น ทั้งสามหันมามองเขา รวมทั้งคนที่อยู่บนเตียงด้วย คงมีแค่โยษิตาที่วุ่นวายอยู่กับโทรศัพท์ของตัวเอง

    “เจออยู่นะ ก็ไปเรียนตามปกติ” นักรบบอก

    “แกไปรู้ได้ยังไงว่าเพลงไปเรียน นี่อย่าบอกนะว่า...” ธาวินหรี่ตามอง

   นักรบยักไหล่แล้วยิ้มกว้าง “ฉันไม่ได้คิดจะแย่งน้องเพลงกับพวกแกหรอก ฉันมีเป้าหมายอื่น”

   “มันไปเฝ้าน้องยีนส์” อริญชย์ช่วยขยายความ ทุกคนถึงได้เข้าใจ

   ไม่มีใครถามอะไรอีก แต่ทุกคนยังติดค้างอยู่กับดนตร์ หากแต่ที่ไม่พูดถึงคงเพราะเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมา ผลแพ้ชนะยังไม่ได้รับการตัดสิน คิดว่าหลังจากนี้คงต้องมีการแข่งขันเพื่อชิงดนตร์อีกครั้ง...



    ฮัดชิ้ว!
    เสียงจามดังมาจากหลังตู้โชว์ขนม มือเรียวยกขึ้นขยี้ปลายจมูกเพราะอาการคันจนมันแดงเหมือนกวางเรนเดียร์ พอหายคันจมูกก็ติดป้ายราคาที่หน้าเค้ก กลิ่นหอมของขนมเพิ่งทำเสร็จกระตุ้นให้น้ำลายเกือบสออยู่หลายครั้ง แต่พอนึกถึงหลังเวลาเลิกงานแล้วจะได้ชิ้นใดชิ้นหนึ่งที่ขายไม่ได้กลับไปเขาก็อดใจได้

    5 วันแล้วที่เขาได้มาเป็นพนักงานของที่นี่ แม้จะเป็นแค่พาร์ทไทม์ทำงานตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 4 ทุ่ม รายได้ไม่เยอะนักแต่มันก็เพียงพอสำหรับนักศึกษาที่ยังไม่ต้องการปัจจัยในชีวิตมากนักอย่างเขา ร้านนี้เป็นร้านญาติของลลิตา เขาวานทั้งเมธัสและลลิตาช่วยหางานพิเศษให้ เพื่อนรักแฝดสยองลิสต์ชื่อร้านที่ต้องการพนักงานแบบพาร์ทไทม์มาให้ยาวเหยียด แล้วเขาก็เลือกร้านกาแฟใกล้กับมหาวิทยาลัย เพราะมันสะดวกในการเดินทาง ค่าตอบแทนคุ้มกับแรงงานที่แลกไป ที่สำคัญเจ้าของร้านยังใจดีอีกด้วย

    ร้านตกแต่งเรียบง่ายแต่น่ารัก ขนาดไม่ใหญ่นักพอรองรับลูกค้าได้ราว 10 – 15 คน สีที่ใช้เน้นไปทางสีขาวและสีน้ำตาล มีรูปสวยๆ ประดับอยู่ตามมุมต่างๆ ใช้เสียงเพลงเบาๆ เปิดขับกล่อม โดยมีกลิ่นหอมๆ ของเมล็ดกาแฟคั่วสดช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย ถึงเขาไม่ใช่คอกาแฟแต่แค่ได้กลิ่นก็รู้เลยว่าทุกๆ แก้วมันต้องอร่อยมากแน่นอน รวมไปถึงเค้กที่เจ้าของร้านลงมือทำเอง คิดสูตร คิดเมนูเอง แถมยังอร่อยจนเขาต้องแอบขอกลับไปทุกวัน

    การทำงานในวันแรกติดขัดนิดหน่อยเพราะเขาเป็นพวกสมองทึบ จดรายการสับสน ต้องใช้เวลาท่องอยู่อีกหนึ่งวันเต็มๆ ถึงจะจำได้ แต่เพราะความใจดีของพี่พาย เลยทำให้เขาไม่ได้โดนดุ กับพนักงานคนอื่นๆ ที่มีทั้งประจำและพาร์ทไทม์เหมือนกันก็เข้ากันได้ดี เพราะวัยไล่เลี่ยกัน โดยมีพี่กายเป็นอาใหญ่สุด และเป็นคนที่สอนงานให้เขา

    ดนตร์ยืดตัวตรงเมื่อติดป้ายราคาเสร็จ เขาแอบสำรวจความเรียบร้อยผ่านกระจกของตู้โชว์ขนม เงาสะท้อนที่เห็นคือภาพของเด็กหนุ่มหน้าตาจืดชืดสวมแว่น ผมยุ่ง สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวมีโบเล็กๆ สีดำที่คอ ที่อกเสื้อมีป้ายชื่อติดอยู่ กางเกงแสล็คพอดีตัวสีดำ โดยมีผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลอ่อนพิมพ์โลโก้และชื่อร้านคาดทับที่เอวอีกที เมื่อไม่เห็นว่ามีรอยเปื้อน หรือป้ายชื่อบิดเบี้ยวเขาจึงก้าวออกไปด้านหน้าเพื่อทำหน้าที่เด็กเสิร์ฟต่อ

    ตอนช่วงหัวค่ำร้านจะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะเป็นเวลาเลิกงานหรือหมดคาบเรียน ด้วยความที่ตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเขาเลยได้เห็นเพื่อนร่วมสถาบันหลายคนเป็นลูกค้าของที่นี่ รวมถึงเมธัสและลลิตาที่กลายมาเป็นลูกค้าประจำโดยปริยาย

    นึกถึงแฝดสยองได้ไม่ทันไรเขาก็เห็นคู่ซี้เดินเคียงข้างกันมา ลลิตายิ้มกว้างเป็นการทักทายส่วนเมธัสเอาแต่ก้มอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ทั้งคู่เลือกนั่งในมุมประจำ ลลิตาพยักหน้าส่งสัญญาณถึงเมนูที่สั่งทุกวัน เขายิ้มรับและเกือบจะได้หมุนกลับเข้าไปด้านในถ้าหากไม่มีเสียงเรียกจากลูกค้าขึ้นเสียก่อน

    “น้องครับ”

   “ครับ” ดนตร์ขานรับ ก่อนจะตรงไปยังลูกค้าหนุ่มที่เดินตามลลิตาและเมธัสมาโดยเลือกนั่งอยู่ฝั่งที่ใกล้กับประตูทางเข้าฝั่งขวามือ เป็นจุดที่จะเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้ชัดเจน

    ลูกค้าคนนี้ดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด เขาไม่อยากเพ่งพินิจนานนักเพราะเกรงว่าจะเสียมารยาทแต่ทั้งน้ำเสียงและรูปร่างมันติดค้างในความรู้สึก ดนตร์มั่นใจว่าเขาต้องเคยเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อนแน่ๆ แต่กลับจำไม่ได้ว่าที่ไหนและเมื่อไร

    “ลูกค้าจะรับอะไรดีครับ” เขาน้อมตัวลงพลางเอ่ยถามอย่างสุภาพ ลูกค้าหนุ่มเงยหน้าขึ้น ตาคมมองมาที่เขาชั่ววินาทีก่อนจะถามกลับ

   “มีอะไรแนะนำบ้าง”

    ดนตร์ยิ้มบาง “ถ้าเป็นกาแฟอร่อยทุกแก้วครับ แล้วแต่คุณลูกค้าจะชอบแบบเข้มข้นมากน้อยแค่ไหน ส่วนขนม ทางร้านของเราทำเอง สดใหม่และอร่อยทุกชิ้นครับ ผมยืนยัน”

    “แสดงว่านายแอบกิน?”

   “ก็ต้องยอมรับว่าจริงครับ” ดนตร์หัวเราะเบาๆ “แต่ถ้าผมไม่ชิมจะรู้ได้ยังไงว่าอร่อยจริงหรือเปล่า”

    ลูกค้าหนุ่มหัวเราะตาม “งั้นเอาเอสเปรสโซ่ร้อนกับเค้กที่นายคิดว่าอร่อยที่สุดมาสักชิ้นก็แล้วกัน”

   ดนตร์รีบจดออเดอร์ลงในสมุดเล่มเล็ก น้อมตัวลงอีกครั้งและบอกให้ลูกค้ารออีกไม่เกิน 5 นาที

    เขานำเมนูที่สั่งมาเสิร์ฟในเวลาไม่ถึงห้านาทีตามที่บอกไว้จริงๆ กลิ่นหอมของกาแฟที่เข้มข้นที่สุดจากฝีมือการชงของพี่กายเรียกรอยยิ้มจากลูกค้าได้เล็กน้อย เมื่อทำหน้าที่เสร็จเขาก็ทำท่าจะผละจากไปแต่ก็ถูกเรียกเอาไว้

   “นี่เค้กอะไร”

    “banana chocolate cake ครับ”

   “นายชอบกินเจ้านี่เหรอ”

   “ครับ” ดนตร์รับคำ จริงๆ แล้วเขาชอบทุกเมนูที่ดาวทำ เพราะมันอร่อยทุกอย่างแต่ที่ชอบเจ้า banana chocolate cake ที่สุดเพราะเพิ่งค้นพบตัวเองว่าชอบกิน chocolate ยิ่งกินคู่กับนมอุ่นๆ เขากินลืมอ้วนเลยทีเดียว

    “งั้นเอาใส่กล่องให้ฉันเพิ่มอีกชิ้นนะ”

    “ครับ”

   ดนตร์กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง โดยไม่ลืมบอกให้เพื่อนพนักงานหยิบ banana chocolate cake ใส่กล่องไว้รอให้คุณลูกค้าที่นั่งอยู่หน้าประตู ก่อนจะนำเมนูประจำไปให้เพื่อนรักทั้งสอง

    ตลอดช่วงหัวค่ำ คือตั้งแต่ ทุ่มตรงจนถึงสามทุ่ม ลูกค้าทยอยมาไม่ขาดสาย เขาเดินรับออเดอร์พร้อมเสิร์ฟจนแทบไม่มีเวลาได้เข้าไปคุยกับเพื่อนรักทั้งสอง แว่วว่ารุ่นพี่ที่คุมซ้อมเชียร์ฝากเมธัสมาด่าเขาข้อหาที่หนีซ้อมเพราะแอบมารับจ๊อบพิเศษหลังเลิกเรียน แต่เมธัสให้กำลังใจว่าไม่มีใครโกรธจริงจังเพราะรู้ดีว่าเงินสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

    เขาไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทองนัก แต่การที่ได้ใช้เวลาว่างไปพร้อมๆ กับได้เงินในกระเป๋ามาเพิ่มมันดีกว่าเอาเวลาไปคิดถึงเรื่องบั่นทอนสุขภาพจิต ยอมรับว่า 5 วันที่ผ่านมา สภาพจิตใจของเขาดีขึ้น งานที่พรากเอาพลังงานไปเกือบหมด พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายมันทำให้เขาไม่มีเวลาคิดถึงอะไร หรือคิดถึงใครได้

   ลูกค้าที่นั่งติดกับประตูฝั่งขวายังไม่ได้ไปไหนทั้งที่กาแฟและเค้กหมดไปนานแล้ว เหมือนรอคอยใครสักคน เขาสังเกตจากการที่อีกฝ่ายยื่นคอเป็นระยะๆ สำรวจโทรศัพท์ แต่ก็มีหลายครั้งที่ส่งสายตามาทางเขา ทางร้านไม่มีนโยบายไล่ลูกค้าแม้ว่าจะสั่งแค่กาแฟแก้วเดียวแต่ก็สามารถนั่งได้จนร้านปิด ดังนั้นจึงมีนักศึกษาหลายคนเลือกใช้ที่นี่เป็นที่ติวหนังสือหรือไม่ก็ทำการบ้าน ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนรักทั้งสองของเขาที่ขะมักเขม้นอยู่กับการทำรายงานส่งอาจารย์เกลือ ในหัวข้อบทภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับงานศิลปะ เขาลงมือทำไปบ้างแล้วและใกล้จะเสร็จเหลือแค่ปรับบทอีกนิดหน่อย ตั้งใจว่าวันเสาร์จะทำให้เสร็จเพื่อให้ทันส่งในวันจันทร์หน้า

   เสียงกระดิ่งดังกรุ้งกริ้งเมื่อมีคนผลักประตูเข้ามา น่าแปลกที่มีทั้งเสียงเพลง เสียงพูดคุย หัวเราะ ปะปนกัน แต่เขากลับได้ยินเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นได้อย่างชัดเจน ดนตร์งเงยหน้าขึ้นมอง ตกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าลูกค้าที่ผลักประตูเข้ามาคือ..โยษิตา

    เธออยู่ในชุดทันสมัยเช่นทุกครั้ง สีหน้าราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เธอหันมองซ้ายขวาราวกับจะหาใครสักคน ก่อนจะชะงักลงแล้วหมุนร่างไปยังด้านหน้าประตูฝั่งขวา มือเรียวสวยเลื่อนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้ชายคนนั้น วินาทีนั้นเองเขาถึงได้นึกออกว่าเขาเคยเห็นลูกค้าคนนี้ที่ไหน

    ที่โรงพยาบาลผู้ชายคนนี้เป็นคนเดียวกับที่กอดจูบโยษิตา ถึงจะเห็นหน้าไม่ชัด แต่ก็มั่นใจว่าจำไม่ผิดแน่

    ดนตร์อาศัยหลังพี่กายเป็นที่ซ่อนกาย แม้จะรู้สึกสมเพชตัวเองไม่น้อย แต่ก็ดีกว่าไปปรากฏตัวในตอนนี้ โชคดีที่เมธัสกับลลิตานั่งอยู่ห่างออกไปและมีโต๊ะอื่นๆ บัง เลยทำให้โยษิตาไม่สังเกตเห็น

   น่าเสียดายจากจุดนี้เขาไม่อาจได้ยินว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน แม้จะพยายามใช้ความหูดีของตัวเองให้เป็นประโยชน์แล้วก็ตาม แต่ที่เขาได้ยินคือเสียงพูดคุยจากหนุ่มๆ ที่อยู่โต๊ะติดกันแทน

    “น้องครับ น้อง น้องคนนั้นน่ะ”

    “..........”

    “น้องครับ น้องคนที่ใส่แว่น มาหาพี่หน่อยสิ”

   “เพลง โต๊ะนั้นเรียกหานายน่ะ”

   ดนตร์แทบจะกลอกตามองเพดาน เขาสู้อุตส่าห์ทำเป็นหูทวนลม แกล้งไม่ได้ยินเสียงเรียกจากโต๊ะตัวที่อยู่ติดกับโยษิตากับผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่ พี่กายเลยยอมละมือจากแก้วกาแฟแล้วเอี้ยวตัวมาบอกกับเขา ดนตร์ถอนหายใจจนไหล่ลู่จำใจยอมออกไปตามที่ลูกค้าเรียก

    “ครับ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าอยากได้อะไรเพิ่มหรือครับ” เขาถามด้วยเสียงที่สุภาพและพยายามกดระดับน้ำเสียงให้เบากว่าปกติ พร้อมกับภาวนาไม่ให้โยษิตารับรู้ว่ามีเขาอยู่ในที่แห่งนี้ด้วย

   “ชื่อเพลงเหรอ ชื่อน่ารักดีนี่” หนึ่งในสี่คนบนโต๊ะพูดขึ้น ส่งสายตาวับวาวมาให้อย่างน่าขนลุก เด็กในโต๊ะนี้คะเนจากสายตาน่าจะอายุน้อยกว่าเขาด้วยซ้ำ แต่กลับเรียกเขาว่าน้อง

   “เอ่อ...ครับ”

   “งั้นพี่ขออะไรจากน้องเพลงสักอย่างได้ไหมครับ” ผู้ชายคนเดิมถาม ขณะที่คนอื่นๆ หัวเราะเบาๆ

   “อะไรเหรอครับ”

   “ขอเบอร์โทรได้ไหม เผื่อวันไหนพี่อยากจะสั่งเค้ก”

   “ใช้เบอร์ของร้านก็ได้ครับ เบอร์ส่วนตัวคงไม่สะดวกเท่าไร ผมไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ระหว่างทำงาน” เขาปฏิเสธอย่างสุภาพ ทั้งที่หน้าเริ่มร้อนผ่าวด้วยความโกรธผสมอาย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกลูกค้าถามไถ่เรื่องส่วนตัว แต่ 5 วันที่ผ่านมาเขาเจอคำถามแนวนี้มาร่วม 10 ครั้ง ทั้งจากผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายเสียมากกว่า น่าแปลกที่คนพวกนั้นมาให้ความสนใจคนหน้าตาจืดชืดน่าเบื่ออย่างเขาได้

    “ทำไมล่ะ ขอแค่นี้ไม่ได้ หรือว่าแฟนหวง”

   ดนตร์ปั้นยิ้ม “ผมยังไม่มีแฟนครับ ตกลงลูกค้าจะรับอะไรเพิ่มไหมครับ”

   “เบอร์น้องเพลงไง โอเค พี่ล้อเล่น งั้นเอาเค้กช็อคโกแลตให้พี่กล่องนึง แต่น้องต้องเป็นคนเอามาให้พี่นะ”

    ดนตร์รับออเดอร์แล้วรีบเดินกลับมาที่เดิม จัดแจงหยิบเค้กที่สั่งมาใส่กล่อง พลางเหลือบมองไปยังโต๊ะของโยษิตา โชคดีที่เธอไม่ได้สนใจสิ่งอื่นนอกจากการพูดคุย แต่ผู้ชายคนนั้นกลับส่งสายตามาที่เขา จนเขาต้องแกล้งมองไปทางอื่น

(มีต่อ)

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
         ดนตร์กลับไปที่โต๊ะของสี่หนุ่มอีกครั้ง เพื่อนำเค้กไปให้พร้อมกับคิดเงินไปด้วย แต่ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมืออยู่ดี ผู้ชายคนเดิมยกยิ้มให้ทำท่าจะส่งเครดิตการ์ด ทว่าพอยื่นมือไปอีกฝ่ายกลับชักมือหนี เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง จนเขาเริ่มหงุดหงิด และในจังหวะที่เขาเอื้อมมือไปหมายจะกระชากการ์ดเจ้าปัญหา ช่วงแขนยาวก็ตวัดรอบเอวดึงทั้งร่างนั่งลงบนตักเสียก่อน

   “ปล่อยผมนะ!” ดนตร์ตวาดลั่นอย่างลืมตัว ส่งผลให้ลูกค้ารวมถึงคนอื่นๆ หันมามอง หน้าของเขาร้อนผ่าวพยายามดิ้นรนสุดกำลังเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนที่น่ารังเกียจ ท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจจากคนอื่นๆ ที่อยู่ในโต๊ะนั้น

    “เพลง!...”

    เมธัสและลลิตารีบวิ่งเข้ามาช่วย แต่กลับโดนผู้ชายสามคนห้ามเอาไว้ ด้วยรูปร่างที่เล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัดทำให้ทั้งสองคนไม่อาจให้ความช่วยเหลือได้ ส่วนพนักงานคนอื่นๆ มองหน้ากันไปมาเพื่อหาวิธีช่วยดนตร์อย่างสุภาพที่สุด

   “ปล่อยเพื่อนฉันนะ ไอ้ทุเรศ!”

    เมธัสตะโกนต่อว่า ขณะที่ดนตร์ดิ้นขลุกขลักอยู่บนตักของลูกค้าจอมฉวยโอกาส แม้จะเป็นผู้ชายแต่กิริยาเช่นนี้นับว่าน่ารังเกียจไม่น้อย มือเรียวดันหัวไหล่หนาให้ออกห่าง เบี่ยงใบหน้าหนีปลายจมูกที่ฉกฉวยลงมาหลายครั้ง และเฉียดจะโดนผิวแก้มเสียทุกรอบ ดนตร์ขนลุกไปทั้งตัว รังเกียจสัมผัสนี้จนไม่อาจหาคำบรรยายได้

    “ปล่อยเขาซะ”

    เสียงที่ดังขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย ทรงอำนาจอย่างน่าประหลาด ทุกคนหันไปมองที่มาของเสียง ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายที่นั่งอยู่หน้าประตูทางเข้าฝั่งขวา ก้าวขาช้าๆ เข้ามา ด้วยความสูงเกินหกฟุตทำให้เขาดูโดดเด่น บวกกับความกำยำของร่างกายยิ่งทำให้ลูกค้าหนุ่มรายนี้น่าเกรงขามไปโดยปริยาย เด็กหนุ่มสามคนที่ขวางกันไม่ให้เมธัสกับลลิตาเข้าไปช่วยดนตร์ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ ทั้งสามเคลื่อนตัวโดยอัตโนมัติ

    “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ ผมจะคุยกับน้องเพลง” คนที่กำลังโอบกอดดนตร์ยังคงทำเป็นอวดดี ทั้งที่เพื่อนร่วมกินแต่ไม่ใช่เพื่อนร่วมตายเริ่มจะมองหาทางหนีทีไล่แล้ว

    “ปล่อยเขา ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน”

    ดวงตาคมดุไม่มีวี่แววของการล้อเล่น เด็กหนุ่มอายุ 17 ปีที่อุปโลกน์ว่าตนเป็นอาใหญ่และชอบทำกร่าง เผลอหยุดหายใจ มองผู้ชายตัวสูงใหญ่ ลักษณะท่าทางดูคุ้นตา รวมไปถึงน้ำเสียงก้องกังวานนั่นอีกด้วย กระทั่งผ่านไปชั่วอึดใจถึงได้นึกออก มือที่โอบรอบเอวคนบนตักคลายออกในทันที มองเห็นรางมรณะที่กำลังมาเยือน

    “อ...อาจารย์อคิราห์”

   “ขอบคุณที่จำผมได้” อคิราห์ กระตุกยิ้ม รับร่างของดนตร์ไว้เพราะถูกเจ้าเด็กนั่นผลักออกเต็มแรงจนถลามาถึง

    เด็กจอมอวดดีวิ่งไปที่เคาน์เตอร์ เร่งให้พนักงานคิดเงิน รีบร้อนจนลนลาน ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที เหตุการณ์ไม่สงบก็จบลง

   “ขอบคุณครับ” ดนตร์กล่าวขอบคุณผู้ให้ความช่วยเหลือ อาจารย์อคิราห์ที่เด็กพวกนั้นเรียกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะตัวเดิมที่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่

    โยษิตาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ ตอนแรกไม่ได้สังเกตว่าพนักงานที่โดนลวนลามเป็นใคร แต่พอได้ยินชื่อก็ต้องเพ่งมอง แล้วก็เป็นดนตร์ผู้โด่งดังจริงๆ เธอนึกอยากจะถ่ายวีดีโอแล้วเอาให้ไปกรณ์กับเพื่อนๆ ของเขาดู ทว่าอคิราห์ กลับทำเรื่องที่เธอไม่คาดฝันมาก่อน เขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปช่วยดนตร์ เด็กพวกนั้นเรียกอคิราห์ ว่าอาจารย์ คนก่อเรื่องคงเป็นเด็กที่มาจากโรงเรียนที่อคิราห์ไปเป็นอาจารย์ฝึกสอน แต่นั่นไม่ทำให้เธอหงุดหงิดเท่ากับการที่ อคิราห์ เข้าไปช่วยเหลือดนตร์ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเองสักนิด หากแต่ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือเป็นเพลง! ทำไมชีวิตนี้เธอถึงหนีไอ้นี่ไม่พ้นเสียที

    “ทำไมต้องไปยุ่งด้วย ไม่เกี่ยวกับคุณเสียหน่อย” เธอถามทันทีที่ อคิราห์ กลับมาถึงที่โต๊ะ ความไม่พอใจฉายชัดที่ใบหน้า

   “เด็กพวกนั้นอยู่โรงเรียน ผมไม่อยากมีเรื่อง” เขาบอกสั้นๆ “มาคุยเรื่องของเราต่อดีกว่า ไอ้กรณ์กำลังจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ผมให้เวลาคุณอีกแค่สามวันเท่านั้น ถ้าคุณยังไม่บอกเรื่องนี้กับมัน ผมจะเป็นคนเข้าไปบอกมันเอง”

   “ฉันก็กำลังจะหาทางบอกอยู่ แต่ไม่มีจังหวะสักที ไอ้เจ้าอ้วนนั่นไม่ปล่อยให้ฉันอยู่ตามลำพังเลย” โยษิตาบอก เกือบอาทิตย์ที่ไปเฝ้าอาการป่วยของคนรัก เธอแทบไม่ค่อยได้อยู่กับกรณ์ตามลำพังนัก เพราะชนวีร์มักจะโผล่หน้ามาแทรกเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนรักทั้งสามของกรณ์ยังแห่กันมาสร้างปาร์ตี้เล็กๆ ในห้องพักอยู่เรื่อย เธอจึงหาโอกาสที่จะบอกเรื่องสำคัญกับกรณ์ไม่ได้สักที

    ใจจริงแล้วเธอยังไม่อยากเลิกกับเขาเท่าไรนัก แต่เพราะอคิราห์เร่งเร้าเหลือเกิน มิหนำซ้ำยังขู่ว่าจะเป็นคนบอกเรื่องนี้กับกรณ์เอง เธอไม่อยากทำร้ายจิตใจเขามากไปกว่านี้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เธอต้องเลือกอคิราห์ มันง่ายมาก เพราะฝ่ายหลังเป็นคนที่บิดาหาให้ แถมยังเป็นผู้ใหญ่กว่า รวยกว่า และเอาใจเธอมากกว่าอีกด้วย ระยะหลังนี่กรณ์เริ่มเย็นชากับเธอมากขึ้น ทำทีเป็นใส่ใจแต่แท้ที่จริงแล้วเขาไม่ค่อยสนใจเธอเท่าไรนัก แรกๆ ก็พอจะเข้าใจ เขาอาจจะยุ่งกับเรื่องเรียน อยากจะมีเวลาส่วนตัวแบบพวกผู้ชายบ้าง แต่พอนานวันเข้าเธอก็เบื่อหน่าย บวกกับความรักที่หวานชื่นก็เริ่มจืดจางตามกาลเวลา เธอไม่เคยเรียกร้องขอให้เขากลับมาเป็นกรณ์ที่แสนดีอย่างวันเก่าเพราะมันผิดวิสัยสาวทรงเสน่ห์ไปเสียหน่อย ประจวบเหมาะกับที่บิดาพาอคิราห์มาให้รู้จักพอดี เธอกับอคิราห์เลยสานสัมพันธ์กันมาเรื่อยๆ นับนิ้วดูได้ราวหกเดือนพอดี

    เวลาหกเดือนมันมากพอจะทำให้เธอตัดสินใจได้ว่าควรเลือกใคร...บางทีแค่รักอย่างเดียวมันไม่พอ

    “ผมรักคุณนะ ยาหยี” อคิราห์ บอก แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ชายอ่อนหวานโรแมนติค ออกจะดิบๆ ห่ามๆ เสียด้วยซ้ำ ทว่ามันกลับสร้างความประทับใจให้กับเธอนัก เพราะคำรักที่ออกมาจากปากผู้ชายที่ไม่ค่อยจะโรแมนติคไพเราะเสียเหลือเกิน

    โยษิตายิ้มให้คนรักคนใหม่ พลางคิดหาทางที่จะบอกเลิกกับกรณ์ หางตากลมด้วยอายไลน์เนอร์สีดำสนิทเห็นเงาร่างของเด็กหนุ่มในชุดยูนิฟอร์มของร้านเดินเข้ามาใกล้ เธอกระแทกลมหายใจ เพราะไม่ชอบหน้าหมอนี่เท่าไรนัก

   ดนตร์มาหยุดที่ข้างโต๊ะพร้อมกับถุงกล่องเค้ก ดนตร์ในมาดพนักงานเสิร์ฟวางถุงอย่างสุภาพ ค้อมตัวลงเล็กน้อย

    “ใครสั่ง!”

   “ผมสั่งเอง แล้วผมก็เป็นคนเรียกให้เขามาคิดเงินด้วย” อคิราห์อธิบาย

    โยษิตาตวัดมองดนตร์อีกครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงไม่ค่อยชอบหน้าเด็กคนนี้เท่าไรนัก คงเป็นเพราะท่าทางซื่อๆ โง่ๆ ของมันกระมังที่เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดเสียทุกที โยษิตานั่งกอดอก ยกขาขึ้นไขว้ ยกหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วหันหนีไปทางอื่น

   “ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตคิดเงินเลยครับ ทั้งหมด 500บาทพอดีครับ แล้วนี่ banana chocolate cake ที่สั่งไว้ครับ”

    “นายไม่เป็นอะไรนะ” อคิราห์ ไม่ได้ส่งเงินให้ในทันทีแต่กลับถามไถ่อาการ ดนตร์สั่นหน้าเบาๆ ตอบว่าไม่เป็นไร “นี่ไม่ต้องทอน ส่วนเค้กนายเอาไปกิน ฉันเลี้ยง”

    “ห๊ะ!”

    “พี่ซัน!”

     ทั้งเธอและดนตร์อุทานพร้อมกัน ก่อนที่เธอจะส่งสายตาไม่พอใจไปยังอคิราห์ แต่เขากลับทำเมินเฉย แถมยังยัดถุงเค้กใส่มือดนตร์อีกด้วย

    “กลับกันได้แล้ว”

    อคิราห์ตัดบทแล้วคว้ามือโยษิตาออกไปโดยไม่ปล่อยโอกาสให้เธอจะได้ทันโต้แย้งอะไร แต่ก่อนจะหลุดไปนอกร้านเธอไม่ลืมส่งสายตาเกลียดชังมาที่ผู้ชายใส่แว่น พร้อมสาปส่งไปในตัว ขอให้ชาตินี้อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย

     ดนตร์พรูลมหายใจเหยียดยาว ละสายตาจากเรือนร่างอรชรของโยษิตาแล้วก้มมองถุงเค้กในมือ รู้สึกหนักอึ้งไปหมด ความตะกละหายไปสิ้นหลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่ เขายังไม่ทันได้ขอบคุณเป็นเรื่องเป็นราว อคิราห์ก็จากไปเสียแล้ว ไม่เพียงเท่านั้นยังให้เค้กเขาอีกด้วย ทั้งที่ไม่รู้จัก ทั้งที่เป็นคนที่ร่วมมือกับโยษิตาทำร้ายกรณ์ แต่เขากลับเกลียดอคิราห์ไม่ลง อาจเป็นเพราะเนื้อแท้แล้วอคิราห์ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เพียงแค่รักโยษิตาเท่านั้นเอง อาการปวดหัวเพราะคิดมากเกินไปกลับมาเล่นงานอีกครั้ง จนต้องใช้นิ้วคลึงรอบขมับ

    “เสน่ห์แรงไม่เปลี่ยนเลยนะ”

    ดนตร์ผ่อนหัวไหล่ลง พลางหันมองคนเอ่ยแซว เมธัสกอดอกอมยิ้มโดยมีลลิตายืนทำหน้าไม่ต่างกัน

    “แล้วยัยยาหยีกับผู้ชายคนนั้นรู้จักกันได้ยังไง นี่ถ้าไม่รู้ว่าเป็นแฟนกับพี่กรณ์ฉันต้องคิดว่าสองคนนั่นกำลังเดทกันแน่ๆ” ลลิตาถาม ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากความเป็นจริงนัก

   แต่ก็ไม่มีใครตอบคำถาม ได้แต่ทิ้งความสงสัยเอาไว้ ดนตร์ถอนหายใจอีกครั้ง ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เอาเสียเลย
   เขาสงสารกรณ์ทั้งที่คนที่น่าสงสารที่สุดน่าจะเป็นเขาเองมากกว่า

    ร่างโปร่งบางหันกลับไปทำหน้าที่ตามเดิม ส่วนเพื่อนรักทั้งสองก็นั่งเป็นเพื่อนเฝ้าร้านและรอกลับพร้อมกัน โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นรถสีดำคันใหญ่ที่ค่อยๆ เลื่อนห่างจากร้าน และหายไปในความมืด...



     ข้อความสั้นๆ ที่ได้รับจากชนวีร์มันสร้างความยินดีให้กับเขาไม่น้อย ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงคนอื่นๆ
ที่อยู่ในชมรมการแสดงด้วย หนังเรื่องล่าสุดที่ส่งเข้าประกวดได้รับคำชมมากมาย และที่น่ายินดีที่สุดคือมันสามารถคว้ารางวัลใหญ่มาได้ คือรางวัลหนังสั้นยอดเยี่ยมประเภทนักศึกษา ชนวีร์บอกให้เขาไปเจอที่ร้านใกล้ๆ กับโรงพยาบาลที่กรณ์รักษาตัวเพื่อร่วมฉลองให้กับความสำเร็จ เขาเลยจำเป็นต้องลางานหนึ่งวัน

   มือเรียวกระชับเสื้อแจ็คเก็ตให้ไออุ่นมากกว่าเดิม อากาศในเดือนธันวาคมค่อนข้างเย็น แต่ยังไม่หนาวถึงขนาดต้องพึ่งเสื้อกันหนาว ถึงจะไม่ชอบอากาศหนาวนักแต่เขาก็ชอบความคึกคักและสีสันแห่งความสุขในวันใกล้สิ้นปี เขายืนรออยู่หน้าคณะตามที่ชนวีร์นัดหมายไว้ ไม่นานรถยนต์คันใหญ่สีดำก็มาจอดเทียบเท้า ชนิดที่ถ้าไม่ชักเท้าหนีมีหวังโดนล้อทับแน่นอน

   ประตูด้านหน้าฝั่งผู้นั่งเปิดออกจากฝีมือคนที่อยู่ด้านใน ชนวีร์พยักหน้าส่งสัญญาณให้เขารีบเข้าไปด้านในก่อนที่ลมหนาวจะพัดเข้ามาในรถมากกว่านี้

    ดนตร์แทรกตัวลงนั่งและปิดประตูอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังช้ากว่าชนวีร์อยู่ดี ประตูยังไม่ปิดสนิทด้วยซ้ำตอนที่รถเคลื่อนตัว เขาเหลือบมองใบหน้าของรุ่นพี่ตัวอ้วน น่าแปลกใจที่แม้จะมีเรื่องยินดีแต่เจ้าตัวกลับไม่ได้แสดงความดีใจออกมาให้เห็น ในรถอึดอัดขึ้นมาทันที

   “ดีใจด้วยนะครับ ฝีมือพี่ยอดไปเลย” เขาเอ่ยก่อนเพื่อทำลายความเงียบ เวลาที่ห่างกันไปหลายวันทำให้เขาวางตัวไม่ถูกไปเหมือนกัน

    ชนวีร์ทำแค่หันมามองเล็กน้อยแล้วพยักหน้ารับรู้ โดยไม่ได้พูดอะไรอีก

    ดนตร์ขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อเห็นว่าทิวทัศน์ด้านนอกคุ้นตาชอบกล กระทั่งผ่านร้านขายดอกไม้เล็กๆ ที่แม้ตอนนี้จะไม่มีแม่ค้าแต่ยังมีดอกไม้เฉาๆ ตกอยู่ เขาถึงแน่ใจว่าชนวีร์กำลังจะพาเขาไปที่ใด

    “พี่ครับ นี่เราจะไปโรง...”

   “นั่งไปเงียบๆ เถอะน่า”

    พอโดนดุก็จำเป็นต้องหุบปาก ความสงสัยแกมหวั่นใจสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ระยะทางกำลังสั้นลง ถึงตอนนี้เพิ่งเข้าใจว่าโดนหลอก แต่ไม่รู้ว่าโดนหลอกตั้งแต่เรื่องรางวัลด้วยหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ชนวีร์กำลังจะพาเขาไปพบกับกรณ์…คนที่เขาไม่อยากเจอพอๆ กับที่คิดถึง

    ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันแม้แต่ตอนที่หยุดหน้าบานประตูสีขาว ดนตร์ไม่กล้าแม้แต่จะชะเง้อมองช่องกระจกเล็กเพื่อมองคนด้านใน ในหัวของเขายังสับสน ไม่รู้ว่าจะปั้นหน้าอย่างไร เรื่องราวของโยษิตาที่รับรู้มาโดยบังเอิญลอยเข้าในความคิด และถึงแม้จะชอบกรณ์มากแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยมีความคิดที่จะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับใคร อย่างไรเสียมันคือเรื่องส่วนตัวระหว่างคนสองคน เขาคือคนนอกและไม่ควรยื่นมือเข้าไปสอด ดนตร์สูดลมหายใจและเผลอพ่นออกมาเสียงดัง จนคนที่อยู่ข้างๆ กันต้องหันมอง ชนวีร์ใช้มือแตะที่บั้นเอวส่งสัญญาณให้เขาเข้าไปในด้าน

   เมื่อบานประตูเปิดออก ผู้ที่อยู่บนเตียงก็หันมามอง ดวงตากลมคมดุหยุดที่ร่างเล็กของเด็กหนุ่มผิวขาวจัดก่อน แก้วตาสีดำไม่ได้สะท้อนความรู้สึกพิเศษ ราบเรียบจนเกือบจะเฉยชา ก่อนจะเอ่ยปากทักทายลูกพี่ลูกน้องตัวอ้วน

   “ไง ในที่สุดก็เอามาจนได้สินะ”

    “เคลียร์มันตรงนี้ให้จบๆ ไปซะที ไอ้แข่งรถบ้าๆ ของแกมันไม่ได้ผล แถมยังได้แผล ถามจริงๆ หัวเอาไว้แค่กั้นหูหรือไง” หนุ่มตัวอ้วนบ่นเสียงดัง พลางกระแทกตัวลงบนโซฟาหนังสีดำอย่างไม่กลัวมันจะพัง แขนอวบยกขึ้นกอดอก ปรายตามองคนป่วยที่นั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ชุดผู้ป่วยดูไม่เข้ากับเจ้าพ่อแฟชั่นเสียเท่าไร แถมหมู่นี้หนวดเคราขึ้นจนคางเขียว ผมยุ่งไม่เป็นทรงคงเพราะเจ้าตัวเพิ่งตื่นนอนได้ไม่นาน

    คนถูกบ่นทำแค่ยักไหล่ เพราะถูกบิดาด่ายับพอๆ กับสภาพเฟอร์รารี่ไปแล้ว แถมยังคาดโทษอีกว่าถ้าหากเขาขับรถคันไหนมาแข่งอีกจะถูกยึดรถทุกคัน กรณ์เผลอกลอกตาเมื่อนึกถึงความงกของตาแก่กริช ที่อุตส่าห์บินจากภูเก็ตมาถึงที่นี่สาเหตุหลักไม่ใช่เพราะเขาประสบอุบัติเหตุแต่มีธุระทางธุรกิจให้จัดการพอดี โรคบ้างานนี่รักษาไม่หายถึงขนาดแม่หนีไปก็ยังไม่ดีขึ้น

    ดนตร์ยืนตัวลีบอยู่กลางห้อง ไม่รู้ว่าควรจะพูด หรืออะไรที่ดีกว่านั้น เขารู้ตัวดีว่ากำลังทำเสียมารยาท ตั้งแต่มาถึงเขายังไม่กล่าวทักทายหรือถามไถ่อาการป่วยของกรณ์เลย เขาสับสนและจับเรียงความคิดไม่ได้ เลยได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น มันคงดูทั้งโง่และน่าขัน

    “นี่ดอกไม้ของนาย...ใช่ไหม”

    ดนตร์ยอมเงยหน้าจากพื้นห้องเพื่อมองคนพูด เขาเห็นดอกไม้เหี่ยวๆ ในมือของกรณ์ สีชมพูของมันเข้มจนเกือบจะกลายเป็นสีน้ำตาล ความงดงามโรยราไปตามเวลา หัวใจเขาเต้นรัว ตอนนั้นเขาเสียใจและรีบจนลืมไปว่าซื้อดอกไม้มาเยี่ยม จนกลับถึงหอถึงได้รู้ว่าเจ้าลิลลี่สีชมพูมันหายไปแล้ว เขาคิดว่ามันอาจจะตกหล่นระหว่างทางแต่ไม่คิดว่ามันจะมาอยู่ในมือของกรณ์ได้ แต่จะด้วยสาเหตุใดก็ยากเกินคาดเดา

    “ว่าไง”

   กรณ์ถามซ้ำ แต่ก็ยังไร้คำตอบให้อยู่ดี เขาได้แต่ยืนนิ่งจนดูโง่ยิ่งกว่าเดิม แม้จะยินดีที่ลิลลี่ดอกนี้ยังมีค่า แต่ก็ขี้ขลาดจนเกินกว่าจะยอมรับว่าเป็นเจ้าของ

    “ไอ้ธามเป็นคนเก็บมา บอกว่าเป็นของนาย” ชนวีร์พูดลอยๆ ก่อนจะรื้อของเยี่ยมไข้กินแทนคนป่วย

    ดนตร์ยังคงเงียบ จมอยู่กับความคิดสารพัดที่ประเดประดังเข้ามา จนไม่รู้ตัวว่าบัดนี้คนบนเตียงมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ชั่วจังหวะที่คิดหาคำตอบได้ เขาก็เหลือบเห็นปลายเท้าเปลือยเข้า และทันทีที่เงยหน้าขึ้นทั้งร่างก็ถูกวงแขนแข็งแรงรวบกอดไว้เสียแล้ว

    “พะ..พี่กรณ์ ปล่อยครับ” เขาพูดตะกุกตะกัก เบี่ยงหน้าและโก่งตัวหนีอัตโนมัติ แต่ไม่ว่าจะเมื่อใดดนตร์ก็ไม่เคยหลุดพ้นจากอ้อมแขนนี้ได้เลย...ถ้าหากเจ้าของไม่เต็มใจ

   “นายมาเยี่ยมฉันด้วยเหรอ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นใกล้ๆ ขมับ กรณ์แข็งแรงอย่างน่าแปลกใจทั้งที่กำลังเจ็บ เขาหลุบตามองท่อนแขนที่กำลังโอบรอบร่างตัวเองอยู่ รอยฟกช้ำมันจางลงไปมากทีเดียว แต่ที่น่าเป็นห่วงคือศีรษะมากกว่า ได้ยินมาว่าต้องเย็บหลายสิบเข็ม

    ลมหายใจอุ่นร้อนเป่าปะทะกับผิวแก้ม แม้ไม่ต้องมองเขาก็รู้ว่าใบหน้าของกรณ์อยู่ใกล้แค่ไหน ใจเต้นแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมาข้างนอก แล้วก็สำเหนียกได้ว่าในห้องนี้เขาไม่ได้อยู่ตามลำพังกับกรณ์แต่ยังมีชนวีร์อีกคน ดนตร์เผลอผลักอกกรณ์เต็มแรง

   “โอ๊ย! เจ็บ!”

   กรณ์ร้องครวญ ปล่อยมือจากร่างโปร่ง ยกมือขึ้นคลำหน้าอกตัวเอง อาการเจ็บเสียดยังไม่หายดีนัก ถ้าหากได้รับการกระแทกหรือมีสิ่งใดมากระทบมันก็จะสำแดงความเจ็บปวดออกมา ชายหนุ่มน้อมตัวต่ำลงพร้อมกับสีหน้าที่แสดงอาการออกมาเต็มที่

   “พี่กรณ์! ผมขอโทษ ผมลืมไป”

   พอตั้งสติได้ดนตร์ก็รีบเข้าไปโอบพยุงคนป่วยเอาไว้ ด้วยความสำนึกผิดและเป็นห่วง มีเสียงหัวเราะหึหึมาจากโซฟาหนัง พอหันไปมองเจ้าของเสียงหัวเราะก็ทำเป็นเมินแล้วกินของเยี่ยมต่อ ดนตร์หน้าซีดจับตัวกรณ์ให้ยืดขึ้น มือคลำไปบริเวณแผ่นอกกว้าง แล้วก็ใจหายวูบ กรณ์ผอมลงจนเขารู้สึกได้ โยษิตาดูแลไม่ดีหรืออย่างไร

    “พี่เจ็บมากไหม ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ดนตร์เอ่ยขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งเห็นว่ากรณ์ยังมีสีหน้าไม่ดีขึ้น เขายิ่งใจหาย มือเรียวสอดรอบเอวสอบพลางออกแรงรั้งร่างของคนป่วยให้กลับไปที่เตียง ตอนนั้นเองเขาถึงได้สังเกตเห็นว่ารอบศีรษะของกรณ์ไม่มีผ้าพันแล้ว เขาได้กลิ่นยาจากกรณ์ พอถึงเตียงก็รีบจัดแจงท่านอนให้ แต่คนป่วยกลับไม่ยอมล้มลงนอนง่ายๆ กรณ์ขืนตัวไว้และนั่งห้อยขาบนเตียงแทน

   “เจ็บที่หน้าอกซ้าย” กรณ์บอก มือคลำป้อยๆ บริเวณนั้น “หมอบอกว่าถ้าแอร์แบ็คไม่ทำงานปอดฉันอาจฉีกได้”

   “ตอแหล!”

    มีเสียงตะโกนแทรกดังมาจากท้ายห้อง ดนตร์หันไปมองหนุ่มตัวอ้วน ที่พอพูดจบก็บิดปากคล้ายหมั่นไส้แล้วหันไปสนใจขนมต่อ

    “แล้วแผลที่หัว”

   “ไม่เป็นไรมากหรอก เย็บแค่ 20 เข็มเอง”

    “20 เข็ม! ผมขอดูหน่อยได้ไหม” แม้จะพอรู้มาบ้างแล้วแต่พอได้ยินจากเจ้าตัวก็อดตกใจไม่ได้อยู่ดี เขาสงสารกรณ์จับใจ นึกเกลียดเจ้ารถเฟอร์รารี่คันนั้นจับใจที่ไม่อาจคุ้มกันผู้ขับขี่ได้

   กรณ์ไม่ได้ห้ามปรามตอนที่มือขาวเปิดผมที่ปรกลงมาถึงคิ้วขึ้น รอยแผลพาดยาวตั้งแต่ช่วงขมับไปจนถึงโคนผม และหายเข้าไปในกลุ่มผมอีกไม่น้อย ด้ายสีดำขยุ้มติดกับผิวหนังมันไม่น่ามองเอาเสียแล้ว ดนตร์ใช้ปลายนิ้วแตะมันแผ่วเบาแต่พอเจ้าตัวสะดุ้งก็รีบหดมือหนี

   “เจ็บไหมครับ”

   “เจ็บสิ ตอนตื่นขึ้นมาฉันปวดไปหมดทั้งตัว”

    ดนตร์หน้าสลด แผลที่หน้าผากกับรอยฟกช้ำตามตัวบอกได้ดีว่ากรณ์เจ็บหนักแค่ไหน ถึงจะไม่มีอวัยวะส่วนไหนหายไป แต่มันก็ยังหนักหนาสำหรับเขาอยู่ดี ถึงกรณ์จะร้ายกาจกับเขา ทว่าเขาไม่เคยอยากให้กรณ์ต้องมาเจ็บแบบนี้

    “แล้วตกลงว่าดอกไม้นี่ เป็นของนายใช่ไหม”

    ดอกลิลลี่ที่ถูกลืมไปชั่วประเดี๋ยวถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นอีกครั้ง ตากลมมองดอกไม้สีน้ำตาลที่เหี่ยวเฉาจนแทบไม่เหลือเค้าความสวยงาม ย้อนกลับไปในตอนนั้นเขาตั้งใจเอามาให้กรณ์จริงๆ เพราะคิดว่ามันคือตัวแทนความห่วงใยจากเขา ทว่าพอได้เห็นภาพหวานชื่นของคู่รักก็ต้องเลิกล้มความตั้งใจ ถึงโยษิตาจะมีคนอื่นและกำลังจะเป็นคนทำให้กรณ์เสียใจ แต่เขาก็ไม่ควรใช้โอกาสนี้สร้างความหวังให้ตัวเอง

    “ว่าไง...นายเอามาให้ฉันใช่ไหม”

    “เปล่าครับ...ผมแค่ทำตกไว้”

    “ทำตก? นายบอกว่า...แค่ทำตกไว้อย่างนั้นเหรอ”

    ดนตร์ชะงัก น้ำเสียงของกรณ์เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดียวกับสีหน้า อาการเจ็บปวดเมื่อครู่กลายเป็นบึ้งตึงไม่พอใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ตาคมดุจ้องมาที่เขา และก่อนจะได้ถอยหนี หัวไหล่ก็ถูกมือหนาคว้าเอาไว้เสียแล้ว

    กรณ์ใช้กำลังที่มากกว่ารั้งร่างโปร่งจนขึ้นมาบนเตียง ก่อนจะเอนตัวลงนอนโดยมีดนตร์เกยก่ายอยู่ด้านบน ดวงหน้าขาวนวลระเรื่อขึ้นด้วยเลือดฝาด ดวงตากลมน่ารักมองเขาด้วยความตื่นตระหนก กลิ่นน้ำนมอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัวช่วยกลบกลิ่นยาที่น่าคลื่นเหียนได้ แก้วตาใสสีน้ำตาลเข้มคล้ายกับมีอะไรซ่อนอยู่ ทั้งความลับและไม่ลับ

    “รู้อะไรไหมเพลง...นายนี่เป็นนักแสดงที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย”


**********************************


อย่าว่านุ้งเพลง นุ้งเพลงยอมเพราะนุ้งรักเค้าาาาาา

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
เราไม่ชอนิสัยของดนตร์เลย. มันน่ารำคาญและน่าหงุดหงิดจริงๆ

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อืม พอกรณ์ถูกบอกเลิกปุ๊บ ก้คงมาวอแวเพลงแน่ๆ เหอออ แล้วงี้จะรุ้ได้ไงว่าเพราะรักแล้วจริงๆหรือแค่อยากลืม ยังไงก็เชียร์คนอื่น5555555 เพลงควรสู้คนหน่อยนะ โดนลวนลามบ่อยจริงๆ ติดตามต่อไป ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ดนตร์ ดันทุรังจัง น่าอึดอัดแทน แอบรัก หลงรักอ่ะเข้าใจแต่มันเหมือนแย่งเขามาเลยนะ  รู้ทั้งรู้ว่าเขามีแฟน(ไม่นับเหตุการณ์ล่าสุดที่แฟนกรณ์เตรียมจะชิ่งนะ) 

ส่วนรุ่นพี่รู้ว่าญาติตัวเองนิสัยไม่ดีก็ดันจั๊ง พยายามผลักไสให้กันตลอด เหมือนเป็นฝ่ายสนับสนุนให้น้องทำไม่ดีไปด้วย แล้วก็มาทำตัวเหมือนรักน้องซะเต็มประดา ..ไม่เข้าใจ


ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ chancha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-0

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ทำไมรู้สึกชอบพี่ซัน 5555+
ดูนิ่งๆ แต่ดาเมจแรงมาก 
นี่ถ้าเพลงไม่มีคนในใจจะแอบเชียร์ละนะ

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เพลงใจอ่อนกับกรณ์อีกแล้ว ไม่เคยใจแข็งได้นานเลย
ส่งพี่รันมาจีบเพลงด่วนๆ ชอบพี่รัน แล้วพี่ซันนี่จริงๆเค้าต้องการอะไรรึเปล่า
มาบ่อยๆน้า ขอบคุณค่า :pig4:

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
น้องดนตร์ เข็มแข็งไว้
อย่าใจอ่อนกะพี่แกง่ายๆ
คนอกหักมันจะหาหลักเกาะ
ต้องสตรองนะครับ
เค้าจะได้เห็นค่า
 :mew1:
แอบรักได้แต่ต้องงามในหน้านะฮ้า

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ไม่จริงงงงงงงงงง
เดือนธันวาฯ ไม่หนาวววววว

พี่รันไปไหน ฮือออ อยากเจอพี่รัน
พี่วินเหมือนจะแอบเข้าข้างลูกเจี๊ยบเลย
อ่านตอนนี้แล้วตัน คิดความเห็นไม่ออก

ขอบคุณที่มาต่อจิ้วววว

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ทำไมเหมือนซันสนใจเพลง มีแต่ผู้ชายมารุมจีบ เสน่ห์แรงจริงเลยนะ เพลงใจแข็งหน่อยสิ เจ็บซ้ำๆ วนอยู่อย่างนี้ก็ไม่ไหว  :katai1:

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
Chapter 11 ง้อ?


    “รู้อะไรไหมเพลง...นายนี่เป็นนักแสดงที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย”
   
   กรณ์มองเปลือกตาบางกะพริบรัวถี่ ใบหน้าขาวเปลี่ยนเป็นแดงจัดอย่างรวดเร็ว เขารั้งร่างโปร่งไว้บนกายตัวเองด้วยท่อนแขนเพียงข้างเดียว ใช้ร่างกายเป็นเบาะให้อีกฝ่ายอย่างไม่กลัวว่าอาการบาดเจ็บจะกำเริบ แต่จะว่าไปแล้วไอ้ความเจ็บปวดทั้งหลายมันดีขึ้นมาพักใหญ่แล้ว มีเป็นบางครั้งที่เขาเผลอเคลื่อนไหวแรงช่วงหน้าอกจะเจ็บเสียดขึ้นมาบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง อีกไม่เกินวัน สองวัน เขาก็จะได้กลับบ้าน

    เขาสูดเอากลิ่นหอมที่แสนคิดถึงไว้ในปอด เนื้อตัวนุ่มแต่แน่นให้ความอบอุ่นในอุณหภูมิที่พอเหมาะ กรณ์มองก้างขวางคอชิ้นใหญ่ที่ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ที่มุมห้อง ชนวีร์ทำเป็นสนใจของกินแต่เขาก็รู้ว่ามันคอยชำเลืองดนตร์เป็นระยะ คงเป็นห่วงว่าเขาจะ ‘กิน’ เจ้าเด็กปากแข็งนี่ไปจริงๆ

    คำว่าเด็กปากแข็งเหมาะกับดนตร์นัก ทั้งที่เป็นเจ้าของดอกลิลลี่แท้ๆ แต่เจ้าตัวกลับบอกว่าแค่ทำตกไว้ เขาน้อยใจแทนดอกไม้นักที่คุณค่าของมันกลายเป็นแค่ของทำตก ทำหล่น กรณ์กระชับอ้อมแขนแน่นกว่าเดิม ไม่สนใจเสียงกระแอมที่ดังมาจากมุมห้อง...คนกำลังเสียใจ ดังนั้นหาคนปลอบใจจึงไม่ใช่เรื่องผิด

    เขาเสียใจ...นี่คือเรื่องจริง ข้อความที่เลวร้ายถูกส่งมาถึงเขาเมื่อวันก่อนนี่เอง ไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างกรณ์จะถูกสวมเขา มานานถึง 6 เดือน และเขาก็เชื่อว่าสิ่งที่ชนวีร์พูดไม่ใช่เรื่องโกหก

    ‘ฉันไม่ได้คิดจะใส่ร้ายแฟนแกหรอกนะ แต่แค่สองวันที่ฉันตามสืบก็ได้ข้อมูลมาหมด ยาหยีแอบคบกับผู้ชายที่ชื่ออคิราห์หรือซัน เป็นคนที่ทางครอบครัวหาไว้ให้มาได้ 6 เดือนแล้ว ซันเป็นครูฝึกสอนอยู่ในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง พ่อเป็นคนใหญ่โตในกระทรวงศึกษา แม่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่เจ้าตัวสอนอยู่นั่นแหละ เมื่อคืนฉันแอบตามยาหยีไป แล้วก็เจอสองคนนั่นอยู่ที่ร้านกาแฟที่เพลงทำงานอยู่’

    นาทีนั้นคำพูดของชนวีร์ไม่ต่างจากเข็มนับพันเล่มที่พากันทิ่มแทงลงบนเนื้อหัวใจ เขาไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้โยษิตาปันใจไปจากเขา คิดหาเหตุผลจนแผลที่หน้าผากเริ่มปวด เลยต้องหยุดคิดไปและให้ความเห็นกับตัวเองว่า คงเป็นเพราะเขาเอง...เขาที่เปลี่ยนไปและไม่มั่นคง

    เขาไม่คิดโทษเรื่องที่โยษิตาคบซ้อน เพราะเขาเองก็ไม่ใช่คนรักที่ซื่อสัตย์นัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะหลัง หัวใจและความรู้สึกมันเริ่มคลอนแคลนไปหมด ทั้งที่ควรจะรักแค่โยษิตา แต่เขากลับคอยคิดถึงแต่ใครอีกคน...คนที่เขาตั้งใจจะผูกมัดไว้ด้วยร่างกายโดยใช้คำขู่เป็นเครื่องพันธนาการ ทว่ายิ่งนานวันความรู้สึกที่เขามีให้มันยิ่งทวีตัวรุนแรง เขาทั้งหึงและหวง ไม่อยากให้ใครได้เข้าใกล้ แต่มันยากเหลือเกินที่จะแสดงออกเพราะเขามีโยษิตา ขณะเดียวกันเสน่ห์ของอีกฝ่ายนับวันยิ่งหอมหวน ไม่ว่าใครที่ได้อยู่ใกล้มีอันต้องหลงกลติดกับกันแทบทุกคน

    ‘ซันไปช่วยเพลงจากแขกในร้าน’

    ชนวีร์ทำหน้าที่นักสืบได้ดีเยี่ยมจนน่าตบรางวัลให้ ไอ้เจ้าอ้วนรายงานหมดแทบจะครบทุกเหตุการณ์ นั่นหมายความว่าดนตร์ก็ต้องรู้ว่าโยษิตากับอคิราห์นัดพบกัน ตอนที่ได้รับฟัง คิ้วเขากระตุกน้อยๆ ความเสียใจที่ถูกคนรักสวมเขาค่อยๆ ทุเลาลง ในทางตรงกันข้าม ความกระหายอยากในบางสิ่งก็ดันตัวสูงขึ้นมา

    เขาต้องการดนตร์!

    มันคือความเห็นแก่ตัว...เขารู้ดี แต่ไม่ว่าจะมนุษย์คนไหนในโลกล้วนแล้วแต่ต้องคิดถึงตัวเองก่อนเสมอ เขาไม่ใช่คนประหลาดที่จะเที่ยวยกของชอบให้กับคนอื่น ถ้าหากรู้แน่ชัดแล้วว่าต้องการอะไรหรือชอบอะไรก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อไขว่คว้าเอาไว้ แล้วตอนนี้เขาก็สามารถแย่งชิงได้เต็มที่แล้วด้วย

   ในความเสียใจเขากลับรู้สึกขอบคุณที่อคิราห์เข้ามาแทรกกลางได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ เขาแค่เสียใจแต่ไม่โกรธ เพราะทั้งเขาและโยษิตาต่างก็ทำผิดด้วยกันทั้งคู่

    กรณ์ดึงตัวเองกลับมายังปัจจุบันอีกครั้ง ดนตร์มาอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้ว เจ้าเด็กปากแข็งที่มาเยี่ยมเขาตั้งแต่วันแรก แต่กลับไม่ยอมแสดงตัว นี่ถ้าหากไม่เผลอทำดอกลิลลี่ตกไว้เขาคิดว่าถูกเมินอย่างสิ้นเชิงแล้ว ยอมรับว่าเกือบจะถอดใจล้มเลิกการแย่งชิงดนตร์มาเป็นของตัวเองหลังจากชะเง้อจนคอแทบจะยาวกว่าเดิมแต่ก็ยังไม่เห็นหน้าขาวๆ โผล่มา กระทั่งธาวินเอาดอกลิลลี่มาให้แล้วบอกว่าเป็นของดนตร์

   ‘เพลงทำตกไว้น่ะ เขามานั่งหน้าห้องนานแล้วแต่ไม่ยอมเข้ามา’

    ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมธาวินถึงได้บอกเรื่องนี้กับเขา ทั้งที่พวกเขาเป็นคู่แข่งในการแย่งชิงดนตร์ บางทีถ้าปล่อยให้ดอกลิลลี่เป็นแค่ดอกไม้ที่ทำตกไว้ อะไรๆ มันก็จะดูง่ายไปเสียหน่อย เขารู้ใจเพื่อนรักดี เล่นแบบแฟร์ๆ มันยุติธรรมดี

    เขาจ้องมองดวงหน้าเนียน ดนตร์ซูบลงไปนิดหน่อย แต่ความน่ารักไม่ได้ถูกบั่นทอนลงไปด้วย เค้าโครงหน้าเด่นชัดขึ้น แก้วตากลมใสภายใต้เปลือกตาบาง คิ้วเข้มทอดยาวไปจนถึงหางตา จมูกโด่งจนเป็นสัน ริมฝีปากแดงระเรื่อเผยอน้อยๆ ยามเจ้าตัวเผลอ และพวงแก้มอิ่มที่น่าดึงเสียให้หายมั่นเขี้ยว ผิวขาวเนียนละเอียด แถมกลิ่นก็ยังเหมือนนมอีกด้วย เรือนผมสีเข้มยิ่งส่งให้ผิวขาวผ่องกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า หมู่นี้ดนตร์ดูน่ารักขึ้น แม้แต่แว่นทรงเห่ยบรมก็ยังไม่อาจปิดกั้นเอาไว้ได้

    ดวงตากลมจ้องมองเขากลับมาเช่นกัน นัยน์ตาสะท้อนความรู้สึกหลากหลายจนไม่อาจแยกแยะได้ เพียงชั่ววินาทีที่เจ้าตัวกะพริบตา มันก็กลับกลายเป็นความเย็นชา ร่างโปร่งด้านบนยันกายขึ้น และทำท่าจะลุกหนีไปได้ถ้าหากเขาไม่รวบเอวคอด แล้วกดแนบอกไว้เสียก่อน แม้ว่าแรงกดทับจะกระเทือนถึงความบอบช้ำด้านใน แต่มันก็คุ้มค่า

    “ปล่อยผมลง” ดนตร์กดเสียงต่ำ นัยน์ตาตรงนิ่งไม่หลุกหลิกหรือแม้แต่จะหลบหนีเหมือนที่ผ่านมา

    กรณ์ทำเพียงแค่อมยิ้ม แกล้งกดเน้นมือให้ร่างแนบชิดกันมากกว่าเดิม เขาได้ยินเสียงเจ้าอ้วนกระแอมเตือนเป็นหนที่สอง...แต่ใครจะแคร์

    “นายรู้เรื่องยาหยีใช่ไหม”

    “ห๊ะ!” ตากลมเบิกขึ้นเล็กน้อย แก้วตาสีน้ำตาลไหววูบแต่เพียงแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็กลับมาเป็นปกติ “เรื่องอะไรครับ”

    ดนตร์ยังคงไม่รู้ตัวว่าทักษะด้านการแสดงที่ร่ำเรียนมาเกือบหนึ่งปีมันไม่ได้พัฒนาเอาเสียเลย อุตส่าห์แกล้งตีหน้านิ่งแต่หัวใจเต้นรัวจนหน้าท้องของเขาสะเทือน ชายหนุ่มยิ้มเหยียดมองดูโหนกแก้มใสที่แดงขึ้นเรื่อยๆ

   “นายทำงานที่ร้านกาแฟนั่น แล้วเมื่อวานนี้ยาหยีกับซันก็ไปที่นั่น ซันช่วยนายไว้จากการโดนลวนลาม”

    “ผมไม่รู้จักซันอะไรนั่น!” ดนตร์ปฏิเสธเสียงแข็ง มือที่วางอยู่ข้างลำตัวเขาสั่นน้อยๆ

    “แต่นายรู้จักยาหยีนี่” เขาเติมเชื้ออีกนิด รอดูฝีมือของนักแสดงหน้าใหม่ต่อ

   “เธอเป็นลูกค้าที่ร้านครับ”

   “แค่นั้น?”

    “ครับ...แค่นั้น”

   กรณ์แค่นยิ้ม “วินนี่!”

    “โอ๊ย! น่ารำคาญจริง”

    หนุ่มตัวอ้วนลุกจากโซฟา หลังจากถูกเรียกชื่อ ของเยี่ยมหายไปอยู่ในท้องเกือบครึ่ง ลิ้นสีชมพูกวาดเก็บเศษขนมที่ติดมุมปาก ร่างใหญ่หนาเหมือนหมีขั้วโลก ดูน่ารักพอๆ กับน่ากลัว

    “หมอนี่มันรู้เรื่องยาหยีสวมเขาให้แกแล้ว จริงๆ ทั้งแกทั้งยาหยีก็มีเขาอยู่บนหัวเหมือนกันนั่นแหละ” ชนวีร์ทำนิ้วประกอบลักษณะของ ‘เขา’ มันน่าขัน แต่กลับไม่มีใครขำ โดยเฉพาะผู้ที่ก้าวเข้ามาใหม่

    ตุบ

    ช่อดอกไม้หล่นดังตุบ กุหลาบสีแดงหลุดจากขั้ว กลีบช้ำอย่างน่าสงสาร

    เจ้าของช่อดอกไม้ตะลึงงันมองภาพที่เห็น ร่างกายชาวาบก่อนที่อุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้นกระตุ้นให้สมองสั่งการ หัวใจบีบตัวแรง ไออุ่นด้วยความโกรธพุ่งพล่านจนหน้าแดงจัด ได้ยินเสียงลมร้องหวีดหวิวในแก้วหู หายใจแรงจนเจ็บเสียดสีข้าง มือที่
เผลอทำช่อดอกไม้หล่นกำเข้าหากันและบีบแน่น เล็บยาวจิกลงไปในเนื้อมือตัวเอง แต่มันกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยเมื่อเทียบกับที่หัวใจ

    “สารเลว!” โยษิตาบริภาษก้อง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เกือบจะถลนออกนอกเบ้า ร่างระหงในอาภรณ์สวยงามก้าวฉับๆ ไม่กี่ครั้งก็ถึงเตียงผู้ป่วย มือเรียวกระชากเสื้อของคนที่นอนอยู่ด้านบนออกด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลจนน่าแปลกใจ

   ดนตร์แทบจะหงายหลังตกเตียง ดีที่ทรงตัวได้ แต่ยังไม่ทันได้ตั้งหลัก เสี้ยวหน้าก็เจ็บแปลบ ฟันกระทบกับกระพุ้งแก้ม ลิ้นได้รสเค็มปร่าของเลือด เพียงเสี้ยวนาทีใบหน้าก็ชาทั้งแถบ เขาเพิ่งรู้รสชาติของการโดนตบ มันเจ็บพอๆ กับโดนต่อยเลยทีเดียว

    “ทำบ้าอะไร!”

    ระหว่างที่นับดาวใต้เปลือกตาเขาได้ยินเสียงจากชนวีร์ และเสียงฝีเท้าที่แยกไม่ออกว่าเป็นของใคร แล้วทั้งร่างก็ถูกดึงไปที่ไหนสักแห่ง พอลืมตาขึ้นเขาก็เห็นแผ่นหลังกว้างหนาและเป็นสีดำ มืออูมกำข้อมือเขาแน่นโดยใช้ร่างกายที่ใหญ่โตเป็นโล่ป้องกันให้

   “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแกนะไอ้อ้วน! ปล่อยมันมาให้ฉัน ฉันจะตบมัน ข้อหาที่กล้ามายุ่งกับแฟนฉัน!” โยษิตายังคงด่ากราด ใบหน้าที่เคยน่ารักในยามเกรี้ยวกราดน่ากลัวไม่ต่างกับนางยักษ์

    มือเรียวพยายามจะไล่คว้าร่างของดนตร์ที่อยู่ด้านหลังของชนวีร์ แม้ตัวเป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่ในยามโกรธ โยษิตาน่ากลัวไม่ต่างจากนางเสือ เล็บยาวครูดไปกับท่อนแขนอวบหลายครั้ง แถมยังเลยไปถึงคนที่อยู่ด้านหลังด้วย เลือดไหลซึมจากบาดแผลที่แม้จะไม่ได้ลึกแต่ก็เจ็บและน่าหงุดหงิด

   “เลิกบ้าซะที!” ชนวีร์ตวาดอีกครั้ง

    แต่คนที่ถูกเพลิงโทสะครอบมีหรือจะสนใจ โยษิตาวิ่งเข้าใส่ดนตร์อย่างไม่เกรงกลัว หมายจะทำร้ายอีกฝ่ายให้เจ็บเพื่อระบายความแค้น

   “โอ๊ย!”

   ชั่วจังหวะหนึ่งที่ชนวีร์เสียหลักเพราะถูกเตะขา โยษิตาคว้าผมของดนตร์เอาไว้ได้ เธอใช้พลังทั้งหมดขยุ้มและดึงทึ้งเต็มแรง ดนตร์เจ็บจนน้ำตาไหล แต่ไม่อาจทำร้ายหรือตอบโต้ได้เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง

    “หยุดได้แล้ว!”

    ปอยผมกระจุกหนึ่งของดนตร์หลุดติดมือโยษิตาไป พร้อมกับร่างที่ลอยหวือขึ้นในอากาศ ถึงกระนั้นเธอก็ยังปาดป่ายมือและเท้าไปมาอย่างบ้าคลั่ง

   “ปล่อยฉันนะ! ฉันจะฆ่ามัน กล้าดียังไงมายุ่งกับคนรักของฉัน! แค่รันกับธามไม่พอหรือไง ไอ้สำส่อน!” มือบางแต่เล็บยาวจิกไปบนหลังมือที่กำลังโอบรอบเอว โดยลืมไปว่าเจ้าของมือเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บได้ไม่นาน

    “ใครกันแน่ที่สำส่อน!”

    “แกพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงไอ้อ้วน! อ๋อ เพราะมันเป็นน้องสุดที่รักของแกสินะ เลยคิดจะยัดเยียดมันให้กับกรณ์ แกอยากจะให้กรณ์เป็นอย่างแกอีกคนหรือไง! เสียใจด้วยนะ แฟนฉันแมนร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่นิยมกินถั่วดำ!”

    “แน่ใจแล้วเหรอที่พูดออกมาน่ะ” ชนวีร์แค่นยิ้ม ก่อนจะคว้ามือของดนตร์ไว้ “จัดการซะให้จบ ไม่อย่างนั้นฉันจะยกเพลงให้คนอื่น!”

    ภายในห้องกลับมาเงียบอีกครั้งหลังการวิวาท มีแค่เสียงลมหายใจของคนที่ยังอยู่ในโทสะ โยษิตาปลดมือคนรักออกจากเอว แล้วหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้า ดวงตาของเธอวาวโรจน์ด้วยความโกรธที่ไม่ยอมลดลงง่ายๆ แต่ถึงจะโกรธจนขาดสติแค่ไหนเธอก็ยังจับใจความจากคำพูดของชนวีร์ได้

    “ที่ไอ้อ้วนนั่นพูดหมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าคุณกับมัน!”

    “ใช่ ผมกับเพลงเรามีอะไรกันแล้ว” กรณ์รับสารภาพง่ายดาย แต่ที่ทำให้อารมณ์เธอเดือดพล่านยิ่งกว่าเดิมคือท่าทางที่ไม่ได้สะทกสะท้านหรือแม้แต่รู้สึกผิดของเขา ใบหน้าหล่อเหลายังคงเมินเฉยราวกับกำลังเล่าชีวิตประจำวันให้เธอฟัง

   โยษิตาได้ยินเสียงเปรี้ยะในหู เธอกระโจนเข้าใส่คนรัก ระดมกำปั้นทุบตีไปบนร่างกายเขาอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาไหลพรูทั้งเสียใจและเจ็บใจ “ไอ้คนเลว! คุณกล้าทำแบบนั้นได้ยังไง คุณนอกใจฉัน แถมยังนอนกับผู้ชาย น่าขยะแขยงที่สุด!”

    กรณ์ไม่ตอบโต้ปล่อยให้เธอระบายความโกรธแค้นให้เต็มที่ โยษิตาไม่ถนอมแรงเลย หลายครั้งที่กำปั้นของเธอกระแทกลงบนหน้าอกที่ยังไม่หายดี มันทั้งเจ็บทั้งจุก แต่เขาก็ยังปล่อยให้เธอทำ เขาทำเพียงแค่รอ...รอให้เธอสาแก่ใจ

    “คนเลว! คุณมีหัวใจหรือเปล่า ทำไมทำกับฉันแบบนี้ คุณทำให้ฉันเจ็บไปหมด ฉันรักคุณ รักหมดหัวใจ แต่คุณก็ยังทำแบบนี้กับฉันได้ ฮึก ฮือ” โยษิตาพูดไปร้องไห้ไป แรงที่ทุบตีน้อยลง ร่างบางไถลลงไปบนพื้น จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเป็นร่ำไห้และพร่ำต่อว่าเพียงอย่างเดียว ยาวนานจนเสียงของเธอแหบแห้ง กระทั่งเหลือแค่เสียงสะอื้น

    “พอใจแล้วใช่ไหม” กรณ์ถาม เขาถอยห่างออกมา ไม่ได้ลงไปโอบประคองเธอขึ้น ดวงตาคมทอดมองอย่างเย็นชา โยษิตายังคงนั่งอยู่กับพื้น มือเธอกำแน่น ดวงตาบอบช้ำจากการร้องไห้ช้อนมอง แม้มันจะแดงก่ำแต่ก็สะท้อนความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน

    ชั่ววินาทีที่เขารู้สึกผิด เขาทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องเสียใจ ทำให้เธอต้องกลายร่างเป็นนางร้ายทั้งที่เคยเป็นเจ้าหญิงที่น่ารักมาโดยตลอด ทว่าพอย้อนกลับไปในสิ่งที่เธอกับเขาและดนตร์ ความผิดที่ก่อตัวก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เธอพร่ำเพ้อว่ารักเขา แต่เธอกลับนอกใจเขา ก่อนหน้าที่เขากับดนตร์จะมีความสัมพันธ์กันเสียอีก ภาพที่เธออาละวาดทำร้ายดนตร์ยังติดตา ถ้าหากเธอไม่ใช่ผู้หญิงเขาคงกระชากเธอโยนทิ้งไปแล้ว

    กรณ์ถอนหายใจยาว ดวงตายังเหมือนเดิม ถึงเวลาที่เขาต้องเลือกแล้ว

    “ผมผิดเอง ผมนอกใจคุณ คุณจะด่าผมยังไงก็ได้แต่อย่าทำร้ายเพลงอีก เพราะมันอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณจะได้ทำ”

    “นะ...นี่ คุณ! คุณปกป้องมันเรอะ!” โยษิตาแผดเสียงลั่น ร่างบางลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว ถลาเข้าหาเขา มือจับลงบนท่อนแขนของเขา เล็บยาวจิกลงมาจนมันฝังลงกับผิวเนื้อ

    กรณ์กัดฟันระงับความเจ็บที่ทวีมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจะยอมทุกอย่าง ยอมเจ็บ ยอมโดนต่อว่า ยอมโดนตราหน้าว่าเป็นคนนอกใจ ยอมแม้แต่ตกเป็นขี้ปากที่นอนกับผู้ชาย เขาไม่แคร์ว่าใครว่าเขาเป็นพวกวิปริตผิดเพศ  ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว

    “ใช่ เรื่องนี้เพลงไม่ผิด ผมเป็นคนขืนใจเขาเอง”

    “ระยำ! คุณมันน่ารังเกียจ” ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ริมฝีปากบิดเบี้ยว ถอยร่างห่างจากเขาไปหลายก้าว นิ้วเรียวชี้มาที่เขา “ไอ้คนวิปริต!” เธอก่นด่า เสียงดังก้องห้อง หันมองซ้ายขวาจนได้เจอกับแจกันสีขาวขุ่น เธอคว้ามันไว้แล้วขว้างไปตรงหน้าสุดแรงเกิด

   กระเบื้องเคลือบทรงยาวรีกระแทกกับศีรษะด้านที่เป็นแผลเต็มแรง แจกันสวยตกหล่นพื้นแตกกระจายไร้รูปทรง น้ำที่เหลืออยู่นองพื้น กรณ์กัดฟันกรอด ความเจ็บพุ่งจี๊ด เขารับรู้ถึงเลือดอุ่นๆ ที่ไหลจากแผลเดิม เพราะปากแผลเพิ่งปิดได้ไม่นานและยังไม่สนิท พอโดนของแข็งกระทบใส่แผลเลยปริแตก แถมยังกว้างกว่าเดิมอีกด้วย

   “ถ้าอยากได้มันมากก็เชิญเลย ฉันเองก็ทนอยู่กับคนผิดเพศไม่ได้เหมือนกัน!”

    โยษิตาไม่แม้จะสนใจรอยเลือดที่ไหลจนผ่านใบหน้าของเขาด้วยซ้ำ เธอยกใบหน้าขึ้นสูง กระแทกเท้าย่ำไปบนพื้นแรงๆ ทั้งห้องคล้ายกับจะสั่นน้อยๆ จากการปิดประตูของเธอ

    โยษิตาจากไปแล้ว คงเหลือแค่ไอโกรธของเธอที่ยังคุกรุ่นอยู่ในห้อง กรณ์สูดหายใจเฮือกใหญ่จนอกพอง เลือดไหลมากกว่าเดิม บางส่วนไหลมาถึงคิ้วและหยดลงที่เปลือกตา เขาใช้มือเช็ดมันลวกๆ ถึงจะเจ็บแต่กลับรู้สึกดี

    ริมฝีปากหยักยิ้มเหยียด ถึงเวลาที่เขาจะเอาจริงสักที...

(มีต่อ)

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
        “ซี๊ด”

    คนเจ็บสูดเสียงคราง เมื่อสำลีก้อนกลมทิ่มมาที่รอยแตกน้อยๆ ที่มุมปาก ด้วยน้ำหนักมือที่ไม่เบานักของว่าที่คุณหมอ ดนตร์เหลือบตามองเจ้าของมือขาว ก้านนิ้วยาวสวยสมกับสาขาที่เรียนมา ใบหน้าขาวจัดนิ่งเฉยราวกับหุ่นปั้นจนไม่อาจเดาได้ว่าเจ้าตัวยินดีที่จะทำแผลให้เขาตอนเกือบสองทุ่มหรือเปล่า

   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จันทร์ทิวาถูกรบกวนหลังเวลาเรียน ครั้งแรกตอนหนีมาจากร้านเหล้าหลังจากที่ล้มที่สนามบาส และนี่เป็นอีกครั้งที่ดนตร์ต้องพึ่งพาจันทร์ทิวา โดยที่ยังไม่ได้ตอบแทนน้ำใจเลยสักครั้ง พอจะอ้าปากขอบคุณสำลีชุบแอลกอฮอล์ก้อนที่สองก็วางแหมะบนหัวเสียอีก

    “โอ๊ย แสบ!”

    “ป๊อด”

    ว่าที่คุณหมอพูดลอยๆ ด้วยใบหน้าเฉยชาตามเคย เขาเองก็อยากจะตอบโต้แต่มันทั้งเจ็บทั้งแสบจนไม่อาจทำอย่างอื่นได้นอกจากร้องโอดครวญเบาๆ ระหว่างที่จันทร์ทิวาทำแผลให้ ซึ่งมันเจ็บกว่าตอนถูกโยษิตาทำร้ายเสียอีก

    ย้อนกลับไปเมื่อราวชั่วโมงที่แล้ว โยษิตาทำร้ายเขาเหมือนคนสติแตก ทั้งด่าทอต่อว่า ทำร้ายเขาด้วยทุกท่าเท่าที่จะทำได้ ตอนนั้นเธอน่ากลัวยิ่งกว่าตัวร้ายในละครหลังข่าว ดวงตาที่เบิกกว้างแทบจะถลนออกนอกเบ้า เล็บคมครูดไปกับผิวหนังของเขาหลายจุดจนเลือดซิบ ไหนจะแรงตบมหาศาลที่หนักพอๆ กับกำปั้นของเด็กผู้ชาย นี่ไม่นับรวมเส้นผมของเขาที่หลุดไปหลายกระจุกตอนที่เธอออกแรงดึง เป็นการวิวาทที่พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ

    ไม่เพียงแต่เขาที่เท่านั้นที่ถูกโยษิตาทำร้าย ชนวีร์ก็ด้วยอีกคน รายนั้นโดนข่วนไปหลายแผลเหมือนกัน เลือดไหลซิบ ผิวเริ่มบวมแดง เช่นเดียวกับเขา กว่าที่จันทร์ทิวาจะทำแผลให้เขากับชนวีร์เสร็จก็ต้องทนฟังเสียงครางไปนานหลายนาที

    “อ่ะ เรียบร้อย”

   ว่าที่คุณหมอแปะพลาสเตอร์คาดทับสำลีลงบนรอยแผลบนศีรษะให้ มันยังแสบไม่หาย นี่เขายังไม่เห็นว่าผมบริเวณนั้นแหว่งไปเยอะหรือเปล่า ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องตลก...แต่มันเป็นตลกร้ายที่เขาภาวนาขออย่าให้มันเกิดขึ้นอีก

    “ขอบคุณครับ”

    “จะบอกได้หรือยังว่าพวกนายไปฟัดกับหมาตัวไหนมา”

    ดนตร์กะพริบตาปริบๆ ถึงจะไม่ได้ตอบโต้โยษิตาไปแม้แต่ปลายก้อย ทว่าเขาก็ไม่กล้าพูดว่าแผลพวกนี้ได้รับมาจากเธอ เขาหลุบตามองพื้นห้องแทนการให้คำตอบ และหลบสายตาเย็นชาแต่คาดคั้นของจันทร์ทิวาด้วย

    “หมาตัวเมียไม่ใกล้ไม่ไกล อยู่แถวๆ นี้แหละ แต่อีกไม่นานมันก็จะกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้ว” ชนวีร์บอก ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้สีขาว พลางยื่นมือไปสะกิดหัวไหล่เล็กให้ลุกขึ้นตาม “ขอบใจนายมากนะทิว อีกสองวันไปที่บ้านฉันนะ มีปาร์ตี้ฉลองหนังได้รางวัลกับฉลองต้อนรับคนกลับมาโสด”

   “หนังนายได้รางวัลเหรอ” ดวงตาเรียบเฉยของจันทร์ทิวา ดูเหมือนจะมีแววแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่เพียงแค่กะพริบตาก็กลับมาเป็นปกติ รอให้ชนวีร์พยักหน้ารับแล้วค่อยถามต่อ “แล้วต้อนรับคนกลับมาโสดนี่คืออะไร”

    หนุ่มตัวอ้วนยักไหล่ ไม่ตอบคำถามแต่ทิ้งทวนไว้ให้ได้คิดแทน “ถ้านายไป นายจะได้คำตอบ เผลอๆ อาจจะได้ ‘ใคร’ กลับมาด้วยก็ได้นะ”

    ชนวีร์มาส่งถึงที่หน้าห้อง ดวงตากลมทอแสงอบอุ่น มือหนายกขยี้ที่เส้นผมเบาๆ เลี่ยงในจุดที่เป็นแผล พอมองหน้าใกล้ๆ แล้วถึงได้เห็นว่าที่ข้างแก้มด้านซ้ายก็มีรอยเล็บของโยษิตาอยู่ด้วย รุ่นพี่ตัวอ้วนยิ้มให้เขา มันทั้งเอ็นดูระคนขอโทษ อันที่จริงแล้วชนวีร์ไม่จำเป็นต้องขอโทษเขาเลย เพราะหากจะย้อนหาคนผิด มันก็เป็นเขาเอง ถ้าเขาเพียงแต่จะยับยั้งชั่งใจไม่เอาตัวเข้าไปพัวพันกับกรณ์ เรื่องบ้าๆ พวกนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น จากนี้ไปเขาควรจะกลับมาอยู่ในที่ของตัวเอง พาตัวออกห่างกรณ์ให้ได้มากที่สุด ทุกอย่างจะได้จบลงเสียที

   “ขอบคุณมากนะครับพี่ แล้วเจอกัน” เขาเป็นฝ่ายเอ่ยลา แต่แทนที่จะรับรู้ ชนวีร์กลับดึงร่างเขาเข้าไปกอด วงแขนอวบใหญ่รัดรอบลำตัว ไม่ได้แน่นหนาจนหายใจไม่ออกแต่ก็อุ่นเหมือนได้กอดกับตุ๊กตา

   “ขอโทษนะลูกเจี๊ยบ พี่ช่วยอะไรนายไม่ได้เลย ปล่อยให้นายถูกกรณ์เอาเปรียบไม่พอ ยังถูกนังบ้านั่นทำร้ายอีก”

    เสียงของชนวีร์สั่นเครือ ดนตร์ส่ายหน้ากับอกหนาๆ นั่นเบาๆ เขาไม่เคยคิดโกรธใครนอกจากตัวเอง “ผมไม่เป็นไรครับ”

    “พี่ขอโทษ” ชนวีร์พูดประโยคเดิมอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยเขาออกจากอ้อมแขน แก้มใหญ่กลมแดงพอๆ กับที่ปลายจมูก

     ดนตร์อมยิ้ม “พี่ไปนอนเถอะครับ เดี๋ยวไปเรียนสายนะ”

    รุ่นพี่ตัวอ้วนพยักหน้า ใช้หลังมือถูจมูกแรงๆ ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินเร็วๆ ไปตามทางเดิน เขารอจนไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์แล้วจึงค่อยกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง ทักทายมิ่งขวัญที่กำลังจะเตรียมตัวเข้านอนเล็กน้อย ดีที่อีกฝ่ายเปิดไฟไว้แค่อ่านหนังสือเลยไม่ทันได้เห็นร่องรอยแห่งการวิวาทตามเนื้อตัวของเขา

    เขาใช้บาดแผลมาเป็นข้ออ้างในการไม่อาบน้ำ แล้วเข้านอนเลย ทันทีที่โคมไฟดับลง เขาก็นึกย้อนไปเมื่อชั่วโมงก่อน ระหว่างทางก่อนที่จะมาหาจันทร์ทิวา ชนวีร์ขอคำตอบเรื่องโยษิตากับอคิราห์ เขาเงียบอยู่นานเพราะตั้งใจจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร ทว่าชนวีร์กลับบอกทุกอย่างแถมข้อมูลยังแน่นยิ่งกว่าเขาเสียอีก

    ‘แม่นั่นน่ะรู้จักกับซันมา 6 เดือนแล้ว ครอบครัวของทั้งคู่ต้องการให้แต่งงานกัน แถมพ่อแม่ของซันยังมีทั้งอำนาจและบารมี ไอ้กรณ์ที่เป็นแค่ลูกเศรษฐีบ้านนอกเลยโดนสวมเขา’

    เขาได้แต่อ้าปากค้าง ไม่กล้าถามหรือค้านอะไร นอกจากรับรู้ไว้เท่านั้น ชนวีร์รบเร้าอีกครั้ง คราวนี้เขาถึงยอมเล่าถึงเหตุการณ์หน้าลิฟต์ในวันที่ทำดอกลิลลี่ตก

    ‘นายมันโง่ชะมัด นี่ถ้าบอกไอ้กรณ์มันเสียตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ต้องโดนตบแบบนี้หรอก’

   ‘ถ้าผมบอกตอนนั้น ยาหยีคงตามไปตบผมถึงห้องเรียน’ เขาพูดติดตลก

   ดนตร์ปิดตาลง บอกให้ตัวเองหยุดความคิดแต่เพียงเท่านี้ มันป่วยการที่จะหวนคิดถึงอะไรอีก เขาตัดสินใจแล้ว...ความรักกับผู้ชายมันมีแต่จะเสียใจ เขาควรเลือกทางที่ถูกต้อง

   มือเลื่อนลงไปที่กระเป๋ากางเกง มันไม่ได้ราบเรียบแต่มีรอยนูนขึ้นมาเล็กน้อย ในนั้นมีแผ่นกระดาษที่ได้มาจากพี่กายเมื่อวันก่อน ในนั้นมีข้อความสั้นๆ ที่เขียนด้วยลายมือน่ารักๆ บอกว่า ‘ฉันชอบพี่นะคะ ต้องตา’

    แต่ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง กลิ่นหอมคล้ายเค้กก็โชยเข้ามาในปอด เจ้า banana chocolate cake ยังคงอยู่ที่ในกล่องเป็นอย่างดีโดยที่ยังไม่ได้แตะต้อง เขาวางมันไว้บนโต๊ะที่ใช้ทำการบ้านติดกับเตียงที่กำลังนอนอยู่ ดนตร์พลิกตัวกลับ ใช้สายตาพร่าเลือนเพราะขาดแว่นเพ่งมอง อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจไม่บอกเรื่องโยษิตากับกรณ์เพราะคนที่ซื้อ banana chocolate cake ให้เขาเป็นคนที่ช่วยเหลือเขาไว้ แต่การที่กรณ์รู้เรื่องนี้จากชนวีร์มันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายจริงๆ

   ดนตร์ปิดตาลงอีกครั้ง โดยมีกลิ่นหอมของเค้กและความร้าวระบมจากบาดแผลช่วยเร่งให้หลับง่ายกว่าเดิม...



    ร้านกาแฟคึกคักตั้งแต่ช่วงเย็น ยิ่งเข้าช่วงฤดูหนาว ผู้คนต่างต้องการหาความอบอุ่นให้ร่างกายมากกว่าปกติ กาแฟร้อนๆ เค้กสักก้อนและร้านอุ่นๆ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ดนตร์รีบเข้าไปเปลี่ยนชุด วันนี้เขาไปเรียนแต่เช้า โดยเลี่ยงการถูกสอบสวนจากเพื่อนรักด้วยการใส่แมส ทำทีเป็นป้องกันฝุ่นละอองในอากาศ ดีที่แผลจากการถูกกระชากผมไม่ได้ใหญ่มาก แค่คืนเดียวก็ดีขึ้นแล้ว แถมผมก็ไม่ได้แหว่งไปเยอะ แทบจะมองไม่เห็นถึงความผิดปกติด้วยซ้ำ ส่วนแผลในส่วนอื่นๆ เสื้อผ้าป้องกันลมหนาวก็ช่วยอำพรางได้อีกชั้น

    ดนตร์เดินไปมา ทั้งรับออร์เดอร์ นำกาแฟและเค้กมาเสิร์ฟ รวมทั้งคิดเงิน การใส่แมสทำงานไม่ได้สร้างความแปลกประหลาด แต่หลายคนก็ถามไถ่เพราะคิดว่าเขาป่วย ดังนั้นคำตอบเดิมที่ใช้กับลลิตาและเมธัสจึงถูกนำมาใช้ ตลอดเวลาที่ทำงาน เขารู้สึกถึงสายตาที่จับจ้อง และเขารู้ว่ามันมาจากที่ไหน หลายครั้งที่หันไปเจอ สายตาคู่นั้นก็จะทำทีเป็นเสมองไปทางอื่น ดนตร์อมยิ้มรู้สึกได้ย้อนกลับไปในวัยมัธยมอีกครั้ง

    จวบจนกระทั่งแขกในร้านเริ่มลดลง งานของเขาก็ซาลงไปด้วย เขาถึงได้มีเวลาพัก แต่ระหว่างนั้นสายตาคู่เดิมก็ยังมองมาเนืองๆ ดนตร์ส่งเงินให้กับพี่กายเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนก่อนจะตรงไปยังโต๊ะตัวที่เจ้าของสายตานั้นนั่งอยู่ ทันทีที่เห็นเขาในระยะประชิด เจ้าตัวก็เบิกตาโพลง พวงแก้มใสระเรื่อจนแดงจัด ใบหน้าน่ารักก้มงุด มือไม้อยู่ไม่เป็นสุข ยกจับปอยผมทัดหูซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น

    “กาแฟเย็นหมดแล้ว เอาอีกแก้วไหม พี่เลี้ยงเอง”

    เจ้าของดวงตากลมโต เงยหน้าขึ้น หน้าตื่นๆ ของเธอน่ารักดีเหมือนกัน “พะ...พี่เพลง”

    เด็กสาวคนนี้ชื่อต้องตาเป็นเจ้าของโน้ตสั้นๆ ที่พี่กายนำมาให้เมื่อวันก่อน เขาเห็นเธอตั้งแต่วันแรกๆ ที่เข้ามาทำงาน เธอจะมีที่นั่งประจำและสั่งแต่เมนูเดิมๆ แค่ลาเต้หวานๆ หนึ่งแก้วกับเค้กวนิลา กินหมดก็กลับไปโดยไม่เคยนัดแนะหรือมากับใคร เครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายทำให้เธอดูเด็กและไร้เดียงสา ผมสั้นแค่คอยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตาแก่ ทั้งที่ความจริงอายุห่างกันแค่ 1- 2 ปี

    ดนตร์เลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอ แล้วแทรกตัวลงไปนั่ง มองใบหน้าที่แดงราวกับมะเขือเทศสุกด้วยความเอ็นดู หลายปีแล้วที่เขาไม่ได้มีแฟน นับตั้งแต่เลิกกับแฟนคนล่าสุดเมื่อหลายปีก่อนด้วยเหตุผลงี่เง่าที่เธอบอกว่าเขาดีเกินไป จากนั้นเขาก็เลยหยุดความรักไว้แค่นั้น จนกระทั่งได้พบกับใครบางคนที่ทำให้เขากลับมาหวั่นไหวอีกครั้ง น่าแปลกที่คราวนี้มันดันเกิดกับเพศเดียวกัน ดนตร์หยุดความคิดไว้เพียงแค่นั้น เพราะเขาตั้งใจแล้วว่าจะเก็บความรักนั้นไว้ให้ลึกสุดใจแล้วกลับมาเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีคนรักเป็นผู้หญิง

    ต้องตาน่ารักแบบเด็กสาววัยรุ่นทั่วไป อาจจะไม่ได้ฉูดฉาดอย่างโยษิตา หรือดึงดูดสายตาเท่าลลิตา แต่ก็สดใสและเป็นธรรมชาติ เส้นผมของเธอเป็นสีน้ำตาล สั้นแค่คอ ดวงตากลมโต ใบหน้าเนียนใสไร้การตกแต่งจากเครื่องสำอาง ริมฝีปากเธอสีสดแต่ค่อนข้างแห้งคงเพราะเจ้าตัวชอบเม้มปาก อย่างตอนนี้ก็ยังทำอยู่ เขาหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู 

    “เอาเป็นนมสตรอเบอร์รี่ดีกว่าเนอะ มืดแล้วกินกาแฟสองแก้วเดี๋ยวนอนไม่กลับกันพอดี” เขาถามอีกครั้ง เจ้าตัวมองกลับมาด้วยดวงตาไหวระริก แต่ก็ยอมพยักหน้ารับ ใบหน้าแดงซ่านลามไปถึงใบหู...น่ารักดี

    นมสตรอเบอร์รี่ที่สั่งไปถูกพี่กายมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง พี่ชายยักคิ้วให้ก่อนจะกลับไปยืนหล่อหน้าเคาน์เตอร์คิดเงินตามเดิม เขามองต้องตากินนมอุ่นๆ กลิ่นหอมๆ อย่างที่เด็กสาวชอบ ต้องตามีอาการเขินอายอย่างเห็นได้ชัด แก้มของเธอแดงตลอดเวลา มือจับปอยผมทัดหลังใบหูบ้าง ถูกับกระโปรงนักเรียนบ้าง

   ดนตร์ระบายยิ้ม นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้มองผู้หญิงแบบนี้ เขาเกือบลืมไปแล้วว่าความรู้สึกแบบที่ผู้ชายมีต่อผู้หญิงเป็นอย่างไร ต้องขอบคุณพี่กายที่ทำให้เขากลับมาเป็นผู้ชายเต็มตัวอีกครั้ง

   “พี่เพลงเอ่อ...ป่วยเหรอคะ” เสียงใสเอ่ยถาม เขามองพวงแก้มซับสีเลือดของเด็กสาว ก่อนจะพยักหน้ารับ ดวงตากลมโตมีแววคล้ายจะเป็นห่วง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก ซึ่งเขาก็พอใจที่มันเป็นเช่นนั้น

    กระทั่งนมเกือบหมดแก้วต้องตาก็สะดุ้งน้อยๆ คล้ายกับเพิ่งนึกอะไรได้ จากนั้นเจ้าตัวก็ดึงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้ แล้วรีบส่งให้เขาด้วยอาการลนลาน

   มันเป็นการ์ดสีชมพูมีกลิ่นหอมลวดลายน่ารักที่มองดูก็รู้ว่าเป็นฝีมือของเจ้าตัว เขาเปิดมันออก ภายในมีรูปของเขาที่กำลังยิ้มกว้างให้กับลูกค้าสักคน ด้านล่างมีข้อความที่เขียนด้วยลายมือว่า ‘รอยยิ้มของพี่เพลงที่น่าหลงใหล’

    “รอยยิ้มของพี่เพลง...หึ ปัญญาอ่อนชะมัด”

    ดนตร์หันขวับ มองหาต้นตอของน้ำเสียงถากถางนั่น แล้วก็ต้องผงะเมื่อพบกับร่างใหญ่หนา แค่เสื้อผ้าที่สวมใส่และกลิ่นคล้ายเมนทอลเขาก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร...กรณ์

     เจ้าของร่างสูงเกินหกฟุตยืดกายขึ้น สอดมือล้วงลงในกระเป๋ากางเกง วางท่าสบายพอๆ กับกวนโทสะ มุมปากยกยิ้มแบบที่เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิด

    “เธอรู้หรือเปล่าว่าส่วนอื่นๆ ของเพลงมันน่าหลงใหลกว่าอีก ทั้งใบหู” ปลายนิ้วยาวแต่แข็งเกลี่ยไล้ที่ปลายติ่งหู เนื่องจากอยู่สูงกว่า กรณ์ยืนค้ำเก้าอี้ที่ดนตร์นั่งอยู่ เด็กหนุ่มตัวแข็งทื่อขณะที่เด็กสาวฝั่งตรงข้ามมีสีหน้าเหมือนเห็นผี “เธอรู้หรือเปล่าที่ปลายติ่งหูของเพลงมีขี้แมลงเล็กๆ ด้วยนะ เซ็กซี่อย่าบอกใครเชียวล่ะ” กรณ์หยุดพูดชั่วประเดี๋ยว แต่นิ้วมือยังเคลื่อนไหวไม่หยุด มันเลื่อนไปถึงช่วงคอขอผ่านรอยทับของสาบเสื้อ “หน้าอกก็สวยนะ น่าจะสวยกว่าของเธอด้วย เอวคอด คงสัก 27-28 ล่ะมั้ง ขาสวยยิ่งกว่าผู้หญิง แต่ที่ฉันชอบที่สุดก็คือ...” เขาหยุดพูดอีกครั้ง ก่อนจะใช้จมูกสูดเอากลิ่นหอมจากผิวกายที่หลังคอขาว “กลิ่นน้ำนมบนผิวของเขา”

     ตึง!

    เก้าอี้ตัวที่ดนตร์เคยนั่งล้มลงด้วยปลายเท้าของกรณ์ ชายหนุ่มโน้มตัวไปด้านหน้าบังคับให้อีกคนต้องอยู่ในท่าเดียวกัน ทิ้งระยะห่างจากเด็กสาวไม่กินหนึ่งไม้บรรทัด “เธออยากจะได้เมียฉันอย่างนั้นเหรอ”

    “....เมีย”

   “ใช่ จะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ แต่ลีลาเพลงน่ะ เด็ดดวงอย่างบอกใครเลยล่ะ โดยเฉพาะตอนที่ฉัน..”

   “พ๊อ!” ต้องตายกมือขึ้นปิดหู ใบหน้าของเด็กสาวแดงจัด ร่างเล็กผุดลุกขึ้นรวดเร็วจนเก้าอี้ล้มลงก่อนคว้ากระเป๋ามากอดแนบอก ดวงตาจ้องมองผู้ชายสองคนและหนึ่งในนั้นคือคนเธอที่ตกหลุมรักทันทีในแรกเห็น เด็กสาวเม้มปากแน่น พี่เพลงของเธอเป็นเมียคนอื่นไปเสียแล้ว! แม้จะเสียดายแค่ไหนแต่มันยากจะทำใจยอมรับได้ เธอทิ้งสายตาที่ทั้งเสียใจและผิดหวังไปที่ดนตร์ก่อนจะสะบัดหน้าพรืดวิ่งหนีไป

    “ต้องตา! เดี๋ยวก่อน!”

    ดนตร์ร้องเรียก แต่ไม่ทันเสียแล้ว ต้องตาหายลับไปจากสายตาในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที ความหวังที่จะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนผู้ชายปกติทั่วไปหมดลงในเวลาไม่กี่นาที ต้องตาอุตส่าห์สนใจผู้ชายธรรมดาอย่างเขา แต่กรณ์กลับทำลายความภูมิใจเล็กๆ ของเขาลงอย่างรวดเร็ว ดนตร์จับแขนใหญ่ออกจากหัวไหล่แล้วพลิกตัวออกอ้อมแขน จ้องเขม็งไปยังตัวการที่ทำให้ทุกอย่างล้มไม่เป็นท่า

    “เป็นบ้าอะไร!”

    “ฉันต่างหากที่ต้องถามนายว่าทำบ้าอะไร” กรณ์ถามกลับ “นายคิดเหรอว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก”

   “ผมจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของผม พี่ไม่เกี่ยว!”

    กรณ์แสยะยิ้ม ฉวยต้นแขนเขาเอาไว้ แต่เขาสะบัดหนีแล้วถอยห่างไปหลายก้าวจนสะโพกติดกับโต๊ะที่ลูกค้ากำลังนั่งอยู่ ถึงตอนนี้ถึงได้สำเหนียกว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในที่รโหฐาน แต่อยู่ในร้านกาแฟที่มีลูกค้าแน่นร้าน พอหันมองรอบๆ ยิ่งอยากจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขากับกรณ์ หน้าของเขาร้อนผ่าว อายระคนโกรธ รีบหันหลังเดินกลับเข้าไปในร้าน แต่อีกฝ่ายก็ยังตามราวีไม่เลิกรา

    “คิดจะหนีไปถึงเมื่อไร เพลง! หยุดเดิน พี่บอกให้หยุดเดินไง! โธ่เอ๊ย ทำไมดื้อนักวะ!”

    ดนตร์เร่งฝีเท้าจนแทบจะเป็นวิ่ง ทว่าช่วงขาที่สั้นเกินไป มันทำให้เขาไม่อาจหนีคนที่ตัวสูงเกินหกฟุตได้ แค่ชั่วอึดใจกรณ์ก็สามารถมายืนขวางหน้าได้สำเร็จ แผ่นอกกว้างสะท้อนขึ้นลงเร็วๆ เขาได้ยินเสียงลมหายใจหนักๆ ที่เจ้าตัวปล่อยออกมา เสี้ยววินาทีที่เงยหน้าขึ้น เขาเห็นแผลที่น่าจะหายแล้วบนหน้าผาก แต่มันกลับเป็นสีชมพูสดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน แถมมันยังขยายขนาดมากกว่าเดิมเสียอีก ทว่าขณะที่กำลังกังวลกับบาดแผลของอีกคน ทั้งตัวของเขาก็ลอยหวือขึ้นอากาศ กว่าจะรู้หน้าท้องของเขาก็พาดอยู่บนหัวไหล่หนาเสียแล้ว ด้วยท่าชวนอาเจียน

   โลกทั้งใบกลับตาลปัตร กรณ์พาดร่างของเขาไว้บนหัวไหล่ รวบขาด้วยมือสองข้าง ที่เขามองเห็นคือแผ่นหลังและพื้น

   “ปล่อยนะ! ปล่อยผมลง!”

    เขาพยายามทุบตีแผ่นหลังกว้างและหนา แต่มันไม่เป็นผล ซ้ำกรณ์ยังแกล้งลงส้นเท้าหนักๆ จนเขาทั้งเจ็บและจุกไปหมด ที่สุดเรี่ยวแรงก็ถดถอย เขายอมให้อีกฝ่ายอุ้มพาดบ่าไปทั้งอย่างนั้น โดยเปลี่ยนจากพยายามดิ้นรนมาเป็นพยายามกลั้นอาเจียนแทน

    กรณ์ยัดร่างเล็กเข้าไปในรถญี่ปุ่นคันใหญ่ที่บิดายอมให้ใช้แทนเฟอร์รารี่ที่ส่งเข้าซ่อมอย่างไม่มีกำหนด เขาไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนในร้านหรือเสียงร้องเรียกจากเพื่อนร่วมงานของดนตร์ เขากำลังโมโหหึง ไอ้เด็กบ้านี่ริจะกลับไปมีแฟนเป็นผู้หญิง ทั้งที่เป็นเมียของเขา

    อาการปวดตุบๆ ที่หน้าผากไม่ได้ทำให้กำลังลดลง เขาแค่เหนื่อยเพราะไม่ได้ออกกำลังกายมาพักใหญ่หลังจากที่นอนพักฟื้นอยู่หลายวัน เขาอ้อนวอนขอคุณหมอยอมให้เขากลับบ้านตามกำหนด เพราะแผลที่โยษิตาสร้างให้ใหม่ทำให้คุณหมอจะไม่ยอมให้เขากลับบ้าน แต่เขายืนยันหนักแน่นว่านอกจากรอยแผลที่กว้างและยาวกว่าเดิมส่วนอื่นๆ ของร่างกายแข็งแรงดีแล้วคุณหมอถึงได้ยอม จากนั้นก็รีบตามหาดนตร์แต่เขากลับต้องผิดหวังเพราะไม่เจอเจ้าตัวที่มหาวิทยาลัยถามจากลลิตาหรือเมธัสก็ไม่ได้ความอะไร สองคนนั่นทำเหมือนป้อมปราการไร้คำพูด ไม่เพียงแต่ไม่พูดกับเขาแต่ยังทำเป็นเมินใส่อีกด้วย ดังนั้นเขาเลยต้องไปขอความช่วยเหลือจากชนวีร์โดยต้องทนให้ไอ้เจ้าอ้วนด่าเขาร่วมชั่วโมงถึงจะยอมบอกว่าดนตร์ทำงานอยู่ที่นี่ ซึ่งมันอยู่ใต้จมูกเขานิดเดียวเท่านั้น คำพูดสุดท้ายของชนวีร์ยังติดอยู่ในหู

    ‘ถ้าแกยอมให้อีผีบ้านั่นทำร้ายเพลงอีก รับรองว่าเพลงจะได้ผัวใหม่แน่นอน’

     เขารู้ว่านั่นไม่ใช่แค่คำขู่ ชนวีร์พูดจริงและทำจริงแน่ๆ เขาไม่ได้รับปากหรือสัญญาอะไร เพราะแค่คำพูดมันเชื่อถืออะไรไม่ได้ เขาขอแค่เวลาเท่านั้น

    แต่ชนวีร์ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ขู่เอาไว้มันเกือบจะเป็นจริงอยู่แล้ว เพียงแต่เจ้าตัวดีไม่ได้จะมีผัวใหม่ แต่กลับจะมีเมียต่างหาก เขาจำดวงตาที่ดนตร์ใช้มองยัยเด็กนั่นได้ติดตา แก้วตาใสเป็นประกายระยิบระยับราวกับเห็นของเล่นถูกใจ ปากคงจะกว้างจนเกือบถึงรูหู ถึงจะมีแมสปิดไว้ก็ตาม เขาโกรธจนได้ยินเสียงลมในหูตัวเอง เพิ่งรู้ว่าลมเพชรหึงมันเป็นเช่นไร ดนตร์ต่อว่าเขาว่าเป็นบ้า โดยไม่รู้หรอกว่าเขาบ้าได้มากกว่านั้นอีก

    รถทะยานไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วพอๆ กับอยู่ในสนามแข่ง เขาเหลือบมองตุ๊กตาหน้ารถอีกครั้ง แมสปิดหน้าหลุดไปแล้ว คงจากตอนที่เขาอุ้มเจ้าตัวพาดบ่า เสี้ยววินาทีที่กำลังจะเบือนหน้ากลับเขาเห็นรอยเขียวช้ำที่มุมปาก

   …ฝีมือโยษิตา...

    ดนตร์ยังคงนั่งเงียบ แต่มีเสียงลมหายใจฟืดฟาดบอกถึงอารมณ์ที่ไม่ปกตินัก เจ้าตัวกระถดตัวไปจนติดกับประตู มือเกาะสายเข็มขัดนิรภัยแน่น ภายในรถคุกรุ่นด้วยความโกรธที่ต่างฝ่ายต่างปล่อยออกมา กรณ์เหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วจนมันเกือบสุด เขาหักพวงมาลัยหลบรถคันอื่นด้วยความชำนาญและน่าเสียวไส้ อุบัติเหตุครั้งก่อนไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัวตายขึ้นมาสักนิด     
   “อยากตายมากหรือไง! ถ้าอยากตายก็ปล่อยผมลงก่อนแล้วเชิญไปตายให้สมใจ!”

    “คนอย่างฉันจะตายแค่บนอกนายเท่านั้น!”

    “ไอ้พี่กรณ์!!”

    ความเร็วของรถไม่ได้ลดน้อยลง ดนตร์เผลอหวีดร้องในจังหวะที่สารถีตีนผีเข้าโค้งแล้วแซงรถคันหน้า ปาดซ้ายแซงขวา มีเสียงบีบแตรตามหลังมาเป็นระยะ

    “จอดรถเลยผมจะลง ผมไม่อยากตาย!”

    “ไม่! นายจะต้องไปกับฉัน จะนรกหรือสวรรค์ก็ต้องไป”

    “ไอ้!”

   “ถ้านายยังเรียกฉันว่าไอ้อีก ฉันจะเอาของฉันให้นายอม!”

    ไม่มีเสียงก่นด่าอีก มีแต่เสียงลมหายใจหนักๆ ออกมาแทน ในรถกลับมาเงียบอีกครั้งแต่บรรยากาศกลับมาคุยิ่งกว่าเดิม...
*****************************

 :hao7:

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
กรณ์ยังร้ายเสมอต้นเสมอปลายเลยนะ น่าจะใจดีกับเพลงขึ้นนิดนึง คิดจะพิชิตใจเค้าแต่บังคับอยู่นั่นแหละ ยาหยีน่าจะเอาให้เจ็บหนักกว่านี้ หมั่นไส้
เพลงอย่าเพิ่งใจอ่อนนะลูก แต่เพลงเริ่มกล้าด่ากรณ์แล้ว  :laugh:

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ฮึ้ยยยย หัวล้อนนนนนน
ขออนุญาตวิบัติเพื่อความสะใจ

อะไรของแกวะะะะ อิพี่กรณ์
ไปไกลๆ จะหาเมียใหม่ให้ลูกเจี๊ยบ!

สงสารต้องตา
นางน่าสนใจอ่ะ
ถ้าได้นางเป็นเมียลูกเจี๊ยบน้องโอเคนะ
ต้องตาจ๋า กลับมาก๊อนนนน

นังยาหยี นังบ้า โว้ยยยยยยยย
หมึดดดด ใจ๋ขึ้นนนนนน
นังผีบ้า นังตอแหลลล โอ้ยยยย

รีบๆ มาต่อเลย ให้ไว โมโหหัวร้อนแล้ววว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอ้ยย อีพี่กรณ์ เพลงกำลังหาเมียใหม่อยู่แล้วเชียว ดันมาถูกจังหวะอีก
สงสารน้องเพลงให้น้องได้มีโอกาสตัดใจบ้างงง  :sad4:
 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ llmaumill

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากอ่านต่อแล้ว สนุกมากๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ rainiefonnie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
กรณ์นี่เลวข่มขืนเพลง ส่วนคนที่เหลือคือผิดเหมือนกันเมาจนเกินลิมิต   เป็นนิยายที่น่ารำคาญดี  ทั้งเพลงทั้งกรณ์ เพลงก็โง่แสนโง่รักคนแบบกรณ์  กรณ์ก็เลวแสนจะเลว  อ่านมา11ตอน  อืมอ่านแล้วหงุดหงิดจริงๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-07-2017 15:16:58 โดย rainiefonnie »

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
Chapter 12 May I in love?


    “ถ้านายยังเรียกฉันว่าไอ้อีก ฉันจะเอาของฉันให้นายอม!”

    ดนตร์กลืนน้ำลายลงคอ ไม่เพียงแต่รักตัวกลัวตายแต่คำขู่เมื่อครู่มันน่าขนลุกน้อยเสียที่ไหน เขาผินหน้าหนีแล้วหลับตาลงปิดกั้นการมองเห็น ถ้าไม่เห็นก็ไม่ต้องรู้ว่าเบื้องหน้ามันน่ากลัวแค่ไหน นานจนเริ่มปวดกระบอกตา เสียงเครื่องยนต์ก็หยุดลง ดนตร์เปิดตาขึ้นอีกครั้ง แต่เขายังไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืด กรณ์เป็นฝ่ายเปิดประตูออกไปก่อนโดยไม่ได้บอกว่าที่นี่คือที่ไหน

    “ออกมา”

    อีกฝ่ายแทบจะตะคอกบอก แต่เขายังทำเฉย รู้ดีว่าการดื้อแพ่ง ต่อต้าน มันไม่ใช่ผลดี ทว่าทิฐิมันก็มีพอๆ กับความหวาดเกรง

   “ฉันบอกให้ออกมาไง!”

    ดนตร์ยังทำเป็นหูทวนลม เบียดตัวกับเบาะแน่นกว่าเดิม มือยึดสายเข็มขัดนิรภัยเอาไว้แน่นราวกับจะใช้มันเป็นปราการป้องกัน

   “เพลง!”

    สิ้นชื่อของเขา หัวไหล่ก็ถูกกระชากอย่างไม่เบาแรงนักจนตัวเลื่อนหลุดจากเบาะที่นั่ง ก่อนทั้งร่างจะลอยหวือเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง แล้วเพียงชั่ววินาทีโลกที่มองเห็นก็กลับพลิกลงด้านล่างอีกครั้ง

   “โอ๊ย! ไอ้พี่กรณ์ ผมเจ็บนะ”

    กรณ์แบกร่างของเขาไว้บนหัวไหล่อีกครั้ง มันเป็นวิธีที่หยุดการเคลื่อนไหวของเขาได้ดีนัก การมองเห็นในมุมมองที่ผิดปกติทำให้อยากจะขย้อนเอาของเก่าออกมา ไหนจะแรงกระแทกจากกระดูกหัวไหล่ที่ทิ่มมาแถวหน้าท้องนั่นอีก แม้อยากจะขัดขืนหรือตอบโต้แทบขาดใจแต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ปิดตาแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายแบกไปอยู่อย่างนั้น

   เขาไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน แต่คิดว่าคงอยู่ในกรุงเทพฯ แค่มันเงียบและค่อนข้างสันโดษ สังเกตจากเสียงแตรรถที่ไม่มีให้ได้ยิน ดนตร์พยายามกลั้นความอยากอาเจียนเอาไว้เต็มกำลังและหักเหความสนใจด้วยการนับหนึ่งถึงสิบ แต่ได้แค่เจ็ดร่างของเขาก็หล่นตุบลงบนเบาะนุ่มเสียก่อน

    ตากลมเบิกโพลง หันมองรอบๆ บริเวณพบว่ามันเป็นห้องขนาดกลาง แทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ นอกจากเตียง เขาได้กลิ่นคล้ายกับสีปะปนอยู่ในอากาศด้วย ขณะที่กำลังจะชันกายขึ้น ร่างหนาใหญ่ก็ทิ้งตัวตามลงมา ช่วงแขนยาวกางกักเขาไว้ ลำตัวแนบชิดจนแทบไม่มีส่วนไหนที่ไม่สัมผัสกัน ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างออกไปไม่ถึงคืบดี มันใกล้เสียจนเขาเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในแก้วตาสีดำ แต่ที่เขาสนใจคือแผลที่หน้าผาก ทำไมมันถึงยังไม่หายและทำไมถึงได้เป็นเยอะกว่าเดิม

    “พะ..พี่กรณ์”

   ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าของชื่อ กรณ์ทำเป็นไม่ได้ยินเขา และยังคงจ้องมองอยู่เช่นเดิม สีหน้าราบเรียบจนติดดุดัน เขารับรู้ได้ถึงความไม่พอใจที่เจ้าตัวปล่อยออกมา จะว่าไปแล้วกรณ์ไม่เคยพอใจอะไรสักอย่าง...ที่เกี่ยวกับเขา กระแสสายตารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับความอึดอัด จนเขาทนไม่ไหวต้องเป็นฝ่ายหันหนีก่อน

   “ทำไม...ไม่อยากมองหน้ากันเลยหรือไง”

    หน้าแบบนั้นใครจะไปกล้ามอง..ดนตร์ค่อนขอด แล้วก็ต้องตกใจเมื่อปลายคางถูกคว้าไว้ ตาคมดุอยู่ใกล้กว่าเดิมเสียอีก

    “อยากจะมีเมียนักหรือไง!” กรณ์ถามลอดไรฟัน ปลายนิ้วกดไปที่ข้างแก้มจนริมฝีปากเผยอออก

    “ก็ผมเป็นผู้ชาย!” ดนตร์สวนกลับ ยึดข้อมือใหญ่เอาไว้

   “แน่ใจ? ลองถามร่างกายตัวเองอีกรอบนะว่ามันเหมาะจะเป็นรุก...หรือเป็นรับ”

   “ผมเป็นผู้ชาย!” ดนตร์ยังยืนยัน เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าตัวเองยังสามารถทำหน้าที่ลูกผู้ชายได้ แค่บางเสี้ยวของความรู้สึกเท่านั้นที่ผิดเพี้ยนไป

   “ผู้ชายก็ผู้ชาย...แต่เป็นผู้ชายที่มีผัวนะ”

    “ไอ้! ปล่อยซิโว๊ย! อย่ามาทับกันแบบนี้ มันอึดอัดไม่รู้หรือไง” คนตัวเล็กกว่าพยศ ทั้งโกรธทั้งเขินจนหน้าแดงเถือกลงไปถึงลำคอ

   กรณ์แสยะยิ้ม กวาดตามองไปทั่วใบหน้าแดงซ่าน สะดุดกับรอยช้ำที่มุมปาก เขารู้ว่านั่นเป็นบาดแผลที่โยษิตาสร้างไว้ น่าจะมีที่ศีรษะอีก เขาเห็นเธอทึ้งผมดนตร์ราวกับจะซักผ้า ตอนนั้นเขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้าอยากจะเข้าไปกระชากตัวโยษิตาออก แต่เพราะไม่อยากให้ทุกอย่างมันแย่กว่าเดิมเลยต้องยอมทนเห็นดนตร์ถูกทำร้าย ไม่ใช่ไม่อยากปกป้องเพราะเขารู้ว่าดนตร์เป็นลูกผู้ชายเต็มตัว นอกจากจะไม่ตอบโต้แล้วยังทนเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวอีกด้วย

    เขาชอบที่ดนตร์เคารพเพศแม่...แต่เขาชอบแบบนี้มากกว่า

    “แค่ฉันไปนอนโรงพยาบาลไม่กี่วัน นายก็แสดงฤทธิ์เดชแล้วเหรอ หรือเพราะมีไอ้เจ้าอ้วนให้ท้ายเลยได้ใจขนาดนี้”

    “ไม่เกี่ยวกับพี่วิน! ปล่อยสักที ผมไม่ชอบ แล้วก็ออกไปจากชีวิตผมได้แล้ว จากนี้ผมกับพี่เราเป็นแค่คนที่เคยรู้จักกันเท่านั้น”

    “ที่ถูก?...ที่ควร?” กรณ์พูดช้า พลางคิดถึงสิ่งที่ดนตร์ต้องการจะสื่อ “อะไรคือถูกและอะไรคือสมควร”

   คนใต้ร่างถอนหายใจยาว ตากลมเรียวหลังแว่นมองเขาตรงๆ “พี่มีพี่ยาหยีอยู่แล้ว พี่ก็ควรเลือกคนที่ถูกต้องและเหมาะสม ส่วนผม...” ดนตร์เว้นวรรค สูดลมหายใจเข้าปอด “ก็ควรกลับไปเป็นเหมือนเดิม”

    “มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้วเพลง”

    กรณ์ถอนหายใจหนักๆ ทุกอย่างมันเริ่มคลอนแคลนตั้งแต่วันที่ได้พบกันที่สนามบาส ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเขาถึงไม่อาจหยุดคิดถึงสายตาตัดพ้อจากเด็กผู้ชายตัวขาวๆ นั่นได้สักที ยิ่งนานวันมันก็เหมือนปรสิตกัดกินพื้นที่ความคิดและความรู้สึก จนแผ่ขยายเป็นวงกว้าง ที่สุดเขาก็ไม่อาจห้ามตัวเองได้อีก เขาปล่อยให้เชื้อปรสิตที่ชื่อดนตร์ทำงานเต็มที่โดยไม่คิดจะป้องกันหรือรักษา

   ...มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้วจริงๆ...

    มือใหญ่คลายจากแก้มนุ่ม ทิ้งรอยแดงไว้จางๆ ผิวของดนตร์ขาวและใสเสียจนมองเห็นเส้นเลือดฝาดบางๆ ใต้ผิวหนัง ถึงรูปร่างจะไม่ได้อรชรอ้อนแอ้น หรือมีสัดส่วนยวนตาเหมือนผู้หญิงแต่เขากลับรู้สึกว่าดนตร์น่าปรารถนาไปทั้งเนื้อทั้งตัว กลิ่นกายหอมคล้ายน้ำนม ที่เขาเคยบอกว่าดนตร์เป็นนักแสดงที่ไม่ได้เรื่องเพราะดวงตาคู่นี้มันฟ้องหมดทุกอย่าง แม้ปากจะบอกว่าเกลียดเขาแต่ตามันไม่ใช่

    ...ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ...

    เด็กคนนั้น...ต้องตา คงไม่ต่างจากเขา ธาวินหรืออริญชย์ ทุกคนหลงติดกับความใสซื่อและความเป็นกันเอง แล้วถ้าหากลองได้ใกล้ชิด ไม่มีใครไม่หลงเสน่ห์ของดนตร์ รวมถึงตัวเขาด้วย

    “...ไม่มีอะไรเหมือนเดิม”

    กรณ์เปิดเผยทุกความรู้สึกผ่านดวงตา มองลึกลงไปในดวงตาอีกคู่ นานจนไม่อาจบอกเวลาได้ ดนตร์ก็เป็นฝ่ายหันหน้าหนี จุดสีแดงเล็กๆ กระจายจากโหนกแก้มแล้วแผ่เป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ลามลงไปถึงลำคอ
 
   ชายหนุ่มผ่อนตัวลง โดยมีเรือนกายแน่นและนุ่มรองรับอยู่ด้านล่าง กรณ์อมยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มที่แก้ม เพิ่งรู้ว่าคำว่าน่ารักมันก็ใช้ได้กับผู้ชายเหมือนกัน...โดยเฉพาะกับผู้ชายที่ชื่อดนตร์

    “อายเหรอ...เมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลย”

   “ไม่ได้อาย! ผม...ผมแค่อึดอัด แล้วก็ปล่อยผม....!!!”

    กรณ์หยุดคำพูดด้วยริมฝีปากของตัวเอง เขาทาบปากลงไปบนกลีบปากนุ่มใช้ฟันขบกัดเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะใช้ลิ้นแตะไปบนรอยแผลที่มุมปากแล้วสอดเข้าไปหยอกล้อกับอีกลิ้น ดนตร์ดิ้นอึกอักแต่ไม่นานนัก เขาใช้ความชำนาญหลอกล่อให้อีกฝ่ายเคลิ้มตามได้ไม่ยาก ดนตร์ตอบโต้กลับมาแม้จะไม่ได้เชี่ยวชาญเท่าแต่ก็ทำได้ดีจนเขาเผลอหลุดคราง เลื่อนมือดึงแว่นน่ารำคาญออก

    เขาแบ่งปันรสฝาดเฝื่อนของบุหรี่ที่เพิ่งสูบไปผ่านปลายลิ้น แล้วดูดเอาความหวานคล้ายขนมเค้กจากอีกฝ่ายกลับมา เป็นการแบ่งปันที่ลงตัวที่สุด

    จูบจนรู้สึกว่าปากสีสดนั่นมันเห่อบวมขึ้นมาถึงได้ยอมผละออก น้ำเหนียวใสไหลซึมที่มุมปาก กรณ์ดูดกลืนมันจนหมดด้วยความเสียดาย เขายันกายขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองหน้าอีกคน ผิวขาวใสบัดนี้แดงเรื่อไปหมด ดวงตากลมปรือปรอย หวานเยิ้ม และเย้ายวน กรณ์เผลอยิ้มในความคิดของตัวเอง ผู้ชายที่ไหนกันจะเย้ายวนได้ แต่ที่เห็นอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่อาจให้คำนิยามได้ ดนตร์อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์จริงๆ

    เขาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไปบนรอยช้ำที่มุมปาก ผิวของดนตร์บางและใสมาก แค่ลงน้ำหนักมือนิดเดียวก็เป็นรอยเสียแล้ว นี่โดนตบมันเลยยิ่งเห็นชัด คงอีกหลายวันกว่าจะหาย เขาโกรธโยษิตาที่ทำให้ดนตร์เจ็บ แต่ก็ชื่นชมที่ดนตร์ไม่ทำร้ายผู้หญิง กรณ์ก้มลงจูบเบาๆ ที่รอยแผลอีกครั้ง เจ้าตัวสะดุ้งยกมือจะผลักเขาออก แต่เขาก็รวบมือเรียวไว้ได้ทัน

    ฝ่ามือที่ไม่ได้นุ่มนิ่มแบบผู้หญิงแต่ก็ไม่ได้แข็งกระด้าง นิ้วของดนตร์เรียวและสวย เล็บสั้นสะอาดเป็นสีชมพู บอกถึงสุขภาพของเจ้าตัว เขามองลึกลงไปในดวงตากลมน่ารัก ขณะที่ริมฝีปากไล่จูบดูดเม้มที่ปลายนิ้วเรียว ใช้ลิ้นกวาดไล้ลากลงไปถึงส่วนโคนแล้ววกกลับ ทำราวกับมันเป็นตัวแทนของบางอย่าง จากนิ้วชี้ ไปที่นิ้วกลาง นาง และก้อย แล้วลากเลยไปถึงกลางฝ่ามือ โดยที่ตลอดเวลาสายตาไม่ได้คลาดเคลื่อนไปที่อื่นเลยแม้แต่วินาทีเดียว

    ดนตร์รู้สึกว่าผิวแก้มจะระเบิดเสียให้ได้ เมื่อลิ้นอุ่นซ่าน เปียกชื้น ดูดกลืนนิ้วของเขา...อย่างเร่าร้อน ไอสัมผัสไหลลึกไปถึงส่วนล่างของลำตัว หน้าท้องเขาขมวดแน่น เลือดในกายร้อนจนรู้สึกได้ บางส่วนตื่นขึ้นทั้งที่ยังไม่ได้แตะต้องด้วยซ้ำ ดวงตาคมที่มองมามันร้อนแรงจนเขาแทบจะละลาย กรณ์จูบไล่ทีละนิ้ว จนถึงกลางฝ่ามือ แล้วยกขึ้นแนบกับใบหน้าหล่อเหลาได้รูป

   หัวใจของเขาเต้นแรงยิ่งกว่ากลองชุด ความตื่นเต้นมีมากพอกับความต้องการที่ปะทุอย่างรวดเร็ว เขาโทษความเชี่ยวชาญของอีกฝ่ายที่ปั่นป่วนก่อกวนจนไม่อาจควบคุมได้...แต่ไม่โทษความโหยหาลึกๆ ที่กำลังเอ่อล้นขึ้นเรื่อยๆ

    บางส่วนด้านหน้ามันโป่งพองดุนดันอยู่แถวหน้าท้อง กรณ์เปิดเผยความปรารถนาอันแรงกล้า ทั้งสายตาและส่วนนั้น เขาอยากจะหันหน้าหนีแต่ความอยากรู้อยากลองมันเรียกร้องให้เขาสบประสานสายตาอยู่อย่างนั้น ไฟร้อนลามเลียไปทั่วร่าง ความต้องการที่ซ่อนไว้เปิดเผยออกมาเรื่อยๆ แท้ที่จริงแล้วเขาเองก็ต้องการกรณ์ไม่แพ้กัน เพียงแต่เขาคิดว่าสามารถควบคุมมันได้

   ..แต่มันก็เป็นได้แค่ความคิด เพราะตอนนี้กรณ์กำลังจะทำให้ตบะของเขาแตก...

   ที่ผ่านมาอีกฝ่ายเร่งเร้าเอาแต่ใจ และไม่เคยใช้สายตาอ่อนเชื่อมแบบนี้หลอกล่อเขา กรณ์ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นสาวน้อยในวัยแรกรุ่น ทั้งขวยเขินแต่ในขณะเดียวกันก็อยากจะริลองรัก กรณ์อมยิ้มแล้วหันหน้าเข้าหาฝ่ามือของเขา ก่อนจะกดจูบลงไปเบาๆ

   “นาย...น่ารักมาก”

   ตัวของเขาร้อนเหมือนโดนไฟเผากับคำชมนั้น ดวงตาคมหวานหยดแต่ก็แฝงด้วยความต้องการ เขาหายใจแรงไม่แพ้อีกคน คำพูดและอาการต่อต้านมันหายไปเหมือนโดนลบเพียงแค่สายตาของกรณ์ที่มองมา เขารู้ว่ากรณ์มีเสน่ห์และหล่อมากแค่ไหน แต่คืนนี้มันมีมากกว่านั้นเป็นเท่าตัว แผลที่หน้าผากไม่ได้ทำให้ความดูดีลดลงเลยแม้แต่น้อย แก้มที่ซูบตอบไป ไรหนวดเขียวเหนือริมฝีปาก ทำให้ดูดิบเถื่อนขึ้น

   “มองแบบนี้อยากโดนดีหรือไง” ริมฝีปากหนาแต่สวยได้รูปขยับถาม เขาไม่รู้หรอกว่าเผลอใช้สายตาแบบไหนมองตอบกลับไป แต่ในหัวของเขาตอนนี้มันมีแต่กรณ์

    “อืม”

   ลิ้นอุ่นดูดปลายนิ้วของเขาอีกรอบ เขาหลับตาลงปล่อยให้เรียวลิ้นหลอกล้อกับนิ้วมือ พอใจกับไอเย็นและสัมผัสอ่อนนุ่ม โดยไม่รู้ตัวสักนิดว่ากระดุมเสื้อเชิ้ตมันถูกปลดจนหมดแถวแล้ว

    ไอเย็นชื้นที่คุ้นเคยเปลี่ยนจากนิ้วมาที่ลำคอแทน ลามมาถึงแถวหน้าอก ดนตร์ลืมตาขึ้นก็เห็นเส้นผมสีดำขยับอยู่ กายสะท้านเยือกด้วยความเสียวเสียดที่ก่อตัวอยู่ที่หน้าท้อง กรณ์กลืนกินหน้าอกของเขาราวกับเป็นทารกน้อย ดนตร์ยกมือขึ้นขยุ้มเส้นผมสีดำ ดึงทึ้งมันเบาๆ ระบายความกำหนัดที่ล้นปรี่ออก แต่มันไม่ได้ผลนัก ส่วนกลางลำตัวขยายตัวฟ้องความน่าอายให้อีกฝ่ายเห็น

    กรณ์เลื่อนศีรษะต่ำลงไปจนถึงแอ่งสะดือ โดยไม่ลืมทำหน้าที่นักชิม ลิ้นอุ่นแหย่เย้า พลางใช้ริมฝีปากดูดเม้มผิวขาวจนเป็นรอยช้ำ นิ้วมือขยับคล่องแคล่วอยู่แถวขอบกางเกง ไม่กี่อึดใจมันก็หลุดลงไปอยู่ที่ปลายเตียงตามด้วยชั้นในสีขาวสะอาด

   “อือ...”

   สะโพกมนยกสูงขึ้นเล็กน้อย ยามที่ฝ่ามืออุ่นร้อนกอบกุม เพียงแต่แตะต้องมันก็ขยายตัว กรณ์อมยิ้มก่อนจะอ้าปากรับมันไว้และทำเหมือนที่เคยทำกับนิ้วมือ

    “อา..”

    ดนตร์ครางกระเส่า สะโพกยกส่ายวน มือทั้งดึงทั้งผลักไสหัวไหล่หนา หน้าท้องบิดเกร็งจนก่อเป็นกล้ามเนื้อน้อยๆ ผิวขาวเริ่มแดง กระทั่งไม่อาจทนไหว น้ำสีขาวก็ล้นทะลึกเข้าสู่โพรงปากของอีกคน..คนที่ตั้งใจปรนเปรอกลืนกินมันทุกหยาดหยดอย่างไม่นึกรังเกียจ รสมันไม่หวานออกจะติดขมด้วยซ้ำแต่ถ้าเป็นของดนตร์ก็ยินดี

    ร่างหนาถอยห่าง แต่ไม่ได้ไปไหน เขาแค่ต้องการจำกัดเสื้อผ้าเกะกะออกจากร่างเท่านั้น ดวงตาคมจ้องมองร่างโปร่งที่นอนระทดระทวยบนเตียงสีอ่อน ใบหน้าน่ารักแดงจัด ตาหรี่ปรือ ผิวขาวยังเหลืออาภรณ์อีกชิ้น เสื้อเชิ้ตสีขาวเปิดอ้า คลอเคลียช่วงแขน ท่อนขาขาวยกขึ้นขดเข้าหากันน้อยๆ ส่วนหน้าอ่อนตัวลงและเปียกชุ่ม

    กรณ์พลิกคนอ่อนแรงคว่ำลง กระซิบบอกให้ยกสะโพกขึ้น ดนตร์ทำตามอย่างว่าง่าย บั้นท้ายขาวเนียนกลมหนั่นแน่นลอยตรงหน้า คนอายุมากกว่าหายใจแรง ก่อนจะลากมือผ่านรอยแยกของก้อนเนื้อ และใช้นิ้วทักทายรอยจีบที่ยังปิดแน่น เขาถ่มน้ำลายที่เจือด้วยน้ำสีขาวลงไปช่วยทำให้มันอ่อนตัวลง ไม่นานนิ้วแรกก็ลอดผ่านเข้าไปได้ ก่อนที่อีกนิ้วจะตามไป ชายหนุ่มกวาดนิ้ววนในนั้น สะโพกกลมสั่นระริก

    เส้นความอดทนใกล้ขาดลงทุกที กรณ์โน้มตัวไปด้านหน้าเอื้อมมืออีกข้างค้นหาบางอย่างแถวหัวเตียงแล้วก็ได้มา เขาใช้ฟันช่วยฉีกซองแล้วรีบครอบมันลงไปในความใหญ่โตที่กำลังขยายขนาดเต็มที่

   มือหนากดลงไปบนแผ่นหลังบาง มือช้อนหน้าท้องสวยยกก้นกลมให้สูงกว่าเดิม ดนตร์แยกขาออกเปิดช่องทางให้กว้างขึ้น กรณ์กัดฟันกรอด มือสั่นไปหมดตอนที่ประคองกายร้อนผ่านทางรักเข้าไป มันขลุกขลักในช่วงแรกแต่ด้วยเครื่องป้องกันที่สวมไว้มันช่วยให้ไหลลื่นได้ดี ชายหนุ่มพ่นลมหายใจหนักๆ เมื่อถูกความอ่อนนุ่มดูดกลืนไปจนหมด

   สะโพกสอบเคลื่อนไหวเข้าออก โดยใช้มือยึดเอวคอดเอาไว้ ตัวของดนตร์โยกไปตามจังหวะที่เขาควบคุม เสียงใสครวญครางขาดห้วง กระท่อนกระแท่น มือขาวกำผ้าปูเตียงแน่น ใบหน้าแนบไปกับหมอนนุ่ม ความต้องการอัดแน่นจวนเจียนจะระเบิด หน้าท้องเกร็งจนเห็นเส้นเลือดโปนไปตามแนวร่างกาย เขามองส่วนหน้าที่หายเข้าไปในร่องสะโพกกลม หน้าอกกระเพื่อมหนักหน่วงอีกไม่นานก็จะถึงขีดสุด...แต่เขายังไม่พอ

    กรณ์ดึงกายจนหลุดจากทางหวาน ดนตร์เอี้ยวตัวหันกลับมามอง นัยน์ตาสีน้ำตาลฉ่ำเยิ้มสะท้อนความสงสัย เขาไม่ตอบอะไรแต่เกี่ยวร่างเล็กกว่าขึ้น รั้งไปถึงปลายเตียงพลันพลิกร่างอีกคน เขายกขาขาวพาดบนหัวไหล่ก่อนจะแทรกกายลงไปอีกครั้ง มือวางบนเตียงโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย ขยับสะโพกรัวเร็วจนดนตร์สั่นคลอนไปทั้งตัว ใบหน้าน่ารักเหยเกตามอารมณ์ เส้นผมสีเข้มตัดกับผ้าปูเตียงสีขาวได้อย่างน่ามอง เขาก้มลงจูบบนหน้าผากเนียนชื้นเหงื่อ โดยที่ความเร็วยังคงเท่าเดิม ดนตร์หอบหายใจแรง ส่วนหน้าตื่นตัวขึ้นอีกครั้ง มือน้อยรูดรั้งของตัวเองไปพร้อมกับการเคลื่อนไหว ไม่นานร่างเล็กก็สั่นเทา ส่วนยอดแดงฉ่ำปล่อยหยาดน้ำไหลผ่านมือขาว กรณ์เม้มปาก กัดฟันโหมสะโพกรัวถี่ กายร้อนเสียดสีเข้าออกรุนแรง จนมาถึงเส้นขอบแห่งความอดทน รีบชักส่วนนั้นออก ดึงพลาสติกเนื้อลื่นออกก่อนปล่อยธารอุ่นร้อนหลั่งรดไปบนหน้าท้องขาว

    เสียงลมหายใจหนักๆ ประสานกัน ตากลมเปิดขึ้น ริมฝีปากแดงฉ่ำเผยอน้อยๆ เนื้อตัวมีรอยรักที่เขาฝากไว้หลายแห่ง แผ่นอกสะท้อนขึ้นลงเร็วๆ ไม่ต่างกับเขา มือขาวยังวางอยู่ที่หน้าท้องของตัวเอง มันเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำทั้งของตัวเองและของเขา กรณ์ยิ้มบางๆ พลางก้มลงไปจูบบนกลีบปากแดง แล้วล้มตัวลงทาบทับอีกร่าง

    “อีกรอบได้ไหม”

(มีต่อ)

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
          ดนตร์มองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ แทบจะทั่วทั้งตัวมีรอยน่าอายกระจายอยู่เต็มไปหมด จะเยอะหน่อยก็แถวลำคอ จากบทรักอันร้อนแรงและยาวนาน ทำให้พอรู้ว่ากรณ์เป็นพวกชอบแสดงความเป็นเจ้าของ เมื่อคืนนี้กรณ์ตีตราจองเขาหลายต่อหลายครั้ง แม้แต่ตอนที่หลับไปแล้วเขาก็ยังรู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ ความวาบหวามมันลามเลียเข้ามาถึงในฝัน พอจะมีสติหน่อยลืมตาขึ้นดู เขาก็ยังเห็นอีกฝ่ายเคลื่อนไหวอยู่บนตัว จนไม่รู้ว่ามันจบลงที่ตรงไหน แต่เมื่อลืมตาตื่นแสงแดดก็สาดใส่หน้าแล้ว ร่างกายปวดร้าวไปหมดโดยเฉพาะส่วนล่าง เศษซากถุงยางที่ใช้แล้ว เกลื่อนพื้น ไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่คั่งค้างอยู่ภายในอีก

   เขาต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการพาสังขารเข้ามาในห้องน้ำ กว่าจะกวาดกวักเอาน้ำไม่พึงประสงค์ออกได้ก็เล่นเอาน้ำตาแทบไหล พอเห็นสภาพตัวเองในกระจกเลยยิ่งอยากร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ เขาเหมือนทหารในสนามรบมากกว่าคนที่เพิ่งลงมาจากเตียง เขาวักน้ำล้างหน้าอีกครั้ง แล้วออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูพันสะโพกไว้ลวกๆ

    “จะยั่วกันแต่เช้าหรือไง”

   น้ำเสียงงัวเงียทักทาย หน้าของเขาร้อนวูบวาบ นึกอยากจะหาอะไรปาใส่หน้า ดนตร์หันหลังให้ทำเป็นไม่สนใจสายตาลามเลีย ที่แสดงออกโต้งๆ ว่าคิดอะไร แต่ถึงจะหันหลังหนีแล้วเขาก็ยังรับรู้ถึงแรงปรารถนาที่แผดเผา เขาก้มลงเก็บเสื้อผ้าตัวเองที่วางปะปนกับถุงยางอนามัย คราบคาวสีขาวตกค้างในถุงสร้างความอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี กรณ์เหมือนคนอดอยากปากแห้งไม่ได้นอนกับใครมาหลายปี ทั้งที่ครั้งล่าสุดที่นอนกับเขาก็เมื่อไม่นานมานี้เอง

    เขาคว้าชั้นในได้รีบสะบัดให้มันคลายตัวแต่ยังไม่ทันใส่ เอวก็ถูกรวบจากด้านหลัง ผิวกายอุ่นซ่านแนบชิดลงมา ปากและจมูกร้อนๆ กดที่ข้างแก้มแล้วไล่ต่ำมาลำคอ ดนตร์หดคอหนี อีกฝ่ายเลยเปลี่ยนไปที่ท้ายทอยแทน

    “อื้อ...พอซะที นี่มันเช้าแล้วนะ”

    คนด้านหลังชะงักไปเล็กน้อย “ใครว่าเช้า นี่มันเที่ยงแล้วต่างหาก”

    ยิ่งพูดก็ยิ่งแย่ เมื่อคืนนี้พวกเขาร่วมรักกันตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนเข้าวันใหม่ คงเพลียหนักถึงได้ตื่นเอาเกือบเที่ยง กรณ์ยังไม่เลิกรุกราน ไรหนวดเคราที่ยาวกว่าเดิมครูดไปบนผิวขาวจัดสร้างรอยแดงปนแสบนิดๆ ให้ จมูกโด่งไต่สูงมาที่กกหู แล้วใช้ปากงับที่ติ่งหูนิ่มเบาๆ แต่เพียงแค่นั้นร่างกายของดนตร์ก็ทนไม่ไหว สองขาอ่อนแรงจนต้องเอนกายกับอกแกร่ง

   คนโตกว่ายิ้มพอใจ ไล่จูบไปทั่วแผ่นหลังเปียกชื้น กลิ่นหอมของสบู่คล้ายกับกลิ่นกายหอมน้ำนมกระตุ้นความต้องการที่ปลดปล่อยไปแล้วหลายต่อหลายครั้งให้ตื่นขึ้น กายร้อนตั้งชันเพียงแค่เห็นผิวขาวผ่องแต่งแต้มรอยรักที่เขาฝากไว้ กรณ์กดแผ่นหลังเนียนให้ต่ำลง มือลากไปถึงร่องสะโพก ขาเพรียวแยกจากกันเล็กน้อย พอมองเห็นรอยจีบที่แดงช้ำจากการใช้งานหนัก เขาก้มลงจูบไปบนก้อนเนื้อกลมก่อนจะใช้ลิ้นช่วยทำให้มันอ่อนลง ดนตร์ครางอืออา ค้อมร่างต่ำลง มือยันกำแพงเพื่อช่วยพยุงกาย กรณ์ประคองกายแข็งชำแรกผ่านความนุ่มนวล

   ชายหนุ่มเคลื่อนไหวสะโพกเชื่องช้า มือยึดก้นกลมพลางก้มลงสูดดมกลิ่นหอม ลากลิ้นชิมรสผิวหนังขาวสะอาด ร่างกายตื่นตัวอย่างเร็ว ความต้องการไม่เคยลดน้อยลง มีแต่จะมากขึ้นทุกนาที กรณ์เพิ่มจังหวะเร็วขึ้น มองดูส่วนนั้นของตัวเองถูกดนตร์กลืนกิน ใจเต้นรัวในอก หน้าท้องเต็มไปด้วยความปรารถนาที่อัดแน่น การสอดใส่โดยไร้การป้องกันคงทำให้ดนตร์เจ็บไม่น้อย เขาได้ยินเสียงสูดปากแทรกมากับเสียงลมหายใจหนักๆ  กรณ์เร่งสะโพกจนอีกคนตัวคลอน บางจังหวะเสยสอดลึกกระทบกับจุดด้านใน คนตัวเล็กกว่าหวีดร้องลั่น ริมฝีปากหยักหนายิ้มเหยียดพอใจ แกล้งกดซ้ำๆ ลงไปในจุดนั้นอีกหลายที ดนตร์ตัวสั่นและกระตุกรุนแรง ลาวาร้อนสีขาวขุ่นไหลพุ่งโดยที่ไม่ได้แตะต้องด้วยซ้ำ    

   มือใหญ่รวบเอวคอด ยกร่างโปร่งขึ้นจนแผ่นหลังแนบกับหน้าอกตัวเอง แล้วรัวสะโพกใส่แบบจับจังหวะไม่ได้ ดนตร์ครางไม่หยุดด้วยความเสียวกระสันที่ถูกเติมอย่างต่อเนื่อง เด็กหนุ่มเอียงหน้าเข้าหา ริมฝีปากอ้าเผยอเพื่อช่วยระบายลมหายใจ กรณ์ไม่อาจทนต่อกลีบปากแดงฉ่ำนั้นได้ เขาดูดกลืนมัน สอดลิ้นเกี่ยวพันเพิ่มความหฤหรรษ์ ไม่นานสิ่งที่กักเก็บมาหลายชั่วโมงก็พังทะลัก ตัวของเขาสั่นไปหมดตอนที่ปล่อยหยาดน้ำข้นหลั่งรินในกาย บางส่วนไหลย้อนออกมาเปื้อนช่วงขาขาวจัด

   ดนตร์หอบหายใจแรง มือคว้าต้นคอเขาแน่น ส่วนหน้าปล่อยออกมาอีกครั้ง

   กรณ์ช้อนร่างเล็กกว่าไว้ในอ้อมแขนแล้วกลับเข้าไปในห้องน้ำ เริ่มบรรเลงบทรักภายใต้สายน้ำ บทแล้วบทเล่า...


    “เออ รู้แล้วน่า เดี๋ยวพาไป! พูดมากจริงไอ้อ้วน! กำลังจะกิน แค่นี้นะ”
    ดนตร์เหลือบมองร่างสูงที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์จากชนวีร์ ฟังจากบทสนทนาเมื่อครู่รุ่นพี่ตัวอ้วนคงถามถึงเขา ถ้ามีแรงมากกว่านี้เขาคงโทรกลับไปรายงานเองแล้ว แต่ตอนนี้แค่จิ้มสเต็กตรงหน้ามากินยังทำได้ยากเลย ร่างกายอ่อนเปลี้ยไปหมด ที่มานั่งบนโต๊ะกินข้าวได้เพราะมีคนอุ้มมา

    หน้าของเขาเห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงสาเหตุที่ทำให้กลายเป็นคนไร้เรี่ยวแรง กรณ์ยิ่งกว่าคนตายอดตายอยาก ตระกุมตระกรามกับร่างกายของเขาราวกับอาหารจานโปรดก็ไม่ปาน หลังจากจบศึกบนเตียงรอบสุดท้ายเขาก็หลับเป็นตาย ตื่นมาอีกทีตอนที่ท้องร้องขออาหาร แต่ก็ปวดเมื่อยจนแทบขยับตัวไม่ได้ รู้สึกถึงอุณหภูมิในร่างกายมันสูงกว่าปกติ ปากแห้ง โชคดีหน่อยที่ส่วนนั้นถูกทำความสะอาดแล้ว

    ดูเหมือนว่าตัวต้นเรื่องจะรู้ ทันทีที่รู้ว่าเขาตื่นแล้วก็รีบกุลีกุจอเข้ามาถามไถ่อาการ แต่เขาไม่เหลือกำลังจะตอบคำถามใดๆ ได้แต่ส่ายหน้าไปมา กรณ์หาเสื้อผ้าให้เขาสวม ซึ่งก็เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวเก่าๆ ของตัวเอง แต่หลวมและยาวไปหน่อยด้วยขนาดรูปร่างที่ต่าง เขาปล่อยให้กรณ์พับแขนเสื้อให้ แล้วถามเขาว่าหิวไหม คราวนี้เขาพยักหน้ารับ

    เขาขัดขืนเล็กน้อยตอนที่ถูกช้อนตัวอุ้มเข้ามาในห้องครัว โต๊ะเล็กๆ สีขาวไร้การประดับตกแต่งใดๆ เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ที่เห็นผ่านตา กรณ์บอกให้เขานั่งรอขณะที่ตัวเองหันกลับไปทำอะไรบางอย่างที่หน้าเตาทำอาหาร ไม่นานก็ได้สเต็กเนื้อแกะหอมๆ มาวางบนโต๊ะสองจาน นม น้ำส้ม ไวน์ขาว และขนมปังปิ้งอีกสี่แผ่นพร้อมเนย ทุกอย่างดูน่ากินไปหมดแต่ยังไม่ทันได้กินกรณ์ก็ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์เสียก่อน

    “กินเองได้ไหม” เมื่อเสร็จจากการสนทนาอีกฝ่ายก็เอ่ยถาม เขาอยากจะพยักหน้าแต่แรงยกแขนมันไม่มีจริงๆ เลยต้องสั่นหน้าเบาๆ ตอบกลับไป

    กรณ์ไม่ได้แสดงความหงุดหงิดใดๆ แถมยังช่วยหั่นเนื้อแกะให้พอดีคำแล้วส่งให้ เขารับมันไว้ด้วยความยินดียิ่ง รสหวาน เนื้อสุกกำลังดี กระตุ้นความหิวให้มากกว่าเดิม เคี้ยวไม่กี่ทีก็หมด อ้าปากขอใหม่เหมือนลูกนกรออาหารจากแม่นก ใช้เวลาไม่นานทั้งสเต็กเนื้อแกะ ขนมปัง นม น้ำส้มก็หมดลง กรณ์กินในส่วนของตัวเองไปเล็กน้อยแล้วยกที่เหลือให้เขา ไวน์ขาวไม่ได้แตะต้องเพราะกรณ์ไม่อนุญาต พออาหารตกถึงท้องก็เริ่มมีแรงแต่ยังปวดเมื่อยตามเนื้อตัวโดยเฉพาะส่วนล่าง มันร้าวระบมเพราะผ่านศึกหนักมา

   “กินยานะ”

   ดนตร์เบ้หน้า ไม่ชอบรสขมๆ ของยานัก ทว่าปฏิเสธไม่ได้ ถ้าไม่กินยาก็จะไม่หาย เขาไม่อยากขาดเรียนอีกแล้ว...พูดถึงเรื่องเรียนก็นึกขึ้นมาได้ วันนี้มีนัดส่งรายงานของอาจารย์เกลือเรื่องบทภาพยนตร์เกี่ยวกับงานศิลปะ เขาทำท่าจะลงจากเก้าอี้แต่แค่ขยับขาก็ต้องซี๊ดปาก ด้านหลังมันเจ็บร้าวยาวขึ้นมาถึงกระดูกสันหลัง

    “จะทำอะไร เดี๋ยวก็อักเสบหรอก”

   กรณ์ดุ แล้วรีบเข้ามาประคอง “ผม..มีรายงาน”

   “ส่งให้แล้ว”

   “ห๊ะ...”

   “ของอาจารย์เกลือใช่ไหม ส่งให้ตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว”

   “ได้..ยังไง”

   คนโตกว่าถอนหายใจ “ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับนายแล้วฉันไม่รู้หรอกนะ ส่วนที่เหลือก็ทำให้แล้ว อาจจะไม่ดีเท่าไรแต่ก็ดีกว่าไม่มีส่ง ฉันให้ยีนส์มาเอาไปส่งให้ แล้วก็ลาหยุดให้นายแล้วเรียบร้อย”

    เขามองผู้ชายตรงหน้า ดวงตาคมมีแววตำหนิบ้างแต่ก็เจือไปด้วยความห่วงใย เขาไม่รู้หรอกว่ากรณ์ตามสืบเรื่องจุกจิกเล็กน้อยพวกนี้ได้อย่างไร แล้วก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่ก็ตื้นตันที่ได้ยิน เขาก้มหน้าลงไม่อยากเปิดเผยความยินดีให้อีกฝ่ายเห็น

    “เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปงานปาร์ตี้ฉลองหนังของไอ้อ้วนกัน หนังมันรับรางวัลรู้แล้วใช่ไหม”

    ดนตร์พยักหน้า จำได้ว่าชนวีร์ชวนพี่ทิวไปร่วมงานเลี้ยงฉลองด้วยกัน ได้แต่หวังว่าอาการหลังผ่านสงครามบนเตียงจะดีขึ้น เขาไม่อยากตกเป็นขี้ปากใคร

    ไม่นานหลังจากจบมื้อแรกของวันตอนสี่โมงเย็น เมธัสก็ส่งข้อความห่วงใยมาให้ แล้วยืนยันในสิ่งที่กรณ์พูดด้วยการถ่ายรูปปกรายงานบทภาพยนตร์มาให้ แถมยังบอกอีกว่าข้อมูลด้านศิลปะของเขาดีมากอีกด้วย แน่นอนว่ามันเป็นส่วนที่กรณ์เพิ่มเติมลงไปให้

    กรณ์ทิ้งเขาไว้ในห้องโล่งๆ ที่ไม่มีอะไรสักอย่างแม้แต่ทีวีสักเครื่อง มีแค่ขวดน้ำตั้งอยู่กลางห้องกับโซฟาเก่าๆ ที่เขานั่งอยู่ เขาเพิ่งสังเกตว่าสถานที่ที่กรณ์พาเขามามันเป็นบ้านสองชั้นขนาดกลาง และไม่มีการตกแต่ง มีแค่โต๊ะไม้  และเตียงในห้องนอน มีกลิ่นสีเจือมาในอากาศเป็นระยะๆ แต่ที่น่าสนใจคือภาพวาดที่แขวนรอบบ้าน แต่ไม่ค่อยจะเป็นระเบียบนัก ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่าเป็นฝีมือของใคร เขาจำสายเส้นได้...มันเป็นภาพที่วาดโดยกรณ์ทั้งหมด

    เขาส่งข้อความไปหาพี่พายเพื่อขอลางานอีกวัน หวั่นใจว่าอาจจะโดนไล่ออกในเร็ววันนี้ เพราะเพิ่งทำงานได้ไม่กี่วันก็ลางานเป็นว่าเล่น แต่สภาพเขาในตอนนี้มันทำอะไรไม่ได้จริงๆ ได้แต่นั่งเฉยๆ เท่านั้น แม้จะไม่มีไข้อย่างที่นึกกลัวแต่ก็ระบมชนิดที่แค่เดินยังขาสั่น

    กรณ์กลับมาพร้อมกับหอบอุปกรณ์วาดรูปมาด้วย เขานั่งมองหนุ่มคณะสถาปัตย์ที่กำลังกางสมุดเล่มใหญ่ ในนั้นมีรูปที่ร่างด้วยดินสอ บนโต๊ะเตี้ยๆ ที่อยู่ไม่ห่างจากเขานัก ชะเง้อมองอยู่หลายรอบก็เดาไม่ออกว่าเป็นรูปอะไร แต่การที่ได้เห็นนิ้วมือสวยๆ เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วบนแผ่นกระดาษมันก็เพลินดีไม่น้อย

   ถึงจะแอบมองมาเกือบปี แต่ก็ไม่เคยเห็นกรณ์ในโหมดนี้มาก่อน เขารู้แค่ว่ากรณ์มีฝีมือวาดรูประดับรางวัล ได้เห็นผลงานบ้าง แม้จะไม่มีความรู้ด้านศิลปะแต่รูปที่กรณ์วาดก็สวยงามและมีเอกลักษณ์ มันอ่อนช้อยแต่ก็แฝงไปด้วยความหนักแน่น กรณ์ก้มหน้าจนเกือบจะติดกับแผ่นกระดาษ ดินสอขยับอยู่ตลอดเวลา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างคนใช้ความคิด เขาเพิ่งสังเกตอีกอย่างหนึ่งว่า วันนี้กรณ์ไม่ได้แต่งตัวหล่อเนี๊ยบเป็นเจ้าพ่อแฟชั่นอย่างที่เคยเห็น

    กรณ์สวมเสื้อยืดสีขาวเก่าๆ คอย้วยจนถึงหัวไหล่ กับกางเกงวอร์มสีดำ ผมที่ไม่ได้เซ็ทมีคาดผมสีดำคาดทับไว้ เขาเห็นแผลที่ยังไม่หายดีพาดยาวจากตีนผมถัดจากคิ้วซ้ายลงมาหนึ่งนิ้ว ลากยาวไปถึงหน้าเกือบกลางหน้าผาก เนื้อสดย่นไปตามรอยเย็บของไหม แผลเป็นสีชมพูแม้จะไม่มีเลือดไหลออกมาแต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้ เจ้าตัวเผลอหลุดเสียงจิ๊ปากออกมาหลายครั้ง ทำท่าจะใช้นิ้วจิ้มแผลอยู่ก็หลายที คงจะเจ็บแผลหรือไม่ก็อักเสบ เขามัวแต่ห่วงอาการของตัวเองจนลืมไปเลยว่ากรณ์เองก็มีแผลที่น่าเป็นห่วงด้วยเหมือนกัน...อาจจะมากกว่าเขาด้วยซ้ำ

    “พี่...กินยาหรือยัง”

    ตาคมช้อนขึ้นจากหน้ากระดาษ แก้วตาสีดำฉายแววสงสัย เขาเลยทำท่าชี้ไปที่หน้าผาก เจ้าตัวส่ายหน้าแต่คิ้วยังขมวดเป็นปม เขาเดาว่าน่าจะเจ็บแผลมากกว่าห่วงงาน กรณ์กลับไปทำงานต่อ คงเพราะหยุดเรียนไปหลายวัน เลยต้องเร่งทำงานส่ง ไหนจะมาทำให้เขาอีก

    ดนตร์มองรอบๆ ห้องอีกครั้ง คราวนี้เขาเห็นถุงพลาสติกสีขาวที่วางปะปนอยู่กับกองอุปกรณ์วาดรูปที่กรณ์หอบมา ตัวอักษรสีเขียวพิมพ์ชื่อโรงพยาบาลที่กรณ์ไปนอนรักษาตัว เขาสูดหายใจระงับความเจ็บปวดที่ช่วงล่าง ค่อยๆ เดินไปที่ถุงยา แล้วย่อตัวนั่งพยายามให้กระทบกระเทือนน้อยที่สุด กรณ์เลิกคิ้วมองด้วยความสงสัยแต่เขาทำเฉย ในถุงมียาอยู่เกือบ สิบห่อ รวมไปถึงอุปกรณ์ทำแผลที่เจ้าตัวน่าจะซื้อมาเองมากกว่า เขาเดาว่ากรณ์คงไม่อยากกลับไปโรงพยาบาลอีกรอบเลยเลือกที่จะทำแผลเอง ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่น่าดีนัก

    เขาเลือกยาที่กินหลังอาหารมาวางใส่ฝ่ามือ นับได้เจ็ดเม็ดพอดี ดนตร์ยื่นมือไปจ่อที่ปากของคนเจ็บ กรณ์หยุดมือลง แล้วเหลือบตามองเขา

   “อะไร”

   “กินยาไง แผลพี่ยังอักเสบอยู่ไม่ใช่เหรอ”

   “ห่วงตัวเองก่อนเถอะ” กรณ์ย้อนกลับ แล้วค่อยอ้าปาก

    ดนตร์ขมวดคิ้วน้อยๆ เขาแค่ส่งยาให้ ไม่ได้คิดจะป้อนให้เสียหน่อย แต่ก็ป่วยการจะเถียงเลยจับยาในฝ่ามือใส่ปากคนตัวโต ก่อนที่ยาเม็ดสุดท้ายจะวางลงในลิ้นข้อมือของเขาก็โดนยึดเอาไว้ ลิ้นอุ่นเปียกตวัดเลียที่นิ้วมือ เขารีบชักมือหนี หน้าร้อนผ่าวกะทันหัน

    “หวาน” นัยน์ตาคนพูดระยิบระยับจนอยากควักทิ้งนัก

    “ยาบ้าอะไรหวาน” เขาแสร้งแหวใส่ แล้วหันไปคว้าขวดน้ำส่งให้

    กรณ์กลืนก่อนจะหันกลับไปทำงานต่อ พอมาอยู่ตรงนี้เขาถึงได้เห็นว่าที่กรณ์กำลังวาดเป็นภาพคล้ายกับฉากของบางอย่าง แต่ออกจะอยู่เหนือจินตนาการคนไร้ความสามารถด้านศิลปะอย่างเขาไปเสียหน่อย ที่ดินสอกำลังก่อร่างมันเหมือนปลาวาฬ แต่เป็นปลาวาฬที่ลอยอยู่ในอากาศ ไอเดียของกรณ์มันยากแท้จะหยั่งถึงจริงๆ

    แผลที่เพิ่งเย็บได้ไม่นานเป็นสีสดและค่อนข้างน่ากลัว เขาเผลอยกมือขึ้นแตะไปบนรอยช้ำ กรณ์ผงะหนีท่าทางจะเจ็บไม่น้อย

   “ทำไมยังไม่หายล่ะ แถมยังยาวกว่าเดิม”

    กรณ์ส่ายหน้ายังคงไม่ยอมตอบคำถามเหมือนเดิม แต่คราวนี้เขาไม่ยอม ใช้มือล็อคหน้าอีกฝ่ายเอาไว้ ไรเคราที่ยังไม่ได้รับการกำจัดมันทิ่มฝ่ามือชวนจักกี้เล็กน้อย

   “บอกมา ไม่อย่างนั้นผมจะเอานิ้วจิ้ม” เขาขู่

   “อยากรู้?”

    “อืม”

    “เพราะฉันคิดถึงนายมาก จนต้องเอาหัวโหม่งกำแพง”

   “โกหก” ดนตร์ย่นจมูก

   คนตัวโตถอนหายใจเสียงดัง “ฉันทำมันเองจริงๆ เลิกจับหน้าฉันสักทีเดี๋ยวส่งงานไม่ทัน”

   “ขอ 5 นาที”

   “ทำไม”

    เขาตีมึนไม่ตอบคำถามบ้าง แต่หันไปคว้าอุปกรณ์ทำแผลในถุงขึ้นมาวางบนตัก จัดการเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์แล้วกดไปรอบแผลอย่างเบามือ กรณ์สะดุ้งสุดตัวหันหน้าหนี สูดปากร้องเสียงดังจนเขาหลุดขำ พอเห็นก็ทำตาดุใส่ แล้วก็กัดฟันทนกับความเจ็บแสบจนเขาทำความสะอาดเสร็จ จากนั้นก็ใช้ยาแต้มไปบนรอยเย็บ ภาวนาให้แผลหายในเร็ววันและไม่กลายเป็นแผลเป็น

    “น่ารัก”

   คิ้วหนาสวยเลิกสูง เมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าก็พูดขึ้น ตาคมพราวระยับ เขาทำทีเป็นเก็บยาลงในถุง แต่พอหันกลับมากรณ์ก็ยังใช้สายตาแบบเดิม

   “ไหนว่าจะส่งงานไม่ทันไง” เขาเบี่ยงประเด็นความสนใจ กรณ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่หัวเราะในคอเท่านั้น

    เวลาผ่านไปเรื่อยๆ กรณ์ยังคงก้มหน้าก้มตาอยู่กับงานของตัวเอง ส่วนเขาก็นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ พอเบื่อก็ล้มตัวลงนอน เพราะขี้เกียจหาที่นอนใหม่ จากนั้นไม่นานความอ่อนเพลียก็พรากเอาสติหลุดลอยออกไป รู้สึกตัวตื่นอีกทีตอนที่ได้ยินเสียงของใครบางคนดังอยู่ใกล้ๆ หู

   “หลับไปแล้ว อืม สบายดี นี่ก็เพิ่งทำแผลให้ฉัน เปล่า ไม่ได้ร้องไห้ ตกลงแกเป็นรุ่นพี่หรือพ่อมันวะ ห่วงหนักขนาดนี้ เออๆ รู้แล้ว พรุ่งนี้ก็ไปเรียนได้แล้ว แค่นี้นะ ฉันจะพามันไปนอน”

    ดนตร์ลืมตาแป๋วตอนที่ใครคนนั้นวางโทรศัพท์ลงกับพื้น จากนั้นก็ค้นพบที่ที่นอนอยู่ไม่ใช่บนพื้นแต่เป็นตัก กรณ์ก้มหน้าลงมาพอดี จมูกเกือบจะชนกับหน้าผากอยู่รอมร่อ พอเห็นว่าเขาไม่ได้หลับอยู่ก็รีบเงยหน้าขึ้น

    “ไง ตื่นแล้วเหรอ”

    ไอร้อนเผาที่สองแก้ม เขารีบเอาศีรษะออกจากตักแข็งๆ ไม่รู้ว่าเผลอเอาหัวไปหนุนนอนตั้งแต่เมื่อไร แต่เพราะขยับตัวเร็วเกินไป ด้านล่างเลยเจ็บแปล๊บ

   “โอ๊ย!”

    “เป็นอะไร!”

    ดนตร์ส่ายหน้าเบาๆ  จะไปกล้าบอกได้อย่างไรล่ะว่าเจ็บช่วงล่าง แค่นี้ก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว ได้แต่ดึงชายเสื้อให้คลุมต้นขา

   กรณ์ถอนหายใจหนักๆ มองเด็กปากแข็งที่นั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆ ใบหน้าขาวซีดลงไม่บอกก็รู้ว่ากำลังเจ็บ เขารู้ว่าดนตร์เจ็บที่ส่วนไหนเพราะก่อนจะลุกขึ้นมาเตรียมสเต็กเขาก็ทำความสะอาดตรงนั้นให้ เลยเห็นมันบวมแดงแค่ไหน ได้แต่โทษตัวเองที่ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ แต่สาบานได้ว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกกับใครรุนแรงเท่านี้มาก่อน จำไม่ได้ว่าเขาร่วมรักกับดนตร์ไปกี่รอบ เปลี่ยนท่าไม่รู้กี่ที เด็กนี่ก็เหลือใจให้ทำอะไรก็ไม่ขัด ตอบสนองเขาอย่างน่ารัก แล้วอย่างนี้ใครจะไปทนไหว

   หลังจากจบรอบแรก เขาตื่นก่อนเลยเห็นอีเมลล์ที่นักรบส่งมาให้เรื่องรายงานของดนตร์ที่ต้องส่งในวันนี้ พร้อมกับไฟล์งานที่ยังทำค้างอยู่ เดาว่าเจ้าเด็กตาโตที่ชื่อเมธัสคงไปดึงมาจากโน้ตบุ๊กของดนตร์ เขาอ่านมันแบบลวกๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นบทภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับงานศิลปะ ดนตร์ทำได้ไม่เลวนักแต่ยังไม่เสร็จ เขาเลยใช้ความรู้ที่มีอยู่ในหัวช่วยเติมลงไปจนมันสมบูรณ์ ไม่รู้หรอกว่าคะแนนจะเป็นอย่างไร แต่ดนตร์ก็มีรายงานไปส่งอาจารย์เกลือได้ทันเวลา แม้เจ้าตัวจะไม่ได้ไปส่งด้วยตัวเองก็ตาม เพราะเขาให้เมธัสจัดการปริ้นท์และเย็บเล่มส่งให้ โดยมีค่าตอบแทนเป็นอาหารสุดหรูในโรงแรมกลางกรุงเทพฯ ที่พ่อเขาถือหุ้นอยู่

    พอเสร็จก็กลับลงมานอนอีกรอบ แล้วดนตร์ก็ตื่น เขาเองก็พลอยตื่นไปด้วยเพราะได้ยินเสียงน้ำไหลในห้องน้ำ แล้วก็ต้องตื่นเต็มตาเมื่อเห็นร่างโปร่งบางเกือบเปลือยเนื้อตัวพราวด้วยหยดน้ำ ความต้องการหลั่งไหลพรั่งพรูจนเกินควบคุม แต่ก็อีกนั่นแหละ เขาโทษดนตร์ที่ยั่วกันมากเกินไป

    และเพราะความต้องการที่อัดล้นเลยทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บตัว ดีที่เขามียาแก้อักเสบติดไว้ ดนตร์เลยไม่ได้ป่วยหนักเหมือนอย่างที่นึกกังวล แต่ด้านหลังคงต้องหยุดพักไปอีกสักระยะ ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะทนไหวหรือเปล่า เพราะดนตร์เซ็กซี่เหลือเกิน...แม้แต่ในตอนนี้

   เรือนกายโปร่ง มีแค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวใช้เป็นอาภรณ์ ส่วนของเจ้าตัวเขาเอาลงไปซักให้แล้ว ผ้าเนื้อบางแทบปกปิดอะไรไม่ได้นัก แสงไฟส่องผ่านร่างจนมองเห็นยอดอกรำไร ช่วงเอวคอดเล็ก สะโพกตึง บั้นท้ายกลมแน่น ช่วงขาเรียวขาว ดนตร์เป็นผู้ชาย แต่กลับไม่มีขนหน้าแข้งให้รำคาญสายตา ผิดกับเขาที่มีขนยุบยับเหมือนลิง

   เจ้าตัวนั่งพับเพียบเรียบร้อย ชายเสื้อเลยสะโพกลงมาเล็กน้อยปิดส่วนหน้าได้พอดี แต่แค่ยกมือนิดเดียวมันก็หลุดรอดออกมาให้เห็นแน่ ตอนที่ดนตร์หลับเขาก็ยกช้อนศีรษะทุยมาไว้บนตัก ไม่ได้รู้สึกรำคาญเลยสักนิด กลับเพลินด้วยซ้ำที่ได้ทำงานไปหอมแก้มคนบนตักไป ระหว่างนั้นไอ้เจ้าอ้วนก็โทรมารอบที่สอง เขาไม่เข้าใจว่าชนวีร์จะหวงอะไรดนตร์นักหนา ก็แค่พาตัวมาไว้บ้านหลังเก่าเท่านั้นเอง

    บ้านหลังเก่า...บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่เขาเคยอยู่กับพ่อและแม่ก่อนที่พวกท่านจะเลิกกัน พ่อไม่ได้ขายมันทิ้ง ยังเก็บไว้เป็นสถานที่ในความทรงจำ เพียงแต่ข้าวของทุกอย่างถูกขนย้ายไปที่อื่น ที่มีอยู่เขาเป็นคนซื้อมาไว้เอง แล้วมักจะมาอยู่ที่นี่ในยามที่คิดถึงความหลัง และใช้มันเป็นที่เก็บผลงานต่างๆ ที่เคยทำไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นชิ้นที่ไม่ได้รางวัล แต่สำหรับเขาทุกชิ้นคือความตั้งใจ เขารักมัน รวมถึงบ้านหลังนี้ด้วย บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ

    “รอหน่อยนะ จะเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะพาไปซื้อยา”

   “ยาอะไร!” เจ้าตัวดีย้อนกลับ แก้มใสระเรื่อขึ้น ปากยู่จนเกือบถึงจมูก “ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

   “มันบวมนี่ ฉันเห็นตอนที่ทำความสะอาดให้”

    “ไอ้พี่กรณ์! ไอ้ลามก!”

    ดนตร์หน้าแดงจัด หันมองซ้ายขวาคงจะหาอะไรสักอย่างทำร้ายเขา แต่พอไม่เจอก็ได้แต่ทำหน้างอเป็นม้าหมากรุกแทน

   “น่ารักว่ะ”
.........................
:sad4: ด่าได้แต่อย่างแรงเพราะแต่งแล้ว

ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คู่นี้ไม่เคยได้คุยกันดีๆเลย ต้องมีอะไรกันก่อนตลอด เพลงก็ไม่เคยเข็ดเลยย
แต่ฉากนั้นสมจริงมาก อ่านแล้วเขินแทนเพลง  :o8:
หวังว่าจะได้คุยได้เคลียร์ความรู้สึกกันสักทีนะ ขอบคุณนะคะ สนุกๆ

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
โดนอีกจนได้ สุดท้ายกรณ์ก็ชนะไป คนที่เหลือคนอ่านจะขอไว้แทนแล้วกัน5555555555

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ไม่ทันจะปรับความเข้าใจกัน ได้กันอีกแล้ว  :hao3:
กรณ์เหมือนจะอ่อนโยนขึ้นนิดนึง ส่วนเพลงก็ใจอ่อนเหมือนเดิม  :katai1:

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
โมโหลูกเจี๊ย
ไม่อยู่ทีมลูกเจี๊ยบแล้ว!
ทำไมใจง่ายจังลูกกกกกก

อิพี่กรณ์
อิหื่น อิลามก อิ...โว้ยยยยยยย
หัวร้อนนนนนนนนนน

พี่วินอย่ายกให้ลูกพี่ลูกน้องแกง่ายๆ สิโว้ย
เรื่องนี้ต้องมีสั่งสอนกรณ์บ้าง

ทุกคนดูง่ายหมดเลย
อิพี่กรณ์ทำบุญด้วยอะไร
ทำไมอยากได้อะไรก็ได้
ไม่ลำบากเลย

ฮึ้ยยยยยย ตอนต่อไปรีบมา
หัวร้อนนนนนนนนนนนนนนนน :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด