(UN)pretty Duckling
ตอนที่ 1
“ไอ้เป็ดโปรรร มาได้ซะที มึงมานั่งนี่เดี๋ยวนี้เลย เร็วเข้า!” เสียงโหวกเหวกโวยวายพร้อมร่างสูงใหญ่ประหนึ่งวัวกระทิงพุ่งเข้ามาหาจนคนที่ถูกเรียกว่า ‘เป็ดโปร’ ถึงกับสะดุ้ง รีบขยับหลบก่อนจะโดนจับตัวมาเขย่า แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มร่างตุ้ยนุ้ยในชุดนักเรียนถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ถูกเพื่อนร่วมห้องร่างใหญ่ลากไปยังโต๊ะซึ่งตั้งอยู่หน้าสุดของแถวริมหน้าต่างอยู่ดี
“มึงนั่งข้างกูนี่แหละไอ้เป็ดโปร เวลาสอบกูจะได้มีคนลอก ฮ่าๆๆ”
เป็ดดันแว่นตากรอบเหลี่ยมหนาเตอะขึ้นอย่างอ่อนใจ พูดเสียงอ่อยระหว่างที่วางกระเป๋าซึ่งอัดเต็มไปด้วยหนังสือและสมุดลงบนเก้าอี้ “เราบอกแล้วไงว่าเราชื่อเป็ดเฉยๆ ไม่ได้ชื่อเป็ดโปร” คุณพ่อคุณแม่ของเขาต้องร้องไห้แน่ถ้ารู้ว่าชื่อเล่นที่โคตรเฉิ่มอยู่แล้วของเขาถูกเพื่อนเอามาดัดแปลงจนกลายเป็นชื่อยี่ห้อน้ำยาล้างห้องน้ำแบบนี้
เพื่อนตัวสูงที่นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเขากวาดตาคมมองเป็ดก่อนจะเอ่ย “เรียกเป็ดเฉยๆ มันเห่ยจะตาย อีกอย่างเป็ดโปรก็เหมาะกับมึงดีนะ คนอะไรวะเรียนได้เกรด 4 ทุกวิชา แถมคะแนนก็เฉียดร้อยตลอด เป็ดโปรทุกวิชาไง เท่ออก”
นี่ถ้าเป็ดพูดคำหยาบแบบคนอื่นเขาคงด่าไปแล้วว่า ไอ้กระทิงถึก เท่เหี้ยไรของมึงไม่ทราบฮะ!
แต่เนื่องจากที่บ้านเป็ดสอนมาว่าอย่าเป็นคนเอะอะโวยวายและหยาบคาย สิ่งที่ลูกเป็ดตัวอ้วนทำได้ก็คือทรุดตัวลงนั่งและตอบกลับไปว่า... “เอางั้นก็ได้...”
ครับ ไอ้ลูกเป็ดก็ทำได้เท่านี้แหละ เถียงกับจอมทัพไปก็นั้น เหมือนสีซอให้ควายฟัง เปลืองน้ำลายและเปล่าประโยชน์ แน่นอนว่าที่บ่นๆ มานี่ได้แต่คิดในใจ พูดได้ที่ไหนเดี๋ยวไอ้ทัพมันจะฆ่าหมกป่าเอา
เป็ดเป็นคนไม่สู้คนมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เถียงคนเพราะเถียงไม่ทันและขี้เกียจจะเถียง ท่าทางเอื่อยๆ และมึนตลอดเวลา เมื่อก่อนเพื่อนในห้องเรียกเป็ดเฉิ่มแต่พอสอบได้ท๊อปของห้องสามเทอมซ้อนก็เปลี่ยนมาเรียกเป็ดโปรตามจอมทัพกันหมด
หือ? จอมทัพเป็นใคร?
ก็ไอ้หน้ากระทิงดุข้างเขานี่ไง
จอมทัพเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เป็ดมีก็ว่าได้ และเป็ดก็เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่จอมทัพสนิทด้วย เป็ดจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนม.4 จอมทัพมีเพื่อนเยอะแยะเนื่องจากเป็นนักกีฬาของโรงเรียน หน้าตาดี บ้านรวย เป็นมนุษย์เพอร์เฟ็คท์ที่เป็ดแสนจะอิจฉา ถึงจะเรียนไม่เก่งแต่ก็สร้างชื่อให้โรงเรียน ใครๆก็อยากเข้าหา
แต่พอเปิดเทอมไปได้แค่สองสัปดาห์เป็ดก็เจอจอมทัพกำลังอาละวาดพังข้าวของอยู่ตรงหลังห้องน้ำชายด้วยสภาพมีแต่แผลเต็มตัว ด้วยความตกใจที่อีกฝ่ายมีแต่เลือดกับรอยฟกช้ำเป็ดเลยปรี่เข้าไปดูแผลให้ ตอนแรกจอมทัพก็ทำท่าจะชกเป็ดเหมือนกันแต่พอเห็นท่าทางไม่สู้คนก็เปลี่ยนสีหน้าจากหาเรื่องเป็นรำคาญแล้วก็ยอมให้เป็ดทำแผลแต่โดยดี
หลังจากนั้นจอมทัพก็มาเกาะติดอยู่กับเป็ดแทน ตอนแรกเป็ดก็ตกใจแต่จอมทัพก็บอกแค่ว่าอยู่กับเป็ดแล้วสบายใจดี เด็กหนุ่มเลยไม่ได้ว่าอะไร
เพราะนั่นคงเป็นครั้งแรกที่มีคนอื่นนอกจากคนในครอบครัวมาบอกเป็ดว่าอยู่กับเขาแล้วสบายใจ...
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองเลยกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน
“จะว่าไปมึงไปเปลี่ยนแว่นมายังวะ โทษทีนะที่อาทิตย์ก่อนกูทำแว่นมึงแตกอ่ะ” พอได้ยินเสียงทุ้มพูดแบบนั้นเป็ดก็อยากจะหันไปค้อนใส่อีกฝ่าย เรื่องของเรื่องคือพอปิดเทอมจอมทัพก็ไม่ปล่อยให้เป็ดนอนสบายอยู่บ้าน แต่กลับพาไปเตะบอล เล่นบาส ว่ายน้ำ ถ่ายรูป อะไรก็ไม่รู้ รู้ทั้งรู้ว่าเป็ดไม่ชอบเล่นกีฬาแท้ๆ เล่นไปได้นิดเดียวก็หอบแฮก ต้องมานั่งอยู่ข้างสนามมองดูจอมทัพเล่นแล้วก็คอยส่งน้ำกับผ้าขนหนูให้เวลาอีกฝ่ายพัก
อาทิตย์ก่อนเพื่อนตัวโตลากเขาไปเตะบอล มีกันสองคนก็เตะกันสองคน สภาพเหมือนโดนสังคมรังเกียจยังไงก็ไม่รู้แต่เขาว่ามันก็สนุกดี เตะไปเตะมาจอมทัพคงบ้าพลังมากไป เตะลูกบอลโดยกะแรงพลาดอัดหน้าเป็ดเข้าไปเต็มๆ ทำให้แว่นตาเขาหล่นแตก
แล้วความชิบหายก็มาเยือนตอนนั้นเอง
“เราโดนแม่บ่นหูชาเลยนะ” เด็กหนุ่มร่างตุ้ยนุ้ยบ่นอุบ รื้อหนังสือเรียนกับสมุดมายัดใต้โต๊ะ แบกมาวันนี้จะได้ไม่เสียเวลาแบกมาวันอื่น
“ขอโทษทีน่า ถือซะว่าเป็นฤกษ์เปลี่ยนแว่นใหม่ไง...แต่ทำไมมึงยังเลือกทรงแว่นเชยแบบนี้อีกวะ” ไม่ว่าเปล่า คนตัวโตยังดึงแว่นเป็ดไปเล่นอีกทำให้คนสายตาสั้นได้แต่ร้องโวยวาย แต่จอมทัพฟังไหมล่ะ? ก็ไม่...
“เราชินกับแว่นแบบนี้นี่” เป็ดพูด ในที่สุดก็ได้แว่นคืน เปล่า เป็ดไม่ได้แย่งคืนหรอก โน่น จอมทัพสงสาร รู้สึกเหมือนรังแกเด็กไร้ทางสู้เลยยอมคืนแว่นให้ต่างหาก
“เฮ้อ นี่ม.ห้าเทอมสองแล้วนะมึง ยังทำตัวแบบนี้อยู่อีกแล้วเมื่อไหร่จะมีแฟน”
ประโยคนั้นทำให้เป็ดชะงัก...
เจ้าของแว่นตากรอบเหลี่ยมก้มหน้างุด ไม่ตอบคำ ทำเป็นสาละวนกับการยัดหนังสือเรียนเข้าใต้โต๊ะ ทำทีเป็นเอาอุปกรณ์มาวางเรียงบนโต๊ะเขียนหนังสือ จอมทัพที่เห็นดังนั้นก็ได้แต่กลอกตาไปมา
“เราคิดว่า...เราคงไม่สนเรื่องแฟนแล้วแหละ ม.ห้าแล้ว อีกปีเดียวก็ต้องเข้ามหา’ลัย เราจะอ่านหนังสือ แฟนน่ะ เดี๋ยวจะมาก็มาเองแหละ อีกอย่างจะเปลี่ยนทำไม เปลี่ยนไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น”
“ไม่อยากให้พี่ธารชอบมึงแล้วเหรอ”
ชื่อของใครบางคนทำให้เป็ดชะงัก ดวงตากลมหลังกรอบแว่นหลุบต่ำก่อนที่เจ้าตัวจะสายหน้า จอมทัพเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว
พี่ธารเป็นรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าพวกเขาปีหนึ่ง ตอนนี้ก็อยู่ม.หกแล้ว เป็นคนที่เป็ดชอบมาตั้งแต่เข้าเรียนม.ปลายวันแรก
“มึงจะแพ้ตั้งแต่ไม่ลงแข่งเหรอวะ”
“เราไม่ลงแข่งในสนามที่เราไม่มีวันชนะหรอก”
ทัพแค่นเสียงหึออกมา เด็กหนุ่มมองเพื่อนข้างกายแล้วก็ยักไหล่ “เออ คิดได้ก็แล้วไป” เป็ดส่งยิ้มน้อยๆให้เพื่อนสนิท รู้ดีว่าอีกฝ่ายพูดเพราะเป็นห่วงแล้วก็หวังดี แต่เป็ดทำใจไว้แล้ว...
ทำใจตั้งแต่รู้ว่าตัวเองหลงรักใคร
ใครคนนั้นทุกคนในโรงเรียนรู้จัก หล่อ เรียนเก่ง กีฬาดี ฐานะทางบ้านดี และที่สำคัญ นิสัยดี ใครๆ ก็เรียกพี่เขาว่าเจ้าชายกันทั้งนั้น
ใช่...เจ้าชาย...
เป็ดชอบผู้ชาย...
เขารู้สึกแย่ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ เป็ดรู้ว่าการที่ตนชอบเพศเดียวกันมันไม่ผิดหรอก แต่สังคมก็ไม่ได้มองว่ามันเหมาะสมสักเท่าไหร่ เขาเลยไม่ได้บอกใคร...ยกเว้นจอมทัพ เป็ดแค่เก็บงำคำว่าชอบไว้ในใจ แล้วก็รอให้มันหล่นหายไปช้าๆ แต่ยิ่งนานวันคำว่าชอบมันก็ยิ่งซึมลึกลงไปเรื่อยๆ
แต่เป็ดก็ไม่ได้หวังให้คนที่เพอร์เฟ็คขนาดนั้นมาสนใจตัวเองหรอก นี่ไม่ใช่นิยายที่นางเอกเป็นคนเฉิ่มๆแต่พอเปลี่ยนตัวเองก็สวยจนพระเอกหันมามอง เป็ดก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่อวบอ้วน โชคยังดีที่ผิวขาวแต่มันก็ดูขาวซีดๆ ดัดฟันเพราะสมัยก่อนฟันเหยิน แถมยังชอบใส่แว่นตาหนาเตอะเหมือนพวกบ้าเรียนอีก กีฬาก็เล่นไม่ดี มนุษย์สัมพันธ์ก็แทบจะติดลบ มีดีอย่างเดียวคือเรียนเก่ง
แล้วจะให้คนแบบเป็ดไปเสนอหน้าว่าชอบพี่เขาแบบโจ่งแจ้งได้ยังไง...จะโดนมองด้วยสายตาสมเพชกลับมาน่ะสิ
“เอาเถอะ อีกแค่เทอมเดียว มึงก็ทนๆเอานะไอ้เป็ด พอพี่เขาจบไปมึงคงตัดใจได้”
“เราก็ว่างั้นแหละ นี่ก็จะตัดใจแล้วล่ะ เหนื่อยเหมือนกัน”
“ให้มันจริงเหอะ”
ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากเถียงว่าก็จริงน่ะสิเสียงเพลงโรงเรียนบ่งบอกเวลาเข้าแถวก็ดังขึ้นเสียก่อน คู่หูเลยเลิกเถียงกันแล้วลงไปเข้าแถวที่สนามด้านล่าง คนเยอะ อากาศร้อนแทบทำให้เป็ดเป็นลม แต่กระนั้นเขาก็ยังคงกวาดสายตาหลังกรอบแว่นมองหาใครบางคน
ท่ามกลางนักเรียนจากหลายชั้นที่เดินกันขวักไขว่ ในที่สุดสายตาของเป็ดก็พบเป้าหมายจนได้
‘พี่ธาร’ ยืนอยู่ในศาลาหลังเล็กที่มีไว้ให้นักเรียนหรือคนมาติดต่อได้นั่งพักผ่อน เป็ดใจเต้นแรงขึ้น รู้สึกทั้งตื่นเต้นแล้วก็หมดแรงไปพร้อมกัน พี่ธารยังเหมือนเดิม สูง ขาว ตาคมที่เป็ดเคยสังเกตว่าล้อมกรอบด้วยขนตายาว จมูกโด่งของแท้พ่อแม่ให้มารับกับริมฝีปากบางได้รูป
ให้ตาย! เป็ดเขินเป็นบ้า อยากเอากล้องมถ่ายรูปชะมัดเลย
“เอ้า จ้องขนาดนี้ แดกพี่เขาไปทั้งตัวเลยไหม” จอมทัพเอื้อมมือมาปิดตาเป็ด บดบังพี่ธารออกไปจากสายตา “ไหนบอกจะตัดใจไง”
เป็ดสะดุ้งเฮือก หันขวับไปจนแว่นกระแทกจมูกจอมทัพ เขาถอยหลังกรูด ใครใช้ให้มายืนชิดขนาดนั้น!
“ยืนใกล้ขนาดนี้เพื่อ!?”
“เอ้าก็เห็นมึงยืนนิ่งๆ เลยจะเรียกไปเขาแถวแต่ก็เห็นมึงมองพี่เขาอยู่ ว่าไง สักรูปไหม?” ว่าพลางยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้พร้อมกับยักคิ้วยียวน เป็ดอยากจะกระโดดกัดคอจอมทัพจริงๆ! (แต่เขาเตี้ย กระโดดไม่ถึงหรอก) เขาสะบัดหน้าไปอีกทาง รีบเดินจ้ำออกมาจากบริเวณนั้นเพื่อไปเข้าแถว แต่ยังก้าวไม่พ้นสามก้าวมือหนึ่งก็คว้าคอเสื้อเขาไว้
“ไอ้น้องเป็ดดด”
“พี่แมว! อย่าดึงคอเสื้อดิพี่ โอ๊ย เป็ดหายใจไม่ออกน้า”
ปัดมือปัดไม้คนประทุษร้ายแล้วดิ้นแด่วๆจนคนแกล้งหลุดขำออกมา เป็ดหันไปทำหน้าบึ้งใส่พี่ชายแท้ๆของตัวเอง
“มาแกล้งเป็ดทำไม” มือเรียวของคนพี่เอื้อมมาบีบปากยื่นๆของน้องรักหนึ่งทีแล้วตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงแววขี้แกล้ง “ก็เรียกแล้วน้องไม่หัน พี่เลยมาทักทาย”
ทักทายบ้านพี่ดิ เอ่อ แต่บ้านพี่เขาก็บ้านเป็ดนี่หว่า
“ทักทายทำไมเมื่อเช้าก็ออกมาพร้อมกัน” เป็ดพูดเสียงอู้อี้ ทันใดนั้นหางตาก็เหลือบไปเห็นกลุ่มรุ่นน้องม.ต้นที่ยืนกรี๊ดกร๊าดกันอยู่ไม่ไกล น้องๆแอบเหลือบมองมาทางนี้เป็นระยะแล้วก็หัวเราะคิกคัก แน่ใจว่าไม่ได้กรี๊ดเป็ดแน่ๆล่ะ เด็กหนุ่มหันกลับมาทันเห็นพี่ชายตัวเองยิ้มกรุ้มกริ่มพลางขยิบตาให้กับเด็กม.ต้นกลุ่มเมื่อครู่
รู้แล้วว่าไอ้พี่แมวทักเขาทำไม
มันจะเช็คเรตติ้ง! แล้วเสือกใช้น้องเป็นข้ออ้าง!
เป็ดกลอกตาแบบหน่ายๆ แต่จะไปว่าพี่แมวก็ไม่ได้ คนมันหน้าตาดีจะอยากบริหารเสน่ห์ก็ไม่ผิดหรอก พี่แมวกับเป็ด...จะว่าไงดี ถ้าไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกันคนคงไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกันเพราะหน้าตาผิดกันไปไกลโข พี่แมวผอมก็จริงแต่ไม่เก้งก้าง ตัวเล็ก เตี้ยกว่าเป็ดประมาณสี่ห้าเซนได้แต่นั่นก็เข้ากับใบหน้าหวานๆที่คล้ายผู้หญิงดี พี่แมวหน้าสวยเหมือนแม่แต่นิสัยห้าวเป้งแล้วก็มนุษย์สัมพันธ์ดีเหมือนพ่อเลยสนิทกับคนอื่นๆได้ง่าย ไม่เหมือนเป็ด...
“พี่แมว จะเช็คเรตติ้งก็อย่าเอาน้องเป็นข้ออ้าง”
“ฮ่าๆ ไอ้แมวโดนน้องเป็ดด่าวะ โอย ทำบุญเลยมึง บุญมึงมันน้อย โดนเด็กสุภาพด่าเลย” เพื่อนพี่แมวคนหนึ่งที่ชื่อพี่กล้าส่งเสียงแซว พี่แมวเลยหันไปชี้หน้าเตรียมจะด่า แต่ก็ติดที่จู่ๆคนตัวสูงคนหนึ่งก็เข้ามายืนบังหน้าพี่แมวเอาไว้ “แมว เพลงโรงเรียนจะจบแล้ว ไปเข้าแถวได้แล้ว”
“เออๆรู้แล้วน่า มึงแม่งขี้บ่นว่ะไอ้ธาร”
ตึกตัก ตึกตัก
แย่แฮะ น้องเป็ดก้มหน้างุด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองอะไรทั้งนั้นทั้งที่เมื่อกี้ยังกล้าเงยหน้าขึ้นคุยกับพี่แมวอยู่เลย ทั้งๆที่อยากมองหน้าพี่ธารแท้ๆ...
ขวับ
เด็กตุ้ยนุ้ยได้แต่หันหลังแล้วคว้าชายเสื้อจอมทัพให้เดินไปที่แถวอย่างรีบๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมตามมาแต่โดยดี มีการดันหลังเป็ดให้เดินเร็วขึ้นอีกต่างหาก ได้ยินเสียงพี่แมวตะโกนตามหลังมาว่า “ตั้งใจเรียนนะไอ้น้อง” เป็ดกำลังจะหันกลับไปตะโกนตอบก็พอดีเจอเข้ากับภาพที่พี่ธารเอาแขนพาดคอพี่แมวอยู่ พี่ธารหัวเราะแล้วก็ยิ้ม...
ดูดีโคตรๆ ดูดีเวอร์วังอลังการปุ้งปั้งเหมือนดอกไม้ไฟ!
...แต่เจ็บจัง...
เฮ้อ...พี่ธารเป็นดาวส่วนไอ้เป็ดมันก็เป็นได้แค่ลูกเป็ดขี้เหร่สินะ
ตัดใจซะเถอะ
จอมทัพที่เดินอยู่ข้างๆ เหมือนจะรับรู้ถึงความเศร้าของเขาได้ เจ้าตัวยกแขนพาดไหล่เป็ด มืออีกข้างก็ยีหัวเป็ดเบาๆ “อย่าเสียใจไปไอ้น้องเป็ด เดี๋ยวพี่ทัพพาไปเลี้ยงขนม เอาชานมไหม มึงชอบนี่”
“ตอนเย็นพาไปเลี้ยงขนมเค้กร้านพี่ธารด้วยได้ไหม”
พ่อกับแม่ของพี่ธารเปิดร้านขนมเค้กอยู่ตรงซอยข้างโรงเรียน หลังเลิกเรียนคนจะเต็มเร็วมากเพราะพี่ธารจะกลับไปช่วยพ่อแม่ขายของทำให้ต้องรีบไปจองที่นั่ง ช่วงแรกที่เป็ดสารภาพกับจอมทัพว่าชอบพี่ธาร อีกฝ่ายก็เสนอยุทธการแทรกซึมคือโผล่ไปร้านทุกวัน ไปจนกว่าเขาจะจำหน้าได้โดย ช่วงปิดเทอมก็ไป นี่คือสาเหตุของน้ำหนักที่ขึ้นพรวดจนลงไม่ได้แบบนี้
“ได้คืบจะเอาศอกนะมึง”
เป็ดทำปากคว่ำ ทำให้ถูกจอมทัพดึงปากด้วยความหมั่นเขี้ยว คนตัวสูงปรายตามองเพื่อนแล้วก็พูดว่า “จะตัดใจแล้วจะไปทำไมกัน”
“อยากกินเค้ก เค้กร้านพี่ธารอร่อย” อันนี้ไม่ได้อวยแต่อร่อยจริงๆ “เราติดแล้ว”
“กินเยอะแล้วก็อ้วน”
“แล้วใครมันแนะนำยุทธการแทรกซึมอะไรนั่นให้เราล่ะ จริงๆ มันก็ความผิดทัพนั่นแหละ”
จอมทัพหัวเราะ ส่ายหัวแล้วก็หันมาพูดกับเป็ดด้วยท่าทางยียวนว่า “น้องเป็ดครับ ตัดใจจากความรักยากฉันใด น้ำหนักก็ขึ้นแล้วลงยากฉันนั้นแหละ”
เป็ดได้แต่ส่ายหัวกับความสำบัดสำนวนและเศร้าที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมา นี่บางทีเป็ดก็สงสัยว่าตัวเองเป็นโรคจิตหรือเปล่า เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวมีความสุข เพื่อนตัวโตที่เห็นท่าทางนั้นหัวเราะในลำคอก่อนจะพูดขึ้นมา “มึงกับพี่มึงนี่ดูกี่ทีก็ไม่น่าใช่พี่น้องกัน”
(มีต่อค่ะ)