เพื่อนร่วมงานแบบที่ 15
นึกว่าจะดีได้สักกี่วัน สุดท้ายก็เป็นแบบเดิม เรื่องเอาเปรียบไม่มีใครเกินคุณชยา เคยเป็นแบบไหนก็เป็นแบบนั้นอย่าคิดว่าจะดีขึ้นง่าย ๆ
เบลเกิดความรู้สึกเอือมระอาขั้นสุด เมื่อเห็นว่าชยากำลังเดินออกจากบริษัทอีกแล้วที่เพิ่งจะเลยพักเที่ยงไปได้ไม่นาน ไม่ใช่วันแรกแต่นี่มันวันที่สามแล้วที่ชยาไม่อยู่ทำงาน ถ้าจะมาทำงานแค่ครึ่งวันแบบนี้ ไม่ต้องมาเลยยังดีกว่า
“พี่เบล คิวเอไปไหนล่ะ ของมีปัญหาตามคิวเอให้หน่อย”
จะไปไหนล่ะ กำลังจะเดินออกจากบริษัทแล้วนั่นไง
“โน่นเลย ไปตามสิ หนีกลับบ้านอีกแล้ว”
ส่ายหน้าด้วยความเบื่อหน่าย และเบลที่กำลังเขียนรายละเอียดเอกสารที่ต้องส่งเข้าออฟฟิศก็เริ่มหงุดหงิดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อปากกาหมึกหมดและเขียนไม่ออก ขีดปากกาไปมาอีกหลายครั้งและรู้สึกขัดใจมาก แค่ไปเบิกปากกามาใหม่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เพราะความไม่พอใจที่สะสมมานานมันทำให้โมโหจนพาลมาลงที่ปากกา
ปาปากกาลงบนโต๊ะและรุ่นน้องที่ทำงานด้วยกันก็หันมามอง
“ใจเย็นพี่ โมโหอะไรเนี่ยพี่เบล”
จะโมโหอะไรล่ะ ที่หงุดหงิดและโมโหจนพาลไปลงที่ปากกาก็เพราะคุณชยา คิวเอ ที่ถูกโยนให้มาทำงานที่แผนกรับสินค้านี่ไง
“มึงจะไม่ให้กูโมโหได้ยังไง”
แค่พูดรุ่นน้องก็รู้แล้วว่าเบลโมโหเรื่องอะไร
“คุณชยา เขาเป็นหลานเจ้าของบริษัท ใครจะไปว่าอะไรเขาได้ ทำใจเหอะพี่”
เออ ทำใจ ทำจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงแล้ว
“พรุ่งนี้กูจะเคลียร์กับคุณหนูให้จบ ๆ ไปซะ เอาเปรียบคนอื่นขนาดนี้แม่งเกินไปว่ะ หลานเจ้าของบริษัทก็หลานเจ้าของบริษัทเหอะ กูไม่สนหรอกไม่ใช่พ่อกู จะได้จบ ๆ เรื่องไปซะ ระหว่างกูกับคนแบบนี้ใครจะอยู่หรือไป”
+++
ยังไม่ทันจะเลิกงานชยาก็จะกลับบ้านอีกแล้ว และเบลก็วางเอกสารในมือลงทันทีที่เห็นว่าชยากำลังจะเดินไปที่ประตูบริษัท
“ไอ้เซียงกูจะไปเคลียร์กับคุณหนูข้างนอก มีอะไรเดี๋ยวมึงโทรหากูแล้วกัน”
บอกรุ่นน้องร่วมแผนกแล้วเบลก็เดินออกจากลานรับสินค้าทันที
“พี่เบลแม่งเอาจริงว่ะ”
“ห้ามไม่ได้ซะด้วย”
“คุณชยาจะรอดมั้ยวะ”
พนักงานแผนกรับสินค้าได้แต่มองตามแต่ไม่สามารถห้ามเบลได้ เพราะทุกคนรู้ดี ห้ามไปเบลก็ไม่ฟัง
+++
“งานยังไม่เลิก หนีกลับก่อนทุกวัน เรื่องเอาเปรียบคนอื่นนี่เป็นที่สันดานมาแต่กำเนิดหรือไง”
เบลชะลอรถมอเตอร์ไซค์ให้ช้าลงเพื่อจะพูดให้คนที่กำลังรีบเดินกลับบ้านได้สำนึกว่าไม่ควรเอาเปรียบกันแบบนี้
“ผมมีสิทธิ์ลา ผมจะลากี่วันก็ได้ ผมมีธุระสำคัญ คุณอย่ามาขวางทางได้มั้ย”
ชยารีบเดินจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง ในมือกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นและไม่อยากจะเสียเวลากับคนที่มาหาเรื่องกัน
“ลาติดกันเข้าวันที่สี่แล้ว ตกลงว่าจะทำงานครึ่งวันก็บอกกันบ้างสิ รู้มั้ยว่าเอกสารกองพะเนินยังไม่พอ ของยังกองอยู่อีกด้วย ของเสียหายจะให้ไปถามใคร คุณนี่แม่ง โคตรเห็นแก่ตัวเลยว่ะ เอาแต่ตัวเองสบาย”
ชยาพยายามก้าวขาให้เร็วขึ้นจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง ยกโทรศัพท์ในมือขึ้นดูหลายครั้งและแทบไม่สนใจที่เบลพูดเลย
“ผมมีธุระ คุณหลีกทางไปไม่ได้หรือไง จะมาตามด่าผมทำไม วันอื่นก็มีอีกเยอะแยะ วันนี้ผมยุ่งอยู่ไม่เห็นหรือไง”
คำก็ธุระสองคำก็ธุระ มันจะมีธุระอะไรกันนักหนา
“คนอื่นเขาก็มีธุระเหมือนกัน ผมก็มีธุระ ทุกคนเขาก็มีธุระ จะเอาเปรียบกันก็ให้มันเนียน ๆ หน่อยอย่ามาอ้างคำว่าธุระ”
จะอะไรก็แล้วแต่เถอะ จะอ้างหรือจะอะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้ชยาไม่มีเวลามากพอที่จะต่อปากต่อคำกับเบลอีกแล้ว
“อย่ามายุ่ง”
ชยาหยุดเดินและหันมามองคนที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ขวางทางและทำหน้ายียวนกวนประสาทที่สุด
เกลียด เกลียด เกลียด
ชยารู้ว่ากำลังโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ มันเพิ่มขึ้น จนเหมือนจะหยุดเอาไว้ไม่ได้
“อย่ามาเอาเปรียบคนแผนกกู”
เบลมองหน้าชยาและตั้งใจว่าครั้งนี้จะไม่จบง่าย ๆ เหมือนครั้งก่อนแน่
และชยาก็จ้องมองหน้าเบลนิ่ง ๆ ด้วยความโมโห ขบริมฝีปากแน่น และพยายามระงับความรู้สึกโกรธเอาไว้ให้ได้ บอกตัวเองให้ใจเย็น ๆ เพราะหลังจากนี้ชยารู้ตัวดีว่าถ้ามีปัญหากันจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง
“งั้นก็อย่ามายุ่งกับกู”
ถึงพยายามจะระงับความโกรธของตัวเองมากแค่ไหน แต่ชยาก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะทนไม่ไหว
“นึกว่ากูอยากยุ่งหรือไง จะเอายังไงก็ว่ามาเลยดีกว่า”
รู้ตัวแล้วว่าโดนหาเรื่อง และชยาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากผลักให้เบลหลบไปไม่ให้มาขวางทางอีก
“หลีก”
“ทำไมต้องหลีก พ่อคุณหนูเป็นเจ้าของถนนหรือไง”
“หลีกไปสิวะ”
“แล้วมีสิทธิ์อะไรมาสั่งวะ”
เบลตะคอกกลับคนที่ออกคำสั่งและชยาก็ตะโกนใส่หน้าเบล
“หลีกไปสิโว้ยยยยยยย”
รู้แล้วว่าชยากำลังโมโห เบลตั้งใจแล้วว่าจะมามีเรื่องเต็มที่แต่ก็ต้องชะงักนิ่งค้างเมื่อเห็นว่าชยากำลังโมโหจนตัวสั่น
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นแดงก่ำ และมือของชยาก็กำแน่น ลมหายใจหอบหนักและชยาก็กัดฟันแน่นเพื่อพยายามหยุดความโมโหของตัวเองให้อยู่
โกรธขนาดนี้ ไม่กลัวเส้นเลือดในสมองแตกตายเหรอวะ....
ก่อนที่ลงไม้ลงมือกัน เสียงโทรศัพท์ในมือของชยาก็ดังขึ้นและชยาก็รีบกดรับสาย
“คุณน้องยา คุณแม่แย่แล้วค่ะ คุณน้องยารีบกลับมาเร็ว ๆ พี่แหววโทรเรียกรถพยาบาลแล้วแต่ยังไม่มาเลยค่ะ คุณน้องยารีบกลับบ้านมาเร็ว ๆ นะคะ”
เสียงจากปลายสายที่ฟังดูร้อนรนทำให้ชยาแทบอยากร้องไห้ มือสั่นและทำอะไรไม่ถูก
“ชยากำลังไป พี่แหววชยากำลังไป อีกแป๊บเดียวชยากำลังไปนะครับ”
พยายามบังคับน้ำเสียงให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่อยากให้คนที่อยู่ปลายสายตื่นตกใจและชยาก็ผลักเบลให้ออกห่างและไม่สนใจอีกแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ออกไป หลีกทาง หลีก”
ดูเหมือนจะมีปัญหาใหญ่ เบลได้ยินชัดทุกคำพูดที่ออกมาจากโทรศัพท์ของชยา ไม่ทันได้ถามแต่คิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะทะเลาะกันอีกแล้ว
“ขึ้นมา”
เบลตัดสินใจได้ในวินาทีนั้น เรื่องชีวิตของคนสำคัญกว่าการมาทะเลาะกันและชยาที่กำลังจะร้องไห้ก็กำมือแน่นและพูดอะไรไม่ออก
“มัวลีลาอยู่นั่นแหละ ต้องไปที่ไหน ขึ้นมาเร็ว ๆ บอกทางด้วยต้องไปส่งที่ไหนก็ว่ามา”
ชยาขึ้นมาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของเบลโดยไม่ต้องคิด
ไม่ว่าจะโมโห โกรธหรือเกลียดกันขนาดไหนก็ตาม ตอนนี้ไม่มีเวลาให้คิด ทำยังไงก็ได้ให้กลับไปถึงบ้านเร็วที่สุดก็พอ
+++
“คุณแม่ครับ คุณแม่ คุณแม่ครับ”
ชยาจับมือของแม่เอาไว้แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับกลับมา รถเข็นของโรงพยาบาลกำลังพาแม่ของชยาเข้าไปในห้องฉุกเฉินและชยาก็ยังร้องเรียกแม่ไม่หยุด
“คุณแม่ครับ คุณแม่ คุณแม่ครับ ได้ยินชยามั้ย คุณแม่ครับ”
เรียกให้แม่รู้สึกตัวแต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมาและชยาก็ถูกกันไม่ให้เข้าไปในห้องฉุกเฉิน
“ญาติเข้าไม่ได้นะคะ ญาติรอข้างนอกก่อนค่ะ”
ชยาโดนกันออกมา และรู้สึกเหมือนขาไร้เรี่ยวแรงได้แต่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ก่อนจะทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างช้า ๆ
“นั่งตรงนี้ไม่ได้ ไปนั่งรอที่เก้าอี้”
โดนลากแขนให้ลุกขึ้นไปนั่งรอที่เก้าอี้และชยารู้สึกเหมือนกำลังจะหายใจไม่ออก เหมือนกำลังจะขาดใจ เหมือนหัวใจเต้นช้าลงเรื่อย ๆ และชยาก็ปล่อยให้น้ำตามากมายหลั่งรินออกมาไม่หยุด ร้องไห้ออกมาโดยไม่นึกอายและไม่สนใจคนที่พามาโรงพยาบาล
“ฮือ อึก ฮือออ”
ยกมือสองข้างขึ้นปิดหน้าและไม่อยากจะรับรู้อะไรอีก และเบลก็ได้แต่นิ่งมองชยาที่กำลังร้องไห้ไม่หยุดแต่ไม่รู้จะปลอบใจยังไง
ได้แต่มองแต่ไม่รู้จะทำอะไรได้ รู้แค่ว่าหัวใจรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยตอนที่เห็นชยาร้องไห้
สงสาร...
ตอนนี้สิ่งที่เบลรู้สึกคือสงสารชยาที่กำลังร้องไห้ไม่หยุด
วางมือที่ไหล่ของชยาและทำได้แค่บีบเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ
TBC.