เจ้าชายกบ 1/2ใครกัน ใครบอกกันนะว่าเรื่องนี้ข้าจะต้องจูบเจ้าหญิง มันไม่ใช่เรื่องจริงของข้าสักนิด หึหึ สงสัยคนเล่าเรื่องนี้คงเห็นว่า วิธีคืนร่างของข้ามันแปลกเกินไปกระมัง อา...หากจะให้ข้าอธิบาย ข้าคงต้องเล่าเสียตั้งแต่ต้น เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นวันนั้น “เจ้าชาย เจ้าชายขอรับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับเจ้าชาย” ข้าตวัดสายตามองผู้มาใหม่อย่างไม่สบอารมณ์ นี่มันเวลาพักผ่อนของข้านะ
“มีอะไรสำคัญนักรึ ถึงมารบกวนข้า” ร่างของทหารตรงหน้าโค้งตัวอย่างขออภัย
“ขออภัยขอรับ แต่พระราชาทรงให้มาเรียนเจ้าชายเช่นนี้ขอรับกระหม่อม”
เฮ้ออ เสด็จพ่อสินะ
ผมโบกมือไล่ทหารคนนั้น เขาโค้งคำนับแล้วเดินออกไป
“คราวนี้เสด็จพ่อจะเล่นอะไรอีกละ” ข้าบ่นพึมพำคนเดียวลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงเข้าไปยังปราสาทสูง เสด็จพ่อจะต้องเล่นพิเรนทร์อะไรอีกแน่ ข้าต้องระวังตัวเอาไว้ก่อน มีเจ้าชายคนไหนลำบากเช่นข้าบ้างไหม ต้องมาระแวงพ่อตนเองเช่นนี้ ข้าสาวเท้าเข้าไปยังห้องโถงยิ่งเร่งความเร็วตัวขึ้นเมื่อเห็นร่างของบิดายืนอยู่ไม่ไกล
“เสด็จพ่อ เรียกหาลูกหรือขอรับ” เสด็จพ่อหันหน้ามามอง สีหน้าแววตาฉายแววกังวล
“อา....มาแล้วหรือโจเซฟ พ่อมีเรื่องกังวลใจยิ่งนัก ดูเหมือนพ่อจะป่วย” ร่างบางทรงสง่าของเสด็จพ่อของข้าทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ยกมือขวาขึ้นกุมขมับอย่างน่าเห็นใจ
“หมอทรงว่าอย่างไรบ้างขอรับ เสด็จพ่อป่วยเป็นอะไร” ข้าทิ้งตัวลงนั่งเคียงข้างกายบิดา
“หมอหลวงบอกพ่ออาจจะอยู่ได้ไหมไม่นาน เนื่องด้วยอายุขอพ่อที่มากขึ้นทุกปี” บิดาช้าหันกลับมา ยกมือของข้าขึ้นมากุมไว้
“แต่งงานเถิดลูกรัก พ่ออยากเห็นเจ้าแต่งงาน” นั่นประไร ข้าว่าแล้วเชียว
ข้ากรอกตาไปมา ดึงมือออกแล้วกุมมือพระบิดาเอาไว้แทน
“ลูกจะแต่งแน่นอนขอรับ หากเจอคนที่ถูกใจลูก” เสด็จพ่อทำหน้าบึ้งทันที กระชากมือตนออกจากมือของข้าอย่างแรง
“เจ้าพูดเช่นนี้ทุกที ข้าเห็นเจ้าก็ชอบทุกคน ใยไม่แต่งเสียสักคนเล่า”
“หญิงพวกนั้นลูกหาได้ชอบไม่ขอรับ”
“ไม่ชอบ!! ไม่ชอบแล้วไปป้อยอเขาทำไมโจเซฟ เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกทำตัวเสเพลแล้วหาใครอย่างจริงจังเสียที!!” ข้ายกมือขึ้นมาอุดหูไว้ เมื่อพระบิดาเริ่มเสียงดัง
“เสด็จพ่อ ก็ลูกชอบของสวยงาม จะให้ละเลยพวกนางลูกจะทำได้เช่นไรละขอรับ ดูพวกนางสิ งดงามกันเช่นนั้น ท่านพ่อจะให้ลูกทำเช่นไร”
“ก็แต่งงานกับใครสักคนสิโว๊ยยยยยย!!!!”
ทุกคนในท้องพระโรงสะดุ้งสุดตัว เมื่อพระบิดาของข้าระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างอดกลั้นไม่ไหว ลำบากพ่อมดหลวงของเราต้องสะกิดเตือน
“เอ่อ.....องค์ราชาขอรับ เก็บอาการนิดขอรับ” นั่นทำให้พ่อขอข้ารู้สึกตัว เกาแก้มตนอย่างเขิลอาย
อา น่ารัก หรือข้าจะเก็บท่านพ่อไว้อีกคนดี?
“อะ...จริงสิแกริค ข้าตกลงๆ ทำเลย ทำเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้น ข้าต้องประสาทเพราะไอลูกบ้านี่แน่ๆ” เสด็จพ่อเอื้อมมือไปจับแขนของแกริคพร้อมเขย่าเบาๆ แกริคมองแต่ก็ส่งยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู
เดี๋ยวนะ......มันควรเป็นแบบนั้นเหรอ หรือข้าที่คิดมากไป ช่างเถอะ กลับเข้าเรื่องดีกว่า ข้ายืนมองทั้งเสด็จพ่อและแกริคด้วยความสงสัย แต่ไม่นานแกริคก็เดินมาตรงหน้าของข้า ความสูงของเราทั้งคู่พอๆกัน แกริคยื่นมอออกมาทาบลงที่เหนือศรีษะ แสงสีทองวาบสว่างขึ้นเป็นลายวงแหวนเวทย์
“ร่างกายหาใช่ร่างกาย จิตใจสิใช่ตัวตน หากค้นพบเมื่อใด กายาจะกลับคืน” จบคำกล่าวของแกริค ทุกอย่างสว่างไปทั่วทั้งท้อพระโรง ข้ายกมือขึ้นป้องแสง เมื่อแสงสว่างตรงหน้าค่อยลดลง ข้าจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง อื๋ออ ทำไมทุกคนตัวใหญ่ขึ้น
“โจเซฟ ใช่ว่าพ่อไม่รักเจ้าหรืออะไรเช่นนั้นหรอกนะ แต่พ่อต้องสั่งสอนเจ้า หาไม่แล้ว เจ้าคงหาคนของหัวใจเจ้ามิเจอ” พ่อข้าก้มลงมาพูดกับข้าที่ยังไม่ค่อยจะเข้าใจนัก แปลก ใยเสด็จพ่อจึงได้กล่าวเช่นนั้นกัน ข้ายกมือทั้งสองขึ้นมามอง แต่....
“เสด็จพ่อ!!!! ทรงเล่นอะไรขอรับ คืนร่างให้ลูกนะ ลูกไม่อยากเป็นกบบบบ!!!!!” ใช่แล้วครับ เมือกลื่นๆทั้งกาย มือและเท้าที่กางออก หรือแม้กระทั่งปากที่กว้างกว่าคนธรรมาดา ไหนจะตัวข้าที่หดเล็กลงอีกเล่า แต่เมื่อพูดกับพ่อแล้วมิทรงทำอะไร ข้าจึงหันไปพูดกับตัวการแทน
“แกริค ข้าขอสั่งเจ้าในฐานะเจ้าชายโจเซฟ คลายมนต์ให้ข้า เดี๋ยวนี้!!!!”
“ไหนเล่าเจ้าชาย ข้าเห็นแต่กบตัวกระจ้อยร่อยเท่านั้น หากอยากได้อำนาจสั่งการคืนมา ก็รีบคืนร่างเสียสิ ลูกรัก ฮ่าๆๆๆ” ฮึมม!!!! ร้ายกาจนักนะเสด็จพ่อ
“ต้องทำเช่นไร”
“ว่าอย่างไรนะ ตัวเจ้าเล็กจนข้าไม่ได้ยินเลย” เสด็จพ่อเอามือมาป้องหู ราวกับต้องการให้เสียงข้าส่งไปให้ถึง อย่าให้ถึงทีข้านะ หึย!!
“ข้า จะ ต้อง ทำ เช่น ไร เล่า ขอ รับ!!”
“หึหึ มิมีอะไรยากเลยขอรับเจ้าชายโจเซฟ หากท่านต้องการกลับคืนร่างเดิม ท่านเพียง *‘ดื่มน้ำจากกายชายบริสุทธิ์’* เป็นเวลาสามราตรี แน่นอน ชายผู้นั้นต้องสมยอมนะขอรับ หากแอบย่องไปขโมย หรือบังคับก็จะมิได้ผล” ชาย!! นี่ข้าฟังผิดไปใช่ไหม
“ชาย!! เจ้าจะบ้าหรือไรแกริค ข้าเป็นผู้ชาย ใยไม่ตั้งกฎเป็นหญิงสาวเล่า” ข้าโวยวายอย่างไม่เข้าใจ
“หากพ่อให้แกริคตั้งกฎสาวงาม ก็เข้าทางเข้านะสิเจ้าลูกบ้า ชอบนักนี่ของสวยๆงามๆ ชอบนักนี่หญิงพวกนั้น หึหึ จำไว้ ผู้ที่จะช่วยเจ้าได้ ต้องเป็นชายบริสุทธิ์เท่านั้น ไปได้!!”จบคำเสด็จพ่อ ทุกคนโค้งกายพร้อมเดินออกจากท้องพระโรงไป
“แกริค ส่งโจเซฟไปยังนอกราชอาณาจักรของเราเสีย เจ้ามีเวลาเพียง1เดือนเท่านั้นนะโจเซฟ หากช้ากว่านั้น พ่อจะยกราชสมบัติให้คนอื่น”
“เสด็จพ่อ!!!” ข้ากล่าวได้เพียงเท่านั้น เพราะเพียงจบประโยคตัวข้าก็มาอยู่ในป่าที่ข้าคุ้นเคยเป็นอย่างดี มาคราวก่อนข้าเป็นเจ้าชาย มาคราวนี้เป็นกบเสียอย่างนั้น ชายบริสุทธิ์ เหอะ!! คนเช่นนั้นยังจะมีอยู่อีกรึ
ข้าเดิน เอ่อ ไม่สิ ข้ากระโดดไปข้างหน้ากับเส้นทางที่คุ้นเคย หากจำไม่ผิด ชายป่าด้านหน้านี้ เป็นอาณาจักรที่ทำการค้ากับเสด็จพ่อบ่อย ได้ยินว่ามีบุตรชายอยู่หนึ่งคน ยังไงคงต้องลองไปดูก่อนก็แล้วกัน เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้นข้าจึงมุ่งกระโดดตรงไปทันที
เสียงเจื้อยแจ้วดังอื้ออึงของผู้คนมากมายภายในเมืองยิ่งคนเยอะมากเท่าไหร่ ข้ายิ่งต้องระวังมากขึ้นเท่านั้น ข้ากระโดดหลบฝ่าเท้าของผู้คนไปมาแต่ใช่ส่าข้าจะหลบพ้นทุกเท้าไป ตัวข้าเจ็บระบมไปหมด ขาที่ใช้กระโดดก็ไม่สามารถกระโดดได้อีก เพราะแรงเตะจากคนในเมือง กบอย่างข้าน่ารังเกียจนักหรือไรนะ ข้าลากตัวเองมาพักตรงมุมเสาใช้หลบแดดที่ร้อนจ้าและฝูงคนที่เดินเบียดกันไปมา เจ็บชะมัด นี่แค่วันแรกข้าก็ต้องเจ็บเช่นนี้แล้วหรือ
“เสด็จพ่อนะ เสด็จพ่อ ทรงทราบหรือไม่ว่าข้าเจ็บแค่ไหน” ข้านั่งมองเหม่อไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย แต่ก็ต้องดึงสติกลับมา เมื่อพบว่ามีเงาดำทะมึนมาบดบังการมองเห็น
“เจ้าบาดเจ็บหรือเจ้ากบน้อย เป็นอะไรมากไหม” เสียงนุ่มของใครบางคนเรียกให้ข้าต้องแหงนหน้าขึ้นมอง
อา งดงามอะไรเช่นนี้ ใครกันนะ
“เจ้าชายเลนนี่ขอรับ ไปกันเถอะขอรับอย่ามัวเสียเวลากับเจ้ากบสกปรกนี่เลย” กบสกปรก กล้าว่าข้าเชียวหรือเจ้าคนชั้นต่ำ!!
“ชู่!! อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวก็ถูกเจอหรอก บอกแล้วนี่ ข้าชื่อเลน ไม่ใช่เจ้าชายเลนนี่”
“อ๊ะ!!! ขอรับ เอ่อ ข้าเข้าใจแล้ว ไปเถอะเจ้า เอ่อเลน ปล่อยเจ้ากบนี่ไว้นี่ก็ได้นี่”
“ได้ไง เจ้าไม่เห็นหรือว่าเขาบาดเจ็บ” มือบางช้อนตัวข้าขึ้น อา ทั้งนุ่มทั้งอุ่น
“ไปกันได้แล้วเกล ข้าจะกลับปราสาทแล้ว ไปกับข้านะเจ้ากบ ข้าจะรักษาเจ้าเอง” เจ้าชายองค์น้อยพูดกับข้ารับใช้ก่อนจะหันมาพูดกับข้าพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ข้ามองเขาตลอดทางที่เราเดินไปยังปราสาทใหญ่ ทุกอย่างมันช่างต่างจากเมืองข้านัก หรืออาจจะเป็นเพราะข้ายังไม่ชินถึงทำให้ข้านึกถึงบ้านขึ้นมา
“เอาละ เดี๋ยวข้าจะทำแผลให้เจ้านะ อย่าดิ้นนักละ ตัวเจ้าลื่นเกิดข้าทำเจ้าตกเตียงขึ้นมา อาจจะบาดเจ็บมากกว่านี้” คนตัวเล็กพูดกับข้าเมื่อกลับมาถึงห้องของเขา เขาวางข้าไว้บนเตียงนอนใหญ่ที่เรียบง่ายแต่ช่างน่าดูชมนัก
“เกล เจ้าออกไปเอาน้ำอุ่นมาให้ข้าแล้วก็สำรับยาด้วย ออ...อย่าลืมอาหารมาให้เจ้ากบด้วยละ”
“ขอรับเจ้าชายเลนนี่” ข้ารับใช้นามว่าเกลโค้งตัวแล้วเดินออกจากห้องไป
“เอาล่ะ ไหนมาดูกันสิว่า เจ้าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง” มือบางจับสองขาหน้า? (ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร) ขึ้นชูพร้อมใบหน้าเล็กก้มลงมามองหาบาดแผลของข้า เมื่อไม่เห็นว่ามี มือบางจึงคว้าหมับเข้าที่โคนขาข้างที่เดี้ยงของข้าอย่างแรง
“โอ้ยยย!!!” เออ ข้าแหกปากเองแหละ
“เฮ้ย!!” ร่างงามตรงหน้าปล่อยมือทันที และขยับหนีไปยังอีกมุมของเตียง
“เจ้า เจ้า เจ้า ใยเจ้าจึงพูดได้กัน” หน้างามฉายแววหวาดหวั่น
“อ่า ขออภัย เจ้าชายเลนนี่”
“เจ้า เป็นตัวอะไรกันแน่ บอกมานะ!!” มือบางคว้าหนังสือชูขึ้นราวกับต้องการจะข่มขู่
“ข้ามีนามว่า เจ้าชายโจเซฟ ข้ามาจากอาณาจักรใกล้เคียง ที่อยู่ถัดจากแนวป่าทางด้านนั้นไป ท่านคงจะเคยรู้จักกระมัง” ข้าแนะนำตัวอย่างสุภาพ อย่างไรเสียก็ต้องลองเสี่ยงกับร่างเล็กดู แม้ข้าจะมิได้พิศวาสชายก็ตาม
“จริงหรือ?” ร่างเล็กเริ่มมีสีหน้าลังเล มือบางเองก็ลดการตั้งการ์ดลง
“แน่นอน ข้ามิเคยโป้ปดผู้ใด” ข้ายืนยันเสียงแน่น
“เช่นนั้น ข้าต้องขออภัยด้วย เจ้าชายโจเซฟ หากไม่เป็นการเสียมารยาท ข้าขอบังอาจไต่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ใยท่านจึงมี เอ่อ ร่างเป็นกบเช่นนี้”
“เรื่องนี้เล่าแล้วก็ยาว เฮ้ออ” ข้าแกล้งทำเสียงเซร้าสร้อยเรียกความสงสารจากคนตรงหน้า
“เล่าเถิด หากมีอะไรช่วยได้ข้าจะช่วยท่านเอง”
“สัญญาได้รึไม่?” ผมถามด้วยแววตาพราวระยัยที่คนมองมิได้ล่วงรู้เลย
“ข้าให้คำสัตย์”
“ได้ ข้าโดนกลั่นแกล้งจากพ่อมดหลวงขออาณาจักร เขาจงใจแกล้งข้า สาปข้ามิพอ ยังส่งข้ามายังป่าที่เต็มไปด้วยอันตราย ข้ารึสู้เอาชีวิตรอดจากสัตว์ร้ายมิพอ ไหนจะต้องหลบตีน เอ่อ หลบฝ่าเท้าของใครอีกหลายคน ดูตัวข้าสิ ข้าตัวแค่นี้ จะไปสู้ใครเขาได้กัน”
หึหึ!! อย่าว่ากันเลยนะแกริค เจ้าทำข้าก่อน ว่าแต่ ข้าคงไม่ได้เสริมเติมแต่งเยอะไปใช่หรือไม่??
“โอ้.....ทำไมถึงใจร้ายได้เช่นนี้ แล้วใยเขาต้องกลั่นแกล้งท่านล่ะ” นั่นสิ ทำไมละ อา ข้าลืมคิดไป
“เพราะ เอ่อ เพราะ อ๋อ...เพราะเขาคิดว่าข้าไปแย่งชิงหญิงที่เขาหมายตาเอาไว้ ทั้งที่ความจริงแล้วข้าเพียงมีน้ำใจให้นางเท่านั้น มิเคยคิดอื่นใดเลย” จริงจริ๊งงงงงงงงง
“แล้วเช่นนี้ ต้องทำอย่างไร ท่านจึงจะกลับคืนร่างเดิมเล่า” น้ำเสียงนุ่มถามไถ่อย่างห่วงใย
“ก่อนข้าจะตอบ ข้าขอถามท่านสักข้อได้รึไม่?”
“ได้สิ เชิญท่านถามข้าได้เลย” ร่างบางตอบกลับข้าด้วยรอยยิ้ม
“ท่านเคยมีสัมพันธ์กับสตรีคนใดหรือไม่” สิ้นคำถามข้า ใบหน้างามเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
“ก็ ก็ ก็ยัง” ข้ายกยิ้มอย่างถูกใจ แต่คงต้องถามให้ครบล่ะนะ
“แล้วกับบุรุษเล่า เคยรึไม่?”
“ท่าน ท่าน ท่านเห็นเราเป็นคนเช่นไร ใยจึงถามข้าเช่นนี้” จากที่แดงจากความเขินอาย ก็แปลเปลี่ยนเป็นโกรธ
“ขออภัยจริงๆ แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ข้ามิได้มีเจตนาดูแคลนท่านหรืออย่างไร”
“ไม่ ไม่เคยแน่นอน” ใบหน้างามเชิดขึ้นตอบ
“ดีๆ เอ่อ ข้าหมายถึง หากเป็นเช่นนั้น ท่านก็คงช่วยข้าได้” เจ้าชายเลนนี่หันขวับกลับมามองข้าทันที
“จริงรึ ไหนๆ ขอเพียงท่านบอกวิธีมา ข้าสัญญาจะช่วยท่านอย่างเต็มที่”
“อา ข้าถือว่าท่านให้คำสัตย์กับข้าแล้วนะ” เจ้าชายเลนนี่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว ข้าสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเอ่ยตอบ
“ข้า จะต้องดื่มน้ำจากกายชายบริสุทธิ์”
“?????”
“เอ่อ ท่านอาจจะไม่เข้าใจ ข้าจะอธิบายให้ฟัง” โอ้ย ข้าอยากจะบ้า เกิดมาข้าไม่เคยต้องเขินอายอะไรกับใครเขาขนาดนี้ แค่อธิบายไปว่ามันคือสิ่งที่หลั่งออกมายามสุขสมแค่นี้ มันยากอะไรนักนะ
“มันคือ อ่า มันคือน้ำแห่งชีวิตของบุรุษเพศ โอ้ยยย ข้าไม่รู้จะอธิบายเช่นไรแล้ว หากเจ้าไม่เข้าใจ คืนนี้ข้าจะสอนเจ้าเอง แต่ตอนนี้ เก็บเรื่องที่ข้าเป็นใครไว้เป็นความลับด้วยนะ ไม่เช่นนั้นคงเกิดปัญหาตามมา”
“อะ อ๋อ ได้ๆ ข้ายังไม่เข้าใจเท่าไหร่ ท่านบอกข้าคืนนี้ก็ได้ แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องท่านข้าจะไม่บอกใครแน่นอน” ข้าลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อย วันนี้ข้าจะทำความเข้าใจกับเขาแล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มมันก็ได้ สู้สิโจเซฟ แค่สามราตรีเท่านั้น แล้วทุกอย่างจะเหมือนเดิม
ไม่นานข้ารับใช้คนเดิมก็กลับเข้ามาพร้อมสำรับยาที่เจ้าชายเลนนี่สั่งไว้พร้อมด้วยอาหารละลานตา มือบางของเจ้าชายเลนนี่หยิบผ้าสีขาวบางๆขึ้นมาพันไว้บริเวณขาของข้าอย่างเบามือจนข้าแทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนักมือของเขาที่กดลงมา ข้ายอมรับเลยว่าเลนนี่ใส่ใจข้ามากกว่าหญิงสาวคนใดที่ข้าได้พานพบและนั่น ทำให้หัวใจข้าเต้นแปลกๆ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นและทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ แม้จะน้อยแต่คุณคือกำลังใจที่เราจะเขียนต่อ ดีใจที่เข้ามาอ่านและชอบนะคะ
