ตอนที่ 23 ...วันว่าง
แสงแดดรำไรตอนเช้าๆที่สาดส่องลอดม่านออกมา ทำให้มัจฉาต้องขยี้ดวงตาที่หรี่ปรือสู้แสง นี่เขาตื่นสายเหรอ
มัจฉาลุกจากที่นอนพลางขมวดคิ้วนิ่วหน้า ด้วยความรู้สึกมึนหัว อ้อ...เมื่อคืนมีไข้ กลับจากสอบเมื่อวานความตั้งใจจะคุยกับยายกิ่งเป็นอันต้องพับ
เพราะเขาดันไข้ขึ้นทั้งคืน คงเพราะเครียดและร่างกายไม่ได้พักผ่อนมาหลายวัน
เขาค่อยๆขยับกายลุกเดินไปที่ห้องน้ำจัดการชำระร่างกายพลางคิดเรื่อยเปื่อยสะระตะ วันนี้คุณสงครามคงไปส่งน้องเฟีย และเลยไปทำงาน
เมื่อวานทั้งพ่อทั้งลูกงอแงไม่ยอมไปทำงานไม่ไปโรงเรียนเพียงเพราะเขาป่วย บางครั้งก็รู้สึกดีใจที่มีคนเป็นห่วงและรักเขาขนาดนี้
แต่การรักเขาแล้วเสียงานหรือเสียการเรียนเขาไม่โอเค กว่าจะกล่อมสองพ่อลูกนั่นให้ไปทำหน้าที่ตัวเองได้เขาก็เหนื่อยจนหลับไป
ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องทำให้มัจฉาที่กำลังแต่งตัวเดินออกมาเปิดประตู มะตูมยืนยิ้มแฉ่งที่หน้าห้องพร้อมถาดอาหารเช้าและยาที่คงเป็นคุณสงครามจัดไว้ให้
“ตูมเอาลงไปข้างล่างเถอะครับเดี๋ยวผมลงไปนะ จะไปกินข้าวกับยายกิ่ง ดีกว่ากินคนเดียวไม่อร่อย”
เขาบอกยิ้มๆเพราะรู้ว่ามะตูมจะดื้อดึงตามคำสั่งเจ้าของบ้านว่าให้เขาพักผ่อนเยอะๆแต่เขาไม่ได้ป่วยหนักนะแค่มีไข้เท่านั้นและตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว
“แต่คุณเดียวสั่งไว้ว่า....”
“ตูมครับ..ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียวนี่นา นะ “
เสียงอ้อนๆทั้งหน้าแดงๆที่ยังมีฤทธิ์ไข้เล่นงานอยู่ทำเอามะตูมเองดันเขินไปกับคำอ้อนแบบนั้นคนอะไรหล่อได้สวยได้อ้อนเก่ง มิน่าคุณเดียวของเธอถึงไม่อยากไปทำงาน
“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวตูมบอกยายกิ่งให้นะคะ อ้อ..คุณเนไม่อยู่นะคะเห็นว่าคุณปลาหลับอยู่เลยฝากตูมบอกเพราะต้องไปรับคุณก้อยที่ สนามบินค่ะ”
“หืม คุณก้อยกลับมาเหรอ”มัจฉาตื่นเต้นเมื่อได้ยินว่าคนที่ดีต่อเขามากๆคนนึงกำลังกลับมา
“ค่ะอีกเดี๋ยวคงมาที่นี่กัน “
“ดีจังไม่ได้เจอคุณก้อยนานมากเลย..แต่..”มัจฉาฉุกใจคิดคุณก้อยจะรังเกียจเขาไหมเด็กที่คุณก้อยเอ็นดูหางานให้ทำแต่มาแทรกครอบครัวของคุณก้อยแบบนี้..
....................................................
.บนโต๊ะอาหารที่มียายกิ่งร่วมโต๊ะ สีหน้าที่แสดงออกถึงความกังวล ปิดยายกิ่งไม่มิด
“คุณปลาเป็นอะไรคะบอกยายได้ไหมกับข้าวไม่อร่อยเหรอคะ “หญิงชราเอ่ยถามยิ้มๆเมื่อเห็นท่าทางไม่ร่าเริงของมัจฉา
“เปล่าครับยาย ผมแค่กังวลเรื่อง...”
“คุณก้อยใช่ไหมคะ “มัจฉาพยักหน้ารับเอาคำถามของยายกิ่ง
“อย่ากังวลไปเลย คุณก้อยน่ะเธอดีกับคุณเดียวมาแต่ไหนแต่ไรตั้งแต่คุณท่านจากไปก็มีคุณก้อยคนนึงที่ช่วยเยียวยาคุณเดียวในจุดที่ไม่มีใคร ความย่ำแย่ของคุณเดียวตอนนั้นทุกคนอยากช่วยแต่ไม่มีใครช่วยอะไรได้นอกจากให้กำลังใจ และกำลังใจสำคัญของคุณเดียวคือคุณก้อยนะคะ เธอเข้าใจโลกมากกว่าที่หลายคนคิดนะ คุณปลาอย่ากังวลไปเลยค่ะ”
“ยายกิ่งครับ ..จริงๆผมเองก็ไม่ค่อยจะรู้อะไรมากนักในเรื่องอดีต ผมไม่รู้ว่าทุกคนผ่านจุดนั้นมาแบบไหน ตอนนี้ผมเป็นห่วงน้องเฟีย ถ้ายายจะกรุณาเล่าให้ผมฟังเผื่อว่าผมจะได้ระวังการกระทำหรืออะไรที่ไปกระทบกับสิ่งที่ผมไม่รู้”
มัจฉาตัดสินใจถามยายกิ่งเพราะแรกๆที่มาที่นี่เธอจำได้ว่ายายกิ่งเอ็ดมะตูมที่จะเล่าเรื่องคุณมายาให้เขาฟัง ในตอนนั้นเขาคิดว่าคนเป็นพี่เลี้ยง
ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของเจ้านาย แต่ตอนนี้เขาห่วงความรู้สึกของคุณหนูและคุณสงครามมากจนกลัวว่าถ้าเขาทำอะไรโดยที่ไม่รู้เรื่องแล้วไป
กระทบความรู้สึกทั้งสองคนนั่นเข้าเขาต้องรู้สึกผิดอย่างมากแน่ๆ ไหนจะอาการซึมๆของคุณหนูที่คุณครูเล่าให้ฟังมันทำให้เขากังวล
หญิงชรามองหน้าเด็กหนุ่มที่มีแววเศร้าเมื่อพูดถึงสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ เธอเข้าใจว่ามัจฉาคิดมากแค่ไหน กลับการที่จากคนมาทำงานเป็นพี่เลี้ยง
ให้คุณหนูแต่ตอนนี้กลายเป็นเจ้าของบ้านเป็นเจ้านายของทุกคนไปแล้วจะรู้สึกอึดอัดกับเรื่องราวที่เคยถูกฝังไว้
และเรื่องราวของคุณหนูทีคุณปลาเล้าให้ฟังเมื่อวานแต่ยังไม่สบโอกาสที่จะคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว
“พี่เดียวเล่าให้ฟังบ้างแต่ผมคิดว่ามันมีบางอย่างที่ผมยังไม่รู้..เพราะบางครั้งคุณหนูมีท่าทีแปลกๆเมื่อพูดถึงแม่ ผมเคยคิดว่าไม่รู้จะดีกว่า แต่คิดอีกทีผมกลัวว่าความไม่รู้ของผมจะไปกระทบกับใครหรือเปล่าโดยเฉพาะคุณหนู”
“เอาจริงๆยายคิดว่าสักวันคุณเดียวเธอคงเล่าให้คุณปลาฟังนะคะ แต่คงจะไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหนมากกว่าค่ะคุณปลาอย่าคิดมากนะคะ คุณเดียวเคยคุยกันกับยายเรื่องนี้ ถ้าอย่างนั้น ยายจะเล่าให้คุณปลาฟัง อีกเรื่องก็แล้วกันนะคะ”
หญิงชราตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เก็บงำมาตลอด ให้เจ้าของบ้านคนใหม่ฟังเพราะเธอเชื่อว่าคุณเดียวของเธอคงไม่เล่าเรื่องนี้ให้คุณปลาฟังเป็นแน่
……………………
เพล้ง!!
เสียงแจกันใบใหญ่ที่ถูกเหวี่ยงลงชั้นวางกระทบพื้นห้องแตกกระจายไปทั่วห้องรับแขกของบ้าน หญิงสูงวัยรีบวิ่งจากห้องครัวมาที่ต้นเสียง
ภาพที่เธอเห็นทำให้เธอแทบจะร้องไห้ไปกับเจ้าของบ้านที่ซบหน้าลงกับไหล่บอบบางของคนเป็นเมียที่พยายามจะดิ้นรน
แต่สิ่งที่เธอตกใจจนกลายเป็นความโกรธคือภาพของเด็กชายตัวน้อยนั่งนิ่งอยู่ข้างประตู เธอถลาเข้าไปประคองร่างเล็กๆนั่นเอาไว้
เด็กน้อยร้องไห้อย่างหนัก ร่องรอยบอบช้ำตามแขนเล็กๆและแผลที่ถูกอะไรสักอย่างบาดที่ขาจนเลือดไหลซึมอยู่ยิ่งทำให้ยายกิ่งโมโห
แต่คนเป็นพ่อกับแม่กลับไม่สนใจ มายาเอาแต่กรีดร้องโวยวาย สงครามก็เฝ้าแต่อ้อนวอนร้องขอฉุดกระชากดึงดัน คนเป็นเมียเอาไว้
“มายาทำไมทำกับเดียวแบบนี้ ขอร้องล่ะอย่าไป นะขอร้อง”
สงครามที่กอดมายาเอาไว้แน่น ใกล้ๆกันมีแจกันใบใหญ่ที่แตกละเอียดอยู่บนพื้นห้อง
“จะให้มายาอยู่ทำไมล่ะคะ ตอนนี้ เดียวเป็นยังไงรู้ตัวหรือเปล่า กลุ่มเพื่อนๆ แทบจะไม่มีใครคบมายาแล้ว ข่าวดังกันทั้งประเทศแบบนี้ เดียวจะให้มายาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เขารู้กันหมดว่าพ่อคุณขี้โกง ปล่อยมายาเลยนะ “
เสียงเกรี้ยวกราดของมายา ดังแสบแก้วหูมันดังจนกลบเสียงร้องไห้ของคุณสงครามกับมาเฟีย ผู้ชายตัวโตที่ร้องไห้อย่างไม่อายใคร ยิ่งทำให้ยายกิ่งสงสาร
“แม่ฮะ ฮึก...ฮือ..อย่าไปๆ.”
“จะร้องทำไมนักหนาฮะเฟีย ยายกิ่งพาเฟียขึ้นห้องไป๊!! “
เสียงตวาดแว้ดๆจนแสบแก้วหูของมายาทำให้ยายกิ่งเผลอปล่อยตัวคุณหนูของเธอที่วิ่งเข้าไปหาทั้งพ่อและแม่ เด็กชายวิ่งเข้าไปกอดขาของคนเป็นแม่เอาไว้
“มายาพ่อผมถูกกล่าวหาพ่อไม่ผิดนะ มายาอย่าไปนะ ได้โปรดอย่าทิ้ง ..อย่าทิ้งกัน ไม่รักลูกแล้วเหรอ ไม่รักกันแล้วเหรอ มายา”
เสียงแหบโหยของสงครามทำให้ยายกิ่งสะท้อนใจ คุณเดียวของเธอไม่เคยเป็นแบบนี้
““เฮอะ ..รักแล้วกินได้ไหม ชื่อเสียงมายาป่นปี้หมด ถ้าต้องอยู่กับเดียวแล้วมายาต้องออกจากสังคมน่ะ ทำไม่ได้หรอกนะ อ้อ จะบอกอะไรให้ อย่าลืมไปเซ็นใบหย่าพรุ่งนี้นะ ถ้าเดียวรักมายาจริง ปล่อยมายาไปเถอะ เราไปด้วยกันไม่ได้แล้ว เดียวต้องเข้าใจนะที่ยอมแต่งงานด้วยเพราะท้องหรอก ไม่เข้าใจหรือไง ว่าไม่เคยรักตั้งแต่แรกแล้ว !!”
“เพราะงั้นเลยต้องไปหาผัวใหม่ใช่ไหม เพราะแบบนี้เหรอ!! “
สงครามที่รั้งสติตัวเองไม่อยู่ตวาดก้อง มายาคว้าเอาแจกันใบเล็กที่ยังวางอยู่บนโต๊ะหมายจะฟาดใส่คนตัวโตที่กำลังตะคอกใส่เธออย่างขาดสติ
สงครามเงื้อมือขึ้นหวังจะปัดแจกันใบนั้นออกจากมือของมายา แต่ก่อนที่ฝ่ามือนั้นจะได้กระทบกับสิ่งที่ตั้งใจไว้ เด็กน้อยที่ยืนอยู่รีบผลักขาคนเป็นแม่ให้ถอยห่างทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“แม่อย่าทำพ่อ..อย่า...!!”
ร่างบางเซถลาออกจากจุดที่ยืนอยู่ด้วยความที่ไม่ระวัง สงครามเองที่กำลังเงื้อมือขึ้นเพื่อปัดป้องแต่แรงที่ฟาดมืออกไปกลับวืดไปในอากาศ
ทั้งยังร่างกายอ่อนแอ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทำให้เขาทรุดลงข้างๆภรรยาและลูก มือหนาที่เงื้อง้างเข้าใส่คนเป็นเมียก็พลาดพลั้งลงมากระทบกับใบหน้าเล็กๆที่ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆแม่
เพี๊ยะ!
“เฟีย!”สงครามตื่นตะลึงเมื่อเห็นร่างเล็กๆของลูกทรุดลงเขาผละออกจากมายาจะเข้าหาลูก แต่ก็ช้ากว่าคนเป็นแม่ที่จับเอาแขนเล็กๆนั่นไว้
ยายกิ่งยังนึกดีใจที่อย่างน้อยคุณมายายังไม่ทำอะไรเป็นการตอบโต้คุณสงครามแต่วินาทีถัดมายายกิ่งต้องกรีดร้องแข่งกับคุณสงคราม
“ไปไกลๆเลย!”เธอสะบัดเอาลูกตัวน้อยให้ห่างกายเมื่อเห็นว่าสงครามพุ่งไปที่ลูกเป็นจังหวะให้เธอปลีกตัวออกมาได้
“กรี๊ด!!!คุณหนู!!!” ร่างเล็กๆลอยละลิ่วตามแรงเหวี่ยงของคนเป็นแม่ สงครามพุ่งตัวเข้ารับลูกชายตัวน้อยเมื่อมายาจับแขนของเด็กน้อยแล้วเหวี่ยงเต็มแรงให้ออกพ้นตัว
โครม! ร่างสูงใหญ่ปลิวไปปะทะกับโต๊ะรับแขกโดยมีร่างเล็กๆของลูกชายในอ้อมกอดแต่ถึงอย่างนั้น แขนเล็กๆนั่นก็ปะทะเข้ากับขาโต๊ะเต็มแรง
เด็กน้อยเจ็บปวดแทบขาดใจ ทั้งยังช็อคไม่หายเมื่อโดนแม่จับโยนจนตัวปลิว แต่คนเป็นแม่กลับไม่สนใจใดๆตอนนี้เธอคิดแค่ว่าจะต้องรีบออกจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด
“เฟีย..ลูก...เฟีย พ่อขอโทษลูก..พ่อขอโทษ “
ร่างเล็กๆกอดพ่อเอาไว้แน่นทั้งยังร้องไห้แผดเสียงจ้าแข่งกับยายกิ่งเด็กน้อยรู้สึกตกใจและกลัวที่แม่เหวี่ยงเขาออกมาแบบนั้น ทั้งฝ่ามือของพ่อที่ฟาดลงมาที่แก้มเล็กๆแม้มันจะแค่เฉียดๆแต่มันยังเจ็บและแดงไม่จางหาย
“คุณมันบ้าคุณมายาคุณมันบ้าไปแล้ว ฮือ..”
หญิงสูงวัยไม่มีคำพูดใดที่จะพูดกับหญิงสาวที่เธอเคยให้ความเคารพ เธอดึงเอาเด็กน้อยออกจากอ้อมกอดของคนเป็นพ่อเมื่อเห็นว่าคุณสงครามเริ่มไม่มีสติ
เพราะช็อคที่ตัวเองพลั้งมือใส่ลูกและเห็นมายาทำร้ายลูก จังหวะที่มายากำลังจะไปคุณกันธรก็เข้ามา ตามด้วยคุณการันต์ คนที่เธอไม่เห็นหน้าร่วม สามปี แล้วทุกอย่างก็วุ่นวายและพังลงไปกับคำว่าครอบครัว....
.............................
มัจฉานั่งเงียบไปกับเรื่องราวที่ได้ยิน เขารู้สึกสงสารคุณหนูจนอยากจะร้องไห้ เด็กน้อยคนนั้นจะทุกข์ใจแค่ไหนนะวันที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน ไม่ต่างจากเขาเลย ที่ทำอะไรไม่ได้ต้องปล่อยให้ผู้ใหญ่ตัดสินใจ
“คุณเดียวน่ะ แต่ก่อนเธอเป็นคนร่าเริงนะคะ ไม่ค่อยคิดอะไรเยอะ เป็นที่รักของเพื่อนๆ จิตใจดี เธอรักคุณมายามาก...เอ่อ..แต่ก่อนนะคะ”
ยายกิ่งไม่แน่ใจว่าจะเอ่ยอะไรได้มากน้อยแค่ไหนเพราะเกรงใจมัจฉา
“เรื่องมันผ่านมาแล้วผมไม่คิดอะไรหรอกครับยายกิ่งเล่าเถอะ”
“หลังจากจัดงานศพคุณท่านเสร็จแล้ว คุณเดียวก็พยายามตามตัวคุณมายากลับมา แต่ก็โดนเพื่อนเก่าอย่างคุณทรงพลที่แต่งงานกับคุณมายา
ชื่อเสียง เงินทองอำนาจ ทุกอย่างคุณทรงพลมีมากมายในขณะที่คุณเดียวมีแค่บ้านหลังนี้เพียงหลังเดียวที่ยังเหลืออยู่ คำดูถูกของคน
ทั้งยังคนรอบข้างจากมิตรกลายเป็นศัตรู จากเพื่อนกลายเป็นอะไรไม่รู้ที่ไม่มีตัวตน ยายอยู่กับคุณท่านมานาน ไม่เคยเห็นคุณเดียวจริงจัง
กับการฟื้นฟูธุรกิจใหม่แบบนี้เลย และคนที่ช่วยดูแลคุณหนูยามที่คุณเดียวมุงานหนักก็คือคุณก้อย ที่ยอมทิ้งครอบครัวเพื่อเข้ามาดูแลหลาน
ส่วนคุณรันกับคุณธรเข้ามาช่วยงาน เพื่อดึงทุกอย่างกลับคืนมา ครั้งแรก คุณเดียวทำเพื่ออยากให้คุณมายากลับมา
เพราะเชื่อว่าเมื่อไหร่ที่อำนาจและเงินกลับมา คนอย่างมายาจะกลับมาหาลูกแม้ว่าคุณมายาจะไม่กลับมาอยู่ด้วยกันอีก แค่กลับมาหาลูก
คุณเดียวก็พอใจแล้ว ยิ่งธุรกิจของคุณทรงพล นั่นคุณธรเธอรวบเอาไว้ได้อย่างที่คุณเดียวต้องการมันยิ่งทำให้ทำให้คุณเดียวเธออยากเอาชนะ “
“แล้ว....”
“แรกๆคุณเดียวเธออยากให้คุณมายากลับมาค่ะเพราะคุณเดียวรักลูกมากเธอสงสารลูกเอาแต่ร้องไห้ เธอคิดว่าคุณหนูต้องการแม่
แต่จริงๆแล้วยายคิดว่าคุณหนูต้องการพ่อมากกว่า ยายคิดว่าคุณหนูเธอฝังใจกลัวแม่ตั้งแต่วันนั้น คุณเดียวไม่รู้ เลยพยายามจะพาคุณมายากลับมา
แต่หลังๆนี่ เธอคงเริ่มเห็นอะไรหลายอย่างบวกกับคุณธรและคุณรันเข้ามา เธอเลยไม่คิดจะหวนกลับไปหาคุณมายาอีก จนคุณปลามานี่แหละค่ะ
คุณเดียวเธอจึงได้รู้ว่าเธอหมดรักคุณมายามานานแล้ว ที่ยายเล่าให้ฟังไม่อยากให้คุณปลาคิดมาก อยากให้คุณปลาเข้าใจ อีกอย่างคุณเดียวของยายน่ะเวลาเธอรักใครเธอทุ่มทั้งใจ ยายขออย่างเดียวนะคะ “
“อะไรเหรอครับ”
“อย่าทิ้งพ่อลูกคู่นี้เลยนะคะ คุณปลาต้องอยู่กับคุณเดียวกับคุณหนูไปนานๆนะ “
“ยายกิ่งครับ ผมน่ะไม่ทิ้งหรอก เพราะผมเองก็ไม่มีใครนอกจากเขาสองคน “
อาหารมื้อเช้าที่มัจฉาได้ฟังเรื่องราวที่ไม่เคยรู้ และมัจฉาคิดว่านั่นเป็นสาเหตุที่คุณหนูของเขากลัวการเหวี่ยง แรงปะทะวันนั้น
เด็กน้อยคงเจ็บมากทั้งจากมือพ่อและแรงเหวี่ยงของแม่ บางอย่างคุณสงครามเล่าให้ฟังแต่ก็ไม่ได้ละเอียดอะไร
เพราะโดยนิสัยของคุณสงครามแล้ว แค่เล่าคร่าวๆเท่านั้น อันที่จริงเขาไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก แต่ก็มีกังวลบ้างตามประสาเพราะเขาเป็นผู้ชาย
เขาไม่รู้ว่าคุณสงครามรักเขาจริงๆอย่างที่บอกหรือเปล่า เขายังกังวลเรื่องของคุณหนูเรื่องของคนรอบข้าง การวางตัวในสถานะใหม่
เขาไม่ชิน แต่สิ่งที่เขากังวลหนักกว่านั้นคือเรื่องของคุณหนู เห็นทีเขาต้องคุยเรื่องนี้จริงจังกับคุณสงครามเสียที
“โอ้..มาทันมื้อเช้าด้วย น้องปลามากอดทีดิ๊”เสียงร่าเริงของหญิงวัยกลางคนที่ยังคงมีเรือนร่างอวบอัดตามวัยเดินรี่เข้าหามัจฉาที่โต๊ะอาหาร
“คุณก้อย”มัจฉาฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นคนที่ส่งเสียงมาตั้งแต่หน้าประตู
“คิดถึงจังเลย...ขอบใจมากนะที่ยังดูแลเจ้าแสบสองพ่อลูกนั่นอยู่”
“คือ..เอ่อ..ครับ”มัจฉาไม่รู้จะพูดอะไรไม่รู้ว่าคุณก้อยรู้เรื่องราวของเขากับคุณสงครามแค่ไหน จึงได้แต่อ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้น
“แม่ครับน้องปลาจะอึดอัดเอานะรัดขนาดนั้นน่ะ “เนติรีบท้วงผู้เป็นแม่เมื่อเห็นว่าแม่จะกอดคุณปลาแน่นไปแล้ว
“อ้าวลืมเน ฮ่าๆ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิปลา พี่ก้อยรู้ทุกเรื่องแหละแล้วก็ยินดีมากๆที่เป็นน้องปลานะ อ้อ อีกอย่างปลาเป็นน้องสะใภ้ต้องเรียกพี่ก้อยได้ละไม่ให้เรียกคุณก้อยแล้วนะ “
เสียงร่าเริงอารมณ์ดีของคุณก้อยทำเอามัจฉาน้ำตารื้นเมื่อได้รับความเอ็นดูและไว้ใจได้ขนาดนี้
“อ้าวๆเป่าปี่ซะแล้ว ไม่เอาไม่ร้อง เดี๋ยวเจ้าเดียวมันบีบคอพี่หรอก ทำเมียมันร้องไห้เนี่ย”
“อ่า...>////< “ คำว่าเมียทำมัจฉาเขินหนักไปอีกจะว่าไปเขาก็ม่ชินกับคำนี้เท่าไหร่
“ยายกิ่งขา ก้อยอยากกินกล้วยบวชชีฝีมือยายกิ่งจะแย่ ไปอยู่โน่นอดทุกอย่างเลยดูสิผอมลงตั้งเยอะ”
เสียงโอดครวญของคนอารมณ์ดีอย่างคุณก้อยทำเอายายกิ่งและมัจฉาอดที่จะขำไม่ได้ เพราะคำว่าผอมลงนั่นแทบจะไม่จริงเลยสักนิด
“ได้เลยค่ะคุณก้อยอยากกินอะไรเพิ่มไหมคะ บอกยายมาเลยนะยายจะทำเพิ่มให้ แล้วนี่จะมาอยู่กี่วันกันล่ะคะ”
“ไม่นานหรอกค่ะ มารับเจ้าเน”
“อ้าว..พี่เนไม่เห็นบอกผมเลยล่ะครับ”
“ยังไม่มีโอกาสบอกนี่ครับเจ้านายผมกีดกันฮ่าๆๆ”
เนติว่าอย่างอารมณ์ดีก็คุณสงครามน่ะตัวติดกับคุณมัจฉายังกับอะไรดี แค่เขาเข้าใกล้หน่อยยังทำตาขวางพ่อคนขี้หวงนั่น เขาเล่าให้แม่ฟังแม่ยังขำเลย
“พี่ก้อยจะมาอยู่กี่วันครับ”
“ก็ไม่นานจ้ะมาทำเรื่องย้ายเจ้าเนก่อน จริงๆเนบอกทำเองได้แต่พี่อยากเจอน้องปลาคิดถึงเลยขอมาเอง เพราะช่วงนี้ว่างเลยมาได้ ว่าแต่ปลาเถอะ เนบอกว่าไม่สบายไม่ใช่เหรอ แล้วลงมาทำอะไรแต่เช้าไม่พักผ่อนล่ะหืม”
“ไม่เช้าแล้วครับ นอนจนอืดละ พอดีกำลังคุยกับยายกิ่งเพลินครับ ไม่มีใครบอกเลยว่าคุณก้อยจะมา”
“บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ “
“งั้นคุณก้อยจะทานข้าวพร้อมกันเลยไหมคะยายจะจัดสำรับเพิ่มให้”
“ขอบคุณค่ะยายกิ่งกำลังหิวเลย เดี๋ยวกินข้าวเสร็จพี่มีของฝากน้องปลาด้วยนะ”
ยายกิ่งผละออกจากโต๊ะทานข้าวเพื่อจัดสำรับเพิ่มให้หญิงสาวอีกคนเรื่องราวต่างๆกำลังไปได้ดี เธอได้แต่หวังว่าครอบครัวนี้จะมีความสุขกับเขาจริงๆเสียทีหลังจากที่โดนมรสุมปกคลุมมานานมากแล้ว
เธอมองดูคุณก้อยที่ยิ้มเต็มหน้าคุณปลาที่มีความสดใสมากกว่าเดิมหลังจากฟังเธอเล่าเรื่องราวเหล่านั้น
เธอเชื่อว่าคุณเดียวกับคุณหนูจะมีความสุขถ้าคุณปลายังอยู่ที่นี่ และเธอเชื่อมั่นว่าคุณปลาของเธอคงไม่ไปไหนแล้ว
เป็นวันว่างที่บรรยากาศดีมากสำหรับหญิงชรา ที่ผ่านเรื่องราวต่างๆของครอบครัวนี้มาหลายรุ่น บางเรื่องราวก็ต้องให้เป็นบทเรียนไป
อย่าได้ทำผิดซ้ำรอยเดิมก็พอแล้ว บางเรื่องราวก็ต้องมาเรียนรู้กันใหม่ ความผิดพลาดในอดีต บางเรื่องก็ควรต้องบอกบางเรื่องก็ควรต้องปิด
แต่สำหรับคนอย่างคุณปลาแล้วยายกิ่งคิดว่าต้องบอกทุกเรื่อง เพราะคนอย่างมัจฉาพร้อมที่จะเปิดใจรับฟังเรื่องราวทุกอย่างที่เกี่ยวกับพ่อลูกคู่นี้
//คุณท่านคะเห็นไหมคะคุณหนูเดียวกำลังมีความสุขคุณหนูเดียวมีคนดูแลแล้วนะคะคุณท่านวางใจได้นะคะ //
หญิงชราพึมพำกับสายลมที่พัดโชยเบาๆเธอมองดูต้นไม้ที่ไหวเอนไปตามแรงลมก็ต้องยิ้ม ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น แค่นี้เธอก็หมดห่วงแล้ว...
.
.
..
TBC ......
พาน้องปลามาส่งวันเสาร์วันนี้เป็นวันแม่ ก็หวังว่าน้องปลาจะทำหน้าที่นั้นแทนแม่แท้ๆได้อย่างดี
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามอ่านและเม้นท์ให้กำลังใจคนเขียนกันอยู่เรื่อยๆนะคะ
พันวาจะพยายามเข้ามาอัพอย่างต่อเนื่องน๊าาาา