มธุวันไม่ได้รู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพียงการแสดงของเมฆาเท่านั้น
ชายหนุ่มแค่อยากรู้ ว่าท่าทีของมธุวันตอนที่เขาหมดสติไปในแต่ละครั้งเป็นอย่างไร และการเปิดเผยตัวตนของ ‘หมอก’ในอดีตจะสามารถช่วยกระตุ้นความทรงจำเขาได้อีกหรือไม่
น่าเสียดายที่เมฆาไม่ได้เห็นภาพอดีตใดๆจากเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่การที่ได้ยินเสียงเย็นที่สงบนิ่งอยู่เสมอร้องเรียกชื่อของเขาด้วยความเป็นห่วง ก็ทำให้หัวใจของเมฆาเต้นด้วยจังหวะแปลกๆอย่างที่เขาจำไม่ได้ว่าเคยรู้สึก
อยากได้ยินอีก...
ไม่ใช่แค่เสียงที่เรียกชื่อเขา ทั้งอุณหภูมิร่างกายที่อุ่นกำลังพอดี แววตาเป็นประกายทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา น้ำเสียงอ่อนโยนแต่สดใสเหมือนน้ำเย็นชะโลมใจให้ชุ่มชื่น และลมหายใจของร่างโปร่งที่รินรดซอกคอยามที่พวกเขานอนกอดกันบนเตียงกว้าง
สิ่งเหล่านั้นล้วนแต่เป็นความทรงจำที่ขาดหาย แต่กลับเป็นสิ่งที่เขามั่นใจว่าเคยเกิดขึ้น
และเขาอยากได้มันกลับมาอีกครั้ง
ถึงเขาจะยังไม่รู้ถึงสาเหตุที่เขากับมธุวันเลิกรากันไปในความสัมพันธ์ครั้งที่แล้ว แต่เมฆาเชื่อว่าด้วยความทรงจำใหม่ๆที่ผุดขึ้นมาทีละเล็กละน้อยในหัวของเขาทั้งหมดนี้ จะสามารถเอาชนะใจให้มธุวันกลับมาเป็นของเขาอีกครั้งในเวลาไม่นาน
“อือ…”
มธุวันสะลึมสะลือตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา ร่างโปร่งตกใจเมื่อรู้ว่าตัวเองผลอหลับไป มิหนำซ้ำ ในตอนนี้มธุวันยังขึ้นมานอนอยู่บนเตียงแทนที่จะเป็นเก้าอี้เขียนหนังสือที่ตนนั่งอยู่ตอนผล็อยหลับไปด้วย
“ตื่นแล้วเหรอ?”
เมฆาเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถาดอาหารอ่อนในมือ ภาพทั้งหมดนั้นซ้อนทับกับภาพในอดีตเสียจนมธุวันรู้สึกหายใจไม่ออก ร่างโปร่งต้องตั้งสติบอกตัวเองว่าคนตรงหน้าคือคุณเมฆา แต่มันดูจะยิ่งทำได้ยากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายวางถาดอาหารลงบนเตียงแล้วนั่งลงบนเตียงข้างๆเขา ก่อนจะได้ขยับหนี มือใหญ่ก็ทาบลงมาบนหน้าผากใสเสียก่อน
“ไข้ยังไม่ลด กินอะไรก่อนจะได้กินยาลดไข้”
เมฆาว่า มธุวันที่เพิ่งรู้สึกวิงเวียนศีรษะขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ไข้อะไร?ใครไม่สบาย?
“นี่ป่วยอยู่ไม่รู้ตัวเลยล่ะสิ”
เจ้าของห้องถอนหายใจ พอเขาได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของอีกฝ่ายจากข้างเตียงจึงพลิกตัวกลับมา พบว่าร่างโปร่งผล็อยหลับไปเสียอย่างนั้น การกระทำที่ผิดวิสัยของมธุวันตลอดทั้งวันทำให้เมฆารู้สึกเอะใจ พอเอื้อมมือไปแตะที่ซอกคอขาวซึ่งขึ้นสีชมพูระเรื่อถึงได้รู้ว่าอุณหภูมิของร่างกายอีกฝ่ายค่อนข้างสูงกว่าปกติ และอาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ร่างโปร่งอาการหนักกว่าเดิมจนเผลอหลับไปแบบนี้
“ผม?”
มธุวันยังคงมีสีหน้าสับสน อาการมึนๆในหัวไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
“ไม่น่าถึงดุกว่าปกติ”
คนหน้าตายยิ้มขำ เขามีลางสังหรณ์ว่ามธุวันเป็นคนประเภทที่มักจะอารมณ์ไม่ดีเวลาป่วย มธุวันชักสีหน้า ก่อนจะขยับลงจากเตียงของรองประธานหนุ่มอย่างทุลักทุเล
“ผมจะกลับ...”
“จะเที่ยงคืนแล้ว คืนนี้นอนที่นี่เถอะ”
เมฆาขยับกันไม่ให้ร่างบนเตียงหนีไปไหน มธุวันขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ พยายามดันร่างของชายหนุ่มออกด้วยแรงที่ป้อแป้จากพิษไข้
“ถอย…”
“อย่าดื้อได้มั้ย”
ร่างสูงดุคนที่ปกติมักจะมีสีหน้าเย็นชายไม่หยี่ระต่อโลก แต่ตอนนี้กลับทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กโดนขัดใจ
“ผมไม่ใช่เด็ก...”
“ก็อย่าทำตัวเหมือนเด็ก”
เมฆามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปร่างโปร่งที่ทำตัวหงุดหงิดงุ่นง่านใจเหมือนเด็กที่กำลังไม่สบายตัวเวลาป่วย ผิวขาวขึ้นสีกุหลาบระเรื่อน่าประทับริมฝีปากลงไปแต่งแต้มเพิ่มเติมสีสันให้กับงานศิบปะตรงหน้า
แต่สิ่งที่เขาทำมีเพียงยกกะละมังน้ำอุ่นที่วางอยู่บนพื้นข้างเตียงขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วบิดผ้าขนหนูให้หมาด เขาจะไม่บอกมธุวันเด็ดขาดว่าระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังนอนหลับอยู่เขาเช็ดบริเวณใบหน้าและลำคอเพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายไปรอบนึงแล้ว
“เอ้า เช็ดตัวซะ นี่เสื้อผ้า เดี๋ยวฉันไปรอข้างนอก”
“ผมไม่จำเป็นต้องให้ใครมาดูแล”
มธุวันยังคงเถียง แต่ก็ยอมรับผ้าขนหนูผืนเล็กมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“ฉันรู้...”
ร่างสูงเอ่ยขึ้นเบาๆ นัยน์ตาสีควันบุหรี่สบกับลูกแก้วสีเทาอมฟ้าซึ่งดูปรือปรอยกว่าปกติด้วยพิษไข้
“…แต่ฉันอยากทำ”
คำพูดติดปากที่มธุวันมักจะได้ยินจากอดีตคนรักเสมอในทุกๆเรื่องปิดปากคนที่กำลังจะเถียงได้เป็นอย่างดี มธุวันได้แต่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงมองเจ้าของห้องที่เดินออกไปจากห้องตามคำพูด ก่อนจะก้มลงมองผ้าขนหนูในมือ
บังเอิญ...ล่ะมั้ง?
“อ้าปาก อมไว้”
เมฆาเสียบเครื่องวัดอุณภูมิร่างกายเข้าไปในปากของคนที่เปลี่ยนมาใส่เสื้อบอลตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นที่เมฆาเตรียมไว้ให้
“อ๋มอะอับ...”
“อย่าเพิ่งพูด”
เมฆาโน้มเข้ามาใกล้เพื่อดูอุณภูมิที่เครื่องอ่านได้ ใบหน้าคมที่อยู่ใกล้เกินกว่าความสบายใจทำให้มธุวันหลุบตาลงมองที่อื่นอย่างไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเห็นความรู้สึกหวั่นไหวในดวงตา
เขาเกลียดตัวเองเวลาไม่สบาย
เขาเกลียดตัวเองที่อ่อนแอจนไม่สามารถดูแลตัวเองได้
เขาเกลียดตัวเองที่ไม่เข้มแข็งพอจะลุกออกไปแล้วไม่หันหลังกลับมาอีก
“อืม ตัวไม่ค่อยร้อนแล้ว เหงื่อก็ออกแล้ว อีกซักวันสองวันคงหาย”
คุณหมอจำเป็นว่าขณะใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดเทอร์โมมิเตอร์ของตนก่อนจะเก็บกลับลงไปในกล่องอุปกรณ์ปฐมพยาบาลที่มธุวันจำได้ดีว่าเขาเป็นคนซื้อมา
“ผมจะกลับ”
มธุวันเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้หลังจากบ้าจี้เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าตามคำสั่งของอีกฝ่ายแล้วเขาจะรู้สึกสบายตัวจนอยากจะทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับไป แต่ร่างโปร่งไม่อยากจะอยู่กับเมฆามากไปกว่านี้
“ถ้านายไม่ยอมนอนลงไปดีๆฉันจะจับนายมัดไว้กับหัวเตียงแล้วเอาผ้าปิดตา”
เมฆาขู่ พยายามไม่นึกภาพตามคำพูดของตัวเองเพื่อความสงบสุขของลูกชายที่ยังนอนหลับอยู่
“นี่คุณ...อ๊ะ!”
ร่างโปร่งหงายหลังลงไปบนเตียงเพียงแค่โดนนิ้วชี้ของอีกฝ่ายดันหน้าผาก
“มีแรงแค่นี้ยังจะซ่า ถ้านายขับรถออกไปชนใครตายฉันไม่อยากมารู้สึกผิดหรอกนะ”
เมฆายกกล่องปฐมพยาบาลไปวางบนโต๊ะ ข้างๆกับถาดอาหารและกะละมังใส่น้ำที่เริ่มเย็น
“รีบนอนได้แล้ว ฉันง่วง พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก”
เมฆาทิ้งตัวลงนอนข้างๆคนป่วยที่ยังนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียง มธุวันรีบชันตัวขึ้นเมื่อจู่ๆก็มีร่างใหญ่มานอนอยู่ข้างเขาโดยไม่บอกกล่าว
“แล้วคุณมานอนอะไรตรงนี้”
“อ้าว นี่ที่นอนฉัน ฉันก็ต้องนอนนี่สิ”
เมฆาให้เหตุผล เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าแค่นี้ก็คิดไม่ออกเหรอ
“แล้วคุณจะให้ผมนอนที่ไหน”
มธุวันถามอย่างไม่เข้าใจ คิ้วที่เลิกอยู่แล้วของเมฆาเลิกสูงขึ้นไปอีกจนคนมองนึกหมั่นไส้
“ก็นอนนี่ไง เตียงตั้งกว้าง”
“จะบ้าเหรอ”ร่างโปร่งสวนทันทีอย่างลืมตัว
“ป่วยแล้วปากเสียจริงๆนะนายเนี่ย”
คนถูกด่าหัวเราะในลำคออย่างไม่ถือสา ขยับพลิกตัวนอนตะแคงข้างหันเข้าหาคนป่วย ท้าวศอกกับหมอนมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆตัวเองบนเตียง
“นอนเถอะน่า ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก”
“เหอะ”
มธุวันกลอกตาอย่างเหนื่อยใจ ทิ้งตัวลงนอนตะแคงข้างหนีอีกฝ่ายอย่างไม่อยากต่อล้อต่อเถียงต่อ เขาไม่อยากยอมรับว่าสภาพของเขาในตอนนี้ต่อให้หนีออกไปจริงๆก็อาจจะไปขับรถชนใครอย่างที่เมฆาว่า
มาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าเมฆาจะจำอะไรได้คงจำได้ไปนานแล้ว
ร่างโปร่งได้แต่ปลอบใจตัวเองแบบนั้น
มธุวันลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งที่คุ้นเคย
ไม่ใช่ความหนักที่เปลือกตาหรือเป็นศีรษะอย่างที่คนป่วยควรจะเป็น แต่เป็นความรู้สึกของท่อนแขนและท่อนขายาวที่พาดเกี่ยวกระหวัดรัดตัวเขาไว้เหมือนงูจงอางกำลังรัดเหยื่อเพื่อเตรียมเขมือบเข้าไป
ความรู้สึกที่หายไปจากชีวิตเขามาราวสี่ปี แต่กลับรู้สึกเหมือนอ้อมกอดอุ่นนี้ยังเป็นของเขาเมื่อวาน
“คะ…คุณ ปล่อย!”
มธุวันพยายามดิ้นหนีจากอ้อมกอดของคนที่แทบจะนอนทับเขาไว้ทั้งตัว เมฆาส่งเสียงคำรามในลำคออย่างหงุดหงิด แขนแกร่งกอดรัดร่างโปร่งไว้แน่นกว่าเดิม ซุกหน้าลงกับซอกคอขาวอย่างที่อีกฝ่ายชอบทำทุกเช้าเวลาถูกมธุวันปลุกไปเรียน ขนอ่อนที่หลังคอของคนถูกกอดลุกซู่เมื่อริมรู้ถึงสัมผัสนุ่มหยุ่นที่ปัดผ่านไปมาบนเนื้อผิวบอบบางขณะที่อีกฝ่ายพึมพำกับลำคอของเขา
“อีกห้านาที...”
“จะนอนอีกกี่นาทีก็เรื่องของคุณ ปล่อยผมก่อน”
การต่อกรกับเมฆาในตอนเช้านั้นเหมือนกับการดิ้นรนเอาชีวิตรอดในทรายดูด ยิ่งดิ้นมากเท่าไหร่อีกฝ่ายยิ่งพันธนาการร่างของเขาไว้แน่นขึ้นเท่านั้น แต่มธุวันไม่สามารถนอนนิ่ง หรือตวัดกายคร่อมร่างสูงแล้วใช้ริมฝีปากปลุกความหื่นกระหายในตัวสัตว์ร้ายตัวนี้ให้ลุกขึ้นมาเล่นกับเขาได้อย่างที่เคยทำเมื่อก่อนแล้ว
“หอม…”
จมูกโด่งเป็นสันลากผ่านลำคอขาว สูดกลิ่นหายหอมเย็นที่ร่างกายของเขาคุ้นเคยถึงแม้สมองจะไม่มีความทรงจำนั้นอยู่ ทีบอกว่าร่างกายของเขาคุ้นเคย ก็เพราะเมฆาตัวน้อยรีบลุกขึ้นมาทักทายเพื่อนเก่า มธุวันสะดุ้งเมื่รับรู้ถึงความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยดี และนั่นทำให้ร่างโปร่งหยุดดิ้นด้วยกลัวว่าแรงเสียดสีจะทำให้เจ้าหนูน้อยคิดว่าเขากำลังเล่นด้วย
เอาไงดีเนี่ย
“คุณเมฆา ปล่อยผม”
มธุวันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ถึงแม้เขาจะรู้สึกดีกว่าเมื่อวานมากแต่คนป่วยก็ยังเป็นคนป่วย แค่ดิ้นนิดดิ้นหน่อยก็เพลียแล้ว
แต่คราวนี้คนที่กอดเขาไว้กลับพลิกตัวนอนหงายพอดีราวกับสวรรค์เป็นตา มธุวันรีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วก่อนจะไม่มีโอกาสที่สอง ร่างโปร่งคว้าเสื้อผ้าของตัวเองที่พับวางไว้บนเก้าอี้ขึ้นมาพร้อมกับแว่นที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
แต่เมื่อกลับออกมาจากในนั้น เจ้าของห้องที่ไม่มีท่าทีจะตื่นเมื่อครู่กลับนั่งหาวหวอดอยู่บนเตียง ท่อนบนเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าห่มผืนหนาคลุมตั้งแต่เอวลงไป
“จะไม่อาบน้ำหน่อยเหรอ”
เมฆาอ้าปากหาวอีกครั้ง มองคนที่กลับมาอยู่ในเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
“เดี๋ยวผมกลับไปอาบที่ห้อง”
มธุวันหลบสายตาร่างสูง อึดอัดใจที่จะคุยกับอีกฝ่ายที่อยู่ในสภาพแบบนี้ เมฆาเป็นมนุษย์ที่มีฟีโรโมนสูงอย่างที่มธุวันไม่ค่อยเห็น แต่ในช่วงตื่นนอนเสน่ห์ของร่างเปลือยเปล่า เส้นผมยุ่งเหยิง และดวงตาคมสีควันุหรี่ที่ฉ่ำเยิ้มปรือปรอยจนคนมองใจเต้นมักจะทำให้มธุวันรู้สึกเหมือนถูกต้อนจนจนมุมเสมอ
“หน้ายังแดงอยู่เลย”
ชายหนุ่มลุกจากเตียง เผยให้เห็นกางเกงนอนขาสั้นสีดำ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยบดบัง’อะไรๆ’ที่ดูจะคึกคักเป็นพิเศษถึงแม้จะเป็นในยามเช้าแบบนี้
ยิ่งเห็นแบบนั้นมธุวันยิ่งต้องเปลี่ยนจุดโฟกัสไปยังโคมไฟหัวเตียงอย่างไม่มีทางเลือก ถึงแม้จะเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ไม่ได้ไร้ยางอายแบบคนแถวนี้หรอกนะ
“ตัวก็ไม่ได้ร้อนอะไรนี่”
มือใหญ่ทาบลงบนหน้าผากใสอีกครั้ง มธุวันขยับหนีอย่างตกใจ ร่างสูงเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขัน
“อะไรกัน ท่าทางเหมือนสาวน้อยพรมจรรย์แบบนั้นน่ะ ไม่สมกับอิมเมจนายเลยนะ”
“ชะ…ช่างผมเถอะน่า”
มธุวันหงุดหงิดตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดีเท่าเวลาปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นคนตรงหน้าดูจะสนุกสนานกับการหยอกเขาเหลือเกิน
“ฉันมีสูทของน้องชายอยู่ตัวนึง นายน่าจะใส่ได้ ส่วนชั้นในเดี๋ยวฉันลงไปซื้อซุปเปอร์ข้างล่างให้ ไปอาบน้ำไป”
“ผมกลับไปอาบที่ห้องสะดวกกว่า” ร่างโปร่งเถียง
“แล้วนายก็ต้องกลับมารับฉันไปทำงานอยู่ดีไม่ใช่รึไง วันนี้ฉันมีประชุมเช้า อย่าเรื่องมากน่า”
เมฆาดุ มธุวันอยากจะเถียง แต่สมองที่ตื้ออยู่ในตอนนี้ทำให้เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะมีเหตุผลอะไรที่จะดื้อหนีกลับ สุดท้าย ร่างโปร่งจึงต้องกลับเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำของร่างสูงอย่างจำยอม
---------
วีคหน้าจำศีล2วีค แปลว่าน่าจะมาลงได้วีคละซักตอนสองตอนมั้ง55555

คุณเมฆกลับมาทวงตำแหน่งพระเอกหลังจากเป็นตัวประกอบมา...น่าจะตลอดทั้งเรื่อง5555555