"คุณเมฆ กลับมาแต่เช้าเลย วันนี้จะมาทานข้าวเช้าก้บคุณผู้หญิงเหรอคะ?"
ป้าแต้ว หัวหน้าแม่บ้านซึ่งตามมารดาของเขามาจากตระกูลของหญิงสาวเดินออกมาทักทายเมฆา ร่างสูงพยักหน้าแล้วยกมือไหว้หญิงชรา หากมองจากภายนอกอาจจะดูเหมือนเขาไม่มีสัมมาคารวะ ไม่พูดไม่จา แต่สำหรับแม่นมที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เกิด ป้าแต้วรู้ดีว่าเมฆามีปัญหาด้านการแสดงออกมากเพียงใด
“คุณผู้หญิงอยู่ในห้องอาหารค่ะ เดี๋ยวป้าไปตักข้าวต้มให้นะคะ”
ป้าแต้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นที่มักจะทำให้เมฆารู้สึกว่าจิตใจสงบลงทุกครั้งที่เห็น ร่างสูงเดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวของคฤหาสน์หรูที่ใหญ่เกินกว่าคนห้าคนจะอยู่ไหว พ่อกับแม่ของเขาอาจไม่รู้ว่าเขาจำได้ แต่เมฆาคิดถึงห้องเช่าห้องเล็กที่เขาเคยอยู่ก่อนที่น้ำอุ่นจะเกิด ถึงแม้ตอนนั้นพวกเขาจะไม่มีอะไรมาก ธีรเชษฐ์ต้องทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้คนรอบข้างเห็นว่าสามารถดูแลมารดาของเขาได้ แต่ถึงอย่างนั้นธีรเชษฐ์ก็ยังกลับบ้านทุกวัน และทุกครั้งที่พ่อกลับมาบ้าน ใบหน้าของแม่จะเบ่งบานด้วยรอยยิ้มเสมอ
เรื่องทั้งหมดเริ่มแย่ลงเมื่อธีรเชษฐ์พยายามขยายร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าของมารดาตัวเองที่ชื่อว่าร้านทรัพย์ดำรงตามนามสกุลของฝั่งแม่ให้กลายเป็นบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าหลังจากที่เรียนจบปริญญาภายในสามปี และประจวบเหมาะกับช่วงที่เกศรา มารดาของเขาเริ่มสุขภาพทรุดโทรมลงหลังจากน้องชายคนรองลืมตาดูโลก ชายหนุ่มทำงานหามรุ่งหามค่ำ ประชุมเป็นบ้าเป็นหลังเพื่อหาเงินมารักษาสุขภาพร่างกายของภรรยา แต่กลับเพิกเฉยต่อสีหน้าตรอมตรมของหญิงสาวที่อายุมากกว่าเขาถึงห้าปีในเวลาที่เขากลับบ้านดึกๆพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมแปลกๆ
ธีรเชษฐ์เป็นเสือผู้หญิง เรื่องนั้นไม่ใช่สิ่งที่ร่างสูงพยายามปิดบัง แต่บิดาของเขาก็ประกาศชัดเจนเช่นกันว่ามารดาของเขาเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ดำรงตำแหน่งภรรยาของตน
ใช่ว่าเกศราจะรู้สึกดีกับฐานะนั้น บางครั้งเมฆาเห็นมารดานั่งสะอึกสะอื้นอยู่ข้างโทรศัพท์ตอนที่ลงมาดื่มน้ำกลางดึก หรือบางทีหญิงสาวก็จะออกไปนั่งตากน้ำค้างรอที่ระเบียงหน้าบ้านเผื่อว่าธีรเชษฐ์จะกลับมาเร็ว ซึ่งชายหนุ่มไม่เคยทำ
“เมฆ ทำไมวันนี้มาซะเช้าเลยล่ะลูก ไม่มีเรียนเหรอ?”
หญิงสาวในรถเข็นหันมาเมื่อเห็นลูกชายคนโต ถึงแม้เมฆาจะโทรมาตลอดและกลับมาหาเธออย่างสม่ำเสมอหลังจากย้ายออกไปอยู่คอนโด แต่นั่นก็ไม่ทำให้เกศราหายคิดถึงลูกชาย
“เมฆเรียนบ่ายครับ”
ร่างสูงตอบ ก่อนทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้นข้างรถเข็น วงแขนยาวโอบกอดร่างที่ซูบผอมลงกว่าเดิมของมารดาไว้ เมฆาเอนศีรษะลงซบบนตักของหญิงสาวที่ให้กำเนิดเขา นึกใจหายกับความแข็งของกระดูกที่เขาสัมผัสได้ ตอนนี้กระดูกของเกศราเปราะบางมาก กล้ามเนื้อเริ่มไม่มีแรงจนไม่สามารถเดินได้ด้วยตัวเอง เขากลัวเหลือเกินว่าเวลาที่เขามีกับมารดากำลังลดน้อยลงเรื่อยๆ
เขาโชคดีที่มีคนรักอย่างมธุวันซึ่งมักจะย้ำเตือนให้เขาเห็นความสำคัญของทุกช่วงเวลาที่มีกับมารดาเสมอ
‘ไว้เมฆค่อยกลับมาหาหมอกก็ได้ หมอกสัญญาว่าจะรอเมฆอยู่ตรงนี้’
ร่างโปร่งมักจะพูดแบบนั้นด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า เขาอยากจะให้มารดาเจอกับหมอกสักครั้ง แต่คนรักของเขายืนกรานว่าไม่อยากให้คนป่วยรู้สึกไม่สบายใจ
“ดีเลย น้ำอุ่นกับซันไปโรงเรียนแล้ว พ่อเราเขาก็ออกไปทำงานแต่เช้า แม่จะได้มีคนคุยด้วย”
เกศรายิ้มให้ลูกชายแล้วโอบกอดเด็กหนุ่มตอบ ทั้งที่ร่างกายผ่ายผอมจนแทบจะมีแค่หนังหุ้มกระดูก แต่เมฆากลับรู้สึกปลอดภัยในอ้อมกอดของมารดาทุกครั้ง
“เมฆรักแม่นะครับ”
ร่างสูงพึมพำ ก่อนหน้าเขามักจะรู้สึกอายเกินกว่าจะพูดคำนั้น แต่มธุวันมักจะบอกกับเขาเสมอว่าเมฆาโชคดีที่แค่ไหนที่มีมารดาให้บอกรัก ดังนั้นหากร่างสูงจะเห็นสิ่งที่คนรักของเขาโหยหามาตลอดชีวิตเป็นของตาย มันก็ออกจะใจร้ายเกินหน่อย
“ครับ แม่ก็รักเมฆที่สุดในโลกเลยนะลูก” หญิงสาวตอบยิ้มๆ “เป็นอะไรครับคนเก่ง อ้อนแม่ใหญ่เชียว ทะเลาะกับแฟนมาเห
รอ?”
คำถามจี้ใจดำนั้นทำเอาเมฆาสะดุ้งเล็กน้อย บางครั้งเขาก็รู้สึกว่ามารดามีพลังจิตสามารถอ่านใจเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
อย่างเรื่องที่เขามีแฟน แค่สัปดาห์แรกของการคบกัน หญิงสาวก็ทักแล้วว่าเมฆามีคนพิเศษกับเขาแล้วรึเปล่า เมฆาบอกแค่ชื่อของอีกฝ่ายให้หญิงสาวรับรู้ ซึ่งมารดาของเขาเคารพการตัดสินใจของมธุวันมากพอที่จะไม่คะยั้นคะยอถามว่าคนที่เขาคบ
อยู่เป็นใคร โดยพูดแค่ว่าเธอเชื่อใจว่าคนที่เมฆาเลือกจะต้องเป็นเด็กดีแน่ๆ
“แม่ครับ...”
“ครับคนเก่ง?” หญิงสาวลูบศีรษะที่วางอยู่บนตักของเธออย่างอ่อนโยน
“เมฆกลัว...” เด็กหนุ่มพึมพำเสียงสั่น “เมฆกลัวเมฆจะกลายเป็นแบบพ่อ...”
มือเรียวหยุดชะงัก เกศราแตะไหล่ของลูกชายเบาๆให้เงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาสีน้ำตาลเรียวเล็กเต็มไปด้วยความรู้สึก
สงสาร
“เป็นแบบพ่อไม่ดียังไงเหรอจ๊ะ?”
“พ่อทำแม่เจ็บ...”เด็กหนุ่มจับมือของมารดามาแตะข้างแก้มของตัวเอง “พ่อทำร้ายจิตใจแม่...”
“เมฆ อย่าคิดอย่างนั้นกับพ่อสิลูก...”
เกศราเอ่ยด้วยน้ำเสียงท้อแท้ จริงอยู่ว่าชีวิตแต่งงานของเธอไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่เธอไม่คิดว่าเมฆาที่ดูจะเป็นเด็กที่ไม่มีปัญหากับสถานการณ์ของครอบครัวที่สุดจะได้รับผลกระทบขนาดนี้
“แม่ครับ เมฆเป็นลูกของผู้ชายคนนั้น...”ร่างสูงพึมพำ “แล้วลูกชายของคนที่ทำร้ายแม่ได้ขนาดนี้ จะทำให้หมอกมีความสุขได้ยังไง”
“เมฆ ชีวิตของคนเราไม่ได้มีแค่ขาวกับดำหรอกนะ” เกศราสอนลูกชาย “คนเราทุกคนไม่สามารถทำเรื่องที่ถูกต้องตลอดเวลาได้หรอก...”
“แต่ว่า....”
“เมฆ…เมฆรักหมอกมั้ยจ๊ะ”
เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างไม่ลังเล เขาไม่สนว่าใครจะหาว่ายังเร็วเกินไปที่เขาจะเรียกมันว่าความรัก เขารู้ดีว่าความรู้สึกนี้เขาไม่มีวันจะมอบมันให้ใครได้อีกนอกจากหมอก
เกศราอมยิ้มกับแววตาจริงจังของลูกชายคนโต เมฆาเป็นเด็กที่จริงจังกับทุกสิ่งทุกอย่างมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว
“ถ้าเมฆรักเด็กคนนั้นมากจนกังวลไปต่างๆนานา แม่ว่าเมฆก็หมดสิทธิ์จะโตไปเป็นแบบพ่อแล้วล่ะจ้ะ” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ
“อีกอย่าง แม่ว่าเมฆน่าจะทำร้ายเขาด้วยการหนีออกมาไม่บอกไม่กล่าวมากกว่านะ”
“แม่รู้ได้ไงครับ?” ร่างสูงถามอย่างประหลาดใจ
“ก็ถ้าเมฆไม่รีบร้อนหนีเขาออกมาจนลืมโทรศัพท์ เมฆก็คงโทรมาบอกแม่แล้วสิว่าจะมา” หญิงสาวบอกลูกชาย
จริงสิ...เขายังไม่ได้บอกหมอกเลยว่าเขาจะไปไหน
“ไอ้เมฆ! ไปหาหมอกเดี๋ยวนี้!”
เสียงของนาวินทร์ดังนำมาก่อนเจ้าตัวเสียอีก เมฆาขมวดคิ้วเมื่อเพื่อนรักโผล่เข้ามาในห้องครัวอย่างแตกตื่น
“วิน?”
“สวัสดีครับคุณแม่ ไม่ต้องมาทำหน้าหมางง เมื่อกี้กูโทรไปเช็คว่ามึงถึงห้องรึยัง หมอกสะอ้นจนพูดไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย นี่เขา
จะแจ้งความคนหายอยู่แล้วนะเว้ย” ร่างสูงโวยวาย เมฆากับมารดามองหน้ากัน ก่อนที่ลูกชายคนโตจะยกมือไหว้ลามารดา
“เดี๋ยเมฆมาทานข้าวด้วยวันหลังนะครับ”
“จ้ะ กลับไปหาหมอกก่อนเถอะ”
เกศรามองตามลูกชายคนโตและเพื่อนสนิทด้วยแววตาเศร้าสร้อย จังหวะเดียวกับที่ป้าแต้วเดินเข้ามา ในมือไม่ได้ถือถ้วยข้าวต้ม แต่เป็นแฟ้มเอกสารขนาดกลางส่งให้คุณผู้หญิงที่เธอรับใช้มาตั้งแต่สมัยยังเป็นสาว
“แค่ก...เป็นยังไงบ้างคะพี่แต้ว”
เกศราไอออกมาเล็กน้อย รับแฟ้มเอกสารในมือมาพลิกดูผ่านๆ
“ทางนั้นดูเริ่มจะระแคะระคายแล้วนะคะคุณผู้หญิง” หญิงชรารายงานอย่างเป็นกังวล
“ถ้าฝ่ายนั้นยังไม่เริ่มเคลื่อนไหว เราก็อย่าเพิ่งตื่นตูมกันเลยค่ะ” เกศราเอ่ยเสียงเรียบ
ป้าแต้วรับแฟ้มเอกสารกลับมาถือไว้แนบอก ดวงตาที่เริ่มฝ้าฟางมองหญิงสาวที่ซูบลงทุกวันด้วยสายตาเป็นห่วง
“แล้ว...คุณผู้หญิงจะบอกคุณเมฆมั้ยคะ?”
หญิงสาวส่ายหน้าอย่างอ่อนแรง ดวงตาสีน้ำตาลเรียวรื้นไปดวงของเหลวใสๆคลอหน่วย
“พี่แต้วจำที่แม่เคยบอกหนูตอนที่หนูแต่งงานกับเชษฐ์ได้มั้ยคะ?”
‘ต่อให้แกหนีไปสุดหล้าฟ้าเหว แกก็หนีอดีตของตัวเองไม่พ้นหรอกเกศ’
หญิงชราพยักหน้าเงียบๆ
“ถึงแม้เส้นทางที่หนูเลือกเดินจะไม่ใช่เส้นทางที่ดีที่สุด แต่หนูก็มีความสุขกับมันค่ะ”
เกศรายิ้ม ยกมือขึ้นปาดน้ำตาของตัวเอง ตลอดชีวิตเธอทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอด คนอย่างเธอ ไม่จำเป็นต้องมีใครมาปาดน้ำตาให้
“หนูอยากให้ลูกได้มีสิทธิ์เลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง”
…ถึงแม้ว่าปลายทางของถนนที่เด็กหนุ่มเลือกเดินจะเป็นกองเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำก็ตาม
สิ่งแรกที่เมฆารับรู้คือร่างโปร่งของคนรักที่โถมกายเข้ามากอดเขาไว้แน่นจนเซไปด้านหลัง เมฆากอดตอบแน่น กลัวว่าหากไม่ทำอย่างนั้นแล้วพวกเขาจะเซล้มลงไปด้วยกันทั้งคู่
“ฮึก…”
สิ่งที่ร่างสูงรู้สึกเป็นอย่างต่อมาคือเสียงสะอื้นและร่างกายที่สั่นระริกของมธุวัน เมฆาพยายามดันร่างของอีกฝ่ายออกเพื่อที่จะได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน แต่มธุวันไม่ยอมผละจากอกของเขาไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน
“ไม่เอา...ไม่เอา....”
เสียงหวานสั่นเครืออย่างที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แขนเรียวที่เขาไม่เคยคิดว่าจะมีแรงมาขนาดนี้ยึดร่างของเขาไว้แน่นด้วยแรงทั้งหมดที่มี
“หมอก...”
“หมอกขอโทษ ฮึก..ถะ...ถ้าหมอกทำอะไรไม่ดีหมอกจะไม่ทำ...อึก...อีกแล้ว...อยะ...อย่าไปนะ...ไม่เอา...”
เสียงสั่นพึมพำซ้ำไปซ้ำมาฟังแทบไม่รู้เรื่องด้วยแรงสะอื้น เมฆาที่รู้ว่าอธิบายอะไรไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ยกมือขึ้นลูบผมนุ่มนิ่มของอีกฝ่าย จุมพิตเบาๆที่กระหม่อมของมธุวันซ้ำๆอย่างปลอบขวัญ
“ครับ เมฆไม่ไปไหนแล้ว...เมฆไม่ไปไหนแล้วหมอก”
นาวินทร์ขยับถอยเข้าไปในห้องน้ำของเพื่อนสนิทอย่างเงียบเชียบไม่ให้เจ้าของห้องทั้งสองรู้ตัว เด็กหนุ่มยิ้มหวีขึ้นมาจากหน้ากระจกแล้วพยายามเลือกหาเส้นผมสีน้ำตาลจากเส้นผมสีดำสนิทของเมฆาแล้วแล้วใส่ลงในถุงซิบล็อคเล็กๆที่เขาพกมาแล้วเก็บมันลงในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินกลับออกมาพบว่าเพื่อนของเขากำลังนั่งเหยียดขากอดคนรักที่หลับคาอกบนโซฟาตัวยาว เมฆาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกบนใบหน้าของคนรักอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเพื่อนสนิททำให้นาวินทร์รู้สึกปวดใจแทนอีกฝ่ายหากข้อสันนิษฐานของเขาถูกต้อง
“กูไปนะ”
ร่างสูงขยับปากบอกเพื่อนสนิท เมฆาพยักหน้า มือใหญ่ขยับลูบวนที่หัวไหล่มนของคนที่ร้องไห้จนหลับไปคาอ้อมกอดของเขาเพื่อปลอบประโลมคนรักที่แม้หลับตาแต่เขาก็เห็นอย่างชัดเจนว่าดวงตาของมธุวนบวมแดงแค่ไหน
และที่เจ็บไปกว่านั้น คือการที่เขาเป็นคนทำให้มธุวันเป็นแบบนี้ด้วยความงี่เง่าของเขาเอง
“อือ…”
มธุวันปรือเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้น ความว่างเปล่าข้างกายทำให้ร่างโปร่งเด้งตัวขึ้นมาอย่างตกใจ ก่อนจะร้องโอ๊ยออกมาพร้อมกับกุมศีรษะที่ปวดจี๊ดจากการร้องไห้อย่างหนักมาตลอดทั้งคืน
ทั้งที่สัญญากับตัวเองไว้แล้วแท้ๆว่าจะไม่ทำตัวเกาะติดให้เมฆลำบากใจ แต่พอเห็นแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินจากไป ส่วนเล็กๆในร่างกายของเขากรีดร้องอย่างทุกข์ทรมานเพราะความคิดที่ว่าอีกฝ่ายจะไม่หวนกลับมา
แค่ความคิดที่ว่าจะโดนทอดทิ้งก็สามารถทำให้เขากลายเป็นคนน่าสมเพชได้ขนาดนี้เลยเหรอ
“หมอก ตื่นแล้วเหรอ ปวดหัวมากรึเปล่า?”
เสียงของคนที่เขาเฝ้ารออยู่หน้าประตูห้องทั้งคืนดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายหนุ่มที่เดินเข้ามา ในมือถือถาดใส่ถ้วยอาหารอ่อนและน้ำเปล่ารวมถึงยาแก้ปวดหัว
เมฆหายไปไหนมา รู้มั้ยว่าหมอกเป็นห่วง นี่ถ้าวินไม่โทรมาถามหมอกว่าเมฆถึงคอนโดรึยังหมอกจะโทรแจ้งตำรวจแล้วนะ
กระแสความคิดในหัวไม่ได้ถูกเอื้อนเอ่ยออกมา มธุวันเพียงแค่ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มฝืน เมฆาเอื้อมมือขึ้นแตะหน้าผากของคนรักเพื่อวัดไข้ อารามตกใจ มธุวันเผลอขยับหลบ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้เขาแตะตัว คนมีชนักติดหลังจึงยอมรามือแต่โดยดี
“กินข้าวกับยาแล้วนอนพักซะนะ”
ถ้าเมฆไม่อยากสัมผัสหมอกขนาดหนีออกไปแบบนี้...หมอกก็จะทำตาม
ขอแค่เมฆอยู่กับหมอกตรงนี้ ถ้าเมฆไม่อยากให้ทำอะไร หมอกก็จะไม่ทำ
แค่อย่าทิ้งหมอกไปก็พอ
“เมฆ…”
“ครับ?”
ร่างสูงหันกลับมา เขาอยากคุยกับมธุวัน แต่สภาพของอีกฝ่ายในตอนนี้ควรได้รับการพักผ่อนมากกว่าต้องมากังวลเรื่องปมครอบครัวของเขา
“เมฆมีเรียนบ่ายไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องดูแลหมอกหรอก หมอกอยู่ได้”
ร่างโปร่งว่า
“แต่ว่า....” เสียงข้อความเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น เมฆาหยิบโทรศัพท์ออกมา คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นข้อความที่เพื่อนส่งมา “วันนี้มีสอบย่อย..”
“รีบไปเถอะเมฆ”มธุวันเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “หมอกอยู่ได้ ไม่ต้องห่วง”
“ถ้างั้นเดี๋ยวเมฆซื้อนมสดกับขนมปังสังขยาเจ้าที่หมอกชอบมาฝากนะ”
เมฆาท้าวแขนลงบนเตียงนุ่ม โน้มตัวลงมาประทับจุมพิตที่ข้างขมับคนรักเบาๆ คราวนี้มธุวันไม่ได้ขยับหนีเขาอย่างเมื่อครู่ ทำให้คนที่คิดว่าตัวเองกำลังโดนโกรธใจชื้นขึ้นอีกนิด
“พักผ่อนนะครับคนดี ดูแลตัวเองนะ เดี๋ยวเมฆจะรีบกลับ”
ร่างสูงเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปจากห้อง มธุวันมองตามอีกฝ่าย ก่อนจะลงมือทานโจ๊กที่วางอยู่บนตักของตนเงียบๆ
ต่อไปนี้หากเมฆาไม่แตะต้องเขาก่อน เขาจะไม่กดดันให้อีกฝ่ายต้องหนีเตลิดไปแบบเมื่อวานอีก
เพราะต่อให้อีกฝ่ายไม่แตะต้องเขาไปจนตาย มธุวันก็คิดว่ามันยังดีกว่าไม่มีอีกฝ่ายอยู่ข้างกายเลย
------------------
มีคนเคยกล่าวไว้ว่า now ดราม่า แต่ then ดูแฮปปี้ดี
แอมโซซอรี่

//มีความลงเมฆหมอกถี่รัว5555
สองวีคหน้าก็เข้าโหมดจำศีลแบบที่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวโผล่มาอัพอยู่ดีตามเคย555555