Chapter 14: [Then] ความลับ
“นี่ถ้ากูไม่อยู่ไทยมึงจะไปอยู่ไหนวะเมฆ?”
นาวินทร์เปิดประตูห้องของตัวเองให้กับเพื่อนสนิท จู่ๆเมฆาก็โทรจากตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญมาบอกว่าจะมานอนห้องเขา ด้วยความที่คบกันมานานนาวินทร์ดูออกทันทีว่าอีกฝ่ายมีเรื่องกำลังว้าวุ่นใจ และนั่นเป็นหน้าที่ของเพื่อนที่ดีที่จะช่วยดูแลเพื่อน ถึงแม้ว่าเมฆาจะไม่ได้บอกว่าตัวเองกำลังเครียดเรื่องอะไร แต่นาวินทร์รู้ดีว่าถ้าอีกฝ่ายไมาอยากเล่า ต่อให้ซักแค่ไหนเมฆาก็ไม่เล่า
"โรงแรม"
เด็กหนุ่มตอบง่ายๆ
"กระเป๋าตังค์ก็ไม่มี โทรศัพท์ก็ไม่เอาออกมา มึงจะนอนยังไง?"
นาวินทร์ส่ายหน้า ไม่รอฟังคำตอบของเพื่อน เปิดประตูห้องนอนให้อีกฝ่ายแล้วคว้ากระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ และกุญแจรถของตัวเอง
"มึงนอนห้องกูไปนั่นแหละ กูจะออกไปแดกเหล้ากับเพื่อน ถ้าเมาคงไม่กลับ"
เมฆาพยักหน้าอย่างเคยชิน เข้าไปในห้องนอนของเพื่อนสนิทราวกับเป็นห้องนอนของตัวเอง นึกเสียใจที่ไม่สามารถอธิบายให้คนรักเข้าใจถึงความรู้สึกที่แล่นผ่านสมองของเขาตอนที่หุนหันพลันแล่นจากมาในตอนนั้น
เขาไม่อยากอยู่ใกล้มธุวันในเวลาที่เขาไม่สามารถควบคุมการกระทำของตัวเองได้แบบนี้ เพราะเขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองหากในวันรุ่งขึ้นเขาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเขาได้ทำร้ายคนที่เขารักมากที่สุดลงไปเพราะความอยากของตัวเอง
เมฆาล้มตัวลงบนที่นอนของนาวินทร์อย่างเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ หลับตาลงแล้วจมสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
ไว้ค่อยแก้ตัวกับหมอกพรุ่งนี้แล้วกัน
"มาสายนะ"
เสียงของพี่ชายดังขึ้นทันทีที่นาวินทร์ก้าวเข้ามาในห้องประชุมของบ้านใหญ่ ถึงแม้ในความเป็นจริงร่างสูงจะมาตรงเวลา แต่สำหรับวรินทร์ คนที่มาตรงเวลา คือคนที่มาถึงก่อนเวลาเสมอ
"ขอโทษครับ"
คนเป็นน้องไม่คิดเอ่ยแก้ตัว ภายในห้องเก็บเสียงขนาดใหญ่ที่มีโต๊ะประชุมตัวยาวตั้งอยู่ตรงกลาง ชายหญิงต่างเชื้อชาติใน
ชุดสูทสีดำสนิทนั่งเรียงกันรายล้อมโต๊ะจนเต็ม เหลือไว้เพียงที่นั่งซึ่งอยู่ด้านขวาของตำแหน่งหัวหน้าทีมหน่วยรักษาความปลอดภัยของตระกูลอัลฟอนโซ่
ตำแหน่งหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัย หรือตำแหน่งของผู้ติดตามคนสนิทของหัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันคือวรินทร์ เหลียน พี่ชายของเขาที่ถึงแม้จะมีโครงหน้าสวยหวาน เส้นผมยาวสยวยประบ่า และรอยยิ้มอ่อนโยนที่ละลายใจผู้พบเห็น แต่ในความเป็นจริงคนตรงหน้าคือเครื่องจักรสังหารที่ควบคุมดูแลระบบรักษาความปลอดภัยและจัดการภารกิจทั้งหมดที่ได้รับมอบหมายจากนิโคไลตั้งแต่อายุสิบหกปี
หากจะท้าวความไปถึงสาเหตุที่ร่างโปร่งดำรงตำแหน่งเหนือชายหญิงหัวหงอกหัวดำมากมายหลายชีวิตในห้องรวมถึงบิดามารดาของตน คงจะต้องเล่าไปถึงกฎเหล็กที่สืบทอดกันมาในตระกูลอัลฟอนโซ่ทั้งเจ็ดรุ่น
ตระกูลเหลียนคือเงาที่คอยตามอารักขาผู้นำของโลกมืด พวกเขาจะเก็บเด็กที่สูญเสียครอบครัวจากสงคราม ยาเสพติด และความยากจนจากท้องถนนทั่วทุกมุมโลกเพื่อฝึกให้เป็นสุนัขรับใช้ที่ทำตามคำสั่งของนายสูงสุดทุกอย่าง แต่ถึงกระนั้น ตำแหน่งหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัย จะถูกมอบให้กับสายเลือดของตระกูลเหลียนโดยตรงเท่านั้นโดยไม่มีข้อยกเว้น
ความจำเพาะเจาะจงของกฎยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เนื้อความในนั้นมีอยู่ว่า หากทายาทของอัลฟอนโซ่ลืมตาดูโลก ลูกหลานของตระกูลเหลียนทั้งหมดที่อายุห่างจากเด็กคนนั้นไม่เกินหนึ่งปีจะต้องฝึกฝนตั้งแต่จำความได้เพื่อพิสูจน์ว่าตนมีค่าคู่ควรจะยืนเคียงข้างสายเลือดของมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ และผู้ที่ได้รับการยอมรับจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามคนจะถูกพิจารณาทายาทของตระกูลอัลฟอนโซ่ และมีเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้รับตำแหน่งหัวหน้าของทีมรักษาความปลอดภัยทุกทีมในชื่อตระกูลเหลียนเมื่อมีอายุครบสิบหกปี และตำแหน่ง'เงา'ที่คอยปกป้องคนที่ตนได้รับมอบหมายอยู่ในมุมมืด จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายบนโลกใบนี้
สมัยเด็กๆนาวินทร์ได้ยินว่ากฎประหลาดนี้ถูกตั้งขึ้นเพียงเพราะหัวหน้าตระกูลอัลฟอนโซ่รุ่นแรกอยากจะพันธนาการคนของตระกูลเหลียนไว้ข้างกายตลอดชีวิต แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่านั่นเป็นความจริงหรือไม่
แต่ถ้าในกรณีของวรินทร์ ชายหนุ่มเป็นทายาทตระกูลเหลียนเพียงคนเดียวที่เกิดมาในระยะเวลาที่กฎของแก๊งได้กำหนดไว้ ทำให้ตำแหน่งนั้นตกเป็นของพี่ชายของเขาโดยชอบธรรม ถึงแม้ชายหนุ่มจะต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเองมากกว่าเงาคนอื่นในประวัติศาสตร์หลายเท่าตัว
"ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มกันเลยดีกว่า ตอนนี้เรารู้อะไรบ้าง?"
นาวินทร์นั่งลงข้างนิกิต้า ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาจนน่าหมั่นไส้ที่เป็นรูมเมทของเขาในโรงเรียนฝึก ใช่ ตระกูลเหลียนโรงเรียนเป็นของตัวเองเพื่อฝึกสุนัขรับใช้หรือ"บอดี้การ์ด"ของบุคคลสำคัญในโลกมืดหลายคนตั้งแต่วัยเยาว์ แต่นาวินทร์เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับอิสระเล็กๆเป็นเวลาสามปีให้สามารถกลับมาเรียนมัธยมปลายที่เมืองไทยได้ ถึงแม้จะต้องกลับไปฝึกหนักทุกช่วงปิดเทอม ด้วยเหตุผลที่...จะเรียกว่าสุดวิสัยก็คงใช่
"ไม่มีเบาะแสเพิ่มเติมจากคราวที่แล้วเลยครับคุณริน ข้อมูลจากบ้านเด็กกำพร้าที่เราสงสัยก็ไม่มีคนที่มีรูปพรรณสันฐานตรงกับคุณมิคาเอลเลยครับ"
ทาริน ชายหนุ่มที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะรายงาน ตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีหลังจากที่นิโคไลก้าวขึ้นมารับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลอัลฟอนโซ่ต่อจากบิดาที่ล่วงลับไปตั้งแต่ชายหนุ่มยังมีอายุเพียงเจ็ดปีโดยมีมารดาคอยดูแลกิจการทั้งหมดให้ก่อนหน้านี้ ร่างสูงก็ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างในการออกตามหา'มิคาเอล' น้องชายต่างมารดาที่หายสาบสูญไปในเหตุการณ์ปะทะครั้งใหญ่ที่คร่าชีวิตบิดาของเขา และความยากของงานนี้ยิ่งมีมากขึ้นไปอีกเพราะพวกเขาจำเป็นต้องเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบที่สุดไม่ให้ศัตรูของตระกูลอัลฟอนโซ่รู้ว่าจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของนิโคไลอาจจะยังมีชีวิตอยู่
และคนคนคนั้น คือคนที่นาวินทร์จะต้องปกป้องด้วยชีวิต
เช่นเดียวกับพี่ชาย นาวินทร์เป็นคนเดียวในรุ่นที่เกิดมาในเวลาไล่เลี่ยกับมิคาเอล ดังนั้น ภาระหน้าที่การเป็น'เงา'ของอีกฝ่าย จริงกลายเป็นของเขาตั้งแต่วินาทีที่ลืมตาดูโลกโดยที่เด็กชายไม่ได้ร้องขอ
หากบอกว่านาวินทร์จำเด็กชายได้คงจะเป็นเรื่องโกหก จากคำบอกเล่าของมารดา เขาที่ถูกฝึกให้ดูแลมิคาเอลมาตั้งแต่แรกมักจะคลานตามเด็กคนนั้นต้อยๆ หากมิคาเอลไม่ยอมทาน เขาจะไม่ทาน หากอีกฝ่ายไม่นอน เขาจะอยู่เหป็นเพื่อนเล่นอีกฝ่ายจนกว่าจะง่วง เรียกได้ว่าเป็นหุ่นเชิดที่สมบูรณ์แบบจากภายในตามที่ทุกคนต้องการ
นาวินทร์ไม่รู้ว่าลึกๆแล้วเขารู้สึกเสียใจหรือไม่ที่พวกเขายังหาเด็กคนนั้นไม่พบ เพราะนาวินทร์ไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสุนัขที่แก่เกินฝึกอย่างเขา เมื่อถึงวันที่เจ้าชีวิตของเขาเดินกลับเข้ามา
เด็กหนุ่มก้มลงมองภาพของเด็กชายวัยขวบกว่าๆที่อ้าปากหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างมีความสุขในอ้อมกอดของมารดา ดวงตาเทาอมฟ้าที่ทอประกายมรกตเล็กๆยามต้องแสงอาทิตย์หยีเล็กจากรอยยิ้มกว้าง เส้นผมสีแพลตตินัมบลอนเช่นเดียวกับพี่ชายส่องสว่างท่ามกลางแสงแดด โดยมีนิโคไลในวัยใกล้เจ็ดขวบหยอกเย้าน้องชายอย่างมีความสุข เนื่องจากมารดาของเด็กชายเป็นภรรยาคนที่สอง รูปถ่ายที่แสดงถึงการมีตัวตนของ'ลูกเมียน้อย'ในนามจึงแทบไม่มีอยู่เพื่อความปลอดภัยของคนทั้งคู่ รูปนี้เป็นหนึ่งในรูปถ่ายที่ชัดที่สุดที่พวกเขาจะหาได้
ถึงแม้ดวงตาของเด็กชายอาจจะดูแปลกตาในแถบเอเชีย แต่เด็กลูกครึ่งหลายล้านคนก็มีดวงตาแบบนี้ ถึงแม้จะเป็นในประเทศไทยก็ไม่ได้ช่วยให้การค้นหาของพวกเขาง่ายขึ้น ขนาดมธุวันคนรักของเมฆายังมีดวงตาสีนั้นเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้จะมีเส้นผมสีน้ำตาลไม่ใช่แพลตตินัมบลอนด์อย่างเด็กน้อยในรูป
เดี๋ยวนะ
"...ถ้าอย่างนั้นผมขอจบการประชุมแต่เพียงเท่านี้ ผมขอรายงานของสถานสงเคราะห์ที่ปิดตัวไปทั้งหมดด้วย ไม่แน่เราอาจจะเจออะไรก็ได้"
ระหว่างที่เขากำลังเหม่อใจลอยไปไหนต่อไหน วรินทร์ก็กล่าวสรุปการประชุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นาวินทร์นั่งอยู่กับที่เพื่อรอให้คนอื่นออกไปจากห้องให้หมด ร่างสูงลุกไปกดล็อคประตูเมื่อเห็นว่ามีเพียงเขาและพี่ชายอยู่ในนั้น
"วิน?มีอะไรเหรอ?"
ร่างโปร่งที่จัดเก็บเอกสารอยู่ถามด้วยความสงสัย แต่จากหางตานาวินทร์เห็นแล้วว่าพี่ชายดึงเหล็กแหลมเล็กที่เสียบปักอยู่บนผมยาวๆเหมือนปิ่นออกมาแล้ว
ขนาดน้องชายแท้ๆยังระแวง...ครอบครัวของเขาช่างอบอุ่นดีจริงๆ
นาวินทร์ยิ้มขื่น
"พี่ริน ผมของคนเรานี่ เปลี่ยนสีได้มั้ยครับ?"
"เปลี่ยนสี?ยังไงเหรอ?"
ร่างโปร่งคออย่างไม่เข้าใจคำถาม
"อยากเช่นคุณมิคาเอล..."นาวินทร์ชี้ไปที่รูปถ่ายของเด็กชายในรูป "ยิ่งถ้ามีแม่เป็นคนเอเชียผมสีเข้ม เป็นไปได้มั้ยครับว่าเส้นผมของเด็กจะมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ"
"ก็เป็นไปได้นะ เพราะสีผมของเด็กบางคนจะเริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆจนบางทีกว่าจะสีผมจะคงที่ก็อายุสิบ...กว่า...."
ดวงตาสีม่วงสดราวอัญมณีเบิกกว้าง ก่อนที่วรินทร์ทรุดตัวลงก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
"ทำไมเรื่องง่ายๆแบบนี้พี่ถึงคิดไม่ถึง..."
"เพราะพี่อยู่กับบอสมากไปไงครับ สีผมของบอสเป็นสีบลอนด์ไม่ได้เข้มขึ้นอะไรมาก พี่รินคงคิดว่าคุณมิคาเอลน่าจะผมสีเดียวกับบอส"
วารินทร์นั่งลงปลอบใจพี่ชาย อย่าว่าแต่วรินทร์เลย ขนาดนิโคไลเองยังไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้เหมือนกัน
จริงๆ หากไม่นึกถึงมธุวัน นาวินทร์ก็คงจะไม่คิดถึงเรื่องแบบนี้เช่นกัน
หมับ!
คนเป็นพี่คว้าข้อมือของเขาไว้เมื่อเห็นน้องชายล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ นาวินทร์ถอนหายใจ
"มือถือครับ"
เด็กหนุ่มล้วงมือถือออกมาเมื่อมือของตัวเองเป็นอิสระ แล้วกดเลื่อนหาภาพที่เขาแอบถ่ายมธุวันกับเมฆายามที่กำลังกระหนุงกระหนิงกันจนน่าหมั่นไส้เก็บไว้แกล้งเพื่อนแล้วเปิดให้พี่ชายดู
"นี่มัน..."
วรินทร์ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เด็กในรูปมีดวงตาที่ถอดแบบมาจากบิดาอย่างไม่ผิดเพี้ยน เชื้ออิตาลีและเชื้อเอเชียที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวทำให้เครื่องหน้าของเด็กหนุ่มไม่ดูโดดเด่นมากนัก แต่ก็ครบเครื่องน่ามอง อีกทั้งอายุอานามของอีกฝ่ายก็ดูเหมือนว่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถเป็นคนที่พวกเขากำลังตามหา แต่ที่สำคัญที่สุด คือเส้นผมสีน้ำตาลเฉดเดียวกับมารดาที่มิคาเอลในวัยหนึ่งขวบกว่าไม่มี
"ใคร..."
นั่นเป็นคำเดียวที่ร่างโปร่งสามารถพูดออกมาได้
"...แฟนของเพื่อนผม เขาเป็นเด็กกำพร้า แต่เขาบอกว่าเขามาจากภาคอีสาน ผมเลยไม่คิดว่าจะเกี่ยว..."
นาวินทร์ตัดสินใจตอบตามความเป็นจริง เพราะถ้าพี่ชายของเขามารู้ข้อมูลนี้ด้วยตัวเองทีหลัง ชายหนุ่มคิดว่าศพของตัวเองคงจะดูไม่สวยนัก
"หาทางเอาดีเอ็นเอของเด็กคนนี้มา ถ้าได้ข้อมูลเรื่องสถานสงเคราะห์นั่นด้วยก็ดี" วรินทร์กัดริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยกับน้องชาย
"อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้ เอาผลมาให้พี่คนเดียว เข้าใจมั้ย?"
"ครับ"
ร่างสูงพยักหน้ารับคำสั่ง ได้แต่ภาวนาให้ลางสังหรณ์ของเขาผิดพลาด
เขาไม่อยากให้มธุวันหรือเมฆาต้องมาพัวพันกับเรื่องแบบนี้
แต่ถ้ามธุวัน คือคุณมิคาเอลที่หายสาบสูญไปจริงๆ นั่นก็หมายความว่าชีวิตของร่างโปร่งและคนรอบข้างกำลังตกอยู่ในอันตราย
---------------
ปมหลุดซักนิดก็ดีเนอะ ก่อนไรท์จะโดนตบ555555
เมฆคะ ถ้าจะตัวประกอบขนาดนี้

ถ้าการ์ตูนโคนันอยู่ในหมวดการ์ตูนโรแมนติกคอมเมดี้ได้ นิยายเราก็ต้องอยู่ในหมวดนิยายรักคอมเมดี้ได้เหมือนกัน(เดี๋ยว55555)