----------(ครึ่งหลัง)-----------
หลังจากวันนั้นเมฆาก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย
ถึงแม้จะผิดหวัง แต่มธุวันก็โทษเพื่อนใหม่ของตัวเองไม่ได้ อีกฝ่ายเป็นเพื่อนคนเดียวของเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นเพื่อนคนเดียวของเมฆาเสียเมื่อไหร่
“โดนัท วันนี้เรามีเรียนด้วยกันมั้ย?”
ร่างโปร่งหันไปถามโดนัท หรือ ณัฐภาส รูมเมทของตนที่ถูกสุ่มมาจากระบบ เนื่องจากเขาไม่มีเพื่อนที่จะเอาชื่อมาลงเป็นเพื่อนร่วมห้องได้ โชคดีที่พวกเขาเข้ากันได้ดีพอสมควร อย่างน้อยก็อยู่ในระดับที่อยู่ร่วมกันได้ ณัฐภาสเรียนคหกรรมศาสตร์ แต่ปีหนึ่งมักจะเรียนเนื้อหาที่ใกล้เคียงกัน ทำให้หลายคณะต้องเรียนร่วมกันในวิชาพื้นฐาน
“น่าจะนะ ตอนบ่าย มีวิทย์พื้นฐานป่ะ?” ณัฐภาสตอบ ติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายแล้วมองความเรียบร้อยของตัวเองในกระจกเด็กหนุ่มจัดได้ว่าเป็นคนหน้าตาพอใช้ได้คนหนึ่ง เห็นอีกฝ่ายที่ไรมธุวันชอบนึกถึงพวกดารานักร้องเกาหลีที่สาวๆกรี๊ดกร๊าดทุกที หากไม่ติดนิสัยพูดจาขวานผ่าซากไม่ถนอมน้ำใจใคร คงมีสาวๆติดตรึมไปแล้ว
“แล้วนี่จะออกกี่โมง”
“เดี๋ยวเราออกแล้วล่ะ ว่าจะไปหาอะไรกินก่อน”
“เออ งั้นเดี๋ยวไปด้วย ไปโรงบริหารมะ?”
โรงอาหารคณะบริหาร...
มธุวันรีบพยักหน้า เขาไม่คิดหรอกว่าจะได้เจอเมฆา แต่ถ้าได้เจอก็คงจะดีไม่น้อย
“เค งั้นไปรอรถเวียนกัน”
โรงอาหารบริหารเป็นโรงอาหารที่ใหญ่มาก
มธุวันเดินสำรวจดูร้านอาหารอย่างตื่นตาตื่นใจ โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่ใกล้ถึงเวลาเข้าเรียนมากทำให้ยังมีที่ว่างอยู่มากมาย ทั้งสองวางกระเป๋าจองที่นั่งแล้วเดินไปสั่งอาหารของตน ร่างโปร่งเดินผ่านร้านขายข้าวผัดกระเพราไก่ไข่ดาว พลันนึกถึงคนที่ไม่ติดต่อมาอีกเลยหลังจากวันรับน้อง
ไปกินร้านอื่นดีกว่า...
"กินแค่โจ๊กอิ่มเหรอวะ? ไม่ใส่ไข่ด้วย"
ณัฐภาสถาม พุ้ยข้าวขาหมูใส่ไข่ต้มจานโตของตนเข้าปากสลับกับมองคนที่คนโจ๊กไปมาอย่างใจลอย มธุวันพยักหน้ายิ้มๆ ตักข้าวเข้าปากบ้างเพื่อให้เพื่อนหายเป็นห่วง ปกติเขาเป็นคนทานน้อยอยู่แล้ว พอมีเรื่องให้คิดเลยทานน้อยลงไปอีก
"เฮ้ย ไม่สบายป่ะวะหมอก มึงซึมๆนะเนี่ย"
มือเรียวยกขึ้นแตะหน้าผากเพื่อนร่วมห้องโดยไม่สนใจจะขออนุญาต คนใจลอยสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกมือเย็นๆแตะ ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากกว่านั้นคือมือใหญ่ที่กระชากข้อมือของณัฐภาสออกจากใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง
"เฮ้ย!อะไรวะ?!"
ณัฐภาสร้องโวยวาย ลุกขึ้นยืนอย่างไม่ยอมคนที่มาหาเรื่องตนโดยไม่มีสาเหตุ ทว่าด้วยความที่สรีระเป็นคนสูงโปร่ง ทำให้ไม่สามารถเทียบได้กับ'ยักษ์'ที่ยืนอยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อย
เมฆาไม่ตอบ นั่งลงข้างมธุวันอย่างถือวิสาสะ ดวงตาคมสีควันบุหรี่จับจ้องที่ณัฐภาสไม่วางตา มธุวันมองรูมเมทกับเพื่อนคนแรกในรั้วมหาวิทยาลัยสลับกันไปมาเลิ่กลั่ก ไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้า
"เมฆ นี่โดนัท รูมเมทเรา" ร่างโปร่งแนะนำด้วยน้ำเสียงประหม่า "โดนัท นี่เมฆเพื่อนเราเอง เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด อย่าถือสาเขาเลยนะ"
ณัฐภาสมีสีหน้าไม่เชื่อ แต่ก็ก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อตามประสาคนง่ายๆสบายๆ
"เออๆ ทีหลังก็ล่ามโซ่เพื่อนมึงไว้หน่อยละกัน กูไปละ เดี๋ยวเข้าสาย เจอกัน"
"อื้อ เจอกัน" มธุวันโบกมือให้อย่างอารมณ์ดี
ในที่สุดก็ได้เจอเมฆซะที...
"คนเมื่อกี้ รู้จักกันมาก่อนเหรอ?"
แต่คำถามแรกที่ร่างสูงถามหลังจากไม่ได้เจอกันนานกลับเป็นเรื่องของณัฐภาสเสียอย่างนั้น มธุวันไม่รู้ว่าความรู้สึกผิดหวังที่เกิดขึ้นลึกๆในใจมาจากสาเหตุใด แต่เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้เอาเสียเลย
"เปล่าหรอก เราใช้ระบบสุ่มน่ะ" ร่างโปร่งตอบ "แล้วเมฆนอนหอไหนเหรอ?"
"คอนโดนอกมอ" เมฆาตอบ ยังคงไม่จบกับเรื่องของณัฐภาสง่ายๆ "แล้วนอนห้องเดียวกัน?"
"อื้อ หอเราเป็นแบบสองคนอ่ะ นอนในห้องเดียวกันเลย"
"..." สีหน้าของร่างสูงแทบไม่ขยับหลังรับฟังข้อมูล มธุวันก้มหน้าลงตักโจ๊กเข้าปากเพื่อลดบรรยากาศอึดอัดนี้เมื่อได้ยิน
คำถามที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"เขามีแฟนรึยัง?"
"แค่กๆๆ"
ร่างโปร่งสำลักโจ๊กที่กินเข้าไป ไอหน้าดำหน้าแดงจนเศษอาหารเลอะเทอะกระจายไปทั่ว แต่แทนที่เมฆาจะว่าเขาหรือลุกหนีไป คนหน้านิ่งกลับช่วยลูบหลังเขาให้หายใจหายคอสะดวกขึ้น พร้อมกับส่งแก้วน้ำเปล่าของตัวเองให้ มธุวันรับมาดูดอึกใหญ่ก่อนจะหันไปหวังขอบคุณสำหรับน้ำใจ แต่ร่างสูงกลับหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วเริ่มต้นเช็ดที่มุมปากของคนที่นั่งข้างๆอย่างอ่อนโยน
เป็นความใจดีที่สามารถสัมผัสได้จากความอบอุ่นที่ส่งผ่านปลายนิ้ว
ตึกๆ...ตึกๆ...
" ขอบ...ขอบใจนะ" มธุวันรีบพูด เบี่ยงความสนใจของตัวเองไปจากหัวใจที่เต้นโครมครามอยู่ในอก แต่การมองหน้าเมฆาตรงๆทำให้ทุกอย่างแย่ลงกว่าเดิม
เขาชอบผู้ชาย
เรื่องนี้มธุวันยอมรับ เขารู้ตัวเองว่าชอบผู้ชายตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่มัธยมต้น ในขณะที่เพื่อนๆในห้องพูดคุยกันเรื่องเพศตรงข้าม เขากลับไม่รู้สึกอะไร ไม่ว่าจะกับเพศใดก็ตาม
'หมอกแค่โตเป็นหนุ่มช้า ไม่แปลกอะไรหรอกลูก' นั่นคือสิ่งที่ป้าจันทร์ หญิงวัยกลางคนที่รับอุปการะเลี้ยงดูเขาอย่างดีไม่ต่างจากมารดาแท้ๆบอกกับเขาในวันที่มธุวันถาม 'แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอ'
นั่นยิ่งทำให้มธุวันรู้สึกรังเกียจตัวเองมากกว่าเติมในวันที่เขา'โตเป็นหนุ่ม' มาถึง
แดนดิน หรือ น้องดิน เป็นลูกชายแท้ๆของป้าจันทร์กับสามีที่เสียชีวิตไปนานแล้ว เป็นเหมือนน้องชายแท้ๆของเขา เด็กชายติดเขาแจจนโดนป้าจันทร์ดุบ่อยๆว่าทำให้เขาไม่มีสังคม แต่มธุวันไม่ถือสา เขารักน้องชายคนนี้มากพอๆกับที่อีกฝ่ายรักเขาเช่นกัน วันหนึ่ง ร่างโปร่งในวัยสิบหกปีบังเอิญเปิดประตูห้องนอนที่พวกเขาใช้ร่วมกันไปเจอน้องชายต่างสายเลือดในวัยสิบสี่ปีกำลังนอนอยู่บนเตียง ร่างสูงที่เริ่มสะสมมัดกล้ามจากการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมโรงเรียนเปลือยเปล่า เผยผิวเนียนสีน้ำผึ้งจากการถูกแดดและคลอรีน มีเพียงผ้าห่มผืนบางที่ช่วยปกคลุมร่างกาย แต่ก็ไม่อาจปิดบังกิจกรรมที่เกิดขึ้นใต้ร่มผ้าได้
"ดิน!" มธุวันร้องอย่างตกใจ กระแทกประตูปิดดังลั่นพร้อมกับหันหลังพิงบานประตูไว้ ราวกับว่ามันจะช่วยป้องกันเขาจากอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในห้องนั้นได้ "ทำอะไรเนี่ย?! ทำไมไม่ไปทำในห้องน้ำ?!"
ถึงแม้จะมีประตูขวางกั้น แต่เสียงหายใจหอบถี่ของแดนดินยังคงดังลอดออกมาให้ได้ยิน เพิ่มอุณหภูมิผิวหน้าของคนเป็นพี่ให้ร้อนเห่อขึ้นไปอีก ซักพัก ตัวต้นเหตุก็เปิดประตูห้องออกมาในสภาพที่ใส่เพียงกางเกงบ็อกเซอร์ลายการ์ตูนสีสันสดใสพร้อมกับยิ้มเผล่อย่างสำนึกผิด
"ไหนพี่หมอกว่าจะติวสอบกับเพื่อนไงครับ?"
"พี่ลืมสมุดไว้ ดินนั่นแหล่ะ ไม่ต้องมาทำเหมือนพี่เป็นคนผิดเลยนะ"
มธุวันโวยวาย ซึ่งผิดวิสัยคนเงียบๆเรียบร้อยของตนเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเห็นหน้าหงอยเหมือนลูกหมาโดนทิ้งของอีกฝ่าย เขาก็ทำใจโกรธไม่ลง
"ขอโทษครับ แต่พี่หมอกอย่าไปฟ้องแม่นะ" แดนดินรีบขอร้อง "เดี๋ยวดินโดนแม่ดุอ่ะ"
แน่นอน... เขารับปาก มธุวันไม่เคยปฎิเสธอะไรน้องชายคนนี้ได้อยู่แล้ว
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ว่าใครก็ทำกันทั้งนั้น สัญชาตญาณดิบของมนุษย์ทำให้ทุกคนต้องการปลดปล่อยมันออกมา
แต่ไม่ใช่การปลดปล่อยโดยใช้เค้าร่างของเด็กหนุ่มที่นับถือเขาเป็นพี่ชายเป็นเครื่องมือในมโนภาพแบบนี้
"ฮะ...อึก..."
ร่างโปร่งทรุดตัวลงบนพื้นห้องน้ำอย่างหมดแรง เสียงน้ำปะปาที่ไหลอย่างแรงจากการเติมน้ำลงในถังอาบเพื่อกลบเสียงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องน้ำเล็กๆแห่งนี้ บัดนี้ถูกใช้กลบเสียงสะอื้นของเขา
มธุวันไม่เคยรู้สึกรังเกียจตัวเองขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
ไม่ใช่เพราะเขาตระหนักได้ว่าตนชอบผู้ชาย
แต่เพราะคนที่ทำให้เขารู้ เป็นลูกชายแท้ๆของผู้มีพระคุณที่เมตตาเขาประหนึ่งลูกในไส้
ถึงแม้ลึกๆในใจ มธุวันจะรู้ว่าความรู้สึกที่ตนมีต่อแดนดินยังคงเป็นพี่น้องไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแค่ในวันนั้น ภาพของแดนดินวาบเข้ามาในหัว ในเวลาที่ไม่ควรจะเกิด
แต่แค่นั้น ร่างโปร่งก็รู้สึกอยากจะอาเจียนทุกครั้งที่ต้องมองหน้าน้องชาย
"พี่ไปนอนห้องพระนะ"
ในวันแรกๆที่ได้ยินประโยคนั้น แดนดินเพียงแค่พยักหน้ารับรู้แล้วก้มลงอ่านการ์ตูนในมือต่อ แต่หลังจากผ่านมาหลายสัปดาห์ น้องชายต่างสายเลือดเริ่มไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากมธุวันจะไปนอนห้องพระ ไม่ก็เข้านอนหลังจากเขาจนร่างสูงหลับสนิทไปแล้ว ร่างโปร่งยังทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะไม่ต้องอยู่กับคนอายุน้อยกว่าเพียงลำพัง
มธุวันเกลียดตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
แววตาของน้องชายของเขาเต็มไปด้วยความสับสน ไม่เข้าใจว่าตนทำอะไรผิดไป และแววตาน้อยใจที่มองมาทุกครั้งที่เห็นมธุวันพูดคุยกับคนอื่นในบ้านอย่างปกติ
เวลาล่วงเลยผ่านไปเป็นเดือนกว่าคุณป้าจะเรียกเขามาคุยด้วย ป้าจันทร์ไม่ได้ใช้น้ำเสียงดุด่าว่ากล่าวหรือไม่พอใจ เพียงแค่ถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล แค่นั้นก็ทำให้สิ่งที่ถูกเก็บกักไว้ในใจตลอดเวลาพรั่งพรูออกมาจากริมฝีปาก
เรียวราวกับทำนบแตก
"ฮึก... หมอกขอโทษครับป้า หมอกขอโทษที่หมอกไม่ปกติ"
เขาอยากออกจากบ้าน อยากหนีไปให้ไกล อยากปกป้องทุกคนที่เขารักจากความวิปริตที่ก่อเกิดในใจ
แต่ป้าจันทร์เพียงรั้งเขาเข้ามาในอ้อมกอด ลูบหลังเด็กหนุ่มที่กำลังหลงทางอย่างปลอบโยนจนมธุวันค่อยๆหยุดสะอื้น ก่อน
จะเอ่ยขึ้นช้าๆแต่ชัดเจนทุกถ้อยคำ
"หมอก การที่หมอกรู้สึกผิดกับความคิดของตัวเองมากขนาดนี้ ก็น่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้แล้วนะลูกว่าเข็มทิศคุณธรรมในใจ
หนูไม่ได้ผิดแปลกไปจากคนอื่นเลย"
"หมอก...อึก...หมอกไม่อยากทำร้ายน้อง..."
คนเป็นพี่อย่างเขา จะทนมองหน้าน้องชายได้อย่างไรในเมื่อในหัวเคยมีความคิดน่าอดสูแบบนั้นอยู่
"แล้วการที่หมอกหลบหน้าน้อง ทิ้งน้องให้คิดไปเองต่างๆนานาว่าตัวเองเป็นเด็กไม่ดี พี่ถึงไม่รัก ไม่เป็นการทำร้ายน้องเหรอจ๊ะ?"
ป้าจันทร์ถามกลับ ปล่อยให้บุตรบุญธรรมของตนฉุกคิดได้เอง
"ป้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับน้อง หมอกอยากให้ดินรู้เรื่องนี้มากแค่ไหน นั่นเป็นการตัดสินใจของหมอก เรื่องความชอบของหมอกก็เหมือนกัน หมอกไม่ต้องอายกับคนที่หมอกเลือกจะรัก แต่ก็ไม่มีใครบังคับหมอกได้เหมือนกันถ้าหนูไม่ต้องการจะพูด"
หมอกเลือกที่จะเล่าความจริงทั้งหมดให้น้องชายฟัง
เขาเพิ่งได้สังเกตว่าร่างสูงซูบลงไปเล็กน้อย ขอบตาคล้ำเหมือนคนนอนไม่พอ แถมยังมีสีหน้าซึมเศร้าตลอดเวลา แต่เมื่อฟังคำสารภาพของพี่ชายจบ แทนที่จะโกรธหรือเกลียดเขา แดนดินกลับเผยรอยยิ้มกว้างพร้อมกับสวมกอดพี่ชายแน่น
"โอ๊ย! ดิน รัดแน่นไปแล้ว พี่เจ็บ!"
คนตัวเล็กกว่าโวยวาย แต่ก็กอดตอบน้องชายตัวดีแน่นไม่แพ้กัน
"สัญญากับดินนะว่าพี่หมอกจะไม่ทิ้งดินแบบนี้อีก" น้องชายตัวแสบซุกหน้าลงกับไหล่ของเขาสั่ง เสียงที่เริ่มแตกเนื้อหนุ่มอู้อี้จากก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ
"ดินไม่โกรธพี่เหรอ?" หมอกถาม เก็บความรู้สึกประหลาดใจไว้ไม่อยู่
ร่างสูงผละออกมาจากพี่ชายพร้อมส่ายหน้า รอยยิ้มร่าเริงกลับมาอีกครั้งอย่างเต็มรูปแบบ
"พี่หมอกชมว่าดินหุ่นดีใช่มั้ยล่า อิอิ"
"ไม่ต้องมาอิอิเลย ไปๆ ไปช่วยพี่ทำแกงเขียวหวาน วันนี้ต้องไปขายที่ตลาดเช้านี่ ทำไม่เสร็จเดี๋ยวป้าจันทร์ดุเอาหรอก" มธุวันเปลี่ยนเรื่อง ลุกขึ้นจากเตียงที่ตนนั่งอยู่นำน้องชายไปยังห้องครัวเพื่อช่วยป้าจันทร์ที่ผันตัวมาทำอาชีพขายข้าวแกงทำอาหารขายควบคู่กับงานประจำที่บ้านพักคนชราในตัวจังหวัด
ถึงแม้เรื่องในคราวนั้นจะจบลงด้วยดี แต่มธุวันเชื่อว่าคนแบบแดนดิน ไม่ได้มีหลายคนนักในโลกใบนี้ เขาจึงไม่อยากให้รสนิยมทางเพศของตน ทำให้เพื่อนคนแรกในรั้วมหาวิทยาลัยต้องอึดอัด เมฆาจัดว่าอยู่ในกลุ่มคนหน้าตาดีอย่างหาตัวจับยากคนหนึ่ง จึงไม่แปลกที่มธุวันจะรู้สึกเขินอายเมื่อถูกสัมผัส
ร่างโปร่งจึงตัดสินใจขยับออกห่างจากอีกฝ่าย
"ขอโทษนะ เลอะหมดเลย"เมฆาเพียงแต่ส่ายหน้า "เรื่องโดนัท..ถามทำไมเหรอ?"
"เพื่อนฝากถาม" ร่างสูงตอบ ไม่รู้ทำไม เพียงแค่ได้ยินดังนั้นมธุวันก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอย่างน่าประหลาด
"ยังไม่มีๆ โสดสนิท" ร่างโปร่งยิ้ม แต่สีหน้าของคนฟังเมื่อได้ยินดังนั้นกลับดูน่ากลัวขึ้นเสียอย่างนั้น เมฆาไม่ได้พูดอะไรต่อ มธุวันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากก้มลงทานอาหารเช้าต่อเงียบๆ
"ข้าวเย็น"
"หือ?" ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงทุ้ม
"เลิกเรียนเดี๋ยวมารับ"
"เอ๊ะ?"
"เดี๋ยวโทรหา"
"เอ่อ..."
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่มธุวันเถียงอะไรไม่ทัน ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะ หยิบถ้วยโจ๊กที่หมดเกลี้ยงของคนข้างๆติดมือเดินไปเก็บโดยไม่สนใจคำทักท้วงของเขา ก่อนจะเดินเข้าไปในอาคารเรียนรวมโดยไม่รอคนขาสั้นกว่าที่พยายามก้าวตามไป
คนพิลึก
----------
มาล้าววววว
คิดถึงเค้าม๊ายยยยยย
เราจะกลับมาสม่ำเสมอกันอีกครั้ง(รึเปล่า5555)