<<ลมหายใจแห่งผืนทราย>>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <<ลมหายใจแห่งผืนทราย>>  (อ่าน 162879 ครั้ง)

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
เอาใจช่วยทุกคนนะ ; w ; /

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                                    ลมหายใจแห่งผืนทราย

                                                                              บทที่ 22


                     หมู่บ้านยาคีนเต็มไปด้วยร่องรอยของการต่อสู้ ชารุกข์ใช้บ้านเรือนที่ผู้คนอพยพไปแล้วเป็นฐานที่มั่น เมื่อถึงคราวคับขัน

เหล่าบุรุษในหมู่บ้านจึงกลายเป็นกองกำลังของชารุกข์ เซรีมแห่งดาฟาร์รวมถึงพวกที่อยู่ในกลุ่มกองโจรอยู่แล้ว ทุกคนลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า

สีดำรัดกุมและปิดคลุมใบหน้าด้วยผืนผ้าสีดำไม่ต่างจากผู้นำของเขาพร้อมทั้งจับอาวุธสงครามต่อสู้กับกองกำลังทหารที่รัฐบาลส่งมา

อย่างแข็งขัน


            ภายใต้ความเป็นผู้นำของชารุกข์ เพราะจำนวนคนที่มีน้อยกว่าชารุกข์จำเป็นต้องอาศัยยุทธวิธีแบบกองโจรเข้าช่วย และด้วย

ฝีมือการต่อสู้ของลูกน้องที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเพียงไม่กี่วันกองกำลังทหารของรัฐบาลจึงเริ่มเพลี่ยงพล้ำ อาจจะเพราะพวกเขา

ประมาทไม่คาดคิดว่าชาวบ้านในดินแดนห่างไกลความเจริญจะมีความสามารถในการต่อสู้ และประกอบกับความไม่ชำนาญในพื้นที่ แต่

ชารุกข์ก็มิได้ประมาทเขาวางแผนการต่อสู้อย่างรัดกุมเสมอ

                 ชารุกข์ใช้ห้องลับของบิดาที่เจาะลึกอยู่ใต้เนินหินสูงภายในบ้านของเชคฮอาลีเป็นสถานที่อำพรางตัวในค่ำคืนนี้ หลังจาก

เขาเสี่ยงขี่บาฮาไปยังกลางทะเลทรายโดยมีอับบาสเป็นเสมือนเข็มทิศนำทางไปหาคนที่เขารักจนสุดหัวใจ และกลับมาถึงหมู่บ้านยา

คีนยามดึกสงัดปราศจากเสียงปืน ถึงอย่างไรการรบก็ต้องมีหยุดพักตามหลักการต่อสู้ของทหารสากล

                  ความอบอุ่นของร่างที่เพิ่งจะได้กอดให้คลายความหนาวยังอบอวลอยู่ในหัวใจ ชารุกข์คลี่ยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าคมของลูก

ครึ่งอังกฤษไทยยามสบตา ชารุกข์รักกวินท์ รักด้วยหัวใจอย่างแท้จริง


                  “รอผมนะกวินท์ ผมจะรีบจบเรื่องทุกอย่างโดยเร็วที่สุด และเมื่อถึงวันนั้น เราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน”


                   เขากล่าวกับกวินท์ก่อนจะจูบอำลาและปล่อยให้กวินท์จากไปพร้อมกับบาฮาและอับบาส ชีวิตของชารุกข์มีความหวังใหม่

รออยู่นั่นคือชีวิตที่มีกวินท์เคียงข้าง

                      เสียงกุกกักดังอยู่มุมหนึ่งของห้องแคบ ชารุกข์หันไปมองเครื่องมือสื่อสารสำคัญที่เขาหอบหิ้วจากบ้านของเขามาเก็บ

ซ่อนไว้ที่นี่ เขาปรี่เข้าไปและเปิดเครื่องมือนั้นทันที


                  “บีวันเรียกเอวัน ได้ยินแล้วตอบด้วย ย้ำ บีวันเรียกเอวัน”


                  “เอวันตอบกลับบีวัน รับสัญญาณแล้ว”


                  ชารุกข์รีบตอบกลับไป เขาได้ยินเสียงสบถเบา ๆ จากเพื่อนของเขา


                  “ปลอดภัยใช่ไหม เกสต์ล่ะ”


                 บีวันหมายถึงกวินท์ พวกเขาใช้รหัสแทนกวินท์ว่าเกสต์


               “ปลอดภัย ตอนนี้อยู่กับพ่อ”


                “ถ้าอย่างนั้นก็เข้าเรื่อง” บีวันพูดน้ำเสียงร้อนรน


               “ที่คิงหาที่ตั้งเจอเพราะมีสายนะ”


                 ชารุกข์ขบกรามจนเป็นสัน เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด หากจะดูกันจากภายนอกหมู่บ้านยาคีนไม่มีสิ่งไหนสะดุดตาว่าจะ

เป็นที่ตั้งกองกำลังของเขาได้เลย ชารุกข์ยังสงสัยว่าเพราะเหตุใดกษัตริย์ราชิดถึงได้ส่งกำลังทหารมาโจมตีได้ถูกจุด


                 “ใคร”


                 ชารุกข์เอ่ยถามด้วยความสุขุม เขาจะให้ความขุ่นเคืองมาเป็นตัวนำการกระทำไม่ได้ เขาตั้งใจฟังคำตอบจากอีกฝ่าย และคำ

ตอบนั้นทำให้เขาหลุดคำสบถออกมาอย่างห้ามไม่อยู่






                 ดาวฤกษ์ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าแล้วเมื่อชารุกข์ออกคำสั่งให้ลูกน้องของเขาตั้งแถวหมู่ม้าเรียงหน้ากระดานอยู่ด้านหน้าของ

หมู่บ้าน ชายหนุ่มผู้สง่างามนั่งอยู่บนหลังม้าคู่ใจโดยมีดาบยาวแนบอยู่ที่เอวพร้อมทั้งถือปืนกลเบาในมือ สายตาคมมีแววมุ่งมั่นขณะกวาด

สายตาไปยังลูกน้องทีละคนที่ต่างก็อยู่บนหลังม้าเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดอยู่ในชุดสีดำปิดบังใบหน้า


                  “เราจะไม่เสียเวลาอีกต่อไป”  ชารุกข์พูดเสียงเด็ดขาด


                   “ตอนนี้ภายในเมืองหลวงกำลังมีการปะทะกันอย่างรุนแรง พวกเราจะจัดการพวกมันให้หมดและมุ่งหน้าไปเมืองหลวงเพื่อ

จบเรื่องทุกอย่างลงเสียที”


                 “ชัยชนะจงเป็นของอามิร”


                ลูกน้องของเขาต่างกล่าวอวยพร ทุกคนจ้องมองชารุกข์เป็นจุดเดียว สายตาเหล่านั้นบอกถึงความภักดีเทิดทูนให้กับนาย

เหนือหัวไม่เว้นแม้แต่เชคฮอาลีที่เป็นผู้นำของหมู่บ้านและมีศักดิ์เป็นลุงของชารุกข์

                      ชารุกข์บังคับบาฮาให้มุ่งหน้าไปยังแคมป์ที่พักของเหล่าทหาร หมู่อาชาค่อย ๆ เหยาะย่างอย่างชำนาญพื้นที่ และเมื่อ

ชารุกข์เห็นว่าระยะเหมาะสมแล้วเขาจึงยกปืนกลเบาขึ้นประทับบ่าเล็งไปที่เป้าหมาย ปลายนิ้วสอดไกแล้วลั่นกระสุนออกไปเป็นนัดแรก


                 เมื่อกระสุนนัดแรกจากชารุกข์ เซรีมดังขึ้น การต่อสู้ก็เริ่มต้นทันที กองกำลังของปีศาจร้ายแห่งทะเลทรายดาฟาร์บังคับม้าให้

ควบตรงมุ่งหน้าไปยังเหล่าทหารที่มีจำนวนเหลืออยู่ไม่มากนักและประจัญบานกันด้วยปืนจากระยะไกล เมื่อสามารถบุกเข้าไปในแคมป์

ทหารได้พวกเขาจึงใช้ทั้งดาบและปืนเข้าต่อสู้


                 “ใครยอมแพ้จับมัดไว้ ส่วนใครขัดขืนจงกำจัด”


                 เสียงดุดันดังขึ้นจากชารุกข์ เซรีม เหล่าหทารจ้องมองตาเหลือกราวกับเขาเป็นมัจจุราชปลิดวิญญาณ บ้างก็วางปืนยอมแพ้

ให้จับมัด มีส่วนน้อยที่ยอมเสี่ยงต่อสู้หากแต่ถูกกำจัดโดยง่าย ใช้เวลาเพียงไม่นานแคมป์ทหารรัฐบาลก็ถูกทำลายราบคาบ


                     ชารุกข์ควบบาฮาสำรวจโดยรอบ เมื่อเห็นว่าสามารถยึดพื้นที่ได้หมดแล้วเขาก็ชูดาบขึ้นแสดงชัยชนะ เสียงโห่ร้องดังขึ้น

กึกก้องก่อนที่ชารุกข์จะยกมือให้ทุกคนหยุด


                   “เราได้ชัยชนะแล้วถือว่าเป็นก้าวแรกอันดีงาม แต่ที่น่าเสียใจคือหมู่บ้านของเราถูกทำลายจนเสียหาย บรรดาญาติพี่น้อง

ของเราก็ต้องระหกระเหินหนีภัยทั้งที่หมู่บ้านของเรามีความปลอดภัยอย่างที่สุด น่าแปลกว่าพวกมันรู้ที่ตั้งของเราได้อย่างไร”


                    เสียงฮือฮาดังขึ้นเมื่อลูกน้องของชารุกข์หันไปพูดคุยกันด้วยความสงสัยตามที่ชารุกข์กล่าวนำ ชารุกข์สบตาลูกน้องของ

เขาทีละคน


                    “รวมไปถึงที่ตั้งของอาคารพยาบาลของพวกเราที่ถูกพวกมันถล่มไปก่อนหน้านี้ ทำไมพวกมันถึงรู้”


                    ลูกน้องของเขามองหน้ากันเลิ่กลั่ก มันเป็นข้อสงสัยที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน น้ำเสียงของชารุกข์เข้มขึ้นทันที


                       “พวกของเราบาดเจ็บหลายคน ตายหลายชีวิตเพราะความลับที่ตั้งของเราถูกเปิดเผย ทำไมความลับมันถึงเปิดเผยได้

หรือเพราะใครจงใจเปิดเผยมันออกไป”


                     “ชารุกข์อามิรหมายถึงมีใครเอาความลับของเราไปบอกพวกโน้นเช่นนั้นหรือ ใคร มันเป็นใคร”


                    เชคฮอาลีถามอย่างตกใจ พวกเขาทุกคนตั้งสัตย์กันแล้วว่าจะไม่มีใครทรยศเปลี่ยนข้าง ทุกคนมองทางชารุกข์อย่าง

ต้องการคำตอบ


                “คำตอบเหล่านี้คงต้องให้ฮะซีนเป็นคนตอบพวกเราแล้วกระมัง”


                 ทุกคนหันขวับมามองฮะซีนเป็นตาเดียว คนถูกจ้องมองสะดุ้งเฮือกหน้าซีดปากสั่น


                 “เชคฮ คือว่า...”


                “บอกทุกคนสิว่า ในวันที่พวกทหารถล่มอาคารพยาบาล ทำไมแกถึงรอดชีวิตมาเพียงผู้เดียวทั้งที่ทุกคนเสียสละชีวิต แต่แก

มาบอกกับฉันว่าเพราะแกหนีออกมาได้ทัน”


                   สายตาดุจ้องคาดคั้น ชายวัยกลางคนที่เป็นลูกน้องคนสนิทอีกคนหนึ่งของชารุกข์สบตาตัวสั่นงันงก ในที่สุดฮะซีนก็คุกเข่า

ลงไปกับพื้น เขาคำนับหน้าผากจรดพื้น เขาตัวสั่นด้วยความเกรงกลัว


                    “อามิรครับ ผมไม่อยากทำเลย แต่ลูกสาวของผมอยู่ในวังกับกษัตริย์ราชิด เขาขู่จะฆ่าลูกผม ขู่ฆ่าเมียของผมและคนใน

ครอบครัว ผมไม่มีทางเลือก”


                    ฮะซีนร้องไห้โฮ เขาใช้มือกุมข้อเท้าของชารุกข์เพื่อขอเมตตาท่ามกลางสายตาโกรธแค้นของเพื่อนในกลุ่ม แต่ทุกคนก็

ไม่กล้าพูดอะไรออกไปได้แต่รอการตัดสินจากชารุกข์


                   “ฉันตรวจสอบพบเงินในบัญชีของแกงอกเงยกว่าที่ควรจะเป็น นี่หรือคือความจำเป็นที่แกใช้เป็นเหตุผล หากเหตุมีเพียงแค่

นี้ ฉันจะตอบคำถามคนที่ตายไปแล้วเพราะการกระทำของแกว่าอย่างไร พวกเขามีทางเลือกที่จะไม่ตายงั้นหรือ”


                     เสียงของเขาเต็มไปด้วยอำนาจที่ใคร ๆ ก็ต้องศิโรราบ ฮะซีนได้แต่ตัวสั่นอยู่กับพื้น แม้จะไม่อยากทำแต่ชารุกข์จำเป็น

ต้องเด็ดขาดในฐานะของผู้นำเมื่อมีคนทรยศ

                     ดาบที่เอวถูกดึงออกมาจนสะท้อนแสงแดดแรงกล้าในยามบ่ายจัด จนคนที่ยืนรายล้อมต้องเบือนหน้าหลบแสงของมัน

ชารุกข์จับดับมั่นและตวัดเพียงครั้งเดียวศีรษะของฮะซีนก็กระเด็นกระดอนไปตามพื้น เลือดแดงฉานพุ่งเป็นน้ำพุจากลำคอที่ไม่มีศีรษะอีก

ต่อไป

                    ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมา ทุกคนยอมรับผลของการลงโทษครั้งนี้เพื่อจะเป็นเยี่ยงอย่างมิให้ใครกระทำผิดซ้ำอีก ชารุกข์

เก็บดาบคืนฝักและออกคำสั่ง


                        “เตรียมอาวุธให้พร้อม เราจะเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อต่อสู้ครั้งสุดท้าย”







                   “ผมต้องกลับไปแล้ว” คาลีลเอ่ยกับวิกเตอร์ในค่ำวันนั้น ช่างภาพหนุ่มถึงกับใจหาย


                   “แต่การปะทะยังมีอยู่ ผมห่วงว่าคุณจะ...”


                   “มันเป็นหน้าที่ของผม ถึงแม้ว่าคุณจะห่วงผมก็ตาม”


                    ทั้งสองยืนอยู่ข้างรถยนต์ของคาลีลที่ลานจอดรถของสถานทูต แสงแดดของวันกำลังจางหายไปแล้ว วิกเตอร์คิดว่ามัน

ช่างคล้ายกับความรู้สึกของเขาที่ใกล้กับคำว่ามืดมนเข้าไปทุกที


                  “เหตุการณ์นี้มันต้องเกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง ผมยังทำงานให้กับคณะรัฐบาลของฮาลียันอยู่”


                 “แต่กษัตริย์ราชิดไล่คุณออกแล้วนะคาลีล แถมยังจะกักบริเวณคุณด้วยอย่าลืมสิ”


                 วิกเตอร์แย้ง คาลีลฝืนยิ้ม


                “ในเมื่อยังไม่มีคำสั่งออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ก็ถือว่างานของผมยังอยู่”


                คาลีลมองสบตา หัวใจของเขากวัดแกว่งเมื่อเห็นเยื่อใยจากวิกเตอร์ มันเป็นเยื่อใยบางเบาซึ่งเขาเองก็อดที่จะใจหายไม่ได้


                “คุณต้องกลับอังกฤษพรุ่งนี้แล้ว ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยนะ”


                คาลีลหรุบตาลงต่ำ เขาไม่อาจสบตาวิกเตอร์ได้อีกต่อไป คาลีลเกรงเยื่อใยของวิกเตอร์จะถักทอหัวใจของเขาจนดิ้นไม่หลุด

วิกเตอร์รั้งต้นแขนของคาลีลไว้


                “คุณจะไปส่งผมที่สนามบินไหม”


                 “ผมคงไปไม่ได้ เราคงต้องเอ่ยคำอำลากันตรงนี้ ขอบคุณที่คุณทำอะไรหลาย ๆ สิ่งเพื่อผม ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะ  วิกเตอร์

คอสเนอร์”


                  คาลีลสูดลมหายใจเข้าปอด เขาเบี่ยงแขนหนีและรีบเปิดประตูรถยนต์ก้าวเข้าไปนั่ง คาลีลสตาร์ทรถก่อนจะเหยียบคันเร่ง

ขับออกไปจากสถานทูตอย่างรวดเร็ว เขาแอบมองกระจกมองหลัง ภาพวิกเตอร์ยืนคอตกทำให้คาลีลขอบตาร้อนผ่าว

                 จบเพียงเท่านี้คงดีที่สุดแล้วสำหรับเยื่อใยระหว่างเขากับชาวต่างชาติคนนั้น








                   แอนนิสเผยแพร่ข่าวการกลับมาของกวินท์ แอนเดอร์สัน จากการปล่อยตัวของกองโจรแห่งดาฟาร์ กวินท์ปฏิเสธการให้

สัมภาษณ์กับทุกช่อง เขาแถลงข่าวเพียงแค่ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด


                    “พวกเขาไม่ได้ลักพาตัวผมไป มิหนำซ้ำเขายังช่วยผมไว้อีกต่างหาก อันที่จริงผมควรจะตั้งคำถามกับรัฐบาลฮาลียัน

มากกว่าว่าทำไมถึงปล่อยให้มีโจรมาทำร้ายผู้สื่อข่าวต่างประเทศได้ทั้งที่อยู่ในระหว่างปฏิบัติงานตามที่ได้รับเชิญมา”


                   กวินท์ตั้งคำถามปลายเปิดเพื่อให้มีการขยายผลหาคำตอบต่อไป กองโจรแห่งดาฟาร์ควรจะได้รับความยุติธรรมจากคนทั่ว

โลก


                      เรื่องทุกอย่างสำหรับเขาจบลงแล้ว กวินท์และวิกเตอร์ได้รับคำสั่งจากต้นสังกัดให้พักจากงานได้ สำนักข่าวส่งช่างภาพ

อีกคนมาทำงานคู่กับแอนนิส สมิธและรำไพพรรณจองตั๋วเครื่องบินกลับอังกฤษทันทีในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่กวินท์ส่งมอบงานให้แอนนิส

เรียบร้อย


                   “ยังตกใจอยู่เหรอลูก”


                   รำไพพรรณลูบผมบุตรชาย ครอบครัวแอนเดอร์สันอยู่รวมกันในห้องเล็ก ๆ ของสถานทูตเป็นคืนสุดท้าย สีหน้าของกวินท์

ราวกับคนอกหักมากกว่าคนที่เพิ่งผ่านช่วงอันตรายมา


                  “เปล่าหรอกครับแม่ แค่รู้สึกว่าเวลาแค่ไม่ถึงเดือนแต่ผมผ่านอะไรมาเยอะมาก”


กวินท์นอนหนุนตักแม่ เขาปล่อยให้มือนุ่มลูบผมของเขาราวกับเป็นเด็กน้อย กวินท์หลับตาลงแต่กลับปรากฏภาพของใครคนหนึ่งอยู่หลัง

เปลือกตานั้น

                     ชารุกข์ ผมจะไม่มีวันลืมคุณได้ใช่ไหม


                     น้ำตาไหลจากหางตาเงียบ ๆ โดยไม่ให้มารดารู้ รำไพพรรณถอนหายใจ


                    “อะไรร้าย ๆ ก็ลืมมันเสียเถอะกวินท์ ทิ้งมันไว้ที่นี่ พรุ่งนี้เราก็จะกลับบ้านกันแล้ว”

                     
                       กวินท์เกรงว่าเขาจะไม่มีวันลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่เลยต่างหาก






          มีต่ออีกนิด...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2017 22:30:45 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


อ่านต่อตรงนี้...




                ครอบครัวแอนเดอร์สันและวิกเตอร์ไปถึงสนามบินในตอนเช้าเพื่อเตรียมขึ้นเครื่องบิน เพื่อนสนิททั้งสองคนต่างก็มีสีหน้าเศร้า

หมองไม่เหมือนคนยินดีที่จะได้กลับบ้าน กวินท์ทอดถอนหายใจหลายต่อหลายครั้ง


                   “เข้าเกทได้แล้วกวินท์ วิกเตอร์”


                   สมิธเอ่ยปากเตือนบุตรชายและเพื่อนของลูก ทั้งสองจึงลุกขึ้นยืนสะพายกระเป๋า วิกเตอร์ชะงักเมื่อเห็นใครบางคนเดินตรง

มาหา


                    “คาลีล!”


                     อุทานอย่างแปลกใจระคนดีใจที่เห็นคนที่ทำให้นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนมายืนอยู่ไม่ไกลนัก กวินท์เอียงคอมองเพราะ

เขาไม่รู้จักคาลีล แต่เมื่อเห็นแววตายินดีของเพื่อนกวินท์จึงพูดเบา ๆ


                  “มีเวลาอีกสิบนาที รีบตามมาก็แล้วกัน”


                  วิกเตอร์พยักหน้ารับ เขาเดินไปหาคาลีลพร้อมรอยยิ้ม


                  “ไหนว่าจะไม่มาส่งไงล่ะ ใจอ่อนแล้วใช่ไหม”


                   คำพูดกำกวมของวิกเตอร์เรียกเลือดมาเลี้ยงบนใบหน้าของคาลีล เขาพยายามหยุดอาการหวั่นไหวแล้วตอบกลับ


                   “มีเวลาว่างนิดหน่อยก่อนไปทำงานน่ะ ก็เลยแวะมา”


                   “คุณจะไปเที่ยวอังกฤษไหม ผมจะเป็นไกด์พาเที่ยว”


                    วิกเตอร์เสนอตัว คาลีลอมยิ้มพลางกลอกตาไปมาเหมือนกำลังพิจารณาข้อเสนอของวิกเตอร์


                  “ถ้ามีวันหยุดเวเคชั่นผมก็อาจจะไปนะ อยากไปเที่ยวช่วงฤดูหนาว ผมอยากสัมผัสหิมะ”


                 “ผมจะโทรหาคุณนะคาลีล”


                 เสียงนั้นนุ่มและออดอ้อนกว่าเคย คาลีลเลิกคิ้วอย่างสงสัย


                 “ผมไม่เคยให้เบอร์โทรศัพท์คุณนี่ คุณจะโทรหาผมได้หรือ”


                 “ขนาดความลับสุดยอดของคุณผมยังล้วงมาได้ กับแค่เบอร์โทรไม่ยากหรอก”


                  วิกเตอร์ล้วงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าเสื้อมากดไม่กี่ครั้ง เสียงโทรศัพท์ของคาลีลก็ดังขึ้น คาลีลส่ายหน้าให้กับรอยยิ้ม

อย่างผู้ชนะของวิกเตอร์


                     “หมดเวลาสิบนาทีแล้วรีบไปเถอะ ขอให้คุณโชคดีนะ”


                      ต่างสบตากันอีกครั้ง วิกเตอร์จึงได้ตัดใจกลับหลังเดินไปทางประตูทางเข้า แต่เดินไปไม่กี่ก้าวเขาก็หันกลับมาอีกครั้ง

และก้าวยาว ๆ มาหาคาลีล คราวนี้เขาโน้มตัวเข้าใกล้และประกบปากของเขาลงไปที่ริมฝีปากของคาลีล

                      คาลีลยืนตัวแข็ง หัวใจของเขาเต้นราวกับกลองชุดเมื่อถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเขากลับรู้สึกเหมือน

จะเป็นลมกว่าที่วิกเตอร์จะถอนริมฝีปากกลับไปพร้อมกับมองเขาสายตาพราว


                      “ขอบคุณที่มาส่งนะครับคาลีล”


                      วิกเตอร์ยิ้มกว้างก่อนจะหันหลังแล้ววิ่งเข้าไปในเกทเมื่อประกาศคำเตือนครั้งสุดท้ายดังขึ้น คาลีลได้แต่ยืนนิ่งงันกับ

การกระทำอุกอาจนั้น แต่เมื่อเห็นวิกเตอร์กระโดดโบกมือไปมาจากระยะไกลก็เรียกรอยยิ้มออกมาได้ในที่สุด

                       คาลีลเดินกลับไปที่รถยนต์ของเขาพร้อมกับเยื่อใยจากวิกเตอร์ที่ไม่อาจตัดขาดลงได้







                    สัญญาณปิดโทรศัพท์มือถือและให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัดดังขึ้นเมื่อเครื่องบินพร้อมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า นายสมิธนั่งคู่กับ

นางรำไพพรรณ ส่วนกวินท์นั่งคู่กับวิกเตอร์ที่กำลังสนใจกับนิตยสารในมือ กวินท์ได้ที่นั่งริมหน้าต่าง เขาหันไปมองท้องฟ้ายามตะวันขึ้น

เมื่อนกเหล็กลำใหญ่บินอยู่เหนือแผ่นดินฮาลียัน

                   กวินท์นึกถึงวันที่เขาเดินทางมาที่นี่ มาพร้อมกับความสงสัยใคร่รู้และจินตนาการถึงบุคคลที่ได้ยินเพียงชื่อ แต่เมื่อถึงวันนี้

วันที่เขาต้องจากไป กลับปรากฏภาพของเขาคนนั้นชัดเจนโดยมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีแดงระเรื่อ

                     ดวงตาคม จมูกโด่ง ริมฝีปากหยักมีหนวดจาง ๆ ล้อมรอบ กิริยายามนั่งอยู่บนหลังม้าตวัดดาบสะท้อนแสงแต่แล้วดวงตา

คู่นั้นกลับหันมามองเขา นัยน์ตาอันแสนอบอุ่นยามโอบกอดกวินท์ไว้


                      “ผมรักคุณ ฮาบิบี”


                       เสียงทุ้มเอ่ยใกล้หู ส่งเสียงกระซิบหวานแว่วจนหัวใจโหยหา


                     กวินท์หายใจขัด จมูกของเขาปวดร้อนขอบตาเปียกชื้น


                     ลาก่อน ฮาลียัน เมืองที่กวินท์ทิ้งหัวใจไว้ที่นี่


                     ลาก่อน ชารุกข์ เซรีม ปีศาจร้ายแห่งดาฟาร์ที่ปล้นหัวใจของกวินท์จนไม่เหลือไว้ให้ใครอีกต่อไป


                                                                                               TBC


               Belove 's Talk


               ลมหายใจแห่งผืนทราย  เป็นนิยายที่ประสบความสำเร็จมากทั้งที่ไม่ขายฉากเลิฟซีนของบีเลิฟ ทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณนักอ่าน

ทุก ๆ ท่านนะคะ ที่มีคนอ่านเยอะอาจเป็นเพราะนักอ่านโหยหาทะเลทรายและบีเลิฟก็บังเอิญมาถูกจังหวะพอดี


                   ถ้าชอบก็อย่าลืมช่วยบีเลิฟโปรโมทผลงานให้ดังๆ ปังๆ ด้วยน้า ช่วยแนะนำต่อๆกันไป ช่วยคอมเมนท์ เป็นกำลังใจให้

บีเลิฟบ้าง

                    บีเลิฟอยากจะพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ จากสมัยแรกๆ ที่เน้นขายฉากเรท หลังๆมาก็ลดลงและหันไปเน้นกับเนื้อเรื่องมากกว่า

ก็ไม่รู้ว่านักอ่านที่ติดตามบีเลิฟมาตั้งแต่ต้นจะคิดอย่างไรกันบ้าง แนะนำติชมผลงานกันได้นะคะ


                    บีเลิฟคิดว่าการแต่งนิยายเป็นงานศิลปะ เราต้องปรับปรุงให้มันดีขึ้น รับฟังความคิดเห็นนะคะ

นักอ่านหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาอ่านงานเขียนของบีเลิฟเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก บีเลิฟก็ขอขอบคุณเช่นกันคะ

และอยากจะแนะนำงานเขียนที่บีเลิฟตั้งใจมาก ๆ เช่นกัน  อย่างเรื่อง อนูบิสจ้าวแห่งแดนมรณะ คดีรักนักดูดวง ม่านไหมลายพยัคฆ์

ที่เป็นงานเขียนยุคล่าสุดของบีเลิฟค่ะ



                     สัญญาว่าจะพยายามพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ


                     ขอบคุณที่อ่านจนท่านเชคฮชารุกข์และกวินท์ใกล้จะจบแล้วนะคะ ^^


                        :pig3: :pig3: :pig3: :pig3: :pig3:







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-10-2017 22:39:58 โดย Belove »

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
สงสัยว่าจะตามไปหาถึงอังกฤษไหม

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ถ้ายึดอำนาจคืนมาได้แล้วชารุกฮ์จะลงยังไงนี่สิ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ชารุกข์ต้องรีบทำให้มันจบนะ เพื่อจะได้ตามหาหัวใจ

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
สงสารที่ต้องแยกกันสักพัก  :mew2: :m15:

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ขอให้ปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติสำเร็จแล้วต่อด้วยปฏิบัติการภาระหัวใจนะท่านซารุกข์

อย่าปล่อย อย่าทิ้งฮาบิบี ...

  :sad4:  :sad4:  :sad4:  :sad4:

...

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
รีบทำภารกิจให้เสร็จแล้วตามภรรเมียไปเลยค่าชารุกข์
ถือโอกาสไปกราบพ่อตาแม่ยาย แล้วขอลูกเค้ามาอยู่ด้วยเสียเลย
คาลีลก็ด้วยอีกคน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1555
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
กวินทร์กลับแล้ว สถานการณ์ของชารุกคือดีขึ้นแล้วใช่มั้ย คาลีลถึงมาส่งวิกเตอร์ได้เนี่ย

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
ชารุกข์สู้ๆนะ!

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
คดีรัก (จากที่แอนตี้ตำรวจ แต่เเรื่องนี้รักมาก ตำรวจมีหลายมุมมองเหมือนคนทั่วไป) และม่านไหม (ไม่น่าเชื่อว่านิยายอิงประวัติศาสตร์จะมีแนวนนี้ได้ แล้วจบแบบใจแกว่งๆ ซะด้วย ) สนุกมากทั้ง 2 เรื่อง

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
กวินท์กำลังจะกลับอังกฤษแล้ว ถ้าเกิดว่าสถานการณ์ที่ฮาลียันดีขึ้น ชารุกข์จะมีโอกาสได้พบกับกวินท์อีกครั้งมั้ย แต่ถึงจะสะสางเรื่องสงครามได้ แต่ว่าถ้าชารุกข์ต้องกลายเป็นเชคฮคนต่อไป เรื่องระหว่างชารุกข์กับกวินท์ยังจะเป็นไปได้อยู่อีกมั้ย อยากให้ทั้งสองคนมีความสุขแบบหมดห่วงอย่างคนอื่นเขาบ้างจริงๆ ส่วนคู่คาลีลกับวิคเตอร์ดูจะไปได้สวยทีเดียว

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
วิธีลงของชารุกข์ คือให้ลุงขึ้นแทนป่าว?
ลุ้นตอนจบว่าจะยังไง รอๆ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ lune

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 688
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ตอนหน้าจะมีฉากไปหาฮาบิบีที่อังกฤษหรือเปล่าหนออ

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ดีงามมากวิกเตอร์ ตัดสินใจถูกแล้วละที่ฝากรอยประทับไว้
 :hao6:
ชารุกข์ ขอให้แก้ไขสถานการณ์ได้เร็ว แล้วรีบไปหากวินท์นะ
 :man1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
      โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบอ่านแนวทะเลทรายอยู่แล้วค่ะแต่แนวทะเลทรายส่วนใหญ่ที่อ่านๆมาเนื้อหาจะเน้นไปทางราชวงค์อะไรทำนองนี้มากกว่าค่ะ
     ส่วนเรื่องนี้แปลกแนวดีค่ะเเละเนื้อหาก็สนุกด้วยค่ะยิ่งเนื้อเรื่องดำเดินมาถึงตอนล่าสุดยิ่งน่าสดใจ
ตอนต่อไปจะเป็นยังไงรอติดตามนะค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
กลัวจะเศร้าจังเลยอ่ะ
ผลงานคุณบีเลิฟไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยค่ะ :)

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โอย เศร้าตามไปด้วย คนรักกันอยู่ดี ๆ จะให้ตัดใจ ไม่มีทาง
พระเอกต้องตามไปแน่ ๆ

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เรื่องนี้บีเลิฟปรับบทนายเอกให้แมนขึ้นด้วยล่ะมั๊งนะ เลยถูกจริตนักอ่านหลากหลายมากขึ้น เป็นกำลังใจให้จ้า

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
กวินท์กลังอังกฤษแล้ว แต่ชารุกข์ยังต่อสู้อยู่เลย ถ้ารู้ข่าวคงเสียใจไม่แพ้กัน ฮือออ

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
เพิ่งตามอ่านค่ะ แอบเป็นแฟนคลับชารุก

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
ไม่รู้ว่าจะจบยังไง แต่ขอให้ทั้ง 2 คู่ สมหวัง
ชอบแนวนี้ เนื้อเรื่องสนุก มีแอบหวาน ขยี้หัวใจเบาๆแต่ก็ฟินค่ะ สู้ๆนะคะ ตามอ่านค่า

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด