My Cat แมวนั่นของผม (ตอนเดียวจบ) เมี๊ยว เสียงเล็กๆ ดังจากซอกตึกแถวที่ผมเดินผ่าน ปกติผมก็ผ่านซอกนี้ทุกวันยังไม่เห็นจะได้ยิน หรือว่ามีคนเอามาปล่อย หรือแม่มันลืมทิ้งไว้ ผมเริ่มสาวเท้ายาว ดวงตาก็มองหาต้นตอของเสียง
เจอแล้ว...
กล่องสีน้ำตาลขนาดพอดีถูกปิดฝามิดชิด ผมรีบดึงฝากล่องออก ด้านในมีเจ้าตัวมีชีวิตเล็กๆ สีขาวขนฟูเดินวนไปมา ปากก็อ้าส่งเสียงร้องคล้ายกับหิว
“น่ารักจัง” ทันทีที่ถูกดวงตาใสสีฟ้าอ่อนจ้องมองคล้ายกับผมกำลังตกอยู่ในห้วงของความรัก นี่ผมกำลังหลงรักเจ้าตัวเล็กนี่สินะ “ไปอยู่ด้วยกันนะเจ้าเหมียว”
จากวันที่ผมเก็บเจ้าเหมียวมาเลี้ยง ตอนนี้ก็ผ่านมาเป็นปี แม้ห้องเช่าผมจะเล็กแต่ก็ไม่ลำบากที่จะเลี้ยงแมวสีขาวอ้วนพลีแบบเจ้าเหมียว
“อย่าแอบหนีไปเที่ยวอีกล่ะ พี่เกลกลับมาจะซื้อปลาเส้นมาฝาก เข้าใจไหมเจ้าเหมียว” ผมชี้นิ้วสั่งแมวสุดที่รักของตัวเอง ตอนเลี้ยงใหม่ๆ ผมไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเพศอะไรหรืออายุเท่าไหร่ อาศัยหาความรู้จากอินเตอร์เน็ตเอา จนพามันไปฉีดวัคซีนถึงได้รู้ว่ามันเป็นตัวผู้
ผมเปล่าโง่นะ ก็มันไม่เคยเลี้ยงนี่นา
ออกจากห้องเพื่อไปเรียน ห้องเช่าผมอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก ซึ่งมันช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้มากโข ผมเดินตามทางเท้าอย่างเช่นทุกที แต่วันนี้กลับดวงซวยที่ตอนค่ำของเมื่อคืนฝนตกทำให้มีแอ่งน้ำขังที่พื้นถนน
“เชี่ยเอ้ย ขับรถยังไงวะ” ตะโกนด่าออกไป ไม่รู้คนขับรถจะได้ยินหรือเปล่า แต่ก็ขอได้ด่าสักหน่อย ขับรถไม่มองคนเดินสักนิด ทำเอากางเกงยีนส์สุดโปรดของผมเปียกไปหมด จะกลับไปเปลี่ยนก็คงไม่ทันเพราะนี่ก็ใกล้เวลาเรียน ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้รถแพง
สายตาหลากหลายคู่ต่างก็มองอย่างสนใจ คงเพราะกางเกงยีนส์ผมเปียกด้วย แต่นั่นผมไม่สนหรอก ไม่ได้เดือดร้อนใครนี่ ผมรีบเดินฝ่าฝูงสายตานับสิบขึ้นห้องเรียน ในระหว่างเดินขึ้นบันได กระจกใสด้านข้างมองเห็นรถแพงคุ้นตาเลื่อนถอยหลังเข้าจอดในโซนวีไอพี
เหอะ ลูกคนรวยสินะ
ผมละความสนใจก่อนเร่งฝีเท้าเพื่อไปยังห้องเรียน เพื่อนในคลาสก็ไม่ต่างจากคนอื่นที่มองมาที่ขาของผม อ่า กางเกงยีนส์สีซีดมันเปียกเลยเห็นชัดสินะ
“ไอ้เกล มึงฉี่ใส่กางเกงเหรอวะ” แรงตบหัวจากด้านหลังกับน้ำเสียงหยอกล้อของไอ้มั่นทำให้ผมแทบยกขาถีบ แต่ติดตรงที่มันเป็นนักเทควันโดของมหาวิทยาลัยทำให้ต้องยั้งความคิดนั้นไว้ซะก่อน
“ฉี่บ้านมึงสิ รถห่านั่นขับไม่ดูทาง สาดน้ำใส่กู” ผมว่า ไอ้มั่นนั่งขำบ้าบอของมัน แต่พอคิดแล้วก็โมโห ไอ้คนขับรถจะรู้ไหมว่าทำให้ผมเดือดร้อนเนี่ย ผมว่า สายตาหลายคู่ที่เดินผ่านมา ต้องคิดเหมือนไอ้มั่นแน่ๆ
“วันนี้ป้าศรีลาป่วย กูได้ยินมาว่ามีอาจารย์พิเศษมาสอนแทนว่ะ” เสียงไอ้มั่นทำให้ผมหลุดจากความโมโห
“อาจารย์พิเศษเหรอวะ ใครมึงรู้ป่ะ” ปกติคณะผมก็มีอาจารย์พิเศษวนเวียนมาสอนอยู่แล้ว เคยมีอาจารย์สาวสวยมากๆ มาอยู่ช่วงหนึ่ง นักศึกษาหนุ่มๆ แทบไม่เป็นอันเรียนมัวแต่จ้องหน้าอก เอ้ย หน้าตางามๆ
“ไม่รู้ว่ะ เห็นว่าเป็นหลานอธิการด้วยนะ เส้นใหญ่สุดๆ” เบ้ปากให้กับคำตอบของเพื่อน พวกคนรวยมักจะนิสัยเสียเสมอ เท่าที่ผมเจอมานะ ไม่ได้คิดไปเอง
เสียงเปิดประตูทำให้บรรดานกกระจอกแตกฮือ ผมดึงเลคเชอร์วิชาขึ้นมาจังหวะเดียวกับไอ้มั่นสะกิดแขนยิกๆ ไอ้นี่เป็นบ้าอะไรเนี่ย
“เป็นไร โรคชักกระตุกเหรอ” กระซิบถามเพื่อนสนิท
“ไอ้เชี่ยเกล มึงดู” เงยหน้ามองตามที่เพื่อนบอก “นั่นมันพี่ริกใช่ไหมวะ” ผมพยักหน้าตามคำบอกของเพื่อน
“ใช่ว่ะ ซวยแล้วกู” รีบก้มหน้าก้มตาไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ตัว
ทำไมผมต้องหลบน่ะเหรอ ก็เพราะอาจารย์พิเศษคนใหม่ เป็นรุ่นพี่โรงเรียนเก่าของผมกับไอ้มั่น ที่สำคัญ ผมเคยท้าจีบผู้หญิงแล้วผมดันจีบติด ไม่ใช่ผมหล่อมากกว่าหรอกนะ แต่ใช้เล่ห์กลนิดๆ หน่อยๆ ผมประกาศชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ไม่สนใจความแค้นของคู่กรณีที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง
ไอ้เกลจะตายเพราะความซวยนี้ไม่ได้
จากที่เป็นคนตั้งใจเรียน วันนี้ผมโคตรไม่มีสมาธิเพราะมัวแต่หลบ ไอ้พี่ริกมันคงไม่เห็นผมหรอกใช่ไหม
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยสอนอย่างไม่เคอะเขิน คงจะสอนมาหลายที่แล้วสินะ ผมนั่งหลบจนหมดคาบเรียน อยากถอนหายใจจนอากาศหมดปอดซะจริง
“กลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ไอ้มั่นถามปนขำ
“เออสิ มึงไม่ได้เห็นสายตาสุดท้ายของมันที่มองนี่หว่า” สายตาที่มีแต่ความแค้นยังจำฝังติดตาผมอยู่เลยให้ตาย “กูกลับล่ะ ตอนเย็นกูทำงานนะเว้ย” บอกเพื่อนรักก่อนเดินแยกกลับห้องเช่า ไม่รู้เจ้าเหมียวจะเชื่อฟังหรือเปล่า
ผมเดินกลับทางเดิม และก็เจอรถคันเดิมขับผ่านหน้าไปแต่ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องสน ผมแวะซื้อปลาเส้นที่ร้านสะดวกซื้อ เจ้าเหมียวชอบมาก แม้หมอจะเตือนว่าไม่ค่อยอยากให้มันกินก็เถอะ แต่สายตาเว้าวอนของมันทำให้ผมอดสงสารไม่ได้นี่นา
“เจ้าเหมียว” ร้องเรียกทันทีที่เปิดประตูห้อง “อย่าบอกว่าแอบหนีอีกแล้วนะ”
น่าโมโหที่สุด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผมกำลังเก็บเงินเพื่อจะพาแมวไปทำหมันครับ มันจะได้ไม่หนีเที่ยวแบบนี้ อันที่จริงก็ไม่ได้เป็นอะไรเพราะมันคงอยากออกไปเปิดหูเปิดตา แต่ติดตรงที่กลัวมันจะถูกวางยาหรือไม่ก็ถูกรถชน แบบนั้นผมคงร้องไห้ขาดใจตายพอดี
จัดข้าวของอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะได้ยินเสียงคนเคาะประตู เมื่อผมเปิดประตูออกเจอผู้ชายอุ้มเจ้าเหมียวของผม ตามัวแต่มองแมวจนลืมมองคนอุ้ม
“เจ้าเหมียว” รีบโผเข้าไปอุ้ม แต่คนที่กอดแมวผมไม่ยอมปล่อย “คุณ...เชี่ย”
“ผมไม่ได้ชื่อเชี่ย” คำพูด สายตาและรอยยิ้มนั่นทำเอาหนาวขึ้นมา “เจอกันอีกแล้วนะครับ น้องเกล”
“จะ จำผมได้ด้วยเหรอ” อยากตบปากตัวเองจะพูดสั่นทำไม ไอ้พี่ริกมันไม่ตอบ แต่กลับเหยียดยิ้มแทน “ขอแมวผมคืนด้วยครับ”
“พูดเพราะเป็นด้วยนี่” หมาในปากแทบอยากกระโดดออกมาหากในอ้อมกอดไม่มีแมวของผมอยู่ “แมวนี่เข้าไปอยู่ในบ้าน ผมเลยเอามาคืน”
“ขอบคุณ” เอ่ยเบาๆ พลางยื่นมือไปรับ แต่อีกฝ่ายกลับโยกหลบ “เอ๊ะ...” ขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ
“ไม่ให้ผมเข้าไปหน่อยเหรอ ผมอุตส่าห์อุ้มมาส่ง” ไอ้พี่ริกชะเง้อมองลอดเข้าไปในห้อง ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนขยับถอยให้อีกฝ่ายเข้าห้อง “ห้องนี้เล็กกว่าห้องน้ำบ้านผมอีก”
แทบกลั้นอารมณ์โมโหไม่อยู่ ผมกำหมัดแน่นพยายามนับหนึ่งถึงร้อยเพื่อไม่ให้พุ่งไปชกหน้าขาวนั่น
“ขอแมวผมคืนด้วย” กัดฟันยื่นมือไปขอ แต่อีกฝ่ายทำเป็นไม่ได้ยิน ขายาวเดินร่อนไปทั่วห้อง “ผมขอแมว...”
“จำชื่อผมไม่ได้แล้วเหรอครับ น้องเกล” สีหน้ายั่วโมโหสุดๆ ผมนับหนึ่งถึงสิบก่อนจะยอมเรียก
“ผมขอแมวคืนด้วยครับ...พี่ริก” หลับหูหลับตาพูด ได้ยินอีกฝ่ายขำเบาๆ
“แมวน่ารักผิดเจ้าของนะ” ตวัดมองอย่างไม่พอใจ ผมรีบดึงแมวมาในอ้อมแขน ไอ้พี่ริกยักไหล่ ตายังมองสำรวจห้องของผมอยู่ “พี่กลับก่อนนะ” ถ้าไม่ติดอุ้มแมวคงยกมือขยี้หู ผมได้ยินไอ้พี่ริกแทนตัวเองว่าพี่ “อ่อ ในห้องเรียนไม่ต้องหลบหรอก มันตลก”
“ไอ้...” ด่าไม่ทันเพราะคนที่ผมจะด่าเดินไปนู้นแล้ว โมโหว่ะ “เจ้าเหมียว แกไปเจอไอ้พี่บ้านั่นได้ยังไง ต่อไปอย่าไปอีกนะ ไม่งั้นถูกงดปลาเส้นแน่”
****************************
โชคดีที่วิชาที่ต้องเรียนกับไอ้รุ่นพี่ขี้เก็กนั่นมีวันเดียว ไม่อย่างนั้นผมคงปวดหัวแย่แน่
“วันนี้มึงทำงานหรือเปล่าวะ” ไอ้มั่นถาม ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ เรื่องงาน ตอนนี้ผมเป็นพนักงานเสิร์ฟแบบพาร์ทไทม์ครับ เจ้าของร้านเป็นรุ่นพี่ที่รู้จัก ซึ่งโชคดีมากที่ผมได้โอกาสจากพี่เขา “งั้นไปแดกเหล้ากัน กูเปรี้ยวปาก”
“โทษทีว่ะ เงินเดือนกูยังไม่ออก” ที่จริงก็พอมีอยู่ แต่ไม่อยากใช้สิ้นเปลืองเท่าไหร่
“เดี๋ยวกูเลี้ยงน่า” ไอ้มั่นตบหลังผม
“มึงก็รู้ว่ากูชอบแชร์มากกว่า” ผมว่า
“โอ๋ๆ รู้ครับๆ แกล้งเอง เลิกทำหน้างอเป็นปลาทูได้แล้วไอ้ห่า คนอื่นอาจมองมึงน่ารัก แต่กับกู โคตรตลก” ยกขาถีบเพื่อนสนิทจนมันเซ
“กูกลับละ มึงก็กลับดีๆ อย่าไปขวางเท้าชาวบ้าน”
ชีวิตในทุกๆ วัน เรียนเสร็จกลับห้อง เย็นๆ ก็ออกไปทำงาน กลับห้องมานอน เช้ามาก็เรียน วนเวียนแบบนี้มาเกือบสี่ปี จากข้างทางที่มีแต่ที่ว่าง ตอนนี้มีตึกขึ้นเต็มไปหมด
“เจ้าเหมียว พี่เกลกลับมาแล้ว” ตะโกนเรียกแมวเช่นทุกวัน และมันก็เงียบหายเช่นเดิม คงออกไปติดแมวตัวเมียแน่นอน ชักอยากถึงสิ้นเดือนไวๆ ผมจะจับมันไปทำหมัน
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูอีกแล้ว อย่าบอกนะว่า...
“พี่เอาแมวมาคืน” เปิดประตูปุ๊บ เหมือนเหตุการณ์เมื่อวานย้อนกลับมา แค่วันนี้ไอ้พี่ริกไม่ได้สวมเชิ้ตสีฟ้าอ่อนแค่นั้น
“ขอบคุณครับ” ยื่นไปรับ แต่อีกฝ่ายกลับเบียดเข้ามาในห้องแทน “สะกดมารยาทเป็นไหม” อดไม่ได้ที่จะว่า ถ้าคนสนิทกันผมจะไม่พูดเลยให้ตาย
“เป็นสิ แต่กลับน้องเกลไม่ต้องมีก็ได้มั้ง” ไอ้พี่ริกวางแมวลงบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวนั่งลง “ห้องแค่นี้เลี้ยงแมวได้เหรอ”
“ได้ไม่ได้มันก็อยู่จนโตแล้ว” ทำหน้าหงิกเพราะมีคนนั่งเตียงผมอยู่ “แมวผมไปบ้าน...เอ่อ พี่เหรอ” ไม่ชินปากที่เรียกเลยให้ตาย ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ว่าไปอย่าง
“อืม บ้านพี่มีแมวตัวเมีย แมวของน้องเกลคงติดใจแมวของพี่” เกลียดรอยยิ้มกับสายตาเจ้าเล่ห์โคตรๆ “ถ้าหากน้องเกลอยากเห็นน้องก็ไปหาพี่ได้ ไม่ไกลจากที่นี่หรอก”
“ไม่อยากเห็นสักนิด” พูดกับตัวเองเบาๆ “ต่อไป พี่ไม่ต้องอุ้มแมวผมมาส่งแล้วนะ” ผมบอก
“น้องจะไปรับมาเองเหรอ”
“เปล่า เพราะเดี๋ยวมันก็กลับมาเอง”
“แต่รถเยอะนะ ไม่กลัวมันถูกรถชนเหรอ” ประโยคนี้ทำเอาผมจ้องหน้าคนพูด ก็จริงของไอ้พี่ริกมัน “เดี๋ยวพี่อุ้มมาส่งก็ได้ ไม่ได้ลำบากอะไร”
“พี่ไม่ลำบาก แต่ผมลำบาก” เผลอพูดตามใจคิด ไอ้พี่ริกขมวดคิ้วจ้องหน้า “ผมหมายถึง เกรงใจ”
“งั้นน้องเกลก็ไปบ้านพี่แทนแล้วกัน จะได้ไม่ต้องเกรงใจ” พูดจบ ก็ยืนเต็มความสูง ไอ้พี่ริกสูงขึ้นหรือเปล่าวะ หรือว่าผมเตี้ยลง “เรื่องเก่าพี่ลืมไปหมดแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะแก้แค้นที่น้องเล่นไม่ซื่อหรอกนะ”
อ้าปากค้างมองตามหลังคนบอกไม่แก้แค้น แต่ยังจำฝังใจ นี่ผมควรดีใจหรือกังวลมากกว่ากัน ไอ้เกลมีเรื่องเครียดอีกแล้ว
ค่ำคืนที่ดวงตาปิดไม่ลง ผมพลิกตัวไปมา ในสมองก็ครุ่นคิดถึงคำพูดนั่น ผมรู้ว่าผมผิดจริง แต่ก็ไม่ได้ผิดมากขนาดนั้น ก็แค่ไปบอกผู้หญิงคนนั้นว่าไอ้พี่ริกเป็นเกย์ ชอบผู้ชายแต่อยากจีบผู้หญิงเพื่อบังหน้า...ก็แค่นั้นเอง
“หืม...” มัวแต่คิดจนเหลือบไปเห็นกรงนอนของเจ้าเหมียว “หนีไปหาสาวอีกแล้ว” ลุกขึ้นนั่งแล้วขยี้หัวตัวเองแรงๆ จะปล่อยก็กลัวรถชน ผมตัดสินใจเดินออกไปตามหา
ทางเท้าที่มีต้นไม้ปลูกห่างเป็นระยะ ผมมองสอดส่องไปทั่วแต่ก็ไม่เห็นเจ้าเหมียว หายไปไหนเนี่ย หรือข้ามถนน ไม่นะ รถเยอะออกแบบนี้ ใจผมตอนนี้แทบเต้นไม่เป็นจังหวะ สมองคิดไปก่อนจนร้อนรน
“มองหาเจ้านี่เหรอ” เสียงทุ้มมาจากด้านหลัง ผมรีบละสายตาจากท้องถนนกลับไปมอง ดวงตาสีฟ้าใสจ้องมาที่ผม เจ้าเหมียวส่งเสียงร้องเรียก “นี่...ร้องไห้เหรอ” เงยหน้าขึ้นมองคนอุ้ม
“เปล่าร้องสักหน่อย” เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองร้องไห้
“หึๆ” ผมสอดมืออุ้มแมว ปากกดหอม กดจูบเจ้าเหมียวจนมันดิ้น “เดี๋ยวมันก็ตายหรอก”
“ยุ่ง” ตวัดสายตามองพลางสูดน้ำมูก “แมวผมไปบ้านพี่เหรอ”
“อืม พี่กำลังจะนอนเห็นมันเดินที่กำแพง กลัวเกลจะห่วงเลยอุ้มมาส่ง” เม้มปากจ้องหน้าคนตรงหน้า “คิดถูกแล้วที่อุ้มมาส่ง ไม่งั้นเด็กขี้แยแถวนี้คงร้องไห้เป็นเผาเต่า”
“ขอบคุณครับ” แม้ไม่ค่อยชอบประโยคหลังสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องขอบคุณอยู่ดี “อีกไม่กี่วันผมกำลังจะพาแมวไปทำหมัน ตอนนั้นมันคงไม่ไปบ้านพี่แล้วล่ะ”
“ทำหมัน?” คนถามเลิกคิ้วขึ้น “งั้น...พี่ก็ไม่ได้อุ้มมาส่งแล้วสิ”
“อืม ไม่ดีเหรอ ไม่เหนื่อยด้วย” ผมว่า
“ไม่ดี” กระพริบตาปริบๆ มองคนบอกไม่ดี “พี่มีวิธีที่ไม่ต้องเสียเงินทำหมัน”
“ทำยังไง”
“เกลก็ไปอยู่บ้านพี่สิ แมวน้องก็ไม่หนีไปไหนแล้ว”
“ผมต้องตลกกับมุกนี้ไหม” เบ้ปากใส่ก่อนหันหลังเตรียมกลับห้อง แต่ข้อศอกกลับถูกดึงไว้ “อะไร ผมจะกลับแล้ว”
“พี่พูดจริงๆ นะ ไปอยู่บ้านพี่” ลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอจนใจเต้นแรงกว่าการหาเจ้าเหมียวไม่เจอซะอีก
“เรื่องอะไรต้องไปอยู่ ญาติก็ไม่ใช่” ปากโวยวายแต่ไม่กล้าหันไปมองหน้า
“ก็ไม่ใช่ญาติอยู่แล้ว” น้ำเสียงโคตรยั่วโมโหผมเผลอหันไป...
เรื่องรถวิ่งหายเงียบไปจากการได้ยินเมื่อแก้มของผมชนกับปากที่ขยับมาอยู่ใกล้ตอนไหนไม่รู้
“เอ่อ...” เหมือนเสียงตัวเองหายไป
“คือพี่...” อีกฝ่ายก็เช่นกัน
“ผมกลับละ” รีบเดินหนีออกมา ผมสาวเท้ายาวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แทบอยากวิ่งหากไม่มีเจ้าเหมียวอยู่ในอ้อมแขน
เมื่อกี้เหมือนถูกไฟช็อตเลยให้ตาย
กลับมาถึงห้อง รีบยัดเจ้าเหมียวเข้ากรงแล้วกระโดดขึ้นนอนบนเตียง ตาเหม่อมองหลอดไฟบนเพดาน ภาพที่ถูกหอมแก้มกับสายตาที่มองระยะใกล้ยังลอยเข้ามา ความอุ่นที่แก้มเหมือนยังคงอยู่จนเผลอยกมือขึ้นลูบ
“เชี่ย ไอ้เกล มึงตั้งสติหน่อยสิวะ” มือที่ลูบเปลี่ยนเป็นตบ นี่ผมจะเผลอใจไม่ได้ นอนๆ
*******************************
“ตาโหลๆ ไม่ได้นอนเหรอวะ” ไอ้มั่นทักเมื่อผมหย่อนก้นนั่งข้างมันในห้องเรียน “อ่าวไอ้นี่ ถามไม่ตอบ”
“กูขอนอนแป็บ” แล้วก็ผล็อยหลับไปจริงๆ กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่เพื่อนสนิทสะกิดยิกๆ “อีกแป็บ”
“แต่นี่เวลาเรียนนะครับนักศึกษา” เสียงทุ้มแบบนี้ไม่ใช่เสียงไอ้มั่นแน่ ผมรีบเงยหน้าจากโต๊ะเจอหน้าคนที่ทำให้ผมนอนไม่หลับทั้งคืน “ตั้งใจเรียนหน่อย จะจบแล้วนะ” คล้ายกับดุ แต่สายตาไม่ใช่
“นี่มึงกับพี่เขาญาติดีกันแล้วเหรอวะ” ไอ้มั่นกระซิบหลังจากคนที่มันนินทาเดินกลับไปหน้าห้อง
“ไม่รู้” ผมตอบ
ช่วงเวลาเรียน ผมไม่ได้หลบเหมือนคราแรก เลยทำให้เห็นว่า สายตาคนสอนมักจะมองสบกับผมพอดี บังเอิญหรือว่าตั้งใจ นี่ไม่ใช่จับตาดูผมหรอกนะ จะว่าผมไม่ตั้งใจเรียนล่ะสิ กว่าจะหมดเวลา พลังชีวิตผมแทบจะหมด
“อย่าลืมทำรายงานตามหัวข้อนะครับ อ่อ นักศึกษาที่ชื่อนายกันตพัทธ์เลิกแล้วมาพบผมหน่อยนะ” ชื่อผมนี่หว่า ทุกคนในห้องต่างก็มองมา ไงละ เล่นผมซะแล้ว
ผมออกจากห้องแล้วเดินตามหลังอดีตรุ่นพี่โรงเรียนไป ไอ้มั่นมันให้กำลังใจแต่ไม่ยอมตามมา ทีแบบนี้ชิ่งตลอด ทางเดินที่เดินตามปลายทางไม่ใช่ห้องพักครู แต่เป็นห้องพยาบาล
“พาผมมาห้องพยาบาลทำไม” ถามอย่างสงสัย
“นอนในห้องนี้ดีกว่าในห้องเรียน” กระพริบตาปริบๆ มองคนพูด “พี่บอกพยาบาลแล้วว่าเกลไม่สบาย นอนในนี้สักตื่น”
“แต่ผมไม่ได้ป่วย...” รู้สึกแปลกๆ ไม่ชินกับท่าทางแบบนี้สักนิด
“พี่รู้ ถ้าป่วย พี่ก็พาไปโรงพยาบาลแล้ว นอนนี่แหละ หายง่วงค่อยกลับ” คนพามายิ้มอย่างจริงใจ ก่อนจะยกมือขยี้ศีรษะผมเบาๆ “นอนเถอะ พี่มีสอน”
ผมต้องรู้สึกยังไงดี ต้องทำยังไงกับหัวใจที่มันเต้นแรง
“นี่บ้านพี่เอง” ผมเผลอนอนหลับยาวจนเย็น ตื่นมาก็เจอไอ้พี่ริกนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ พอเห็นผมตื่นก็พาผมกลับ แต่ไม่ได้ไปส่งที่ห้อง กลับมาบ้านตัวเองซะงั้น
“พาผมมาทำไม” ขมวดคิ้วมองบ้านเดี่ยวหลังพอดี จากเส้นทางที่ผ่านมา ไม่ไกลจากห้องเช่าผมจริงๆ ดูใกล้กว่ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ
“ก็พามาให้รู้ไง แล้วก็...”
“เจ้าเหมียว” ผมร้องขึ้นมาเมื่อเห็นแมวตัวเองนอนคลอเคลียกับแมวขนฟูสีขาวปลอดไปทั้งตัว “หนีเที่ยวอีกแล้วนะ” บ่นแมวครับ ได้ยินเสียงขำจากคนยืนข้างๆ
“แมวเกลทำแมวพี่ท้อง ต้องรับผิดชอบด้วยนะ” คนพูดขำไปด้วยจนน่าหมั่นไส้ สายตาและรอยยิ้มทำไมมันอบอุ่นแปลกๆ
“ผมถามจริงๆ พี่เป็นเกย์จริงๆ เหรอ” สุดท้ายก็เผลอถามออกไป ไอ้พี่ริกเลิกคิ้วแต่รอยยิ้มที่มุมปากยังไม่ยอมหุบ “ผมจริงจังนะ”
“ก็เกลไล่บอกคนอื่นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ” เหมือนถูกเตะเข้าท้องจนจุก
“นี่พี่แก้แค้นผมเหรอ” จ้องไอ้พี่ริกที่ทำหน้านิ่ง “ผมขอโทษที่ไปพูดแบบนั้นกับคนอื่น” ยอมรับผิดไม่ใช่เรื่องยาก “ต่อไปผมจะดูแลแมว ไม่ให้มันมารบกวนอีก” ทำไมรู้สึกแปลกๆ ที่หัวใจยามเจอใบหน้าเรียบเฉย “ขอโทษอีกครั้งครับ” ก้มศีรษะเชิงบอกลาก่อนรีบออกมาจากบ้าน
เจ็บจี๊ดเหมือนถูกมดกัด
กลับมาถึงห้องผมก็ปล่อยเจ้าเหมียวบนพื้น ส่วนตัวเองรีบเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา ใบหน้าผิดหวังแบบนี้นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่ใช่ไหม ผมไม่ได้ผิดหวังนะ...แค่เสียใจ
ผมยังคงไปทำงานแม้จะเบลอๆ แต่ก็ทำจนร้านปิด ถูกตำหนินิดๆ ได้แต่ก้มศีรษะขอโทษ
“เอ่อพี่ไหมครับ ถ้าผมจะขอเบิกเงินล่วงหน้าก่อนได้ไหมครับ”
“อีกไม่กี่วันก็สิ้นเดือนแล้วนี่ เกลจะเอาไปทำอะไร”
“ผมอยากพาแมวไปทำหมัน มันกำลังติดสาวน่ะครับ” หัวเราะแห้งๆ ส่งให้กับรุ่นพี่เจ้าของร้าน พี่ไหมยิ้มเข้าใจพร้อมเรียกผมเข้าไปในห้องเพื่อจ่ายเงินที่ผมเบิกล่วงหน้า “ขอบคุณนะครับ”
“จ้า นี่ห่วงแมวจนเบลอใช่ไหม”
คำตอบของผมทำเพียงแค่ยิ้ม ตอนนี้ได้เงินแล้ว พรุ่งนี้เจ้าจะพาเจ้าเหมียวไปโรงพยาบาล ต่อไปจะได้ไม่ต้องออกไปบ้านหลังนั้นอีก
ผมเดินลากเท้ามาถึงห้องเกือบๆ ตีหนึ่ง มัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พอมาถึงต้องแปลกใจเมื่อเจอรถคันที่เคยสาดน้ำโคลนใส่จอดอยู่หน้าห้องเช่า ผมมองสำรวจไปรอบๆ รถไม่เห็นเจ้าของ คงเพราะติดฟิล์มดำอีกทั้งตรงนี้ยังมืดอีก ไม่รู้เจ้าของรถมาทำอะไรแถวนี้ ระหว่างสำรวจ ประตูรถกลับถูกผลักออกมาจนสะดุ้งแทบวิ่งหนี หากไม่มีเสียงร้องเรียกไว้ซะก่อน
“เกล” ผมหันหลังมามองคนเรียก เจ้าของรถสาวเท้าห่างจากรถมายืนตรงหน้าผม “ไปไหนมาวะ พี่มารอตั้งนาน” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดจนน่าตกใจ
“มารอผมทำไม หรือแมวผมไปบ้านพี่อีก” ตอบไปทั้งที่ยังตกใจไม่หาย ไม่เข้าใจจะโมโหอะไร ดูเหมือนคนโมโหจะพยายามข่มอารมณ์ ไอ้พี่ริกหลับตาลงก่อนจะลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าผม
“พี่มารอเกลนั่นแหละ” นี่ก็น่าแปลกใจ
“รอเกล? รอทำไม” ทำไมรู้สึกเหมือนคนตรงหน้าจำเผลอยิ้ม มีแต่เรื่องไม่เข้าใจว่ะ “พี่มารอผมทำไม”
“แทนตัวเองว่าเกลน่ารักกว่านะ” ใบหน้านิ่งเริ่มมีรอยยิ้ม “พี่รอเกลเพราะมีเรื่องอยากจะคุย”
“เรื่องอะไร” มุ่ยหน้านิดๆ เมื่อได้ยินประโยคแรก
“ก็เรื่องเมื่อตอนเย็น เกลกำลังคิดผิด” ทำไมผมไม่อยากฟังวะ แต่จะเดินหนีก็ไม่ได้เมื่อถูกจับแขนไว้ “เกล พี่ไม่ได้จะแก้แค้นเกลเลยนะ พี่ไม่ได้โกรธที่เกลบอกคนอื่นแบบนั้น”
“ไม่ได้โกรธ? ผมไม่เชื่อหรอก” ผมยังจำสายตาตอนนั้นได้ แววตาเต็มไปด้วยความแค้น
“พี่ไม่ได้โกรธจริงๆ แค่เสียใจที่เกลทำเรื่องแบบนั้น” คนตรงหน้าผมขมวดคิ้ว ดวงตาจ้องแทบไม่กระพริบ “พี่ไม่เคยโกรธ และไม่มีวันโกรธ ไม่เชื่อพี่เหรอ” ผมพยักหน้ารัวๆ ไอ้พี่ริกขำออกมา “งั้นจ้องตาพี่สิ จะได้รู้ว่าพี่โกหกหรือเปล่า”
ผมจ้องตาคนสูงกว่าอยากที่เขาบอก อ่า หัวใจเต้นแปลกๆ อีกแล้ว ดวงตานัยน์ตาสีน้ำตาลกำลังมีผมอยู่ในนั้น จนต้องรีบหลบสายตาซ่อนความร้อนที่ขึ้นแก้ม
“ง่วงแล้ว” รีบหาเรื่องหนี
“เขินพี่ล่ะสิ แก้มแดงเชียว” เม้มปากแน่นไม่กล้าเงยขึ้นไปสบตา “ตอนเกลบอกคนอื่นว่าพี่เป็นเกย์ พี่ไม่ได้ซีเรียสอะไรเพราะไม่ได้เป็น แต่มาตอนนี้ชักอยากจะลองเป็นบ้างซะแล้วสิ”
“ลองเป็นเกย์เนี่ยนะ มันลองกันได้ด้วยเหรอ” เผลอเงยหน้าขึ้นไปสบตา รอบนี้หลบไม่ได้ด้วย เหมือนถูกตรึงด้วยสายตาอ่อนโยนนั่น
“แค่กับเกลนะ”
“อย่ามาล้อเล่น”
“ไม่ได้ล้อเล่น ตอนพี่ไปเรียนต่อ มีคนส่งรูปเกลให้ดูตลอด”
“สะ ส่งให้ดูทำไม โรคจิตเหรอ” ทำไมหน้ามันร้อนขึ้นเนี่ย ทั้งที่อากาศก็ไม่ได้อบอ้าว
“คงจะเป็นโรคจิตเพราะคิดถึงเกลมั้ง” น้ำเสียงนุ่มพร้อมดวงตาอ่อนโยน “เกล...”
“ไม่ฟังแล้วๆ” ยกมือขึ้นอุดหู ไอ้พี่ริกก็ขำร่วน
“ที่พี่รับปากแข่งจีบผู้หญิงตอนม.ปลายเพราะแค่อยากอยู่ใกล้เกล แม้จะเป็นเรื่องโคตรงี่เง่าก็เถอะ แต่มันก็ทำให้เกลสนใจพี่อยู่ตลอด” เหมือนความในใจถูกถ่ายทอดออกมา ผมจ้องหน้าตั้งใจฟังด้วยความหน้าร้อน “พอรู้ว่าจะได้ไปเรียนต่อ พี่แทบเป็นบ้า ยังดีที่ให้คนรู้จักส่งรูปเกลไปให้ ไม่อย่างนั้นคงอยู่เรียนไม่จบ”
“เว่อร์” ว่าแต่ ใครวะ ที่ส่งรูปผมได้
“พี่พูดจริงๆ เกลครับ พี่สารภาพแบบนี้แล้ว เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ”
ผมต้องตอบยังไงดี
“ไม่รู้ๆ ง่วงแล้ว” เลือกจะเฉไฉแทน ก็คนมันไม่รู้จะตอบยังไงนี่หว่า
“เกล ไปนอนบ้านพี่ไหม...เจ้าเหมียวก็อยู่บ้านพี่นะ” กำลังจะอ้าปากขัด สัตว์เลี้ยงสุดรักกลับไปนอนบ้านนั้นก่อนซะอีก
“ไม่ได้คิดลามกใช่ไหม” หรี่ตาจ้อง
“พี่ไม่ทำหากเกลไม่สมยอมหรอกน่า”
“เออก็ได้ เพราะแมวผมไปนอนบ้านพี่หรอกนะ” ย่นหน้าเดินไปเปิดประตู แต่กลับถูกมือใหญ่กว่ายื่นตัดหน้ามาเปิดให้ “ขอบคุณครับ”
“ถือเป็นการไถ่โทษที่เคยขับรถสาดน้ำใส่” ไอ้พี่ริกยิ้มออกมา
“รู้ด้วยเหรอว่าเป็นผม” อยากด่า แต่ก็เกรงใจ
“เห็นผ่านกระจกน่ะ ตกใจมากเลยนะ ไม่คิดว่าจะเจอ”
“ต่อไปขับรถระวังด้วย ผมเสียหายหมด มีแต่คนว่าผม...”
“แทนตัวเองว่าเกลสิ” เหมือนถูกต้อนในอยู่ในวงแขน ตัวผมยังยืนค้างชิดตัวรถ โดยมีแขนของพี่ริกค้ำหลังคากับประตูไว้ “พี่ชอบให้เกลแทนตัวเองด้วยชื่อแบบเมื่อก่อน”
“ไม่...เชี่ย” หันไปโวยวายเมื่อถูกขโมยหอมแก้ม
“ต่อไปไม่แทนตัวเองด้วยชื่อจะถูกหอมแก้ม อ้อ พูดคำหยาบกับพี่ด้วย จะโดนสองรอบ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้ต้องรีบยกมือสองข้างกุมแก้มตัวเอง “เข้าไปนั่งได้แล้ว เดี๋ยวถึงบ้านเช้าแล้วไม่ได้นอน” พูดโคตรกำกวมว่ะ
“รู้แล้วน่า”
เพราะเจ้าเหมียวแท้ๆ เลยทำให้ผมต้องไปนอนที่อื่นทั้งที่ห้องเช่าตัวเองก็มี สงสัยต้องงดปลาเส้นไปสักปี โทษฐานที่ทำให้ผมคนนี้ถูกหอมแก้ม
“อย่าทำตัวน่ารักกับคนอื่นที่มหาวิทยาลัยนะ พี่ขี้หึง” น้ำเสียงคล้ายกับหยอกล้อ แต่สายตาจริงจังสุดๆ
“ตลก ผม...เอ่อ เกลไม่ได้น่ารักขนาดนั้น” ผมว่า
“ไม่ขนาดนั้นสำหรับคนอื่น แต่มากสำหรับพี่ นี่คือคำเตือนข้อที่หนึ่ง ห้ามทำตัวน่ารักกับคนอื่นเพราะพี่ขี้หึง...มาก”
“พี่ริกอย่าเว่อร์ได้ป่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“เอ้า นี่พี่กำลังจีบเกลอยู่นะ จีบวันนี้ พรุ่งนี้เป็นแฟน ดีจะตาย”
ไปแล้วครับหัวใจผม มันเต้นจนแทบจะโดดออกมานอกอก
“จะถึงหรือยัง ง่วงแล้ว” รีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวเป็นโรคหัวใจ
“ใกล้แล้วครับ ใจร้อนนะเราเนี่ย” พี่ริกกัดปากทำท่าเซ็กซี่จนผมขำออกมา
ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไงต่อ แต่วันนี้ผมลบความรู้สึกผิดวันนั้นได้หมดแล้ว ตอนนี้นอนอย่างมีความสุขสักที ที่สำคัญ ได้นอนข้างคนที่ทำให้ผมฝันร้ายมาตลอด ต่อไปคงจะมีแต่ฝันดีสินะ
เมี๊ยว (แปลว่าจบ)
...
เพราะภาพรูปแมวเหมียวในทวิตทำให้เกินเรื่องสั้นนี้มา ต้องขอบคุณจริงๆ ค่า
หากผิดพลาดตรงไหนขออภัย จะพยายามปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นค่า