ก็อกๆๆๆๆๆ
เสียงเคาะประตูดังๆหลายครั้งปลุกคนที่งีบอยู่บนเตียงให้สะลึมสะลือตื่นขึ้น นี่ทีมไปเล่นน้ำกลับมาแล้วเหรอ
เมื่อเปิดประตูออก คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงที่ยืนตัวสั่นอยู่หน้าห้อง นุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวเพียงแค่ผืนเดียว เนื้อตัวยังคงเปียกปอนสังเกตได้จากหยอดน้ำที่เกาะพราวอยู่ตามลำตัว เทสต์รีบก้าวถอยหลังให้อีกฝ่ายเข้ามาในห้องแล้วปิด
ประตู กดปิดแอร์ที่เย็นฉ่ำในห้องเพื่อไม่ให้คนรักหนาวตายเสียก่อน
"เป็นอะไรเนี่ยเวย์ ทำไมตัวเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำแบบนี้"
เทสต์หยิบผ้าเช็ดตัวของตัวเองมาซับน้ำออกจากใบหน้าและลำตัวของคนรักอย่างอ่อนโยน ทว่าร่างกึ่งเปลือยนั้นยังคงสั่นไม่หยุด ราวกับว่ากำลังกลัวอะไรบางอย่าง
"เวย์ เป็นอะไรรึเปล่า...เฮ้ย!"
ร่างสูงดึงคนรักเข้าไปกอดไว้แน่น เทสต์ที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหนุ่มกอดตอบอย่างไม่สบายใจ
"พี่เทสต์ ผมไม่กลับไปห้องนั้นแล้วได้มั้ย คืนนี้ผมนอนกับพี่เทสต์นะครับ นะครับ นะนะ"
เวย์ที่มักจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่อยู่ตลอดเวลางอแงอย่างผิดวิสัย เทสต์ดันร่างสูงของคนรักออกเล็กน้อยเพื่อให้คุยได้สะดวกขึ้น ถามอย่างไม่เข้าใจ
"เกิดอะไรขึ้น"
"พี่ทีม...พี่ทีมน่ากลัวอ่ะ ผมไม่อยากกลับห้องนั้นแล้ว"
สีหน้าของเด็กหนุ่มดูหลอนจนน่าสงสาร แต่เทสต์ก็ยังไม่อยากเชื่อว่าคนที่ทำให้เด็กอวดเก่งอย่างเวย์หงอสนิทจะเป็นน้องชายที่แสนเรียบร้อยของเขา
"นะครับพี่เทสต์ นะครับ"
แต่เมื่อเห็นสีหน้าเว้าวอนของคนรัก เทสต์จึงทำได้เพียงพยักหน้าอย่างจำยอม
"กลับไปเอาข้าวของมาสิ เดี๋ยวพี่จะให้ทีมไปนอนห้องนั้น"
สีหน้าของเวย์ซีดเผือดลงทันที ร่างสูงส่ายหน้าพรืดอย่างดื้อรั้น สุดท้าย คนที่ทนไม่ไหวต้องเอาเสื้อคลุมอาบน้ำมาให้อีกฝ่ายใส่กันปอดบวมกลายเป็นเทสต์เสียอย่างนั้น
"เอ้าๆ ไม่ไปก็ไม่ไป เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้แล้วกัน รออยู่นี่แหละ"
"พี่เทสต์...!"
เสียงร้องห้ามของเวย์ถูกขัดโดยร่างโปร่งอีกร่างที่เปิดประตูห้องเข้ามา ทีมใส่เสื้อยืดของคนรักที่ตัวใหญ่กว่าเขาหลายเท่า ถึงแม้จะยังดูขัดหูขัดตา แต่เทสต์ก็คิดว่าดีกว่าให้น้องชายถอดเสื้อไป วีรภัทรที่เดินตามเข้ามากอดอกมองลูกชายด้วยแววตาขบขัน ไม่คิดจะช่วยปลอบโยนเด็กหนุ่มที่ขวัญเสียจากเหตุการณ์ก่อนหน้า
"เวย์ กลับห้องได้แล้ว..."
ร่างสูงหลบด้านหลังคนรัก สั่นศีรษะอย่างรุนแรง ทีมยิ้ม ก้าวเข้ามาใกล้เด็กหนุ่มที่ดูจะตัวหดเล็กลงไปเรื่อยๆ
"เป็นอะไรไป..."
"ทีม วันนี้มึงไปนอนห้องแฟนมึงแล้วกัน กูอนุญาต"
ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจท่าทีประหลาดของคนรัก แต่เทสต์ก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ คิดว่าเด็กหนุ่มคงพยายามออดอ้อนเพื่อที่จะได้นอนห้องเขาเท่านั้น
"เหรอ งั้นเดี๋ยวทีมเอากระเป๋าไปเก็บห้องนั้นเลยนะ" ร่างโปร่งยิ้มอย่างดีใจเมื่อพี่ชายอนุญาต รีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นสะพายแล้วหันมาหาเวย์ที่ยังคงยืนหลบอยู่ด้านหลังพี่ชายของตน
"เวย์ก็ไปเอากระเป๋าด้วยกันสิ จะได้เอามาไว้ห้องนี้"
ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ใช้น้ำเสียงออกคำสั่งหรือข่มขู่ แต่อะไรบางอย่างในนั้นทำให้เวย์ทำตามคำสั่งอย่างไม่ขัดขืน เทสต์ขมวดคิ้วมองคนทั้งสองที่เดินไปด้วยกัน ก่อนจะหันกลับมาหาวีรภัทรที่ยืนเงียบมาตั้งแต่เมื่อครู่
"ลูกลุงเป็นอะไรอ่ะ?"
"เจอผีมั้ง" ร่างสูงไหวไหล่ ไม่คิดจะสนใจท่าทีพิลึกของลูกชายสักนิด
"เอ่อ...กระเป๋าผม..."
เวย์กวาดสายตาตามหาข้าวของของตัวเองอย่างลุกลี้ลุกลน แต่ยิ่งรีบก็ยิ่งช้า ร่างสูงยัดข้าวขัดที่เขาโยนทิ้งไว้บนเตียงอย่างไม่ใส่ใจตอนเข้ามาในห้องตอนแรกไปได้ครึ่งทางตอนที่ได้ยินเสียงโซ่ล็อคถูกคล้องจากด้านใน เวย์ชะงักเล็กน้อย ไม่กล้าหันกลับไปหาคนที่เดินตามเข้ามา
"เมื่อกี้...พี่ขอโทษนะ คงตกใจแย่เลยสิ" เสียงหวานเจือไปด้วยความสำนึกผิด ร่างสูงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดู
ท่าพี่ทีมที่เขาเห็นเมื่อครู่คงจะเป็นเพียงเพราะอีกฝ่ายกำลังโมโหบิดาของเขา
"มะ...ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่...ไม่คิดว่าจะได้เป็นพี่ทีมในมุมแบบนั้น"
เด็กหนุ่มหัวเราะแห้งๆ ทว่ายังคงไม่กล้าหันกลับไป
"เวย์คงจะคิดว่าพี่น่ากลัว..."
เสียงอ่อยๆน่าสงสารนั้นทำให้เขาใจอ่อนยวบ รู้สึกโมโหตัวเองที่ดันไปกลัวร่างโปร่งที่ดูไม่น่าจะมีพิษมีภัยจนไปทำร้ายความรู้จักของอีกฝ่ายเสียได้
เขาหันกลับมาพบกับใบหน้าที่คล้ายคลึงกับคนรักของเขาจนแทบแยกไม่ออกซึ่งอยู่ใกล้เกินกว่าเขาจะสบายใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองเขานิ่ง รอยยิ้มที่มักจะติดอยู่ที่มุมปากอันตรธานหายไป เด็กหนุ่มผงะถอยหนีอย่างลืมตัว
"...แต่พี่น่ากลัวได้มากกว่านี้อีกนะ"
"อะ...อะไรนะครับ?"
เวย์กลืนน้ำลายที่ฝืดคออย่างยากลำบาก ไม่มีมั่นใจว่าตัวเองได้ยินสิ่งที่ทีมพูดถูกต้องหรือไม่
"เทสต์น่ะ เป็นคนความรู้สึกช้า แถมยิ่งไม่ค่อยใส่ใจเรื่องละเอียดอ่อนซักเท่าไหร่ ทำให้ส่วนใหญ่ก็โดนบอกเลิกไปก่อนที่จะได้รู้สึกเจ็บจริงจังอะไร" ทีมเอ่ยเสียงเรียบ "แต่กับเวย์...เทสต์เขาจริงจังมากเลยนะ"
"ผมก็..."
เสียงทุ้มถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อร่างโปร่งส่งสายตาที่มีความหมายชัดเจนว่าเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้พูด
"เพราะฉะนั้น ในฐานะน้องที่ดี พี่คงจะไม่ยอมให้คนที่ทำให้พี่ชายของพี่ต้องเสียใจมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข เวย์เข้าใจพี่ใช่มั้ย?"
"คะ...ครับ"
เวย์พยักหน้าหงึกหงัก แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่พอใจกับคำตอบที่ได้เท่าไหร่
"หนักแน่นได้แค่นี้เองเหรอ?"
"ครับ! เข้าใจครับ!"
ร่างสูงรับคำเสียงดังฟังชัด ถ้าตะเบ๊ะรับคำสั่งได้เขาคงทำไปแล้ว ทีมขยับยิ้มเล็กน้อยอย่างพอใจ
"น่ารักมาก ว่าง่ายแบบนี้ค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อย" คนอายุมากกว่ายีผมของเด็กหนุ่มร่างสูงอย่างหมั่นเขี้ยว ท่าทีที่เปลี่ยนไปทันทีจากหน้ามือเป็นหลังมือทำเอาเวย์ปรับอารมณ์ตามไม่ทัน "เก็บของเสร็จแล้วก็ไปลากเทสต์ตามมาทะเลด้วยแล้วกัน เห็นว่าเย็นนี้คุณวีจะพาไปกินซีฟู้ดที่ร้านริมชายหาด"
"เอ่อ...ครับ"
ณ จุดนี้อีกฝ่ายชี้ไก่แล้วบอกว่าเป็นแมวเวย์ก็จะเอาปลาย่างไปให้มันกินโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
"งั้นเสร็จแล้วตามมานะ"
ร่างโปร่งยิ้ม หันกลับไปยังประตูที่ยังคงถูกคล้องโซ่ไว้ เวย์รู้สึกหายใจหายคอโล่งอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายปลดล็อคประตู
"อย่าลืมนะเวย์..." ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นอีกครั้ง เล่นเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งอย่างตกใจ ทีมหันกลับมาขยิบตาให้เขาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์"...ไม่ใช่แค่เทสต์หรอกนะที่หวงพี่ได้"
พี่เทสต์ครับ น้องชายพี่น่ากลัวขนาดนี้พี่ยังจะกลัวเขาโดนเอาเปรียบอีกเหรอครับ!!!
เวย์อยากจะร้องไห้ ทรุดตัวลงนั่งกุมขมับบนเตียงอย่างไม่เข้าใจเหตุการณผืที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
"ชายหาดของโรงแรมเนี่ย เงียบสงบดีจังเลยนะครับ"
ทีมเดินเลียบไปตามชายหาดกับคนรัก สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ลงเล่นน้ำเนื่องจากกว่าจะลงมาพระอาทิตย์ก็ใกล้ตกดินแล้ว วีรภัทรไม่อยากให้คนรักลงเล่นน้ำตอนกลางคืนสักเท่าไหร่ ถึงแม้ตอนแรกทีมจะมีสีหน้าสลดลง แต่พอร่างสูงสัญญาว่าจะให้ลงสระน้ำคืนนี้และจะพามาเล่นน้ำที่ชายหาดแต่เช้า ร่างโปร่งก็ยิ้มอย่างมีความสุข เดินชมวิวกับคนรักตามชายหาด ฮัมเพลงไปตามทางอย่างอารมณ์ดี
"คงเพราะกองถ่ายพรุ่งนี้เขาจองเหมาไปเกือบครึ่งโรงแรม ตอนนี้ก็ประชุมกันอยู่ เลยไม่ค่อยมีคนล่ะมั้ง" ชายหนุ่มอธิบาย
"ปกติเขาใช้คนเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ?" ทีมขมวดคิ้ว เขานึกว่ากองถ่ายแบบจะมีแค่นางแบนายแบบ ช่างภาพ แล้วก็คนอีกไม่กี่คนเท่านั้นเสียอีก
"รู้สึกเหมือนจะมีงานแฟชั่นโชว์อะไรสักอย่างด้วยนะ คนละงานกัน งานเดินแบบเป็นงานใหญ่พอตัวเลย พวกสื่อทั้งไทยทั้งต่างประเทศมารอกันตั้งแต่เมื่อวาน เวย์ถูกติดต่อทั้งสองงาน แต่เห็นบอกว่ายังเจ็บอยู่ ไม่อยากเดินแบบตอนนี้"
วีรภัทรตอบ ทั้งที่ค่อนข้างมั่นใจว่าลูกชายแค่ไม่อยากอยู่ห่างจากคนรักนานก็เท่านั้น
ทั้งสองเดินรับลมไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน ดูเหมือนเวย์จะเกลี้ยกล่อมให้เทสต์ลงมาไม่ได้เสียที ทีมจึงเสนอให้สองคนนั้นไปรอที่ร้าน
"ดีจังเลยนะครับ เทสต์ยอมให้เราอยู่ห้องเดียวกันซะที" ร่างโปร่งหันมายิ้มให้คนรัก แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงสีหน้ารู้ทันของอีกฝ่าย
"ไม่ใช่ว่าเธอขู่ลูกชายฉันจนวิ่งแจ้นไปหาเทสต์หรอกเหรอ?"
"อะไรกันครับป๋า...ผมจะไปทำเรื่องใจร้ายอย่างนั้นกับลูกได้ยังไง"
ร่างโปร่งฉีกยิ้มกว้าง ทั้งสองมาถึงร้านอาหารริมทะเลบรรยากาศดีแห่งหนึ่ง ทีมเห็นพี่ชายฝาแฝดโบกมือให้เขาจากที่นั่งริมระเบียง
"สั่งอะไรไปรึยังเทสต์?"
แฝดคนน้องถามเมื่อมาถึงโต๊ะที่วีรภัทรจองไว้ ทั้งสองนั่งลงบนม้านั่งไม้ยาวสีขาวอีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะอาหาร มุมริมระเบียงที่ได้ทำให้พวกเขามีความเป็นส่วนตัวพอสมควร
"สั่งแค่ที่กูจะกินอ่ะ"
เทสต์ดันเมนูให้น้องชาย ทีมรับมาแล้วกางให้คนรักดูด้วยกัน ท่าทางกระหนุงหนิงเหมือนคู่รักวัยรุ่นทำให้เทสต์รู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
"อย่าเยอะดิ๊"
ทีมขยับออกห่างจากวีรภัทรเล็กน้อยเมื่อรับรู้ว่าพี่ชายไม่พอใจ แต่เมื่อเทสต์หันไปสนใจอาหารที่บริกรนำมาเสิร์ฟ ดวงตาของแฝดคนน้องก็ตวัดไปหาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างพี่ชายของตนอย่างคาดโทษ เทสต์หันกลับมาหาคนรักเมื่อรู้สึกว่าเด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ
"มีอะไรเหรอเวย์?"
"ปะ...เปล่าครับ เอ่อ..พี่เทสต์ ผมอยากกินอันนี้อ่ะ"
"อ้าว ไหนเมื่อกี้บอกว่าไม่อยากกิน"
"ก็ผมกลัวกินไม่หมดนี่ครับ พี่เทสต์สั่งมาตั้งเยอะ"
"อยากกินก็สั่งสิ เดี๋ยวพี่ช่วยกิน"
ทีมขยับกลับมาใกล้วีรภัทรเงียบๆ เอนพิงร่างสูงยิ้มมองพี่ชายที่ถูกคนรักของตัวเองเบี่ยงเบนความสนใจ
"แสบนักนะเรา"
คนอายุมากที่สุดในนี้ก้มลงกระซิบข้างหูคนรัก
"ก็ผมไม่เคยมีน้องให้แกล้งนี่นา" คนโดนดุอมยิ้ม "สนุกดีเหมือนกันนะครับ"
"เด็กดื้อ"
"ก็ผู้ใหญ่แถวนี้ทำให้ผมเสียคนนี่ครับ" ร่างโปร่งย้อน ก่อนจะหันไปสนใจอาหารตรงหน้าขณะที่เวย์ยังคงหาเรื่องดึงความสนใจของคนรักอยู่เรื่อยๆ
"ผัดคะน้าหมูกรอบครับ"
อาหารที่ทีมสั่งเริ่มทยอยมาเสิร์ฟเช่นกัน เทสต์เอื้อมมาตักหมูกรอบใส่จานให้เด็กหนุ่มที่อ้างว่าแขนของตนยังขยับไม่ค่อยคล่อง ทีมที่เห็นว่าร่างสูงไม่กินคะน้าเลยถามขึ้น
"เวย์ ไม่กินคะน้าเหรอ?"
"มันไม่กินพวกผักสีเขียวเข้มๆอ่ะ บอกว่าขม"
เทสต์ตอบแทน เพ่งสมาธิไปที่การแกะปูให้คนรักอย่างทุลักทุเล ปกติแล้วทีมจะเป็นคนแกะให้เขา ทำให้ร่างโปร่งไม่ค่อยถนัดอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่
"ไม่ได้นะ ผักสีเขียวเข้มมีวิตามินสูง ไม่กินเดี๋ยวจะไม่สบายง่ายนะ"
ทีมเตือนด้วยความหวังดี เพียงแค่นั้นเด็กหนุ่มที่ไม่เคยมีใครบังคับเรื่องพวกนี้ก็จิ้มเจ้าผักเหม็นเขียวที่ตนเกลียดแสนเกลียด
เข้าปากอย่างว่าง่าย เบ้หน้าเคี้ยวอย่างเชื่องช้า แต่ก็กลืนลงไปอย่างยากลำบากในที่สุด
"รู้อย่างนี้ฉันพาเธอมาเจอลูกนานแล้ว"
วีรภัทรกระซิบบอกคนรัก ทีมยิ้มรับคำชม ก้มลงแกะปูให้ตัวเองกับคนรักอย่างคล่องแคล่ว คอยขยับหลบเศษเนื้อและกระดองปูที่ปลิวมาจากฝั่งของเทสต์เป็นระยะ
----------------
สองอาทิตย์นี้จะพยายามอัพให้ถี่ที่สุด55555 เวลาว่างอันน้อยนิดต้องใช้ให้คุ้ม