“ทีม มึงมีแฟนรึยังวะ?”
“ฮะ? เทสต์ถามเรื่องนี้ทำไม?”
คนเป็นน้องถามอย่างหวาดระแวง รู้สึกหมดความอยากอาหารไปอย่างฉับพลันเมื่อจู่ๆพี่ชายก็ยกหัวข้อต้องห้ามขึ้นมาพูดทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะใส่ใจ เทสต์เขี่ยข้าวผัดในจานไปมา ดูท่าจะไม่หิวเช่นกัน เหนือฟ้าเลิกคิ้วสูง เหลือบมองแฝดน้องอย่างสนอกสนใจว่าร่างโปร่งจะดิ้นหลุดจากสถานการณ์นี้ไปได้อย่างไร
“เหนือ อยากกินอ่ะ”
กวินภพไม่ได้สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัว สะกิดเพื่อนยิกๆเพื่อขอกินไอศกรีมที่เพื่อนรักซื้อมา
“ไม่ได้ น้องแว่นให้กินเค้กแล้วไม่ใช่เหรอก่อนมา” ร่างโปร่งหันไปดุเพื่อน
“กินนิดเดียวเอง...” ชายหนุ่มตัวโตเถียงเสียงอ่อย
“หนึ่งปอนด์ไม่นิดแล้วเว้ยกล้า อีกอย่าง น้องแว่นก็ไลน์มากำชับนักหนาว่าไม่ให้มึงกิน ”เหนือฟ้าดุ ทีมแอบโล่งใจที่จู่ๆบทสนทนาก็เปลี่ยนทิศทางไปหาคนทั้งสอง แต่พี่ชายของเขาที่ปกติไม่ใช่คนเรื่องมากกลับไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ
“นี่ ถ้าสมมติว่ามึงมีแฟน...มึงจะพาไปไหนบ้าง”
“เอ่อ...ไม่รู้สิ ทีมคงถามเขามั้ง ทีมไม่เก่งเรื่องคิดอะไรเองอยู่แล้ว” ร่างโปร่งตอบอย่างระมัดระวัง คิดทวนคำพูดของตัวเอง
ตลอดเวลาว่าได้เปิดเผยข้อมูลเกินควรหรือไม่
“เหรอ? แล้วพาไปกินไรอ่ะ?” เทสต์ยังคงถามคำถามประหลาดอย่างต่อเนื่อง
“เอ่อ..คงทำอาหารให้กินมั้ง”
เทสต์กัดริมฝีปากด้วยสีหน้าหนักใจ ทีมเอื้อมมือไปแตะที่หลังมือพี่ชายเบาๆ
“เทสต์ เป็นอะไรรึเปล่า?”
“เปล่า แล้วนี่นัดเพื่อนไว้ไม่ใช่เหรอ รีบไปสิ กูกก็จะไปเรียนละ”เทสต์ตอบปัด ส่งสัญญาณทางอ้อมให้น้องชายไสหัวไปเรียนได้แล้ว เนื่องจากเขาไม่ได้บอกคนในกลุ่มเรื่องการสลับตัวเข้าเรียน น้องชายก้มมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะร้องออกมาอย่างตกใจ
“งั้นไปก่อนนะ”ทีมโบกมือลาพี่ชายและเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะรีบวิ่งไปรอรถเวียนเพื่อไปตึกเรียน
ร่างโปร่งเข้ามาในห้องทันเวลาก่อนที่อาจารย์จะมาอย่างฉิวเฉียด วีรภัทรเลิกคิ้วเมื่อเห็นคนรักวิ่งตื๋อผ่านหน้าเขาไปก็จะเข้าห้องเรียนไม่กี่วินาที ร่างสูงปิดประตูห้องเรียนลง ประจำที่ของตัวเองบนเวทีบรรยาย
"ทุกคนได้ชีทกันแล้วนะครับ..."
การเรียนการสอนเริ่มขึ้นเช่นเดียวกับทุกครั้ง แต่ทีมสังเกตว่าวีรภัทรแทบไม่มองหน้าเขาเลยสักนิด ถึงแม้ปกติการเล่นหูเล่นตาของร่างสูงจะมีเพียงเขาที่รู้สึกได้ก็ตาม อันที่จริงร่างสูงก็ดูจะเมินเขานิดหน่อยมาตั้งแต่เมื่อวันที่เขาไปทำอาหารที่ห้องของเชฟใหญ่แล้ว ถึงจะไม่ได้โมโหใส่ แต่ก็ถามคำตอบคำจนเขารู้สึกได้ ทีแรกทีมคิดจะรอให้อีกฝ่ายเย็นลงก่อน แต่ดูท่าคุณวีของเขาจะไม่ยอมลงให้เขาง่ายๆเสียแล้ว
"ผมมีรายงานให้ทำ 1-3คนต่อชิ้นงาน ส่งที่ผมหลังวันหยุดยาวที่จะถึงนี้"
เสียงทุ้มที่ร้อยวันพันปีไม่เคยสั่งงานเอ่ยขึ้นเรียกเสียงฮือฮาจากนักศึกษารวมถึงทีมที่เงยหน้าขึ้นจากชีทเรียน
"ผมอยากให้พวกคุณสัมภาษณ์บุคคลที่ทำงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจ พนักงานบริษัท พนักงานบริการ หรือคนค้าขาย ถามเขาถึงประสบการณ์ในการใช้ภาษา อุปสรรคที่มี และคุณจะใช้ความรู้ในชั่วโมงเรียนปรับปรุงแก้ไขปัญหาที่มีอย่างไร ผมจะให้เวลาพวกคุณจับกลุ่มกัน ใครที่ทำคนเดียวมาลงชื่อที่โต๊ะผมตรงนี้ ส่วนคนที่จะทำเป็นกลุ่มให้ส่งรายชื่อทีหลังได้ ใครลงชื่อเสร็จแล้วกลับบ้านได้ครับ"
สิ้นเสียงของร่างสูง ทั้งห้องบรรยายก็เซ็งแซ่ไปด้วยเสียงของเหล่านักศึกษาที่พยายามจะหาคนร่วมงานด้วย ร่างโปร่งเก็บข้าวของเพื่อเดินลงไปลงชื่อ เขาไม่รู้จักใครซักคน จึงไม่คิดจะหาเพื่อนทำรายงานอยู่แล้ว
"นี่นาย" ทีมเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกถึงแรงสะกิดที่หัวไหล่ ร่างสูงในชุดนักศึกษายิ้มกว้างให้เขาอย่างเป็นมิตร ดูจากการเเต่งกายคาดว่าน่าจะเป็นเด็กปีหนึ่ง "คู่กับเรามั้ย?"
"เอ่อ..." ร่างโปร่งตั้งท่าจะปฎิเสธ แต่เสียงที่ดังขึ้นจากไมค์ของอาจารย์ดังขึ้นเสียก่อน
"ไม่อนุญาตให้จับกลุ่มข้ามชั้นปีนะครับ"
ไม่รู้ทำไมทีมถึงคิดว่ากฏข้อนั้นถูกตั้งขึ้นมาสดๆร้อนๆเมื่อครู่นี้เพื่อเขาโดยเฉพาะ
"ขอโทษนะครับ พี่อยู่ปีสาม น้องไปหาคนอื่นเถอะ" ทีมยิ้มให้อย่างขอโทษขอโพย สะพายเป้เพื่อเตรียมตัวไปลงชื่อ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ
"เดี๋ยวครับ ผมชื่อภาค พี่ชื่ออะไรเหรอ?"
"เอ่อ...พี่..."
"นักศึกษาที่ลงชื่อไม่ทันก่อนหมดคาบจะถือว่าทำงานกลุ่มนะครับ" เสียงจากลำโพงดังขึ้นอีกครั้ง ทีมหันไปมองร่างสูงที่จ้องตรงมาทางเขา ก่อนจะหันกลับไปดูนักศึกษาที่ลงชื่อต่อ
"ขอโทษนะครับ วันนี้พี่รีบ ไว้คุยกันเนอะ" ร่างโปร่งยิ้มให้อีกครั้งแล้วรีบวิ่งลงไปต่อท้ายแถว ดูเหมือนเขาจะเป็นคนสุดท้ายที่เลือกจะทำงานคนเดียวพอดี ซึ่งทีมก็ถือเป็นเรื่องโชคดีเพราะเขามีเรื่องจะคุยกับอาจารย์เจ้าของวิชาอยู่พอดี
เมื่อถึงคิวของเขา นักศึกษาทุกคนกลับออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่อาจารย์หนุ่มที่นั่งมองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์
"คุณวี..."
"ลงชื่อให้เสร็จครับนักศึกษา ผมจะกลับแล้ว"
ทีมก้มหน้าลงเขียนชื่อตัวเองด้วยลายมือบรรจงอย่างใจเสีย วีรภัทรลุกขึ้นเก็บของของตัวเองลงในกระเป๋า แม้จะไม่ได้ชวนเขาคุยเช่นทุกวัน แต่ก็ยังคงยืนรอเขา ทำให้ทีมเริ่มรู้สึกใจชื้นว่าชายหนุ่มยังไม่ได้โกรธเขาขนาดนั้น
ทั้งสองเดินไปตามทางเดินเส้นเล็กไร้ผู้คนที่พวกเขาใช้เป็นเส้นทางประจำเพื่อไปยังลานจอดรถอาจารย์ ทีมคว้าข้อมือของคนรักไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้เปิดประตูรถฝั่งที่นั่งคนขับให้เขา
"คุณวี พูดอะไรหน่อยสิครับ"
"เทสต์ ปล่อย" ร่างสูงหรี่ตาสั่งเสียงดุ ทีมรีบปล่อยมือตามประสาเด็กว่าง่ายเมื่อโดนดุ ก่อนจะโดนจับยัดเข้ามาในรถสปอร์ตคันหรูแล้วปิดประตูอย่างรวดเร็ว วีรภัทรวิ่งอ้อมมาสตาร์ทรถ ฟิล์มกระจกของรถคันนี้มืดมากหากมองจากภายนอก เรียกได้ว่าแทบมองไม่เห็นคนขับ แต่หากมองจากภายในจะเห็นสภาพรอบนอกอย่างชัดเจน
...ทำให้ทีมมองเห็นกลุ่มอาจารย์หลายสิบชีวิตที่เดินพูดคุยกันออกมาจากหอประชุมอีกด้านของลานจอดรถ ร่างโปร่งเข้าใจทันทีถึงเหตุผลของการกระทำเมื่อครู่ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ใจเสียน้อยลง
"คุณวีครับ.." มือเรียวแตะลงบนข้อมือของคนรัก แต่วีรภัทรกลับดึงมือของตนมาจับพวงมาลัยโดยไม่สนใจจะพูดกับคนอายุน้อยกว่าข้างๆ รถของอาจารย์หนุ่มเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถ ทีมกัดริมฝีปาก เบือนหน้าซบหน้าผากลงกับกระจกรถ หลับตาลงเพื่อซ่อนขอบตาที่ร้อนผ่าว ปล่อยให้น้ำใสๆอาบแก้มอย่างเงียบเชียบ จู่ๆรถที่ขับออกมาจากมหาวิทยาลัยด้วยความเร็วคงที่กลับหยุดลงดื้อๆพร้อมกับมือใหญ่ที่กุมกระชับบนมือของเขาอย่างอ่อนโยน
"ร้องไห้ทำไมครับคนเก่ง หืม?"
"..คุณ...คุณวีโกรธผม..." ร่างโปร่งงึมงำตอบ พยายามมองผ่านม่านน้ำตา พบว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในซอยตันแคบแห่งหนึ่ง
"ชู่ว์ ไม่ร้องนะครับ" วีรภัทรเอื้อมปลดสายเข็มขัดนิรภัย รั้งร่างเด็กน้อยของตนเข้ามาในอ้อมกอด ลูบแขนของอีกฝ่ายขึ้นลงอย่างปลอบขวัญ "ฉันขอโทษ อย่าร้องนะ"
"มะ..ไม่ร้องแล้วครับ" มือเรียวยกขึ้นขยี้ตา แต่ถูกมือใหญ่รวบไว้แล้วใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาของร่างโปร่งออกอย่างแผ่วเบา "ผมแค่...คันตา"
"ครับๆ คันก็คัน" วีรภัทรหัวเราะในลำคอ แววตาอ่อนโยนที่ไม่เห็นมาหลายวันทำให้แก้มของทีมร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่
"แล้ว...คุณวีโกรธผมทำไมครับ?" ทีมถามสิ่งที่ค้างคาใจมานาน "ถ้าเรื่องพี่ใหญ่ ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่มีอะไร แฟนพี่เขายังหวงพี่เขายิ่งกว่าจงอางหวงไข่อีก"
"ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก" วีรภัทรถอนหายใจ เข้าเกียร์ถอยรถออกจากซอย "ฉันแค่...หงุดหงิด"
"หงุดหงิด?" ร่างโปร่งทวนคำอย่างเป็นกังวล “เรื่องอะไรเหรอครับ?"
“ก็….” ชายหนุ่มเลี้ยวเข้ามาในลานจอดรถของคอนโด เงามืดที่ตกกระทบใบหน้าของอีกฝ่ายทำให้ทีมดูไม่ออกว่าคนรักกำลังทำสีหน้าแบบไหน “กับคนอื่นก็เรียกพี่อย่างนั้น พี่อย่างนี้ อ้อนเขาไปทั่ว ทำไมทีกับฉันถึงได้เรียกแต่คุณอยู่นั่นแหละ”
คนฟังอึ้งไปครู่หนึ่ง เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องแค่นี้จะสามารถทำให้คนอย่างคุณวีงอนได้ ชายหนุ่มถอยรถเขาจอดในที่จอดประจำแล้วดับเครื่องยนต์
“ขอโทษนะที่ทำให้คิดมาก”
วีรภัทรเปิดประตูรถ ทว่าก่อนจะได้ก้าวออกไปร่างโปร่งกลับคว้าแขนเขาไว้แน่น
“ทีหลังน้อยใจก็บอกกันดีๆสิครับ
พี่-วี”ทีมกระซิบเน้นคำเสียงหยาดเยิ้ม ริมฝีปากขยับปัดผ่านหัวไหล่ภายใต้เสื้อทำงานที่เขาเป็นคนเลือกให้คนรักไปมาอย่างเอาใจ “ผมใจเสียหมดเลยนะรู้มั้ย”
ร่างสูงลูบศีรษะคนอายุน้อยกว่าอย่างรักใคร่ แต่ดวงตากลมสีน้ำตาลเข้มที่ฉ่ำวาวจากหยาดน้ำตาช้อนมองเขาอย่างเย้ายวนราวกับไม่พอใจกับสัมผัสแค่นั้น
“ขึ้นห้องกันเถอะ” วีรภัทรเลียริมฝีปาก แต่คนฟังส่ายหน้า รูดเนคไทค์ของอาจารย์หนุ่มลงจากคออย่างเบามือ
“เปลี่ยนบรรยากาศบ้างดีมั้ยครับ?”
พอบอกให้อ้อนก็อ้อนซะเขาปฎิเสธไม่ลงเลย
“ที่มันแคบนะ”วีรภัทรเตือนด้วยความหวังดี เรื่องคนผ่านมาไม่อยู่ในหัวเขาอยู่แล้ว เพราะแถบนี้มีอต่ลานจอดของเขาทั้งนั้น
คนฟังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวของคนรักทีละเม็ด ริมฝีปากเรียวไล่จุมพิตแผ่วเบาลงมาตามมัดกล้ามแน่น ทีมเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับวีรภัทรพร้อมกับขยิบตาข้างหนึ่งอย่างน่ารักน่าเอ็นดู
“ผมประยุกต์ได้ครับ”วีรภัทรห่มผ้าให้กับร่างเปลือยเปล่าที่หลับสนิทอย่างอ่อนเพลียของคนรักที่ถูกเขาเช็ดตัวทำความสะอาดให้อย่างทั่วถึง ร่างสูงก้มลงจุมพิตหน้าผากชื้นเหงื่อและแก้มใส ตามด้วยปลายจมูกเชิดรั้นและริมฝีปากเรียวบางสีชมพูฉ่ำน้ำ แล้วลุกขึ้น้จากเตียงด้วยสีหน้าอมทุกข์
เขาไม่ได้โกหกตอนที่บอกเทสต์สาเหตุที่เขามีสีหน้าปั้นบึ้งใส่
เขาแค่ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด
Rrrrrr
วีรภัทรรีบกดรับโทรศัพท์ก่อนที่เสียงของมันจะปลุกคนรักของเขาจากหลับใหล ปลายสายเป็นเสียงของหญิงวัยกลางคนที่เขาคุ้นเคยดีในฐานะอาจารย์ด้วยกัน เธอเป็นรุ่นพี่ที่เขาเคารพนับถือเหมือนเป็นอาจารย์อีกคนของตัวเอง
อธิการบดีของคณะบริหารธุรกิจของมหาวิทยาลัย
“พี่แข เรื่องที่ผมถามไปเป็นยังไงบ้างครับ?”
คำตอบจากปลายสายทำให้เขาหน้ามืดไปชั่วขณะ ร่างสูงกล่าวขอบคุณปลายสายแล้วตัดสาย ทรุดตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง มือกดเปิดดูรูปภาพของเอกสารการสมัครคอร์สเรียนทำขนมที่เชฟใหญ่ส่งมาให้เขาเมื่อวันก่อน
‘ผมคิดว่าท่านประธานควรจะทราบข้อมูลนี้ไว้....’
‘แต่น้องเขาเป็นเด็กดีมากเลยนะครับ....คุยกันดีๆนะครับท่านประธาน’
“คุณวี..”เสียงแหบพร่าจากกิจกรรมบริหารเส้นเสียงเมื่อครู่เรียกชื่อเขาจากอีกฟากของเตียง
“ว่าไงครับคนเก่ง” ร่างสูงกระซิบถาม แทรกกายเข้าใต้ผ้าห่ม ปล่อยให้คนรักขยับหาที่หนุนศีรษะบนร่างของตน เมื่อได้ที่ที่พอใจ ลูกแมวน้อยของเขาก็ครางออกมาเบาๆอย่างมีความสุข วีรภัทรลูบกลุ่มผมสีดำสนิทนุ่มนิ่มที่เริ่มยาวขึ้นพอสมควรอย่างเพลินมือ
“รักนะครับ...”ร่างโปร่งพึมพำกับอกแกร่ง
“คุณวี ถ้าวันนึง คุณรู้ว่าผมไม่ใช่คนที่คุณคิดว่าผมเป็น เรายัง...จะเป็นเหมือนเดิมอยู่มั้ยครับ?”
“ถ้าคุณรู้ความจริงบางอย่าง ความจริงที่ผมยังไม่พร้อมจะบอกคุณ คุณจะเดินจากไปมั้ย”
“ครับ รักที่สุด” ร่างสูงกระซิบตอบในความมืด กระชับอ้อมกอดรอบเรือนร่างตนแสนหลงใหลแล้วประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนใส
อย่างที่เขาเคยพูดกับเด็กคนนี้ เขาโตพอที่จะรู้ว่าคนที่เขาเลือกเป็นคนยังไง
เพราะฉะนั้น เขาจะให้โอกาสอีกฝ่าย ได้เป็นคนอธิบายเรื่องทุกอย่างเมื่อร่างโปร่งพร้อม
หวังว่าเธอจะไว้ใจฉันมากพอที่อธิบายให้ฉันฟังซักทีนะ ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่....ทีม
----------
คิดถึงฉันมั้ยเวลาที่เธอ...//ผิด555555
บอกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ดราม่า โนวๆๆๆๆ55555
สีชมพูวววววว
ปล. มีความเที่ยวกลับมาแล้วรีบลง55555 อาจจะมึนๆเบลอๆอย่าได้ถึงสา