...วาระซ่อนเร้น...ตอนพิเศษ บนสุดของห่วงโซ่อาหาร (31/07/2020) หน้า 53
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...วาระซ่อนเร้น...ตอนพิเศษ บนสุดของห่วงโซ่อาหาร (31/07/2020) หน้า 53  (อ่าน 701470 ครั้ง)

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
ฮ่าๆ นี่นั่งอ่านแล้วก็ยิ้มอยู่จริงๆ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โจ๊กจะต้องตายกับความใสซื่อนี้ไปอีกหลายรอบ  :hao7:

ออฟไลน์ ichnuan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 163
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
มาปูเสื่อรอโจ๊กกกก

ออฟไลน์ dyomonrain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เราถือพู่เชียร์รอโจ๊กอยู่นะคะ :)

ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
น้องโซ่เป็นไงบ้างน้ออ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
NOV: วาระซ่อนเร้น
By: Dezair
………………..
ตอนที่ 9


    สิตางศุ์หายหน้าไปจากคณะร่วมสัปดาห์เพื่อทำรายงาน โผล่มาอีกที ก็ยังเป็นรถยนต์หรูคันเดิมของเพื่อนร่วมคณะภาควิชาการปกครองที่พามาส่ง


   พฤกษาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าตึกคณะเห็นตั้งแต่รถของเจียระไนขับเลยไปยังลานจอดรถแล้ว และครู่ใหญ่ๆต่อมา เพื่อนสนิทของเขาก็เดินเคียงมากับเจ้าของรถ คุยกระหนุงกระหนิงประหนึ่งโลกนี้มีแค่เราสองคน


   “มึงว่าเพื่อนเราเสร็จไอ้โจ๊กยังวะ” เขาถามอลงกตที่นั่งอยู่ด้วยกัน แต่ตาไม่ละไปจากภาพของสองคนนั้นเลย


   “ถ้าเสร็จจริง กูจะยำตีนไอ้โจ๊กคนแรก...” หนุ่มเข้มร่างใหญ่ตอบ แล้วปรายตามามองเพื่อนซี้ข้างๆ “...และมึงจะโดนเป็นคนที่สอง” พฤกษาอ้าปากหวอ ไม่ทันได้แย้งอะไร สิตางศุ์และเจียระไนก็เดินมาถึงโต๊ะของพวกเขาพอดี คนผิวขาวจัดเห็นเพื่อนหนึ่งในสองทำหน้าเหวอก็เลยตั้งคำถามด้วยความเป็นห่วง


   “แพทเป็นไร”


   “กลัวรองเท้าสตั๊ดกู” คนตอบคืออลงกต ทำเอาไอ้คนที่อ้าปากค้างเมื่อครู่นี้ถึงกับหันขวับมองแล้วร้องลั่น


   “นี่มึงจะใช้สตั๊ดเหยียบกูเลยเหรอ?!!”


“กระทืบ ไม่ใช่แค่เหยียบ” ยิ่งสองคนนี้คุยกัน สิตางศุ์ก็ยิ่งไม่เข้าใจ เขาหันมองเจียระไนเหมือนจะถามแต่รายนั้นยักไหล่แล้วตัดช่องน้อยแต่พอตัวด้วยการเปลี่ยนเรื่อง


   “เลิกเรียน โทร.หาแล้วกัน แล้วอย่าไปหลับในห้องล่ะ”


   “จะหลับได้ไง โดนบังคับให้นอนวันละตั้ง 8 ชั่วโมง”


ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่เขาโดดเรียนแล้วทำรายงานอยู่ที่ห้อง เจียระไนแวะมาหาทุกวัน วันละหลายครั้ง เอาอาหารมาให้บ้าง มาสอดส่องสภาพของเขาบ้าง บางทีก็ไล่ให้ไปนอนหรืออาบน้ำ แต่โดยรวมแล้วอีกฝ่ายก็ยุ่มย่ามเพียงเท่านั้น ถ้าเห็นว่าเขายังไหว ก็จะปล่อยให้นั่งทำต่อโดยไม่รบกวนอะไร


   “เด็กอนามัยอย่างมึง ควร 12 ชั่วโมงด้วยซ้ำ” ร่างสูงพูดแล้วหัวเราะ แล้วเดินหนีไปที่ตึกเรียนใกล้ๆ คราวนี้เลยเหลือเพียงสามเพื่อนซี้แห่งภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ


   “เปเปอร์เสร็จมั้ย” อลงกตหันไปถามคนที่โดดเรียนไปหลายวัน


   “เหลือตรวจแก้อีกนิดหน่อย อ่า...อาจมีปรับตอนท้ายด้วย กูว่ามันยังไม่ตรงจุดพอ” 


   “งั้นเย็นนี้มึงพาน้องในสายไปเลี้ยงกับสายกูแล้วกัน คลายเครียด” เพื่อนซี้จากชมรมฟุตบอลชวน ทำเอาพฤกษาและสิตางศุ์นิ่งไปเล็กน้อย 


โดยปกติ พวกเขามักจะนัดสายรหัสกินข้าวกันเอง แต่ก็มีบางสายที่รุ่นพี่นัดเพื่อนๆของตัวเองให้พาสายรหัสไปกินเลี้ยงพร้อมกัน นัยว่าน้องๆในสายจะได้ไม่เขินเพราะอย่างน้อยก็มีเพื่อนในชั้นปีซึ่งเป็นสายรหัสอื่นมาร่วมด้วย ซึ่ง...น้องปีหนึ่งที่อยู่ในสายรหัสของอลงกตก็คือ... ‘น้องมี่’...


พฤกษาตาเหลือก หยิบเศษใบไม้แห้งแถวนั้นปาคนชวนทันที


   “เชี่ยกต! มึงหาเรื่องรึไง?!!”


   “กูไม่ได้หาเรื่อง กูแค่อยากชวนมันไปเลี้ยงสายพร้อมกัน น้องกูจะได้มีเพื่อนไง” อลงกตหันไปตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ได้มีเรื่องอะไรซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังการชวนนี้ แต่คนอย่างพฤกษารู้ดี


   ...ระหว่าง ‘น้องมี่’ กับ ‘ไอ้โจ๊ก’ ไอ้กตเห็นน้องมี่ดีกว่าล้านเปอร์เซ็นต์ อันที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเอา ‘ไอ้โจ๊ก’ ไปเทียบกับใคร ไอ้กตก็เห็นคนอื่นดีกว่าทั้งนั้น!!


...โธ่!! ไอ้หอก!!!! ถ้า ‘ไอ้โจ๊ก’ ไม่ดีพอ มันจะรอมาตั้งเกือบสองปีอย่างงี้เหรอ?!!!...


   พฤกษาอยากจะเอาหัวโขกโต๊ะม้าหินสักหนึ่งที แล้วอีก 99 ทีที่เหลือคือจับหัวไอ้คนต้นคิดสร้างเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างอลงกตโขกบ้าง


   ...พา ‘น้องมี่’ มาเจอกับ ‘ไอ้โซ่’ กลัวฝ่ายผู้หญิงนี่แหละ ที่ไม่จบ!!!...


   “มึงกำลังสร้างปัญหา...” เขาได้แต่เค้นเสียงลอดไรฟัน


   “แล้วมึงไม่สร้างรึไง?!” อลงกตเถียง สองเพื่อนซี้เข่นเขี้ยวกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ทว่าคนกลางที่มักจะไม่เคยรับรู้ปัญหาอยู่เสมอก็คือสิตางศุ์


   “อ่า...กูต้องบอกไอ้โจ๊กก่อนอ่ะ” ดวงตาสองคู่หันขวับมามองคนพูด ร่างโปร่งเกาต้นคอเล็กน้อยเหมือนจะเขินๆ


   “คราวก่อน...ไปกินข้าวกับสาย มันก็โกรธไปทีนึงแล้ว” 


ไม่รู้โกรธจริงมั้ย แต่สิตางศุ์คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะโกรธอยู่หรอก เพราะปกติหมอนั่นตามรับตามส่งเขาทุกวัน หากมีวันไหนจะนอกเส้นทาง ก็ควรจะบอกมันก่อน


   “มึงแคร์ไอ้โจ๊กเหรอ” อลงกตถามเรียบๆ สายตาจับจ้องเพื่อนรักที่ยังยืนอยู่ ดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลเข้มหลบไปทางอื่น ในขณะที่ริมฝีปากเม้มเข้าหากันอย่างไม่รู้ว่าควรจะพูดดีมั้ย พฤกษาเลยดึงให้ทรุดตัวลงนั่งบนโต๊ะม้าหิน จะได้ถามได้อย่างสะดวก


   “หนึ่งสัปดาห์ที่หยุดเรียนไปเนี่ย เกิดไรขึ้นมั่ง...ไม่เอาๆ มึงเล่าตั้งแต่ตอนไปเชียงคานกับมันเลยแล้วกัน” คราวนี้สิตางศุ์ชะงัก เหลือบตาขึ้นมองคนพูดทันที


   “มึงรู้ได้ไงว่ามันไปเชียงคานกับกู” เพื่อนทะเล้นนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะยักไหล่ทำเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่


   “สายกูเยอะ พูดมา สรุปว่าช่วงที่ผ่านมานี่เกิดอะไรขึ้นบ้าง”


   “ก็...”


   “หรือมึงเห็นว่าพวกกูไม่ใช่เพื่อน เลยไม่อยากบอก” พฤกษาย้ำอีก ทำเอาสิตางศุ์ต้องรีบปฏิเสธ


   “ไม่ใช่ พวกมึงเป็นเพื่อนกู ถ้ามีอะไรกูก็อยากบอกพวกมึงเป็นคนแรกๆ แต่ว่า...แต่ว่ากูยังไม่รู้ว่ากูรู้สึกยังไง กู...กูกลัวมันเสียหาย...” ประโยคหลังนั้นเบาหวิว แต่กระแทกหัวใจคนฟังอย่างแรง อลงกตและพฤกษาแทบทรุดโดยพร้อมเพรียง


   ...แทนที่จะกลัวอย่างอื่น ดันกลัวไอ้โจ๊กเสียหาย!!! โธ่!! ไอ้โซ่!!! คนอย่างไอ้โจ๊ก ต่อให้ภัยธรรมชาติก็ทำอะไรมันไม่ได้หรอกโว้ย!!!...


   “...เอ่อ...โซ่ ไม่มีอะไรเสียหายหรอก เชื่อกูเถอะ อย่างไอ้โจ๊กน่ะ แกร่งกว่านี้อีกนิดก็กำแพงเมืองจีนแล้วมึง” พฤกษาพยายามจูนสติเพื่อน แต่สิตางศุ์ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เห็นด้วย


   “แต่กูเป็นผู้ชาย มันก็ผู้ชาย มึงก็รู้ สังคมเราไม่ได้ยอมรับเรื่องพวกนี้ได้มากขนาดนั้น ต่อให้จะทำเหมือนรับได้ก็เถอะ ไหนจะพ่อแม่มันอีก ที่บ้านมันเป็นคนจีน ไม่รู้ว่าหัวโบราณมั้ย แต่ถึงพ่อกับแม่ของมันจะรับได้ แล้วญาติมันล่ะ มันเคยบอกว่าอาม่าของมันมีลูก 7 คน ญาติเยอะแบบนั้น ถ้า...กูไม่ชัดเจน มันจะเสียหาย” 


อลงกตมองเพื่อนรักผิวขาวจัดที่พูดออกมาแต่ละคำล้วนทำให้เขาใจหาย หนุ่มจากชมรมฟุตบอลเบือนสายตาหนีไปทางอื่น เพราะยิ่งเห็นสีหน้า เขาก็ยิ่งอ่านใจมันออก


   ...ต่อให้ไอ้โซ่จะบอกว่ายังไม่รู้ ยังไม่แน่ใจ แต่ความรู้สึกที่มันมีให้ ‘ไอ้ภาคปกครอง’ นั่น ก็มากกว่าเพื่อนไปแล้ว เพราะไม่อย่างนั้น ก็ไม่เห็นจะมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องห่วงใยความรู้สึกของไอ้โจ๊กเลย หนำซ้ำยังคิดไปถึงครอบครัวของไอ้โจ๊กอีกต่างหาก...


   ...ชัดซะยิ่งกว่าชัด...


   ร่างสูงๆของอลงกตลุกจากเก้าอี้โต๊ะม้าหิน


   “มึงโทร.บอกไอ้โจ๊กแล้วกันว่าเย็นนี้จะเลี้ยงสาย ไม่ต้องรอ เดี๋ยวขากลับกูพาไปส่งเอง” เขาพูดแค่นั้นแล้วก็เดินเข้าตึกเรียนไปทันที สิตางศุ์มองตามหลังเพื่อนซี้ที่เดินจากไปเงียบๆ ก่อนจะหันกลับมามองพฤกษาที่ทำหน้าบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์


   “เชี่ยเอ้ย หลอกตัวเองอยู่ได้! เพื่อนมึงนี่มันน่าเบื่อจริงๆ!!” แล้วไอ้คนทะเล้นที่วันนี้อารมณ์เสียก็ลุกพรวดเดินเข้าตึกเรียนไปอีกคน ทิ้งร่างโปร่งผิวขาวจัดให้นั่งเพียงลำพังกับความงุนงง

...............................

   เพราะเป็นการนัดกินเลี้ยงถึง 3 สาย อันได้แก่สายของสิตางศุ์ที่มาครบทีมทั้ง 4 ชั้นปี สายของอลงกตที่ก็ครบทีมเช่นเดียวกัน และสายของพฤกษาที่ขาดไปหนึ่งคน นับรวมแล้วได้ถึง 11 คน ดังนั้นเลยต้องหาร้านที่รองรับทั้งจำนวนคนและความเสียงดังของพวกเขาได้มากหน่อย ซึ่งก็ไม่พ้นร้านหมูกระทะ


   และไม่ว่าจะด้วยการจัดที่นั่งแบบใดก็ตาม ‘น้องมี่’ น้องรหัสปีหนึ่งของอลงกตเลยถูกขนาบข้างด้วยฝั่งซ้ายคือสิตางศุ์ ส่วนฝั่งขวาคือปู่รหัสของตนเอง


   “มี่คิดรึยังว่าอยากเรียนด้านไหน”


พ้นมิดเทอมมาได้ไม่นาน อลงกตก็ถามถึงจุดหมายปลายทางของน้องปีหนึ่งในสายเขา พฤกษาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำเสียงหึ


   “กูว่ามึงควรจะถามว่าน้องมี่อยากจะซิ่วรึเปล่า” มนทิชาหรือน้องมี่ของอลงกต เด็กสาวหน้าใสวัยสิบแปด เฟรชชี่แห่งคณะรัฐศาสตร์ ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแถมพ่วงด้วยตำแหน่งดาวคณะส่ายหน้าหวือ


   “ไม่หรอกค่ะพี่แพท มี่อยากเรียนที่นี่” หล่อนพูดแล้วเหลือบตามองรุ่นพี่หนุ่มร่างขาวจัดที่นั่งอยู่ทางซ้าย สิตางศุ์ดูไม่ได้สนใจหล่อนนัก เพราะอีกฝั่งของเขาคือปกฉัตร น้องรหัสปีสองของเขาเอง


   “มี่...อยากเรียนด้านเอเชียตะวันออก...” หล่อนพูดเสียงดังขึ้นมานิดหน่อยเพื่อให้ใครบางคนที่หล่อนรู้มาว่าเขาเน้นเรียนเกี่ยวกับเอเชียตะวันออกสนใจหล่อนขึ้นมาบ้าง และก็ได้ผล เพราะดวงตาคู่สวยของคนที่นั่งข้างๆหันมามอง เด็กสาวรู้สึกร้อนวาบกับสายตาของเขา สายตาซื่อๆที่แสนสุภาพ สายตาที่มาจากนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น


   “อยากเรียนเอเชียตะวันออกเหรอ” น้ำเสียงอ่อนโยน ทำเอาคนถูกถามรู้สึกใจเต้นรัว ใบหน้าหวานของเด็กสาวก้มต่ำเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ


   “พ...พี่โซ่ก็เรียนใช่มั้ยคะ”


   “ครับ”


   “เอ่อ...ถ้า...ถ้ามี่จะ...”


...จะขอเบอร์...


   “จะอะไรเหรอ?” สิตางศุ์ย้อนถามอย่างไม่เข้าใจ มนทิชาสบตารุ่นพี่หนุ่ม หัวใจเต้นดังจนแทบระเบิด ความอายแล่นพล่านไปทั้งร่าง แต่...ถ้าหล่อนปล่อยให้ความอายครอบงำ หล่อนจะไม่มีวันได้ใกล้ชิดกับเขา...กับรุ่นพี่ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เข้าเรียนที่นี่...


   “มี่...มี่จะขอเบอร์พี่ได้มั้ยคะ” 


รุ่นพี่หนุ่มปีสี่นิ่งไปเล็กน้อย มนทิชารับรู้ถึงความเงียบของเขาแล้วก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาตรงนั้น หล่อนขอเบอร์เขาไปแล้ว และเขาชะงักเหมือนไม่อยากให้ หรืออาจคิดไม่ถึงที่จู่ๆรุ่นน้องร่วมภาคฯที่ไม่ได้สนิทกันมาก่อนดันมาขอเบอร์ตรงๆแบบนี้ มนทิชาเม้มปากแน่น โทษตัวเองว่าไม่ควรใจเร็วพูดออกไปเลย


   “ถ...ถ้าพี่โซ่ไม่...” หล่อนละล่ำละลักไม่ทันจบ เสียงของคนข้างกายก็ดังขึ้น


   “ได้สิ”


   คำตอบไม่เพียงแต่เป็นการตกลง แต่คนพูดยังส่งยิ้มจางให้อีกทีหนึ่งแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองมา


   “น้องมี่บอกเบอร์มา เดี๋ยวพี่ยิงไป”


   จบประโยคนั้นเด็กสาวก็รีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาแลกเบอร์กับหนุ่มรุ่นพี่อย่างรวดเร็ว พฤกษาเห็นสิ่งที่เพื่อนผู้แสนบื้อและใสซื่อทำแล้วก็อยากจะเอาหัวโม่งโลกสักที ที่สำคัญที่สุดคือจับหัว ‘ไอ้กต’ ซึ่งกำลังนั่งยิ้มกวนประสาทโม่งโลกไปพร้อมๆกัน


   ...ไอ้เชี่ยโซ่!! ปัญหาจะตามมาเพราะความซื่อบื้อของมึงในวันนี้ รู้ตัวบ้างม้ายยยยย!!!...

..............................

   ไม่ใช่แค่พฤกษาและอลงกตที่รู้เห็นการแลกเบอร์ระหว่างหนุ่มปีสี่และสาวปีหนึ่ง แต่ปกฉัตรที่นั่งใกล้ๆสิตางศุ์ก็เห็นเหตุการณ์นั้นด้วย และเขาคงจะไม่คิดอะไร หากไม่ได้รับรู้เรื่องราวมาจาก ‘พี่เจ๋ง’ น้องชายลูกพี่ลูกน้องของเจียระไน


   ‘พี่รหัสมึงโดนเฮียกูจีบอยู่ ไม่รู้รึไง’ 


ตอนนั้นเขาตอบว่าไม่รู้ เลยโดนด่าไปหนึ่งดอกว่าโง่สมกับเป็นสายรหัสกัน แต่เขาก็ยังยืนยันหนักแน่นว่ารุ่นพี่ปีสี่จากภาควิชาการปกครองไม่น่าจะมาจีบพี่รหัสเขาหรอก คงสนิทเพราะเป็นเพื่อนกันมากกว่า


   ทว่า...ข่าวลือตามลมที่ว่าเจียระไนตามรับส่งสิตางศุ์นั่นไม่ใช่แค่ข่าวลือ เพราะกระทั่งมาร้านหมูกระทะ เจียระไนก็เป็นคนพาสิตางศุ์มาส่ง แถมย้ำหนักแน่นว่าขากลับให้โทร.เรียก จะเป็นคนมารับเอง


   ‘บ้านกูไม่เคยทำอะไรให้ใครแบบไม่หวังผล’ นั่นคือคำพูดของพี่เจ๋งที่ย้ำหนักแน่นว่าการรับส่งของญาติผู้พี่ของตนเองนั้น มีเหตุผลมากกว่าแค่ทำไปเพราะมิตรไมตรีแห่งความเป็นเพื่อนแน่นอน


   “พี่โซ่...” ปกฉัตรเรียกเอาไว้ เมื่อพี่รหัสของตนเองเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาเดินตามมาดักรอที่นี่ตั้งแต่สิตางศุ์ลุกจากโต๊ะมา


   “ออกไปคุยกันข้างนอกได้มั้ย” เขาพูดแล้วเดินนำไปนอกร้านซึ่งเป็นลานจอดรถ สิตางศุ์ก้าวเท้าตามน้องรหัสด้วยความสงสัย พอเห็นว่าไกลจากผู้คนแล้ว ปกฉัตรเลยหันมามองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ นับตั้งแต่เป็นสายรหัสกันมา เขาก็พอจะรู้ว่าพี่รหัสคนนี้ไม่ค่อยจะคิดอะไรเท่าไรนัก กระทั่งรุ่นพี่คนอื่นๆในสายยังฝากฝังเขาให้ช่วยเป็นหูเป็นตาด้วย


   “พี่ให้เบอร์น้องมี่ไปจะดีเหรอ”


   “ทำไมไม่ดีล่ะ น้องอยากเรียนเอเชียตะวันออกนะ เออ! จริงๆพี่น่าจะให้น้องเขาปรึกษาปกว่ะ รุ่นใกล้ๆกัน เผื่อหลักสูตรมันเปลี่ยน” สิตางศุ์พูดซื่อๆ ทำเอารุ่นน้องรีบปฏิเสธ


   “อ่า...ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น...” ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากให้ความช่วยเหลือน้องในภาควิชา แต่ดูท่าแล้วน้องมี่คนนั้นก็ไม่ได้อยากจะปรึกษาเรื่องเรียนเท่าไร ยิ่งไปกว่านั้น เกิด ‘พี่เจ๋ง’ รู้ว่าเขาแจกเบอร์ให้น้องผู้หญิงที่คิดจะมาจีบคนคนเดียวกับที่เจียระไนจีบอยู่ มีหวังเขาถูกด่าเละแน่นอน


   “คือ...พี่ให้เบอร์น้องเขาไปแบบนี้ ไม่กลัวพี่โจ๊กโกรธเหรอ”


   “มันจะโกรธทำไมล่ะ”


   “ก็...พี่โจ๊กจีบพี่อยู่” สิตางศุ์ตาโตด้วยความคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าปกฉัตรจะรู้เรื่องนี้


   “ปกรู้ได้ไง?!”


   “พี่เจ๋งบอก...” คนฟังถึงกับถอนหายใจพรูออกมาที่ปิดไม่มิด โลกกลมแบบนี้ ต่อให้ปิดคนอื่นได้ แต่น้องรหัสก็รู้อยู่ดี


   “นั่นสินะ น้องไอ้โจ๊กเป็นแฟนปกนี่นา...” เขาพึมพำ ก่อนจะฉุกใจขึ้นมา


   “...เดี๋ยวสิ...เรื่อง...เรื่องที่ไอ้โจ๊กจีบพี่ กับเรื่องน้องมี่กับพี่แลกเบอร์กัน มันเกี่ยวกันยังไงล่ะ” สิตางศุ์ย้อนถามด้วยความสงสัย คนเป็นน้องรหัสพลอยพูดไม่ออก พี่รหัสของเขาเป็นคนฉลาด อาจารย์คนไหนๆในภาคฯก็พูดกันทั้งนั้นว่าสิตางศุ์เป็นคนเก่ง แต่...คนเก่งๆแบบนี้ มักจะมีช่องโหว่อยู่หนึ่งอย่าง และหนึ่งอย่างของสิตางศุ์ก็คือมองคนอื่นไม่ค่อยออก...


   “เอ่อ...ผมว่าน้องมี่...จะจีบพี่...” คนถูกจีบถึงกับตาโตด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบโบกมือไปมาเร็วๆ


   “ไม่มีทางหรอก พี่ปีสี่แล้ว น้องเขาเพิ่งปีหนึ่ง เขาจะมาจีบพี่ทำไม จีบน้องๆผู้ชายในรุ่นเดียวกันไม่ดีกว่าเหรอ” ปกฉัตรมองคนที่ยกข้ออ้างว่าตัวเองอยู่ปีสี่ขึ้นมาเป็นเหตุผลที่น้องจะไม่จีบแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเบา


   “ถือว่าผมเตือนแล้วกัน ถ้าน้องมี่จีบพี่จริงๆ พี่จะได้รู้ตัวว่าต้องทำยังไง จะชอบเขาตอบหรือไม่ชอบ ก็บอกเขาไป กับพี่โจ๊กก็ด้วย เรื่องแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ดีหรอก” คนเป็นน้องเตือนด้วยความหวังดี สิตางศุ์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจห่อไหล่


   “แล้วถ้าพี่ไม่รู้ว่าพี่รู้สึกยังไงกับไอ้โจ๊กล่ะ...”


คำถามนี้ของคนมีศักดิ์เป็นรุ่นพี่ไม่มีคำตอบกลับมา นอกจากฝ่ามือของปกฉัตรที่เอื้อมมาบีบไหล่เบาๆเป็นกำลังใจให้คนจนปัญญาหาคำตอบของความรู้สึกได้เร็ววัน

..................................

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8


‘เอ่อ...ผมว่าน้องมี่...จะจีบพี่…’


   คำพูดของน้องรหัสปีสองอย่างปกฉัตรยังคงดังอยู่ในสมองของสิตางศุ์ เขาพยายามคิดว่าบางทีปกฉัตรอาจจะคิดไปเอง อย่างที่บอกว่าเขาอยู่ปีสี่แล้ว อีกไม่นานก็เรียนจบ ในขณะที่มนทิชาเพิ่งเข้าปีหนึ่ง แล้วทำไมถึงคิดจะจีบรุ่นพี่อย่างเขา?


   ‘พี่โซ่ ยังอยู่คณะมั้ยคะ’


ข้อความที่ปรากฏบนโทรศัพท์ทำเอาสิตางศุ์ขมวดคิ้วมุ่น นับตั้งแต่วันที่แลกเบอร์โทรศัพท์กัน อีกฝ่ายก็ส่งข้อความมาหาเขาบ่อยๆ ส่วนใหญ่คุยเรื่องจิปาถะและเรื่องเรียน


   ...รวมถึงการถามเรื่องอยู่คณะ หรือไม่อยู่ ออกจากคอนโดหรือยัง นอนหรือยังก็อยู่ในหมวดการคุยที่ว่านั่นด้วย...


   บางทีก็รู้สึกอึดอัด เหมือนถูกตามหาทุกฝีก้าว แต่ถึงอย่างนั้นสิตางศุ์ก็ยังตอบกลับไปอย่างสุภาพ


   ‘ออกมาแล้วครับ’


   “โซ่” เสียงทุ้มทำเอาเจ้าของชื่อเงยหน้ามอง


   “เก็บโทรศัพท์ แล้วแดกข้าว” เจียระไนสั่งแล้วถลึงตาเรียวๆลงมองอาหารตรงหน้า


   วันนี้พวกเขามาทานข้าวที่คอนโดหรูของเจียระไน พ่อครัวไม่ใครที่ไหน เจ้าของคอนโดที่รับอาสาทำอาหารง่ายๆให้ทาน


   บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปผัดขี้เมารวมมิตร...รวมมิตรที่ว่าคือมีทั้งปลาหมึกชิ้นใหญ่ กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ และผักสารพัดชนิด


   “เป็นไรของมึง หรือแดกไม่เป็นอีก”


   “เป็นสิ ผัดขี้เมาไง แล้วทำไมเส้นถึงน้อยกว่าผักกับเนื้อล่ะ”


คนทำถึงกับกรอกตามองบนอีกหนึ่งที


   ...ช่วยดูด้วยว่าผักกูแต่ล่ะอย่างน่ะ ออแกนิกจนแทบจะปลูกด้วยระบบสุญญากาศอยู่แล้ว!!! แล้วไอ้ที่มึงกำลังเขี่ยไปไว้ข้างๆเพื่อจ้วงเส้นก่อนน่ะ กุ้งแม่น้ำโลละพัน! ไอ้เชี่ย!! เขี่ยอย่างกับเป็นกุ้งแห้ง!!...


   “แดกเนื้อสัตว์เยอะๆจะได้ฉลาด” คำว่าฉลาดทำเอามือขาวที่กำลังพันเส้นกับส้อมถึงกับชะงัก ดวงตาคู่สวยเหลือบขึ้นมอง


   “กู...โง่มากเหรอ”


   ดวงตาเรียวจับจ้องคนถาม ก่อนจะวางส้อมลงกับจาน


   “ไม่โง่ แต่เซ่อ มีตาแต่ไม่มอง เรื่องไหนที่สนใจก็สนใจฉิบหาย เรื่องไหนไม่สนใจ ต่อให้มาเกิดตรงหน้าก็ไม่คิดอยากจะรู้อะไรเลย กูก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามึงมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้ไง”


ถูกด่ากันตรงๆ ก็ทำเอาเจ้าของคำถามถึงกับอ้าปากค้าง แต่เจียระไนไม่ได้สนใจจะปลอบเท่าไร เขาหยิบส้อมขึ้นมาจิ้มปลาหมึกชิ้นใหญ่เตรียมเข้าปาก แต่นึกขึ้นได้ว่ากำลังจีบอีกฝ่ายอยู่ เพราะฉะนั้น ด่าแล้วก็...น่าจะลูบหลังสักหน่อย


   “...จิตตกอะไรมาอีกล่ะ กูพาไปทะเลอีกรอบมั้ย”


   “ไม่ต้องหาเรื่องพากูหนีเที่ยวเลย” ทะเลคลายเครียดคราวก่อน สิตางศุ์คิดว่าเกลือน่าจะขึ้นเบาะรถของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เพราะพวกเขากลับมาทั้งชุดที่ใส่ลงทะเลนั่นแหละ ถึงแม้ชุดจะแห้งแล้ว แต่ตามเนื้อตัวก็เหนียวไปหมด ตอนลงจากรถที่หน้าคอนโดเขา ยังมีเศษทรายติดตัวมาด้วยซ้ำ


   เจียระไนยักไหล่ไม่พูดอะไรก้มหน้าม้วนเส้นเข้าปาก แต่ไม่วายชี้ไปที่กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ที่วางอยู่ข้างจานของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม


   “แดกๆ กุ้งนั่นอร่อย”


…โฆษณาซะหน่อย เดี๋ยวแม่งมีตาแต่ไม่มอง เสียของกูอีก!...


มือขาวใช้ส้อมจิ้มเอาเนื้อกุ้งที่ถูกผ่าครึ่งซีกออกมา แต่ความกังวลใจก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวจนอดใจไม่ไหวต้องตั้งคำถามอีกหน


   “โจ๊ก...เวลามีคนเข้ามาจีบมึง มึงรู้ตัวมั้ย”


   “หะ? ใครจีบกู?”


   “เอ่อ...กู...กูถามเฉยๆ แบบ...แบบ...คนปกติ เขารู้ตัวกันมั้ยว่าถูกจีบอยู่...” สิตางศุ์เป็นพวกโกหกไม่แนบเนียน ตั้งตัวละครสมมติก็ไม่แนบเนียน คำถามแบบนี้ชี้เป้าไปที่เจ้าตัวนั่นแหละว่ากำลังถูกจีบอยู่...และน่าจะถูกคนอื่นที่ไม่ใช่เจียระไนจีบด้วย!


   “มีใครจีบมึงนอกจากกู”


   “ท...ทำไม...ทำไมถามงี้ล่ะ”


   คำตอบไม่ยากเลย เพราะมีคนอีกมากที่หมายตาสิตางศุ์อยู่ เพียงแต่พวกนั้นไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้ามาหา จะมีก็แต่ผู้ชายที่ชื่อเจียระไนนี่แหละที่ก้าวเท้าจากวงนอกสุดเข้ามานั่งกินข้าวด้วยกันมื้อที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้


   “บอกไอ้คนที่จะจีบมึงด้วย ว่ากูก็จีบอยู่ จีบมาพักนึงแล้ว มึงเพิ่งรู้ตัวก็ตอนกูบอกด้วยซ้ำ”


   “อ้าว...ก็กูไม่รู้นี่นา ก็มึงเป็นเพื่อนอ่ะ...”


   “แล้วคนอื่นที่จีบมึงล่ะ?” คนโกหกไม่เก่งปิดปากเงียบ


   “รุ่นน้อง?” คำถามมาอีก ดวงตาคู่สวยเบิกขึ้นเล็กน้อยแทนคำตอบทั้งหมด


   “พวกไอ้กอล์ฟปี 3 เปล่าวะ สัด! กูอุตส่าห์บอกแล้วนะว่ากูจีบมึงอยู่ อย่าเสือก”


   “กอล์ฟไหน”


   “กอล์ฟปกครองไง พวกที่มันชอบทักมึงบ่อยๆ จำไม่ได้ล่ะสิ” สิตางศุ์กะพริบตาปริบๆ คิดไม่ถึงว่านอกจากเจียระไนแล้ว มนทิชาแล้ว ยังมีคนอื่นที่คิดจะจีบเขาด้วย


   ...คนพวกนี้จีบเขาเพราะอะไรนะ?...


   “ไหน...มึงบอกว่ากูเซ่อ มีตาแต่ไม่มอง เรื่องไหนที่ไม่สนใจก็ไม่สนใจเลย กูนิสัยแบบนี้ ทำไมถึงจะจีบกูกันล่ะ”


   “จีบเพราะชอบ จีบเพราะรัก ไม่ได้จีบเพราะข้อดีข้อเสียนี่หว่า” เจียระไนย้อน ตาเหลือบไปเห็นพวงพริกไทยอ่อนสีเขียวๆในจานอีกฝ่าย เลยชี้


“นั่นมึงแดกมั้ย พริกไทยอ่อน”


   “มันมีกลิ่นรึเปล่า”


   “กูว่ามี” ใบหน้าขาวส่ายไปมาแทนคำตอบ เจียระไนเลยตักออกมาใส่จานเขาแทน พอเริ่มทานกันต่อ คำถามจากคนไม่รู้ก็มาอีกระลอก


   “โจ๊ก...กูมีข้อเสีย แล้ว...แล้วมึงก็ยังจะจีบต่อเหรอ”


   “มีใครไม่มีข้อเสียบ้าง มึงเรียกมันมาให้กูดูหน้าหน่อย”   


   “มันก็ใช่ ทุกคนมีข้อเสีย แต่...ทุกคนก็ไม่ได้มีข้อเสียเท่าๆกัน อย่างมึงงี้ ถึงจะมีข้อเสียแต่...ก็ใจดี...” ริมฝีปากคนฟังกระตุก เจียระไนพยายามกลั้นยิ้มกับคำชม เขากระแอมเบาๆแล้วโยนคำถามกลับไป


   “ข้อเสียกูมีอะไรบ้าง ไหนพูดมาซิ”


   “อ่า...มึงเอาแต่ใจ ชอบบังคับ ข่มขู่นิดหน่อย เอ่อ...อารมณ์ร้อน หงุดหงิดง่าย...”


   “เดี๋ยวๆ เมื่อกี้กูพูดข้อเสียมึงไม่กี่ข้อเองนะ แล้วทำไมทีข้อเสียกู มึงพูดเยอะ?” คนถูกห้ามไม่ให้พูดต่อหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวลืมเรื่องที่กังวลเมื่อครู่นี้ไปแล้ว


   “ข้อดีมึงก็เยอะ...มึงใจดี มึงเอาใจใส่ เอ่อ...แล้ว...แล้วก็...” ใบหน้าขาวขึ้นสีเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยก้มต่ำมองจานอาหารของตัวเอง “...เวลาถูกมึงจีบ กู...รู้สึกดี...”


   หัวใจคนฟังถูกล้วงออกมาจากอกแล้วอยู่ในมือขาวที่ถือส้อมหลวมๆนั่นเรียบร้อย ไม่ว่าสิตางศุ์จะบีบจะคลาย มันก็ไม่ดิ้นหนีไปไหนอีกแล้ว ใจของเจียระไนเป็นของคนตรงหน้าโดยสมบูรณ์!


...ถูกจีบ...รู้สึกดี...


   ...ถูกจีบ...รู้สึกดี...


   ...ถูกจีบ...รู้สึกดี...


   ...ไอ้เชี่ย!! กูเอาลิ้นกระทุ้งกระพุงแก้มซ้ายทีขวาทีจนแทบพรุนไปหมดแล้วแต่กูก็ยังกลั้นยิ้มไม่ได้!!!...


   “ยิ้มทำไมอ่ะ โจ๊ก”


   “เสือก” ด่าคนที่ตัวเองกำลังจีบอยู่ก็นับเป็นข้อเสียหนึ่งของเจียระไนคนนี้เช่นกัน


   “ก็มึงยิ้มจริงๆอ่ะ” ดวงตาเรียวๆถลึงใส่อีกรอบ และคาดว่าน่าจะถูกซักเรื่องยิ้มอีกแน่ เจียระไนเลยรีบถามแทรก


“...มึงบอกว่าเวลาถูกกูจีบแล้วรู้สึกดี มึงรู้เหรอว่าเวลาไหนที่กูจีบมึง” คราวนี้สิตางศุ์กะพริบตาปริบๆกับคำถามของคนที่กำลังพยายามลดรอยยิ้มของตัวเองอย่างเร่งด่วน


   “อ่า...ตอนไหนที่มึงจีบเหรอ” คนถูกจีบแต่ไม่เคยรู้ว่าถูกจีบนึกย้อนไปในช่วงเวลาที่เจียระไนเข้ามาในชีวิต ตอนไหนบ้างนะ ที่เขากำลังถูกจีบ?...


   “เอ่อ...ตอน...ตอนที่มึงใจดีกับกู...” คิดว่าน่าจะใช่ เพราะเจียระไนเคยบอกว่าถ้ากำลังจีบ จะใจดีด้วย 


   คนรอฟังคำตอบถึงกับถอนหายใจเฮือก


...ให้ตายเถอะวะ! กูทำแทบตาย ทำทุกอย่างตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ แต่แม่งเสือกนิยามการจีบของกูว่า ’ตอนที่ใจดี’ ...หมดใจจะด่าจริงๆ!...


   “ฟังนะ...กูไม่เคยทำอาหารให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวกูกิน ไม่เคยเล่นกีต้าร์ให้ใครฟัง ไม่เคยอยู่ดีๆก็จองตั๋วไปเที่ยวเพราะเขาจะไป ไม่เคยบอกให้ม้าต้มเก็กฮวย ไม่เคยแวะไปหาวันละหลายๆครั้งเพราะเขาเอาแต่หมกตัวทำงานอยู่ในห้อง ไม่เคยพาใครไปทะเลเพราะเห็นว่าเขากำลังเครียด และกูก็ไม่เคยพูดกับใครยาวๆแบบนี้เพื่อให้เขารู้ว่ากูกำลังจีบเขาอยู่”


   บรรยากาศบนโต๊ะอาหารยาว 8 ที่นั่งแต่มีคนนั่งอยู่ 2 คนกลายเป็นเงียบกริบ หลังจากคำพูดยาวๆชุดใหญ่ของเจ้าของคอนโดหรู ที่สร้างความเขินแปลกๆในใจคนฟัง สิตางศุ์ก้มหน้านิ่งจนกระทั่งเสียงทุ้มๆดังขึ้นอีกหน


   “อ้าว ยังมีกระเพราเหลืออยู่ในจานมึงอยู่เลย กูนึกว่าเอาออกหมดแล้วซะอีก เอามาใส่ในจานกูนี่มา” ดวงตาคู่สวยเหลือบขึ้นมอง ก่อนจะคุ้ยหาใบกระเพราที่ว่า และเจอมันซ่อนอยู่ข้างใต้ผักอื่นจริงๆ มือขาวตักไปใส่ในจานอีกฝ่าย บรรยากาศเมื่อครู่จางหายไปแล้ว เป็นอีกครั้งที่เจียระไนเปลี่ยนเรื่องเพื่อทำให้เขาสบายใจ

   ...โจ๊กเป็นคนใจดีและเอาใจใส่...


   สิตางศุ์ยิ้มน้อยๆ เขาเองก็อยากใจดีและเอาใจใส่อีกฝ่ายบ้าง เพราะฉะนั้น...หาเรื่องหยอกเจียระไนหน่อยดีกว่า


   “รู้ว่ากูไม่กินผักมีกลิ่น ก็ยังทำผัดขี้เมาอีก จะแกล้งกูเหรอ”


   “เปล่า แต่กูแค่อยากให้มึงรู้ว่ากูทำอะไรอร่อย อร่อยมั้ยล่ะ”


   “อื้ม”


   “รู้ไว้ด้วยว่ากูชอบกิน แล้วนั่นน่ะ มึงจะแดกมั้ยกุ้ง ปล่อยเอาไว้มันเย็น เนื้อจะแข็ง รีบๆแดกสักที มา กูเลาะให้” แล้วมือใหญ่ก็เอื้อมมาตักกุ้งตัวใหญ่ไปใส่จานตัวเอง เลาะเนื้อออกจากเปลือกเสร็จสรรพแล้วถึงตักกลับมาใส่ในจานสิตางศุ์อีกหน


   ...โจ๊กเป็นคนเอาแต่ใจ ชอบบังคับ ข่มขู่นิดหน่อย อารมณ์ร้อน แล้วก็หงุดหงิดง่าย...


   ...แต่...โจ๊กก็มักจะใจดีและเอาใจใส่กันจริงๆนะ...


   สิตางศุ์ยิ้มอีกหน


   “บ่นกู แต่ก็จีบกู...” ริมฝีปากสีสดพึมพำให้ได้ยินกันแค่สองคน


   “เออ รู้ตัวซะบ้างว่าถูกกูจีบ ถ้ากูถามว่ากูจีบมึงตอนไหนบ้าง แล้วมึงยังตอบกว้างๆว่าตอนที่กูใจดีอีกล่ะก็ กูจะตบปากมึง” คนจริงพูดด้วยท่าทางจริงจังแต่ใจจริงขู่ไปอย่างนั้นเอง และดูเหมือนคนที่เริ่มสนิทกันอย่างสิตางศุ์จะรู้ไต๋แล้วว่าเรื่องตบปากอะไรนั่นเป็นแค่เรื่องขู่เล่นเท่านั้น หน้าขาวๆไม่ได้มีวี่แววสลดเลยแม้แต่น้อย คนจริงถนัดแต่ขู่อย่างเจียระไนเลยต้องเพิ่มดีกรีความเกรี้ยวกราดอีกสักหน่อย


   “รีบแดกได้แล้ว! จะให้กูสอนเล่นกีต้าร์มั้ย?!!”


   “สอนๆ ไปเล่นตรงระเบียงนะ กูอยากดูไฟตึกนั้นด้วยอ่ะ” ตึกคราวก่อน ที่เจ้าของคอนโดใช้เป็นข้ออ้างให้อีกฝ่ายอยู่ที่นี่นานๆนั่นล่ะ ดูเหมือนแขกจะติดใจ ทั้งๆที่เขาก็ว่าไม่เห็นมันจะต่างจากตึกอื่นเท่าไร แต่...ในเมื่อมันอยากดู ก็...


   “มึงจะทำอะไรก็ทำเหอะ! แต่ตอนนี้แดกให้เสร็จ! เส้นแข็งหมดแล้วมั้ง เอาแต่พูดอยู่นั่น” สิตางศุ์ยิ้มน้อยๆ แต่ก็ไม่ชวนคุยอะไรอีก เขาม้วนเส้นกับส้อมแล้วเข้าปาก แม้จะต่างคนต่างทานจานของตัวเอง แต่สายตาจากดวงตาเรียวๆก็คอยสอดส่องมาที่จานเขาเสมอ ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายลุ้นว่าเขาจะทานหมดมั้ย และจะทานได้รึเปล่า หากนี่จะนับเป็นเรื่องหนึ่งของการจีบ ก็คงเป็นการจีบที่เอาใจใส่ที่สุด อ่อนโยนที่สุดและเงียบเชียบที่สุด    


...การถูกโจ๊กจีบ เป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตเลย...

.................................

   เพราะการถูกเจียระไนจีบ มันเริ่มต้นมาตั้งแต่ตอนที่ยังไม่รู้ตัว แล้วพอรู้ตัว การกระทำเหล่านั้นก็กลายเป็นความคุ้นชินของสิตางศุ์ เจียระไนอยู่ข้างๆเหมือนเพื่อน บางครั้งก็ดุเหมือนพี่ แต่การกระทำทุกอย่างแฝงนัยของคนที่เอาใจใส่และพร้อมเรียนรู้เรื่องของกันและกัน ไม่เหมือนกับ...การถูกจีบจากอีกคน...


   ‘พี่โซ่ อรุณสวัสดิ์ค่ะ’


   ‘ตอนปีหนึ่ง พี่โซ่เรียนอะไรบ้างคะ ลงเลือกเสรีเลยมั้ย’


   ‘พี่โซ่เรียนภาษาอะไรเป็นภาษาที่สามเหรอคะ เขาบอกกันว่าภาษามาเลย์ อาจารย์ให้เอง่าย’


   ‘มี่อยากเข้าชมรม พี่โซ่ว่ามี่เข้าชมรมไหนดีคะ’


   และอีกสารพัดข้อความที่มนทิชาส่งมาหาเขา นับตั้งแต่การแลกเบอร์ในร้านหมูกระทะวันนั้น สิตางศุ์ไม่รู้ว่าเพราะคำเตือนจากน้องรหัสรึเปล่า เขาถึงรู้สึกอึดอัดกับการเข้าหาของรุ่นน้องคนนี้


   ...แต่...แต่...น้องมี่ก็ไม่ได้ถามอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเท่าไร ยกเว้นเรื่องกลับรึยัง มาเรียนรึยังอะไรนั่น ส่วนใหญ่เน้นขอคำปรึกษามากกว่า...


...บางที...ปกอาจจะคิดมากไปเอง...น้องมี่อาจจะไม่ได้คิดจะจีบก็ได้...


   “ตรงนี้ว่างมั้ยคะ” เสียงใสๆดังขึ้นข้างๆ ทำเอาสิตางศุ์ที่กำลังไล่ดูข้อความที่เขาส่งโต้ตอบกับน้องรหัสของเพื่อนสนิทถึงกับสะดุ้งเฮือก รีบคว่ำโทรศัพท์ลงกับโต๊ะแล้วเงยหน้ามอง


   ...น้องมี่...


   เด็กสาวเจ้าของเสียงส่งยิ้มหวานๆมาให้ แล้วส่งสายตาไปที่ม้านั่งฝั่งตรงข้ามซึ่งไม่มีใครนั่ง


   ...ใช่...โรงอาหารตอนสายๆแบบนี้ แทบไม่มีคน ไม่ใช่แค่ที่โต๊ะของเขาที่นั่งเพียงลำพัง แต่ไม่ว่าจะมุมไหนๆของโรงอาหารก็ว่างแทบทั้งนั้น


   แต่...น้องมี่ก็ยังขอนั่งกับเขา สิตางศุ์พยายามคิดในแง่ดีว่าน้องไม่อยากนั่งคนเดียว เลยหาคนรู้จักนั่งด้วย


   “ว่างครับ”


   “มี่ขอนั่งด้วยนะคะ” แล้วหล่อนก็เดินไปทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม หนุ่มรุ่นพี่ปีสี่ถึงกับขยับตัวอย่างอึดอัด สายตาที่หล่อนจ้องเขาให้ความรู้สึกแปลกๆ


   “วันนี้พี่โซ่ไม่มีเรียนเหรอคะ”


   “ครับ แวะมาห้องสมุดน่ะ” เจียระไนมีเรียนเช้า เขาก็เลยมานั่งเล่นห้องสมุด พอเริ่มหิวก็เลยมานั่งทานข้าวที่นี่ ส่วนเพื่อนซี้อีกสองคนมีเรียน เวลานี้สิตางศุ์ก็เลยหัวเดียวกระเทียมลีบ


   “แล้ว...น้องมี่ล่ะ” ถูกถามอยู่ฝ่ายเดียวก็ดูไม่มีมารยาท ร่างโปร่งเลยตั้งคำถามกลับไป


   “มีค่ะ แต่...มี่หิว...ก็เลยแวบออกมา”


   “อ้อ...แล้วสั่งอะไรรึยังล่ะ”


   “สั่งแล้วค่ะ...เอ่อ...พี่โซ่ทานเสร็จแล้วเหรอ”


   “ครับ...” เขากำลังจะขอตัว แต่เด็กสาวรีบพูดอย่างรวดเร็ว


   “นั่งเป็นเพื่อนมี่ก่อนได้มั้ยคะ”


คำพูดของหล่อนทำเอาหนุ่มรุ่นพี่ไม่กล้าลุกจากโต๊ะ นิสัยเห็นอกเห็นใจและมีน้ำใจกับคนอื่นกำลังแสดงปาฏิหาริย์ ยิ่งเห็นสีหน้าเหงาๆของเด็กสาวปีหนึ่ง เขาก็ยิ่งลุกไม่ขึ้น


   “อ่า...ได้ครับ...” เสียงเรียกจากร้านข้าว ทำให้มนทิชาลุกจากโต๊ะไปรับอาหาร ก่อนจะกลับมาที่โต๊ะอีกครั้งและนั่งฝั่งตรงข้ามกับรุ่นพี่ปีสี่อย่างสิตางศุ์


   โรงอาหารยามสายนั้นค่อนข้างเงียบ แต่ที่เงียบยิ่งกว่าคือที่โต๊ะของรุ่นพี่หนุ่มและรุ่นน้องสาว มันเงียบ...เพราะสิตางศุ์ไม่ใช่คนช่างคุย ในขณะที่มนทิชาก็ไม่พูดอะไร หล่อนละเลียดข้าวช้าๆ บางทีก็เงยหน้าขึ้นมามองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาที่ทำเอาคนถูกมองรู้สึกหายใจไม่สะดวก


   “มี่มีเรื่องอยากจะปรึกษาพี่โซ่เยอะเลย ก็เลยถามบ่อยๆ ถ้าพี่โซ่ไม่ว่างตอบ ก็...ไม่ต้องรีบตอบก็ได้นะคะ มี่รอได้” หล่อนออกตัว ข้อความที่ส่งไปถามเขานั้นได้รับคำตอบทุกครั้ง แต่...ไม่ใช่การตอบอย่างรวดเร็ว บางทีทิ้งเอาไว้เป็นวัน กว่าจะตอบกลับมา มนทิชาคิดเอาว่าอีกฝ่ายปีสี่แล้ว อาจจะยุ่งทั้งเรื่องเรียนจบ เรื่องงาน เรื่องอนาคต แต่...ถึงอย่างนั้นหล่อนก็อยากคุยกับเขา


   “เอ่อ...พี่...ขอโทษจริงๆที่ตอบช้า...” สิตางศุ์รู้สึกผิด ที่ดูเหมือนเขาไม่ใส่ใจรุ่นน้องคนนี้เท่าที่ควร ทั้งๆที่มนทิชามาปรึกษาเขา แม้ว่าการปรึกษาของหล่อนจะถี่ยิบก็ตามที


   “ไม่เป็นไรค่ะ มี่...อยากคุยกับพี่โซ่...ไม่รบกวนเกินไปใช่มั้ยคะ” คนเป็นรุ่นพี่ถึงกับชะงักกึก สายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองมานั้นคาดหวังคำตอบเดียว และมันก็ทำให้เขาพูดคำตอบอื่นไม่ได้


   “ม...ไม่...”


   “ถ้างั้น...มี่จะขอโทร.หาพี่บ้างนะคะ...”


   “ด...ได้...”


สิตางศุ์รู้ตัวดีว่าเขาใจอ่อนเสมอ โดยเฉพาะกับเด็ก กับคนแก่ กับผู้หญิง แล้วยิ่งมาพร้อมสายตาเว้าวอน ถ้าแถมน้ำตาด้วยล่ะก็ ร้อยละร้อย ใจเป็นต้องอ่อนยวบ


   “พี่โซ่ใจดีจัง งั้น...มี่...ไปเรียนก่อนนะคะ” มือเล็กรวบช้อนส้อมเข้าด้วยกันทั้งๆที่ยังทานไม่ถึงครึ่ง แล้วส่งยิ้มหวานให้คนตรงหน้าอีกทีก่อนจะลุกออกจากโต๊ะไป


สิตางศุ์รอจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายพ้นโรงอาหารไปแล้ว เขาถึงได้ไถตัวลงหมอบกับโต๊ะแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม


   ...แย่แล้ว โซ่...แย่แล้ว...ทำไมไม่รู้จักปฏิเสธ!...


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

อย่าโกรธโซ่นะคะ อย่าโกรธธธธธธ  :ling3:

โซ่อยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ก็ต้องงุนงง ไม่เข้าใจ ระบุความรู้สึกไม่ได้เป็นธรรมดา รักโซ่ต้องให้เวลาโซ่ (เข้าใจมั้ยโจ๊กกกก)

ส่วนพระเอกโจ๊ก พาร์ทนี้มาน้อยๆ เพราะไม่ใช่เวลาของมัน หวังว่าทีมโจ๊กทุกคนจะเข้าใจและคอยสนับสนุนโจ๊กต่อไป เพราะโจ๊กยังคงต้องการกำลังใจและความสงสารจากทุกๆคนค่ะ ฮ่าฮ่า (เวลามีคนหวีดโจ๊ก ออกตัวว่าเป็นทีมโจ๊ก จะรู้สึกดีใจมาก ที่ทำให้ผู้ชายสองหน้าคนหนึ่งเป็นที่รักใคร่เอ็นดู กร๊ากกกกก)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและกำลังใจเช่นเคยค่ะ
เจอกันพฤหัสหน้า อ่า...พร้อมผ้าเช็ดหน้าหนึ่งผืน (ผืนเล็กๆก็พอ)


ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ยัยน้องโซ่ ชั้นจะฟ้องอิโจ๊กโดนดุแน่ๆ
นังน้องมี่หนีไปค่ะ ชิ่วๆหล่อนนกรู้ตัวไว้

ออฟไลน์ followme

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
ตอนนี้โครตรำคาญโซ่
มีปากก้อไม่พูดไป อ้ำอึ้งอยู่ได้ รำคาญ
สงสารโจ๊ก ที่มารักมาชอบคนโง่เซ่อซ่าแบบนี้

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
โอ้ยยยย โซ๋เลยโซ๋
จะหาบ่วงมาแขวนคอตัวเองแล้วไหมนั่น
ใจดีอะไรเบอร์นั้นฮะ
ถ้าโจ๊กรู้มีหวังโดนดุชุดใหญ่แน่

เอาใจช่วยโจ๊กด้วยนะ
พ่อพระเอกสุดหล่อในสามโลก
ขอให้ได้ให้โดน ให้โซ่รักโซ่หลงไวๆ 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
โอ๊ยยยย รำคาญมี่ อลงกต ที่สุดคือรำคาญโซ่ เอาจริงคนอะไรจะโง่จนเซ่อขนาดนี้ มีปากไว้กินอย่างเดวเหรอ เกรงใจอะไรนักหนา นังมี่ทำดีอะไรให้โซ่เหรอ หึ้ยยย ขัดใจเจงๆ :katai4: :z6:  สงสารโจ๊กคนดีของเรามากอะ มารักคนที่ดีกับคนอื่นแบบโซ่แล้วไม่แคร์โจ๊กเลย เซ็งแทนเอาจริงดิ :ling1: #ทีมโจ๊ก o13

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เอาคืนหนักๆเลยโจ๊ก :hao6:

ออฟไลน์ ชมรดา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
โซ่เอ๋ย  โจ๊กดูแลน้องโซ่ด่วนจ้า

ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
#ทีมโจ๊ก เท่านั่น!!!!!
นังมี่ นังชะนีผีส่งมาเกิด ต้องรอให้เฮียโจ๊กมาจัดการใช่มั้ย
แล้วกตอ่ะ ทำไมไม่ดูว่าตอนนี้เพื่อนตัวเองมีความสุขแค่ไหน ยัดเยียดมี่มาให้ออึดอัดกันเปล่า ๆ


อยากได้โจ๊ก คนแบบนี้แหละที่นี่ต้องการ
เถื่อน ๆ แต่ใจดี อร้ายยยยย

รออาทิตย์หน้าน้าาาา

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
โอ้ยอึดอัด โซ่ไม่ไหวเลย คงต้องต้องถึงมือโจ๊ก
กตคิดว่าคงหวังดี แต่จะทำอะไรถามความเห็นก่อนเพื่อนดีกว่ายัดเยียดให้แบบนี้

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ระวังความเคยชินหายไป แล้วจะมานั่งเสียใจเพราะความซื่อของตัวเอง
โจ๊กน่าจะเป็นคนที่โกรธแล้วง้อยาก ดูจากปากพี่แกแล้ว คงได้ด่าเปิดเปิงให้โซ่ร้องไห้น้ำตาแตก
#ใต้ความรำคาญ #ใต้ความนิสัยดี #ใต้ความอดทน

ไม่ใช่แค่แกนะโจ๊กที่ต้องอดทน คนอ่านก็ต้องทนเหมือนกัน เราจะทนไปด้วยกัน 
สู้ สู้ นะโจ๊ก

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คนนี้โจ๊กจะให้กี่วัน 555555

ออฟไลน์ silverrain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
จากใจตอนนี้เรารำคาญโซ่มากเกรี้ยวกราด

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
รอโจ๊กมาจัดการน้องมี่5555

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ dyomonrain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โจ๊กควรงอนโซ่ เอาให้โซ่รู้สึกตัวไปเล้ยยยยย 5
ว่าใครสำคัญ!!!!! 555555

ออฟไลน์ fida

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
คนซื่อๆ เซ่อๆ อย่างโซ่ เหมาะสมกับคนอย่างโจ๊กที่สุดค่ะ

น้องโซ่คบกับมี่ไม่รุ่งหรอกค่ะ เห็นแววพากันลงเหวมาแต่ไกล  :m16:

ไม่ได้แช่งนะคะ นี่พูดจริง อินมาก หงิด :m31:

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
อื้อหือ~~~ อ่านจบต้องรีบยกมือ
นี่ #ทีมโจ๊ก แถม #ทีมแพท ให้ด้วย!!
แอบลำไยตากต คือเห็นเพื่อนเป็นแบบนั้น แล้วยังคิดจะเชียร์น้องมี่อีก สำหรับเรามันแย่อ่ะ แทนที่จะให้โซ่แยกความรู้สึกให้ชัดได้ก่อน กลายเป็นให้ความหวังน้องไปอีก...ไม่ดีเลยอ่ะ

นอกจากจะให้โซ่รู้ใจตัวเองไวๆ แล้ว อยากให้ตากตนี่แหละ ควรได้รับบทเรียนของการทดสอบครั้งนี้ด้วยค่ะ #ป้าโมโห << อินไปม้ายยยย 555

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
เอาชัลนีออกไปต้องทำยังงัย   :z6:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:   น้องโซ่เอ๊ยยย

ออฟไลน์ Pakeleiei

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 850
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
คนมึนแห่งปีงานเข้าแน่
โดนขังลืมแน่ :hao3:

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
 :m31: อิโจ๊กรีบมาเก็บนังน้องมี่อย่างไวเลย อย่าให้รอ เก็บอิกตไปด้วยอีกคน

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ระวังตัวไว้นะน้องมี่ บังอาจไปยุ่งกับของรักของหวงของอิโจ๊ก

ออฟไลน์ zelesz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 525
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
ขอทวนประโยคสุดท้าย
แย่แล้วโซ่ ทำไมไม่รู้จักปฏิเสธธธธ

ฮือ ก็คนมันน่ารักอ่ะเนาะะ ถ้าโจ๊กรู้ทำไงเนี๊ยะ

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ถ้ามีแฟนสักคน
ขอเป็นแบบโจ๊กเถอะ ดีมากกกกกก
ปากร้ายใจดี ฉากบนโต๊ะอาหารน่ารักละเกิน
ส่วนโซ่ หนูลูกกก เดี๋ยวโดนโจ๊กตีจริงๆเถอะ ทำไมไม่ปฏิเสธ
ด่าก็ด่าไม่ลง เนื้อเรื่องปูมาน่าเอ็นดูเหลือเกิน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด