ตอนที่ 8 : ใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม“น้าคุน น้าคุน พ่อพาใครมาไม่รู้ สวยยย” เด็กชายภูวิ่งตุ๊บตั๊บเข้ามาหาน้าชายเพื่อรายงานสิ่งที่เห็น
“ผู้หญิงใช่ไหมครับ” มีคุณต้องถามให้แน่ใจเพราะหลานแฝดยังใช้คำสับสน บ่อยครั้งที่ใช้คำว่าสวยกับผู้ชาย
“ใช่ครับ” เด็กชายภูพยักหน้า
“ใช่คนที่ภูเจอที่ร้านอาหารหรือเปล่า”
“ภูจำไม่ได้”
“ลิดมะเคยเจอ” เด็กชายริชรีบตอบ ยิ้มแฉ่งรอคำชมจากน้าชาย
“เก่งมากครับ” มีคุณลูบศีรษะทุยของหลานชาย ใจนึกถึงแค่คนเดียว มาแล้วสินะได้เจอกันเสียทีก็ดี
“ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ” มีคุณนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั่งเล่น เดาเอาว่าทั้งคู่คงอยู่ในห้องรับแขก
“บนนู้น” เด็กชายภูชี้มือขึ้นชั้นบน เขาเห็นพ่อพาน้าคนสวยขึ้นไป
“ไปที่ห้องเหรอครับ” มีคุณนิ่วหน้า รู้สึกไม่ชอบใจสักนิด
“ภูไม่รู้ครับภูไม่ได้ขึ้นไป” เด็กชายภูตอบประสาซื่อ เขาไม่ได้เดินตามพ่อขึ้นไปจึงไม่รู้ว่าพ่อไปไหน
“คุณลุงคุณป้ายังอยู่ที่ห้องรับแขกใช่ไหมฝ้าย” ฝ้ายเป็นเด็กรับใช้ในบ้านที่คุณภารวีเปลี่ยนหน้าที่ให้มาเป็นพี่เลี้ยงคอยวิ่งตามสองแฝดเพื่อไม่ให้มีคุณเหนื่อยเกินไป
“ค่ะคุณคุน”
“เรียกพี่คุนเถอะ เรียกคุณคุนฟังแปลกๆ” มีคุณเอ่ยปากอนุญาต
“แต่..”
“พี่ไม่ได้ขอ พี่สั่ง”
“ได้ค่ะพี่คุน” ฝ้ายกระมิดกระเมี้ยนตอบ เธอชอบแอบมองมีคุณ เธอว่ามีคุณเป็นผู้ชายที่สวยไม่เหมือนคุณภูมิรายนั้นมีเสน่ห์แบบผู้ชายแท้ๆ ดูแข็งแรงบึกบึน
“ไปเล่นที่ไหนกันมา เด็กๆ ซนไหมฝ้าย”
“ไม่ซนค่ะ”
“เอาความจริง” มีคุณพูดอย่างรู้ทัน มีหรือสองแฝดจะไม่ซน คนน้องไม่เท่าไหร่แต่คนพี่ซนแน่
“ก็..นิดหน่อยค่ะ” ฝ้ายตอบเขินๆ อายที่ถูกจับได้
“คุณยายบอกเด็กซนเป็นเด็กฉลาด ภูฉลาด” เด็กชายภูเอาตัวรอดด้วยการคำพูดคุณกมลวรรณขึ้นมาอ้าง
“ภูม่ายโซน” เด็กชายริชพูดออกมาพร้อมพี่ชายหวังจะปกป้อง จึงกลายเป็นพี่น้องค้านกันเอง
“ตกลงกันดีๆ ครับ จะซนหรือไม่ซน”
“ซน” “ม่ายโซน”
“ไม่ซน” “โซน” สองแฝดมองหน้ากันเมื่อพูดไม่ตรงกันเสียที มีคุณต้องพยายามกลั้นขำเมื่อเห็นสีหน้าจืดๆ ของหลนชาย
“ถ้าอย่างนั้นน้าคุนจะถือว่าซน ถ้าซนมากๆ น้าคุนจะให้พี่ฝ้ายตี”
“อุ๊ย! หนูไม่กล้าตีคุณหนูหรอกค่ะ” ฝ้ายหน้าเสีย กลัวโดนคุณภารวีตำหนิ
“พี่อนุญาต” มีคุณเอ่ยปากอนุญาตเพราะเขาเห็นแล้วว่าฝ้ายเป็นเด็กดี เป็นคนรักเด็กและเข้ากับเด็กๆ ได้
“แต่..”
“อย่าตามใจให้มากเลย หรือฝ้ายอยากเห็นภูกับริชโตมานิสัยไม่ดี”
“ไม่อยากค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นฝ้ายก็ต้องช่วยพี่เตือน อะไรถูกไม่ถูกต้องบอกน้องตกลงไหม”
“ตกลงค่ะ”
“ดีแล้ว” มีคุณอุ่นใจที่คุณภารวีเลือกฝ้ายมาให้ ฝ้ายยังเด็กก็จริงอายุแค่สิบแปดปีแต่หนักเอาเบาสู้ มีความรับผิดชอบ และที่สำคัญฝ้ายทำงานไปด้วยเรียนมหา’ลัยเปิดไปด้วย นับว่าเป็นเด็กที่มีความคิด ขยันและอดทน
“ขึ้นไปบนห้องกัน น้าคุนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้” มีคุณอยากให้เด็กๆ อยู่ในสภาพที่พร้อมกว่านี้ ไม่ให้หัวหูเสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขาไม่อยากให้ใครดูแคลนหลานได้
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
“ฝ้ายล้างตัวให้เด็กๆ ที เดี๋ยวพี่เตรียมชุดให้”
“ได้ค่ะ ไปค่ะคุณหนู อาบน้ำแล้วจะได้มาแต่งตัวหล่อๆ กัน” ฝ้ายต้อนสองแฝดเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแว่วออกมา มีคุณหยิบเสื้อผ้าออกมาเตรียมไว้บนเตียง เขาได้ยินเสียงคุยเบาๆ ทีแรกคิดว่าเป็นเสียงที่ดังมาจากห้องน้ำ แต่เมื่อเงียบฟังสักพักจึงรู้ว่าเป็นเสียงที่ดังมาจากห้องของภูริช
มีคุณชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแต่เมื่อรู้สึกได้ว่าเสียงฝ่ายหญิงดังขึ้นเรื่อยๆ จึงยอมเสียมารยาทเดินเบาๆ เอาหูไปแนบกับประตู
“ใช่ค่ะ นิลบอกภูมิว่านิลรับได้เรื่องภูมิมีลูก แต่ภูมิไม่ได้บอกนิลนี่ค่ะว่าเด็กจะอยู่กับภูมิตลอด นิลนึกว่าน้าของเด็กมาขอให้ช่วยเรื่องค่าเลี้ยงดู อันนั้นนิลไม่เกี่ยงภูมิก็ให้ไปตามสมควร แวะมาหาบ้างหรือมาค้างเป็นบางครั้งอย่างตอนนี้นิลก็ไม่มีปัญหา แต่ภูมิกลับบอกว่าเด็กจะอยู่กับภูมิตลอดหรือคะ ภูมิคิดดีๆ นะคะ อีกหน่อยภูมิก็ต้องมีลูกเป็นของตัวเอง”
“ภูกับริชก็ลูกของผมครับนิล”
“ขอโทษค่ะภูมิ นิลหมายถึงอีกหน่อยเราก็ต้องมีลูกของเรา อย่าให้เด็กต้องมีปัญหาเลย เชื่อนิลเถอะเรื่องอิจฉาริษยากันมันต้องมีอยู่แล้ว แยกกันอยู่จะดีกับทั้งสองฝ่ายนะคะ”
“ผมทำแบบนั้นไม่ได้นิล ขึ้นชื่อว่าลูกผมๆ รักทุกคน”
“นิลไม่ได้บอกว่านิลไม่รักลูกคุณ แต่นิลกลัวว่าพอเรามีลูกของเราขึ้นมาเด็กๆ จะรับไม่ได้ คุณอยากให้แกเป็นเด็กมีปัญหาเหรอคะ ต้องอยู่ร่วมบ้านกับแม่เลี้ยง แถมมีน้องคนละแม่เพิ่มเข้ามา ที่นิลพูดเพราะนิลเป็นห่วง สู้เราช่วยส่งเสียเลี้ยงดูอย่างดี เจอกันบ้างพาไปเที่ยวบ้างตามโอกาสน่าจะลงตัวกว่า” มีคุณกำมือเข้าหากันแน่น เพื่อบังคับไม่ให้ตัวเองเปิดประตูเข้าไป กล้าดีอย่างไรมาผลักความผิดให้กับหลานของเขา
“ผมมั่นใจว่าภูกับริชไม่มีทางเป็นแบบนั้น แกต้องเป็นพี่ที่ดีแน่ครับ นิลสบายใจได้”
“แล้วถ้านิลบอกว่านิลรับแบบนี้ไม่ได้ล่ะคะภูมิ”
“ผมก็คงต้องขอโทษนิล ขอโทษที่ทำให้เสียใจ ขอโทษที่เข้าหานิลและบอกว่าตัวเองยังโสดเพราะตอนนั้นผมไม่ทราบเรื่องลูก ขอโทษที่ทำให้นิลต้องเสียเวลา และถ้านิลต้องการไปผมก็พร้อมจะยอมรับการตัดสินใจของนิล” แบบนี้สินะมีคุณคิดในใจ พี่บุญก็คงเจอแบบนี้ คำพูดที่แสนจะเย็นชา ตัดสินใจทุกอย่างรวดเร็วและง่ายดาย ไม่มีการฉุดรั้งหรือบอกให้รู้ว่ายังรักและยังแคร์
แต่ในอีกมุมหนึ่ง มีคุณกลับถอนใจโล่งอกออกมา ผู้ชายคนนี้เลือกลูกของตัวเองมากกว่าความรัก อย่างน้อยเขาก็อุ่นใจได้ว่าเขาคิดไม่ผิดกับสิ่งที่ตัดสินใจลงไป
“ภูมิ! ภูมิจะขอเลิกกับนิลหรือคะ!” นิลยาไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เธอคิดเสมอว่าภูริชเป็นคนผิดที่จู่ๆ ก็มีลูกขึ้นมา เขาควรทำทุกอย่างเพื่อแก้ตัวเพื่อฉุดรั้งเธอไว้ เพื่อให้เธอยอมอภัยให้สิ มันต้องไม่ใช่แบบนี้!
“ผมไม่ได้ขอเลิกกับนิล ผมชอบนิลๆ ก็รู้ แต่ผมก็ต้องทำหน้าที่ของคนเป็นพ่อให้ดีที่สุด ถ้านิลรับเรื่องลูกของผมไม่ได้ ผมก็ต้องสุดแท้แต่นิลว่าจะตัดสินใจอย่างไรเรื่องความสัมพันธ์ของเรา”
“ภูมิ..” นิลยาหน้าเสีย ในหัวของเธอกำลังทำงานอย่างหนัก เธอควรดื้อดึงให้ได้อย่างใจหรือควรกลับลำตอนนี้เพื่อไม่ให้เสียภูริชไป
“นิลขอโทษค่ะที่พูดไม่ดีออกไป ภูมิต้องเข้าใจนะคะว่านิลเพิ่งรู้เรื่องเมื่อวานแล้วมาเรื่องวันนี้อีก นิลสับสนภูมิต้องให้เวลานิลทำใจบ้าง” นิลยาทำเสียงให้น่าสงสาร เธอเลือกแล้วว่าไม่ควรปล่อยผู้ชายคนนี้ไป เรื่องอื่นค่อยจัดการทีหลัง
“ขอบคุณครับที่นิลเข้าใจ”
มีคุณค่อยๆ ถอยห่างออกจากประตู เขาแกล้งทำเสียงดังให้คนในห้องรู้ว่าเขาขึ้นมาที่ห้องแล้ว มีคุณไม่รู้ว่าภูริชเชื่อในสิ่งที่นิลยาพูดไหมแต่เขาไม่เชื่อแน่นอน ผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางรักหลานชายของเขาจริง
“คุนอยู่หรือเปล่า” เสียงพูดนำมาก่อนเสียงเคาะประตูตามมารยาทและถูกเปิดออกด้วยมือของภูริช
“อยู่ครับ” มีคุณหันไปมองคนที่เดินผ่านประตูเข้ามา ผู้หญิงคนนี้สวยแบบไร้ที่ติ ไม่ใช่หน้าตาแต่หมายถึงเสื้อผ้าหน้าผมและบุคลิก
“พี่พานิลมาทำความรู้จักกับเด็กๆ” มีคุณประสานสายตากับนิลยา ต่างฝ่ายต่างประเมินซึ่งกันและกัน
“คุนนี่นิลยาเรียกว่าพี่นิลก็ได้ ส่วนนี่มีคุณเป็นน้าของเด็กๆ ครับนิล” ภูริชแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีครับคุณนิลยา” มีคุณยิ้มน้อยๆ ทักทาย เขาค้อมศีรษะให้อีกฝ่าย
“สวัสดีค่ะ”
“ภูครับ ริชครับ สวัสดีคุณป้านิลยาสิครับ” นิลยาคอแข็งเมื่อได้ยินสรรพนามที่มีคุณใช้เรียกเธอ
“สวัสดีครับคุณป้า” “ซาหวาดดีค้าบคุนป้า” เด็กชายยกมือขึ้นไหว้ค้อมศีรษะเล็กลงอย่างสวยงาม ไม่ทำให้ผู้เป็นน้าผิดหวัง
“เรียกคุณอานิลดีกว่าค่ะ” นิลยาบังคับตัวเองให้ยิ้ม เธอรู้ว่าภูริชรอดูปฏิกิริยาของเธออยู่
“ผมว่าเราลงไปคุยกันที่ห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่นดีกว่าครับ ผมไม่อยากต้อนรับคุณนิลยาในห้องนอนรู้สึกเสียมารยาท” มีคุณยังยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากตามแบบฉบับของเขาเอง
“ไม่เป็นไรคุนคนกันเอง” ภูริชอยากให้ทั้งสองคนสนิทสนมกันไว้ จึงไม่ซีเรียสเรื่องมารยาท
“ไม่ได้ครับ คุณนิลยาเป็นผู้หญิงถึงนี่จะเป็นห้องเด็กๆ ก็เป็นห้องผมด้วย ให้ผู้หญิงอยู่ในห้องนอนผู้ชายมันไม่เหมาะ” ภูริชสบตามีคุณ ใบหน้าของอีกฝ่ายยังยิ้มแย้มแต่กลับทำให้เขาสะดุ้งได้
“คือพี่..” ภูริชรู้สึกเหมือนถูกตำหนิจากคนที่เด็กกว่า
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อีกหน่อยพอคุนไม่อยู่พี่ก็ต้องเข้ามาคอยดูแลเด็กๆ ให้” นิลยายิ้มตอบ เธอไม่ถูกชะตากับมีคุณ รู้สึกไม่ชอบหน้าทันทีที่เห็น
“ขอบคุณมากครับคุณนิลยา เอาไว้ให้ถึงวันนั้นผมขอฝากเด็กๆ ด้วยนะครับ แต่วันนี้ผมว่าเราลงไปคุยกันข้างล่างดีกว่า ภูกับริชยังเด็ก แยกไม่ได้ว่าอันไหนควรพูดไม่ควรพูด เห็นแบบนี้จะเอาไปพูดว่าพ่อกับน้าพาผู้หญิงเข้าห้องนอน จะเสียมาถึงพี่ภูมิกับคุณนิลยาได้” นิลยาโกรธจนลมออกหู เธอต้องพยายามระงับอารมณ์ ดูเหมือนน้าชายของเด็กจะจัดการไม่ง่ายอย่างที่เธอคิด
“ลงไปข้างล่างดีกว่าครับนิล จะได้นั่งคุยกันสบายๆ” ภูริชจับแขนนิลยา เขาพยักหน้าเพื่อให้เธอรู้ว่าเขาเห็นด้วยกับความคิดของมีคุณ นั่นยิ่งทำให้นิลยารู้สึกเสียหน้า แต่เธอจะยังไม่ทำอะไรในตอนนี้ นิลยายอมเดินตามภูริชลงไปแต่โดยดี
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
“อาข้าว” เด็กชายภูโถมตัวเข้าหาชโนทัย จนอีกฝ่ายล้มเอนไปกับโซฟา
“หนัก” ชโนทัยทำหน้าเอือมแต่กลับกอดหลานเอาไว้ เดี๋ยวนี้มีคุณรู้แล้วว่าชโนทัยเป็นเด็กปากร้ายแต่ใจดี ถึงจะเอาแต่ใจไปหน่อยก็ตาม
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่เรา”
“เพิ่งมา คุณป้าโทรตามให้เข้ามาช่วยเรื่อจัดงานต้อนรับหลาน อีกตั้งสามวันเป็นคุณย่าที่เห่อจริงๆ ไม่รู้จะเห่อทำไมกับแค่ลูกลิงสองตัวย้ายเข้ามาอยู่บ้าน” ชโนทัยยีหัวเด็กชายภู ถึงจะบ่นแต่กลับไม่มีหลานคนไหนกลัว แม้แต่เด็กชายริชก็ยังเดินตามพี่ชายเข้าไปนั่งข้างๆ คุณอา
“สวัสดีครับพี่นิล มาเหมือนกันหรือครับ” ชโนทัยทักทายนิลยาหลังตอบคำถามพี่ชายเสร็จเรียบร้อย
“ใช่จ้ะ ภูมิพามารู้จักเด็กๆ” นิลยาคุ้นเคยกับชโนทัยดี แม้ไม่ถึงขั้นสนิทสนมแต่ก็เจอหน้ากันบ่อยๆ
“ปวดหัวดีไหมครับ ผมมาทีปวดหัวไปสามวัน”
“ไม่ปวด อาข้าวไม่ปวดหัวสิ ภูเป็นเด็กดี” เด็กชายภูไม่ยอมรับว่าทำให้คนเป็นอาปวดหัว
“เรามันเด็กดื้อ เด็กดีต้องตาริชโน่น” ชโนทัยใช้สองมือดึงแก้มหลานจนยืด
“ไอ่อื้อ เอื๋อนอัน”
“อะไรนะ”
“ข้าวก็ปล่อยแก้มหลานก่อน ดึงแบบนั้นจะพูดรู้เรื่องได้ยังไง” ภูริชส่ายหน้าอ่อนใจกับน้องชายของตัวเอง
“ลิดลู้ๆ ภูบอกม่ายดื้อ เหมือนกาน” เด็กชายริชแปลให้ เขารู้ว่าพี่ชายพูดอะไร
“เหมือนใครเหมือนริชเหรอ ไม่เหมือนเราดื้อกว่าตั้งเยอะ”
“ไม่ดื้อๆ ภูไม่ดื้อ เหมือนกัน” เด็กชายตัวกลมยกมือลูบแก้มป้อยๆ ยังยืนยันว่าตัวเองน่ารัก
“ไม่เหมือน” ชโนทัยยังแกล้งหลานต่อไป
“ภูๆ” เด็กชายริชร้องเรียกพี่ชาย ทำให้ผู้ใหญ่ในห้องพลอยหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ลิดดื้อก๊ะด้าย จาด้ายเหมือนกาน” เด็กชายริชยิ้มหวานเอาใจพี่ชาย ทำเอาผู้ใหญ่ใจอ่อนยวบกับความน่ารักนั้นเว้นนิลยาคนเดียว
“ข้าวทีหลังอย่าล้อเล่นแบบนี้ หลานยังเด็กฟังแล้วจะเสียใจ” ภูริชเอ่ยปากเตือนน้องชาย เขาไม่อยากให้ลูกรู้สึกถูกเปรียบเทียบ
“ไม่เป็นไรมั้งคะภูมิ ข้าวก็พูดไปงั้นอย่าต่อว่าน้องเลย เรื่องไม่เป็นเรื่อง” นิลยาเข้าข้างชโนทัยเต็มที่ เธอไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรก็แค่พูดกันขำๆ
“ขอโทษครับพี่ภูมิผมลืมนึก” แต่ชโนทัยกลับยอมรับผิด เขาพูดเพราะความสนุกปาก ลืมไปว่าหลานอาจเก็บไปคิดได้
“พรุ่งนี้พี่นิลมาไหมครับ” หลังจากขอโทษภูริช ชโนทัยเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องเสียเพราะไม่อยากให้นิลยารู้สึกเสียหน้าที่เขาคิดไม่เหมือนเธอ
“มาค่ะ” นิลยาเผลอทำเสียงแข็ง เธอรู้สึกหงุดหงิด พาลไม่ชอบหน้าหมดทุกคนแม้แต่ชโนทัยที่เธอเคยชอบมาก่อน
“พี่ภูมิบอกหรือยังครับว่างานใหญ่ ไม่ใช่สิงานช้างเลยล่ะคุณป้าเล่นเชิญมาหมด ผู้ถือหุ้นเอย สมาคมเอย เพื่อนเอย นักข่าวสังคมยังมาเลยครับ”
“อะไรนะ! มีนักข่าวด้วยเหรอ” นิลยาเผลอขึ้นเสียงสูง ก่อนจะรีบลดเสียงลงให้เป็นปกติ
“ขอโทษทีพี่ตกใจน่ะ เตรียมชุดไว้เรียบๆ นึกว่ามีเฉพาะคนกันเอง ภูมิก็ไม่บอกนิลสักนิด แต่งแบบนั้นมาขายหน้าแย่” นิลยาแกล้งตัดพ้อภูริชเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น ไม่ให้ใครจับความรู้สึกได้ว่าเธอไม่พอใจ แต่มีหรือจะรอดพ้นสายตาของมีคุณไปได้
“ผมก็บอกคุณป้าแล้วครับว่าจัดเล็กๆ ก็พอหลานยังเด็ก แต่คุณป้าไม่ยอม บอกเปิดตัวหลานชายคนโตของตระกูลจะจัดเล็กๆ ได้ยังไง ไอ้ผมก็เกรงใจคิดเหมือนคุณนิลว่าเชิญแค่คนกันเองมาก็พอ” มีคุณทำทีเป็นเห็นด้วยกับนิลยา แต่เขารู้ว่าคำพูดของเขาจะยิ่งตอกย้ำให้นิลยาโมโหยิ่งขึ้นไปอีก
“แน่สิจ้ะ เล็กๆ ได้ยังไง หลานชายทั้งคน” คุณภารวีเดินเข้ามาทันได้ยินมีคุณพูดพอดี จึงรีบยืนยันความคิดของตัวเอง
“อยู่กันครบก็ดี แม่อยากให้ช่วยชิมเค้กให้หน่อย ร้านเขาทำตัวอย่างมาให้ตามที่แม่เลือกไป ไหนใครจะชิมบ้างยกมือขึ้น”
“ภูครับ” เด็กชายภูยกมือป้อมๆ ขึ้นสุดแขน ตาวาวมองเค้กละลานตาที่แม่บ้านเอามาวางไว้ให้บนโต๊ะ
“ริชล่ะลูกไม่อยากชิมเหรอ” คุณภารวีหันไปถามเด็กชายริชที่ยังนั่งเงียบ สายตาคู่น้อยหันไปมองมีคุณเพื่อขออนุญาต เมื่อน้าชายพยักหน้าเด็กชายริชจึงรีบตอบ
“ยักคับ”
“อยากชิมก็มานั่งกับย่านี่ เดี๋ยวย่าจะให้เขาแบ่งคำเล็กๆ ให้” คุณภารวีนั่งลงบนโซฟาตัวที่ว่างตบมือลงข้างตัวเรียกให้หลานมานั่งด้วย เด็กชายภูย้ายที่รวดเร็วจนชโนทัยชี้หน้าคาดโทษเพราะเผ่นพรวดจากตักเขาไปไวมาก ตามด้วยน้องคนเล็กที่เดินเรียบร้อยเข้าไปหาคุณภารวี
“ภูรักคุณย่า” ร่างกลมป้อมปีนขึ้นไปนั่งข้างคุณย่า ยิ้มกว้างประจบพร้อมกับบอกรักเสียงหวาน
“เรานี่มันได้ใครมาเจ้าเล่ห์จริงๆ” คุณภารวีแกล้งบ่น แต่หน้าตายิ้มแย้มมีความสุข สั่งให้แม่บ้านตักชิ้นนั้นชิ้นนี้ให้หลานชิม
“ริชเอาชิ้นไหนครับ”
“อานนี้คับ” เด็กชายริชชี้ไปที่เค้กสีชมพู เขาชอบสีชมพู
“ชิมแล้วอันไหนอร่อยบอกย่านะ เดี๋ยวย่าจะสั่งมาให้เยอะๆ เลย”
“เค้กสีชมพูน่าจะไม่เหมาะกับแขกนะคะคุณแม่ นิลว่าเอาเป็นเค้กมิกซ์เบอร์รี่ดีไหมคะ เน้นวางผลไม้เป็นชั้นๆ เยอะหน่อย ผู้ใหญ่น่าจะชอบ” นิลยาออกความคิดเห็น เธออยากให้แม่ของภูริชประทับใจ
“คุนว่าไง อยากได้แบบไหน” นิลยาคอแข็ง เธอรู้สึกราวกับเป็นคนนอก นี่มันงานเปิดตัวลูกชายของภูริช เธอเป็นแฟนควรเป็นคนที่มีสิทธิมีเสียงเป็นเจ้าของงาน ไม่ใช่มีคุณที่เป็นแค่น้าและไม่เกี่ยวกับคนในบ้านหลังนี้เลย
“ผมยังไงก็ได้ครับ ผมไม่เคยจัดงานแบบนี้ ไม่เคยรู้จักกับแขกของคุณป้า กลัวว่าออกความคิดเห็นไปแล้วแขกที่มาจะไม่ชอบกัน” มีคุณบอกออกไปตามตรง
“ไม่ต้องสนใจแขกเอาที่หลานชอบคุนชอบ ป้าจัดงานเพื่อต้อนรับเรา คุนกับหลานก็ต้องสำคัญกว่าคนอื่น” นิลยาอยากกรี๊ดออกมาดังๆ คนพวกนี้เพิ่งเข้ามาไม่นานแต่กลับแย่งความสำคัญของเธอไปหมด แล้วอย่างนี้ภูริชยังจะให้เธอยอมรับอีกหรอ
“ขอบคุณครับคุณป้า” มีคุณยกมือไหว้คุณภารวีที่ต้อนรับเขาเป็นอย่างดี คงมีเพียงช่วงแรกที่คิดว่าเขาจะไม่ยกหลานให้เท่านั้นที่คุณภารวีตั้งแง่
“ตาภู ตาริชชอบอันไหนบอกย่าสิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ย่าให้เขาทำก้อนโตๆ ให้เลย”
“ภูชอบอันนี้” เด็กชายภูชี้มือไปทางเค้กส้ม แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นตาละห้อยของน้องชาย
“เค้กสตอร์วเบอร์รี่หรือครับ” คุณภารวีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แกล้งถามหลานชาย ใครๆ ก็เห็นว่านิ้วกลมป้อมเลี้ยวมาจากเค้กสีส้มสด
“ครับ ภูชอบอันนี้ อร่อย” เด็กชายภูพยักหน้าหนักแน่น เอาเค้กสีชมพูนี่แหละ
“หึหึ ได้ครับเดี๋ยวย่าสั่งให้เอาสูงเท่าภูกับริชเลยดีไหม”
“อาวครับ ภูอาวเป่า” เด็กชายริชพยักหน้า แต่อดหันไปถามพี่ชายไม่ได้ เผื่อไม่เอาเขาจะได้ไม่เอาด้วย
“รักกันดีจริงๆ พี่น้องคู่นี้ เลี้ยงมาดีเหลือเกิน” คุณภารวีชมมีคุณ ตั้งแต่หลานมาอยู่ด้วยเธอก็ชมมีคุณไม่ขาดปาก
“ขอบคุณครับ”
นิลยาอยากลุกหนีกลับไปเสียดื้อๆ เธอหงุดหงิดจนเก็บอาการไม่อยู่ ถ้าจะคุยกันโดยไม่เห็นหัวเธอแบบนี้ก็ไม่ต้องชวนเธอมา
“ภูมิคะ นิลเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้คุณพ่อขอให้กลับเร็ว ท่านรอทานข้าวนานๆ จะว่างอยู่บ้านเสียที” นิลยาอ้างบิดาผู้เป็นนักธุรกิจใหญ่
“ได้ครับเดี๋ยวผมไปส่งนิลที่บ้าน”
“ภูมิไม่อยู่ทานข้าวกับนิลกับคุณพ่อหรือคะ คุณพ่อบ่นหาว่าพักนี้ไม่ได้เจอภูมิเลย”
“เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ ผมต้องกลับมาช่วยคุณแม่เรื่องเตรียมงาน”
“แต่ภูมิควรบอกคุณพ่อเรื่องนี้ด้วยตัวเองนะคะ ถ้ามีข่าวออกไปก่อนนิลจะบอกคุณพ่อยังไง”
“ไปเถอะภูมิ เข้าไปบอกผู้ใหญ่ด้วยตัวเอง เดี๋ยวทางนี้แม่จัดการได้ คุนก็อยู่ข้าวก็อยู่มีคนช่วยเยอะแยะ” คุณภารวีเอ่ยปากอนุญาต
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ภู ริช เดี๋ยวพ่อกลับมาอ่านนิทานให้ฟังครับ” ภูริชทำเป็นกิจวัตรไปเสียแล้ว ทุกคืนสองแฝดจะเข้ามาหาเขาที่ห้องพร้อมหนังสือนิทานเพื่อให้เขาอ่านให้ฟัง หลังจากนั้นถึงจะกลับไปนอนที่ห้อง หรือคืนไหนสองแฝดหลับพับไปภูริชก็จะอุ้มไปส่งให้มีคุณหรือให้ค้างที่ห้องเป็นบางวันที่มีคุณอนุญาต
“ทันเหรอพี่ภูมิ” ชโนทัยข้องใจ เขาจำได้ว่าสองทุ่มมีคุณก็ให้เด็กๆ เข้านอนแล้ว
“ทัน” ภูริชตอบเสียงเรียบ
“ไปครับนิล”
“ค่ะ” นิลยาจิกนิ้วลงกลางฝ่ามือ ใบหน้าของเธอยังยิ้มแย้ม เธอกล่าวอำลามารดาของภูริช โบกมือให้ชโนทัยและยิ้มให้กับมีคุณ
มีคุณยิ้มบางๆ เรียกให้หลานทั้งสองสวัสดีคุณป้านิลยา สองสายตาสบกันนิ่งด้วยใบหน้าเป็นมิตรเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มีคุณรู้ดีว่าศึกครั้งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
ถึงจิบอกว่าแฝดเป็นพระเอก แต่ขอพื้นที่ให้เนื้อหานิดนะคะ 5555 ><
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin