•26•
หลังจากที่พี่ครามทำแมวหายไม่นานผมก็ชวนพี่เขาไปซื้อพาวเวอร์แบ็งค์คนละอันให้ติดตัวไว้ จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องนี้ซ้ำๆ ซากๆ อีก ผมรู้ว่าพี่ครามไม่ใช่เป็นคนใช้โทรศัพท์เยอะ เพราะงั้นพี่เขาถึงได้ทำให้มือถือเครื่องเป็นหมื่นกลายเป็นเศษเหล็กอยู่บ่อยๆ
ผมสอบเสร็จแล้ว ปิดเทอมใหญ่เรียบร้อย เตรียมตัวขึ้นปีสาม ส่วนพี่ครามก็ยุ่งอยู่กับการทำเอกสารนู่นนี่ พี่ครามเองก็เตรียมเป็นสัตวแพทย์เต็มตัวแล้ว
แม้ว่าจะปิดเทอมใหญ่แต่ผมยังคงขลุกอยู่ในห้องของพี่ครามมาเป็นอาทิตย์กว่า ไม่ได้คิดจะออกจากหอเก่าเพราะอย่างไรเสียก็ยังใช้มันอยู่ในบางครั้ง แม้ว่าจะมาอยู่กับพี่ครามเสียเป็นส่วนใหญ่จนไม่ค่อยคุ้มค่าหอตัวเองเท่าไหร่ก็ตาม ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่กล้าย้ายออก กลัวว่าถ้าจู่ๆ พี่ครามไล่ผมออกไปแล้วจะไม่มีที่ไป
ถึงแม้ว่าจะดูไม่มีวี่แววว่าจะเป็นเช่นนั้นเลยก็ตาม
ผมนอนเขี่ยพุงคุณเกรย์ส่วนพี่ครามออกไปทำธุระข้างนอก ไม่นานนักโทรศัพท์ผมก็ดัง คิดว่าเป็นพี่ครามแต่พอมองหน้าเจอกลับปรากฏชื่อเป็นแม่ของผม ผมกดรับสาย
“ครับแม่”
/ปายหรอ เป็นไงบ้างลูก/
“สบายดีครับ แม่ล่ะ”
/สบายดีลูก ปิดเทอมแล้วใช่มั้ย กลับบ้านมาหาแม่บ้างนะ/
“...ครับ”
/จะมาเมื่อไหร่ก็บอกนะ/
“ได้ครับแม่ ไว้ปายจะโทรหาอีกทีนะ”
/จ้า แค่นี้ก่อนนะลูก แม่คิดถึงนะ/
“ครับ เหมือนกัน”
ผมกดวางสาย ปกติแล้วผมจะไปหาแม่ที่บ้านหลังปิดเทอม ไปอยู่ด้วยประมาณอาทิตย์นึง จากนั้นก็ไปหาพ่ออีกอาทิตย์นึง แล้วก็กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับตัวเอง
แต่เพราะครั้งนี้ผมยังไม่ไปหาแม่สักทีล่ะมั้ง ถึงได้โทรตามผม ผมอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อคิดว่าแม่เอ่ยคิดถึงผมเหมือนกัน จึงตัดสินใจจะไปเยี่ยมแม่วันเสาร์อาทิตย์นี้
นอนรอเจ้าของห้องไม่นานพี่ครามก็กลับมาพร้อมกับขนมมากมาย ฮื่อ รู้ด้วยว่ากำลังหิวพอดีเลย ผมลุกจากเตียงตรงไปหากองขนมจนพี่ครามร้องห้าม
“ปายหยุดเลย กินข้าวก่อนค่อยกินของหวาน”
เบ้หน้า ทำไมถึงกินของหวานก่อนทานข้าวไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากไปขัดคำสั่งหมอหมา หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมหยิบพุดดิ้งมาทานข้างๆ พี่ครามบนโซฟา คุณเกรย์เองก็เดินมานั่งพิงขาโซฟาเช่นกัน
รายการในโทรทัศน์ไม่ได้ดึงดูดใจผมมากนัก รวมถึงพี่ครามเองก็ด้วย ไม่งั้นพี่แกคงไม่คืบคลานขยับตัวเข้ามาหาผมเช่นนี้หรอก ถึงอย่างนั้นผมเองก็เอนตัวพิงไหล่พี่ครามเหมือนกัน
ภาพเคลื่อนไหวในจอสี่เหลี่ยมตรงหน้าไม่สามารถดึงดูดความสนใจผมไปได้ ในหัวผมยังคงคิดถึงเรื่องแม่ และพี่คราม... จนกระทั่งมีมือใหญ่เลื่อนเข้ามาลูบใบหน้าผม มือพี่ครามอุ่นและสัมผัสอย่างแผ่วเบาทำให้ผมเคลิ้มจนเผลอเอียงหน้าตามสัมผัสไป
มือใหญ่เลื่อนลงมาที่คางผมก่อนขยับนิ้วเกา...แล้วทำไมจู่ๆ ต้องมาเกาคางผมกันเล่า
ก่อนที่จะเคลิ้มไปกว่านี้ผมเรียกพี่คราม
“พี่คราม”
“หืม”
“เสาร์อาทิตย์นี้ปายไปเยี่ยมแม่นะ”
“อืม...แล้วไปยังไง”
“คงโบกแท็กซี่ไป”
“พี่ไปด้วยได้มั้ย”
ผมเงียบ พี่ครามเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ถึงได้เสนอตัวออกมาอย่างนี้
“ไม่อยากให้พี่ไปหรอ”
“เปล่าครับ อยากให้ไป...”
คนข้างตัวส่งยิ้มมาให้ เลื่อนมือที่เกาคางผมไปลูบหัวผมแทน ผมซบซุกหาพี่ครามมากกว่าเดิม...
เวลาผ่านไปจนถึงวันเสาร์ ผมติดต่อแม่ไปแล้วว่าจะไปแค่สองวันนี้ ไม่ได้ไปค้างเหมือนทุกทีเพราะมีพี่ครามไปด้วย เป็นห่วงคุณเกรย์ด้วยเลยไม่อยากอยู่ยาว บอกแม่แล้วว่าจะพาคนไปหา
คนพิเศษที่อยากจะใช้ชีวิตด้วยต่อจากนี้
ผมไปรถพี่คราม ไม่ได้โบกแท็กซี่อย่างที่ตั้งใจในตอนแรก ถ้าจะไปคนเดียวผมมักใช้บริการแท็กซี่เป็นส่วนใหญ่ เพราะแถวบ้านแม่ผมไม่มีรถไฟฟ้า แม้จะบอกว่าอยู่ต่างจังหวัดแต่ที่จริงก็อยู่ใกล้ๆ ขอบจังหวัดที่ผมอยู่ ครั้นจะนั่งรถเมล์ก็กว่าจะรอสายที่จะไปคงรอไปครึ่งค่อนวัน ผมกะจะไปค้างสักคืน เพราะฉะนั้นพี่ครามจึงฝากให้พี่ฟุ้งเข้ามาดูแลคุณเกรย์ให้แทน
เมื่อขึ้นรถ ผมบอกทางพี่ครามไปเรื่อยๆ
“แม่ปายดุมั้ย” เป็นพี่ครามที่ถามขึ้นมาระหว่างทาง
“ไม่ดุ ใจดีมากๆ สวยด้วย”
คนขับรถหันมายิ้มให้ผมพร้อมจ้องหน้าอยู่นาน “ก็ว่าอยู่...”
มองถนนไปเลย ทำไมต้องมาจ้องให้เขินด้วย
ผมเล่าเรื่องแม่ให้พี่ครามฟังคร่าวๆ แม่เป็นคนสวยและใจดี ตัวเล็กไว้ผมยาวรวบต่ำไว้เสมอ ทำอาหารอร่อยด้วยแม้ว่าจะไม่ค่อยได้ทำบ่อย ผิดกับผมที่ทำอะไรกินไม่ค่อยได้ ผมรู้ว่าแม่รู้สึกผิดที่ให้ผมอยู่ตามลำพัง ถึงอย่างนั้นเป็นผมเองที่รั้นจะออกมาอยู่หอคนเดียวข้างนอก ไม่ใช่เพราะอึดอัดกับครอบครัวใหม่ของแม่...อันที่จริงมันก็มีส่วนอยู่นิดหน่อย
แต่ผมอยากออกมาใช้ชีวิตคนเดียวมากกว่า เพราะถึงยังไงผมคิดว่าหลังจากนี้ผมคงต้องอยู่คนเดียวอยู่แล้ว จึงอยากลองใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ไม่คิดจะชอบใคร ไม่คิดจะแต่งงานกับใคร จนกระทั่งแมวสีเทาพามาเจอพี่คราม
ทำให้ผมต้องเปลี่ยนความคิดใหม่
ตอนนี้ผมอยากอยู่กับคุณเกรย์กับพี่ครามไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งรถขับเข้ามาในหมู่บ้านจัดสรรใกล้ขอบเมือง ใจผมเริ่มเต้นแรง ทั้งที่เคยเป็นบ้านที่คุ้นเคย มาหาเป็นประจำแต่กลับใจสั่นอย่างคนไม่คุ้นเคย สาเหตุน่าจะมาจากคนข้างๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมพาใครมาด้วย
ถึงผมจะคิดว่าถ้าแม่ไม่ยอมรับพี่ครามก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างไรผมก็คงจะอยู่กับพี่ครามต่อไป พ่อกับแม่ไม่ได้มีผลอะไรกับผมมากขนาดนั้นแล้ว ถึงจะคิดอย่างนั้น...แต่ผมก็อดกังวลไม่ได้อยู่ดี คงจะดีถ้าแม่ชอบพี่คราม
รถโตโยต้ายาริสสีดำจอดหน้าบ้านสีขาว พี่ครามดับเครื่องก่อนพากันลงจากรถ ผมไขกุญแจบ้านเข้าไป
“แม่ครับ”
“อ้าวปาย มาถึงแล้วหรอลูก ไม่โทรบอกแม่ก่อนจะได้ออกไปรับ”
“ไม่เป็นไรหรอกแม่ ปายมาเองได้”
“น้องนานาออกไปเรียนพิเศษส่วนพี่ชายังไม่ตื่นเลย ไม่ได้เจอใครเลยเนี่ย”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเย็นๆ ก็ได้เจอเอง แม่ครับ...คนนี้พี่คราม” สิ้นเสียงผม พี่ครามยกมือไหว้
“สวัสดีจ้ะ เพื่อนปายใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ครับ เป็นคนที่ผมบอกแม่ว่าอยากจะอยู่ด้วยกัน...”
“หืม...ผู้ชายหรอ”
“ครับ ผู้ชายครับแม่”
“คุณแม่อาจจะยังไม่เข้าใจเรื่องที่ผมกับปายเป็นผู้ชาย แต่ว่าเรื่องความรู้สึกผมไม่โกหกแน่นอนครับ”
ผมหันไปมองพี่ครามที่จู่ก็พูดขึ้นมา
“ผมรักปายครับ และอยากจะดูแลน้องไปเรื่อยๆ”
“...ตายจริง” คุณแม่ว่าพร้อมปิดปาก “แม่ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แค่ตกใจแล้วเท่านั้นเอง แต่เล่นมาสารภาพรักลูกต่อหน้าแม่นี่ก็ออกจะเขินแทนอยู่หน่อยๆนะ” พอแม่ว่าอย่างนั้นผมเลยเขินตามด้วยซะงั้น ส่วนคนสารภาพรักหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว
คุณแม่ยกมือออกพร้อมเผยรอยยิ้มให้พี่ครามที่ตอนนี้ทำท่าทางลุกลี้ลุกลน ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังเขินแน่ๆ ตลกชะมัด แม่เดินไปทางห้องครัว ที่หั่นผักค้างไว้ ปกติแล้วครอบครัวผมมักจะซื้ออาหารเข้ามากินมากกว่า แต่เพราะผมบอกว่าจะกลับมาทำให้แม่ตัดสินใจทำอาหารให้
“ครามมาช่วยแม่ทำข้าวเที่ยงมั้ย”
“ได้ครับ”
“ปายลูกก็นั่งเล่นแถวนี้ไปก่อนนะ ไปเตรียมห้องให้พี่ครามก็ได้”
“อ้าว”
“ก็ปายช่วยแม่ไม่ค่อยได้นี่นา แม่อยากรู้ด้วยว่าคนที่จะอยู่กับลูกจะดูแลลูกได้จริงมั้ย”
เดี๋ยวแม่คอยดูได้เลย ครบเครื่องอย่างพี่ครามหาไม่ได้จากที่ไหนแล้ว ผมคิดพร้อมยกยิ้ม
“งั้นปายขึ้นห้องก่อนนะ”
แม้ว่าจะลำบากใจอยู่หน่อยๆ ที่ปล่อยพี่ครามทิ้งไว้กับแม่แบบนั้น แต่ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แม่ผมใจดีอย่างที่บอก ส่วนพี่ครามเองก็ทำอาหารเป็น ถึงแม้ว่าจะชอบออกไปซื้อข้าวข้างนอกไม่ก็ทำมาม่าให้ผมกินอยู่บ่อยๆ ก็ตาม
ผมล้มตัวนอนแผ่บนเตียงที่คุ้นเคยมานานเป็นสิบกว่าปี เงยหน้ามองฝ้าเพดานห้องตัวเอง รู้สึกดีใจที่แม่ไม่ได้รังเกียจพี่ครามอย่างที่กลัว ดีใจที่พี่ครามบอกกับแม่ผมไปอย่างนั้น ฮือ รักพี่คราม
ที่นอนพี่ครามในคืนนี้คงเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากห้องผม เพราะที่บ้านไม่มีห้องเหลือแล้ว ในขณะที่ผมนอนยึดเตียงเขาเป็นเดือนๆ ครั้นจะไล่ให้ไปนอนโซฟาก็ไม่ดี ผมยันตัวลุก ขนหมอนมาเพิ่มในห้อง แม่ผมดูแลห้องผมซะดีจนไม่มีฝุ่นอะไรเลยทำให้ไม่ต้องทำความสะอาดอะไรมากมายก็นอนได้หายห่วง
ผมอู้อยู่ในห้องไม่นานก็ลงไปแอบดูที่ห้องครัว ได้ยินบทสนทนาของแม่กับพี่ครามดังลอดออกมา
“ปายน่ารักใช่มั้ยล่ะ เด็กคนนั้นนะขี้เกรงใจแถมอ้อนเก่งอย่างกับอะไร”
“ครับ...”
“เวลาอ้อนทีนี่แม่อยากจะยกทุกอย่างให้ปายเลย”
“นั่นสินะครับ ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละ”
“หุๆ ครามเองเห็นปายเงียบๆ อย่างนั้นก็อย่าเพิ่งรำคาญน้องนะ”
“ไม่รำคาญหรอกครับ”
“...แม่นะ ห่วงว่าปายโตไปจะอยู่ยังไง เจ้าตัวเคยลั่นว่าจะไม่แต่งงานจะไม่มีลูก แม่ก็ห้วงห่วงว่าจะมีใครมาดูแลตอนแก่ๆ เห็นปายพาครามมาแม่ก็โล่งใจไปเปราะนึง”
“...”
“ดูแล้เจ้าปายดีๆ นะลูก”
“แน่นอนครับ ผมสัญญาเลย”
บทสนทนาต่อจากนั้นเป็นเรื่องอาหารแล้ว ผมเบี่ยงตัวออกมานั่งเล่นที่ห้องรับแขก คิดถูกที่เลือกพี่คราม คิดดีแล้วที่พาพี่ครามมา
ไม่นานอาหารเที่ยงก็เสร็จพร้อมกับพี่ชาที่ตื่นพอดี
“ปาย?”
“พี่ชา สวัสดีครับ”
“อืม แล้วนี่...? แฟน?”
“ก็...ประมาณนั้น” ผมตอบพี่ชาไปเพราะขี้เกียจอธิบาย อย่างที่บอกความสัมพันธ์ของผมกับเขาไม่จำเป็นต้องรู้ทุกคนก็ได้ กับพี่ชาเองก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น เลยเลือกที่จะไม่บรรยายความสัมพันธ์
พี่ชาไม่ว่าอะไร นอกจากมองหน้าพี่ครามแล้วก้มหัวไหว้พี่คราม พี่ชาอ่อนกว่าพี่ครามไปปีเดียว ทั้งคู่ไม่ได้คุยอะไรต่อคุณแม่ก็เรียกให้พวกเรามานั่งรวมกันก่อนเริ่มทานอาหารเที่ยง บทสนทนาบนโต๊ะเป็นเรื่องชีวิตประจำวันของผม และเรื่องราวของพี่คราม เมื่ออาหารหมด ผมก็ช่วยแม่เก็บจานไปล้างโดยมีพี่ครามมาเป็นลูกมือคอยช่วยอีกแรง
ไม่นานพ่อเลี้ยงก็กลับมา ผมแนะนำพี่ครามให้พ่อเลี้ยงโดยใช้คำเรียกสถานะของผมกับพี่ครามเช่นเดียวกับที่บอกพี่ชา พ่อเลี้ยงแค่เลิกคิ้วแล้วพยักหน้า ไม่ได้ว่าอะไร หรือถึงจะไม่พอใจแล้วเอาไปต่อว่าอะไรลับหลังยังไงผมก็ไม่สนใจอยู่แล้ว แต่เอาเข้าจริง พ่อเลี้ยงไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก ผมว่าเขาคงแค่งงๆ กับการที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชายมากกว่า ไม่ได้อยากจะเอาไปติฉินท์นินทาอะไร
พี่ครามพูดคุยกับพ่อเลี้ยงไม่มากนัก ไม่นานพ่อเลี้ยงก็ต้องออกไปรับน้องนานา น้องสาวผม ผมกับพี่ครามจึงช่วยพี่ชากับแม่ตากผ้า ทำงานบ้านต่างๆ แทน
“ไม่ต้องลำบากก็ได้ ไปนั่งกันเถอะทั้งสองคน”
“ไม่เป็นไรครับแม่ นานๆ ปายกลับมาทั้งที ปายอยากช่วยนะ”
คนเป็นแม่เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่ยิ้มอย่างยอมใจให้ผมที่ตื๊อไม่ไปไหน เวลาผ่านไปสักพักก็เย็น พี่ครามช่วยแม่ทำอาหารอีกครั้งก่อนพ่อเลี้ยงจะพานานากลับมา
ผมกอดน้องสาวผมที่เพิ่งขึ้นชั้นม.หนึ่งเอาไว้แน่น
“พี่ปาย นาคิดถึงจังเลย”
“พี่ปายก็คิดถึงนานาครับ”
“ครั้งนี้กลับมานานมั้ยคะ”
“พี่มาแปบเดียว พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว”
“ว้า จริงหรอคะ ไม่ได้เล่นด้วยกันนานแล้วนะคะ”
“ไว้คราวหลังพี่จะมาอยู่กับนานานานๆ นะครับ”
“อื้อ”
เด็กสาวรับคำ ยิ้มร่าก่อนไปหาแม่ พอน้องเห็นพี่ครามในบ้านก็ชะงัก ก่อนยกมือไหว้สวัสดี คงคิดว่าเป็นแขก ที่บ้านผมแม่สอนให้ผมกับน้องให้เป็นเด็กดีมาตลอด ไม่พูดคำหยาบ เจอใครก็ไหว้ ทำอะไรผิดก็ขอโทษ เขาให้อะไรมาก็ขอบคุณ เป็นคำสอนของแม่ที่ได้ยินเป็นประจำจนฝังเข้าไปในกระดูก
เพราะงั้น การที่พี่ครามทำให้ผมด่าออกมาเป็นคำหยาบได้นี่บาปมากนะรู้มั้ย
ผมบอกน้องว่าพี่ครามเป็นเพื่อน คิดว่าน้องยังเด็ก หากจะบอกว่าเป็นแฟนหรือเป็นคนที่อยากอยู่ด้วยน้องคงยังไม่เข้าใจ เลยคิดว่าเอาอย่างนี้ไปก่อนแล้วกัน สักวันผมคงบอกความจริงกับน้องอยู่ดีถ้าน้องโตขึ้น และถ้าวันนั้นผมกับพี่ครามยังอยู่ด้วยกัน...
มื้อเย็นครึกครื้นกว่ามื้อกลางวันเพราะจำนวนคนในบ้านที่มากันจนครบ น้องสาวผมร่าเริงคุยเก่งด้วยทำให้บรรยากาศคึกคักทีเดียว พอพี่ครามเข้าไปร่วมผสมโรงก็เสียงดังอึกทึกมากกว่าเก่า น่าแปลกที่ผมกลับไม่คิดเกลียดเสียงดังตรงหน้านี้ กลับกัน เสียงดังครื้นเครงเหล่านี้กลับฝังลงเข้าไปในหัวใจ
“ครามนี่ทำอาหารเก่งนะ”
“ขอบคุณครับ”
“ไว้ว่างๆ ปายก็พามาอีกบ่อยๆ นะ”
“ได้เลยครับ”
พ่อเลี้ยงเอ่ยปากชมพี่ครามทันทีที่แม่บอกว่าพี่ครามช่วยทำตั้งเยอะแยะเลย น้องนานาเองก็ชมพี่ครามบ้างไม่แพ้พ่อตัวเอง ส่วนพี่ชารายนั้นไม่ค่อยพูด แต่ก็ยังอุตสาห์ออกปากบอกว่าอาหารอร่อย
หลังจากที่เก็บจานข้าวแล้วเรียบร้อย ผมก็พาพี่ครามขึ้นมายังห้องนอนตัวเอง เตียงเดี่ยวเล็กแคบกว่าห้องพี่ครามเยอะ ผมมีฟูกเอาไว้ปูแต่ถึงยังไงก็คิดว่าสามารถเบียดตัวเข้าไปนอนกับพี่ครามบนเตียงได้อยู่ดี อย่างไรเสียเตียงผมก็กว้างกว่าโซฟาห้องพี่ครามละกัน
“ครอบครัวปายน่ารักดีนะ”
“ใช่มั้ยล่ะ ถ้าไปฝั่งพ่อนะจะมีตัวจุ้นสองตัวให้ปวดหัวกว่านี้อีก” ผมว่าพร้อมฉีกยิ้ม อย่างที่เคยบอก แม้ว่าพ่อแม่จะแยกทางกันไป แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดความรักหรืออะไร อาจมีบ้างที่เหงา แต่พอได้กลับมาหาแม่ก็มีความสุขทุกครั้งอยู่ดี
“ไว้วันหลังก็พาไปหาบ้างสิ”
“เอาสิ”
ผมว่าพลางซุกตัวให้พี่ครามจูบหน้าผากอย่างว่าง่าย รู้สึกดีที่ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น รู้สึกดีที่พี่ครามจะได้กลายมาเป็นหนึ่งในครอบครัวของผม
“งั้นไว้พี่พาปายไปหาแม่พี่บ้างดีกว่า...”
“....”
“ไม่อยากไปหรอ”
“เปล่าครับ อยากไป อยากไปเห็นปราสาทของคุณเกรย์ด้วย” ว่าแล้วก็คิดถึงคุณเกรย์อีกแล้ว หวังว่าพี่ฟุ้งจะไม่ได้ไปแกล้งอะไรคุณเขานะ
“หึๆ เข้าใจเรียกนะ ไม่กลัวว่าในปราสาทจะมีแม่มดใจร้ายหรอ”
“ไม่กลัว มีพี่ครามอยู่ด้วยทั้งคน”
“ให้พี่เป็นอัศวินหรอ”
“ไม่ใช่ ปายเป็นเจ้าชาย คุณเกรย์เป็นเจ้าหญิง ส่วนพี่ครามเป็นม้าขาวให้ปายขี่”
ผมว่าพลางหัวเราะขำเมื่อเห็นหน้าพี่คราม
“เดี๋ยวก็จับขี่จริงๆ ซะเลยนี่”
หลังจากนั้น ผมก็ถูกบังคับห้ามพูดด้วยรสจูบของพี่คราม
⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹ ⊹
ปายขี้อ่อยเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
อีกนิดเดียว...จะจบแล้วต่างหาก......