[Omegaverse]Indispensable ขาด... ไม่ได้ (yaoi) Akito x Aitsuki[LastCh 3/04/57]จบ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse]Indispensable ขาด... ไม่ได้ (yaoi) Akito x Aitsuki[LastCh 3/04/57]จบ  (อ่าน 75270 ครั้ง)

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
โดนกัดซะแล้ววววววววววววววว

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
โดนกัดล้าวววว

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
Chapter 7

ร่างโปร่งบางในผ้าคลุมสีสะอาดยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ที่ติดกับตู้เสื้อผ้า เขามองร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยจูบอย่างสับสน มือเรียวขยับมาเลิกเส้นผมขึ้นบิดคอเล็กน้อยให้เห็นรอยฟันที่ถูกตรึงเอาไว้กลางหลังคอชัดเจน

ร่องรอยแห่งการผูกพันธะระหว่างอัลฟ่าและโอเมก้า...

ไอสึกิหลุบตามองพื้นนิ่ง สมองของเขาว่างเปล่าไร้ความคิด ไม่มีคำพูดอะไรเล็ดลอดจากมากจะริมฝีปากซีดแม้เพียงคำ

แรงโอบรัดที่ช่วงเอวกับจูบอุ่น ๆ ที่สัมผัสตรงตราประทับยิ่งทำให้สะท้อนใจ เขาเพิ่งได้สติมาเมื่อเช้าหลังจากผ่านมาเจ็ดวัน ข้างกายมีร่างใหญ่ของประธานบริษัทนอนอยู่ข้างหนึ่งและของเล่นทางเพศที่มีส่วนน็อทอยู่ด้านล่างอีกฝั่ง คงไม่ต้องเดาให้มากความไปว่ามันเกิดอะไรขึ้นในระยะเวลาที่ผ่านมา

“ไอสึกิ”เสียงที่เรียกชื่อเขายังคงอบอุ่นและฟังดูอ่อนโยนขึ้น “มีอะไรจะถามฉันหรือเปล่า”

“ของนั่น... คุณใช้ให้ผมเหรอครับ”มันเป็นเรื่องที่ตัวเขาเองแอบสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่เขาสัมผัสได้ว่าในร่างกายเขามีน้ำเชื้อของอีกฝ่ายคั่งค้างอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะอย่างนั้น... มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ถูกแตะต้อง

“เมื่อวานฉันติดธุระ... เลยให้จิโร่ช่วยนายก่อนฉันกลับมา”ใบหน้าที่ไร้สีเลือดพลันขึ้นเลือดฝาดมาทันที “แต่เหมือนนายจะไม่พอใจสักเท่าไหร่นะ”

“เหรอครับ”น้ำเสียงของเขาดูเนือย ๆ จนผู้ฟังสัมผัสได้ “แล้ว... ทำไมวันนั้นคุณถึงมาเจอผมได้พอดีขนาดนั้น”

อีกหนึ่งข้อสงสัยในใจที่รู้ว่าถามไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ก็ยังอยากจะถามอยู่ดี

“จิโร่เห็นนายกลับเข้ามาในบริษัท”ดวงหน้าคมขยับมาแนบแก้มกับคนในอ้อมแขนแล้วเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มบาง “ดูจากเวลาแล้วฉันคิดว่านายคงใกล้ฮีทเต็มทีเลยไล่จิโร่ลงมาดู แล้วคืนนั้นที่บริษัทมีประชุมบอร์ดบริหารด้วย พอกลิ่นของนายเริ่มแผ่ออกมาจิโร่เลยรีบวิ่งมาบอกกับฉัน นายน่าจะเห็นเขานะ หน้าตาตื่นหมดสภาพไปเลย”

“คุณรู้เวลาฮีทของผม?”ไอสึกิเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ ขนาดตัวเขาเองยังกะผิดกะถูกอยู่เลยด้วยซ้ำไป แต่คนที่ยืนกอดเขาอยู่กลับรู้อย่างนั้นเหรอ

“ก็แค่เดา ๆ”ก็ยังคงเป็นคำตอบที่ไม่ช่วยอะไรเหมือนเดิม “เหมาะจริง ๆ เลยนะ รอยนี่น่ะ”

ลิ้มร้อนเล็มเลียที่รอยฟันของคนซึ่งประทับไว้กลางเด่น ไอสึกิสะท้านเฮือกกับรสสัมผัสที่ไม่เคยคุ้นจนตัวเกร็ง

“คุณอากิโตะ”เสียงนุ่มติดแหบเรียกชื่อคนที่ยังหยอกล้อร่างกายเขาดุ ๆ ไม่มีอะไรที่แก้ไขได้แล้ว ก็คงได้แต่ทำใจยอมรับมัน... “ผมหมดช่วงแล้ว ปล่อยผมสิครับ”

“ไม่เอาน่า นายหนีฉันไปไหนไม่ได้แล้ว จะงอแงหนีไปไหนกัน”วงแขนที่กอดร่างเขาเอาไว้ไม่รู้กี่ครั้งตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมาโอบกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย “เป็นเด็กดีแล้วว่าง่ายสิ”

“ผมยังมีงานต้องทำนะครับ”ร่างที่ดูแล้วน่าจะผอมลงกว่าเก่าพยายามขืนตัวออกจากวงแขนแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกไปได้ “คุณอากิโตะ”

“ฉันให้จิโร่ส่งใบลาให้นายถึงวันนี้”คำตอบสั้น ๆ ที่จบข้ออ้างของร่างโปร่งได้ในประโยคเดียว “พักผ่อนซะ”

ไอสึกิถอนหายใจเฮือก ทำใจที่จะต้องนอนขดอยู่ในห้องนี้ต่อไปอีกวันอย่างว่าง่าย อันที่จริงเขาก็ไปนั่งทำงานไม่ไหวหรอก แต่ความไม่อยากอยู่มันมีมากกว่าเลยอ้างออกไปก็เท่านั้น

เขาคว้าเสื้อเชิ้ตกับกางเกงในตัวใหม่ของอากิโตะเข้าไปชำระร่างกาย นึกดูแล้วเขาก็อยากรู้เหมือนกันนะ ว่าช่วงเจ็ดวันที่สติเขาหลุดหายไปจนต้องมีคนมาดูแลตลอดเวลานั่น เขาเป็นยังไง

แต่ถ้าถามออกไปคงมีแต่เรื่องน่าอายแน่ เพราะอย่างงั้นเก็บความสงสัยเอาไว้คงจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ไอสึกิทรุดตัวนั่งลงบนเตียงนุ่มที่เปลี่ยนผ้าปูเรียบร้อยแล้ว สายตาเหลือไปเห็นของเล่นที่ขนาดไม่เล็กอันเดิมยังไม่ถูกเก็บไป เขาเลยขยับตัวไปหยิบมันขึ้นมาหมุนดู

“กดตรงนี้”มือใหญ่ยื่นมากดปุ่มที่ฐาน ส่วนโคนของของเล่นสีสะดุดตาพลันมีโป่งออกมาให้เห็น “ก็พอจะใช้แทนกันได้อยู่ใช่ไหมล่ะ แต่จิโร่บอกว่านายไม่ชอบ เอาแต่ดิ้นหนี”

“ไม่พูดน่า”มือนุ่มดันใบหน้าที่เข้ามาใกล้ออก แล้วลองกดของเล่นในมือดูอย่างสนอกสนใจ “ผมไม่เคยเล่นมันมาก่อนเลยนะ”

“ฉันเชื่อ”อากิโตะยิ้มบางแล้วโน้มตัวไปสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากแก้มนุ่ม “นายไม่ระวังตัวเอาซะเลยนะ ยาก็ไม่พก ปลอกคอก็ไม่ใส่ ดีที่เป็นฉันที่เจอนายก่อนใคร”

จูบร้อนเน้นย้ำที่ช่วงคอของคนที่โดนติซึ่งทำหน้างองำ

“ยามันตกหายไปตอนไหนผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ”ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะเถียงอะไรข้าง ๆ คู ๆ แต่การโดนติให้เจ็บจี๊ดมันก็ทำเขารู้สึกไม่ดีเท่าไหร่เหมือนกัน ความเคยชินมันทำให้เกิดความประมาทอย่างไม่น่าเชื่อ “ถึงไม่ได้ใส่ปลอกคอ แต่ทุกครั้งผมก็เอาตัวรอดมาได้เถอะ... จนมาเจอกับคุณนั้นล่ะ”

ถึงจะไม่ได้อยากพูดคุยกับเจ้านายใหญ่ของตนมากเท่าไหร่ แต่อยู่ด้วยกันสองคนในเวลานี้ ทั้งยังต้องอยู่ไปอีกถึงพรุ่งนี้ จะให้อมน้ำลายอยู่ทั้งวันก็น่าเบื่อเกินไป

ไอสึกิไม่ใช่คนที่มีทิฐิสูง อีโก้ก็ไม่ได้มาก แล้วอีกอย่างตัวเขาก็ถูกทำพันธะที่ลบไม่ได้ไปแล้ว ต่อให้ชิงชังคนร่วมห้องแค่ไหน สุดท้ายก็หนีไม่พ้น... ยกเว้นแต่หนีไปอยู่คนเดียว มันก็มีแต่อีกนั่นล่ะว่า ถ้าหลบสายตาของอากิโตะพ้นน่ะนะ

ยาก...

ทำใจยอมรับเอาคงง่ายกว่า... อีกทั้งร่างกายของเขามันเคยชินต่อสัมผัสของอีกฝ่ายไปแล้วด้วย

หึ นี่ล่ะนะโอเมก้า ถึงจะพยายามแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องตกเป็นของคนอื่นอยู่ดี

“เอาเถอะ... ไอสึกิ นายน่ะก่อนหน้ากินแต่ยาระงับอย่างนั้นสิ”ร่างสูงนั่งเบียดลงข้าง ๆ ทั้งที่เตียงออกจะกว้าง แต่พูดอะไรไปคนเอาแต่ใจอยากทากาฮาชิ อากิโตะก็ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะงั้นก็ต้องปล่อยไปเหมือนเดิม “มันมีผลต่อฮอร์โมนของนายไม่น้อยนิ เลยมาไม่ตรงช่วงเวลาที่กะใช่ไหม”

“ครับ”ความจริงที่เขายอมรับโดยดี “จริง ๆ ผมก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่อยู่แล้ว ผมเริ่ม...”

ไอสึกินั่งเล่าเรื่องพื้นฐานของตัวเองให้กับอากิโตะฟังไปเรื่อย ๆ ด้วยไม่รู้จะหาบทสนทนาอะไรมาพูดคุย เขาพูดจนตนเองหลับไป...

ทิ้งคนฟังให้นั่งยิ้มแล้วจัดท่านอนสบาย ๆ ให้กับตัวเขาแทน

ไอสึกิกลับมาทำงานเหมือนปกติ เขากลับไปใส่เสื้อคอเต่าอีกครั้งท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนร่วมงาน แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร ตราบใดที่เจ้าตัวยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทดแทนที่ลาหายไปนับสัปดาห์

ด้านอากิโตะจัดการย้ายที่พักของไอสึกิให้ไปอยู่ที่ ๆ ตนมองแล้วว่าดีและเหมาะสม ซึ่งค่าเช่านั้นสูงกว่าที่เก่าหลายเท่าตัว แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนักธุรกิจมือทองอย่างเขา แต่มันสร้างความไม่ชอบใจให้กับไอสึกิเป็นอย่างมากจนไม่แม้กระทั่งมองหน้าของอากิโตะเลยแม้แต่ชั่วแวบเดียว

ในตอนแรกที่ย้ายมาที่พักใหม่ ไอสึกิก็เป็นกังวลว่าอากิโตะจะมายุ่มย่ามชีวิตของเขา แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น กลับกัน เกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าตัวยังไปมีข่าวกับคู่หมั้นสาวให้ได้ดูบ่อย ๆ มันทำให้ไอสึกิวางใจที่จะอยู่ในที่นี้ได้เปราะนึง

ถึงจะแอบน้อยใจที่เห็นข่าวพวกนั้นอยู่บ้าง แต่อากิโตะเองก็มักจะส่งข้อความมาหาเขาอยู่ทุกวันไม่ขาดจนน่ารำคาญ เอาเข้าจริงแม้ว่าปากเขามักพูดบ่นออกมาว่ารำคาญ ๆ แต่ก็ยิ้มออกมาทุกทีที่ข้อความนั้นดีดเข้าเครื่อง

“ไอสึกิ เก็บเสื้อผ้าเสร็จยังงง”โทโมเอะถามขึ้นตอนเลิกงานเสียงใส “พรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวกันแล้ว ดีใจจังเลยย”

ร่างบางของหญิงสาวโถมกอดรุ่นน้องอย่างร่าเริง ถ้าเป็นเมื่อก่อนคนคงเขม่นไอสึกิไม่น้อย แต่ตอนนี้ปลงกันไปหมดแล้วกับการถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้

ยังไงโอเมก้าก็คู่ได้แต่พวกอัลฟ่าไม่ก็เบต้าชายเท่านั้นแหละ

“ครับ ๆ เก็บแล้วครับ”เหมือนจะจำได้ราง ๆ ว่าเขาตอบคำถามนี้เป็นครั้งที่สี่ในรอบวัน “อย่าตื่นเต้นจนนอนไม่หลับแล้วตื่นสายนะครับ คุณโทโมเอะ”

“แหม!!”มือน้อยทุบเบา ๆ ที่บ่าแคบ “ไม่สายหรอกน่า”

เธอพูดเสียงอ่อย เอาเข้าจริงเธอมักจะตื่นเต้นจนมาสายประจำอยู่เหมือนกัน

“โทรปลุกด้วยนะ”

“...”

ไอสึกิยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้ารับโดยดี

ไอสึกิไปถึงสนามบินตั้งแต่เช้าตรู่ ในตอนแรกเขาคิดว่าจะได้นั่งรถบัสรวมกันไป ที่ไหนได้กลับได้นั่งเครื่องซะอย่างนั้น

“มาเช้านี่”ทาคากิเอ่ยทักน้องเล็กของแผนกที่วันนี้สวมชุดลำลองมา ดูแปลกตาไม่น้อย “ตื่นเต้นเหรอ”

“ต้องตื่นมาโทรปลุกคุณโทโมเอะน่ะครับ นอนต่อก็ไม่หลับ เลยว่ามาเลยดีกว่า”ไอสึกิทรุดตัวลงนั่งข้างหัวหน้าแผนกพร้อมกับสิ่งยิ้มสดใส “จะบอกว่าตื่นเต้นก็ยังไงอยู่ ผมคงไม่ได้ลงแช่ออนเซ็นกับทุกคนหรอกครับ”

“อืมมม เหนื่อยหน่อยนะ”การเป็นโอเมก้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ พื้นฐานหน้าตาของไอสึกิก็เป็นที่ดึงดูดมากแล้ว และไม่มีใครรู้ว่าตัวเขามีเจ้าของแล้วอย่างนี้ด้วย คงไม่แปลกที่จะมีใครมาหยอดขนมหวานอยู่บ้างในหลายครั้ง “อ้าว คุณทาเทยามะ มาไวนะครับ”

“พอดีมีเซอร์ไพรท์นิดหน่อย”รอยยิ้มแหย ๆ บนใบหน้าอารมณ์ดีของกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดที่นับว่าเป็นบอสใหญ่แต่ไม่สุดของพวกเขาเล่นเอาลูกน้องทั้งสองหายใจไม่ทั่วท้อง “คือ... ท่านประธานจะไปด้วยน่ะ”

“ห๊ะ! อะไรนะครับ”หนึ่งหัวหน้าแผนก หนึ่งลูกน้องหน้าใหม่อุทานเป็นเสียงเดียวกันลั่น ดวงตาสองคู่เบิกกว่าอย่างตกใจ

แต่ยังไม่ทันที่จะได้อธิบายอะไรกันเพิ่มเติม ร่างของผู้ที่กำลังถูกพูดถึงก็เดินโฉบเข้ามาในสายตาซะก่อน

พร้อมกับสาวสวยที่เคยเห็นแต่ในทีวีคนนั้น...

ไอสึกิหลบสายตาที่มองมาทันที เขาเบือนหน้าหันไปยิ้มและพูดคุยกับหัวหน้าแผนกของเขาอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับหันมาทักทายเพื่อนร่วมงานที่ทยอยกันมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

“อากิโตะคะ”เสียงหวานของสาวน้อยที่ควงแขนเขาอยู่เอ่ยเรียกเบา ๆ “มองอะไร... อยู่เหรอคะ”

“ไม่มีอะไรหรอก”เขาตอบปัดไปเนือย ๆ แต่สายตาก็ยังจับจ้องที่คนของตนอยู่ไม่ห่าง

อากิโตะเป็นคนหวงของมากคนหนึ่ง สิ่งไหนที่เป็นของเขา เขาย่อมไม่อยากให้ใครมาแตะต้อง

ไอสึกิเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เขาไม่ต้องการให้ใครมายุ่มย่าม

โดยเฉพาะวันนี้ที่เจ้าตัวแต่งกายได้น่ามองเป็นพิเศษ เสื้อไหมพรมคอเต่าแขนกุดสีน้ำเงินกับกางเกงเดฟสีขาวที่ดูรัดจนเห็นท่อนขาเรียวสวยนั่น

แต่อากิโตะก็ไม่ได้ขยับตัวไปดึงไอสึกิออกมาจากวงล้อมของเพื่อน ๆ ของเขา ได้แต่เหลือบมองเป็นระยะจนพนักงานหลายคนต้องขยับออกห่างและเงียบเสียงลง เพราะคิดว่าท่านประธานไม่พอใจเสียงที่ดังยิ่งกว่านกกระจอกแตกรัง

นาโอมิเบือนหน้ามองคนที่จู่ ๆ ก็บอกเธอว่าจะไปฟุกุโอกะกับลูกน้องในวันที่เธอนัดจะไปดินเนอร์ด้วย แน่นอน ด้วยความอยากรู้เธอจึงขอตามมาด้วยคน ตอนแรกนึกว่าคู่หมั้นของเธอจะไปหลงสาวเบต้าที่ไหนในบริษัท แต่ก็ไม่เห็นจะสนใจใครเป็นพิเศษสักเท่าไหร่

แต่เธอ... ไม่รู้หรอกว่ามีโอเมก้าอยู่ในกลุ่มพนักงานด้วย

พวกโอเมก้าในสายตาของเธอไม่ต่างอะไรจากเครื่องจักรที่มีไว้ผลิตลูกที่ดีเยี่ยมและโยนทิ้งได้ทันทีหลังจากได้ลูกมา

แปดโมงตรงทุกคนก็ไปนั่งรัดเข็มขัดอยู่บนเครื่องเรียบร้อย ไอสึกิช่วงชิงที่นั่งริมหน้าต่างมาได้อย่างเฉียดฉิว ทำเอาสาวน้อยที่ตามมานั่งข้าง ๆ ทำหน้างองำ

จากโตเกียวบินตรงไปยังฟุกุโอกะใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ ก่อนจะเกินทางต่อไปที่ซากะ เมืองที่เป็นเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของคิวชู เพื่อนไปลงแช่ออนเซ็นกันก่อนในวันแรก

คาระซึคือจุดหมายของพวกเขา

หลังจากเอาของไปเก็บกันในเรียวกังที่จองเหมาเอาไว้ ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปเที่ยวในที่ ๆ ตนหมายตา กลุ่มของไอสึกิเลือกไปน้ำตกที่มีชื่อเสียงติดระดับประเทศอย่างน้ำตกมิคาเอริเป็นที่แรก

ในเดือนมิถุนายนนี้ ดอกไฮเดรนเยียกำลังเริ่มบานสะพรั่ง ความสวยงามของธรรมชาติที่สร้างสรรค์ขึ้นมานั้นน่าชื่นชมจนต้องยกมือถือขึ้นมาเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ในเมมโมรี่เป็นที่ระลึก

พวกเขาทั้งสี่คนผลัดกันเดินถ่ายรูปไปทั่ว บางครั้งก็ยื่นให้กับเพื่อนที่มาที่เดียวกันถ่ายให้บ้าง วิ่งไปถ่ายกับคนโน้นคนนี้บ้าง

ไอสึกิเป็นหนึ่งในคนที่รุ่นพี่วิ่งมาถ่ายรูปร่วมด้วยเยอะที่สุด ในฐานะที่ดวงดีได้รางวัลมาให้กับแผนก เขายิ้มร่าให้กล้องทุกตัวที่หันมาหาอย่างเป็นมิตรจนเหงือกแห้ง

หลังจากนั้นก็พอกันไปหาอะไรกินตามร้านข้างถามที่ราคาไม่สูงนักจนกระทั่งพระอาทิตย์คล้อยต่ำลง จึงกลับไปยังเรียวกังกันเตรียมไปแช่น้ำผ่อนคลายที่ออนเซ็นกลางแจ้ง

ไอสึกิที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็ขอตัวไปพักผ่อนโดยไม่คิดจะลงไปแช่ออนเซ็นร่วมกับใคร เขานึกอยากจะใส่ยูกาตะนอนอยู่เหมือนกัน แต่ร่องรอยที่คอทำให้เขาต้องจำใจใส่เสื้อคอเต่าไว้เหมือนเดิม ถ้าไม่อย่างนั้น เขาคงถูกคนมานั่งซักไซร้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยจนเกินพอดีไปทั่งคืนแน่

ห้องพักขนาดเล็กสำหรับนอนคนเดียวแยกมาโดยเฉพาะทำเอาเขาอดที่จะยิ้มหม่นหมองไม่ได้ มาเที่ยวกับเพื่อน ๆ ทั้งที ใจจริงเขาก็อยากที่จะสังสรรค์เฮฮาเหมือนกัน แต่ก็ต้องระวังตัวเองเอาไว้...

มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย หากโอเมก้าที่ทำพันธะแล้วจะไปมีอะไรกับคนอื่น... เลวร้ายสุดคือความตายที่จะมาเยือนในไม่ช้า

เสียงประตูเลื่อนเปิดออกมาพร้อมกับเงาที่พาดทับลงมา ไอสึกิที่นั่งหันหลังมองธรรมชาติผ่านหน้าต่างบนฟูกริมหน้าเอี้ยวตัวหันมาอย่างประหลาดใจ

“คุณอากิโตะ”ชื่อของคนที่ไม่น่าจะปรากฏตัวในห้องของเขาเวลานี้ลอดออกมาจากริมฝีปากบาง ดวงตาสีฟ้าสว่างเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา “แล้ว... คุณผู้หญิงล่ะครับ”

“เธอก็นอนกับเลขาของเธอน่ะสิ”ร่างสูงในชุดยูกาตะนั่งลงตรงหน้าของเขา ก่อนจะตบหน้าตักเบา ๆ “มานั่งนี่สิ”

สายตาที่ลังเลทำให้อากิโตะหมดอารมณ์จะหยอกคนตรงหน้าเล่น เขาลุกขึ้นเดินไปคว้าชุดยูกาตะสีฟ้าอ่อนที่พับวางอยู่บนโต๊ะเหวี่ยงใส่ร่างผอม

“เปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันจะพาไปเดินเล่น”คำสั่งส่งตรงมาไม่เว้นว่างให้ได้ค้าน “ถ้าชักช้า ฉันจะเปลี่ยนให้เอง”

ไอสึกิจ้องคนที่ออกคำสั่งมาแต่กลับยืนกอดอกมองมาที่เขานิ่ง ด้วยท่าทีของอากิโตะทำให้เขารู้ได้โดยไม่ต้องมีใครมาบอกว่าเจ้าตัวคงจะยืนจ้องเขาอยู่แบบนี้ ไม่ออกไปรอข้างนอกอย่างที่ควรทำแน่

มือเรียวคลี่ยูกาตะเนื้อดีเกินกว่าที่จะเป็นของเรียวกังออกมาดู ลวดลายของชุดที่ไม่ได้อ่อนหวานจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้แข็งกระด้าง ทำให้แววตาของไอสึกิฉายแววพึงพอใจ เขายอมถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก รวมทั้งกางเกงนอนขายาวนั่นด้วย ร่างโปร่งที่ไร้ไขมันส่วนเกินถูกรวบเข้าไปในอ้อมแขนของผู้ร่วมห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว

“คุณอากิโตะ!”หัวคิ้วเรียวมุ่นเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจนัก “ปล่อยสิครับ ถ้าคุณผู้หญิงมาเห็นจะไม่ดีนะครับ”

“กังวลแทนฉันอย่างนั้นเหรอ น่ารักจริง”จูบหนัก ๆ ที่ข้างแก้มทำให้ไอสึกิต้องเอียงหัวหลบน้อย ๆ “นาโอมิรู้สถานะของเขาดี”

“แล้ว... ทำไมอยู่ ๆ ถึงมาเอาใจผมล่ะครับ”เขาถามคำถามที่อยู่ในใจออกไป แล้วเก็บความสงสัยเกี่ยวกับคู่หมั่นสาวสวยคนนั้นเอาไว้ไม่ถามออกมา

“ถ้าฉันไม่เอาใจนาย แล้วจะให้ฉันไปเอาใจใครล่ะ หืม”มือร้อนลูบไล้ผ่านเอวบางขึ้นมาที่ยอดอกสีสวย “นายเป็นคนเดียวนั่นล่ะ ที่ฉันจะเอาใจ รู้ไหม”

ตอนแรกไอสึกิแอบคิดว่าคงจะไม่ได้ออกไปไหนแล้ว แต่ผิดคาดที่อากิโตะกลับช่วยสวมยูกาตะให้กับเขาอย่างนุ่มนวล

“ไปกันเถอะ”สัมผัสอุ่นร้อนที่กอบกุมมือของเขาอยู่นั้น ทำให้ไอสึกิเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

อากิโตะพาไอสึกิไปยังศาลเจ้ายูโทคุ อินาริในเมืองคาชิมะแม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืน แต่ความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาเกือบพันปีแล้วกลับไม่เลือนหายไป

เสียงกระดิ่งต้องลมแว่วกังวานอยู่ตลอดทางเดิน ราวกับกำลังร้องต้อนรับผู้มาเยือนยามวิกาล สายลมที่โชยพัดมาโอบล้อมร่างทั้งสองไว้ อากิโตะจึงหันไปรับเสื้อคลุมสีขาวปลอดจากจิโร่ที่อยู่ห่างออกไปมาห่มให้กับคนร่างเล็ก ก่อนจะพาเดินไปยังจุดชมวิว

“สวยจัง...”ใบหน้ามนเงยขึ้นมองดวงดาวที่พร่างพรายอยู่เต็มผืนฟ้า เขาอาจจะไม่ได้ชื่นชอบดอกไม้ใบหญ้า แต่สำหรับดวงดาวไอสึกินั้นกลับชมชอบมากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดที่ธรรมชาติ “ดาวตกล่ะครับ คุณอากิโตะ”

ไอสึกิชี้ชวนให้คนข้างตัวมาชื่นชมปรากฏการณ์บนฟ้าไปกับเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง อากิโตะคว้าเอวคอดมากอดเอาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะซุกซนจนพลัดตกลงไป

นับตั้งแต่วันที่เขาตีตราเป็นเจ้าของร่างโปร่งนี้ ไอสึกิก็ดูปล่อยตัวเวลาอยู่กับเขามากขึ้น ไม่พยายามหลบหลีกไปไหนอีก

“กลับกันเถอะครับ”จู่ ๆ เสียงนุ่มหวานนั้นก็เอ่ยขึ้น “ขอบคุณมากนะครับ ที่พาผมมา... แต่นี่ก็ดึกแล้ว ถ้าไม่รีบกลับกัน คนที่เรียวกังคงเป็นห่วงแย่”

“นั่นสินะ”

อากิโตะโอบเอวไอสึกิเดินลงไปหาจิโร่ที่ยืนเฝ้ามองอยู่จากข้างล่างศาลเจ้าไม่ไกลนัก เขาส่งยิ้มบางให้คนสนิทเล็กน้อย แล้วเดินต่อไป

“ดึกมากแล้ว เราหาที่พักแถวนี้แล้วกัน พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับไป”คำพูดที่ไม่ได้มีทางเลือกอะไรไว้ให้เหมือนทุกครั้ง แต่กลับไม่ขัดหูผู้ร่วมทางเป็นครั้งแรก

“ครับ”ไอสึกิตอบรับอย่างว่าง่าย รอยยิ้มยังคงฉาบทับอยู่บนใบหน้าชวนมองจนใครบางคนอดใจไม่ได้ ต้องโน้มมาฉกชิงความหวานนั้นสักเล็กน้อย “ไม่เอาครับ คุณอากิโตะ ที่นี่... ไม่ได้”

คำพูดปฏิเสธหากแต่ยังเปิดทางนั่นส่งผลให้ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพากันไปยังที่พักหรูซึ่งจิโร่ได้จัดหาไว้ก่อนหน้าแล้ว

“แผนสูงนะครับ”ไอสึกิส่ายหน้าน้อย ๆ แต่ก็ยอมโอนอ่อนไปตามการจักนำของคนตรงหน้าอย่างไม่คิดจะขัดขืน

นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเต็มใจให้อีกฝ่ายกอด ทั้งยังมีสติควบคุมตนเองได้ และเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ไอสึกิได้มองใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ปรารถนายามเล้าโลมร่างกายของเขา

อากิโตะพรมจูบไปทั่วร่างขาวนวล เขาดูดดุนต้นคอที่มีรอยกัดของตนเองอยู่จนขึ้นสีกลีบกุหลาบช้ำ แล้วไล้มาตามแผ่นหลังเนียนสวย ก่อนจะพลิกให้ร่างเล็กหันมาหาตนเพื่อหยอกล้อยอดอกทั้งสองช้างให้ชูชัน

ช่องทางหลังชื้นแฉะจากเมือกใสที่หลั่งออกมาตามกลไกของร่างกาย เขาแยกขาออกกว้างให้อัลฟ่าหนุ่มคู่พันธะของตนได้สอดใส่เข้ามาภายใน

นี่ก็เป็นครั้งแรกอีกหนึ่งอย่างที่ทั้งสองไม่เคยทำมาก่อน การผสมพันธุ์ที่ผ่านมาอากิโตะและไอสึกินั้นทำทุกอย่างไปตามสันชาตญาณ พวกเขาจึงไม่เคยสักครั้งที่จะมองหน้ากันยามที่ร่างกายประสาน... แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แบบนั้น มันเกิดจากความเต็มใจของทั้งคู่เอง

นัยน์ตาสองคู่สบประสานก่อนจะแลกจุมพิตหวานล้ำกันยาวนาน ไอสึกิตวัดขาขึ้นรัดเอวหน้าที่ขยับเข้ามาในร่างเขาถี่รัว ความแสบปนสุขสมที่เรียกเสียงครางอื้ออึงในลำคอของไอสึกินั้นไปปลุกเร้าให้ห้วงอารมณ์ของอากิโตะยิ่งถลำลึกเข้าไปอีก

“อ่า...”สะโพกแกร่งกระแทกกายเข้าไปจนสุดทาง การขยับขยายของบางสิ่งในร่างกายทำเอาผู้ที่ตอดรับสิ่งนั้นอยู่สะท้านเฮือก

“ยัง... น็อทอีกนะครับ”คำเอ่ยแซวที่ไม่เข้ากับบรรยากาศหลุดออกมาจากริมฝีปากซีด ใบหน้าของไอสึกินั้นซีดเผือดเมื่อต้องทนรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด

การที่บัลบัส แกรนด์ดิสของอัลฟ่าขยายตัวนอกช่วงเวลารัทไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยนัก หากไม่ใช่เพราะสุขสมในการร่วมเพศจนถึงขีดสุดแล้ว... มันไม่มีทางเป็นไปได้ และไอสึกิก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นไปด้วย เพราะการขยายตัวของสิ่งนั้นทำให้อากิโตะไม่อาจถอนตัวออกไปจากร่างของเขาได้จนกว่ามันจะหดคืนลง

ทั้งสองค้างอยู่ในท่าที่มีอากิโตะนอนทับไอสึกิที่กอดร่างหนาไว้แน่นกว่าครึ่งชั่วโมง และทุกครั้งที่ธารน้ำอุ่นฉีดพุ่งเข้าไปในร่างกาย ตัวของไอสึกินั้นพลันกระตุกรับทุกครั้งไป

ความรู้สึกแปลกใหม่นี้สร้างความพอใจให้กับประธานใหญ่มากถึงมากที่สุด จนถึงขนาดที่ว่าแอบหมายมั่นไว้ในใจว่าครั้งหน้าจะให้ไอสึกิเป็นฝ่ายขยับเองบ้าง

แต่อากิโตะไม่คิดจะบอกไอสึกิหรอกนะ...

เอาไว้ถึงเวลา ก็ทำเลยดีกว่ากันเยอะ

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

มาหวานบ้างอะไรบ้าง ฮ่าๆ รีไรท์รอบที่ 1 ไปแล้ว ไม่แน่ใจคำผิดยังหลงไหม เดี๋ยวจะรีเช็ครอบที่สองค้าา

เม้นได้ ติได้ ด่าพระนางใจง่ายได้นะคะ ฮ่าๆ

ตอนนี้อัพทันที่อื่นแล้ว ต่อไปจะลงวันเว้นวันนะคะ (จบในเดือนนี้แล 555 )

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ท่านประธานเจ้าเล่ห์จริงๆ เหอๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
กับคู่หมั้นนี่ยังไง... คือก็มีแผนจะแต่ง ?
แล้วกับไอสึกิล่ะ... เห็นเป็นนายบำเรอหรือไง ฮึ่ม

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
อนอัวนะคู่นี้
ไม่ชัดเจนเลย
ความรู้สึกแต่ละคน
มันทั้งเจ็บทั้งสุขแฮะ

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ท่านประธาน...สรุปท่านจะทำอะไรใคร ควบสองอ่อ?
แบบนั้นมี :z6: นะคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทั้งคู่ มีความสุขล้นเหลือ
จนถึงขั้นอวัยวะส่วนนั้นขยายรับกัน
จะทำให้กักเก็บน้ำเชื้อเต็มที่
จนสามารถตั้งท้องได้แน่เลย
ยิ่งไอสึกิ มีอะไรบางอย่างไม่เหมือนโอเมก้าทั่วไป
ไอสึกิ จะเป็นยังไงต่อไปนะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mintra1982

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ถี่ซะขนาดนี้ลูกดกแน่ๆ :hao3: รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ AkaneSama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบแนวนี้มากเคยอ่านแต่ในโดจิน แต่เดี๋ยวนี้ก็นิยมมาแต่งนิยายกันบ้างแล้ว ฟินเว่อร์ค่ะ  :hao7:  :katai2-1:
ส่วนตัวชอบโอเมก้ากับเบต้า เพราะดูเป็นความรักที่เป็นไปได้ยาก เพราะโอเมก้าส่วนใหญ่คงเลือกอัลฟาอยู่แล้ว (เพิ่งอ่านโดจิน เบต้า x โอเมก้า มายังอินอยู่)แต่
อัลฟา x โอเมก้าก็โอเคนะชอบเหมือนกัน
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คนแต่งต่อไปนะคะ :mew1: :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
ชอบแนวนี้มากเคยอ่านแต่ในโดจิน แต่เดี๋ยวนี้ก็นิยมมาแต่งนิยายกันบ้างแล้ว ฟินเว่อร์ค่ะ  :hao7:  :katai2-1:
ส่วนตัวชอบโอเมก้ากับเบต้า เพราะดูเป็นความรักที่เป็นไปได้ยาก เพราะโอเมก้าส่วนใหญ่คงเลือกอัลฟาอยู่แล้ว (เพิ่งอ่านโดจิน เบต้า x โอเมก้า มายังอินอยู่)แต่
อัลฟา x โอเมก้าก็โอเคนะชอบเหมือนกัน
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คนแต่งต่อไปนะคะ :mew1: :mew1:

ภาคต่อมีทั้ง เบต้า โอเมก้า และ อัลฟ่า เบต้า นะคะ รอกันหน่อยน้าา // อุ๊ มาเป็นซีรี่ย์ 55555

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
Chapter 8

ขนมเค้กชิ้นเล็กถูกส่งเข้าไปในโพรงปากอุ่นเป็นชิ้นที่สามท่ามกลางสายตาของเพื่อน ๆ ที่มองมาอย่างตกตะลึง

คนที่กินไม่ต่างจากดมอย่างไอสึกิกลับส่งของกินลงท้องได้มากกว่าปกติหน้าตาเฉย ทั้งที่ปกติแล้วเขาไม่มีทางกินเกินชิ้นครึ่งแน่นอน ทั้งยังเป็นการกินหลังอาหารกลางวันด้วย

“เมื่อวานไม่ได้กินข้าวเหรอ ไอสึกิ”คำถามที่โพรงถามขึ้นหลังจากทั้งสี่กลับมานั่งประจำที่ในห้องทำงานใหญ่แล้ว มันเป็นคำถามที่ทำให้คนตัวผอมฉุกคิดขึ้นมาได้

“เมื่อวานผมง่วงมาก... ก็เลยนอนตั้งแต่กลับไปถึงห้องน่ะครับ”ทั้งที่นอนยาวถึงเช้าตื่นสาย ได้กินเพียงโกโก้ร้อนแก้วนึงก่อนมาทำงาน แต่เขาก็ยังรู้สึกง่วงงุนอยู่ไม่น้อยอยู่ดี “ตอนนี้ผมก็ง่วง...”

ดวงตาคู่สวยปรือปรอยจะปิดได้ตลอดเวลา แต่เขาก็ฝืนไว้จนทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นจึงฟุบหลับลงไป

และมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนี้เพียงแค่วันเดียว วันถัด ๆ มาอาการพวกนี้ก็ยังไม่หายไปจนเพื่อน ๆ หลายคนเข้ามาถามเขาด้วยความเป็นห่วง มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปในทางที่ประหลาด

เรี่ยวแรงที่เคยมีก็เหมือนจะลดลง นอนมากขึ้น และเหนื่อยง่ายขึ้น

มันแปลกเกินไป

นามบัตรที่ถูกเก็บไว้ในส่วนลึกของลิ้นชักถูกหยิบออกมาพลิกดูอยู่หลายครั้ง ถึงจะยังมีติดต่อกันกับทั้งสองคนบ้าง แค่เขาก็ไม่เคยเป็นฝ่ายโทรไปก่อนเลย ทั้งยังไม่มีเบอร์ของคิริวด้วย ไลน์ไปก็ยังเงียบ ไม่มีการตอบกลับ

“เฮ้อ”อันที่จริงแล้ว เขาอยากติดต่อหาใครอีกคนที่หายหน้าไปเหมือนกัน แต่จะให้เดินขึ้นไปขอเข้าพบจากเลขาหรือดักรอที่ลานจอดรถขอบริษัท มันก็ตะขิดตะขวงใจมากไปหน่อย

ความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวทำเอาไอสึกิสะดุ้งเฮือก จิตใต้สำนึกเขาเริ่มที่จะพึ่งพิงใครอีกคนแล้วอย่างนั้นเหรอ

มือขาวเหวี่ยงโทรศัพท์เก็บเข้าที่ไปแล้วทิ้งตัวลงนอน จะว่าไปนี่ก็เป็นสัปดาห์แล้วที่ไม่ได้เจอหน้าของคน ๆ นั้น...

ความคิดในสมองวนเวียนอยู่กับร่างสูงใหญ่ที่เคยโอบกอดตนไว้ไม่อาจสลัดมันออกไปได้ จนกระทั่งผล็อยหลับลงไป

ในความฝัน เขาเห็นอากิโตะมายืนอยู่ตรงหน้า สองแขนเอื้อมมากอดตัวเขาไว้ ความอบอุ่นที่ได้รับนั้นทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวอย่างมาก

ไอสึกิตื่นมาพร้อมอาการมึนหัวอย่างหนัก เขาพยุงตัวลุกขึ้นช้า ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปทำงานโดยไม่คิดจะหาอะไรลงท้องก่อนสักนิด

เขามานอนฟุบอยู่ที่โต๊ะในช่วงก่อนถึงเวลาเริ่มงาน และยันตัวขึ้นมาขีดเขียนงานประจำวันด้วยท่าทีเซื่องซึม

ใบหน้าที่ซีดขาวและมีท่าทีอ่อนแรงจนทาคากิมองแล้วอดรนทนไม่ได้ ต้องเดินมาไล่ให้คนป่วยกลับไปนอนพัก ยึดงานที่เจ้าตัวทำเอาไปกองให้กับสหายที่พร้อมจะรับงานง่าย ๆ พวกนี้ไปทำกันอย่างเต็มใจแทน

“ขอบคุณครับ...”ไอสึกิค้อมหัวน้อย ๆ แล้วเดินโซเซออกไปท่ามกลางสายตาที่มองตามมาอย่างเป็นห่วง

“มันสึระ นายไปส่งไอสึกิหน่อยดีกว่าไหม”ฮิโยชิที่รับงานของไอสึกิมามากที่สุดเดินมาพูดคุยกับเพื่อนรุ่นน้องด้วยท่าทีเครียด ๆ “หมอนั่นดูไม่ดีเอามากเลยนะนั่น”

“ผมก็อยากไปนะพี่ แต่งานเร่งนี่ดิ”มันสึระถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถ้าผละออกไปตอนนี้มีหวังงานเสร็จไม่ทันกำหนดแน่ ๆ “พี่กับโทโมเอะเองก็มีงานใช่ไหมล่ะ”

“แย่จัง งานฉันเองก็ต้องส่งเย็นนี้แล้วด้วยสิ”โทโมเอะขบริมฝีปากล่างอย่างหงุดหงิดใจ ถ้าเธอเร่งทำซะตั้งแต่แรกก็คงจะพอปลีกตัวไปได้อยู่หรอก “หวังว่าจะไม่เป็นอะไรนะ”

ทั้งสามถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหลับไปนั่งปั่นงานกันเต็มสปรีท เพื่อที่ว่าตอนเย็นจะได้พุ่งไปเยี่ยมอาการของน้องน้อยของพวกเขาได้

ไอสึกิที่เดินออกมาได้ถึงหน้าบริษัทแล้วยิ่งโทรมลงไปอีก เขารู้ตัวเองว่าถ้าเดินต่อไปอีกสักหน่อยคงจะล้มพับลงไปแน่ จึงเลือกที่จะเข้าไปนั่งพักในร้านขนมพื้นเมืองที่อยู่ใกล้กับบริษัทแทน

เจ้าของร้านเหลือบมองผู้เข้ามาใหม่ ก่อนจะยกน้ำเปล่ามาให้โดยไม่ถามอะไร เขายิ้มแล้วเดินไปหยิบของบางอย่างมาโดยไม่ได้รอฟังออเดอร์ ซึ่งไอสึกิไม่ได้มีในใจอยู่แล้ว

ขณะที่เขากำลังจะหยิบมือถือขึ้นมา ภายในท้องก็เริ่มมวลพร้อมกับความพะอืดพะอมที่ตีตื้นจนต้องสาวเท้าพุ่งเข้าห้องน้ำไป

เมื่อกลับมานั่งที่โต๊ะ เขาตัดสินใจกดโทรศัพท์หาฮาคุเพราะไม่อยากโทรกลับไปที่บ้านให้พ่อแม่เป็นห่วง แต่การอยู่คนเดียวตอนนี้ เขาก็ไม่รู้สึกว่าเป็นทางเลือกที่ดีนัก

“ฮัลโหล”น้ำเสียงที่ลอดผ่านสายโทรศัพท์มาแสนจะเย็นชา จนไอสึกิต้องเอาเบอร์ที่กดมาดูเทียบกับเบอร์ในนามบัตรด้วยความตกใจ “ฮัลโหล ใครน่ะ”

“ผม... ไอสึกิครับ”เขาตอบกลับคู่สนทนาในสายไปเสียงแผ่ว “คุณฮาคุพอจะว่างคุยไหมครับ”

“ไอสึกิเองเหรอ ว่างสิ”น้ำเสียงเปลี่ยนไปทันที ฟังแล้วดูนุ่มนวลขึ้นมาก “นายมีอะไรหรอเปล่า”

“ครับ พอดีผมติดต่อคิริวไม่ได้เลยต้องโทรมารบกวนคุณแทน...”เขาเลือกที่จะเกริ่นอ้อม ๆ ไปก่อน ใจจริงแล้วตัวเขาอาจจะคุยกับคิริวมากกว่าจริง ๆ

“อ้อ ช่วงนี้คิริวเขาติดเกมน่ะ มีธุระอะไรเหรอ”ฮาคุตอบกลับมาสบาย ๆ ในน้ำเสียงนั้นปนความขบขันแกมเอ็นดูคู่หมั้นของตนอยู่ด้วยชัดเจน “หรือเป็นอะไร บอกฉันได้นะ”

“เอ่อ... ผมไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เลยจะขอรบกวนหน่อยนะครับ”เมื่อได้ยินดังนั้น ฮาคุก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินดุ่มไปเปิดห้องข้าง ๆ ซึ่งคิริวนั่งเล่นเกมอยู่ทันที “แต่ถ้าไม่สะดวก..”

“ไม่เป็นไร นายอยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันไปรับ”เสียงพูดนั้นดังพอที่จะเรียกความสนใจจากคนที่จับจ้องหน้าจอทีวีอยู่ให้หันมามองด้วยแววตาสงสัยได้ “รอที่นั่น อย่าไปไหนล่ะ”

“ใครโทรมาน่ะ ฮาคุ”คิริววางจอยในมือลงแล้วลุกขึ้นมาหาคนที่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่ “ทำไมเหรอ”

“ไอสึกิโทรมา บอกไม่สบาย”คิริวเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาไปหายังดี ๆ อยู่เลยนี่ “เสียงดูไม่ดีเท่าไหร่เลยด้วย”

“ฮาคุจะไปรับไอไอใช่ไหม ไปกันเลยเถอะ”คิริวรีบลากฮาคุไปที่รถแล้วเร่งยิก “เร็วสิ ฮาคุ เร็ววว”

เพื่อนโอเมก้าคนแรก ทั้งยังเป็นผู้มีพระคุณของคิริวกำลังต้องการความช่วยเหลือนะ!

“ไหวหรือเปล่าจ๊ะ”คุณป้านานะเจ้าของร้านขายขนมที่ไอสึกิมานั่งพักรอคนที่เพิ่งวางสายไปเดินเข้ามาหาพร้อมถามไถ่อย่างเป็นห่วง “กินนี่สิจ๊ะ เผื่อจะดีขึ้นบ้าง”

เยลลี่สีน้ำตาลอ่อนใสวางลงตรงหน้าร่างบาง เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงวัยทองดีที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะอย่างประหลาดใจ

“ขอบคุณครับ”ไอสึกิตักเยลลี่ที่ไม่น่าจะมีขายในร้านขายขนมญี่ปุ่นนี้เลยเข้าปากไป รสเปรี้ยวอมหวานที่ได้รับทำให้เขารู้สึกดีขึ้นไม่ยาก “อร่อยจังเลยครับ”

“อร่อยก็กินเยอะ ๆ นะจ๊ะ”นานะยิ้มให้เขาอย่างเอ็นดู “อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวป้าทำให้”

“ไม่เป็นไรครับ”จนตอนนี้เขาก็ไม่รู้สึกอยากอาหารอะไร ต่างจากเมื่อหลายวันก่อนที่กินเป็นพายุเลย

นานะเดินไปอุ่นนมมาให้กับไอสึกิโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ร้องขอ เธอยืนมองใบหน้าที่ซีดเซียวอย่างอาดูร ก่อนจะผละไปต้อนรับลูกค้าใหม่ที่เข้ามาซื้อขนมกลับไป

“หนูเป็นโอเมก้าใช่ไหมลูก”เธอถามขึ้นเมื่อลูกค้าออกจากร้านไปหมด เหลือเพียงเด็กหนุ่มที่ยังนั่งนิ่งอยู่

“ครับ...”ไอสึกิพยักหน้ารับน้อย ๆ แล้วยกนมขึ้นจิบอีกครั้ง “คุณป้ารู้ด้วยเหรอครับ”

“ถ้ามองจากรูปลักษณ์หนู ป้าก็ดูไม่ออกหรอกจ๊ะ”โจ๊กเนื้อเนียนที่ถูกเนรมิตขึ้นมาตอนไหนไม่รู้ถูกยกมาวางให้ “แต่ป้ารู้จากอาการของหนูมากกว่า โจ๊กนี่เหลือจะที่ป้าทำเมื่อเช้า คงไม่ถือนะ”

“ไม่หรอกครับ ว่าแต่อาการอะไรเหรอครับ?”คำพูดที่ทำให้ไอสึกิยิ่งงงหนักกว่าเก่า เขามองหน้าผู้พูดอย่างไม่เข้าใจ

“ก็หนูน่ะ แพ้ท้องอยู่ไม่ใช่เหรอ”เธอมองใบหน้าที่ตกตะลึงนั่นด้วยความสงสัย ก่อนจะคลี่ยิ้มใจดีส่งให้ “อาการของหนูน่ะ เป็นคนที่กำลังแพ้ท้องไม่ผิดแน่ หนูไม่รู้ตัวเหรอลูก”

ไอสึกิรู้สึกเหมือนโดนหิมะถล่มทับ ร่างทั้งร่างเย็นเฉียบ ใบหน้าที่ดูหล่อเหลาแต่ติดหวานนิด ๆ ซีดเผือดไร้สีเลือดกับสิ่งที่ได้รับรู้

“ไม่มั้งครับ...”เขาปฏิเสธแผ่วเบาแล้วนึกย้อนกลับไปในช่วงเดือนก่อน ๆ “ผมว่า... ผมกินยาคุมตลอ---”

เสียงที่พูดออกมาสุดุดหายไปเมื่อนึกได้ว่า ช่วงที่เขาฮีทจนไม่ได้สติเจ็ดวันนั้น... อากิโตะคงไม่ได้ให้เขากินยาคุมแน่

สัญญาณเตือนภัยในสมองร้องลั่น ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องที่เขาไม่อาจควบคุมได้นั้นสูงทะลุฟ้า

“คู่ของหนู... เขาไม่ได้อยู่กับหนูเหรอลูก”คุณป้านานะถามอีกครั้งด้วยเมื่อเห็นคนตรงหน้าเงียบเสียงไปนาน หล่อนรู้สึกสงสารปนสังเวชในโชคชะตาของเหล่าโอเมก้าที่ถูกลิขิตมาให้โดนข่มเหงโดยไม่มีทางเลือก

“เปล่าครับ”คำตอบที่เหมือนจะสั้นเกินไป ทำให้หญิงวัยกลางคนกุมมือแนบอก “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ คือ... ผมยังไม่ได้เจอเขา”

“อ้าว เป็นอย่างงั้นไป”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”ไอสึกิยิ้ม และยังคงยิ้ม “ผมก็แค่ป่วยเองนี่ครับ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“เอาเถอะจ๊ะ”สายตาเห็นใจถูกส่งมาให้กับเขา เดาได้เลยว่าคุณป้าคงคิดไปไกลไหนถึงไหนแล้ว...

ไอสึกิกินโจ๊กไปได้แค่หนึ่งส่วนสามของชาม ความพะอืดพะอมก็ตีขึ้นมาอีกครั้ง ถึงจะไม่ได้หนักหนามาก แต่มันก็ทำให้เขากินอะไรไม่ลงอีก

“ไอไอ”เสียงใสร้องดังลั่นเข้ามาในร้านเล็ก ๆ แห่งนี้ พร้อมกับร่างเตี้ย ๆ ที่วิ่งถลาเข้ามา “ไอไอเป็นอะไรไหม”

“ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ... คิริว”คำพูดที่เอ่ยออกมาไม่ได้สอดคล้องกับสีหน้าและท่าทางเลย คิริวมองคนที่กำลังฝืนด้วยความเป็นห่วง

แค่ไม่ถึงสัปดาห์... ไอสึกิก็ดูโทรมขนาดนี้เลยเหรอ

“พาไอสึกิไปที่บ้านก่อนเถอะ”ฮาคุที่ยืนมองคนรักจับตรงนั้นของเพื่อนที ลูบตรงนี้ที ปากเล็ก ๆ ขยับเอ่ยถามไม่หยุดจนต้องออกตัวขัดเอง ก่อนที่คำพูดของคิริวจะทำให้คนป่วยมึนและเป็นลมล้มพับไป

“นั่นสินะ”คิริวประคองร่างที่อ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัดขึ้น แต่ส่วนสูงที่รู้สึกจะไม่อำนวยเท่าไหร่นั้นมันเลยทำให้ดูทุลักทุเลไม่น้อยเลย

“คิริวจ่ายเงินไปนะ เดี๋ยวฉันพาไอสึกิไปที่รถเอง”ฮาคุเข้าไปช้อนเอาร่างผอมขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน คิริวพยักหน้ารับคำของคู่หมั้นรัว ๆ แล้วหยิบเอาเงินหมื่นเยนมาวางไว้บนโต๊ะ

“หนู นี่มันเยอะเกินไปแล้วลูก”นานะรีบร้อนปราดเอาเงินไปคืนเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักในสายตาเธอ “หนูคนนั้นเขาไม่ได้สั่งอะไรด้วย ป้าเอามาให้เขากินเอง”

“คุณป้าเก็บไว้เถอะครับ”สีหน้าที่ฉายชัดถึงความรู้สึกเกรงใจ และมือที่ยื่นเงินคืนมาให้ทำเอาคิริวยิ้มหวาน “ถ้าคุณป้าเกรงใจ เอาไว้วันไหนที่คนมารบกวนคุณป้าเมื่อกี้มาอีก คุณป้าก็ช่วยหาอะไรให้เขากินรองท้องอย่างวันนี้อีกสักครั้งจนกว่าคนที่ดูไว้ใจได้จะมารับเขาแล้วกันนะครับ”

“งั้น หนูเอานี้ไปด้วยสิ”กระปุกสีทึบถูกยื่นมาให้แทน “บ๋วยดองน่ะจ๊ะ หนูอีกคนคงต้องกินสักหน่อย แล้วบอกเขาด้วยนะจ๊ะว่าอย่าฝืนตัวทำอะไรให้มากนัก ช่วงสามเดือนแรกจะตกเลือดได้ง่าย หรือถ้าต้องการให้ช่วยเหลืออะไรให้มาหาป้าที่ร้านได้เลยนะจ๊ะ”

“ครับ”คิริวรับคำอย่างมึน ๆ แล้วเร่งฝีเท้าเดินออกไปขึ้นรถยุโรปที่จอดอยู่หน้าร้าน “นี่... ไอไอ คุณป้าเขาฝากมาบอกว่าช่วงสามเดือนแรกให้ระวังตกเลือด ถ้ามีอะไรให้ไปหาป้าเขาได้เลยนะ”

“หืม...”เป็นฮาคุที่เหลือบมองคนที่นั่งซุกตัวอยู่เบาะหลัง ด้วยความที่รับออกมาเขาเลยไม่ได้ให้คนขับรถขับออกมาให้ ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีแล้วก็ได้ “นายท้องอย่างนั้นเหรอ ไอสึกิ”

“ไม่รู้สิครับ...”เสียงที่ตอบมานั้นแผ่วเบาและแฝงความไม่แน่ใจไว้อย่างชัดเจน “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“ไอไอเคยมีอะไรกับอัลฟ่าหรือเบต้าเหรอ”คำถามที่ไม่เห็นว่าจะสมควรที่ต้องถามในเวลานี้หลุดมาจากริมฝีปากเล็ก

“คิริว มันใช่เรื่องไหม”เสียงดุ ๆ ที่เอ่ยปรามจากคนข้างกายเล่นเอาเด็กช่างพูดทำหน้ายู่ ก่อนจะหันไปทำปากยื่นใส่ตาแก่ของเขา

“ก็ฉันอยากรู้นี่น่าว่าครั้งแรกกับของจริงมันเจ็บหรือเปล่า”ฮาคุยกมือกุมขมับด้วยความกลุ้มใจ นี่คนรักของเขายังไม่พ้นวัยช่างสงสัยอีกหรือเนี่ย “เจ็บไหมอ่ะ ไอไอ”

ยัง ยังไม่เลิกหาคำตอบจากคนป่วยอีก

“เอ่อ...”ใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อ แต่แววตาใสแจ๋วประกายความใคร่รู้นั้นทำให้เขาต้องข่มความอายลง “ไม่รู้สิครับ... ตอนนั้นผมไม่มีสติ”

แต่ตื่นมาเจ็บ ครั้งต่อมาก็ยังเจ็บ ล่าสุดตอนมีสติก็ยังเจ็บ... แต่ไอสึกิเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไปเพิ่ม กลับปิดตาลงแล้วไม่ตอบอะไรอีกแทน

“ว้า งั้นก็คงไม่เจ็บหรอกเนอะ”คิริวพองลมจนแก้มป่อง แล้วหันไปหาฮาคุ “เนอะ ๆ ฮาคุ คงไม่เจ็บหรอก”

“กายวิภาคที่เขาสอนที่โรงเรียนนี่ เธอไม่เคยฟังครูเขาเลยใช่ไหมคิริว”ฮาคุถอนหายใจเฮือก เขาแอบชื่นชมไอสึกิในใจที่ไม่ตอบอะไรออกมาให้คนข้างตัวเขาขวัญหนีดีฝ่อ ไม่อย่างนั้นคิริวคงหายตัววับไปตอนช่วงฮีทหลังพวกเขาแต่งงานกันแน่

“อ่า... ฟังสิ แต่มันนานแล้วนี่...”

“เรื่องที่โอเมก้าจะหลั่งของเหลวออกมาในช่วงฤดูผสมพันธุ์เพื่อตอบรับอัลฟ่าน่ะ เธอก็ลืมอย่างนั้นเหรอ”คนตัวเล็กพยักหน้ารับหงึก ๆ เล่นเอาผู้พูดต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง “ไม่เจ็บหรอกน่า ร่างกายของโอเมก้ามีกลไกที่มาช่วยเรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องไปนั่งคิดแล้วปล่อยไปตามธรรมชาติเถอะ”

“อื้อ”เมื่อได้รับคำยืนยันจากฮาคุ คิริวก็ยิ้มแป้นแล้วนั่งฮัมเพลงไปตลอดทาง ต่างจากขามาโดยสิ้นเชิง

ก็... ไอสึกิไม่เป็นอะไรแล้วนี่นะ

ฝ่ายไอสึกิที่แกล้งหลับนั้นขอยกย่องการตะล่อมโกหกหน้าตายของฮาคุในใจไปหลายที

ไม่เจ็บ ไม่เจ็บเลยสักนิด แค่ลุกไม่ไหวเอง

บ้านที่ฮาคุพูดถึงคือบ้านใหญ่ของฮาคุที่มีบอดี้การ์ดหน้าเข้มเดินขวักไขว่กันไปมา ในตอนแรกไอสึกิคิดว่าจะเป็นบ้านเล็กที่ทั้งสองคนมักจะไปนอนพักกันเสียอีก บ้านที่เขาเคยไปนั่งเล่นอยู่ครั้งสองครั้งหลังนั้น

“ใครน่ะ ฮาคุ”เสียงดุดันแฝงด้วยอำนาจดังขึ้นเป็นเสียงแรกเมื่อก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน “แกพาใครมาห๊ะ”

“เพื่อนของคิริวเองครับ คุณพ่อ”คิริวกระโดดออกหน้ารับก่อนที่ฮาคุจะโดนเล่นงานเพราะพาใครไม่รู้เข้าบ้านมาด้วยท่าทีที่สนิทสนมแบบนี้... ทั้งที่ความจริงแล้วคือไอสึกิยังเดินด้วยแรงตัวเองไม่ค่อยไหวเลยต้องมีคนประคองและเขาเตี้ยเกินกว่าจะช่วยเพื่อแค่นั้นเอง ฮึก แค่สูงไม่พอเองนะ “พอดีเพื่อนของคิริวป่วยน่ะฮะ เลยให้ฮาคุช่วยพยุงพาก่อน คุณพ่อ คุณหมอซาโต้อยู่ไหมฮะ”

คิริวเข้าไปกอดและอ้อล้อพ่อของฮาคุจนท่าทีของเขาอ่อนลง ดวงตาเรียวรีปรายมามองใบหน้าซีดเซียวของคนที่เป็นเพื่อนว่าที่สะใภ้ของเขานิ่ง ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้น

“ซาโต้ มาบ้านใหญ่หน่อยสิ เพื่อนคิริวป่วย”ประโยคสั้น ๆแต่เรียกรอยยิ้มกว้างจากคนตัวเล็กได้เต็ม ๆ “พาเขาไปพักที่ห้องพักแขกก่อนไป”

“คร้าบบ ไปเร็ว ฮาคุ”

คล้อยหลังจากที่ทั้งสองพาไอสึกิเข้าไปไม่นานนัก รถสีดำมันปราบก็แล่นมาจอดหน้าประตู ก่อนที่ร่างสูงสง่าของทายาทแห่งทากาฮาชิจะก้าวลงมา

“สวัสดีครับ คุณลุง”เสียงทุ้มห้าวเอ่ยทักท้ายชายวัยกลางคนที่ยังยืนอยู่หน้าบ้าน “ผมโทรหาเลขามินามิ เขาบอกว่าฮาคุกลับออกมาแล้วเลยต้องมารบกวนที่บ้านใหญ่ ขอโทษด้วยนะครับ”

“คนกันเองจะคิดมากไปทำไมกันเล่า”มือหยาบกร้านจากการทำงานมาหลายสิบปีตบเบาบ่าของอากิโตะหนัก ๆ “เพิ่งกลับจากแฟรงเฟิร์ตก็ต้องมาลำบากช่วยเจ้าฮาคุมันอีก ขอบใจมาก”

“ไม่เป็นไรครับ”อากิโตะยิ้มบาง ๆ ตามมารยาท แต่ใจของเขานั้นลอยไปหาอีกคนซึ่งนับแล้วคงใกล้เวลานั้นของเดือนที่ทำให้เขาต้องเร่งมือทำงานแล้วบินกลับมาแบบนี้ “ฮาคุล่ะครับ”

“ห้องพักแขกน่ะ พาเพื่อนคิริวไปพักรอซาโต้”อากิโตะเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ ทั้งสองคนนับตั้งแต่ที่เขารู้จักมาไม่เคยพาเพื่อนเข้าบ้านใหญ่เลยสักครั้ง แสดงว่าต้องสำคัญมากแน่ “ไปหามันที่นั่นล่ะ”

อากิโตะพูดคุยกับเจ้าของบ้านอีกสองสามคำก่อนจะผละเดินไปหาเพื่อนสนิทพร้อมกับหมอซาโต้ที่เพิ่งมาถึง เขาจะได้รีบจบ ๆ ธุระลง

“ไง ฮาค--- ไอสึกิ!”

​๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑


อั๊ยยย มีใครรอฉากนี้ไม่คะ (ไม่มี!!)
อีกนิดนึงจะจบแล้ววว

เม้นได้ ติได้ ชมได้ เต็มที่นะคะทุกคนน

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
มีความค้างสูงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
วรัยส์!เริ่มแล้วๆ//เริ่มอะไร? ฮ่าๆ

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
มีความค้างสูงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

พรุ่งนี้เย็นนะคะ ^^ รอกันด้วยน้าาา

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
Chapter 9

“ไอสึกิ”

เสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีเรียกให้คนที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียงนุ่มเงยขึ้นมาหา ใบหน้าที่แสนจะคิดถึงนั้นซีดเซียวจนน่าตกใจ

อากิโตะพุ่งตัวเข้ามาหาร่างผอม ดวงตาสีเทาฉายชัดถึงความเป็นห่วงเป็นใยคนตรงหน้า มือสากยืนไปลูบแก้มนุ่มที่ยังไร้สีเลือด

“เป็นอะไร”น้ำเสียงที่เอ่ยถามมายังคงเต็มไปด้วยความห่วงใยเช่นเดียวกับการแสดงออก ไอสึกิส่ายหน้าน้อย ๆ เชิงว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร แล้วส่งยิ้มบาง “ไม่เป็นไรได้ยังไง นายหน้าซีดขนาดนี้”

“นี่... อากิโตะ”คิริวยื่นหน้าเข้ามาแทรกระหว่างคนสองคนแล้วฉีกยิ้มส่งให้ “นายเป็นเจ้าของรอยที่คอไอไอใช่ไหม”

“อืม”เขาตอบรับทันทีอย่างไม่คิดจะปฏิเสธ

“งั้นเหรอ... งั้นดูนี่”แท่งพลาสติกอันนึงถูกส่งมาให้ตรงหน้า พร้อมกับแววตาล้อเลียน “ดูสิ ดู ๆ”

“อะไรน่ะ”ใจที่เป็นกังวลของเขาทำให้ความนึกคิดบางส่วนไหลไปกองอยู่ที่ไหนไม่รู้ เขามุ่นหัวคิ้วมองไอ้แท่งที่มีกระดาษซึ่งมีขีดสองขีดขึ้นอยู่ข้างในก่อนจะนิ่งไปอยู่นาน “นี่มัน...”

“ที่ตรวจครรภ์ไง”ฮาคุยิ้มขำกับการหลุดมาดของเพื่อนซี้ เขาเดินมาทุบหลังคนที่นั่งจ้องสีแดงสองขีดตาเขม็ง “ไอสึกิท้องแล้ว”

“อืม...”ท่าทีที่ไม่ได้ดูดีใจทำเอาโอเมก้าทั้งสองในห้องหน้าเสีย ก่อนที่คิริวจะแสดงท่าทีโกรธเคืองออกมา “งั้นต้องให้จิโร่ไปส่งใบลาสินะ...”

สมองของอากิโตะประมวนสิ่งที่ต้องทำยุ่งไปหมด เขาพึมพำกับตัวเองอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งรู้สึกถึงแรงหนัก ๆ ที่กระทบหลัง

“อากิโตะ นายจะไม่ดีใจหน่อยหรือไงวะ!”คิริวสลัดมาดน่ารักน่าทะนุถนอมทิ้งรัวมือทุบหลังเพื่อนที่เอาแต่นิ่งไปเต็มแรง “ถ้านายไม่รับผิดชอบนะ ฉันจะฆ่านาย!!!”

ใจของคิริวดิ่งลงเหว สถานะของโอเมก้าที่เกิดในตระกูลธรรมดามักจะยิ่งตกต่ำและถูกเอาเปรียบได้ง่าย ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะทำเฉยอยู่หรอก แต่นี้เพื่อนของเขา เพื่อนที่จริงใจต่อเขา เขายอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด

“อย่าสิ ฉันกำลังใช้ความคิดอยู่นะ”มือหนาผลักร่างเล็กออกไปใส่เพื่อนสนิทของเขา “ฉันต้องจัดการเรื่องงานของไอสึกิ เตรียมห้องให้ลูก เตรียมทนายเรื่องจดทะเบียน หาหมอสำหรับฝากครรภ์ หาคนมาดูแลเรื่องการกิน แล้วยังมีเรื่องยิบย่อยที่ต้องทำอีก อย่าเพิ่งมากวนสิ คิริว”

“เอ่อ... ให้ผมตรวจคุณคนนั้นก่อนไหมครับ”ซาโต้ที่ยืนอยู่นานเอ่ยขึ้นมาบ้าง ก่อนที่จะเกิดการวิวาทกันขึ้นมา “พวกคุณชายไม่ควรทะเลาะกันต่อหน้าคนท้องนะครับ จะทำให้เขาเครียดได้ และควรจะได้เลยว่าช่วงสามเดือนแรกจะกระทบกระเทือนได้ง่าย ต้องระวังไว้ให้มาก ๆ นะครับ”

น้ำเสียงดุมาพร้อมสายตาตำหนิ หมอซาโต้ก้าวไปอยู่ข้างเตียงแล้วลงมือตรวจพื้นฐาน

“อากิโตะ ออกไปคุยกันหน่อย”ฮาคุเรียกเพื่อนที่เอาแต่มองหน้าของลูกน้องที่กำลังจะเปลี่ยนสถานะไปละสายตา

“อืม”

ร่างสูงของอัลฟ่าทั้งสองเดินออกจากห้องไป พวกเขาไม่เลือกที่จะพูดคุยกันหน้าห้องด้วยเกรงว่าจะมีเสียงอะไรเล็กลอดไปให้คนที่ไม่แข็งแรงได้ยินจนอาจเกิดการเข้าใจผิดได้

“นายจะเอาไง”ฮาคุถามขึ้นทันทีที่พวกเขาเดินมาถึงในสวน มือข้างนึงคลำไปที่กระเป๋ากางเกงแล้วล้วงอาบุหรี่นอกราคาแพงขึ้นมา “เรื่องของไอสึกิน่ะ”

“ฉันจะเรียกทนายมาจัดการเรื่องจดทะเบียนก่อน ส่วนงานแต่งคงต้องรอไปหลังจากที่ไอสึกิคลอด”สีหน้าของอากิโตะดูจริงจังแต่ก็ยังแฝงความอ่อนโยนไว้หลายส่วนเมื่อพูดถึงใครอีกคน “ฉันไม่อยากให้เขาเหนื่อย”

“บ้านใหญ่นายจะยอมหรือไง”มุมปากหยักกระตุกยิ้มเย็นเมื่อนึกถึงพวกหัวโบราณในบ้านหลังนั้นที่เขาไม่อยากจะเสวนาด้วย

“คนพวกนั้นเคยขัดฉันได้ด้วยเหรอ”มือหนาที่ยื่นไปรับบุหรี่จากเพื่อนชะงัก เขามองมันอย่างชั่งใจแล้วลดมือลง “ไม่เอาดีกว่า มันไม่ดีต่อเด็กสักเท่าไหร่”

“หึ สันชาตญาณความเป็นพ่อเริ่มมาหรือไง”

“คงงั้น”ดวงตาคมเหลือบมองไปยังทิศที่เป็นห้องพักแขกที่ไอสึกิพักอยู่ “แล้วไอสึกิมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

“เขาโทรมาให้ช่วย”ฮาคุตอบง่าย ๆ แต่ก็เล่นเอาสีหน้าของเพื่อนสนิทเปลี่ยนสีไป “เขาเคยช่วยคิริวไว้ฉันเลยช่วยเขา”

“อืม...”อากิโตะพยักหน้ารับรู้ สมองเขายังครุ่นคิดในสิ่งที่จะทำต่อไปอยู่ไม่สร่าง “ฉันควรซื้อบ้านสักหลังได้แล้วสินะ คอนโดคงไม่สะดวกให้เด็ก ๆ วิ่งเล่นเท่าไหร่”

อากิโตะถือว่าอยู่คนเดียว จึงไม่ได้ซื้อห้องไว้ใหญ่มากนัก ด้วยคิดไว้ว่าต่อให้แต่งงานกับคู่หมั้นอย่างนาโอมิ เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะอยู่ด้วยกัน ให้ต่างคนต่างอยู่ไม่มีพันธะต่อกัน ถึงเวลานึงก็หย่าออกไป

“ดูนายเปลี่ยนไปนะ ชอบเขามากเลยสิ”คำพูดและแววตาที่ล้อเลียนถูกส่งมาให้จากฮาคุ “ดีแล้วที่นายไม่หัวโบตามเหมือนพวกตาแก่ที่บ้านนายพวกนั้น”

“การที่ฉันได้เจอและได้กลิ่นของไอสึกิสามครั้ง ฉันถือว่ามันคือพรหมลิขิต”คำพูดที่ไม่อยากจะเชื่อว่าออกมาจากปากคนที่จริงจังในชีวิตสุด ๆ อย่าทากาฮาชิ อากิโตะเล่นเอาเพื่อนสมัยเด็กตบมือฉาดอย่างถูกใจ

“แล้วเรื่องนาโอมิล่ะ นายจะเอายังไง”ภาระติดพันของร่างสูงที่กำลังจะกลายเป็นคุณพ่อมากมายจะทำเอาเขารู้สึกกังวลแทน

“ก็ถอนหมั้น ฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรต่อกันอยู่แล้ว”ถ้อยคำที่หลุดมานั้นไร้เยื่อใยจนคนฟังสะท้าน “พวกเขาไม่กล้ามีปัญหากับฉันเพราะเรื่องพวกนี้หรอก ถ้าไม่มีคนหนุนหลังน่ะนะ”

หากจะมีคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถพอที่จะยื่นมือไปปิดแผ่นฟ้าได้ หนึ่งในรายชื่อของคนกลุ่มนั้นย่อมมีอากิโตะแห่งทากาฮาชิ กรุ๊ปแน่ ด้วยวัยที่กำลังจะแตะสามสิบ หากแต่สามารถรวบเอาบริษัทเล็ก ๆ มากมายมาสร้างเครือข่ายของตนได้ตั้งแต่ตอนอายุยี่สิบปีเศษจนได้รับตำแหน่งประธานบริษัททันทีที่เรียนจบ

“แล้วถ้าบ้านใหญ่ของนายไม่ยอม?”

“ฉันก็ออกมา ก็เท่านั้น”อากิโตะหันไปสบตาเพื่อนแล้วยักคิ้วข้างเดียวให้ทีนึง “ถ้าฉันต้องออกจากตระกูลจริง นายสนใจรับฉันเข้าทำงานไหมล่ะ

“งั้นฉันต้องไปศาลเจ้าสักหน่อยแล้วล่ะ”บุหรี่ราคาแพงกลิ่นมิ้นต์ถูกทิ้งลงพื้นก่อนที่จะถูกปลายเท้าของผู้ทิ้งขยี้จนดับ “ฉันจะภาวนาให้นายถูกไล่ออกมาในเร็ววันเลยเพื่อน”

สองเพื่อนซี้หัวเราะประสานเสียงกันออกมาอย่างที่ไม่มีทางที่ใครจะได้เห็นมาก่อน ทั้งคู่รู้แก่ใจดีว่าบ้านใหญ่ไม่มีทางไล่อัลฟ่าที่มีความสามารถแบบหนึ่งในล้านอย่างอากิโตะออกจากตระกูลแน่

“ขอบใจนายมากนะ ที่ช่วยดูแลไอสึกิ เดี๋ยวเขาดีขึ้นสักหน่อยแล้วฉันจะพากลับไปที่คอนโด...”

“ไม่ได้”เสียงของบุคคลที่สามดังลั่นขึ้น ก่อนที่ร่างของชายวัยกลางคนผู้เป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของยามาโมโตะจะก้าวออกมา

“คุณพ่อ!”ฮาคุมุ่นหัวคิ้วมองพ่อของตนที่ยืนฟังอยู่นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แล้วเอ่ยปากถาม “อะไรไม่ได้ล่ะครับ”

“ฉันรู้จักบ้านของแกดี อากิโตะ ถ้าเอาเด็กคนนั้นไปในที่ ๆ บ้านแกเอื้อมถึง คนของแกไม่รอดแน่”คำพูดที่แพงใจดำของคนฟังจนหาคำค้านไม่ได้ “ให้เด็กคนนั้นอยู่ที่นี่ จนกว่าแกจะหาทางจัดการเรื่องยุ่ง ๆ ทั้งหมดได้ซะก่อน พ่อของแกแม้จะไม่ใช่พวกสมองทึบ แต่ก็เป็นเต่าในกระดอง หมอนั่นไม่มีทางออกหน้ามาช่วยแกแน่”

“แต่มันจะรบกวนคุณลุงนะครับ”ถึงจะเป็นทางที่ดีไม่น้อย เพราะยามาโมโตะก็เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ที่รับประกันความปลอดภัยได้ “แล้วอีกอย่าง ผมก็...”

“ฉันอยู่บ้านตลอด คอยดูเจ้าหนูนั่นได้ ส่วนแกก็มานอนที่นี่จนกว่าจะเสร็จเรื่องแล้วกัน”ถ้อยคำที่ไม่เว้นช่องว่าให้ได้ค้านตัดบทของชายหนุ่มรุ่นลูกไปทันที “แล้วฉันจะให้ซาโต้มาคอยดูแลอีกทีด้วย”

“คุณลุงโคสึเกะ...”อากิโตะมองสีหน้าที่ดูเคร่งขรึม แต่ดวงตากลับมีประกายอ่อนโยนจาง ๆ “ขอบคุณครับ”

“เด็ก ๆ น่ะ น่ารักนะ”คำพูดลอย ๆ มาพร้อมกับรอยยิ้ม “ไปดูคนของแกได้แล้ว อากิโตะ ป่านนี้ซาโต้น่าจะตรวจเสร็จแล้ว โอเมก้าตอนที่กำลังท้องน่ะต้องการการปกป้องจากคู่ของเขานะ รู้ไหม”

ไม่ต้องให้ตอกย้ำอีกครั้ง ขายาว ๆ ก้าวฉับไปอย่างรวดเร็วจนแทบจะกลายเป็นการวิ่ง

“คุณพ่อน่ะชอบเด็กนี่ครับ”ฮาคุส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างอ่อนใจ “อยากเลี้ยงเด็กไว ๆ ก็ให้ผมแต่งกับคิริวสักทีสิครับ”

“แกน่ะมันลูกหมา ยังทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง แล้วจะเอาอะไรไปขอคิริวเขาห๊ะ”ผู้เป็นพ่อมองเหยียดลูกชายหัวทึบของตนแล้วกลับหลังเดินออกไป “สร้างผลงานดี ๆ สักงานสิ แล้วฉันจะไปขอให้”

“คร้าบบบ”สร้างผลงานมันง่ายซะที่ไหนล่ะครับ คุณโคสึเกะ

อากิโตะทรุดตัวนั่งลงบนเตียงนุ่ม เขาตวัดขาขึ้นมาเหยียดตรงขณะที่แผ่นหลังพิงหัวเตียงเอาไว้ สองแขนโอบร่างที่ยังดูซีดเซียวเอาไว้

“ผมไม่หยุดงานนะครับ”เพียงแค่ประโยคแรกที่ไอสึกิเอ่ยออกมาก็สร้างความไม่พอใจลึก ๆ ให้กับอากิโตะแล้ว “ผมเพิ่งทำงานได้ไม่กี่เดือน หยุดไปก็บ่อยแล้ว... มันคงดูไม่ดี ถ้าผมจะหยุดยาวไปอีก”

“ฉันเป็นประธานบริษัท แค่ให้นายหยุดเพื่อลูกจะเป็นอะไร”อากิโตะข่มความไม่พอใจลงท้องไป เขาไม่ต้องการให้ไอสึกิเกิดความรู้สึกด้านลบใด ๆ ในตอนนี้เลยแม้เพียงเสี้ยวเดียว

“คุณเป็นประธาน ผมเป็นพนักงานใหม่ครับ”ฝั่งไอสึกิก็กระดากปากที่จะพูดความนึกคิดในใจออกมาตรง ๆ “ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญ”

“สำหรับฉัน คำว่าบังเอิญมันใช้ได้กับครั้งแรกเท่านั้น ที่เหลือมันคือความตั้งใจ”แน่นอนว่าประธานใหญ่ของทากาฮาชิหัวไวพอที่จะเข้าใจสิ่งที่ร่างผอมต้องการจะสื่อออกมาอยู่แล้ว “แต่ถ้านายไม่สบายใจ อยากไปทำงาน... ก็ได้ แต่นายต้องไปบริษัทพร้อมกับฉัน เข้าใจใช่ไหม”

“คุณต้องการให้ทุกคนรู้เรื่องนี้เหรอครับ”ไอสึกิถามกลับไปทันที เขาก้มหน้าลงจนคางชิดอก “มันคงไม่ดีต่อชื่อเสียงของคุณ...”

“พรุ่งนี้ทนายของฉันจะเอาทะเบียนสมรสมาให้เซ็น นายเป็นของฉันโดยสมบูรณ์แล้ว มีอะไรที่จะต้องปิดบังให้คนอื่นรู้ไม่ได้กัน”ไอสึกิเงยหน้าขึ้นมองผู้พูดตาค้าง แววตาของเขาสับสนจนบอกไม่ถูก

“คุณอากิโตะ หมายความว่ายังไงกันครับ”ไอสึกิถามเสียงสั่น “จดทะเบียนอะไรกัน ผมไม่เข้าใจ”

“ฉันก็หมายความอย่างที่พูด... นายเป็นของฉันแล้ว ตอนนี้ก็ท้องลูกของเราอยู่”คำว่าเราทำเอาใจดวงน้อยสั่นสะท้าน... เขาทำใจกับตัวเองมาพักใหญ่ว่าหากเขาพลาดขึ้นมายังไงก็คงไม่ต่างจากโอเมก้าส่วนใหญ่ที่หากไม่โดนทิ้งไปเป็นของเล่น ก็โดนเก็บหลังเด็กคลอดออกมา “ทำหน้าแบบนี้ทำไมล่ะ ไอสึกิ”

“ไม่มีอะไรครับ”มือร้อนโอบให้คนที่มองดูก็รู้ว่ามีความคิดมากอยู่ในใจลงมาซบแผ่นอกหนาอีกครั้ง

“ฉันไม่ได้มองว่าโอเมก้าเป็นเครื่องมือสำหรับผลิตลูกหรอกนะ”สัมผัสที่อบอุ่นและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ลอยมาจากกายของอัลฟ่าผู้เป็นเจ้าของเขา มันทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ความมึนงงและมวนท้องที่เป็นก็ดูจะทุเลาลงไปอย่างน่าประหลาด “แล้วฉันก็ไม่ใช่คนที่จะโยนนายทิ้งหลังจากที่ได้ประโยชน์จากนายแล้วด้วย ไอสึกิ”

“ขอบคุณครับ...”ความรู้สึกอุ่นวาบในช่วงอกพาลให้รอยยิ้มระบายขึ้นบนหน้า “ขอบคุณ”

“ฉันจะปกป้องนายเอง”เสียงกระซิบที่ได้ยินเป็นคำสุดท้ายก่อนที่ไอสึกิจะหลับลงไป “ฉันจะดูแลนายเอง”

วันถัดมา จิโร่เป็นคนขับรถไปรับพ่อกับแม่ของไอสึกิมายังบ้านยามาโมโตะด้วยตัวเอง และทนายประจำตระกูลของฮาคุก็ถูกตามตัวมาพร้อมกับทะเบียนสมรสเช่นกัน

พวกเขาเลือกที่จะใช้คนของยามาโมโตะในการจัดการครั้งนี้ แทนที่จะใช้คนของทากาฮาชิที่มีหลายคนยังภักดีกับนายเก่า โคสึเกะจึงบังคับจัดการทุกอย่างไปตามที่ตนเห็นว่าดีและปลอดภัยที่สุดสำหรับไอสึกิ

ฝ่ายพ่อและแม่ของไอสึกิที่โดนลากตัวขึ้นรถมาต่างตระหนกตกใจ ใบหน้าของทั้งคู่ยิ่งซีดเซียวขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อรถแล่นเข้ามาในเขตตระกูลใหญ่ ทั้งเวลาพวกเขาถามอะไรไปก็ไม่ได้คำตอบจากคนหน้านิ่งที่ขับรถราวกับอยู่ในสนามแข่งโกลคาร์ทเลย

“พามาแล้วครับ”จิโร่น้อมกายลงน้อย ๆ ให้กับนายท่านของเขาที่นั่งประคองใครอีกคนเอาไว้บนโซฟาตัวใหญ่นุ่ม

“พ่อครับ แม่ครับ”ดวงตาคู่สวยประกายระยิบระยับเมื่อเห็นหน้าของผู้ปกครองที่รักยิ่งของเขา “คุณอากิโตะ ปล่อยก่อนสิครับ”

มือที่รั้งเอวไว้ทำให้เขาไม่อาจที่จะลุกขึ้นไปหาคนที่กำลังคิดถึงได้ อากิโตะเองก็ไม่ได้ปล่อยให้คนที่เริ่มดื้อไปในทันที เขายังรั้งเอาไว้แนบกายก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหูขาวนั่น

“ไม่วิ่งโถมเข้าไปล่ะ รู้ไหม”เสียงกระซิบแผ่วให้ได้ยินแค่ระหว่างสองคน ลมหายใจร้อนที่รนรดอยู่ใกล้ ๆ ทำให้ใบหน้ามนขึ้นสีเลือดฝาด “ไม่ได้ตัวคนเดียวนะ ไอสึกิ”

วงแขนแกร่งปล่อยให้ร่างโปร่งที่ดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมากจากเมื่อวานก้าวไปหาพ่อกับแม่ เขามองตามแผ่นหลังเล็กนั่นไปอย่างระแวดระวัง กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากความซุ่มซ่ามที่ทุกคนมีในตัว

“ไอไอนี่มันอะไรกันลูก”คุณนายมินาโกะกอดร่างที่เหมือนจะผอมลงไปของลูกเอาไว้แล้วมองไปรอบ ๆ

“นั่นสิ เช้าออกมาจากบ้านก็โดนคุณคนนั้นลากขึ้นรถมานี่เลย พ่องงไปหมดแล้วเนี่ย”เคนจิมองไปทางร่างสูงที่ยืนตรงแน่วอยู่ไม่ไกลอย่างหวั่น ๆ

“คุณพ่อบ้าน...”ไอสึกิเรียกคนที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสียงอ่อย “ไม่ได้บอกพ่อกับแม่ก่อนเหรอครับ”

“คุณชายให้ผมไปรับพวกเขาอย่างเดียวนี่ครับ”เพราะกำลังมีนายน้อย จิโร่จึงยอมให้ไอสึกิหลายส่วน แต่ก็ยังอดที่จะหาทางแกล้งเล็ก ๆ น้อยๆ ไม่ได้ เขาเมินสายตาที่มองมาอย่างดุ ๆ ของเจ้านายที่เขาภักดี

“เชิญนั่งก่อนสิ”ถึงจะยอมรับในฐานะของโอเมก้า แต่ความทระนงในความสามารถของอากิโตะก็ยังติดตัวจนเป็นนิสัย เขามักจะชอบออกคำสั่งให้คนเดินตามที่เขาต้องการ และมันก็ติดมาจนถึงการพูดคุยกับคนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับการติดต่อทางธุรกิจเสียด้วย “ก่อนอื่นผมคงต้องอธิบายให้เข้าใจก่อนว่า ไอสึกิกำลังตั้งท้องลูกของผมกับเขา ผมเลยอยากบอกให้คุณทั้งสองรู้ไว้ก่อน...”

อากิโตะพูดรัวยาวจะเหมือนจะไม่ได้หายใจ ผู้ปกครองทั้งสองที่นั่งกระพริบตาปริบ ๆ ฟังอยู่ตรงหน้านั้นต่างทำหน้าเหวอ สารที่ได้รับมันยาวเหยียดจนพวกเขาทั้งคู่แทบจะจับใจความกันไม่ทัน

“ผมได้ให้ทนายเอาทะเบียนสนรสมาแล้ว รอเพียงแค่เซ็น หลังจากนั้นทนายจะเอาไปจัดการดำเนินเรื่องต่อให้โดยที่ไอสึกิไม่ต้องขยับไปไหนมาก”ซองสีน้ำตาลถูกวางลงบนโต๊ะกระจกใส ก่อนที่เอกสารภายในจะถูกหยิบออกมาวางเตรียมพร้อมปากกา

“เดี๋ยวนะ”มินาโกะยกมือนวดขมับเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าไปสบตากับคนที่เหมือนว่าจะเป็นส่าที่ลูกเขย “คือหนูจะขอไอสึกิแต่งงานใช่ไหมลูก”

“ครับ”คำพูดที่ยาวเหยียด สรุปสั้น ๆ ได้เพียงเท่านี้เคนจิกับมินาโกะหันมาสบตากัน สื่อภาษาใจ

“ถ้าไอสึกิไม่มีปัญหาอะไร ก็ตามใจเขานั่นล่ะ น้าไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”เคนจิเป็นฝ่ายตอบกลับไป ใบหน้าอ่อนโยนที่มองมาที่ลูกชายของตนนั้น ทำให้อากิโตะรู้ว่ารอยยิ้มของไอสึกินั้นได้มาจากใคร

“ถ้างั้นก็เซ็นได้แล้วล่ะ”คำพูดที่ห้วนจนไอสึกิชักรู้สึกไม่ดี แต่เมื่อเห็นพ่อแม่ของตนไม่พูดอะไร เขาก็ไม่ต่อขานให้เกิดเรื่อง

ทั้งสองจับปากกาเพื่อเซ็นชื่อลงในกระดาษตรงหน้า มือขาวชะงักน้อย ๆ อย่างลังเลใจในชั่วขณะ ความไม่มั่นใจบางอย่างผุดขึ้นมาในอก ก่อนที่จะกลั้นใจเซ็นลงไป

“เรียบร้อยแล้วนะครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจะรีบไปจัดการให้”ทนายวัยกลางคนยิ้มส่งให้คู่แต่งงานใหม่ที่แม้จะยังไม่จัดงานประกาศอย่างเป็นทางการแล้วโค้งตัวให้ก่อนเดินออกไป

“หนู... อากิโตะสินะจ๊ะ อาขอคุยด้วยสักหน่อยนะ”หญิงสาวที่เริ่มสูงวัยแต่ก็ยังดูสดใสเหมือนดอกไม้แรกแย้มอยู่เสมอยิ้มหวานส่งให้ “ส่วนไอไอ เหมือนลูกจะได้เวลาไปกินข้าวแล้วนะจ๊ะ”

คิริวมียืนแอบหลบมุมอยู่ก้าวออกมาพร้อมยิ้มแหยที่โดนผู้หญิงคนเดียวจับได้ เขาพาไอสึกิกับเคนจิไปยังห้องอาหาร ปล่อยให้แม่ยายกับลูกเขยคุยกันไป

“ตั้งแต่วันที่อาคลอดไอสึกิออกมาแล้วรู้ว่าเขาเป็นโอเมก้า อาก็มีความกังวลใจอยู่ตลอด”ท่าทีสดใสกับรอยยิ้มหวาน ๆ นั่นถูกเก็บไปเปลี่ยนเป็นความจริงจังอย่างที่หาดูได้ยากจากเธอคนนี้ “สถานะทางสังคมของโอเมก้า ถึงจะได้รับการยอมรับจากภาครัฐ แต่สำหรับคนตระกูลใหญ่อย่างพวกหนู... เขาก็ยังเสี่ยงมากอยู่ดี”

“ผมไม่คิดจะเขี่ยไอสึกิทิ้งหลังได้ลูกหรอกครับ”ความนัยน์ที่แฝงมานั้น อากิโตะเข้าใจดี คงไม่มีแม่ที่ไม่รักลูก และไม่คาดหวังว่าลูกจะได้อยู่อย่างมีความสุข “ระหว่างผมกับไอสึกิ ผมเรียกมันว่าพรหมลิขิต”

“อามั่นใจตั้งแต่หนูเซ็นทะเบียนสมรสนั่นอย่างไม่ลังเลแล้วล่ะ”ดวงตาที่อ่อนโยนทอดมองคนตรงหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มบาง “ขอบใจนะที่ไม่รังเกียจลูกของอา ไม่เหยียดโอเมก้าเหมือนคนบางคน”

“ผมจะดูแลไอสึกิเอง คุณอาไม่ต้องเป็นห่วง”คำพูดที่ออกมาจากใจแสนจะหนักแน่น ดวงตาคมประกายกล้าอย่างหมายมั่น “ผมไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนใจอะไรง่าย ๆ และผมได้เลือกแล้ว”

คำสัญญาที่ได้รับทำให้เธอยิ้มได้ และวางใจที่จะฝากลูกของเธอเอาไว้กับคนตรงหน้าอย่างเต็มใจ

“รักษาสัญญาด้วยนะ หนูอากิโตะ”

“ครับ”

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

มาต่อแล้วน้าาา อีก 5 ตอนก็จะจบแล้วค้าา

ติชมให้กำลังใจกันได้น้าา



ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
คุณประธานจัดการเร็วมากกกกกกกกกกก เคยอยู่บริษัทประกันมาก่อนป่ะเนี่ย :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
จบเร็วจัง ฮือๆๆ :hao5:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แหม คุณแม่เรียกอากิโตะเสียแบ๊วเชียวนะ หนูอากิโตะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
จบเร็วจัง ฮือๆๆ :hao5:

ค้า TvT เรื่องนี้ไม่ได้เขียนไว้ยาวเท่าไหร่น่ะค่ะ


ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ขอตอนพิเศษด้วยน้า

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อากิโตะ เข้มแข็ง มีความรับผิดชอบ สมที่จะดูแลไอสึกิ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ไอสึกิ โชคดี ที่เจออัลฟ่าแข็งแกร่ง ความสามารถสูง
แต่ยิ่งกว่าโชคดี ก็ที่อากิโตะ รักไอสึกิจริงๆ ไม่ได้มุ่งที่เซ็กส์เท่านั้น สุดยอดดดด
อยากอ่านตอนที่ไอสึกิ คลอดลูก ลูกไล็กๆ จะแฝดมั้ยนะ  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
Chapter 10

นัยน์ตาคมทอดมองร่างที่เริ่มมีเนื้อหนังขึ้นมาหลังจากที่โดนทั้งตัวเขาและคุณป้าร้านขายขนมโบราณขุนกันอย่างไม่มีใครยอมใครมาเกือบเดือน ใบหน้าหล่อเหลาหากแต่ติดหวานอยู่ไม่น้อยจับจ้องมาตัวเองในกระจกกว้าง มือเรียวจัดเสื้อที่เริ่มพอดีตัวขึ้นให้เข้าทรงอย่างหงุดหงิดใจ

“ไม่เห็นจะต้องใส่เสื้อตัวข้างในเลยนี่ ไอสึกิ”อากิโตะเอ่ยขึ้นหลังจากมองร่างโปร่งที่ยังขยับเสื้อผ้าตัวเองอยู่นาน “มันอึดอัดก็ถอดออกเถอะ”

“แต่มัน...”ปากที่อ้าออกจะเอ่ยค้านหุบลงเมื่อความคิดชั่ววูบที่แล่นเข้ามาในหัว ถ้าเขาบอกไปว่ากลัวคนอื่นจะเห็นรอยที่คอ... อากิโตะคงไม่พอใจแน่

“ยังไงคนอื่นเขาก็ต้องรู้ในอีกไม่ช้าอยู่ดีนั่นล่ะน่า”เสียงที่เริ่มมีเค้าความไม่พอใจให้ได้รับรู้ “ร่างกายนายเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว จะยังดื้ออยู่ทำไม”

ไอสึกิยู่ปากตัวเองน้อย ๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วยอมถอดเสื้อคอเต่ารัดรูปตัวในออกโดยดี

ความสบายตัวอย่างที่ไม่ค่อยได้สัมผัสยามไปทำงานส่งให้ไอสึกิอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก แม้จะยังมีความหงุดหงิดในใจที่อาการแพ้ท้องเหมือนจะไม่ดีขึ้น แต่ก็ยังพอข่มอาการไว้ไม่ให้แสดงออกมาจนเห็นได้ชัดได้บ้าง

แต่คนก็คงเริ่มสงสัยกันแล้ว...

ไอสึกิจมอยู่กับความคิดของตนตั้งแต่ก้าวขึ้นรถมา เขาก็ยังคงทำเหมือนเดิม คือการลงก่อนถึงสถานีรถไฟใกล้ ๆ บริษัทแล้วเดินเข้าไปในตึกพร้อมกับหลาย ๆ คน แม้ว่ามันจะทำให้เขาคลื่นเหียนจากกลิ่นน้ำหอมที่ปรุงแต่งกันมาอย่างเต็มที่ของใครหลายคนก็ตาม

“เอ๋~”เสียงอุทานใสมาพร้อมร่างผอมบางที่ปราดเข้ามาหน้าโต๊ะของน้องเล็ก เธอเบิกตามองความเปลี่ยนไปของไอสึกิอย่างประหลาดใจ “ไม่ใส่เสื้อคอเต่าของในแล้วเหรอ”

ดวงตาคู่หวานจ้องมาอย่างจับผิด แต่รอยยิ้มพาซื่อนั้นก็ไม่มีพิรุธอะไรให้จับผิดได้ จึงจำต้องปล่อยให้จำเลยลอยนวลไป

“เฮ้ ไอสึกิ”มัตสึระพุ่งเข้ามาที่โต๊ะทำงานริมหน้าต่างของคนที่หายหัวไปบ่อยจนน่าสงสารด้วยท่าทีเริงร่า ดวงตาสั่นระริกจับจ้องมองหน้าที่มีเลือดฝาดอย่างดีอกดีใจ “หายดีแล้วใช่ไหม เย็นนี้ไปหาไรกินกัน”

“เอ่อ... ผมไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่น่ะครับ รุ่นพี่มัตสึระ”ไอสึกิส่งยิ้มเจื่อน ๆ มาให้ขอลุแก่โทษ แต่ถ้าเขาตอบตกลงไปเที่ยวเล่นท่านผู้นั้นอาจจะพิโรจน์จนระเบิดบริษัททิ้งก็ได้

เอ... หรือเขาจะสำคัญตัวเองผิดไปกันนะ

“งั้นเหรอ”ท่าทีของรุ่นพี่ผู้ร่าเริงดูหงอยเหงาลงจนน่าสงสาร โทโมเอะมองคนโอเวอร์แอคติ้งอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะส่งฝ่ามือหนัก ๆ ป้าปไปทีเต็ม ๆ หลัง “โอ้ย ยัยแม่มด”

“ให้ฉันเป็นแม่มดจริง ๆ เถอะค่ะ จะสาปนายคนแรกเลย”สาวเจ้าถลึงตาใส่ตัวป่วนที่มาทำให้น้องชายเธอไม่สบายใจ “ใช้ตาดูซะบ้างไอสึกิยังดูซีด ๆ อยู่เลย แทนที่จะให้กลับไปพักดันชวนเที่ยวซะได้ ถ้าไข้กลับขึ้นมาจะทำยังไงกันล่ะคะ!”

“โหย อุดอู้อยู่แต่ในห้องจะหายได้ไง ต้องออกมาอยู่ที่ปลอดโปร่งไล่หวัดดิ”มัตสึระเถียงกลับไปทันควัน ท่ามกลางสายตาที่ระอาจากเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่ต้องมานั่งฟังการถกเถียงกันของสองคนนี้อีกแล้ว

จากที่เคยหมั่นไส้คนอารมณ์ดีของแผนกที่จิ๊จ๊ะกับนางฟ้าคนสวยตอนนี้ต่างพากันชินไปหมด ออกแนวเซ็งที่ต้องมาเสียหูทุกวันด้วยซ้ำไหม

“เอ้า ๆ สามีภรรยาคู่นี้ทะเลาะกันต่อหน้าน้องนุ่งอีกแล้วนะ”ฮิโยชิวางกระเป๋าลงบนโต๊ะทำงานในขณะเดียวกันก็เปิดปากแซวหนุ่มสาวสองคนที่ยังแยกเขี้ยวใส่กันไม่หยุด “เดี๋ยวน้องมันก็ปวดหัวล้มพับไปหรอก”

พอมีเรื่องของน้องรักมาเกี่ยวข้องก็ทำเอาคู่กัดที่ยังไม่เป็นคู่กันสงบปากไปลูบหัวลูบหางร่างที่มีน้ำมีนวลขึ้นของโอเมก้าหนึ่งเดียวในบริษัททันที

“ถ้าไม่ดึก... ผมไปกินก็ได้นะครับ”หลังจากที่ถกเถียงในใจตัวเองอยู่นาน ไอสึกิก็เอ่ยบอกขึ้นมาเรียกรอยยิ้มของคนชอบเที่ยวให้ฉาบทับใบหน้าทะเล้นนั่น “แต่ไม่เอาพวกบาร์ คลับ หรือร้านที่คนเยอะ ๆ นะ”

“โอเคเลย”

“ไอสึกิ...”โทโมเอะถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความใจดีของรุ่นน้องคนสนิท “งั้นฉันไปด้วย พี่ฮิโยชิก็จะไปเหมือนกันใช่ไหมคะ”

“เอาสิ ไม่ได้ไปกินอะไรกันมาตั้งนานแล้วนี่”ฮิโยชิก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาเหมือนกันจนน่าประหลาดใจ “ช่วงนี้ที่บ้านงดเนื้อสัตว์น่ะ คุณนายเขากำลังไดเอทอยู่”

“...”สายตาอ่อนใจของรุ่นน้องทั้งสามเล่นเอาพี่ใหญ่ยิ้มเผล่ หัวเราะแห้ง ๆ ส่งกลับไป

เวลากลางวัน นานะที่ได้บัตรพิเศษสำหรับเข้าออกบริษัทในแผนกการตลาดก็เดินเอาข้าวกลางวันมาให้กับไอสึกิด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกวัน แรก ๆ ที่เธอเดินตามหลังของทาเทยามะเข้ามา สายตาตื่นตกใจของเหล่าพนักงานตาดำ ๆ ที่มองเธอนั้นทำให้เธอเก็บไปหัวเราะได้ข้ามวัน แต่พักหลังมานี่ชักจะชินซะแล้ว

“ฮืออออ น่ากินอีกแล้ว คุณป้าขา ทำให้หนูบ้างไม่ได้เหรอคะ”โทโมเอะที่งอแงมาตั้งแต่ครั้งแรกที่นานะเอาอาหารมาส่งให้จนถึงปัจจุบัน เธอมองข้าวปั้นไส้ไข่ปลากับเนื้อปูผสมมันปูย่างเตาถ่านหอมกรุ่นซึ่งมันยังดูร้อน ๆ อยู่เลย

หญิงวัยกลางคนค่อนไปวัยทองส่ายหน้าน้อย ๆ เธอยังคงยิ้มให้และปฏิเสธเหมือนเดิมทุกครั้ง

ส่วนตัวของนานะไม่ใช่คนที่ชอบทำอาหารมากนัก กับขนมทำเพราะเป็นงานอดิเรกเล็ก ๆ หลังจากออกจากการเป็นพยาบาลมา แต่ที่เธอตัดสินใจทำให้กับหนุ่มน้อยตรงหน้าเธอเพราะความเอ็นดูโดยแท้

“ขอบคุณนะครับ”รอยยิ้มสดใสที่แย้มออกมาทำเอาหญิงโสดที่ไม่คิดจะหาคู่ครองอบอุ่นใจ เธอชอบมองรอยยิ้มของเด็กคนนี้ และอยากให้ยิ้มแบบนี้ต่อไป อย่าเหมือนโอเมก้าหลายคนที่เธอเคยพบที่สุดท้ายก็ต้องหายหน้าไปด้วยชนชั้นทางสังคมที่ยังไม่หมดไปสักที

“ไม่เป็นไรจ๊ะ”การที่ไอสึกิเป็นคนรักของประธานอากิโตะ อาจจะเป็นแสงแรกที่ส่องผ่านกำแพงสูงเข้าไปดึงเหล่าโอเมก้าที่น่าสงสารให้ออกมาอยู่ในสังคมได้อย่างเต็มตัวก็ได้

และเธอก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น

“ดูเหมือนเขาจะถูกปากกับอาหารของคุณคนเดียวนะครับ”เสียงที่ดังมาจากมุมมืดระหว่างทางที่นานะเดินกลับออกไปทำเอาเธอสะดุ้งโหยง

“หนูมาไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้ ป้าตกใจหมดเลยนะจ๊ะ”คำตำหนิแบบไม่จริงจังลอดออกมาจากปากเธอ ก่อนจะส่งยิ้มให้กับคนที่ทำหน้าตึง “หนูไอสึกิเขาไม่กินข้าวที่บ้านเหรอจ๊ะ”

“กินครับแต่น้อย ถ้าผมไม่บังคับ”น้ำเสียงของอากิโตะแฝงความหงุดหงิดจนสัมผัสได้ “ดื้ออย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะครับ”

“คงมีของที่เขาเหม็นมั้งจ๊ะถึงไม่กินแบบนั้น ลองเปลี่ยนไปทำของอะไรง่าย ๆ ดูอาจจะดีขึ้นก็ได้นะจ๊ะ”คำแนะนำจากอดีตพยายามถูกจดเอาไว้ในใจของร่างสูง ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกันไป “ถ้าหนูไอสึกิยังไม่กินอะไรอีก มาบอกป้านะจ๊ะ”

“ครับ”

หลังจากไอสึกิกินข้าวเสร็จนั้น ระหว่างที่นั่งแกว่งขารออาหารย่อย ความพะอืดพะอมที่หายไปพักนึงแล้วก็ตีขึ้นอย่างรุนแรงจนเจ้าตัวจำต้องวิ่งไปกอดคอห่านในห้องน้ำท่ามกลางสายตาของเพื่อนในแผนกที่กลับกันมาแล้ว

“อะไรของเขากันนะ”เสียงของเบต้าเพศสภาพเป็นสตรีนางหนึ่งโพรงขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามปาก “เดี๋ยวก็หน้าซีด เดี๋ยวก็ไปอ้วก โรคบ้าอะไรเป็นเดือนแล้วยังไม่หายอีก”

“อาการอย่างนี้มันก็คุ้น ๆ นะเธอ”สาวร่างผอมจนเกินคำว่าพอดีดังต่อบนสนทนาทันที “มันเหมือนกับ...”

“คนท้อง!”ชายหนุ่มอีกคนหันมาร่วมวงบ้าง เขาทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก ก่อนจะยกเหตุผลขึ้นมาเสริมความคิดตนต่อ “เนี่ย เหมือนตอนที่ภรรยาฉันตั้งท้องลูกเมื่อปีก่อนเลย”

“เอาจริงสิ ว้าย”ดวงตาของสาวเบต้าทั้งสองมองไปยังห้องน้ำที่ปิดสนิทอย่างใคร่รู้ “ไปมั่วกับใครมาล่ะเนี่ย แย่จริง”

วงซุบซิบขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่โทโมเอะซึ่งเดินถือกาแฟขึ้นมาพร้อมกับมัตสึระและฮิโยชิกำลังจะเดินมาร่วมฟังด้วยคน ประตูห้องน้ำก็เปิดออกมาพร้อมกับใบหน้าซีด ๆ ของจำเลยวงสนทนาเล่นเอาวงแตกไปซะก่อน

สายตาใคร่รู่ระคนสงสัยของคนหลายคนในฝ่าการตลาดเหลือบมองมายังคนที่นั่งเคาะคีย์บอร์ดด้วยท่าทีอิดโรยนั่น เสียงซุบซิบฟังไม่เป็นภาษาก็มีลอยแว่วมาให้ได้ยินเป็นระรอก ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

แต่สำหรับคนที่ไม่ใส่ใจ... ก็ยังคงดูไม่ใส่ใจอยู่อย่างนั้น

ส่วนคนที่ใส่ใจ ก็แทรกตัวเข้าไปฟังวงนินทาเก็บข้อมูลมาอย่างตั้งใจ... ตั้งใจยิ่งกว่าการทำเอกสารที่กองเอาไว้บนโต๊ะนั่นให้เสร็จเสียอีก

ในตอนเย็นวันนี้ อากิโตะมีงานเลี้ยงกับผู้บริหารระดับสูง ใจจริงเขาก็อยากที่จะพาไอสึกิไปให้ทุกคนรู้จัก แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปเคลียร์อะไรที่บ้านใหญ่ ด้วยคิดไว้ว่าจะเข้าไปจัดการหลังจากท้องของผ่านสามเดือนแรกที่อ่อนไหวไปซะก่อน ไอสึกิเลยสามารถหลบออกมาหาอะไรกินกับเพื่อนร่วมงานทั้งสามได้โดยง่าย

อาหารเย็นกับเพื่อนสนิทคงไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า ‘เนื้อย่าง’ ไอสึกิยิ้มจืดจางกับดารเลือกร้านที่อยู่ในเกณฑ์ที่เขาขออยู่หรอก แต่ว่ามันก็ไม่ได้อยากจะกินนัก

แต่เขาก็ไม่คิดจะค้านอะไร

ทั้งสามเดินเข้าไปนั่งมุมในสุดของร้านเพื่อความเป็นส่วนตัว ก่อนที่หนึ่งหนุ่มและหนึ่งสาวจะแย่งกันสั่งของจนวุ่นวายไปหมด

ฮิโยชิกับไอสึกิหันไปสั่งแค่น้ำของตัวเองแล้ววางเมนูลง พวกเขาไม่อาจหาญไปลงสนามสู้กับอีกสองคนที่ยังสั่ง ๆ ชี้ ๆ ไม่หยุดรงนั้นได้

“สั่งมากินให้หมดนะ ทั้งสองคนน่ะ”เป็นอีกครั้งที่พี่ใหญ่ต้องเอ่ยปากออกมาเบรกการแข่งขันของเด็ก ๆ เอาไว้ก่อนที่จะเหลือทิ้งให้เสียดายเงินกันไป “ถ้ากินไม่หมด มื้อนี้พวกเธอหารกันแค่สองคนนะ”

“หวาาา”มัตสึระดีดเมนูทิ้งจากมือทันที แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ต่างจากโทโมเอะที่ค้อนขวักให้ฮิโยชิไปทีนึงแล้วถึงวางมือไป

พนักงานที่มายืนรับเมนูยิ้มขำกับท่าทีของพวกเขา ก่อนจะเดินไปจัดการเอาของที่สั่งมาเสิร์ฟให้ในอีกไม่ช้า

“เมื่อกลางวันที่มีเรื่องครึกครื้นน่ะนะ ฉันไปสืบมาแล้วล่ะว่าเป็นเรื่องอะไร”น้ำเสียงที่แฝงแววเครียด ประกอบกับสายตาที่จับต้องมายังน้องน้อย เรียกความสนใจจากทุกคนในโต๊ะมาหันมามองเป็นตาเดียว “เขาลือกันว่าเธอกำลังท้องอยู่นะ ไอสึกิ”

“งั้นเหรอครับ”คนที่ตกเป็นข่าวลือยิ้มเจื่อน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากแก้ตัวอะไร การโกหกไม่ใช่สิ่งที่ตัวเขาถนัดเท่าไหร่ซะด้วยสิ

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ คนที่ทุกคนเดาว่าเป็นพ่อเด็กคือผู้จัดการแผนกทาเทยามะคนนั้นน่ะแหละ”คนที่ถูกจับคู่ไปอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่กระพริบตาปริบ ๆ แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “ก็เขาเล่นเอานมมาให้เธอกินทุกวันเลยนี่ ทั้งยังเข้าบริษัททุกวันมาตั้งแต่ช่วงที่เธอป่วยอีก ก็เลยเดากันไปทางนั้นหมดเลย”

“เรื่องท้องน่ะก็พอฟังได้ แต่เรื่องผู้จัดการน่ะ ไม่มีทางหรอก”ฮิโยชิยิ้มขำพรางส่ายหน้าระอาใจกับจินตนาการของเด็ก ๆ ในแผนก “ฉันสงสัยมาแต่แรกแล้ว จนมั่นใจขึ้นเมื่อเห็นรอยที่คอของนายนั่นล่ะ ไอสึกิ”

มือขาวตะปบช่วงคอด้านหลังของตนเองที่เอาผมหนาที่ยาวเลยบ่ามาเล็กน้อยจากการที่ไม่ได้ไปตัดมาพักใหญ่ ๆ ปิดบังเอาไว้ด้วยความตกใจ ดวงตาสีฟ้าสว่างเบิกกว้างมองผู้มากประสบการณ์ที่จับจ้องมาอย่างจับผิด

“อะไรกันครับ... รุ่นพี่”ริมฝีปากซีดเม้มเข้าหากันด้วยความประหม่า เขาเหลือบมองคู่กัดที่กำลังเปลี่ยนสงบมาศึกชั่วคราว ดูทรงแล้วคงจะร่วมใจกันเตรียมซักฟอกเขาแน่ ๆ “ผม เอ่อ ผมไม่ได้...”

ศีรษะทุยถูกมือนุ่มคว้าเอาไว้มั่นก่อนจะกดลงจะหน้าแทบจะทิ่มเตาซึ่งยังไม่ได้ถูกจุดไฟ สัมผัสหนัก ๆ ที่กดบ่าเขาไว้ไม่ให้ดิ้นหนีกันแรงปัดที่ช่วงคอเล่นเอากายบางสั่นสะท้าน

“ให้ตายสิ...”รอยฟันที่ประทับเด่นชัดบนลำคอขาวเรียกเสียงอุทานจากรุ่นพี่ทั้งสองออกมาไม่เบานัก เสียงถอนหายใจประสานกันเป็นหนึ่งเดียว “แล้วเรื่องที่ท้อง...”

“... สองเดือนเศษแล้วครับ”ใบหน้ามนก้มต่ำลงอย่างรู้สึกผิดที่ปิดบังคนที่เปรียบเหมือนพี่ชายและพี่สาวของเขา

ตราประทับแห่งการเป็นเจ้าของยังติดตาของทั้งคู่ทำเอาสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ ยิ่งมารู้ว่ารุ่นน้องคนสนิทของพวกเขาตั้งท้องมาได้สองเดือนแล้วยิ่งทำให้รู้สึกช็อคเข้าไปใหญ่

“สองเดือน... แสดงว่าช่วงที่พวกเราไปเที่ยวกันสินะ”ฮิโยชิยื่นมือมาลูบหัวปลอบใจคนที่กำลังหน้าซีดอยู่เบา ๆ “น่า อย่าไปโกรธไอสึกิเลย ทำคนท้องเครียดมันไม่ดีนะ ถ้ากระเทือนถึงเด็กขึ้นมาจะแย่เอา”

“อั๊ยยะ จริงด้วย”มัตสึระปรับสีหน้าให้กลับมาร่าเริงพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างมาให้ทุกคน “เดี๋ยวหลานเกิดมาหน้าย่นล่ะ แย่เลย”

“อ้า~ ฉันไม่ได้โกรธอะไรเลยนะ ไอสึกิ แค่รู้สึกช็อคนิดหน่อยเอง”โทโมเอะรีบแก้ไขความเข้าใจผิดของเด็กหนุ่มใหม่ ก่อนที่จะคิดมากไปมากกว่านี้ “จะว่ายังไงดีล่ะ ฉันปวารณาตัวดูแลเธอตั้งแต่เพิ่งเข้ามา... แล้วไม่รู้ว่าเธอไป เอ่อ มีคนรักตั้งแต่เมื่อไหร่ มันเลยรู้ลึกเคว้ง ๆ น่ะ”

“อันที่จริง... มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าพูดถึงสักเท่าไร่หรอกครับ”ไอสึกิขยับปากพูดเสียงแผ่ว ใบหน้าที่ยังยิ้มแย้มแต่เหมือนว่ารอดยิ้มนั่นจะจืดลงไปเล็กน้อย เขาเหลือบมองแววตาที่ฉายความตระหนกระคนกังวลใจแล้วต้องรีบเอ่ยปากต่อ “แต่ผมก็ไม่ได้ถูกทิ้ง หรือไม่รู้ว่าคนที่ทำพันธะเอาไว้เป็นใครหรอกนะครับ”

“งั้นก็ดีแล้วล่ะ”สาวน้อยคนเดียวในโต๊ะถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอยกยิ้มหวาน “ว่าแต่... ไม่ใช่ผู้จัดการทาเทยามะใช่ไหม”

“ไม่ใช่หรอกครับ”คำยืนยันจากปากของไอสึกิทำให้เธอยิ้มออกมาได้ ในสายตาของเธอ ผู้จัดการคนนั้นดูไม่เหมาะกับน้องชายคนนี้เลยสักนิด ถึงแม้จะคอยดูแลอยู่ตอนนี้ก็เถอะ

ไม่ทันที่บทสนทนาจะได้สานต่อ ถ่านร้อน ๆ ก็ถูกยกมาใส่เตา ตามด้วยกองทัพสารพัดเนื้อก็ถูกนำมาวาง

“ถ้ารู้แบบนี้ไปกินราเม็งดีกว่า”มัตสึระบ่นอุบ ดวงตาเรียวเล็กหรี่มองคนที่นั่งเขี่ยเนื้อสันในจานแต่ไม่คีบกินสักที “หลานคงไม่อยากกินเนื้อย่างใช่ปะ”

“ไม่หรอกครับ ผมคิดว่าเขาคงไม่ใช่เด็กเลือกเยอะ”ไอสึกิยิ้มแล้วยอมคีมของกินเข้าปากโดยดี ทั้งที่ตัวเขานั่นแหละที่ไม่รู้สึกอยากกินเอง

ทั้งสี่นั่งคุยไปกินไปกันด้วยรอยยิ้ม เหล่าผู้สูงวัยกว่าต่างช่วยกันคะยั้นคะยอให้น้องเล็กของพวกเขากินเข้าไปให้มาก ๆ หน่อย แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่นัก เมื่อไอสึกิก็ยังเล็มเนื้อกินทีละนิดอยู่ดี

แต่ถ้ากินมากเหมือนตอนนั้นมันก็คงผิดวิสัยของเจ้าตัวไปเหมือนกัน

ใจของทั้งสามต่างอยากรู้กันหมดว่าคนที่ฝากรอยที่คนขาว ๆ ของน้องรักของพวกเขาคือใคร โอเมก้าระดับสูง ๆ ก็ไม่เห็นมีใครออกมาประกาศตัวอะไรซะด้วย ทั้งยังคำพูดที่บอกว่าความสัมพันธ์ที่ไม่น่าพูดถึงนั่นอีก

เล่นเอาสามสหายต่างวัยต่างเพศแอบเครียดกันไปเลย

“แฮ่ม”เสียงกระแอมไอของใครสักคนดังขึ้นเรียกให้สั่งหน่อละความสนใจจากเนื้อย่างหันไปมองอย่างฉงน

แน่สิ ก็พวกเขาเลือกมุมอับแล้ว การที่มีใครสักคนมาส่งเสียงแถวนี้มันก็น่าแปลกใจเกินไปสักหน่อยเหมือนกัน

“คุณพ่อบ้าน...”สายตาทั้งหมดหันขวับมาจ้องผู้พูดที่กำลังทำหน้าเจื่อน ร่างโปร่งขยับตัวลุกขึ้นไปยืนตรงหน้าชายที่ดูมีอายุพอประมาณด้วยความประหม่า “คือว่า...”

“ท่านตามหาคุณจนทั่ว กลับได้แล้วครับ”จิโร่ไม่คิดจะฟังคำแก้ตัวอะไร เขากลับหลังเดินนำคนที่แอบหนีเที่ยวโดยไม่ดูสภาพตัวเองออกไปจากร้านทันที โดยไม่แม้แต่เปิดโอกาสให้เจ้าตัวได้ลาใคร

ไม่... แม้แต่จะให้หยิบกระเป๋ากลับมาด้วยซ้ำไป

“การที่ฉันประชุมจนมืด... ไม่ได้หมายความว่าให้นายออกมาเถรไถลได้”เสียงเย็น ๆของคนที่นั่งกอดอกแผ่งรังสีพิฆาตอยู่บนรถเอ่ยขึ้นทันทีที่ร่างของไอสึกิถูกจับยัดเข้ามาในรถ “ฉันคิดว่าซาโต้พูดย้ำอยู่บ่อยครั้งเรื่องการระมัดระวังในสามเดือนแรก...”

“ผมก็ไม่ได้ทำอะไรที่จะกระทบกระเทือนนี่ครับ”นับเป็นครั้งแรกเลยก็พูดได้ ที่ไอสึกิเถียงอากิโตะกลับ ใบหน้าของเขาบึ้งตึงตามอารมณ์หงุดหงิดที่พลุ่งพล่านตีรวนปนเปไปหมดในความรู้สึกนึกคิด “ผมก็แค่ออกไปทานข้าวกับเพื่อน ๆ บ้าง ก็เท่านั้นเอง”

“แต่การที่นายออกไปโดยไม่บอกใครไว้ ไม่คิดบ้างหรือไงว่ามันผิด”อากิโตะเริ่มขึ้นเสียงเมื่อใครอีกคนแลดูไม่เชื่อฟังอย่างเคย “ฉันเคยบอกนายอยู่เสมอไม่ใช่หรือไงว่าให้กลับไปพักผ่อน แล้วนี่อะไรกัน หืม!!”

“ผมก็พักผ่อนอย่างที่คุณอากิโตะต้องการไงครับ”ใบหน้าขาวซีดเชิดขึ้นมองสบกับดวงตาคมกริบอย่างไม่ลดละ ใช่ว่าไม่กลัว แต่ความโกรธมันมีมากกว่าจนกดความกลัวนั้นไว้มิด “พักผ่อนไม่ได้หมายถึงแค่การนอนไม่ใช่หรือไงครับ”

“ไอสึกิ!”

“คุณก็เอาแต่ให้ผมไปนอนพัก นั่งพักอยู่คนเดียว ในขณะที่คุณไปทำอย่างอื่น คุณคิดว่ามันทำให้ผมรู้สึกดีอย่างนั้นเหรอครับ”ไอสึกิพยายามข่มใจตัวเองให้เย็นลง เขารู้เสมอว่าการใช้อารมณ์มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น “คุณไม่จำเป็นต้องกังวลใจอะไรไป... พวกเขาทั้งสามคนเป็นรุ่นพี่ที่ดีของผม ตั้งแต่วันแรกจนถึงทุกวันนี้”

“อย่างงั้นสิ”จากที่เขาให้คนสืบมามันก็เป็นอย่างที่ไอสึกิว่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่พอใจอย่างมากที่ไอสึกิไม่กลับไปยังบ้านตระกูลยามาโมโตะทันทีหลังเลิกงานอย่างที่ควร “นายคงไม่คิดว่าตัวเองทำผิดสินะ"

“ผมคิดว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะครับ”

ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง ก่อนที่จะเบือนหน้าหนีกันไปคนละทาง...

นี่คงเป็นครั้งแรกที่ไอสึกิผิดใจกับอากิโตะ... อย่างจริงจัง

​@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@2

วันนี้มาไวเคลมไวค่ะ ฮ่าๆ คุณพ่อขี้หวงงงง

ติชมได้เต็มที่เหมือนเดิมนะคะ ^^

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ความเห็นต่าง
ต่างวัย ต่างชนชั้น ต่างความคิด
แต่ไอสึกิ ก็น่าจะบอกนะว่าจะไปไหน
เพราะตอนนี้ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว
มีการผูกพันกับอากิโตะ แล้ว
แถมร่างกายอยู่ในภาวะตั้งครรภ์อีกด้วย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2017 20:34:50 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
จะไปไหนบอกกันบ้างก็ดีนะ ไอไอ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ไอสึกิน่าจะบอกไว้ก่อนแหละ แต่อากิโตะก็ควรใช้ไม้อ่อนนะ บอกไปสิว่าหาไม่เจอแล้วเป็นห่วงทีหลังจะไปไหนให้บอกก่อน อะไรก็ว่าไป แต่อีกหน่อยก็คงปรับเข้าหากันได้เองละ

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1510
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
คนท้องอารมณ์แปรปรวน อากิโตะอย่าดุน้องเยอะสิ

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ไอจังน่ารักอ่ัะ

ออฟไลน์ midnight

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +168/-8
    • Fanpage
​Chapter 11

ยามที่แสงแดดสาดลงมากระทบพื้นดิน ดวงตาสีฟ้าสว่างพลันลืมขึ้นมาอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะยันตัวลุกขึ้น ใบหน้าของไอสึกิซีดขาวจนไร้สีเลือด หากแต่เขาก็ไม่คิดที่จะเรียกให้คนที่นอนหันหลังให้อยู่ข้าง ๆ ลุกขึ้นมาช่วยเหลือ

ร่างโปร่งประคองร่างที่ดูจะไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกจากบ้านไป โดยมีโคสึเกะขับรถออกมาให้

“ทะเลาะกับอากิโตะเหรอ ไอสึกิ”ดวงตาสีฟ้าที่ไม่ได้ฉายประกายสดใสเหมือนเคยเหลือบมองเสี้ยวหน้าของชายชราที่ยังแข็งแรงดีอยู่ชั่วขณะนึง

“เปล่าครับ”ไอสึกิปฏิเสธด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเบือนหน้าออกไปมองข้างทางที่รถแล่นผ่าน ทั้งที่ใจไม่ได้จดจ่ออยู่กับมันสักนิด

“ถึงไม่ใช่หลานแท้ ๆ แต่ฉันก็รู้จักอากิโตะมาตั้งแต่ก่อนเขาเกิดขึ้นมานะ”ชายสูงวัยเปรยขึ้นมาราวกับต้องการพูดกับตัวเอง แต่ที่จริงแล้วคืออยากบอกเล่าบางอย่างให้กับคนที่เปิดโหมดโลกส่วนตัวได้ฟัง “เขาได้รับความสำคัญมาตั้งแต่เด็กเพราะความสามารถที่เกินวัย ครอบครัวเขาเลยส่งไปเรียนในโรงเรียนเฉพาะของอัลฟ่าในต่างประเทศตั้งแต่เล็กโดยมีแต่คนรับใช้ที่ส่งไปดูแลเป็นเพื่อน พอกลับมาก็เข้ามาพลิกวิกฤตของบริษัทที่ใกล้จะล้มละลายให้กลับมามั่นคง อากิโตะน่ะชินกับการออกคำสั่งให้ทุกคนเชื่อฟังเขา มันอาจจะทำให้อึดอัดไปบ้างแต่ถ้ามองผ่านไป เขาก็เป็นคนที่คู่ควรไม่ใช่เหรอ”

“ไม่รู้สิครับ”เสียงแหบตอบกลับมาอย่างสัจจริง มุมปากเรียวยกยิ้มขื่นขม “ผมไม่ได้รู้จักอะไรเขามากไปกว่าที่คนอื่นทั่วไปรู้หรอกครับ พวกเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาตั้งแต่แรกแล้ว”

“งั้นรึ”

“ผมลืมตามาอีกทีก็อยู่บนเตียงของท่านประธานร่ำไปครับ”นับแล้วก็คงมีเพียงครั้งเดียวที่เขาตอบรับใครอีกคนด้วยความเต็มใจตอนมีสติ ความอบอุ่นที่ได้รับในครั้งนั้นทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อยเลย

และเขาอยากได้อ้อมกอดนั้นอีก...

“ฉันรู้นะ ว่าอากิโตะจริงจังกับเธอมาก”ไม่มีคำตอบรับจากคู่สนทนา แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าตัวคงไม่เชื่อคำพูดนั้น “คนที่โดนสั่งสอนจากพวกหัวโบราณมา แต่พอรู้ว่าเธอกำลังจะมีลูกก็รีบจัดการทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอ ถึงขนาดจดทะเบียนสมรสอย่างนี้ เธอคิดว่าเขาจะแต่เล่น ๆ งั้นสิ ไอสึกิ”

“...”ไอสึกิไม่ตอบอะไรกลับไปเหมือนเดิม เรื่องนั้นพิสูจน์ความจริงใจของอัลฟ่าที่ครอบครองตัวเขาได้อยู่ แต่... ทุกอย่างมันมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอนั่นล่ะ

“ด้วยฐานะของอากิโตะ ถึงจะไปทำเบต้าหรือโอเมก้าคนไหนท้อง เขาจะเอาแค่ลูกแล้วทำให้เครื่องผลิตพวกนั้นหายสาบสูญไปมันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรือไง”โคสึเกะถอนหายใจกับความอคติในใจของคนที่กำลังจะมาเป็นหลานอีกคนของเขา แต่การถูกกระทำมาเนิ่นนานมันคงฝังใจลุกในสายเลือดของพวกโอเมก้าไปแล้ว “เชื่อใจคู่ของเธอสิ ไอสึกิ”

“...ครับ”ดวงตาฟ้าคู่นั้นหลุบมองมือถือที่สั่นในมือมาหลายครั้งอย่างชั่งใจ ก่อนจะเหลือบมองคนที่หันไปตั้งใจขับรถแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

อันที่จริงตัวเขาก็รู้ล่ะว่าตนเองนั้นเริ่มงี่เง่า อากิโตะห่วงเขากับเด็กในท้องมาก เขารู้... แต่ความเบื่อหน่ายนี่มันกัดกินตัวของไอสึกิมากเกินไปแล้ว

“ครับ”สุดท้ายไอสึกิก็ยอมกดรับโทรศัพท์จนได้ เสียงที่รัวรอดผ่านมาตามคลื่นสัญญาณนั้นทำให้ใบหน้ามนแต้มรอยยิ้มได้ไม่ยากเย็น “ผมกำลังไปบริษัท... คุณโคสึเกะมาส่งครับ”

ไอสึกิฟังอากิโตะพูดอีกสองสามคำก่อนจะวางมือถือลง เขาทิ้งตัวซุกเบาะนุ่มอย่างผ่อนคลาย แต่ท้องนั้นกลับปวดมวน

เมื่อมาถึงบริษัท ร่างโปร่งวิ่งพรวดเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่คิดจะทักทายใคร ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมงานจากหลายแผนกที่มองมาเป็นตาเดียว พวกเขาหันไปมองชายสูงอายุที่ดูภูมิฐานซึ่งตามลงมาดูใครอีกคนอย่างเป็นห่วง

แน่ล่ะ ว่าต้องมาหลายคนคาดเดาอะไรบางอย่างและฟันธงออกไปแล้ว...

ไอสึกินอนฟุบหน้าลงบนหนอมนุ่มที่โต๊ะทำงาน เรี่ยวแรงที่น้อยลงไปกว่าเดิมนี่ทำให้เขาไม่อยากขยับตัวไปไหนแม้แต่เซ็นต์เดียว

เส้นผมที่ร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงไม่อาจปิดบังช่วงคอได้เหมือนเคย รอยพันธะที่ใครบางคนทิ้งเอาให้ปรากฎชัดแก่สายตา ยิ่งทำให้หลายคนที่อยู่ในวงข่าวลือปักใจเชื่อ

แต่... ใครที่เป็นเจ้าของรอยนี้ล่ะ

ผู้จัดการฝ่ายการตลาด หรือคนที่มาส่งจำเลยเมื่อเช้านี้

สายตาของคนทั้งในและนอกแผนกที่ผ่านไปมาจับจ้องที่ร่างของโอเมห้าหนึ่งเดียวที่โงหัวขึ้นมาเขียนงานอย่างเชื่องช้า เสียงซุบซิบดังหึ่ง ๆ รอบตัวมันทำให้เขารู้สึกปวดหัวเพิ่มขึ้นมาจากอาการพะอืดพะอม

มือขาวผลักไสอาหารร้อนที่คุณป้านานะทำมาให้ออกไป เขาไม่ได้อยากให้หญิงตรงหน้าเสียน้ำใจ แต่ร่างกายเขามันไม่อยากจริง ๆ

แต่ถึงอย่างนั้น อดีตพยาบาลผู้แข็งแกร่งก็บังคับให้เขากินเข้าไปจนเจ้าตัวพอใจอยู่ดี

“นี่... ฮานะมาอิ คนที่มาส่งนายเมื่อเช้านี่... คู่ของนายเหรอ”พนักงานเดินเอกสารฝ่ายการผลิตใจกล้าถามขึ้น พร้อมส่งรอยยิ้มเหยียด ๆ “หาได้ไม่เลวนิ”

หนังตาหนักปรือขึ้นมองหน้าผู้พูดน้อย ๆ ก่อนปิดลงไปอีกครั้งอย่างไม่ใส่ใจ ตอนนี้เขาไม่มีแรงจะมาโต้เถียงกับใครทั้งนั้น

“เงียบแบบนี้ ยอมรับล่ะสิ”คราวนี้ไม่ได้มาแค่รอยยิ้ม แต่เสียงก็ฉายแววเดียดฉันท์เช่นกัน “ดูมีฐานะดีนะคะ แย่งใครมาหรือเปล่า”

“ทำงานเสร็จแล้วก็กลับแผนกไปสิ จะมาสิ่งสู่ที่การตลาดหรือไง”เสียงที่สอดมาแบบนี้คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโทโมเอะที่ยื่นเท้าเอวทำปากยื่นอยู่ไม่ไกล “ถ้างานน้อยนักเดี๋ยวฉันไปแจ้งหัวหน้าฝ่ายการผลิตให้ เอาไหมคะ”

“ชิ”สาวต่างแผนกสะบัดหน้าใส่นางฟ้าการตลาดด้วยความไม่พอใจ แต่ยังไม่ทันที่เจ้าหล่อนจะได้ออกไปไหน ใครบางคนที่เธอไม่คิดว่าจะได้พบกลับเดินเข้ามาเสียก่อน “ทะ. ท่านประธาน”

ใบหน้ากลมซีดเผือดลง ทุกคนในบริษัทรู้ดีว่าประธานอากิโตะนั้นไม่ชอบการที่พนักงานดูแคลนกันเองในบริษัท ต่างจากรุ่นก่อน ๆ ที่ถือตัว

“ถ้าอยากเรียกนามสกุล ก็เรียกเขาว่าทากาฮาชิ ไม่ใช่ฮานะมาอิ”น้ำเสียงเยียบเย็นทะลุเข้าไปถึงหัวใจของคนฟังพอ ๆ กับสายตาคมกริบนั่น “หวังว่าผมจะไม่ได้ยินเรื่องเหลวไหลอีก”

ร่างสูงก้าวยาว ๆ เข้าไปหาคนที่หลบหน้าออกมาก่อนด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล มือร้อนแตะใบหน้าซีดขาวด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรใช่ไหม ไอสึกิ”อากิโตะย่อตัวลงไปจนเข่าแทบชิดพื้น เขาลูบกลุ่มผมนุ่มที่ไม่ได้มัดรวบไว้เหมือนเคยส่งผ่านความห่วง “กลับไปพักที่บ้านเถอะ”

“ไม่เป็นไรครับ... ผมโอเค”เสียงแผ่วเบาตอบกลับมาอย่างไม่ดูสภาพตัวเอง สัมผัสอุ่นที่ได้รับเรียกร้องให้หัวทุยขยับเข้าไปชิดกว่าเดิมอย่างเรียกร้องบางอย่างให้มากขึ้น “ผมดีขึ้นแล้วล่ะครับ”

อากิโตะหยัดกายลุกขึ้นแล้วประคองให้ไอสึกิขยับมาซบแผ่นท้องของตน เขาโอบร่างซีดเซียวเอาไวหลวม ๆ อยู่พักใหญ่

ตัวเขาสังเกตมาพักใหญ่ ทั้งได้คุยกับหมอซาโต้บ้างแล้ว ไอสึกิคงมีอาการติดกลิ่นอยู่ไม่น้อย เพราะร่างโปร่งเมื่ออยู่กับเขามักจะไม่มีอาการแพ้ท้องมากนัก แต่ถ้าห่างกันไปพักนึง ก็จะเป็นอย่างที่เห็น

ไอสึกิขยับตัวซุกไปกับหน้าท้องแข็ง หากแต่ให้ทำรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก เขาหลับตาลงรับความอบอุ่นร่างหนามอบให้พร้อมกับยิ้มหวาน

“เดี๋ยวฉันไปเอานมมาให้ ดื่มสักหน่อยนะ”สีหน้าของคนรักดูมีเลือดฝาดมากขึ้นจนเขารู้สึกวางใจไปได้ไม่น้อย ไอสึกิที่ใจจริงแล้วไม่ได้อยากผละออกไปจากอ้อมกอดของใครอีกคน แต่ก็ยังไม่อยากขัดใจให้ปัญหาเกิดขึ้น เขาเลยขยับตัวออกมานั่งตัวตรงอย่างไม่อิดออด “รอแป๊ปนึง อย่าไปไหนล่ะ”

อากิโตะอดไม่ได้ที่จะกำชับให้เด็กหัวดื้อฟังเขาสักที เมื่อคนตรงหน้าพยักหน้ารับคำแล้ว เขาจึงเดินออกไปเอานมเสริมแคลเซียมมาให้ไอสึกิโดยมีสายตาของเหล่าพนักงานที่ชะงักค้างมาตั้งต่ตอนที่ท่านประธานเดินเข้ามาจนถึงตอนนี้...

“นี่... ไอสึกิ”มัตสึระย่องเข้ามาใกล้ ๆ คนที่ใครหลายคนคงต้องเริ่มที่จะเกรงใจขึ้นมาไม่น้อย ก่อนจะกระซิบถามขึ้น “รอยที่คอนายนี่ ของท่านประธานเหรอ”

“อ่า...”ปากเล็กอ้าหุบ อ้าหุบ เหมือนปลาทองขาดน้ำ แต่ก็ไม่รู่จะตอบอะไรออกไปดี... ไอสึกิไม่ชอบโกหก แต่ถ้าเงียบไปก็คงเท่ากับยอมรับ...

ไม่รู้ว่าอากิโตะจะว่ายังไง... มันอาจจะยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกก็ได้

“ถ้าอยากรู้ก็ถามฉัน”น้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกดังจากทางด้านหลังเล่นเอาขนรุกชันไปทั้งร่าง “แต่ฉันว่าฉันพูดชัดอยู่นะ”

“อะ เอ่อ... ท่านประธาน”

“ภรรยาของฉันต้องการการพักผ่อน หวังว่าจะไม่มีใครมารบกวนเขา”สายตาที่เย็นเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็งกวาดมองโดยรอบอย่างคาดโทษไว้บนหน้าผากพวกขาเม้าส์ทุกคน “ถ้าใครพูดอะไรไม่เป็นประโยชน์ออกมาอีก อย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้า”

ประโยคที่ไม่ยาวนัก แต่ก็ทำเอาทุกคนสลายโต๋ไปก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองกันหมด พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองเจ้านายของพวกเขาอีกเลย

ก็คำว่าไร้สาระ มันประดับอยู่บนหัวพวกเขาเกือบทุกคนเลยนี่

“อย่าโหดนักสิครับ”ไม่รู้อะไรดลใจให้ร่างบางเอ่ยออกมา มือขาวรับเอาแก้วอุ่นมากุมไว้พร้อมส่งยิ้ม “เดี๋ยวทุกคนก็กลัวกันหมดหรอกครับ อากิโตะ”

“งั้นเหรอ”ผู้ที่อยู่บนสุดของยอดพีระมิดของทากาฮาชิ กรุ๊ปเลิกคิ้วมองคนรักแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ “ถ้าอย่างนั้นนายก็ไปอยู่ที่ห้องทำงานฉันก่อนแล้วกัน ฉันจะได้ไม่ต้องลงมาทำให้ใครต้องกลัวอีก”

การเชื่อมโยงเรื่องเข้าหากันหน้าตายเล่นเอาคนที่ยกนมขึ้นดื่มสำลักกจนหน้าแดง ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองคนพูดอย่างเคืองใจ ก่อนจะวางแก้วลง

“ไปกันเถอะ”อากิโตะผู้ไม่เคยล้อเล่นกับความคิดของตน กึ่งประคองกึ่งหิ้วเอาไอสึกิขึ้นไปชั้นบนสุดโดยไม่สนใจต่อแรงต้านจากคนที่ไม่ค่อยมีแรงสักนิด

“คุณอากิโตะ!”

“หืม เมื่อกี้ยังเรียกอากิโตะอยู่เลย...”คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจนัก “นายเป็นคนรักของฉัน เรียกชื่อธรรมดาก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่”

ไอสึกิถลึงตามองคนที่โอบเขาไว้แน่นจนในบางจังหวะเท้าเขาแทบจะลอยขึ้นจากพื้น จนสุดท้ายังไม่ทันพ้นประตูของฝ่ายการตลาด ร่างโปร่งก็ถูกช้อนตัวขึ้นมาอุ้มด้วยแขนเพียงข้างเดียว ทำเอาไอสึกิต้องโน้มไปกอดช่วงคอของอากิโตะไว้แน่น

“นี่คุณจะทำอะไรกันแน่ครับ”ทั้งที่เคยคุยกันไว้ว่าจะยังไม่ให้ใครรู้ว่าพวกเขาเป็นอะไรกันถ้ายังไม่พร้อม

แต่จู่ ๆ ก็มาประกาศตัวทั้งคำพูดและการกระทำแบบนี้... มันทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อยเลยเหมือนกัน

“ถ้าปิดบังแล้วฉันไม่สามารถปกป้องนายด้วยตัวเองได้ สู้เปิดเผยให้รู้กันไปเลยดีกว่า”น้ำเสียงที่เอ่ยมาฟังดูเรียบเฉย แต่คำที่พูดกลับหนักแน่นชัดคำเสียจนทำให้ท่าทีของคนที่ถูกอุ้มอยู่นั้นอ่อนลง “การที่ต้องมาได้ยินพนักงานที่ผ่านไปมาพูดถึงนายไม่ดี มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ และมากไปกว่านั้นคือมันทำให้ฉันโกรธมากซะด้วย”

“คุณไม่เห็นจะต้องไปสนใจ...”

“ฉันจะไม่สนใจ ถ้ามันไม่ใช่เรื่องของนาย”นัยน์ตาสีเทาหลุบลงมองแผ่นท้องที่นูนขึ้นเล็ก ๆ ซึ่งถูกซ่อนไว้ภายใต้เสื้อตัวหลวม “และลูกของเรา”

ไอสึกิยิ้มและไม่ต่อคำอีก

สุดท้ายเขาก็ยังแพ้คำว่า ‘เรา’ ของอีกฝ่ายอยู่ดี

หลังจากวันนั้น ไอสึกิก็ถูกย้ายมาอยู่ในสายตาของท่านประธานใหญ่แห่งทากาฮาชิ กรุ๊ปไปโดยปริยาย เสียงซุบซิบที่เคยมีก็พลันหายขวับไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับว่าไม่เคยมีมันเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้

อากิโตะสั่งเปลี่ยนเก้าอี้ทำงานในห้องกว้างให้ใหญ่ขึ้น และสั่งให้เอาโซฟานุ่มมาวางเอาไว้พร้อมกองหมอนที่มุมหนึ่งของห้อง ตู้เย็น กาน้ำร้อน ไมโครเวฟ เครื่องอำนวยความสะดวกหลายอยากถูกยกเข้ามาภายในเสียจนห้องใหญ่นี้ดูแคบลงไปอย่างเห็นได้ชัด

เพื่อคนเพียงคนเดียว...

แต่ถึงจะเตรียมอะไรไว้มากมาย ไอสึกิก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ซุกอยู่ในอ้อมแขนของอากิโตะจนหลับไปให้เจ้าตัวอุ้มเขาไปนอนหลับสบายบนโซฟาอุ่นรอเลิกงานทุกวัน

สามสหายของร่างบางโบกปูนสร้างเกราะหินในใจบุกเข้ามาหารุ่นน้องที่แสนจะเป็นห่วงในห้องทำงานของเจ้านายผู้ถือสิทธิ์ขาดในการทำงานอย่างใจกล้า ถึงจะถูกสายตาพิฆาตจังจ้องมา แต่พวกเขาก็ทำเมินห้อมล้อมใครอีกคนจนแน่ใจว่าไอสึกิสบายดีถึงพากันออกไปได้ แต่ก็ยังมีแวะเวียนติดสอยห้อยตามนานะมาช่วงพักกลางวันบ้างเป็นบางครั้ง

แผ่นท้องที่เคยแบนราบนั้นเริ่มนูนขึ้นจะเสื้อที่เคยสวมปิดไม่อยู่ในช่วงจะเข้าเดือนที่สี่ ไอสึกิหรี่ตามองการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดจนต้องถอนหายใจ

“เดี๋ยวฉันให้คนไปซื้อเสื้อให้ใหม่”อากิโตะพูดขึ้นหลังจะเห็นคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปมยุ่งเหยิง “วันนี้ทนอึดอัดไปก่อนนะ... หรือว่าเอาเสื้อชั้นไปใส่ก่อนดี”

“ไม่ได้อึดอัดอะไรหรอกครับ”แค่กางเกงที่เคยหลวมมันกลับมาพอดีตัวเท่านั้นเอง “ถ้าซื้อเสื้อผ้าใหม่ ผ่านไปอีกพักนึงก็ต้องซื้ออีก... มันคงสิ้นเปลืองไม่น้อยเลยนะครับ”

“ไม่เอาน่า อย่าคิดมากสิ ฉันมีเงินซื้อเสื้อมาเปลี่ยนให้นายได้ทุกวันนั่นล่ะ”ร่างสูงโอบกอดคนรักจากทางด้านหลัง ริมฝีปากอุ่นฉกชิงความหอมจากแก้มนุ่มไปหลายที “ไม่ทำหน้าอย่างนี้สิ ไม่เอาก็ไม่เอา อืม... ฉันคิดว่านายคงไม่อยากใส่ชุดคลุมท้อง... ถ้าอย่างนั้นเอายูกาตะไหม ถ้านายไม่อยากจะซื้อเสื้อใหม่บ่อย ๆ”

“อย่างนั้นก็ได้ครับ”มันคงเป็นทางเลือกที่ดูดีที่สุดเท่าที่หาได้แล้ว “ไม่เอาสีฉูดฉาดนะครับ”

“ได้สิ”อากิโตะรับคำเบา ๆ

ไอสึกิเหลือบมองคนที่ยังไม่ปล่อยตัวเขาออกจากอ้อมแขนสักที เมื่อมองแล้วก็ยังไม่ขยับอะไร เขาเลยทิ้งตัวพิงแผ่นอกหนาที่ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเขาก็ซุกหาไออุ่นไปไม่รู้กี่ครั้ง ปล่อยให้อีกคนคลอเคลียพวงแก้มของตนไปจนกว่าจะพอใจ

“ทำแบบนี้แล้วไม่อยากไปทำงานเลยนะ”ถ้อยคำที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากอัลฟ่าผู้เคร่งขรึมและแสนจะจริงจังอย่างอากิโตะ เล่นเอาไอสึกิชะงักเบือนหน้าไปหาคนพูดด้วยความตกใจ “ฉันก็อยากอยู่บ้านเป็นเหมือนกันนะ”

“อย่างนั้นเหรอครับ”เขาหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อถือ แต่ก็ไม่โต้ตอบอะไรกลับไป “แต่ยังไงก็ได้เวลาไปทำงานแล้วนะครับ”

อากิโตะถอนหายใจเบา ๆ แล้วบิดตัวก้าวมาอยู่ข้างหน้าคนรักก่อนจะโน้มหน้าลงมอบจุมพิตยามเช้าอันแสนหวานเติมเต็มความอบอุ่นในหัวใจของกันและกัน

“ไปกันเถอะ”

นับว่าเป็นภาพที่ชินตากันแล้ว กับการที่จะเห็นประธานใหญ่โอบร่างของพนักงานที่เป็นโอเมก้าเพียงหนึ่งเดียวของบริษัทเดินเข้ามาในตึกยามเช้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตกเป็นเป้าสายตาเสียทุกที

ยิ่งตอนนี้ที่เริ่มเห็นท้องที่นูนออกมา ยิ่งเรียกสายตามากขึ้นไปอีก

อาการแพ้ท้องของไอสึกิดีขึ้นมาก เขาไม่จำเป็นจะต้องไปซุกอยู่ในอ้อมแขนของอากิโตะทั้งวันอีกต่อไป นั่นทำให้เจ้าตัวลัลล้าได้มากขึ้นสวนกันคนที่อดกอดร่างหอม ๆ เอาไว้ที่รู้สึกขาดอะไรไปซะอย่างนั้น

แน่นอนว่าเมื่อไม่แพ้ท้องจนหมดเรี่ยวแรงแล้ว หลังจากนั่งว่าง ๆ ไปกว่าครึ่งวัน คนขยันอย่างไอสึกิย่อมอยากจะกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะของเขา แต่อากิโตะก็ไม่ยอม

“ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้วสักหน่อย”เจ้าตัวทำหน้าบึ้งเมื่อโดนคนที่มีอำนาจสูงสุดขัดใจ “ให้ผมนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ตลอดก็ไม่ไหวนะครับ”

“ไอสึกิ นายควรพักผ่อนเยอะ ๆ ไม่ใช่ไปเดินวนรอบบริษัทหรือนั่งจ้องหน้าคอมจนตาแห้ง”เสียงดุ ๆ ตอบกลับมาทันควัน

“ให้ผมนั่งแยกใบสั่งซื้อธรรมดาก็ได้”เขารู้ดีว่าคนตรงหน้าเป็นห่วง แต่การงอมืองอเท้ามันก็ไม่ใช่วิสัยของเขาอยู่ดี “ดีกว่าให้ผมนั่งกินนอนกินอยู่เฉย ๆ”

“ไม่เอาน่า อย่าดื้อสิ!”เสียงที่ส่งมาเริ่มใส่อารมณ์มากขึ้น มือหน้าโยนแฟ้มหนักลงบนโต๊ะเสียงดังแล้วยันตัวลุกขึ้น “ฉันต้องการให้นายอยู่เฉย ๆ เพื่อลูก เข้าใจไหม”

“ไม่!!!”ไอสึกิโต้กลับเสียงดัง “ผมจะไม่เอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่แบบนี้ คุณเข้าใจผมไหม คุณอากิโตะ”

“ฉันไม่อนุญาตให้นายดื้อกับฉัน ไอสึกิ!”

“ผมไม่ยินยอมให้คุณมาบังคับผมเหมือนกัน คุณอากิโตะ!”

สายตาสองคู่จ้องกันเขม็ง จนอากิโตะเป็นฝ่ายละสายตาไปคว้าสู้ขึ้นมาสวม

“ฉันมีงานเลี้ยง อยู่นิ่ง ๆ รอจิโร่มารับนายกลับไปที่บ้านยามาโมโตะ ไปนอนพักซะ”คำสั่งสั้น ๆ ถูกทิ้งเอาไว้ก่อนที่ร่างสูงจะก้าวฉับ ๆ ออกจากห้องไป “ฉันยังไม่อยากคุยกับนายตอนนี้ ไอสึกิ”

ไอสึกิเบิกตากว้างเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้นที่ความหงุดหงิดที่สุดอยู่พุ่งสูงปรี๊ด เขาปัดของบนโต๊ะกระจกตัวเตี้ยลงบนพื้นระบายอารมณ์แล้วเดินพุ่งออกไปนอกห้องเช่นกัน เลขาสาวที่ยังนั่งจัดการงานอยู่พยายามจะเอ่ยห้าม แต่ก็ไม่อาจห้ามไว้ได้ ในส่วนนึงเธอกลัวว่าจะไปกระทบครรภ์ของไอสึกิด้วย จึงไม่กล้าที่จะออกแรงมาก

ร่างโปร่งก้าวออกมานอกบริษัทเพียงลำพังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่อากิโตะเข้ามาดูแลเขา ใจนึงเขาก็กะที่จะไปนั่งเล่นอยู่ร้านของนานะ แต่อีกใจที่เหมือนจะมีน้ำหนักมากกว่ามันกลับสั่งให้ขาเดินไปยังร้านขายขนมหวานเจ้าอร่อย

มือเรียวกำลังยื่นไปผลักประตูให้เปิดออก หากแต่ทุกอย่างก็มืดลงอย่างเฉียบพลัน ไอสึกิดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการ แต่ยังไม่ทันที่จะสำเร็จสติของเขาก็พลันหลุดลอยหายไป

ไม่รับรู้อะไรอีกเลย



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ช่วงชิงเวลาที่ตัดจากหน้ากากไปเป็นข่าวมาอัพค่ะ ฮ่าๆ รีบบบบบ
ทุเรียนนนน
แต่วันนี้... ชอบอีกาง่าาาาาาา


โอ้ยยยยยยย แวบละเจ้าค้าาา เจอกันตอนหน้า เผ็ช~(นั่งเคี้ยวพริกต่อไป ฮึก ๆ)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด