พิมพ์หน้านี้ - [Omegaverse]Indispensable ขาด... ไม่ได้ (yaoi) Akito x Aitsuki[LastCh 3/04/57]จบ
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: midnight ที่ 10-03-2017 19:40:25
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง 7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด 7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ 7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ... (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง) - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส - ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail 16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข 17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ) เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com....................................... วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// สวัสดีค้า ^^ วันนี้ (23/10/14) ถือฤกษ์งามยามดีมาเปิดเรื่องใหม่ หลังจากที่เพิ่งจบเรื่องเก่าไปได้แปปเดียว ที่เป็นแนวที่พยายามแต่งมาตลอด แต่ไม่ค่อยจะจบ ทั้งที่ไม่น่ายาก... 5555 รอบนี้ต้องจบให้ได้ (มุ่งมั่น) // ตันตอนครึ่งเรื่องทุกที [win] // เฮ้ แล้วจ้าวหัวใจ จอมใจจักรพรรดิล่ะ มิดไนท์เอ๋ย (พูดคนเดียว 555) ออกตัวก่อนว่าทุกอย่างในเรื่องเป็นสิ่งที่แต่งขึ้น เอาของหลาย ๆ มหาวิทยาลัยมารวมกันนะคะ ไม่ต้องเดาว่าในมหาลัยไหน 5555 ยังไงก็ฝากเรื่องนี้เอาไว้ในอ้อมอก อ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ เพจของคนเขียน : https://facebook.com/flymoon.midnight (https://facebook.com/flymoon.midnight) ขอฝากผลงานเรื่องเก่าของคนเขียนไว้นะคะ ^^ เรื่องยาว สุริยายอแสง จันทราคล้อย : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41291.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41291.0) ตำนานรักสองราชวงศ์ : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32113.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32113.0) EGvsMTเฮดว้ากตัวร้ายปะทะวินัยเจ้าระเบียบ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44135.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44135.0) เรื่องสั้น เรือจ้างลำแกร่ง : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36513.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36513.0) [เพื่อระลึกถึงครูที่จากไป 14 กันยายน]
intro บนโลกที่สิ่งมีชีวิตต้องมีการปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์อยู่ตลอดเวลา เพศเป็นสิ่งที่มีไว้เพียงบ่งบอกสภาพภายนอกที่ไร้ค่าเกินกว่าจะนำมาขบคิดอีกต่อไป จบสิ้นซึ่งยุคสมัยที่จำเพาะเพียงแต่ว่าชายจะต้องคู่กับหญิงเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ อัลฟ่า ชนชั้นอภิสิทธิ์ชนที่หลายคนมักจะถือตนว่าอยู่เหนือเหล่าเบต้าและโอเมก้า ด้วยสติปัญญา ความแข็งแกร่ง ความเก่งกาจ และสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของพวกเขา จึงทำให้อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าเหล่าอัลฟ่าเป็นกลุ่มคนชั้นนำของประเทศแม้จะมีจำนวนไม่มากนักก็ตามที เบต้า กลุ่มคนธรรมดาของสังคมที่ในปัจจุบันก็มีไม่น้อยที่ก้าวหน้าไปจนจะเทียบเท่าเหล่าอัลฟ่าด้วยความพยายาม แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงดำรงอยู่ใต้ธงชัยของพวกเขา เปรียบเป็นแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของโลก โอเมก้า กาลก่อนมีคำกล่าวว่าเหล่าโอเมก้าเป็นเพียงของเล่นสำหรับทุกคน เมื่อหมดประโยชน์ก็โยนทิ้งได้อย่างไร้ค่า พวกเขาทุกคนสามารถตั้งท้องได้โดยไม่มีข้อแม้ และในหนึ่งเดือนนี้จะมีอาการติดสัดหนึ่งครั้งจนต้องพกยาไว้เพื่อป้องกันอยู่เสมอ ด้วยจำนวนและสภาพร่างกายที่ต้องการคนมาปกป้องของพวกเขาส่วนใหญ่อาจทำให้อัลฟ่าและเบต้าหลายกลุ่มมองลงมาอย่างดูแคลน แต่ใช่ว่าจะไร้คนที่มีฝีมือเช่นกัน ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนไม่น้อยที่พยายามผลักดันให้โอเมก้าออกมาใช้ชีวิตภายนอกได้อย่างเสรีเฉกเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ไอสึกิเป็นโอเมก้าคนหนึ่งที่เข้าเรียนในโรงเรียนสหศึกษาใกล้บ้าน เขาใช้ชีวิตอย่างปกติมาได้จนถึงปัจจุบัน แม้ว่าตนจะมีรูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจด้วยเส้นผมสีน้ำตาลซอยระต้นคอพลิ้วสวย ดวงตาสีฟ้าสว่างสดใสและรอยยิ้มที่แสนจะเป็นมิตรดูดึงดูดผู้คนให้มาล้อมรอบกายไม่ห่าง แต่หลังจากที่ไอสึกิแผลงฤทธิ์วิ่งไล่เตะนักเรียนเบต้าเข้าใกล้รุ่นพี่ที่เป็นโอเมก้าเหมือนกับเขาจนต้องส่งเข้าโรงพยาบาลไปที ก็ไม่มีใครกล้ามาเกาะแกะอีกเลย นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับโอเมก้าคนหนึ่งเลยทีเดียว โอเมก้าเป็นคนหมู่น้อยที่มักจะไม่ได้รับการยอมรับเรื่องความสามารถเท่าไหร่นัก แต่กับไอสึกิที่ค่อนข้างจะผ่าเหล่าจะโอเมก้าทั่วไปแล้ว ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเขาก็พูดได้เต็มปากเลยว่าไม่ด้อยไปว่าอัลฟ่าสักนิด นับว่าเป็นโชคที่ดีของไอสึกิเช่นกันที่เกิดขึ้นมาในยุคสมัยที่สังคมเริ่มที่จะให้ความเท่าเทียมกับโอเมก้าบ้างแล้ว จึงได้รับความสำคัญจากหลาย ๆ คนในมหาวิทยาลัย “เฮ้ ไอสึกิ”ร่างโปร่งหันไปตามเสียงเรียกพร้อมส่งรอยยิ้มให้กับคน ๆ นั้น “ไม่ต้องมายิ้มดีไปเลย ไม่มีใครหลงแข้งทองคำของนายหรอกน่า” “พูดเล่นไป มิคาอิ นายก็รู้”ไอสึกิส่ายหน้าน้อย ๆ พรางนึกถึงช่วงฤดูผสมพันธุ์ของตน ถ้าวันไหนที่ลืมกินยามา เขาเองก็แทบแย่เหมือนกัน “ว่าแต่ มีอะไรเหรอ” “ใช่สิ ฉันมีเรื่องจะบอกนี่ อาจารย์อาเบะบอกว่า ทากาฮาชิ กรุ๊ปร่วมกับทางมหาลัยเปิดรับสมัครผู้ร่วมงานน่ะ ถ้าสนใจให้ส่งใบสมัครได้ที่อาจารย์เลยนะ”มิคาอิพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขามองหน้าเพื่อนคนเก่งอย่างวาดหวังในคำตอบที่รอคอย ทากาฮาชิ กรุ๊ปเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ แน่นอนว่าใคร ๆ ก็ต้องอยากร่วมงานกับเขากันมากมาย การได้ทำงานในบริษัทที่มองเห็นอนาคตและมีความก้าวหน้ารออยู่ เป็นก้าวแรกที่ทุกคนอยากมีโอกาสที่จะครอบครองทั้งนั้น “งั้นเหรอ”กลับเป็นไอสึกิที่มีท่าทีไม่สนใจซะเองอย่างนั้น เขาไม่ได้วาดหวังว่าจะได้ทำงานในบริษัทใหญ่อะไร ถึงจะพยายามจนเทียบเคียงกับอัลฟ่าได้ แต่โอเมก้าอย่างเขา การได้รับการยอมรับจากพวกอภิสิทธิ์ชนที่เอาแต่แหงนคอมองด้านบนมันยากเสียยิ่งกว่ายาก “นายก็ไปสมัครสิ มิคาอิ” “ไม่เอาน่า ไอสึกิ พวกเราไปด้วยกันสิ”มิคาอิดึงตัวเพื่อนให้ไปหาอาจารย์ด้วยกันโดยไม่สนใจคำทัดทานเลยสักนิด ลองดูสักครั้งก็คงไม่เสียหายอะไร... ไอสึกิคิดอย่างปลง ๆ แล้วกรอกไปสมัครลงไปแล้วยื่นให้กับอาจารย์อาเบะที่ส่งยิ้มมาให้อย่างเอ็นดู “ลองดูสักตั้งน่ะดีแล้ว ฮานะมาอิ เธอเป็นลูกศิษย์ที่เก่งที่สุดของฉันคนนึงเลยนะ”เสียงทุ้มแหบพร่าของอาจารย์ทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาได้ “ไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร แต่สิ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ก็คือว่าความสามารถของเธอเอง เข้าใจไหม” “ครับ อาจารย์” นั่นสินะ ถ้าหากไม่ลองหยั่งเท้าเดินไปข้างหน้าเพื่อเปลี่ยนแปลง ความพยายามของเขาจะมีประโยชน์อะไรกัน @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ เปิดเรื่องใหม่ที่เขียนจบแล้วด้วยแนวโอเมก้าค้า~ ^o^ โปรดอย่าถามหาความดิบ ความเถื่อน จากนักเขียนผู้นี้ 55555
Chapter 1 ในวันจบการศึกษา พิธีการภายในห้องประชุมผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย จากวันนี้ไปนักศึกษาทุกคนก็ต้องเข้าสู่การทำงานอย่างแท้จริงแล้ว ใบตอบรับของการสมัครงานในที่ต่าง ๆ ก็ถูกส่งไปยังที่บ้านแล้วเช่นเดียวกัน “ไอไอ”เสียงหวานใสของผู้เป็นแม่ร้องเรียกชายหนุ่มทันทีเมื่อเขาก้าวเข้ามาในบ้าน ร่างเล็กบางก้าวเข้ามาหาไอสึกิอย่างเร่งรีบ พร้อมกับใบหน้าที่แย้มยิ้มกว้างด้วยความดีอกดีใจ “ดูนี่สิ ไอไอ” จดหมายฉบับหนึ่งโบกไปมาอยู่ตรงหน้าของเขา มือเรียวต้องยื่นไปรับมาเปิดอ่านอย่างเลี่ยงไม่ได้ “แม่ครับ นี่มัน...”ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างยามที่อ่านเนื้อหาในจดหมายจนจบ “มัน... เป็นไปได้ยังไงกันครับ” “พวกเขาเห็นความสามารถของไอไอยังไงล่ะ ดีใจด้วยนะลูก”แขนเรียวเล็กคว้าเอาร่างโปร่งของบุตรชายมากอดเอาไว้แน่น “ต่อไปนี้จะต้องไม่มีใครมาดูลูกของแม่ได้แล้ว ไอไอของแม่เก่งที่สุดเลย” “โถ่ แม่ มันยังไม่แน่สักหน่อยว่าผมจะทำงานรอดนี่น่า”ถึงเขาจะดีใจที่ได้งานอย่างไม่คาดฝัน แต่ในใจก็ยังคงอดเป็นกังวลไม่ได้อยู่ดี “ไอไอทำได้อยู่แล้ว”คุณนายฮานะมาอิยิ้มหวานให้กับลูกรักของเธอ “อ๊ะ จริงสิ ยาของไอไอกำลังจะหมดแล้วสินะ แม่ไปเอามาเพิ่มให้แล้ว อย่าลืมพกไปนะลูก” “ครับ แม่”ไอสึกิรับยาจากแม่มา ก่อนจะน้อมตัวลงไปหอมแก้มนุ่ม ๆ ของผู้หญิงตรงหน้าเบา ๆ “งั้นผมไปพักก่อนนะครับ” “จ้า” ไอสึกิทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม เขาคว้าซองจดหมายมือเพ่งมองอีกครั้งอย่างสับสนกับหนทางที่จะเดินต่อไป โอกาสอยู่ข้างหน้าแล้ว เขาควรจะเปิดประตูไปรับมันมาแล้วเดินต่อไปสู่งความสำเร็จแทนที่จะท้อสิ “เฮ้อ~”เพราะน้อยใจในโชคชะตามาตั้งแต่ยังเล็กกับการโดนดูถูกว่ามีค่าแค่อ้าขานอนบนเตียง ตัวเขาถึงพยายามที่จะทำทุกอย่างที่จะก้าวไปเทียบเคียงนักเรียนอัลฟ่าในโรงเรียนให้ได้ แม้กระทั่งในมหาวิทยาลัย เขาก็พยายามเช่นกัน และเขาก็ทำได้ “ต้องทำได้สิ ไอสึกิ นายอย่ามากลัวตอนนี้สิ” สู้ ๆ สักวันนายจะต้องก้าวข้ามพ;กอัลฟ่าที่มองตัวเองสูงส่งพวกนั้นไปให้ได้ เย็นวันนั้น ครอบครัวฮานะมาอิเลี้ยงฉลองการจบการศึกษาประกอบกับการได้งานที่ดีของไอสึกิกันด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณนะครับ พ่อ แม่” ตรงหน้าของชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวออกจากรั้งมหาวิทยาลัยมาไม่เท่าไหร่คือตึกแฝดสูงใหญ่ ไอสึกิเงยหน้าขึ้นมองป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนไว้ว่า Tagahashi แล้วถอนหายใจเบา ๆ “เอาล่ะ!”เขารวบรวมกำลังใจก่อนจะก้าวเข้าไปข้างใน ห้องโถงกว้างที่มีป้ายบอกทางติดอยู่หลายจุดชวนสับสนไม่น้อย เป้าหมายของเขาคือฝ่ายการตลาด “ขอโทษนะครับ ฝ่ายการตลาดอยู่ไหนเหรอครับ”เขาไม่เลือกที่จะอวดเก่งหาทางไปเอง สู้ถามประชาสัมพันธ์เอาคงจะง่ายและสะดวกกว่ามาก “ชั้นสิบสองค่ะ อ๊ะ”ประชาสัมพันธ์สาวหน้าตาจิ้มลิ้มอุทานเบา ๆ ออกมาก่อนจะเก็บอาการลงไปในท้องอย่างรวดเร็ว “พนักงานใหม่เหรอคะ” “ครับ ฝากตัวด้วยนะครับ”รอยยิ้มบางแย้มส่งให้หญิงสาวก่อนที่เขาจะเอาคีย์การ์ดที่ถูกส่งมาแตะเข้าไปด้านในเพื่อขึ้นลิฟต์ “แปลกจัง”กลิ่นหอมเย็นที่ลอยแตะจมูกเธอบ่งบอกว่าคนที่เพิ่งจากไปเป็นอะไร ที่น่าแปลกคือ ในทากาฮาชิ กรุ๊ปนี้ ไม่เคยรับโอเมก้าเข้าทำงานมาก่อนแม้เพียงสักคน “หรือว่าคิดไปเองกันนะ” ร่างสูงโปร่งในชุดสูทลำลองกับเสื้อเชิ้ตสีสะอาดก้าวเข้าไปหาห้องกระจกซึ่งติดป้ายบ่งบอกความเป็นหัวหน้าฝ่ายเอาไว้ชัดเจน “ขออนุญาตครับ”มือเรียวเปิดประตูเข้าไปด้านในอย่างเงียบเชียบ ชายวัยกลางคนที่นั่งหันหลังจิบกาแฟอยู่หมุนเก้าอี้กลับมามองผู้มาใหม่ “ผมมารายงานตัวครับ” ดวงตาคมเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาดิจิทัล ซึ่งวางอยู่มุมโต๊ะ นับว่าไม่เช้ามากไป และไม่สายอย่างพวกอ่อนหัด “เอาเอกสารมาดูสิ”ซองสีน้ำตาลถูกยื่นมาให้ด้วยท่าทีสุภาพ แต่ก็ไม่ทิ้งความสง่างามไป “หืม...” หัวหน้าฝ่ายการตลาดหรี่ตามองชายร่างโปร่งที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าอย่างวิเคราะห์ โอเมก้าที่ฝ่ายบุคคลพูดถึงคือคนนี้เองสินะ แทบดูไม่ออกเลยเหมือนกัน “คุณพกยามาใช่ไหม”คำถามแรกที่ยิ่งมาทำใจของชายหนุ่มกระตุกวูบ เขาล้วงเอาซองยาที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อออกมาให้กับเจ้านายหมาด ๆ ของเขา “ดี พกเอาไว้นั่นล่ะ ในแผนกเราส่วนใหญ่จะเป็นเบต้า เธอคงไม่ต้องกังวลอะไรมาก” “ขอบคุณครับ”รอยยิ้มหวานระบายขึ้นฉาบทับใบหน้าหล่อเหลาทำเอาหัวใจของชายที่สูงวัยกว่ากระตุกวูบ “โต๊ะของเธออยู่ริมหน้าต่างฝั่งซ้าย ยังไงก็ตั้งใจทำงานล่ะ”เขาไม่มีอะไรจะพูดอีก มือหยาบโบกให้เด็กใหม่ออกไปทำงานได้แล้ว เมื่อเสียงประตูปิดลง มิสุกิฮาระถึงกับต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขนาดไม่มีฟีโรโมนฟุ้งออกมา เด็กใหม่คนนี้ยังดึงดูดขนาดนี้... หวังว่าจะไม่เกิดความวุ่นวายขึ้นนะ ไอสึกินั่งลงที่โต๊ะซึ่งติดป้ายชื่อเขาเอาไว้ โต๊ะตัวนี้ดูห่างไกลจากคนอื่นเล็กน้อย ซึ่งมันก็ไม่ได้น่าประหลาดใจอะไร “ไง ฮานะมาอิคุง”เสียงสูงของผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยทักเขาจากทางด้านหลัง “ยินดีต้อนรับนะจ๊ะ” “ขอบคุณครับ”แน่นอนว่าเขาย่อมตอบรับด้วยรอยยิ้มทำเอาหญิงสาวที่สูงวัยกว่าตัวเขาไม่มากหน้าขึ้นสีระเรื่อ “ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ ถามทุกคนได้เลยนะจ๊ะ”หล่อนเอ่ยเสียงเบา ทั้งที่เด็กใหม่ตรงหน้าเป็นโอเมก้าแท้ ๆ แต่กลับมีเสน่ห์จนเหลือเชื่อ “ครับ”วงหน้าเรียวพยักขึ้นลงรับคำน้อย ๆ แต่ไม่ได้มีท่าทีสนใจหญิงสาวที่ถือว่าสวยที่สุดในแผนกสักนิด นั่นทำให้เหล่าชายโสดภายในแผนกลดอคติลงไปได้บ้าง การทำงานวันแรกของเด็กหนุ่มผ่านครึ่งวันไปได้ด้วยดี งานที่ถูกป้อนเข้ามานั้นยังไม่เยอะ และไม่ยากเกินทำความเข้าใจ ข้าวกล่องถูกหยิบขึ้นมาวางบนโต๊ะเมื่อถึงเวลาพักกลางวัน ปมผ้าสีฟ้าอ่อนถูกแกะออกอย่างช้า ๆ อันที่จริงไอสึกิก็ไม่ได้อยากที่จะห่อข้าวมากินนัก แต่ด้วยความกังวลที่อยู่ ๆ ก็พุ่งสูงขึ้นของคุณมินาโกะผู้เป็นแม่ที่ตื่นมาทำข้าวกล่องให้เขาแต่เช้า จึงต้องหยิบติดมือมาด้วยอย่างช่วยไม่ได้ “เอาข้าวมากินเหรอ ฮานะมาอิ”เสียงร้องทักอย่างประหลาดใจจากผู้ร่วมงานที่พุ่งมายืนข้างโต๊ะเล่นเอาเขาตกใจ “ว้าว น่ากินซะด้วย แบบนี้เลยไม่อยากกินอาหารที่โรงอาหารของบริษัทเลยล่ะสิ” “ไม่หรอกครับ รุ่นพี่มัตสึระ”ไอสึกิตอบกลับยิ้ม ๆ “แม่ทำให้ ผมก็ไม่อยากให้เขาเสียใจเลยหยิบมาด้วยน่ะครับ” “ขากลับซื้อชูครีมที่อยู่ตรงข้ามบริษัทไปฝากแม่นายสิ อร่อยนะ”มัตสึระขยิบตาให้กับรุ่นน้องที่นั่งอมยิ้มอยู่ “ค่าบอก ขอหน้าซาบะสักชิ้นสิ” “ไปแย่งน้องกินอีกนะ มัตสึระ”คราวนี้เป็นรุ่นพี่อาวุโสที่กำลังก้าวสู่วัยกลางคนเดินเข้ามาเขกหัวเกรียน ๆ ของตัวป่วนประจำแผนกไปลูกใหญ่ เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมงานให้ดังขึ้น “ส่วนเด็กใหม่ ถ้าไม่อิ่มลงไปหาอะไรกินที่โรงอาหารได้นะ โรงอาหารบริษัทเราราคาสมเหตุสมผล ออกจะต่ำกว่าคุณภาพที่ได้รับด้วยซ้ำไป” “ขอบคุณครับ รุ่นพี่ฮิโยชิ”เขาค้อมหัวในน้อย ๆ แล้วยิ้ม มือหยิบตะเกียบขึ้นมาเตรียมจะกินอาหารเลยทำให้ทุกคนที่ตั้งใจจะเข้ามาหยอกเล่นต่อล่าถอยออกไปก่อน นั่นสิ เวลาพักแล้ว พวกเขาก็ต้องไปกินข้าวเหมือนกัน เพราะการที่เอาข้าวกล่องมากินทำให้ประหยัดเวลาในการรอ วันแรกในการทำงานของไปสึกิจึงพอมีเวลามากพอให้เดินไปยังเลานจ์ที่บริษัทจัดไว้ให้พนักงานได้พักผ่อนจากการทำงาน กระจกใสกว้างจนเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้ชัดเจนเต็มสายตาจากตึกสูงนับสิบชั้น มองเห็นบ้านหลังเล็กที่กระจัดกระจายอยู่ตามซอกซอยซับซ้อน หากเป็นเวลากลางคืนคงจะงดงามด้วยแสงไฟแน่ ๆ แต่ก็น่าเสียดายที่ในเมืองเช่นนี้ การจะได้เห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้าก็เป็นได้แค่ความฝันของคนช่างจินตนาการ กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นยามเมื่อยล้าพาให้ร่างกายผ่อนคลาย รอยยิ้มพออกพอใจระบายขึ้นบนใบหน้ามน ดวงตาคู่สวยทอแสงอ่อนเหม่อลอยจนไม่ได้สังเกตรอบข้าง ลดการ์ดการป้องกันตัวโดยสมบูรณ์ “ถึงไม่ใช่ฤดูผสมพันธุ์ของเธอ แต่ด้วยรูปลักษณ์ของตัวเธอเองมันก็ดึงดูดมาก รู้ไหม่ฮานะมาอิ”เสียงแหบกระซิบดังจากข้างหลัง “ระวังตัวเอาไว้จะดีกว่านะ” “ครับ หัวหน้า”นัยน์ตาสีฟ้าทอประกายหม่นหมอง “ผมจะระวังครับ” “ไปเถอะ จะได้เวลาทำงานต่อแล้ว” ร่างสูงโปร่งเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน ก้มหน้าก้มตาทำงานเอกสารที่รอการคัดแยก และการวิเคราะห์ผลดีผลเสียพื้นฐานตรงหน้า คำพูดของหัวหน้าแผนกยังลอยวนอยู่ในหัว เขาขาดความระวังมากเกินไปเสมอในช่วงที่เขายังไม่ฮีท และมันเคยเกือบทำให้เขาแย่มากแล้ว แต่เขาก็ยังไม่จำ แย่ชะมัด สุดท้ายแล้ว ไอสึกิจึงทำงานเสร็จก่อนเวลาเลิก เขานำงานทั้งหมดไปวางไว้ในตะกร้าที่รุ่นพี่สั่งเอาไว้ ก่อนจะมานอนฟุบรอเวลาเลิกงาน มันคงแค่ช่วงแรก ๆ ที่เขามีเวลาว่างอย่างนี้สินะ เส้นผมที่เล็กละเอียดทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วงเผยให้เห็นต้นคอขาวสะอาด ไร้ซึ่งร่องรอยใด ๆ เพื่อนร่วมงานที่แอบสนใจในตัวของโอเมก้าหนุ่มมากความสามารถเหล่มองคนที่เข้าสู่โลกส่วนตัวของตัวเองไปแล้วเงียบ ๆ “นี่ ฮานะมาอิคุง”สัมผัสเย็น ๆ ไล้ไปตามแนวคอไล่มาถึงสันหลัง “ถึงแผนกเราจะไม่มีอัลฟ่าคนอื่นนอกจากผู้จัดการที่ไม่ค่อยได้เข้ามาสักเท่าไหร่ แต่บริษัทเราก็มีพวกระดับสูงเป็นอัลฟ่าเยอะมากนะ...” “คุณโทโมเอะ...” “ใส่ปลอกคอกันเอาไว้หน่อยก็ดีนะ”คำเตือนที่มาจากความหวังดีของหญิงสาวถูกส่งผ่านเข้ามาในหู ไอสึกิพยักหน้ารับน้อย ๆ แต่ก็ไม่ตอบอะไร สีหน้าของเขาหมองลงจนสังเกตได้ “ฉันเตือนด้วยความเป็นห่วง... ไม่โกรธกันนะ” “ไม่หรอกครับ คุณโทโมเอะ ผมเข้าใจ”รอยยิ้มอ่อน ๆ ที่พยายามแย้มส่งให้ทำเอาสาวเจ้ารู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้ง “ยังไงก็ขอบคุณนะครับ” “จ๊ะ... นี่ก็เวลาเลิกงานแล้ว กลับบ้านดี ๆ นะ เอาไว้เจอกัน” “ครับ เจอกันพรุ่งนี้”ไอสึกิสูดลมหายใจลึกก่อนจะลุกขึ้นหยิบกระเป๋าแล้วโปรยยิ้มสดใส “เอาไว้พรุ่งนี้เจอกันนะครับ รุ่นพี่” รอยยิ้มที่ไม่ได้ส่งหาแต่สาวสวย กลับกัน เขาแจกจ่ายไปให้ทุกคนที่เดินผ่าน วันแรกของการทำงาน นับว่าผ่านไปได้ด้วยดี อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหากับคนอื่น ๆ ตั้งแต่แรกเริ่มล่ะนะ ไอสึกิไม่ลืมที่จะแวะไปซื้อชูครีมร้านตรงข้ามบริษัทตามคำแนะนำของมัตสึระ ทั้งยังซื้อบราวนี่ติดมือกลับไปสองชิ้นด้วย เขาเดินทอดน่องไปขึ้นรถไฟเมโทรกลับบ้านอย่างเฉื่อยชา มองสองข้างทางที่เป็นสีส้มด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย “หืม...”เสียงทุ้มครางในลำคอยามที่ร่างโปรงในชุดสุภาพเรียบร้อยเดินผ่านไป ดวงตาสีเทาเหลือบมองไปร่างร่างผอมนั้นอย่างสนใจ “มีอะไรหรือครับ คุณชาย” “ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้สึกอะไรนิดหน่อย” กลิ่นหอมเย็นที่แตะจมูกบางเบานั่น น่าสนใจไม่น้อย โอเมก้าที่มาเดินเล่นอยู่แถบใจกลางเมืองเพียงลำพัง นับว่าใจกล้าไม่น้อยเลย “ครับ คุณชาย” “ไปเถอะ วันนี้ฉันจะกลับคอนโด” “ครับ” รถหรูราคาหลักสิบล้านติดฟิล์มสีทึบรอบด้านแล่นฉิวไปตามเส้นถนนมุ่งหน้าไปยังที่หมายอย่างรวดเร็ว นึกแล้วก็รู้สึกคุ้น ๆ หน้าโอเมก้าคนนั้นอยู่ลึก ๆ เหมือนกันนะ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ติชมให้กำลังใจกันได้น้าา จะพยายามมาลงต่อเนื่อง วันเว้นวันค้า
Chapter2 การทำงานในบริษัทของทากาฮาชิ ของไอสึกิเป็นไปได้ด้วยดี เขาสามารถเข้ากันได้กับเพื่อนร่วมงานที่เป็นเบต้าทุกคน และตลอดเดือนที่ผ่านมา ตัวเขาก็ไม่ได้พบเจอกับอัลฟ่าในบริษัทเลยสักคน ช่วงฮีทในเดือนแรกของการทำงานก็ผ่านไปได้ด้วยดีโดยที่เขาไม่ต้องควักยาสำหรับฉีดซึ่งมีผลข้างเคียงมากออกมาใช้ และที่น่าดีใจคือเขาไม่โดนเพื่อนร่วมงานเข้ามาลวนลามเลยสักคนในเวลานั้น ไอสึกิสนิทกับโทโมเอะขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่การตักเตือนครั้งนั้น และยิ่งไปกว่านั้นคือตอนที่โทโมเอะถลาเข้ามาบอกให้เรารีบกินยา เมื่อกลิ่นโอเมก้าฟีโรโมนรุนแรงขึ้น ความจริงใจที่ได้รับมา เขาตอบแทนกลับให้ไปอย่างสมน้ำสมเนื้อเช่นกัน “ทุกคน ยังจำได้ใช่ไหมว่าช่วงนี้ของปีมีอะไร”หัวหน้าทาคากิของทุกคนเดินยิ้มออกมาจากห้องกระจก พร้อมกับเสียงเฮที่ดังขึ้นเมื่อสิ้นคำ “อ้อ เรามีเด็กใหม่อยู่คนด้วยนี่ อธิบายให้เขาฟังด้วยล่ะ งานมีวันที่ 27 สองทุ่มนะ จะได้หยุดยาวกันแล้ว ตั้งใจให้เต็มที่ เข้าใจไหม” “คร้าบ / ค้า”ทั้งแผนกส่งเสียงขานรับ ไม่เว้นแม้แต่เด็กใหม่ของฝ่ายการตลาดที่ยังไม่รู้อะไร รู้แต่ว่าเขากำลังจะได้หยุดนอนกลิ้งเกลือกอยู่บ้านสบาย ๆ แล้ว “เอาล่ะ ผู้อาวุโสคนนี้จะอธิบายให้น้องหนูฟังเอง”มัตสึระเสนอมามาที่โต๊ะของไอสึกิเป็นคนแรกหน้ารอยยิ้มกว้างที่คาดว่าหุบไม่ลงไปอีกนานเลยทีเดียว “ทากาฮาชิ กรุ๊ป จะมีงานเลี้ยงพนักงานทุกปีตอนก่อนวันหยุดโกลเด้นวีค ซึ่งจะหยุดตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน ถึง 5พฤษภาคมของทุกปี อย่างปีนี้จัดวันที่ 27 นี้แล้ว อย่าลืมหาสูทดี ๆ สักตัวกับเนคไทสีน้ำเงินที่มีรสนิยมสักเส้นมาใส่ไปงานล่ะ” “ทำไมต้องสีน้ำเงินเหรอครับ”ไอสึกิถามไปอย่างงุนงง ดวงตาใสแจ๋วจับจ้องใบหน้าของคนอธิบายอย่างวาดหวังคำตอบ “สีของทากาฮาชิ กรุ๊ป ยังไงล่ะ”คำตอบสั้น ๆ ที่เข้าใจง่ายส่งกลับมาอย่างรวดเร็ว “เพราะอย่างนั้น รีบหาตั้งแต่เนิ่น ๆ ล่ะเข้าใจไหม เด็กใหม่” “ครับ ๆ”ไอซากิตอบรับด้วยรอยยิ้ม วันงานเลี้ยงอีกสองสัปดาห์นี้แล้ว เขาคงต้องรีบซื้อจริง ๆ นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นอาจจะซักไม่ทันก็ได้ กลางวันของวันนี้ ไอสึกิลงมากินข้าวกับเพื่อนร่วมงานหลายคนที่คุยกับเรื่องงานเลี้ยงอย่างตื่นเต้น และแน่นอนว่าเขาเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอ “ปีที่แล้วนะ มีจับสลากรางวัลด้วยล่ะ มีสิบชิ้น หัวหน้าพวกเราได้รางวัลด้วยล่ะ”มัตสึระยังคงจ้อเรื่องของปีก่อน ๆให้กับเขาฟังไม่หยุดตั้งแต่ต้นพัก จนมาถึงตอนนี้ที่นั่งรอข้าวกลางวันที่สั่งไป “หัวหน้าได้คูปองร้านเนื้อย่างชั้นดี ได้กินฟรีไม่อั้นเลยนะ น่าอิจฉาชะมัด เฮ้อ ฉันเคยได้แค่ตั๋วออนเซ็นครั้งเดียวเอง ตั้งแต่ทำงานมา” “ได้ตั๋วออนเซ็นครั้งเดียว ดูฉันก่อนสิคะ ไม่เคยมีดวงจะได้เลย”ใบหน้าสวยงองำเมื่อนึกถึงอดีตที่ผ่าน “ไม่เคยมีดวงเลยจริง ๆ” “ปีนี้อาจจะเป็นปีของคุณโทโมเอะแล้วก็ได้นะครับ”ไอสึกิได้แต่ให้กำลังใจทั้งที่ยังยิ้มขัน “ผมยังใหม่ ไม่หวังอะไรหรอกครับ” “จ้า ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ ตกมาถึงฉันบ้าง”นางฟ้าแห่งการตลาดทำท่าทางกระเง้ากระงอดกอดแขนโอเมก้าหนึ่งเดียวอย่างสนิทสนม “นี่ ไอสึกิ สนใจให้ฉันยืมตัวเธอไปควงเข้างานสักวันได้เปล่า” “จะดีเหรอครับ”เจ้าหล่อนช้อนตามองเขาอย่างวาดหวังท่ามกลางสายตาเขม่นของใครหลายคน “ก็ผมน่ะ...” “ไม่เห็นเป็นอะไรนี่”โทโมเอะยิ้มหวานส่งให้กับเขา “ควงไอสึกิเข้างานสิดี เด่นแน่ ๆ รางวัลจะได้ตกมาถึงฉันไง” “เอ่อ... ตามใจแล้วกันครับ” “เยี่ยมไปเลย”เมื่อได้ดั่งใจต้องการแล้ว สาวน้อยคนสวยก็ลากเอารุ่นน้องพร้อมกับเพื่อนร่วมแผนกคนอื่น ๆ ทงคัตสึ เป็นหนึ่งเมนูประจำของไอสึกิที่พ่อครัวจำได้ดี และที่มากกว่านั้นคือเขาจำได้กระทั่งว่าเจ้าตัวกินไซส์ S เล็กสุดกับมิโสะซุปที่เน้นสาหร่าย ในครั้งแรก ๆ พ่อครัวซาซาระคิดว่าพนักงานใหม่ คงพยายามเซฟเงิน แต่พอลองเพิ่มพิเศษให้ คนตัวบางนั่นกลับกินไม่หมดซะอย่างนั้น กลับกันน้ำซุปที่เพิ่มพิเศษไปกลับกินหมด ทุกวันนี้เลยเพิ่มมิโซะซุปให้เป็นกรณีพิเศษอยู่เสมอ ๆ “พ่อครัวดูชอบไอสึกิเป็นพิเศษนะ”ฮิโยชิมองถ้วยซุปที่มีขนาดใหญ่กว่าคนอื่นกับข้าวชามเล็ก “นายนี่ กินน้อยจริง ๆ น้อยกว่าโทโมเอะซะอีก” “เท่านี้ก็อิ่มแล้วล่ะครับ รุ่นพี่”ไอสึกิดึงตะเกียบออกจากซอง กัดออกจากกันอย่างสวยงาม “มากกว่านี้ผมไม่ไหวแล้วล่ะครับ” “ถ้านายได้รางวัลพวกของกิน ควรเอาไปแลกกับคนอื่นเขาจะดีกว่านะ”คำพูดจากใจของรุ่นพี่ที่เคารพทำเอารุ่นน้องคนเก่งหลุดหัวเราะออกมา “พี่ฉันพูดจริง ๆ นะ” “ครับ ๆ เอาเป็นว่า ถ้าผมได้รางวัลที่เป็นของกินมา ผมจะเอามาให้พวกพี่ ๆ ไปกินกันแล้วกันนะครับ”รอยยิ้มสดใสฉาบทับบนใบหน้าหล่อเหลาเรียกสายตาของทุกคน กลิ่นหอมเย็นกระจายออกบางเบา “ไอสึกิ นายกินยามาหรือเปล่า”โทโมเอะโพรงถามขึ้นกลางวงทำเอาโอเมก้าหนุ่มสะดุ้งเฮือก “เปล่าครับ...ผมไม่ได้อยู่ในช่วงนั้น”เขาปฏิเสธแผ่วเบา “สงสัยคงนั่งหลบแอร์มากเกินไปล่ะมั้งครับ เหงื่อเลยออก” “ไม่เป็นอะไรหรอกนา โทโมะจัง ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นสักหน่อย”แต่ถึงอย่างนั้นสายตาของใครหลายคนก็หันมาจับจ้องร่างของโอเมก้าหนึ่งเดียวอยู่ดี “ใส่คอเต่าแบบนี้ก็ลึกลับดีเหมือนกันนะ” “คงงั้นล่ะครับ”ไอสึกิไม่ชอบใส่ปลอกคอ จึงเลือกใส่เสื้อคอเต่าเนื้อหนาเอาไว้ด้านในสุดแทน “แต่ก็ร้อนเหมือนกันนะ” “อนทนไว้ก่อนละกัน จนกว่าจะหาคู่ได้น่ะ”ฮิโยชิให้กำลังใจน้องเล็กของแผนก พร้อมขยิบตาให้ทีนึง “แต่ถ้าสนใจอยู่กับฉัน ฉันก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ” “ไอสึกิคงโดยคุณนายที่บ้านพี่แหกอกเอาล่ะค่ะ อย่าทำร้ายน้องเล็กของพวกเราสินะ”สาวเจ้าคนเดียวในโต๊ะแยกเขี้ยวใส่พี่ใหญ่พร้อมกางปีกปกป้องน้องน้อยทันที “ไอสึกิเก่งจะตาย เดี๋ยวก็มีคนที่คู่ควรเองนั่นแหละค่ะ” อย่างน้อย ๆ คนในแผนกของเขาก็หัวสมัยใหม่กันมากกว่าแต่ก่อนที่มันจะยึดติดกับการดำรงในเพศสภาพนั้น ๆ ของตน “คงไม่หรอกครับ”ปฏิเสธอย่างถ่อมตนเป็นหนึ่งในเกราะป้องกันของไอสึกิที่ใช้มาตลอดหลายปี “น่ะ ถ่อมตัวอีกแล้ว”เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นรอบโต๊ะ “จะใครก็ได้ ขอแค่มีนายคนเดียว ฉันก็สบายใจแล้วล่ะ” “ขอบคุณนะครับ คุณโทโมเอะ” ตกเย็นหลังเลิกงาน ไอสึกิก็มุ่งหน้าไปยังห้างใหญ่กลางเมือง เขากดเอาเงินเก็บส่วนหนึ่งออกมาเพื่อเตรียมซื้อชุดดี ๆ สักชุดอย่างที่มัตสึระกำชับเอาไว้ ตัวเลขในธนาคารที่น้อยทำให้เขาต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ โอเมก้าต้องใช้เงินมากในการซื้อยาและของจำเป็นอื่น ๆ แม้จะได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากภาครัฐ แต่ก็ใช่ว่าจะพอใช้เสมอไป “จะเลือกชุดแบบไหนดีนะ”ดวงตาสีฟ้าสวยกวาดมองชุดสูทที่แขวนเรียงรายอยู่ตรงหน้า “ถ้าเรียบเกินไปก็คงไม่ดีเท่าไหร่สินะ” มือเรียวยกสูทตัวแล้วตัวเล่าออกมาทาบตัวเองพร้อมกับสีหน้ายุ่งยากใจ พนักงานขายก็ไม่เข้ามาช่วยเหลือเขาด้วยติดลูกค้าวีไอพีอยู่หลายคน สำคัญกว่านั้นคงมองว่าตัวเขาไม่มีเงินมากพอ... “เฮ้อ...” “นายยังไม่แก่สักหน่อย สูททางการขนาดนั้นคงไม่เหมาะสักเท่าไหร่หรอก”เสียงนุ่มทุ้มฟังรื่นหูกระซิบเบา ๆ จากทางด้านหลัง “ผิวนายขาว ถ้าเลือกสีอ่อนจะพาให้ซีดจนเกินไป ลองสีเข้มขึ้นมาหน่อยน่าจะดีกว่า” ไอสึกิหันไปมองผู้พูดที่ยืนอยู่ทางด้านหลังอยากตกใจ เส้นผมซอยสั้นเข้าทรงสีควันบุหรี่ ดวงตาสีเทา กับริมฝีปากบางที่มุมปากยกยิ้มน้อย ๆ รับกับจมูกเป็นสันโด่ง “ลองชุดนี้สิ”สูทแฟชั่นดีไซน์เรียบหรูสีน้ำตาลถูกยื่นส่งมาให้ลองทาบกับตัว “ดูดีกว่าชุดก่อนนะ” “ครับ”ถึงแม้ว่าจะยังมึนงง แต่ไอสึกิก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มสดใสให้กับคนแปลกหน้าที่เข้ามาแนะนำความเห็นดี ๆ ให้ “ขอบคุณมากนะครับ” “ไม่เป็นไร”ร่างสูงสมส่วนประกอบกับท่วงท่าสง่างามที่มองแวบแรกก็พอจะเดาในใจได้ว่าคงเป็นพวกอัลฟ่าหันหลังให้กับร่างโปร่ง ก่อนจะหันควับมาอีกครั้งแล้วดึงตัวของคนตรงหน้าเข้ามาใกล้ “อ๊ะ!”ไม่ทันที่จะได้ขัดขืน คอเสื้อด้านในก็ถูกดึงลง ดวงตาคมหรี่มองช่องคอยาวที่ยังไร้มลทินอย่างพอใจ “กลิ่นของนาย เย้ายวนดีนะ”เสียงกระซิบแผ่วที่ข้างหูมาพร้อมกับจูบหนัก ๆ ที่ซอกคอก่อนที่คนแปลกหน้าจะผละออกไป “ถ้าเราเจอกันอีก ฉันจะเข้าไปหานาย” คำพูดที่ทิ้งท้ายเอาไว้ทำเอาหัวใจของโอเมก้าหนุ่มกระตุกวูบ เขามองตาแผ่นหลังกว้างจนลับสายตาไป สัมผัสอุ่นร้อนที่ทาบลงมาตรงคอยังไม่เลือกหายไปจากความรู้สึก ส่วนลึกของเขามีความกลัวปะปนอยู่ไม่น้อยไปกว่าความตกใจที่แสดงออกมา “คุณลูกค้าคะ”เสียงใสของพนักงานขายคนหนึ่งเรียกเขาที่ตกอยู่ในภวังค์ให้ได้สติ “ชุดในมือคุณลูกค้า เดี๋ยวฉันเอาไปใส่ถุงให้นะคะ” “เอ่อ นี่ครับ”ไอสึกิส่งชุดในมือให้พร้อมกับหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาหมายจะหยิบเงิน “เท่าไหร่นะครับ” “คุณผู้ชายท่านนั้นชำระเงินให้แล้วนะคะ คุณลูกค้า พร้อมกับเนคไทอีกเส้นค่ะ”มือเรียวเล็กรับเอาชุดในอ้อมแขนของชายหนุ่มไป “คุณลูกค้าสนใจรับอะไรเพิ่มไหมคะ” “เอ่อ ไม่ล่ะครับ”จ่ายเงินให้แล้ว... เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคน ๆ นั้นถึงทำแบบนี้ กับการที่จะยื่นเงินออกมาจำนวนไม่น้อยให้กับคนแปลกหน้า มันน่าประหลาดเกินไป ไอสึกิรับถุงมาไว้ในมือ ก่อนจะออกจากร้านไป เขาตั้งใจว่าจะกลับอพาร์ทเม้นท์ที่พักซึ่งเริ่มเช่ามาตั้งแต่สองสัปดาห์หลังจากได้งานทำ แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิด เขาจึงต้องหมุนกายกลับไปซื้อของอีกชิ้นมาเพิ่ม ปลอกคอหลากหลายรูปแบบและสีสันวางเรียงรายอยู่บนชั้นระดับสายตา ชายหนุ่มกวาดตาไล่มองอยู่พักใหญ่ขึ้งตัดสินใจซื้อปลอกคอสีดำที่ดูเรียบ ๆ มาอันหนึ่งแล้วผลุบออกจากร้านไปด้วยความรวดเร็ว ไอสึกิเช่าอพาร์ทเม้นท์ขนาดกลางอยู่ในย่านที่แออัด แต่ถึงอย่างนั้นในเวลากลางคืนกลับเงียบเชียบจนน่ากลัว “อื้อ... อย่า... อ๊ะ”เสียงที่แหบเครือกระเซ้าขาดเป็นห้วง ๆ ลอกเข้ามาในหูของชายหนุ่ม หัวคิ้วเรียวมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย “ไม่ ไม่นะ” ขาเรียววิ่งพรวดไปยังต้นทางของเสียง ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำเอาสติของผู้มาใหม่แหกกระเจิง เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยกับนิ้วมือที่สอดเข้าไปอยู่ในช่องทางคับแคบ ใบหน้าหวานที่อาบไปด้วยน้ำตา ริมฝีปากสีสดนั้นร้องขอความช่วยเหลือแหบแห้ง ท่อนขาเรียวภายใต้กางเกงแสลกพอดีตัวตวัดไปกลางลำตัวของเบต้าที่กำลังกระหายหื่น กับชายกึ่งเปลือยที่ยังไม่มีสติมากนักจนกระเด็น ช่วงที่พวกมันยังเรียกสติกลับมาไม่ได้ก็ไม่ยากที่เขาจะจัดการให้ไปกองรวมกันเป็นเนื้อเดียว หมัดหนัก ๆ ต่อยเข้าเต็มหน้าจนเลือดกำเดาไหลสาดออกมา เช่นเดียวกับเข่าที่แทงเข้าตรงจุดสงวนให้หน้าเขียวไปหลายที “ไอ้บ้าเอ้ย”ฝีเท้าหนัก ๆ กระทืบลงบนหน้าท้องของสวะในสายตาเขาจนร่างงอ “กล้าดีไงวะ ไอ้พวกเศษเดน แม่ง” มือเรียวเสยผมที่ลงมาปรกหน้าขึ้นเผยดวงตาที่มองก้อนเนื้อที่พันรวมกันอยู่ตรงหน้าอย่างเหยียดหยาม “เป็นอะไรไหมครับ”เสียงที่เอ่ยถามคนที่กำลังสั่นเทานั้นฟังดูอ่อนโยน ต่างจากท่วงท่าที่เด็ดขาดก่อนหน้า “ลุกไหวไหมครับ” “อะ อืม”ร่างบางพยายามประคองตัวเองขึ้น แต่ก็ช่างไร้เรี่ยวแรง “อ๊ะ” ไอสึกิถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกออกคลุมร่างที่เปลือยเปล่า ก่อนที่จะหยิบเอากางเกงที่ถูกถอดเขวี้ยงไปไม่ใกล้มาสวมใส่ให้กับใครอีกคนในที่นั้น “ไปที่ห้องผมก่อนแล้วกันนะครับ”มันเป็นหนทางที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะคิดได้ในเวลานี้แล้ว “ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วนะครับ” “ขอบใจนะ”ใบหน้าหวานที่มอมแมมได้ที่คลี่ยิ้มบาง เขาพยายามยันตัวลุกขึ้น แค่ช่วงขาที่ไร้เรียวแรงจากความหวาดกลัวนั้นไม่อำนายให้สักนิด “มาสิครับ”ร่างโปร่งที่เหลือเพียงเสื้อคอเต่ากับกางเกงหันหลังย่อลงตรงหน้า “คงเดินไม่ไหวสินะ” “อืม...”ชายอีกคนไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือนั้น ทิ้งตัวลงบนแผ่นหลังบาง แขนเรียวตวัดมาโอบช่วงคอของไอสึกิเอาไว้ ทั้งที่ร่างกายก็ดูไม่ต่างจากเขามากมาย... แต่ทำไมถึงดูเข้มแข็งจังนะ ห่างจากที่เกิดเรื่องไม่ไกลนักก็เป็นอพาร์ทเม้นท์ ขนาดเจ็ดชั้นที่พักของไอสึกิ เขาแบกร่างบางที่ช่วยมาเข้าไปด้านในโดยไม่สนใจสายตาของคนที่มองมาสักเพียงนิด จากท่วงท่าการแสดงออกภายนอกที่ดูคล้ายอัลฟ่าของเขา แต่ฐานะปานกลาง คนส่วนใหญ่จึงมักจะเดาว่าเขาเป็นอัลฟ่าไม่ก็เบต้าที่ตัวเล็ก มากกว่าเพศสภาพที่แท้จริง ซึ่งมันก็เป็นข้อดีอย่างนึงเหมือนกัน “ห้องน้ำอยู่ด้านนี้ ส่วนเสื้อผ้าในตู้หยิบไปใช้ได้ทุกชิ้นนะครับ ชั้นในใหม่อยู่สิ้นชักที่สองฝั่งซ้าย”ริมฝีปากบางสีระเรื่อขยับพูดกับผู้มาใหม่อย่างใจกว้าง “เดี๋ยวผมจะไปหาอะไรอุ่น ๆ มาให้กิน ถ้าอยากอาบน้ำก็เชิญได้เต็มที่เลยนะครับ” “ขอบคุณนะ... นาย...” “ผมชื่อไอสึกิ”รอยยิ้มอบอุ่นชวนให้หลงใหลแย้มขึ้นมาปลอบใจคงตรงหน้า “ไม่ต้องกลัว ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก” “คิริว”เสียงใสที่ปนแหบเอ่ยกลับมา “ชื่อของฉันน่ะ... นาย... ไม่ได้เป็นอัลฟ่าเหรอ” “เปล่า ผมเป็นเหมือนคุณ”ดวงตาคู่สวยที่ฉ่ำน้ำเบิกกว้าง คำพูดที่ลอยมาทำเอาเขาแทบไม่เชื่อในหูตัวเอง “เพราะอย่างนั้น วางใจได้ครับ” ริมฝีปากเรียวบางยกยิ้มสวยจนน่าใจเต้น ก่อนที่ร่างโปร่งจะเดินลับหายเข้าไปในห้องครัวเล็ก ๆ นั่น คิริวเข้าไปอาบน้ำเงียบ ๆ มีเพียงเสียงน้ำจากฝักเบาที่กระทบพื้นดังออกมา มือเรียวเล็กลูบขัดบริเวณที่โดนสองคนนั้นสัมผัสอย่างขยะแขยง เขาใช้เวลาอาบน้ำอยู่พักใหญ่ เมื่อออกมาก็เห็นแก้วนมที่ยังอุ่นวางอยู่แล้ว พร้อมกับโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องที่วางเอาไว้คู่กันกับโน้ตใบเล็กที่บอกให้เขาใช้ได้ไม่ต้องเกรงใจ “ใจดีจัง”คิริวกดเบอร์ที่จำได้ขึ้นใจ รอสายอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะมีเสียงร้อนรนลอดออกมา “ฉันอยู่ที่...” เสียงพูดคุยที่ลอดออกจากประตูที่เพิ่งเปิดแง้มเข้าไป ทำให้ไอสึกิตัดสินใจปิดมันลง และยืนพิงประตูเอาไว้แทน เขาไม่ได้ชอบรู้เรื่องของใครอยู่แล้ว เพียงแต่ตัวเขาเองก็ขี้เกียจที่จะรอให้คนที่เขาช่วยมาอาบน้ำจนเสร็จ เลยหอบของไปอาบที่ห้องน้ำรวมก็เท่านั้น ไอสึกิทิ้งให้เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีจึงเข้าไปในห้อง แก้วใส่นมว่างเปล่า ข้าง ๆ กันก็มีโทรศัพท์วางไว้อยู่ “ขอบใจนะ ไอสึกิ”คิริวเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วบใบหน้าที่สดใสขึ้น “อีกสักพักก็จะมีคนมารับแล้วล่ะ ขอโทษที่ต้องรบกวนนะ” “ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณคิริว”ผู้เป็นเจ้าของห้องหยิบแก้วนมไปล้างเก็บ ก่อนจะเดินมานั่งบนเตียง ตรงข้ามหับเก้าอี้ที่คิริวนั่งอยู่ “แถวนี้ไม่ค่อยมีโอเมก้ามากนัก ไม่ใช่ย่านที่จะมีคนจะวิ่งเข้าไปช่วยเหลือคนอื่นตลอดเวลา คราวหน้าถ้าจะมา ผมว่าให้คนอื่นมาเป็นเพื่อนด้วย อาจจะดีกว่านะครับ” “อื้อ... แล้วไอสึกิอยู่แถวนี้คนเดียว ไม่เป็นอะไรแน่เหรอ”ประสบการณ์ที่เลวร้ายทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงคนตรงหน้าขึ้นมา “ยิ่งช่วงที่ฮีท...” “ถ้าเป็นช่วงนั้น เพื่อนร่วมงานของผมมักจะมาส่งน่ะครับ”ฮิโยชิกับมัตสึระมักจะผลัดกันมาส่งไอสึกิอยู่เสมอในช่วงนั้นจริง ๆ รุ่นพี่ทั้งสองคนรวมทั้งโทโมเอะคอยดูแลเขาไม่ขาด “งั้นก็ดีแล้วล่ะ” แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ทั้งคู่ต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไอสึกิเป็นคนลุกขึ้นเดินออกไปเปิดดูผู้มาเยือนเอง ร่างสูงในชุดสูทเนื้อดี ใบหน้าหลอเหลาคมดุ แต่ดวงตาเรียวนั้นแฝงแววร้อนรนอยู่ “คิริวล่ะ”ชายแปลกหน้าถามขึ้นทันทีที่ประตูเปิดออก “คิริว” “ฮาคุ”เสียงของคิริวดังจากด้านใน ก่อนที่ร่างเล็กจะวิ่งออกมา ไอสึกกิก้าวหลบวูบเปิดทางให้คิริววิ่งโถมเข้ากอดคนหน้าดุแน่น “ฮาคุ ฉัน...” “ไม่เป็นไร คิริว ไม่เป็นไร”น้ำเสียงที่อ่อนโยนที่มีให้เพียงคนเดียว พาให้ไอสึกิแย้มยิ้มบาง “ขอบใจนายมากที่ช่วยคิริวไว้” “ไม่เป็นไรครับ”ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เขาพูดคำ ๆ นี้ไปกี่ครั้งแล้วก็ขี้เกียจจะนับ “เสื้อผ้าชุดนั้น ไม่ต้องเอามาคืนก็ได้นะครับ” “ถ้ามีอะไรให้ช่วย นายโทรมาได้ตลอดเลย ฉันกับคิริวยินดีที่จะช่วยเหลือเสมอ”นามบัตรใบหนึ่งถูกยิ่งส่งมาให้ตรงหน้าซึ่งไอสึกิก็รับเอาไว้โดยดี “ฉันกลับก่อนนะ เอาไว้ฉันจะโทรนัดไปเลี้ยงขอบคุณสักครั้ง” “ครับ โชคดีนะครับ” @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ บทที่ 2 ค้า วันนี้มาเร็วค่ะ ^++++^ ขยัน ๆ ช่วงนี้ขยัน จะพยายามวันเว้นวันนะคะ (ขอเวลาเกลาสักนิด ฮ่าๆ) พบกันตอนต่อไปค้าา
:o8: :o8: :o8: :ling2:
อากิโตะเป็นคนดีมากเลย โชคดีที่พยายามจนเรียนเก่ง คนรอบข้างก็ดีด้วย แถมรุ่นพี่ที่ทำงานยังช่วยเหลือเอื้อเฟื้ออีก รอตอนต่อไปค่ะ
รอตอนต่อไปค่าาาาาาาาาาาาาา :mew1:
น่ารักๆ :katai2-1:
Chapter3 หลังจากวันนั้น ไอสึกิก็ได้เพื่อนใหม่ที่เป็นโอเมก้าเหมือนกันมาเพิ่มอีกหนึ่งคน ตัวเขาเพิ่งรู้ว่าคิริวเป็นคู่ของทายาทยามาโมโตะ อีกหนึ่งตระกูลชั้นนำของประเทศ ตอนที่ได้เจอฮาคุอีกครั้งทำเอาเขาเกร็งแทบแย่ “ถ้านายไม่อยากทำงานที่ทากาฮาชิเมื่อไหร่ มาหาฉันที่บริษัทได้เลยนะ”คำชักชวนที่อดจะหัวเราะออกมาเบา ๆ ไม่ได้ดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม นับตั้งแต่ได้พบหน้ากันบ่อยขึ้น “น่า ฉันเป็นเพื่อนกับหมอนั่น ยังไงพูดกันนิดหน่อย มันก็ยอมไม่ยากหรอก” “เดี๋ยวนะ ฮาคุ ตอนนี้ที่บริษัทมีตำแหน่งดี ๆ ว่างด้วยหรือไง”คิริวที่ไปนั่งเล่นในห้องของไอสึกิในช่วงวันหยุดที่ผ่านมารู้จักความสามารถของโอเมก้าที่ออกจะผ่าเหล่าไปสักหน่อยของคน ๆ นี้ดี ตำแหน่งพนักงานธรรมดาไม่คู่ควรสักนิด “มีสิ ตำแหน่งเพื่อนเล่นของคิริวยังว่างอยู่เลย” “ฮาคุ!” คู่รักที่ชอบหยอก ชอบตีกันตรงหน้ายังคงทำให้ไอสึกิหัวเราออกมาได้เสมอ ความสนิทสนมนี้คงเกิดเมื่อตอนถัดจากวันที่ได้เจอกันครั้งแรกสามวัน ในตอนเย็นคิริวก็มาหาเขาพร้อมฮาคุอยู่เสมอ ลากพาไปกินข้าวด้วยกันบ่อยเสียจนอยากคืนนามบัตรนั้นไป แต่ฮาคุบอกกับเขาว่า การที่ออกมากินข้าวกับไอสึกิ ทำให้คิริวร่าเริงขึ้น ถือว่าเป็นการช่วยเหลือฮาคุอีกทางเหมือนกัน “สุดสัปดาห์นี้ที่ทากาฮาชิมีงานเลี้ยงสินะ ไอสึกิ”คิริวหันมาคุยกับเพื่อนด้วยรอยยิ้มรื่นเริง “นี่ ฉันซื้อเข็มติดเนคไทมาให้ ตอนไปที่ห้องไอสึกิไม่เห็นมี นี่ไง สวยไหม” กล่องใบเล็กถูกเปิดแล้วยื่นมาให้ ภายในเป็นเข็มกลัดติดเนคไทรูปปีกสีเงินประกายสวย ไอสึกิมองหน้าคิริวนิ่ง “ขอบใจนะ”ตาใสแจ๋วที่จับจ้องมาทำให้คำพูดปฏิเสธถูกกลืนกลับลงท้องไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ดูดีมากเลย” “อย่าลืมติดไปด้วยนะ ไอสึกิ” วันที่ 27 เมษายน เป็นวันงานเลี้ยงบริษัทประจำปีจึงอนุญาตให้พนักงานทุกระดับเลิกงานได้ตั้งแต่ครึ่งวันเพื่อกลับไปแต่งตัวมาร่วมงานเลี้ยง ไม่เว้นแม้แต่ยามที่เฝ้าหน้าบริษัทก็ตาม เมื่อพระอาทิตย์ตรงหัว ไฟในบริษัททั้งหมดก็ดับลง ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไปอย่างตื่นเต้น ไอสึกิที่ไม่คุ้นเคยกับการไปงานจึงมีรุ่นพี่ในแผนกอย่างโทโมเอะไปรับที่อพาร์ทเม้นท์ในตอนเย็น ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเป็นคู่ควงของเธอในคืนนี้ เพราะอย่างนั้นให้เธอไปรับก็สมเหตุสมผลแล้ว อันที่จริง ตัวเขาก็ไม่ได้อยากไปงานเลี้ยงอะไรเทือกนี้นัก โอเมก้าไม่ควรอยู่ในคนหมู่มากขนาดนั้น นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจออัลฟ่าในบริษัทด้วย... เสื้อผ้าที่เตรียมเอาไว้เรียบร้อยถูกหยิบขึ้นมาสวม เขาไม่คิดจะจัดการเซ็ตทรงผมให้แตกต่างจากเดิมนัก เพียงแค่รวบเอาไว้หลวม ๆ ด้วยพักหลังเขาเลือกที่จะไว้ผมให้ยาวลงมาปิดคอสักหน่อย แล้วซอยรากไทรเอา แต่ก็ไม่ได้ไปตัดมาเป็นเดือนแล้ว รากไทรที่เคยไว้จึงยาวขึ้น เลยต้องรวมครึ่งหัวเอาไว้แทน “เข็มไทนี่... คิดตรงไหนดีนะ”นิ้วเรียวคีบเอาเข็มรูปปีกนกสวยขึ้นมาทาบกับเนคไทหาตำแหน่งดี ๆ ติดลงไป “ก็เหลือแต่...” ปลอกคอสีดำที่ซื้อมาในวันเดียวกันถูกวางทิ้งนิ่งอยู่บนโต๊ะหนังสือมาตลอดจนวันนี้เขาจำต้องหยิบมันขึ้นมาสวมอย่างจำใจพร้อมกับเงยขึ้นมองกระจก ชายหนุ่มในชุดสูทเข้ารูปสีน้ำตาล ใบหน้าเรียวที่ติดหวานแต่ก็ยังหล่อเหลากำลังส่งยิ้มมาให้ เส้นผมละเอียดนุ่มรวบไว้อย่างพอเหมาะ ขัดใจก็แต่ปลอกคออันนั้น “เอาเถอะ”ป้องกันเอาไว้ ดีว่ามาตามแก้ทีหลัง ยาระงับอาการฉุกเฉินถูกใส่ไว้ที่กระเป๋าเสื้อเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เดือนนี้มัวแต่ยุ่ง ๆ ยาเม็ดที่เคยมีเหลือเฟือก็หมดไปแล้ว เหลือยาฉีดอยู่เพียงสองเข็ม วันพรุ่งนี้เขาคงต้องไปเอายาเพิ่มสักหน่อยแล้วสินะ ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ ไอสึกิก็แต่งตัวเตรียมพร้อมเสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงรอสาวสวยของแผนกมารับเพียงเท่านั้น และสาวเจ้าก็ไม่ปล่อยให้รอนาน ฟ้าเริ่มมืด รถสีเงินเงาวับก็มาจอดหน้าอพาร์ทเม้นท์ที่ดูโทรมตามกาลเวลาแล้ว “วันนี้ดูดีจังเลย ไอสึกิ”โทโมเอะเปลี่ยนมานั่งด้านข้าง ให้รุ่นน้องของเธอเป็นคนขับออกไป โดยเธอจะคอยบอกทางกล่าวชม “ปลอกคอก็สวยดีนะ เรียบ หรู” “แต่ผมไม่ชอบเท่าไหร่หรอกนะครับ ฮะ ๆ”เส้นหนังไม่เหมือนกับผ้านุ่ม ๆ ที่เคยใส่ มันต่างจากความเคยชินที่ผ่านค่อนข้างมาก ทั้งน้ำหนัก ความแข็ง และความสาก “อึดอัด” “ใส่ไว้ก่อนน่ะ ดีแล้ว เอาไว้ไปทำงานปกติค่อยถอดก็ได้”เสียงใสของหญิงสาวเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “เอายามาด้วยใช่ไหมจ๊ะ น่าจะใกล้ ๆ เวลาแล้วนี่” “ยากินผมหมดแล้ว เหลือยาฉีดแค่สองเข็มนี่แหละครับ แย่ชะมัดเลย”เขาอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ “ผลข้างเคียงเยอะก็ว่าแย่แล้ว แต่กับผมยาตัวนี้มันออกฤทธิ์ได้ไม่นานเท่าไหร่ด้วยสิ” “มีไว้อุ่นใจล่ะนะ เอาไว้บนรถเข็มนึงเผื่อเกิดอีกเข็มไปชนอะไรแตกไหม”ความเห็นที่เสนอมานับว่าไม่เลว ระหว่างที่รถติด ไอสึกิเลยหยิบยาฉีดระงับอาการของโอเมก้ามาวางไว้ที่คอนโซลหน้าเข็มนึง “เดี๋ยวเลี้ยวขวาข้างหน้านะ” โรงแรมที่จัดเลี้ยงกับบริษัทที่ทำงานอยู่ห่างกันไม่มาก อพาร์ทเม้นท์ที่ไอสึกิอยู่เองก็ห่างจากบริษัทไม่เท่าไหร่เลยทำให้พวกเขาสองคนมาถึงงานก่อนงานเริ่มพักหนึ่ง การใส่ปลอกคอทำให้เพียงแค่มองก็รู้ทันทีว่าใครเป็นโอเมก้า เหล่าพนักงานที่มาถึงก่อนแล้ว รวมไปถึงบริกรของโรงแรมต่างเหล่มองโอเมก้าหนึ่งเดียวที่เดินเฉิดฉายมาพร้อมกับสาวงามแห่งการตลาด “คนมองกันเต็มเลยเนอะ ไอสึกิ”ใบหน้าหวานยิ้มแย้มแจ่มใส เจ้าหล่อนดูพึงพอใจในสายตาของคนที่มองมาไม่น้อยเลย “ถึงไม่ได้รางวัลจับสลาก ก็ขอรางวัลป๊อปปูล่าสักหน่อยแล้วกันนะ” “เอ๊ะ” “ก็รางวัลสำหรับพนักงานที่ถูกจับตามองที่สุดไงล่ะ ฉันก็สวย นายก็หล่อ ออกจะโดดเด่น จริงไหม”จุดประสงค์ที่แอบแฝงเผยออกมาหมดเปลือกเล่นเอารุ่นน้องที่โดนดึงมาเอี่ยวต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ “น่า ได้แค่ปีนี้แหละ คิก ๆ ยัยมิกะฝ่ายบัญชีสู้ฉันไม่ได้แน่” เพียงแค่ไอสึกิระบายยิ้มอ่อนออกมา เสียงสูดลมหายใจเฮือกก็แว่วเข้าหู “คุณโทโมเอะเนี่ยนะ ไม่ค่อยเลยนะครับ” “ฮิ ๆ น่า ๆ พื้นฐานหน้าตาของไอสึกิก็ดี๊ดี ยิ่งทำผมทรงนี้ยิ่งดึงดูด รู้ไหม ไม่ใช่แค่ผู้หญิงซะด้วยสิ”ไม่ใช่แค่โทโมเอะที่รับรู้ถึงสายตาแห่งความต้องการที่มองมา ตัวคนถูกมองเองก็รู้สึกเช่นกัน “มือเย็นหมดแล้ว... ไม่ต้องกลัวหรอก ในโรงแรมที่คนเยอะ ๆ แบบนี้ นอกจากอัลฟ่าที่รัทแล้ว ไม่มีใครกล้าพุ่งเข้ามาหรอกน่า” “หวังว่านะครับ”นิ้วเรียวขาวแตะที่ปลอกคอของตนอย่างเป็นกังวล “รู้สึกไม่ค่อยดีเลย” “ไม่เอาน่า อย่าเครียดสิ ไป ไปหาอะไรกินกันเถอะ” งานเลี้ยงแบบค็อกเทล จะหาอะไรที่อยู่ท้องก็คงยาก ไอสึกิเลือกหยิบครัวซองต์และมิลล์เฟยมาอย่างละชิ้น กับน้ำส้มแก้วนึง “อ้าวไม่ดื่มเรอะ”มัตสึระที่มาถึงหลังจากที่เขามาไม่นานล็อคคอถาม “เฮ้ วันนี้ยอมใส่ปลอกคอซะด้วย” “ไม่ดื่มล่ะครับ”อย่างน้อยมีสติเอาไว้ ถ้าเกิดอะไรจะได้หาทางหนีทีไล่ทัน... เขาไม่อยากตกเป็นเครื่องระบายอารมณ์ของใครหรอกนะ “เอ้า ตามใจแล้วกัน”ว่าจบเจ้าตัวก็ยกไวน์แดงขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว “อ่าห์ นุ่มลิ้นดีจริง ๆ” “ดื่มได้ไรอรรถรสดีจริง ๆ เลยนะครับ รุ่นพี่”ไอสึกิกระตุกยิ้มขันแล้วส่ายหน้า “ดื่มแบบนี้ระวังเมาปลิ้นนะครับ” “จริงจังซะจริง งานเลี้ยงกินฟรีทั้งที จะตามใจหน่อยก็ไม่ได้”มัตสึระเบ้ปากอย่างเซ็ง ๆ แล้วเดินไปหาอะไรกินที่อีกฝั่ง ไฟที่สว่างถูกลดแสงลงให้เหลือเพียงแค่ตรงเวที พิธีกรทำการเปิดงานและเชิญคณะผู้บริหารขึ้นมากล่าวสั้น ๆ แน่นอนว่ามันไม่ได้อยู่ในความสนใจของไอสึกินัก จนกระทั่ง... “ขอเชิญประธานใหญ่ คุณทากาฮาชา อากิโตะ ขึ้นมากล่าวอะไรกับพนักงานสักเล็กน้อยนะครับ” ร่างสูงสมส่วนในชุดสูทสีดำก้าวขึ้นไปบนเวทีด้วยท่วงท่าที่น่าหลงใหล ดวงตาสีเทากวาดมองทุกคนในงานพร้อมส่งรอยยิ้มบางให้ เส้นผมสีควันบุหรี่ถูกเสยขึ้นเปิดหน้าผากทำให้เห็นใบหน้าที่ราวกับรูปสลักจากสวรรค์ คน ๆ นั้น... ที่เขาเจอในร้านขายชุด เป็นประธานใหญ่ของทากาฮาชิ! ดวงตากลมใสเบิกกว้างอย่างตกใจ เขาเดาว่าคนที่เจอต้องเป็นอัลฟ่าที่มีฐานะ แต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นคนที่ใกล้ตัวขนาดนี้ “ขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจทำงานกันมาตลอดปี ปีนี้ก็ขอฝากการขับเคลื่อนบริษัทของพวกเราไปข้างหน้าเอาไว้ในมือทุกคนด้วยนะครับ”เสียงนุ่มทุ้มที่ติดหูนี่ไม่ผิดแน่ ไอสึกิหดคอลงอย่างหวาด ๆ “และใครที่มีแผนไปเที่ยว ขอให้เดินทางปลอดภัยกันทุกคน แล้วกลับมาเจอกันในเดือนหน้านะ ขอบคุณ” จบจากคำกล่าวของประธานใหญ่เท่ากับการเปิดงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ เหล่าพนักงานที่นั่งหลังแข็งทำงานกันมาต่างยืนพูดคุยกันสนุกสนาน บ้างก็ออกไปเต้นหน้าเวทีอย่างสุดเหวี่ยง “เป็นงานเลี้ยงที่ดูสบาย ๆ ดีนะครับ รุ่นพี่”ไอสึกิเอ่ยกับฮิโยชิที่มายืนจิ้มแฮมเข้าปากอยู่ข้าง ๆ “ไม่ใช่งานของพวกชั้นสูงก็แบบนี้และ สนุกสนานดีไม่ใช่หรือไง”จานที่เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์ถูกส่งมาหน้าเด็กหนุ่ม “กินหน่อยไหม” “ขอบคุณครับ”ไอสึกิรับทาโกยากิมากินลูกนึงเพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจ เขามองความวุ่นวายที่ดูครื้นเครงตรงหน้าด้วยรอยยิ้มสดใส “ทุกคนก็ดูสนุกกันจริง ๆ นั่นล่ะครับ” “ไม่ออกไปเต้นล่ะ”ฮิโยชิถามขึ้นบ้าง “ฉันมันอายุจะเลขสี่แล้ว ให้ไปเต้นแบบนั้นมันก็ไม่ไหวแต่นายไม่ใช่นี่” “ไม่ล่ะครับ มันคงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่”ใบหน้ามนหม่นหมองลงเล็ก ๆ “ยาผมหมดด้วย มันอันตรายเกินไป” “เฮ้อ ลำบากเลยเนอะ”มือหยาบตบปุ ๆ ที่ไหล่แคบอย่างปลอบใจ “คลอดลูก... มันคงเจ็บมากนะ” “ไม่รู้สิครับ”เขาไม่เคยคิดที่จะมีลูก เลยไม่เคยสนใจเรื่องแบบนั้น “ตอนเมียฉันคลอดลูก เธอเจ็บมากเลยแหละ แต่ก็มีความสุขที่ได้เห็นเขาเกิดมานะ”ผู้สูงวัยเริ่มรำลึกความหลังซะแล้ว “พอคนถัดมาฉันเลยยอมเสียเงินเพิ่มเพื่อผ่าออกจะดีกว่า” “รุ่นพี่คงรักเธอมากเลยใช่ไหมครับ”น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรักใคร่นั้นเป็นส่วนช่วยยืนยันชั้นดีอยู่เหมือนกัน “รักซิ เธอเป็นคนที่อยู่เคียงข้างฉันมาตลอดนี่”ดวงตาที่ฉายแววจริงจังอยู่เป็นนิจทอแสงอ่อนลง “แต่ฉันเคยได้ยินว่าพวกโอเมก้ามันจะหลบไปคลอดเองกับคู่ ไม่ก็ตัวคนเดียวมากกว่าจะเข้าไปคลอดที่โรงพยาบาลแต่หลายคนก็บอกว่าผ่าคลอดที่โรงพยาบาล ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงไหม” “ก็คงอยู่ที่คนล่ะมั้งครับ”ไอสึกิมีสีหน้าครุ่นคิด “แต่เด็กที่คลอดเองมักจะมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าการผ่าออกมานะครับ” “ก็นั่นสินะ...” ไม่ทันที่จะได้พูดคุยอะไรกันต่อ ไฟก็มืดลงอีกครั้ง คราวนี้มีกล่องหมุนรางวัลจับสลากแบบใสใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะกลางเวที เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องก็พลันดังขึ้น “แหม เป็นอะไรที่รอคอยกันจริง ๆ สินะครับ ทุกคน”พิธีกรขาประจำที่ได้ยินมาว่าเป็นเลขาของรองประธานเอ่ยแซวมาก่อนเป็นอันดับแรก “ประเพณีหาผู้โชคดีของเรา ปีนี้คณะผู้บริหารใจดี เพิ่มเป็นสิบห้ารางวัลล่ะครับ ขอเสียงปรบมือให้กับผู้ใหญ่ใจดีของพวกเราหน่อยครับ” เสียงปรบมือที่ดังก้องบ่งบอกถึงความต้องการของฟรีของเหล่าพนักงานเงินเดือนกันโดยไม่ต้องพูด “มาครับ เรามาลุ้นผู้โชคดีคนแรกกันเลย”เลขาฮิโนยะเริ่มหมุนตู้รางวัลท่ามกลางเสียงอื้ออึงของเหล่าพนักงานที่รอลุ้น “ฝ่ายบัญชี...” เสียงเฮลั่นจากกลุ่มของฝ่ายบัญชีดังก้องจนหลายคนสะดุ้ง แต่ไอสึกิที่ยืนมองด้วยรอยยิ้มกลับรู้สึกว่าตนเริ่มสติหลุดลอย “ไอสึกิ!”โทโมเอะวิ่งถลาเข้ามาล้วงยาในกระเป๋าเสื้อของรุ่นน้อง ขณะที่มัตสึระรีบคว้าตัวของโอเมก้าหนึ่งเดียวที่เริ่มปล่อยฟีโรโมนแรงขึ้นออกนอกห้องจัดเลี้ยงไป ยาฉีดระงับฉุกเฉินถูกฉีดเข้าที่แขนของคนที่เริ่มไม่ได้สติ รุ่นพี่ทั้งสองคนต่างถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อกลิ่นเริ่มจางลง ยังดีที่รอดตัวไปได้ครั้งนึง “รุ่นพี่มัตสึระ คุณโทโมเอะ”กว่าห้านาทีไอสึกิถึงได้สติกลับคืนมา ใบหน้าของเขาซีดเผือดไร้สีเลือด แขนทั้งสองกอดตัวเองไว้แน่ “ผม อึก” อาการคลื่นไส้จากผลข้างเคียงของยาตีขึ้นมาจนเจ้าตัวต้องเอามือปิดปากเอาไว้ รอจนถุงพลาสติกสีทึบถูกส่งมาให้ถึงได้อาเจียรออกมา “ไม่เป็นไรนะ”โทโมเอะคุกเข่าลงข้าง ๆ น้องเล็กของแผนกด้วยความเป็นห่วง มือเรียวลูบแผ่นหลังราบเบา ๆ “ยังดีที่พวกเราอยู่ใกล้... พรุ่งนี้นายควรเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ให้คนอื่นไปเอายาให้จะดีกว่านะ” “ครับ...”ไอสึกิพยักหน้าหลับ ดวงตาสีฟ้าสว่างสั่นระริก “ผม... ผม...” “ไม่ต้องกลัว อัลฟ่าทุกคนอยู่ด้านหน้าของงาน ไม่ทันได้กลิ่นหรอก”มัตสึระเอ่ยปลอบใจคนที่เขาเอ็ดดูเหมือนน้องชายพร้อมส่งรอยยิ้มให้กำลังใจ “ไหวหรือยัง ใกล้จะเลิกแล้ว เผื่อจะได้รางวัลนะ” “ครับ”ถึงปากจะตอบกลับไปอย่างนั้น แต่เขาก็ต้องพึ่งการพยุงตัวจากรุ่นพี่ทั้งสองเข้าไปในงานด้วยอาการวิ่งเวียนที่เข้าถามหา “ไม่เป็นไรใช่ไหม”ฮิโยชิถามขึ้น ขณะเดียวกันก็รับรุ่นน้องที่ดูไร้เรี่ยวแรงมาพยุงเอาไว้แทน “รางวัลเกือบสุดท้ายแล้วล่ะ อดทนหน่อยนะ” “ครับ...”เสียงที่อ่อนระโหยทำให้เหล่ารุ่นพี่เป็นห่วงหนักขึ้นไปอีก โทโมเอะตัดสินใจเดินออกจากงานไปหยิบยาอีกหลอดบนรถมาเผื่อเกิดอะไรขึ้น และหมายมั่นปั้นมือจะไปซื้อยาให้น้องชายคนนี้ก่อนออกไปเที่ยวพักผ่อนด้วย “แล้วรางวัลสุดท้าย แพคเกจเที่ยวซากะ พร้อมที่พักและแช่บ่อออนเซ็นฟรีตลอดทริปครับ ให้ไปกันทั้งแผนกเลย”เสียงปรบมือดังก้องอีกครั้ง “เอาล่ะครับ” ตู้หมุนรางวันหมุนไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ลูกบอลลูกหนึ่งจะร่วงลงมา “ใครจะเป็นผู้โชคดีคนสุดท้ายกันนะ มาลุ้นกันเถอะครับ”ทั้งห้องเงียบกริบคณะที่ลูกบอลนั้นกำลังถูกเปิดออก “ฝ่ายการตลาด ฮานะมาอิ ไอสึกิครับ” ฝ่ายการตลาดได้เฮอีกครั้งเมื่อน้องใหม่ของพวกเขาได้รับรางวัลใหญ่ที่เผื่อแผ่มาถึงทุกคนไม่เว้นแม้แต่หัวหน้าทาคากิที่พลอยเป่าปากอย่างถูกใจไปด้วย ไอสึกิประคองตัวเองขึ้นไปรับรางวัล ก่อนจะเอามาส่งให้หัวหน้าแผนกของพวกเขาท่ามกลางความยินดีของเพื่อนร่วมงานฝ่ายการตลาดทุกคน “ไอสึกิ นี่ เก็บไว้นะ”ยาหลอดสุดท้ายถูกส่งมาให้เก็บใส่กระเป๋าไว้ “เดี๋ยวเรากลับกันเลยไหม” “ผมว่าจะกลับบ้านน่ะครับ คุณโทโมเอะกลับก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวผมขึ้นรถไฟไป”สายตาที่มองมาฉายชัดถึงความเป็นห่วงในตัวของชายหนุ่ม “ไม่เป็นไรหรอกครับ ยายังมีฤทธิ์อยู่ได้อีกพักใหญ่เลย” “งั้น... ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกฉันด้วยนะ”เมื่อไอสึกิพยักหน้ารับคำ โทโมเอะจึงวางใจขับรถออกไปได้ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะขยับตัวไปไหน ก็มีรถหรูสีดำก็มาจอดเทียบข้างหน้า ประตูถูกเปิดออกมาจากทางด้านในก่อนที่จะมีมือมาฉุดตัวเขาเข้าไป “อ๊ะ เดี๋ยวสิ”พนักงานของโรงแรมวิ่งเข้ามาปิดประตูในทันที พร้อมกับเสียงกดล็อกจากคนขับ “ไม่นะ เปิดสิ” แผ่นกระจกติดฟิล์มทึบเลื่อนมาปิดกั้นระหว่างคนขับกับคนนั่งตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านาย ทำให้ไอสึกิต้องตวัดสายตาไปหาคนที่จับเขามาเป็นครั้งแรก “คุณ...”ประธานใหญ่คนนั้นที่เขาไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด “อากิโตะ” “ไง” @@@@@@@@@@@@@@@@@@@ มาต่อแล้วค้าาา มาไว้อีกแล้วว เย็นนี้จะไปงานวัดค่ะ แฮร่ ^^ พระเอกเรามาแล้วน้าา //เพิ่งจ่ายค่าตัว ฮรี่
มาค่ะคนเขียนเดี๋ยวเราออกเงินค่าตัวพระเอกช่วย ฮ่าๆๆ
โอ้วว ท่านประธานฉุดกันเลย
ประธานใหญ่อากิโตะ ลักพาไอสึกิขึ้นรถไปแล้ว :katai1: :katai1: :katai1: ถูกใจไอสึกิ จนซื้อชุดให้ใส่ แต่ถูกใจแล้วจะทำไรไอสึกิกันเนี่ย แค่เซ็กส์เท่านั้นหรือเปล่า :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
Chapter4 ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง ไอสึกิถอยตัวไปจนชิดติดกระจกด้วยความกลัว แต่ก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนที่เปรียบเหมือนกรงกักขังเขาเอาไว้ “กลิ่นของนายทำฉันแทบคลั่งตอนอยู่ในงาน”เสียงกระซิบแผ่วที่ใบหู สัมผัสอุ่นและเปียกชื้นจากปลายลิ้นทำให้ไอสึกิหดคอลง “ชั่วขณะเดียวมันก็หายไป เพื่อนของนายใจดีซะจริงนะ” “ท่านประธาน...”เสียงเรียกแผ่วเบาเหมือนจะไปกระตุ้นอะไรบางอย่างในความรู้สึกของคอนที่กำลังสูดกลิ่มหอมเย็นจากคนในอ้อมกอดนี้ “ปล่อยเถอะครับ” “ฉันจะปล่อยนายเมื่อถึงที่หมาย” ที่หมายที่ว่าคือชั้นบนสุดของคอนโดสูงสามสิบชั้น ระหว่างที่ขึ้นลิฟต์แก้ว สติของไอสึกิก็ขาดห้วงไปอีกครั้ง กลิ่นฟีโรโมนอันเป็นเอกลักษณ์ของโอเมก้าค่อย ๆ รุนแรงขึ้น ร่างโปร่งนั้นสั่นเทาเหมือนลูกนกพลัดจากรัง ไอสึกิถูกเหวี่ยงลงบนเตียงนุ่ม ดวงตาสีสวยคู่นั้นเหม่อลอยจะไม่รู้ตัวแม้กระทั่งว่าตนถูกฉีกทิ้งเสื้อผ้าออกจนกายเปลือยเปล่า “อืมมมม”มือเรียวเลื่อนไปจับบ่าของคนที่กำลังลงลิ้นกับยอดอกของของตนอย่างไม่รู้ตัว กายผอมบิดเร้ายั่วยวน เขาผลักร่างที่คร่อมตนเอาไว้อยู่ออกไปตามสัญชาตญาณ ขาเรียวตวัดถีบออกไปแต่ก็ถูกจับเอาไว้พร้อมทั้งแหกมันออกให้กว้างพอที่อีกคนจะแทรกกายเข้าไปอยู่ระหว่างกลางได้ โอเมก้าฟีโรโมนที่ลอยคลุ้งกระตุ้นให้อัลฟ่าหนุ่มเกิดอาการรัท(อาการติดสัดของอัลฟ่า) ขึ้นมา เขาพรมจูบไปทั่วผิวกายขาวสะอาดของคนที่นอนจมอยู่บนเตียงด้วยความกระหาย อากิโตะกดไอสึกิไว้กับเตียงแล้วจึงยืดตัวขึ้นไปหยอกเย้าริมฝีปากสีระเรื่อให้บวมแดงขึ้น เขากวาดต้อนความหอมหวานภายในโพรงปากของใครอีกคนอย่างตะกละตะกาม ท่อนเนื้อสีสวยที่มีไว้เพียงประดับกาย ไม่สามารถใช้ในการสืบพันธุ์สมกับการเป็นโอเมก้าที่สมบูรณ์ถูกเคล้าคลึงเล่นสนุกมือ ก่อนที่กายผอมจะถูกพลิกหันหลัง “อ๊ะ”ปลายส่วนหัวที่ร้อนจัดของแท่งเนื้อกลางลำตัวแตะเข้าที่จีบหยัก ขยับถูไถทักทายอยู่สองสามทีก่อนที่จะสอดเข้าไปภายใน “อ้า... อึก เจ็บ” ถึงแม้ไอสึกิจะยังไร้ซึ่งสติที่จะมาควบคุมตัวเอง แต่ความเจ็บร้าวที่เกิดจากการถูกล่วงล้ำก็แทรกเข้ามายังใต้จิตสำนึกของเขา ร่างผอมพยายามบิดหนีแต่สะโพกแคบถูกตรึงเอาไว้แน่นรองรับแกนกายใหญ่ที่กำลังสอดลึกมาเรื่อย ๆ “อืมม แน่น...”อากิโตะครางแผ่วเมื่อความคับแน่นเบื้องล่างไม่มีท่าทีว่าจะจางหาย แต่การตอดรัดราวกับว่ากำลังโอบกอดสิ่งสำคัญนั้นทำไม่อยากผละออกไป มือหยาบเลื่อนมาแหวกแก้มก้นนุ่มออกกว้าง เขาขยับตัวถอนกายออกมาจนเกือบหมด ก่อนจะแทรกลึกเข้าไปใหม่จดเกือบสุดลำ “อ้าาาาา”ร่างบางร้องลั่นเมื่อภายในร่างกายถูกแทรกสอดเข้าไปลึก สะโพกเล็กบิดเร้าจากความเจ็บปวดปนสุขสม หยาดเลือดสีสดไหลซึมออกมาหยดลงบนที่นอนเป็นด่างดวง เสียงครวญครางประสานกันเสียงกระทบกันของผิวเนื้อที่ดังก้อง ช่องทางคับแคบนั้นค่อย ๆ ขยายออกอย่างเชื่องช้า “อืมม อ่า ดี”สะโพกแกร่งขยับรัวเร็วจนร่างที่อยู่ข้างใต้สั่นคลอน อากิโตะโน้มตัวลงไปเล็กเลียแผ่นหลังชื้นเหงื่อที่ส่งกลิ่นหอมเย็นไม่ขาด ดูดดุนจนขึ้นจ้ำสีแดงไปทั่ว “อ๊ะ อ๊ะ อะ อือออ”เสียงครางกระเซ้าเย้ายวนให้อยากรุนแรงขึ้น ไอสึกิเชิดหน้าขึ้นยามที่ภายในเคลื่อนสัมผัสจุดอ่อนไหว “อ้า แรง... เจ็บ” ประธานใหญ่แห่งอากาฮาชิ กรุ๊ป กุมคางเรียวให้เบือนมารับจูบที่แสนดุดัน ก่อนจะขยับกายแทรกเข้าไปจนสุดโคน “อื้อออออ”น้ำตาใสไหลอาบแก้มเมื่ออวัยวะที่อยู่ในร่างตนนั้นเกิดการขยายขนาดตรงส่วนโคนขึ้นจนคนตัวเล็กกว่าแทบรับไม่ไหว ร่างผอมนั้นสั่นเทายิ่งกว่าในตอนแรกเสียอีก อากิโตะทิ้งกายลงทาบทับแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกลีบกุหลาบ เขาซุกหน้าลงกับบ่าเล็ก ให้กายข้างล่างแนบชิดกว่าเก่า ช่องทางหวานดูดกลืนท่อนเนื้อเอาไว้แน่นไม่ปล่อย กลิ่นของฟีโรโมนเริ่มเบาบางลงไปบ้างแล้ว “อ๊ะ อื้ออ”ท่อนเนื้อภายในกายขยับและกระตุกถี่ ๆ พ่นเอาน้ำเมือกอุ่นเข้าไปภายในเป็นระรอก มือสากลูบไล้โอเมก้าที่ดึงดูดให้เขาสนใจไปทั่วทุกตารางนิ้ว ยอดอกที่ถูกทิ้งร้าง ตอนนี้กลับถูกขยี้เล่นอย่างมันมือแทนเสีย กายทั้งสองแนบชิดสนิทกันกว่าครึ่งชั่วโมง สะโพกช้ำนั้นขยับเข้าหาเบื้องล่างอยู่เป็นช่วง ๆ ราวกับว่าจะต้องการรีดธารน้ำอุ่นให้หลั่งเข้ามาภายในกายจนสุดทาง ร่างของไอสึกิกระตุกรับกับท่อนเนื้อภายในอยู่หลายครั้งจนนิ่งสงบลง เขาฟุบหน้าลงแนบหมอนแล้วเผยอปากออกเล็กน้อยเพื่อหายใจ อากิโตะถอนกายออกมาจากทางแคบ จีบทางบวมแดงก่ำค่อย ๆ หุบลงอย่างเชื่องช้า น้ำสีขุ่นปนสีแดงจาง ๆ ไหลซึมออกมาเล็กน้อย ในช่วงฮีทของโอเมก้า จะมีสารหล่อลื่นที่ร่างกายผลิตขึ้นหลั่งออกมามากกว่าปกติ แต่ไม่ใช่ว่าจะเพียงพอต่อการต้อนรับอัลฟ่าทุกคนเสมอไป ยิ่งกับใครบางคนที่มีการหลั่งของเมือกเหลวออกมาน้อยกว่าโอเมก้าคนอื่นแล้ว... มันก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้มาก ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างคนสองคนจนทั้งห้องเหลือเพียงเสียงหอบหายใจของโอเมก้าหนุ่มที่ยังคงดังแผ่ว มือหนาเอื้อมไปลูบไล้กลุ่มผมนุ่มที่ลงมาปรกหน้า เขาดึงหนังยางเส้นนุ่มออกไปวางไว้ที่โต๊ะเล็กข้างเตียง กลิ่นของฟีโรโมนหมดไปชั่วคราว หลังจากที่ได้รับการเติมเต็ม เขาลูบไล้ตั้งแต่พวงแก้มนุ่มเลื่อนมาถึงปลอกคอสีดำที่สวมติดเอาไว้ เกี่ยวดึงเล็กน้อยอย่างขัดใจ แล้วขยับมาลูบหลังที่เปลือยเปล่าแทน “อืม...”ดวงตาสีฟ้าปรือมองคนที่มอบสัมผัสอ่อนโยนให้ กายขาวขดเข้าหากันเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย อากิโตะอุ้มร่างที่ดูผอมแห้งในสายตาเขาขึ้นมาในอ้อมแขน เดินเข้าไปในห้องน้ำที่มีน้ำอุ่นเตรียมไว้ เขาดึงกริ่งให้เมดที่บ้านใหญ่ส่งมาเข้ามาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้เรียบร้อย ก่อนที่เขาจะอาบน้ำเสร็จ ศีรษะทุยซบลงกับขอบอ่างน้ำหลับสนิท ปล่อยให้ใครอีกคนชำระร่างกายของเขาจนสะอาด เว้นแต่ช่องทางที่บาดเจ็บเอาไว้ เสื้อนอนตัวโคร่งถูกนำมาสวมให้ร่างเล็กเพียงตัวเดียว ก่อนจะพาขึ้นไปนอนซุกตัวบนเตียงซึ่งได้เปลี่ยนผ้าและเครื่องนอนทั้งหมดแล้ว ก่อนที่เขาจะเข้าไปชำระร่างกายบ้าง อากิโตะในชุดคลุมนอนก้าวขึ้นมาทิ้งตัวนอนซ้อนแผ่นหลังบาง เขาตวัดผ้าห่มคลุมร่างพวกเขาทั้งคู่ไว้ แล้วกอดเอวคอดไว้หลวม ๆ ก่อนหลับตาลง เครื่องปรับอากาศที่เป็นสมบัติล้ำค่าของมนุษยชาติยังคงทำงานได้อย่างไร้ที่ติ ร่างโปร่งขยับตัวเข้าหาไออุ่น แต่ขยับเพียงนิด ความเจ็บแสบและปวดหนึบจากด้านล่างก็พุ่งเข้าโจมตีตามแนวเส้นประสาทไล้ตามไขสันหลังของเขาทันที “อื้อออ”ไอสึกิลืมตาขึ้นมาช้า ๆ แล้วหรี่ตาลงเมื่อแสงจากภายนอกส่องมาแยงตาเขา “เจ็บ...” อยู่ ๆ ความเย็นเยียบก็ทาบทับมาที่ช่วงสะโพกจนเขาสะดุ้งหันไปมอง ห่อผ้าสีขาวสะอาดถูกวางทาบบั้นท้านของเขาเอาไว้ ความเย็นของมันทำให้เขารู้สึกสบายขึ้นไม่น้อย “ดีขึ้นแล้วใช่ไหม”น้ำสียงที่เอื้อนเอ่ยมาฟังดูอ่อนโยน รอยยิ้มบางที่แลดูอบอุ่นส่งมาให้กับเขา “เดี๋ยวพ่อบ้านจะเอายาตามประวัติที่ส่งมาไว้มาให้ ตอนนี้นอนนิ่ง ๆ ไปก่อนแล้วกันนะ” “ท่านประธาน...”ไอสึกิครางเสียงแผ่ว นัยน์ตาใสเหลือบมองร่างสูงอย่างประหม่า “ผม... คือ ผม...” “จะเอาอะไร หืม”อากิโตะที่อยู่ในชุดลำลองเรียบร้อยแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนหัวเตียงใกล้ ๆ กับคนที่ยังลุกไม่ขึ้น “ไม่ต้องพยายามลุกหรอก เดี๋ยวฉันเอาให้” “ยา... ยา”ไอซึกิเองก็ดระดากปากจะพูด ใบหน้าที่ซีดเซียวขึ้นสีระเรื่อจาง ๆ “คือ ผมจะเอายา...” “ฉันฉีดยาระงับแบบฉุกเฉินให้แล้ว ส่วนยาระงับอาการของโอเมก้า ฉันกำลังให้พ่อบ้านไปเอามาให้ไง รอก่อนสิ”เสียงดุ ๆ ที่ส่งมาทำเอาชายหนุ่มอีกคนสะดุ้ง “ไม่ต้องทำหน้ากลัวขนาดนั้นก็ได้ ฉันไม่ถือโทษที่นายทำให้ฉันรัทหรอกนะ” “ผม... อยากได้ยาคุม”หัวคิ้วเข้มมุ่นเข้าหากันอย่างหงุดหงิดเมื่อได้รับฟังคำขอนั้น “ท่านประธาน...” “เดี๋ยวฉันให้คนไปซื้อให้แล้วกัน”เขาหยิบมือถือขึ้นมาโทรสั่งไปยังพ่อบ้านที่ยังไม่กลับมารัว ๆ ก่อนจะเหวี่ยงเจ้าโทรศัพท์เครื่องน้อยเข้าลิ้นชักไป “จะเอาอะไรอีกไหม” “ไม่ครับ ขอบคุณ”อันที่จริงเขาอยากได้น้ำสักนิด แต่ดูสีหน้าของคนตรงหน้าแล้ว อดทนเอาไว้ก่อนน่าจะดีกว่า ประธานบริษัทเครือทากาฮาชิลุกขึ้นไปเทน้ำเปล่าใส่หลอดมายื่นตรงหน้าของคนที่ยังนอนคว่ำอยู่ ไอสึกิอ้าปากรับหลอดนั้นดื่มอย่างว่าง่าย “ตัวของนายเล็กมาก”ปากว่าพรางประคองให้คนที่ยังดื้อดึงจะลุกขึ้นให้ขึ้นมานั่งจนได้ แล้วถึงแทรกตัวไปนั่งซ้อนหลังเอาไว้ กลายเป็นว่าไอสึกินั้นจมอยู่ในอ้อมกอดของอัลฟ่าหนุ่มในท่าทางที่ค่อนข้างจะล่อแหลม “ถึงโอเมก้าส่วนใหญ่จะตัวเล็ก แต่ก็ไม่ได้สูงโปร่งและผอมจัดเหมือนกับนาย” “ผมไม่ได้ผอมแห้งขนาดนั้นสักหน่อย”ไอสึกิอดที่จะค้านออกมาไม่ได้ เขาแอบนึกโชคดีอยู่ในใจที่ยอมใส่ปลอกคอไปงานเลี้ยงในวันนั้น ไม่อย่างนั้นคงจะเกิดเรื่องแน่ “ฉันกอดนายได้ด้วยแขนข้างเดียวแบบนี้ ไม่เรียกว่าผอมแห้งหรือไง”ไม่ว่าเปล่า มีการสาธิตให้เห็นด้วย “ตรงนั้นของนายก็แคบมากเหมือนกัน” “ผมไม่รู้ด้วยแล้ว”พวงแก้มไล่ไปถึงใบหูของเด็กหนุ่มแดงก่ำเมื่อถูกพูดถึง เขาจำอะไรไม่ได้มากนัก อันที่จริงคือจำได้แต่ความเจ็บที่ได้รับนั่นล่ะ “เมื่อคืนนี้ผม... หมดใช่ไหมครับ” “อืม นายตอบรับฉันเป็นอย่างดีเลยล่ะ”จูบหนัก ๆ ที่ข้างแก้มยิ่งทำให้ชายหนุ่มที่เพิ่งเสียครั้งแรกไปรู้สึกอับอายมากขึ้น “รับเข้าไปจนหมดโดยไม่ดิ้นหนีเลย” “อึก”ตอนนี้เองที่เขารู้สึกขยะแขยงร่างกายของตัวเอง ทั้งที่ตลอดมาไอสึกิไม่เคยนึกเดียดฉันท์การเป็นโอเมก้ามาก่อนเลยสักนิด ติดสัดแล้วร่านรัก น่ารังเกียจ! “ไม่คิดอะไรมากสิ”นิ้วเรียวยาวเชยคางเล็กขึ้นมารับจูบเบา ๆ “โอเมก้าเกิดมาเพื่อตอบสนองความต้องการของอัลฟ่าอยู่แล้ว นายจะทำหน้าจะเป็นจะตายไปทำไมกัน” ริมฝีปากซีดเม้มเข้าหากันแน่นอย่างขุ่นเคืองใจ เขาจ้องมองลึกเข้าไปในตาสีเทานั่นอย่างกรุ่นโกรธ “ยังไงช่วงสัปดาห์นี้ พ่อกับแม่ของนายก็ไปเที่ยวกันสองคนแล้ว... นายก็อยู่กับฉันแล้วกัน”คำชวนที่ฟังดูเป็นคำสั่งเสียมากกว่าลอดออกมาจากริมฝีปากที่ยกยิ้มยั่วเย้า “ครั้งแรกของนาย นายจำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ฉันจะทำให้นายรับรู้ความสุขที่ได้รับเมื่อคืนนี้อีกครั้งไง ฮานะมาอิ ไอสึกิ” มือที่เมื่อครู่ยังเชยคางเขาขึ้นอยู่กลับเลื่อนลงไปสัมผัสช่องทางหลังที่เพียงแค่แตะเบา ๆ ก็ยังปวดแสบ อากิโตะส่วนนิ้วชี้เข้าไปทักทางภายในช่องทางนุ่มที่ยังเปียกแฉะ “อ๊ะ ไม่ ไม่เอา”ไอสึกิขยับสะโพกหนีความเจ็บปวดนั้น มือเรียวผลักไสสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาหยอกร่างกายเขาเล่นออกไปทันที “ไม่เอาครับ ท่านประธาน” “ถ้าไม่อยากให้ฉันกัดนาย นายไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธอะไรทั้งนั้น”คำพูดที่เอาแต่ใจดังก้องอยู่ในหูของเขา ไอสึกิก้มหน้าลงจนคางชิดอก “ยอมรับในโชคชะตาของนายเถอะ แล้วฉันจะใจดี ปล่อยนายกลับไปนอนเล่นที่บ้านนายสักวัน สองวัน” ไอสึกิไม่ทันที่จะได้ตอบรับหรือปฏิเสธ พ่อบ้านที่เจ้านายของเขาพูดถึงก็เปิดถือถาดที่มีถ้วยยากับน้ำดื่มเต็มแก้วมาให้ซะก่อน ยาคุมฉุกเฉินถูกเทออกมาส่งเข้าปากก่อนแล้วจึงต่อด้วยยาเฉพาะของเหล่าโอเมก้า แน่นอนว่าขวดยาทั้งสองชนิดนั้นถูกวางลงไว้ให้ข้างหัวเตียงอย่างรู้หน้าที่ ทั้งยังมีแถมไว้อีกแผงด้วย “ยาคุมฉุกเฉินมีผลต่อร่างกายค่อนข้างมาก ถ้าคุณอากิโตะต้องการใช้โอเมก้าท่านนี้โดยไม่ต้องการภาระภายหลัง ให้เขากินยาคุมแบบปกตินะครับ”พ่อบ้านวัยกลางคนเอ่ยทั้งรอยยิ้มบาง หยิบเอาห่อผ้าที่ถูกวางทิ้งไปไว้ในมือแล้วโค้งกายลง “ผมขอตัว” “ไม่กินสิ ดีที่สุด”เสียงกระซิบที่ข้างถูกทำเอาขนลุกชัน “ประวัติของนาย ฮีทครั้งแรกตอนอายุยี่สิบ ช้ากว่าที่ควรไปสองปี ร่างกายนายคงไม่ได้ปกติเท่าไหร่” “ท่านประธาน!” “เรียกชื่อฉันสิ”แรงกอดรัดที่เอวเพิ่งมากขึ้นตามความเอาแต่ใจของเจ้าตัว “แล้วฉันจะใจดีขึ้นอีกนิด” “คุณอะ. อากิโตะ”เขาเอ่ยเรียกตะกุกตะกัก “ปล่อยเถอะครับ...” “ก็ได้ เราจะได้ลงไปกินข้าวกันสักที”อากิโตะปล่อยให้ร่างเล็กเป็นอิสระโดยดี แล้วลุกขึ้นไปหยิบชุดใหม่เอี่ยมมายื่นให้กับใครอีกคนในห้องนี้ ไอสึกิประคองตัวเองขึ้น เขาตั้งใจจะเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หากแต่สายตาคมปราบนั่น ทำให้เขาต้องยอมปลดเสื้อตัวโคร่งออกต่อหน้าผู้เป็นเจ้านายโดยดี ผิวขาวเนียนที่แต่งแต้มด้วยร่องรอยสีสดดั่งภาพวาดบนฝากผนัง ติ่งไตกลางตัวที่ถูกหยอกเย้าจนช้ำยังคงมีสีก่ำดึงดูดใจ “ไม่มีจริง ๆ สินะ”เจ้าของเสียงพูดนั้นล้วงมือไปลูบไล้ความเรียบเนียนใต้เครื่องเพศแผ่ว ๆ “มีเพียงเจ้านี่สิ” ท่อนเนื้อที่ยังคงนอนสงบแม้ว่าจะถูกลูบไล้ยิ่งสร้างความอับอายให้กับโอเมก้าผู้เป็นเจ้าของนัก “คุณอากิโตะ... จะไปกินข้าวไม่ใช่เหรอครับ” “หันหลังสิ”คำพูดของเขาเหมือนจะส่งไปไม่ถึง ไอสึกิที่ยังตั้งตัวไม่ติดพลันถูกพลิกกายเปิดเผยด้านหลังให้กับผู้ออกคำสั่งได้ดู “ช้ำเขียวเลยแหะ ผิวบางจริง” คำพูดที่เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าจะเป็นอื่นตอกย้ำความต้อยต่ำของไอสึกิจากเขาแทบจะตะโกนลั่น “ไม่ต้องใส่ชั้นในหรอก”กางเกงในถูกเหวี่ยงทิ้งไปไกล “รัดไปเจ็บเปล่า ๆ ถ้าจะใส่ ไปหาแบบที่ไม่มีเนื้อผ้าสัมผัสกับก้นนายจะดีกว่า” ดวงตาที่เริ่มคลอน้ำเหลือบมองกางเกงในตัวน้อยที่ถูกสั่งห้าม เขาจำใจที่จะต้องใส่กางเกงตัวหลวมไปปกปิดช่วงล่างเพียงตัวเดียว อากิโตะพยุงไอสึกิลงไปยังร้านอาหารฝรั่งชั้นเลิศที่อยู่ไม่ไกลคอนโดนัก ด้วยความที่เป็นร้านหรู พนักงานได้รับการอบรบมาอย่างดี เพียงมองปราดเดียว พวกเขาก็นำทางทั้งคู่ไปยังพื้นที่ส่วนตัว ทั้งยังเอาเบาะรองนั่งมาให้กับไอสึกิด้วย “สั่งสิ”มือใหญ่ผายออกให้เกียรติคนตรงข้ามที่เขาพามาก่อน หากแต่เจ้าตัวทำสีหน้าลำบากใจแล้วเปิดเมนูไล่มอง “เอาแซลมอนครับ”สั่งเพียงสั้น ๆ แล้วปิดเมนูลงวางทันที ไอสึกิเบือนหน้าหนีสายตาที่มองมาอย่างกดดัน สร้างโลกส่วนตัวของตนเองทันที “เอาออมเล็ตให้เขาอีกที่นึง แล้วก็...”เสียงที่สั่งอาหารรัว ๆ ทำให้คนกินน้อยต้องหันกลับมามองด้วยอารามตกใจ “เท่านี้ล่ะ” “ค่ะ สักครู่นะคะ”เจ้าหล่อนเดินฉับหายลับไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีเสียงฝีเท้ากระทบพื้นให้ขัดหูสักนิด “กินให้เยอะ ๆ จะได้มีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้าง”เป็นคำบอกเล่าที่ฟังแล้วเหมือนคำสั่งไม่มีผิด “ฉันบอกแล้วว่านายผอมเกินไป” “ก็... ไปหาคนที่คุณพอใจสิครับ”เสียงเรียบตอบกลับไปอย่างไม่กลัวเกรง อาจเพราะไม่ได้อยู่กันในที่ส่วนตัว ความกล้าที่กระเด็นหายขึ้นกลับเข้าร่างมาจนได้ “อย่ามาปากดีใส่ฉัน”มือหยาบบีบกรามของคนตรงข้ามจนปวดหนึบ “ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้นายเป็นเพียงเครื่องจักรที่มีหน้าที่ตอบสนองทางเพศเท่านั้น ไอสึกิ” นัยน์ตาสีฟ้าตวัดมองคนที่กำลังทำร้ายเขาอย่างขุ่นเคืองใจ อยากจะตอบโต้อะไรก็ไม่ได้สักนิด “มานั่งนี่”เรี่ยวแรงที่มากกว่าของอัลฟ่าดึงเอาร่างผอมโปร่งปลิวมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ อย่างแรง “โอ้ย!”บั้นท้ายที่บอบช้ำกระแทกกับเบาะหนังอย่างแรง เจ็บเสียจนน้ำตาเล็ก แต่ก็ไม่อยากตีโพยตีพายอะไรออกมาใช้อีกฝ่ายได้ใจ “นายผิดเองที่ทำให้ฉันหมายมั่นจะครอบครองนายไว้ รู้ไว้ ไอสึกิ”อากิโตะรวบคอของไอสึกิเอาไว้ แล้วโน้มไปสูดดมความหอมอ่อน ๆ ที่ผิวแก้มนุ่ม “ตั้งแต่วันนั้นแล้ว นายหนีฉันไปไหนไม่รอดหรอก” “คุณอากิโตะ...”เขาอยากรู้นักว่าวันนั้นที่พูดถึงคือวันไหน ไอสึกิจำได้ว่าพบชายหนุ่มครั้งแรกตอนที่ไปซื้อชุดสูทสำหรับไปงานเลี้ยง หรือว่าจะเป็นตอนนั้นกัน? บริกรหญิงเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารเงียบ ๆ หล่อนแอบเหลือบมองทั้งสองสนด้วยความใคร่รู้ ในกลางเมืองอย่างนี้ก็ยากที่จะได้เห็นโอเมก้าที่ยังสวมปลอกคอไม่มีคู่ออกมาเพ่นพ่านอย่างนี้ ดวงตาคมปรายตามองส่วนเกินที่ยังทำตัวอ้อยอิ่ง มุมปากหยักกระตุกยิ้มเล็ก ๆ ก่อนที่จะรวบตัวของคนข้างกายขึ้นมานั่งบนตัก “จะทำ--- อุ๊บ”ริมฝีปากที่ขยับเอ่ยคำถามถูกทาบทับแนวสนิท เรียวลิ้นอุ่นร้อนเล็มเลียกลีบปากนุ่มก่อนจะแทรกเข้าไปพัวพันภายใน อากิโตะผละใบหน้าออกจากไอสึกิชั่วขณะ สายน้ำหวานยืดเชื่อมทั้งสองเอาไว้ก่อนขาดลงพร้อมกับการช่วงชิงลมหายใจของคนในอ้อมแขนอีกครั้ง อยากดู... ก็จะให้ดู หึ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ บทที่ 4 มาแล้วจ้า ไม่ดึกนะคะ ฮ่าๆ เสร็จเรียบร้อยโรงเรียน อกต. ไปซะแล้ว อสก. ของเรา ติชมกันได้นะคะ แฮร่
เดี๋ยวรอให้ทันกับอีกที่ก่อนนะคะ จะเข้ามาเม้นท์ในนี้ อิอิ
ขอล้มนอนตายแป๊บค่ะ :m25: ฮ่าๆๆ
รออออจ้าาาาา รออ่านต่อ
สรุปท่านประธานนี่เป็นคนยังไง ชอบเขาเลยลากมา หรือเพราะกลิ่นฟีโรโมน ถึงไม่อยากให้กินยาคุม แล้วเป็นคนดีหรือร้ายกันแน่ ชอบขู่ทำรุนแรงไม่สนใจจะเป็นไง แต่ก็อาบน้ำให้เขานี่นะ
ฟินจุงเบย :-[ :o8: :pighaun: :pighaun: :haun4:
:really2:
Chapter 5 ไอสึกิมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนแต่งตัวอยู่ตรงหน้า วันนี้เป็นวันที่สามที่เขานอนจมอยู่บนเตียงอย่างนี้ และเป็นวันที่สามเช่นกันที่เขาต้องพึ่งยาคุมฉุกเฉินนั่น หลังจากเสร็จกิจทุกครั้ง อากิโตะจะเอายาระงับแบบอ่อนที่สิ้นฤทธิ์ไว้กว่ายาที่เขากินอยู่เสมอมาให้กิน เพื่อรอผสมพันธุ์ในตอนค่ำ หลังจากที่อีกคนธุระจนเสร็จ “จะเอายาอีกเหรอ”หางตาที่ปรายมามองมาทำเอาคนที่นั่งหน้าตูมแล้วกระตุกยิ้มเย็น “ไว้วันหลังแล้วกัน” นัยน์ตาสีฟ้าฉายแววหม่นหมอง ไอสึกิซุกตัวลงกับผ้านวมผืนนุ่มแล้วหลับตาลง สัมผัสเย็น ๆ บริเวณข้างแก้มกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสบู่อาบน้ำยี่ห้อดังชวนให้เขาขยับตัวซุกเข้าหาอย่างไม่รู้ตัว “เด็กดี”อากิระทรุดตัวลงนั่งพิงหัวเตียง เขาโน้มไปโอบเอาร่างที่บอบช้ำจากการทำกิจกรรมบนเตียงมาตลอดคืนให้ขึ้นมานอนบนตัก “เจ็บเหรอ” “อื้อออ”ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยรู้สึกตัวเวลาฮีทนัก แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ มันก็แทรกลึกเข้ามาให้สัมผัสได้อยู่ในบางครั้ง และยิ่งทวีขึ้นยามมีสติ "เจ็บสิครับ... คุณอากิโตะตัวใหญ่กว่าผมตั้งเยอะ” ความภูมิใจที่เขาเคยมีเริ่มหดหายลง ทั้งที่คิดว่าตนนั้นมีรูปร่างสูงสมส่วนกว่าโอเมก้าคนอื่น เทียบ ๆ เคียง ๆ ได้กับเบต้าหลายคนที่พบได้ทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับอัลฟ่าแล้ว ตัวตนของเขาก็ยังคงห่างไกล “ถ้ามีสติ นายจะเจ็บกว่านี้”แต่อัลฟ่าจะไม่เกิดอาการรุนแรง เพราะไม่มีโอเมก้าฟีโรโมนมากระตุ้น ความคิดโต้แย้งในใจของคนฟังที่ไม่กล้าพูด ได้แต่เก็บเอาไว้ในใจ “ถ้าไม่ทำให้ขยายสักหน่อยคงไม่หายเจ็บแน่” “ช่างเถอะครับ”ไอสึกิบอกปัดไปเมื่อมันวกกลับเข้ามาเรื่องที่เป็นอันตรายต่อตัวเขา “แล้วคุณจะปล่อยผมไปเมื่อไหร่...” “เมื่อฉันพอใจ”คำตอบที่เอาแต่ใจไม่ช่วยให้ความกระจ่างอะไรนัก “ทำไม กลัวอย่างนั้นเหรอ” “ไม่นิครับ”มือที่ลูบไล้เส้นผมเขาอยู่กระตุกนิด ๆ ก่อนจะกลับมาลูบสัมผัสเหมือนเดิม “ผมแค่คิดว่า การที่จะหยุดตั้งแต่วันแรกของการเปิดงานหลังปิดยาวคงไม่ดีนัก” “ไม่ต้องห่วงหรอก”ปลอกคอที่ยังสวมไว้ไม่ห่างกายถูกดึงเล่นหยอกล้อ “นายได้ไปทำงานแน่” “งั้นเหรอครับ”ไอสึกิไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอะไรอีก ร่างกายเขาเองก็ต้องการการพักผ่อนที่นานพอจะฟื้นฟูให้กลับมาดีขึ้นบ้าง เขาจึงเลือกที่จะปิดตาลงอีกครั้งตัดบทสนทนาไป เมื่อลมหายใจของคนบนตักเบาบางลงเป็นจังหวะสั้นยาว เข้าสู่ห้วงนิทราไป อากิโตะล้วงมือหยิบขวดยาที่เขาเอาติดตัวเอาไว้ขึ้นมาหมุนมอง ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในสมอง ดวงตาคมหลุบลงมองคนที่หลับสนิทอย่างนึกคึกอะไรบางอย่าง ก่อนจะเก็บขวดใบเล็กกลับเข้าไป อีกไม่กี่วันเขาก็ต้องปล่อยให้โอเมก้าตัวน้อยคนนี้กลับรังแล้ว จะเล่นสนุกอะไรก็คงต้องให้เต็มที่ในช่วงนี้ วันหยุดยาวที่ปกติแล้วเขาต้องกลับไปทนเสียงพร่ำพูดในสิ่งที่ไม่ต้องการจะฟังของคนที่บ้านใหญ่ด้วยไม่รู้จะไปไหน แต่คราวนี้มีคนอยู่ด้วยก็เป็นความรู้สึกที่ไม่เลวนัก ถึงจะต้องเปลืองน้ำลายถกเถียงกันบ้าง แต่ก็นับเป็นสีสันที่ไม่เลว “โอเมก้าจะฮีทเจ็ดวันสินะ...”เสียงพึมพำกับตัวเองแผ่วเบา เขานึกอยากจะกกคน ๆ นี้เอาไว้จนหมดช่วงฮีทไป แต่ก็มีเรื่องบางอย่างที่ต้องไปจัดการอยู่ หรือว่าจะย้ายมาไว้ใกล้ตัวดี? แต่แบบนั้นคงมีปัญหาแน่ เดินไปหาคงง่ายกว่ากันเยอะ “เอาเถอะ วันนี้กับพรุ่งนี้ก็ขอสนุกหน่อยแล้วกัน” ข้อมือขาวถูกพันธนาการด้วยแถบผ้าสีอ่อนผูกโยงไว้กับหัวเตียงอย่างแน่นหนา ร่างทั้งร่างเปลือยเปล่าไร้สิ่งใดมาปกปิด กลิ่มหอมเย็นกระจายฟุ้งไปทั่วห้องจากคนที่แววตาเลื่อนลอยไร้สตินั้นจนอัลฟ่าหนุ่มแทบคลุ้มคลั่ง แต่ก็ยังหลงเหลือสติเส้นสุดท้ายที่มายัดยาระงับอาการติดสัดของโอเมก้าใส่ปากของเจ้าตัวปล่อยฟีโรโมนนี่ ยามที่ฮีทถึงขีดสุดแล้ว ยาที่มีนั้นแทบไม่มีผลอะไร แต่ก็พอจะเรียกสติบางส่วนของผู้รับกลับมาได้บ้าง กับไอสึกิ สิ่งที่เรียกกลับมาได้คือสติที่รับรู้การกระทำ แต่ไม่อาจควบคุมร่างกายที่เรียกหาการผสมพันธุ์นั้นได้แม้แต่น้อย ริมฝีปากที่ยังแดงระเรื่อถูกดูดกลืนช้ำช่วงชิงลมหายใจออกไป ลิ้นร้อนไล้ต้อนกวาดความหอมหวานในโพรงปากจนทั่ว ก่อนจะผละออกมาเล็มเลียแก้มใสให้ขึ้นสีเลือดฝาด “อ๊ะ”ติ่งไตที่กลางตัวถูกหยอกล้อจากเรียวลิ้นที่ลากลงมา ฟันขาวคมขบหยอกให้เจ็บแสบสลับกันไปทั้งสองข้าง “อื้อออ อ๊ะ” กายผอมบิดเร้าเมื่อได้รับรสสัมผัสที่กระหายหา ไอสึกิเบียดตัวเข้าหาคนตรงหน้าอย่างยั่วยวน ถึงแม้ว่าสมองจะพยายามสั่งให้หยุด แต่ก็ไม่อาจสู้สันชาตญาณที่อยู่ในสายเลือดได้แม้เพียงน้อย ภาพของคนที่กำลังพยายามขยับร่างกายเข้ามาหาอย่างออดอ้อน ใบหน้าที่เติมเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ใคร่ยิ่งทำให้ความต้องการของผู้ที่ถูกสันชาตญาณนักล่าครอบงำพุ่งขึ้นสูง มือหยาบจับท่อนขาเรียวให้แยกออกจากกันอย่างไม่ปราณี สะโพกเล็กถูกดันขึ้นให้อยู่ในระดับที่สายตาของผู้เป็นเจ้าของมองเห็นอย่างชั้นเจน ร่างกายที่ถูกจับให้งอโค้งขึ้นสร้างความเจ็บปวดที่แผ่นหลังบางซึ่งเต็มไปด้วยรอยช้ำจากการดูดดุน ช่วงล่างที่ลอยเด่นส่ายไปมาเรียกร้องสิ่งเติมเต็มจนน่าอับอาย ไอสึกิพยายามบังคับร่างกายที่เขารู้สึกว่าร่านตัณหานี้ให้เชื่อฟังในสิ่งที่สมองสั่ง แต่ก็ไม่สามารถที่จะควบคุมมันได้ ท่อนเนื้อสีอ่อนที่ยาวเหยียดตรงขยับเข้ามาจ่อที่ทางเบื้องหลัง ขนาดของมันทำให้เขาอยากกรีดร้องสุดเสียง “อั่ก อ้าาา”ส่วนหัวหยักแทรกเข้าไปในช่องแคบที่ปากทางบวมเป่ง ความเจ็บแสบแล่นไปทั่วร่างกายในทันที ความรู้สึกยามที่ท่อนเนื้อที่มีเส้นเลือดปูดโปนเคลื่อนเข้ามาในร่างกายนั้นแจ่มชัดยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ “อ๊ะ ลึก อ่า~” เสียงสอดแทรกเคล้าเสียงเนื้อกระทบกันดังก้องในโสตความรู้สึก ไอสึกิมองร่างกายของตนที่ตอบรับการเติมเต็มของเจ้านายของเขาด้วยความตกใจปนตกตะลึง เขาสัมผัสได้ถึงการขยายของส่วนนั้นที่คับแน่นจนทำให้ช่องทางปริแตกอีกครั้ง แม้ว่าภายในจะชื้นแฉะด้วยเมือกใสที่หลั่งออกมาจากร่างกาย แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักเมื่อพบกับท่อนเนื้อร้อนจัดของอีกฝ่าย อากิโตะโถมกายเข้าไปในส่วนลึกของช่องทางที่กำลังตอดรัดเขาเอาไว้แน่น แรงกระทั้นที่ไม่คิดจะออมกำลังทำให้หนั่นเนื้อบั้นท้ายตึงแดงช้ำ ช่วงขาถูกจับแหกกว้างกว่าเก่าตามแรงอารมณ์ของผู้ควบคุม ร่างกายทีไร้การต่อต้านถูกจับพลิกให้หันหลังมา อากิโตะเล็มเลียแผ่นหลังเพิ่มร่องรอยของการร่วมเตียงเอาไว้ให้มากขึ้น ก่อนจะผลักไสกายเข้าไปจนสุดความยาว “อ๊ะ อ๊าา”ร่างขาวสั่นระริกทั้งความเจ็บข้อมือที่บิดผิดท่าจากการถูกพลิกกายและการรองรับช่วงล่างที่เกิดจากการขยายของส่วนโคน “อื้อ อ๊ะ” ความรู้สึกอบอุ่นและสุขสมแทรกมาความความเจ็บแปรบ ยิ่งยามที่ท่อนแขนแกร่งโอบกอดเขาเอาไว้ มันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อย ๆ ไอสึกิรู้สึกสับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ความปนเปของห้วงอารมณ์ทำให้เขาปล่อยวางและปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ เขาขยับข้อมือที่ถูกพันธนาการด้วยความอึดอัดจนปมผ้านั้นถูกคลายออกจากฝีมือของร่างสูง แขนเรียกยกขึ้นโอบศีรษะของคนที่ซบบ่าเขาจากทางด้านหลังอยู่ ไอสึกิเอียงหน้าน้อย ๆ ให้แก้มแนบไปกับกลุ่มผมหนา เขาเบียดกายให้ชิดติดกันอากิโตะมากขึ้นอีก ร่างกายของไอสึกิตอบรับการหลั่งภายในเป็นอย่างดี จังหวะการตอดรับถี่รัวรีดเคล้นน้ำสีขุ่นจากส่วนโคนจนรดปลายเรียกเสียงคราวแผ่วจากผู้ครอบครองมัน ไม่รู้ทำไม... เขาถึงรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน ไอสึกิลืมตาตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้า ความอบอุ่นยังคงโอบรัดตัวเขาเอาไว้อย่างที่รู้สึกมาตลอดคืน ใบหน้ามนเงยขึ้นมองคนที่กอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขนหลวม ๆ มืออุ่นร้อนลูบไล้ศีรษะของเขาไล่จนมาถึงแผ่นหลังตามแนวสันกระดูกที่ขึ้นนูน”คุณอากิโตะ” “ไง”รอยยิ้มบางที่ส่งมาทักทายก่อนที่จมูกโด่งจะแตะสูดความหอมอ่อน ๆ ที่หน้าผากกว้าง “รู้สึกยังไงบ้าง ไอสึกิ” “ผม...”แก้มขาวขึ้นสีปลั่งเมื่อนึกถึงความสุขสมที่ร่างกายได้รับเมื่อคืน “ดีมากเลย... ครับ” คางเรียวถูกเชยขึ้นให้รับจุมพิตหวานล้ำ ท่อนแขนเปลือยเปล่ายกขึ้นโอบลำคอแกร่งเอาไว้เพื่อยกตัวขึ้นรับจูบร้อนนั้นด้วยความเต็มใจ ร่างกายที่ตอบสนองกับสัมผัสของอัลฟ่าตรงหน้าทำเอาส่วนลึกภายในจิตใจของไอสึกิสะท้านเฮือก เขาชักเคยชินกับสัมผัสร้อนนี่มากเกินไปแล้ว สี่วันที่โดนสำรวจร่างกายทุกคืนจนถึงเช้าทำให้รสสัมผัสนั้นตราตรึงเข้าไปอยู่ทุกพื้นที่ของร่างกายเขาโดยไม่รู้ตัว “อยากไปไหนหรือเปล่า”เสียงกระซิบที่อบอุ่นอ่อนโยนจนทำให้เขาต้องจับจ้องดวงหน้าหล่อเหลาที่ก้มลงมามองเขาอย่างเอ็นดู “เดี๋ยวฉันพาไปเที่ยว... เป็นรางวัลที่เมื่อคืนเป็นเด็กดี เอาไหม” “ไม่... ดีกว่าครับ”ถึงจะแอบดีใจอยู่เหมือนกันที่จะได้ออกข้างนอก มีหนทางให้หนีกลับบ้าน แต่ด้วยสภาพที่บอบช้ำนี่ อย่าว่าแต่จะหนีเลย แค่เดินเขาก็ลำบากเต็มกลืนแล้ว “คุณอากิโตะ... ยา...” ลมหายใจหนักระบายออกมารดใบหน้าซีดเซียว ก่อนที่เม็ดยาคุมจะถูกส่งมาให้ ตามด้วยยาระงับอาการติดสัด “ขอบคุณครับ” “อยู่กับฉันอีกสักวันนะ”คำเอ่ยลอย ๆ ที่ดังขึ้นหลังจากไอสึกิกินยาลงไปเรียกร้องความสนใจจากตัวเขา “พรุ่งนี้... ถ้านายจะกลับฉันจะให้คนไปส่ง” “ครับ...”พรุ่งนี้เขาจะได้กลับบ้านแล้ว ความดีใจที่ล้นปรี่ขึ้นมาจนเกิดรอยยิ้มฉาบทับใบหน้าชวนมอง พาให้รอยยิ้มสวยยกขึ้นที่มุมปากของประธานบริษัทยักษ์ใหญ่เช่นกัน ช่วงกลางวันที่ปกติได้แต่นอนจมอยู่บนเตียง วันนี้ไอสึกิได้ขึ้นมาเดินเล่นอยู่ชั้นสนสุดของคอนโดหรูที่จัดเป็นสวนให้ได้พักผ่อนอย่างสวยงาม แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่คนที่มีอารมณ์ศิลป์มากพอที่จะมายืนชมทัศนียภาพพวกนี้ เลยมานั่งแกว่งขาอยู่บนชิงช้าตัวยาวที่พ่อบ้านของทากาฮาชินำเบาะนุ่ม ๆ มาวางกองไว้ให้ เขานั่งมองคนที่กำลังวอร์มร่างกายอยู่ริมสระน้ำใส ทั้งที่อยู่ด้วยกันมาหลายวัน แต่ไอสึกิเพิ่งได้มาสังเกตรูปร่างที่ใครได้เห็นคงอุทานเป็นเสียงเดียวกันของอากิโตะ กล้ามเนื้อที่แข็งตึงสมสวนไม่มากหรือน้อยจนเกินไปที่น่าหลงใหล หน้าท้องหยักลอนจาง ๆ ขึ้นรูปสวยยามก้าวเดินไม่ปูดโปนจนน่ากลัว ท่อนแขนที่เขาเคยสงสัยว่าทำไมถึงมีกำลังมากพอที่จะสามารถอุ้มตัวเขาที่สูงถึงร้อยเจ็บสิบเศษ ๆ ได้ด้วยแขนข้างเดียวมีมัดกล้ามพอเหมาะ เช่นเดียวกับท่อนขายาวที่พ้นมาจากกางเกงว่ายน้ำตัวสั้นซึ่งอุดมด้วยกล้ามเนื้อที่เรียงตัวอย่างงดงาม ยิ่งอยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เขารู้สึกด้อยกว่าเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะได้เปลี่ยนบรรยากาศมานั่งในสวนมองประธานบริษัทที่ตนทำงานอยู่ดำผุดดำว่ายอยู่ในสระน้ำใส แต่การไม่มีอะไรให้ทำมันก็น่าเบื่อสำหรับไอสึกิอยู่ดี หางตาเหลือบไปเห็นแกรนด์เปียโนสีดำตั้งเด่นอยู่มุมโค้งของสวนด้านหนึ่ง คงเอาไว้สำหรับเล่นดนตรีเวลาจัดงานปาร์ตี้ริมสระ ระยะทางก็ไม่ได้ไกลเกินกว่าที่เขาจะเดินไปได้ ไอสึกิคว้าเบาะนวมเดินลากขาไปนั่งตรงแกรนด์เปียโนหลังนั้น แต่ละก้าวที่เดินยิ่งเจ็บเสียดด้านหลัง เขาไม่เคยคิดว่าแค่การเดินจะเป็นอุปสรรคกับตัวเขาขนาดนี้เลย แต่สุดท้ายก็เดินมาถึงจุดหมายจนได้ “เฮ้อ~”ร่างโปร่งทรุดตัวลงนั่งบนเบาะนุ่มนิ่ม มือขาวขยับไปเปิดฝาที่เงาวับขึ้นก่อนจะจรดปลายนิ้วลงสัมผัสคีย์นุ่ม ติ๊ง เสียงเปียโนใสกังวานน่าฟังทำเอาผู้บรรเลงยิ้มหวาน นับดูแล้วก็หลายปีอยู่ที่เขาไม่ได้จับเครื่องดนตรีที่ชื่นชอบนี้อีกเลย ตั้งแต่จบม.ปลายมา Sonata in C major เป็นบทเพลงของโมซาร์ทที่ไอสึกิชื่นชอบเป็นพิเศษ เขาดีดบรรเลงเพลงที่จำได้ขึ้นใจอยู่ เขาจมอยู่ในห้วงคิดสร้างโลกส่วนตัวขึ้นมาเป็นของตนเอง เสียงเพลงที่ดังก้องเชิญชวนให้ผู้คนโดยรอบหันมาสนใจ สายตาที่มองมาอย่างประหลาดใจจับจ้องแผ่นหลังบางจนกระทั่งถูกคนของนักธุรกิจหนุ่มไล่จนออกไปหมด ไม่ได้เข้าสู่การรับรู้ของโอเมหน้าหนุ่มที่อยู่ท่ามกลางมวลดอกไม้ตรงนั้นเลยสักนิด “อ๊ะ”ความเย็นของน้ำที่เปียกชื้นซึมเข้ามาทั่วแผ่นหลัง นิ้วเรียวกดหนัก ๆ ที่คีย์เปียโนอย่างตกใจ เสียงเพลงหยุดชะงักลงในวินาทีนั้น “คุณอากิโตะ มันเย็นนะครับ” “โอเมก้าที่มีความสามารถเท่านาย ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในสังคมชั้นสูงมีน้อยนิดนะ รู้ไหม”ดวงตาสีฟ้าสวยเหลือบมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลาอย่างเซ็ง ๆ “อย่าให้ใครรู้จะดีกว่า... ถ้าไม่อยากไปเป็นของเล่นของใคร” “หวงของเหรอครับ”มุมปากเรียวยกยิ้มหยัน ถึงจะรู้สึกดีที่ได้รับอ้อมกอดชั่วข้ามคืน แต่มันก็เท่านั้น “สำหรับผม มันไม่มีครั้งที่สองหรอกครับ” “ฉันเคยบอกนายแล้วว่าอยากปากดีใส่ฉัน”มือหนาที่เย็นเยียบบีบคางเรียวแน่น “คนอื่นไม่เหมือนกับฉันหรอกนะ” ไอสึกิหลบสายตาคมวูบ เขาก็พอจะรู้ว่าชีวิตของโอเมก้าที่ตกเป็นของเล่นทางเพศมันเป็นยังไง การถูกทิ้งในกรงขังยังดีกว่าการกลายเป็นรางวัลให้กับทุกคน... “คุณเองต่างอะไรจากพวกเขา...”รอยยิ้มที่ขมขื่นทำเอาอากิโตะเบิกตาขึ้นเล็กน้อย “ลากผมมากักขัง พอใจก็ปล่อยไป มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันสักน้อย” “หึ”เสียงขึ้นจมูกกับจูบหนัก ๆ ที่ดูไม่เข้ากันนัก อากิโตะเหยียดกายขึ้นตรงคว้าเอาเสื้อคลุมมาสวมแล้วเดินผละจากไป ไอสึกิเดินตามหลังร่างสูงไปเงียบ ๆ เขาพยายามสาวเท้าก้าวตามให้ทันคนที่เดิมดุ่มไป จะให้อยู่คนเดียวในคอนโดที่เต็มไปด้วยเหล่าอัลฟ่าหัวสูง และเบต้าที่มีความสามารถระดับเดียวกัน มันก็ดูไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่ ขณะที่เขาหลุดอยู่ในภวังค์ สัมผัสที่คุ้นเคยดีในช่วยนี้ก็โอบกอดที่ช่วงเอวเขา อากิโตะหันหลังกลับมาพยุงเขาเดินไปด้วยกันเงียบ ๆ คืนสุดท้ายที่อยู่ด้วยกัน อากิโตะไม่ได้แตะต้องไอสึกิไปมากกว่าการลูบไล้ร่างที่มีร่องรอยของวันวานอยู่ชัดเจน เขานอนกอดร่างผอมไปไว้หลวม ๆ ตลอดคืน ช่วงสายของวันถัดมา อากิโตะไปส่งไอสึกิที่อพาร์ทเม้นท์ด้วยตัวเอง เขามองสภาพแวดล้อมรอบ ๆ อย่างไม่พึงใจในพื้นที่แออัดนี้นัก ถึงจะไม่ได้ทรุดโทรมจนน่าเกลียด แต่สำหรับพนักงานบริษัทใหญ่ หากต้องการหาที่อยู่ที่ดีกว่านี้คงไม่ยาก “ย้ายซะ”คำสั่งสั้น ๆ ที่ทำเอาพนักงานตาดำ ๆ ขึ้นขั้นเหวอค้าง ไอสึกิงุนงงกับการที่อยู่ ๆ อากิโตะก็พูดออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยมาก “ที่นี่ไม่เหมาะให้นายอยู่ ย้ายซะ” “คุณอากิโตะ!”ไอสึกิถึงกับต้องขึ้นเสียง ถึงแม้ว่าอพาร์ทเม้นท์นี้จะดูโทรม แต่เพื่อนบ้านทุกคนนั้นน่ารักและเป็นกันเองจนน่าพอใจ “ฮานะมาอิ ไอสึกิ”เสียงที่เรียกชื่อเขาฟังดูเยียบเย็นขนไรขนอ่อนรุกชัน “อย่าดื้อ!” สิ้นคำนั้น ร่างสูงก็ตวัดตัวเดินจากไป ทิ้งความหงุดหงิดไว้ให้กับคนข้างหลังที่จ้องตามตาเข็ง ก่อนจะพุ่งพรวดเข้าห้องไปและปิดล็อคทันที ไอสึกิทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนแข็ง ๆ ที่คุ้นเคยดี เขาหยิบมือถือที่เพิ่งได้คืนมาบนรถมาเปิดเช็คดูช่วงเวลาที่เขาหายไป สายโทรศัพท์แจ้งเตือนนับร้อยแข่งกับแมสเซจกับไลน์ที่กระหน่ำไม่หยุดจากเพื่อนร่วมงาน เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องกังวลกันอีก ไอสึกิจึงพิมพ์ทิ้งไว้สั้น ๆ ก่อนจะปิดเครื่องไหอีกครั้ง ผมสบายดีครับ ร่างผอมทิ้งเวลาให้ผ่านไปโดยไม่แม้แต่จะลุกขึ้นมาหาข้าวกลางวันกินจนกระทั้งฟ้าเปลี่ยนสีเตรียมเข้าสู่ความมืด ไอสึกิจึงจำใจต้องลุกขึ้นมาเปิดไฟ และลงไปซื้ออะไรง่าย ๆ มาใส่ท้องที่ว่างเปล่า เขาเพิ่งสังเกตเห็นถุงที่แขวนเอาไว้ข้างหน้าห้อง ภายในมีซองซิปใสใส่เม็ดแคปซูลสีเหลืองทองที่ดูคุ้มเคยดีเอาไว้ พร้อมกระดาษโน้ตจากโทโมเอะที่เขียนทิ้งเอาไว้ว่าเธอไปเอายามาให้ก่อนออกไปเที่ยวกับครอบครัว สร้างรอยยิ้มแห่งความสุขให้กับไอสึกิได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่หยุดยาวมา เบนโตะง่าย ๆ ที่ขายอยู่ไม่ไกลจากที่พักเป็นตัวเลือกที่ดีของเขายามขี้เกียจ ไอสึกิซื้อมันมาพร้อมกับเข้าไปในแฟมิลี่ มาร์ท เพื่อซื้อน้ำอัดลมสักหลายขวดกับจับคุจิเล่นกันอันสองอัน จนสุดท้ายกลายเป็นว่าเขาต้องหนีบข้าว หนีบน้ำ และหนีบตุ๊กตากลับห้องไปอย่างมีความสุข การอยู่คนเดียวมันก็เงียบเหงา แต่กลับบ้านไปก็ยังไม่มีใคร พ่อกับแม่เขาดูมีความสุขกันดีจนในบางครั้งเขาคิดว่าอาจจะมีน้องเล็ก ๆ หลงมาให้เขาได้เลี้ยงเล่นก็ได้ ไอสึกิเลือกที่จะขจัดความเงียบไปด้วยการเปิดทีวีดู เปิดมาก็เจอข่าวสังคมซะแล้ว เป็นอะไรที่เขาไม่ชอบเอาซะเลย ‘นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงควงสาวคู่หมั้นร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศญี่ปุ่น...’ เสียงของนักข่าวที่กำลังเอ่ยพร่ำพรรณนาถึงความเหมาะสมของทั้งคู่ในจอทีวีไม่ได้ลอยเข้าหูของไอสึกิเลยแม้แต่น้อย มือขาวที่จับตะเกียบอยู่กำแน่นจนขึ้นข้อชัดเจน สุดท้าย... ก็เหมือนกันหมดอยู่ดี ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ เมื่อฟ้ามืด เราก็มาค่ะ ฮ่าๆ เร้าอารมณ์กันอย่างต่อเนื่อง และเราจะต่อไปปป อากิโตะถนอมนายเอกเราหน่อยยยยย ติชม กันได้นะคะ ^^
ชอบค่ะติดตาม :katai2-1:
แหม...ไอซึกิอย่าไปสนใจมันมากเลยค่ะ หนุเป็นบุคคลที่มีความสามารถ เพราะงั้นอย่าไปแคร์ม้านนนนนน นังอากิโตะน่ะ!! :katai3:
คงจะหมดแรงโดนหม่ำไปขนาดนั้นนะหนูไอ พี่ประธานนี่คึกสุดๆ :-[ ดีใจจังมีแนวนี้ให้อ่านด้วย อ่านomegavers ทั้งแบบmangaทั้งโดจิน เพิ่งอ่านแบบนิยายครั้งแรกเลยค่ะ สนุกมาก รออ่านตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ
ไอสึกิ อย่าได้หลงเสน่ห์อากิโตะ อากิโตะก็แค่เห็นไอสึกิเป็นของเล่น เหมือนอัลฟ่าอื่นๆ ประธานใหญ่มีคู่หมั้นสาว อีกไม่นานก็จะแต่งงาน แต่ดูท่าจะไม่เลิกลากับไอสึกิง่ายๆ :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
สนุกจังเลย
Chapter 6 หลังจากวันหยุดพักผ่อนหมดลง วันที่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเบียดเสียดแย่งพื้นที่หายใจในรถไฟเพื่อเดินทางไปทำงานให้ทันก็กลับมาอีกครั้ง ไอสึกิถอนหายใจเฮือกใหญ่กับการเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วนที่ต่างคนต่างเบียดแทรกตัวเข้าไปอัดกันในโบกี้จนแน่นขนัด กว่าร่างผอมจะเดินทางมาถึงบริษัท เสื้อผ้าที่เคยเรียบร้อยก็ยับย่นจนแทบอยากจะกลับไปเปลี่ยนมาใหม่ให้รู้แล้วรู้รอดไป เสื้อคอเต่าที่ใส่อยู่เสมอก็ร้อนเกินจนยากจะทนไหว ไอสึกิเลยเปลี่ยนมาใส่เสื้อเชิ้ตคอจีนที่ได้ตัดปกให้ตั้งสูงกว่าปกติแทน เส้นผมที่ยาวเลยต้นคอมาประบ่าก็ยังไม่ได้ไปตัดสักทีจนต้องรวบเอาไว้ แต่ความกังวลที่จะมีใครมายุ่มย่ามกับช่วงคอที่เขาถอดปลอกคอเหวี่ยงทิ้งไว้ในลิ้นชักข้างหัวนอนอีกครั้ง เลยทำให้เจ้าตัวต้องรวมครึ่งหัวมาเพื่อปิดเอาไว้อีกชั้นแทน นอกจากนั้นยังหนีบหมอนรองคอมาเผื่อเอาไว้ด้วย “ไอสึกิ!!!!”เสียงหวีดร้องที่ดังมาตั้งแต่น้องเล็กของแผนกย่างเท้าเข้ามาก้าวแรกมาพร้อมกับสายตาที่จับจ้องตรงมาที่ตัวเขาเป็นตาเดียว “ไปไหนมาห๊ะ ฉันบอกให้เธอไลน์มาบอกฉันเมื่อถึงบ้าน แต่เธอก็ไม่ไลน์มา ฉันไปหาก็ไม่เจอ แล้วยังมาประโยคสั้น ๆ ที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแล้วหายไปอีก” นางฟ้าการตลาดหวีดใส่รุ่นน้องที่ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมใส่เธอไม่หยุดไปเกือบชั่วโมง เดือดร้อนให้หัวหน้าแผนกมาแยกพวกเขาออกจากกัน แล้วไล่กันไปทำงาน การทำงานหลังวันหยุดยาวของไอสึกิก็ยังคงเหมือนเดิม เข้างานเช้า เลิกงานเย็น ไม่มีโอทีให้กลับค่ำมืด และไม่มีใครมาวุ่นวายกับที่พักของเขาจนเขาวางใจ ไม่ต้องล็อกประตูล็อกโซ่สามชั้นแน่นหนาอีก ทุกวันนี้ไอสึกิพิมพ์งานต๊อก ๆ แต๊ก ๆ ไปเรื่อย เขาได้รับงานเพิ่มมากว่าเก่าแล้วก็จริง แต่ก็ยังไม่ใช่งานยากที่ต้องเกาผมจนหัวฟูมุดเข้าจอคอมพิวเตอร์ไปวิ่งหาข้อมูลหรือออกนอกพื้นที่ไปเก็บความชอบของคนตามที่ต่าง ๆอยู่ดี งานลงพื้นที่... ชีวิตนี้เขาคงไม่ได้ทำแน่ ๆ หลังจากทำงานของตัวเองเสร็จ เขาเลยผันตัวไปทำงานเป็นเด็กเดินเอกสาร ขึ้นข้างบน ลงข้างล่างไปยังแผนกต่าง ๆ เป็นว่าเล่น มีบางครั้งถึงกับต้องออกไปซื้อกาแฟมาให้กับพี่ ๆ ในบริษัทด้วยซ้ำ แต่ถึงจะเดินร่อนไปเร่มาแค่ไหน เขาก็ไม่เคยจะได้พบหน้าของประธานใหญ่ของบริษัทแม้แต่เสี้ยวเงา ซึ่งนั่นคงจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขาแล้ว จะได้ไม่ต้องคอยหาจังหวะเพื่อนหลบเลี่ยงอีก ข่าวในโทรทัศน์ยังคงออกมาให้ได้เห็นหน้าของอากิโตะเป็นระยะทั้งด้านธุรกิจ และงานสังคมที่เขาไปร่วม ในทุกครั้งที่เห็นก็จะเป็นสาวสวยสง่างามยืนอยู่เคียงคู่ไม่ห่างกาย ระหว่างที่ไอสึกิกำลังเลือกขนมหวานในร้านตรงข้ามบริษัทอยู่นั้น เมื่อเขาตัดสินใจหันหลังจะเดินกลับไปเอาปังเมล่อนหอมกรุ่นที่คิดเป็นตัวเลือกไว้ก็ดันพบคนคุ้นเคยที่ไม่เคยคุ้นยืนมองเขาอยู่ซะก่อน “คุณพ่อบ้าน”ไอสึกิเอ่ยเรียกแผ่วเบา แม้ว่าตัวเขาจะถูกขังอยู่ในคอนโดหรูนั่นห้าวัน และตลอดเวลาที่อยู่ในห้องก็มีคน ๆ นี้ยืนอยู่ไม่ไกล ยกข้าว ยกน้ำมาเสิร์ฟให้ด้วยท่าทีเรียบเฉย แต่เขาก็ไม่รู้จักกระทั่งชื่อของเบต้าคนนี้... “พบกันอีกครั้งนะครับ คุณฮานะมาอิ”น้ำเสียงก็ยังคงเรียบเฉยไร้อารมณ์ไม่สร่าง ดวงตาสีเขียวจับจ้องมาที่ใบหน้ามนซึ่งเป็นที่โปรดปรานของเจ้านายของเขาไม่น้อย “สวัสดีครับ”โอเมก้าหนุ่มน้อมหัวให้น้อย ๆ ก่อนจะยืนสบตากับอีกฝ่ายอีกครั้ง “คุณพ่อบ้านมีเรื่องอะไรจะพูดกับผม... ใช่ไหมครับ” ไอสึกิถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ แต่การพยักหน้ารับนั้นเป็นการยืนยันว่าความคิดของเขาถูกต้อง ท่อนขาเรียวภายใต้กางเกงผ้าเนื้อดีระดับหนึ่งก้าวเข้าไปใกล้พ่อบ้านตระกูลทากาฮาชิในระยะที่ไม่ใกล้เกินไปและไม่ได้ห่างเป็นวา “เหมือนว่าคุณจะยังไม่ได้ย้ายออกจากที่พักของคุณตามคำสั่งของคุณอากิโตะนะครับ คุณฮานะมาอิ”คำพูดที่เปล่งออกมานั้นทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์เผือดสีลง “หากคุณไม่ต้องการให้คุณอากิโตะเข้าไปจัดการ คุณควรรีบหาที่พักที่เหมาะสมอยู่ในเร็ววันนี้” คำเตือนที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวมีน้ำใจมาเตือนเอง หรือเป็นคำขู่จากใครอีกคนที่ไม่ได้อยู่ในตอนนี้ฝากมากันแน่ แต่มันทำให้ไอสึกิต้องกำหมัดแน่นอย่างคับข้องใจ “คุณจะเลือกที่พักแบบไหนก็ได้ หรือจะเช่าบ้านอยู่สักหลังก็ดี ค่าใช้จ่ายทั้งหมดคุณอากิโตะจะเป็นผู้จัดการให้เอง”สายตาที่มองเหยียดมายิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้น “ผมเลือกของผมเองได้ เจ้านายคุณคงไม่ต้องเหยียบเท้าลงมายุ่ง”ไอสึกิหันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็วตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง “หวังว่าคุณจะเก็บไปคิดด้วยล่ะ”คำพูดส่งท้ายแว่วมาให้ได้ยิน ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ พ่อบ้านก็ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเดิม และสีหน้าเดิมเช่นกัน หลังจากวันนั้น ไอสึกิก็ไม่ได้ย้ายออกจากอพาร์ทเม้นต์ตามคำสั่งของอากิโตะอยู่ดี เขายังคงยึดห้องพักแคบนี้เป็นที่มั่น แค่เปลี่ยนกลับมาล็อกประตูอย่างแน่นหนาอีกครั้งเพียงเท่านั้น แต่ก็ไม่มีใครมายุ่มย่ามเหมือนเดิม ซึ่งมันเป็นการดีอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการความสงบอย่างเขา “นี่ ไอสึกิ ไปกินเนื้อย่างกัน”มัตสึระโบกคูปองในมือด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าให้มาพานายไปกินตอบแทนที่ทำให้พวกเราทุกคนได้ไปทัวร์ออนเซ็นกันเดือนหน้าไงล่ะ” “เย็นนี้เหรอครับ”ไอสึกิถามกลับพร้อมส่งรอยยิ้มสดใสให้ “ไปสิครับ คงไม่ใช่บุฟเฟ่ต์ใช่ไหม” “ใครจะพากระเพาะมดอย่างนายไปกินบุฟเฟ่ต์ให้เสียเงินฟรีกันวะ”มือหนาผลักหัวทุยจนสั่นคลอน “รุ่นพี่ก็ ไม่เอาน่า”เสียงเฮฮาเรียกรอยยิ้มจากทาคากิที่ยืนมองจากด้านในมา ของตอบแทนที่ทำให้ได้วันพักผ่อนเพิ่มเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พอจะให้ได้ทำเอาลูกสมุนของเขาดูสนุกสนานคึกคักกันได้ก็ดีแล้ว ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่เขารู้สึกว่าตั้งแต่เปิดงานมา ฮานะมาอิดูไม่ร่าเริงเท่าที่ควร ยิ่งวันแรก ๆ นั้นดูโทรมจากเขาต้องเอ่ยปากไล่ไปพักอยู่หลายครั้ง ไม่รู้ว่าไปเจออะไรมา แต่คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเจ้าตัวนักหรอก ยังดีที่เจ้าตัวยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเคย สี่สหายแห่งการตลาดพากันไปกินเนื้อย่างที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทในตอนเย็น เป็นที่แน่นอนว่ากินกันไปยังไม่ถึงยี่สิบนาที เจ้าคนแทงค์เล็กก็วางตะเกียบมาจิบเบียร์เล่นซะแล้ว “นี่ ช่วยกินให้มันดูคุ้มกับที่หัวหน้าเสียเงินให้นายหน่อยได้ไหมเนี่ย”มัตสึระคีบเนื้อที่ย่างกำลังฉ่ำพอดีใส่ให้ในจานของไอสึกิ “กิน ๆ” “ไม่ไหวแล้วครับ แน่นไปเดี๋ยวจะแย่เอา”รุ่นน้องผู้เป็นที่รักของทุกคนปฏิเสธตามเคย เขาคีบส่งต่อไปให้พี่ใหญ่ในวงอย่างฮิโยชิ “รุ่นพี่ต้องกลับไปออกกำลังกายใช่ไหมครับ งั้นกินเยอะ ๆ นะครับ” “เดี๋ยวนี้มีแซวนะ ไอสึกิ”โทโมเอะหัวเราะออกมาเสียงใสพาให้คนอื่นหัวเราะไปกับเธอด้วย “ร้ายขึ้นนะนายน่ะ” “ก็ได้มาจากพี่ ๆ นั่นล่ะครับ”คำชมถูกส่งกลับไปอย่างรวดเร็ว กระดาษทิชชู่จึงลอยมาเป็นของตอบแทน ไอสึกินั่งมองรุ่นพี่ของเขาดื่มกินกันอย่างสนุกสนานด้วยรอยยิ้ม ถึงเขาจะไม่ค่อยได้พูดอะไร แต่ทุกคนก็ไม่ได้ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน ความคิดที่นึกอยากย้ายงานไปอยู่ยามาโมโตะ กรุ๊ปจึงค่อย ๆ เลือนไปจากหัวใจ “แย่ละสิ”น้องเล็กของวงอุทานขึ้น หลังจากที่เจ้าตัวล้วงกระเป๋าทุกตำแหน่งบนร่างกาย และค้นหาของในกระเป๋าที่ถือมาทำงานทุกวันจนทั่ว “ทำไมเหรอ”ฝ่ายรุ่นพี่ทั้งสามก็หันมามองเขากันอย่างงุนงง ไอสึกิเลยได้แต่ยิ้มแหยส่งให้ไป “ผมลืมมือถือน่ะครับ”ไอสึกิยกเบียร์ที่เหลืออยู่ขึ้นซดหมดแก้วแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “งั้นเดี๋ยวผมกลับก่อนดีกว่าครับ จะแวะไปเอาที่บริษัทแล้วเดี๋ยวเลยกลับห้องไปเลย” “อ้าววว”ตะเกียบสามคู่ถูกวางทิ้งทันทีเมื่อสิ้นคำของรุ่นน้องที่เปรียบเหมือนเจ้าของงาน “เดี๋ยวพวกเราไปเป็นเพื่อน” “กินกันไปเถอะครับ”ไอสึกิยิ้มให้อย่างสุภาพ ก่อนจะลุกขึ้น “นาน ๆ ได้กินกันทั้งทีนี่ครับ เดี๋ยวเสียน้ำใจหัวหน้าเอานะ บริษัทอยู่ไม่ไกลด้วย ผมไปได้ครับ” “ก็ได้... งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ”เมื่อฮิโยชิตอบรับคำ ผู้อ่อนวัยกว่าทั้งสองจึงจำใจรับไปด้วย “อย่าเถรไถลรู้ไหม” “ครับ ๆ คุณพ่อ”การหยอกล้อที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ร่วมโต๊ะอีกสองคนเรียกให้ผู้เป็น ‘พ่อ’แยกเขี้ยวใส่ไอ้พวกตัวแสบจนเสียงหัวเราะดังประสานกับอีกครั้ง “งั้นผมไปก่อนนะครับ” “จ้า”โทโมเอะโบกมือให้พร้อมส่งรอยยิ้มสดใส ไอสึกิยิ้มแล้วน้อมตัวน้อย ๆ ก่อนจะเดินออกไป ท้องฟ้าถึงแม้ว่าจะมืดสนิทแล้ว แต่แสงไฟตามรายทางยังคงสว่างไสว รถรายังคงมีขับผ่านไปมาเพิ่มแสงสียามราตรี “ขอโทษครับ”เขาสะดุ้งสุดตัวเมื่อเดินชนกับคนอื่น สายตาที่มองปราดมาอย่างไม่พอใจนั้นน่าสวนด้วยหมัดสักสองยก แต่เรื่องนี้เขาผิดนี่น่า “เดินดี ๆ หน่อยเซ่ะ”มือหยาบกระชากคอเสื้อเขาแล้วถลึงตาใส่ หาเรื่องได้ชัดเจนมาก “เห็นแก่หน้าละอ่อนของมึง กูปล่อยไปสักครั้งก็ได้วะ” เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไปไวอย่างพายุ ทำเอาโอเมก้าหนุ่มต้องถอนหายใจเผือกใหญ่ ทากาฮาชิ กรุ๊ปยังคงเปิดไฟสว่างไสวในหลายชั้น หลายแผนกคงต้องหัวฟูทำโอทีกันอย่างสนุกสนาน ด้วยจำนวนคนที่มีความสามารถกับจำนวนงานนั้นไม่สมดุล ฝ่ายการตลาดเองก็มีโอทีเช่นกัน แต่ยังไม่ใช่ในช่วงนี้ แต่ถึงจะมีพนักงานใหม่อย่างไอสึกิก็ไม่ได้มีงานล้นมือขนาดที่จะต้องอยู่โยงทำอยู่ดี “อึก เบาหน่อยสิ อ๊ะ เดี๋ยวมีใครมา...”เสียงเบา ๆ ที่ลอยออกมาขณะที่ไอสึกิกำลังเตรียมจะยื่นมือไปเปิดห้องน้ำ เขาตั้งใจจะไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อยหลังจากดื่มมาอยู่หลายแก้วเหมือนกัน อ้อ จัดเสื้อผ้าที่โดนกระชากตอนนั้นให้ดูเรียบร้อยด้วย “เวลานี้พวกการตลาดกลับไปกันหมดแล้ว ไอ้พวกบ้าที่ไหนจะมาเห็นกัน”เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องในห้องน้ำที่เคยเงียบเชียบ “ซี๊ด นายตอดฉันขนาดนี้ จะให้เบายังไงได้วะ” อันที่จริงไอสึกิก็อยากตอบกลับไปเหมือนกันว่า ไอ้พวกบ้าที่ลืมของเอาไว้อย่างตัวเขานี่ล่ะที่จะกลับมาในเวลานี้ แต่ทำอย่างนั้นคงเป็นที่น่ารังเกียจมากเกินไปสักหน่อยล่ะมั้ง ชั่วความคิดนึงที่แวบเข้ามาทำให้เขารู้รึกว่าตัวเขาอาจจะยังไม่พ้นวันอยากรู้ อยากลองก็ได้ การยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่น ไม่ใช่นิสัยของสุภาพชนที่ดี... แต่มาใช้สถานที่ที่แผนกเขาแบบนี้ ก็ขอเก็บค่าสถานที่หน่อยแล้วกัน ไอสึกิแง้มประตูที่เขาเพิ่งจะซ่อมไปไม่นานกับมือ เพราะรำคาญเสียงยามเปิดปิดที่ดังทุกครั้งเวลามีคนเข้ามาใช้ เขาแอบมองลอดผ่านช่องที่แง้มออกมาเห็นร่างที่ยืนซ้อนหลังกันอยู่ตรงอ่างล้างมือตรงหน้า เบต้าทั้งคู่... ฝ่ายการผลิตที่เหมือนจะคุ้นเคยกันดีด้วย ประตูปิดลงจนแนบสนิทโดยไร้เสียง สองแก้มของผู้แอบมองขึ้นเสียงระเรื่อ เขาสะบัดหัวเรียกสติกลับมา ก่อนตะหยิบป้ายกำลังทำความสะอาดมาวางไว้ให้เป็นน้ำใจ ไอสึกิสาวเท้าไว ๆ ไปหยิบมือถือที่วางลืมไว้บนโต๊ะมาใส่กระเป๋า มือล้วงหายาในกระเป๋าเสื้อ “ไม่มี...”ใบหน้าขาวเผือดสีลงเมื่อสิ่งสำคัญของเขาหายไป อะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้นะ “คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง” เดือนนี้ไอสึกิยังไม่ผ่านการฮีท นับจากช่วงเวลาก็ใกล้มากแล้ว เขาเลยตั้งใจจะกินยาสักหน่อย แต่มันดันหายไปซะนี่... การกระตุ้นทางกายภาพคงไม่เป็นผลกับร่างกายเขามากนักหรอก อันที่จริงเขาตั้งใจจะตรงกลับที่พักหลังจากที่มาเอามือถือทันที แต่เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่ได้ไปเลานจ์ที่พักผ่อนของพนักงาน ทำให้ขาของเขาก้าวไปยังที่หมายเองโดยไม่รู้ตัว แสงไฟยามค่ำคืนในมุมสูงสวยงามอย่างที่คาดไว้ ไอสึกิเอามือแนบกระจกมองภาพความงดงามที่จะเห็นได้แค่ในยามนี้ด้วยรอยยิ้ม ความร้อนวูบผ่านหน้าไปชั่ววินาที ร่างผอมสั่นเทาก่อนจะทรุดลง สติเริ่มเลือนรางลงไปอย่างห้ามไม่อยู่ อีกแล้ว... ความคิดสุดท้ายก่อนที่สติของไอสึกิจะขาดหายไปชั่วขณะ ในช่วงแรกการฮีทของเขาไม่เคยมาตรงเวลาที่คำนวณไว้ และมักจะมาอย่างฉุกละหุกเสมอทำให้เมื่อก่อนต้องกินยาอยู่แทบทุกวันจนโดนสั่งระงับเพราะยาค่อนข้างมีผลเสียต่อระบบฮอร์โมน แต่พักหลังมานี้มันเริ่มมาในเวลาใกล้ ๆ เวลาที่สมควรแล้ว เขาจึงไม่ได้กินยาจนเกินขนาดอีก แต่ไม่คิดว่าเพียงแค่โดนกระตุนเล็กน้อยนี่จะจุดชนวนในร่างกายได้ทันควันเลย “ไอสึกิ...”เสียงที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินดังขึ้น พร้อมกับเสียงปิดล็อกประตูโดยฝีมือของคนที่ไม่ต้องคาดเดา “คุณ... อากิโตะ”เมื่อมีอัลฟ่าเข้ามาใกล้ กลิ่นฟีโรโมนหอมเย็นยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น พร้อมกับสติที่หายไปอย่างสมบูรณ์ อากิโตะกระชากเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ของไอสึกิทิ้งจนร่างขาวเปลือยเปล่าท่ามกลางความมืดที่มีเพียงแสงไฟจากข้างนอกส่องมาราง ๆ ลำคอของเขาแห้งผากด้วยความต้องการที่พุ่งขึ้นสูง ผ้าเนื้อดีถูกดึงทึ้งออกไปจนร่างเปลือยเปล่า ท่อนเนื้อกลางลำตัวที่สงบนิ่งผงาดขึ้นชี้หน้าคนตัวบาง อากิโตะดึงร่างที่นั่งทรุดอยู่ขึ้นมาประกบจูบอย่างรุนแรงจนได้รสเลือด มือร้อนขยับฟ้อนเฟ้นร่างกายที่ไม่หลงเหลือร่องรอยของครั้งก่อนเอาไว้เลยให้ขึ้นสีจางเป็นรอยก่อนจะขยับไปกอบกุมเนินเนื้อที่ร่องกลางชื้นแฉะ สารหล่อลื่นจำนวนมากที่หลังออกมาจากร่างกายพร้อมให้อัลฟ่าเข้ามาผสมพันธุ์ไหลเยิ้มลงมา แต่ถึงจะมากมายขนาดไหนก็ยังไม่พอสำหรับการรองรับขนาดของใครอีกคนได้โดยง่าย และมันเคยได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงพอจริง ๆ ในครั้งแรกของการผสมพันธุ์ “อื้ออออ อ๊ะ”แผ่นอกที่ถูกหยอกเล่นจนแดงช้ำกับบั้นท้ายที่ถูกขย้ำจนเจ็บหนึบแต่กลับสร้างความสุขสมให้กับโอเมก้าที่กำลังจมอยู่ในความต้องการได้ดีนัก ร่างผอมถูกพลิกหันหลังให้ใบหน้าและช่วงอกแนบไปกับกระจกเย็น สะโพกเล็กถูกยกขึ้นลอยเด่น “อ่า~”ดวงตาฉ่ำน้ำปรือปรอยยั่วยวนถึงที่สุด อากิโตะผลักไส้สวนหัวที่จ่ออยู่ตรงหน้าปากทางสีหวานเข้าไปรับความอบอุ่นจากภายใน การโอบรัดแน่นที่เหมือนทุกครั้งทำให้เขาคลั่งเสมอ มือหนากุมช่วงเอวคอดไว้แน่นแล้วขยับเอวเข้าออกรัวเร็วระบายอารมณ์ อากิโตะโน้มคัวไปดูดดุนแผ่นหลังเนียนให้ขึ้นสีช้ำจนทั่ว “อ๊ะ ๆ อื้อออ”เสียงครางหวานรื่นหูในความรู้สึกยิ่งทำให้ส่วนล่างขยายตัว ไอสึกิร่อนสะโพกตอบรับความใหญ่โตนั้นอย่างคุ้นชินมากขึ้นแม้จะห่างหายไปอยู่นาน ต่างจากครั้งแรกที่มีอาการขัดขืนดิ้นรนซึ่งเป็นไปตามกลไกธรรมชาติ เสียงเนื้อกระทบปนเสียงครางดังก้องอยู่ในเลานจ์เก็บเสียง ร่างโปร่งบางแนบไปกับกระจกใส่ที่เย็นเฉียบแล้วถูกถึงให้แยกออกเป็นระยะ ท่อนแขนแกร่งโอบกอดเอวบางเอาไว้ก่อนที่จะเสือกไสดันกายเข้าชิดแทบสนิทกับร่างโปร่ง “อ้าาา”เนื้อเยื่อที่ส่วนโคนของอวัยวะส่วนนั้นขยายใหญ่ขึ้นเมื่อเข้าไปภายในจนสุด “อา...”แรงตอดรัดที่หนักหน่วงยิ่งพาอารมณ์ใครพุ่งสูง ดวงตาคมหรี่มองเรือนร่างที่งดงามภายใต้แสงสลัวที่ส่องผ่านกระจกเข้ามา จากสะโพกไล่ไปเอว ไปแผ่นหลัง... และลำคอที่มีเส้นผมปรกไว้ ร่างผอมถูกดึงมาให้แนบชิดมากขึ้น มือที่เกาะยันกระจกไว้เกร็งจนขึ้นข้อขาว ดวงหน้าก้มลงหอบเหนื่อยจากการทำกิจกรรมที่กินแรงไปมาก อากิโตะอ้าปากขึ้นช้า ๆ เผยให้เห็นแนวฟันที่เป็นระเบียบและเขี้ยวคมที่โผล่ออกมา เขาพุ่งตัวเข้าหาลำคอขาวผ่องแล้วฝังรอยฟันลงไปอย่างรวดเร็ว “อึก”ร่างบางพลันอ่อนลงจนต้องโอบประคองไว้ไม่ให้ล้มลง หลังคอที่เคยขาวเนียน ตอนนี้กลับมีร่องรอยของความเป็นเจ้าของปรากฏชัด น้ำอุ่นสาดเข้าไปในร่างกายของคนตรงหน้าเป็นระรอกต่อเนื่องยาวนาน ก่อนที่ร่างหนาถอนกายออกจากความอบอุ่นนั้นช้า ๆ หลังจากหลังออกมาจนหมด และเมื่อปล่อยมือออกคนที่เคยอยู่ในอ้อมแขนก็ทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง “ไอสึกิ... อีกรอบนะ”คำบอกเล่าที่พัดผ่านลอยมาทำให้คนที่เพิ่งรับเอาเชื้อพันธุ์ช้อนหน้าขึ้นมอง “มาเถอะ” ไอสึกิถูกพาไปยังห้องนอนกว้างของบริษัทที่เอาไว้ให้อากิโตะพักผ่อน ก่อนจะถูกกลืนกินอีกครั้ง และอีกครั้ง... ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ มาค่ะ บทที่ 6 มาแล้วว น่ะะะ มีอะไรที่รอกันอยู่หรือเปล่าาาาา 555 วันนี้มาไม่มืดน้าา เย้ๆ ติชมกันได้เต็มที่ เหมือนเดิมเลยจ้าาาา เจอกันตอนหน้า จะพยายามไม่อู้นะก๊ะ ปล. จะครึ่งเรื่องแล้วววว
ไอสิกิ ถูกอากิโตะ ตีตราประทับ แสดงความเป็นเจ้าของเรียบร้อย สงสัยจริง ว่ายาของไอสึกิ หายได้อย่างไร :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ประทับตราแล้วยังไงต่อ อากิโตะไปมีคนอื่นได้ แต่ไอสึกิมีใครอีกไม่ได้... เหรอ
แหม...ไอซึกิอย่าไปสนใจมันมากเลยค่ะ หนุเป็นบุคคลที่มีความสามารถ เพราะงั้นอย่าไปแคร์ม้านนนนนน นังอากิโตะน่ะ!! :katai3: พระเอกเราออกจะดีออกนะคะ ฮ่าๆคงจะหมดแรงโดนหม่ำไปขนาดนั้นนะหนูไอ พี่ประธานนี่คึกสุดๆ :-[ ดีใจจังมีแนวนี้ให้อ่านด้วย อ่านomegavers ทั้งแบบmangaทั้งโดจิน เพิ่งอ่านแบบนิยายครั้งแรกเลยค่ะ สนุกมาก รออ่านตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากค้าประทับตราแล้วยังไงต่อ อากิโตะไปมีคนอื่นได้ แต่ไอสึกิมีใครอีกไม่ได้... เหรอ รอดูกันต่อนะคะ ^^
เคลียร์เรื่องคู่หมั้นก่อนดีกว่ามั้ย ก่อนไปกัดคอชาวบ้านเค้า เป็นถึงท่านประธานแต่ไม่เด็ดขาด มัวทำอะไรยู้ว... :m31: สงสารโอเมก้า เป็นเครื่องระบายอารมณ์อีกแล้ว T^T
โดนกัดซะแล้ววววววววววววววว
โดนกัดล้าวววว
Chapter 7 ร่างโปร่งบางในผ้าคลุมสีสะอาดยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ที่ติดกับตู้เสื้อผ้า เขามองร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยจูบอย่างสับสน มือเรียวขยับมาเลิกเส้นผมขึ้นบิดคอเล็กน้อยให้เห็นรอยฟันที่ถูกตรึงเอาไว้กลางหลังคอชัดเจน ร่องรอยแห่งการผูกพันธะระหว่างอัลฟ่าและโอเมก้า... ไอสึกิหลุบตามองพื้นนิ่ง สมองของเขาว่างเปล่าไร้ความคิด ไม่มีคำพูดอะไรเล็ดลอดจากมากจะริมฝีปากซีดแม้เพียงคำ แรงโอบรัดที่ช่วงเอวกับจูบอุ่น ๆ ที่สัมผัสตรงตราประทับยิ่งทำให้สะท้อนใจ เขาเพิ่งได้สติมาเมื่อเช้าหลังจากผ่านมาเจ็ดวัน ข้างกายมีร่างใหญ่ของประธานบริษัทนอนอยู่ข้างหนึ่งและของเล่นทางเพศที่มีส่วนน็อทอยู่ด้านล่างอีกฝั่ง คงไม่ต้องเดาให้มากความไปว่ามันเกิดอะไรขึ้นในระยะเวลาที่ผ่านมา “ไอสึกิ”เสียงที่เรียกชื่อเขายังคงอบอุ่นและฟังดูอ่อนโยนขึ้น “มีอะไรจะถามฉันหรือเปล่า” “ของนั่น... คุณใช้ให้ผมเหรอครับ”มันเป็นเรื่องที่ตัวเขาเองแอบสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่เขาสัมผัสได้ว่าในร่างกายเขามีน้ำเชื้อของอีกฝ่ายคั่งค้างอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะอย่างนั้น... มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ถูกแตะต้อง “เมื่อวานฉันติดธุระ... เลยให้จิโร่ช่วยนายก่อนฉันกลับมา”ใบหน้าที่ไร้สีเลือดพลันขึ้นเลือดฝาดมาทันที “แต่เหมือนนายจะไม่พอใจสักเท่าไหร่นะ” “เหรอครับ”น้ำเสียงของเขาดูเนือย ๆ จนผู้ฟังสัมผัสได้ “แล้ว... ทำไมวันนั้นคุณถึงมาเจอผมได้พอดีขนาดนั้น” อีกหนึ่งข้อสงสัยในใจที่รู้ว่าถามไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ก็ยังอยากจะถามอยู่ดี “จิโร่เห็นนายกลับเข้ามาในบริษัท”ดวงหน้าคมขยับมาแนบแก้มกับคนในอ้อมแขนแล้วเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้มบาง “ดูจากเวลาแล้วฉันคิดว่านายคงใกล้ฮีทเต็มทีเลยไล่จิโร่ลงมาดู แล้วคืนนั้นที่บริษัทมีประชุมบอร์ดบริหารด้วย พอกลิ่นของนายเริ่มแผ่ออกมาจิโร่เลยรีบวิ่งมาบอกกับฉัน นายน่าจะเห็นเขานะ หน้าตาตื่นหมดสภาพไปเลย” “คุณรู้เวลาฮีทของผม?”ไอสึกิเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ ขนาดตัวเขาเองยังกะผิดกะถูกอยู่เลยด้วยซ้ำไป แต่คนที่ยืนกอดเขาอยู่กลับรู้อย่างนั้นเหรอ “ก็แค่เดา ๆ”ก็ยังคงเป็นคำตอบที่ไม่ช่วยอะไรเหมือนเดิม “เหมาะจริง ๆ เลยนะ รอยนี่น่ะ” ลิ้มร้อนเล็มเลียที่รอยฟันของคนซึ่งประทับไว้กลางเด่น ไอสึกิสะท้านเฮือกกับรสสัมผัสที่ไม่เคยคุ้นจนตัวเกร็ง “คุณอากิโตะ”เสียงนุ่มติดแหบเรียกชื่อคนที่ยังหยอกล้อร่างกายเขาดุ ๆ ไม่มีอะไรที่แก้ไขได้แล้ว ก็คงได้แต่ทำใจยอมรับมัน... “ผมหมดช่วงแล้ว ปล่อยผมสิครับ” “ไม่เอาน่า นายหนีฉันไปไหนไม่ได้แล้ว จะงอแงหนีไปไหนกัน”วงแขนที่กอดร่างเขาเอาไว้ไม่รู้กี่ครั้งตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมาโอบกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย “เป็นเด็กดีแล้วว่าง่ายสิ” “ผมยังมีงานต้องทำนะครับ”ร่างที่ดูแล้วน่าจะผอมลงกว่าเก่าพยายามขืนตัวออกจากวงแขนแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกไปได้ “คุณอากิโตะ” “ฉันให้จิโร่ส่งใบลาให้นายถึงวันนี้”คำตอบสั้น ๆ ที่จบข้ออ้างของร่างโปร่งได้ในประโยคเดียว “พักผ่อนซะ” ไอสึกิถอนหายใจเฮือก ทำใจที่จะต้องนอนขดอยู่ในห้องนี้ต่อไปอีกวันอย่างว่าง่าย อันที่จริงเขาก็ไปนั่งทำงานไม่ไหวหรอก แต่ความไม่อยากอยู่มันมีมากกว่าเลยอ้างออกไปก็เท่านั้น เขาคว้าเสื้อเชิ้ตกับกางเกงในตัวใหม่ของอากิโตะเข้าไปชำระร่างกาย นึกดูแล้วเขาก็อยากรู้เหมือนกันนะ ว่าช่วงเจ็ดวันที่สติเขาหลุดหายไปจนต้องมีคนมาดูแลตลอดเวลานั่น เขาเป็นยังไง แต่ถ้าถามออกไปคงมีแต่เรื่องน่าอายแน่ เพราะอย่างงั้นเก็บความสงสัยเอาไว้คงจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ไอสึกิทรุดตัวนั่งลงบนเตียงนุ่มที่เปลี่ยนผ้าปูเรียบร้อยแล้ว สายตาเหลือไปเห็นของเล่นที่ขนาดไม่เล็กอันเดิมยังไม่ถูกเก็บไป เขาเลยขยับตัวไปหยิบมันขึ้นมาหมุนดู “กดตรงนี้”มือใหญ่ยื่นมากดปุ่มที่ฐาน ส่วนโคนของของเล่นสีสะดุดตาพลันมีโป่งออกมาให้เห็น “ก็พอจะใช้แทนกันได้อยู่ใช่ไหมล่ะ แต่จิโร่บอกว่านายไม่ชอบ เอาแต่ดิ้นหนี” “ไม่พูดน่า”มือนุ่มดันใบหน้าที่เข้ามาใกล้ออก แล้วลองกดของเล่นในมือดูอย่างสนอกสนใจ “ผมไม่เคยเล่นมันมาก่อนเลยนะ” “ฉันเชื่อ”อากิโตะยิ้มบางแล้วโน้มตัวไปสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากแก้มนุ่ม “นายไม่ระวังตัวเอาซะเลยนะ ยาก็ไม่พก ปลอกคอก็ไม่ใส่ ดีที่เป็นฉันที่เจอนายก่อนใคร” จูบร้อนเน้นย้ำที่ช่วงคอของคนที่โดนติซึ่งทำหน้างองำ “ยามันตกหายไปตอนไหนผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ”ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะเถียงอะไรข้าง ๆ คู ๆ แต่การโดนติให้เจ็บจี๊ดมันก็ทำเขารู้สึกไม่ดีเท่าไหร่เหมือนกัน ความเคยชินมันทำให้เกิดความประมาทอย่างไม่น่าเชื่อ “ถึงไม่ได้ใส่ปลอกคอ แต่ทุกครั้งผมก็เอาตัวรอดมาได้เถอะ... จนมาเจอกับคุณนั้นล่ะ” ถึงจะไม่ได้อยากพูดคุยกับเจ้านายใหญ่ของตนมากเท่าไหร่ แต่อยู่ด้วยกันสองคนในเวลานี้ ทั้งยังต้องอยู่ไปอีกถึงพรุ่งนี้ จะให้อมน้ำลายอยู่ทั้งวันก็น่าเบื่อเกินไป ไอสึกิไม่ใช่คนที่มีทิฐิสูง อีโก้ก็ไม่ได้มาก แล้วอีกอย่างตัวเขาก็ถูกทำพันธะที่ลบไม่ได้ไปแล้ว ต่อให้ชิงชังคนร่วมห้องแค่ไหน สุดท้ายก็หนีไม่พ้น... ยกเว้นแต่หนีไปอยู่คนเดียว มันก็มีแต่อีกนั่นล่ะว่า ถ้าหลบสายตาของอากิโตะพ้นน่ะนะ ยาก... ทำใจยอมรับเอาคงง่ายกว่า... อีกทั้งร่างกายของเขามันเคยชินต่อสัมผัสของอีกฝ่ายไปแล้วด้วย หึ นี่ล่ะนะโอเมก้า ถึงจะพยายามแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องตกเป็นของคนอื่นอยู่ดี “เอาเถอะ... ไอสึกิ นายน่ะก่อนหน้ากินแต่ยาระงับอย่างนั้นสิ”ร่างสูงนั่งเบียดลงข้าง ๆ ทั้งที่เตียงออกจะกว้าง แต่พูดอะไรไปคนเอาแต่ใจอยากทากาฮาชิ อากิโตะก็ไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะงั้นก็ต้องปล่อยไปเหมือนเดิม “มันมีผลต่อฮอร์โมนของนายไม่น้อยนิ เลยมาไม่ตรงช่วงเวลาที่กะใช่ไหม” “ครับ”ความจริงที่เขายอมรับโดยดี “จริง ๆ ผมก็ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่อยู่แล้ว ผมเริ่ม...” ไอสึกินั่งเล่าเรื่องพื้นฐานของตัวเองให้กับอากิโตะฟังไปเรื่อย ๆ ด้วยไม่รู้จะหาบทสนทนาอะไรมาพูดคุย เขาพูดจนตนเองหลับไป... ทิ้งคนฟังให้นั่งยิ้มแล้วจัดท่านอนสบาย ๆ ให้กับตัวเขาแทน ไอสึกิกลับมาทำงานเหมือนปกติ เขากลับไปใส่เสื้อคอเต่าอีกครั้งท่ามกลางความสงสัยของเพื่อนร่วมงาน แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร ตราบใดที่เจ้าตัวยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทดแทนที่ลาหายไปนับสัปดาห์ ด้านอากิโตะจัดการย้ายที่พักของไอสึกิให้ไปอยู่ที่ ๆ ตนมองแล้วว่าดีและเหมาะสม ซึ่งค่าเช่านั้นสูงกว่าที่เก่าหลายเท่าตัว แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับนักธุรกิจมือทองอย่างเขา แต่มันสร้างความไม่ชอบใจให้กับไอสึกิเป็นอย่างมากจนไม่แม้กระทั่งมองหน้าของอากิโตะเลยแม้แต่ชั่วแวบเดียว ในตอนแรกที่ย้ายมาที่พักใหม่ ไอสึกิก็เป็นกังวลว่าอากิโตะจะมายุ่มย่ามชีวิตของเขา แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น กลับกัน เกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าตัวยังไปมีข่าวกับคู่หมั้นสาวให้ได้ดูบ่อย ๆ มันทำให้ไอสึกิวางใจที่จะอยู่ในที่นี้ได้เปราะนึง ถึงจะแอบน้อยใจที่เห็นข่าวพวกนั้นอยู่บ้าง แต่อากิโตะเองก็มักจะส่งข้อความมาหาเขาอยู่ทุกวันไม่ขาดจนน่ารำคาญ เอาเข้าจริงแม้ว่าปากเขามักพูดบ่นออกมาว่ารำคาญ ๆ แต่ก็ยิ้มออกมาทุกทีที่ข้อความนั้นดีดเข้าเครื่อง “ไอสึกิ เก็บเสื้อผ้าเสร็จยังงง”โทโมเอะถามขึ้นตอนเลิกงานเสียงใส “พรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวกันแล้ว ดีใจจังเลยย” ร่างบางของหญิงสาวโถมกอดรุ่นน้องอย่างร่าเริง ถ้าเป็นเมื่อก่อนคนคงเขม่นไอสึกิไม่น้อย แต่ตอนนี้ปลงกันไปหมดแล้วกับการถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ ยังไงโอเมก้าก็คู่ได้แต่พวกอัลฟ่าไม่ก็เบต้าชายเท่านั้นแหละ “ครับ ๆ เก็บแล้วครับ”เหมือนจะจำได้ราง ๆ ว่าเขาตอบคำถามนี้เป็นครั้งที่สี่ในรอบวัน “อย่าตื่นเต้นจนนอนไม่หลับแล้วตื่นสายนะครับ คุณโทโมเอะ” “แหม!!”มือน้อยทุบเบา ๆ ที่บ่าแคบ “ไม่สายหรอกน่า” เธอพูดเสียงอ่อย เอาเข้าจริงเธอมักจะตื่นเต้นจนมาสายประจำอยู่เหมือนกัน “โทรปลุกด้วยนะ” “...” ไอสึกิยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้ารับโดยดี ไอสึกิไปถึงสนามบินตั้งแต่เช้าตรู่ ในตอนแรกเขาคิดว่าจะได้นั่งรถบัสรวมกันไป ที่ไหนได้กลับได้นั่งเครื่องซะอย่างนั้น “มาเช้านี่”ทาคากิเอ่ยทักน้องเล็กของแผนกที่วันนี้สวมชุดลำลองมา ดูแปลกตาไม่น้อย “ตื่นเต้นเหรอ” “ต้องตื่นมาโทรปลุกคุณโทโมเอะน่ะครับ นอนต่อก็ไม่หลับ เลยว่ามาเลยดีกว่า”ไอสึกิทรุดตัวลงนั่งข้างหัวหน้าแผนกพร้อมกับสิ่งยิ้มสดใส “จะบอกว่าตื่นเต้นก็ยังไงอยู่ ผมคงไม่ได้ลงแช่ออนเซ็นกับทุกคนหรอกครับ” “อืมมม เหนื่อยหน่อยนะ”การเป็นโอเมก้าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ พื้นฐานหน้าตาของไอสึกิก็เป็นที่ดึงดูดมากแล้ว และไม่มีใครรู้ว่าตัวเขามีเจ้าของแล้วอย่างนี้ด้วย คงไม่แปลกที่จะมีใครมาหยอดขนมหวานอยู่บ้างในหลายครั้ง “อ้าว คุณทาเทยามะ มาไวนะครับ” “พอดีมีเซอร์ไพรท์นิดหน่อย”รอยยิ้มแหย ๆ บนใบหน้าอารมณ์ดีของกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดที่นับว่าเป็นบอสใหญ่แต่ไม่สุดของพวกเขาเล่นเอาลูกน้องทั้งสองหายใจไม่ทั่วท้อง “คือ... ท่านประธานจะไปด้วยน่ะ” “ห๊ะ! อะไรนะครับ”หนึ่งหัวหน้าแผนก หนึ่งลูกน้องหน้าใหม่อุทานเป็นเสียงเดียวกันลั่น ดวงตาสองคู่เบิกกว่าอย่างตกใจ แต่ยังไม่ทันที่จะได้อธิบายอะไรกันเพิ่มเติม ร่างของผู้ที่กำลังถูกพูดถึงก็เดินโฉบเข้ามาในสายตาซะก่อน พร้อมกับสาวสวยที่เคยเห็นแต่ในทีวีคนนั้น... ไอสึกิหลบสายตาที่มองมาทันที เขาเบือนหน้าหันไปยิ้มและพูดคุยกับหัวหน้าแผนกของเขาอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับหันมาทักทายเพื่อนร่วมงานที่ทยอยกันมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส “อากิโตะคะ”เสียงหวานของสาวน้อยที่ควงแขนเขาอยู่เอ่ยเรียกเบา ๆ “มองอะไร... อยู่เหรอคะ” “ไม่มีอะไรหรอก”เขาตอบปัดไปเนือย ๆ แต่สายตาก็ยังจับจ้องที่คนของตนอยู่ไม่ห่าง อากิโตะเป็นคนหวงของมากคนหนึ่ง สิ่งไหนที่เป็นของเขา เขาย่อมไม่อยากให้ใครมาแตะต้อง ไอสึกิเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่เขาไม่ต้องการให้ใครมายุ่มย่าม โดยเฉพาะวันนี้ที่เจ้าตัวแต่งกายได้น่ามองเป็นพิเศษ เสื้อไหมพรมคอเต่าแขนกุดสีน้ำเงินกับกางเกงเดฟสีขาวที่ดูรัดจนเห็นท่อนขาเรียวสวยนั่น แต่อากิโตะก็ไม่ได้ขยับตัวไปดึงไอสึกิออกมาจากวงล้อมของเพื่อน ๆ ของเขา ได้แต่เหลือบมองเป็นระยะจนพนักงานหลายคนต้องขยับออกห่างและเงียบเสียงลง เพราะคิดว่าท่านประธานไม่พอใจเสียงที่ดังยิ่งกว่านกกระจอกแตกรัง นาโอมิเบือนหน้ามองคนที่จู่ ๆ ก็บอกเธอว่าจะไปฟุกุโอกะกับลูกน้องในวันที่เธอนัดจะไปดินเนอร์ด้วย แน่นอน ด้วยความอยากรู้เธอจึงขอตามมาด้วยคน ตอนแรกนึกว่าคู่หมั้นของเธอจะไปหลงสาวเบต้าที่ไหนในบริษัท แต่ก็ไม่เห็นจะสนใจใครเป็นพิเศษสักเท่าไหร่ แต่เธอ... ไม่รู้หรอกว่ามีโอเมก้าอยู่ในกลุ่มพนักงานด้วย พวกโอเมก้าในสายตาของเธอไม่ต่างอะไรจากเครื่องจักรที่มีไว้ผลิตลูกที่ดีเยี่ยมและโยนทิ้งได้ทันทีหลังจากได้ลูกมา แปดโมงตรงทุกคนก็ไปนั่งรัดเข็มขัดอยู่บนเครื่องเรียบร้อย ไอสึกิช่วงชิงที่นั่งริมหน้าต่างมาได้อย่างเฉียดฉิว ทำเอาสาวน้อยที่ตามมานั่งข้าง ๆ ทำหน้างองำ จากโตเกียวบินตรงไปยังฟุกุโอกะใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษ ก่อนจะเกินทางต่อไปที่ซากะ เมืองที่เป็นเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่งของคิวชู เพื่อนไปลงแช่ออนเซ็นกันก่อนในวันแรก คาระซึคือจุดหมายของพวกเขา หลังจากเอาของไปเก็บกันในเรียวกังที่จองเหมาเอาไว้ ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปเที่ยวในที่ ๆ ตนหมายตา กลุ่มของไอสึกิเลือกไปน้ำตกที่มีชื่อเสียงติดระดับประเทศอย่างน้ำตกมิคาเอริเป็นที่แรก ในเดือนมิถุนายนนี้ ดอกไฮเดรนเยียกำลังเริ่มบานสะพรั่ง ความสวยงามของธรรมชาติที่สร้างสรรค์ขึ้นมานั้นน่าชื่นชมจนต้องยกมือถือขึ้นมาเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ในเมมโมรี่เป็นที่ระลึก พวกเขาทั้งสี่คนผลัดกันเดินถ่ายรูปไปทั่ว บางครั้งก็ยื่นให้กับเพื่อนที่มาที่เดียวกันถ่ายให้บ้าง วิ่งไปถ่ายกับคนโน้นคนนี้บ้าง ไอสึกิเป็นหนึ่งในคนที่รุ่นพี่วิ่งมาถ่ายรูปร่วมด้วยเยอะที่สุด ในฐานะที่ดวงดีได้รางวัลมาให้กับแผนก เขายิ้มร่าให้กล้องทุกตัวที่หันมาหาอย่างเป็นมิตรจนเหงือกแห้ง หลังจากนั้นก็พอกันไปหาอะไรกินตามร้านข้างถามที่ราคาไม่สูงนักจนกระทั่งพระอาทิตย์คล้อยต่ำลง จึงกลับไปยังเรียวกังกันเตรียมไปแช่น้ำผ่อนคลายที่ออนเซ็นกลางแจ้ง ไอสึกิที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็ขอตัวไปพักผ่อนโดยไม่คิดจะลงไปแช่ออนเซ็นร่วมกับใคร เขานึกอยากจะใส่ยูกาตะนอนอยู่เหมือนกัน แต่ร่องรอยที่คอทำให้เขาต้องจำใจใส่เสื้อคอเต่าไว้เหมือนเดิม ถ้าไม่อย่างนั้น เขาคงถูกคนมานั่งซักไซร้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยจนเกินพอดีไปทั่งคืนแน่ ห้องพักขนาดเล็กสำหรับนอนคนเดียวแยกมาโดยเฉพาะทำเอาเขาอดที่จะยิ้มหม่นหมองไม่ได้ มาเที่ยวกับเพื่อน ๆ ทั้งที ใจจริงเขาก็อยากที่จะสังสรรค์เฮฮาเหมือนกัน แต่ก็ต้องระวังตัวเองเอาไว้... มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย หากโอเมก้าที่ทำพันธะแล้วจะไปมีอะไรกับคนอื่น... เลวร้ายสุดคือความตายที่จะมาเยือนในไม่ช้า เสียงประตูเลื่อนเปิดออกมาพร้อมกับเงาที่พาดทับลงมา ไอสึกิที่นั่งหันหลังมองธรรมชาติผ่านหน้าต่างบนฟูกริมหน้าเอี้ยวตัวหันมาอย่างประหลาดใจ “คุณอากิโตะ”ชื่อของคนที่ไม่น่าจะปรากฏตัวในห้องของเขาเวลานี้ลอดออกมาจากริมฝีปากบาง ดวงตาสีฟ้าสว่างเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา “แล้ว... คุณผู้หญิงล่ะครับ” “เธอก็นอนกับเลขาของเธอน่ะสิ”ร่างสูงในชุดยูกาตะนั่งลงตรงหน้าของเขา ก่อนจะตบหน้าตักเบา ๆ “มานั่งนี่สิ” สายตาที่ลังเลทำให้อากิโตะหมดอารมณ์จะหยอกคนตรงหน้าเล่น เขาลุกขึ้นเดินไปคว้าชุดยูกาตะสีฟ้าอ่อนที่พับวางอยู่บนโต๊ะเหวี่ยงใส่ร่างผอม “เปลี่ยนเสื้อผ้า ฉันจะพาไปเดินเล่น”คำสั่งส่งตรงมาไม่เว้นว่างให้ได้ค้าน “ถ้าชักช้า ฉันจะเปลี่ยนให้เอง” ไอสึกิจ้องคนที่ออกคำสั่งมาแต่กลับยืนกอดอกมองมาที่เขานิ่ง ด้วยท่าทีของอากิโตะทำให้เขารู้ได้โดยไม่ต้องมีใครมาบอกว่าเจ้าตัวคงจะยืนจ้องเขาอยู่แบบนี้ ไม่ออกไปรอข้างนอกอย่างที่ควรทำแน่ มือเรียวคลี่ยูกาตะเนื้อดีเกินกว่าที่จะเป็นของเรียวกังออกมาดู ลวดลายของชุดที่ไม่ได้อ่อนหวานจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้แข็งกระด้าง ทำให้แววตาของไอสึกิฉายแววพึงพอใจ เขายอมถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก รวมทั้งกางเกงนอนขายาวนั่นด้วย ร่างโปร่งที่ไร้ไขมันส่วนเกินถูกรวบเข้าไปในอ้อมแขนของผู้ร่วมห้องอย่างไม่ทันตั้งตัว “คุณอากิโตะ!”หัวคิ้วเรียวมุ่นเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจนัก “ปล่อยสิครับ ถ้าคุณผู้หญิงมาเห็นจะไม่ดีนะครับ” “กังวลแทนฉันอย่างนั้นเหรอ น่ารักจริง”จูบหนัก ๆ ที่ข้างแก้มทำให้ไอสึกิต้องเอียงหัวหลบน้อย ๆ “นาโอมิรู้สถานะของเขาดี” “แล้ว... ทำไมอยู่ ๆ ถึงมาเอาใจผมล่ะครับ”เขาถามคำถามที่อยู่ในใจออกไป แล้วเก็บความสงสัยเกี่ยวกับคู่หมั่นสาวสวยคนนั้นเอาไว้ไม่ถามออกมา “ถ้าฉันไม่เอาใจนาย แล้วจะให้ฉันไปเอาใจใครล่ะ หืม”มือร้อนลูบไล้ผ่านเอวบางขึ้นมาที่ยอดอกสีสวย “นายเป็นคนเดียวนั่นล่ะ ที่ฉันจะเอาใจ รู้ไหม” ตอนแรกไอสึกิแอบคิดว่าคงจะไม่ได้ออกไปไหนแล้ว แต่ผิดคาดที่อากิโตะกลับช่วยสวมยูกาตะให้กับเขาอย่างนุ่มนวล “ไปกันเถอะ”สัมผัสอุ่นร้อนที่กอบกุมมือของเขาอยู่นั้น ทำให้ไอสึกิเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว อากิโตะพาไอสึกิไปยังศาลเจ้ายูโทคุ อินาริในเมืองคาชิมะแม้ว่าจะเป็นเวลากลางคืน แต่ความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาเกือบพันปีแล้วกลับไม่เลือนหายไป เสียงกระดิ่งต้องลมแว่วกังวานอยู่ตลอดทางเดิน ราวกับกำลังร้องต้อนรับผู้มาเยือนยามวิกาล สายลมที่โชยพัดมาโอบล้อมร่างทั้งสองไว้ อากิโตะจึงหันไปรับเสื้อคลุมสีขาวปลอดจากจิโร่ที่อยู่ห่างออกไปมาห่มให้กับคนร่างเล็ก ก่อนจะพาเดินไปยังจุดชมวิว “สวยจัง...”ใบหน้ามนเงยขึ้นมองดวงดาวที่พร่างพรายอยู่เต็มผืนฟ้า เขาอาจจะไม่ได้ชื่นชอบดอกไม้ใบหญ้า แต่สำหรับดวงดาวไอสึกินั้นกลับชมชอบมากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดที่ธรรมชาติ “ดาวตกล่ะครับ คุณอากิโตะ” ไอสึกิชี้ชวนให้คนข้างตัวมาชื่นชมปรากฏการณ์บนฟ้าไปกับเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง อากิโตะคว้าเอวคอดมากอดเอาไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะซุกซนจนพลัดตกลงไป นับตั้งแต่วันที่เขาตีตราเป็นเจ้าของร่างโปร่งนี้ ไอสึกิก็ดูปล่อยตัวเวลาอยู่กับเขามากขึ้น ไม่พยายามหลบหลีกไปไหนอีก “กลับกันเถอะครับ”จู่ ๆ เสียงนุ่มหวานนั้นก็เอ่ยขึ้น “ขอบคุณมากนะครับ ที่พาผมมา... แต่นี่ก็ดึกแล้ว ถ้าไม่รีบกลับกัน คนที่เรียวกังคงเป็นห่วงแย่” “นั่นสินะ” อากิโตะโอบเอวไอสึกิเดินลงไปหาจิโร่ที่ยืนเฝ้ามองอยู่จากข้างล่างศาลเจ้าไม่ไกลนัก เขาส่งยิ้มบางให้คนสนิทเล็กน้อย แล้วเดินต่อไป “ดึกมากแล้ว เราหาที่พักแถวนี้แล้วกัน พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับไป”คำพูดที่ไม่ได้มีทางเลือกอะไรไว้ให้เหมือนทุกครั้ง แต่กลับไม่ขัดหูผู้ร่วมทางเป็นครั้งแรก “ครับ”ไอสึกิตอบรับอย่างว่าง่าย รอยยิ้มยังคงฉาบทับอยู่บนใบหน้าชวนมองจนใครบางคนอดใจไม่ได้ ต้องโน้มมาฉกชิงความหวานนั้นสักเล็กน้อย “ไม่เอาครับ คุณอากิโตะ ที่นี่... ไม่ได้” คำพูดปฏิเสธหากแต่ยังเปิดทางนั่นส่งผลให้ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพากันไปยังที่พักหรูซึ่งจิโร่ได้จัดหาไว้ก่อนหน้าแล้ว “แผนสูงนะครับ”ไอสึกิส่ายหน้าน้อย ๆ แต่ก็ยอมโอนอ่อนไปตามการจักนำของคนตรงหน้าอย่างไม่คิดจะขัดขืน นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเต็มใจให้อีกฝ่ายกอด ทั้งยังมีสติควบคุมตนเองได้ และเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ไอสึกิได้มองใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ปรารถนายามเล้าโลมร่างกายของเขา อากิโตะพรมจูบไปทั่วร่างขาวนวล เขาดูดดุนต้นคอที่มีรอยกัดของตนเองอยู่จนขึ้นสีกลีบกุหลาบช้ำ แล้วไล้มาตามแผ่นหลังเนียนสวย ก่อนจะพลิกให้ร่างเล็กหันมาหาตนเพื่อหยอกล้อยอดอกทั้งสองช้างให้ชูชัน ช่องทางหลังชื้นแฉะจากเมือกใสที่หลั่งออกมาตามกลไกของร่างกาย เขาแยกขาออกกว้างให้อัลฟ่าหนุ่มคู่พันธะของตนได้สอดใส่เข้ามาภายใน นี่ก็เป็นครั้งแรกอีกหนึ่งอย่างที่ทั้งสองไม่เคยทำมาก่อน การผสมพันธุ์ที่ผ่านมาอากิโตะและไอสึกินั้นทำทุกอย่างไปตามสันชาตญาณ พวกเขาจึงไม่เคยสักครั้งที่จะมองหน้ากันยามที่ร่างกายประสาน... แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แบบนั้น มันเกิดจากความเต็มใจของทั้งคู่เอง นัยน์ตาสองคู่สบประสานก่อนจะแลกจุมพิตหวานล้ำกันยาวนาน ไอสึกิตวัดขาขึ้นรัดเอวหน้าที่ขยับเข้ามาในร่างเขาถี่รัว ความแสบปนสุขสมที่เรียกเสียงครางอื้ออึงในลำคอของไอสึกินั้นไปปลุกเร้าให้ห้วงอารมณ์ของอากิโตะยิ่งถลำลึกเข้าไปอีก “อ่า...”สะโพกแกร่งกระแทกกายเข้าไปจนสุดทาง การขยับขยายของบางสิ่งในร่างกายทำเอาผู้ที่ตอดรับสิ่งนั้นอยู่สะท้านเฮือก “ยัง... น็อทอีกนะครับ”คำเอ่ยแซวที่ไม่เข้ากับบรรยากาศหลุดออกมาจากริมฝีปากซีด ใบหน้าของไอสึกินั้นซีดเผือดเมื่อต้องทนรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด การที่บัลบัส แกรนด์ดิสของอัลฟ่าขยายตัวนอกช่วงเวลารัทไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยนัก หากไม่ใช่เพราะสุขสมในการร่วมเพศจนถึงขีดสุดแล้ว... มันไม่มีทางเป็นไปได้ และไอสึกิก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นไปด้วย เพราะการขยายตัวของสิ่งนั้นทำให้อากิโตะไม่อาจถอนตัวออกไปจากร่างของเขาได้จนกว่ามันจะหดคืนลง ทั้งสองค้างอยู่ในท่าที่มีอากิโตะนอนทับไอสึกิที่กอดร่างหนาไว้แน่นกว่าครึ่งชั่วโมง และทุกครั้งที่ธารน้ำอุ่นฉีดพุ่งเข้าไปในร่างกาย ตัวของไอสึกินั้นพลันกระตุกรับทุกครั้งไป ความรู้สึกแปลกใหม่นี้สร้างความพอใจให้กับประธานใหญ่มากถึงมากที่สุด จนถึงขนาดที่ว่าแอบหมายมั่นไว้ในใจว่าครั้งหน้าจะให้ไอสึกิเป็นฝ่ายขยับเองบ้าง แต่อากิโตะไม่คิดจะบอกไอสึกิหรอกนะ... เอาไว้ถึงเวลา ก็ทำเลยดีกว่ากันเยอะ ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ มาหวานบ้างอะไรบ้าง ฮ่าๆ รีไรท์รอบที่ 1 ไปแล้ว ไม่แน่ใจคำผิดยังหลงไหม เดี๋ยวจะรีเช็ครอบที่สองค้าา เม้นได้ ติได้ ด่าพระนางใจง่ายได้นะคะ ฮ่าๆ ตอนนี้อัพทันที่อื่นแล้ว ต่อไปจะลงวันเว้นวันนะคะ (จบในเดือนนี้แล 555 )
ท่านประธานเจ้าเล่ห์จริงๆ เหอๆๆๆๆๆ
กับคู่หมั้นนี่ยังไง... คือก็มีแผนจะแต่ง ? แล้วกับไอสึกิล่ะ... เห็นเป็นนายบำเรอหรือไง ฮึ่ม
อนอัวนะคู่นี้ ไม่ชัดเจนเลย ความรู้สึกแต่ละคน มันทั้งเจ็บทั้งสุขแฮะ
ท่านประธาน...สรุปท่านจะทำอะไรใคร ควบสองอ่อ? แบบนั้นมี :z6: นะคะ
ทั้งคู่ มีความสุขล้นเหลือ จนถึงขั้นอวัยวะส่วนนั้นขยายรับกัน จะทำให้กักเก็บน้ำเชื้อเต็มที่ จนสามารถตั้งท้องได้แน่เลย ยิ่งไอสึกิ มีอะไรบางอย่างไม่เหมือนโอเมก้าทั่วไป ไอสึกิ จะเป็นยังไงต่อไปนะ :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ถี่ซะขนาดนี้ลูกดกแน่ๆ :hao3: รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณค่ะ
ชอบแนวนี้มากเคยอ่านแต่ในโดจิน แต่เดี๋ยวนี้ก็นิยมมาแต่งนิยายกันบ้างแล้ว ฟินเว่อร์ค่ะ :hao7: :katai2-1: ส่วนตัวชอบโอเมก้ากับเบต้า เพราะดูเป็นความรักที่เป็นไปได้ยาก เพราะโอเมก้าส่วนใหญ่คงเลือกอัลฟาอยู่แล้ว (เพิ่งอ่านโดจิน เบต้า x โอเมก้า มายังอินอยู่)แต่ อัลฟา x โอเมก้าก็โอเคนะชอบเหมือนกัน ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คนแต่งต่อไปนะคะ :mew1: :mew1:
ชอบแนวนี้มากเคยอ่านแต่ในโดจิน แต่เดี๋ยวนี้ก็นิยมมาแต่งนิยายกันบ้างแล้ว ฟินเว่อร์ค่ะ :hao7: :katai2-1: ส่วนตัวชอบโอเมก้ากับเบต้า เพราะดูเป็นความรักที่เป็นไปได้ยาก เพราะโอเมก้าส่วนใหญ่คงเลือกอัลฟาอยู่แล้ว (เพิ่งอ่านโดจิน เบต้า x โอเมก้า มายังอินอยู่)แต่ อัลฟา x โอเมก้าก็โอเคนะชอบเหมือนกัน ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คนแต่งต่อไปนะคะ :mew1: :mew1: ภาคต่อมีทั้ง เบต้า โอเมก้า และ อัลฟ่า เบต้า นะคะ รอกันหน่อยน้าา // อุ๊ มาเป็นซีรี่ย์ 55555
Chapter 8 ขนมเค้กชิ้นเล็กถูกส่งเข้าไปในโพรงปากอุ่นเป็นชิ้นที่สามท่ามกลางสายตาของเพื่อน ๆ ที่มองมาอย่างตกตะลึง คนที่กินไม่ต่างจากดมอย่างไอสึกิกลับส่งของกินลงท้องได้มากกว่าปกติหน้าตาเฉย ทั้งที่ปกติแล้วเขาไม่มีทางกินเกินชิ้นครึ่งแน่นอน ทั้งยังเป็นการกินหลังอาหารกลางวันด้วย “เมื่อวานไม่ได้กินข้าวเหรอ ไอสึกิ”คำถามที่โพรงถามขึ้นหลังจากทั้งสี่กลับมานั่งประจำที่ในห้องทำงานใหญ่แล้ว มันเป็นคำถามที่ทำให้คนตัวผอมฉุกคิดขึ้นมาได้ “เมื่อวานผมง่วงมาก... ก็เลยนอนตั้งแต่กลับไปถึงห้องน่ะครับ”ทั้งที่นอนยาวถึงเช้าตื่นสาย ได้กินเพียงโกโก้ร้อนแก้วนึงก่อนมาทำงาน แต่เขาก็ยังรู้สึกง่วงงุนอยู่ไม่น้อยอยู่ดี “ตอนนี้ผมก็ง่วง...” ดวงตาคู่สวยปรือปรอยจะปิดได้ตลอดเวลา แต่เขาก็ฝืนไว้จนทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นจึงฟุบหลับลงไป และมันก็ไม่ได้เป็นอย่างนี้เพียงแค่วันเดียว วันถัด ๆ มาอาการพวกนี้ก็ยังไม่หายไปจนเพื่อน ๆ หลายคนเข้ามาถามเขาด้วยความเป็นห่วง มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปในทางที่ประหลาด เรี่ยวแรงที่เคยมีก็เหมือนจะลดลง นอนมากขึ้น และเหนื่อยง่ายขึ้น มันแปลกเกินไป นามบัตรที่ถูกเก็บไว้ในส่วนลึกของลิ้นชักถูกหยิบออกมาพลิกดูอยู่หลายครั้ง ถึงจะยังมีติดต่อกันกับทั้งสองคนบ้าง แค่เขาก็ไม่เคยเป็นฝ่ายโทรไปก่อนเลย ทั้งยังไม่มีเบอร์ของคิริวด้วย ไลน์ไปก็ยังเงียบ ไม่มีการตอบกลับ “เฮ้อ”อันที่จริงแล้ว เขาอยากติดต่อหาใครอีกคนที่หายหน้าไปเหมือนกัน แต่จะให้เดินขึ้นไปขอเข้าพบจากเลขาหรือดักรอที่ลานจอดรถขอบริษัท มันก็ตะขิดตะขวงใจมากไปหน่อย ความคิดที่แล่นเข้ามาในหัวทำเอาไอสึกิสะดุ้งเฮือก จิตใต้สำนึกเขาเริ่มที่จะพึ่งพิงใครอีกคนแล้วอย่างนั้นเหรอ มือขาวเหวี่ยงโทรศัพท์เก็บเข้าที่ไปแล้วทิ้งตัวลงนอน จะว่าไปนี่ก็เป็นสัปดาห์แล้วที่ไม่ได้เจอหน้าของคน ๆ นั้น... ความคิดในสมองวนเวียนอยู่กับร่างสูงใหญ่ที่เคยโอบกอดตนไว้ไม่อาจสลัดมันออกไปได้ จนกระทั่งผล็อยหลับลงไป ในความฝัน เขาเห็นอากิโตะมายืนอยู่ตรงหน้า สองแขนเอื้อมมากอดตัวเขาไว้ ความอบอุ่นที่ได้รับนั้นทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวอย่างมาก ไอสึกิตื่นมาพร้อมอาการมึนหัวอย่างหนัก เขาพยุงตัวลุกขึ้นช้า ๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปทำงานโดยไม่คิดจะหาอะไรลงท้องก่อนสักนิด เขามานอนฟุบอยู่ที่โต๊ะในช่วงก่อนถึงเวลาเริ่มงาน และยันตัวขึ้นมาขีดเขียนงานประจำวันด้วยท่าทีเซื่องซึม ใบหน้าที่ซีดขาวและมีท่าทีอ่อนแรงจนทาคากิมองแล้วอดรนทนไม่ได้ ต้องเดินมาไล่ให้คนป่วยกลับไปนอนพัก ยึดงานที่เจ้าตัวทำเอาไปกองให้กับสหายที่พร้อมจะรับงานง่าย ๆ พวกนี้ไปทำกันอย่างเต็มใจแทน “ขอบคุณครับ...”ไอสึกิค้อมหัวน้อย ๆ แล้วเดินโซเซออกไปท่ามกลางสายตาที่มองตามมาอย่างเป็นห่วง “มันสึระ นายไปส่งไอสึกิหน่อยดีกว่าไหม”ฮิโยชิที่รับงานของไอสึกิมามากที่สุดเดินมาพูดคุยกับเพื่อนรุ่นน้องด้วยท่าทีเครียด ๆ “หมอนั่นดูไม่ดีเอามากเลยนะนั่น” “ผมก็อยากไปนะพี่ แต่งานเร่งนี่ดิ”มันสึระถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถ้าผละออกไปตอนนี้มีหวังงานเสร็จไม่ทันกำหนดแน่ ๆ “พี่กับโทโมเอะเองก็มีงานใช่ไหมล่ะ” “แย่จัง งานฉันเองก็ต้องส่งเย็นนี้แล้วด้วยสิ”โทโมเอะขบริมฝีปากล่างอย่างหงุดหงิดใจ ถ้าเธอเร่งทำซะตั้งแต่แรกก็คงจะพอปลีกตัวไปได้อยู่หรอก “หวังว่าจะไม่เป็นอะไรนะ” ทั้งสามถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหลับไปนั่งปั่นงานกันเต็มสปรีท เพื่อที่ว่าตอนเย็นจะได้พุ่งไปเยี่ยมอาการของน้องน้อยของพวกเขาได้ ไอสึกิที่เดินออกมาได้ถึงหน้าบริษัทแล้วยิ่งโทรมลงไปอีก เขารู้ตัวเองว่าถ้าเดินต่อไปอีกสักหน่อยคงจะล้มพับลงไปแน่ จึงเลือกที่จะเข้าไปนั่งพักในร้านขนมพื้นเมืองที่อยู่ใกล้กับบริษัทแทน เจ้าของร้านเหลือบมองผู้เข้ามาใหม่ ก่อนจะยกน้ำเปล่ามาให้โดยไม่ถามอะไร เขายิ้มแล้วเดินไปหยิบของบางอย่างมาโดยไม่ได้รอฟังออเดอร์ ซึ่งไอสึกิไม่ได้มีในใจอยู่แล้ว ขณะที่เขากำลังจะหยิบมือถือขึ้นมา ภายในท้องก็เริ่มมวลพร้อมกับความพะอืดพะอมที่ตีตื้นจนต้องสาวเท้าพุ่งเข้าห้องน้ำไป เมื่อกลับมานั่งที่โต๊ะ เขาตัดสินใจกดโทรศัพท์หาฮาคุเพราะไม่อยากโทรกลับไปที่บ้านให้พ่อแม่เป็นห่วง แต่การอยู่คนเดียวตอนนี้ เขาก็ไม่รู้สึกว่าเป็นทางเลือกที่ดีนัก “ฮัลโหล”น้ำเสียงที่ลอดผ่านสายโทรศัพท์มาแสนจะเย็นชา จนไอสึกิต้องเอาเบอร์ที่กดมาดูเทียบกับเบอร์ในนามบัตรด้วยความตกใจ “ฮัลโหล ใครน่ะ” “ผม... ไอสึกิครับ”เขาตอบกลับคู่สนทนาในสายไปเสียงแผ่ว “คุณฮาคุพอจะว่างคุยไหมครับ” “ไอสึกิเองเหรอ ว่างสิ”น้ำเสียงเปลี่ยนไปทันที ฟังแล้วดูนุ่มนวลขึ้นมาก “นายมีอะไรหรอเปล่า” “ครับ พอดีผมติดต่อคิริวไม่ได้เลยต้องโทรมารบกวนคุณแทน...”เขาเลือกที่จะเกริ่นอ้อม ๆ ไปก่อน ใจจริงแล้วตัวเขาอาจจะคุยกับคิริวมากกว่าจริง ๆ “อ้อ ช่วงนี้คิริวเขาติดเกมน่ะ มีธุระอะไรเหรอ”ฮาคุตอบกลับมาสบาย ๆ ในน้ำเสียงนั้นปนความขบขันแกมเอ็นดูคู่หมั้นของตนอยู่ด้วยชัดเจน “หรือเป็นอะไร บอกฉันได้นะ” “เอ่อ... ผมไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เลยจะขอรบกวนหน่อยนะครับ”เมื่อได้ยินดังนั้น ฮาคุก็ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินดุ่มไปเปิดห้องข้าง ๆ ซึ่งคิริวนั่งเล่นเกมอยู่ทันที “แต่ถ้าไม่สะดวก..” “ไม่เป็นไร นายอยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันไปรับ”เสียงพูดนั้นดังพอที่จะเรียกความสนใจจากคนที่จับจ้องหน้าจอทีวีอยู่ให้หันมามองด้วยแววตาสงสัยได้ “รอที่นั่น อย่าไปไหนล่ะ” “ใครโทรมาน่ะ ฮาคุ”คิริววางจอยในมือลงแล้วลุกขึ้นมาหาคนที่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่ “ทำไมเหรอ” “ไอสึกิโทรมา บอกไม่สบาย”คิริวเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่ออาทิตย์ก่อนเขาไปหายังดี ๆ อยู่เลยนี่ “เสียงดูไม่ดีเท่าไหร่เลยด้วย” “ฮาคุจะไปรับไอไอใช่ไหม ไปกันเลยเถอะ”คิริวรีบลากฮาคุไปที่รถแล้วเร่งยิก “เร็วสิ ฮาคุ เร็ววว” เพื่อนโอเมก้าคนแรก ทั้งยังเป็นผู้มีพระคุณของคิริวกำลังต้องการความช่วยเหลือนะ! “ไหวหรือเปล่าจ๊ะ”คุณป้านานะเจ้าของร้านขายขนมที่ไอสึกิมานั่งพักรอคนที่เพิ่งวางสายไปเดินเข้ามาหาพร้อมถามไถ่อย่างเป็นห่วง “กินนี่สิจ๊ะ เผื่อจะดีขึ้นบ้าง” เยลลี่สีน้ำตาลอ่อนใสวางลงตรงหน้าร่างบาง เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงวัยทองดีที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะอย่างประหลาดใจ “ขอบคุณครับ”ไอสึกิตักเยลลี่ที่ไม่น่าจะมีขายในร้านขายขนมญี่ปุ่นนี้เลยเข้าปากไป รสเปรี้ยวอมหวานที่ได้รับทำให้เขารู้สึกดีขึ้นไม่ยาก “อร่อยจังเลยครับ” “อร่อยก็กินเยอะ ๆ นะจ๊ะ”นานะยิ้มให้เขาอย่างเอ็นดู “อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวป้าทำให้” “ไม่เป็นไรครับ”จนตอนนี้เขาก็ไม่รู้สึกอยากอาหารอะไร ต่างจากเมื่อหลายวันก่อนที่กินเป็นพายุเลย นานะเดินไปอุ่นนมมาให้กับไอสึกิโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ร้องขอ เธอยืนมองใบหน้าที่ซีดเซียวอย่างอาดูร ก่อนจะผละไปต้อนรับลูกค้าใหม่ที่เข้ามาซื้อขนมกลับไป “หนูเป็นโอเมก้าใช่ไหมลูก”เธอถามขึ้นเมื่อลูกค้าออกจากร้านไปหมด เหลือเพียงเด็กหนุ่มที่ยังนั่งนิ่งอยู่ “ครับ...”ไอสึกิพยักหน้ารับน้อย ๆ แล้วยกนมขึ้นจิบอีกครั้ง “คุณป้ารู้ด้วยเหรอครับ” “ถ้ามองจากรูปลักษณ์หนู ป้าก็ดูไม่ออกหรอกจ๊ะ”โจ๊กเนื้อเนียนที่ถูกเนรมิตขึ้นมาตอนไหนไม่รู้ถูกยกมาวางให้ “แต่ป้ารู้จากอาการของหนูมากกว่า โจ๊กนี่เหลือจะที่ป้าทำเมื่อเช้า คงไม่ถือนะ” “ไม่หรอกครับ ว่าแต่อาการอะไรเหรอครับ?”คำพูดที่ทำให้ไอสึกิยิ่งงงหนักกว่าเก่า เขามองหน้าผู้พูดอย่างไม่เข้าใจ “ก็หนูน่ะ แพ้ท้องอยู่ไม่ใช่เหรอ”เธอมองใบหน้าที่ตกตะลึงนั่นด้วยความสงสัย ก่อนจะคลี่ยิ้มใจดีส่งให้ “อาการของหนูน่ะ เป็นคนที่กำลังแพ้ท้องไม่ผิดแน่ หนูไม่รู้ตัวเหรอลูก” ไอสึกิรู้สึกเหมือนโดนหิมะถล่มทับ ร่างทั้งร่างเย็นเฉียบ ใบหน้าที่ดูหล่อเหลาแต่ติดหวานนิด ๆ ซีดเผือดไร้สีเลือดกับสิ่งที่ได้รับรู้ “ไม่มั้งครับ...”เขาปฏิเสธแผ่วเบาแล้วนึกย้อนกลับไปในช่วงเดือนก่อน ๆ “ผมว่า... ผมกินยาคุมตลอ---” เสียงที่พูดออกมาสุดุดหายไปเมื่อนึกได้ว่า ช่วงที่เขาฮีทจนไม่ได้สติเจ็ดวันนั้น... อากิโตะคงไม่ได้ให้เขากินยาคุมแน่ สัญญาณเตือนภัยในสมองร้องลั่น ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเรื่องที่เขาไม่อาจควบคุมได้นั้นสูงทะลุฟ้า “คู่ของหนู... เขาไม่ได้อยู่กับหนูเหรอลูก”คุณป้านานะถามอีกครั้งด้วยเมื่อเห็นคนตรงหน้าเงียบเสียงไปนาน หล่อนรู้สึกสงสารปนสังเวชในโชคชะตาของเหล่าโอเมก้าที่ถูกลิขิตมาให้โดนข่มเหงโดยไม่มีทางเลือก “เปล่าครับ”คำตอบที่เหมือนจะสั้นเกินไป ทำให้หญิงวัยกลางคนกุมมือแนบอก “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ คือ... ผมยังไม่ได้เจอเขา” “อ้าว เป็นอย่างงั้นไป” “ไม่เป็นไรหรอกครับ”ไอสึกิยิ้ม และยังคงยิ้ม “ผมก็แค่ป่วยเองนี่ครับ ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” “เอาเถอะจ๊ะ”สายตาเห็นใจถูกส่งมาให้กับเขา เดาได้เลยว่าคุณป้าคงคิดไปไกลไหนถึงไหนแล้ว... ไอสึกิกินโจ๊กไปได้แค่หนึ่งส่วนสามของชาม ความพะอืดพะอมก็ตีขึ้นมาอีกครั้ง ถึงจะไม่ได้หนักหนามาก แต่มันก็ทำให้เขากินอะไรไม่ลงอีก “ไอไอ”เสียงใสร้องดังลั่นเข้ามาในร้านเล็ก ๆ แห่งนี้ พร้อมกับร่างเตี้ย ๆ ที่วิ่งถลาเข้ามา “ไอไอเป็นอะไรไหม” “ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ... คิริว”คำพูดที่เอ่ยออกมาไม่ได้สอดคล้องกับสีหน้าและท่าทางเลย คิริวมองคนที่กำลังฝืนด้วยความเป็นห่วง แค่ไม่ถึงสัปดาห์... ไอสึกิก็ดูโทรมขนาดนี้เลยเหรอ “พาไอสึกิไปที่บ้านก่อนเถอะ”ฮาคุที่ยืนมองคนรักจับตรงนั้นของเพื่อนที ลูบตรงนี้ที ปากเล็ก ๆ ขยับเอ่ยถามไม่หยุดจนต้องออกตัวขัดเอง ก่อนที่คำพูดของคิริวจะทำให้คนป่วยมึนและเป็นลมล้มพับไป “นั่นสินะ”คิริวประคองร่างที่อ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัดขึ้น แต่ส่วนสูงที่รู้สึกจะไม่อำนวยเท่าไหร่นั้นมันเลยทำให้ดูทุลักทุเลไม่น้อยเลย “คิริวจ่ายเงินไปนะ เดี๋ยวฉันพาไอสึกิไปที่รถเอง”ฮาคุเข้าไปช้อนเอาร่างผอมขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน คิริวพยักหน้ารับคำของคู่หมั้นรัว ๆ แล้วหยิบเอาเงินหมื่นเยนมาวางไว้บนโต๊ะ “หนู นี่มันเยอะเกินไปแล้วลูก”นานะรีบร้อนปราดเอาเงินไปคืนเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักในสายตาเธอ “หนูคนนั้นเขาไม่ได้สั่งอะไรด้วย ป้าเอามาให้เขากินเอง” “คุณป้าเก็บไว้เถอะครับ”สีหน้าที่ฉายชัดถึงความรู้สึกเกรงใจ และมือที่ยื่นเงินคืนมาให้ทำเอาคิริวยิ้มหวาน “ถ้าคุณป้าเกรงใจ เอาไว้วันไหนที่คนมารบกวนคุณป้าเมื่อกี้มาอีก คุณป้าก็ช่วยหาอะไรให้เขากินรองท้องอย่างวันนี้อีกสักครั้งจนกว่าคนที่ดูไว้ใจได้จะมารับเขาแล้วกันนะครับ” “งั้น หนูเอานี้ไปด้วยสิ”กระปุกสีทึบถูกยื่นมาให้แทน “บ๋วยดองน่ะจ๊ะ หนูอีกคนคงต้องกินสักหน่อย แล้วบอกเขาด้วยนะจ๊ะว่าอย่าฝืนตัวทำอะไรให้มากนัก ช่วงสามเดือนแรกจะตกเลือดได้ง่าย หรือถ้าต้องการให้ช่วยเหลืออะไรให้มาหาป้าที่ร้านได้เลยนะจ๊ะ” “ครับ”คิริวรับคำอย่างมึน ๆ แล้วเร่งฝีเท้าเดินออกไปขึ้นรถยุโรปที่จอดอยู่หน้าร้าน “นี่... ไอไอ คุณป้าเขาฝากมาบอกว่าช่วงสามเดือนแรกให้ระวังตกเลือด ถ้ามีอะไรให้ไปหาป้าเขาได้เลยนะ” “หืม...”เป็นฮาคุที่เหลือบมองคนที่นั่งซุกตัวอยู่เบาะหลัง ด้วยความที่รับออกมาเขาเลยไม่ได้ให้คนขับรถขับออกมาให้ ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องที่ดีแล้วก็ได้ “นายท้องอย่างนั้นเหรอ ไอสึกิ” “ไม่รู้สิครับ...”เสียงที่ตอบมานั้นแผ่วเบาและแฝงความไม่แน่ใจไว้อย่างชัดเจน “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” “ไอไอเคยมีอะไรกับอัลฟ่าหรือเบต้าเหรอ”คำถามที่ไม่เห็นว่าจะสมควรที่ต้องถามในเวลานี้หลุดมาจากริมฝีปากเล็ก “คิริว มันใช่เรื่องไหม”เสียงดุ ๆ ที่เอ่ยปรามจากคนข้างกายเล่นเอาเด็กช่างพูดทำหน้ายู่ ก่อนจะหันไปทำปากยื่นใส่ตาแก่ของเขา “ก็ฉันอยากรู้นี่น่าว่าครั้งแรกกับของจริงมันเจ็บหรือเปล่า”ฮาคุยกมือกุมขมับด้วยความกลุ้มใจ นี่คนรักของเขายังไม่พ้นวัยช่างสงสัยอีกหรือเนี่ย “เจ็บไหมอ่ะ ไอไอ” ยัง ยังไม่เลิกหาคำตอบจากคนป่วยอีก “เอ่อ...”ใบหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อ แต่แววตาใสแจ๋วประกายความใคร่รู้นั้นทำให้เขาต้องข่มความอายลง “ไม่รู้สิครับ... ตอนนั้นผมไม่มีสติ” แต่ตื่นมาเจ็บ ครั้งต่อมาก็ยังเจ็บ ล่าสุดตอนมีสติก็ยังเจ็บ... แต่ไอสึกิเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไปเพิ่ม กลับปิดตาลงแล้วไม่ตอบอะไรอีกแทน “ว้า งั้นก็คงไม่เจ็บหรอกเนอะ”คิริวพองลมจนแก้มป่อง แล้วหันไปหาฮาคุ “เนอะ ๆ ฮาคุ คงไม่เจ็บหรอก” “กายวิภาคที่เขาสอนที่โรงเรียนนี่ เธอไม่เคยฟังครูเขาเลยใช่ไหมคิริว”ฮาคุถอนหายใจเฮือก เขาแอบชื่นชมไอสึกิในใจที่ไม่ตอบอะไรออกมาให้คนข้างตัวเขาขวัญหนีดีฝ่อ ไม่อย่างนั้นคิริวคงหายตัววับไปตอนช่วงฮีทหลังพวกเขาแต่งงานกันแน่ “อ่า... ฟังสิ แต่มันนานแล้วนี่...” “เรื่องที่โอเมก้าจะหลั่งของเหลวออกมาในช่วงฤดูผสมพันธุ์เพื่อตอบรับอัลฟ่าน่ะ เธอก็ลืมอย่างนั้นเหรอ”คนตัวเล็กพยักหน้ารับหงึก ๆ เล่นเอาผู้พูดต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง “ไม่เจ็บหรอกน่า ร่างกายของโอเมก้ามีกลไกที่มาช่วยเรื่องนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องไปนั่งคิดแล้วปล่อยไปตามธรรมชาติเถอะ” “อื้อ”เมื่อได้รับคำยืนยันจากฮาคุ คิริวก็ยิ้มแป้นแล้วนั่งฮัมเพลงไปตลอดทาง ต่างจากขามาโดยสิ้นเชิง ก็... ไอสึกิไม่เป็นอะไรแล้วนี่นะ ฝ่ายไอสึกิที่แกล้งหลับนั้นขอยกย่องการตะล่อมโกหกหน้าตายของฮาคุในใจไปหลายที ไม่เจ็บ ไม่เจ็บเลยสักนิด แค่ลุกไม่ไหวเอง บ้านที่ฮาคุพูดถึงคือบ้านใหญ่ของฮาคุที่มีบอดี้การ์ดหน้าเข้มเดินขวักไขว่กันไปมา ในตอนแรกไอสึกิคิดว่าจะเป็นบ้านเล็กที่ทั้งสองคนมักจะไปนอนพักกันเสียอีก บ้านที่เขาเคยไปนั่งเล่นอยู่ครั้งสองครั้งหลังนั้น “ใครน่ะ ฮาคุ”เสียงดุดันแฝงด้วยอำนาจดังขึ้นเป็นเสียงแรกเมื่อก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน “แกพาใครมาห๊ะ” “เพื่อนของคิริวเองครับ คุณพ่อ”คิริวกระโดดออกหน้ารับก่อนที่ฮาคุจะโดนเล่นงานเพราะพาใครไม่รู้เข้าบ้านมาด้วยท่าทีที่สนิทสนมแบบนี้... ทั้งที่ความจริงแล้วคือไอสึกิยังเดินด้วยแรงตัวเองไม่ค่อยไหวเลยต้องมีคนประคองและเขาเตี้ยเกินกว่าจะช่วยเพื่อแค่นั้นเอง ฮึก แค่สูงไม่พอเองนะ “พอดีเพื่อนของคิริวป่วยน่ะฮะ เลยให้ฮาคุช่วยพยุงพาก่อน คุณพ่อ คุณหมอซาโต้อยู่ไหมฮะ” คิริวเข้าไปกอดและอ้อล้อพ่อของฮาคุจนท่าทีของเขาอ่อนลง ดวงตาเรียวรีปรายมามองใบหน้าซีดเซียวของคนที่เป็นเพื่อนว่าที่สะใภ้ของเขานิ่ง ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้น “ซาโต้ มาบ้านใหญ่หน่อยสิ เพื่อนคิริวป่วย”ประโยคสั้น ๆแต่เรียกรอยยิ้มกว้างจากคนตัวเล็กได้เต็ม ๆ “พาเขาไปพักที่ห้องพักแขกก่อนไป” “คร้าบบ ไปเร็ว ฮาคุ” คล้อยหลังจากที่ทั้งสองพาไอสึกิเข้าไปไม่นานนัก รถสีดำมันปราบก็แล่นมาจอดหน้าประตู ก่อนที่ร่างสูงสง่าของทายาทแห่งทากาฮาชิจะก้าวลงมา “สวัสดีครับ คุณลุง”เสียงทุ้มห้าวเอ่ยทักท้ายชายวัยกลางคนที่ยังยืนอยู่หน้าบ้าน “ผมโทรหาเลขามินามิ เขาบอกว่าฮาคุกลับออกมาแล้วเลยต้องมารบกวนที่บ้านใหญ่ ขอโทษด้วยนะครับ” “คนกันเองจะคิดมากไปทำไมกันเล่า”มือหยาบกร้านจากการทำงานมาหลายสิบปีตบเบาบ่าของอากิโตะหนัก ๆ “เพิ่งกลับจากแฟรงเฟิร์ตก็ต้องมาลำบากช่วยเจ้าฮาคุมันอีก ขอบใจมาก” “ไม่เป็นไรครับ”อากิโตะยิ้มบาง ๆ ตามมารยาท แต่ใจของเขานั้นลอยไปหาอีกคนซึ่งนับแล้วคงใกล้เวลานั้นของเดือนที่ทำให้เขาต้องเร่งมือทำงานแล้วบินกลับมาแบบนี้ “ฮาคุล่ะครับ” “ห้องพักแขกน่ะ พาเพื่อนคิริวไปพักรอซาโต้”อากิโตะเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ ทั้งสองคนนับตั้งแต่ที่เขารู้จักมาไม่เคยพาเพื่อนเข้าบ้านใหญ่เลยสักครั้ง แสดงว่าต้องสำคัญมากแน่ “ไปหามันที่นั่นล่ะ” อากิโตะพูดคุยกับเจ้าของบ้านอีกสองสามคำก่อนจะผละเดินไปหาเพื่อนสนิทพร้อมกับหมอซาโต้ที่เพิ่งมาถึง เขาจะได้รีบจบ ๆ ธุระลง “ไง ฮาค--- ไอสึกิ!” ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ อั๊ยยย มีใครรอฉากนี้ไม่คะ (ไม่มี!!) อีกนิดนึงจะจบแล้ววว เม้นได้ ติได้ ชมได้ เต็มที่นะคะทุกคนน
มีความค้างสูงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
วรัยส์!เริ่มแล้วๆ//เริ่มอะไร? ฮ่าๆ
มีความค้างสูงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง พรุ่งนี้เย็นนะคะ ^^ รอกันด้วยน้าาา
Chapter 9 “ไอสึกิ” เสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีเรียกให้คนที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียงนุ่มเงยขึ้นมาหา ใบหน้าที่แสนจะคิดถึงนั้นซีดเซียวจนน่าตกใจ อากิโตะพุ่งตัวเข้ามาหาร่างผอม ดวงตาสีเทาฉายชัดถึงความเป็นห่วงเป็นใยคนตรงหน้า มือสากยืนไปลูบแก้มนุ่มที่ยังไร้สีเลือด “เป็นอะไร”น้ำเสียงที่เอ่ยถามมายังคงเต็มไปด้วยความห่วงใยเช่นเดียวกับการแสดงออก ไอสึกิส่ายหน้าน้อย ๆ เชิงว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร แล้วส่งยิ้มบาง “ไม่เป็นไรได้ยังไง นายหน้าซีดขนาดนี้” “นี่... อากิโตะ”คิริวยื่นหน้าเข้ามาแทรกระหว่างคนสองคนแล้วฉีกยิ้มส่งให้ “นายเป็นเจ้าของรอยที่คอไอไอใช่ไหม” “อืม”เขาตอบรับทันทีอย่างไม่คิดจะปฏิเสธ “งั้นเหรอ... งั้นดูนี่”แท่งพลาสติกอันนึงถูกส่งมาให้ตรงหน้า พร้อมกับแววตาล้อเลียน “ดูสิ ดู ๆ” “อะไรน่ะ”ใจที่เป็นกังวลของเขาทำให้ความนึกคิดบางส่วนไหลไปกองอยู่ที่ไหนไม่รู้ เขามุ่นหัวคิ้วมองไอ้แท่งที่มีกระดาษซึ่งมีขีดสองขีดขึ้นอยู่ข้างในก่อนจะนิ่งไปอยู่นาน “นี่มัน...” “ที่ตรวจครรภ์ไง”ฮาคุยิ้มขำกับการหลุดมาดของเพื่อนซี้ เขาเดินมาทุบหลังคนที่นั่งจ้องสีแดงสองขีดตาเขม็ง “ไอสึกิท้องแล้ว” “อืม...”ท่าทีที่ไม่ได้ดูดีใจทำเอาโอเมก้าทั้งสองในห้องหน้าเสีย ก่อนที่คิริวจะแสดงท่าทีโกรธเคืองออกมา “งั้นต้องให้จิโร่ไปส่งใบลาสินะ...” สมองของอากิโตะประมวนสิ่งที่ต้องทำยุ่งไปหมด เขาพึมพำกับตัวเองอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งรู้สึกถึงแรงหนัก ๆ ที่กระทบหลัง “อากิโตะ นายจะไม่ดีใจหน่อยหรือไงวะ!”คิริวสลัดมาดน่ารักน่าทะนุถนอมทิ้งรัวมือทุบหลังเพื่อนที่เอาแต่นิ่งไปเต็มแรง “ถ้านายไม่รับผิดชอบนะ ฉันจะฆ่านาย!!!” ใจของคิริวดิ่งลงเหว สถานะของโอเมก้าที่เกิดในตระกูลธรรมดามักจะยิ่งตกต่ำและถูกเอาเปรียบได้ง่าย ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะทำเฉยอยู่หรอก แต่นี้เพื่อนของเขา เพื่อนที่จริงใจต่อเขา เขายอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด “อย่าสิ ฉันกำลังใช้ความคิดอยู่นะ”มือหนาผลักร่างเล็กออกไปใส่เพื่อนสนิทของเขา “ฉันต้องจัดการเรื่องงานของไอสึกิ เตรียมห้องให้ลูก เตรียมทนายเรื่องจดทะเบียน หาหมอสำหรับฝากครรภ์ หาคนมาดูแลเรื่องการกิน แล้วยังมีเรื่องยิบย่อยที่ต้องทำอีก อย่าเพิ่งมากวนสิ คิริว” “เอ่อ... ให้ผมตรวจคุณคนนั้นก่อนไหมครับ”ซาโต้ที่ยืนอยู่นานเอ่ยขึ้นมาบ้าง ก่อนที่จะเกิดการวิวาทกันขึ้นมา “พวกคุณชายไม่ควรทะเลาะกันต่อหน้าคนท้องนะครับ จะทำให้เขาเครียดได้ และควรจะได้เลยว่าช่วงสามเดือนแรกจะกระทบกระเทือนได้ง่าย ต้องระวังไว้ให้มาก ๆ นะครับ” น้ำเสียงดุมาพร้อมสายตาตำหนิ หมอซาโต้ก้าวไปอยู่ข้างเตียงแล้วลงมือตรวจพื้นฐาน “อากิโตะ ออกไปคุยกันหน่อย”ฮาคุเรียกเพื่อนที่เอาแต่มองหน้าของลูกน้องที่กำลังจะเปลี่ยนสถานะไปละสายตา “อืม” ร่างสูงของอัลฟ่าทั้งสองเดินออกจากห้องไป พวกเขาไม่เลือกที่จะพูดคุยกันหน้าห้องด้วยเกรงว่าจะมีเสียงอะไรเล็กลอดไปให้คนที่ไม่แข็งแรงได้ยินจนอาจเกิดการเข้าใจผิดได้ “นายจะเอาไง”ฮาคุถามขึ้นทันทีที่พวกเขาเดินมาถึงในสวน มือข้างนึงคลำไปที่กระเป๋ากางเกงแล้วล้วงอาบุหรี่นอกราคาแพงขึ้นมา “เรื่องของไอสึกิน่ะ” “ฉันจะเรียกทนายมาจัดการเรื่องจดทะเบียนก่อน ส่วนงานแต่งคงต้องรอไปหลังจากที่ไอสึกิคลอด”สีหน้าของอากิโตะดูจริงจังแต่ก็ยังแฝงความอ่อนโยนไว้หลายส่วนเมื่อพูดถึงใครอีกคน “ฉันไม่อยากให้เขาเหนื่อย” “บ้านใหญ่นายจะยอมหรือไง”มุมปากหยักกระตุกยิ้มเย็นเมื่อนึกถึงพวกหัวโบราณในบ้านหลังนั้นที่เขาไม่อยากจะเสวนาด้วย “คนพวกนั้นเคยขัดฉันได้ด้วยเหรอ”มือหนาที่ยื่นไปรับบุหรี่จากเพื่อนชะงัก เขามองมันอย่างชั่งใจแล้วลดมือลง “ไม่เอาดีกว่า มันไม่ดีต่อเด็กสักเท่าไหร่” “หึ สันชาตญาณความเป็นพ่อเริ่มมาหรือไง” “คงงั้น”ดวงตาคมเหลือบมองไปยังทิศที่เป็นห้องพักแขกที่ไอสึกิพักอยู่ “แล้วไอสึกิมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” “เขาโทรมาให้ช่วย”ฮาคุตอบง่าย ๆ แต่ก็เล่นเอาสีหน้าของเพื่อนสนิทเปลี่ยนสีไป “เขาเคยช่วยคิริวไว้ฉันเลยช่วยเขา” “อืม...”อากิโตะพยักหน้ารับรู้ สมองเขายังครุ่นคิดในสิ่งที่จะทำต่อไปอยู่ไม่สร่าง “ฉันควรซื้อบ้านสักหลังได้แล้วสินะ คอนโดคงไม่สะดวกให้เด็ก ๆ วิ่งเล่นเท่าไหร่” อากิโตะถือว่าอยู่คนเดียว จึงไม่ได้ซื้อห้องไว้ใหญ่มากนัก ด้วยคิดไว้ว่าต่อให้แต่งงานกับคู่หมั้นอย่างนาโอมิ เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะอยู่ด้วยกัน ให้ต่างคนต่างอยู่ไม่มีพันธะต่อกัน ถึงเวลานึงก็หย่าออกไป “ดูนายเปลี่ยนไปนะ ชอบเขามากเลยสิ”คำพูดและแววตาที่ล้อเลียนถูกส่งมาให้จากฮาคุ “ดีแล้วที่นายไม่หัวโบตามเหมือนพวกตาแก่ที่บ้านนายพวกนั้น” “การที่ฉันได้เจอและได้กลิ่นของไอสึกิสามครั้ง ฉันถือว่ามันคือพรหมลิขิต”คำพูดที่ไม่อยากจะเชื่อว่าออกมาจากปากคนที่จริงจังในชีวิตสุด ๆ อย่าทากาฮาชิ อากิโตะเล่นเอาเพื่อนสมัยเด็กตบมือฉาดอย่างถูกใจ “แล้วเรื่องนาโอมิล่ะ นายจะเอายังไง”ภาระติดพันของร่างสูงที่กำลังจะกลายเป็นคุณพ่อมากมายจะทำเอาเขารู้สึกกังวลแทน “ก็ถอนหมั้น ฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรต่อกันอยู่แล้ว”ถ้อยคำที่หลุดมานั้นไร้เยื่อใยจนคนฟังสะท้าน “พวกเขาไม่กล้ามีปัญหากับฉันเพราะเรื่องพวกนี้หรอก ถ้าไม่มีคนหนุนหลังน่ะนะ” หากจะมีคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถพอที่จะยื่นมือไปปิดแผ่นฟ้าได้ หนึ่งในรายชื่อของคนกลุ่มนั้นย่อมมีอากิโตะแห่งทากาฮาชิ กรุ๊ปแน่ ด้วยวัยที่กำลังจะแตะสามสิบ หากแต่สามารถรวบเอาบริษัทเล็ก ๆ มากมายมาสร้างเครือข่ายของตนได้ตั้งแต่ตอนอายุยี่สิบปีเศษจนได้รับตำแหน่งประธานบริษัททันทีที่เรียนจบ “แล้วถ้าบ้านใหญ่ของนายไม่ยอม?” “ฉันก็ออกมา ก็เท่านั้น”อากิโตะหันไปสบตาเพื่อนแล้วยักคิ้วข้างเดียวให้ทีนึง “ถ้าฉันต้องออกจากตระกูลจริง นายสนใจรับฉันเข้าทำงานไหมล่ะ “งั้นฉันต้องไปศาลเจ้าสักหน่อยแล้วล่ะ”บุหรี่ราคาแพงกลิ่นมิ้นต์ถูกทิ้งลงพื้นก่อนที่จะถูกปลายเท้าของผู้ทิ้งขยี้จนดับ “ฉันจะภาวนาให้นายถูกไล่ออกมาในเร็ววันเลยเพื่อน” สองเพื่อนซี้หัวเราะประสานเสียงกันออกมาอย่างที่ไม่มีทางที่ใครจะได้เห็นมาก่อน ทั้งคู่รู้แก่ใจดีว่าบ้านใหญ่ไม่มีทางไล่อัลฟ่าที่มีความสามารถแบบหนึ่งในล้านอย่างอากิโตะออกจากตระกูลแน่ “ขอบใจนายมากนะ ที่ช่วยดูแลไอสึกิ เดี๋ยวเขาดีขึ้นสักหน่อยแล้วฉันจะพากลับไปที่คอนโด...” “ไม่ได้”เสียงของบุคคลที่สามดังลั่นขึ้น ก่อนที่ร่างของชายวัยกลางคนผู้เป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของยามาโมโตะจะก้าวออกมา “คุณพ่อ!”ฮาคุมุ่นหัวคิ้วมองพ่อของตนที่ยืนฟังอยู่นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แล้วเอ่ยปากถาม “อะไรไม่ได้ล่ะครับ” “ฉันรู้จักบ้านของแกดี อากิโตะ ถ้าเอาเด็กคนนั้นไปในที่ ๆ บ้านแกเอื้อมถึง คนของแกไม่รอดแน่”คำพูดที่แพงใจดำของคนฟังจนหาคำค้านไม่ได้ “ให้เด็กคนนั้นอยู่ที่นี่ จนกว่าแกจะหาทางจัดการเรื่องยุ่ง ๆ ทั้งหมดได้ซะก่อน พ่อของแกแม้จะไม่ใช่พวกสมองทึบ แต่ก็เป็นเต่าในกระดอง หมอนั่นไม่มีทางออกหน้ามาช่วยแกแน่” “แต่มันจะรบกวนคุณลุงนะครับ”ถึงจะเป็นทางที่ดีไม่น้อย เพราะยามาโมโตะก็เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ที่รับประกันความปลอดภัยได้ “แล้วอีกอย่าง ผมก็...” “ฉันอยู่บ้านตลอด คอยดูเจ้าหนูนั่นได้ ส่วนแกก็มานอนที่นี่จนกว่าจะเสร็จเรื่องแล้วกัน”ถ้อยคำที่ไม่เว้นช่องว่าให้ได้ค้านตัดบทของชายหนุ่มรุ่นลูกไปทันที “แล้วฉันจะให้ซาโต้มาคอยดูแลอีกทีด้วย” “คุณลุงโคสึเกะ...”อากิโตะมองสีหน้าที่ดูเคร่งขรึม แต่ดวงตากลับมีประกายอ่อนโยนจาง ๆ “ขอบคุณครับ” “เด็ก ๆ น่ะ น่ารักนะ”คำพูดลอย ๆ มาพร้อมกับรอยยิ้ม “ไปดูคนของแกได้แล้ว อากิโตะ ป่านนี้ซาโต้น่าจะตรวจเสร็จแล้ว โอเมก้าตอนที่กำลังท้องน่ะต้องการการปกป้องจากคู่ของเขานะ รู้ไหม” ไม่ต้องให้ตอกย้ำอีกครั้ง ขายาว ๆ ก้าวฉับไปอย่างรวดเร็วจนแทบจะกลายเป็นการวิ่ง “คุณพ่อน่ะชอบเด็กนี่ครับ”ฮาคุส่ายหน้าน้อย ๆ อย่างอ่อนใจ “อยากเลี้ยงเด็กไว ๆ ก็ให้ผมแต่งกับคิริวสักทีสิครับ” “แกน่ะมันลูกหมา ยังทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง แล้วจะเอาอะไรไปขอคิริวเขาห๊ะ”ผู้เป็นพ่อมองเหยียดลูกชายหัวทึบของตนแล้วกลับหลังเดินออกไป “สร้างผลงานดี ๆ สักงานสิ แล้วฉันจะไปขอให้” “คร้าบบบ”สร้างผลงานมันง่ายซะที่ไหนล่ะครับ คุณโคสึเกะ อากิโตะทรุดตัวนั่งลงบนเตียงนุ่ม เขาตวัดขาขึ้นมาเหยียดตรงขณะที่แผ่นหลังพิงหัวเตียงเอาไว้ สองแขนโอบร่างที่ยังดูซีดเซียวเอาไว้ “ผมไม่หยุดงานนะครับ”เพียงแค่ประโยคแรกที่ไอสึกิเอ่ยออกมาก็สร้างความไม่พอใจลึก ๆ ให้กับอากิโตะแล้ว “ผมเพิ่งทำงานได้ไม่กี่เดือน หยุดไปก็บ่อยแล้ว... มันคงดูไม่ดี ถ้าผมจะหยุดยาวไปอีก” “ฉันเป็นประธานบริษัท แค่ให้นายหยุดเพื่อลูกจะเป็นอะไร”อากิโตะข่มความไม่พอใจลงท้องไป เขาไม่ต้องการให้ไอสึกิเกิดความรู้สึกด้านลบใด ๆ ในตอนนี้เลยแม้เพียงเสี้ยวเดียว “คุณเป็นประธาน ผมเป็นพนักงานใหม่ครับ”ฝั่งไอสึกิก็กระดากปากที่จะพูดความนึกคิดในใจออกมาตรง ๆ “ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญ” “สำหรับฉัน คำว่าบังเอิญมันใช้ได้กับครั้งแรกเท่านั้น ที่เหลือมันคือความตั้งใจ”แน่นอนว่าประธานใหญ่ของทากาฮาชิหัวไวพอที่จะเข้าใจสิ่งที่ร่างผอมต้องการจะสื่อออกมาอยู่แล้ว “แต่ถ้านายไม่สบายใจ อยากไปทำงาน... ก็ได้ แต่นายต้องไปบริษัทพร้อมกับฉัน เข้าใจใช่ไหม” “คุณต้องการให้ทุกคนรู้เรื่องนี้เหรอครับ”ไอสึกิถามกลับไปทันที เขาก้มหน้าลงจนคางชิดอก “มันคงไม่ดีต่อชื่อเสียงของคุณ...” “พรุ่งนี้ทนายของฉันจะเอาทะเบียนสมรสมาให้เซ็น นายเป็นของฉันโดยสมบูรณ์แล้ว มีอะไรที่จะต้องปิดบังให้คนอื่นรู้ไม่ได้กัน”ไอสึกิเงยหน้าขึ้นมองผู้พูดตาค้าง แววตาของเขาสับสนจนบอกไม่ถูก “คุณอากิโตะ หมายความว่ายังไงกันครับ”ไอสึกิถามเสียงสั่น “จดทะเบียนอะไรกัน ผมไม่เข้าใจ” “ฉันก็หมายความอย่างที่พูด... นายเป็นของฉันแล้ว ตอนนี้ก็ท้องลูกของเราอยู่”คำว่าเราทำเอาใจดวงน้อยสั่นสะท้าน... เขาทำใจกับตัวเองมาพักใหญ่ว่าหากเขาพลาดขึ้นมายังไงก็คงไม่ต่างจากโอเมก้าส่วนใหญ่ที่หากไม่โดนทิ้งไปเป็นของเล่น ก็โดนเก็บหลังเด็กคลอดออกมา “ทำหน้าแบบนี้ทำไมล่ะ ไอสึกิ” “ไม่มีอะไรครับ”มือร้อนโอบให้คนที่มองดูก็รู้ว่ามีความคิดมากอยู่ในใจลงมาซบแผ่นอกหนาอีกครั้ง “ฉันไม่ได้มองว่าโอเมก้าเป็นเครื่องมือสำหรับผลิตลูกหรอกนะ”สัมผัสที่อบอุ่นและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ลอยมาจากกายของอัลฟ่าผู้เป็นเจ้าของเขา มันทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ความมึนงงและมวนท้องที่เป็นก็ดูจะทุเลาลงไปอย่างน่าประหลาด “แล้วฉันก็ไม่ใช่คนที่จะโยนนายทิ้งหลังจากที่ได้ประโยชน์จากนายแล้วด้วย ไอสึกิ” “ขอบคุณครับ...”ความรู้สึกอุ่นวาบในช่วงอกพาลให้รอยยิ้มระบายขึ้นบนหน้า “ขอบคุณ” “ฉันจะปกป้องนายเอง”เสียงกระซิบที่ได้ยินเป็นคำสุดท้ายก่อนที่ไอสึกิจะหลับลงไป “ฉันจะดูแลนายเอง” วันถัดมา จิโร่เป็นคนขับรถไปรับพ่อกับแม่ของไอสึกิมายังบ้านยามาโมโตะด้วยตัวเอง และทนายประจำตระกูลของฮาคุก็ถูกตามตัวมาพร้อมกับทะเบียนสมรสเช่นกัน พวกเขาเลือกที่จะใช้คนของยามาโมโตะในการจัดการครั้งนี้ แทนที่จะใช้คนของทากาฮาชิที่มีหลายคนยังภักดีกับนายเก่า โคสึเกะจึงบังคับจัดการทุกอย่างไปตามที่ตนเห็นว่าดีและปลอดภัยที่สุดสำหรับไอสึกิ ฝ่ายพ่อและแม่ของไอสึกิที่โดนลากตัวขึ้นรถมาต่างตระหนกตกใจ ใบหน้าของทั้งคู่ยิ่งซีดเซียวขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อรถแล่นเข้ามาในเขตตระกูลใหญ่ ทั้งเวลาพวกเขาถามอะไรไปก็ไม่ได้คำตอบจากคนหน้านิ่งที่ขับรถราวกับอยู่ในสนามแข่งโกลคาร์ทเลย “พามาแล้วครับ”จิโร่น้อมกายลงน้อย ๆ ให้กับนายท่านของเขาที่นั่งประคองใครอีกคนเอาไว้บนโซฟาตัวใหญ่นุ่ม “พ่อครับ แม่ครับ”ดวงตาคู่สวยประกายระยิบระยับเมื่อเห็นหน้าของผู้ปกครองที่รักยิ่งของเขา “คุณอากิโตะ ปล่อยก่อนสิครับ” มือที่รั้งเอวไว้ทำให้เขาไม่อาจที่จะลุกขึ้นไปหาคนที่กำลังคิดถึงได้ อากิโตะเองก็ไม่ได้ปล่อยให้คนที่เริ่มดื้อไปในทันที เขายังรั้งเอาไว้แนบกายก่อนจะโน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหูขาวนั่น “ไม่วิ่งโถมเข้าไปล่ะ รู้ไหม”เสียงกระซิบแผ่วให้ได้ยินแค่ระหว่างสองคน ลมหายใจร้อนที่รนรดอยู่ใกล้ ๆ ทำให้ใบหน้ามนขึ้นสีเลือดฝาด “ไม่ได้ตัวคนเดียวนะ ไอสึกิ” วงแขนแกร่งปล่อยให้ร่างโปร่งที่ดูมีเรี่ยวแรงขึ้นมากจากเมื่อวานก้าวไปหาพ่อกับแม่ เขามองตามแผ่นหลังเล็กนั่นไปอย่างระแวดระวัง กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากความซุ่มซ่ามที่ทุกคนมีในตัว “ไอไอนี่มันอะไรกันลูก”คุณนายมินาโกะกอดร่างที่เหมือนจะผอมลงไปของลูกเอาไว้แล้วมองไปรอบ ๆ “นั่นสิ เช้าออกมาจากบ้านก็โดนคุณคนนั้นลากขึ้นรถมานี่เลย พ่องงไปหมดแล้วเนี่ย”เคนจิมองไปทางร่างสูงที่ยืนตรงแน่วอยู่ไม่ไกลอย่างหวั่น ๆ “คุณพ่อบ้าน...”ไอสึกิเรียกคนที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสียงอ่อย “ไม่ได้บอกพ่อกับแม่ก่อนเหรอครับ” “คุณชายให้ผมไปรับพวกเขาอย่างเดียวนี่ครับ”เพราะกำลังมีนายน้อย จิโร่จึงยอมให้ไอสึกิหลายส่วน แต่ก็ยังอดที่จะหาทางแกล้งเล็ก ๆ น้อยๆ ไม่ได้ เขาเมินสายตาที่มองมาอย่างดุ ๆ ของเจ้านายที่เขาภักดี “เชิญนั่งก่อนสิ”ถึงจะยอมรับในฐานะของโอเมก้า แต่ความทระนงในความสามารถของอากิโตะก็ยังติดตัวจนเป็นนิสัย เขามักจะชอบออกคำสั่งให้คนเดินตามที่เขาต้องการ และมันก็ติดมาจนถึงการพูดคุยกับคนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับการติดต่อทางธุรกิจเสียด้วย “ก่อนอื่นผมคงต้องอธิบายให้เข้าใจก่อนว่า ไอสึกิกำลังตั้งท้องลูกของผมกับเขา ผมเลยอยากบอกให้คุณทั้งสองรู้ไว้ก่อน...” อากิโตะพูดรัวยาวจะเหมือนจะไม่ได้หายใจ ผู้ปกครองทั้งสองที่นั่งกระพริบตาปริบ ๆ ฟังอยู่ตรงหน้านั้นต่างทำหน้าเหวอ สารที่ได้รับมันยาวเหยียดจนพวกเขาทั้งคู่แทบจะจับใจความกันไม่ทัน “ผมได้ให้ทนายเอาทะเบียนสนรสมาแล้ว รอเพียงแค่เซ็น หลังจากนั้นทนายจะเอาไปจัดการดำเนินเรื่องต่อให้โดยที่ไอสึกิไม่ต้องขยับไปไหนมาก”ซองสีน้ำตาลถูกวางลงบนโต๊ะกระจกใส ก่อนที่เอกสารภายในจะถูกหยิบออกมาวางเตรียมพร้อมปากกา “เดี๋ยวนะ”มินาโกะยกมือนวดขมับเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าไปสบตากับคนที่เหมือนว่าจะเป็นส่าที่ลูกเขย “คือหนูจะขอไอสึกิแต่งงานใช่ไหมลูก” “ครับ”คำพูดที่ยาวเหยียด สรุปสั้น ๆ ได้เพียงเท่านี้เคนจิกับมินาโกะหันมาสบตากัน สื่อภาษาใจ “ถ้าไอสึกิไม่มีปัญหาอะไร ก็ตามใจเขานั่นล่ะ น้าไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”เคนจิเป็นฝ่ายตอบกลับไป ใบหน้าอ่อนโยนที่มองมาที่ลูกชายของตนนั้น ทำให้อากิโตะรู้ว่ารอยยิ้มของไอสึกินั้นได้มาจากใคร “ถ้างั้นก็เซ็นได้แล้วล่ะ”คำพูดที่ห้วนจนไอสึกิชักรู้สึกไม่ดี แต่เมื่อเห็นพ่อแม่ของตนไม่พูดอะไร เขาก็ไม่ต่อขานให้เกิดเรื่อง ทั้งสองจับปากกาเพื่อเซ็นชื่อลงในกระดาษตรงหน้า มือขาวชะงักน้อย ๆ อย่างลังเลใจในชั่วขณะ ความไม่มั่นใจบางอย่างผุดขึ้นมาในอก ก่อนที่จะกลั้นใจเซ็นลงไป “เรียบร้อยแล้วนะครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจะรีบไปจัดการให้”ทนายวัยกลางคนยิ้มส่งให้คู่แต่งงานใหม่ที่แม้จะยังไม่จัดงานประกาศอย่างเป็นทางการแล้วโค้งตัวให้ก่อนเดินออกไป “หนู... อากิโตะสินะจ๊ะ อาขอคุยด้วยสักหน่อยนะ”หญิงสาวที่เริ่มสูงวัยแต่ก็ยังดูสดใสเหมือนดอกไม้แรกแย้มอยู่เสมอยิ้มหวานส่งให้ “ส่วนไอไอ เหมือนลูกจะได้เวลาไปกินข้าวแล้วนะจ๊ะ” คิริวมียืนแอบหลบมุมอยู่ก้าวออกมาพร้อมยิ้มแหยที่โดนผู้หญิงคนเดียวจับได้ เขาพาไอสึกิกับเคนจิไปยังห้องอาหาร ปล่อยให้แม่ยายกับลูกเขยคุยกันไป “ตั้งแต่วันที่อาคลอดไอสึกิออกมาแล้วรู้ว่าเขาเป็นโอเมก้า อาก็มีความกังวลใจอยู่ตลอด”ท่าทีสดใสกับรอยยิ้มหวาน ๆ นั่นถูกเก็บไปเปลี่ยนเป็นความจริงจังอย่างที่หาดูได้ยากจากเธอคนนี้ “สถานะทางสังคมของโอเมก้า ถึงจะได้รับการยอมรับจากภาครัฐ แต่สำหรับคนตระกูลใหญ่อย่างพวกหนู... เขาก็ยังเสี่ยงมากอยู่ดี” “ผมไม่คิดจะเขี่ยไอสึกิทิ้งหลังได้ลูกหรอกครับ”ความนัยน์ที่แฝงมานั้น อากิโตะเข้าใจดี คงไม่มีแม่ที่ไม่รักลูก และไม่คาดหวังว่าลูกจะได้อยู่อย่างมีความสุข “ระหว่างผมกับไอสึกิ ผมเรียกมันว่าพรหมลิขิต” “อามั่นใจตั้งแต่หนูเซ็นทะเบียนสมรสนั่นอย่างไม่ลังเลแล้วล่ะ”ดวงตาที่อ่อนโยนทอดมองคนตรงหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มบาง “ขอบใจนะที่ไม่รังเกียจลูกของอา ไม่เหยียดโอเมก้าเหมือนคนบางคน” “ผมจะดูแลไอสึกิเอง คุณอาไม่ต้องเป็นห่วง”คำพูดที่ออกมาจากใจแสนจะหนักแน่น ดวงตาคมประกายกล้าอย่างหมายมั่น “ผมไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนใจอะไรง่าย ๆ และผมได้เลือกแล้ว” คำสัญญาที่ได้รับทำให้เธอยิ้มได้ และวางใจที่จะฝากลูกของเธอเอาไว้กับคนตรงหน้าอย่างเต็มใจ “รักษาสัญญาด้วยนะ หนูอากิโตะ” “ครับ” ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ มาต่อแล้วน้าาา อีก 5 ตอนก็จะจบแล้วค้าา ติชมให้กำลังใจกันได้น้าา
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
คุณประธานจัดการเร็วมากกกกกกกกกกก เคยอยู่บริษัทประกันมาก่อนป่ะเนี่ย :hao7: :hao7:
จบเร็วจัง ฮือๆๆ :hao5:
แหม คุณแม่เรียกอากิโตะเสียแบ๊วเชียวนะ หนู อากิโตะ
จบเร็วจัง ฮือๆๆ :hao5: ค้า TvT เรื่องนี้ไม่ได้เขียนไว้ยาวเท่าไหร่น่ะค่ะ
ขอตอนพิเศษด้วยน้า
อากิโตะ เข้มแข็ง มีความรับผิดชอบ สมที่จะดูแลไอสึกิ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: ไอสึกิ โชคดี ที่เจออัลฟ่าแข็งแกร่ง ความสามารถสูง แต่ยิ่งกว่าโชคดี ก็ที่อากิโตะ รักไอสึกิจริงๆ ไม่ได้มุ่งที่เซ็กส์เท่านั้น สุดยอดดดด อยากอ่านตอนที่ไอสึกิ คลอดลูก ลูกไล็กๆ จะแฝดมั้ยนะ :hao3: :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
Chapter 10 นัยน์ตาคมทอดมองร่างที่เริ่มมีเนื้อหนังขึ้นมาหลังจากที่โดนทั้งตัวเขาและคุณป้าร้านขายขนมโบราณขุนกันอย่างไม่มีใครยอมใครมาเกือบเดือน ใบหน้าหล่อเหลาหากแต่ติดหวานอยู่ไม่น้อยจับจ้องมาตัวเองในกระจกกว้าง มือเรียวจัดเสื้อที่เริ่มพอดีตัวขึ้นให้เข้าทรงอย่างหงุดหงิดใจ “ไม่เห็นจะต้องใส่เสื้อตัวข้างในเลยนี่ ไอสึกิ”อากิโตะเอ่ยขึ้นหลังจากมองร่างโปร่งที่ยังขยับเสื้อผ้าตัวเองอยู่นาน “มันอึดอัดก็ถอดออกเถอะ” “แต่มัน...”ปากที่อ้าออกจะเอ่ยค้านหุบลงเมื่อความคิดชั่ววูบที่แล่นเข้ามาในหัว ถ้าเขาบอกไปว่ากลัวคนอื่นจะเห็นรอยที่คอ... อากิโตะคงไม่พอใจแน่ “ยังไงคนอื่นเขาก็ต้องรู้ในอีกไม่ช้าอยู่ดีนั่นล่ะน่า”เสียงที่เริ่มมีเค้าความไม่พอใจให้ได้รับรู้ “ร่างกายนายเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว จะยังดื้ออยู่ทำไม” ไอสึกิยู่ปากตัวเองน้อย ๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วยอมถอดเสื้อคอเต่ารัดรูปตัวในออกโดยดี ความสบายตัวอย่างที่ไม่ค่อยได้สัมผัสยามไปทำงานส่งให้ไอสึกิอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก แม้จะยังมีความหงุดหงิดในใจที่อาการแพ้ท้องเหมือนจะไม่ดีขึ้น แต่ก็ยังพอข่มอาการไว้ไม่ให้แสดงออกมาจนเห็นได้ชัดได้บ้าง แต่คนก็คงเริ่มสงสัยกันแล้ว... ไอสึกิจมอยู่กับความคิดของตนตั้งแต่ก้าวขึ้นรถมา เขาก็ยังคงทำเหมือนเดิม คือการลงก่อนถึงสถานีรถไฟใกล้ ๆ บริษัทแล้วเดินเข้าไปในตึกพร้อมกับหลาย ๆ คน แม้ว่ามันจะทำให้เขาคลื่นเหียนจากกลิ่นน้ำหอมที่ปรุงแต่งกันมาอย่างเต็มที่ของใครหลายคนก็ตาม “เอ๋~”เสียงอุทานใสมาพร้อมร่างผอมบางที่ปราดเข้ามาหน้าโต๊ะของน้องเล็ก เธอเบิกตามองความเปลี่ยนไปของไอสึกิอย่างประหลาดใจ “ไม่ใส่เสื้อคอเต่าของในแล้วเหรอ” ดวงตาคู่หวานจ้องมาอย่างจับผิด แต่รอยยิ้มพาซื่อนั้นก็ไม่มีพิรุธอะไรให้จับผิดได้ จึงจำต้องปล่อยให้จำเลยลอยนวลไป “เฮ้ ไอสึกิ”มัตสึระพุ่งเข้ามาที่โต๊ะทำงานริมหน้าต่างของคนที่หายหัวไปบ่อยจนน่าสงสารด้วยท่าทีเริงร่า ดวงตาสั่นระริกจับจ้องมองหน้าที่มีเลือดฝาดอย่างดีอกดีใจ “หายดีแล้วใช่ไหม เย็นนี้ไปหาไรกินกัน” “เอ่อ... ผมไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่น่ะครับ รุ่นพี่มัตสึระ”ไอสึกิส่งยิ้มเจื่อน ๆ มาให้ขอลุแก่โทษ แต่ถ้าเขาตอบตกลงไปเที่ยวเล่นท่านผู้นั้นอาจจะพิโรจน์จนระเบิดบริษัททิ้งก็ได้ เอ... หรือเขาจะสำคัญตัวเองผิดไปกันนะ “งั้นเหรอ”ท่าทีของรุ่นพี่ผู้ร่าเริงดูหงอยเหงาลงจนน่าสงสาร โทโมเอะมองคนโอเวอร์แอคติ้งอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะส่งฝ่ามือหนัก ๆ ป้าปไปทีเต็ม ๆ หลัง “โอ้ย ยัยแม่มด” “ให้ฉันเป็นแม่มดจริง ๆ เถอะค่ะ จะสาปนายคนแรกเลย”สาวเจ้าถลึงตาใส่ตัวป่วนที่มาทำให้น้องชายเธอไม่สบายใจ “ใช้ตาดูซะบ้างไอสึกิยังดูซีด ๆ อยู่เลย แทนที่จะให้กลับไปพักดันชวนเที่ยวซะได้ ถ้าไข้กลับขึ้นมาจะทำยังไงกันล่ะคะ!” “โหย อุดอู้อยู่แต่ในห้องจะหายได้ไง ต้องออกมาอยู่ที่ปลอดโปร่งไล่หวัดดิ”มัตสึระเถียงกลับไปทันควัน ท่ามกลางสายตาที่ระอาจากเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่ต้องมานั่งฟังการถกเถียงกันของสองคนนี้อีกแล้ว จากที่เคยหมั่นไส้คนอารมณ์ดีของแผนกที่จิ๊จ๊ะกับนางฟ้าคนสวยตอนนี้ต่างพากันชินไปหมด ออกแนวเซ็งที่ต้องมาเสียหูทุกวันด้วยซ้ำไหม “เอ้า ๆ สามีภรรยาคู่นี้ทะเลาะกันต่อหน้าน้องนุ่งอีกแล้วนะ”ฮิโยชิวางกระเป๋าลงบนโต๊ะทำงานในขณะเดียวกันก็เปิดปากแซวหนุ่มสาวสองคนที่ยังแยกเขี้ยวใส่กันไม่หยุด “เดี๋ยวน้องมันก็ปวดหัวล้มพับไปหรอก” พอมีเรื่องของน้องรักมาเกี่ยวข้องก็ทำเอาคู่กัดที่ยังไม่เป็นคู่กันสงบปากไปลูบหัวลูบหางร่างที่มีน้ำมีนวลขึ้นของโอเมก้าหนึ่งเดียวในบริษัททันที “ถ้าไม่ดึก... ผมไปกินก็ได้นะครับ”หลังจากที่ถกเถียงในใจตัวเองอยู่นาน ไอสึกิก็เอ่ยบอกขึ้นมาเรียกรอยยิ้มของคนชอบเที่ยวให้ฉาบทับใบหน้าทะเล้นนั่น “แต่ไม่เอาพวกบาร์ คลับ หรือร้านที่คนเยอะ ๆ นะ” “โอเคเลย” “ไอสึกิ...”โทโมเอะถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความใจดีของรุ่นน้องคนสนิท “งั้นฉันไปด้วย พี่ฮิโยชิก็จะไปเหมือนกันใช่ไหมคะ” “เอาสิ ไม่ได้ไปกินอะไรกันมาตั้งนานแล้วนี่”ฮิโยชิก็ดูอารมณ์ดีขึ้นมาเหมือนกันจนน่าประหลาดใจ “ช่วงนี้ที่บ้านงดเนื้อสัตว์น่ะ คุณนายเขากำลังไดเอทอยู่” “...”สายตาอ่อนใจของรุ่นน้องทั้งสามเล่นเอาพี่ใหญ่ยิ้มเผล่ หัวเราะแห้ง ๆ ส่งกลับไป เวลากลางวัน นานะที่ได้บัตรพิเศษสำหรับเข้าออกบริษัทในแผนกการตลาดก็เดินเอาข้าวกลางวันมาให้กับไอสึกิด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกวัน แรก ๆ ที่เธอเดินตามหลังของทาเทยามะเข้ามา สายตาตื่นตกใจของเหล่าพนักงานตาดำ ๆ ที่มองเธอนั้นทำให้เธอเก็บไปหัวเราะได้ข้ามวัน แต่พักหลังมานี่ชักจะชินซะแล้ว “ฮืออออ น่ากินอีกแล้ว คุณป้าขา ทำให้หนูบ้างไม่ได้เหรอคะ”โทโมเอะที่งอแงมาตั้งแต่ครั้งแรกที่นานะเอาอาหารมาส่งให้จนถึงปัจจุบัน เธอมองข้าวปั้นไส้ไข่ปลากับเนื้อปูผสมมันปูย่างเตาถ่านหอมกรุ่นซึ่งมันยังดูร้อน ๆ อยู่เลย หญิงวัยกลางคนค่อนไปวัยทองส่ายหน้าน้อย ๆ เธอยังคงยิ้มให้และปฏิเสธเหมือนเดิมทุกครั้ง ส่วนตัวของนานะไม่ใช่คนที่ชอบทำอาหารมากนัก กับขนมทำเพราะเป็นงานอดิเรกเล็ก ๆ หลังจากออกจากการเป็นพยาบาลมา แต่ที่เธอตัดสินใจทำให้กับหนุ่มน้อยตรงหน้าเธอเพราะความเอ็นดูโดยแท้ “ขอบคุณนะครับ”รอยยิ้มสดใสที่แย้มออกมาทำเอาหญิงโสดที่ไม่คิดจะหาคู่ครองอบอุ่นใจ เธอชอบมองรอยยิ้มของเด็กคนนี้ และอยากให้ยิ้มแบบนี้ต่อไป อย่าเหมือนโอเมก้าหลายคนที่เธอเคยพบที่สุดท้ายก็ต้องหายหน้าไปด้วยชนชั้นทางสังคมที่ยังไม่หมดไปสักที “ไม่เป็นไรจ๊ะ”การที่ไอสึกิเป็นคนรักของประธานอากิโตะ อาจจะเป็นแสงแรกที่ส่องผ่านกำแพงสูงเข้าไปดึงเหล่าโอเมก้าที่น่าสงสารให้ออกมาอยู่ในสังคมได้อย่างเต็มตัวก็ได้ และเธอก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น “ดูเหมือนเขาจะถูกปากกับอาหารของคุณคนเดียวนะครับ”เสียงที่ดังมาจากมุมมืดระหว่างทางที่นานะเดินกลับออกไปทำเอาเธอสะดุ้งโหยง “หนูมาไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้ ป้าตกใจหมดเลยนะจ๊ะ”คำตำหนิแบบไม่จริงจังลอดออกมาจากปากเธอ ก่อนจะส่งยิ้มให้กับคนที่ทำหน้าตึง “หนูไอสึกิเขาไม่กินข้าวที่บ้านเหรอจ๊ะ” “กินครับแต่น้อย ถ้าผมไม่บังคับ”น้ำเสียงของอากิโตะแฝงความหงุดหงิดจนสัมผัสได้ “ดื้ออย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะครับ” “คงมีของที่เขาเหม็นมั้งจ๊ะถึงไม่กินแบบนั้น ลองเปลี่ยนไปทำของอะไรง่าย ๆ ดูอาจจะดีขึ้นก็ได้นะจ๊ะ”คำแนะนำจากอดีตพยายามถูกจดเอาไว้ในใจของร่างสูง ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกกันไป “ถ้าหนูไอสึกิยังไม่กินอะไรอีก มาบอกป้านะจ๊ะ” “ครับ” หลังจากไอสึกิกินข้าวเสร็จนั้น ระหว่างที่นั่งแกว่งขารออาหารย่อย ความพะอืดพะอมที่หายไปพักนึงแล้วก็ตีขึ้นอย่างรุนแรงจนเจ้าตัวจำต้องวิ่งไปกอดคอห่านในห้องน้ำท่ามกลางสายตาของเพื่อนในแผนกที่กลับกันมาแล้ว “อะไรของเขากันนะ”เสียงของเบต้าเพศสภาพเป็นสตรีนางหนึ่งโพรงขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามปาก “เดี๋ยวก็หน้าซีด เดี๋ยวก็ไปอ้วก โรคบ้าอะไรเป็นเดือนแล้วยังไม่หายอีก” “อาการอย่างนี้มันก็คุ้น ๆ นะเธอ”สาวร่างผอมจนเกินคำว่าพอดีดังต่อบนสนทนาทันที “มันเหมือนกับ...” “คนท้อง!”ชายหนุ่มอีกคนหันมาร่วมวงบ้าง เขาทำหน้าเหมือนนึกอะไรออก ก่อนจะยกเหตุผลขึ้นมาเสริมความคิดตนต่อ “เนี่ย เหมือนตอนที่ภรรยาฉันตั้งท้องลูกเมื่อปีก่อนเลย” “เอาจริงสิ ว้าย”ดวงตาของสาวเบต้าทั้งสองมองไปยังห้องน้ำที่ปิดสนิทอย่างใคร่รู้ “ไปมั่วกับใครมาล่ะเนี่ย แย่จริง” วงซุบซิบขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่โทโมเอะซึ่งเดินถือกาแฟขึ้นมาพร้อมกับมัตสึระและฮิโยชิกำลังจะเดินมาร่วมฟังด้วยคน ประตูห้องน้ำก็เปิดออกมาพร้อมกับใบหน้าซีด ๆ ของจำเลยวงสนทนาเล่นเอาวงแตกไปซะก่อน สายตาใคร่รู่ระคนสงสัยของคนหลายคนในฝ่าการตลาดเหลือบมองมายังคนที่นั่งเคาะคีย์บอร์ดด้วยท่าทีอิดโรยนั่น เสียงซุบซิบฟังไม่เป็นภาษาก็มีลอยแว่วมาให้ได้ยินเป็นระรอก ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่สำหรับคนที่ไม่ใส่ใจ... ก็ยังคงดูไม่ใส่ใจอยู่อย่างนั้น ส่วนคนที่ใส่ใจ ก็แทรกตัวเข้าไปฟังวงนินทาเก็บข้อมูลมาอย่างตั้งใจ... ตั้งใจยิ่งกว่าการทำเอกสารที่กองเอาไว้บนโต๊ะนั่นให้เสร็จเสียอีก ในตอนเย็นวันนี้ อากิโตะมีงานเลี้ยงกับผู้บริหารระดับสูง ใจจริงเขาก็อยากที่จะพาไอสึกิไปให้ทุกคนรู้จัก แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปเคลียร์อะไรที่บ้านใหญ่ ด้วยคิดไว้ว่าจะเข้าไปจัดการหลังจากท้องของผ่านสามเดือนแรกที่อ่อนไหวไปซะก่อน ไอสึกิเลยสามารถหลบออกมาหาอะไรกินกับเพื่อนร่วมงานทั้งสามได้โดยง่าย อาหารเย็นกับเพื่อนสนิทคงไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า ‘เนื้อย่าง’ ไอสึกิยิ้มจืดจางกับดารเลือกร้านที่อยู่ในเกณฑ์ที่เขาขออยู่หรอก แต่ว่ามันก็ไม่ได้อยากจะกินนัก แต่เขาก็ไม่คิดจะค้านอะไร ทั้งสามเดินเข้าไปนั่งมุมในสุดของร้านเพื่อความเป็นส่วนตัว ก่อนที่หนึ่งหนุ่มและหนึ่งสาวจะแย่งกันสั่งของจนวุ่นวายไปหมด ฮิโยชิกับไอสึกิหันไปสั่งแค่น้ำของตัวเองแล้ววางเมนูลง พวกเขาไม่อาจหาญไปลงสนามสู้กับอีกสองคนที่ยังสั่ง ๆ ชี้ ๆ ไม่หยุดรงนั้นได้ “สั่งมากินให้หมดนะ ทั้งสองคนน่ะ”เป็นอีกครั้งที่พี่ใหญ่ต้องเอ่ยปากออกมาเบรกการแข่งขันของเด็ก ๆ เอาไว้ก่อนที่จะเหลือทิ้งให้เสียดายเงินกันไป “ถ้ากินไม่หมด มื้อนี้พวกเธอหารกันแค่สองคนนะ” “หวาาา”มัตสึระดีดเมนูทิ้งจากมือทันที แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ต่างจากโทโมเอะที่ค้อนขวักให้ฮิโยชิไปทีนึงแล้วถึงวางมือไป พนักงานที่มายืนรับเมนูยิ้มขำกับท่าทีของพวกเขา ก่อนจะเดินไปจัดการเอาของที่สั่งมาเสิร์ฟให้ในอีกไม่ช้า “เมื่อกลางวันที่มีเรื่องครึกครื้นน่ะนะ ฉันไปสืบมาแล้วล่ะว่าเป็นเรื่องอะไร”น้ำเสียงที่แฝงแววเครียด ประกอบกับสายตาที่จับต้องมายังน้องน้อย เรียกความสนใจจากทุกคนในโต๊ะมาหันมามองเป็นตาเดียว “เขาลือกันว่าเธอกำลังท้องอยู่นะ ไอสึกิ” “งั้นเหรอครับ”คนที่ตกเป็นข่าวลือยิ้มเจื่อน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากแก้ตัวอะไร การโกหกไม่ใช่สิ่งที่ตัวเขาถนัดเท่าไหร่ซะด้วยสิ “ไม่ใช่แค่นั้นนะ คนที่ทุกคนเดาว่าเป็นพ่อเด็กคือผู้จัดการแผนกทาเทยามะคนนั้นน่ะแหละ”คนที่ถูกจับคู่ไปอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่กระพริบตาปริบ ๆ แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “ก็เขาเล่นเอานมมาให้เธอกินทุกวันเลยนี่ ทั้งยังเข้าบริษัททุกวันมาตั้งแต่ช่วงที่เธอป่วยอีก ก็เลยเดากันไปทางนั้นหมดเลย” “เรื่องท้องน่ะก็พอฟังได้ แต่เรื่องผู้จัดการน่ะ ไม่มีทางหรอก”ฮิโยชิยิ้มขำพรางส่ายหน้าระอาใจกับจินตนาการของเด็ก ๆ ในแผนก “ฉันสงสัยมาแต่แรกแล้ว จนมั่นใจขึ้นเมื่อเห็นรอยที่คอของนายนั่นล่ะ ไอสึกิ” มือขาวตะปบช่วงคอด้านหลังของตนเองที่เอาผมหนาที่ยาวเลยบ่ามาเล็กน้อยจากการที่ไม่ได้ไปตัดมาพักใหญ่ ๆ ปิดบังเอาไว้ด้วยความตกใจ ดวงตาสีฟ้าสว่างเบิกกว้างมองผู้มากประสบการณ์ที่จับจ้องมาอย่างจับผิด “อะไรกันครับ... รุ่นพี่”ริมฝีปากซีดเม้มเข้าหากันด้วยความประหม่า เขาเหลือบมองคู่กัดที่กำลังเปลี่ยนสงบมาศึกชั่วคราว ดูทรงแล้วคงจะร่วมใจกันเตรียมซักฟอกเขาแน่ ๆ “ผม เอ่อ ผมไม่ได้...” ศีรษะทุยถูกมือนุ่มคว้าเอาไว้มั่นก่อนจะกดลงจะหน้าแทบจะทิ่มเตาซึ่งยังไม่ได้ถูกจุดไฟ สัมผัสหนัก ๆ ที่กดบ่าเขาไว้ไม่ให้ดิ้นหนีกันแรงปัดที่ช่วงคอเล่นเอากายบางสั่นสะท้าน “ให้ตายสิ...”รอยฟันที่ประทับเด่นชัดบนลำคอขาวเรียกเสียงอุทานจากรุ่นพี่ทั้งสองออกมาไม่เบานัก เสียงถอนหายใจประสานกันเป็นหนึ่งเดียว “แล้วเรื่องที่ท้อง...” “... สองเดือนเศษแล้วครับ”ใบหน้ามนก้มต่ำลงอย่างรู้สึกผิดที่ปิดบังคนที่เปรียบเหมือนพี่ชายและพี่สาวของเขา ตราประทับแห่งการเป็นเจ้าของยังติดตาของทั้งคู่ทำเอาสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ ยิ่งมารู้ว่ารุ่นน้องคนสนิทของพวกเขาตั้งท้องมาได้สองเดือนแล้วยิ่งทำให้รู้สึกช็อคเข้าไปใหญ่ “สองเดือน... แสดงว่าช่วงที่พวกเราไปเที่ยวกันสินะ”ฮิโยชิยื่นมือมาลูบหัวปลอบใจคนที่กำลังหน้าซีดอยู่เบา ๆ “น่า อย่าไปโกรธไอสึกิเลย ทำคนท้องเครียดมันไม่ดีนะ ถ้ากระเทือนถึงเด็กขึ้นมาจะแย่เอา” “อั๊ยยะ จริงด้วย”มัตสึระปรับสีหน้าให้กลับมาร่าเริงพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างมาให้ทุกคน “เดี๋ยวหลานเกิดมาหน้าย่นล่ะ แย่เลย” “อ้า~ ฉันไม่ได้โกรธอะไรเลยนะ ไอสึกิ แค่รู้สึกช็อคนิดหน่อยเอง”โทโมเอะรีบแก้ไขความเข้าใจผิดของเด็กหนุ่มใหม่ ก่อนที่จะคิดมากไปมากกว่านี้ “จะว่ายังไงดีล่ะ ฉันปวารณาตัวดูแลเธอตั้งแต่เพิ่งเข้ามา... แล้วไม่รู้ว่าเธอไป เอ่อ มีคนรักตั้งแต่เมื่อไหร่ มันเลยรู้ลึกเคว้ง ๆ น่ะ” “อันที่จริง... มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าพูดถึงสักเท่าไร่หรอกครับ”ไอสึกิขยับปากพูดเสียงแผ่ว ใบหน้าที่ยังยิ้มแย้มแต่เหมือนว่ารอดยิ้มนั่นจะจืดลงไปเล็กน้อย เขาเหลือบมองแววตาที่ฉายความตระหนกระคนกังวลใจแล้วต้องรีบเอ่ยปากต่อ “แต่ผมก็ไม่ได้ถูกทิ้ง หรือไม่รู้ว่าคนที่ทำพันธะเอาไว้เป็นใครหรอกนะครับ” “งั้นก็ดีแล้วล่ะ”สาวน้อยคนเดียวในโต๊ะถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอยกยิ้มหวาน “ว่าแต่... ไม่ใช่ผู้จัดการทาเทยามะใช่ไหม” “ไม่ใช่หรอกครับ”คำยืนยันจากปากของไอสึกิทำให้เธอยิ้มออกมาได้ ในสายตาของเธอ ผู้จัดการคนนั้นดูไม่เหมาะกับน้องชายคนนี้เลยสักนิด ถึงแม้จะคอยดูแลอยู่ตอนนี้ก็เถอะ ไม่ทันที่บทสนทนาจะได้สานต่อ ถ่านร้อน ๆ ก็ถูกยกมาใส่เตา ตามด้วยกองทัพสารพัดเนื้อก็ถูกนำมาวาง “ถ้ารู้แบบนี้ไปกินราเม็งดีกว่า”มัตสึระบ่นอุบ ดวงตาเรียวเล็กหรี่มองคนที่นั่งเขี่ยเนื้อสันในจานแต่ไม่คีบกินสักที “หลานคงไม่อยากกินเนื้อย่างใช่ปะ” “ไม่หรอกครับ ผมคิดว่าเขาคงไม่ใช่เด็กเลือกเยอะ”ไอสึกิยิ้มแล้วยอมคีมของกินเข้าปากโดยดี ทั้งที่ตัวเขานั่นแหละที่ไม่รู้สึกอยากกินเอง ทั้งสี่นั่งคุยไปกินไปกันด้วยรอยยิ้ม เหล่าผู้สูงวัยกว่าต่างช่วยกันคะยั้นคะยอให้น้องเล็กของพวกเขากินเข้าไปให้มาก ๆ หน่อย แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่นัก เมื่อไอสึกิก็ยังเล็มเนื้อกินทีละนิดอยู่ดี แต่ถ้ากินมากเหมือนตอนนั้นมันก็คงผิดวิสัยของเจ้าตัวไปเหมือนกัน ใจของทั้งสามต่างอยากรู้กันหมดว่าคนที่ฝากรอยที่คนขาว ๆ ของน้องรักของพวกเขาคือใคร โอเมก้าระดับสูง ๆ ก็ไม่เห็นมีใครออกมาประกาศตัวอะไรซะด้วย ทั้งยังคำพูดที่บอกว่าความสัมพันธ์ที่ไม่น่าพูดถึงนั่นอีก เล่นเอาสามสหายต่างวัยต่างเพศแอบเครียดกันไปเลย “แฮ่ม”เสียงกระแอมไอของใครสักคนดังขึ้นเรียกให้สั่งหน่อละความสนใจจากเนื้อย่างหันไปมองอย่างฉงน แน่สิ ก็พวกเขาเลือกมุมอับแล้ว การที่มีใครสักคนมาส่งเสียงแถวนี้มันก็น่าแปลกใจเกินไปสักหน่อยเหมือนกัน “คุณพ่อบ้าน...”สายตาทั้งหมดหันขวับมาจ้องผู้พูดที่กำลังทำหน้าเจื่อน ร่างโปร่งขยับตัวลุกขึ้นไปยืนตรงหน้าชายที่ดูมีอายุพอประมาณด้วยความประหม่า “คือว่า...” “ท่านตามหาคุณจนทั่ว กลับได้แล้วครับ”จิโร่ไม่คิดจะฟังคำแก้ตัวอะไร เขากลับหลังเดินนำคนที่แอบหนีเที่ยวโดยไม่ดูสภาพตัวเองออกไปจากร้านทันที โดยไม่แม้แต่เปิดโอกาสให้เจ้าตัวได้ลาใคร ไม่... แม้แต่จะให้หยิบกระเป๋ากลับมาด้วยซ้ำไป “การที่ฉันประชุมจนมืด... ไม่ได้หมายความว่าให้นายออกมาเถรไถลได้”เสียงเย็น ๆของคนที่นั่งกอดอกแผ่งรังสีพิฆาตอยู่บนรถเอ่ยขึ้นทันทีที่ร่างของไอสึกิถูกจับยัดเข้ามาในรถ “ฉันคิดว่าซาโต้พูดย้ำอยู่บ่อยครั้งเรื่องการระมัดระวังในสามเดือนแรก...” “ผมก็ไม่ได้ทำอะไรที่จะกระทบกระเทือนนี่ครับ”นับเป็นครั้งแรกเลยก็พูดได้ ที่ไอสึกิเถียงอากิโตะกลับ ใบหน้าของเขาบึ้งตึงตามอารมณ์หงุดหงิดที่พลุ่งพล่านตีรวนปนเปไปหมดในความรู้สึกนึกคิด “ผมก็แค่ออกไปทานข้าวกับเพื่อน ๆ บ้าง ก็เท่านั้นเอง” “แต่การที่นายออกไปโดยไม่บอกใครไว้ ไม่คิดบ้างหรือไงว่ามันผิด”อากิโตะเริ่มขึ้นเสียงเมื่อใครอีกคนแลดูไม่เชื่อฟังอย่างเคย “ฉันเคยบอกนายอยู่เสมอไม่ใช่หรือไงว่าให้กลับไปพักผ่อน แล้วนี่อะไรกัน หืม!!” “ผมก็พักผ่อนอย่างที่คุณอากิโตะต้องการไงครับ”ใบหน้าขาวซีดเชิดขึ้นมองสบกับดวงตาคมกริบอย่างไม่ลดละ ใช่ว่าไม่กลัว แต่ความโกรธมันมีมากกว่าจนกดความกลัวนั้นไว้มิด “พักผ่อนไม่ได้หมายถึงแค่การนอนไม่ใช่หรือไงครับ” “ไอสึกิ!” “คุณก็เอาแต่ให้ผมไปนอนพัก นั่งพักอยู่คนเดียว ในขณะที่คุณไปทำอย่างอื่น คุณคิดว่ามันทำให้ผมรู้สึกดีอย่างนั้นเหรอครับ”ไอสึกิพยายามข่มใจตัวเองให้เย็นลง เขารู้เสมอว่าการใช้อารมณ์มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น “คุณไม่จำเป็นต้องกังวลใจอะไรไป... พวกเขาทั้งสามคนเป็นรุ่นพี่ที่ดีของผม ตั้งแต่วันแรกจนถึงทุกวันนี้” “อย่างงั้นสิ”จากที่เขาให้คนสืบมามันก็เป็นอย่างที่ไอสึกิว่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่พอใจอย่างมากที่ไอสึกิไม่กลับไปยังบ้านตระกูลยามาโมโตะทันทีหลังเลิกงานอย่างที่ควร “นายคงไม่คิดว่าตัวเองทำผิดสินะ" “ผมคิดว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะครับ” ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง ก่อนที่จะเบือนหน้าหนีกันไปคนละทาง... นี่คงเป็นครั้งแรกที่ไอสึกิผิดใจกับอากิโตะ... อย่างจริงจัง @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@2 วันนี้มาไวเคลมไวค่ะ ฮ่าๆ คุณพ่อขี้หวงงงง ติชมได้เต็มที่เหมือนเดิมนะคะ ^^
ความเห็นต่าง ต่างวัย ต่างชนชั้น ต่างความคิด แต่ไอสึกิ ก็น่าจะบอกนะว่าจะไปไหน เพราะตอนนี้ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว มีการผูกพันกับอากิโตะ แล้ว แถมร่างกายอยู่ในภาวะตั้งครรภ์อีกด้วย :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
จะไปไหนบอกกันบ้างก็ดีนะ ไอไอ
ไอสึกิน่าจะบอกไว้ก่อนแหละ แต่อากิโตะก็ควรใช้ไม้อ่อนนะ บอกไปสิว่าหาไม่เจอแล้วเป็นห่วงทีหลังจะไปไหนให้บอกก่อน อะไรก็ว่าไป แต่อีกหน่อยก็คงปรับเข้าหากันได้เองละ
คนท้องอารมณ์แปรปรวน อากิโตะอย่าดุน้องเยอะสิ
ไอจังน่ารักอ่ัะ
Chapter 11 ยามที่แสงแดดสาดลงมากระทบพื้นดิน ดวงตาสีฟ้าสว่างพลันลืมขึ้นมาอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะยันตัวลุกขึ้น ใบหน้าของไอสึกิซีดขาวจนไร้สีเลือด หากแต่เขาก็ไม่คิดที่จะเรียกให้คนที่นอนหันหลังให้อยู่ข้าง ๆ ลุกขึ้นมาช่วยเหลือ ร่างโปร่งประคองร่างที่ดูจะไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกจากบ้านไป โดยมีโคสึเกะขับรถออกมาให้ “ทะเลาะกับอากิโตะเหรอ ไอสึกิ”ดวงตาสีฟ้าที่ไม่ได้ฉายประกายสดใสเหมือนเคยเหลือบมองเสี้ยวหน้าของชายชราที่ยังแข็งแรงดีอยู่ชั่วขณะนึง “เปล่าครับ”ไอสึกิปฏิเสธด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเบือนหน้าออกไปมองข้างทางที่รถแล่นผ่าน ทั้งที่ใจไม่ได้จดจ่ออยู่กับมันสักนิด “ถึงไม่ใช่หลานแท้ ๆ แต่ฉันก็รู้จักอากิโตะมาตั้งแต่ก่อนเขาเกิดขึ้นมานะ”ชายสูงวัยเปรยขึ้นมาราวกับต้องการพูดกับตัวเอง แต่ที่จริงแล้วคืออยากบอกเล่าบางอย่างให้กับคนที่เปิดโหมดโลกส่วนตัวได้ฟัง “เขาได้รับความสำคัญมาตั้งแต่เด็กเพราะความสามารถที่เกินวัย ครอบครัวเขาเลยส่งไปเรียนในโรงเรียนเฉพาะของอัลฟ่าในต่างประเทศตั้งแต่เล็กโดยมีแต่คนรับใช้ที่ส่งไปดูแลเป็นเพื่อน พอกลับมาก็เข้ามาพลิกวิกฤตของบริษัทที่ใกล้จะล้มละลายให้กลับมามั่นคง อากิโตะน่ะชินกับการออกคำสั่งให้ทุกคนเชื่อฟังเขา มันอาจจะทำให้อึดอัดไปบ้างแต่ถ้ามองผ่านไป เขาก็เป็นคนที่คู่ควรไม่ใช่เหรอ” “ไม่รู้สิครับ”เสียงแหบตอบกลับมาอย่างสัจจริง มุมปากเรียวยกยิ้มขื่นขม “ผมไม่ได้รู้จักอะไรเขามากไปกว่าที่คนอื่นทั่วไปรู้หรอกครับ พวกเราไม่ได้พูดคุยอะไรกันมาตั้งแต่แรกแล้ว” “งั้นรึ” “ผมลืมตามาอีกทีก็อยู่บนเตียงของท่านประธานร่ำไปครับ”นับแล้วก็คงมีเพียงครั้งเดียวที่เขาตอบรับใครอีกคนด้วยความเต็มใจตอนมีสติ ความอบอุ่นที่ได้รับในครั้งนั้นทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อยเลย และเขาอยากได้อ้อมกอดนั้นอีก... “ฉันรู้นะ ว่าอากิโตะจริงจังกับเธอมาก”ไม่มีคำตอบรับจากคู่สนทนา แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าตัวคงไม่เชื่อคำพูดนั้น “คนที่โดนสั่งสอนจากพวกหัวโบราณมา แต่พอรู้ว่าเธอกำลังจะมีลูกก็รีบจัดการทุกอย่างเพื่อปกป้องเธอ ถึงขนาดจดทะเบียนสมรสอย่างนี้ เธอคิดว่าเขาจะแต่เล่น ๆ งั้นสิ ไอสึกิ” “...”ไอสึกิไม่ตอบอะไรกลับไปเหมือนเดิม เรื่องนั้นพิสูจน์ความจริงใจของอัลฟ่าที่ครอบครองตัวเขาได้อยู่ แต่... ทุกอย่างมันมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอนั่นล่ะ “ด้วยฐานะของอากิโตะ ถึงจะไปทำเบต้าหรือโอเมก้าคนไหนท้อง เขาจะเอาแค่ลูกแล้วทำให้เครื่องผลิตพวกนั้นหายสาบสูญไปมันก็ไม่ใช่เรื่องยากหรือไง”โคสึเกะถอนหายใจกับความอคติในใจของคนที่กำลังจะมาเป็นหลานอีกคนของเขา แต่การถูกกระทำมาเนิ่นนานมันคงฝังใจลุกในสายเลือดของพวกโอเมก้าไปแล้ว “เชื่อใจคู่ของเธอสิ ไอสึกิ” “...ครับ”ดวงตาฟ้าคู่นั้นหลุบมองมือถือที่สั่นในมือมาหลายครั้งอย่างชั่งใจ ก่อนจะเหลือบมองคนที่หันไปตั้งใจขับรถแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ อันที่จริงตัวเขาก็รู้ล่ะว่าตนเองนั้นเริ่มงี่เง่า อากิโตะห่วงเขากับเด็กในท้องมาก เขารู้... แต่ความเบื่อหน่ายนี่มันกัดกินตัวของไอสึกิมากเกินไปแล้ว “ครับ”สุดท้ายไอสึกิก็ยอมกดรับโทรศัพท์จนได้ เสียงที่รัวรอดผ่านมาตามคลื่นสัญญาณนั้นทำให้ใบหน้ามนแต้มรอยยิ้มได้ไม่ยากเย็น “ผมกำลังไปบริษัท... คุณโคสึเกะมาส่งครับ” ไอสึกิฟังอากิโตะพูดอีกสองสามคำก่อนจะวางมือถือลง เขาทิ้งตัวซุกเบาะนุ่มอย่างผ่อนคลาย แต่ท้องนั้นกลับปวดมวน เมื่อมาถึงบริษัท ร่างโปร่งวิ่งพรวดเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่คิดจะทักทายใคร ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมงานจากหลายแผนกที่มองมาเป็นตาเดียว พวกเขาหันไปมองชายสูงอายุที่ดูภูมิฐานซึ่งตามลงมาดูใครอีกคนอย่างเป็นห่วง แน่ล่ะ ว่าต้องมาหลายคนคาดเดาอะไรบางอย่างและฟันธงออกไปแล้ว... ไอสึกินอนฟุบหน้าลงบนหนอมนุ่มที่โต๊ะทำงาน เรี่ยวแรงที่น้อยลงไปกว่าเดิมนี่ทำให้เขาไม่อยากขยับตัวไปไหนแม้แต่เซ็นต์เดียว เส้นผมที่ร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงไม่อาจปิดบังช่วงคอได้เหมือนเคย รอยพันธะที่ใครบางคนทิ้งเอาให้ปรากฎชัดแก่สายตา ยิ่งทำให้หลายคนที่อยู่ในวงข่าวลือปักใจเชื่อ แต่... ใครที่เป็นเจ้าของรอยนี้ล่ะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด หรือคนที่มาส่งจำเลยเมื่อเช้านี้ สายตาของคนทั้งในและนอกแผนกที่ผ่านไปมาจับจ้องที่ร่างของโอเมห้าหนึ่งเดียวที่โงหัวขึ้นมาเขียนงานอย่างเชื่องช้า เสียงซุบซิบดังหึ่ง ๆ รอบตัวมันทำให้เขารู้สึกปวดหัวเพิ่มขึ้นมาจากอาการพะอืดพะอม มือขาวผลักไสอาหารร้อนที่คุณป้านานะทำมาให้ออกไป เขาไม่ได้อยากให้หญิงตรงหน้าเสียน้ำใจ แต่ร่างกายเขามันไม่อยากจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้น อดีตพยาบาลผู้แข็งแกร่งก็บังคับให้เขากินเข้าไปจนเจ้าตัวพอใจอยู่ดี “นี่... ฮานะมาอิ คนที่มาส่งนายเมื่อเช้านี่... คู่ของนายเหรอ”พนักงานเดินเอกสารฝ่ายการผลิตใจกล้าถามขึ้น พร้อมส่งรอยยิ้มเหยียด ๆ “หาได้ไม่เลวนิ” หนังตาหนักปรือขึ้นมองหน้าผู้พูดน้อย ๆ ก่อนปิดลงไปอีกครั้งอย่างไม่ใส่ใจ ตอนนี้เขาไม่มีแรงจะมาโต้เถียงกับใครทั้งนั้น “เงียบแบบนี้ ยอมรับล่ะสิ”คราวนี้ไม่ได้มาแค่รอยยิ้ม แต่เสียงก็ฉายแววเดียดฉันท์เช่นกัน “ดูมีฐานะดีนะคะ แย่งใครมาหรือเปล่า” “ทำงานเสร็จแล้วก็กลับแผนกไปสิ จะมาสิ่งสู่ที่การตลาดหรือไง”เสียงที่สอดมาแบบนี้คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโทโมเอะที่ยื่นเท้าเอวทำปากยื่นอยู่ไม่ไกล “ถ้างานน้อยนักเดี๋ยวฉันไปแจ้งหัวหน้าฝ่ายการผลิตให้ เอาไหมคะ” “ชิ”สาวต่างแผนกสะบัดหน้าใส่นางฟ้าการตลาดด้วยความไม่พอใจ แต่ยังไม่ทันที่เจ้าหล่อนจะได้ออกไปไหน ใครบางคนที่เธอไม่คิดว่าจะได้พบกลับเดินเข้ามาเสียก่อน “ทะ. ท่านประธาน” ใบหน้ากลมซีดเผือดลง ทุกคนในบริษัทรู้ดีว่าประธานอากิโตะนั้นไม่ชอบการที่พนักงานดูแคลนกันเองในบริษัท ต่างจากรุ่นก่อน ๆ ที่ถือตัว “ถ้าอยากเรียกนามสกุล ก็เรียกเขาว่าทากาฮาชิ ไม่ใช่ฮานะมาอิ”น้ำเสียงเยียบเย็นทะลุเข้าไปถึงหัวใจของคนฟังพอ ๆ กับสายตาคมกริบนั่น “หวังว่าผมจะไม่ได้ยินเรื่องเหลวไหลอีก” ร่างสูงก้าวยาว ๆ เข้าไปหาคนที่หลบหน้าออกมาก่อนด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล มือร้อนแตะใบหน้าซีดขาวด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรใช่ไหม ไอสึกิ”อากิโตะย่อตัวลงไปจนเข่าแทบชิดพื้น เขาลูบกลุ่มผมนุ่มที่ไม่ได้มัดรวบไว้เหมือนเคยส่งผ่านความห่วง “กลับไปพักที่บ้านเถอะ” “ไม่เป็นไรครับ... ผมโอเค”เสียงแผ่วเบาตอบกลับมาอย่างไม่ดูสภาพตัวเอง สัมผัสอุ่นที่ได้รับเรียกร้องให้หัวทุยขยับเข้าไปชิดกว่าเดิมอย่างเรียกร้องบางอย่างให้มากขึ้น “ผมดีขึ้นแล้วล่ะครับ” อากิโตะหยัดกายลุกขึ้นแล้วประคองให้ไอสึกิขยับมาซบแผ่นท้องของตน เขาโอบร่างซีดเซียวเอาไวหลวม ๆ อยู่พักใหญ่ ตัวเขาสังเกตมาพักใหญ่ ทั้งได้คุยกับหมอซาโต้บ้างแล้ว ไอสึกิคงมีอาการติดกลิ่นอยู่ไม่น้อย เพราะร่างโปร่งเมื่ออยู่กับเขามักจะไม่มีอาการแพ้ท้องมากนัก แต่ถ้าห่างกันไปพักนึง ก็จะเป็นอย่างที่เห็น ไอสึกิขยับตัวซุกไปกับหน้าท้องแข็ง หากแต่ให้ทำรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก เขาหลับตาลงรับความอบอุ่นร่างหนามอบให้พร้อมกับยิ้มหวาน “เดี๋ยวฉันไปเอานมมาให้ ดื่มสักหน่อยนะ”สีหน้าของคนรักดูมีเลือดฝาดมากขึ้นจนเขารู้สึกวางใจไปได้ไม่น้อย ไอสึกิที่ใจจริงแล้วไม่ได้อยากผละออกไปจากอ้อมกอดของใครอีกคน แต่ก็ยังไม่อยากขัดใจให้ปัญหาเกิดขึ้น เขาเลยขยับตัวออกมานั่งตัวตรงอย่างไม่อิดออด “รอแป๊ปนึง อย่าไปไหนล่ะ” อากิโตะอดไม่ได้ที่จะกำชับให้เด็กหัวดื้อฟังเขาสักที เมื่อคนตรงหน้าพยักหน้ารับคำแล้ว เขาจึงเดินออกไปเอานมเสริมแคลเซียมมาให้ไอสึกิโดยมีสายตาของเหล่าพนักงานที่ชะงักค้างมาตั้งต่ตอนที่ท่านประธานเดินเข้ามาจนถึงตอนนี้... “นี่... ไอสึกิ”มัตสึระย่องเข้ามาใกล้ ๆ คนที่ใครหลายคนคงต้องเริ่มที่จะเกรงใจขึ้นมาไม่น้อย ก่อนจะกระซิบถามขึ้น “รอยที่คอนายนี่ ของท่านประธานเหรอ” “อ่า...”ปากเล็กอ้าหุบ อ้าหุบ เหมือนปลาทองขาดน้ำ แต่ก็ไม่รู่จะตอบอะไรออกไปดี... ไอสึกิไม่ชอบโกหก แต่ถ้าเงียบไปก็คงเท่ากับยอมรับ... ไม่รู้ว่าอากิโตะจะว่ายังไง... มันอาจจะยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกก็ได้ “ถ้าอยากรู้ก็ถามฉัน”น้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกดังจากทางด้านหลังเล่นเอาขนรุกชันไปทั้งร่าง “แต่ฉันว่าฉันพูดชัดอยู่นะ” “อะ เอ่อ... ท่านประธาน” “ภรรยาของฉันต้องการการพักผ่อน หวังว่าจะไม่มีใครมารบกวนเขา”สายตาที่เย็นเยือกยิ่งกว่าน้ำแข็งกวาดมองโดยรอบอย่างคาดโทษไว้บนหน้าผากพวกขาเม้าส์ทุกคน “ถ้าใครพูดอะไรไม่เป็นประโยชน์ออกมาอีก อย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้า” ประโยคที่ไม่ยาวนัก แต่ก็ทำเอาทุกคนสลายโต๋ไปก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองกันหมด พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองเจ้านายของพวกเขาอีกเลย ก็คำว่าไร้สาระ มันประดับอยู่บนหัวพวกเขาเกือบทุกคนเลยนี่ “อย่าโหดนักสิครับ”ไม่รู้อะไรดลใจให้ร่างบางเอ่ยออกมา มือขาวรับเอาแก้วอุ่นมากุมไว้พร้อมส่งยิ้ม “เดี๋ยวทุกคนก็กลัวกันหมดหรอกครับ อากิโตะ” “งั้นเหรอ”ผู้ที่อยู่บนสุดของยอดพีระมิดของทากาฮาชิ กรุ๊ปเลิกคิ้วมองคนรักแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ “ถ้าอย่างนั้นนายก็ไปอยู่ที่ห้องทำงานฉันก่อนแล้วกัน ฉันจะได้ไม่ต้องลงมาทำให้ใครต้องกลัวอีก” การเชื่อมโยงเรื่องเข้าหากันหน้าตายเล่นเอาคนที่ยกนมขึ้นดื่มสำลักกจนหน้าแดง ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองคนพูดอย่างเคืองใจ ก่อนจะวางแก้วลง “ไปกันเถอะ”อากิโตะผู้ไม่เคยล้อเล่นกับความคิดของตน กึ่งประคองกึ่งหิ้วเอาไอสึกิขึ้นไปชั้นบนสุดโดยไม่สนใจต่อแรงต้านจากคนที่ไม่ค่อยมีแรงสักนิด “คุณอากิโตะ!” “หืม เมื่อกี้ยังเรียกอากิโตะอยู่เลย...”คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจนัก “นายเป็นคนรักของฉัน เรียกชื่อธรรมดาก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่” ไอสึกิถลึงตามองคนที่โอบเขาไว้แน่นจนในบางจังหวะเท้าเขาแทบจะลอยขึ้นจากพื้น จนสุดท้ายังไม่ทันพ้นประตูของฝ่ายการตลาด ร่างโปร่งก็ถูกช้อนตัวขึ้นมาอุ้มด้วยแขนเพียงข้างเดียว ทำเอาไอสึกิต้องโน้มไปกอดช่วงคอของอากิโตะไว้แน่น “นี่คุณจะทำอะไรกันแน่ครับ”ทั้งที่เคยคุยกันไว้ว่าจะยังไม่ให้ใครรู้ว่าพวกเขาเป็นอะไรกันถ้ายังไม่พร้อม แต่จู่ ๆ ก็มาประกาศตัวทั้งคำพูดและการกระทำแบบนี้... มันทำให้เขาหงุดหงิดไม่น้อยเลยเหมือนกัน “ถ้าปิดบังแล้วฉันไม่สามารถปกป้องนายด้วยตัวเองได้ สู้เปิดเผยให้รู้กันไปเลยดีกว่า”น้ำเสียงที่เอ่ยมาฟังดูเรียบเฉย แต่คำที่พูดกลับหนักแน่นชัดคำเสียจนทำให้ท่าทีของคนที่ถูกอุ้มอยู่นั้นอ่อนลง “การที่ต้องมาได้ยินพนักงานที่ผ่านไปมาพูดถึงนายไม่ดี มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ และมากไปกว่านั้นคือมันทำให้ฉันโกรธมากซะด้วย” “คุณไม่เห็นจะต้องไปสนใจ...” “ฉันจะไม่สนใจ ถ้ามันไม่ใช่เรื่องของนาย”นัยน์ตาสีเทาหลุบลงมองแผ่นท้องที่นูนขึ้นเล็ก ๆ ซึ่งถูกซ่อนไว้ภายใต้เสื้อตัวหลวม “และลูกของเรา” ไอสึกิยิ้มและไม่ต่อคำอีก สุดท้ายเขาก็ยังแพ้คำว่า ‘เรา’ ของอีกฝ่ายอยู่ดี หลังจากวันนั้น ไอสึกิก็ถูกย้ายมาอยู่ในสายตาของท่านประธานใหญ่แห่งทากาฮาชิ กรุ๊ปไปโดยปริยาย เสียงซุบซิบที่เคยมีก็พลันหายขวับไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับว่าไม่เคยมีมันเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ อากิโตะสั่งเปลี่ยนเก้าอี้ทำงานในห้องกว้างให้ใหญ่ขึ้น และสั่งให้เอาโซฟานุ่มมาวางเอาไว้พร้อมกองหมอนที่มุมหนึ่งของห้อง ตู้เย็น กาน้ำร้อน ไมโครเวฟ เครื่องอำนวยความสะดวกหลายอยากถูกยกเข้ามาภายในเสียจนห้องใหญ่นี้ดูแคบลงไปอย่างเห็นได้ชัด เพื่อคนเพียงคนเดียว... แต่ถึงจะเตรียมอะไรไว้มากมาย ไอสึกิก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ซุกอยู่ในอ้อมแขนของอากิโตะจนหลับไปให้เจ้าตัวอุ้มเขาไปนอนหลับสบายบนโซฟาอุ่นรอเลิกงานทุกวัน สามสหายของร่างบางโบกปูนสร้างเกราะหินในใจบุกเข้ามาหารุ่นน้องที่แสนจะเป็นห่วงในห้องทำงานของเจ้านายผู้ถือสิทธิ์ขาดในการทำงานอย่างใจกล้า ถึงจะถูกสายตาพิฆาตจังจ้องมา แต่พวกเขาก็ทำเมินห้อมล้อมใครอีกคนจนแน่ใจว่าไอสึกิสบายดีถึงพากันออกไปได้ แต่ก็ยังมีแวะเวียนติดสอยห้อยตามนานะมาช่วงพักกลางวันบ้างเป็นบางครั้ง แผ่นท้องที่เคยแบนราบนั้นเริ่มนูนขึ้นจะเสื้อที่เคยสวมปิดไม่อยู่ในช่วงจะเข้าเดือนที่สี่ ไอสึกิหรี่ตามองการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดจนต้องถอนหายใจ “เดี๋ยวฉันให้คนไปซื้อเสื้อให้ใหม่”อากิโตะพูดขึ้นหลังจะเห็นคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปมยุ่งเหยิง “วันนี้ทนอึดอัดไปก่อนนะ... หรือว่าเอาเสื้อชั้นไปใส่ก่อนดี” “ไม่ได้อึดอัดอะไรหรอกครับ”แค่กางเกงที่เคยหลวมมันกลับมาพอดีตัวเท่านั้นเอง “ถ้าซื้อเสื้อผ้าใหม่ ผ่านไปอีกพักนึงก็ต้องซื้ออีก... มันคงสิ้นเปลืองไม่น้อยเลยนะครับ” “ไม่เอาน่า อย่าคิดมากสิ ฉันมีเงินซื้อเสื้อมาเปลี่ยนให้นายได้ทุกวันนั่นล่ะ”ร่างสูงโอบกอดคนรักจากทางด้านหลัง ริมฝีปากอุ่นฉกชิงความหอมจากแก้มนุ่มไปหลายที “ไม่ทำหน้าอย่างนี้สิ ไม่เอาก็ไม่เอา อืม... ฉันคิดว่านายคงไม่อยากใส่ชุดคลุมท้อง... ถ้าอย่างนั้นเอายูกาตะไหม ถ้านายไม่อยากจะซื้อเสื้อใหม่บ่อย ๆ” “อย่างนั้นก็ได้ครับ”มันคงเป็นทางเลือกที่ดูดีที่สุดเท่าที่หาได้แล้ว “ไม่เอาสีฉูดฉาดนะครับ” “ได้สิ”อากิโตะรับคำเบา ๆ ไอสึกิเหลือบมองคนที่ยังไม่ปล่อยตัวเขาออกจากอ้อมแขนสักที เมื่อมองแล้วก็ยังไม่ขยับอะไร เขาเลยทิ้งตัวพิงแผ่นอกหนาที่ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเขาก็ซุกหาไออุ่นไปไม่รู้กี่ครั้ง ปล่อยให้อีกคนคลอเคลียพวงแก้มของตนไปจนกว่าจะพอใจ “ทำแบบนี้แล้วไม่อยากไปทำงานเลยนะ”ถ้อยคำที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากอัลฟ่าผู้เคร่งขรึมและแสนจะจริงจังอย่างอากิโตะ เล่นเอาไอสึกิชะงักเบือนหน้าไปหาคนพูดด้วยความตกใจ “ฉันก็อยากอยู่บ้านเป็นเหมือนกันนะ” “อย่างนั้นเหรอครับ”เขาหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อถือ แต่ก็ไม่โต้ตอบอะไรกลับไป “แต่ยังไงก็ได้เวลาไปทำงานแล้วนะครับ” อากิโตะถอนหายใจเบา ๆ แล้วบิดตัวก้าวมาอยู่ข้างหน้าคนรักก่อนจะโน้มหน้าลงมอบจุมพิตยามเช้าอันแสนหวานเติมเต็มความอบอุ่นในหัวใจของกันและกัน “ไปกันเถอะ” นับว่าเป็นภาพที่ชินตากันแล้ว กับการที่จะเห็นประธานใหญ่โอบร่างของพนักงานที่เป็นโอเมก้าเพียงหนึ่งเดียวของบริษัทเดินเข้ามาในตึกยามเช้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตกเป็นเป้าสายตาเสียทุกที ยิ่งตอนนี้ที่เริ่มเห็นท้องที่นูนออกมา ยิ่งเรียกสายตามากขึ้นไปอีก อาการแพ้ท้องของไอสึกิดีขึ้นมาก เขาไม่จำเป็นจะต้องไปซุกอยู่ในอ้อมแขนของอากิโตะทั้งวันอีกต่อไป นั่นทำให้เจ้าตัวลัลล้าได้มากขึ้นสวนกันคนที่อดกอดร่างหอม ๆ เอาไว้ที่รู้สึกขาดอะไรไปซะอย่างนั้น แน่นอนว่าเมื่อไม่แพ้ท้องจนหมดเรี่ยวแรงแล้ว หลังจากนั่งว่าง ๆ ไปกว่าครึ่งวัน คนขยันอย่างไอสึกิย่อมอยากจะกลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะของเขา แต่อากิโตะก็ไม่ยอม “ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้วสักหน่อย”เจ้าตัวทำหน้าบึ้งเมื่อโดนคนที่มีอำนาจสูงสุดขัดใจ “ให้ผมนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ตลอดก็ไม่ไหวนะครับ” “ไอสึกิ นายควรพักผ่อนเยอะ ๆ ไม่ใช่ไปเดินวนรอบบริษัทหรือนั่งจ้องหน้าคอมจนตาแห้ง”เสียงดุ ๆ ตอบกลับมาทันควัน “ให้ผมนั่งแยกใบสั่งซื้อธรรมดาก็ได้”เขารู้ดีว่าคนตรงหน้าเป็นห่วง แต่การงอมืองอเท้ามันก็ไม่ใช่วิสัยของเขาอยู่ดี “ดีกว่าให้ผมนั่งกินนอนกินอยู่เฉย ๆ” “ไม่เอาน่า อย่าดื้อสิ!”เสียงที่ส่งมาเริ่มใส่อารมณ์มากขึ้น มือหน้าโยนแฟ้มหนักลงบนโต๊ะเสียงดังแล้วยันตัวลุกขึ้น “ฉันต้องการให้นายอยู่เฉย ๆ เพื่อลูก เข้าใจไหม” “ไม่!!!”ไอสึกิโต้กลับเสียงดัง “ผมจะไม่เอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่แบบนี้ คุณเข้าใจผมไหม คุณอากิโตะ” “ฉันไม่อนุญาตให้นายดื้อกับฉัน ไอสึกิ!” “ผมไม่ยินยอมให้คุณมาบังคับผมเหมือนกัน คุณอากิโตะ!” สายตาสองคู่จ้องกันเขม็ง จนอากิโตะเป็นฝ่ายละสายตาไปคว้าสู้ขึ้นมาสวม “ฉันมีงานเลี้ยง อยู่นิ่ง ๆ รอจิโร่มารับนายกลับไปที่บ้านยามาโมโตะ ไปนอนพักซะ”คำสั่งสั้น ๆ ถูกทิ้งเอาไว้ก่อนที่ร่างสูงจะก้าวฉับ ๆ ออกจากห้องไป “ฉันยังไม่อยากคุยกับนายตอนนี้ ไอสึกิ” ไอสึกิเบิกตากว้างเมื่อได้ยินถ้อยคำนั้นที่ความหงุดหงิดที่สุดอยู่พุ่งสูงปรี๊ด เขาปัดของบนโต๊ะกระจกตัวเตี้ยลงบนพื้นระบายอารมณ์แล้วเดินพุ่งออกไปนอกห้องเช่นกัน เลขาสาวที่ยังนั่งจัดการงานอยู่พยายามจะเอ่ยห้าม แต่ก็ไม่อาจห้ามไว้ได้ ในส่วนนึงเธอกลัวว่าจะไปกระทบครรภ์ของไอสึกิด้วย จึงไม่กล้าที่จะออกแรงมาก ร่างโปร่งก้าวออกมานอกบริษัทเพียงลำพังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่อากิโตะเข้ามาดูแลเขา ใจนึงเขาก็กะที่จะไปนั่งเล่นอยู่ร้านของนานะ แต่อีกใจที่เหมือนจะมีน้ำหนักมากกว่ามันกลับสั่งให้ขาเดินไปยังร้านขายขนมหวานเจ้าอร่อย มือเรียวกำลังยื่นไปผลักประตูให้เปิดออก หากแต่ทุกอย่างก็มืดลงอย่างเฉียบพลัน ไอสึกิดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการ แต่ยังไม่ทันที่จะสำเร็จสติของเขาก็พลันหลุดลอยหายไป ไม่รับรู้อะไรอีกเลย @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ช่วงชิงเวลาที่ตัดจากหน้ากากไปเป็นข่าวมาอัพค่ะ ฮ่าๆ รีบบบบบ ทุเรียนนนน แต่วันนี้... ชอบอีกาง่าาาาาาา โอ้ยยยยยยย แวบละเจ้าค้าาา เจอกันตอนหน้า เผ็ช~(นั่งเคี้ยวพริกต่อไป ฮึก ๆ)
โอ้ เป็นอีกเรื่องที่อ่านได้เรื่อย ๆ แบบไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลยล่ะค่ะ แต่ว่านะ เนื้อหามีคำผิดค่อนข้างเยอะมากเลย อยากให้ช่วยตรวจทานด้วยนะคะ แล้วก็อยากให้เพิ่มคำอธิบายเกี่ยวกับพวกคำศัพท์หรือรายละเอียดเกี่ยวกับ Omegaverse มากกว่านี้ด้วยค่ะ ส่วนตัวที่เคยอ่านพวกโดจินแนวนี้เลยไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าคนที่ไม่เคยอาจจะงงได้
พวกคร่ำครึมาจับไอจังไปแล้วว อากิโตะ ก็อย่าดุคุณภรรยาหัวดิ้อนักสิ
ดื้อจนได้เรื่อง... อีกคนก็เอาแต่สั่งเสียงแข็ง
ดุเหลือเกินพ่อคุณ 55555
ดื้อจนได้เรื่องมั้ยละ ไอไอ
Chapter 12 สัมผัสหนัก ๆ และเย็นที่ข้อเท้าเป็นความรู้สึกแรก แพขนตาหนาขยับสั่นไหวก่อนเปลือกตาจะลืมขึ้นมา ดวงตาคู่สว่างกวาดมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก เขาสูดลมหายใจลึกเพื่อตั้งสติหาทางหนีทีไล่ “บ้าชะมัด”ข้อเท้าขวาถูกคล้องไว้ด้วยโซ่เส้นหนาเหมือนสุนัข ปลายของโซ่นั้นยึดติดไว้กับขาเตียงแข็งยากที่จะดึงหลุด ที่แย่ไปกว่านั้น... คือการที่ร่างเขาเหลือเพียงเสื้อคลุมไว้ตัวเดียว เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างระหงสองร่างเดินเข้ามา ใบหน้าที่มองแล้วคุ้น ๆ พาให้ไอสึกิจ้องอยู่นานจนกระทั่งนึกขึ้นได้ คนนึงในนี้คือนาโอมิ คู่หมั้นของอากิโตะ ส่วนอีกคนที่สูงวัยกว่าเขามั่นใจว่าไม่เคยพบมาก่อน แต่มองจากใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับคนที่เขาเพิ่งมีปากเสียงกันมาแล้วก็เดาได้ไม่ยากว่าต้องมีความสัมพันธ์กับอากิโตะแน่ “คนนี้น่ะเหรอ”คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน ตาคมปราดมองร่างที่ยันตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วก้าวเข้าไปหยุดข้างเตียงแคบ “ท้องนูนขึ้นมาแล้วนิ” “ค่ะ คุณแม่”ใบหน้าของนาโอมิบูดบึ้ง เธอมองร่างที่เริ่มมีน้ำมีนวลอย่างรังเกียจ ยิ่งเห็นแผ่นท้องที่นูนป่องมันยิ่งทำให้ใบหน้าสวยบึ้งตึง “มีรอยกัดแล้วซะด้วย”มือเรียวจิกเส้นผมนุ่มพร้อมกดให้ก้มหน้าลงแล้วกระชากขึ้นมาให้สบตากับเธอ “อากิโตะคงถูกใจเธอมากสินะ” ไอสึกิสบตากับคนที่มองเหยียดมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย และไม่คิดจะปริปากพูดตอบอะไรด้วย “หึ”คุณนายทากาฮาชิปล่อยมือออกจากของที่หล่อนมองว่าเป็นของเล่นของบุตรชาย ก่อนจะปรายมาไปมองว่าที่สะใภ้ที่เธอหมายตาไว้ตั้งแต่ยังเล็กซึ่งกำลังมีสีหน้าบูดเบี้ยวไม่น่าดูสักนิด “ก็แค่ของเล่นชั่วคราว อย่าคิดมาผยอง เข้าใจไว้ซะด้วย โอเมก้า” คำที่ตอกย้ำตัวตนนั้นไม่สามารถทำให้ไอสึกิสะเทือนได้ เขายังคงมีสีหน้าและแววตาที่เรียบเฉยไม่ต่างอะไรจากตอนแรกไม่แม้แต่จะหลบตาที่จ้องตรงไปยังหญิงวัยกลางคนซึ่งกระตุกยิ้มเย็นแล้วถึงปล่อยมือออกจากคนที่อยู่บนเตียง “ไปกันเถอะ งานแถลงข่าวใกล้จะเริ่มแล้ว”คุณนายทากาฮาชิเอ่ยกับว่าที่สะใภ้ของเธอ ก่อนจะมองมาที่ไอสึกิอีกครั้ง “แต่... คุณแม่คะ จะเอายังไงกับมัน...” “นาโอมิคิดว่ามีวิธีอะไรที่จะจัดการเด็กคนนี้ในไม่ชั่วโมงให้อากิโตะเกลียดจนทิ้งมันล่ะ”น้ำเสียงที่ถามสวนกลับไปเย็นเยียบ “ฉันต้องการแค่เอาเด็กนี่มาต่อรองเรื่องการให้เขาแต่งงานกับเธอ เรื่องอื่นฉันไม่ยุ่ง” “ถ้าอย่างนั้น หนูจะทำอะไรกับมันก็ได้สินะคะ คุณแม่”ริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดเหยียดยิ้มสมใจแล้วสะบัดกายเดินตามหลังผู้สูงวัยกว่าออกไป ร่างที่เกร็งแข็งผ่อนคลายลงหนังจากที่หญิงทั้งสองเดินออกไป ไอสึกิปิดตาลงด้วยความกังวล มือเรียวทาบหน้าท้องไว้โดยไม่รู้ตัว “อากิโตะ...” “คุณอากิโตะครับ”น้ะเสียที่เจือความเคร่งเครียดไว้อย่างเข้มข้นเอ่ยกระซิบข้างหลังชายหนุ่งที่ผู้คุยกับนักธุรกิจแนวหน้าต่างถิ่นซึ่งเป็นพันธมิตรกันอยู่ “ขอตัวสักครู่นะครับ”มุมปากหยักยกยิ้มให้กับคนตรงหน้าเล็ก ๆ ก่อนจะหันไปหาพ่อบ้านของตน “มีอะไรจิโร่ ฉันกำลังคุยธุระอยู่...” “คุณฮานะมาอิหายตัวไปครับ”นับเป็นครั้งแรกที่จิโร่เอ่ยขัดผู้เป็นนาย “ผมให้คนออกตามหาแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่พบตัวครับ” “ไอสึกิหายตัวไปได้ยังไง!”อากิโตะเบิกตากว้าง แต่ก็พยายามควบคุมตัวเองไม่ได้ยื่นมือไปกระชากคนเสื้อคนสนิทระบายอารมณ์ “ฉันสั่งให้ไอสึกิรอนายอยู่ที่บริษัท แล้วเขาหายไปได้ยังไง!!” “คุณอากิโตะทะเลาะกับคุณฮานะมาอิใช่ไหมครับ”พ่อบ้านวัยกลางคนไม่ตอบคำถามที่ได้รับ แต่ถามกลับไปแทน “...”เขาลืมไปได้ยังไงกันว่าคนรักของเขาเป็นคนหัวดื้อแค่ไหน ยิ่งมีปากเสียงกันแบบนี้ยิ่งทำให้เตลิดไปไกล “ไอสึกิไม่ได้ออกไปกับเพื่อนของเขาใช่ไหม” “ไม่ครับ ทั้งร้านขายของที่คุณฮานะมาอิชอบไป และเพื่อนร่วมแผนกของเขาทุกคนก็ไม่เห็นตัวของคุณฮานะมาอิเลยครับ” “แล้วตอนนี้มีข่าวอะไรบ้าง”อากิโตะพยายามสงบใจของตนเองลง “ตอนนี้เราทราบแค่ว่าคุณฮานะมาอิออกจากบริษัทไปช่วงห้าโมงและเดินข้ามไปอีกฝั่ง แต่กล้องของเราไม่ได้ติดตั้งไว้ให้ฉายไปถึงอีกฝั่งได้ จึงไม่ทราบว่าเขาไปไหนครับ ตอนนี้กำลังประสานงานขอดูกล้องของร้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทั้งหมดอยู่”จิโร่รายงานรวดเดียวแบบไม่หายใจ สีหน้าของผู้เป็นนายย่ำแย่ขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาคู่คมวาวโรจน์อย่างน่ากลัว “ฉันสั่งให้เปลี่ยนกล้องใหม่ไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ!”ร่างสูงก้าวขายาว ๆ ออกจากงานไปอย่างเร่งรีบ “ให้คนของเราออกตามหาให้ทั่ว ถ้าร้านพวกนั้นไม่ให้ความร่วมมือดี ๆ ก็พังมันทิ้งซะ” “ครับ”เมื่อได้รับคำสั่ง พ่อบ้านควบตำแหน่งมือขวาของประธานใหญ่แห่งทากาฮาชิก็สั่งการออกไปทันทีอย่างไม่รีรอ อากิโตะหยิบมือถือออกมาเพื่อโทรหาเพื่อนสนิทอย่างฮาคุ แต่ก็มีการแจ้งเตือนของแอพริเคชั่นสีเขียวดีดขึ้นมาให้กดเข้าไปดู ภาพของไอสึกิที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตตัวเดิมที่คุ้นตาและมีโซ่คล้องขาเอาไว้กลับคลิปที่น่าจะตัดมาจากกล้องที่ถูกติดตั้งเอาไว้มุมห้องทำให้เขารู้สึกปวดหนึบในอก คนที่เขาบอกกับตัวเองว่าต้องปกป้องเอาไว้กำลังดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดออกมา มือข้างนึงของไอสึกิประคองท้องที่ยังไม่ได้นูนเด่นมากนักเอาไว้ด้วยความต้องการปกป้องลูกของพวกเขา “ฮาคุ”เสียงที่ลอดสายโทรศัพท์ไปเย็นเยือกไอถึงไขสันหลัง “ฉันต้องการยืมคนของนาย ส่งไปที่บ้านใหญ่” “เกิดอะไรขึ้นน่ะ”ฮาคุถามกลับมาด้วยความประหลาดใจ เพราะถึงจะไม่ได้ชิดเชื้อกันนัก แต่อากิโตะก็ไม่เคยดูมุ่งร้ายกับบ้านหลักของตนขนาดนี้ “พวกเขาจับตัวไอสึกิไป”คำพูดสั้น ๆ ที่ไม่ต้องขยายความอะไรมาก ฮาคุรับปากแล้ววางสายไปอย่างรู้กัน “ที่ห้องใต้ดิน” ด้วยความที่โทรไปได้จังหวะตอนที่ฮาคุนั่งกินข้าวกับครอบครัว ยามาโมโตะ โคสึเกะที่เปิดเรด้าห์หูฟังบทสนทนานั้นก็ของขึ้นแล้วนำทีมบอดี้การ์ดแนวหน้าของตระกูลออกไปบุกรังจิ้งจอกด้วยตนเองทันที สถานที่จัดงานแถลงข่าวที่บ้านใหญ่ของทากาฮาชิจัดเตรียมไว้นั้นอยู่ไม่ใกล้ หากแต่ก็ไม่ไกลจากที่จัดงานเลี้ยงของอากิโตะมากนั้น ทำให้อากิโตะสามารถไปถึงได้อย่างรวดเร็ว ผู้สื่อข่าวที่จู่ ๆ ก็ได้รับข้อความเชิญต่างพากันมาอย่างรีบเร่ง ด้วยความหวังที่จะได้ข่าวใหญ่ไปเรียกเรตติ้งให้สำนักงานของตน “แม่คิดจะทำอะไร”เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นก่อนที่ร่างสูงจะก้าวเข้ามาเสียอีก “จะมายั่วโมโหอะไรผม” “หึ ใครสั่งให้แกไม่รักดี ไปเอาเด็กโอเมก้ามากกไว้แล้วหลงใหลจนถอนหมั้นหนูนาโอมิกัน!!!”คุณนายทากาฮาชิผู้เป็นแม่ขึ้นเสียงใส่ลูกชายที่ขัดใจเธออย่างมากดังลั่น “โอเมก้าชั้นต่ำนั่นก็เป็นได้แค่ของเล่นเท่านั้น ฉันสอนแกมากี่ครั้งแล้ว ห๊ะ!!!” “ไอสึกิเป็นคนรักของผม”สายตาที่เย็นชาพอ ๆ กับน้ำเสียงสาดส่งไปให้เหล่าคนที่นั่งรอเวลากันอย่างทั่วถึง “ถ้าคิดจะแตะต้องเขา อย่าหาว่าผมไม่เตือน” “แกมันนอกคอก ทำแต่เรื่องเสื่อมเสียให้กับตระกูล!”เสียงกรีดร้องแหลมสูงจนต้องนิ่วหน้าแผดดังคับห้องเล็กหลังเวที “แกต้องแต่งกับนาโอมิ จำไว้ อากิโตะ แกไม่มีสิทธิ์มาขัดคำสั่งของฉัน!!!” “ผมไม่เคยฟังคำสั่งของใคร คุณก็รู้ดี”ถ้อยคำนั้นห่างเหินออกไปอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าแกไม่อยากให้เด็กนั่นตาย แกต้องฟังคำสั่งฉัน”ใบหน้าสวยยิ้มเยาะอย่างเหนือกว่า “ทั้งเด็กคนนั้นและลูกในท้องด้วย” “ถ้าคุณกล้า ‘ฆ่า’ หลานของคุณเอง ก็ลองดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น”อากิโตะไม่คิดที่จะตกเป็นเบี้ยล่างให้ใคร เขาหันหลังเดินขึ้นไปบนเวทีโดยไม่คิดจะรออะไรอีก เขารู้จักนิสัยของแม่ตัวเองดี และมั่นใจว่าแม่จะไม่มีทางทำร้ายสายเลือดของตนด้วย “ขอขอบคุณพี่น้องนักข่าวที่มาในวันนี้นะครับ”มือหนาคว้าไมค์ขึ้นมาพูดโดยไม่คิดจะนั่งลง “ผมจะขอรบกวนเวลาพักผ่อนของทุกคนไม่นาน” “ถ้าคุณกล้าหักหน้าฉัน เราจะได้เห็นดีกันแน่ อากิโตะ”นาโอมิที่เพิ่งก้าวขึ้นเวทีมากระซิบจากข้างหลังก่อนจะมายืนยิ้มหวานส่งให้กับนักข่าว “ผมอยากบอกให้ทุกคนได้รับรู้นะครับ ว่าผมแต่งงานแล้ว”เสียงฮือฮาของเหล่าผู้กระหายข่าวใหญ่ดังอื้ออึง “และภรรยาของผมไม่ใช่คนที่อยู่ข้างผมตอนนี้ครับ ผมขอตัว ส่วนคุณ ได้เห็นดีกับผมแน่ ไม่ต้องกังวลไป!” เสียงกรีดร้องแหลมสูงมาพร้อมคำด่าทอดังไล่หลังประธานใหญ่ผู้เอาแต่ใจอย่างเสมอต้นเสมอปลายมา เขารีบพุ่งตัวออกไปขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปหาคนที่ใจเขากำลังคะนึงหา ไม่รู้ว่าฮาคุจะช่วยไอสึกิออกมาได้หรือยัง... ไอสึกิที่ล้มเลิกการหาทางปลดปลอกขาที่ล็อกกุญแจแน่นไปหลังจากที่พยายามอยู่พักหนึ่ง เขาขยับตัวไปนั่งพิงตัวเตียงแข็งและเย็นด้วยความเหนื่อยอ่อน เสียงเปิดประตูที่ดังขึ้นทำให้ร่างทั้งร่างแข็งทื่อ ไอสึกิหันไปมองผู้มาใหม่ด้วยความระแวง แต่ก็ไม่ทันจะได้ส่งเสียงอะไร หญิงสาวในชุดเมดสี่คนก็พุ่งเข้ามาลากตัวเขาและกดเขาลงกับเตียงพร้อมทั้งพยายามป้อนยาบางอย่างให้เขากิน ไอสึกิเบือนหน้าหนีเม็ดยาที่ถูกยัดเยียดนั่น เขาพยายามดิ้นรนให้หลุดจากการฝืนบังคับ “รีดมันออกมา เร็วเข้า”สัมผัสหนัก ๆ ที่กดทับหน้าท้องทำให้ร่างผอมต้องงอตัวลง เขาดิ้น ดิ้น ดิ้นและดิ้นหนีความรุนแรงที่จะกระเทือนลูกน้อยอย่างยากลำบาก “กดลงไป แรง ๆ เร็วเข้าสิ ต่อยมันไปหนัก ๆ เลยเร็ว!” เสื้อสีอ่อนถูกเลิกขึ้นให้เห็นท้องนูนเล็ก ๆ ซึ่งกำลังขึ้นสีช้ำจากแรงกดกระแทก ไอสึกิใช้แรงฮึกสะบัดร่างของหญิงสาวสองคนที่ตึงแขนเขาเอาไว้ออกมากอดตัวเองไว้แน่น ไม่ให้ใครมาแตะต้องจุดที่ลูกของเขาฝังตัวอยู่ได้ “ดื้อด้านนัก”คราวนี้คนที่คอยออกคำสั่งเป็นฝากเดินเข้ามากระชากหัวของไอสึกิขึ้นแล้วฟาดมือตบลงมาซ้ำหลายที “แกทำให้คุณหนูเสียใจดีนัก ต้องเจอแบบนี้” ยาเม็ดเล็กถูกบังคับให้กลืนเข้าไป ก่อนที่แท่งซิลิโคนที่หล่อเป็นรูปเครื่องเพศบุรุษขนาดใหญ่จะถูกฝืนสอดเข้าไปยังช่วงทางหลังซึ่งหุบสนิท “อึก”ความเจ็บปวดจากกระปริขาดของเนื้อเยื่ออ่อนวิ่งไล่มาตามเส้นประสาท แต่ไอสึกิก็ไม่ร้องออกไปให้คนมุ่งร้ายพวกนั้นได้ใจ ซิลิโคนเนื้อแข็งที่เย็นชืดกระแทกเข้ามาในร่างกายของเขาอยู่หลายทีก่อนจะถูกกระชากออกไปอย่างแรง “หึ ของสกปรกอย่างแก คุณชายไม่มีทางเก็บไว้หรอก”เสียงตะคอกจากตัวหัวหน้าดังสะท้าน “จริงสิ! ถ้าคุณชายเป็นคนสั่งให้รีดเด็กออกจากท้องแกเอง จะเป็นยังไงกันนะ น่าสนุกใช่ไหมคะ” ร่างสูงใหญ่ของคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทำเอาร่างที่อยู่บนเตียงผวา ไอสึกิเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง ความทรงจำเลวร้ายที่เคยต้องวิ่งหนีเหล่าอัลฟ่าที่กำลังกระหายย้อนกลับเข้ามาในสมอง เขาเริ่มที่จะดิ้นรนอีกครั้งด้วยเรี่ยวแรงที่มากกว่าเก่า ข้อเท้าเรียวถูกดึงรั้งด้วยแรงที่มากกว่า ไอสึกิตวัดขาฟาดใส่ที่ข้างลำคอของคนที่มาแตะต้องตัวเขาเต็มแรงก่อนจะยันตัวลุกขึ้น ลืมความแสบที่ช่องทางหลังไปโดยไม่รู้ตัว สายโซ่ที่ไม่ยาวนักทำให้ร่างโปร่งยืนได้แค่บนเตียง แต่มันก็เพียงพอให้คนที่มีทักษะการต่อสู้ติดตัวอยู่เคลื่อนไว้ได้ไม่ยากเย็น เพราะอยู่ที่สูงกว่ามุมของการวาดขาข้างที่เป็นอิสระออกไปจึงทำได้เต็มที่ เตียงที่เล็กแคบทำให้เบต้าร่างใหญ่ทั้งหลายตะกายขึ้นมายากขึ้นด้วยไม่มีพื้นที่ในการยืนมากพาสำหรับพวกเขา ทั้งยังต้องคอยกันลูกเตะ ลูกถีบของโอเมก้าน้อยที่แสนพยศ มือหนาของคน ๆ หนึ่งคว้าเอาสายโซ่เส้นหนาเอาไว้ได้ เขากระตุกอย่างแรงเพื่อให้ร่างที่ยืนหยัดอยู่ทรุดลงมานั่งกับพื้นเตียง “ฤทธิ์มากนักนะ”หัวโจกที่ดูตัวใหญ่กว่าใครเพื่อนก้าวเข้ามากระชากคอเสื้อของไอสึกิแล้วฟาดมือลงที่แก้มนุ่มเต็มแรง “ก็ดี แรงเยอะก็ดี ถึงใจดี” เลือดสีเข้มไหลซึมที่มุมปาก ดวงตาคู่สวยตวัดมองผู้พูดและพรรคพวกด้วยสายตาหยามเหยียด “ถุ้ย”น้ำลายเหนียวบนสีเลือดสาดเข้าที่ใบหน้าหยาบกร้าน มันยิ่งทำให้อีกฝ่ายโกรธจัด “ก็เป็นแค่ลูกหมาใต้กระโปรงผู้หญิงคนนั้น ทำมาพูดดี” “แก!!”หลังมือฟาดกลับเข้าที่ซีกแก้มอีกข้างจนบวมเป่ง ขาวเรียวถูกชายอีกสองคนเข้ามารุมจับแหกกว้าง “จะเป็นเมียพวกฉันแล้วยังมาปากดี หึ” ปัง ปัง ปัง เสียงลั่นไกปืนยิงรัวสามนัดติดดังสนั่น ร่างสูงใหญ่ที่เป็นหัวโจกทรุดตัวฟุบลงเช่นเดียวกับชายอีกสองคนที่ลงไปกองอยู่กับพื้น “ไอสึกิ”เสียงที่คุ้นเคยร้องเรียกคนที่ทำใจแข็งทั้งที่กำลังหวาดกลัวก่อนที่สัมผัสอันอบอุ่นจะโถมเข้ามาโอบรัดร่างของเขาเอาไว้ “ไอสึกิ” “อากิโตะ...”น้ำเสียงอ่อนระโหยและสั่งเครือนั้นกรีดลึกเข้าไปในใจของอัลฟ่าหนุ่ม “อากิโตะ...” “ไม่เป็นไรแล้วนะ ไอสึกิ”ร่างที่มีรอยช้ำกระจายไปทั่วถูกรวมขึ้นมาไว้ในอ้อมอก ยิ่งเห็นสภาพของคนรักยิ่งทำให้ไฟที่สุมอยู่ในอกของประธานใหญ่แห่งทากาฮาชิ กรุ๊ปลุกโชน เขากวาดมองพวกที่กล้าหาญมาแตะตัวของไอสึกิด้วยสายตาโกรธแค้นชิงชัง “จัดการพวกมันซะ ไม่ต้องสนทั้งนั้นว่าจะชายจะหญิง จะอัลฟ่าจะเบต้า!!”เป็นคิริวร้องสั่งการขึ้นมาก่อนที่อากิโตะจะพูดอะไรออกมา ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าตัวยังเข้ามายกเท้ากระทืบคนที่สร้างรอยแผลบวมแดงไว้บนหน้าเพื่อนของเขาระบายความโกรธที่มันตีขึ้นมาไม่ยั้งแรง “ฮาคุ ฉันต้องการไม้เบสบอล” “ฉันว่าตัดมือมันทิ้งไปก่อนเลยดีกว่า”ฮาคุเองก็ไม่คิดจะห้าม เขาเดินเข้ามาเหยียบมือที่โสโครกข้างนึงไปแนบพื้นก่อนจะค่อย ๆ บิดขยี้ช้า ๆ แต่หนักหน่วง “ไม่ต้องคิดว่านายแกจะมาช่วยแกได้... ฉันไม่คิดว่าทากาฮาชิ อากิโตะจะปล่อยมันให้ลอยหน้าลอยตาแน่... แต่คิดอีกที อาจจะไม่ต้องถึงมือหมอนั่นก็ได้” ป่านนี้ท่านโคสึเกะคงถล่มยับไปแล้ว เหลือแต่ซากไปให้พวกเขาได้เก็บล่ะมั้ง ก็พอรู้ว่าต้นตอเป็นใครพ่อท่านก็เบนเข็มไปจัดการกับตาเฒ่างี่เง่ากับลูกสาวที่สุดจะหาคำบรรยายนั่นแทน “ฮาคุ ฉันฝากจัดการก่อนแล้วกัน”ผ้าคลุมไหล่ผืนใหญ่ของคิริวถูกคลุมให้กับร่างที่เกือบจะเปลือยเปล่าของไอสึกิที่อยู่ในอ้อมแขนของอากิโตะ “ฉันจะพาไอสึกิไปโรงพยาบาล” “เดี๋ยวฉันจัดการทางนี้ให้ นายรีบไปเหอะ”รอยยิ้มเย็นกระตุกขึ้นที่มุมปากหยัก “ฉันรับรองว่าจะไม่ทำให้นายผิดหวังแน่” “ขอบใจ” อากิโตะพาไอสึกิออกมาจากบ้านใหญ่อย่างเร่งรีบ จิโร่หรี่ตามองเจ้านายของตนแล้วเปิดประตูให้กันทีที่ก้าวมาถึง ทั้งที่ใบหน้าดูเรียบเฉย แต่เท้านั้นเหยียบคันเร่งมิดขัดกับท่าทางที่แสดงออกมาอย่างสิ้นเชิง อันที่จริงจิโร่อยากจะเข้าไปจัดการหลาย ๆ อย่างในนั้นเองให้สมกับที่พวกนั้นกล้าเข้ามาทำร้ายนายน้อยที่ยังไม่เกิดของเขา แต่นั่นล่ะ เขายังต้องดูแลเจ้านายอยู่ เอาไว้ค่อยไปคิดบัญชีย้อนหลังก็แล้วกัน เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ไอสึกิก็ถูกพาเข้าไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดทั้งที่เจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่คำพูดที่ดูอ้อนวอนของใครอีกคนทำให้เขาต้องยอมทำตามใจของคน ๆ นั้นไปเพื่อความสบายใจ “จิโร่”เสียงเอ่ยเรียกคนสนิทลอดอกมาแผ่วเบา ดวงตาที่ฉายแววเคร่งเครียดกันมาสบกับคนสูงวัยกว่านิ่ง “ครับ คุณอากิโตะ” “ฉันจำได้ว่านายมีหลานชายเป็นเบต้า...” “ครับ ตอนนี้เขาอายุสามขวบเศษ” “ถ้าลูกฉันเป็นโอเมก้า... ฉันอยากให้หลานของนายมาดูแลเขา” “คุณอากิโตะ”ดวงตาที่มีรอยแห่งวัยจาง ๆ เบิกกว้างขึ้นน้อย ๆ “ฉันไว้ใจคนอื่นไม่ได้ นอกจากนาย” “ครับ คุณอากิโตะ ผมจะจัดการทุกอย่างให้ตามที่คุณต้องการ” “ขอบใจ” ความคิดภายในหัวของอากิโตะตีวนไปหมด คำพูดเหยียดหยามของครอบครัวเขาที่มีต่อโอเมก้าดังก้องในหัว เขาคิดว่าคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ต้องทำ... ให้โอเมก้ามีที่ยืนสักที @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ มาแล้วค้าา หายตัวไปวิ่งล่าผู้ชายเสก็ตมาแล้วเดี้ยงค่ะ ฮ่าๆ ผลของการไม่ออกกำลังกาย ฮือออ เราจะไม่มาม่ายาวให้ปวดตับบบ ติชมได้เต็มที่เหมือยเคยน้าาา คำผิดส่งแก้อยู่นะคะ แหะๆ
หวังว่าลูกในท้องจะไม่เป็นไร ผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ก็ช่วยปรับตัวเข้าหากันหน่อยเถอะ
แม่อากิโตะ ด่าอากิโตะ ไม่สมกับเป็นภรรยาผู้นำตระกูลเลย ทั้งที่ลูกทำให้ตระกูลเจริญก้าวหน้า “แกมันนอกคอก ทำแต่เรื่องเสื่อมเสียให้กับตระกูล! “แกต้องแต่งกับนาโอมิ จำไว้ อากิโตะ แกไม่มีสิทธิ์มาขัดคำสั่งของฉัน!!!” คิดหรือว่าอากิโตะ จะเชื่อฟังแม่แบบนี้ :ling1: :ling1: :ling1: นาโอมิ ก็ร้ายกาจ ทำกับคนท้องขนาดนี้ยังกล้าสั่งอากิโตะ เจอเล่นงานกลับ เจ็บแสบขนาดไหน ยกเลิกแต่งงาน บ้านถูกถล่ม จะเป็นยังไงนะ สมน้ำหน้าโคตร :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
จัดการมันเลย อย่าให้เหลือซาก
ตื่นเต้น น้องจะเป็นไรไม๊นะ จัดจากอย่าให้เหลือ ชะนีเลว!
ฆ่ามานนนนนนนนนน
ระยำตำบอนมากนังโอนามิยางยืดลดพุง นังนี่ต้องโดนหนักๆ นังแม่ด้วย เสียสถาบันผู้หญิงมาก คราวนี้คงหายดื้อไปบ้างนะไอจัง
Chapter 13 หลังจากผลตรวจร่างกายของไอสึกิออกมาแล้วว่าปกติ เด็กในท้องยังแข็งแรงไม่กระทบอะไร มันทำให้อากิโตะและครอบครัวยามาโมโตะหลับตาลงไปได้บ้าง แต่เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจ ไอสึกิจึงต้องอยู่โยงที่โรงพยาบาลไปอีกสองสามวัน โทโมเอะที่ได้ยินข่าวนั้นรีบลากเอารุ่นพี่ที่เคารพรักอย่างฮิโยชิและคู่กัดอย่างมัตสึระมาที่โรงพยาบาลทันที เธอน้ำตาคลอเมื่อได้เห็นรอยช้ำเขียวที่ร่างกายของรุ่นน้องที่รัก มือเรียวลูบไล้บาดแผลที่โผล่พ้นผ้าออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินดุ่มเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ไม่ไกล เพี๊ยะ มือเรียวสะบัดตบหน้าเจ้านายใหญ่ของตนไปเต็มฝ่ามืออย่างไม่ออกแรงท่ามกลางความตกตะลึงของเพื่อนร่วมงานที่อยู่ในที่นี่ด้วย “ดิฉันนับถือท่านประธานมาตลอด และวางใจที่ไอสึกิได้มาอยู่ใต้ปีกของท่านประธาน แต่ดิฉันคงคิดผิดไป”เสียงหวานสั่นเครือมาพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวล “ไม่ทันไรเขาก็ต้องเจ็บขนาดนี้แล้ว แค่โอเมก้าตัวเล็ก ๆ คนเดียว ท่านประธานยังปกป้องไม่ได้อีกหรือคะ!” “...”อากิโตะหลุบตาหนีสายตาตัดพ้อที่ส่งมา เขาเม้มปากแน่นก่อนจะเอ่ยเบา ๆ “ฉันขอโทษ” “ขอโทษ ขอโทษแล้วได้อะไรกันคะ”โทโมเอะยังไม่ยอมจบแค่นั้น เสียงของเธอดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง “ครั้งนี้ยังดีที่ไอสึกิไม่เป็นอะไร แล้วถ้ามันมีเรื่องเกิดขึ้นมาอีกจะทำยังไงคะ ในเมื่อครอบครัวของท่านไม่คิดจะเปิดรับโอเมก้าเข้าไปในชีวิตพวกเขาและท่านประธานยังไม่เด็ดขาดกับเรื่องที่เกิดมากพอ!” “คุณโทโมเอะ...”เสียงเบา ๆ จากคนที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยเรียกรุ่นพี่สาว “ครั้งนี้เป็นผมเองที่ไม่ดี... ไม่ใช่ความผิดของคุณอากิโตะหรอกครับ ถ้าเทียบแล้วผมยังโชคดีกว่าอีกหลายคนนะครับ” “ทำไมกันล่ะ”น้ำตาของเจ้าหล่อนยังคงไหลพรากยิ่งกว่าท่อประปาแตก “เพราะเป็นโอเมก้าเลยไม่ได้รับการยอมรับ เพราะเป็นโอเมก้าเลยต้องโดนรังแกงั้นสิ มันไม่ใช่สักหน่อย โอเมก้าก็เป็นคน โอเมก้าก็มีความสามารถ มันไม่ควรเกิดเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ขึ้นสักหน่อย” “ใช่ มันไม่ควรจะเกิดขึ้น”อากิโตะเอ่ยสำทับขึ้น “ฉันจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ไม่มีวัน” หลังจากนั้นหนึ่งวัน สมาคมส่งเสริมสิทธิความเท่าเทียมของโอเมก้าก็ถูกประกาศตัวขึ้นพร้อมแคมเปญรณรงค์ให้ทุกคนเห็นความสำคัญของโอเมก้าในสังคม อากิโตะกับฮาคุที่เป็นผู้อำนวยการสมาคมนั้นตัดริบบิ้นเปิดงานโดยการเปิดรับสมัครโอเมก้าเข้ามาทำงานในบริษัทในเครือทากาฮาชิและเครือยามาโมโตะในตำแหน่งพนักงานฝ่ายต่าง ๆ จนไปถึงผู้จัดการฝ่าย ทั้งยังให้เข้าทำงานทั้งในบริษัทใหญ่และบริษัทย่อยในเมือง ไม่ได้ทำแต่เอาหน้าแล้วส่งไปอยู่สาขาเล็ก ๆ ในหลืบของประเทศอย่างที่ใครคาดเดา โต๊ะแถลงข่าวถูกจัดขึ้นหลังจากสมาคมถูกจัดตั้งขึ้นมาสามวัน ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น ป้ายบิลบอร์ดของใหญ่ตามเมืองต่าง ๆ ถูกสองบริษัทกว้านเช่าติดป้ายไวนิลแคมเปญที่จัดทำขึ้นมาจนทั่วญี่ปุ่น อันที่จริงอากิโตะกับฮาคุต้องการจัดงานแถลงข่าวตั้งแต่วันแรกที่เปิดสมาคม แต่พวกเขาตัดสินใจรอให้ไอสึกิแข็งแรงพอที่จะออกมายืนเคียงคู่กับประธานใหญ่ของทากาฮาชิก่อนจึงเลื่อนออกมา “มันจะไม่เป็นอะไรแน่เหรอครับ”ไอสึกิเอ่ยถามขึ้นขณะที่อยู่ระหว่างการเดินทางไปยังที่จัดงานแถลงข่าว “ให้ผมออกมาด้วยแบบนี้...” “ไม่เป็นอะไรหรอก”อากิโตะโอบเอาร่างอวบขึ้นมาจากแต่ก่อนมากอดเอาไว้แล้วกระซิบข้างหูเบา ๆ “ทุกคนจะได้รู้ว่าไอสึกิเป็นของฉันยังไงล่ะ” ไอสึกิเหล่มองคนที่ยิ้มหวานให้กับเขาแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ โดยไม่พูดอะไร เขารู้ดีว่าถึงพูดไปก็เท่านั้น ยังไงอากิโตะก็ทำตามใจตนเองอยู่ดี เห็นว่าหวังดีนะ เขาถึงยอม ๆ ไป ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงที่จัดงาน แสงแฟรชจากกล้องของสำนักข่าวหลายแห่งสาดใส่คนทั้งคู่อย่างบ้าระห่ำเหมือนกลัวจะไม่ได้รูปกันกลับไป บอดี้การ์ดของทั้งสองตระกูลนั้นก้าวเข้ามาแหวกทางให้กับทั้งคู่อย่างว่องไว ทั้งยังคอยกันไม่ให้ใครเข้าใกล้คนรักของเจ้านายที่ยังอ่อนแออยู่ได้ด้วย “คนที่มากับประธารทากาฮาชิใช่คนรักของท่านประธานหรือเปล่านะ”นักข่าวสาวจากช่องดังเปรยขึ้น เธอไม่คิดจะฝ่าดงบอดี้การ์ดหน้าเหี้ยมพวกนี้เข้าไปแตะต้องคนสำคัญทั้งสองแม้แต่นิด และเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คิดเหมือนเธอเช่นกัน ก็ยังอยากเหลือชีวิตไปเขียนข่าวขายกันอยู่นี่ “นั่นสิ เหมือนท้องจะนูน ๆ ด้วย”การเป็นนักข่าวแม้จะเป็นชายก็เป็นขาเม้าส์ได้เช่นกัน เหมือนกับนักข่าวบันเทิงคนนี้ที่ตีกระแสเก่งจนขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าชายแห่งข่าวคนดัง ที่ได้ฉายานี้เพราะเขาไม่ได้จำกัดเพียงแค่คนในวงการ แต่ถ้าใครมีชื่อเสียงให้สืบเสาะ เขาก็พร้อมจะรับงานนอกสายข่าวตัวเองในทันที “คู่แต่งงานของประธานอากิโตะแน่ ๆ” “อื้อหือ คุณคุโรชิเงะมาเองเลยเหรอคะเนี่ย”สาวเจ้าหันควับไปมองคู่สนทนาอย่างอึ้ง ๆ “นึกว่าคุณไปหาข่าวหนังเรื่องใหม่ที่กำลังเป็นกระแสในตอนนี้ซะอีกค่ะ” “ข่าวนี้มันน่าสนใจกว่ากันเยอะเลยนี่ครับ ฮ่า ๆ”คุโรชิเงะยิ้มกว้างจนตาหยี “ทากาฮาชิกับยามาโมโตะทุ่มเม็ดเงินขนาดนี้เพื่อโอเมก้ามันต้องมีเหตุผลแน่ ๆ จริงไหมครับ” “นั่นสิคะ ฉันล่ะอยากรู้จริง ๆ” นักข่าวจากทุกสำนักทยอยกันเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่มีการจัดเวทียกระดับเพื่องานแถลงข่าวครั้งนี้ พวกเขาเดินเข้าไปนั่งประจำจุดของตนเองอย่างกระตือรือร้นและกระหายข่าวอย่างเต็มที่ แน่สิ ในเมื่อโอเมก้าที่เป็นเหมือนชนชั้นล่างของสังคมกลับได้รับการผลักดันจากสองตระกูลใหญ่ที่ทรงอิทธิพลทั้งในและนอกประเทศเป็นอย่างมากจนไม่อยากจะเชื่อ ยิ่งทากาฮาชิที่เป็นตระกูลเก่าและถือตัวเองสูงส่งจนไม่เคยชายตาแลเพศสภาพที่อ่อนแอที่สุดของโลก ทั้งยังเห็นโอเมก้าพวกนี้เป็นเพียงเครื่องมือผลิตทายาทที่ใช้ง่ายได้ง่ายที่สุด กลับเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มสมาคมส่งเสริมสิทธิความเท่าเทียมของโอเมก้าซะเอง มันยิ่งทวีความน่าสนใจให้กับสังคมมากขึ้นไปอีก “ขอบคุณทุกคนที่มาในวันนี้นะครับ”คำพูดเบสิคที่เหมือนว่าทุกงานจะต้องพูดเป็นการเกริ่นนำ “และขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในการจัดตั้งสมาคมครั้งนี้ครับ” เสียงปรบมือดังขึ้นครู่หนึ่งแล้วเงียบลงไป สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังประธานอากิโตะที่เป็นผู้กล่าวเปิดงานเป็นตาเดียว “ผมคิดว่าทุกคนคงสงสัยเกี่ยวกับการจัดตั้งสมาคมในครั้งนี้ แต่ก่อนหน้านั้นผมขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักก่อนนะครับ”ร่างสูงโน้มลงมาประคองคนรักขึ้นด้วยความทะนุถนอม “ไอสึกิ คนรักของผมครับ” เสียงฮือฮาที่ดังขึ้นทำให้ไอสึกิรู้สึกประหม่า แต่แรงบีบที่มือซึ่งถูกกุมเอาไว้นั้นเรียกกำลังใจของเขาให้กลับคืนมาจึงทำให้เขายังส่งยิ้มออกมาได้ “สวัสดีครับ”เขาเอ่ยออกมาเบา ๆ ทั้งทีความจริงแล้วจะเงียบเอาไว้แล้วให้อากิโตะนำทางอย่างที่ควรจะเป็นก็ได้ “คุณไอสึกิเป็นภรรยาของท่านประธานอากิโตะเหรอครับ”คุโรชิเงะยิงคำถามขึ้นมาถามย้ำความสัมพันธ์ของทั้งคู่ “ใช่ครับ ไอสึกิเป็นภรรยาของผม เราจดทะเบียนกันแล้ว”อากิโตะย้ำกลับไปด้วยรอยยิ้มบาง “และอย่างที่ทุกคนเห็น เขาเป็นโอเมก้า ทั้งยังอุ้มท้องลูกของพวกเราด้วย” แสงแฟลชสว่างวาบขึ้นรัว ๆ อีกครั้งยามที่ประธานใหญ่แห่งทากาฮาชิโอบร่างของคนรักเอาไว้ในอ้อมแขน ไอสึกิทรุดตัวลงนั่งลงหลังจากที่เริ่มปวดขาน้อย ๆ อากิโตะที่เหลือบมองอยู่มุ่นหัวคิ้วเล็ก ๆ ก่อนจะหันไปกระซิบคนของเขาที่อยู่ทางด้านหลัง ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่นาที เก้าอี้พนักสูงบุนวมนุ่มก็ถูกยกมาให้กับคนรักของผู้สั่งการ อากิโตะให้ไอสึกิขยับมานั่งบนเก้าอี้นุ่มนี่แทนแล้วสะบัดมือให้คนเก็บเก้าอี้แข็ง ๆ นั่นออกไป “ขอบใจนะ”ไอสึกิยิ้มบาง ๆ ให้กับความเป็นห่วงที่แสนจะเอาใจใส่นี่ เขาขยับตัวให้อยู่ในท่าที่สบายที่สุดตามอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ “ให้คู่กันทางนั้นเขาดูแลกันไปก่อนแล้วกันนะครับ”ฮาคุที่เป็นเพื่อนยังหยิบข้าวของออกมาปรนนิบัติภรรยาไม่เสร็จสักทีเอ่ยขึ้นเรียกความสนใจจากนักข่าวที่อ้าปากค้างกันอยู่ให้มาฝั่งเขาแทน “คงเดากันเอาไว้ในใจแล้วกับสาเหตุของการจัดตั้งสมาคมนี้ ครับ พวกเรายอมรับว่าส่วนนึงพวกเราตั้งใจทำเพื่อสังคมของทุกคน แต่เหตุผลสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือคนรักของพวกเรา” “หมายความว่าสมาคมนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคุณทั้งสองใช่ไหมคะ”เหยี่ยวข่าวสาวคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อได้จังหวะแทรก “เราตัดสินใจจัดตั้งสมาคมส่งเสริมสิทธิความเท่าเทียมของโอเมก้านี้ขึ้นเพื่อคนรักของพวกเราและโอเมก้าคนอื่นทุกคนครับ”อากิโตะหันมาตอบใส่ไมค์ ทำให้ฮาคุกลับไปนั่งยิ้มได้เหมือนเดิมด้วยท่าทีสบาย ๆ “ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีใครสักคนลุกขึ้นมาชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของความเท่าเทียมกันในสังคม ผมรู้มาตลอดครับว่าโอเมก้าไม่ใช่ไม่มีความสามารถ แต่พวกเขาไม่มีโอกาสและไม่มีพื้นที่ให้ได้แสดงความสามารถในตัวพวกเขาออกมาเหมือนอย่างที่คนรักของผมได้รับ ก่อนหน้านี้ผมยังเมินเฉยไปจนกระทั่งวันที่ผมได้พบกับไอสึกิ ในวันนี้พวกเราจึงตัดสินใจเป็นผู้เปิดประตูนั้นให้กับโอเมก้าทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้ใช้ชีวิตภายใต้แสงสว่างไม่ใช่ต้องหลบหลีกซ่อนตัวอย่างที่แล้วมา” “หมายความว่าในทุกวันนี้โอเมก้าถูกทุกคนเอาเปรียบอยู่อย่างนั้นหรือคะ”นักข่าวสาวที่มักจะเขียนข่าวสาดสีใส่เหล่าโอเมก้าอยู่เสมอโพรงถามขึ้น “พวกเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเคยกระทำกับโอเมก้าเหมือนเป็นเพียงสิ่งของใช่ไหมครับ”รอยยิ้มเย็นจากประธานหนุ่มส่งมาให้เบต้าสาวที่มีท่าทีไม่พอใจ “ไม่ว่าโอเมก้าคนนั้นจะเกิดในครอบครัวธรรมดาอย่างไอสึกิ หรือแม้จะเป็นตระกูลใหญ่อย่างคิริวก็ตามที คุณถามว่าถูกเอาเปรียบอยู่ไหม ผมขอถามกลับมาในวงการข่าวของพวกคุณมีพนักงานฝ่ายไหนเป็นโอเมก้าบ้างไหมล่ะครับ” คราวเป็นเป็นฝั่งของเหล่านักข่าวที่มีท่าทีอึกอัก เพราะในสายงานของพวกเขา แม้กระทั่งคนครัวยังไม่มีโอเมก้าเลยสักคนเดียว “มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เคยชินกันอยู่ในใจของทุกคน แต่คงไม่ใช่กับผู้ถูกกระทำ”อากิโตะเลื่อนมือมาจับบ่าแคบของคนที่นั่งอยู่เคียงข้าง “ผมยอมรับว่าที่ผมลุกขึ้นมาจัดตั้งสมาคมนี้ก็เพื่อคนรักและลูกของผม ผมอยากให้ลูกของผมไม่ว่าจะเป็นอัลฟ่า เบต้า หรือโอเมก้ามีที่ยืนในสังคม พวกคุณจะมองว่าผมเห็นแก่ตัว ทำเอาหน้าหรืออะไรก็ตามที ก็ตามสบายครับ ถ้านั่นทำให้เป้าหมายของพวกเราสำเร็จ โอเมก้าจะไม่ใช่เพียงของเล่นที่มีชีวิต ไม่ใช่เครื่องระบายความใคร่ผลิตทายาทใช้แล้วทิ้งอย่างที่เคยเป็นมา ทากาฮาชิ กรุ๊ป และยามาโมโตะ กรุ๊ป ยินดีต้อนรับโอเมก้าทุกคนเข้ามาร่วมงานของพวกเรา และหวังว่าต่อไปในทุก ๆ ที่จะเปิดโอกาสให้กับโอเมก้าทุกคนได้พิสูจน์ตนเองครับ” คำถามมากมายถูกยิงขึ้นมาให้ทั้งสี่ต้องตอบกันอย่างไม่หยุดพัก แต่ถ้านับจริง ๆ ไอสึกิก็ไม่ค่อยได้พูดตอบอะไรไป เพราะอากิโตะคอยตอบให้แทนอยู่ตลอด ซึ่งสำหรับเขาแล้วนับเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยเลย การมีคนมารุมล้อมทำให้คนที่ใช้ชีวิตเงียบสงบอย่างเขารู้สึกไม่สบายใจนัก โดยเฉพาะคำถามที่ล้วงเข้ามาถึงลำไส้ไล่ไปถึงกระเกาะนั่นอีก ในความรู้สึกของไอสึกินั้น บางคำถามเหมือนจะพยายามชักจูงให้เขาตอบไปในเชิงที่ตัวเขาทำทุกอย่างเพื่อจับอัลฟ่า “ขอโทษนะครับ”ความหงุดหงิดพุ่งปรี๊ดขึ้นมาเมื่อคำถามแต่ละคำแลดูจะเร้าอารมณ์ให้พุ่งสูงเกินไป “ผมคิดว่างานครั้งนี้เป็นงานแถลงการณ์จัดตั้งสมาคมส่งเสริมสิทธิความเท่าเทียมของโอเมก้า คำถามก็ควรที่จะมุ่งเน้นเกี่ยวกับสมาคมไม่ใช่เหรอครับ” คำพูดที่หลุดออกมาทำให้นักข่าวที่กระหายในเรื่องส่วนตัวของคนดังชะงักกึก “เรื่องของผมกับคุณอากิโตะ ถ้าถึงเวลาพวกเราจะมาจัดโต๊ะเปิดแถลงเองครับ”ไอสึกิสูดลมหายใจลึกสงบสติอารมณ์ “ทุกคนครับ โอเมก้าอย่างพวกเราไม่ใช่คนที่จะมุ่งหวังที่จะจับอัลฟ่าไปซะทุกคน ไม่อย่างนั้นคงเห็นพวกเราเดินอยู่บนถนนในเมืองใหญ่กันทุกวันแล้วครับ ผมทราบว่าในสายตาของหลายคน โอเมก้าเป็นกลุ่มคนที่มีแต่ความต้องการ และไร้ความสามารถ ซึ่งไม่เคยมีการพิสูจน์คำเหล่านั้นสักครั้ง ผมคิดว่ามันคงไม่มากเกินไปที่จะขอให้ทุกคนเปิดใจมองข้ามสิ่งที่ธรรมชาติลิขิตเอาไว้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงแล้วมาเปิดประตูก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้วยกันครับ ขอบคุณครับ” อากิโตะยิ้มให้กับประโยคที่ยาวที่สุดที่คนรักของเขาเคยพูดมาให้ได้ยินเลยก็ว่าได้ คำพูดที่ไม่ได้สวยหรูแต่กลั่นออกมาจากใจของไอสึกินั้นแทรกลึกเข้าไปอยู่ในใจของใครหลายคน แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่อยากจะยอมรับเช่นกัน และเขาก็ไม่อาจที่จะเปิดปากโต้เถียงออกไปได้อีก ไม่อย่างนั้นคงไม่มีที่ยืนในวงการนี้อีกแน่นอน คำถามหลังจากนั้นมาจึงมุ่งไปที่สมาคมเป็นส่วนใหญ่ไม่ออกนอกเรื่องอีกเลย “เฮ้อ”ไอสึกิทรุดตัวลงนั่งบนเตียงนุ่มหลังจากเข้าไปแช่น้ำอุ่นอยู่พักใหญ่ กว่างานแถลงข่าวเกี่ยวกับการเปิดสมาคมจะจบเล่นเอาเขาเหนื่อยแทบแย่ ข้อเท้าที่เจ็บจากการโดนปลอกรัดและแรงกระตุกนั้นออกอาการปวดขึ้นมาหน่อย ๆ “แย่ชะมัด” “ปวดเหรอ”อากิโตะที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินเข้ามานั่งลงที่พื้นแล้วประคองเท้าเล็กขึ้นมานวดเบา ๆ “คุณอากิโตะ”ไอสึกิชักเท้าหนีอย่างร้อนรน แต่ก็ถูกดึงกลับไปอย่างนุ่มนวลในวินาทีถัดมา “ไม่เป็นไรหรอกครับ เดี๋ยวก็หายแล้ว” “ไม่เป็นไรหรอก ฉันนวดให้จะได้ดีขึ้นบ้าง”แรงคลึงที่รอยบวมทำให้ร่างทีมีน้ำมีนวลรู้สึกเจ็บในช่วงแระและรู้สึกสบายขึ้นในไม่กี่นาทีถัดมา “เรื่องแค่นี้ฉันทำให้นายได้ ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก” สัมผัสอุ่นชื้นที่ช่วงเท้าเรียกให้ผู้เป็นเจ้าของหลุบตาลงมอง ใบหน้าขาวขึ้นสีก่ำเมื่อเห็นใครอีกคนกำลังแนบริมฝีปากลงที่อวัยวะที่อยู่ล่างสุดของร่างกายอย่างไม่รังเกียจ “คุณอากิโตะ”ไอสึกิโน้มตัวลงไปประคองใบหน้าหล่อเหลาขึ้นมาหาตน “คุณอากิโตะ” ริมฝีปากสีระเรื่อเบียดแนบเข้าหาเรียวปากเย็นเบา ๆ ก่อนจะหนักขึ้นทีละน้อย กลีบปากนุ่มเผยออกเล็ก ๆ ให้ลิ้นที่ร้อนจัดเข้ามากวาดเอาความหวานไปจากตน “ไอสึกิ”อากิโตะครางชื่อของคนที่เพิ่งผละใบหน้าออกไปเบา ๆ ดวงตาคมเหลือบขึ้นไปสบกับนัยน์ตาหวานฉ่ำน้ำ “นาย...” “มารับรางวัลที่ลงทุนทำเพื่อผมขนาดนี้สิครับ”รอยยิ้มยั่วเย้าจากโอเมก้าผู้เป็นที่รักแทบจะทำให้อัลฟ่าหนุ่มกระโจนเข้าไปกลืนกินให้หมดทั้งตัว ถ้าไม่ติดว่าร่างกายของอีกฝ่ายไม่ได้มีเพียงลำพัง “ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ คุณอากิโตะ ไม่เป็นไรแน่นอน” มือขาวยื่นมาปลดกระดุมใสช้า ๆ เสื้อที่ตกลงเผยให้เห็นแผงอกแกร่งไล่ลงมาถึงหน้าท้องที่มีซิคแพคเรียงตัวสวยไร้ไขมันส่วนเกิน ไอสึกิประทับจูบแผ่วเบาที่ข้างแก้มของชายหนุ่มแล้วจึงขยับใบหน้ามาสบตากันอีกครั้ง “เพิ่งรู้นะ ว่านายก็ยั่วเป็นเหมือนกัน”น้ำเสียงหยอกเย้าลอดออกมาจากริมฝีปากที่ยกยิ้มไม่หุบ “แล้วยั่วขึ้นไหมครับ”เรียวลิ้นเล็กแลบออกมาเล็มเลียปลายจมูกโด่งรั้นทีนึง ก่อนที่ร่างอวบจะถูกยกลอยขึ้นจากปลายเตียงมาวางบนเตียงนุ่มขนาดคิงไซส์ “ถ้าจะห้ามตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนะ รู้ไหมเจ้าจิ้งจอกน้อย”ไอสึกิหัวเราะเบา ๆ ให้กับคำเรียกของคนตรงหน้า “ไหน รางวัลของฉันอยู่ไหนกันนะ” เสื้อของเขาถูกเลิกขึ้นมาเหนือช่วงอกเปิดให้เห็นหน้าท้องที่นูนขึ้นมาจนชัดตาแล้ว ริมฝีปากร้อนพรมจูบไปที่แผ่นท้องขาวทักทายลูกน้อยที่อยู่ภายใน ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาหยอกล้อติ่งไตสีอ่อนนุ่มนิ่มให้แข็งชูชัน “อ๊ะ”แผ่นหลังบางยกลอยขึ้นจากพื้นเตียงยามที่ลิ้นร้อนละเลงดูดดุนรัวเร็ว ไอสึกิหลุบตาลงมองใครอีกคนแล้วเลื่อนมือลงไปลูบไล้เส้นผมสีควันบุหรี่ที่นุ่มลื่นกว่าที่คิด “อ๊ะ อื้ออ” อากิโตะที่ได้ยินเสียงครางหวานจากคนรักยิ่งได้ใจ เขาบดขยี้ติ่งเนื้อสีชมพูด้วยปากจนช้ำขึ้นสีก่ำแล้วมองผลงานด้วยความพอใจ ดวงตาฉ่ำน้ำปรือปรอยมองมาที่เขานั้นเร้าให้ความรู้สึกอยากครอบครองพุ่งขึ้นสูง กลิ่นหอมเย็นที่เป็นเอกลักษณ์ของไอสึกิแผ่กำจายออกมาจาง ๆ ปลุกเร้าอารมณ์อัลฟ่าหนุ่มให้ทะยานขึ้นอีก กางเกงนอนตัวหลวมถูกดึงออกไปจากช่วงขาเรียวก่อนจะกลับมาเหวี่ยงกางเกงของตนออกตามไป “เจลไหม”เสียงกระซิบถามเบา ๆ และได้รับคำตอบมาเป็นการส่ายหน้ารัวเร็ว “เด็กดี ยกก้นขึ้นเร็ว” หมอนใบหนึ่งถูกนำมารองบั้นท้ายนุ่มให้สูงขึ้น ท่อนขาทั้งสองถูกจับแหกออกกว้างเปิดเผยส่วนลับของร่างกายให้เด่นชัด “รางวัลของฉันอยู่นี่เอง”ปลายนิ้วเย็นแตะรอยจีบที่ยับย่น ถูไถเมือกเหลวที่หลั่งออกมายังไม่มากนักให้เปียกไปทั่วปากทางแคบก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปช้า ๆ “ยังไม่เปียกเท่าไหร่เลยนะ ไอสึกิ” ไอสิกิเบือนหน้าหนีดวงตาที่ฉายประกายหยอกล้อนั่นแล้วขยับสะโพกหนีก่อนจะยันตัวลุกขึ้น ในเวลาเดียวกับที่อีกสองนิ้วของใครอีกคนสอดเข้าไปในร่างกายของเขา “หืม?” “นอนลงสิครับ”ไอสึกิเอ่ยสั่งคนที่ยังหยอกล้อช่องทางรักของเขาไม่เลิก “อ๊ะ อื้อ เอาออกไปได้ อ๊ะ แล้วล่ะครับ” ร่างกายที่ถูกบดขยี้ผนังภายในจนหลั่งน้ำใสออกมาไหลอาบมือหนาของร่างสูง อากิโตะยอมถอนมือออกแล้วนอนลงโดยดี ตามใจภรรยาคือสามีที่โลกรอ “ชี้หน้ากันเลยนะครับ”มือเรียวเลื่อนไปจับส่วนกลางลำตัวที่ยาวเหยียดตรงชี้หน้าเขาเอาไว้แล้วขยับมือสาวขึ้นลงช้า ๆ ท่อนเนื้อที่มีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาขยายตัวออกอีกจนเขาอดที่จะดีดส่วนปลายที่ผงกหัวทักทายกันเบา ๆ ไม่ได้ ไอสึกิขยับตัวขึ้นคร่อมร่างของอากิโตะเอาไว้ก่อนจะกดกายลงรับเอาแท่งเนื้อร้อนเข้าสู่ร่างกาย “ขยับขึ้นก่อนไอสึกิ... อย่างนั้น ค่อย ๆ ขยับลงมาช้า ๆ”อากิโตะรีบกำกับคนรักก่อนที่เจ้าตัวจะเร่งร้อนจนเสียเลือด “นั่นล่ะ อย่างนั้น...” แม้ร่างกายของโอเมก้าจะหลั่งสารหล่อลื่นออกมาได้ไม่น้อยนอกช่วงผสมพันธุ์ แต่เมื่อเทียบกับเวลาฮีทแล้วมันนับว่าน้อยกว่ากันมาก ยิ่งตอนนี้ที่ไอสึกิตั้งท้องอยู่ ร่างกายยิ่งหลั่งสารนั้นออกมาได้น้อยกว่าปกติไปอีก ใช้เวลาอยู่พักหนึ่งกว่าที่ร่างเล็กจะรับเอาส่วนอ่อนไหวที่แข็งเกร็งของอากิโตะเข้าไปได้จนเกือบหมด ช่องทางหวานโอบกระชับสิ่งแปลกปลอมนั้นไว้อย่างหวงแหนตอดรัดเสียจนทำให้มันขยายขึ้นมาอีกจนคับไปหมด “ลามกจังเลยนะครับ”สะโพกเล็กแคบขยับขึ้นลงช้า ๆ ก่อนจะเร็วขึ้นเมื่อมืออุ่นเลื่อนมากุมสะโพกเขาเอาไว้แล้วเป็นฝ่ายคุมจังหวะเอง “อ๊ะ อ๊ะ” “ดี ไอสึกิ เก่งมาก”รสสัมผัสที่นำพาความเสียวซ่านไปทั่วสรรพางค์สร้างความพอใจให้กับคนที่ได้รับรางวัลอย่างมาก ช่องทางที่บีบรัดรีดเคล้นท่อนเนื้อของเขาให้พ่นน้ำออกมานี่มันช่างยอดเยี่ยม เสียงเนื้อกระทบกันดังปนเสียงครางของทั้งคู่ สะโพกเล็กบิดรับการแทงสวนขึ้นมาของอีกคนได้อย่างเป็นจังหวะ ก่อนที่เจ้าตัวจะถูกพลิกลงให้นอนราบกับเตียงและถูกจับขาให้ยกขึ้นพาดบ่าแกร่งจนช่วงล่างทั้งหมดลอยขึ้นจากพื้น “อ๊ะ อ่า อากิโตะ อื้อ อากิโตะ”คงมีเฉพาะเวลาอยู่บนเตียงที่ไอสึกิจะเรียกชื่อของคนรักออกมาโดยไม่มีคุณน้ำหน้าแสดงถึงความใกล้ชิดที่มากขึ้นกว่าปกติ “ไอสึกิ ไอสึกิ...”ฝั่งอากิโตะเองก็ครางชื่อของไอสึกิออกมาแหบพร่า แรงบีบรัดนั้นทำให้เขาโถมกายเข้าไปลึกขึ้นอีก ชายหนุ่มกระแทกกายหนัก ๆ อยู่สามสี่ครั้งแล้วปลดปล่อยให้น้ำสีขุ่นสาดเข้าไปในร่างกายของฝ่ายตรงข้ามที่ตอดรัดรีดเอาน้ำไปจากเขาทุกหยาดหยดเช่นกัน “ฉันรักนายนะ ไอสึกิ ฉันรักนาย” “ผม... ก็รักอากิโตะนะครับ” ริมฝีปากของทั้งคู่แตะมอบความหวานให้กันเบา ๆ ก่อนจะโรมรันเข้าหากันอีกครั้ง และอีกครั้ง จนหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ในส่วนของบทนี้นั้น... ยังไม่ได้แก้อะไรเลยค่ะ 555 ดูทุเรียนจบเราก็มาาา บทหน้าก็จบแล้วน้าาาา ^v^
:katai5:
ขอบคุณ ที่รักกัน.....♫ ♬ ♪ ..... ขอบคุณทุกครั้งที่คอยกอดฉัน........♩ ♭ ♪ ..... แหะๆ....ร้องเพลงตามหน้ากากทุเรียน ขอบคุณ ไรท์ ที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่าน อากิโตะ ไอสึกิ :กอด1: :กอด1: :กอด1: อยากเห็นลูกไอสึกิ แล้วละ :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ชอบค่ะ อยากเห็นหน้าเด็กๆแล้ววว
ปกป้องให่ได้นะ อากิโตะ
ลูกคงออกมาน่ารักแน่ๆเบย
รำคาญแม่อากิโตะจัง
อร๊าาา ตามอ่านจนทันแล้ว ขอเม้นแบบรวบยอดเลยนะ มันเป็นอะไรที่ละมุนตามสไตล์คนเขียนดี ซึ่งก็หวังไว้แบบนั้น แรกๆก็ลุ้นๆนะว่าอิตาพระเอกจะเป็นยังไง ตอนเปิดตัวเนี่ยไม่เท่าไหร่ แต่หลังจากฉกตัวนู๋ไอไปเท่านั้นแหละ เกลียดเลย แบบคำพูดคำจาน่าตบปากแตกมาก สุดท้ายก็อัลฟ่าดีๆนี่เอง ไม่ต่างจากคนอื่นๆเท่าไหร่หรอก แต่พออยู่ๆไป ชักมองว่าเออ มันก็น่ารักดี แต่เป็นพวกปากหนักปากแข็งไปหน่อย หนุ่มซึนน่ะแหละ :-[ แต่ที่แอบหมั่นไส้รองลงมา คือ อิตาพ่อบ้าน แบบเห้ยยย นิสัยยยยย :z6: ส่วนน้องไอ ชอบนะ แบบว่าเก่งดีแต่ที่ชอบยิ่งกว่าคือ สังคมในเรื่องนี้ไม่น่าเกลียดจนแบบขยะแขยง มันยังพอมีความเรียลอยู่ในนั้น ปล. เรื่องนี้เราว่ามันขาดจุดพีคไปนิสนึง แต่จะเรียกว่าขาดไปเลยก็ไม่ได้ แต่ในความรู้สึกคือมันพีคไม่สุด อีกเรื่องคือ คำผิดคำตกคำเกิน เยอะไปนะจ๊ะ :pig4:
Chapter 14 หลังจากไปของกระแสของการเรียกร้องสิทธิให้กับโอเมก้าถูกจุดขึ้น มหาชนในหลายส่วนที่รักในความยุติธรรมก็เกิดกระตือรือร้นในการหาข้อมูลเพื่อค้นหาความจริงที่เกิดขึ้นกับคนส่วนน้อยในสังคม ภาพ คลิป และการเขียนเล่าเรื่องราวของตนเองที่ถูกเก็บอยู่ในบอร์ดลับของเหล่าโอเมก้าที่ถูกทารุณได้ถูกค้นพบและนำมาเผยแพร่ต่อ ๆ กันในโลกโซเชียลยิ่งสร้างกระแสความเกลียดชังให้กับผู้ที่พบเห็น พลังของกลุ่มคนในโลกอินเตอร์เน็ตที่รวมกันหนึ่งนั้นสามารถสร้างกระแสให้คนรุ่นใหม่พากันลุกฮือกันขึ้นมาต่อต้านการทำร้ายโอเมก้าในทุกทาง“หากพูดถึงเรื่องที่กำลังเป็นที่สนใจในตอนนี้ พวกเราคงปฏิเสธไม่ได้ที่จะไม่มีใครไม่รู้จักสมาคมส่งเสริมสิทธิความเท่าเทียมของโอเมก้าซึ่งสร้างกระแสโอเมก้าฟีเวอร์ไปทั่วประเทศในตอนนี้นะครับ”คุโรชิเงะที่ยังคงเกาะติดข่าวสังคมที่ตนสนใจไม่ปล่อย เขาเลือกที่จะเทข่าวบันเทิงที่น่าสนใจหลายเรื่องไปชั่วคราวเพื่อมาทำข่าวนี้ “ตอนนี้เราอยู่กับกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่า ผู้ปกป้องโอเมก้า นะครับ สวัสดีครับ คุณฮิโคโตะ” “สวัสดีครับ” “ครับ ตอนนี้ทุกคนคงอยากรู้กันแล้วนะครับว่าชใรมผู้ปกป้องโอเมก้านี่เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และเพื่ออะไร ผมรบกวนให้คุณฮิโคโตะแถลงไขข้อสงสัยนี้หน่อยได้ไหมครับ” “ด้วยความยินดีครับ ชมรมผู้ปกป้องโอเมก้านี่เกิดจากการที่พวกเราทุกคนได้เข้าไปเห็นความคับข้องใจ ความโหดร้ายที่โอเมก้าซึ่งเป็นคนส่วนน้อยในสังคมของพวกเราได้เจอครับ พวกเขาเป็นคนส่วนน้อยที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาให้พวกเราปกป้องพวกเขา ไม่ใช่รังแกอย่างที่เป็นมา ผมคิดมาตลอดว่าโอเมก้านั้นสบาย มีคนคอยดูแลอยู่ตลอด จนกระทั่งได้เห็นข่าวที่ประธานทากาฮาชิและประธานยามาโมโตะได้จัดตั้งสมาคมส่งเสริมสิทธิความเท่าเทียมของโอเมก้าขึ้นมา จึงได้เข้าไป้นหาความจริงและพบกว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด ทุกคนในที่นี้ก็เช่นกัน แม้พวกเราจะไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่ความรู้สึกของพวกเรานั้นเหมือนกัน พวกเรารู้สึกผิดอย่างร้ายแรงที่ปล่อยปะละเลยเรื่องเหล่านี้ทั้ง ๆ ที่ยังมีคนกลุ่มหนึ่งส่งเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา เพราะอย่างนั้นพวกเราทุกคนจะช่วยกันพาโอเมก้าที่ตกอยู่ในเงามืดมาหลายปีให้ขึ้นมาอยู่ในแสงสว่างเช่นเดียวกับพวกเราทุกคนครับ” เสียงจากโทรทัศน์ที่เปิดเอาไว้ในห้องทำงานกว้างที่ชั้นบนสุดของทากาฮาชิ กรุ๊ป เรียกเสียงปรบมือเบา ๆ จากร่างที่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟานุ่ม “ถูกใจเหรอ”อากิโตะเดินเข้ามาหาคนรักที่ยอมนั่ง ๆ นอน ๆ อย่างที่เขาต้องการได้สักที “ชอบใจที่โอเมก้าจะได้ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อม ๆ สักทีสินะ” “ผมก็เคยเป็นอย่างพวกเขานี่ครับ”เสียงที่เจือความขบขันตอบกลับมาเบา ๆ “เคยถูกมองเหยียด ถูกวิ่งล่าเหมือนสัตว์ตัวนึง แม้แต่คุณก็จับผมมาในตอนแรกไม่ใช่หรือไงครับ คุณอากิโตะ” “บางเรื่องลืมมันไปก็ดีกว่าน่า”อากิโตะย่อตัวลงไปให้ใบหน้าของเขาเสมอกับคนที่นอนตะแคงข้างกอดหมอนอยู่ตรงหน้า “ถ้าฉันไม่จับนายมา เราจะได้อยู่ด้วยกันไหมล่ะ หืม” “ก็ไม่รู้สิครับ”คำตอบที่ทำเอาเขาหมั่นไส้จนต้องระบายด้วยการขยี้ผมนุ่มของอีกคนแรง ๆ “กอดหน่อยสิครับ คุณอากิโตะ” “ขี้อ้อนนะเรา”ประธานใหญ่ของทายาฮาชิขยับตัวเขาไปนั่งซ้อนหลังร่างอวบที่ยันตัวลุกขึ้น แขนทั้งสองข้างกอดร่างอุ่นเอาไว้หลวม ๆ “สวยจริง ๆ เลยนะ” คำพูดที่จู่ ๆ ก็เอ่ยขึ้นสร้างความงุนงงให้กับผู้รับฟัง ก่อนที่จะถูกเฉลยด้วยสัมผัสร้อนที่ต้นคอ ริมฝีปากอุ่นพรมจูบที่รอยกัดซึ่งเป็นเหมือนตราประทับของตนที่ตรึงไว้บนกายของไอสึกิ ลิ้นร้อนเล็มเลียต้นคอขาวจนเปียกชื้นไปทั่ว “อื้ออ”เสียงครางแผ่วรื่นหูดังออกมายามที่กลีบปากร้อนขมเม้มติ่งหูนิ่ม “นี่ที่บริษัทนะครับ ไม่เอาน่า” ไอสึกิเอ่ยปากห้ามก่อนที่อีกฝ่ายจะจับเขากินทั้งที่อยู่ในบริษัท ด้วยหลังจากที่เขาให้รางวัลกับอากิโตะไปตอนนั้น เช้าวันต่อมาเจ้าตัวก็โทรไปถามเรื่องอย่างว่าในยามตั้วครรภ์กับหมอซาโตhในทันที แล้วคำตอบที่ได้มาออกจะถูกใจเจ้าตัวไปหน่อยล่ะมั้ง “เลยช่วงสามเดือนแรกมาแล้ว ถ้าไม่รุนแรงมากนักก็ทำได้ครับ” นับแต่นั้นมา ทากาฮาชิ อากิโตะ ก็ไม่เคยพลาดโอกาสที่จะครอบครองร่างของโอเมก้าที่รักเลยสักครั้ง ช่วงท้องของไอสึกิขยายขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป จากในช่วงแรกที่ยังเดินเหินมาบริษัทได้ทุกวันจนตอนนี้เขาต้องอาศัยอยู่ในบ้านของตระกูลยามาโมโตะตลอดวันแทน แต่ก็ไม่วายยังนั่งก้มหน้าทำงานจนถูกดุหลายครั้ง เจ้าตัวเลยต้องแอบไปทำตอนที่ไม่มีใครอยู่จนเสร็จสิ้น เมื่อเข้าสู่เดือนที่เจ็ดอาการกระสับกระส่ายยามที่ไม่ได้อยู่ใกล้กับอากิโตะก็กลับมาอีกครั้ง เป็นที่แน่นอนว่าว่าที่คุณพ่อนั้นก็ย้ายห้องทำงานมาอยู่ที่บ้านใหญ่ต่างตระกูลโดยไร้คำโต้แย้ง แผนการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อลดการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อมของไอสึกิที่เขียนร่างมาตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยได้ผ่านที่ประชุมออกมาพัฒนาต่อยอดเพื่อการนำไปใช้จริงจนเป็นที่ฮือฮาของภายในบริษัทที่รู้ข่าว ด้วยที่ผ่านมามีหลายภาคส่วนให้ความสำคัญกับการลดขยะที่มีสารปนเปื้อนจากอุตสาหกรรมหนัก แต่ก็ยังไม่มีบริษัทใดมีแผนการที่ชัดเจนออกมา อากิโตะที่ที่ได้อ่านแผนงานเป็นคนแรกนั้นภูมิใจในตัวของคนรักยิ่งกว่าใคร ๆ ไอสึกิเป็นคนละเอียดอ่อนมากกว่าที่เขาคิด ในรายงานฉบับนี้ไม่ใช่เพียงการลดมลพิษที่โรงงานผลิตสินค้าปล่อยออกสู่ภายนอกเท่านั้น แต่ยังมีแผนงานเพื่อลดมลพิษในครัวเรือนด้วยการสร้างสินค้าสีเขียวออกจำหน่ายด้วย “ที่ประชุมพอใจกับเรื่องนี้มากเลยนะ”มืออุ่นลูบไล้หน้าท้องที่นูนสูงอย่างรักใคร่ “ถึงจะไม่ใช่งานที่แปลกใหม่ แต่วิธีการที่ละเอียดและมองเห็นว่าสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้จริงนั่นมันยอดเยี่ยมมาก ถ้าหากบริษัทของเราทำสำเร็จและประกาศออกขายสินค้าพวกนั้นได้ก่อนใคร กำไรจะมหาศาลแค่ไหนฉันยังเดาไม่ออกเลย” “ไม่น่าถึงขนาดนั้นมั้งครับ”ไอสึกิหลับตาพริ้มรับแรงกดนวดที่ด้านหลังอย่างสบายอกสบายใจ “มีคนอีกมากที่มีความคิดในด้านนี้ เราไม่รู้หรอกครับว่ามันจะสำเร็จไปได้ด้วยดีก่อนใครไหม และคนจะสนใจมากน้อยแค่ไหน” “ทีมวิจัยบอกว่าช่วงกลางปีหน้าก็คงจะได้ผลลัพธ์ที่แน่นอนแล้ว”ประธานหนุ่มเห็นท่าทีที่พึงพอใจของคนรัก จึงออกแรงเพิ่มอีกนิดให้เจ้าตัวรู้สึกดีขึ้นอีกหน่อย “พอบอกว่าเป็นแผนงานของโอเมก้าก็แทบจะไม่มีใครเชื่อเลยล่ะ” “แล้วพวกเขาจะรู้ ว่าโอเมก้าเก่งกว่าที่พวกเขาคิดครับ”ไอสึกิกระตุกยิ้มบาง ถึงจะเปิดโอกาสให้กับชนกลุ่มน้อยในสังคมแล้ว แต่ก็ยังมีอคติเล็ก ๆ ในใจกันอยู่ดี “นั่นสิ ดูไอสึกิของฉันเป็นตัวอย่างก็ได้”จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆจากแก้มนิ่มไปหลายที “ความสามารถล้นเหลือยิ่งกว่าใครหลายคนซะอีก” “ชมอีกผมก็ไม่ให้รางวัลหรอกนะ”ท้องที่ใหญ่จนต้องประคองเวลาเดินเหินและทำให้เขาเป็นตะคริวในบางเวลาทำให้กิจกรรมเข้าจังหวะเป็นเรื่องยากสำหรับไอสึกิ เขาจึงงดเว้นเด็ดขาดมาได้หลายวันแล้ว “ฉันค่อยคิดดอกเบี้ยทีเดียวหลังจากนายคลอดออกมาแล้วกัน”อากิโตะจูบเบา ๆ ที่หลังคอขาวบริเวณที่มีรอยฟันของเขาอยู่ ไอสึกิขยับศีรษะนิดหน่อยให้ช่วงคอเปิดมากขึ้น นับตั้งแต่ถูกตีตรามาจนตอนนี้ เขารู้แล้วว่าอีกคนนั้นชมชอบการชื่นชมร่องรอยที่ฝากไว้ของตัวเองแค่ไหน เขาเลยเปิดให้เจ้าตัวได้สัมผัสมันอย่างเต็มที่ทุกครั้งไป “ไอสึกิ ฉันกลับมาแล้ววว”คิริวเปิดประตูพรวดเข้ามาหาเพื่อนรักที่ต้องจับเจ่าอยู่บ้านระหว่างที่เขาได้ออกไปเที่ยว “นี่ ฉันมีของมาฝากด้วยน้า” เครื่องรางสีแดงสวยถูกส่งมาให้กับอีกฝ่าย ไอสึกิรับมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองมันนิ่ง “คลอดปลอดภัย...” “ใช่แล้ว ของศาลเจ้าซุอิเทนงุเลยนะ”คิริวยิ้มหวานออกมาโปรยให้กับทั้งสองคนในห้อง “เจ็ดเดือนกว่าแล้วนี่ อีกไม่เท่าไหร่เด็กน้อยก็จะได้ลืมตาดูโลกแล้ว ดีจัง” “นั่นสินะครับ”มือเรียวกำเครื่องรางที่ได้รับเอาไว้หลวม ๆ “ขอบคุณนะ คิริว” “ไม่เป็นไร ๆ”คนที่ได้รับคำขอบคุณไพร่มือไปที่ด้านหลังแล้วหลุบตาลงมาสบกับเพื่อน “ขอแค่ไอสึกิคลอดหลานของฉันออกมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้วล่ะ” คิริวโฉบหน้าลงมาจุบเบา ๆ ที่ปากสีอ่อนของเพื่อนสนิท ก่อนจะวิ่งแจ้นหนีสายตาที่รุกเป็นไฟของใครบางคนไปไกลลิบลิ่ว ตุบ แรงถีบจากในท้องทำเอาว่าที่คุณแม่สะดุ้ง ใบหน้ามนเบือนไปหาคนที่อยู่ด้านหลังอย่างตกใจ เพราะลูกของพวกเขาไม่เคยดิ้นแรงขนาดนี้ อากิโตะเลื่อนมือไปลูบไล้ตรงที่ลูกของเขาดิ้นเบา ๆ และเหมือนว่าเด็กน้อยจะรู้ว่าพ่อของเขากำลังโอเขาอยู่ จึงถีบเท้ามาอีกหลายครั้งแล้วนิ่งเงียบไป “ลูกไม่พอใจที่นายไปจูบคนอื่น เห็นไหม”เสียงทุ้มกระซิบแผ่ว และได้รับการยืนยันด้วยแรงถีบอีกครั้งนึงจากภายในท้อง “มา มาให้ฉันลบรอยเร็ว” ร่างสูงขยับพลิกตัวไปคร่อมกายของไอสึกิเข้าไว้ เขารอให้คนรักเอนตัวราบลงกับพื้นโซฟานุ่มนิ่มก่อนจึงไล่ตามลงไปช่วงชิงลมหายใจจากอีกฝ่ายอยู่สองนาน “วันนี้ฉันมีประชุมประจำปี”อากิโตะเอ่ยขึ้นในช่วงเช้า ดวงตาคมจับจ้องร่างของว่าที่คุณแม่ที่ยังนอนตะแคงมองกลับมาอยู่บนตียงใหญ่ “จริง ๆ ฉันจะให้โฮรุซากิเข้าประชุมแทน แต่หุ้นส่วนจากอเมริกามาร่วมประชุมด้วยเลยต้องไปเอง... ไอสึกิ นายอยู่บ้านคนเดียวได้ไหม” “ได้สิครับ”คนที่ถูกถามระบายยิ้มเต็มใบหน้า “อีกอย่าง ผมก็ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย คุณลุงโคสึเกะกับคิริวก็อยู่ ไม่เป็นไรหรอกครับ” “ฉันจะรีบกลับมานะ”ริมฝีปากร้อนแนบกับหน้าผากมนเบา ๆ “ใกล้จะคลอดแล้ว อย่าไปซนที่ไหนรู้ไหม” “ผมไม่ใช่เด็กสักหน่อย”ไอสึกิทำหน้ายู่ในคนตรงหน้า เขาไม่ใช่คนชอบอยู่นิ่ง เลยมักจะเดินไปมาแก้เบื่อจนโดนทั้งบ้านยามาโมโตะดุเอา ไม่เว้นแต่แม้จิโร่ที่เข้ามาเอ็ดอยู่เป็นประจำ “ตอนเย็น ๆ เจอกันนะครับ” “ฉันจะพยายามกลับมาก่อนเย็นนะ”ร่างสูงหยิบสูทขึ้นมาสวมแล้วเดินออกนอกห้องไป เพียงแค่ไม่กี่ก้าวจากห้องพักแขกที่เขาอาศัยอยู่ชั่วคราวก็เจอเจ้าของบ้านอาวุโสเดินเข้ามาซะก่อน “ฝากดูไอสึกิด้วยนะครับ คุณลุงโคสึเกะ” “ได้สิ ไปทำงานเถอะ”มือหนายตบไหล่ชายหนุ่มรุ่นลูกสองสามที แล้วเดินไปหาคนที่รับฝากเอาไว้ด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น สภาพแวดล้อมดี เด็กที่เกิดมาจะได้อารมณ์ดี เป็นคติของเขา โคสึเกะโผล่อหน้าเข้าไปเห็นไอสึกิหลับอยู่เลยถอยทัพกลับมาหมุนตัวไปหาภรรยาคู่ชีวิตที่เข้าครัวด้วยตัวเองอยู่แทน อันที่จริงคุณนายยามาโมตะนั้นอยู่ในช่วงร่อนรอบโลกกับเพื่อนพ้อง แต่เมื่อเธอรู้ว่าเพื่อนของลูกชายที่เธอเอ็นดูยิ่งกว่าลูกตัวเองมาอาศัยที่บ้านชั่วคราว ทั้งยังเอาคนรักที่ท้องป่องมาด้วย เธอเลยจรลีกลับมาสิงที่บ้านอย่างรวดเร็ว “หนูไอยังไม่ตื่นเหรอคะคุณ”หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสามีของเธอลงมาเพียงลำพัง “ฉันตุ๋นซุปไก่ไว้ให้หนูไอ คุณว่าเขาจะชอบไหมคะ” “มีอะไรที่คุณทำแล้วไอสึกิเขาไม่ชอบไหมล่ะ ชิโอริ”โคสึเกะถามกลับยิ้ม ๆแล้วรวบเองเล็กของคนที่สวยที่สุดในสายตาเขาเอาไว้ “ใกล้จะได้เห็นหน้าหลานแล้วน้า ผมล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าหลานเราจะมีเพศสภาพเป็นหญิงหรือชาย” “นั่นสิคะ ฉันก็ได้แค่ซื้อของที่เป็นกลาง ๆ เอาไว้ เดี๋ยวจะไม่ได้ใช้เอา” สองสามีภรรยาพูดคุยกันงุ้งงิ้งราวกับว่าเด็กที่จะเกิดมานั้นเป็นหลานแท้ ๆ ของพวกเขาเอง... ไอสึกิตื่นขึ้นมาในยามสาย เขายันตัวลุกขึ้นแล้วพาตัวเองเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายยามเช้าหัวยังมึน ๆ อาการเจ็บแปลบที่ช่วงท้องทำให้เจ้าตัวมุ่นหัวคิ้ว เขาไม่อยากให้อากิโตะเป็นห่วงเลยไม่ได้บอกไป แต่ถ้ามันยังเจ็บถี่ขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้ก็คงต้องบอกแล้ว “ตื่นแล้วเหรอจ๊ะหนูไอ”เสียงหวานของคุณนายใหญ่เอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นเขาเดินอุ้ยอ้ายออกมา “ป้าตุ๋นน้ำซุปไว้ให้หนูด้วยนะ ให้คนไปยกมาแล้วเดี๋ยวอีกสักแป็ปก็มาแล้วจ๊ะ นั่งก่อนเร็ว” “ขอบคุณครับ”ไอสึกินั่งลงตามคำของคุณชิโอริ เขาเงยหน้าขึ้นไปหาคนที่เป็นหัวหลักในการดูแลเขาอย่างงุนงง “เอ่อ... มีอะไรหรือเปล่าครับ” “ท้องใหญ่จังเลยนะ”มือเรียวเล็กยื่นมาลูบหน้าท้องที่นูนใหญ่เบา ๆ “ต้องเป็นเด็กที่จ้ำม่ำมากแน่เลย” “อาจจะเพราะผมอ้วนก็ได้นะครับ”เขาตอบกลับไปด้วยเสียงที่เจือความขบขัน “ตั้งแต่นั่ง ๆ นอน ๆ แบบนี้ ผมกินเยอะกว่าเดินเยอะเลยครับ” “กินเข้าไปเยอะ ๆ น่ะดีแล้ว จะได้มีแรง รู้ได้”ผู้อาวุโสตั้งท่าจะเทศน์การเตรียมตัวสำหรับการเป็นแม่อีกครั้งเล่นเอาคนที่ต้องฟังแอบผวาในใจ “น้ำซุปมาแล้วค่ะ”ชุดอาหารที่มีเมนหลักเป็นน้ำซุปไก่ถูกวางลงบนโต๊ะเล็ก “ท่านโคสึเกะเชิญคุณผู้หญิงไปที่ห้องหนังสือนะคะ” “เอ๊ะ”สาวงามของบ้านยามาโมโตะทำหน้าหงิกแล้วลุกขึ้นเดินตึงตังออกไป “ตาคนนี้นิ เรียกฉันทำไมกัน น่าเบื่อจริง” ไอสึกิที่ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพังถอนหายใจน้อย ๆ แล้วลงมือกินอาหารเช้าทั้งที่ไม่อยากเลย เขาฝืนกินซุปไปได้จนหมดกับข้าวและปลาย่างอีกนิดหน่อย เขานั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องพักใหญ่ ไอสึกิเลยลุกขึ้นเดินประคองท้องออกจากห้องไปหาอะไรทำแก้เบื่อ แต่... ไม่รู้อะไรดลใจให้เขากลับมาหยิบเครื่องรางสีสดที่ได้รับมาจากคิริวใส่กระเป๋าเสื้อของตนไปด้วย แดดที่ลงจัดทำให้เขาไม่อยากออกไปเดินในสวน เลยหันหลังกับไปที่ห้องนั่งเล่นแทน “อ๊ะ”ความปวดหนึบไล่ขึ้นมาพร้อมกับความอุ่นวาบที่ช่วงขา น้ำใส ๆ ไหลซึมลงตามตามท่อนขาเรียว “อึก” ร่างของไอสึกิทรุดลงไปอยู่กับพื้นพรมนุ่ม เขาพยายามข่มความปวดที่แล่นไปทั่วร่างกายเอาไว้จนมันผ่อนลง “ไอสึกิ!!!”เสียงของคิริวตะโกนขึ้นลั่น ร่างบางโฉบเข้ามาประคองร่างของเพื่อนที่สั่นระริกเอาไว้ “แย่แล้ว ฮาคุ ฮาคุ! ฮาคุ!! ออกรถเร็ว ฮาคุ!!!” เสียงใสร้องเรียกคนรักที่ยังโงนเงนอยู่จนเจ้าตัวตื่นเต็มตา ฮาคุรีบวิ่งออกไปเคลื่อนรถมาจอดหน้าประตูบ้านของตนแล้ววิ่งกลับเข้ามาอุ้มตัวขอไอสึกิออกไป “พ่อ โทรเรียกอากิโตะด้วย”คำสั่งที่เฉียบขาดอย่างที่นาน ๆ ทีจะหลุดออกมาจากคนที่ดูจะไม่เคยจริงจังกันชีวิตแทบจะทำให้ผู้เป็นพ่อหลั่งน้ำตาด้วยความปิติ “ให้มันตามไปที่โรงพยาบาลเลยนะ” “แกรีบไปก่อนเถอะ ฉันจะขับรถตามไปเอง”โคสึเกะบอกกับลูกชายขณะที่มือกดโทรศัพท์ไปด้วย “ไม่ คุณ ขึ้นรถ ฮาคุ คิริว พวกเธอดูไอสึกิไว้ ฉันจะขับเอง”สายตาของคนทั้งสามหันขวับมามองนายหญิงของบ้านที่ขึ้นไปประจำตำแหน่งคนขับเรียบร้อยแล้ว “เร็วสิ ชักช้าทำไมกันน่ะห๊ะ” “ครับ ๆ”ทุกคนรีบขึ้นไปประจำในรถ ทันที แม้จะอยากอิดออดแค่ไหนก็ตาม... เทพเจ้าแห่งโตเกียวกำลังจะกลับมาอีกครั้ง... เพียงไม่กี่นาทีทุกคนก็พาให้ไอสึกิเข้าห้องคลอดไปเรียบร้อยแล้ว ทางด้านอากิโตะที่ได้รับข่าวก็ยกเลิกการประชุมโดยไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ ทั้งนั้น เขารีบเดินทางมายังโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีหุ้นส่วนที่ทำให้เขาต้องไปประชุมนั่งมาด้วย การจราจรที่แม้จะไม่ได้ติดขัดอะไร แต่การที่เจอไฟแดงทุกแยกที่ต้องผ่านนั้นทำให้อารมณ์หงุดหงิดของอากิโตะพุ่งขึ้นสูงทะลุปรอท ใจของเขาร้อนรนไปหมด ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะวาร์ปไปอยู่หน้าห้องคลอดในเวลานี้เลยด้วยซ้ำ “เป็นไงบ้างครับ”อากิโตะหันไปถามคุณนายชิโอริที่ดูจะสงบนิ่งที่สุดแล้ว “ยังไม่ถึงกำหนดเลย ทำไมถึง...” “ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่หมอซาโต้ประเมินแล้วสั่งให้เร่งคลอดเลย แต่เหมือนหนูไอจะได้ยอมให้ใครแตะเลยหลังจากให้ยาไป...”ดวงตาของหญิงวัยกลางคนดูกังวลใจทำเอาอากิโตะใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม “ก็บอกแล้วให้มาอัลตร้าซาวน์ดู ก็อยากจะลุ้นนัก”ฮาคุอดที่จะกัดเพื่อนซี้ไม่ได้ ทั้งที่มจของเขาก็เป็นกังวลไม่น้อยไปกว่าใคร “คุณอากิโตะ”ซาโต้เดินออกมาจากห้องที่ปิดทึบ “เข้าไปอยู่กับคุณไอสึกิเถอะครับ ตอนนี้เขาคงต้องการคุณคนเดียว” “อืม”ร่างสูงเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่โรงพยาบาลจัดเตรียมเอาไว้ให้ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องกระจกชั้นในเพียงลำพัง “ไอสึกิ” ร่างอวบซุกตัวอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอ่ยเรียกเขาด้วยแววตาสั่นไหว “อากิโตะ”ไอสึกิร้องเรียกคนที่เขากำลังรอ แขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่งทันทีที่ร่างสูงทรุดตัวลงตรงหน้า “อากิโตะ” “ไม่เป็นไรแล้วนะ ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว”สัมผัสอุ่นที่ลูบไล้ไปตามแนวกระดูกสันหลังทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลงไปมาก “เอาล่ะ เรามาพยายามด้วยกันนะ” “อื้อ” อากิโตะลุกขึ้นมาปูผ้าซับผืนใหญ่สีขาวสะอาดไว้กับพื้นแล้วขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้กลมที่ยกมาวางเอาไว้ติดกำแพง ไอสึกินั้นคุกเข่าลงกับพื้น สองแขนโอบเอวของคนตรงหน้าเอาไว้แน่น “ฮึก”ความเจ็บแล่นขึ้นมาตามไขสันหลังอีกครั้ง ลมเบ่งที่ดันจากด้านในยามที่ภายในบีบตัวทำให้เขาออกแรงเบ่งไปตามจังหวะของมัน “พยายามเข้า”เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบเบา ๆ ขณะที่ดวงตาจับจ้องไปที่บั้นท้ายขาวนวลที่สั่นนะริก “เอ้า ฮึบ” ตัวของไอสึกิเกร็งจนเห็นข้อขาว เขาออกแรงตามจังหวะที่ธรรมชาติกำหนดอย่างสุดแรงทุกครั้ง ความรู้สึกว่ามีอะไรกำลังจะเคลื่อนออกไปจากกายทำให้เขามีกำลังใจมากขึ้น “อีกนิดไอสึกิ ลูกของเราจะออกมาแล้ว”อากิโตะส่งเสียงบอกกับคนรักด้วยความยินดีเมื่อเห็นช่องทางหวานขยายตัวออกกว้างขึ้น หมอซาโต้เปิดประตูเข้ามาพร้อมพยาบาลมือโปรเงียบ ๆ เขารอให้หัวเด็กออกมาก่อนแล้วจึงจะเข้าไปดูดน้ำคร่ำออกจากปากเด็กน้อย “อึก”ไอสึกิรวบรวมแรงอีกเฮือกนึงแล้วเบ่งอีกครั้ง เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างหลุดออกไปนอกตัวเขาส่วนหนึ่ง “อย่าเพิ่ง... อดทนไว้ก่อนนะ”มืออุ่นที่จับใต้แขนเขาไว้บีบเขาเบา ๆ “ให้หมอจัดการอะไรสักอย่างก่อน” อากิโตะมองซาโต้ที่กำลังดูดเอาน้ำใส ๆ ออกจากปากของลูกเขา เมื่อได้รับสัญญาณการพยักหน้า เขาก็หันกลับมาลูบแผ่นหลังเปียกชื้นของอีกคนต่อ “อีกครั้งเดียว ไอสึกิ พยายามหน่อยนะ” ไอสึกิเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของคนที่เขาไม่เคยคิดว่าตนจะได้รู้จักจนพัฒนามาเป็นคู่แต่งงานกันอย่างนี้ ผ้าเย็นที่ถูกน้ำมาซับใบหน้าเขาอย่างอ่อนโยนนั้นทำให้เขายิ้มออกมาอย่างไม่อาจกลั้น โอเมก้าหนุ่มสูดลมหายใจลึกก่อนที่จะออกแรงเบ่งอีกครั้ง ทันทีที่ออกแรง เขาก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนตัวออกไปจากร่างกายของลูกน้อยของเขา “เก่งมาก ไอสึกิ นายเก่งที่สุดเลย”อากิโตะไถลตัวลงมากอดคนรักที่ให้กำเนิดชีวิตใหม่ได้สำเร็จไว้แน่น “เก่งมากที่รัก เก่งมาก” “ลูก...”ไอสึกิครางออกมาเบา ๆ แล้วพยายามพลิกตัวไปมองลูกของเขาที่ถูกพยาบาลอุ้มเอาไว้อยู่ “น้องเป็นอัลฟ่าเพศชายค่ะ”พยาบาลที่เลยวัยสาวไปแล้วยิ้มหวานออกมา เธอพาเด็กน้อยไปล้างตัวและเจาะฝ่าเท้าเพื่อตรวจเลือดก่อนจะพากลับมาให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ได้เห็น “ยินดีด้วยนะคะ" มือเรียวกำลังจะเอื้อมไปแตะลูกน้อย ความความรู้สึกบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหว ทำให้เขาต้องผวาทิ้งแขนลงกับพื้น นิ้วเรียวจิกลงไปที่กระเบื้องจนเห็นข้อขาว “อ๊ะ”อากิโตะที่เห็นท่าไม่ดี รีบจับคนรักให้เอนมาพิงอกตนไว้ เขาขยับมาไปจับกับมือของไอสึกิแน่น “มี... มีอีกคน” คำพูดเบา ๆ ที่ทำให้ดวงตาสีเทาเปิดกว้าง อากิโตะกระชับมือคนรักเอาไว้มั่น แล้วพละออกมาข้างหนึ่งเพื่อโอบร่างที่อ่อนแอในสายตาเขาไว้ เด็กคนที่สองถูกคลอดออกมาโดยใช้เวลาไม่นาน แม้จะลำบากกว่าลูกคนแลกสักหน่อยตรงที่เขานั่งกับพื้น แต่ยาวที่ได้เห็นลูกเคลื่อนออกมาจากร่างกายของคนมันทำให้ใจของไอสึกิพองโตอย่างบอกไม่ถูก “เป็นอัลฟ่าเพศชายค่ะ” อากิโตะให้รางวัลคนรักด้วยการจูบแก้มที่ชื้นเหงื่อไปเน้น ๆ ทั้งสองข้าง เขาดีใจจนอยากจะร้องให้ลั่นโรงพยาบาลแห่งนี้ไปเลย “ขอบคุณ ขอบคุณมากไอสึกิ นายกับลูกเป็นของขวัญที่พระเจ้ามอบให้ฉันจริง ๆ ฉันรักนาย ฉันรักนายที่สุดเลย” “ผมก็รักคุณที่สุดเหมือนกันครับ...” @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ตอนหน้าเป็นบทส่งท้ายแล้วนะคะ ^^ // เนื้อเรื่องก็จบตรงนี้ล่ะค้า ฮ่าๆ เย้ รอบนี้ไม่ดองถึงปีน้า ทุกคนนนนนน ดีต่อใจ ><
เครื่องรางขลังมาก
แฝดด้วยล่ะ
น้ำยาดี้เนอะคุณพ่อ ฮ่าๆๆๆ
แฝดๆๆๆๆ
นึกอยู่เหมือนกันว่าน่าจะแฝดนะ ไอสึกิ อวบอิ่มซะขนาดนี้ กินได้เยอะ กว่าเดิมด้วย ลูกเป็นอัลฟ่าทั้งคู่ เจ๋ง สุดยอด :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ว้ายได้แฝดดดดแม่ยกเป็นปลื้มมมมมมมม :mew1:
:hao7: เพิ่งอ่านเมื่อวานจนทันวันนี้มาต่ออีกแล้ว เสียดายที่อ่านช้าไปจริงๆ :z3: อิตาอากิโตะคนหื่นเอ๊ยยย แกขนาดเมียท้องยังไม่เว้นจริงๆ นี่ทำจนน้องไอไม่ไหวเลยสินะ อิตาหื่นเอ๊ย แอบเครซี่เบาๆตรงที่น้องไอมีแฝด :o8:
บทส่งท้าย ในช่วงหลังคลอดสองสามวันแรก ไอสึกิถูกสั่งให้นอนพักอยู่ในโรงพยาบาล ระหว่างนั้นก็มีพ่อแม่และเพื่อน ๆ ของไอสึกิหลายคนแวะเวียนมาเยี่ยม มาดูหน้าหลานกันไม่ขาด รวมทั้ง... คนของบ้านใหญ่ตระกูลทากาฮาชิด้วย พวกเขาเลือกมาในเวลาที่อากิโตะไม่อยู่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเมื่อโคสึเกะยืนคุมเชิงอยู่ไม่ห่าง พร้อมทั้งชิโอริที่ปรายหางตามองพวกเขาอยู่ด้วย จะแตะหลานที่พวกเขายินดีรับเข้าตระกูลจนเนื้อเต้นก็ไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้วจนจำต้องล่าถอยกลับไปอย่างคับอกคับใจ แต่จะให้เสี่ยงมีปัญหากับบ้านยามาโมโตะทั้งที่พวกเขายังมีชนักติดหลังจากเรื่องคราวก่อนนั่นก็ดูจะโง่เกินไปสักหน่อย และที่น่าตกใจกว่าการมาเยือนของบ้านทากาฮาชิคือการที่มิซึชิโนะ นาโอมิมาเยี่ยมเขาพร้อมกับลูกพี่ลูกน้องนอกตระกูลของอากิโตะ... และเธอกำลังตั้งท้อง แต่ดูจากสภาพที่บอบช้ำแล้ว ชีวิตของเธอคงไม่ดีเท่าไหร่นัก เมื่อเค้นถามจากคนที่น่าจะรู้มากที่สุดก็ได้รับคำตอบเพียงแค่ว่า ซาซากิ ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของคนรักนั้นเป็นอัลฟ่า และโกรธแค้นที่นาโอมิทำร้ายเขากับหลานที่ตอนนั้นยังไม่ลืมตาดูโลก เลยลงมือจัดการทุกอย่างตามใจตนเอง ไอสึกิมองคนที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ด้วยสายตาจับผิด แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเจ้าตัวยังคงดูไม่สะทกสะท้านอะไร ข่าวที่คู่แต่งงานของประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศให้กำเนิดทารกฝาแฝดที่เป็นอัลฟ่าทั้งคู่ออกมานั้นกระจายออกไปทั่ว สร้างความฮือฮาให้กับผู้เสพข่าวหลายคนนัก ด้วยอัตราที่จะเกิดฝาแฝดนั้นมีน้อยอยู่แล้ว ยิ่งเป็นอัลฟ่าทั้งสองคนด้วยแบบนี้ ทำให้เด็กทั้งสองถูกจับตามองเป็นอย่างยิ่ง นาโอกิและคาสึกิต่างเป็นขวัญใจของคนทั้งบ้านยามาโมโตะ ซึ่งแวะเวียนมาหาเจ้าตัวน้อยกันอยู่ไม่ขาด แม้ว่าอากิโตะจะพาไอสึกิกับลูกมาอยู่บ้านใหม่แล้วก็ตาม ใช่ อากิโตะตัดสินใจซื้อบ้านของเขาขึ้นมาใหม่โดยไม่บอกไอสึกิ เขาจะอาศัยอยู่บ้านของเพื่อนสนิทไปตลอดไม่ได้ และลูกของเขาต้องการที่วิ่งเล่น เพราะอย่างนั้นคอนโดนั้นก็คงได้เวลาปล่อยให้คนเช่าไป ถึงจะพูดว่าบ้านใหม่... แต่รั้วก็อยู่ติดกับบ้านใหญ่ของยามาโมโตะ ทำให้การเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันไม่ได้ลำบากอะไรเลยสักนิด ทารกน้อยทั้งสองติดพ่อแม่ของตนเองอย่างหนัก ทั้งยังหวงทั้งคู่มากอีกด้วย “เฮ้อ เด็ก ๆ น่ารักจังเลยน้า”ชิโอริยื่นนิ้วไปจิ้มแก้มนุ่มของหลานตัวน้อยอย่างมีความสุข “ฉันไปยกเลิกทริปมอสโกดีกว่า” “เอาเลยคุณ เราจะได้มาเลี้ยงหลานกันทุกวันไปเลย”โคสึเกะสนับสนุนเต็มที่ เพราะกระเลี้ยงหลานสองคนพร้อมกันนั้น ถ้าด้วยแรงคนเดียวอาจจะทำให้เด็กคนนึงงอนเอาได้ แต่ถ้ามีคนเดียวน่ะเหรอ... เขาก็พร้อมจะถีบส่งภรรยาไปเที่ยวเหมือนกัน ของเล่นที่ทั้งสมวัยและไม่สมวัยถูกซื้อมากองไว้เต็มห้องนอนเด็ก ทั้งจากครอบครัวและจากเพื่อนฝูงที่พากันส่งของมาไม่ขาด “โถ่ พ่อ แม่ ถ้าอยากมีหลานก็ให้ผมแต่งกันคิริวไว ๆ สิครับ”ฮาคุหาช่องโอดครวญขึ้นทันทีที่ได้จังหวะ “ที่นี้พ่อกับแม่อยากเลี้ยงหลานกี่คนก็บอกได้เลย คิริวให้ได้อยู่แล้ว” “เอ๊ะ ฮาคุ ฉันไม่ใช่แม่หมูนะ!”ขวดน้ำที่เหลือน้ำอยู่ไม่มากถูกปาใส่หัวคนที่จ้องจะทำลูกอย่างแม่นยำ “แล้วที่อยู่กันนี่มันต่างจากไม่แต่งตรงไหนกันเนี่ย” “เอ... คิริวมีอะไรกับคุณฮาคุไปแล้วเหรอครับ”ไอสึกิที่เดินถือขวดนมเข้ามาถามขึ้นอย่างสงสัย แต่ใบหน้านั้นเปื้อนยิ้ม “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับเนี่ย” “เอ่อ... ก็หลังจากที่ฉันถามไอไอครั้งโน้นแหละ...”ใบหน้าใสขึ้นสีแดงเรื่อ แล้วค้อนใส่เพื่อนวงโต “อย่ามองแบบนั้นสิ ฉันไม่ได้อายุน้อยขนาดที่จะใสซื่ออยู่ได้นี่...” “อ้าว เฮ้ย ไอ้ลูกงี่เง่า นี่แกกินคิริวก่อนถึงเวลาได้ไงวะ”โคสึเกะฟาดมือเข้าไปที่หัวของลูกชายเต็มรัก “โอ้ย พ่อ!” “แอ๊ แอ๊”เสียงร้องของเด็กทำให้ทุกคนที่กำลังหัวเราะกลิ้งหันไปมองฝาแฝดเป็นตาเดียว “แอ๊ แอ๊ อิ อิ” “โอ้ยย ลูกใครน่ารักใจละลาย”คุณนายยามาโมโตะทรุดลงไปกองกับพื้นข้างเปลเด็กน้อย “เดี๋ยวป้าจะซื้อของเล่นมาให้อีกนะลูก” “พูดถึง... ไอสึกิ”คิริวทำท่าเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหันไปหาเพื่อนที่กำลังอุ้มลูกขึ้นมาดื่มนมโดยมีอากิโตะช่วยอยู่ข้าง ๆ “ไอสึกิให้จี้สลักชื่อเด็ก ๆ เป็นของขวัญชิ้นแรก และอากิโตะล่ะ ให้อะไรเด็ก ๆ เหรอ” คราวนี้ทุกคนหันไปมองคู่สามีภรรยาที่คนนึงยืนยิ้มแหย อีกคนมีแววตาเปล่งประกายระยับอย่างแปลกตา... “พอร์ตหุ้นน่ะ” “...” ก็... สมเป็นนักธุรกิจดีนะ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ในที่สุดก็จบแล้วค้าา จบจริงๆละ ฮ่าๆ เป็นยังไงกันบ้างคะ ^^ รอบนี้เราลงไม่ขาดตอนเลยย ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาถึงตอนนี้นะคะ เย้ https://www.mx7.com/view2/zM5k7StfInDyVeB8 (https://www.mx7.com/view2/zM5k7StfInDyVeB8) (ลงรูปไม่ได้ ฮ่าๆ) แพลนที่เหลือจะเป็นตามนี้เลยค้า ตอนนี้เขียนสลับกันระหว่าง call it love กับ my prince of destiny นะคะ เอาไว้จะจบแล้วค่อยมาลงเนอะ จะได้ไม่ขาดตอน แหะ ๆ (อยากอ่านเรื่องไหนก่อนกันคะ ^^) แล้วพบกันใหม่เรื่องหน้าน้าาา
:katai1: เห้ยๆๆๆๆ เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ ทำไมเหมือนกำลังฟินพระอาทิตย์ตกดินอยู่ที่หน้าผาแล้วเหมือนโดนถีบส่งลงมาด้วยความเร็วและแรงมากกกกก ม๊ายยยยยยยยย ชั้นกำลังฟินเลยอร่าาาาาาา มีส่วนขยายมากกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้หรออออออออ
ขอบคุณค่ะ เรื่องต่อไปนี่จะมีตัวละครจากเรื่องนี้ด้วยไหมคะ
:katai1: เห้ยๆๆๆๆ เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ ทำไมเหมือนกำลังฟินพระอาทิตย์ตกดินอยู่ที่หน้าผาแล้วเหมือนโดนถีบส่งลงมาด้วยความเร็วและแรงมากกกกก ม๊ายยยยยยยยย ชั้นกำลังฟินเลยอร่าาาาาาา มีส่วนขยายมากกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้หรออออออออ ไปต่อกันในภาคลูกนะคะ TvT (มันควรจะมีตอนพิเศษ... แต่ตอนนี้ยังไม่งอกไม่เจียวเลยข่าา)ขอบคุณค่ะ เรื่องต่อไปนี่จะมีตัวละครจากเรื่องนี้ด้วยไหมคะ โอเมก้าสามเรื่องต่อไปเป็นภาคลูกค้า มีพ่อๆแม่ๆอยู่บ้างค่ะ ^^
จบแล้ว แฮปปี้เอนดิ้ง ถึงตอนจบจะสั้นไปนิด แต่ก็เอาเถอะ มันสนุกดี อีกคู่ อีกไม่นานก็คงจะมีลูกๆมาเป็นเพื่อนเล่นของเด็กแฝดแน่ๆ ขอบคุณคนเขียนมากๆจ้า :L2: :pig4:
:katai1: เห้ยๆๆๆๆ เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ ทำไมเหมือนกำลังฟินพระอาทิตย์ตกดินอยู่ที่หน้าผาแล้วเหมือนโดนถีบส่งลงมาด้วยความเร็วและแรงมากกกกก ม๊ายยยยยยยยย ชั้นกำลังฟินเลยอร่าาาาาาา มีส่วนขยายมากกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้หรออออออออ ช่ายเลย ขอตอนพิเศษเยอะๆ หลายๆ ตอน อยากอ่านแฝดอัลฟ่า น่ารัก “แอ๊ แอ๊ อิ อิ” :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณคนเขียนมากกกกกกกกกกกกกกก อยากได้ตอนพิเศษอ่ะจัดมาดะหมายยยยย :mew2:
พอร์ตหุ้น 555+ ชอบอ่ะ คิดการไกลมาก
เดี๋ยวๆๆๆๆ อย่าเพิ่งจบเด่ แบบนี้มันเหมือนกำลังฟินแล้วถูกตัดอารมณ์ฉับชัดๆ :hao5: :hao5: :hao5:
ตอนพิเศษ ค่ะ ตอนพิเศษ (กรีดร้องเสียงดัง) แล้วจะทิ้งบม คุณหลานชายที่เป็นเบต้าของคุณพ่อบ้าน ทำไมค่ะ กลับมาเฉลยก่อนนนนนนนนนนนนนนน
ตอนพิเศษ ค่ะ ตอนพิเศษ (กรีดร้องเสียงดัง) แล้วจะทิ้งบม คุณหลานชายที่เป็นเบต้าของคุณพ่อบ้าน ทำไมค่ะ กลับมาเฉลยก่อนนนนนนนนนนนนนนน มีเฉลยในภาคต่อต่อไปค้าาาา
อ่านจบแล้ว ประทับใจมากค่ะ ปกติเราชอบแนวโอเมก้าเวิร์สอยู่แล้ว แต่เวลาอ่านการ์ตูนแต่ละเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นแนวดราม่า ความจริงเรื่องนี้ก็แอบดราม่าเนอะ แต่จบแฮปปี้ ถือว่าโอเคเลยค่ะ o13 ขอแนะนำสักนิดนึงนะคะ ความจริงเรื่องแนวนี้มันเป็นแนวแฟนตาซีเนอะ ฉากตื่นเต้นหรือฉากพีคๆ อย่างเวลากัดขอหรือตอนรู้ว่าท้องอะไรแบบนี้ น่าจะเพิ่มลูกเล่นในการแบ่งวรรคตอนหรือการจัดหน้ากระดาษให้มันดูตื่นเต้นขึ้นอีกซักนิดก็ดีนะคะ เราก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันค่ะ คือพออ่านแล้วรู้สึกว่าฉากสำคัญบางฉากมันกลืนเข้าไปกับเนื้อเรื่องส่วนขยาย ไม่มีการเน้นให้ดูเหมือนว่ามันคือจุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องเลยอ่ะค่ะ แบบเวลาอ่านแล้วต้อง :a5: อะไรแบบนี้ (นี่ก็เวอร์ไป 555) สำหรับเนื้อเรื่องสมบูรณ์ดีแล้วค่ะ หาข้อมูลมาประกอบได้ดีมากเลยค่ะ ทั้งเรื่องโอเมก้า เบต้า อัลฟ่า หรือข้อมูลอื่นๆ สู้ๆ นะคะ อยากอ่านแนวนี้อีกจังเลยค่ะ :L2:
อ่านจบแล้ว ประทับใจมากค่ะ ปกติเราชอบแนวโอเมก้าเวิร์สอยู่แล้ว แต่เวลาอ่านการ์ตูนแต่ละเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นแนวดราม่า ความจริงเรื่องนี้ก็แอบดราม่าเนอะ แต่จบแฮปปี้ ถือว่าโอเคเลยค่ะ o13 ขอแนะนำสักนิดนึงนะคะ ความจริงเรื่องแนวนี้มันเป็นแนวแฟนตาซีเนอะ ฉากตื่นเต้นหรือฉากพีคๆ อย่างเวลากัดขอหรือตอนรู้ว่าท้องอะไรแบบนี้ น่าจะเพิ่มลูกเล่นในการแบ่งวรรคตอนหรือการจัดหน้ากระดาษให้มันดูตื่นเต้นขึ้นอีกซักนิดก็ดีนะคะ เราก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันค่ะ คือพออ่านแล้วรู้สึกว่าฉากสำคัญบางฉากมันกลืนเข้าไปกับเนื้อเรื่องส่วนขยาย ไม่มีการเน้นให้ดูเหมือนว่ามันคือจุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องเลยอ่ะค่ะ แบบเวลาอ่านแล้วต้อง :a5: อะไรแบบนี้ (นี่ก็เวอร์ไป 555) สำหรับเนื้อเรื่องสมบูรณ์ดีแล้วค่ะ หาข้อมูลมาประกอบได้ดีมากเลยค่ะ ทั้งเรื่องโอเมก้า เบต้า อัลฟ่า หรือข้อมูลอื่นๆ สู้ๆ นะคะ อยากอ่านแนวนี้อีกจังเลยค่ะ :L2: ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค้าา เดี๋ยวจะเอาไปปรับใช้เรื่องหน้านะคะ ><
รู้สึกว่า..... มันยังไม่สุด ขอต่อเวลาอีกหน่อยได้ไหมขอรับ ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
รู้สึกว่า..... มันยังไม่สุด ขอต่อเวลาอีกหน่อยได้ไหมขอรับ ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ เจอกันในภาคลูกนะคะ TvT
จบซะแล้วว นี่อ่านรวดเดียวงานการไม่ต้องทำ :m20: :L2: :pig4: :pig4: :L2:
อ่านรวดเดียวจบ สนุกมากเลย เรื่องนี้สนุกมากคะ อ่านได้ตลอดแบบไม่ติดขัด แถมนายเอกเราก็เป็นคนสู้คนด้วย ยิ่งชอบ :hao7:
เป็นเรื่องสั้นที่สนุกมากเลยค่ะ เราคิดว่ามันครบรสอยู่นะ แรกๆคิดว่าจะดราม่าแล้วที่ไหนได้ตอนหลังหวานนนนนนนนน คำผิดยังมีอยู่นะคะแต่ก็ค่อยๆแก้ไขกันไปเนอะ เลิฟฟฟ ให้กำลังใจคนแต่ง :กอด1:
ภาคลูกอยู่ไหนคะ. ภาคลูก. (กรีดร้องงงงงงง) เรื่องดีมากๆ. ต่างจากเรื่องที่เคยอ่านมาเลย
จะมีตอนพิเศษมั้ยนะ ไม่อยากให้จบเลย ขอบคุณมากครับ
เป็นเรื่องสั้นที่สนุกมากเลยค่ะ เราคิดว่ามันครบรสอยู่นะ แรกๆคิดว่าจะดราม่าแล้วที่ไหนได้ตอนหลังหวานนนนนนนนน คำผิดยังมีอยู่นะคะแต่ก็ค่อยๆแก้ไขกันไปเนอะ เลิฟฟฟ ให้กำลังใจคนแต่ง :กอด1: ขอบคุณค่ะ จะพยายามแก้ไขเรื่องคำผิดนะคะ ^^ภาคลูกอยู่ไหนคะ. ภาคลูก. (กรีดร้องงงงงงง) เรื่องดีมากๆ. ต่างจากเรื่องที่เคยอ่านมาเลย ภาคลูกยังไม่ได้ลงในเล้าค้า ยังเขียนไม่จบเลยค่ะ งื้อออจะมีตอนพิเศษมั้ยนะ ไม่อยากให้จบเลย ขอบคุณมากครับ ในเว็ปยังไม่มีแพลนลงค่ะ (ยังไม่ได้เขียนสักตอนเลยค่ะ ฮ่าๆ)
สนุกดีค่ะ หา omegaverse อ่านยากมากกกกก โชคดีที่มาเจอเรื่องนี้ o13 o13 o13
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
สนุกดีค่ะ หา omegaverse อ่านยากมากกกกก โชคดีที่มาเจอเรื่องนี้ o13 o13 o13 ขอบคุณค้า
เนื้อเรื่องสนุก แต่ยังไม่อยากให้จบเลย
:pig4: สนุกดีค่ะ
:กอด1: :L1: :pig4: ขอบคุณนะคะ
อยากอ่านตอนพิเศษต่อจังเลยยยย รู้สึกยังไม่หายอยาก 5555
ชอบแนวนี้ ชอบมาก มีภาคต่อไม๊นะ :mew6:
ชอบแนวนี้ ชอบมาก มีภาคต่อไม๊นะ :mew6: มีภาคลูกต่อค้า
:pig4: :pig4: :pig4:
:ling2:9 :ling2: :ling1: :ling1:
:z6: นาโอมิ! :beat: :m31: โมโห หึ้ยย หล่อนใช่ไหมเป็นคนจัดการ เรื่องนี้น่ะ คงไม่รู้สินะว่าอากิโตะไม่ได้รักอะไรหล่อนเลย :pigangry2:
ท่านโคสุเกะเท่มากเลยข่าาาา :katai2-1: :m1: :m3: ปลื้มจริงๆเลย ฮือ ไหนจะท่านพ่อบ้านอีก แอร๊ยย
โทโมเอะ ฮิโยชิและมัตสึระ ชอบสามคนนี้จัง แต่เหนือสิ่งอื่นใด โทโมเอะกับมัตสึระ เราเชียร์เธอสองคนนะ :hao3: ส่วนตอนท้ายนี้.... :m10: :z9:
ง่อว เบบี๋แฝดซะด้วย :m24: :angellaugh2:
ฮือ สนุกจัง สนุกมากๆเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ไม่ค่อยเจอนิยาย omegaverse ที่แต่งจนจบสักเท่าไร เป็นเรื่องที่อ่านแล้วฟินมากๆเลยค่ะ ลุ้นไปด้วยตลอด ไหนจะความสัมพันธ์ที่น่ารัก และมิตรภาพของเพื่อน ร่วมงานในแผนกที่มีต่อไอไอ อ่านแล้วเราชอบจังน้า รู้สึกมีความสุขมากๆเลยค่ะ เนี่ย เราชอบมากเลย มันน่ารักมากๆ "สามสหายของร่างบางโบกปูนสร้างเกราะหินในใจบุกเข้ามาหารุ่นน้องที่แสนจะเป็นห่วงในห้องทำงานของเจ้านายผู้ถือสิทธิ์ขาดในการทำงานอย่างใจกล้า" คุณนานะก็น่ารัก ฮาคุกับคิริวก็ดี เป็นไอไอนี่ดีจังน้า คุณโคสึเกะกับชิโอริก็น่ารัก หลานแฝดก็น่ารัก ป.ล. ฮือออ เมื่อไรเรื่องอื่นๆจะมาคะ แอบไปส่องก็ไม่เจอ อยากอ่านอีกจังเลยค่ะ **แก้ไขเพิ่มเติม** เข้ามาส่องอีกรอบ แบบมันชอบมากโดนใจ รู้สึกถึงการเป็น omegaverseจริงๆ แบบน้อยมากที่จะอ่านเจอ อัลฟ่าตอนรัทกับตอนน็อทเนี่ย มันเลยทำให้เราอยากมาอ่านบ่อยๆ แม้เพิ่งจะอ่านจบก็เถอะ ชูป้ายไฟอยากอ่านเรื่องอื่นอีกจ้า :m7:
สนุกมากเลยค่าาาาาาาา
เข้ามาอ่านอีกรอบ รอบที่สี่ได้ ฮือ ชอบมาก :ling1: อยากอ่านอีกจังเลยค่ะ กอดขาอ้อนวอน :m5: :dont2: o1
:mew1: โง้ยบยยชอบคู่นี้จังเลย ขอบคุณนะคะ หาแนวนี้อ่านยากมากๆ เจอเรื่องนี้คือถูกใจมากเลยค่า
ชอบมากกกกสนุกมากเลย หาอ่านยากมากนิยายแนวแบบนี้อ่ะ รอเรื่องของลูกๆๆอยู่นะคะ
อ่านรวดเดียวจบเลย ชอบแนวนี้มากๆเลย นี่เป็นเรื่องที่ 2 ที่เกี่ยวกับโอเมก้า มีเสน่ห์ในเนื่อเรื่องมากๆ ติดตามเรื่องต่อไปอยู่นะคะ
สนุกมากเลยค่ะ อยากอ่านแนวนี้อีก o13 o13
o13
มาแอบอ่านอีกรอบ ฮือ :hao5: อยากอ่านภาคลูกแล้วล่ะค่ะคุณผู้แต่งขา~
รุ่นลูกพบกันช่วงเดือนพฤษภาคมนะคะ กำลังเขียนค้า (สภาพร่างกายไม่ค่อยอำนวย เขียนช้ามากเลยค่ะ :o12:)
รุ่นลูกพบกันช่วงเดือนพฤษภาคมนะคะ กำลังเขียนค้า (สภาพร่างกายไม่ค่อยอำนวย เขียนช้ามากเลยค่ะ :o12:) เย้ ขอบคุณค่ะ อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะคะ ไว้หายแล้วค่อยแต่งต่อเด้อ อย่าหักโหมมากนะคะ นิยายรอได้ค่ะ
ชอบแนวนี้มากๆเลย รักๆๆๆๆ
:mew1: :mew1: :mew1:
แวะมาเยี่ยมเยือน คิดถึงไอไอ คิดถึงฮานะมาอิ :m22: :m7:
มันมีความไม่ชัดเจนอยู่ตอนนี้ หวังว่าจะทำตัวดีนะคะ อากิโตะ
โอ๊ยๆๆๆๆ น้องดื้อจนได้เรื่องแล้วน่ะ อากิโตะมาช่วยเลยเร็วๆ น่าจะเป็นคนที่บ้านนายแหละ
ไม่อยากให้จบเลย อยากอ่านตอนพิเศษอีก งื้ออออออออ
o13
ดีงาม o13 o13 o13
:pig4:
อ่านจบไปแล้ว ด้วยความ Happy ในเบื้องต้น รอ.. ภาคลูก แต่ไม่รู้จะมาเมื่อไร น่ารักทั้ง 2 คู่ และตัวประกอบ ที่มีความละมุน คุณโคสึเกะ และ ชิโอริ มั่นมากกกก สนุกมาก..รออ่านเรื่องต่อไปแทบไม่ไหว รีบมาน้าาาา เค้ารอตัวเองอยู่... ขอบคุณมากมาย :pig4: :pig4: :pig4: :mew2: :mew2: :mew2:
:ling1: :ling1: ฟินตัวแตกแล้วเนี่ย อะไรจะขนาดนั้นนนน ตอนแรกก็โมโหก็หมั่นไส้อากิโตะนะ แต่หลังๆ คือให้อภัยแล้ว ดูรักไอสึกิดี อยากอ่านภาคลูกจะมีมั้ยน้าาา สนุกมากค่ะ แม้จะดูจบเร็วไปหน่อยแต่เนื้อเรื่องกระชับ อ่านง่าย ประทับใจมากกก :impress2: :impress2: :impress2: :mew1: :mew1: :mew1: o13 o13
:pig4: :pig4: :pig4: