บทที่ 26
นั่นไง นึกแล้วไม่มีผิด ประธานตัวแสบใช้อำนาจบาตรใหญ่ เปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์บริษัทจนได้ ฟังสิ่งที่เขาบอกแล้วนึกโมโห เมื่อไหร่จะเลิกเอาแต่ใจตัวเอง และทำอะไรโดยนึกถึงจิตใจคนอื่นบ้าง รู้ว่าเขาทำเพื่อเอาใจผม แต่ทำแบบนี้บ่อยๆ มันจะยิ่งทำให้ผมถูกคนอื่นเขม่น และเขาถูกมองไม่ดีไปหรือเปล่า
ที่จริงผมไม่รู้หรอกว่า การไปพักผ่อนกับบริษัทคราวนี้ ผมจะได้นอนกับใคร แต่ที่รู้แน่ๆ คือผมคงไม่ได้พักกับท่านประธานอย่างที่เขาบอก ผมมันก็แค่ลูกจ้างชั่วคราวที่อาจจะโชคดีหน่อยที่เจ้าของบริษัทรับเข้าทำงาน แต่เมื่อเทียบชั้นกับพนักงานคนอื่นๆ ผมก็คงไม่มีทางที่จะได้รับโอกาสให้นอนพักในห้องดีๆหรู ๆ อย่างใครเขา ซึ่งผมก็ยอมรับสภาพได้ แต่ประธานเจ้าเล่ห์กลับโยกย้ายให้ผมมานอนด้วย มันทำให้ผมลำบากใจ เพราะต้องโดนพวกพนักงานด้วยกันเพ่งเล็งและคอยจับผิดอย่างไม่ต้องสงสัย
“เคน โกรธผมหรือครับ ผมขอโทษนะ ที่ตัดสินใจอะไรลงไปโดยพละการโดยไม่ได้ปรึกษาเคนอีกแล้ว...”
เขาคงเห็นผมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด อย่างไม่พอใจ ก็เลยส่งสายตาเว้าวอนมาหา คงกลัวว่าผมจะโกรธเขา จนไม่ยอมให้ยุ่งด้วย ซึ่งมันก็สมควรจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไหนว่าไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาพัวพันในเรื่องงานไง ทำไมถึงต้องสั่งการตามใจตัวเองแบบนี้ หรือว่าผมควรจะต้องโทษตัวเองที่ทำให้เขาเริ่มเสียการปกครอง
“เคลทำอะไรลงไป ไม่คำนึงถึงผลเสียเลย ใครเขารู้เข้า เขาจะนินทาทั้งคุณและผมนะ คุณจะมาเสียชื่อเสียงด้วยเรื่องนี้ทำไม”
ผมตำหนิเขาไป ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเคลวินสักนิด แม้จะทำเพราะรู้ว่ารักและห่วงผมมากมายก็ตาม แต่ไม่น่าที่จะต้องพาตัวเองมามัวหมองด้วยเรื่องของผม ไม่อยากให้ใครมานินทาว่าร้ายว่าเขาเป็นเจ้านายที่ลำเอียงไม่ยุติธรรม
“ก็...ผม....”
“ไม่ต้องอธิบายหรอก ผมรู้ครับว่าเพราะอะไร อยากจะบอกว่าผมขอบคุณที่นึกถึงผม แต่ผมไม่เห็นใจคุณนะ เพราะผมไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ของเคลวินแม้แต่นิดเดียว”
ไม่รอให้เขาอธิบาย ผมรีบชิงพูดความรู้สึกของตัวเองขึ้นก่อน จำเป็นต้องทำเสียงดุใส่เขาด้วย เพื่อให้เขารู้ว่าผมเครียดกับสิ่งที่เขาทำ น่าแปลกที่ประธานที่ดื้อรั้น และชอบดุอยู่ตลอดเวลาอย่างเขา กลับนั่งฟังผมต่อว่า ด้วยหน้าจืดจ๋อย ราวกับว่าเราสองคนสลับบทบาทกัน ผมเป็นเจ้านาย และเขาเป็นลูกน้อง
“เคลน่าจะรู้นะครับ การที่คุณใช้อำนาจของประธานบริษัทไปแทรกแซง ทำให้คนที่จัดการดูแลเรื่องห้องต้องเปลี่ยนให้ผมมานอนบ้านพักเดียวกับคุณ มันจะก่อให้เกิดความระแวงสงสัย เขาจะตั้งคำถามว่า ผมมีความสำคัญอย่างไร ถึงได้มาอยู่ใกล้ชิดกับคุณแบบนี้ และคำถามอีกมากมายจะตามมา มันจะสร้างความวุ่นวายใจให้คุณไม่สิ้นสุด”
บอกให้เขาฟังถึงสิ่งที่กังวลใจ ประธานคนเก่ง เชิดหน้าขึ้นอย่างไม่หวั่นไหว ดูเหมือนเขาไม่ใส่ใจ ปัญหาที่จะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
“ก็ช่างปะไร ผมไม่สนใจว่าใครจะว่าอย่างไรอยู่แล้วนี่ครับ คุณเป็นเลขาของผมนะ โดยตำแหน่งหน้าที่ ก็เหนือกว่าพนักงานทั่วๆไปอยู่แล้ว ผมมีสิทธิ์ที่จะดึงคุณมาไว้ใกล้ๆตัว เพราะคุณต้องคอยรับคำสั่งผมตลอด จะให้อยู่ห่างผมได้ไง”
น้ำเสียงของเขาดื้อดึง จนผมเองก็รู้สึกอ่อนอกอ่อนใจ
“ผมเพิ่งมาเป็นพนักงานได้ไม่เท่าไหร่ กลับได้อภิสิทธิ์ต่างๆ มากมาย คุณว่าพนักงานคนอื่นๆจะไม่สงสัยหรือครับ ว่าได้มาอย่างไร”
“แล้วยังไงละครับ จะบอกว่าคุณได้มาด้วยความเสน่หาอย่างนั้นหรือ เคนกำลังจะดูถูกตัวเอง และดูถูกผมด้วยนะครับ”
เคลวินเสียงเข้มขึ้น คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน เหมือนไม่พอใจที่ผมพูด
“ก็มันจริงไหมล่ะ...”
สวนกลับไปด้วยน้ำเสียงเข้มไม่แพ้กัน ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจแล้ว ว่าที่ผมได้อะไรมากมาย เป็นเพราะความอยากได้ในตัวของผมหรือเปล่า ท่านประธานจึงประเคนทุกอย่างให้ขนาดนี้ บางทีผมอาจจะไม่มีความสามารถพอก็ได้ เขาเลยต้องช่วยเหลือผมด้วยการมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้
“คุณกำลังโกรธ ก็เลยพาลทุกอย่าง เลยดูถูกตัวเองไปด้วย ผมไม่อยากให้เคนมองว่าที่คุณได้รับอะไรทุกอย่าง เป็นเพราะว่าผมมอบให้นะครับ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือเงินเดือน คุณได้ทุกอย่างเพราะตัวคุณเอง...”
คำอธิบายของเขา ทำให้ผมหยุดนิ่งฟัง มันเป็นสิ่งที่ผมเคยได้ยินจากปากเขามาบ้างแล้ว แต่พอได้ฟังอีกครั้ง ทำให้ใจที่คุกรุ่นด้วยความโกรธของผมค่อยๆ สงบลง น้ำเสียงของเขาหนักแน่นจริงจัง ราวกับเขากำลังพูดกับผมในฐานะประธานบริษัท ไม่ใช่เคลวินภรรยาขี้อ้อนของผม
“ผมมองเห็นศักยภาพที่มีอยู่ในตัวคุณนะครับ เลยรับคุณมาทำงานด้วย คุณช่วยงานผมกับนนนี่ได้มาก คุณเหมาะสมกับตำแหน่งผู้ช่วยเลขาของผม แล้วเมื่อคุณทำดี ทำไมผมจะให้สิ่งดีๆกับคุณบ้างไม่ได้”
น่าแปลกที่คำพูดไม่กี่คำของเขา ก็สามารถสยบผมลงได้ คงเป็นเพราะผมเห็นถึงความจริงใจที่เขามีต่อผม เลยทำให้อยากอภัยให้กับสิ่งที่เขาทำ
“แต่...บางอย่างมันก็มากเกินไป”
น้ำเสียงที่พูดกับเขาเริ่มดีขึ้น ไม่ห้วนสั้นเอาแต่กล่าวหาเหมือนเมื่อครู่
“ข้าวของที่คุณซื้อมาให้ผมนั้น มันเกินกว่าฐานะที่ผมจะรับไว้ได้”
“อย่าเอาไปรวมกันสิครับเคน สิ่งที่ผมให้คุณที่นี่ กับที่บ้าน มันคนละเหตุผลกัน ที่นี่ผมให้คุณในฐานะเจ้านาย ที่ปูนบำเหน็จให้กับลูกน้องที่ทำดี ส่วนที่บ้าน ผมให้คุณได้ทุกอย่างในฐานะภรรยาที่รักสามี ผมไม่เคยเอาสองเรื่องนี้มาปะปนกันให้เสียเลยนะครับ....”
เคลวินแย้งขึ้นมา เขาคงกลัวผมจะคิดว่าเขาใช้ข้าวของซื้อใจผม
“ผมรักเคนจริงๆนะครับ ผมไม่เคยอยากใช้เงินมาซื้อความรัก ผมรู้ดีว่า สำหรับเคน ต้องใช้ใจเท่านั้น ถึงจะซื้อใจเคนได้”
ท่านประธานยื่นสองมือมากุมมือผมไว้ และบีบแน่น สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของผม ขณะที่พูดขอความเห็นใจไปด้วย
“อย่าพูดจาดูถูกตัวเองอีกเลย ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไม่เก่งพอ แต่ได้ทุกอย่างเพราะผมช่วย มันก็เท่ากับคุณคิดว่าผมเป็นไอ้โง่ เป็นแค่คนบ้ากามคนหนึ่ง ที่หวังจะเคลมลูกน้อง จนไม่แยกแยะถูกผิด ไม่เหมาะกับการบริหารงานบริษัทอีกต่อไป....”
นั่นสินะ ผมเองก็ลืมนึกถึงประเด็นนี้ มัวแต่โกรธเขา จนลืมไปว่าคำพูดของตัวเองก็ไปทำร้ายความรู้สึกของท่านประธานได้เช่นกัน เขาทำงานมาหลายปี ทำงานก่อนผมเสียด้วยซ้ำ และนี่ก็เป็นบริษัทของเขา เขาคงไม่ทำลายบริษัทตัวเองเพียงเพราะสนิทเสน่หากับลูกจ้างอย่างผมหรอก มันฆ่าตัวตายชัดๆถ้าหากเขาจะคิดทำอย่างนั้น เคลวินเป็นคนฉลาดพอที่จะไม่ให้ความรักเข้าครอบงำ เสียจนลืมสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ ผมเชื่อว่าเขาแยกแยะได้
“ขอโทษนะครับ เคลวิน ผมพูดแรงไปหน่อย”
กล่าวขอโทษเขา กับคำพูดของตัวเองที่พูดถึงเคลวินในแง่ร้าย ใบหน้าของท่านประธานดูเบิกบานขึ้น ริมฝีปากเหยียดออกเป็นรอยยิ้มกว้าง
“ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ ว่าคุณกำลังโกรธผมเรื่องบ้านพัก ผมเองก็ทำไม่ถูกจริงๆ ที่ทำอะไรโดยไม่บอกกล่าว สมควรที่คุณจะโกรธผมแล้ว”
“เปลี่ยนกลับมาเป็นอย่างเดิมได้ไหม ให้ผมได้นอนที่ห้องที่เขาจัดให้ดีกว่า จะได้ไม่มีข้อครหา”
ผมเสนอแนะวิธีที่จะไม่ให้เราสองคนถูกมองในแง่ร้าย ทว่าเคลวินส่ายหน้า
“ไม่ได้ครับ นนนี่ดำเนินการเปลี่ยนห้องให้แล้ว ถ้าไปขอให้เขาเปลี่ยนกลับมาอีก ก็จะวุ่นวายเข้าไปใหญ่ เอาตามนี้ไปก่อนแล้วกันนะครับ ไม่ต้องไปกังวลใจกับมันนะ รอให้ปัญหามันเกิดแล้วค่อยแก้ทีหลังก็ได้”
ในที่สุดผมก็ต้องยอมตามใจเขา แม้จะรู้สึกหวั่นใจพิกล แต่ในเมื่อเคลวินยืนกรานหนักแน่นให้เป็นแบบนั้น ผมก็คร้านจะต่อล้อต่อเถียง ก็เขาเป็นประธานบริษัทนี่ จะจัดการอย่างไรก็ย่อมได้เสมอ
เขาทำอะไรลงไป เขาก็คงจะรู้ว่ามันจะต้องเกิดผลที่เขาไม่คาดหวัง แต่เขาคงเตรียมตัวรับมือกับมันไว้แล้ว เมื่อเขาไม่กังวล ผมก็ไม่อยากจะนำมันมาใส่ใจ แม้จะรู้สึกไม่ชอบก็ตาม
“เชื่อผมนะครับ ที่รัก ผมไม่ทำให้คุณเดือดร้อนแน่ๆ”
“บริษัทของคุณนี่ อยากทำอะไรก็ทำสิ”
ตอบเขาไป รู้สึกปลงกับความดื้อรั้น เอาแต่ใจของเขา ในเมื่อมันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ก็คงต้องรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ค่อยแก้ปัญหากันไป แต่ถ้ามันจะไม่มีเรื่องร้อนหูร้อนใจมาให้ก็ยิ่งดี
“ประชดผมอีกแล้ว เคนอ่ะ อีกหน่อย ถ้าเราแต่งงานกันแล้ว บริษัทนี้ ก็เป็นของคุณด้วยนะครับ คุณก็ต้องมาช่วยผมบริหารงาน เรื่องของผมมันก็จะกลายเป็นเรื่องของคุณไปด้วย โดยปริยายนะ”
นอกจากจะไม่อนาทรร้อนใจว่าสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจทำลงไปจะก่อปัญหาในภายภาคหน้า ประธานเจ้าเล่ห์ยังจะโมเมให้ผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับเขาจนได้
“อะไร ใครบอกว่าผมจะแต่งงานกับคุณ แล้วใครบอกว่าผมจะช่วยดูแลบริษัทให้ อย่ามาพูดเองเออเองแบบนี้สิ ผมไม่ได้ตกลงอะไรด้วยเลยนะ”
โวยวายใส่เขาเสียงดัง เรื่องนี้ไม่เคยอยู่ในความคิดของผมเลยแม้แต่น้อย
“อ้าว ทำไมล่ะ ก็เราเป็นสามีภรรยากันโดยพฤตินัยแล้วนะ เหลือแต่แต่งงานกันอย่างเดียวเท่านั้น ตอนนี้คุณก็เท่ากับเป็นสามีประธานบริษัท เรื่องของภรรยา ก็ต้องเป็นเรื่องของสามีนะครับ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว”
อะไรกันนี่ ผมไปเกี่ยวอะไรด้วย เรื่องการเป็นสามีภรรยาอะไรกับเขา ผมก็ไม่ได้เต็มใจสักหน่อย เขานั่นแหละ เป็นคนเริ่มเรื่องทั้งหมด แล้วตอนนี้ จะให้ผมมาร่วมรับผิดชอบบริษัทร่วมกับเขาในฐานะสามี ผมไม่ใช่คนที่ชอบฉกฉวยผลประโยชน์จากใครนะ โดยเฉพาะถ้าไม่ได้เต็มใจด้วย ผมยิ่งไม่อยากได้
“แต่ผมไม่....”
ยังไม่ทันที่ผมจะปฏิเสธ เคลวินก็ชิงพูดขึ้นก่อน เขายกสองมือขึ้นแตะแก้มตัวเอง แล้วทำหน้าเหมือนจะปฏิเสธสิ่งที่คาดว่าจะได้ยิน
“อะไรกัน น้อยใจแล้วนะ นี่คุณจะปฏิเสธความรับผิดชอบในตัวผมเหรอ ทั้งที่ได้ผมแล้ว ตั้งหลายครั้ง เคนใจร้าย ใจร้ายที่สุด”
ประธานทำท่าฟูมฟาย เรียกร้องความเห็นใจ ผมได้แต่นั่งกุมขมับ ไม่คิดว่าเขาจะใช้ลูกไม้นี้กับผม พอหายป่วยแล้วประธานเคลวินก็กลับมาเพี้ยนอีกเหมือนเดิม รู้งี้แช่งให้นอนป่วยอยู่บนเตียงลุกไม่ได้ซะก็ดี
“แต่ที่ผ่านมา ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ มีแต่เคลนั่นแหละที่เป็นฝ่ายยุ่งเกี่ยวกับผมก่อน”
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละ เพราะคุณเองก็ร่วมไม้ร่วมมือกับผมด้วยนะ คุณจะมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นได้ยังไง เคนใจร้าย”
เคลวินตัดพ้อต่อว่าเสียงสั่นเครือ เวรกรรม ทำไมผมต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ผู้ชายฝรั่งตัวใหญ่ยักษ์ นั่งมองหน้าผมด้วยดวงตาแดงก่ำ ฉายแววปวดร้าว
ราวกับว่าผมทำให้เขาได้รับความทุกข์ทรมาน ทั้งที่เรื่องที่เขากล่าวหาผมมันเป็นเรื่องที่เขาเป็นฝ่ายก่อขึ้นทั้งนั้น
แต่ก็นั่นแหละ ผมเองก็เลี่ยงความรับผิดชอบได้ลำบาก เพราะผมเองก็ร่วมไม้ร่วมมือกับเขา ยอมให้ลวนลามทำตามอำเภอใจ ถ้าผมไม่ชอบจริงๆ และขัดขืนอย่างเต็มที่
เรื่องวุ่นวายทั้งหลายก็คงจะไม่เกิด ผมไม่ต้องมานั่งกลุ้มกับประธานเจ้าเล่ห์ ที่นิสัยเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนน่าปวดหัวอย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้
“ประธานเคลวินหยุดทำตัวเหมือนเด็กได้แล้วครับ ไม่น่ารักเลยนะ ที่ผู้ใหญ่ตัวโตๆ จะมาทำท่าทางเลียนแบบเด็กๆ ไม่อายผม ก็อายตัวเองบ้างเถอะครับ”
ว่าเขาอย่างหมั่นไส้ คนสองหน้าทำปากยื่นไม่พอใจ ยื่นข้อเสนอให้ผมแลกกับการที่เขาจะไม่ทำตัวง๊องแง๊ง
“หยุดก็ได้ …แต่เคนต้องยอมรับกับผมก่อน ว่าผมเป็นเมียของเคนแล้ว และเคนเป็นสามีของผม”
“จะยอมรับแบบนั้นได้ไงล่ะ...”
ขืนรับไปผมก็ต้องตกที่นั่งเป็นสามีเขาน่ะสิ แล้วประธานจอมเพี้ยนก็คงหาเหตุที่จะทำให้ผมยอมรับอะไรต่อมิอะไรของเขาอยู่เรื่อยๆ แล้วก็อาจจะเข้ามาวุ่นวายในชีวิตผมมากยิ่งกว่าเดิม
พอผมปฏิเสธ เคลวินก็ทำหน้าเหมือนไม่พอใจ เขาลุกพรวดจากโต๊ะ เดินมาหาผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาทันที แล้วก็เอามือบีบต้นแขนของผมพลางเขย่า
“ทำไมครับ ทำไมถึงไม่ใช่ ก็เรามีอะไรกันเหมือนสามีภรรยาทั่วไป ทำไมเคนถึงไม่ยอมรับล่ะ เคนรังเกียจผมหรือครับ เคนรับไม่ได้ที่ผมเป็นผู้ชายเหรอ”
“เอ้อ มันก็ไม่ใช่แบบนั้นทั้งหมดนะ คือ ...จะว่าไงดี ...ผมไม่ได้รังเกียจคุณนะครับ คุณก็เป็นคนดี แต่ว่าแบบนี้มัน ไม่ใช่อย่างที่ผมต้องการ”
พูดออกไปแล้วก็รู้สึกแย่ ที่จริงผมก็ไม่ได้ไม่ชอบเขา แล้วก็ไม่ได้ไม่ชอบเรื่องเซ็กส์ที่เขาปรนเปรอให้ เขาทำให้ผมมีความสุข แล้วก็รู้สึกดี
ผมไม่ได้รังเกียจที่จะมีอะไรกับเขา แต่ถ้าจะให้ผมยอมรับเขาเป็นภรรยาของผม อันนั้นผมทำไม่ได้ ผมอยากมีเมียที่เป็นเมียจริงๆ มีลูกให้ผมได้
สร้างครอบครัวด้วยกันได้ ไม่ต้องมาคอยหลบซ่อน หรือคอยระแวงว่าใครจะนินทา ผมไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการสื่อหรือเปล่า เพราะตัวผมเองก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“ผมชอบคุณนะ แต่ผมไม่อยากแต่งงานกับคุณ”
ในที่สุดผมก็พูดคำว่า ชอบเขาออกไป แต่ดูเหมือนเคลวินจะไม่ได้ยินประโยคนั้น คิดว่าใจเขาคงจดจ่อกับประโยคสุดท้ายที่ว่า
ผมไม่อยากแต่งงานกับเขามากกว่า เคลวินทำหน้ายุ่งๆ เหมือนรับไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยิน
“ทำไมล่ะ ผมทำหน้าที่ภรรยาขาดตกบกพร่องเหรอ ผมดูแลคุณไม่ดีหรือไงคุณถึงไม่อยากแต่งงานกับผม”
--------------------
TBC
พรุ่งนี้เจอกัน
