♥ [เรื่องสั้น] อะม็อกซีซิลลิน (จบ) : 2/8/2017
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ [เรื่องสั้น] อะม็อกซีซิลลิน (จบ) : 2/8/2017  (อ่าน 10861 ครั้ง)

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



งานเขียนที่ผ่านมา
- #พ่อมดเหล้า (จบแล้ว)


แด่
ทุกคนที่ดูแลกันเสมอมา
- 2/8/2017 -



Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2017 02:46:42 โดย Hamzholic »

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2


ผมเชื่อว่าคนเราทุกคนล้วนมีเรื่องน่าเหลือเชื่อในตัวเองกันทั้งนั้น

อย่างผมนะ ถ้าหากว่าไม่มีอาการเจ็บคอ ต่อให้ตัวร้อนหรือว่าไข้ขึ้นสูงมากขนาดไหน ผมก็จะสามารถหายเป็นปลิดทิ้งได้ภายในเวลาเพียงแค่ข้ามคืนเดียว

แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ 'บุ้ง' คนนี้มีอาการเจ็บคอเป็นหลักแล้วล่ะก็ เตรียมตัวเลยครับ เพราะนั่นเท่ากับว่า...สงครามชีวิตได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!

แม่ยังเคยแกล้งแซวผมเล่นๆ เลย ว่าเมื่อชาติก่อน สงสัยผมจะเป็นเจ้าโจรกระจอก คอยออกตระเวนบุกเข้าไปขโมยของในร้านขายยา แล้วเน้นไปที่แผนกพวกยาแก้ไอ แก้เจ็บคอ หรือไม่ก็พวกยาละลายเสมหะก็ได้ ถึงได้ส่งผลเวรผลกรรมมาสู่ชาตินี้ ที่พอมีอาการเจ็บคอทีไร ก็จะไอกันจนคอแตกไปข้าง ไอจนไม่มีใครสามารถนอนด้วยได้ เพราะไม่อาจที่จะหลับได้ลง นอกจากนี้ก็จะเริ่มมีไข้สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ชนิดที่ว่าต้องคอยกินยาลดไข้กันทุกๆ สี่ถึงหกชั่วโมงติดต่อกัน ซึ่งมันก็จะทำได้เพียงแค่บรรเทาอาการเท่านั้นแหละ เพราะถ้าคอไม่หาย ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้กลับมาเป็นไอ้บุ้งคนปกติคนเดิม

แล้วอะไรกันน่ะหรอที่จะสามารถปราบอาการป่วยของผมได้?

มันเป็นยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อที่มีชื่อว่า 'อะม็อกซีซิลลิน' ครับ ใช้สำหรับโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย  มักถูกใช้บ่อยในกรณีที่มีการติดเชื้อภายในหู ลำคอ และจมูก รวมถึงการติดเชื้อในทางเดินหายใจด้วย

ตัวยาที่ผมเห็นประจำ (เพราะกินมาตั้งแต่เด็ก) มักอยู่ในรูปแบบของแคปซูล รับประทานสองครั้ง ครั้งละสองเม็ด หลังมื้ออาหาร (อันนี้แล้วแต่คนนะครับ ขึ้นอยู่กับแพทย์หรือว่าเภสัชกรสั่ง อย่ามาซี้ซั้วกินตามผมล่ะ) และจะต้องทานติดต่อกันจนหมดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเกิดการดื้อยา

ทีนี้เรามาขีดเส้นใต้ตรงที่ จะต้องทานติดต่อกันจนหมดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเกิดการดื้อยา เพราะนี่ล่ะครับคือปัญหาใหญ่ระดับชาติที่ผมประสบพบเจอมาตลอดทั้งชีวิต!

ผมไม่ใช่คนมีวินัยเรื่องเวลานัก อันนี้ผมยอมรับตามตรงเลย เพราะเคยลองปรับปรุงตัวแล้ว แต่มันเป็นที่สันดานอะ แก้ไขไม่ได้จริงๆ เอาแค่ว่าอยู่หอแล้วสามารถงัดตัวเองขึ้นจากเตียงไปเข้าเรียนแบบฉิวเฉียดได้นี่ก็ถือว่าเทพมากแล้วนะ เรื่องตื่นเช้ากินข้าวกินยาก่อนไปเข้าเรียนนี่คือลืมไปได้เลย เพราะฉะนั้นผู้เดียวที่จะช่วยให้วิกฤตการกินอะม็อกซีซิลลินอย่างต่อเนื่องของผมผ่านพ้นไปได้ก็คือ 'แม่' แม่บังเกิดเกล้า แม่ผู้ที่ถึงจะจู้จี้ขี้บ่นเป็นอาจิณ แต่ก็สามารถทำหน้าที่ของคนเป็นแม่ได้อย่างยอดเยี่ยม

ซึ่งร่างกายของผมมันก็เหมือนจะรู้ความจริงในข้อนี้ดี ว่าถ้าไม่มีแม่ผมก็ตายเปล่า ฉะนั้นทุกครั้งที่มีอาการป่วยเนื่องจากการเจ็บคอ มันก็เลยมักจะเลือกเป็นในช่วงที่มหา'ลัยปิดเทอมเสมอๆ ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องน่าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นกับตัวผมนั่นเอง

อย่างคราวนี้ก็เช่นกัน มันเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ระหว่างที่รออัพเกรดตัวเองจากเด็กปีสามขึ้นไปเป็นพี่ปีสุดท้าย และผมเริ่มมีอาการระคายคอตั้งแต่ช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (วันนี้วันศุกร์) ก่อนที่อาการดังกล่าวจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นอาการเจ็บคอในช่วงหัวค่ำ ได้ไปหาหมอที่คลีนิคในเช้าวันรุ่งขึ้น และได้ยาอะม็อกซีซิลลินมาอย่างที่คาดเอาไว้เป๊ะ

แต่ที่ต่างออกไปก็คือ...

"แล้วแบบนี้ใครจะเป็นคนดูแลลูกให้กินข้าวกินยาตรงเวลากันล่ะเนี่ยบุ้ง?"


...ช่วงนี้มันเป็นช่วงปิดเทอมก็จริงอยู่ แต่ดันเป็นปิดเทอมแรกที่ผมลงเรียนซัมเมอร์และต้องอยู่หอน่ะสิครับ!

เพราะฉะนั้นคนเดียวที่จะมาเป็นคนทำภารกิจอันใหญ่หลวงแทนแม่ของผมได้ ก็คงจะหนีไม่พ้น...

"ก็... คงจะเป็น 'มั่น' นั่นแหละแม่"

...นายมั่นเจ้าเก่าเจ้าเดิมนั่นเอง : )

"นั่นสินะ แม่ว่าก็คงจะเป็นมั่นอีกตามเคย"

'มั่น' หรือ 'มาดมั่น' เป็นเพื่อนสนิทคนพิเศษของผมเองครับ เราสองคนคบกันมานานมาก เป็นเพื่อนคนแรกในรั้วมหา'ลัยของกันและกันมาตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งใหม่ๆ และยังคงคบกันอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบันนี้

แต่ถึงแม้ว่าผมกับมั่นจะสนิทกันซะจนต่างฝ่ายต่างรู้ใจกันในหลายๆ เรื่อง แต่เชื่อมั้ย เราสองคนแทบจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ยกตัวอย่างเช่น...

1. มั่นเป็นผู้ชายหล่อเข้ม รูปร่างสูงใหญ่ ในขณะที่ผมเกิดมาขาวตี๋ ตัวเล็กน่ารัก (พยายามหลีกเลี่ยงคำที่ไม่สุภาพอย่างคำว่า...ไอ้เตี้ย)

2. มั่นเป็นหนุ่มต่างจังหวัด หน้าตาดูซื่อๆ ในขณะที่ผมเป็นหนุ่มกรุงเทพฯ หน้าตาดูเอาแต่ใจ (อันนี้เขาคอนเฟิร์มกันทั้งมหา'ลัยแล้ว)

3. ผมเป็นคนที่เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะทางบ้านดีเยี่ยม ขณะที่มั่นเกิดมาในครอบครัวที่มีข้อจำกัดทางการเงินค่อนข้างสูง (แต่ผมเชื่อนะว่าคนขยันอย่างมั่นจะต้องร่ำรวยได้ในสักวันนึงแน่)

4. มั่นเป็นพวกพูดน้อยแต่ต่อยหนัก ในขณะที่ผมใช้ปากเป็นอาวุธ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมาจริงก็วิ่งหลบหลังมั่นอย่างไว (ยังไงมั่นก็พร้อมสู้เพื่อผมอยู่แล้ว วะฮะฮ่า!)

และ 5. หลายคนมักบอกว่าผมโชคดีที่มีมั่น ในขณะที่อีกหลายต่อหลายคนมักบอกว่ามั่นโชคไม่ดีเลยที่มีผม เพราะมั่นควรไปหาคนที่ดีกว่านี้เป็นเพื่อน หึ! มีปากก็พูดไปเถอะ ผมไม่สนอยู่แล้ว พวกขี้อิจฉา : (

เป็นต้น

เราต่างกันมากครับ ต่างกันมากในอีกหลายๆ เรื่อง แต่มีสิ่งนึงที่ผมรู้ว่าเราสองคนเหมือนกันมาตลอด นั่นก็คือ...

...ใจของเราตรงกัน  ❤

ถึงเราจะเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อนด้วยนะมั่นน่ะ แต่ผมก็ชอบมันมาก พอๆ กับที่มันชอบผมนั่นแหละ และถึงมั่นมันจะไม่เคยพูดกับผมออกมาตรงๆ เลยสักครั้ง แต่ผมรู้ดีครับ แล้วก็รู้ดีด้วยว่าความรู้สึก 'เกินเพื่อน' ที่เราเป็นกันอยู่ตอนนี้ มันมีจุดเริ่มต้นมาจาก...

"สวัสดี"

ใช่ มันเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนั้นแหละ ตอนที่ผมกำลังยืนเข้าแถวเพื่อรอรับกุญแจหอใน ซึ่งเด็กปีหนึ่งทุกคนจะถูกบังคับให้เข้าพักตลอดหนึ่งปีการศึกษา และด้วยความที่ทุกคนเป็นหน้าใหม่กันหมด จึงใช้ระบบสุ่มเลือกเอา โดยใครต่อแถวติดกับใคร ก็มีโอกาสที่จะได้พักห้องเดียวกับคนที่เข้าแถวอยู่ติดกันนั้น อ้อ หรืออีกกรณีนึง ถ้าใครที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน หรือเห็นหน้าแล้วถูกชะตาว่าอยากจะอยู่ห้องเดียวกัน ก็สามารถจับกลุ่มห้าคนแล้วจูงมือมารับกุญแจไปได้

แต่ผมไม่งั้นดิ ผมไม่มีใครเลย หัวเดียวกระเทียมลีบโคตร เพราะเพื่อนสมัยมัธยมปลายก็สมัครเข้าเรียนมอเอกชนในกรุงเทพฯ กันหมด มีแต่ผมเนี่ยแหละที่ดันแอดฯ มาติดมอชื่อดังที่ต่างจังหวัดอยู่คนเดียว ตอนนั้นก็เลยเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว ว่าไอ้อ้วนสิวเขรอะที่ต่อแถวอยู่หน้าผมกับไอ้เตี้ยหน้าหื่นที่คอยแต่จะเล่นหูเล่นตาใส่ผม คงไม่พ้นได้มาเป็นรูมเมตตลอดปีหนึ่งของผมแน่

แต่เหมือนว่าตอนนั้นคนบนฟ้าจะเห็นใจ กลัวผมจะติดเชื้อสิวจากไอ้อ้วนหรือไม่ก็อาจจะโดนไอ้เตี้ยหื่นลักหลับไม่คืนใดก็คืนหนึ่ง ถึงได้ดลบันดาลให้เกิดเสียง 'สวัสดี' ของใครบางคนขึ้น พร้อมกับแรงสะกิดยิกๆ ที่ไหลซ้าย นั่นล่ะ เลยทำให้ผมได้หันกลับไปพบกับมั่นที่ตอนนั้นยังคงเป็นแค่คนแปลกหน้า แต่กลับทำเอาผมอึ้งไปเพราะความหล่อโดดเด่งแบบซื่อๆ ของมัน!

ตอนนั้นมันยังไม่กล้ามแน่นเท่าปัจจุบันนี้เลยนะ ไม่ได้เป็นเดือนวิศวะที่คนแห่กันขายขนมจีบเหมือนตอนนี้ด้วย เป็นเพียงแค่ผู้ชายผิวเข้มหน้าตาหล่อเหลาในชุดนิสิตธรรมดาๆ คนนึง ที่นอกจากความหน้าตาดีแล้ว ก็มีเฝือกอ่อนสีฟ้าที่แขนขวาของมันนั่นแหละที่เด่นสะดุดตาซะจนผมเผลอมองอยู่เกือบสี่วิ ก่อนที่จะเงยกลับมาที่หน้าของมั่นอีกครั้ง แล้วกล่าวสวัสดีกลับไปอย่างงงๆ เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าเราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแน่

"สวัสดี เอ่อ... มีอะไรรึเปล่า?"

"คือ... พอดีว่าเราขาดอีกหนึ่งคนจะครบห้า เลยมาถามว่านายอยากจะอยู่ด้วยกันมั้ยน่ะ"


ไม่พูดเปล่า มั่นชี้นิ้วไปทางด้านหลังให้ผมเห็นเพื่อนอีกสามคนที่ยืนส่งยิ้มมาให้ เป็นกลุ่มเพื่อนชายที่หน้าตาดีหมดทุกคนเลย ดูสะอาดสะอ้าน และดูไม่มีพิษมีภัยอะไรทั้งสิ้น บวกกับที่หัวเด็ดตีนขาดยังไงผมก็ไม่มีทางอยากอยู่ห้องเดียวกับไอ้เตี้ยหน้าหื่นอยู่แล้ว เลยตัดสินใจรับข้อเสนอที่มั่นยื่นมาให้ทันที

"อยู่สิอยู่ ขอบคุณมากนะที่ชวนเรา"

"ไม่เป็นไรๆ เรา...ชื่อมั่นนะ นายอะ"

"เราบุ้ง"

"ยินดีที่ได้รู้จักนะบุ้ง"

"อื้อ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน"


นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นรูมเมตกันของพวกเราทั้งห้าคน ผม มั่น เบส บุ๋น และเปตอง

แต่เอาเข้าจริงถึงจะอยู่ด้วยกันห้องนึงห้าคน แต่ผมก็สนิทกับมั่นมากสุดนั่นแหละ ด้วยเหตุว่าเราสองคนเรียนวิศวะเหมือนกัน สาขาเดียวกันด้วย ในขณะที่เบส บุ๋น แล้วก็เปตองเป็นทีมเด็กวิทยาศาสตร์การกีฬา ทำให้สามคนนั้นก็จะมีกิจกรรมที่ค่อนข้างแตกต่างจากผมและมั่น ประมาณว่าอยู่ยิมจนดึกจนดื่น จนบางครั้งผมยังคุยเล่นกับมั่นเลย ว่าเหมือนที่ห้องตอนนั้นผมอยู่กันแค่สองคน ส่วนอีกสามคนมันใช้แค่ซุกหัวนอนให้จบไปวันๆ เท่านั้นเอง

ตอนช่วงที่มาอยู่ด้วยกันใหม่ๆ ด้วยความที่ผมตัวติดกับมั่นมากที่สุด ก็เลยทำให้ผมกลายเป็นคนช่วยดูแลมั่นไปด้วย เพราะอย่างที่บอก ตอนนั้นมั่นใส่เฝือกอ่อนอยู่ครับ เป็นผลจากอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ช่วงปิดเทอมและใกล้ถึงเวลาถอดเฝือกเต็มที แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น คนถนัดขวาอย่างมั่นก็ทำอะไรลำบากซะจนผมขัดหูขัดตาไปหมด โดยเฉพาะเวลากินข้าวนี่คือดูไม่มีความสุขเลยสักนิด

"มา เดี๋ยวป้อน"

ด้วยความรำคาญตารำคาญใจ ผมเลยอดรนทนไม่ไหว ต้องเสนอตัวเข้าช่วยในทันที

"มะ...ไม่เป็นไร"

"เอาน่า เดี๋ยวเราป้อนนายเอง"

"แต่..."

"เราไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครมาก่อนเลยนะ เพราะฉะนั้นถือว่านายโชคดีมาก จงภูมิใจไว้เหอะ วะฮะฮ่า!"


ผมพยายามแกล้งทำเป็นติดตลกไป ทั้งที่ในใจก็รู้สึกแปลกเหมือนกันที่ตัวเองต้องมาทำอะไรแบบนี้กับเพื่อนที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ก็นะ มั่นเองก็ดีกับผมหลายเรื่อง คอยช่วยเหลือผมในช่วงเริ่มต้นของทั้งการเรียนและการใช้ชีวิตในมหา'ลัย เพราะฉะนั้นแค่ช่วยป้อนข้าวแค่นี้ ผมว่าผมสบายมาก

แต่ใครเลยจะคิด...

"ขอบคุณนะบุ้ง"

...ว่าการป้อนข้าวในครั้งนั้น จะทำให้ผมได้เห็นสายตาของมั่น...ที่มองผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...

ปึก!

พอคิดมาถึงตรงนี้ ผมก็คว้าหมอนมาปิดหน้า เพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าแดงกับสายตาของมั่นในภาพจำของตัวเอง... ก่อนที่หลังจากนั้นความวูบวาบภายในใจจะตามมาเล่นงานผมติดๆ เมื่อนึกไปถึงความตั้งใจของตัวเองที่อยากจะทำให้สำเร็จให้จงได้

และ 'ความตั้งใจ' ที่ว่านั่นก็คือ... การเป็นฝ่ายบอกความรู้สึกของตัวเองเป็นคนแรก!

ทั้งที่จริงๆ ผมไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ ผมอยากให้มั่นเป็นคนพูดก่อน แต่มันก็ไม่เคยที่จะพูดอะไรเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองออกมาสักครั้ง แต่พอมีคนมาสารภาพรักกับมัน มั่นก็จะตอบกลับไปว่า...

"ขอโทษนะ แต่เรามีคนที่ชอบอยู่แล้ว"

ซึ่งพอผมถามมันตรงๆ  "ใครวะ?"

มั่นก็จะเงียบ ทำเพียงแค่หันมาสบตาผมอยู่นานนับนาที เหมือนต้องการจะส่งผ่านข้อความบางอย่างมาให้ ข้อความที่ผมคิดว่าผมเข้าใจ แต่แล้ว...มันก็จะเดินหนีไปทั้งที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา... แม่งเอ้ย! ชัดเจนซะขนาดนี้ ทำไมมึงไม่ดึงกูไปจูบให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ ยังจะมาเงียบอยู่ได้!

เออ โอเค เอาเถอะ ไม่พูดก็ไม่พูด เดี๋ยวกูพูดเองก็ได้วะ เพราะยังไงซะผมก็คิดทบทวนมานานแล้วล่ะว่าตัวเองอาจจะต้องเป็นฝ่ายที่จะต้องพูดก่อน ขืนผมยังเล่นตัวอีกคน คงได้เรียนจบกันโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ของเราสองคนแน่ นี่ก็เหลืออีกแค่ปีเดียวแล้ว ผมจะไม่ยอมปล่อยให้สามปีที่ผ่านมาของเราสองคนผ่านเลยไปอย่างสูญเปล่าเด็ดขาด

ยิ่งหลายวันที่ผ่านมานี่ยิ่งทำให้ผมตัดสินใจกับตัวเองได้ง่ายขึ้นมาก เพราะมั่นดูแลคนป่วยอย่างผมดีซะจนแม้แต่ผมเองยังรู้สึกดีเลยที่มีมันอยู่ในชีวิตแบบนี้ และไม่เพียงเท่านั้น นอกจากที่จะได้รับรู้ถึงความห่วงใยที่อีกฝ่ายมีให้ พอมองย้อนกลับไป... ผมก็ยิ่งได้เห็นอะไรระหว่างเราสองคนชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิมด้วย...

เริ่มจากวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเลย ตอนที่ผมมีอาการเจ็บคอในวันแรกและต้องขับรถกลับมายังหอพักนอกราคาแพงที่อาศัยอยู่กับมั่นแค่สองคน เนื่องจากไอ้เบส ไอ้บุ๋น แล้วก็ไอ้เปตอง ยืนยันที่จะอยู่หอในจนครบสี่ปี แต่ผมไม่ ก็เลยต้องแยกออกมาตามความต้องการของตัวเอง แต่ไอ้บทจะให้ย้ายมาอยู่คนเดียวมันก็ออกจะเปล่าเปลี่ยวใจมากไปหน่อย ก็เลยเลือกลากมั่นออกมาอยู่ด้วยกันตั้งแต่ปีสอง ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ค่อยมีรายได้นัก และผมก็ยืนยันที่จะจ่ายเองทั้งหมด แต่พอถึงสิ้นเดือนทีไร มั่นก็มักจะหามาหารสองกับผมได้ทุกครั้ง จนบางครั้ง ไม่สิ หลายๆ ครั้งเลยแหละที่ผมต้องคอยหาเกมมาหลอกล่อมั่น จำพวกว่าใครแพ้ต้องจ่ายค่าห้อง แล้วผมก็จะแกล้งแพ้อยู่ร่ำไป เพื่อให้มั่นไม่ต้องเดือดร้อน

ตอนแรกผมตั้งใจว่าพอกลับมาถึงหอ จะชวนมั่นออกไปซื้อยา แต่ปรากฏว่าร้านขายยาเจ้าเดียวในละแวกนี้ดันปิด ก็เลยทำให้คืนนั้นผมต้องกินยาลดไข้เพื่อบรรเทาอาการไปก่อน พร้อมกับโทรรายงานแม่เรื่องอาการป่วยของตัวเอง

"แม่ ผมป่วย"

"อ้าว ตายจริง ป่วยแบบธรรมดาหรือว่าป่วยแบบเจ็บคอล่ะลูก"

"ป่วยแบบเจ็บคอครับ"


"ตายละ แล้วนี่ไปหาหมอมารึยัง"

"ยังเลยแม่ ตอนแรกตั้งใจว่าจะซื้อยากิน แต่ร้านขายยาดันปิด ก็เลยได้แค่กินยาลดไข้บรรเทาไปก่อน"

"เฮ้อออ แย่จังเลยนะลูก ลองป่วยเพราะเจ็บคอแบบนี้ ถ้าไปหาหมอ ก็คงไม่พ้นกินยาฆ่าเชื่อแน่"
แม่ผมหมายถึงอะม็อกซีซิลลินนั่นแหละ

"ชัวร์เลยแม่"

"แล้วแบบนี้ใครจะเป็นคนดูแลลูกให้กินข้าวกินยาตรงเวลากันล่ะเนี่ยบุ้ง?"


แล้วคำถามของแม่ในตอนนั้น ก็ทำให้ผมแอบชำเลืองมองไปยังคนที่กำลังยุ่งอยู่กับการหากะละมังใส่น้ำและผ้าเพื่อเตรียมที่จะเช็ดตัวให้ผมแบบอัตโนมัติ คล้ายระบบแสกนในสมองที่ค้นหาคำตอบจนเจอ

"ก็... คงจะเป็นมั่นนั่นแหละแม่"


มั่นหันมามองผมนิดนึงเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง แต่ผมโบกมือให้อีกฝ่ายเพื่อเป็นสัญญาณว่า 'แค่คุยกับแม่ ไม่มีอะไรหรอก' ถึงได้ทำให้มั่นก้มหน้าก้มตาจัดเตรียมของต่อไป

"นั่นสินะ แม่ว่าก็คงจะเป็นมั่นอีกตามเคย"

"ครับ"

"งั้น...แม่ขอคุยกับมั่นหน่อยสิบุ้ง"

"โอเคครับ"


ผมไม่ได้ถามถึงสาเหตุที่แม่ต้องการคุยกับมั่น เพราะพอจะเดาได้อยู่ว่าก็คงที่จะพูดฝากฝังให้มั่นมันดูแลผมอีกตามเคย ก็เลยยื่นไอโฟนให้มั่นคุยกับแม่อย่างง่ายได้ แต่ก็ไม่วายแอบเงี่ยหูฟังไปด้วย

"สวัสดีครับแม่... อ๋อ ครับๆ เดี๋ยวผมจะดูแลมั่นให้เอง แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ..."

นั่นไงล่ะ แม่ฝากให้มั่นดูแลผมจริงๆ ด้วย แล้วมีหรอที่มันจะไม่รับปาก ในเมื่อมันก็รับปากแม่ผมว่าจะดูแลผมมาโดยตลอด จนแม่แทบจะไม่ไว้ใจชื่อเพื่อนคนอื่นแล้ว

จะว่าไป... พอคิดถึงเรื่องที่มันรับปากแม่ว่าจะดูแลผมเมื่อวันอาทิตย์ มันก็ทำให้ผมย้อนคิดไปไกลเลยเหมือนกัน...ถึงเรื่องที่มันรับปากว่าจะดูแลผมอย่างดีช่วงเทศกาลรับน้อง เพราะว่าตอนนั้นใจแม่คือไม่อยากให้ผมเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องของทางวิศวะเลยแม้แต่วันเดียว แต่เมื่อมั่นรับปาก มันก็ดูแลผมอย่างดี ดีจนเกินคาดเลยด้วยซ้ำ

"พี่ครับ ผมขอให้เพื่อนเข้าไปหลบฝนก่อนได้มั้ยครับ เพื่อนผมตัวสั่นไปหมดแล้ว"

ผมยังจำประโยคนี้ของมันได้แม่นเลยครับ เพราะว่าสิ่งที่มันพูดในเวลานั้น ทำเอาทุกสายตาหันมามองผมกับมันเป็นตาเดียว

ลองคิดภาพตามผมนะ มันเป็นวันประชุมเชียร์วันสุดท้ายของคณะวิศวะ ภายหลังจากที่เราผ่านช่วงโหดหินด้วยกันมามากมาย ขอแค่ผ่านพ้นวันนั้นไปได้ พวกเราทั้งหมดก็จะได้รุ่น และได้เกียร์ที่ต่างก็รอมานาน

แต่วันนั้นมันกลับเป็นวันที่ไม่ราบรื่น เพราะในขณะที่พี่ว้ากทุกคนกำลังแสดงละครดราม่าฉากใหญ่เรื่องเอารุ่นไม่เอารุ่น จู่ๆ ฝนก็ดันปรอยลงมา แม้จะไม่ได้หนักเหมือนกับพายุฝน แต่การที่มันตกปรอยๆ ลงมาอย่างต่อเนื่อง ก็เล่นเอาผมที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงนัก เริ่มมีอาการตัวสั่นไปหมดเลย

ซึ่งแน่ล่ะว่าผมทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งก้มหน้าอยู่ในแถวอย่างอดทน แล้วได้แต่รอให้ดราม่าฉากใหญ่ของพี่ว้ากจบลงไปก็เท่านั้น

แต่ว่ามันไม่อย่างงั้นสิ เพราะคนข้างๆ ผมอย่างมั่นดันหันมาสังเกตเห็นเข้าซะก่อน ก็เลยถามขึ้น

"มึงไหวมั้ยบุ้ง"

"กูไหว"

"แน่นะ"

"เออ ถึงไม่ไหวก็ต้องไหวนั่นแหละ"

และถึงผมจะตอบออกไปแบบนั้น แต่ปากและตัวที่สั่นเทาของผม ก็ส่งผลให้ความเป็นห่วงฉายชัดขึ้นภายในตาของมั่น ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นมันจะยืนขึ้น และพูดเสียงดังเพื่อขอพวกพี่ว้ากให้ผมเข้าไปหลบฝนในตึกก่อน เล่นเอาทุกคนถึงกับอึ้งไปตามๆ กัน

"มั่น! กะ...กูบอกว่ากูไหวไง!" ยอมรับเลยว่าการกระทำของมั่นในสายตาผมตอนนั้นเป็นอะไรที่บ้าบิ่นมาก! จนผมต้องพยายามฉุดมันให้นั่งลง เพราะไม่อย่างงั้นอาจจะส่งผลให้พี่ว้ากจัดการลงโทษทั้งมันและเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ ก็ได้ แต่ผลก็คือมันขืนตัวไว้ ดูท่าจะไม่เกรงกลัวพวกพี่ว้ากเลยสักนิด

"เพื่อนคนอื่นเขายังทนกันได้ แล้วทำไมเพื่อนคุณถึงจะทนไม่ได้!"

"ก็ถ้าผมขอเพื่อทุกคนได้ ผมก็อยากจะขอครับ"


เริ่มเกิดเสียงฮือฮาขึ้นในทันทีที่มั่นตอบโต้หนึ่งในพี่ว้ากที่อยู่ใกล้ๆ ทำเอาเหล่าพี่ว้ากปีสี่ที่กำลังเล่นบทโหดไม่ให้รุ่นกันอยู่ถึงกับกรูกันเข้ามาล้อมมั่นไว้ จนหัวใจผมมันเต้นแรงแทบจะกระเด็นออกมานอกอกอยู่แล้ว!

"ดูเหมือนคุณจะมีปัญหานะครับ ไม่เห็นหรือไงว่าพี่ปีสามกำลังขอร้องให้พวกผมให้รุ่นกับพวกคุณอยู่! ถ้าคุณไม่ขัดขึ้นมา ป่านนี้พวกผมคงให้รุ่นกับพวกคุณไปแล้ว แต่สงสัยว่าพวกผมคงคิดผิด งั้นก็เอาวิศวะรุ่นก.ไก่ไปก็แล้วกัน เอามั้ยครับ!?"

"ไม่เอาครับ ผมอยากให้ทุกคนได้รุ่น แล้วผมเองก็อยากได้รุ่นด้วย แต่ผมแค่เป็นห่วงเพื่อนผม กลัวว่าเพื่อนผมจะไม่สบายก็เท่านั้นเองครับ"

"ถ้างั้นคุณจะรับผิดชอบกับเรื่องนี้ยังไงครับ!"

"ผมขอลุกนั่งได้มั้ยครับ"

"ได้! ห้าสิบครั้ง ปฏิบัติ!"


แล้วมั่นก็ลุกนั่งตามจำนวนนั้นท่ามกลางสายฝนที่ตกปรอยลงมาจนครบ ซึ่งผมก็นึกว่าจะจบเรื่องแล้ว แต่มันดันไม่

"พี่ครับ"

"ว่าไง คุณยังต้องการอะไรอีกครับ!"

"ถ้าพี่ให้เพื่อนผมเข้าไปหลบฝนไม่ได้ งั้นผมขออนุญาต..."


/ ต่อด้านล่าง /


ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2

มั่นถอดเสื้อประชุมเชียร์ของตัวเองออกในท้ายประโยค เผยให้เห็นกล้ามเนื้ออย่างดีที่ชายหลายคนเป็นอันต้องอิจฉา ก่อนที่มันจะกางเสื้อออก เพื่อกันฝนให้กับผม เรียกเสียงฮือฮาจากทุกคนในที่ประชุมเชียร์ ไม่เว้นแม้แต่พี่ว้ากรุ่นอื่นๆ ที่หลุดยิ้มกันออกมาอย่างไม่อาจจะควบคุมได้

ส่วนผมน่ะหรอครับ... หน้าไหม้ไปแล้วครับ!

แล้วยิ่งไปกว่านั้น นิสิตชายคนอื่นๆ ก็เหมือนจะบ้าจี้ตามมั่นกันไปหมด เพราะหลังจากที่เห็นปั้นทำแบบนั้นอยู่สักพัก ผู้ชายกว่า 80% ก็ถอดเสื้อของตัวเองออกเช่นกัน แล้วเดินไปกางกันฝนให้กับนิสิตหญิงร่วมรุ่นเดียวกันอีกหลายต่อหลายคน เรียกว่าเป็นเรื่องโจษจันของการรับน้องในปีนั้น เพราะพวกพี่ว้ากทุกรุ่นต้องยอมให้ละครดราม่าฉากใหญ่จบลงทันที และสั่งให้รุ่นผมทุกคนเข้าแถวเป็นระเบียบ ก่อนจะพาเดินเข้าไปในตึกวิศวะเพื่อรับเกียร์ เป็นการจบการประชุมเชียร์ของคณะอย่างดื้อๆ และตามมาด้วยเสียงชื่นชมจากทุกคนไม่เว้นแม้แต่กลุ่มพวกพี่ว้ากว่า...

"ไอ้มั่นแม่งโคตรเท่!"

ต่างจากผม... ที่ไม่ได้ชื่นชมอะไรอีกฝ่ายเลย แต่หัวใจที่อยู่ในอกเนี่ยสิ... มันดันเต้นผิดจังหวะกับมั่นหลัฃจากนั้นเรื่อยมา!

แล้วพอผมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้แม่บังเกิดเกล้าฟัง ฟีดแบคที่ได้รับกลับมาก็คือ...

"นี่ถ้าเป็นแม่นะ แม่จับมั่นทำแฟนไปแล้วลูก!"

ทำเอาผมยิ่งใจเต้นผิดจังหวะมากกว่าเดิมอีก!

ปึก!

เฮ้ออออ ยิ่งคิดก็ยิ่งเขินว่ะ! นี่ถึงขนาดเอาหมอนมาปิดหน้าอีกใบเลยนะเนี่ยยย~ ขะ...เขินจนไม่อยากจะเล่าต่อแล้วอะ...

แต่ก็ไม่ได้เนอะ ถ้าไม่เล่าเดี๋ยวเรื่องไม่จบ งั้นก็มาต่อกันกับวันจันทร์เลยก็แล้วกัน คือ...หลังจากที่ทนทุกข์ทรมานมาตลอดทั้งคืน มั่นก็ปลุกผมแต่เช้า แล้วพาผมซ้อนมอ'ไซค์คันเก่าของมันไปยังสถานพยาบาลในมหา'ลัย ซึ่งในทันทีที่เห็นยา...

"อันนี้ยาฆ่าเชื้อนะครับ ทานครั้งละสองเม็ด หลังอาหารเช้าเย็น ตัวนี้ต้องทานติดต่อกันจนหมดนะครับ"

ผมก็รู้ได้ในทันทีว่างานเข้า! เพราะโดยปกติผมจะมีเรียนวิชาบ่ายวันละหนึ่งคาบ แล้วพอรู้ว่าตัวเองเรียนบ่าย สมองมันก็จะสั่งการให้ตื่นเที่ยง ดังนั้นก็ตามที่คุยกับแม่ไว้ ว่าคงจะต้องฝากภารกิจอันใหญ่ยิ่งในครั้งนี้ให้กับคนที่พาผมมาหาหมออีกตามเคย

"มั่น กูรู้ว่ามึงมีเรียนบ่ายเหมือนกู แต่มึงต้องปลุกกูมากินข้าวกินยาตอนเช้านะ ไม่งั้นกูไม่หายแน่"

"ได้ ไม่ต้องเป็นห่วง กูจะคอยปลุกมึงทุกเช้าเอง แล้วก็จะหาข้าวให้กินทุกมื้อด้วย"


แล้วก็เหมือนเคย ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ถ้าเมื่อไหร่ที่มันสัญญากับผม มั่นก็จะทำตามที่ตนเองสัญญาเสมอ ไม่เคยผิดคำพูดเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้เช้าวันอังคารนั้น ผมได้ตื่นมากินข้าวเช้า (ที่มั่นซื้อมาเตรียมไว้ให้) พร้อมกับได้กินยาอะม็อกซีซิลลินอย่างต่อเนื่องด้วย เลยช่วยให้อาการไข้และอาการเจ็บคอของผมเริ่มลดลงกว่าวันแรก

แต่ขอบ่นหน่อยเถอะนะ ว่าวิธีการปลุกของมั่นนี่เป็นอะไรที่แผลงมาก! คงเพราะว่าอยู่ด้วยกันมานาน และมันก็เคยลองปลุกคนขี้เซาอย่างผมหลายวิธีแล้ว จนปัจจุบันนี้เลยทำให้มั่นมันได้ค้นพบวิธีการปลุกที่ดีที่สุดที่จะทำให้ผมสามารถตื่นขึ้นมาได้อย่างว่องไว นั่นก็คือ...การเป่าหู

ใช่ครับ อ่านไม่ผิดหรอก มันคือการเป่าหูจริงๆ เพราะพอมันตื่น มันก็จะยื่นหน้าหล่อๆ ของมันเข้ามาใกล้กับหูของผม ก่อนที่จะเป่าลมอ่อนๆ เข้าไป ส่งผลให้ผมที่นอกจากจะขี้เซาแล้วยังบ้าจี้ถึงกับดีดตัวขึ้น ก่อนที่จะเริ่มวิ่งไล่ตีมั่นด้วยความหงุดหงิดจากการถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้า

แต่ว่าเทคนิคมั่นมันแพรวพราวไง เพราะถึงจะวิ่งหนีเพื่อหลบมือที่พร้อมจะฟาดของผมก็จริง แต่มันก็เลือกที่จะหนีเข้าห้องน้ำ ทำให้กว่าผมจะรู้ตัวอีกที ก็ถูกหลอกล่อให้เข้าไปล้างหน้าแปรงฟันเสียแล้ว หึ!

พอหลังจากที่กินข้าวกินยาเสร็จเรียบร้อย ชีวิตวันอังคารของผมก็ดำเนินต่อไปอย่างดีขึ้นกว่าในวันอาทิตย์ แม้จะยังไอไม่เลิก และไข้ก็ยังไม่ลดลงอยู่ในจุดที่ปกติ แต่ผมก็คิดว่าผมไหว เลยออกไปเรียนวิชาบ่าย แล้วกลับมากินข้าวกินยาพร้อมกับมั่นในตอนเย็น

ซึ่งต้องโทษความดื้อของผมจริงๆ นะ เพราะตอนมื้อเย็นมั่นมันก็บอกแล้วว่า "กินยาลดไข้ด้วยมั้ยบุ้ง" แต่ผมเลือกที่จะปฏิเสธ เนื่องจากรู้สึกว่าอาการของผมดีขึ้น และแค่อะม็อกซีซิลลินกับบรดายาแก้ไอและละลายเสพหะก็น่าจะพอแล้ว

เลยส่งผลให้คืนนั้น ผมไข้ขึ้นสูงซะจนมั่นต้องคอยตั้งเวลาปลุกผมมากินยาแก้ไข้ทุกๆ สี่ชั่วโมง

แม่ง นึกแล้วก็ขนลุกแฮะ เพราะมันเป็นคืนที่ทรมานมากจริงๆ ทั้งเจ็บคอ ทั้งไอ แถมยังหนาวไปหมด ห่มผ้าแม่งก็ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลยสักนิด เพราะว่ามันไม่ได้หนาวอากาศ แต่หนาวเพราะพิษไข้ จนมั่นต้องทนนอนร้อนๆ เพราะว่าแม้แต่พัดลมผมก็ยังทนไม่ไหว

ยิ่งไปกว่านั้น...

"มั่น กอดกูหน่อยดิ กูหนาวว่ะ"

...ยังมีการไปขอร้องให้มั่นกอดผมด้วย!

มะ...ไม่ได้อ่อยนะครับ แต่ว่าอาการป่วยมันพาไปจริงๆ

"ได้"

ซึ่งก็น่าแปลกมาก เพราะในทันทีที่อีกฝ่ายดึงผมเข้าไปกอดไว้กับแผ่นอกกว้างของมัน ความอบอุ่นที่ผมโหยหาก็ปกคลุมร่างกายของผมไว้ จนผมต้องซุกหน้าของตัวเองให้แนบชิดเข้าไปอีกเรื่อยๆ เหมือนกับว่าร่างกายกำลังเสพติดความอบอุ่นนั้นอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

"มึงกอดกูไว้ทั้งคืนเลยนะ กูขอร้อง"

"อื้อ"


แล้วก็ตามเคย มั่นยังคงไม่ผิดสัญญากับผม เพราะว่ามันกอดผมไว้จนถึงเช้า และปลุกให้ผมตื่นมากินข้าวและไอ้ยาที่ต้องกินอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่...ตัวผมยังอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของมันอยู่เลย!

"กอดกูทำไมเนี่ย ร้อน!"

และเพราะว่าความเขินลูกเดียวแท้ๆ ที่ทำให้ผมต้องแกล้งโวยวายใส่มั่น ก่อนที่จะผลักร่างหนาๆ ของมันออก ซึ่งเจ้าตัวก็เอาแต่ยิ้ม ไม่สะทกสะท้านกับคำโวยวายของผมเลยสักนิด! ทำเอาผมนี่หน้าร้อนมากขึ้นกว่าเดิม และต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้าด้วยการไล่มันไปอาบน้ำซะ เพื่อที่จะได้ออกไปซื้อข้าวเช้ามาให้ผมกิน

ซึ่งมั่นมันก็ยอมลุกไปอย่างว่าง่ายแหละ แต่มันยังยิ้มไง ยิ้มกว้างมาก ยิ้มไม่เลิก! จนผมถึงกับต้องดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงไว้ เพื่อไม่ให้มันเห็นว่าผมเองก็กำลังยิ้มด้วยความเขินอายเช่นกัน!

"เป็นไงบ้าง ค่อยยังชั่วขึ้นยัง"

"ก็ดีนะ โอเคขึ้นเยอะเลย"


หลังจากกินข้าวและจัดอะม็อกซีซิลลินสองเม็ดพร้อมกับยาตัวอื่นๆ ในมื้อเช้าวันพุธไปเรียบร้อยแล้ว มั่นก็ยื่นหลังมือมาแตะหน้าผากผมพร้อมกับถามอาการด้วยความเป็นห่วง ผมเลยตอบกลับไปตามความเป็นจริง เพราะรู้สึกว่าทุกอย่างที่เป็นเหมือนจะดีขึ้นมาก แม้แต่เสียงอู้อี้เพราะน้ำมูกก็ดีขึ้นจนเกือบจะเป็นปกติเลยด้วยซ้ำ นั่นเลยทำให้มั่นยอมให้ผมไปเรียนในช่วงบ่ายได้

แต่ก็อย่างที่บอกไว้ตอนต้น ว่าถ้าคอผมยังไม่หายเจ็บจนสนิทล่ะก็ ยังไงผมก็จะไม่มีทางกลับมาเป็นบุ้งคนเดิมได้ ดังนั้นพอไปเรียน ไปเจอแอร์เย็นๆ ไปใช้เสียงในการตอบคำถามอาจารย์มาก พอกลับมาถึงห้อง ไข้ก็ขึ้นซะจนต้องนอนแหม็บเลย ทั้งๆ ที่วันนั้นตั้งใจว่าจะรีดผ้าที่มั่นช่วยซักเอาไว้ให้แท้ๆ

เอ... นึกถึงเรื่องรีดผ้าแล้วก็ชวนให้นึกย้อนกลับไปถึงสมัยอยู่หอในแรกๆ แฮะ เพราะด้วยความที่ผมถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนูมาก มีพวกแม่บ้านคอยจัดการงานบ้านให้ตลอด ผมเลยต้องส่งเสื้อผ้ากับร้านซักรีดในมอ ซึ่งมันก็ทำให้ชีวิตของผมสะดวกสบายเหมือนอยู่บ้าน จนกระทั่ง...

"บุ้ง ป้าแกบอกว่าหาเสื้อมึงไม่เจออีกแล้ว"


มั่นช่วยไปรับผ้าที่ร้านซักรีดให้ผมในวันนึง และแจ้งข่าวที่ป้าเจ้าของร้านทำเสื้อผมหายเป็นรอบที่สี่ของเดือน

"อะไรวะ หายอีกหรอเนี่ย"

ผมหัวเสียมาก เพราะแต่ละตัวที่หายคือแบรนด์เนมตัวเกือบหมื่นทั้งนั้น อ๊ะ ไม่สิ เสื้อผมมันก็ตัวเกือบหมื่นหมดเลยนี่หว่า นี่เล่นหายไปสี่รอบ จนจะเหยียบครึ่งแสนอยู่แล้ว และนั่นทำให้ผมไม่อาจที่จะทนกับเรื่องนี้ได้อีกต่อไป

"มั่น ช่วงอะไรกูหน่อยดิ"

"อะไรวะ"

"ไหนๆ มึงก็ถอดเฝือกออกแล้ว มึงสอนกูรีดผ้าหน่อยนะ"

"เอาจริงหรอ"

"อือ ต่อจากนี้กูจะซักรีดด้วยตัวกูเอง ไม่ส่งป้าแม่งละ"


จำได้ว่าตอนนั้นมั่นทำหน้าเหมือนภูมิใจในตัวผมมาก ที่ผมตัดสินใจที่จะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองในเรื่องนี้ ถึงจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อได้ความใจเย็นในการสอนของมั่น ก็ทำให้ผมสามารถจัดการซักผ้ารีดผ้าของตัวเองเป็นในที่สุด ถึงได้บอกไงครับ ว่านอกจากเรื่องการเรียนแล้ว เรื่องของการใช้ชีวิต มั่นเองก็ช่วยเหลือผมหลายเรื่องเหมือนกัน นี่ที่ผมล้างจานเป็นก็เพราะมั่นอีกนั่นแหละนะ ไม่งั้นป่านนี้ผมคงสั่งให้แม่ซื้อเครื่องล้างจานมาไว้ที่หอแล้ว

แต่ถึงแม้ว่าบุ้งคนนี้จะรีดผ้าซักผ้าเป็นแล้วก็ตามทีเถอะ แต่พอผมกลับจากบ้านในวันอาทิตย์เพื่อมาหอ มั่นก็มักจะช่วยซักช่วยรีดให้ผมตลอด ทำเอาผมนี่แม่งรู้สึกว่าเป็นเจ้าชายมากเลยวะ กลับมาทีไรก็มีชุดนิสิตแขวนพร้อมใช้ในตู้ตลอดทั้งสัปดาห์แล้ว จนหลายๆ ครั้งพวกไอ้เบส ไอ้บุ๋น ไอ้เปตอง รวมถึงตัวผมเอง ยังต้องต่อว่ามั่นเลย ว่ามั่นน่ะทำให้ผมกลายเป็นคนเสียนิสัยติดสบายไปแล้ว

แล้วถามว่ามั่นมันฟังมั้ย ก็ไม่ ผมก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย เพราะลึกๆ แล้ว ผมเองก็ชอบที่มันทำนั่นทำนี่ให้ผมเหมือนกัน ถึงจะดูเห็นแก่ตัว ดูเอาเปรียบ แต่มันก็ยังรู้สึกดีกว่าเวลาที่เห็นมั่นไปทำดีกับคนอื่นน่ะนะ : )

ทีนี้กลับมาที่ว่าผมนอนแหม็บจนรีดผ้าไม่ไหวอีกครั้ง ซึ่งผมไม่อยากจะใช้งานมั่นเลย เพราะลำพังแค่ดูแลคนป่วยอย่างผมก็เกรงใจจะแย่แล้ว แต่ถ้าไม่ขอให้มั่นช่วง วันพฤหัสผมก็จะไม่มีเสื้อนิสิตใส่ไง เนื่องจากที่ซื้อมาห้าตัวตอนเปิดเทอมปีสาม มันสมบุกสมบันซะจนเหลือมาใช้ตอนเรียนซัมเมอร์แค่สองตัวเอง ซื้อใหม่ก็เดียวรอเปิดเทอมปีสี่ก่อน ตอนนี้ก็เลยซักรีดสลับใช้แค่สองตัวให้ครบตามวันที่เรียนไปก่อนก็เท่านั้น

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูรีดให้ ทำยังกับว่าถ้ามึงไม่ป่วย มึงจะรีดเองอย่างงั้นแหละ"


"อ้าว พูดแบบนี้ก็สวยดิ มึงนั่นแหละทำกูเสียคน ชอบแย่งกูรีดก่อนตลอด แล้วยังจะมาว่ากูอีก"

"ไม่ได้ว่าสักหน่อย" มั่นยิ้ม "กูแค่พูดเฉยๆ เอง"

"เอาเถอะ ยังไงก็ช่าง ไหนๆ มึงก็ดันสปอยกูมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วนี่ งั้นมึงก็รีดให้กูจนจบปีสี่เลยก็แล้วกัน แล้วถ้าวันไหนมึงไม่รีดให้กูนะ กูจะด่าให้หน้าชาเลยคอยดู!"
ผมโวยมันทั้งๆ ที่ยังไข้ขึ้น ก่อนจะแกล้งพลิกตัวหันหลังให้มันด้วยความหมั่นไส้

แต่ไอ้คนที่ยืนรีดผ้าให้อยู่ด้านหลังมันดันไม่จบแค่นั้น เพราะว่ามันกลับพูดในสิ่งที่ทำเอาผมถึงกับทำหน้าไม่ถูก...

"เอาแค่จบปีสี่เองหรอ"

"..."

"กูอ่ะ รีดให้มึงได้ตลอดชีวิตเลยนะบุ้ง"

"..."

เชี่ยเอ้ย เสี่ยวชะมัด!

แทนที่จะมาพูดอะไรแบบนี้ มึงสารภาพความรู้สึกในใจของมึงออกมายังจะดีซะกว่า

แต่ก็ไม่รู้ทำไมนะ... ทั้งๆ ที่ผมไม่ชอบคำพูดคำจาเสี่ยวๆ แบบนี้ แต่พอมันออกมาจากปากมั่น... ผมกลับอดจะยิ้มแก้มปริด้วยความเขินอายไม่ได้

แม่ง จากที่ตั้งใจจะนอนหลับไปง่ายๆ เลยกลายเป็นว่าต้องดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงเพื่อปิดบังอาการเขินอายของตัวเองเลยครับ!

"บุ้ง วันนี้พวกเพื่อนที่คณะประมงมันชวนกินเหล้าอะ มึงหาข้าวเย็นกินเองนะ ไว้เดี๋ยวกูกลับ"


แต่คงไม่มีอะไรพีคสุดเท่าเมื่อวานนี้ วันพฤหัสบดีที่ผมถูกปลุกมากินยาตอนเช้า และพาไปส่งเพื่อเรียนคาบบ่ายเหมือนเดิมทุกวัน

ด้วยความที่ว่าวิชาที่เรียนวันอังคารกับพฤหัสของผมและมั่นเป็นคนละตัวกัน ทำให้พอเลิกเรียนปุ๊บ ผมก็ต้องมานั่งรอมั่นเลิก เพราะไม่ได้ขับรถมาเองเหมือนเวลาปกติ เลยต้องรอกลับพร้อมกัน

แต่กลายเป็นว่ามุกอย่างดันไม่เป็นไปอย่างที่ผมคิด เพราะมั่นเรียกมอ'ไซค์วินให้มารับผมไปส่งที่หอนอกแทน เนื่องจากตัวเองจะไปสังสรรค์กับพวกเพื่อนคณะประมง (ที่รู้จักกันสมัยอยู่หอใน) เย็นนี้ ทำเอาผมที่กำลังมีความสุขอยู่ดีๆ ถึงกับออกอาการน้อยใจออกมาอย่างปิดไม่มิด

"เออ ตามใจมึงเหอะ จะไปกินเหล้ากับใครที่ไหนก็เชิญ ไม่ต้องกลับมานอนห้องเลยก็ได้"

ผมกระแทกเสียงใส่มันเต็มที่ เอาให้รู้กันไปเลยว่าผมรู้สึกไม่พอใจแค่ไหน

"เฮ้ย เป็นอะไรเนี่ย โกรธกูหรอ"

"ไม่ได้โกรธ ทำไมกูต้องโกรธมึงด้วย!"


พูดจบแค่นั้น ผมก็ตัดสาย แล้วขึ้นซ้อนท้ายพี่วินเพื่อกลับหอทันที

ผมน้อยใจมากนะ ถึงขั้นว่าจะประชดโดยการไม่กินข้าวกินยาให้มันรู้สึกผิดเลยด้วยซ้ำ แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว...ทำแบบนี้มันก็ออกจะเป็นการทำร้ายตัวเองไปหน่อย เลยเลือกลงมากินข้าวกินยาที่ร้านข้าวหน้าหอแทน พอเสร็จแล้วก็กลับขึ้นห้องเพื่ออาบน้ำทันที เพราะรู้สึกว่าร่างกายตัวเองฟื้นฟูไปถึง 70% แล้ว ไม่อยากอาบน้ำดึก เดี๋ยวไข้กลับแล้วจะยุ่งกันไปอีก

พอหลังจากอาบน้ำเสร็น ผมตั้งใจว่าจะนอนเลย ถึงแม้ว่าฟ้าจะยังไม่มืดด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกว่าไม่อยากเผชิญหน้ากับมั่นตอนมันกลับมา

ทว่า...

แกร๊ก!

ยังไม่ทันที่จะได้ล้มตัวลงนอนหลับตา มั่นก็กลับมาห้องซะแล้ว

ผมไม่ถามอะไรมันออกไปเลย แม้จะสงสัยว่าทำไมมันถึงได้กลับมาเร็วนัก แต่พอเห็นว่ามันหิ้วเหล้าเต็มขวดพร้อมกับน้ำแข็งถุงใหญ่และโซดาอีกสี่ห้าขวดติดมือมาด้วย ก็รู้ได้ในทันทีว่าโครงการกินเหล้ากับเพื่อนประมงได้ยุติลงแล้ว และมั่นก็คงจะอยากดื่มมาก เลยตัดสินใจหิ้วกลับมากินที่ห้องแทน

"กินข้าวกินยายัง"

"..."


ผมไม่ตอบครับ ยังงอนมันอยู่ ถึงแม้ว่าภายในใจจะพองโตมากที่เห็นว่ามันเลือกหิ้วเหล้ากลับมากินที่ห้อง แต่ปากผมมันยังคงแข็งเกินกว่าที่จะกลับไปพูดจาดีกับอีกฝ่ายในตอนนี้ได้ ก็เลยเลือกหยิบหนังสือขึ้นมานอนอ่านบนเตียงเงียบๆ แทน

แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังแอบสังเกตเห็นนะ ว่ามั่นเลือกที่จะหันไปมองแผงยาอะม็อกซีซิลลีนในซองใสที่ผมวางไว้ตรงโต๊ะข้างเตียง แล้วก็แสดงอาการดูโล่งอกออกมา เหมือนหาคำตอบได้แล้วว่าผมกินข้าวกินยาไปเรียบร้อยแล้วอะไรแบบนั้น

เว่อชะมัด : (

"เราเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้วนะ?"

/ ต่อด้านล่าง /


ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2

ผมพยายามจะไม่สนใจมั่นอีก ปล่อยให้มันตั้งโต๊ะญี่ปุ่นกินเหล้าเคล้าเสียงเพลงเบาๆ อยู่ติดกับประตูระเบียงไป จนกระทั่งได้ยินเสียงประโยคคำถามของผู้หญิงคนนึงดังขึ้น เลยดึงดูดความสนใจของผมให้หันไปมอง

แล้วก็พบว่า มันเป็นเสียงมิวสิควีดีโอที่ดังมาจากโน๊ตบุ๊คของมั่น ซึ่งผมเคยฟังมาก่อนแล้ว และมันก็ชวนให้ผมนึกถึงเรื่องราวความเป็นเพื่อนของทั้งผมและมั่น ที่เหมือนว่าจะเผลอใจอยากบอกความรู้สึกที่มีอยู่ข้างในกันตลอดเวลา

ทั้งที่ในความเป็นจริง แม้ว่าเราสองคนจะดูแลกันและกันมาตลอด แต่เราก็ยังไม่กล้าที่จะพูดความในใจตัวเองออกไปสักที ทั้งมันแหละผมเลย

เย็นมือคล้ายๆ มันสั่น มองเธอแล้วใจยังหวั่น
กอดสักทีได้ไหม แต่ก็ข่มใจไว้
ความจริงฉันคงไม่กล้า ปล่อยให้มันผ่านพ้นไป


แม่ง แล้วพอใจมันฟังไปแล้ว ผมก็ไม่อาจที่จะดึงสมาธิของตัวเองให้กลับมาอยู่ที่หนังสือตรงหน้าได้เลย มั่นนะมั่น จะกินเหล้าฟังเพลงก็ฟังไปคนเดียวสิวะ ทำไมมึงต้องเสือกมาทำให้กูอินด้วยก็เนี่ย!

และช่วงเวลา ไม่รู้อะไร
ที่มากดดันให้ฉันได้เฉลยในใจไม่กล้าจะเอ่ย
ให้ฉันได้พูดไปอย่างนั้น


หรือมึงต้องการจะเปิดเพลงนี้เพื่อจงใจบอกความรู้สึกในใจของมึงที่มีต่อกูวะ?

ว่าฉันนั้นรักเธอ ก็ปากมันเผลอไป
ในเวลาที่สองเราอ่อนไหว ได้ตัดสินใจพูดคำว่ารัก
และฉันไม่รู้ตัว ได้แต่ยอมรับมัน
เก็บคำบางคำซ่อนไว้ว่าใจฉันนั้นรักเธอ
ฉันเผลอออกไป

โอ๊ยยยย อึดอัดว่ะ! ขนาดนึกตอนนี้ยังรู้สึกเลยว่าตัวเองอึดอัดมากจริงๆ ในตอนนั้น เพราะสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดเลย ก็คืออยากให้มั่นมันกล้าสารภาพความรู้สึกของมันกับผม เหมือนที่พระเอกเอ็มวีโทรไปบอกเพื่อนที่คบกันมานานว่าชอบ แม้ว่าสายจะถูกตัดไปก็ตาม

ไม่ใช่ว่าที่เวิ่นเว้อมาตลอดนี่ผมคิดไปเองนะ ผมเคยพิสูจน์แล้ว เคยให้เพื่อนร่วมสาขาคนนึงที่ชื่อ 'ก้อย' หลอกถามที่ร้านเหล้าตอนมั่นเมาหนักๆ ว่า "มึง กูถามจริงๆ นะ มึงรู้สึกยังไงกับบุ้งวะ"

มั่นหันซ้ายหันขวาทันทีเหมือนต้องการจะมองหาผม แต่ก็ไม่เจอ เพราะผมแอบอยู่ในมุมมืด ค่อนข้างไกลออกมาเล็กน้อย แต่ยังคงได้ยินทุกคำจากปากมัน

"ถ้ากูบอกมึง มึงอย่าบอกบุ้งนะ"

"เออ กูไม่บอกหรอก"
ก้อยเล่นเนียนอย่างที่เราเตี๊ยมกันไว้

"กูชอบมันนะ ชอบมาก อยากได้บุ้งเป็นแฟนเลยด้วยซ้ำ"

ตึกตัก... ตึกตัก...

ใจผมเต้นแรงมากเลยตอนนั้น เพราะในที่สุดผมก็ได้ยินจากปากของมั่นมันสักที ไม่ต้องคิดเองเออเองอีกต่อไปแล้ว

แต่พอก้อยหลอกถามต่อว่า "แล้วทำไมมึงไม่บอกบุ้งมันไปวะ กูว่าบุ้งมันก็น่าจะคิดไม่ต่างจากมึงนะ"

มั่นก็แค่นหัวเราะ "ทำไมกูจะไม่รู้ว่าบุ้งมันก็ชอบกู แต่..."

"แต่?"

"เราต่างกันเกินไปว่ะ กูกับมัน...ต่างกันมากเกินไปจริงๆ"

"ยังไงวะ"

"บุ้งแม่งเหมือนดาวบนฟ้า ในขณะที่กูแม่งหมาวัด อย่าไปฉุดบุ้งมันลงมาต่ำเลย"

"..."

"กูขอแค่ได้ดูแลมันไปเรื่อยๆ แค่นี้กูก็พอใจแล้ว"


คำตอบของมั่นตอนนั้นทำเอาผมน้ำตาคลอเลยครับ มันแบบ...มันทั้งดีใจทั้งหงุดหงิดใจ สับสนปนเปกันไปหมด!

อะไรของแม่งก็ไม่รู้ บอกกูเป็นดาวบนฟ้า นี่มันยุคไหนแล้วมั่น เขามีแต่ปลาบนฟ้าโน่น! แล้วยังจะมาพูดเหมือนว่าตัวเองต่ำต้อยอีก ละครชิบหาย!

ตอนนั้นผมเดินออกจากเงามืด ตั้งใจจะคุยกับมันให้รู้เรื่อง แต่กลายเป็นว่าพอไปถึงโต๊ะ มั่นก็เมาหลับไปแล้ว ทุกอย่างเลยเหมือนถูกตัดจบลงแค่นั้น เพราะว่าในวันต่อมา... ผมก็ไม่กล้าพูดความในใจของตัวเองเหมือนคืนนั้นแล้ว...

"เราเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้วนะ? เปลี่ยนได้ปะ?"

แถมพอผมดึงตัวเองกลับมาจากสิ่งที่คิดในหัว ก็ยังต้องมาเผชิญกับเสียงพูดของนางเอกเอ็มวีในตอนจบที่มั่นเปิดอีก

จนเมื่อคืนผมคิดในใจเลยว่า อยากบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปซะตอนนั้นเลย เอาให้เหมือนกับนางเอกเอ็มวีนั่นแหละ

ทว่า...

แกร๊ก!

มั่นก็ดันลุกไปเข้าห้องน้ำซะก่อน เลยทำให้เสียจังหวะอีกครั้ง จนความไม่กล้าย้อนกลับมาครอบงำผมอีกตามเคย

สุดท้ายก็ต้องปล่อยผ่านเลยไป ปล่อยให้มั่นนั่งกินเหล้าต่อโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนประมาณสักสามทุ่ม คนที่นั่งกินเหล้าอยู่นานสองนาน ก็คลานขึ้นมานอนบนเตียงข้างๆ ผม

"..."

กลิ่นเหล้าแรงๆ ทำให้ผมอยากออกปากไล่มั่นไปอาบน้ำ แต่พอหันไปเห็นว่าขวดเหล้าที่วางอยู่ตรงประตูระเบียงหมดเกลี้ยง ก็เปลี่ยนความคิดในทันที เพราะลองดื่มโหดขนาดนี้ เอาช้างมาฉุดมั่นมันก็คงไม่ไปแน่

แล้วพอหันกลับมามองหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาของคนที่นอนอยู่ข้างๆ ก็เป็นอันต้องสะดุ้ง! เพราะจากที่คิดว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว กลับกลายเป็นว่าดันลืมตา แถมยังมองตรงมาที่ผมซะด้วย

"อะไร" เมื่อคืนนี้ผมทนให้มันจ้องมองอยู่นานเลยแหละ กว่าที่จะถามออกไป เพราะทนสายตาที่เต็มไปด้วยข้อความคู่นั้นไม่ไหวละ

"มอง"

"มองไร"

"บุ้ง"


แถมพอได้ยินคำตอบจากมัน ในใจผมนี่ร้องเลยครับว่า 'ตายห่าละ' เพราะลองมันตอบกลับมาไม่เกินสามพยางค์แบบนี้ แสดงว่ามันเมามาก เมาชนิดที่ว่าอาจจะต้องเดาข้อความจากคำที่มันเปล่งออกมากันเลยทีเดียว

"มองไม"

"น่า..."

"น่า?"

"...รัก"


เออ เอากับมั่นมันสิ นี่ขนาดมันพูดเมื่อวานนะ แต่พอคิดถึง ความรู้สึกเขินยังกลับมาเล่นงานผมถึงวันนี้เลยอะ!

"บ้าละ ถ้าเมาก็หลับไปเหอะ!"

แล้วมันก็ส่ายหน้า "อยาก"

"อยากไร"
ผมจำได้ว่าตัวเองรีบกระเถิบตัวออก เพราะถึงผมจะชอบมันมาก แต่ผมก็ยังไม่พร้อมกับความ 'อยาก' ในแง่ของการมีอะไรกันหรอกนะ!

"ดูแล"

แต่พอได้ยินว่าเป็นอยากอย่างอื่น ผมก็เผลอยิ้มออกมา ก่อนจะช่วยเกลี่ยผมที่ทิ่มตามันอยู่ออกให้

"มึงก็ดูแลกูมาตลอดอยู่แล้วนี่" นอกจากพ่อกับแม่ ก็ไม่มีใครดูแลกูได้ดีเท่ามึงแล้วล่ะมั่น

ถ้าไม่มีมึง กูคงไม่ได้กินอะม็อกซีซิลลินตรงเวลาติดต่อกันแบบนี้หรอกนะ : )

"อยาก"

"อะไร อยากอะไรอีก"

"จูบ"

ผมถึงกับอึ้งไปนิดนึงเลย ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันเมาต่อหน้าผม แต่นี่คือครั้งแรกเลยที่มั่นกล้าพูดอะไรออกมาแบบนี้ พูดกับผม โดยไม่แม้แต่จะหลบสายตา

"จูบกู?"

มันพยักหน้า

ในขณะที่ผมหลุดหัวเราะออกมา ก็ดูสิ หมดสภาพขนาดนี้จะเอาแรงไหนมาจูบผมวะ เลยต้องแกล้งแซวมัน

"ไหวหรอมึงอะ?"

เท่านั้นแหละครับ มั่นที่ผมคิดว่าหมดสภาพแล้วเมื่อคืนก็กระโจนขึ้นทับตัวผม ก่อนที่...ปากของมันจะทาบทับลงมา...

กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งเต็มปากผม มันฉุนมาก แต่ไม่รู้ทำไม... ผมกลับมีความสุขที่จะเสพเอาความรู้สึกของอีกฝ่ายเข้ามาในหัวใจ...

นานนับนาทีเห็นจะได้ กว่าที่มั่นจะค่อยๆ ผละออก... หน้าของมันแดงก่ำเลย แต่ตายังคงจ้องผมไม่เลิก...

"ไม่อยาก" ก่อนที่มันจะกลับไปทิ้งตัวลงนอน แล้วพูดสองพยางค์ที่ทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน

"มะ...ไม่อยากอะไร!?"

"เป็นเพื่อน"

"..."

"..."


มาถึงตรงนี้ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ทั้งผมและมันหันหน้ามาสบตากัน เนินนานกว่าที่ผมจะถามกลับไปอีกครั้ง ด้วยความอัดแน่นทั้งหมดที่มีอยู่ในหัวใจ...

"แล้วอยากเป็นอะไรล่ะ?"


มันยังคงมองหน้าผมนิ่ง... ก่อนที่จะค่อยๆ หลับตาลง... แล้วก็หลับไปเลย!

ปึก!

พอนึกย้อนมาถึงตรงนี้ ผมปาหมอนที่เอามาปิดหน้าทิ้งด้วยความหงุดหงิด หงุดหงิดที่จังหวะการพูดความในใจของผมกับมั่นมันไม่ได้จังหวะสักที ส่งผลให้หมอนทั้งสองใบตกลงไปอยู่ที่พื้นปลายเตียง

แกร๊ก!

แต่พอผมจะลุกขึ้นไปเก็บ ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาซะก่อน ทำให้มั่นหันมองผมกับหมอนสองใบนั้นสลับกันด้วยสีหน้างงๆ

"ทำไมหมอนมาตกอยู่นี่ล่ะ"

"อ๋อ..." เอาแล้วไง แถว่าไรดีวะ? "คือ... พอดีว่ากูสลัดผ้าห่มอะ มันเลยตกลงไป กำลังจะเก็บเลย" แต่ความจริงไม่ใช่หรอก กูปาไปด้วยความหงุดหงิดใจต่างหาก ที่กูยังหาจังหวะดีๆ บอกความรู้สึกในใจกูออกไปไม่ได้สักที

แต่ว่าวันนี้แหละ หลังมื้อเช้านี้เลย กูจะพูดให้ได้ กูจะไม่รอจนมึงพูดอีกแล้ว กูจะพูดเอง!

"อ๋อ" โชคดีที่มั่นดูจะไม่ได้ติดใจอะไร ก็เลยหยิบหมอนขึ้นมาส่งให้ผม ผมก็เลยรีบจัดทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง ลุกขึ้นพับผ้าห่มซะเรียบร้อย แล้วมานั่งรอกินมื้อเช้าพร้อมกับมั่นที่โต๊ะญี่ปุ่นข้างเตียง

มั่นเดินไปหยิบชามมาสองใบ ก่อนที่จะเทราดหน้าร้อนๆ ให้ ผมเลยใช้จังหวะนั้นชวนอีกฝ่ายคุย

"กูว่ากูหายแล้วว่ะมั่น ไม่เจ็บคอแล้ว ไม่ไอแล้ว ไข้ก็ไม่มี น้ำมูกก็หมดแล้วด้วย"

"ดีแล้ว แต่ยังไงก็ต้องกินยาฆ่าเชื่อให้หมดตามหมอสั่งนะ"

"อื้อ เหลือมื้อเช้ากับมื้อเย็นวันนี้ก็หมดแล้วล่ะ"

คราวนี้ผมเป็นฝ่ายลุกบ้าง เพราะเห็นว่ามั่นลืมหยิบมา ก็เลยถือโอกาสหยิบแก้วน้ำกับขวดน้ำในตู้เย็นหนีบมาด้วย

แล้วหลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็ตั้งหน้าตั้งตากินราดหน้ากันไป มีพูดคุยกันบ้าง แต่ก็ไม่มากหรอก เพราะปกติเราสองคนก็ไม่ใช่สไตล์พูดคุยเล่นกันอยู่แล้ว ส่วนมากจะนั่งข้างกันเงียบๆ ต่างฝ่ายต่างทำอะไรของตัวเองไป ขอแค่ให้ไหล่ของเราติดกัน หรือไม่ก็แค่รับรู้ว่ายังมีอีกคนนั่งอยู่ด้วยกันใกล้ๆ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

"อะ" แล้วพอราดหน้าหมด มั่นก็ยื่นอะม็อกซีซิลลินสองเม็ดมาให้ เหมือนกับทุกๆ วันที่มันคอยดูแลผม ต่างไปก็แค่ว่าวันนี้มีเพียงอะม็อกซีซิลลินอย่างเดียว เพราะอาการอย่างอื่นหายหมดแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกินยาตัวอื่นอีกต่อไป

"ขอบคุณนะ" ผมรับยามาด้วยรอยยิ้ม พออาการป่วยหายไป ความสดใสร่าเริงมันก็กลับคืนมาด้วย ก่อนที่จะส่งยาสองเม็ดในมือเข้าปาก ดื่มน้ำตาม แล้วลุกขึ้นไปนั่งเล่นต่อบนเตียง ปล่อยให้มั่นเก็บจานไปวางไว้ตรงที่ล้าง แต่ก็ยังคอยมองตามจนมันกลับมานั่งที่พื้นข้างเตียง

"วันนี้จะกลับบ้านเลยเปล่า หรือว่าจะกลับพรุ่งนี้"

"คงพรุ่งนี้แหละ" เพราะถึงวันนี้วันศุกร์จะไม่มีเรียน แต่ว่ายังไงวันนี้กูก็ต้องทำความตั้งใจของกูให้สำเร็จก่อน กูจะไม่ยอมเสียจังหวะไปอีกแล้ว!

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามสังเกตว่ามั่นมันจะทำอะไร จนกระทั่งเห็นว่ามันนั่งหันหลังให้ และหยิบงานขึ้นมานั่งทำบนโต๊ะญี่ปุ่นที่เราเพิ่งจะกินข้าวกันไป ผมก็กลั้นใจในวินาทีนั้น แล้วกอดคออีกฝ่ายจากด้านหลังไว้ทันที!

มั่นดูจะตัวแข็งทื่อไปเลยเมื่อถูกผมกอด ไม่รู้เหมือนกันว่าแข็งทื่อไปด้วยความรู้สึกไหน แต่ผมไม่สนแล้ว ผมมีเรื่องที่จะต้องพูด และผมจะพูดเดี๋ยวนี้เลยด้วย

"ขอบคุณนะ"

ด้วยความที่ผมกอดมันไว้หลวมๆ เลยทำให้มั่นมีพื้นที่พอที่จะหันคอมามองผมด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันได้

"ขอบคุณ?"

"อื้อ ขอบคุณที่มึงดูแลกูไง"

"หมายถึงหลายวันที่มึงป่วยเนี่ยน่ะหรอ"

"เปล่า"

"..."

"กูหมายถึงที่มึงดูแลกูมาตลอด"

"..."

"ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกัน จนถึงวันนี้เลย"

มั่นเหมือนทำหน้าไม่ถูกที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น และยิ่งทำหน้าไม่ถูกกว่าเดิมเมื่อผมทำตัวหน้าด้านขโมยจุ๊บแก้มัมนซะดื้อๆ

"บุ้ง..."

"กูไม่สนหรอกนะ ว่ามึงจะมองกูกับมึงต่างกันแค่ไหน ถึงยังไม่ยอมบอกความในใจกับกูสักที"

"..."

"แต่สำหรับกู มึงคือยาอะม็อกซีซิลลินนะ"

"..."

"เพราะว่ามึงคือคนที่ดูแลกูได้ดีและสม่ำเสมอที่สุดแล้ว"

"..."

"และนั่นแหละ ที่ทำให้กูอยากคบกับมึงเหลือเกิน มึงเข้าใจกูมั้ย?"

"..." มั่นเงียบ ทำเพียงแค่มองหน้าผมนิ่งๆ อยู่เกือบนาที จนผมชักจะเริ่มหวั่นใจ... ว่าบางที...ผมอาจจะเข้าใจผิดเรื่องใจของเราสองคนที่ตรงกันก็เป็นได้?

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะค่อยๆ ผละออก มั่นก็คว้ามือของผมไว้ รีบพยักหน้าเหมือนต้องการจะตอบว่ามันเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดแล้ว ก่อนที่หลังจากนั้น มั่นจะเริ่มถามผมด้วยรอยยิ้มอย่างคนกำลังสุขใจระคนเขินอายในเวลาเดียวกัน

"เราเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้วนะบุ้ง?"

"..."

"เปลี่ยนได้ปะ : )"

ทำเอาผมนี่ยิ้มตามทั้งๆ ที่น้ำตาเอ่อขึ้นคลอเบ้า เพราะจำได้ดีว่าคำถามนี้มาจากนางเอกเอ็มวีเพลง 'เผลอไป' ของ 'TATTOO COLOUR' ที่มันเปิดตอนดื่มเมื่อคืนนี้

ประโยคที่ผมตั้งใจว่าจะลอกเอ็มวีมาพูด... แต่กลับถูกมันแย่งพูดไปซะแล้ว...

"ได้ดิ : )"

แล้วผมจะไปตอบอย่างอื่นได้ไงล่ะ ในเมื่อรอที่จะเป็นแฟนมันมานานขนาดนี้แล้ว

ส่งผลให้มั่นกระโจนขึ้นทับบนตัวผม สบตาหวานซึ้งอยู่นานนับนาที ก่อนที่จะประกบจูบลงมาอย่างเงียบเฉียบ ทว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกที่คนถูกจูบอย่างผมยากจะถอนตัว

มันจะพาผมไปไกลขนาดไหนนะ?

จะหยุดแค่เพียงจูบเดียว หรือไปไกลเกินกว่านั้น?

ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ

แต่ที่แน่ๆ เลยก็คือ ไม่ว่าต่อจากนี้ผมจะป่วยด้วยอาการเจ็บคออีกสักกี่ครั้ง หรือว่าจะต้องกินอะม็อกซีซิลลินอีกสักที่แผง

ผมมั่นใจ ว่าผมจะมีมั่น ที่คอยดูแลผมเสมอ

และผมก็จะไม่มีวันพลาดการกินยาตามเวลาที่หมอสั่งอย่างแน่นอน

ไม่มีวันเลย : )



- Fin -

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ
หากอ่านแล้วมีคอมเม้นท์ติชมอะไรให้นักเขียนมือใหม่คนนี้
รบกวนเม้นท์บอกกันด้วยนะครับ
เพื่อที่ว่าแฮมสเตอร์จะได้นำไปปรับปรุงผลงานเรื่องต่อๆ ไป

และสำหรับใครที่ต้องการจะพูดคุยถึงเรื่องสั้นเรื่องนี้บนทวิตเตอร์
แฮมสเตอร์ขอความกรุณา #อะม็อกซีซิลลิน เพื่อง่ายต่อการค้นหาด้วยนะครับ
เพื่อที่แฮมสเตอร์เองก็จะได้ตามไปเม้าท์ถูกที่ด้วย ฮ่าๆๆๆ

ขอบคุณอีกครั้งครับ : )


ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
อิจฉาาาาาา อยากมีคนดูแลบ้าง   :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ thepoe

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตามมาจากทวิตน้าา มาอ่านแล้นน
น่าร้ากก ใต้ความดูแลนี้ ใต้ความเปรียบเหมือนยา 555555555
  :o8:

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ขอตอนพิเศษค่ะ
อยากเห็นมั่นหึงบุ้ง

ออฟไลน์ ฑาหะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-6
อย่างแรกเลยนะคะ อิจฉาบุ้งมากค่ะที่ได้ผช.แบบมั่น :ling1:

มั่นเป็นผช.ที่น่ารักมากกกกกกกก ดูแลเทคแคร์คนอื่น ช่างเอาอกเอาใจ กรี๊ดตรงที่มั่นกลับมากินเหล้าที่หอเนี่ยแหละค่ะ ฮรือออ! ถ้าจะแคร์ขนาดนั้นควรเป็นแฟนไปได้ตั้งนานแล้วนะคะ

แต่ก็ขำมั่นอยู่อย่าง นี่มันยุคสมัยไหนแล้วคะ แกยังจะคิดว่าอีกฝ่ายสูงส่งอยู่อีกเหรอ สอยลงมาสิคะลูกกกกกกกก! อยากได้ก็ต้องสอย ดีนะที่บุ้งไม่มีใครสอยไปก่อน ไม่งั้นคงได้มีโมเมนต์สมน้ำหน้ามั่นแน่ๆ ค่ะ นี่ #ทีมมั่น นะคะ แต่ก็หมั่นไส้นางไม่น้อย

อ่านลื่นไหลมากค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ทำให้อิจฉาบุ้งได้ขนาดนี้ แต่ถ้าให้ดีอยากเห็นมั่นในโหมดโหดบ้างค่ะ คงดีต่อใจน่าดู :hao6:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ชอบบุ้งมากน่ารักอ่ะ :mew1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แหม น่ารักจริงเชียว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ขอตอนพิเศษ โมเม้นท์เป็นแฟนกัน

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ขอตอนพิเศษด้วยคน..อยากรู้ว่าไปไกลกว่าจูบอ่ะป่าว    :oo1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ชอบบบบบ รู้สึกหนักแน่นมั่นใจในตัวมั่นมาก หวานแรง ขอบคุณนะคะสำหรับนิยายสนุกๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ meelhek

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
โง้ยยยยยย น่ารัก
มั่นนี่คือ.. ชื่อมาดมั่นแถมยังมั่นคงอีก บุ้งนี่โชคดีจริง อ่านละเขินนน

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
มั่นเป็นผู้ชายที่น่ารักมากครับ

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น่ารักมากเลยคับ เป็นกำลังใจให้แต่งนิยายดีๆ ออกมาอีกนะค้าบบบบบ

ออฟไลน์ Maymon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มั่นคือพระเอกในฝัน ฟินนนน
ขอบคุณนะคะ^^

ออฟไลน์ ไอจัง

  • และฉันก็คือฉันเสมอ..
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
    • ไอจัง
น่ารักจังค่ะ เดี่ยวจะตามไปในทวิตนะคะ ฮ่าๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-02-2017 11:08:02 โดย ไอจัง »

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ smilepree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หู้ยยยย กรี๊ดมากเลยตอนที่มั่นถอดเสื้อให้บุ้ง ฮือออออ
มั่นดูแลบุ้งดีมาก มีความเพอร์เฟคบอยเฟรนด์มาก อิจฉาาาาา

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
หืออออ มั่นผู้เสมอต้นเสมอปลายยยย ดีต่อใจมากเลยอ่าาา

ออฟไลน์ yunjae123

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
อร๊ายยยยยย มั่นคือดี คือมั่นคงสุดๆๆ
บุ้งก็น่ารักก คือป่วยแต่ขี้เกียจลุกมากินยาคือไรคะ?!! 555
อ่านไปแล้วรู้เลยมั่นรักบุ้งมากกก และบุ้งก็รักมั่นมากเหมือนกัน

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
กรี๊ดมากกกก คือดีอะ ชอบ55555555
จิ้มเข้ามาเพราะชื่อเรื่องเลย น่าสนใจดีจัง พออ่านก็รู้สึกดี ไม่ผิดหวังที่กดเข้ามาอ่าน งุ้ยยยย
ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านเพลินมาก แต่อยากอ่านต่อจากฉากจบจัง :hao7:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย หวานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
น่ารักกกกก  :-[
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ purple

  • Aventador FC
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
โอ้ยยย อยู่ด้วยกันมาตั้งสองสามปี สนิทกันขนาดไหนถามใจดู
คู่นี้น่ารัก เอาจริงๆเพื่อนคงรู้ตั้งแต่วันรับรุ่นแล้วล่ะมั้ง ว่าสองคนนี้อะไรยังไง 55
ขอบคุณมากค่ะ ชอบเรื่องนี้มาก ><

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
อยากให้เป็นเรื่องยาว

ยังมีบางจุดหลุดผิดเรื่องชื่ออย่างอันนี้

"สวัสดีครับแม่... อ๋อ ครับๆ เดี๋ยวผมจะดูแลมั่นให้เอง แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ..."

นั่นไงล่ะ แม่ฝากให้มั่นดูแลผมจริงๆ ด้วย แล้วมีหรอที่มันจะไม่รับปาก ในเมื่อมันก็รับปากแม่ผมว่าจะดูแลผมมาโดยตลอด จนแม่แทบจะไม่ไว้ใจชื่อเพื่อนคนอื่นแล้ว

ต้องเป็นบุ้งใช่ม่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ดีงาม น่ารัก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด