ขอโทษนะครับที่หายไปนานเกินเดือน ตอนนี้ชีวิตต้องกัดฟันสุดๆ เน็ตก็ไม่มี ขอบคุณที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์
♀ บทที่ 21♀
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียวก็ออกไปรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน สั่งให้ชินวัฒน์กับศรันย์เป็นคนรับผิดชอบล้างจาน แต่ไม่กี่นาทีชินวัฒน์ก็เดิมตามออกมา บอกว่าศรันย์เป็นคนอาสาล้างคนเดียว
"ตกลงคิดได้หรือยังว่าจะแกล้งคุณศรันย์ยังไง" ชินวัฒน์ถาม
"ไม่แล้ว" เรียวส่ายหน้า
"อ้าว ไม่ได้นะ ต้องสั่งสอนเสียหน่อย โทษฐานที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับคุณพีทที่อู่ซ่อมรถ นี่ถ้าเราไม่โผล่เข้าไปจ๊ะเอ๋แบบนั้นคงเอากันมันส์ไปแล้ว" ชินวัฒน์ทำสีหน้าจริงจัง
"หุบปากเสียทีเถอะไอ้หมวดลูกชิ้น" เรียวพูดเสียงขุ่น "เขาก็คงแค่ตื้อคุณศรันย์นั่นล่ะ ใครกะจะมีเซ็กส์กันในออฟฟิส ทั้งลูกน้องทั้งช่างซ่อมรถอยู่ข้างนอกเยอะแยะ"
"แก้ตัวแทนอีก แบบนี้ก็หมายความว่า..." ชินวัฒน์ทำเสียงล้อเลียน อมยิ้ม เอียงหน้าทำท่าคิด แต่เมื่อเรียวยังยืนเงียบจึงพูดต่อว่า "นี่ถามหน่อยเถอะเพื่อน ถามจริงๆ เลยนะ แบบว่าอยากรู้มาก นี่ชอบคุณศรันย์เข้าไปจริงๆ แล้วใช่ไหมถึงได้ทำเป็นใจเย็นแบบนี้ นี่คงกำลังติดสินใจว่าจะตกลงปลงใจกับเฮียเขาแล้วละสิ แบบนี้ย้ายไปอยู่ด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่านะ"
"พูดหมดแล้วใช่ไหม งั้นกลับบ้านได้แล้ว ไปชวนเฮียศรันย์ของนายกลับไปพร้อมกันด้วย ง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว พรุ่งนี้งานใหญ่ เสร็จเรื่องจับบ่อนพนันเราจะลาหนึ่งอาทิตย์กลับบ้าน แม่ให้ไปช่วยเรื่องซ่อมบ้าน ช่างเขารอทำอยู่แล้ว" เรียวตัดบท ชี้มือเข้าไปในบ้านแล้วเร่งเพื่อน
แต่เมื่อนายตำรวจทั้งสองเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นศรันย์นอนแผ่หราอยู่บนโซฟา ท่าทางหลับสนิท แผ่นอกสะท้อนขึ้นตามจังหวะหายใจอย่างสม่ำเสมอ
"โอ้โห เชื่อพี่เค้าจริงๆ เลย ไม่ถึงห้านาทีล้างจานเสร็จก็หลับเสียแล้ว ถอดกางเกงนอนอีกต่างหาก ยังกับว่าจะเตรียมตัวรออึ๊บเจ้าของบ้าน" ชินวัฒน์ชี้นิ้วไปที่ศรันย์
"ไอ้ปากเสีย" เรียวทำเสียงดุ
"เป้าตุงขนาดนี้ท่าทางใหญ่ไม่ใช่เล่นนะเนี่ย" ชินวัฒน์ยืนเอียงหน้าพิจารณาดูศรันย์
"กางเกงเขาเปียก ล้างจานยังไงวะให้กางเกงเปียกแบบนี้" เรียวมองไปเห็นกางเกงขายาวของศรันย์วางพาดอยู่บนเก้าอี้จึงหยิบขึ้นมาแล้วเดินเอาไปใส่เครื่องอบผ้า จากนั้นหันไปบอกให้ชินวัฒน์กลับบ้านไปก่อน
"แล้วจะเก็บเขาไว้นอนกกที่นี่หรือหมวดเรียว" ชินวัฒน์ถามหน้าทะเล้น หันไปมองศรันย์ด้วยสายตาขำๆ
"ทะลึ่ง เดี๋ยวโดนเตะ" เรียวยกเท้าขึ้น ชินวัฒน์ถอยกรูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปที่ประตู ปากก็ยังพูดว่าต้องหาวิธีแกล้งศรันย์เพื่อเป็นการสั่งสอนให้เข็ดหลาบ
"เลิกพูดเรื่องนี้เสียทีเถอะ" เรียวโคลงศีรษะ
"งั้น ถ้าไม่แกล้งเป็นการสั่งสอนก็ต้องลองใจ" ชินวัฒน์ยังไม่ยอมหยุด "จะได้ให้แน่ใจว่าเขาชอบเราจริงๆ และทิ้งนิสัยเจ้าชู้"
"ดูๆ ไปก็ไม่เห็นจะเจ้าชู้เท่าไหร่นะ เขาก็คงสนุกสนานไปตามประสาคนโสด" เรียวพูดเสียงราบเรียบ
"แต่เขามาจีบนายได้หลายเดือนแล้ว ดูท่าทางก็เหมือนจะจริงจัง ต้องให้แน่ใจสิ ถ้าจะมาเป็นแฟนกันก็ไม่เรียกกว่าโสดอีกต่อไป ของแบบนี้มันต้องทดสอบ"
"ทำยังกับว่าเขาจะมาเป็นแฟนตัวเอง"
"เรารักและเป็นห่วงเพื่อนผู้ไร้เดียงสาหรอกน่า" ชินวัฒน์ให้เหตุผล นั่งลงบนเก้าอี้หน้าบ้านเพื่อสวมรองเท้าพลางยกเหตุผลต่างๆ ขึ้นมาอ้าง จนในที่สุดเรียวจึงตัดบทว่าอยากทำอะไรก็ทำ
"อย่าให้ถึงกับเลือดตกยากออกก็แล้วกัน" เรียวย้ำ
"ไว้ใจเพื่อนคนนี้เถอะ" ชินวัฒน์ยักคิ้วแล้วเดินไปขึ้นรถ ขับออกไปจากบ้าน เรียวยืนมองตาม นิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกลับเข้าไปในบ้าน นั่งรอจอกางเกงของศรันย์อบแห้งแล้วจึงไปปลุกให้ลุกขึ้น
"ผมง่วงมาก ขับรถกลับบ้านไม่ไหวหรอก ขอนอนที่นี่นะคุณหมวด" ศรันย์พูดเสียงอู้อี้ ยังไม่ยอมลืมตา
"อย่ามาลีลาหน่อยเลย"
"ถ้าผมขับรถกลับกลางดึกทั้งที่ง่วงนอนขนาดนี้ ก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้นะคุณหมวด ไม่ห่วงกันบ้างหรือ ตำรวจเขาก็รณรงค์ไม่ใช่หรือว่าถ้าง่วงไม่ให้ขับ" ศรันย์มีข้ออ้าง
"ผีเสื้อราตรีแบบคุณนะหรือจะง่วงจนขับรถไม่ได้ นี่ยังไม่ตีหนึ่งเลย ผมว่าเวลานี้ปรกติคุณเพิ่งเริ่มออกจากรังไปซิ่งรถตระเวนจับเด็ก"
"แต่ก่อนกันตอนนี้มันไม่เหมือนกับนี่ครับคุณหมวด ผมเปลี่ยนไปแล้ว" ศรันย์ลืมตาขึ้นมา "ตอนนี้ผมเป็นนิวศรันย์"
"กางเกงแห้งแล้ว ใส่ซะ อุจาด" เรียวทำหูทวนลม โยนกางเกงลงบนตักของรันย์ ปิดคลุมท่องล่างของคนที่นอนอยู่บนโซฟา
"แค่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงในนี่นะเรียกว่าอุจาด ถ้าผมแก้หมดทุกชิ้นจะเรียกว่ายังไงล่ะ"
"เรียกว่าทุเรศ" เรียวตอบเสียงเข้ม "ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลยนะคุณศรันย์ กลับบ้านได้แล้ว ผมจะนอน พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า เรื่องสำคัญด้วย"
"ผมขับรถไม่ไหวหรอก" ศรันย์ทำเสียงเหนื่อยล้า "เหนื่อยจนแทบจะหายใจไม่ไหว แขนขาก็หมดแรง ไม่ไหวจริงๆ นะ"
"ถ้างอแงแบบนี้ ทีหลังจะไม่ให้มาอีกแล้ว" เรียวยื่นคำขาด
"ก็ได้" ศรันย์ตอบเสียงสะบัด ยอมลุกขึ้นนั่ง จากนั้นสวมกางเกงช้าๆ ราวกับต้องการยื้อเวลา
"พรุ่งนี้ไม่ต้องโทรหาผมนะ ไม่ว่าง พรุ่งนี้หน่วยจะนำกำลังบุกเข้าจับกุมบ่อนการพนันแล้ว" เรียวพูดเสียงเรียบ นั่งรออย่างอดทน
"แค่จะเข้าลุยบ่อนพนัน ต้องปิดโทรศัพท์ยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยหรือไง ทำงานแบบต้องทิ้งชีวิตส่วนตัวแบบนี้ไม่ไหวนะคุณหมวด แล้วพวกตำรวจคนที่มีลูกมีเมียไม่แย่หรือ มันจะไม่มีเวลาว่างสักนิดพอที่จะคุยกับแฟนเลยหรือไง" ศรันย์บ่น
"ใครเป็นแฟนคุณ" เรียวหันขวับมาทำเสียงดุ
"คุณหมวดเรียวครับ ถึงขนาดนี้แล้วคุณคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันอย่างนั้นหรือ ผมไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ ไม่งั้นไม่ตามจีบขนาดนี้หรอก ตั้งแต่จีบคุณ ผมต้องเสี่ยงเจ็บตัวและเสี่ยงตายสุดๆ เลยรู้หรือเปล่า"
"ถ้าไม่รีบใส่กางเกงให้เสร็จเร็วๆ เดี๋ยวได้เจ็บตัวจริงๆ" เรียวยื่นมือไปหยิบกุญแจรถของศรันย์ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างโซฟาส่งให้ แต่เมื่อคนเจ้าปัญหายังคงนั่งนิ่งจึงโยนกุญแจใส่
"ดุจริงๆ เลย ไม่ได้มีความอ่อนโยนกับคนอื่นเขาเลย อ่อนโยนกับผมหน่อยก็ไม่ได้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันคุณก็เอาปืนจี้ผม ข่มเหงกันแบบคงเส้นคงวาจนถึงตอนนี้"
"จะให้นับหนึ่งถึงสิบไหม ถ้านับถึงสิบแล้วคุณยังไม่สตาร์ทรถ ผมจะเอาปืนจี้คุณอีกที" เรียวพูดเสียงกร้าว ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอว ท่าทางขึงขัง
ศรันย์ทำหน้างอนๆ บิดขี้เกียจพร้อมกับส่งเสียงน่าหมั่นใส้แล้วค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นยืน แกล้งโซเซทำเป็นจะล้ม จากนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินโผเผไปยังประตูหน้าบ้าน เรียวเดินตามหลัง เมื่อเห็นท่าทางจะเป็นจะตายของศรันย์ก็อดอมยิ้มไม่ได้
"เอาเถอะ พอบุกเข้าจับกุมบ่อนพนันเสร็จแล้วจะรีบโทรหาคุณก่อนเป็นอย่างแรกเลย" เรียวพูดขึ้นมาเบาๆ ยืนกอดอกพิงกรอบประตู มองศรันย์ก้มลงสวมรองเท้า
"จริงนะ อย่าโกหกปล่อยให้รอเก้อนะคุณหมวด" ศรันย์เงยหน้าขึ้นมาทันที พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายราวกับเด็กจะได้ของเล่น
"เคยโกหกคุณที่ไหน" เรียวทำหน้านิ่ง เมินไปมองด้านข้าง
"จริงด้วย ไม่เคย ไม่เคยเลยจริงๆ ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว" ศรันย์เบ้ปาก แต่นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับ
"ราตรีสวัสดิ์ ขับรถดีๆ นะ" เรียวไม่ต่อความยาวสาวความยืด พูดขึ้นมาเบาๆ ใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง
"นี่คุณหมวดเรียวครับ เรื่องที่อู่ ผม..." ศรันย์มองหน้านายตำรวจหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว" เรียวยกมือห้าม
"ผมโดนพีทลวนลาม ผมขอยืนยัน" ศรันย์ยังดันทุรังจะพูด "ผมไม่ได้สมยอมเลยนะครับ ผมปัดป้อง ผมห้าม ผมขัดขืนแล้ว แต่พีทก็ไม่ยอมหยุด เขาแกล้งผม แล้วเราสองคนก็ไม่เคยมีอะไรกันมานานแล้ว ตั้งแต่แรกๆ ที่ผมเจอคุณโน่นแน่ะ ผม..."
"บอกว่าไม่ต้องพูด คุณนี่พูดมากจริงๆ เลย" เรียวทำเสียงดุ
"ผมกลัวคุณหมวดจะเข้าใจผิด กลัวคุณจะโกรธผม หาว่าผม..." ศรันย์ทำหน้าตาร้อนอกร้อนใจ
"แล้วที่ยืนอยู่ตรงนี้หมายความว่ายังไง" เรียวแทรก "ให้เข้าบ้านมานั่งกินข้าวด้วย ปล่อยให้นอนหลับบนโซฟาอีกต่างหาก หนำซ้ำยังอบกางเกงให้อีก"
"แสดงว่าคุณหมวดไม่ได้โกรธผม" ศรันย์ยิ้มกว้าง ขยับเข้ามาใกล้ ยกแขนขึ้นทำท่าจะสวมกอด แต่เรียวขยับถอยหลับไปหนึ่งก้าว กำหมัดยกขึ้นมา จ้องหน้าศรันย์เขม็ง บอกให้รู้ว่าถ้ายกแขนขึ้นมากอดจะต้องโดนต่อย
"ดุจริงๆ เลย" ศรันย์ค้อน ถอยหลังช้าๆ ยอมเดินไปที่รถ ปากก็บ่นพึมพำไปตลอดทาง ทว่าในใจรู้สึกพองโตที่รู้ว่าเรียวไม่ได้โกรธเขาเรื่องที่เข้าไปเจอพีทกำลังจะทำมิดีมิร้ายตัวเองในห้องทำงาน เมื่อขึ้นนั่งบนรถจึงลดกระจกลง โผล่หน้าออกมาทวงสัญญา "อย่าลืมนะคุณหมวด เสร็จงานแล้วโทรหาผมทันทีนะ ผมจะไปรับไปเลี้ยงฉลองกันสองต่อสอง"
เรียวไม่ตอบ ชี้นิ้วไปที่ประตูรั้วบ้าน ศรันย์ยิ้มกว้าง ค่อยๆ ออกรถ ปล่อยให้นายตำรวจหนุ่มมองตามยิ้มๆ
สุวัฒน์ ผู้ช่วยคนสนิทของศรันย์เปิดประตู้ห้องทำงานของเจ้านายเข้ามาก็ต้องส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าเจ้าของอู่นั้นอยู่ในท่า "มาตรฐาน" นั่นคือนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ เอนตัวไปด้านหลังจนสุด หลับตา มือประสานท้ายทอย ขาทั้งสองไขว้กันวางพาดอยู่บนโต๊ะ
"เจ้านายครับ โทรศัพท์" สุวัฒน์เดินไปยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน
"ไม่รับ" ศรันย์พูดขึ้นมาเบาๆ ทั้งที่ตายังหลับอยู่
"คุณพ่อโทรมาครับ บอกว่าเรื่องสำคัญ"
"แล้วทำไมต้องโทรหาแก" ศรันย์ยังคงหลับตาอยู่ ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่นิด แต่เสียงเข้มขึ้น
"ท่านบอกว่าโทรหาคุณเกือบร้อยครั้งแต่ว่าไม่มีใครรับสาย" สุวัฒน์ตอบเบาๆ แล้วขยับถอยหลังไปอีกสองก้าว
"ไอ้นี่หาเรื่องโดนเตะ" ศรันย์ลืมตา ขยับเท้าก่อนเป็นส่วนแรก
"ท่านพูดเองนะ ผมไม่ได้พูดเกินจริง สาบานได้เลย" สุวัฒน์ทำหน้าจริงจัง
"ถ้ามีใครโทรมาอีก บอกว่าไม่อยู่ ไม่อยากคุยโทรศัพท์ มีอะไรจดโน๊ตเอาไว้" ศรันย์สั่ง ยกขาลงจากโต๊ะ ยื่นมือมารับโทรศัพท์จากลูกน้อง
"รวมถึงหมวดเรียวด้วยหรือเปล่าครับ" สุวัฒน์ยักคิ้ว
"ไอ้นี่ เดี๋ยวเถอะ" ศรันย์ถลึงตาใส่ลูกน้อง ยกมือขึ้นทำท่าจะตบหัวคนช่างยั่ว สุวัฒน์เอามือที่ปิดโทรศัพท์ออก ยกแนบหู บอกให้พนักงานอีกคนโอนสายเข้ามาแล้วยื่นโทรศัพท์ให้เจ้านาย
ศรันย์ถอนหายใจเบาๆ แล้วรับโทรศัพท์ด้วยเสียงเนือยๆ แต่ครั้นได้ยินสิ่งที่บิดาพูดก็รีบโวยวายด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
"เย็นนี้เลยหรือพ่อ ผมไม่ว่าง มาบอกอะไรกระชั้นชิด ลูกน้องพ่อก็มีตั้งมากมาย ทำไมต้องให้ผมไปทำให้ ไกลถึงระนอง ต้องค้างคืนอีกต่างหาก แล้วท่าทางคงไม่เสร็จง่ายๆ เสียด้วย"
บิดาของศรันย์ต้องอธิบายยืดยาวจนในที่สุดลูกชายคนเดียวจึงตกลง และพูดเสียงอ่อนลง
"ผมไม่ค้างคืนที่สองนะพ่อ ผมจะทำสุดความสามารถ จะจัดการให้เสร็จเร็วที่สุด แล้วก็จะกลับเข้ากรุงเทพเลย แต่ถ้ายังมีอะไรอีก พ่อต้องไปเอง ผมก็มีธุระของผมที่กรุงเทพเหมือนกัน ทิ้งไปนานไม่ได้"
ศรันย์สนทนากับบิดาต่ออีกครู่หนึ่งแล้ววางสาย ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ติดต่อกันแล้วลุกเดินออกไปข้างนอกเพื่อสั่งงานสุวัฒน์
ความจริงเขาแทบไม่ต้องสั่งงานลูกน้องเลยก็ว่าได้ สุวัฒน์ดูแลอู่จนเหมือนจะเป็นเจ้าของอยู่แล้ว
"แล้วถ้าหมวดเรียวมาหาที่อู่ล่ะครับ" หลังจากที่สุวัฒน์นิ่งฟังเจ้านายสั่งงานจนจบก็อดกวนโมโหไม่ได้
"ไอ้สุวรรณ" ศรันย์ถลึงตา ยกมือขึ้นจะตบหัวลูกน้อง แต่ฝ่ายนั้นเร็วยิ่งกว่าลิง หลบได้ว่องไวยิ่งนัก ศรันย์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจแล้วบอกว่าจะออกไปข้างนอก
"อะไรกัน ไปซะแล้ว นี่เพิ่งจะบ่ายสองเองนะครับ" สุวัฒน์ท้วง "วันนี้จ่ายเงินเดือนด้วย"
"แกก็ทำสิวะ ฉันเป็นเจ้าของอู่ จะเลิกงานเมื่อไหร่ก็ได้ แกเป็นลูกน้อง มีหน้าที่ทำงานจนหมดเวลางาน อ้อ อีกอย่างนึง ถ้าคุณพีทมา บอกว่าฉันไปเที่ยวญี่ปุ่นสองอาทิตย์ ถ้าเขาเอารถมาซ่อม ให้บอกว่ารถล้น รับเพิ่มไม่ได้ ซ่อมไม่ทัน ไปอู่อื่น" ศรันย์พูดเสียงห้วนแล้วเดินจากไปทันที
"เวรกรรมเจ้านายข้า" สุวัฒน์เกาศีรษะ แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นเดินย้อนกลับเข้าไปในห้องทำงานของศรันย์เพื่อ 'ทำงานแทนเจ้านาย' ผู้ซึ่งต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อทำงานให้พ่อ แต่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น สุวัฒน์หันไปมองรอบๆ จนเห็นว่าโทรศัพท์ตกอยู่บนพื้นใต้โต๊ะจึงรู้ว่าศรันย์ลืมโทรศัพท์เอาไว้
"พ่อคุณ ช่างเป็นคนมีระเบียบจังเลย" สุวัฒน์บ่นพึมพำ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายโดนไม่ได้มองดูหมายเลขเรียกเข้าบนหน้าจอเพราะคิดว่าคงเป็นศรันย์ที่เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองลืมโทรศัพท์
"คุณพีทหรือครับ เจ้านายผมไปเที่ยวญี่ปุ่นสองอาทิตย์ครับ จะตามไปตอนนี้ก็ยังทันนะครับ เพิ่งกลับไปเก็บกระเป๋าที่บ้านได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยครับ" สุวัฒน์รับสายแล้วรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูเพราะรู้ว่าศรันย์คงตะโกนด่าเสียงลั่น แต่เมื่อครั้นเอาโทรศัพท์แนบหูอีกครั้งก็ปรากฎว่าวางสายไปแล้ว
แต่ไม่ถึงหนึ่งนาที โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก คราวนี้สุวัฒน์ก้มลงมองหน้าจอ เห็นหมายเลขเรียกเข้าที่รู้จักเป็นอย่างดี
"ให้ใครเอาโทรศัพท์มาให้หน่อย เดี๋ยวนี้เลย เร็วที่สุดเลยนะ ให้ไอ้ป๋องก็ได้ มันเซียนซิ่งมอเตอร์ไซด์" ศรันย์สั่งลูกน้อง แล้วตามมาด้วยเสียงบ่น "ทำไมแกไม่รีบโทรมาบอกวะว่าลืมโทรศัพท์ นี่โชคดีนะที่มาถึงบ้านพ่อแล้วนึกได้ แกจะรอให้ฉันถึงระนองก่อนหรือไงไอ้สุวรรณ"
"อ้าว แล้วนี่ความผิดของผมหรือ" สุวัฒน์เถียง "ผมก็เพิ่งรู้ตอนได้ยินเสียงโทรศัพท์นี่ล่ะ ถ้าผมไม่เข้ามาในห้องทำงานลูกพี่ผมก็ไม่รู้หรอกนะ ตอนโทรศัพท์ดังก็หาแทบแย่ แล้วเสียงก็ไม่ค่อยดังเท่าไหร่ ต้องเงี่ยหูฟังถึงจะได้ยิน มันตกอยู่ใต้โต๊ะเลยนะครับท่าน"
"ไอ้..." ศรันย์กำลังจะด่าลูกน้องแต่ก็ห้ามใจไว้ได้ "แล้วดูหน้าจอซิว่ามีใครโทรมาหรือเปล่า"
"หมวดเรียวหรือครับ" สุวัฒน์อดกวนไม่ได้อีกแล้ว
"เออ" ศรันย์ตะคอก "ก็รอโทรศัพท์หมวดเรียวนี่ล่ะ นี่ถ้าไม่รอหมวดเรียวโทรมาก็ไม่โทรมาสั่งให้แกเอาโทรศัพท์มาให้หรอก ยอมรับแบบนี้พอใจหรือยัง"
"เมื่อกี้มีสายเข้าหนึ่งครั้ง ผมถึงได้ลงไปคลานสี่ตีนหาโทรศัพท์ใต้โต๊ะ เดี๋ยวดูให้นะครับ" สุวัฒน์กดพักสายแล้วเรียกดูรายการเรียกเข้า และเมื่อเห็นว่าเมื่อครู่นี้เป็นหมายเลขของใครก็แทบจะกลั้นใจตาย
"ว่าไง" ศรันย์ถาม
"มันไม่โชว์เบอร์ครับ" สุวัฒน์ตอบเสียงเบาแล้วบอกว่าจะรีบให้คนเอาโทรศัพท์ไปส่งให้ เมื่อศรันย์วางสายก็ต้องถอนใจเฮือกใหญ่ บรรจงวางโทรศัพท์บนโต๊ะแล้วยกมือไหว้ "ขอโทษทีนะครับเจ้านาย ล้อเล่นไม่ดูตาม้าตาเรือไปหน่อย"
เรียววางโทรศัพท์ลง ถอนหายใจเบาๆ ชินวัฒน์ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ หันมาถามว่าศรันย์จะมารับหรือไม่ ผู้หมวดหนุ่มจึงส่ายหน้าช้าๆ แล้วบอกว่าจะรออีกห้านาทีถึงจะโทรศัพท์ไปอีก
"โทรไปอีกสามครั้งก็พอนะ ถ้าติดต่อไม่ได้เราก็ไปกินข้าวกันสองคน แล้วจะได้ไปส่งที่หมอชิตเลย" เรียวสั่งชินวัฒน์
"อ้าว แล้วจะกลับบ้านเลยทั้งที่ยังไม่ได้เจอคุณศรันย์นี่นะ" ชินวัฒน์แย้ง
"เจอเมื่อไหร่ก็ได้ อยู่กันแค่นี้เอง"
"ความจริงไปเครื่องบินดีกว่า นี่จะนั่งรถทัวร์มาราธอนไปทำไมก็ไม่รู้"
"แค่คืนเดียวเอง ขึ้นรถแล้วก็หลับ ตื่นเช้าก็ถึง ไปเครื่องบินก็ต้องไปจองตั๋ว ไปรอ ไปอะไรอีก พรุ่งนี้โน่นแน่ะ ไปมันซะคืนนี้เลย ถึงบ้านเร็วกว่าเสียอีก" เรียวยักไหล่
"คุณศรันย์คิดถึงตายเลย" ชินวัฒน์พูดแล้วแอบยิ้ม "เอ๊ะ หรือว่าจะคิดถึงคุณศรันย์ อืม แต่ว่าคงคิดถึงกันและกันจะถูกกว่านะ เพราะจะไม่ได้เจอกันตั้งอาทิตย์"
"สองอาทิตย์" เรียวพูดแทรก
"หา ไหนว่าลาแค่อาทิตย์เดียว" ชินวัฒน์ถามเสียงดัง
"หยุดพูดเถอะได้หมวดลูกชิ้น" เรียวส่ายหน้า
"ไหนว่าจับบ่อนพนันเสร็จคุณศรันย์ให้โทรหา บอกว่าอยากกินข้าวด้วยกัน นี่เราก็อุตส่าห์ล้างทองรอ กะจะกินของอร่อยให้เต็มที่" ชินวัฒน์โวยวายเพราะเห็นแก่กิน แต่เรียวลุกขึ้นและเดินหนีออกไปนอกห้องทำงาน ปล่อยให้ชินวัฒน์บ่นอยู่คนเดียวจนเวลาผ่านไปราวสิบห้านาทีจึงเดินกลับเข้ามาบอกว่าให้พาไปเอากระเป๋าเดินทางที่บ้านแล้วไปทานข้าว จากนั้นให้ไปส่งที่สถานีขนส่งสายเหนือ ชินวัฒน์ถามเรื่องศรันย์แต่เรียวบอกว่าโทรศัพท์ไปแล้วถึงสามครั้งแต่ไม่มีใครรับสาย
"เอางี้ ถึงบ้านแล้วโทรอีกครั้ง ยังพอไปกินข้าวด้วยกันได้อยู่ แต่เราว่าเขาไม่ยอมให้ไปเย็นนี้หรอก น่านะหมวดเรียว พรุ่งนี้ค่อยไป บ้านมันไม่หายไปไหนหรอก"
"ไม่อยากเดินทางกลางวัน ร้อน" เรียวส่ายหน้า "บอกแล้วไงว่าไปกลางคืน นอนตื่นเดียวก็ถึง"
"บอกแล้วไงว่าไปเครื่องบินดีกว่า จะนั่งรถไกลให้เมื่อยก้นทำไม" ชินวัฒน์แย้งอีกครั้ง
"อยากนั่งคิดอะไรไปตามทาง" เรียวตอบเสียงราบเรียบ "หยุดเถียงได้แล้ว ไม่ต้องออกความเห็นอะไรอีก เลิกเซ้าซี้ ขี้เกียจยุ่งยากวุ่นวาย"
ชินวัฒน์ลุกขึ้น รีบตามหลังเพื่อนที่เดินลิ่วๆ ลงไปยังลานจอดรถ ตั้งใจว่าพอถึงบ้านของหมวดเรียวแล้วจะ 'เซ้าซี้' ให้เพื่อนโทรศัพท์ถึงศรันย์อีกครั้ง หรือไม่เช่นนั้นเขาจะเป็นคนโทรศัพท์เอง
เมื่อถึงบ้านของเรียว ชินวัฒน์รอจังหวะเพื่อนขึ้นไปหยิบกระเป๋าเดินทางบนห้องนอนจึงโทรศัพท์ถึงศรันย์ โชคดีที่ฝ่ายนั้นรับสายทันที
"อะไรนะ คุณไประนอง" ชินวัฒน์แทบจะตะโกนเมื่อศรันย์รับสายแล้วบอกเหตุผลที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดกระทันหัน
"ธุระสำคัญมาก พ่อผมถึงกับขอร้อง"
"แล้วผมจะบอกหมวดเรียวยังไง"
"ผมก็โทรหาแล้วตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นหมวดรับสาย" ศรันย์ตอบด้วยเสียงร้อนใจ "โกรธผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่โทรมาหาผมตั้งสามครั้งแล้วผมไม่ได้รับสาย ผมลืมโทรศัพท์ไว้ที่ทำงาน ให้ลูกน้องเอามาให้ พอมาถึงก็เห็นว่าหมวดเรียวโทรมาตั้งสามครั้ง พอได้โทรศัพท์ผมก็รีบโทรกลับทันที กดจนนิ้วหงิกแล้วเนี่ย"
"ไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลย" ชินวัฒน์พูด "คุณรู้ไหม หมวดเรียวติดต่อคุณไม่ได้ ก็เลยจะกลับบ้าน"
"คุณอยู่กับหมวดเรียวใช่ไหม ให้ผมพูดด้วยหน่อย"
"เก็บของอยู่ชั้นบน รอให้ลงมาก่อน ขึ้นไปตอนนี้เดี๋ยวโดนมันดุ หมวดเรียวกำลังจัดกระเป๋า" ชินวัฒน์ตอบ
"อ้าว ก็ไหนจะกลับบ้าน ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่โรงพักหรือ" ศรันย์ถาม
"อยู่ที่บ้าน"
"ก็ไหนบอกว่าจะกลับบ้าน"
"ไม่ใช่บ้านนี้ กลับบ้านนอกโน่น บ้านแม่เค้า หมวดเรียวลากิจไปช่วยแม่ยกบ้าน" ชินวัฒน์ตอบ
"อะไรนะ ยกบ้าน ทำไมต้องยกบ้าน กลับบ้านนอก ที่ไหน ลากิจกี่วัน เมื่อไหร่จะกลับ นี่ผมจะรีบไปทำธุระให้พ่อที่ระนองเสร็จพรุ่งนี้ ช้าสุดก็มะรืนตอนเช้า จะรีบกลับเข้ากรุงเทพเลย ถ้าหมวดเรียวกลับบ้านแม่ที่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้เจอกันสิ แล้วเมื่อไหร่จะได้เห็นหน้ากัน ไปทั้งที่กำลังงอนผมอยู่แบบนี้ไม่ได้นะ ง้อคุณหมวดนี่ง่ายเสียเมื่อไหร่ ดุขนาดนั้น" ศรันย์พร่ำยืดยาว
"ใจเย็นๆ สิครับคุณศรันย์ แค่นี้เอง"
"โธ่ เย็นได้ยังไงหมวดชิน แค่ผมมาระนองนี่คุณหมวดเรียวของผมก็คงอยากจะต่อยผมอยู่แล้ว โว้ย เพราะโทรศัพท์แท้ๆ เชียว นี่ถ้าไม่ลืมโทรศัพท์ก็ได้คุยกันไปตั้งแต่ตอนนั้น"
"น่านะ ใจเย็นๆ"
"กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"มันก็ต้องมีอุปสรรคกันบ้าง ของแบบนี้เรื่องธรรมดา" ชินวัฒน์ปลอบ "ถือเสียว่าเป็นการทดสอบว่าคุณสองคนจะไปกันได้ไหม ถ้ารักกันชอบกันจริงๆ เรื่องขี้ปะติ๋วแบบนี้จะกลัวไปทำไม เรื่องใหญ่กว่านี้ยังมี"
"เรื่องใหญ่อะไรกัน"
"ไม่รู้ล่ะ ยังไม่รู้ ก็ไม่แน่ มันอาจจะมีเรื่องอะไรที่ต้องทำให้ปวดหัวเป็นบททดสอบความสัมพันธ์ ว่าคุณรักชอบเพื่อนผมจริงๆ ไม่ใช่แค่กะฟันตำรวจหาประสบการณ์เฉยๆ"
"ผมจริงใจกับหมวดเรียวนะ" ศรันย์พูดเสียงหนักแน่น
"ถ้ายังงั้นคุณก็ต้องเชื่อใจหมวดเรียว เหมือนกับที่หมวดเรียวเชื่อใจคุณ ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจก็ไม่มีอะไรต้องกลัว คนเราถ้ารักกันชอบจริงๆ เข้าใจผิดกันแค่นี้ก็ต้องปรับความเข้าใจกันได้ ผมว่าห่างกันสองอาทิตย์นี้จะได้เป็นบทพิสูจน์ให้รู้กันไปเลยว่า..."
"สองอาทิตย์" ศรันย์โวยวาย "อะไรกันสองอาทิตย์ นานขนาดนั้นเลยหรือ สองอาทิตย์นี่มันครึ่งเดือนเลยนะหมวด"
"โทรศัพท์ก็มี คุณจะไปกลัวอะไร"
"แต่ถ้าหมวดเรียวไม่รับโทรศัพท์ผมล่ะ" ศรันย์นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อ "เอาแบบนี้ คุณบอกที่อยู่บ้านแม่หมวดเรียวมา เขียนแผนที่ให้ละเอียด กลับถึงกรุงเทพผมจะไปเอา จะตามไปหาหมวดเรียวถึงบ้าน"
"ผมว่าหมวดเรียวไม่ยอมให้คุณไปหาถึงบ้านแม่ที่เชียงรายหรอก คิดได้ไง จู่ๆ จะมีผู้ชายโผล่ไปหาถึงที่บ้าน พ่อแม่พี่ป้าน้าอาน้องนุ่งเขาจะไม่ช๊อคตายหรอกหรือ คุณใจเย็นๆ เอาไว้ก่อนดีกว่า" ชินวัฒน์เตือน ในใจนึกอะไรได้ทันได้
ตอนนี้ล่ะ จะได้พิสูจน์ว่าศรันย์รักเพื่อนของเขาจริง
"แต่ว่า..." ศรันย์อ้ำอึ้ง
"เดี๋ยวผมจะบอกหมวดเรียวว่าคุณลืมโทรศัพท์ ตอนนี้ติดต่อได้แล้ว รอให้เขาจัดกระเป๋าเสร็จก่อนนะ ไม่ถึงห้านาทีหรอก พอลงมาข้างล่างจะบอกเลย คุณก็ตั้งใจขับรถล่ะ"
"หมวดชิน คุณต้องช่วยอธิบายให้หมวดเรียวฟังก่อนนะว่าผมต้องมาระนองด่วนเพราะพ่อขอร้องให้มาช่วยทำธุระ พอหมวดเรียวลงมาให้รีบโทรหาผมเลย หรือไม่คุณก็ยิงเบอร์มา ผมจะโทรกลับไป ต้องคุยกันให้เข้าใจก่อนเดินทาง ไม่งั้นผมไม่มีสมาธิจะทำอะไรแน่ๆ" ศรันย์ย้ำ
หลังจากวางสาย ชินวัฒน์ยิ้มแทบหุบไม่ลง รู้สึกขำศรันย์ยิ่งนัก ตอนนี้ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าฝ่ายนั้นรู้สึกอย่างไรต่อเพื่อนรักของตัวเอง แต่ก็ยังอยากที่จะพิสูจน์ความจริงใจของศรันย์ต่อให้ได้
"ต้องเอาให้แน่ใจสุดๆ หมวดเรียวจอมซ่าส์จะได้มีคู่กับเขาเสียที" ชินวัฒน์พึมพำเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนซึ่งกำลังเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ในมือถึอเป้ขนาดย่อมลงมาด้วย
"เมื่อกี้ใครโทรมา" เรียวถาม
"น้องโทรมา มันบอกว่าพ่อกับแม่บ่นคิดถึง ไม่เห็นหน้าตั้งอาทิตย์กว่าแล้ว พอไปส่งนายที่หมอชิตแล้วคงต้องไปกินข้าวที่บ้าน" ชินวัฒน์ตอบเบาๆ แล้วแอบอมยิ้ม
แผนการณ์พิสูจน์ใจสองคนนี้จึงได้เริ่มต้นขึ้น
►จบบทที่ 21◄