ดวงใจในสายลม ตอนที่ 10 (8/12/2561)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ดวงใจในสายลม ตอนที่ 10 (8/12/2561)  (อ่าน 6640 ครั้ง)

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2020 01:15:06 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ดวงใจในสายลม......ตอนที่ 1 (02/02/2560)
«ตอบ #1 เมื่อ02-02-2017 14:50:19 »

                               :L1: ดวงใจในสายลม 1  :L1:
   


ลมเล
[/color]

คุณพ่อลูกสองที่เป็นถึงนายหัวแห่งสวนสายลมเรื่องอื่นยอมได้แต่

เถียงลูกยอมไม่ได้



รักษ์

เด็กหนุ่มวัย 20 ปี ที่ต้องเดินทางไกลมาใต้เพื่อเป็นพี่เลี้ยงเด็กแฝดที่ใครๆ ก็ว่าทั้งแสบ ทั้งซน



ขุนอินทร์

ขุนจันทร์

เด็กแฝดที่มีทั้งความแสบ ซ่า ซน และความน่ารักในแบบฉบับของหนุ่มน้อยลูกคู่ #อนาคตอยากเป็นแฟนอารักษ์

...

"ทั้งแสบทั้งดื้อถามจริงอนาคตพวกเอ็งจะทำอะไรได้"

"เป็นแฟนอารักษ์!"

"ไม่ให้โวยยยยยย ไอ้ลูกพวกนี้"

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇

 

"อารักษ์ดูๆ ลิงพ่อตัวใหญ๊ใหญ่"

"น้องจันทร์!"

"อารักษ์ทำไมหน้าแด๊งแดง"

◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇◇





“ฉันตัดสินใจแล้ว”

“รักษ์ แกไม่คิดดูอีกทีเหรอ” น้ำฟ้าถามย้ำการตัดสินใจอีกครั้งของเพื่อนชาย

“ไม่ละฉันคิดดีแล้ว แกก็รู้ว่าที่บ้านฉันเป็นไง” รักษ์ตอบยืนยันไปหนักแน่น คิดไม่ตกมาตลอดจนสุดท้ายก็ตัดสินใจได้เพื่อนครอบครัวรักษ์จำเป็นต้องเลือก

“แกไม่เสียดายเวลาที่เรียนมาเหรอ” น้ำฟ้ายังคงเกลี้ยกล่อมเพื่อนชายตรงหน้า

“ถึงเสียดายก็ทำอะไรไม่ได้ น้ำฟ้า แกก็รู้ว่าที่บ้านฉันกำลังลำบากจะให้ทำไง แก่อย่าห้ามฉันเลย” ใช่ว่ารักษ์อยากออกจากเรียนทั้งที่อุตส่าห์อยู่ปีสองแล้วแท้ๆ แต่ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร พ่อกับแม่ที่มีอาชีพขายพวงมาลัยในตลาดเงินที่ได้มามันไม่ได้มากมายพอดีจะส่งรักษ์เรียนต่อได้ถึงรักษ์จะทำงานพิเศษด้วยก็ตามมันก็ไม่พออยู่ดีไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหารการกินของสามชีวิตในครอบครัว และที่สำคัญคือค่ารักษาพยาบาลของแม่ที่ต้องจ่ายทุกเดือนซึ่งเป็นเงินไม่ใช่น้อยๆ เพราะอย่างนี้รักษ์ถึงตัดสินใจออกจากเรียนและจะไปหางานทำคงช่วยจุนเจือค่าใช่จ่ายในครอบครัวได้บ้าง

“แต่…ก็ได้ๆ มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน” ถึงอยากจะขัดแต่สุดท้ายน้ำฟ้าก็ต้องยอมเพราะสายตาละห้อยของรักษ์ รู้ดีว่าที่บ้านของรักษ์ค่อนข้างลำบากแต่ก็ไม่คิดว่าถึงกับต้องออกจากเรียน ในเมื่อห้ามไม่ได้น้ำฟ้าก็ได้แต่คอยช่วยเหลือเท่าที่ช่วยได้

“ขอบคุณนะที่เข้าใจ งั้นช่วยไรอย่างดิ” รักษ์ตอบรับน้ำฟ้าอย่างดีใจพร้อมกับสายตาแพรวพราว

“อะไรแกรักษ์ บอกปุบเรื่องมาปับ”

“อิอิ ก็บอกเองว่ามีเรื่องไรให้ช่วยก็บอก”

“เออ! ให้ช่วยไรบอกมา”

“ช่วยหางานให้หน่อยสิ”

“แกมีงานพิเศษที่ซุปเปอร์แล้วนี่” น้ำฟ้าบอกเพราะเป็นคนพารักษ์ไปสมัครเมื่อสามเดือนก่อน

“ก็ใช่ แต่อยากได้งานประจำ ลำพังแค่งานพิเศษมันไม่พอ” งานพิเศษที่ทำอยู่ก็ดีแต่มันไม่พอเลยอยากหางานประจำทำมันเงินดีกว่า

“ก็จริง เดี๋ยวจะช่วยหาให้ก็แล้วกัน แต่นี้แกตัดสินใจดีแล้วนะ” น้ำฟ้าตอบรับแต่ด็ไม่วายถามรักษ์เรื่องจะออกจากเรียนอีกครั้ง

“ดีแล้ว ยังไงก็ขอบใจแกมาก” รักษ์ตอบ
         
ทั้งสองต่างหยุดพูดถึงเรื่องนั้นหันมาคุยเรื่องอื่นแทน ตอนนี้รักษ์และน้ำฟ้าอยู่ในร้านกาแฟร้านหนึ่งที่มานี้เพราะรักษ์ต้องการบอกเรื่องที่จะออกจากเรียนให้น้ำฟ้ารู้ไม่ใช่ว่าไม่เคยพูดรักษ์เคยเกริ่นกับน้ำฟ้ามาแล้วหลายครั้งเพื่อนก็โวยใส่ตลอดก่อนมารักษ์ก็กังวลมาก ถึงแม้ทั้งสองจะพึ่งรู้จักกันได้แค่ปีกว่าๆแต่ทั้งสองก็สนิทกันมากเนื่องจากน้ำฟ้าเป็นเพื่อนคนแรกในมหาวิยาลัยใหญ่ในเมืองหลวงของประเทศ น้ำฟ้าเป็นคนสวย ตัวเล็ก ตาคมโต ขนตายาวและงอนมาก และมีผิวสีน้ำผึ่งที่บอกภูมิลำเนาที่อยู่ได้เป็นอย่างดี ใช่น้ำฟ้าเป็นเด็กใต้แต่ก็อยู่ตอนบนสุดที่ได้ชื่อว่าเป็นประตูภาคใต้อย่างจังหวัดชุมพร ต่างจากรักษ์ที่เป็นคนกรุงเทพรักษ์เลยเป็นหนุ่มที่ค่อนนข้างขาว ติดจะขาวมากเลยที่เดียวละใบหน้าเล็กได้รูป จมูกที่ไม่โด่งมากเกินไป ปากสีแดงตามธรรมชาติแม้จะไม่เป็นกระจับแต่ก็ได้รูปสวยงาม ร่างบางที่สูงโปร่างตามมาตรฐานชายไทย นับว่าเป็นคนน่าตาดีค่อนไปทางสวยแต่ดูไม่บอบบาง

“จริงสิ” ระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่เพลินๆอยู่ดีๆ น้ำฟ้าก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังเรียกสายตาคนในร้านให้หันมามองจนต้องรีบเอ่ยขอโทษ

“พูดสะเสียดัง มีอะไรน้ำฟ้า” รักษ์ถามเพื่อนสาวตรงหน้าเพราะเสียงงดังจนรักษ์ตกใจ

“ก็หางานให้แกไง” น้ำฟ้าพูดขึ้นทั้งยกยิ้มดีใจ เธอพึ่งนึกออกว่ามีอยู่งานหนึ่งแต่ก็ไกลพอสมควร และอีกอย่างไม่รู้ว่าได้คนไปหรือยัง

“แกพูดจริงเหรอ งานไรๆ” รักษ์ถามขึ้นอย่างตื่นเต้น เพื่อนสาวคนนี้ช่วยเขาได้เสมอ

“งานไม่ยากแต่ว่าไกลหน่อยหนึ่ง” น้ำฟ้าบอก

“ไกลไม่เป็นไรขอให้ได้งานพอ” รักษ์บอก ไม่สนใจว่าจะไกลแค่ไหนแค่ให้เป็นงานที่ทำแล้วได้เงินก็พอ แต่ก็เชื่อว่าน้ำฟ้าคงไม่หาไกลมากนักหรอก

“แต่ฉันไม่แน่ใจว่าได้คนไปยัง” หญิงสาวบอกไม่เต็มเสียงนัก

“อ้าว”


“แต่เดียวฉันโทรถามก่อนแปบหนึ่ง” ว่าจบก็หันไปจับโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆมากดโทรหาใครคนหนึ่งรอสายครู่หนึ่งอีกฝังก็รับ

“ว่าไงตัวแสบ” เสียงทุ่มตอบรับมาเมื่อรับสาย

“ไม่แสบสักหน่อย พี่ลมพี่ได้คนเลี้ยงแฝดยัง” น้ำฟ้าเถียงคนในสายก่อนจะถามเรื่องที่ตนอยากรู้ เหลือบมองเพื่อนชายตรงหน้าก็ดูสงสัยไม่น้อย

“ยังเลย ถามทำไม” เสียงนิ่งตอบกลับมา

“เหรอ งั้นพี่ห้ามรับใครนะ”

“ทำไม” เสียงนิ่งถามขึ้นไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร

“บอกห้ามรับก็ห้ามรับ ยกไว้ให้เพื่อนฟ้า” น้ำฟ้าโวยวายใส่คนในสาย รู้สึกเบื่อกับน้ำเสียงนิ่งๆของพี่ชายเหลือเกิน

“ไว้ใจได้เหรอ” เสียงในสายถามขึ้น อยู่ๆมาบอกแบบนี้ก็อดกังวลไม่ได้

“ได้สิเพื่อนฟ้านะ ยังไงก็เถอะห้ามรับใครนอกจากเพื่อนฟ้า แค่นี้นะพี่ลม” น้ำฟ้าว่าก่อนจะตัดสายโดยไม่ได้สนใจเสียงถ้วงติงจากคนในสาย

“งานอะไรนะฟ้า” รักษ์ถามขึ้นทันทีที่น้ำฟ้าวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ

“เลี้ยงเด็ก” หญิงสาวตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม

“ฮะ! ไม่…ไม่รับงานนี้” รักษ์ตกใจกับคำตอบ ก่อนจะปฏิเสธทันทีอย่างไม่ต้องคิด จะให้ไปเลี้ยงเด็กรักษ์คงทำไม่ได้เพราะไม่เคยเลี้ยงมาก่อน

“แกทำได้อยู่แล้ว” น้ำฟ้าว่า เธอเชื่อตามที่พูดคนอยากรักษ์นะทำได้สบายออกจะนิสัยดีขนาดนี้ เรื่องในครัวก็เยี่ยม แค่ดูแลเด็กสองคนรักษ์ทำได้สบายน้ำฟ้าคิดอย่างนั้น

“แกจะบ้าเหรอ ฉันไม่เคยเลี้ยงเด็ก” รักษ์ยังคงเถียง อะไรก็ทำได้ทั้งนั้นยกเว้นเรื่องนี้เลี้ยงเด็กมันไม่ใช่เรื่องง่าย

“ก็จะได้เคยไง ไม่ต้องกังวลแฝดเลี้ยงง่าย” เธอว่า แล้วนึกถึงสองแฝดลูกของพี่ชายที่ถึงแม้จะซนแต่ก็ไม่ดื้อค่อนข้างเลี้ยงง่าย

“อะไรคือแฝด แกอย่าบอกว่า…”

“ใช่ เลี้ยงเด็กแฝดไง สองคนนะสองคน” น้ำฟ้าว่าพร้อมชูนิ้วสองมือ นึกหมั่นไส้เพื่อนชายที่ทำหน้าตกใจสะโอเวอร์

“จะบ้าตายแค่คนเดียวก็ไม่รู้จะเลี้ยงยังไงนี้เล่นมาสองเลย” รักษ์ว่าทั้งยกมือขึ้นกุมขมับตัวเอง

“จะกังวลทำไมแกทำได้อยู่แล้ว อีกอย่างเงินดีนะ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนชายกังวลไม่เลิกก็เลยเอาเงินมาล่อ

“เงินเยอะแต่ต้องเลี้ยงเด็กนะ ถ้าฉันไปทำลูกเขาเป็นไรไปจะทำไง” เงินถึงอยากได้แต่ก็กังวลอยู่ดีเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่ายแถมมีถึงสองคนอีกยิ่งยากเข้าไปใหญ่

“แกไม่ลองจะรู้ได้ไงว่าทำไม่ได้” น้ำฟ้ายังคงพูดกล่อมเพื่อน

“แต่…”

“เงินเดือนสองหมื่นนะ” หญิงสาวรีบพูดขัดเพื่อนชายตรงหน้าทันที เชื่อสิว่าพอได้ยินเรื่องจำนวนเงินต้องเขวแน่

“สะ…สองหมื่นเลยเหรอ” รักษ์ถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจเพราะเงินค่อนข้างเยอะสำหรับงานเลี้ยงเด็ก

“ก็จริงนะสิฉันจะโกหกแกทำไม ว่าไงสนไหม” น้ำฟ้าว่า ความจริงเงินมันไม่ถึงสองหมื่นหรอกแค่หมื่นห้าเท่านั้นแต่อยากช่วยรักษ์อีกอย่างถ้ารักษ์รับงานนี้น้ำฟ้าก็ไว้ใจได้ว่าคนดูแลหลานชายนั้นเป็นดีแน่นอน และอีกอย่างเรื่องเงินพี่ชายคงไม่อะไรมากรวยขนาดนั้นถึงจะบ่นบ้างก็ตามเถอะ แต่ไม่เป็นไรเพื่อเพื่อนน้ำฟ้ายอม

“เอ่อ…” รักษ์ไม่รู้จะตัดสินใจยังไงเงินเยอะน่าสนใจมากแต่ต้องไปดูแลเด็กรักษ์เลยคิดไม่ตก

“แกลองคิดดูดีๆ นะรักษ์ เงินไม่ใช่น้อยๆ” น้ำฟ้าพยายามหว่านล้อม นึกหงุดหงิดกับคนนี้จะกังวลอะไรหนักหนากับแค่เลี้ยงเด็กทั้งที่มันเป็นงานที่สบายดีกว่าไปทำงานผับแล้วถูกลวนลามอีก พูดแล้วหญิงสาวก็นึกโมโหเพื่อนชายที่ห้ามไม่ฟังรั้นจะไปทำงานพิเศษในผับโดนไปสองวันถูกพวกลูกค้าลวนลามนน้ำฟ้าต้องบังคับให้ไปลาออก

“แต่มันต้องเลี้ยงเด็กนะ ฉัน…ฉันไม่รู้จะเข้าหาหรือว่าดูแลเขายังไง อีกอย่างถ้าเด็กไม่ชอบฉันล่ะจะทำไง” รักษ์พูดขึ้นอย่างกังวล น้ำฟ้าได้แต่ยกมือกุมขมับกับเพื่อนชายที่ซีเรียขนาดนั้นเลย

“แกก็ไม่ต้องทำไง แค่เดินเข้าไปแล้วยิ้มให้แฝด แฝดก็แทบพุ่งหาแกแล้ว” น้ำฟ้าว่า และนั้นทำให้รักษ์นึกสงสัยขึ้นมา

“ทำไมล่ะ”

“แกไม่รู้เหรอว่าแกนะยิ้มแล้วสวยมาก ยิ้มที่หนึ่งทำคนอื่นยิ้มตามไปตั้งเท่าไรโลกนี้สดใสขึ้นมาทันที”

“แกก็เวอร์” รักษ์ว่าน้ำฟ้าที่เพื่อนสาวพูดเสียโอเวอร์ แต่ก็แปลกถ้าเป็นอย่างน้ำฟ้าพูดทำไมรักษ์ถึงไม่เคยรู้สึกเลย

“ไม่เวอร์ทั้งนั้นแหละค่ะ ตกลงเอาไง”

“ก็…”

“แกจะคิดไรเยอะ รับๆไปเถอะ คิดไว้ว่าเงินๆๆๆ” ยุกับเรื่องอื่นไม่ขึ้นก็ใช่เรื่องเงินนี้แหละ

“ก็…ก็ได้จะลองดู” ในที่สุดรักษ์ก็รับมันเพราะเงินล่อตาแท้ๆให้ตายเถอะ

“ดีมากค่ะ” น้ำฟ้ายิ้มยกใหญ่ รักษ์ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องดีใจขนาดนั้น

“แล้วงานต้องไปทำที่ไหนละ ต้องค้างไหม” เมื่อตัดสินใจรับงานนี้รักษ์ก็ถามถึงลายละเอียดงานทัน

“ต้องไปอยู่เลย” น้ำฟ้าบอก ซึ่งก็ไม่ผิดกับที่รักษ์คิดไว้มากนักก็เลี้ยงเด็กนี้ต้องอยู่กับเด็กตลอดอยู่แล้ว

“แล้วงานที่ว่าอยู่ไหนล่ะ” รักษ์ถามขึ้นอีกเมื่อน้ำฟ้าไม่ได้ตอบในตอนแรก

“ก็ไกลหน่อยหนึ่งนะ”

“ไกลเหรอแล้วที่ไหนละคงไม่ไกลมากใช่ไหม”

“ก็ไม่มากมั้ง ที่บ้านฉันนะ” น้ำฟ้าว่าอย่างไม่แน่ใจเพราะตนเองรู้สึกว่าจากกรุงเทพไปบ้านก็ไม่ไกลมากนักหรือเพราะนั่งไปกลับจนชินอันนี้ก็ไม่แน่

“ฮะ! ไม่มากเลยแต่มันโคตรไกลมากๆ” รักษ์ว่าอย่างตกใจอดจะประชดไม่ได้พูดมาได้ไงว่าไม่ไกล ชุมพรเลยนะนั่งรถเป็นวันกว่าจะถึง

“แกก็เวอร์” น้ำฟ้าแขวะ

“เปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหม” นึกอยากเปลี่ยนใจขึ้นมาทันทีถึงจะได้เงินดีแต่มันไกลบ้านมากรักษ์เป็นห่วงพ่อกับแม่

“ไม่ทันแล้วค่ะ”

“แต่ฉันเป็นห่วงพ่อกับแม่” รักษ์บอกไปตามใจคิด

“แกไม่ต้องห่วงคุณลุงกับคุณป้าฉันดูให้เอง” ไม่ใช่แค่พูดให้เพื่อนชายรู้สึกดีแต่น้ำฟ้าตั้งใจจะทำจริงๆ

“แต่…”

“แกนี่ยังไงต้องมีเรื่องให้ขัดตลอด แกคิดดูนะไปอยู่โน้นบ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ แถมได้เงินอีกแกคิดดูไม่มีอะไรจะดีขนาดนี้แล้ว” น้ำฟ้าว่ามายึดยาวถ้าพูดถึงขนาดนี้รักษ์ยังลังเลอีกก็ไม่รู้จะว่าไง

“เอ่อ…” รักษ์ยังคงรู้สึกลังเลไม่น้อย สายตาจ้องมองอย่างต้องการคำตอบของน้ำฟ้ายิ่งกดดัน “ก็ได้” และแล้วก็ตัดสินใจรับอีกตามเคยถึงแม้รักษ์จะยังรู้สึกกังวลแต่ถ้าไม่ลองดูก็ไม่รู้ อีกอย่างรักษ์จำเป็นต้องใช้เงิน

“โอเค เดี๋ยวฉันบอกพี่อีกทีหนึ่งแล้วจะบอกแกนะว่าต้องไปเเมื่อไร” น้ำฟ้ายิ้มหน้าบานเมื่อเพื่อนชายตอบรับอุสาห์ยุไปเสียตั้งเยอะไปยอมรับนี้แย่ นึกถึงแฝดแล้วอดดีใจแทบสองแสบไม่ได้

“แล้วพ่อกับแม่แกไม่ว่าใช่ไหมถ้าฉันจะไปอยู่บ้านท่านด้วย” รักษ์ถามเมื่อนึกถึงเรื่องต้องอยู่ใต้ รักษ์เคยเจอพ่อกับแม่ของน้ำฟ้าแล้วสองครั้งตอนที่ท่านขึ้นมาเยี่ยมน้ำฟ้า ท่านทั้งสองเป็นคนใจดีมากในความรู้สึกของรักษ์ อายุท่านก็พอๆกับพ่อและแม่ของรักษ์

“ใครบอกแกจะไปอยู่บ้านพ่อกับแม่ฉัน” น้ำฟ้าถามขึ้นงงๆ

“อ้าว ไม่ใช่เหรอก็แกบอกไปอยู่บ้านแก” รักษ์งงยิ่งกว่าน้ำฟ้าทั้งที่เป็นคนบอกเองแท้ๆ ว่าให้ไปอยู่บ้านตัวเอง

“ก็ใช่บ้านฉันชุมพรไง แต่แกนะต้องไปอยู่บ้านพี่ฉันต่างหาก”

“ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันหรอกเหรอ”
“ก็ใช่ไง”

“อืม”

“ตอนนี้ห้ามเปลี่ยนใจแล้วนะเพราะฉันไลน์ไปบอกพี่เรียบร้อยแล้ว พ่อกับแม่ก็บอกแล้วพวกท่านดีใจมากที่แกจะไป” รักษ์มองอย่างข้องใจเอาเวลาตอนไหนไปคุยไลน์กันแต่รักษ์ก็ได้เพียงตอบรับกลับไป
           

หลังจากพูดคุยกันเรื่องนี้จบรักษ์และน้ำฟ้าก็แยกย้ายกันกลับ รักษ์กลับมาบ้านเพื่อคุยเรื่องจะไปทำงานกับพ่อและแม่ซึ่งพวกท่านไม่เห็นด้วยแต่สุดท้ายก็ยอมให้รักษ์ไป รักษ์รู้ดีว่าพวกท่านเป็นห่วงแต่เพื่อครอบครัวรักษ์ต้องทำไม่อยากที่จะเห็นพ่อกับแม่ต้องเหนื่อยยิ่งแม่ไม่สบายแบบนี้
           

ผ่านมาหลายวันน้ำฟ้าก็โทรมาบอกว่าให้ลงไปวันอาทิตย์ที่จะถึงได้เลยซึ่งรักษ์ก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ที่ต้องไปอยู่ไกลบ้านแบบนี้นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ที่รักษ์จะต้องไปอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง

         
รักษ์จัดการเก็บข้าวที่จำไปเป็นไม่ได้เอาไปมากนักเพราะลำบากตอนเดินทาง พรุ่งนี้แล้วที่รักษ์ต้องไปก็อดใจหายไม่ได้อีกแต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากสู้กับมัน
“ถึงแล้วแกโทรบอกฉันด้วยนะ” รักษ์ฟังน้ำฟ้าพูดย้ำคำนี้ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไร
           

วันนี้เป็นวันที่รักต้องเดินทางไปชุมพรโดยมีน้ำฟ้าส่งขึ้นรถที่ขนส่ง แต่เพื่อนสาวก็บอกเรื่องให้โทรหาตลอดระหว่างทางและตอนถึงก็ไม่เข้าใจว่าจะอะไรหนักหนาแต่เพราะรู้ว่าเป็นห่วงเลยไม่อยากจะขัดเพื่อนสาว

“รู้แล้วแกบอกฉันรอบที่เท่าไรแล้วฮะ”

“ก็ฉันเป็นห่วงแก” น้ำฟ้าว่าเสียงหง่อย รักษ์ทำเพียงยิ้มให้กับเพื่อนสาว

“โอเคๆ ฉันจะโทรหาแกตลอดทางเลยตกลงไหม” ให้ตายเถอะยายเพื่อนคนนี้ยิ่งกว่าแม่เสียอีก

“อย่าลืมนะ อ่อเดี๋ยวพี่ลมจะมารับที่ทางเข้าสวนนะเพราะรถจอดตรงนั้นพอดี” รักษ์พยักหน้ารับก็รู้มาบ้างว่าสวนของพี่น้ำฟ้าอยู่ติดกับถนนใหญ่เลยแต่ต้องนั่งรถเข้าไปอีกกว่าจะถึงบ้านเพราะบ้านอยู่กลางสวนพอดีและที่สำคัญน้ำฟ้าบอกว่าสวนพี่ชายกว้างมากถ้าเดินเข้าไปคงเป็นลมก่อน

“งั้นฉันไปนะ” รักษ์บอกลาเพราะใกล้ถึงเวลารถออกแล้ว

“อืมโชคดีนะ คุณลุงคุณป้าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวฉันดูให้ แล้วจะลงไปหาบ่อยๆ” รักษ์พยักหน้ารับนึกหมั่นไส้ทำเป็นบอกจะลงไปหาบ่อยๆ หาเรื่องลงบ้านตัวเองมากกว่าเถอะ

“ไปละแล้วจะโทรหา” รักษ์บอกก่อนจะก้าวขึ้นรถทัวร์ไป
             

หลังจากนั้นไม่นานตัวรถก็เคลื่อนออกไปพร้อมกับใจองรักษ์ที่เต้นรัว รักษ์นั่งรถมาหลายชั่วโมงมากกว่าจะเข้าจังหวัดชุมพระหว่างทางน้ำฟ้าก็โทรมาตลอดทั้งที่เป็นคนบอกให้รักษ์โทรไป พูดถึงก็โทรมาอีกแล้วน้ำฟ้าถามทันทีว่าถึงไหนแล้วรักษ์เองก็บอกไม่ถูกพอมองป้ายข้างทางก็บอกว่าเขตอำเภอสวี น้ำฟ้าเลยบอกว่าใกล้ถึงแล้วและมันก็เป็นเช่นนั้นเมื่อรถที่รักษ์นั่งมาจอดนิ่งหน้าสวน สายลม

“ถึงแล้ว” รักษ์เอ่ยบอกกับคนในสาย

“ถึงแล้วเหรอ รอเดี๋ยวนะพี่ลมกำลังออกมา” ก่อนจะโทรหารักษ์น้ำฟ้าโทรหาพี่ชายก่อนแล้วเพราะคาดการไว้แล้วว่ารักคงใกล้จะถึงแล้ว

“อืม”

“เป็นไงสวนพี่ฉัน”

“มีแต่ต้นปาล์ม” รักษ์บอกเพราะมองไปก็เจอต้นปาล์มเต็มไปหมด

“ฮาๆ ก็ทำสวนปาล์มนิ แต่เดี๋ยวเข้าไปข้างในก็เจอพวกผลไม้มีเยอะมากๆ” น้ำฟ้าบอกติดตลก ไม่แปลกหรอกที่รักษ์จะเจอต้นปาล์มเพราะครอบครัวเขาทำสวนกันไม่ใช่แค่ปาล์ม แต่ยังมียางพารา และผลไม้อีกเยอะมากทั้งทุเรียน เงาะ มังคุด ซึ่งส่งออกทั้งในทประเทศและนอกประเทศ รวมๆแล้วมีสวนเป็นพันไร่ ทำกำไรปีๆหนึ่งก็มหาศาลมาก

“อืม บรรยากาศดูน่าอยู่ดีมองไปเจอแต่ต้นไม้ทั้งนั้นผิดกับกรุงเทพเลย” รักษ์บอกไปตามที่รู้สึก สีเขียวของต้นไม้นานาชนิดถึงแม้จะเป็นพืชเศรษฐกิจแต่ก็ให้ความรู้สึกดี

“ก็แน่ละ บ้านฉันมันชนบทนะ” น้ำฟ้าบอกอย่างขำๆ ก็บ้านเธออยู่ในจังหวัดที่ห่างไกลเมืองหลวงแถมห่างจากตัวจังหวัดอีกถึงมันจะดูชนบทแต่ก็น่าอยู่มากอากาศสดชื่นต่างจากเมืองหลวงลิบลับ “แล้วนี้พี่มารับยัง” น้ำฟ้าถามขึ้น

“ยังไม่เห็นใครเลย” บอกไปตามจริงเพราะยังไม่เห็นใครมาเลย “ อะ! มีคนขับรถออกมาสงสัยเป็นพี่แก” รักษ์บอกเมื่อเห็นรถเลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนจะจอดรถตรงหน้ารักษ์ซึ้งรักษ์มองอย่างอึ้งๆ

“ใช่เพื่อนของฟ้าไหม” ชายหนุ่มถามนิ่งๆ ทั้งยังนั่งอยู่บนรถ รักษ์ตอบอะไรไม่ถูกได้แต่พยักหน้ารับกลับเไปเพราะใบหน้าของคนตรงหน้าช่างสะกดสายตาของรักษ์มากเหลือเกิน ร่างสูงหนาผิวเข้มตามแบบฉบับหนุ่มใต้ จมูกโด่ง ตาคมที่เหมือนน้ำฟ้า ยิ่งไรหนวดบางนั้นยิ่งขับให้คนตรงหน้าดูเท่มาก

“รักษ์ รักษ์ ไอ้รักษ์” เสียงเรียกจากในสายทำให้รักษ์หลุดจากภวังค์

“วะ…ว่าไง”

“เรียกตั้งนาน เป็นไงอึ้งกับหน้าตาพี่ฉันละสิ” น้ำฟ้าเอ่ยแซว รักษ์ยอมรับว่าอึ้งจริงๆ กับคนตรงหน้า “แล้วพี่มารับไง” น้ำฟ้าถามอีกทำให้รักษ์ต้องละสายตาจากคนที่นั่งคิ้วขมวดบนรถคงเพราะรักษ์จ้องนานเกินไปแน่ๆ รักษ์มองมายังพาหนะที่ชายหนุ่มนั่งมารักษ์ก็ต้องอึ้งอีกครั้งเพราะมันคือ

“พะ…พ่วงข้าง”

“ฮะ! พ่วงข้าง กรรมพี่ฉัน” น้ำฟ้าว่าอย่างตกใจอดโมโหพี่ชายไม่ได้ชอบทำตัวแบบนี้ไงถึงถูกทิ้ง

………………………….

ดู่ดู๊ดูเธอทำ ทำไมถึงทำกับรักษ์ได้ แรกเจอก็จัดพ่วงข้างมาเลยยยย

เรื่องนี้บอกเลยค่ะแต่สนองตัวเองล้วนเพราะฉะนั้นจะไม่มีอะไรเลยเรื่อยๆเฉื่อยๆ อิอิ อย่าหวังอะไรกับตั้งโอ๋ พอดีสายแบ๊วเรื่องนี้ก็จะมาแบบแบ๊วๆทีไร้อะไรเลย อิอิ ยังก็ฝากเรื่องนี้ให้ในดวงใจคนอ่านด้วยนะคะ อาจจะไม่สนุกนั้นก็ต้องขอ อภัย ด้วยจริงๆค่ะแต่เรื่องนี้ตั้งใจมาค่ะเพราะเป็นแนวที่ชอบแถมดึงเอาบรรยากาศของบ้านตัวเองมาใช้ในเรื่องนี้ด้วย ผิดพลาดตรงไหนก็อย่ากลัวเคืองกันนะคะ สามารถแนะนำได้เต็มที่ตั้งโอ๋จะเอาไปพัฒนา สุดท้ายนี้ รักนะคะคนอ่าน
                     
                :mew1:  ลูกคู่สื่อรัก  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2020 01:16:37 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ดวงใจในสายลม.......ตอนที่ 1 (02/02/2560)
«ตอบ #2 เมื่อ02-02-2017 15:05:16 »

พ่วงข้าง เขียนแบบนี้นะคะ ไม่ใช่ พวงข้าง
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
Re:ลูกคู่สื่อรัก.......ตอนที่ 1 (02/02/2560)
«ตอบ #3 เมื่อ02-02-2017 15:48:50 »

พ่วงข้าง เขียนแบบนี้นะคะ ไม่ใช่ พวงข้าง
รอตอนต่อไปค่ะ

แก้ให้แล้วนะคะ ต้องขอโทษด้วยน่าาาาา  :mew2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2019 10:48:00 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0

ลมเล รักษ์ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ เรียงลำดับมาเลยค่ะ  :z1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2019 10:48:18 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: ดวงใจในสายลม.......ตอนที่ 1 (02/02/2560)
«ตอบ #5 เมื่อ04-02-2017 18:34:34 »

น่ารักมากรออ่านต่อ

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ดวงใจในสายลม......ตอนที่ 2 (10/02/2560)
«ตอบ #6 เมื่อ10-02-2017 17:44:06 »

ดวงใจในสายลม 2

 

                ลมเลจ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่เอาแต่คุยโทรศัพท์ตั้งแต่เขามาถึง รักษ์ หรือพุฒิรักษ์ เพื่อนของน้องสาวและกำลังจะเป็นพี่เลี้ยงให้กับลูกชายฝาแฝดของเขาด้วย วันนี้เป็นวันที่รักษ์ลงมาเป็นพี่เลี้ยงให้แฝด ลมเลถึงต้องมารับที่ปากทางเข้าสวนแต่เมื่อมาถึงเจ้าตัวก็เอาแต่คุยโทรศัพท์และมองเขาไม่วางตา ลมเลก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องมองขนาดนั้น

                “พะ...พวงข้าง” ลมเลเลิกคิ้วขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงคนตรงหน้าก่อนจะก้มลงมองมอเตอร์ไซค์ที่ตนกำลังคร่อมอยู่แล้วมองหน้ารักษ์ที่ยืนปั้นหน้ายากอยู่ ‘อย่าบอกว่านั่งไม่ได้’ ลมเลนึกในใจ

                “น้ำฟ้าแค่นี้ก่อนนะ คุณลมรออยู่” รักษ์บอกกับคนในสายเมื่อนึกเกรงใจลมเลที่รออยู่

                “ช่างพี่ลมสิ กล้าดียังไงเอาพ่วงข้างมารับแก” น้ำฟ้านึกโมโหพี่ชายขึ้นมาอีกรอบ

                “ไม่เป็นไร งั้นแค่นี้นะ” รักษ์บอกลาอีกนิดหน่อยก็ว่างสายจากเพื่อนสาวหันมาสนใจกับชายร่างใหญ่ตรงหน้าก็พบว่าอีกคนไม่ได้สนใจอะไรรักษ์นั่งใช่มือแคะจมูกอยู่บนรถอย่างไม่ทุกข์ร้อน
 
                ทางลมเลก็รู้ว่ารักษ์คุยอยู่กับน้ำฟ้าเลยไม่ได้ขัดอะไรเลยนั่งรออีกคนเงียบๆ ถึงในใจจะรู้สึกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ก็ตาม

          “เอ่อ...สวัสดีครับ ผมรักษ์ครับ” รักษ์แนะนำตัวเอง

                “ฉันลมเล” พยักหน้ารับพร้อมกับบอกชื่อตัวเองออกไป รักษ์เองก็รู้มาบ้างว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือพี่ชายของน้ำฟ้าที่ชื่อลมแต่ก็ไม่คิดเลยว่ามันไม่ใช่ลมเฉยๆ แต่มันคือ ลมเล เป็นชื่อที่ค่อนข้างแปลกสำหรับรักษ์แต่มันก็เพราะดีเหมือนกันให้ความรู้สึกถึงถิ่นบ้านเกิดของเจ้าของชื่อได้เป็นอย่างดี

                “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณลม...คุณลมเล” เพราะเผลอเรียกชื่ออีกคนตามน้ำฟ้าพอนึกได้ว่าคนตรงหน้าคงจะไม่ชอบเลยต้องเรียกชื่อเต็มแต่ดูเหมือนชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรรักษ์เท่ากับการแคะจมูก ลมเลดูเป็นคนแปลกๆ ในสายตารักษ์มีที่ไหนมานั่งแคะจมูกต่อหน้าคนที่พึ่งเจอกันครั้งแรก

                “อ๊ะ อืม ไปกันยัง” ใช้มือที่แคะจมูกเช็ดกับเสื้อยืดสีซีดก่อนจะถามรักษ์ รักษ์ได้แต่ปั้นหน้ายิ้มให้กับการกระทำของลมเล
 
                “ครับ” ว่าแล้วก็ก้าวเดินมาหมายจะขึ้นบนพ่วงข้างแต่ก็ได้แต่ยืนมองเพราะไม่รู้จะขึ้นทางไหนดีมันมีแต่กรงเหล็กรอบไปหมด
 
                “ข้ามขึ้นมาเลย” ลมเลบอกทั้งสตาร์ทรถไปด้วย รักษ์ทำเพียงพยักหน้ารับแล้วทำตามที่อีกคนบอกใช้เวลาพอสมควรกับการขึ้นมาบนพ่วงข้าง มันก็ปกติสำหรับรักษ์เพราะเขาไม่เคยนั่งพ่วงข้างมาก่อนแต่ก็ไม่ใช่เพราะนึกรังเกียจอะไรแต่มันไม่มีให้ได้ลองนั่งก็เท่านั้น

                “ไปได้เลยครับ” ขึ้นมานั่งบนแผ่นเหล็กยาวที่ทำไว้สำหรับนั่งได้ก็บอกอีกคนให้ออกรถทันที

                “จับดีๆ” ว่าจบก็ออกรถทันทีไม่ได้ดูเลยว่าอีกคนจับเรียบร้อยแล้วหรือยัง

                “เฮ้ย!” ตกใจมากเมื่อรถออกตัว รักษ์ที่หาที่จับยังไม่ได้แทบพุ่งตกลงจากรถ

                “โทษทีๆ” บอกขอโทษรักษ์ไป ลมเลเองก็ลืมว่าอีกคนเป็นเด็กเมืองกรุงรถแบบนี้คงไม่เคยนั่ง

                “ไม่เป็นไรครับ” ว่าทั้งส่งยิ้มไปให้ รักษ์ก็แค่ตกใจที่อยู่ๆ รถก็ออกตัวทำให้ตัวเองที่หาที่จับไม่ได้เลื่อนไปตามแรกกระชากของรถ ก็นึกตลกตัวเองดีเหมือนกัน
 
                “ลงมานั่งข้างล่างก็ได้” เพราะกลัวเด็กหนุ่มจะตกไปจริงๆ เลยบอกให้รักษ์เปลี่ยนมานั่งพื้นของพ่วงข้างแทน
 
                “ได้เหรอครับ” รักษ์ถามอย่างไม่แน่ใจนักเพราะบนพื้นนั้นเต็มไปด้วยเศษใบไม้และดินนิดหน่อย ลมเลทำเพียงพยักหน้ารับรักษ์เลยเลื่อนตัวเองลงมานั่งอยู่บนพื้นพ่วงข้างแทนและไม่ลืมยกกระเป๋าเป้ใบไม่ใหญ่มากนักมานั่งกอดไว้

                ลมเลเห็นว่ารักษ์นั่งเรียบร้อยก็กระชากรถออกไปทันที ตลอดทางลมเลคอยหันมองรักษ์ตลอดไม่ใช่ว่าอยากมองแต่อาการที่หันมองซ้ายทีขวาทีพร้อมกับหน้าตายิ้มแย้มนี้มันทำให้ลมเลรู้สึกแปลกๆ จากที่เคยนั่งอยู่ตรงกลางตอนนี้รักษ์ขยับมานั่งติดกับราวเหล็กแล้วเรียบร้อยก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกต้นไม้นี้มันน่าตื่นเต้นขนาดนั้นเลยหรือยังไง
 
                “นั้นต้นอะไรครับ” มือขาวยกขึ้นชี้ไปยังต้นไม้ที่มีใบสีเขียวออกน้ำตาล

                “ทุเรียน” ลมเลมองตามมือขาวก่อนจะตอบ แม้ลมเลจะพูดห้วนๆ แต่ไม่ได้ดูไม่พอใจอะไรเพียงแต่เขาเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว รักษ์เองก็ไม่ได้ติดใจอะไรถึงลมเลจะพูดจาดูไม่ค่อยน่าฟังแต่ในน้ำเสียงนั้นไม่ได้ทำให้ความรู้สึกไม่ดี   
 
                ลมเลขับรถไม่เร็วมากนักทำให้รักษ์ได้ชื่นชมกับบรรยากาศสองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ระหว่างทางที่ผ่านมานั้นมีทั้งปาล์ม เงาะ มังคุด และที่เห็นอยู่สองข้างทางตอนนี้ก็คือต้นทุเรียนซึ่งเป็นสิ่งที่รักษ์ชอบกิน ปกติเคยเห็นแต่ลูกมันที่มีหนามแหลมๆไม่เคยเห็นต้นมันจริงๆ สักครั้ง พอได้มาเห็นเลยอดตื่นเต้นไม่ได้ ก็เพราะมันคือของที่ชอบ ยิ่งทุเรียนทอดรักษ์ชอบมากเป็นพิเศษจำได้ว่าเคยกินครั้งแรกตอนที่น้ำฟ้าเอามาฝาก ถึงจะชอบมากแต่ก็ไม่ได้กินบ่อยนานๆครั้งทีหนึ่งเพราะราคามันค่อนข้างแพงมาก

                “ผมชอบทุเรียน” หันมาบอกพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง รักษ์ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะบอกทำไมแต่ปากมันไปเอง ลมเลก็ไม่ได้ตอบแค่พยักหน้ารับเพราะไม่รู้จะพูดอะไรและอีกอย่างรอยยิ้มของคนข้างๆมันทำให้พูดออกมาได้ยากเขารู้สึกคันหน้ายิบๆขึ้นมาแปลกๆ
                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                 
                   พ่วงข้างขับเคลื่อนมาได้สักพักใหญ่ก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านสองชั้นที่ถูกสร้างจากไม้ทั้งหลังที่ดูก็รู้ว่าราคาคงแพงมากเลยทีเดียว บริเวณลานรอบบ้านถูกปกคลุมไปด้วยหญ้าสีเขียวแต่มันไม่ใช่หญ้าญี่ปุ่นอย่างที่เห็นตามบ้านคนรวยในเมือง มันคือหญ้าอะไรรักษ์เองก็ไม่รู้จักแต่มันดูสวยดี  ตามแนวกำแพงบ้านก็ปลูกต้นไม้เต็มไปหมด และพอมองไปข้างตัวบ้านก็จะเห็นซุ่มกล้วยไม้ที่อัดแน่นไปด้วยกล้วยไม้หลายชิดมันบอกได้เลยว่าเจ้าของบ้านคงชอบกล้วยไม้มาก รักษ์นึกยิ้มในใจก็เขานะชอบกล้วยไม้มากเหมือนกัน 

                รักษ์จ้องมองรอบตัวบ้านอย่างถูกอกถูกใจมันคงเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับรักษ์ที่มองไปรอบตัวก็มักพบกับตึกราบ้านช่องเต็มไปหมดแต่ที่นี้มองไปทางไหนก็เจอแต่ต้นไม้มันดูสบายตาดีเหลือเกินและที่สำคัญอากาศสดชื่นมากไม่ได้เต็มไปด้วยฝุ่นควันอย่างในเมือง
               
         “ถึงแล้ว” เพราะเห็นว่าอีกคนยังไม่ลงมาสักที่ทั้งที่มาถึงได้สักครู่แล้ว และนั้นก็ทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์ได้สติ
               
         “คะ...ครับ” รักษ์ตอบรับอย่างเงอะงะก่อนจะรีบก้าวลงจากพ่วงข้างแล้วรีบเดินตามอีกคน “ที่นี้น่าอยู่จังเลยนะครับ” ตามทันได้ก็บอกสิ่งที่คิดให้คนข้างๆฟังทันทีลมเลก็ทำเพียงพยักหน้าไม่แสดงท่าทีอะไรเช่นเคยเล่นเอารักษ์ต้องค่อยๆหุบยิ้มลงเพราะคิดว่าคงกวนอีกคน ทางลมเลพอเห็นก็รู้สึกผิดขึ้นก็ไม่ได้ต้องการให้อีกคนรู้สึกไม่ดีแต่เพราะเป็นแบบที่อยู่แล้วเลยไม่ระวังว่าจะทำให้รักษ์รู้สึกไม่ดี               

          “อารักษ์!” ทันทีที่เดินเข้ามาในตัวบ้านก็ได้ยินเสียงเรียกตนเองดังลั่นพร้อมกับแรงกอดรัดที่เอวจากเด็กตัวน้อยสองคน รักษ์ทั้งงงทั้งตกใจ เขาจำได้ว่าไม่เคยพบเด็กสองคนที่หน้าตาไม่แตกต่างกันมาก่อนแต่ทั้งสองทำราวกับรู้จักรักษ์ รักษ์เองก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงเขาไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อนและดูเหมือนเด็กหน้าเหมือนนี้คงจะเป็นเด็กที่เขาต้องมาดูแลเป็นแน่

                “เอ่อ...”

        “มาแล้วเหรอจ๊ะลูก” พยายามรับมือกับเด็กสองคนที่กอดเอวเขาแน่น ก็ได้ยินเสียงจากหญิงสาวที่พึ่งเดินเข้ามา ทันทีที่พบรักษ์ก็จำได้ทันทีถึงแม้จะเคยเจอกันไม่กี่ครั้งก็ตามใช่ เธอคือแม่ของน้ำฟ้ารักษ์ยิ้มให้พร้อมกับรีบยกมือไว้ทั้งที่ยังมีเด็กแฝดกอดเอวเขาอยู่

                “ครับแม่” ลมเลตอบรับคนเป็นแม่ “ไอ้แสบมานี้เลยไปวุ่นไรเขารู้จักหรือไง” ลมเลหันมาว่าลูกทั้งสอง อดสงสัยไม่ได้ว่าไปรู้จักกันตอนไหน

                “อารักษ์แฟนพี่อินทร์นะ” เสียงเด็กชายคนหนึ่งตอบขึ้นมาทันที

                “อารักษ์แฟนของน้องจันทร์ต่างหาก” และเด็กชายอีกคนก็เถียงตามมาและมหากรรมการถกเถียงของสองแฝดก็เกิดขึ้น รักษ์นี้ถึงกับงงเขามีแฟนเป็นเด็กห้าขวบหรือ รักษ์นี้ไปต่อไม่ถูกอย่าว่าแต่รักษ์ลมเลเองก็ตกใจไม่น้อยไม่คิดว่าลูกตัวเองจะแก่แดดริอาจจะมีแฟนตั้งแต่ห้าขวบมันเหมือนใครกันสองแฝดนี้       

         “หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้สองแสบ ใครสั่งใครสอนให้พวกเอ็งสองคนมีแฟนตั้งแต่ตัวเท่ากะเปี๊ยกวะ” ลมเลว่าลูกชายทั้งสอง ซึ่งคำพูดของลมเลทำให้รักษ์ตกใจนดหน่อยนี้มันคือคำพูดของคนเป็นพ่อเวลาคุยกับลูกหรือ
 
                “ไม่เปี๊ยกสักหน่อย พี่อินทร์โตแล้ว” ขุนอินทร์ว่าค้านคนเป็นพ่อ

                “น้องจันทร์ก็โตแล้ว” เห็นแฝดพี่ว่าแฝดน้องก็ไม่ยอมเช่นกัน

                “โตมาก สูงยังไม่ถึงเอวพ่อเลย” คนเป็นพ่อว่าลูก จากที่เคยเป็นศึกระหว่างสองแฝดตอนนี้กลายเป็นศึกสามพ่อลูก รักษ์ที่ยืนอยู่กลางระหว่างสามคนพ่อลูกได้แต่มองไปมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง มองหาตัวช่วยก็ได้รับแต่การส่ายหน้าอย่างปรกๆ คงเพราะเป็นแบบนี้กันบ่อยสินะ

                “เอ่อ...ผมว่าหยุดกันเถอะครับ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ไม่เถียงคุณพ่อสิครับมันไม่ดีนะ” รักษ์พยายามพุดกับเด็กตัวเล็กทั้งสอง และเหมือนเสียงของรักษ์จะช่วยได้เพราะเด็กน้อยทั้งสองหยุดแล้วเดินเข้ามาจับมือรักษ์คนละข้างทันที

                ลมเลมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตารักษ์พูดนิดเดียวสองแสบก็เชื่อฟังอย่างว่าง่ายทั้งที่ผ่านมาใครห้ามยอมฟังกันที่ไหนจนเขานี้ปวดหัวไม่รู้ไปเอานิสัยชอบดื้อมาจากที่ไหน

                “ลูกคู่พาอารักษ์ไปนั่งพักไปลูก มาเหนื่อยๆ พ่อลูกสามคนนี้ก็เหลือเกินจริงๆ” แม่ของลมเลเอ่ยบอกกับเด็กแฝดทั้งสองแต่ก็ไม่วายบ่นทั้งสามคน แต่ที่ติดใจรักษ์คงเป็นสรรพนามที่ท่านใช้เรียกเด็กแฝด ลูกคู่ แปลกแต่ก็เพราะดี
 
                “ก็ดูหลานแม่เถียงผมทุกคำ” ลมเลว่า

                “แล้วลูกจะไปต่อลูกมันทำไม ทำเป็นเด็กไปได้ อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ” หญิงสาวว่าลูกชายที่ชอบทำตัวไม่รู้จักโตเวลาอยู่กับครอบครัว แต่ถ้าลองได้ออกไปทำงานทุกคนจะไม่มีทางได้เห็นด้านนี้ของนายหัวลมเลอย่างแน่นอน

                รักษ์ยิ้มให้กับคำพูดของแม่น้ำฟ้า มันจริงอย่างที่ว่า รักษ์รู้มาจากน้ำฟ้าว่าลมเลอายุใกล้เลขสามแล้วอีกแค่ปีเดียวเท่านั้น ทางลมเลเห็นรักษ์ยกยิ้มกับคำพูดของแม่ก็หันมองทันทีเล่นเอารักษ์หุบยิ้มแทบไม่ทันก็สายตาที่ส่งมันน่ากลัว
 
                “พ่อห้ามมองอารักษ์นะ” เสียงขุนจันทร์ร้องห้ามพ่อตัวเองเพราะกลัวพ่อจะแย่งอารักษ์ไป ลมเลทำเพียงชักสีหน้าใส่ลูกชายก่อนจะเดินขึ้นชั้นสองไป
 
                “อารักษ์ไปกินขนมกันดีกว่า” ขุนอินทร์เอ่ยชวน ขุนจันทร์ก็พยักหน้าเสริมทันที และทั้งสามก็พากันมานั่งที่โซฟาหลังใหญ่กลางบ้านซึ่งมีแม่ของน้ำฟ้าหรือก็คือแม่ลมเลนั้นแหละนั่งอยู่ก่อนแล้ว
 
                “กินน้ำก่อนสิรักษ์มาเหนื่อยๆ” ว่าทั้งส่งแก้วน้ำส้มสีสวยมาให้ รักษ์รีบรับทันที

                “ขอบคุณครับ” และไม่ลืมกล่าวขอบคุณคนให้

                “อารักษ์ลองนี้ ย่าทำอร่อย” เสียงของขุนอินทร์ที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือของรักษ์ว่าทั้งส่งชิ้นทุเรียนทอดมาให้ รักษ์ยิ้มก่อนจะรับทุเรียนทอดนั้นมาแต่เด็กชายกลับไม่ยอมให้แล้วยื่นมาที่ปากของรักษ์แทน รักษ์ก็รู้หน้าที่ปากสีสวยค่อยๆ งับทุเรียนทอดในมือเล็ก ขุนอินทร์ยิ้มกว้างทันที

                “ของน้องจันทร์” เสียงของขุนจันทร์ที่นั่งอยู่อีกข้างเรียก พร้อมกับทุเรียนทอดในมือรักษ์ยิ้มทันทีไม่ยอมน้อยหน้ากันเลยทีเดียวสองคนนี้

                “เข้ากันได้ดีแบบนี้ป้าก็ดีใจ ยังไงป้าฝากรักษ์ดูลูกคู่ด้วยนะ” เธอเชื่อว่ารักษ์ต้องดูแลหลานชายทั้งสองได้เป็นอย่างดีแน่นอน ขนาดพึ่งเจอกันครั้งแรกยังเชื่อฟังกันขนาดนี้ เธอเป็นย่าแท้ๆ แฝดยังไม่ค่อยจะฟังสักเท่าไรเลย แต่คงไม่แปลกเพราะแฝดชอบรักษ์มากคงต้องขอบคุณน้ำฟ้าที่คอยเล่าเรื่องของรักษ์ให้แฝดฟังบ่อยๆ พอรู้ว่าอารักษ์จะมาค่อยดูแลก็นั่งนับวันรอกันเลยทีเดียว

                “ครับคุณป้า” รักษ์ตอบรับก่อนจะจ้องมองเด็กแฝดที่นั่งอยู่ข้าง รักษ์แยกเด็กทั้งสองออกเพราะขุนจันทร์จะมีไฝเม็ดเล็กๆอยู่ที่ห่างตาล่างทางซ้าย ส่วนขุนอินทร์นั้นไม่มีทำให้รักษ์มองออกได้ทันทีว่าคนไหนขุนอินทร์คนไหนขุนจันทร์

                รักษ์บอกไม่ได้ว่าจะสามารถดูแลเด็กทั้งสองได้ดีแคไหนแต่รักษ์จะพยายามเต็มที่ให้สมกับที่ทุกคนฝากให้เขาดูแล ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกกังวลไม่น้อยแต่พอมาเจอขุนอินทร์กับขุนจันทร์รักษ์รู้สึกว่าความกังวลนั้นมันค่อยๆหายไป ตอนนี้รักษ์รู้สึกอยากดูแลเด็กทั้งสองแล้วละก็ขุนอินทร์และขุนจันทร์นะน่ารักรู้สึกโชคดีที่รับงานนี้หลังจากนี้คงต้องพยายามกันต่อไปรักษ์บอกกับตัวเอง

 



ตรวจคำผิดแล้วนะคะถ้าเจอช่วยบอกตั้้งโอ๋ด้วยนะคะ จุ๊บบบบ



มาแล้วตอนที่ 2 ค่ะ  ฝากดวงใจเรื่องนี้ไว้ในดวงใจของทุกคนด้วยนะคะ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ มาแว้ววว ต่อจากนี้มาดูกันว่าลูกคู่เขาจะมีเรื่องป่วนอะไรมาให้กับรักษ์บ้าง และคุณพ่ออย่างนายหัวลมจะเป็นอย่างไรไว้มาติดตามกันนะ

 

สุดท้ายนี้รักทุกคนที่หลงเขามา อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2020 01:18:13 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: ดวงใจในสายลม.......ตอนที่ 2 (10/02/2560)
«ตอบ #7 เมื่อ10-02-2017 17:53:18 »

 :mew1:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ดวงใจในสายลม.......ตอนที่ 2 (10/02/2560)
«ตอบ #8 เมื่อ10-02-2017 21:40:37 »

รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ดวงใจในสายลม......ตอนที่ 3 (13/02/2560)
«ตอบ #9 เมื่อ13-02-2017 18:13:43 »

ดวงใจในสายลม 3

 

หลังจากหยุดถกเถียงกับเจ้าแฝดไปลมเลก็ปลีกตัวขึ้นมาชั้นสองยังนึกหมั่นไส้ลูกตัวเองไม่หายแต่ลมเลก็ไม่ได้นึกโกรธหรือโมโหอะไรเจ้าแฝด มันเป็นปกติที่เขาชอบถกเถียงกับลูกทั้งมีสาระไม่มีสาระซึ่งลมเลเองก็แค่แกล้งขัดใจลูกชายไปแค่นั้นไม่ได้จริงจังอะไร นอกเสียว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดและไม่ดีจริงๆลมเลถึงจะดุแบบจริงจัง

 

ลมเลกวาดสายตามองรอบห้องนอนขนาดกลางเพื่อเช็คความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนที่จะให้พี่เลี้ยงของลูกชายมาอาศัย ห้องนี้อยู่ตรงข้ามกับห้องของเขาซึ่งถัดจากห้องนี้ไปก็จะเป็นห้องของแฝด เนื่องจากว่าบ้านมีสามห้องนอนและห้องนี้ก็จัดให้เป็นห้องนอนแขกซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคนในครัวครอบเขาเองที่บ่อยสุดก็คือน้ำฟ้า

 

ลมเลมองรอบห้องอีกครั้งก่อนจะปิดประตูแล้วเดินลงไปชั้นล่างหมายจะไปที่โซนรับแขกที่ตอนนี้มีเสียงสองแฝดคุยกันเสียงดังไปหมดพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักซึ่งก็ไม่ใช่ใครมันคือเสียงของรักษ์ที่กำลังหัวเราะไปกับเรื่องเล่าของเจ้าแฝดที่แย่งกันเล่า มองไปแล้วก็รู้สึกอุ่นใจที่แฝดเข้ากับพี่เลี้ยงได้เพราะก่อนหน้าที่เปลี่ยนพี่เลี้ยงมาแล้วถึงห้าคนบ้างก็ทนกับแฝดไม่ได้ บ้างก็ไม่สนใจดูแลแฝด บางคนก็เขาหาเขาจนเกินงามทำให้ต้องหาพี่เลี้ยงใหม่บ่อย

 

ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ นั้นห้าขวบแล้วตอนนี้ก็กำลังอยู่ชั้นอนุบาลแต่ความคิด ความอ่านดูเกินวัย ยิ่งความแสบนี้ไม่ต้องพูดถึงมีเรื่องให้คนเป็นพ่อปวดหัวได้ทุกวัน ที่ต้องจ้างพี่เลี้ยงก็เพราะแบบนี้ และอีกอย่างลมเลต้องทำงานค่อยดูแลสวนเลยไม่มีเวลาดูแลแฝดเต็มที่ถ้าวันเปิดเรียนก็ไม่เท่าไรเพราะกว่าแฝดจะเลิกเรียนก็เย็นและเป็นเวลาที่เขากลับจากสวนแต่ช่วงนี้แฝดปิดเทอมตอนกลางวันเลยไม่มีใครดูแลถึงจะมีป้าแม่บ้านแต่ก็ต้องคอยทำงานบ้านไม่ว่างมาดูแลแฝดได้ตลอดซึ่งตกเย็นแกก็กลับบ้าน ครั้นจะให้แม่เขามาดูแลก็กลัวแกจะเหนื่อยเพราะไล่จับเจ้าแฝด

 

“อ้าว! ลมเรียบร้อยดีไหมได้ให้น้องขึ้นไปผักผ่อน” แม่เอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นลมเลเดินเข้ามา ลมเลทำเพียงพยักหน้าตอบแล้วมาพูดกับอีกคน

 

“นายขึ้นเอาของไปเก็บก่อน” รักษ์หันมองคนบอกก่อนพยักหน้ารับ “ไอ้แสบพวกเอ็งก็หยุดกวนเขาก่อนให้เขาไปพักก่อนไป” ลมเลบอกกับลูกชายที่ยังชวนพี่เลี้ยงคุยไม่หยุด ขุนอินทร์ ขุนจันทร์นึกเคืองคนเป็นพ่อที่มาขัดทั้งที่ยังคุยกับอารักษ์ของพวกเขาอย่างสนุก

 

“ลูกคู่พาอารักษ์ขึ้นไปพักบนห้องไปลูก” หญิงสาวบอกกับหลายชายทั้งสอง แฝดพยักหน้ารับ

 

“อารักษ์ เดี๋ยวพี่อินพาไปห้องนะ” ขุนอินทร์บอกกับอารักษ์คนสวยของเขา ก่อนจะรั้งมือรักษ์ให้ลุกขึ้น ทางขุนจันทร์เดินไปคว้ากระเป๋าเป้ข้างๆ แค่ด้วยความที่มันหนักบวกกับแรงเด็กกระเป๋าเลยแทบไม่ขยับ ลมเลมองลูกตัวเองอดแปลกใจไม่ได้ไอ้แฝดของเขาคงถูกใจพี่เลี้ยงคนนี้จริงๆ และนั้นก็เป็นเรื่องดีสำหรับลมเล

 

“พ่อน้องจันทร์ยกไม่ได้หนัก” ขุนจันทร์บอกพ่ออย่างตกการให้ช่วยแต่ไม่ยอมบอกตรงๆ

 

“ก็เรื่องของเอ็ง” ลมเลว่าแกล้งลูกชายยิ้มๆ ขุนจันทร์แบะปากใส่พ่อตัวเองทันทีก่อนจะแลบลิ้นให้แล้วหันไปบอกให้ขุนอินทร์ช่วย แฝดพี่ก็ไม่รอช้ารีบไปช่วยแฝดน้องแต่ทั้งสองก็ยกขึ้นได้เพียงไม่นานก็ต้องวางเพราะหนัก

 

“เดี๋ยวอายกเองนะครับ” รักษ์ยิ้มให้กับเด็กชายทั้งสองนึกชอบใจที่เห็นทั้งขุนอินทร์และขุนจัทร์ตั้งอกตั้งใจช่วยแม้ตัวจะเล็กรักษ์ยิ่งรู้สึกรักเด็กทั้งสองเพิ่มขึ้นไปอีก

 

“ไม่เอาอารักษ์เหนื่อย เดี๋ยวน้องจันทร์กับอินทร์ยกให้” ขุนจันทร์บอก เด็กน้อยพูดตามที่คิด ก็อารักษ์เดินทางมาตั้งไกลคงจะเหนื่อยมากๆ ถึงไม่อยากให้ออกแรงเพราะกลัวอารักษ์จะยิ่งเหนื่อย

 

รักษ์มองผู้ใหญ่สองคนอย่างต้องการความช่วยเหลือแต่ทั้งลมเล และญาดาแม่ของลมเลกลับส่งสายตามาว่าปล่อยไป รักษ์เลยคอยมองสองแฝดที่พยายามยกกระเป๋าเขาไปทีละนิดๆ จนถึงตีนบันได ก่อนจะนั่งลงพักเอาแรงที่ขั้นบันได ทั้งสองหอบน้อยๆ มีเหงื่อเม็ดเล็กพุดขึ้นตามใบหน้า แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายอะไร

 

“หมดแรงกันแล้วหรือไงไอ้เปี๊ยก” ลมเลที่เดินตามมาเอ่ยแซวแกล้งลูกชาย สองแฝดพอได้ยินรีบหันหน้ามามองทันที

 

“พี่อินทร์ยังไหว”

 

“น้องจันทร์ก็ยังไหว”

 

เสียงเล็กตอบกลับพ่อตัวเองทันทีทั้งยังหอบอยู่ ลมเลนึกชอบใจที่ได้แหย่ลูกชายทั้งสอง

 

“เหรอว่ะ ก็เห็นนั่งสะหมดสภาพ” ยังคงแซวลูกชายต่ออยากนึกสนุก

 

“ใครบอกพี่อินทร์กับจันทร์กำลังนั่งปรึกษากันเฉยๆ” แฝดพี่บอกทั้งที่จริงแล้วเหนื่อย แต่ใครจะยอมรับเดี๋ยวพ่อก็ล้อพอดี รักษ์ยิ้มให้กับความไม่ยอมใครของทั้งสอง

 

“ไม่ไหวก็บอก” ลมเลยังแกล้งยี่ยวนลูก สองแฝดพอได้ยินพ่อพูดก็รีบลุกขึ้นจับหูกระเป๋าคนละข้างพากันขึ้นบันไดกันอย่างทุลักทุเล ลมเลกับรักษ์คอยมองอย่างระวัง ลมเลอยากให้ลูกรู้จักทำอะไรบ้างถึงไม่ได้ห้าม ขนาดให้จับจอมขุดดินในสวนยังใช้มาแล้ว และยังมีงานอื่นๆ อีก เขาอยากให้เด็กๆรู้ว่าการทำอะไรมันไม่ได้ง่ายและการให้ทั้งสองเรียนรู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยตั้งแต่เด็กมันจะได้เป็นภูมิคุ้มกันในวัยโตเจอกับเรื่องอะไรจะได้ผ่านมันไปได้

 

ขุนอินทร์และขุนจันทร์เป็นเด็กสอนง่ายถึงจะดื้นจะซนชอบเถียงก็เถอะแต่ก็ทำตามที่บอกแต่ขอให้ได้ขัดใจพ่อมันก่อน และที่สำคัญเด็กสองคนนี้นิสัยเหมือนลมเลมากฆ่าได้แต่หยามไม่ได้

 

“ไอ้แสบเลยห้อง” ร้องบอกสองแสบที่เดินผ่านห้องที่เตรียมไว้ แต่มีหรือที่ลูกชายตัวดีทั้งสองจะสนใจเดินไปเปิดห้องตัวเองเฉย “มาทำไมห้องพวกเอ็งว่ะ”

 

“อารักษ์ไปนอนกัน” ขุนจันทร์เดินมาจับมือรักษ์ที่ยืนอยู่หน้าประตู ส่วนขุนอินทร์เอาหมอนจัดวางบนเตียงนอนแล้วตบเตียงแปะๆ อย่างบอกว่ามานอนตรงนี้ ลมเลมองการกระทำของลูกชายแล้วยกมือกุมขมับ ‘ไอ้แสบ'

 

“อะไรของพวกเอ็ง จะให้อยู่ห้องนี้ได้ไง” ลมเเลบอก

 

“น้องจันทร์จะให้อารักษ์อยู่นี้” ขุนจันทร์เถียงทั้งยังไม่ปล่อยมือรักษ์ซึ่งข้างๆมีลมเลยืนอยู่

 

“จะอยู่ได้ไงแค่พวกเอ็งสองคนก็เต็มแล้ว”

 

“พี่อินทร์กับจันทร์ตัวเล็กนิดเดียวไม่เต็มหรอก” ขุนอินทร์บอกพ่อแต่คำพูดของเด็กน้อยทำให้คนเป็นพ่อยกยิ้มทันที

 

“ไหนโตแล้ว” ยืนกอดอกมองลูกสองคนอย่างเหนือกว่า

 

“…” เด็กน้อยทั้งสองเงียบไม่รู้จักเถียงพ่อยังไงเพราะบอกไปเองว่าตัวเองโตแล้วแต่ตอนนี้บอกตัวเล็ก ขุนอินทร์วิ่งมาเกาะขาลมเลที่ยืนกอดอกทันทีก่อนจะยิ้มกว้าง ขุนจันทร์ก็ไม่รอช้าวิ่งไปเกาะขาพ่ออีกข้าง

 

“พ่อครับให้อารักษ์นอนกับพี่อินทร์นะครับ”

 

“กับน้องจันทร์ด้วยนะครับ”

 

เด็กชายทั้งสองเอ่ยขอพ่อทำตาปริบๆ ลมเลรู้ทันว่าลูกนะกำลังทำดีอ้อนเขาแบบนี้ทุกทีพอเถียงไม่ได้ใช่ไม้นี้ตลอดแต่มีหรือที่ลมเลจะหลงกลเขาไม่ใช่พ่อกับแม่ที่หลานอ้อนทีแถบถวายทุกอย่างให้

 

“ให้นอนแล้วพ่อได้ไร” ลมเลถามลูกอย่างเจ้าเล่ห์ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์มองหน้ากันก่อนจะตอบ

 

“แล้วแต่พ่อครับ” เสียงเล็กบอกพร้อมกัน ลมเลยิ้มร่าทันที เสร็จแน่ไอ้สองแสบ

 

“ไปขุดแปลงผักคนสองแปลงดิ” ลมเลว่าทั้งยิ้มสะใจ

 

“ง่า” เด็กชายทั้งสองโอดครวนทันที แต่รักษ์นี้ตกใจมากที่ลมเลบอกแบบนั้นขุนอินทร์ขุนจันทร์ยังเด็กมากให้ขุดแปลงผักเนี้ยนะ

 

“ว่าไง ไม่ตกลงก็อด” ลมเลเร่งลูกชาย

 

“แปลงเดียวไม่ได้เหรอ” ขุนจันทร์ต่อรอง ก็ขุดแปลกผักเหนื่อยจะตายเจ็บมือด้วยตั้งหลายวันกว่าจะเสร็จ

 

เด็กน้อยนึกถึงวันที่เขาทำผิดเพราะทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนทั้งสองเลยถูกทำโทษให้ขุดแปลงผักข้างบ้านแปลงหนึ่งซึ่งจำได้ดีว่ามันเหนื่อยมากแค่ไหนแต่คราวนี้คนหนึ่งตั้งสองแปลงตายก่อนพอดี

 

“ไม่ได้ พวกเอ็งไม่ยอมก็ให้เขาไปอยู่อีกห้อง” ลมเลว่าเชื่อเถอะไอ้สองแสบไม่ตกลงแน่

 

“เก็บปาล์มร่วงแทนได้ไหมครับ” เห็นแฝดน้องต่อรองไม่ได้แฝดพี่เลยเสนอวิธีอื่นแทน

 

“พวกเอ็งก็ให้คนอื่นเก็บอยู่ดี พ่อไม่หลงกลพวกเอ็งหรอกนะ” ลมเลว่าอย่างรู้ทันก็พาไปทีไรเคยเก็บที่ไหน

 

“งือ” สองแฝดทำหน้าสิ้นหวังอยากให้อารักษ์อยู่ห้องนี้ด้วยแต่ทั้งสองไม่อยากขุดแปลงผักในหัวน้อยคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงดี

 

“อาว่าไม่เป็นไรหรอกห้องเราอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง อีกอย่างอาก็อยู่กับเราทุกวันอยู่แล้ว” รักษ์นั่งลงตรงหน้าเด็กทั้งสองที่กอดขาพ่อตัวเอง

 

“แต่…” ขุนจันทร์จะขัดแต่พอเห็นหน้ารักษ์ก็พูดไม่ออก หันขอความช่วยเหลือจากแฝดพี่ก็เห็นอีกคนยิ้มร่าขุนจันทร์งงทันทีไหนอยากให้อารักษ์อยู่ห้องนี้ แต่พอเห็นขุนอินทร์พยักหน้าให้ตกลงขุนจันทร์ก็ทำอะไรไม่ได้ได้แต่ยอมแพ้ไป

 

“ก็ได้” ขุนจันทร์ว่าก่อนจะแหงนหน้ามองพ่อตัวเองที่ยิ้มอย่างผู้ชนะ

“อ่อน” เสียงลมเลพูดขึ้นลอยๆ อีกสามคนรีบมองหน้าคนพูดทันทีรักษ์มองอีกคนอย่างงงอะไรคืออ่อน แต่สำหรับขุนอินทร์ ขุนจันทร์นี้เข้าใจดีและนั้นก็ทำให้นึกเคืองคนเป็นพ่อมาว่าพวกเขาอ่อน

 

“อาว่าเราไปอีกห้องกันดีกว่า” รักษ์บอกก่อนจะก้าวไปหยิบกระเป้าเป๋ของตนที่วางอยู่ข้างเตียง

 

ลมเลพารักษ์มายังอีกห้องที่อยู่ข้างกันโดยสองแฝดไม่ได้ตามมาก็นึกแปลกใจไม่ใช่ว่านอนร้องไห้อยู่ในห้องนะไอ้แสบ

 

“อยูได้ไหม” ลมเลเอ่ยถามรักษ์เมื่อเดินเข้ามาในห้อง

 

“เกินกว่าได้อีกครับ” รักษ์ตอบทั้งสำรวจรอบบริเวณห้องที่ถูกสร้างจากไม้อุปกรณ์ทุกอย่างในห้องก็ทำจากไม้ทั้งตู้ โต๊ะเครื่องแป้ง เตียงนอนที่มีที่นอนปูด้วยผ้าพื้นสีเขียวขาวอ่อนๆ หน้าต่างที่ปกปิดไปด้วยม่านสีเขียวอ่อนเช่นกันทำในห้องดูสบายตา

 

“ขาดเหลืออะไรก็บอกนะ”

 

“ขอบคุณมากเลยนะครับ” รักษ์นึกขอบคุณจากใจจริงก็ไม่ได้คิดว่าจะมาอยู่ในที่สบายแบบนี้นึกว่าจะมีห้องคนงานแยกไปต่างหาก

 

“ฉันขอตัวก่อน”

 

“ครับ”

 

เมื่อบอกลาเรียบร้อยลมเลก็เดินออกจากห้องแต่เมื่อถึงประตูก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเด็กชายทั้งสองเดินมาพอดีและที่ทำให้ตกใจคือไอ้แสบทั้งสองสะพายกระเป๋าคนละใบและถือข้าวของพะรุงพรังไปหมด

 

“อะไรของพวกเอ็ง” ลมเลถามลูกเสียงดังแต่ก็ไม่ได้มากอะไรแต่มันดังพอที่รักษ์ได้ยินแล้วเดินมาดูตรงประตูที่สามพ่อลูกยืนอยู่ เด็กทั้งสองพอเห็นรักษ์ก็ยิ้มแป้นแต่รักษ์นี้งงกับข้าวของที่แฝดถือมากันเต็มไปหมด

 

“มาอยู่กับอารักษ์ครับ” ขุนจันทร์ตอบเสียงเพราะพร้อมร้อยยิ้ม แต่ลมเลนี้ยกมือกุมขมับ

 

“เล่นไรของพวกเอ็ง” ลมเลถามลูกเสียงเครียด

 

“ก็พ่อไม่ให้อารักษ์อยู่กับพวกเรา เราเลยมาอยู่กับอารักษ์แทน” แฝดพี่บอก เล่นเอาลมเลไปไม่เป็น ‘ไอ้ลูกแสบ ใครสอนให้พวกเอ็งเป็นคนแบบนี้วะ’

 

*****************************************

 

 

มาแล้วตอนที่ 3 ค่ะ ใครทีมลูกคู่ ยกมือขึ้นแสดงตัวด่วนเลยค่ะ เด็กอะไรน่ารักไปหมดดดดดดดดดดดดดดด

 แฮชแท็ก ถึงขุนอินทร์ขุนจันทร์ ได้ในทวิตเลยค่ะ #ลูกคู่   #รักษ์ลมเล

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-02-2020 01:19:47 โดย ตั้งโอ๋ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ดวงใจในสายลม......ตอนที่ 3 (13/02/2560)
« ตอบ #9 เมื่อ: 13-02-2017 18:13:43 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เอ็ง หรือ พวกเอ็ง ต้องเขียนแบบนี้ไม่ใช่เหรอคะ เอง มันดูแปลก ๆ ค่ะ

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
เอ็ง หรือ พวกเอ็ง ต้องเขียนแบบนี้ไม่ใช่เหรอคะ เอง มันดูแปลก ๆ ค่ะ



เดี๋ยวตั้งโอ๋แก้ให้นะลืมคิดไปค่ะชินกับเอง อิอิ ขอโทษนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2019 10:50:23 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0


ตั้งโอ๋จะมาบอกว่าจะหายไปหลายวันหน่อยนะคะ (ที่จริงหายไปก่อนหน้านี้แล้วเป็นสิบวัน อิอิ) เอาเป็นว่าจะมาบอกว่าจะหายหัวไปและกลับมาแล้วค่ะ ไม่เกินอาทิตย์นี้ลงตอนต่อไปให้ค่ะ ขอโทษด้วยจริงๆนะคะ ใครปิดเทอมงานมันเยอะไปหน่อยนะคะ

ใครที่รักและคิดถึงรักษ์ลมเล และ ลูกคู่ รอแปบนะคะ อย่าพึ่งทิ้งหนีหายกันไปไหนนะคะ :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
คอยอยู่ค่ะ

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ดวงใจในสายลม 4

                รักษ์ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวันดูนาฬิกาก็บอกเวลาตีห้าถึงลมเลและญาดาบอกว่าไม่ต้องตื่นเช้ามากแต่ด้วยความเคยชินที่ตื่นเช้าเป็นประจำเพราะต้องช่วยพ่อกับแม่ไปวางร้านขายพวงมาลัยและดอกไม้ ลมเลบอกว่าให้ปลุกแฝดตอนเจ็ดโมงลุกขึ้นมาอาบน้ำ ถึงจะเป็นช่วงปิดเทอมแต่ลมเลก็ยังให้ลูกตื่นเช้ามันจะได้ติดเป็นนิสัย

                เมื่อวานสรุปแล้วขุนอินทร์กับขุนจันทร์ก็ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับรักษ์เพราะลมเลยื่นคำขาดว่าหากไม่ยอมจะให้รักษ์กลับสองแฝดงอแงไม่ยอมแต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะกลัวรักษ์กลับไปจริงๆ แต่ก่อนนอนรักษ์ก็อยู่อ่านนิทานให้ฟังจนสองแฝดหลับแล้วค่อยออกจากห้องเพราะสัญญาไว้

                หลังจากได้ดูแลสองแฝดไปเมื่อวานนิดหน่อยก็ทำให้รู้ว่าทั้งสองนั้นซนไม่น้อยแต่ยังดีที่ยังเชื่อฟังเขา รักษ์เลยไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่ออกจะสนุกเสียด้วยซ้ำไป รักษ์อาบน้ำอะไรเรียบร้อยแล้วก็ยังพึ่งจะตีห้าครึ่งไม่รู้จะทำอะไรดีเลยลงมาดูด้านล่างว่ามีอะไรพอที่จะช่วยได้บ้างเพราะเช้าๆแบบนี้ป้าอุ่นที่เป็นแม่บ้านแกจะมาทำอาหารเช้า รักษ์รู้เพราะญาดาเป็นคนบอก ป้าอุ่นจะมาตอนตีห้าและกลับตอนหกโมงเย็น

                “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” รักษ์เอ่ยถามป้าอุ่นที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร

                “อ้าวคุณรักษ์ ทำไมรีบตื่นละจ๊ะ” น้ำเสียงลำเนียงใต้ถามกลับมา รักษ์ฟังออกว่าแกถามอะไรเพราะคนชุมพรพูดฟังง่ายแต่ก็มีบางคำที่ฟังแล้วไม่เข้าใจเหมือนกัน

                “มันชินนะครับ ป้าอุ่นมีอะไรให้ผมช่วยไหม”

                “ไม่เป็นไรๆ คุณรักษ์ไปพักเถอะจ๊ะ” ป้าอุ่นบอกทั้งรอยยิ้ม

                “ผมอยากช่วย”

                “งั้นก็ตามบายเลยจ๊ะ” เมื่อแกอนุญาตรักษ์ก็ยิ้มกว้างทันที

                “ป้าจะทำอะไรหรือครับ” รักษ์ถาม เห็นหญิงสาวกำลังแกะกุ้งตัวโตอยู่

                “ข้าวต้มกุ้งจ๊ะ” รักษ์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหยิบกุ้งตัวโตขึ้นมา

                “ทำเป็นหรือจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ยถามทันทีที่เห็นรักษ์หยิบกุ้งขึ้นมา เพราะเห็นว่ารักษ์เป็นชายเลยไม่แน่ใจว่าจะทำได้

                “ผมทำอาหารให้พ่อกับแม่ทานบ่อยครับ” รักษ์ตอบทั้งรอยยิ้ม ถึงจะบอกว่าบ่อยก็เถอะแต่จริงๆแล้วเรื่องกับข้าวที่บ้านรักษ์เป็นคนทำเกือบทุกมื้อเพราะพ่อกับแม่ต้องทำงาน ตอนเช้าต้องรีบไปตั้งร้านกว่าจะเก็บร้านก็มืดแม่เลยไม่มีเวลาทำอาหาร เลยเป็นรักษ์ที่จะต้องทำ ตอนเช้าไปช่วยพวกท่านเปิดร้านก็กลับมาทำอาหารแล้วค่อยไปเรียนซึ่งก่อนไปเรียนก็ไม่ลืมคดข้าวใส่ปิ่นโตไปให้พวกท่านไว้กินทั้งตอนเช้าและเที่ยง พอตกเย็นรักษ์ก็จะทำอาหารรอพ่อกับแม่กลับมา วันไหนมีทำงานพิเศษก็ทำไว้ก่อนแล้วค่อยไปทำงาน อาจจะมีบางวันที่แม่หยุดงานหรือรักษ์กลับดึกแม่ก็จะเป็นคนทำแต่มันก็ได้กินดึกเพราะกว่าจะมาถึงบ้านกว่าจะทำอาหารอีก เพราะอย่างนี้เรื่องทำอาหารเลยไม่ใช่เรื่องยากสำหรับรักษ์

                “งั้นป้าฝากทำต่อทีนะ ขอไปดูข้าวก่อนจ๊ะ” แกว่าก่อนจะเดินไปยังหม้อที่ตั้งอยู่บนเตา รักษ์เองก็หันมาจัดการกับกุ้งตัวโตต่อ

                รักษ์อยู่ช่วยป้าอุ่นจนใกล้จะเจ็ดโมงก็ขอตัวไปปลูกเด็กแฝดขุนอินทร์ขุนจันทร์ที่พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องตกใจกับการนอนของเด็กทั้งสอง รักษ์จำได้ดีว่าเมื่อคืนก่อนออกจากห้องนอนสองแฝดก็นอนปกติดีผิดกับตอนนี้เพราะขุนจันทร์หัวตกลงมานอนบนที่นอนขาก็ก่ายอยู่บนท้องของขุนอินทร์ที่เปิดโชว์พุงขาวอยู่ ทางขุนอินทร์ก็ไม่ต่างจากขุนจันทร์หมอนที่เคยใช้หนุนกลับให้เท้าหนุนแทน รักษ์รู้สึกนึกโล่งใจที่ไม่ได้นอนร่วมเตียงกับสองแฝด เด็กอะไรตอนนอนยังซนเลย รักษ์มองแล้วอดยิ้มไม่ได้แฝดถึงจะซนแต่ก็น่ารัก

                “ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ ตื่นได้แล้วนะครับ” รักษ์นั่งลงข้างเตียงก่อนจะเอ่ยเรียกสองแสบ แต่ได้รับกลับมาเพียงเสียงเคี้ยวปากจับๆ และการเกาพุงขาวๆของขุนอินทร์

                “ตื่นได้แล้วครับสุดหล่อ” รักษ์เอ่ยเรียกทั้งเขย่าเด็กทั้งสองอยู่หลายครั้งจนในที่สุดสองแสบก็ตื่นขึ้นมา ทำให้รักษ์รู้อีกเรื่องหนึ่งของสองแฝดคือตื่นยากมากๆ

                “อารักษ์” ขุนจันทร์ที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนเอ่ยเรียกรักษ์ทั้งยังขยี้ตาอย่างงัวเงีย

                “น้องจันทร์ลุกขึ้นไปอาน้ำก่อนนครับ เดี๋ยวอารักษ์ปลุกเด็กขี้เซาอีกคนหนึ่งก่อน” รักษ์บอกขุนจันทร์ก่อนจะเหล่ตามองเด็กแสบอีกคนที่ไม่ยอมลุกขึ้นอย่างรู้ทันเพราะเห็นว่าขุนอินทร์นะตื่นแล้วแต่ยังทำแกล้งหลับต่อ ขุนจันทร์พยักหน้าก่อนจะเดินลงจากเตียงไปทั้งตายังไม่เปิดดีรักษ์อดยิ้มให้กับความน่ารักของเด็กน้อยไม่ได้ เหลือเด็กแสบอีกหนึ่งคนที่ไม่ยอมตื่นไม่รู้จะแกล้งหลับไปถึงไหน รักษ์มองพุงขาวๆแล้วยิ้มเพราะนึกวิธีปลุกเด็กแสบได้

                “พี่อินทร์ไม่ตื่นเหรอครับ” รักษ์ถามคนนอนหลับ นิ่งไม่มีอะไรตอบกลับมาแต่รักษ์เห็นนะว่าแอบยิ้มอยู่นะ

                “แย่จังพี่อินทร์ไม่ยอมตื่นแบบนี้น้องพุงคงน่าสงสาร” รักษ์พูดอีก มองหน้าเล็กๆแล้วยิ้มขำเพราะคิ้วน้อยๆกำลังพันกันยุ้ง แต่ก็ไม่ยอมตื่น

                “ไม่ตื่นจริงๆเหรอ งั้นอารักษ์ทานน้องพุงแล้วนะ” ว่าจบปากเล็กๆก็งับลงบนพุงขาวที่เปิดโชว์ทันที รักษ์บดขยี้หน้าลงบนท้องไปมาจนเจ้าของดิ้นพล่านหัวเราะเสียงดัง

                “ฮาๆๆ อารักษ์ ฮาๆๆ พี่อินทร์ ฮาๆๆ ตื่นแล้วครับ อิอิ” เสียงเล็กร้องบอกอาคนสวยเพราะรู้สึกจั๊กจี้ อุตส่าห์จะแกล้งอารักษ์กลับโดนแกล้งกลับซะอย่างนั้น

                “ตื่นแล้วเหรอครับ ถ้าไม่ตื่นอารักษ์จะกินพุงขาวๆ นี้ให้หมดเลยชอบโชว์ดีนัก” ว่าแล้วก็ฝังใบหน้าลงบนท้องขาวอีกรอบเรียกเสียงหัวเราะของเด็กแสบอีกครั้ง รักษ์หยอกกับขุนอินทร์จนขุนจันทร์อาบน้ำเสร็จก็ปล่อยให้เจ้าตัวไปอาบน้ำบ้างหันมาหาเสื้อผ้าให้แฝดน้องที่ห่มผ้าเช็ดตัวปิดหมดทั้งตัวเหมือนดักแด้ปากน้อยๆนั้นสั่นนิดๆบ่งบอกว่าหนาว

                รักษ์จัดการแต่งตัวให้สองแสบจนเสร็จก็พากันลงมาทานข้าวเช้า ลงถึงชั้นล่างได้สองแสบก็วิ่งตามกลิ่มหอมๆของข้าวต้มกุ้งไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารทันที รักษ์ทำเพียงเอ่ยเตือนเด็กทั้งสองไม่ให้วิ่งเพราะกลัวหกล้ม ส่วนตัวเองเดินแยกเข้ามาในครัวเพื่อช่วยป้าอุ่นยกข้าวต้มไปให้สามพ่อลูกที่นั่งรอกันอยู่ที่โต๊ะ

                “ข้าวตุ้มกุ้งตัวโตๆ มาแล้วครับ” รักษ์ที่เดินถือถาดข้าวต้มร้องบอกเด็กทั้งสอง

                “เย้ๆๆ กุ้งตัวใหญ่ๆ” เด็กแสบร้องดีใจกันใหญ่ที่รู้ว่าจะได้กินกุ้งตัวโต

                “นั่งดีๆ ครับเดี๋ยวอารักษ์เอาให้” บอกเด็กๆ ที่ยืนชูไม้ชูมืออยู่ข้างโต๊ะ “ของคุณลมครับ” ว่าพร้อมกับวางข้าวต้มชามโตให้คนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์นิ่ง ลมเลทำเพียงพยักหน้ารับแล้วพับหนังสือพิมพ์เก็บ “ส่วนนี้ของพี่อินทร์และน้องจันทร์นะครับ” ข้าวต้มชามโตถูกวางลงตรงหน้าสองแฝดได้ก็รีบยกช้อนตักขึ้นทันที

                “ค่อยๆ ครับระวังมันร้อน” รักษ์เอ่ยเตือนขุนอินทร์

                “ร้อนๆๆๆ” เอ่ยเตือนคนพี่ไปแปบๆ คนน้องก็โดนเสียแล้ว

                “อาบอกแล้วว่าให้ระวัง” รักษ์บอกทั้งดูปากเล็กที่ขึ้นสีแดงระเรืองเพราะความร้อน

                ลมเลที่กินข้าวต้มอยู่ก็เหลือบมองลูกและพี่เลี้ยงอยู่ตลอดตอนแรกกะจะดุลูกที่ไม่ระวังแต่ก็พูดไม่ทันพี่เลี้ยงเลยนั่งเงียบมองทั้งสามคนเท่านั้น

                “พี่อินทร์อย่ากินเร็วไปสิครับ ค่อยๆ กิน น้องจันทร์อย่าตักข้าวหก ปากเลอะครับกินดีๆ…” เสียงรักษ์เอ่ยบอกเด็กแสบทั้งสองไม่ขาดปาก ลมเลนั่งมองอยู่นานมากรักษ์แทบจะไม่ตักข้าวกินเลยเอาแต่ดูแลสองแฝด มันก็ดีที่เห็นรักษ์ดูแลสองแฝดดีขนาดนี้ คอยสอนค่อยบอกค่อยเตือนแต่ตัวเองเล่นไม่สนใจกินข้าวเลยทำให้ลมเลรู้สึกไม่ชอบใจเท่าไร รักษ์ตัวก็ผอมข้าวยังไม่ค่อยจะกิน สองแสบนี้ก็จริงๆรู้หรอกว่าแกล้งทำให้อารักษ์เขาดูแลนะ ทำไมลูกเขาถึงเหลี่ยมจริงๆ ไปเอานิสัยนี้มาจากไหน

                “ใครตักข้าวหก ใครกินเลอะอีก ได้ไปขุดแปลงผักแน่” ลมเลเอ่ยบอกลูกตัวเอง ดูสิยังจะแกล้งออเซาะต่ออีกไหม “ส่วนนายกินข้าวเถอะอย่าไปสนใจไอ้แสบมันมาก พวกเอ็งก็นะอาเขาสอนหลายรอบไม่จำ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่” บอกรักษ์ก่อนจะต่อว่าลูกอย่างรู้ทัน ขุนอินทร์ ขุนจันทร์หน้ายู่ทันทีที่คนเป็นพ่อรู้ทัน ก็พวกเขาชอบให้อารักษ์เช็ดปากให้

                ลมเลสายหน้าให้ลูกตัวเองอย่างระอาก่อนจะตักข้าวต้มขึ้นกินอีกครั้งแต่สายตาดันไปสบเข้ากับรักษ์พอดีและรักษ์ก็ส่งยิ้มกลับมาให้ข้าวต้มที่ควรจะเข้าปากเลยหกลงบนพื้นโต๊ะเพราะตกใจกลับรอยยิ้มของอีกคนพาลให้ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา

                “พ่อไปขุดแปลงผักเลยยยยย” ขุนอินทร์ร้องบอกเสียงดัง

                “พ่อกินหกๆๆๆ ไปเลยๆๆ” ขุนจันทร์เสริมทัพเข้าอีกที

                ลมเลมองลูกตัวเองทันที ไม่คิดว่าลูกจะเล่นงานตนด้วยคำพูดที่ใช้ขู่ลูก ไอ้แฝดนี้มันแสบจริงๆ หันมองรักษ์อีกคนก็เอาแต่อมยิ้มรู้หรอกว่าจะหัวเราะเขา

                หลังมื้อเช้าที่แสนวุ่นวายลมเลก็แยกเข้าไปดูคนงานในสวนเห็นว่าวันนี้มีตัดปาล์มน้ำมัน รักษ์เองก็อยากไปดูเพราะไม่เคยเห็นแต่ไม่ได้เขาต้องดูแลสองแฝด ลมเลบอกให้ช่วยสอนแฝดทบทวนเนื้อหาวิชาเรียนหน่อยเพราะกลัวว่าทั้งสองจะลืม ถ้าสองแฝดไม่ยอมก็ให้ขู่ไปซึ่งลมเลบอกมาเรียบร้อยว่าให้ขู่ว่าอะไร

                “เด็กๆ หยุดเล่นแล้วเอาภาษาอังกฤษมาอ่านกันดีกว่านะครับ” รักษ์ร้องบอกเด็กๆ ที่กำลังเล่นหุ่นยนตร์กันอยู่

                “พี่อินทร์ไม่อ่านได้ไหมครับ”

                “ไม่ได้ครับ”

                “น้องจันทร์ไม่ชอบเลย”

                “ไม่ชอบก็ต้องอ่านนะครับ จะได้เก่งๆ ไง” สองแสบไม่ยอมจริงๆ ด้วย

                “แต่น้องจันทร์ไม่ชอบภาษาปะกิด”

                “ภาษาอังกฤษครับ ดูสิขนาดพูดชื่อยังผิดเลย” รู้ว่าเด็กแสบนะแกล้งพูด

                “งืออออออ” ขุนจันทร์หน้ายู่ทันที ขุนอินทร์ก็เช่นกัน รักษ์เข้าใจดีเด็กๆ ก็แบบนี้พอพูดถึงเรื่องเรียนก็หน่ายทันทีแต่มันก็ปล่อยผ่านไปไม่ได้

                “เอาแบบนี้ดีไหมเราเรียนกันสองชั่วโมงแล้วก็มาทำบัวลอยไข่หวานกินกันตอนเที่ยงดีไหมครับ”                สองแสบทำหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมตกลง แบบนี้คำขู่ของลมเลก็ไม่ต้องใช้สินะ

                ตลอดเช้ารักษ์สอนให้สองแสบท่องศัพท์ และเล่นเกมส์ทายคำศัพท์ภาษาอังกฤษจากที่บอกว่าสองชั่วโมงเอาจริงๆ แล้วก็ปาไปสามชั่วโมงกว่าเพราะสองแสบสนุกกับเกมส์ทายคำศัพท์ยิ่งมีขนมกินไปด้วยยิ่งชอบกันใหญ่เลย และที่สนุกกว่านั้นคงจะเป็นศึกระหว่างพี่น้องที่แข่งกันทายคำศัพท์ใครแพ้ก็อดกินขนมงานนี้สองแฝดเลยสู้กันเต็มที่

                “เอาละอารักษ์ว่าพวกเราหยุดเล่นแล้วไปทำบัวลอยไข่หวานกันดีกว่า” รักบอกกับเด็กทั้งสอง เวลานี้ก็ใกล้สิบเอ็ดโมงแล้วถ้าไม่รีบก็กลัวว่าจะไม่ทันมื้อเที่ยง

                “เย้ๆๆ บัวลอย บัวลอย” เสียงเด็กๆ ร้องดีใจและพากันรีบลุกขึ้น

                “เก็บหนังสือให้เรียบร้อยก่อนนะครับ แล้วค่อยไปกัน” เห็นเด็กๆ เตรียมจะออกไปทั้งที่หนังสือยังวางอยู่เกลื่อนโต๊ะรักษ์เลยบอกให้เด็กๆ ช่วยกันเก็บให้เรียบร้อยเสียก่อนได้เป็นการฝึกระเบียบให้กับเด็กๆ ไปด้วย

                สองแสบพอได้ยินอารักษ์บอกก็ช่วยกันเก็บหนังสือไปจัดวางบนขั้น รักษ์เองก็ขอตัวเข้ามาเตรียมของในครัวแต่ไม่ลืมบอกสองแฝดให้ตามเข้ามาหลังจากเก็บหนังสือเรียบร้อยแล้ว

                เข้ามาในครัวก็เห็นป้าอุ่นกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร “ป้าอุ่นครับพอดีว่าผมจะทำบัวลอยไข่หวานพอจะมีของให้ทำไหมครับ” เอ่ยถามทั้งเดินดูข้าวของในครัวอย่างถือวิสาสะไม่ต้องกลัวป้าอุ่นว่าเพราะเมื่อเช้าแกอนุญาตให้ทำอะไรก็ได้ในครัวนี้

                “ในตู้ชั้นบนเลยจ๊ะหนูรักษ์” ป้าอุ่นบอกกลับมาทั้งไม่ได้หันมองยังคงง่วนกับหม้อแกงบนเตา รักษ์เองก็หันมาจัดเตรียมของสำหรับทำขนมต่อ

                “อารักษ์...” เสียงเรียกของเด็กทั้งสองทำให้รักษ์ต้องหยุดจากการนวดแป้งมามองเด็กแสบสองคนที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขา

                “อย่าวิ่งครับ” รักษ์บอกสองแสบก็ลดฝีเท้าลงทันที “ไปล้างมือเลยครับเดี๋ยวได้มาปั้นแป้งกัน” ร้องบอกอีกครั้งสองแสบก็เดินไปอ่างล้างจานทันที แต่ด้วยความที่เป็นเด็กตัวไม่ได้สูงมากเลยเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำไม่ถึงสองแสบหันยิ้มหวานให้อารักษ์ทันที รักษ์เองก็รู้ว่าสองแสบขอให้ช่วยเลยละจากการนวดแป้งหวังจะไปเปิดน้ำให้สองแสบแต่ป้าอุ่นอาสาเปิดให้เสียก่อน

                “คุณหนูเชื่อฟังหนูรักษ์ดีจังเลยนะจ๊ะ” ป้าอุ่นพูดขึ้นเมื่อเปิดน้ำให้สองแฝดเรียบร้อยแล้ว

                “ไม่หรอกครับ ก็มีดื้อบ้างตามประสาเด็กละครับ” สองแฝดเชื่อฟังเขาที่ไหนกันบทจะดื้อก็ดื้อแต่ถ้าพูดให้เข้าใจสองแสบก็เชื่อฟังแค่เลือกวิธีให้ถูกก็เท่านั้น

                “โชคดีจังที่ได้หนูรักมาเป็นพี่เลี้ยงให้คุณหนู” ป้าอุ่นพูดขึ้นมาลอยๆ แล้วหันไปสนใจกับหม้อแกงบนเตาต่อ รักษ์เองก็อยากถามว่าทำไมถึงบอกว่าโชคดีทั้งที่ตัวรักษ์เองยังไม่รู้วิธีเลี้ยงเด็กเลยก็แค่ทำถามที่ตัวเองคิดว่าดีคิดว่าควรก็เท่านั้น แต่เพราะเกรงใจเลยหันมาสนใจนวดแป้งต่อ

                “น้องจันทร์จะปั้นน้องต่ายให้พ่อ” ขุนจันทร์บอกพร้อมกับขยำแป้งในมือให้เป็นก้อนกลมๆ

                “พี่อินทร์พี่ทุเรียน พ่อชอบทุเรียน” คำบอกของขุนอินทร์ทำให้รักษ์ต้องหยุดปั้นทันทีก็ไอ้กระต่ายของแฝดน้องเขายังพ่อนึกภาพออกแต่ทุเรียนของแฝดพี่นี้สิจะออกมาหน้าตาเป็นยังไงกัน ถึงจะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ห้ามปราบอะไรเพราะไม่อยากขัดความตั้งใจของเด็กๆ แต่ก็ปวดหัวไม่น้อยที่ก้อนบัวลอยรูปกระต่ายและทุเรียนลูกเท่ากับปั้น

                “ลูกใหญ่ขนาดนี้มันจะสุกไหมค่ะคุณหนู” ป้าอุ่นที่เดินมาดูเอ่ยแซวคุณหนูทั้งสองของเขาทันทีที่เห็น

                “อารักษ์” ขุนอินทร์ร้องเรียกทัน คงอยากจะถามสินะว่ามันจะสุกไหม

                “มันก็สุกนะถ้าเราต้มนานหน่อย” บอกเอาใจเด็กๆ ไป อุตส่าห์ตั้งใจทำ “แต่ต่อไปทำให้เล็กๆ แบบนี้ดีกว่า มันจะอร่อยมากกว่านะครับ” รักษ์บอกทั้งส่งแป้งก้อนกลมเล็กๆให้เด็กๆ ดู

                “อันนี้พี่อินทร์ทำพิเศษให้พ่อ” ขุนอินทร์บอกพร้อมทั้งโชว์ก้อนแป้งให้รักษ์ดูทำให้รักษ์ยิ้มทันทีกับรูปร่างของมัน ทุเรียนจริงๆนั้นแหละ

                “พ่อตัวใหญ่ต้องกินลูกใหญ่ๆ” ขุนจันทร์บอกทั้งหยิบแป้งปั้นเป็นลูกยาวๆ เล็กๆ แล้วแปะลงบนแป้งก้อนกลมลูกใหญ่อีกที คงเป็นหูกระต่ายสินะ

                ทั้งสามง่วนกับการปั้นแป้งอยู่นานดูเวลาก็พบว่าเกือบเที่ยงแล้วเลยรีบพาขนมไปต้มดีว่าป้าอุ่นทำบ้างส่วนไว้ให้แล้วรอแค่นำแป้งไปต้มให้สุกแล้วเอาไปต้มกับกะทิอีกทีก็เป็นอันเสร็จ

                “อารักษ์เมื่อไหร่มันจะสุกละครับ” ขุนจันทร์มองก้อนแป้งสองลูกที่อยู่ในหม้อ เด็กน้อยรอนานแล้วทั้งที่ลูกอื่นก็สุกไปหมดแล้วแท้ๆ เหลือแต่น้องต่ายกับพี่ทุเรียนเท่านั้น

                .”เดี๋ยวก็สุกครับมันลอยขึ้นมาก็สุกแล้ว พี่อินทร์ยืนดีๆ เดี๋ยวตก” รักษ์บอกกับขุนจันทร์ ก่อนจะเอ่ยเตือนขุนอินทร์ที่ยืนอยู่บนเก้าอี้ให้ระวังเพราะเจ้าตัวอยู่ไม่นิ่ง รักษ์รู้ว่ายืนบนเก้าอี้มันอันตรายแต่เด็กทั้งสองอยากดูผลงานของตัวเองแต่ร่างกายไม่อำนวยรักษ์เลยอนุญาตให้ยืนบนเก้าอี้ได้และค่อยระวังให้ทั้งสองแทน

                “ลอยแล้วๆๆๆๆ อารักษ์ ลอยแล้วๆๆๆ” เสียงของสองแสบดังไปทั่วครัวเมื่อเห็นแป้งของตนเองลอยขึ้น   

                “ครับๆๆ หลบให้อารักษ์ยกขึ้นนะครับ” เด็กๆ ทำตามอย่างเชื่อฟังและเดินประกบอารักษ์ไม่ห่าง “ออกไปรอด้านนอกนะครับได้ทานข้าวเที่ยง พ่อก็คงมาแล้ว” รักษ์บอกกับเด็กทั้งสองเมื่อยกแป้งบัวลอยลงจากเตาเรียบร้อยแล้ว

                “หนูรักษ์ก็ไปกับคุณหนูเถอะจ๊ะที่เหลือป้าทำต่อให้ คุณลมแกก็มารออยู่ที่โต๊ะแล้ว” ป้าอุ่นที่พึ่งเดินเข้ามาจากจัดโต๊ะเอ่ยบอกกับรักษ์ รักษ์ก็กลัวว่าลมเลจะรอนานเลยไม่ได้ปฏิเสธคำป้าอุ่น

                “งั้นผมฝากด้วยนะครับ ไปเด็กๆ คุณพ่อรอทานข้าวอยู่”

                ทั้งสามพากันเดินออกมาจากครัวซึ่งก่อนมาก็ไม่ลืมให้สองแฝดล้างมือให้เรียบร้อยก่อนมาทานอาหาร มาที่โต๊ะก็เห็นลมเลนั่งรออยู่ก่อนแล้ว รักษ์รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันทีเพราะหน้าลมเลดูนิ่งมาก กลัวว่าจะไม่พอใจที่พาแฝดมาทานข้าวช้า

                “มัวทำอะไรกันอยู่ไอ้แสบ” ลมเลเอ่ยถามลูก นึกไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่รักษ์พาเด็กทั้งสองมาทานข้าวช้า

                “น้องจันทร์ทำบัวลอยไข่หวานให้พ่อ” ขุนจันทร์บอกพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ที่รักษ์ขยับให้

                “พี่อินทร์ก็ทำด้วย”

                “หืม” ลมเลทำเสียงอย่างสงสัย แฝดเนี้ยนะทำขนมให้เขา

                “พอดีวันนี้ทำบัวลอยไข่หวานกันนะครับ” รักษ์บอกลมเลอย่างหวั่นๆ

                “เลยช้า” ลมเลว่านิ่งๆ รักษ์ยิ่งรู้สึกหวั่นมากกว่าเดิม เพราะลมเลดูหน้ากลัว

                “เอ่อ..ครับ ขอโทษครับ” รักษ์บอกอย่างรู้สึกผิด

                “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร กินข้าวเถอะ” ปากบอกไม่ได้ว่าอะไรแต่สีหน้ามันไม่เข้ากันเลยรักษ์คิดแบบนั้น

                “วันนี้ได้ทบทวนหนังสือหรือเปล่าไอ้แสบ” อยู่ๆ ลมเลก็เอ่ยถามขึ้นมาขนาดทานข้าว

                “พี่อินทร์ท่องคำศัพท์ตั้งเยอะ”

                “น้องจันทร์ก็ท่องภาษาปะกิดนะ สนุกๆๆ ” สองแสบตอบพ่อทั้งรอยยิ้มเพราะสนุกจริงๆ ลมเลนี้ถึงกับตกใจกับคำพูดของลูกชายก็สองแสบชอบภาษาอังกฤษที่ไหนกันให้อ่านให้ท่องที่หนึ่งจะเป็นจะตายแต่นี้มาบอกว่าสนุกกันหน้าระรื่น

                “พวกเอ็งเนี้ยนะท่องศัพท์” ลมเลว่าลูกชายอย่างไม่ยอมเชื่อ

                “ไม่เชื่อพ่อถามอารักษ์ ภาษาปะกิดสนุกๆๆ” ขุนจันทร์บอกอย่างอารมณ์

                “อารักษ์บอกว่ายังไงครับน้องจันทร์” รักษ์เอ่ยทวงแฝดน้องทันทีที่ได้ยินคำที่เด็กน้อยพูดเป็นครั้งที่สอง

                “ไม่ให้พูดภาษาปะกิดครับ” ขุนจันทร์บอกทั้งยิ้มให้อย่างอ้อนๆ เผื่ออารักษ์จะไม่ทำโทษ

                “ไม่ต้องมายิ้มเลยครับ ขนมตอนบ่ายงดนะครับ” รักษ์บอกเด็กน้อย ลมเลได้แต่มองพี่เลี้ยงกับลูกตัวเองสลับกันอย่างงงๆ ว่าไปตกลงอะไรกันไว้

                “อารักษ์...น้องจันทร์จะไม่พูดแล้วให้กินขนมนะครับ” ขุนจันทร์ร้องอ้อน ขุนอินทร์เห็นขุนจันทร์โดนทำโทษก็ทำปากขมุบขมิบว่าสมน้ำน่าแฝดน้องทันที

                “ไม่ได้ครับสัญญาเป็นสัญญา ส่วนขุนอินทร์ลดขนมครึ่งหนึ่งนะครับ” บอกกับแฝดน้องแล้วค่อยบอกแฝดพี่ รักษ์เห็นนะว่าแฝดพี่ทำอะไร

                “งือออออ พี่อินทร์ไม่เกี่ยวสักหน่อย” ขุนอินทร์บอกหน้ายู่

                “เห็นนะครับว่าเมื่อกี้ทำอะไร” รักษ์ว่าก่อนจะหันมาทานข้าวต่อไม่สนใจเด็กทั้งสองที่เถียงกันเบาๆ อยู่ข้างๆ

                “สัญญาอะไรกัน” อยู่ๆ ลมเลก็ถามขึ้นมา นึกเคืองที่ทั้งสามทำอย่างกับว่าอยู่กันสามคน

                “เปล่าครับไม่มีอะไร” รักษ์ตอบ ลมเลก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะดูแล้วไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรและค่อนข้างจะโอเคเพราะแฝดดูไม่กล้าเถียงเลยลองเป็นเขาสิเถียงหัวชนฝา

                เมื่อไม่มีอะไรแล้วต่างคนก็ต่างจัดการกับอาหารตรงหน้าลมเลก็คอยเหลือบมองรักษ์ที่คอยตักอาหารให้สองแฝดตลอดดูแล้วรักษ์ดูแลสองแฝดได้ดีที่เดียว วันนี้ทานข้าวก็เงียบหูดีเพราะไม่มีเสียงแฝดเถียงกันเพราะแย่งอาหารเพราะเมื่อไหร่ที่เริ่มทะเลาะกันรักษ์ก็จะเข้ามาขัดทันทีและจัดการแบ่งอาหารให้เสร็จสรรพ

                “เดี๋ยวผมไปยกขนมมาให้นะครับ” รักษ์เอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าลมเลทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วตัวรักษ์นั้นทานเสร็จก่อนหน้านี้แล้ว แต่สองแฝดยังคงไม่อิ่มเลย

                รักษ์เดินเข้ามาตกขนมที่ป้าอุ่นทำไว้ในหม้อใส่ลงในถ้วยไม่ลืมตักน้องต่ายและพี่ทุเรียนของสองแฝดที่ตั้งใจทำให้คุณพ่อเขามาด้วย

                “ขนมๆๆๆ” เสียงของแฝดดังมาแต่ไกลทั้งที่รักษ์ยังยกไปไม่ถึงแท้ๆ

                “ขนมครับคุณลม” รักษ์บอกพร้อมกับยกถ้วยบัวลอยไข่หวานร้อนๆที่ส่งกลิ่นหอมให้ “นี้ของพี่อินทร์ และนี้ของน้องจันทร์ครับ" บอกพร้อมกับวางถ้วยขนมลงตรงหน้าเด็กน้อยก่อนจะมานั่งที่ตัวเอง

                “พ่อกินสิพี่อินทร์ทำเอง”

                “น้องจันทร์ก็ทำ”

                ลมเลมองลูกทั้งสองก่อนจะมองบัวลอยในชาม นึกแปลกใจไอ้ก้อนประหลาดที่มันอะไรกัน ถ้าเขากินเข้าไปจะไม่ติดคอตายใช่ไหม

                “นี้บัวลอยอะไรของพวกเอ็ง” ลมเลว่าทั้งยกก้อนบัวลอยในช้อนขึ้นให้ลูกดู

                “น้องต่ายๆๆๆ ของน้องจันทร์” ขุนจันทร์ร้องบอกอย่างภาคภูมิ แต่คนเป็นพ่อกลับคิ้วขมวดพยายามมองก้อนเบี้ยวๆ ที่มีหน่อแหลมๆ สองหน่อยื่นออกมานิดหนึ่ง พยายามมองเท่าไหร่มันก็ไม่เป็นกระต่ายสักทีนี้เขาต้องให้ลูกไปหัดปั้นดินน้ำมันใหม่ไหม

                “กระต่ายอะไรของเอ็งมีหน่อแหลมแบบนี้ เขาควายเปล่าเนี้ย” ลมเลว่า

                “งืออออ นั้นมันหูน้องต่ายนะพ่อ” ขุนจันทร์บอกกลับคนเป็นพ่อ มาว่าหูน้องต่ายเขาเป็นเขาควายได้ยังไง

                “แล้วนี้อะไร ใจคอพวกเอ็งจะให้พ่อกินติดคอตายหรือไงลูกใหญ่เท่าบ้าน” ลมเลว่าก่อนจะเปลี่ยนมาตักบัวลอยลูกเบี้ยวๆที่เป็นปุ่มๆทั้งลูก ดูแล้วมันไม่มีความน่ากินอยู่เลย

                “นั้นของพี่อินทร์ พี่อินทร์ทำพี่ทุเรียนให้พ่อ” แฝดพี่บอกทั้งรอยยิ้มภูมิใจเช่นกัน แต่คนเป็นพ่อหน้ายุ้งไปหมด ทั้งน้องต่ายทั้งพี่ทุเรียนมันอะไรของลูกเขากัน หันมองพี่เลี้ยงของลูกก็เห็นว่านั่งอมยิ้มอยู่

                “ทานสิครับเด็กๆ อุตส่าห์ตั้งใจทำให้” รักษ์เอ่ยบอกลมเลทั้งรอยยิ้ม ที่ยิ้มเพราะอดตลกกับสีหน้าของลมเลไม่ได้ อยากจะหัวเราะออกมาก็กลัวลมเล

                “ใช่ๆๆ พ่อชิมๆๆ อร่อยๆๆ” ขุนจันทร์ช่วยเสริม

                “เอาว่ะ” ลมเลว่าพร้อมกับตักบัวลอยพี่ทุเรียนขึ้นมา เด็กๆ มองอย่างลุ้นๆ ทันที รักษ์เองก็เช่นกัน แต่ “นายเอาไปลูกหนึ่งเด็กๆ อุตส่าห์ทำคงอยากให้นายกินด้วย ใช่ไหมไอ้แสบ” ลมเลว่าแล้วก็หย่อนพี่ทุเรียนลงในชามของรักษ์แล้วยิ้มหน้าบานที่ได้แกล้งพี่เลี้ยง รู้นะว่าแอบขำเขาอยู่

                “อารักษ์กินด้วยๆๆ” ขุนอินทร์บอกเสียงดังจ้องมองอย่างมีความหวัง รักษ์ทำอะไรได้นอกจากตักบัวลอยพี่ทุเรียนขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาคาดโทษไปให้คนส่งมาที่นั่งกินบัวลอยหน้าระรื่น ทำให้วันนี้รักษ์รู้อีกหนึ่งเรื่องของลมเลคือคนชอบแกล้ง

​*******************************************************************
ตอนที่ 4 มาแล้ววว ค่ะ ใครรอรักษ์ลมเลกันอยู่เอ่ย ใครรอลูกคู่กันอยู่เอ่ยขอเสียงหน่อยยยยยย
หายไปหลายวันเพราะใครปิดทำงานเลยเยอะนะคะ ขอโทษน่าาาาาา
เอาลูกคู่มาให้แล้วน่าาาาาา วันนี้ความแสบน้อยๆๆๆแต่น่ารักกกกกกก อ๊ายยยยยยยย อ่านอันให้สนุกน่าาา
รักคนอ่านนนนนน จุ๊ฟล้านครั้ง หากมีคำผิดต้องขออภัยนะค่ะพอดีเค้าังไม่ตรวจคำผิดเลยยยย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แฝดน่ารัก

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
แสบซนจริงๆเลยเด็กแสบ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ลูกคู่แสบวนและน่ารักมากค่ะ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
มีเด็กเข้าทีม มีชัยไปกว่าครึ่ง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
บัวลอย ไข่หวาน
ปั้นเป็นกระต่าย กับทุเรียน
แป้งหนาตั่บ จะเคี้ยวไหวหรอ
ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ น่ารัก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ตั้งโอ๋จะมาบอกว่า ขอหยุดอัพนิยายจนถึงเดือนเมษานะคะ เนื่องจากต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบบรรจุเลยไม่มีเวลานะคะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆๆนะคะ
รอเค้าหน่อยน่าาาสอบเสร็จจะรีบมาลงให้นะคะ
อย่าพึ่งทิ้งเค้าไปไหนนะตัวเอง เค้าขอโทษที่ต้องหยุดสักระยะหนึ่ง รักทุกคนนะคะ   ^3^

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0


ดวงใจในสายลม ตอนที่ 5

 หลังจากจัดการกับข้าวเที่ยงและบัวลอยไข่หวานลูกโตของสองแสบไปบอกได้คำเดียวว่า…เกือบเอาชีวิตไม่รอดเพราะบัวลอยพี่ทุเรียนและน้องต่าย แม้ภายนอกมันดูกสุกก็จริงแต่พอลองกินเข้าไปรู้เลยว่ามันหลอกลวงเพราะด้านในมันยังเป็นแป้งแข็งอยู่เลยแต่ก็ไม่มากนัก ซึ่งสุดท้ายแล้วทั้งพี่ทุเรียนและน้องต่ายก็ไม่ได้ถูกกินเข้าไปจนหมดสองแฝดดูซึมไปทันทีแต่นั้นก็แค่พักเดียวเด็กทั้งสองก็ร่าเริงขึ้นมาแถมจะมีการแก้มือใหม่ในครั้งหน้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตัวอะไรจะออกมาอีก

“พี่อินทร์ น้องจันทร์ ใส่หมวกให้เรียบร้อยครับจะได้ไปกัน” รักษ์ร้องบอกเด็กทั้งสองที่กำลังร่าเริงเพราะลมเลยอมให้ไปเล่นในสวนปาส์มน้ำมันทีีกำลังเก็บผลวันนี้

“ถ้าช้าไม่ต้องไป” เสียงคนเป็นพ่อพูดขึ้นตามมาขู่ทำให้เด็กทั้งสองต่างรีบวิ่งไปให้อารักษ์ใส่หมวกให้ก่อนจะหยอกล้อกันไปขึ้นพ่วงข้างที่จอดอยู่หน้าบ้าน รักษ์อดยิ้มให้กับความน่ารักของสองแฝดไม่ได้

“คุณช่วยเตรียมของว่างไปให้พวกไอ้แสบด้วยนะ” ลมเลร้องบอกรักษ์ที่กำลังเดินเข้าไปในครัวซึ่งก็กำลังไปเอาของว่างพอดี

“ผมเตรียมไว้แล้วละครับ” รักษ์บอกไปทั้งรอยยิ้มลมเลทำเพียงพยักก่อนจะหยิบหมวกปีกกว้างขึ้นมาใส่

“ผมออกไปรอข้างนอกนะ” บอกเสร็จก็เดินออกไปไม่ได้รอคำตอบรับจากรักษ์          หลังจากจัดของว่างเสร็จเรียบร้อยก็ลองเช็คดูอีกครั้งว่าลืมอะไรอีกหรือเปล่าดูจนแน่ใจว่าไม่ลืมอะไรรักษ์ก็รีบเดินออกไปหาสามหนุ่มที่รออยู่หน้าบ้าน รักษ์ยืนมองพ่วงข้างคันเดิมที่เคยนั่งเข้ามาวันแรกอย่างหวั่นๆเพราะยังไม่ชิน

“อารักษ์แล้ว พ่อไปกันเลย” ขุนอินทร์เมื่อเห็นรักษ์เดินเข้ามาก็ร้องบอกทันที เพราะอยากไปเล่นเร็วๆ

“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ลมเลเอ่ยถาม รักษ์แค่พยักหน้าก่อนจะก้าวขึ้นพ่วงข้าง “งั้นไปละนะ” คนประจำคนขับว่าทั้งสตาร์ทรถ

“ไปเลยครับ” หาที่ยึดได้ก็บอกให้อีกคนออกรถไป แต่ลมเลกลับปล่อยมือจากแฮนรถหันมามองหน้ารักษ์นิ่ง คนถูกมองก็อดตกใจไม่ได้ว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ทำไมคุณไม่ใส่หมวก” เสียงเอ่ยถามนิ่งๆแต่ดูดุถามขึ้น รักษ์ก็งงๆ อย่าบอกว่าที่จ้องเขานิ่งนี้เพราะเขาไม่ใส่หมวก

“เอ่อ…ผมไม่มีนะครับ แต่ไม่เป็นอะไรหรอกมันไม่ค่อยร้อนเท่าไร” บอกไปทั้งที่ความจริงแล้วมันร้อนจนรู้สึกปวดหัว ลมเลมองคนตรงหน้านิ่งปากบอกไม่ค่อยร้อนแต่หน้านี้เหงื่อเต็มแทบแดงมาก นึกหงุดหงิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูกดูแลคนอื่นได้แต่ทำไมถึงไม่ค่อยดูแลตัวเอง 

“ใส่ไป” เสียงบอกพร้อมกับหมวกปีกกว้างที่ถูกใส่ลงบนศีรษะของรักษ์ รักษ์มองขึ้นอย่างงงๆ 

“เอ่อ…ไม่เป็นอะไรครับ คุณลมใส่ไปเถอะ” รักษ์ว่าขึ้นอย่างเกรงใจคนตัวสูงที่อุส่าห์สละหมวกให้แต่ด้วยสายตานิ่งที่มองมาทำให้มือที่เลื่อนหมายจะไปถอดหมวกคืนอีกคนกลับต้องจับหมวกนั้นไว้เฉยๆแทน     

เมื่อเห็นว่ารักษ์ยอมใส่ดีๆลมเลก็จัดการขับพ่วงข้างไปตามแนวถนนที่ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ต่างๆ ที่เจ้าของสวนปลูกไว้ทำมาหากิน ตลอดทางนั้นไม่ได้ร้อนอะไรมากเพราะมีร่มไม้ค่อยให้ร่มเงา บรรยากาศธรรมดาๆที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย           

พ่วงข้างเล่นเข้ามาในสวนปาล์มน้ำมันที่สูงท่วมหัวใบของมันแผ่ปกคลุมให้ร่มเงาทำให้ไม่รู้สึกร้อนแต่กลับเย็นสบายเพราะมีสายลมพัดผ่านมาเป็นระรอกๆ พื้นที่ในสวนก็ไม่มีหญ้าขึ้นรกอย่างที่รักษ์เห็นระหว่างทางที่นั่งรถทัวร์มาที่สวนสายลม มันโล่งเตียนน่าอยู่มากเลยทีเดียวในความคิดของรักษ์           

หลังจากดื่มด่ำอยู่กับบรรยกาศที่แปลกใหม่อยู่นานรถพ่วงข้างก็ได้หยุดลงสองแฝดก็ไม่รอช้ารีบกระโดนลงจากรถจนคนเป็นพ่อต้องดุ รักษ์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเด็กถูกดุ

“นายหัวมาแล้วๆ ไปๆทำงาน” เสียงสำเนียงที่แปลกหูเอ่ยขึ้นทันทีที่รถมาถึง

“ไอ้ทั่ว ไม่เห็นกูมึงไม่ทำซินะงาน” ลมเลว่า คนตัวผอมผิวคล้ำรีบเข้ามาประจบนายทันที

“ไม่ใช่พันนั้นนะนายหัว ไอ้ทั่วนี้หยันสุดแล้วในสวน อิอิ” ทั่วรีบแก้ตัวทันทีแค่พักหน่อยเดียวเอง ทางลมเลก็ไม่ได้โกรธอะไรเพราะชินกับลูกน้องคนนี้ถึงมันจะชอบกวนแต่มันก็ขยัน

“ขยันกวนตีนกูนะซิ ไปๆทำงานๆ” ลมเลว่าอย่างไม่จริงจังนัก 

“อุ้ย” ทั่วตกใจเมื่อพึ่งสังเกตเห็นคนที่มากับนายตัวเอง รักษ์ทำเพียงส่งยิ้มให้

“นายหัวใครนั้น” ก่อนจะไปก็ไม่วายอยากรู้ ลมเลทำเพียงมองหน้าทั่วอย่างต้องการบอกว่ามึงเสือกอะไร ไอ้ทั่วเลยได้แต่เก่าหัวยิ้มแห้งแล้วเดินจากไปดูนายหัวจะหวงจังเลยคนนี้        รักษ์ได้แต่นึกตลกลูกน้องของลมเลในใจ ก่อนจะมองตามทั่วไปอย่างสนใจเพราะกำลังถือท่อนเหล็กยาวๆ และแทงบนทลายปาล์มที่อยู่สูงมาก บางต้นก็ใช้ตะขอเกี่ยว

“คุณลมเขาทำอะไรกันนะครับ” รักษ์เอ่ยถามลมเลอย่างสงสัย

“เก็บปาล์มไง” ลมเลบอกนิ่งแล้วมองดูคนงานตัดปาล์มกันต่อไป สองแสบก็วิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ รักษ์ก็อยากถามต่อแต่ก็เกรงใจอีกคน

“ไอ้แสบมานี้ๆ” ลมเลเอ่ยเรียกสองแสบทั้งกระดิกนิ้วอย่างกวนๆ ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ หันมองแต่กลับไม่เข้าไปหาเพราะรู้ดีว่าพ่อเรียกทำไม เลยวิ่งเข้ามาเกาะรักษ์แทน รักษ์เองก็อกจะงงๆ

“พวกเอ็งคิดว่ารอด” ลมเลว่าติดตลก ที่เห็นลูกทั้งสองวิ่งไปเกาะรักษ์

“พี่อินทร์ไม่เก็บนะ”

“น้องจันทร์ก็ไม่เก็บ” เด็กทั้งสองว่าขึ้นพร้อมทั้งสายหน้าระรัวไม่น่าหลงเชื่อคำชวนพ่อเลย

“อะไรกันหรือครับ” รักษ์ถามขึ้นอย่างสงสัย

“พ่อจะให้พี่อินทร์เก็บปาล์มร่วง” ขุนอินทร์รีบฟ้องทันที ลมเลทำเพียงยืนแคะจมูกมองลูกชายทั้งสองนิ่งๆ

“ปาล์มร่วง?”

“ใช่ครับ อารักษ์บอกพ่อให้หน่อยน้องจันทร์ไม่เก็บ” ขุนจันทร์รีบอ้อนทันทีเด็กน้อยอยากวิ่งเล่นมากกว่า

“มันฟังดูน่าสนุกดีนะอารักษ์ว่า” พูดไปตามประสาคนไม่เคยทำพอมีโอกาสก็อยากลอง ทางลมเลแสะยิ้มร้ายทันทีที่ได้ยินรักษ์พูด

“งั้นลองเก็บดูไหมละ” ลมเลเช็ดมือที่แคะจมูกกับกางเกงแล้วเอ่ยถามขึ้น

“แต่ผมทำไม่เป็น” รักษ์ว่า

“ไม่ยากหรอกใช่ไหมไอ้แสบ” ลมเลถามความเห็นลูกชาย สองแสบก็สายหน้ารัวทันที “งั้นเอาไปคนละใบ” ว่าทั้งยื่นกระสอบใบเล็กๆให้ทั้งสาม รักษ์ถึงกับงงว่าลมเลไปหยิบมาตอนไหน

“พี่อินทร์ น้องจันทร์ เอาไหมครับ” รักษ์ถามเด็กทั้งสองอย่างต้องการความเห็น

“อารักษ์ทำพี่อินทร์ก็ทำ”

“น้องจันทร์ทำด้วย” แล้วสองแฝดก็จับมือกันพาอารักษ์ไป ลมเลมองอย่างผู้ชนะทันที ชนะไอ้แฝดถือเป็นเรื่องใหญ่ ฮาๆๆ       

รักษ์มองเด็กทั้งสองที่ค่อยแย่งกันเก็บปาล์มน้ำมันลูกสีส้มมันวาวกันอย่างสนุก นับว่าเป็นครั้งแรกเลยที่รักษ์ได้เห็นและสัมผัสกับปาล์มน้ำมันตัวเป็นๆแบบนี้ รักษ์พึ่งรู้ปาล์มร่วงก็คือผลปาล์มที่หลุดออกจากทลายใหญ่ๆที่มองดูแล้วคงหนักหลายสิบกิโล แต่ละต้นก็ไม่ได้มีมากอะไรซึ่งสองแฝดบอกว่าเพราะมันยังไม่สุกมาก

แม้สองแฝดจะยังเด็กแต่ก็รอบรู้เรื่องในสวนคงเพราะคนเป็นพ่อคอยสอนตลอดถึงแม้การสอนของลมเลติดดูจะแปลกๆ แต่นั้นก็ทำไปเพื่อฝึกสองแฝด

“โอ๊ย!” เพราะมองสองแสบจนเพลินเลยไม่ได้สนใจมือตัวเองที่กำลังเก็บผลปาล์มทำให้ถูกหนามที่อยู่ตรงทางปาล์มน้ำมันตำเอา

“เป็นอะไร” เสียงลมเลถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงร้องของอีกคน “เปล่าครับแค่หนามตำนิดหน่อย” รักษ์บอกก่อนจะหันมาเก็บผลปาล์มต่อแต่ก็ต้องร้องซีดเพราะรู้สึกเจ็บแปลบที่ถูกหนามตำ ลมเลถอดหายใจเสียงดังทันที

“เอามือมาดูหน่อย” ว่าทั้งนั่งลงใกล้ๆ กับรักษ์

“เอ่อ…ไม่เป็นอะไรจริงๆครับ” รักษ์ยังคงยืนกราน ซึ่งคำตอบนั้นก็ทำให้ลมเลถอนหายขึ้นมาอีกครั้ง ทำไมถึงดื้อจังว่ะ

“คุณรู้ไหมหนามของปาล์มถ้าไม่เอามันออกมันจะเคลื่อนเข้าไปเรื่อยๆ จนทะลุนิ้วเลย คุณไม่กลัว?” แม้คำพูดดูเหมือนขู่ให้กลัวแต่ความจริงมันคือเรื่องจริง ซึ่งคนทำสวนรู้กันดีก็มีแต่คนตรงหน้าที่ดื้อไม่รู้เรื่อง 

รักษ์มองคนพูดแล้วอดนึกกลัวไม่ได้ไม่รู้หรอกว่าที่ลมเลบอกมันจริงหรือเปล่าแต่เขาก็กลัว มือเล็กที่เปื้อนฝุ่นเปื้อนดินเลยค่อยๆส่งไปตรงหน้าของอีกคน ลมเลยิ้มทันทีเพราะสีหน้าของอีกคนมันตลก ก็กลัวสินะ ลมเลคิด

“มันมีหนามฝังอยู่คงจะต้องบ่งออก” ว่าทั้งใช้ปลายนิ้วโป้งของตนค่อยๆ เน้นและเค้นตรงบริเวณที่หนามฝังอยู่

“โอ๊ย!” รักษ์รู้สึกเจ็บเลยชักมือกลับแต่มือใหญ่ของคนตรงหน้ารั้งไว้เสียก่อน

“ทนหน่อยมันอยู่ไม่ลึกมากเดี๋ยวก็ออก” ถึงปากจะเอ่ยบอกอีกคนแต่มือก็ไม่ได้หยุดกระทำ รักษ์ทำได้เพียงมองอีกคนอยู่เงียบๆถึงจะรู้สึกเจ็บเวลามือใหญ่กดลงมาก็ตาม

“อืม ออกแล้ว” ลมเลว่าขึ้นทั้งยิ้มให้คนตรงหน้า รักษ์ถึงกับรู้สึกใจเต้นผิดจังหวะขึ้นมา

“ขะ…ขอบคุณครับ” มือเล็กค่อยๆ เลื่อนออกจากมือใหญ่ก่อนจะหลบสายตาลมเลเพราะรู้สึกแปลกๆ ทางลมเลก็อดแปลกใจไม่ได้ที่รักกษ์มีท่าทีแปลกไปแต่ท่าทางนั้นของรักษ์มันดูน่ามองมากเหลือเกินในสายตาของลมเล ยิ่งแก้มขาวๆนั้นขึ้นสีแดงระเรืองก็ยิ่งน่ามอง

“พ่อ!” เสียงร้องพร้อมกับแรงกระแทกจากสองแฝดทำให้ลมเลที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับเสียการทรงตัว สองขาที่นั่งยงยองเกิดล้มลงทำให้เอนไปทับอีกคนที่อยู่ตรงหน้า

“เฮ้ย!” เพราะตกใจทั้งรักษ์และลมเลเผลออุทานออกมาเสียงดัง ทำให้คนงานบริเวณนั้นหันมองอย่างสงสัยทันทีและต้องตกใจกับภาพตรงหน้า

หัวใจสองดวงเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาข้างนอกเสียให้ได้ มันดังและแรงราวกับว่าทุกสิ่งบนโลกใบนี้มันหยุดเคลื่อนไหวมีเพียงหัวใจสองดาวที่กำลังทำงานอยู่เพียงเท่านั้น

“พ่อกอดอารักษ์”



*****************************************



ตอนที่ 5 มาแล้วค่ะ หายไปเป็นเดือนเพราะเตรียมตัวสอบ และสอบผ่านไปได้ด้วยดี สอบติดตัวละค่ะ ขอคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

ตอนนี้มาต่อตามปกติแล้วค่ะ

ใครยังไม่ลืมลูกคู่ขอเสียงหน่อยค่ะ รายงานตัวด่วนนนนน

เรื่องนี้้เนื้อเรื่องจะเรื่อยๆๆ ความแสบของลูกคู่จะมีมาให้เห็นเรื่อยๆๆนะคะ ความรักของนายหัวลมกะพี่เลี้ยงรักษ์ก็จะค่อยๆไปเรื่อยๆๆ อิอิ

ฝากติดตาม ดวงใจในสายลม ด้วยนะคะ




(ยังไม่ได้ตรวจคำผิด)

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
​​​

ดวงใจในสายลม ตอนที่ 6

“จะลงมาจริงๆ เหรอ” เสียงใสถามคนในสายอย่างดีใจ 

“ก็จริงฉันจะโกหกแกทำไมละรักษ์” คนในสายบอกมาทั้งเสียงขบขัน

“น้ำฟ้าอย่าโกหกฉันนะ” ถามอีกย้ำอีกครั้งเพราะกลัวจะถูกหลอกให้รอ น้ำฟ้าที่อยู่ในสายทำเพียงหัวเราะก่อนจะบอกลารักษ์ 

รักษ์มองโทรศัพท์ในมืออย่างปลงตกกับเพื่อนแสนซนคนนี้ ก็ดีใจอยู่หรอกที่น้ำฟ้าจะลงมาชุมพรแต่น้ำฟ้ามีเรียนซัมเมอร์จะมาได้ไงมันเลยทำให้รักษ์อดกังวลไม่ได้เพราะกลัวว่าเพื่อนตัวดีจะหลอกเอา แต่ก็นะเจ้าตัวบอกจะมาก็คงจะมาจริงๆถ้าอยากให้แน่ใจก็คงต้องให้ถึงสิ้นเดือนนี้ละนะเพราะเจ้าตัวบอกจะมาวันนั้น ถึงจะคิดอย่างนั้นก็อดกังวลไม่ได้เพราะเสียงหัวเราะของเพื่อนสาวทำให้รักษ์ไม่แน่ใจไม่รู้จะเล่นอะไรพิเรนอีกหรือเปล่าพอมาคิดก็กังวลไปเสียเปล่าเลยกลับเข้าไปช่วยป้าอุ่นเตรียมอาหารเช้าต่อพอได้เวลาเจ็ดโมงก็ขึ้นไปปลุกสองแฝดอย่างทุกวัน

“น้องจันทร์หล่อกว่าพ่อยังครับอารรักษ์” ขุนจันทร์ที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยพร้อมปะแป้งจนหน้าขาว ยืนเก๊กหล่อบนเตียงถามขึ้น รักษ์ยิ้มขึ้นทันทีก่อนจะนึกถึงคำถามของเด็กน้อย อยู่ๆ ภาพของลมเลที่ใส่เสื้อผ้ากลางเก่ากลางใหม่พร้อมกับเคาะจมูกลอยเข้ามาทำให้รักษ์ต้องสายหน้าระรัวเพื่อสลัดความคิดออกไป ‘คนแบบนี้หรือหล่อ’ แต่ถึงจะคิดแบบนั้นแต่จริงๆแล้วก็แค่ไม่อยากยอมรับก็เท่านั้นความคิดมันเลยชอบขัดแย้งกับความรู้สึกทุกครั้ง รักษ์ก็แค่นึกอิจฉาอีกคนก็เท่านั้นที่ดูดีได้แม้จะยืนเคาะจมูกนิ่งๆแต่แล้ว…อยู่ๆภาพเมื่อสองวันก่อนก็ฉายขึ้นมาเรียกให้หัวใจดวงน้อยๆต้องเต้นแรง ใบหน้าของลมเลที่ห่างไม่ถึงคืบนั้นสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกคนที่รดลงบนใบหน้าเขาได้ดี อุบัติเหตุแสนน่าอายที่สวนปาล์มน้ำมันวันนั้นมันทำให้ต้องใจเต้นทุกครั้งที่พบหน้าลมเล

“อารักษ์เป็นไรเหรอ ตกลงน้องจันทร์หล่อกว่าพ่อไหม” เสียงเจี้ยวจ้าวของเด็กแสบเรียกให้รักษ์ต้องหลุดจากความคิด

“หล่อครับน้องจันทร์หล่อที่สุดเลยยยย” รักษ์บอกพร้อมกับจี้พุงกะทิอย่างเมามันจนเด็กนอนหอบตัวโยน แต่ยังคงหัวเราะเสียงดังไปทั่ว

“อารักษ์” ขุนอินทร์ที่พึ่งออกจากห้องน้ำเรียกรักษ์เสียงดังพร้อมกับกระโดดกอดคอรักษ์แน่น

“แล้วพี่อินทร์ล่ะหล่อกว่าพ่อกับจันทร์เปล่าาาา” จบคำรักษ์ยิ้นทันทีสองแฝดนี้ไม่ยอมน้อยหน้ากันจริงๆ

“หล่อครับ พี่อินทร์ก็หล่อที่สุดเลย” ร้องบอกเด็กที่กำลังกอดคอก่อนจะยกตัวแสบคนพี่ให้มานั่งข้างๆตัวแสบคนน้องที่นอนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ 

“เป็นอะไรกันครับน้องจันทร์” รักษ์ถามขึ้นอย่างสงสัย

“อารักษ์ไหนบอกน้องจันทร์หล่อสุดไง” เสียงกะเง้ากะง่อยถามขึ้น คนฟังอย่างรักษ์นี้ถึงบางอ้อเลย

“ก็หล่อที่สุดทั้งสองเลยไงครับ” รักษ์บอกแก้ทั้งรอยยิ้ม

“พี่อินทร์ต้องหล่อกว่า”

“น้องจันทร์ต่างหาก อินทร์นะอย่ามามั่ว”

“จันทร์นั้นแหละมั่วเกิดหลังเค้า เค้าก็ต้องหล่อกว่าสิ”

“คนเกิดก่อนไม่หล่อ”

“หล่อ”

“ไม่หล่อ อารักษ์อินทร์กับจันทร์ใครหล่อกว่ากันนนน” พอเถียงกันไม่ได้ข้อสรุปต้องเป็นรักษ์ทุกครั้งที่ต้องค่อยตัดสิน รักษ์มองสองแสบสลับไปมาอย่างครุนคิดทั้งที่ไม่ต้องคิดอะไรมากแต่เพราะอยากแกล้งสองแฝดก็เท่านั้น ใครใช้ให้หน้าตอนรอคำตอบน่ารักขนาดนี้

“อืมมมมม” ผ่านไปสักพักรักษ์ยังเงียบ สองแสบสีหน้าเริ่มคิดหนัก รักษ์ก็ไม่เข้าใจว่าทำมันต้องจริงจังขนาดนั้น แต่ก็อย่างที่บอกหน้าสองแฝดตอนนี้ทั้งตลกทั้งน่ารักจนรักษ์เก็บรอยยิ้มไม่อยู่

“อารักษ์” สองเสียงเล็กร้องขึ้นทันที อารักษ์ชอบแกล้ง แฝดคิด

“โอเคๆ ไม่แกล้งล่ะ อืม” บอกทั้งรอยยิ้มก่อนจะกลับมาครุนคิดอีกครั้ง สองแฝดเห็นก็หน้ายู้ทันทีเพราะคิดว่าอารักษ์จะแกล้งอีก

“ตกลงน้องจันทร์หล่อที่สุดใช่ไหม” ขุนจันทร์บอกอย่างภูมิใจ

“อย่ามามั่วนะจันทร์ ต้องพี่อินทร์สิ ก็บอกแล้วว่าเค้าเกิดก่อน” พอไม่ได้คำตอบสักที่ศึกฝีปากระหว่างพี่น้องก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง รักษ์คิดว่าคงต้องหยุดการแกล้งเพียงเท่านี้ เดี๋ยวประเด็ดเกิดก่อนเกิดหลังมันจะพุดขึ้นมาอีก ก็ไม่เข้าใจขุนอินทร์เหมือนกันว่ามันเกี่ยวอะไรกับเกิดก่อน

“เอาล่ะๆๆ ไม่เถียงกันนะสรุปแล้วหล่อที่สุดทั้งสองคนเลย” รักษ์ห้ามศึกก่อนที่มันจะลากยาว “ไม่ได้ ๆ ต้องมีคนที่หล่อที่สุดคนเดียวน่าาาา” ขุนจันทร์ร้องทวงขึ้นมา

“ใช่ๆๆๆๆๆ” ขุนอิทร์เสริมอีกแรง ถ้าสองแฝดจะไม่ยอมกันขนาดนี้เป็นรักษ์ก็หนักใจนะ เอาไงดีล่ะมองสองแสบไปก็นึกหาคำตอบเพื่อยุติคำถามนี้ แต่แล้วภาพของใครคนหนึ่งก็ฉายเข้ามาในความคิดรักษ์ยิ้มขึ้นมาทันทีวังว่าจะเป็นคำตอบที่หยุดสองแฝดได้นะ

“อารักษ์รู้แล้วว่าใครหล่อสุด” รักษ์บอกทั้งยิ้มกว้างสองแสบก็ตั้งตารอคำตอบอย่างจดจ่อ อย่างรู้จริงเรื่องอื่นสนใจเท่านี้หรือเปล่า

“คนที่หล่อที่สุดก็…พ่อของพี่อินทร์กับน้องจันทร์ไง” 

“ขอบคุณที่ชมผม จะลงไปกินข้าวกันได้หรือยัง”

“พ่อ” ขุนอินทร์ขุนจันทร์เอ่ยเรียกอย่างตกใจ ผิดกับรักษ์ที่นั่งตัวนิ่งไม่กล้าขยับ ไม่รู้ว่าลมเลมาตอนไหนเพราะไม่ได้ยินเสียงประตู แล้วแบบนี้จะกล้ามองหน้าอีกคนได้ไงเรื่องเก่าไม่จบเรื่องใหม่ก็ดันมาให้ตายเถอะรักษ์

ทางลมเลก็ไม่คิดหรอกว่าจะมาได้ยินใครอีกคนกำลังชมเขาอยู่ก็แค่จะมาตามให้ไปกินข้าวเพราะถึงเวลามานานแล้วทั้งสามก็ยังไม่ยอมลงกันมาเสียที

“เอ่อ…คือ…ขอโทษครับ” รักษ์เอ่ยบอกทั้งไม่ยอมมองหน้าอีกคน

“เรียบร้อยแล้วก็ลงไป” ลมเลบอกสองแสบก็รีบลงจากเตียงลงไปด้านล่างทันที ยังเหลือ็แต่รักที่นั่งนิ่งๆ ไม่ยอมขยับ ก็หัวใจมันเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา ใบหน้านั้นก็รับรู้ได้ถึงแรงสูบฉีดของเลือดได้เป็นอย่างดีตอนนี้หน้าคงแดงไปหมด

“ไม่ลงไปหรือไง” เพราะเห็นว่ารักษ์ยังนั่งนิ่งเลยร้องถามขึ้น

“ปะ…ไปครับ คุณลงไปก่อนเลย” ถ้าไปตอนนี้มีหวังลมเลต้องเห็นหน้าแดงๆนี้แน่

“ก็ไปพร้อมกันสิ” รักษ์อยากจะบอกเหลือเกินถ้าไม่มีอาการแปลกๆแบบนี้ก็อยากลงไปพร้อมกันอยู่หรอก แต่นี้ไม่ใช่

“เออ…”

“ลีลาอยู่ได้เร็วๆ ฉันหิว” จะไปก่อนอีกคนก็ได้แต่เพราะเห็นท่าทางแปลกๆของรักษ์เลยไม่อยากทิ้งอีกคนไว้ ไม่รู้ว่าไม่สบายหรือเปล่าเพราะสังเกตเห็นใบหน้าของรักษ์แดงผิดปกติ 

“ครับ…งั้นไปกัน” รักษ์บอกพร้อมกับรีบลุกจากเตียงเดินมุ่งไปที่ประตูทันทีแต่พอจะก้าวเดินออกไปกลับมีท่อนแขนใหญ่ของลมเลมากั้นเอาไว้

“ไม่สบายหรือเปล่า” ลมเลถาม รักษ์รีบสายหน้าทันที

“แล้วทำไมต้องก้มหน้าขนาดนั้น”ถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะตั้งแต่เข้ามารักษ์เอาแต่ก้มหน้าตลอด คำตอบของอีกคนก็คือการสายหน้าอีกครั้ง ลมเลถอนหายใจเฮือกใหญ่มือหนาละจากขอบประตูมากอดอกจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง

“ผมขอตัวนะครับ” บอกจบก็รีบก้าวเดินทันทีแต่ก็ต้องหยุดเพราะถูกรังมือไว้จากคนตัวใหญ่ข้างๆ ตอนนี้หัวใจของรักษ์ยิ่งเต้นเร็วมากนึกสงสัยตัวเองว่าเป็นอะไร คงจะต้องหาเวลาไปหาหมอแล้วล่ะทำไมพออยู่ใกล้ลมเลทีไรหัวใจถึงทำงานผิดปกติแบบนี้

“ตัวก็ไม่ร้อน” ลมเลว่าพร้อมกับมือหนาที่เลื่อนออกห่างจากหน้าผากมนตอนไหนกันลมเลไปแตะตอนไหนกันพอมาคิดตอนนี้ใบหน้าขาวที่ขึ้นสีแดงระเรืองอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นหัวใจก็เต้นรัว เป็นอะไร คำถามนี้ได้แต่วนไปวนมาในหัวของรักษ์

“ทำไมหน้าแดงขนาดนั้นเป็นอะไรมากหรือเปล่า” ถามด้วยความห่วงใยเห็นว่ารักษ์หน้าแดงมากขึ้น

“ผมไม่เป็นอะไร ไปกันเถอะครับ” กว่าจะรวบรวมสติเพื่อตอบอีกคนไปก็นานพอดู ทางลมเลก็ไม่อยากเซ้าซี้อีกคนมากเลยปล่อยไป

รักษ์พอถูกปล่อยก็รีบลงมาด้านล่างทันทีแต่ที่หมายไม่ใช่โต๊ะทานข้าวแต่เป็นแปลงดอกไม้ข้างบ้านแทน

ระหว่างทางก็เจอป้าอุ่นแกเรียกให้ทานข้าวก็บอกปัดไปจะให้ไปทานพร้อมกับลมเลตอนนี้คงไม่ดีแน่ๆเลยหันมารดน้ำตดอกไม้ที่ปลูกไว้ข้างบ้านแทน ทางลมเลลงมาก็ไม่พบอีกคนก็อดสงสัยไม่ได้

“หนูรักษ์แกไปรดน้ำดอกไม้จ๊ะ เห็นบอกว่ายังไม่หิว” ป้าอุ่นไขข้อสงสัยให้เมื่อเห็นว่านายหัวลมของแกเที่ยวมองหาใครอีกคน ลมเลเพียงพยักหน้าแล้วหันมาจัดการข้าวเช้าที่อยู่ตรงหน้า 

“เล่นอะไรกันทำไมไม่ยอมลงกันมาไอ้แสบ” ลมเลเอ่ยถามลูกชายทั้งสองที่ตั้งหน้าตั้งตากินไม่ยอมพูดจา

“แข่งกันว่าใครหล่อกว่ากัน พ่อว่าพี่อินทร์กับจันทร์ใครหล่อที่สุด” ขุนอินทร์บอกพร้อมคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบที่พอใจสักที

“ก็พ่อไงหล่อสุด” ลมเลว่าพร้อมกับท่าเก๊กหล่อข่มลูกชาย

“พ่อมั่ว อารักษ์ก็มั่ว น้องจันทร์สิหล่อสุด”ขุนจันทร์เถียงขึ้นอย่างไม่ยอม

“ใครมั่วอะไร พวกเอ็งสิมั่ว เป็นเด็กเป็นเล็กจะรีบหล่อไปไหน” ลมเลว่า

“ที่พ่อยังหล่อได้เลย” ขุนอินทร์

“ใช่ๆๆๆ อารักษ์ยังบอกพ่อหล่อ” ขุนจันทร์เสริม 

“หึหึ” ลมเลทำเพียงยกยิ้มมุมปาก ที่บอกว่าเขาหล่อเพราะสองแสบสินะ ถึงไม่รู้ว่าทำไมรักษ์บอกสองแสบแบบนั้นแต่เรื่องนี้มันทำให้ลมเลหยุดยิ้มไม่ได้จริงๆ 

ทั้งโต๊ะอาหารตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งคงมีก็แต่เสียงช้อนที่กระทบกับจานดังมาเป็นระยะๆ แต่แล้วการกินอาหารเช้านี้ก็ต้องจบลงเพราะเสียงร้องดังของคนที่ไม่ได้มาร่วมโต๊ะในวันนี้

ว๊ากกกกกกกกก

ลมเลรีบวางช้อนแล้วลุกไปตามเสียงร้องทันที ขุนอินทร์ขุนจันจันทร์ก็เช่นกันวิ่งตามหลังคนเป็นพ่อไปติดๆ

“รักษ์ !” ลมเลเรียกเสียงดังอย่างตกใจก่อนจะรู้สึกถึงแรงกอดรัดที่คอแน่น หัวเล็กๆซุกที่ซอกคอจนลมเลรู้สึกจั๊กจี้

“ว๊ากก คุณๆ มะ…มันมาๆๆๆ” เสียงเล็กบอกอย่างตื่นกลัวมือขาวก็ชี้ไปตรงข้างกระถางต้นไม้ ลมเลมองตามมือก็ต้องตกใจไม่ใช่ตกใจกับสิ่งที่เห็นแต่ตกใจกับอาการของคนที่กอดคอเขาแน่นกลัวตัวนี้หรือ

“กิ้งกือ?” เสียงขุนอินทร์พูดขึ้นมาอย่างงงๆ มองสัตว์ตัวยาวสีดำที่มีขาเยอะเกินสัตว์ปกติกำลังเคลื่อนมาทางพากเขา แต่แล้วสัตว์ตัวน้อยก็ต้องมวนกลมเพราะถูกไม้ในมือขุนจันทร์แย้เอาก่อนจะเขี่ยก้อนกลมๆนั้นมาทางลมเลและรักษ์

“ว๊ากกกกกกก” รักษ์ร้องเสียงดังเมื่อเห็นสัตว์ก้อนกลมนั้นกำลังมาทางนี้ เท้าน้อยๆเคลื่อนตัวอัตโนมัติขึ้นเกี่ยวตัวของลมเลแน่นราวกับลูกลิงเกาะแม่ลิง

“ฮาๆๆๆ อารักษ์กลัวกิ้งกือ” ขุนจันทร์ร้องขึ้นอย่างขบขัน ขุนอินทร์ก็สมโรงด้วยเช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่ลมเลที่ยังขำอีกคน กลัวจนเกาะเขาแน่นเลย ทางรักษ์เพราะกลัวมากๆเลยไม่ได้สนใจว่าตัวเองอยู่สภาพไหนขอแค่ให้พ้นจากตัวน่าขนลุกนั้นได้ก็พอ

“อะ…เอามันออกไปไกลๆ น้องจันทร์” รักษ์ร้องบอกทั้งยังไม่ยอมมองเอาแต่ซุกหน้ากับคอของลมเลแน่น ขาที่กำลังจะร่วงหล่นก็ยกไปขึ้นเกี่ยวอีกจนลมเลต้องช่วยจับไว้เพราะกลัวอีกคนตกถึงจะรู้สึกว่ามันจะแปลกๆก็เถอะ เหมือนมีลูกตัวโตๆเลยลมเลคิด

“หึหึ ขุนจันทร์เอามันออกไป” เพราะเห็นใจเลยบอกให้ขุนจันทร์ช่วยเขี่ยไปไกลๆ ขุนจันทร์ก็ไม่รอช้ารีบเอาไม้เขี่ยไปจนก้อนสัตว์กลมๆนั้นออกไปไกลและมีขุนอินทร์วิ่งไปเขี่ยอีกทีจนมองไม่เห็นตัวนั้นอีก “อารักษ์มันไปแล้ว” ขุนอินทร์บอกทั้งรอยยิ้ม คนที่ซุกหน้าอยู่ขยับนิดหน่อยเพราะไม่ยังกลัวอยู่ “ไม่มีแล้วจริงๆอารักษ์ ฮาๆๆ” ขุนจันทร์ช่วยเสริมอีกแรงแต่ก็อดขำอารักษ์ไม่ได้ กลัวสัตว์ตัวเล็กนิดเดียว “จะ…จริงเหรอ” เสียงเล็กที่ยังสั่นอยู่ถามออกมาเพื่อความแน่ใจก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่มีแล้วจริงๆ “เฮ้อออออ” ถอดหายใจเอย่างโล่งอกที่ไม่เห็นสัตว์น่าขนลุกนั้นแล้ว ไม่อยากจะบอกสิ่งที่กลัวที่สุดก็มันนี้แหละ

“คุณจะลงได้ยังผมหนัก” อยู่ๆ เสียงนิ่งๆของลมเลก็เอ่ยดังอยู่ข้างหู รักหันมองทันทีก่อนจะตกใจรีบปล่อยมือออกจากคอของลมเล ขาเล็กสองข้างก็เช่นกันทุกกอย่างถูกปล่อยออกอย่างไม่ระวังทำให้รักษ์เสียหลักลงไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพื้นอะไรมันจะน่าอายซ้ำซ้อนขนาดนี้พอคิดได้ใบหน้าขาวก็แดงขึ้นมาทันที 

“เอ่อ…ผะ…ผมขอโทษ” พูดไปทั้งไม่ยอมมองหน้าอีกคน

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร หึหึ” ลมเลว่า รักเหลือบมองทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะของอีกคน สองแฝดก็เช่นกันหัวเราะอยู่ได้ก็คนมันกลัวจะให้ทำไงได้ รักษ์รู้สึกอายจนแถบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ตกใจกลัวไม่พอยังไปกระโดดเกาะเขาอีกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันทีนี้

“หึหึ ไม่ยักจะรู้ว่าคุณจะกลัวสัตว์ตัวนิดเดียวขนาดนี้ ตัวมันยาวๆออกจะน่ารัก หึหึ” ลมเลเอ่ยแซวอีกคนก็เข้าใจว่าคนเรามันต้องมีสิ่งที่กลัวแต่ไม่คิดว่ารักษ์จะกลัวจนสติหลุดขนาดนี้ ก็ตลกดี

“ผมไม่ใช่แม่นาคนะที่จะพิษวาสมัน” ตัวอะไรน่าขนลุกชะมัดตัวก็ยาวขาก็เยอะยิ่งกว่าล้อไฟ

**********************************

มาแล้ววววว มาช้าหน่อยนะคะพอดีตั้งโอ๋ทำงานไม่ค่อยว่างเลย ไปอ่านกันเลยค่ะ ตอนที่ 6

ยังไม่ได้ตรวจคำผิดเจอตรงไหนช่วยบอกด้วยนะคะ

#ลูกคู่ ใครคิดถึงแสดงตัวด่วนนนนนน

รักคนอ่านน่าาาาาาาา

ออฟไลน์ Spenguin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0


ดวงใจในสายลม ตอนที่ 7



“คุณย่าาาาาาา” เสียงสองแฝดร้องเสียงดังเมื่อรักษ์จอดรถอยู่หน้าบ้านสองชั้นขนาดใหญ่ ก่อนจะรีบลงจากรถวิ่งเข้าไปหาคนเป็นย่าที่นั่งอยู่โต๊ะไม้หน้าบ้าน

“ว่าไงลูกคู่ มาให้ย่าหอมคนละที” ว่าจบก็รั้งเด็กทั้งสองที่เกาะอยู่ที่เอาไปหอมคนละที

“พี่อินทร์คิดถึงคุณย่า”

“น้องจันทร์ก็คิดถึงมาก”

สองพี่น้องพูดเสียงหวานเอาอกเอาใจคุณย่าทันที ซึ่งก็รู้ดีที่ว่าคิดถึงจริงๆนะไม่ใช่คนแก่อย่างเขาหรอกเป็นขนมซะมากกว่า

“คิดถึงย่าหรือขนมของย่ากันแน่ลูกคู่” เธออดที่จะเอ่ยแซวหลานชายตัวน้อยไม่ได้

“ก็คิดถึงทั้งสองอย่างครับ อิอิ” เป็นคนพี่ที่ตอบขึ้นมาแฝดคนน้องก็พยักหน้าช่วยเสริมอีกที

“สวัสดีครับคุณป้า” รักษ์ที่พึ่งเดินเข้ามาเอ่ยทักทาย

“สวัสดีจ๊ะลูก นั่งก่อนๆ” ญาดาทักทายกลับด้วยรอยยิ้ม มองหน้าเพื่อนสนิทของลูกสาวที่ตอนนี้มาเป็นพี่เลี้ยงของหลานเธอแล้วต้องยิ้มในใจทุกทีเด็กอะไรช่างน่ารัก เธอนึกถูกชะตากับรักษ์ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกยิ่งได้รู้นิสัยใจคอของอีกคนญาดาแทบอยากจะได้มาเป็นลูกอีกคน

“ผมเอาขนมโคมาฝากครับ” ว่าทั้งวางถุงขนมให้ญาดาบนโต๊ะ

“น้องจันทร์ทำเองเลยน่าาาา”

“พี่อินทร์ก็ทำ อร่อย คุณย่าลองกิน”

“ลูกคู่ทำเองเลยเหรอแล้วย่าจะกินได้ไหม หึหึ” เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวหลานแฝด

“คุณย่าอ่าาาาาา” สองแสบหน้ายู่ทันที จนคนเป็นย่าหัวเราะเสียงดังเพราะได้แกล้งหลานชาย

“รักษ์ทำเหรอลูก” ละจากสองแฝดก็หันมาถามพี่เลี้ยงที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะนึกขันสองแสบ

“ครับ ไม่รู้ว่าจะพอได้ไหมคุณป้าลองชิมดูนะครับ” รักษ์บอกอย่างไม่มั่นใจเพราะพึ่งเคยทำครั้งแรกโดยมีป้าอุ่นคอยสอนเลยกลัวเรื่องรสชาติ

“พี่อินทร์แกะให้คุณย่าน่าาา” ว่าจบมือเล็กๆก็รั้งถุงขนมไปก่อนจะหยิบกล่องพลาสติกขนาดกลางมาเปิดออก เผยให้เห็นขนมก้อนกลมๆที่คลุกเคล้าไปด้วยมะพร้ามขูดที่ส่งกลิ่นหอม และเป็นขุนจันทร์ที่ตักขนมขึ้นมาป้อนให้ญาดา เธอยิ้มรับก่อนจะรับขนมสีขาวนั้นเข้าปาก

“อร่อยไหมครับคุณย่า” ขุนจันทร์ถามทันทีที่ญาดากินเข้าไป เด็กทำทั้งสองจองมองญาดาอย่างลุ้นๆ รวมทั้งรักษ์เองด้วย

“อร่อยมากครับ” เธอบอกทั้งดึงแก้มสองแฝดคนละที

“เย้ๆๆๆๆ อารักษ์อร่อย” เด็กทั้งสองร้องเฮขึ้นทันทีที่ญาดาตอบ และไม่ลืมหันไปบอกอารักษ์ของเขาพร้อมกับยิ้มโชว์ฟันขาวสองแฝดภูมิใจมากที่ขนมออกมาอร่อยเพราะทั้งสองทั้งใจคลุกมะพร้าวขูดสุดฝีมือ รักษ์เองก็รู้สึกโล่งอกที่ขนมออกมาอร่อย

“ทำเก่งจังเลยรักษ์” ญาดาหันมาชมทั้งตักขนมเข้าปากอีก รสเค็ม ๆ มัน ๆ ของมะพร้าวขูดที่คลุกอยู่รอบนอกตัดกับความหวานของมะพร้าวที่ผัดกับน้ำตาลและความหนึบของแป้งได้เป็นอย่างดีพอกินไปแล้วก็รู้สึกอยากจะกินอีก ต้องยอมรับเลยว่ารักษ์ทำอร่อยมากจริงๆ

“ไม่เท่าไรหรอกครับผมพึ่งเคยทำครั้งแรกเอง แล้วคุณลุงไปไหนละครับ” รักษ์บอกอย่างถ่อมตัว.ก่อนจะถามหา พายุ ซึ่งเป็นสามีของญาดาและนั้นก็หมายความว่าเป็นพ่อของยายน้ำฟ้ากับคุณลมนั้นเอง

“อยู่ที่ห้วยหลังบ้านนะลูก” เธอว่าทั้งกินขนมไปด้วย

“ห้วย?” รักษ์รู้สึกงงๆกับคำว่าห้วย มันคืออะไร

“ดูทำหน้าเข้าสิ” เธอนึกตลกสีหน้าของรักษ์

“พี่อินทร์ไปหาปู่ได้ไหมครับ” ขุนอินทร์ที่นั่งกินขนมอยู่ร้องถาม ทางขุนจันทร์ละจากขนมหันมาส่งสายตาขอด้วยอีกคน

“กินเยอะไปแล้วนะครับ ถ้าปวดท้องขึ้นมาไม่ต้องมาขอให้อารักษ์ช่วยเลย” ว่าทั้งมองขนมในกล่องใหญ่แล้วต้องกุมขมับก็สองแฝดกินไปตั้งเกือบครึ่งหนึ่งแล้วจะไม่อะไรเลยถ้าก่อนหน้านี้สองแฝดไม่ได้กินมาก่อน กินเยอะไปแล้วถ้าปวดท้องจะตีซ้ำเข้าให้ รักษ์คิด ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ยิ้มออดอ้อนทันทีเพราะรู้ว่าตัวเองผิดก็อารักษ์บอกไว้แล้ว แต่ขนมมันอร่อยจะให้อดใจไหวได้ไงละเด็กน้อยคิด

“เหนื่อยแย่เลยสิลูก” ถามรักษ์นึกกังวลก็หลานชายเขาเรียบร้อยซะที่ไหนกันถ้าคนเดียวว่าไปอย่าง พี่เลี้ยงคนก่อนๆ เลยอยู่ไม่ยึดสักคน

“ไม่หรอกครับขุนอินทร์ กับขุนจันทร์ไม่ได้ซนอะไรมากครับ” รักษ์บอกไปตามตรง ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ซนก็จริงแต่ก็ตามประสาเด็กเราก็แค่คอยดูคอยตักเตือนซึ่งรักษ์โชคดีที่สองแฝดค่อนข้างเชื่อฟังรักษ์ ก็อดสงสัยไม่ได้ที่ใครๆ ว่าสองแฝดแสบนักแสบหนามันใช่จริงหรือเปล่า

“น้อยไปสิลูกเมื่อก่อนใช่แบบนี้ที่ไหนกัน ก่อนรักษ์มาป้าปวดหัววันละสิบรอบ” เธอว่าทั้งยกมือกุมขมับเมื่อนึกถึงวีรกรรมของหลานวันหนึ่งมีเรื่องให้พี่เลี้ยงต้องฟ้องเป็นสิบเรื่อง

“ขนาดนั้นเลยหรือครับ”

“ใช่นะสิลูก ไม่เชื่อถามเจ้าตัวเขาสิ ใช่ไหมลูกคู่” เธอบอกทั้งเอ่ยถามหลานรักทั้งสอง

“พี่อินทร์ไม่ได้ซน”

“พี่จันทร์ก็ด้วย”

สองแสบร้องบอกทันทีก็พวกเขาแค่เล่นเฉยๆ เอง ใครใช้ให้พี่เลี้ยงมาตีพวกเขากันซึ่งเรื่องนี้สองแฝดไม่ได้บอกกับใคร และอีกอย่างสองแฝดไม่ชอบเลยที่พี่เลี้ยงชอบมายุ่งกับพ่อลมของเขาเลยแกล้งพี่เลี้ยงไปเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ร้ายแรงจริงๆ นะสองแฝดยืนยัน

“ครับๆๆ ไม่เลยแค่ทำพี่เลี้ยงอยู่ไม่ได้แค่นั้นเอง เนอะลูกคู่” ญาดาตอบรับแต่ก็ไม่วายเหน็บแนมหลายชายทั้งสอง

“อารักษ์น้องจันทร์ไม่ซนจริงๆ น่า” มาแล้วลูกหมาตัวที่หนึ่งเสียงอ้อนมาเลยแบบนี้จะเชื่อได้จริงๆหรือรักษ์คิด

“ใช่ๆๆๆ อินทร์กับจันทร์เป็นเด็กดี” ขุนอินทร์พูดเสริมขึ้นมาอีก สายตาไม่ต้องถามวิ้งๆ มาเชียว

“ครับๆๆ ไม่ซนก็ไม่ซน” รักษ์บอกไปสองแสบก็ร้องเย้เสียงดังดีใจที่ิอารักษ์เชื่อ กับอารักษ์ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ไม่ดื้ออยู่แล้วก็ในเมื่อพวกเขาชอบอารักษ์มากๆๆๆ

“จริงๆ เลยนะลูกคู่” ญาดาว่าอย่างหน่ายๆ แพ้ลูกอ้อนสองแสบกันไปซะหมดทุกคน “ดีจริงๆเลยที่รักษ์มาดูแลลูกคู่” ญาดาพูดตามที่รู้สึกจริงๆ เธอสัมผัสได้ว่ารักษ์ตั้งใจและเอาใจใส่สองแฝดมาก ลูกคู่ของเธอก็ดูจะเชื่อฟังรักษ์เป็นพิเศษและดูเหมือนเด็กทั้งสองรู้จักทำอะไรด้วยตัวเองได้ในหลายๆ เรื่อง ก็สองแสบตามติดอารักษ์แจอารักษ์ทำอะไรสองแฝดก็ทำด้วยเลยได้ฝึกอะไรหลายๆ อย่างไปในตัวซึ่งข้อนี้ญาดาก็พอรู้มาบ้าง “ย่าว่าไปหาปู่กันดีกว่า”

ญาดาพารักษ์และสองแฝดเดินมาตามทางเดินเล็กๆ หลังบ้าน บ้านหลังนี้ก็ไม่ต่างจากบ้านของลมเลเลยรอบๆ บ้านต้นไม้เต็มไปหมดและส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกผลไม้ทั้งนั่น มีทั้งมังคุด ทุเรียน ขนุน กล้วย เงาะ มะม่วง และต้นอื่นๆ ที่รักษ์ไม่รู้จักก็มี ทุกอย่างปลูกผสมกันไปอย่างละไม่กี่ต้นเท่านั้น ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าทุกอย่างออกพร้อมกันมันจะน่าตื่นเต้นแค่ไหนเป็นรักษ์คงจะเลือกกินไม่ถูกเป็นแน่

ทางเดินเล็กๆ ที่ตัดในสวนนั้นร่มรื่นมากคงเพราะมีต้นไม้คอยเป็นร่มกันแดดให้เลยไม่รู้สึกร้อนยิ่งเวลาที่สายลมพัดมาก็ให้ความรู้สึกเย็นสบาย รักษ์สูดลมเข้าไปจนเต็มปอดก่อนจะปล่อยมันออกมาช้าๆ อากาศที่ไร้ซึ่งฝุ่นควันนั้นมันสดชื่น รู้สึกโปร่งสบาย การอยู่ท่ามกลางต้นไม้นี้มันดีจริงๆ จนรักษ์อดนึกอิจฉาคนที่นี้ไม่ได้ที่มีอากาศบริสุทธิ์แบบให้สูดดม

“ถึงแล้วละลูก” เสียงของญาดาทำให้รักษ์ตกใจเพราะเอาแต่ชื่นชมอยู่กับบรรยากาศรอบๆ เลยไม่ได้สังเกตเลยว่ามาถึงแล้วพอมองไปก็เห็นสองแฝดวิ่งไปกระโดดเกาะคุณปู่ของเจ้าตัวเรียบร้อยแล้ว

“บรรยากาศดีจังเลยครับคุณป้า” รักษ์บอกพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ อีกครั้ง “คุณลุงสวัสดีครับ” รักษ์ร้องทักทายพ่อของน้ำฟ้าอย่างเป็นกันเองเพราะเคยเจอกันมาหลายครั้งแล้ว

“หวัดดีๆ ลูก” พายุบอกทั้งยังวุ่นวายกับสองแฝดที่แย่งกันเกาะหลัง “พวกเอ็งปล่อยปู่ก่อน” บอกกับลูกลิงสองตัวที่เที่ยวเกาะหน้าเกาะหลัง

“คิดถึงปู่” ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ ว่าอย่างจริงจังทำเอาคนเป็นปู่ยิ้มหน้าบาน ทั้งที่พึ่งเจอกันเมื่อวันก่อน

“รู้แล้วๆ แต่ปล่อยปู่ก่อนเกาะแบบนี้ปู่ทำงานไม่ได้” พายุบอกหลานทั้งสอง

“ทำอะไรหรือครับ” รักษ์ถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อมองไปก็เห็นสะพานไม้เล็กๆ ที่ทอดไปอีกฝั่งของลำน้ำเล็กๆ ที่เป็นสายยาวญาดาเคยบอกว่าน้ำพวกนี้มาจากบนเขาสูงที่มองไปจากตรงนี้ก็เห็นภูเขาขนาดใหญ่สีเขียวขจี สายน้ำใสสะอาดค่อยๆ ไหลอย่างเชื่องช้ามีฝูงปลาตัวน้อยๆ วายไปมา

“ซ่อมสะพานนะลูก”

“พี่อินทร์ช่วย” ขุนอินทร์เสนอตัวช่วยขึ้นมาทันทีพอเห็นว่าปู่กำลังทำงาน

“น้องจันทร์ก็ช่วยด้วย” ขุนจันทร์ก็ไม่ยอมน้อยหน้าไปกว่ากัน ทำเอาคนเป็นปู่แปลกใจร้อยวันพันปีไม่เคยขอช่วยอะไรเล่นอย่างเดียวแท้ๆ

“จะช่วยหรือจะมาป่วนกันแน่ไอ้แสบ”พายุว่าแอบหลานชาย

“ช่วยจริงๆ ครับ” ขุนจันทร์ตอบ ขุนอินทร์พยักหน้าสมทบ รับส่งกันดีจริงๆแฝดคู่นี้

“ลูกคู่มานั่งกับย่าตรงนี้ดีกว่า” ญาดาเอ่ยเรียกเมื่อจัดการปูเสื่อผืนเล็กที่ถือติดมือมาด้วย

“แต่พี่อินทร์จะช่วย” แนะยังไม่ยอม ทำเอาปู่กับย่าต้องสายหน้า

“ไม่ได้ครับ พี่อินทร์กับน้องจันทร์ไปนั่งกับคุณย่านะครับ” รักษ์ช่วยพูดอีกแรง

“แต่…”

“เชื่ออารักษ์นะครับ” รักษ์พูดขัดสองแสบเด็กทั้งสองมีสีหน้าลังเลขึ้นมาทันที แต่พอรักษ์ยิ้มกว้างพร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ เป็นแกมขอร้องสองแสบก็ยอมเดินไปหาญาดาแต่โดยดีรักษ์ยิ้มให้สองแสบอีกครั้งอย่างชื่นชม จะมีก็แต่ญาดาและพายุที่ได้แต่แปลกใจก็เคยมีที่ไหนที่สองแสบจะยอมดีๆนะ

“ผมช่วยนะครับคุณลุง” ส่งยิ้มหวานให้สองแสบเรียบร้อยก็หันมาหาคนสูงวัย

“ไม่ต้องๆ ลูก อีกแค่นิดเดียวเอง” พายุบอกห้าม เขาทำตั้งแต่หลังกินข้าวเที่ยงตอนนี้ก็บ่ายสามแล้วงานที่ทำเลยเหลือแค่ตอกไม้ตรงหัวสะพานอีกฝั่งนิดเดียวเท่านั้น

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมช่วยยกไม้ไปให้” รักษ์บอกก่อนจะเดินไปยกแผ่นไม้ที่เหมือนกับพายุถืออยู่

“ตามใจๆ งั้นถือไปให้ลุงฝั่งนู้นทีนะ” เมื่อเห็นว่าอีกคนอยากช่วยก็ไม่ขัด แต่เอาจริงๆแล้วขัดไม่ได้เพราะรักษ์ยกไม้ไว้ในมือแล้วเรียบร้อย

“ได้ครับ” ตอบรับเสร็จก็เดินตามพายุไปบนสะพานไม้ทันที พอมาเดินบนสะพานที่ไร้ซึ่งรั้วกั้นก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ระยะทางไม่ได้ไกลมากนักเพราะลำน้ำกว้างแค่ประมาณสี่เมตรเท่านั้น

“อารักษ์ อารักษ์” เสียงขุนอินทร์ ขุนจันทร์ ร้องเรียกมาจากอีกฝั่งมือเล็กๆของเด็กทั้งสองโบกไปมาให้รักษ์ คนถูกเรียกยิ้มให้ก่อนจะโบกมือตอบ

“ไปเล่นกับลูกคู่เถอะ ตรงนี้เดี๋ยวลุงทำเอง” พายุบอกทั้งยิ้ม

“ก็ได้ครับ” ถึงอยากอยู่ช่วยแต่พอพายุบอกแบบนั้นก็ไม่อยากขัดรักษ์เลยเดินกลับมาหาสองแฝดและญาดาที่นั่งคุยกันอยู่บนเสื่อ

“คุยอะไรกันอยู่ครับ” นั่งลงข้างๆ ญาดา ก่อนจะเอ่ยถามสองแฝด

“น้องจันทร์อยากเล่นน้ำ คุณย่าให้เล่นได้ไหมครับ” เสียงเล็กตอบรักษ์แล้วให้ไปร้องขอคนเป็นย่า สายตาของเด็กทั้งสองนั้นดูออดอ้อนจนผู้ใหญ่ต้องยอมอนุญาต และไม่วายร้องเฮเสียงดัง

“อารักษ์ไปเล่นน้ำกับพี่อินทร์” ขุนอินทร์หันมาชวนรักษ์ทั้งที่มือกำลังถอดเสื้อผ้า ทางขุนจันทร์ก็เช่นกัน เพียงครู่เดียวบนร่างกายเด็กแฝดก็เหลือแต่กางเกงในสีขาวที่ติดอยู่

“เรื่องเล่นนี้เร็วเลยนะลูกคู่” ญาดาว่าแอบหลานโดยมือก็พับเสื้อผ้าของเด็กทั้งสองไปด้วย

“อารักษ์ไปกัน” ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ เข้ามารั้งมือรักษ์ให้ลุกขึ้น รักษ์เองก็นึกลังเลอยากจะเล่นแต่ก็ไม่อยากเปียกสักเท่าไหร่

“ไปเถอะลูก น้ำเย็นสบายมาเลยนะ” ญาดาเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของรักษ์ก็ช่วยพูดอีกแรง

“ใช่ๆๆ ไปเถอะนะอารักษ์” ขุนจันทร์ช่วยเสริม รักษ์มองสายน้ำใสสะอาดสลับกับสองแฝดสุดท้ายก็ต้องยอมเพราะทนสายตาอ้อนวอนของเด็กแสบทั้งสองไม่ได้

“เล่นก็เล่นครับ”

“เย้ๆๆๆๆๆ” พอได้ยินอารักษ์บอกจะเล่นด้วยก็ร้องเฮเสียงดัง

“ถอดเสื้อไว้ตรงนี้ก็ได้ลูกเดี๋ยวตอนกลับจะได้ไม่หนาว” ญาดาร้องบอกรักษ์ที่กำลังจะเดินตามสองแฝด รักษ์ทำเพียงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะถอดเสื้อยืดสีอ่อนออกส่งให้ญาดาอย่างไรเสียรักษ์เองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งเลยไม่ได้นึกรู้สึกอายเวลาถอดเสื้ออยู่แล้ว “รักษ์ขาวมากเลยนะลูก ด้วยซิผิวเนียนมาก” เมื่อเห็นผิวได้สาปเสื้อนั้นอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมรักษ์ทำเพียงยิ้มเขินส่งไปให้ก่อนจะขอตัวไปหาสองแฝดที่ยืนเล่นสายก้นไปมาอยู่ข้างลำน้ำ

“ไม่รออารักษ์เลยนะ” มาถึงก็แกล้งสองแฝดทันที เด็กทั้งสองพอได้ยินเสียงก็หันมอง ปากเล็กเล็กๆ ทั้งสองที่เปิดกว้างทันทีที่เห็นผิวขาวๆ ของรักษ์

“อารักษ์ข๊าวขาว”

“นุ๊มนุ่มด้วย”

ขุนอินทร์ ขุนจันทร์พูดทั้งมาเกาะเอวบางเอาหน้าถูไถไปมา จนรักษ์ตกใจทำไมถึงได้เร็วขนาดนี้

“ปล่อยอารักษ์ก่อนเร็วมันจั๊กจี้นะครับ” รักษ์ว่าทั้งหัวเราะเบาๆ

“มันนุ่มๆ พี่อินทร์ชอบ” ว่าแล้วก็ถูแก้มไปมาบนหน้าท้องรักษ์ อารักษ์ทั้งนุ่ม ทั้งหอมเลย น่ากินเหมือนขนมเลยแฝดคิด แต่สำหรับรักษ์ต้องคิดหนักนี้เขาอ้วนจนท้องนุ่มนิ่มเลยหรา แต่พอก้มมองดูท้องตัวเองมันก็แบนราบไม่ได้มีไขมันยื่นออกมาเลยแล้วมันจะนิ่มได้ไงกัน

“ปล่อยก่อนครับไม่เล่นน้ำแล้วหรือ” รักษ์พยายามแกะมือเล็กออกจากการเอวแต่เหมือนสองแฝดจะเกาะเขาแน่นเหลือเกิน

“ไอ้แสบไปเกาะอะไรอาเขาหนักหนา” เสียงของพายุที่อยู่อีกฝั่งตะโกนมาเพราะมองอยู่พักหนึ่งแล้ว

“อารักษ์นิ่ม” ขุนจันทร์หันไปตอบแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย

“นิ่มอะไรของพวกเอ็ง” ว่าทั้งยืนเท้าสะเอวมองหลานอย่างสงสัย

“ปล่อยอารักษ์ก่อนครับ” รักษ์บอก สองแสบก็สายหน้ารัว ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาดอารักษ์ตัวห๊อมหอม ผิวก็นิ่มเอาแก้มถูแล้วสบายยังไงก็ไม่ปล่อยสองแสบคิด

“ถ้าพวกเอ็งยังไม่ปล่อยก็ไม่ต้องเล่นน้ำนะ” พายุว่าขึ้นอีกครั้ง ดื้อกันจริงๆ ไอ้สองแสบ

“ก็ได้!” เสียงเล็กตอบมาพร้อมกัน ทำเอาคนเป็นปู่รู้สึกตากระตุก ไอ้แสบยอมง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือ เล่นนะเล่นเรื่องเล่นเรื่องใหญ่ที่สุดของทั้งสองแท้ๆ

“อะไรของพวกเอ็ง” อยู่ๆ เสียงของอีกคนก็ดังขึ้นมา

“พ่อ!” ได้ยินเสียงเด็กชายเรียกพ่อของตัวเองรักษ์รู้สึกตัวเกร็งขึ้นมาทันที หัวใจที่เคยนิ่งกลับสั่นไหวเต้นแรงขึ้นมา ได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าหันกลับไปทางอีกคน

“มาก็ดีจัดการลูกเอ็งสิไอ้ลม” พายุบอกเพราะตัวเองก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาแล้วกับเด็กแสบสองคน

 “ทำอะไรกัน” ลมเลมองคนเป็นพ่อก่อนจะหันมาถามทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าที่สภาพดูไม่ค่อยได้เลย ไอ้แฝดทั้งตัวเหลือแต่กางเกงในสีขาวเพียงตัวเดียวส่วนคนได้ชื่อว่าพี่เลี้ยงก็ยืนโชว์แผ่นหลังขาวสว่างทีเห็นแล้วชวนให้หัวใจคนมองกระตุกนี้ซินะเขาว่าขาวเหมือนหยวกกล้วย

“พ่ออารักษ์นิ่มๆ” ขุนจันทร์บอกทั้งฝังหน้าลงบนหน้าท้องขาวเนียนของรักษ์

“ห๊อม หอมด้วย” ขุนอินทร์ก็ไม่ต่าง

ลมเลมองการกระทำของลูกตัวเองแล้วรู้สึกคิ้วกระตุกนึกหงุดหงิดที่เอาแต่เกาะรักษ์แน่น รักษ์เองก็เหมือนกันไม่เข้าใจว่าจะยืนให้ไอ้สองแฝดมันกอดมันถูอยู่ทำไมคิดแล้วก็หงุดหงิด

“พอเลยพวกเอ็ง นายมานี้” ว่าแล้วแกะมือเล็กออกแล้วดึงรักษ์เข้ามาหาตัวแต่ด้วยความที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้รักษ์เสียหลักใส่อกแกร่งของลมเลอย่างจัง

เวลาที่กายกระทบกันราวกับเวลานั้นหยุดนิ่งมีเพียงหัวใจสองดวงที่สั่นไหวรุนแรง รักษ์แทบไม่กล้าหายใจเพราะกลัวอีกคนจะได้ยินเสียงหัวใจที่มันเต้นแรง ทางลมเลเองก็ไม่ต่างกันนานเท่าไหร่แล้วที่หัวใจไม่เคยรู้สึกสั่นไหวแบบนี้ ตั้งแต่รักษ์มาที่นี้บอกไม่ได้เลยว่าคนตัวเล็กทำให้เขาหวั่นไหวไปกี่ครั้งแล้ว

กลิ่นหอมอ่อนที่ลอยมาจากอีกคนนั้นยิ่งทำให้ลมเลจิตใจหลุดลอยอยากจะลองสูดดมกลิ่นนี้ใกล้ๆแต่แล้วความคิดก็ต้องหลุดไปเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงผลักดันจากอีกคนและมันทำให้รู้ว่าใบหน้าของตัวเองนั้นแทบฝังลงบนซอกคอขาวๆ นั้นอย่างไม่รู้ตัว

“เอ่อ...” รักษ์ตกใจมากที่อยู่ๆใบหน้าคมนั้นค่อยๆ ใกล้เข้ามามือเข้ากรรมเลยยกขึ้นดันอกอีกคนอัตโนมัติ

“โทษที เป็นอะไรหรือเปล่า” รีบปล่อยคนในอ้อมกอดก่อนจะถามทั้งมองสายตาไปทางอื่นแต่ก็ต้องไปพบกับสายตาของคนเป็นพ่อที่ส่งมาราวต้องการสื่อว่า 'ทำอะไรของมึง’ เลยเบนสายตาหลบ แต่ก็หันมาพบกับคนโชว์ตัวขาวสว่างที่เอาแต่ยืนก้มหน้านิ่งแขนสองข้างมีแฝดเกาะอยู่ไม่ปล่อย ลมเลคิ้วขมวดยุ่งอีกครั้งมองลูกตัวเองอย่างดุๆ แต่สองแสบก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรยังยิ้มโชว์ฟันขาวมาให้ ลมเลได้แต่ถอนหายใจ

“แก้ผ้ากันทำไม” ลมเลกอดอกถามนิ่ง

“เอ่อ...พอดีขุนอินทร์กับขุนจันทร์จะเล่นน้ำกันนะครับ” รักษ์พยายามรวบรวมสติตอบกลับอีกคน ใบหน้าที่เคยก้มอยู่ก็ยกขึ้นมาทำให้เห็นใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระเรืองเพราะตื่นเต้น ยิ่งลมเลมองมาตลอดก็รู้สึกอายขึ้นมาที่ตัวเองเปลือยท่อนบนทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันจะถอดเสื้อมันก็ไม่แปลกแต่รักษ์กลับมารู้สึกอายสายตาของอีกคน

ทางลมเลก็ได้ทีสำตรวจคนตัวขาวตรงหน้า ผิวขาวสว่างนั้นดูเนียนจนน่าสัมผัส ยอดอกที่เป็นสีชมพูนั้นก็ดูน่าหลงใหลมันเป็นเหมือนดอกไม้สีสวยที่ค่อยเชิญชวนให้อยากลิ้มลอง ซึ่งมันทำให้ลมเลรู้ว่าหัวนมสีชมพูมันเป็นยังไง

“เอ่อ...คือ...คุณลมจะมองนานไม่แล้วนะครับ” เพราะรู้สึกว่าคนตรงหน้ามองนานเกินไปเลยรวบรวมความกล้าบอกอีกคนทั้งที่ในใจมันเต้นแรงจนรู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย

“ฮะ! อะไร ฉันไปมองนายตอนไหน” รีบแก้ตัวทันที่ทั้งที่มันไม่ใช่ รักษ์รู้สึกว่าอีกคนมองอยู่จริงๆ จะบอกว่าไม่ได้มองได้ไงตาบ้า

“ก็มองอยู่เห็นๆ” รักษ์พรึมพรำเบาๆ

“นายว่าอะไรนะ”

“เปล่าครับ ผมชวนขุนอินทร์ ขุนจันทร์ไปเล่นน้ำนะครับ เด็กๆ ไปกันเถอะ” ว่าจบก็จูงมือกันลงน้ำไป

ลมเลมองตามร่างเล็กของพี่เลี้ยงไปไม่วางตาทั้งที่พยายามจะไม่มองแล้วแท้ๆ

...





มาแล้ววววว ลูกคู่มาแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้ก็เรื่อยๆ ไม่มีอะไรเลยยยยย แต่หัวใจมันสั่น แฝดแก้ผ้าาาาา รักษ์ก็ด้วยยยย

นายหัวลมนี้คงฟินไปเลยยยย หลังจากนี้นายหัวลมกับรักษ์ขยัยมาใกล้กันเรื่อยๆๆๆๆ​  อ่านให้สนุกนะคะ อย่าลืมมาบอกกล่าวกันบ้างนะว่าเป็นยังไงบ้างงงงง

รักคนอ่านเท่าออกซิเจน  จุ๊ฟฟฟฟฟฟฟ

ออฟไลน์ lemonphug

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อบอุ่นดีจัง

ออฟไลน์ shironeko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่เลี้ยงน่ารักมากเลยค่ะ ^_^

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ลูกคู่น่ารักอ่ะ ^3^
แล้วเมื่อไหร่คุณพ่อจะเริ่มจีบอารักษ์ละคะ อิอิอิ

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0


ดวงใจในสายลม ตอนที่ 8



“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะลูกกลับบ้านจะได้ไม่หนาว” ญาดาบอกกับพี่เลี้ยงของหลานชายที่ยืนตัวเปียกอย่างห่วงใย

“รบกวนด้วยนะครับ” รักษ์บอกไปอย่างเกรงใจ

“ไปเถอะลูกเดี๋ยวป้าให้พี่ลมเอาผ้าไปให้ นี้ไม่รู้พาลูกคู่อาบน้ำกันยังไงเสียงดังไปหมด” เธอว่าแล้วรีบเดินจากไปทำให้คนที่คิดจะพูดค้านได้แต่อ่าปากค้าง รักษ์ไม่อยากรบกวนลมเลถึงจะคิดแบบนั้นแต่จริงๆ แล้วรักษ์ไม่อยากเจอลมเลก็เท่านั้นวันนี้หัวใจเขาทำงานหนักมากพอแล้วหากต้องเจออะไรอีกคงได้ระเบิดออกมาเป็นแน่

รักษ์พยายามเลิกคิดแล้วหันมาสนใจกับเรื่องอาบน้ำแทนเพราะรู้สึกหนาวมาก จัดการชำระร่างกายอยู่นานเพราะสายน้ำอุ่นๆ ทำให้รู้สึกสบายจนไม่อยากหยุดแต่ถ้าหากเขายังไม่หยุดมีหวังได้เป็นหวัดกันแน่ๆ ล้างตัวอีกนิดหน่อยก็ปิดฝักบัวมือเรียวเลื่อนไปหวังหยิบผ้าเช็ดตัวที่มักเอาผาดไว้ตรงราวแต่แล้วต้องตกใจ ซวยแล้วไหมละเขาไม่ได้เอาผ้าเช็คตัวมาก็ญาดาบอกจะให้ลมเลเอามาให้ด้วยความที่ยังไม่อยากเจอเลยรีบเข้าห้องน้ำมาก่อนโดยลืมเรื่องผ้าเช็ดตัวเสียสนิท ชุดที่เคยใส่มันก็เปียกจนมีน้ำหยดออกมาจะให้ใส่คงเป็นไปไม่ได้ แล้วเขาจะทำไงดี

รักษ์ได้แต่ยืนนิ่งอย่างไม่รู้จะทำยังไงยืนเปลือยนานๆ มันชักจะหวิวๆ ครั้นจะร้องเรียกคนด้านนอกก็เกรงใจเลยได้แต่ยืนกอดตัวเปล่าของตัวเอง ก็มันหนาวแถมยังโล่งๆ อีก ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ

ทางลมเลเห็นว่าพี่เลี้ยงของลูกอาบน้ำนานผิดปกติก็อดเป็นห่วงไม่ได้เขาเดินมาห้องน้ำเป็นรอบที่สองแล้วแต่กองเสื้อผ้าก็ยังวางอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิม ครั้นจะเดินกลับไปอีกรอบก็เป็นห่วงเพราะเกือบชั่วโมงแล้วที่อีกคนไม่ออกจากห้องน้ำ ใจของนายหัวแห่งสวนสายลมเริ่มไม่สู้ดีเมื่อในห้องน้ำนั้นเงียบสนิท

ก๊อกๆๆๆๆ

“นายอยู่ในนั้นหรือเปล่า” เร็วการความคิดก็การกระทำเขานี้แหละไม่รู้ว่ามือเจ้ากรรมยกขึ้นไปเคาะประตูตอนไหนในเมื่อเคาะไปแล้วก็ร้องเรียกไปด้วยเลยแล้วกัน แต่สิ่งที่ตอบกลับมาต้องทำให้ลมเลขมวดคิ้วแน่นก็มันเล่นเงียบสนิท ใจเขาเริ่มจะไม่ดีจริงๆ แล้วนะ มือใหญ่ยกขึ้นเคาะประตูรัวๆ ปากก็ร้องเรียกคนด้านในเสียงดัง จนคนด้านในสะดุ้ง

“คะ คุณลม” เสียงสั่นตอบกลับไปด้วยความหนาวเพราะเนื้อตัวไร้ซึ่งอาภรณ์อยู่นานอาการปวดหัวก็เริ่มรุมเร้า อีกใจก็นึกดีใจที่ลมเลมาเรียกหา

“อยู่ในนั้นใช่ไหม ทำไมยังไม่ออกมา หรือยังอาบน้ำไม่เสร็จ” เสียงถามอย่างสงสัยแถมมีดุตอนปลาย

“สะ เสร็จแล้วครับ” รักษ์ตะโกนตอบกลับมา

“เสร็จแล้วก็ออกมา เสื้อผ้าวางอยู่ด้านนอก ฉันไปรอหน้าบ้านนะ” ว่าจบก็รีบหันเดินออกไปแต่

“เดี๋ยวครับคุณลม” เสียงเรียกจากรักษ์ดังจนลมเลตกใจ

“อะไรของนายอีก” เสียงหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร

“เอ่อ เอ่อ คือ”

“ถ้าไม่พูดฉันไป”

“เดี๋ยวครับๆๆๆ คือช่วยเอาผ้าเช็คตัวให้ผมหน่อย” บอกไปเสียงเบาแต่ก็ดังพอให้คนด้านนอกได้ยินก็เขาอายจะให้ทำไงได้

“ผ้าเช็คตัว นายบ้าหรือไงเข้าไปอาบน้ำแต่ไม่เอาผ้าเช็ดตัวเข้าไป” มือใหญ่ยกขึ้นตบหน้าผากอย่างหน่ายใจเป็นเด็กหรือยังไงกัน อย่าบอกว่าที่หายอยู่ในห้องน้ำเกือบชั่วโมงเพราะไม่มีผ้าเช็คตัว ให้ตายเถอะเด็กบ้าไม่หนาวตายก็ดีเท่าไร

“ผะ ผมรีบหนี...เอ่อ รีบมาอาบน้ำเลยลืมครับ ขอโทษที่รบกวนแต่ช่วยหยิบให้ผมหน่อยมันทั้งหนาวทั้งหวิว” เกือบจะหลุดว่าหนีแล้วเชียว ลมเลก็ลีลาอยู่ได้เขาหนาวจริงๆ นะ

“เออๆ เปิดประตูมาเอาสิ” นึกเคืองคนด้านในแต่ก็อดตลกไม่ได้คงจะหวิวไม่น้อยหึหึ

“คุณไหนผ้าเช็คตัวผมละ” เสียงร้องขอมาพร้อมกับมือขาวที่ยื่นออกมาจากบานประตูที่แง่มออกนิดหน่อย

“เอาไปสิ” ว่าทั้งยื่นให้มือเล็กแต่มันไกลเกินกว่าจะหยิบถึง

“คุณจะแกล้งอีกนานไหมผมหนาวนะครับ” ดวงตาคู่สวยที่โผล่จากบานประตูนั้นมองอย่างขุ่นเขือง นี้เขาหนาวจริงๆ นะยังจะแกล้งกันอยู่อีก

“หึหึ” หัวเราะทั้งยื่นผ้าเช็ดตัวให้คนด้านในก่อนจะได้สายตาดุมาเป็นการตอบแทน อยากจะบอกเหลือเกินว่ามันไม่ได้น่ากลัวสักนิดอย่างกับแมวกำลังขู่อย่างนั้น

ทางรักษ์ได้ผ้าเช็ดตัวก็รีบเอามาห่อหุ้มร่างกายทันที และทำให้เขาคิดได้ ‘แล้วเสื้อผ้าละ’ อย่างจะด่าตัวเองสักล้านรอบในความซื่อบื้อ อีกคนก็เหมือนกันบอกให้หยิบผ้าเช็ดตัวก็แค่ผ้าเช็ดตัวจริงๆ ให้ตายเถอะ แล้วจะทำไงได้ละก็ต้องออกไปทั้งแบบนี้จะวานอีกคนก็คงไปแล้วเป็นแน่ ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเปิดประตูมาเอาเสื้อผ้าด้านนอกอย่างเซ็งๆ นึกโทษอีกคนเพราะลมเลแท้ๆ ที่ทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้

“อ๊ะ!” เสียงร้องตกใจเพราะพอเปิดประตูสายตาก็สะดุดเข้ากับร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าทั้งๆ ที่คิดว่าไปแล้วเสียอีก เป็นแบบนี้ก็ทำหัวใจเจ้ากรรมขยันทำงานขึ้นมาทันที

“อืม ขาวจริงๆ แหะ”

“ฮะ! คุณว่าอะไรนะครับ” ถามไปเพราะเสียงอีกคนค่อนข้างเบา ใจก็นึกหวั่นกับสายตาของลมเลที่มองมาถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันเขาก็อายเป็น มองแทบจะทะลุร่างอยู่แล้ว

“เอะ! เปล่าๆ ไม่มีอะไร” ว่าทั้งรีบเบนสายตาไปทางอื่นแต่ไอ้อกขาวๆ นั้นก็เรียกให้ต้องหันมอง ลมเลนึกแปลกใจตัวเองต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่เอาแต่จะจ้องมองอกขาวๆ และยอดอกสีชมพูนั้นราวกับมันมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง

“เอ่อ เสื้อผ้าผมละครับ” รักษ์ถามทั้งพยายามหลบซ่อนใบหน้าที่แดงเพราะเขินอาย ก็รู้สึกมาได้สักระยะแล้วว่าความรู้สึกที่มีต่อลมเลต่างไปจากเดิม

“อยู่บนโต๊ะ” บกทั้งเลื่อนสายตาไปยังโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ใกล้ รักษ์เมื่อเห็นก็รีบหยิบแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทันทีทิ้งให้คนตัวใหญ่ยืนหัวเราะอย่างนึกสนุก “หึหึ ก็น่ารักดี” พูดขึ้นเองก็ตกใจเองมองว่าผู้ชายน่ารักได้ยังไงกันแต่รักก็น่ารักจริงๆ เออเอาเข้าไปเขาว่าเขาคงบ้าไปแล้วแน่ๆ มือใหญ่ยกขึ้นขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิดแต่ปากหนากลับยกยิ้มอย่างห้ามไม่ได้ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเป็นบ้าอะไร เหลือบมองประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทแล้วต้องถอดหายใหญ่เฮือกใหญ่ให้กับตัวเองก่อนจะเดินเกาหัวออกมาอย่างเซ็งๆ เพราะคิดไม่ตก

“เป็นอะไรลมคันหัวหรือไงเกาใหญ่เลย แม่บอกกี่ครั้งว่าให้สระผมบ่อยๆ โตจนมีลูกแล้วยังซกมกไม่เลิก” ญาดาบ่นลูกชายที่พึ่งเดินออกมาขณะที่มือเล็กยังคงใช่ผ้าขนเช็ดเช็ดผมให้ขุนจันทร์อยู่ตรงข้ามกันก็มีพายุกำลังหวีผมให้ขุนอินทร์

“อะไรละแม่ผมสระแล้วเถอะ” เถียงคนเป็นแม่กลับไปคิดว่าเขายังเด็กหรือยังไงกัน มาดุต่อหน้าไอ้แสบอีก

“พ่อซกมกๆ” ขุนอินทร์ ขุนจันทร์รีบล้อพ่อตนเองทันที

“เงียบไปเลยไอ้แสบ” ดุทั้งยังชี้หน้าเป็นการคาดโทษ แต่สองแสบก็ไม่ได้นึกกลัวกลับยิ้มหัวเราะเสียงดังก็พ่อนะดุไปงั้นแหละปากยังยิ้มอยู่เลย

“รักษ์มาแล้วหรือลูก อยู่กินข้าวเย็นกันที่นี้เลยนะเดี๋ยวป้าไปทำกับข้าวแปบหนึ่ง” ญาดาร้องบอกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเดินมา ทั้งมองอย่างสำรวจเพราะกังวลว่ารักษ์จะใส่ชุดได้หรือไม่ก็ตัวของลูกชายเธอค่อนข้างใหญ่แต่จากดูๆ ก็พอได้สินะถึงจะดูใหญ่เกินตัวไปหน่อยก็เถอะ

“ครับ เดี๋ยวผมไปช่วยด้วยคนนะครับ” เสนอตัวช่วยไปยังไงเรื่องทำอาหารก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับรักษ์

“ไม่เป็นไรลูกพักเถอะ”

“ให้ผมช่วยเถอะครับคุณป้าจะได้เสร็จเร็วๆ ไงครับ”

“อย่างนั้นก็ตามใจเรา” เธอบอกไปก่อนจะเดินเข้ามาในครัวโดยมีรักษ์เดินตามมาติดๆ

“คุณป้าจะทำอะไรหรือครับ” รักษ์ถามขึ้นเมื่อเห็นญาดาหยิบข้าวของออกจากตู้เย็นมาหลายอย่าง ญาดายิ้มรับก่อนจะตอบออกไป

“ต้มจืดเต้าหู้ไข่ ผัดผักรวมมิตร คั่วกลิ้ง แล้วก็น้ำพริกนะลูก”

“มีแต่เมนูน่าอร่อยทั้งนั้นเลย คุณป้าจะให้ช่วยอะไรบอกมาได้เลยครับ”

“อย่างนั้นเอาผักพวกนี้ไปล้างแล้วหั่นให้ป้าทีนะ เดี๋ยวป้าขอสับหมูก่อน” ว่าทั้งยื่นตะกร้าที่มีผักอยู่หลายชนิดให้ รักษ์รับมาไปจัดการทันไม่นานผักทุกอย่างก็ถูกทำความสะอาดละหั่นเป็นชิ้นใส่จานไว้อย่างเรียบร้อย

“เรียบร้อยแล้วครับ” บอกทั้งเบี่ยงตัวหลบให้ญาดาดูผลงาน

“เร็วดีจังเลย” เธอเอ่ยชมทั้งรอยยิ้ม “รักษ์ผัดให้ป้าหน่อยได้ไหมป้ายังสับหมูไม่เสร็จเลย หมึกกับกุ้งป้าทำไว้แล้วรักษ์เอาไปทำได้เลยจ๊ะ” รักษ์ทำเพียงยิ้มและพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะหันไปเอากระทะทั้งเตาเพื่อทำอาหาร

ทั้งสองวุ่นกับการทำอาหารอยู่นานและแล้วเมนูสุดท้ายก็ถูกยกลงจากเตา ญาดายอมรับเลยว่ารักษ์ทำอาหารเก่งมากจริงๆ จากที่พาอีกคนมาเป็นลูกมือเธอกลับมาเป็นลูกมือให้รักเสียเอง ทางรักษ์ด้วยความเกรงใจก็อาสาทำเองทุกอย่างและที่ทำให้รักษ์ไม่มั่นใจที่สุดก็คือคั่วกลิ้งเพราะไม่เคยทำมาก่อนถ้าไม่ได้ญาดาช่วยบอกก็คงทำออกมาไม่ได้วันนี้รักษ์เลยได้เรียนรู้เมนูใหม่เพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง

“รักษ์ทำอาหารเก่งจังเลยลูก” เธอว่าชมตามที่เธอเห็น

“ก็ไม่เท่าไรหรอกครับแค่ทำบ่อยเลยชินนะครับ คุณป้าต่างหากที่เก่งวันหลังผมขอมาเป็นลูกมืออีกนะครับ” รักษ์บอกไปตามใจคิด อยากให้ญาดาสอนทำอาหารที่เขาไม่เคยทำยิ่งอาหารใต้เขาทำแทบไม่เป็นถ้าได้ลองทำก็คงจะดีเพราะลมเลชอบทานอาหารใต้ โดยเฉพาะคั่วกลิ้ง กับน้ำพริก แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับความคิดของตัวเอง นี้เขาเป็นเอามากขนาดนี้เลยหรือ

“ได้จ๊ะมาได้ตลอดเลยลูกมีคนช่วยก็ดีเหมือนกัน” เสียงของญาดาเรียกให้รักษ์ดึงตัวเองออกจากความคิดหลังต้องตบตีกับมันอย่างวุ่นวายใจ

“ผมว่าเรายกออกไปเลยดีกว่าครับคงหิวกันแล้ว”

อาหารถูกนำมาวางที่โต๊ะกินข้าวกลิ่นหอมๆ เรียกให้สองแสบที่กำลังเล่นมานั่งที่โต๊ะอยากไม่ต้องเอ่ยเรียกคงเพราะความหิวก็วันนี้เล่นกันน้อยเสียที่ไหน

“ว้าววววววว เต้าหู้ๆๆๆ” ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ร้องขึ้นอย่างแข่งขันเมื่อเห็นเต้าหู้สีเหลืองอ่อนนุ่มในถ้วย จนอยากจะกินเสียเดี๋ยวนั้นแต่ก็ไม่ได้เพราะต้องรอคนอื่นๆ  ก่อน

“หิวกันแล้วละสิสองแสบ” รักษ์ที่พึ่งเดินเข้ามาจากไปยกหม้อข้าวเอ่ยแซ่วสองแฝด

“พี่อินทร์หิ๊วหิว กินอารักษ์ได้ทั้งตัวเลยน่า” รักษ์ถึงกับสะดุดเมื่อได้ยินขุนอินทร์ ดูพูดเข้า

“อะไรไอ้แสบพูดมาก” ลมเลที่พึ่งเดินเข้ามาว่าขึ้น

“ก็พี่อินทร์หิวจริงๆ หรือพ่อไม่หิว” ขุนอินทร์เถียง ผิดกับขุนจันทร์ที่นั่งมองมือรักษ์ที่ตักข้าวอย่างไม่ลดละน้ำลายแถบจะไหลออกมารอรับจานข้าวอย่างเต็มที่ แต่แล้วจานข้าวที่หมายปองกลับถูกยื่นส่งไปให้คนเป็นพ่อแทนราวกับฝันสลายแตกลงต่อหน้าพ่อคงหิวเหมือนขุนอินทร์สินะเมื่อคิดได้อย่างนั้นปากเล็กก็เอ่ยขึ้นทันที

“พ่อก็หิ๊วหิวจนกินอารักษ์ได้ทั้งตัวเลยหรือ” มือที่กำลังรับจานข้าวหยุดชะงักลงอย่างทันที รักษ์เองก็ตาโตเพราะตกใจ พูดอะไรออกมานะน้องจันทร์

“พูดมากไอ้แสบ” ว่าอย่างปัดๆ ตาคมช้อนขึ้นมองคู่กรณีอย่างดูท่าที ทางรักษ์ก็รีบก้มสบสายตาด้วยความอาย ลมเลยกยิ้มเมื่อเห็นแก้มใสนั้นขึ้นสีแดง

“ทำไรกันลูกคู่” ญาดาที่เดินมาพร้อมกับพายุเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสองแสบนั่งมองพ่อและพี่เลี้ยงตาแป๋ว

“พ่อจะกินอารักษ์” ขุนอินทร์รีบตอบขึ้นทันทีและคำตอบนั้นทำเอาทุกคนหยุดนิ่ง ญาดาหันมองลูกชายอย่างต้องการคำตอบมันหมายความว่ายังไง

“ไม่มีอะไรแม่ไอ้แสบมันพูดเรื่อยเปื่อย” ลมเลตอบทั้งหลบสายตาคนเป็นแม่ ญาดายกยิ้มเมื่อเห็นอาการลูกชาย

“เอ่อ ใช่ครับเข้าใจผิดนิดหน่อยนะครับ” รักษ์รีบตอบขึ้นมาเพราะกลัวญาดากับพายุจะเข้าใจผิด

“จ๊ะ ป้าก็ไม่ได้ว่าอะไร” เธอพูดทั้งรอยยิ้มแต่สายตามองลูกชายอย่างจับผิด กับรักษ์นี้ไม่ต้องสงสัยดูออกง่ายเหลือเกินเจ้าตัวรู้ตัวบ้างหรือเปล่า

“ปู่ว่าเรามากินข้าวกันดีกว่าสองแสบ” เสียงของพายุเรียกให้ทุกคนต้องมองก่อนจะละทิ้งประเด็นเมื่อกี้แล้วหันมามุ่งกับการกินข้าวแทน

เสียงช้อนที่กระทบจานบๆ เกับเสียงสองแสบที่โม้เรื่องต่างๆ ชวนให้บรรยากาศที่โต๊ะอาหารดูครึกครื้น และอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความรักที่มีให้กันภายในครอบครัว



....................................................................

มาแล้วววววว เอาลูกคู๋มาประเคนให้แล้วค่ะ กราบขอโทษงามมมมมมมมมม อย่าๆๆ พึ่งทำร้ายเขาน่าาาาาาาาาา

ขอโทษที่หายไปนะคะบอกจะลงกันยาดันมาลงธันวา เขาขอโทษ พอดีเมื่อเดือนกันยาเขาเปลี่ยนงานใหม่นะคะ แล้วคือต้องมาสอนนักเรียน ป.1 มันเลยต้องเตรียมตัวเยอะมากกกกก สอนมัธยมปลายมาไม่ยากเท่านี้มาก่อนเลย สอน ป.1 ยากที่สุดแล้วจริง ๆๆ ต้องเตรียมกิจกรรมหลายอย่างต้องทำให้เด็กเขียนได้อ่านออก ตั้งโอ๋เลยหายหัวไปหลายเดือนนะคะ ตอนนี้เริ่มคงตัวแต่งานยังเยอะเหมือนเพิ่มเติมคือเยอะขึ้น ตั้งโอ๋ต้องขอโทษจริงๆๆนะ สุดท้ายนี้รักทุกคนนะคะ อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะคะ จุ๊บๆๆๆๆๆๆ

รักนะงับ ^___^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด