◯ เซ็ตรัก ส่งฝัน ◯ [รักวุ่นๆ ในวงการวอลเลย์บอลชาย] ◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◯ เซ็ตรัก ส่งฝัน ◯ [รักวุ่นๆ ในวงการวอลเลย์บอลชาย] ◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯  (อ่าน 27024 ครั้ง)

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ลาวาไข่เค็ม

เห็นชื่อตอนแล้ว
ทำให้เดาไปถึงไหนแล้ว


ไข่ขาวหรือไข่แดงอ่ะ
อิอิ

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 08 | ลาวาไข่เค็ม



สิ่งแรกที่เปาทำหลังกลับถึงบ้านตอนทุ่มเศษก็คือเอาข้าวให้หมาสองตัวกิน ตั้งแต่ไท้ไปเข้าแคมป์ เปาก็ต้องทำหน้าที่นี้เองตลอด ชีวิตช่วงนี้ดูเหมือนเหงาๆ ไปบ้าง พอไท้ไม่อยู่แล้ว บ้านหลังนี้ก็เหมือนกับขาดอะไรไป คงเป็นเพราะเมื่อก่อนเปาอยู่กับพ่อสองคนจึงเงียบเหงาเกินไป พอมีคนมาอยู่ด้วยจึงทำให้บ้านมีสีสันขึ้นมาบ้าง

หลังเมสซี่กับเนยมาร์กินข้าวเสร็จ เปาก็พามันไปหลังบ้านเพราะวันนี้ฟางมาอยู่เป็นเพื่อน จะให้พวกมันมาเดินเพ่นพ่านไม่ได้ ช่วงนี้พ่อของเปาไม่อยู่บ้าน เพราะมีแข่งกีฬาวอลเลย์บอลชิงแชมป์เอเชียที่นครปฐม จึงพักที่โรงแรมกับนักกีฬา ไม่ได้กลับมาบ้านหลายวันแล้ว

ฟางเล่นเปียโนรออยู่ในบ้าน เพลงที่เธอเล่นคือเพลงฟอร์เดอะเฟิร์สไทม์ เพราะเธอเห็นหนังสือโน๊ตเพลงซึ่งเปิดกางเพลงนี้ไว้ ก็เลยลองเล่นดู ใช้เสียงเมโลดี้จากเปียโน ไม่ได้ร้องด้วยตัวเอง

เปายืนนิ่งมองแฟนสาวเล่นเปียโนโดยไม่เข้าไปรบกวน ที่จริงเขาไม่ได้สนใจเธอด้วยซ้ำเพราะในหัวของเปากำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง เมื่อหลายวันที่แล้วเปาเห็นไท้ถ่ายรูปกับจีนขึ้นเฟสบุ๊ค เขายอมรับว่าเขาตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเกือบห้าปีแล้ว เปาก็ไม่เคยลืมใครคนนั้นได้เลย

เพลงนี้ที่ฟางกำลังเล่น เป็นเพลงที่เปาเคยเล่นให้ใครคนนั้นฟังที่โรงเรียนตอนเรียนมัธยมปลายด้วยกัน แต่ก่อนจะมาถึงตรงนั้น มีเหตุการณ์ที่สำคัญบางอย่างเกิดขึ้น เขาจึงได้มาเจอกับผู้ชายที่เขาเคยทำร้ายอย่างเลือดเย็น

... ... ...

เรื่องมันเริ่มมาจากเพื่อนบ้านของเปาลือกันว่าพ่อพาผู้ชายมานอนที่บ้าน จากนั้นเด็กๆ ก็เอาไปพูดที่โรงเรียน ในละแวกนี้มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเปาเรียนที่โรงเรียนเดียวกันด้วย เพื่อนๆ เริ่มล้อเปาว่ามีพ่อเป็นตุ๊ด เขาเคยโกรธและต่อยตีกับพวกที่ชอบล้อบ่อยครั้ง มีเรื่องบ่อยจนเป็นที่เอือมระอาของครูที่โรงเรียน จนกระทั่งจบมอสาม เปาจึงขอพ่อย้ายไปเรียนที่อื่น นั่นคือหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เปาขอความช่วยเหลือจากพ่อ

พอขึ้นมอสี่ที่โรงเรียนใหม่ เปาก็ขอพ่อว่าห้ามไปรับไปส่งอย่างเด็ดขาด ที่จริงเปาก็ไปโรงเรียนด้วยตัวเองตั้งแต่ประถมปลายๆ แล้ว แต่บางครั้งพ่อก็ไปรับไปส่งบ้าง แต่คราวนี้เปาไม่ต้องการให้พ่อปรากฎกายที่โรงเรียนใหม่อย่างเด็ดขาด รวมทั้งขอด้วยว่าไม่ให้พาผู้ชายมานอนบ้าน พ่อก็รับปาก เขาจึงได้เรียนอย่างสงบสุข แม้ว่าจะไม่มีเพื่อนสนิทเลยก็ตาม

วันหนึ่งเปาก็สังเกตเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งคอยแอบมองเขาบ่อยๆ บางทีก็ทำเป็นมาชวนคุยด้วย ท่าทางเหมือนอยากเป็นเพื่อน แต่บางอย่างก็บอกเปาว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น จนกระทั่งเปามั่นใจว่าเพื่อนคนนี้เป็นเกย์และน่าจะชอบเขา เขาจึงเป็นฝ่ายชวนเพื่อนต่างห้องคนนั้นไปดูหนังด้วยกัน เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้แค้นให้แม่ที่เปาคิดเอาเองในตอนนั้น

ไม่นานจีนกับเปาก็สนิทกัน เปามักเล่นเหมือนหมาหยอกไก่กับจีนบ่อยๆ ซ้ำยังชอบพูดหรือทำให้เข้าใจไขว้เขวว่ามีใจให้ ยิ่งทำให้จีนรู้สึกลึกซึ้งกับเปามากขึ้น เปาขอให้ช่วยทำอะไร จีนจะทำให้อย่างเต็มใจเสมอ วันไหนขี้เกียจทำรายงานเอง เปาก็ขอให้จีนช่วย เห็นนาฬิกาแพงๆ ก็หลอกให้จีนซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด เวลาไปเที่ยวด้วยกัน เปาก็จะให้จีนออกเงินฝ่ายเดียว แต่จีนก็ไม่เคยปริปากบ่น

เปาเคยเรียกว่ามันคือการแก้แค้น แต่ที่จริงน่าจะเป็นการระบายออกจากจิตใต้สำนึกมากกว่า เพราะคนที่เขาเกลียดคือพ่อ แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ จนกระทั่งจีนหลงเข้ามาเป็นเหยื่ออารมณ์ของเขา

ช่วงเวลานั้น จะว่าไปจีนก็เป็นเพียงคนเดียวที่เปาสนิทด้วยมากที่สุด แม้ว่าต้องการแก้แค้น แต่เปากลับต้องต่อสู้กับความรู้สึกภายในใจอย่างมาก คนขาดความอบอุ่นมักวิ่งวนไขว่คว้าหารัก เมื่อจีนนำสิ่งนั้นมาให้ เปาจึงเป็นฝ่ายทรมานเสียเอง ทั้งรักทั้งเกลียดในเวลาเดียวกัน

ก่อนจบมอหกหนึ่งวัน เปาเล่นเพลงฟอร์เดอะเฟิร์สไทม์ให้จีนฟังที่โรงเรียน จีนดีใจมากเพราะคิดไปว่าเปากำลังบอกความในใจ ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเขากับจีนคลุมเครือ เขาเองก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้จีนพูดความรู้สึกด้วยซ้ำ เขายังจำรอยยิ้มดีใจของจีนได้เสมอ ที่จริงจีนอาจจะเข้าใจถูกแล้ว แต่วันถัดมาที่จีนมาบอกรัก เปาก็ทำให้ทุกอย่างพังลง

ตอนนั้นเพื่อนๆ กำลังเขียนเฟรนด์ชิพให้กัน จีนเดินเข้ามาเขียนเฟรนด์ชิปให้เปาตรงอกเสื้อ เขียนไปมือสั่นไป หน้าก็ซีดๆ ปากก็สั่นๆ แต่สุดท้ายจีนก็กล้าเปิดปากบอกความใน

"จีนรักเปานะ รักมาตั้งนานแล้ว เปาเป็นรักแรกของจีน และจีนก็คิดว่า…เปาก็น่าจะรู้สึกไม่ต่างกัน…ใช่ไหม" จีนยิ้ม แต่ก็ยังไม่กล้ายิ้มมาก การบอกรักครั้งแรกน่าตื่นเต้นแค่ไหนทุกคนก็คงรู้ กระนั้นจีนก็มั่นใจว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้คิดไปเองแน่นอน

วินาทีนั้น ฝ่ายดำกับฝ่ายขาวสู้รบกันในใจของเปาอย่างหนัก สุดท้ายฝ่ายขาวก็เพลี่ยงพล้ำ เปาจึงผลักจีนล้มลงก้นจ้ำเบ้า ชี้หน้าด่าอย่างกับโกรธเกลียดกันมาสิบชาติ

"กูไม่เคยรักมึงเลยไอ้ตุ๊ด! มึงรู้ไหมว่ากูเกลียดมึงมากแค่ไหน รู้ไว้นะเว้ย กูเกลียดไอ้พวกผู้ชายทุกคนที่มันเล่นวอลเลย์บอล กูโคตรขยะแขยงเลย ไม่อยากจะอยู่ร่วมโลกกับพวกมึงด้วยซ้ำ!"

จีนช็อคสุดขีด เขาหน้าเหวอและอ้าปากค้าง แทบไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยินเลย ซ้ำยังต้องอายแทบแทรกแผ่นดินหนีเพราะเพื่อนๆ วิ่งเข้ามามุงดูกันเต็ม

"เฮ้ยไอ้เปา มีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันก็ได้ วันนี้วันสุดท้ายแล้วนะเว้ย จะมาทะเลาะกันทำไมวะ" เพื่อนๆ พยายามเตือนสติ แต่เปาก็หันไปตวาดไล่เพื่อนๆ ออกไป

"พวกมึงไม่ต้องมายุ่งเลย" เพื่อนที่จะเข้ามาห้ามพลันชะงัก เปาจึงหันมาชี้หน้าด่าจีนต่อ "ตุ๊ดอย่างมึง ผู้ชายที่ไหนเขาจะเอาวะ สำเหนียกตัวเองซะบ้างนะเว้ย เป็นยังไงล่ะ สมน้ำหน้า คิดเหรอว่ากูจะชอบมึง มึงคิดของมึงไปเอง เสือกโง่เองก็ช่วยไม่ได้ มึงรู้ไหมว่าเวลามึงอยู่ใกล้ๆ กู กูอยากจะอ๊วก ไม่เผลอถีบกระเด็นก็บุญเท่าไหร่แล้ว"

เปาหัวเราะเยาะด้วยความสะใจ ในที่สุดเขาก็แก้แค้นให้แม่ได้สำเร็จ เขาอยากให้คนพวกนี้เจ็บปวดเหมือนที่แม่เคยเจ็บปวด เสียดายที่เขายังทำแบบนี้กับพ่อไม่ได้ จึงเอามาลงที่คนอื่นไปพลางๆ ก่อน

"เปา ทำไมเปาพูดแบบนี้ จีนทำอะไรผิดเหรอ ทำไมเปาต้องด่าจีนขนาดนี้ด้วย จีนไปทำอะไรให้" จีนร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่คิดว่าจะมีครั้งไหนในชีวิตที่เจ็บหนักและอับอายเท่านี้

"ก็กูเกลียดมึงไง มึงได้ยินไหม!" เปาตะคอกเสียงดัง ริมฝีปากสั่นระริก "คนเหี้ยๆ อย่างพวกมึงน่ะ อยู่ไปก็รกโลก มึงไม่ต้องมาร้องไห้ให้กูเห็น ไปไกลๆ ตีนกูเลยนะมึง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป มึงอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก ไอ้ตุ๊ด ไอ้วิปริตผิดเพศ กูเกลียดมึง ไปตายซะไป!"

เปาใช้เท้าถีบลงไปที่แข้งของจีนแรงๆ หนึ่งครั้งแล้วก็เดินหนี ปล่อยให้จีนร้องไห้โฮอยู่ตรงนั้นอย่างน่าเวทนา เปาไม่แม้แต่จะชายตามอง นับตั้งแต่วันนั้น เขาก็ไม่เคยเจอจีนอีกเลย

น้ำตาของเปาค่อยๆ ไหลลงมาอย่างช้าๆ เสียงเพลงนั้นพาเปาหวนรำลึกถึงอดีตที่เคยสวยงามเมื่อครั้งนั้น เขาไม่เคยอยากคิดถึงมันอีกเลย พยายามจะลืมให้ได้ แต่ไม่มีใครสามารถลบลืมอดีตสำคัญๆ ของตัวเองได้หรอก โดยเฉพาะความรู้สึกของเปาที่มีต่อผู้ชายคนนั้น

เปาอาจจะชนะที่แก้แค้นให้แม่ได้ แต่เขาก็แพ้ให้กับความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้น

"เปาเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม"

เสียงของฟางดังขึ้นใกล้ๆ ไม่รู้ว่าเธอหยุดเล่นเปียโนและเดินมาหาเปาตั้งแต่ตอนไหน เปาตื่นจากภวังค์ทันที จะเช็ดน้ำตาก็ไม่กล้าทำต่อหน้าแฟน เขาก็เลยใช้วิธีกอดฟางไว้และปลดปล่อยความอัดอั้น

"เปาคิดถึงแม่น่ะฟาง"

เปาเป็นแบบนี้อีกแล้ว เขามักมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ จนบางทีคนใกล้ตัวก็ปรับตามไม่ทัน ฟางกอดตอบแฟนหนุ่มเบาๆ และลูบหลังเขาไปด้วย ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เปาคิดถึงแม่ แต่เธอก็อดสงสารไม่ได้ ถ้าเธอเป็นเปาและเห็นแม่ตายอย่างน่าเวทนา เธอก็คงสะเทือนใจไม่น้อย ภาพนั้นคงติดตาไปตลอดชีวิต

"แม่ของเปาคงดีใจนะที่รู้ว่าเปายังคิดถึงเขาอยู่ ถึงแม่จะไม่อยู่กับเปา แต่แม่เปาก็เฝ้าดูอยู่บนสวรรค์ตลอดเวลานะ"

แม้จะฟังดูเหมือนปลอบเด็ก แต่คนฟังก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม

"ทำไมชีวิตเปามันบัดซบอย่างนี้ล่ะฟาง โคตรบัดซบเลย"

ฟางขมวดคิ้วแน่น บ่งบอกว่าไม่เข้าใจสิ่งที่เปาพูดอย่างที่สุด "ทำไมเปาพูดอย่างนั้น ชีวิตของเปาก็โอเคดีนะ ไม่ได้แย่ขนาดนั้นซะหน่อย"

"ทำไมจะไม่แย่ ฟางไม่รู้หรอก...เปาไม่ใช่คนดีอย่างที่ฟางเห็น ชีวิตของเปามันบัดซบมาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย" เปาเถียง ใส่อารมณ์ในน้ำเสียงพอสมควร

ฟางผละออก แววตาของเธอยังฉายแววฉงน เธอจ้องหน้าเปานิ่งเหมือนกับพยายามค้นหาอะไรบางอย่าง "เปาพูดเรื่องอะไรน่ะ ฟางไม่เคยเห็นเปาเป็นคนไม่ดีเลยนะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เปาบอกฟางได้หรือเปล่า"

เปากลืนน้ำลายอึกใหญ่ พยายามสงบสติอารมณ์ให้เป็นปกติมากที่สุด เขานิ่งคิดอยู่พักใหญ่ ดูเหมือนจะคิดหนักเสียด้วย แต่ฟางก็อดทนรออย่างใจเย็น รอจนกระทั่งเปาเอ่ยปากพูด

"ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งฟางรู้ว่าเปาเคยทำอะไรไม่ดี...ไม่ดีเอามากๆ ฟางจะให้อภัยเปาไหม"

ฟางพยักหน้า ยิ้มน้อยๆ "ทำไมจะไม่ได้ล่ะ มันผ่านมาแล้วนี่ ฟางก็ไม่รู้หรอกนะว่าเปาเคยทำอะไรผิด หรือเคยทำอะไรไม่ดีมาก่อน แต่ถ้ามันผ่านมาแล้ว กลับไปแก้ไขไม่ได้ ฟางว่า...เปาก็ควรจะปล่อยให้มันผ่านไป เดินไปข้างหน้าดีกว่านะเปา เชื่อฟางสิ"

เปาพยายามคิดตาม แต่คำพูดเพียงอย่างเดียวคงช่วยไม่ได้ เขาต้องการทางออกที่มากกว่าคำพูด แต่กระนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าทางออกนั้นคืออะไร

"ช่างมันเถอะ" เปาถอนหายใจ "พรุ่งนี้...ฟางไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนเปาก็ได้นะ"

"แล้วเปาอยู่คนเดียวได้เหรอ"

"เปาก็อยู่ของเปาแบบนี้มาตั้งนานแล้ว"

"ฟางก็แค่เป็นห่วงเท่านั้นแหละ ก็เลยอยากถามให้สบายใจ แต่ว่า...ที่จริงฟางก็ไม่ได้ไปไหนนะ ถ้าเปาอยากให้มาอยู่เป็นเพื่อน ฟางก็มาได้ จะเกรงใจทำไม เราเป็นแฟนกันแล้วนี่"

จะว่าอย่างนั้นก็ใช่ แต่เปารู้สึกว่าช่วงนี้เขาไม่อยากเจอแฟนบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อนเลย แม้กระทั่งจะมีอะไรกันก็ยังบ่ายเบี่ยงบ่อยๆ น่าจะเป็นเพราะมีภาพของใครคนหนึ่งตามติดเขาไปทุกที่ ที่สำคัญ ความคิดถึงคนในภาพนั้นก็เริ่มรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้น ตอนแรกว่าจะไปหา แต่เปาก็กลัวเจอคนที่เขาไม่อยากเจอ ก็เลยได้แต่คิดถึงอยู่แบบนี้

"ถึงจะเป็นแฟนกัน แต่รบกวนกันบ่อยๆ ก็ไม่ดีหรอกฟาง พรุ่งนี้ฟางยังไม่ต้องมาก็ได้ เปาอยากอยู่คนเดียวสักพัก ฟางก็รู้ไม่ใช่เหรอ เวลาเปามีปัญหา ถ้าเปาได้อยู่คนเดียวสักพักเปาก็จะหายเอง"

ฟางพยักหน้าเข้าใจ เพราะที่ผ่านมาเปาก็เป็นแบบนั้น "ก็ได้ แล้วคืนนี้ล่ะ จะให้ฟางอยู่หรือจะให้ฟางกลับบ้าน"

"ก็ฟางมาแล้วนี่ คืนนี้ก็อยู่นี่แหละ" เปาบอก

แม้มองหน้าแฟนแต่ใจก็ไพล่คิดถึงอีกคน เปานึกอยากให้ถึงพรุ่งนี้ไวๆ เพราะไท้ไลน์มาบอกว่าพรุ่งนี้ไม่มีซ้อม กอรปกับรุ่นพี่ทีมชาติก็ไม่อยู่ที่ กกท. แล้ว เปาจึงไม่ต้องกลัวว่าจะเผชิญหน้ากับใครคนนั้น เขาก็เลยว่าจะชวนไท้มาบ้านสักวัน

นี่แหละคนที่เปาอยากดูแล คนที่จะทำให้บ้านนี้ไม่เงียบเหงาเหมือนที่ผ่านมา



"ผมว่าผมจะลองเปลี่ยนมากระโดดเสิร์ฟมั่งอะพี่ ปกติเวลาผมเสิร์ฟผมจะเสิร์ฟแบบท็อปสปิน แต่บางทีมันก็ไม่ค่อยย้อยลงหน้าเน็ตเท่าไหร่ ถ้าเปลี่ยนมาจัมพ์เสิร์ฟ ผมว่ามันน่าจะรับยากกว่า พี่ว่าไหม บ้านเราไม่ค่อยมีคนจัมพ์เสิร์ฟด้วย"

"พี่ก็ว่าน่าจะดีนะ ในทีมมีใครเสิร์ฟแบบนี้ไหมล่ะ"

"ไม่มีเลยครับ ตอนนี้ทุกคนยืนเสิร์ฟ โฟลตติ้งเสิร์ฟก็มีอยู่สามสี่คน ส่วนท็อปสปินก็มีเยอะหน่อย หลายคนเลย ผมด้วย ถ้าผมเปลี่ยนมากระโดดเสิร์ฟ ทีมก็จะได้มีรูปแบบการเสิร์ฟที่หลากหลายไงครับ"

"แล้วโค้ชสอนเรื่องการกระโดดหรือยัง" เปาถาม ไท้ส่ายหน้าไปมา เปาจึงพูดต่อ "เพราะถ้าจะเสิร์ฟแบบนี้ พี่ว่ามันต้องฝึกเรื่องการกระโดดด้วย ต้องกระโดดให้สูงขึ้น แต่ไม่ควรใช้แรงเยอะเกินไป เดี๋ยวยืนไม่ได้นาน แล้วก็ต้องระวังเรื่องบาดเจ็บด้วย กระโดดแบบนี้ร่างกายจะพังไวด้วย"

"ก็จริงแหละพี่ ผมกลัวเรื่องนี้แหละ" ไท้ยิ้ม

ที่จริงรอยยิ้มนั้นก็ดูธรรมดา แววตาคู่นั้นก็แค่มีประกายใสซื่อ ส่วนลักยิ้มที่โผล่มายามยิ้มก็ไม่น่ามีส่วนอะไรมาก แต่ทำไมทุกอย่างจึงดูมีเสน่ห์ไปหมด แม้กระทั่งเวลาพูด ริมฝีปากที่ขยับขึ้นลงก็น่ามอง เสียงพูดนั้นเล่าก็ช่างน่าฟัง เปาคงจะบ้าไปแล้วที่รู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนนี้

"แต่ไม่ต้องห่วงหรอก นี่ดูนี่" เปาบอกพลางเปิดไอแพ็ดให้ดูคลิปที่เขาหาไว้ให้แล้ว เขากดเล่นและส่งให้ไท้ดู

"ภาษาอังกฤษเหรอ ผมฟังไม่ออกน่ะ" ไท้ว่าพลางขำตัวเองเบาๆ

"พี่ศึกษามาแล้ว เดี๋ยวพี่จะบอกเอง คลิปนี้เขาสอนเรื่องการฝึกกระโดดให้สูง เขาจะมีเชือกที่มันยืดได้พันไว้ตรงเหนือเข่า สอดเข้าไปในขา แล้วก็พันเป็นเลขแปด ท่าแรก เดินแล้วยกเข่าขึ้นสูงๆ มันจะช่วยเพิ่มกำลังขา ท่าต่อไปก็กระโดดพร้อมกันสองขาไปข้างหน้าแล้วย่อตัวลง มันจะช่วยเพิ่มความสูงในการกระโดด ท่าต่อไปก็กระโดดขาเดียวไปข้างหน้า แล้วก็สลับขา ซิกแซ็กไปมา อันนี้ช่วยฝึกเรื่องการทรงตัวเวลากระโดด พอทำครบแล้วก็ค่อยมาฝึกกระโดดตบ ไม่ยากหรอก" เปาหันไปยิ้ม

"พี่เปาเก่งจังเลย ขนาดไม่เคยเล่นนะเนี่ยยังรู้เลยว่าจะฝึกยังไง" ไท้ชม

"ที่จริงความรู้พวกนี้มันมีในอินเตอร์เน็ตเยอะเลยนะ แต่ว่ามันเป็นภาษาอังกฤษ ไท้ต้องฝึกภาษาอังกฤษเยอะๆ นะ จะได้หาความรู้ได้ง่าย แล้วถ้าเกิดต่อไปได้ไปเล่นสโมสรต่างประเทศ จะได้คุยกับเขารู้เรื่องไง"

"จริงด้วย" ไท้พยักหน้าตามช้าๆ "แต่ภาษาอังกฤษผมไม่ค่อยได้เรื่องเลย ทำไงดีล่ะครับ"

"ต่อไปถ้าไท้มีเงิน ก็ลองไปลงเรียนภาษาอังกฤษดู อย่างวอลสตรีท บริทิชเคาน์ซิลหรือเอยูเอก็ได้ แต่ต้องแบ่งเวลาดีๆ หน่อย จะได้ไม่เสียทั้งการเรียนและกีฬา ไท้เก่งอยู่แล้ว ทำได้ เชื่อพี่สิ" เปาตบลงไปบนไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ยิ้มบางๆ

เปารู้สึกดีเสมอเวลาอยู่กับไท้ โดยนิสัยแล้วเขาเป็นคนชอบดูแลผู้อื่น ลูกค้าที่มาที่ร้านมักชอบมาคุยกับเปาและให้เปาสอนมากกว่าคนอื่นๆ เพราะเขาสอนอย่างใส่ใจ แม้กระทั่งรายละเอียดเล็กน้อยๆ แต่การดูแลลูกค้ากับดูแลใครสักคนที่รู้สึกดีด้วยย่อมต่างกัน

"พี่เปา! ดูไอ้สองตัวนั่น!" ไท้ชี้ไปที่จุดเกิดเหตุด้วยท่าทางตื่นระคนขำ

"เฮ้ย!" เปาหันไปดูและอุทานเมื่อเห็นเจ้าหมาสองตัวแย่งกัดกระดาษทิชชู่กัน

เปากับไท้ลุกจากเก้าอี้นั่งเล่นในบ้านแล้ววิ่งไปหาเมสซี่กับเนยมาร์ พวกมันหยุดทันที แถมยังทำหน้าเหมือนกับรู้ตัวว่าทำผิด

"ใครทำ บอกมานะใครทำ เมสซี่เริ่มก่อนใช่ไหม" เปาแกล้งทำเสียงดุใส่ และชี้ไปทางเมสซี่

"โว้วๆๆๆๆ" เมสซี่เถียงและยื่นปากไปทางเนยมาร์ คล้ายกับจะโทษว่าอีกฝ่ายเป็นคนเริ่ม

"เนยมาร์เริ่มก่อนเหรอ" เปาชี้ไปทางเนยมาร์บ้าง มันก็เถียงเหมือนเมสซี่

"โว้วๆๆๆๆๆ"

ไท้เห็นพวกมันเกี่ยงและเถียงกันก็ขำใหญ่ ไม่ว่าเปาจะชี้ไปที่ตัวไหน พวกมันต่างก็ไม่ยอมรับและเถียงกันไปมา ไท้เห็นอย่างนั้นก็วิ่งกลับมาหยิบโทรศัพท์ แล้วก็วิ่งมาถ่ายคลิปคนกับหมาเถียงกัน เถียงกันอยู่พักหนึ่ง เปาจึงเลิกเถียงด้วย

"ไม่มีใครยอมรับใช่ไหม งั้นไปเล่นข้างนอกเลย ซนแบบนี้จะไม่ให้เข้าบ้านแล้ว เดี๋ยวจะจับอาบน้ำด้วย ไม่ได้อาบน้ำหลายวันแล้วใช่ไหม"

แค่ได้ยินคำว่าอาบน้ำ เจ้าสองตัวนั้นก็พากันวิ่งหนีลนลาน เปาแกล้งวิ่งไล่ตามไป พวกมันคงกลัวถูกจับอาบน้ำมากจึงพากันวิ่งออกไปหน้าบ้านตรงสนามหญ้า เปาหยุดวิ่งตาม เขายืนหัวเราะและส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู

"ไปไท้ ไปซ้อมกัน" เปาหันมาบอก

ไท้หยุดถ่ายคลิป ทำหน้าสงสัย "ซ้อมอะไรเหรอครับ"

"ก็ที่ดูเมื่อกี้ไง" เปาบอก จากนั้นก็เดินไปหยิบลูกวอลเลย์บอลและเชือกแบบยืดได้ซึ่งวางไว้บนโซฟาติดมือมาด้วย

เมื่อไท้ออกมาตรงสนามหญ้า จึงเห็นว่าเปาเอาแผ่นรองแก้วสีส้มๆ ทำด้วยยางมาวางซิกแซ็กให้ประมาณเจ็ดแปดชิ้น เหมือนที่ไท้เพิ่งดูในคลิปเมื่อกี้เลย เขารู้สึกทึ่งระคนตื้นตันใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ให้ขนาดนี้

เปาให้ไท้สวมเชือกยืดได้เข้ากับขา เขาช่วยเขยิบตำแหน่งให้มาอยู่เหนือหัวเข่าเล็กน้อย จากนั้นก็ให้ไท้ฝึกตามคลิปเมื่อสักครู่นี้ เริ่มจากฝึกยกขาให้สูง ฝึกกระโดดสองขา ฝึกกระโดดขาเดียวสลับข้างกันในทิศทางซิกแซ็ก จากนั้นก็ให้ฝึกกระโดดตบ เปาเป็นคนโยนลูกให้วิ่งมากระโดดตบ พอลูกบอลหล่นพื้น เมสซี่กับเนยมาร์ก็วิ่งไปหาลูกบอล พวกมันตั้งใจว่าจะคาบมาให้ แต่ลูกใหญ่เกินไป เมื่อคาบไม่ได้ก็ได้แต่เห่า ไท้กับเปาหัวเราะชอบใจกันใหญ่

เปาวิ่งไปหยิบลูกบอลมาเอง จากนั้นก็โยนให้ไท้ตบ เจ้าหมาสองตัวคอยวิ่งตามลูกบอล แม้จะคาบมาไม่ได้แต่พวกมันก็สนุกมาก เมื่อซ้อมจนพอใจแล้ว เปาก็ขอความช่วยเหลือบางอย่าง

"ไท้ ช่วยอะไรพี่หน่อยดิ"

"อะไรเหรอครับ" ไท้ทำหน้าสงสัย ตามเนื้อตัวมีเม็ดเหงื่อผุด เขาร้อนจนต้องถอดเสื้อออก

"จับพวกมันอาบน้ำ" เปาบอกเบาๆ เพราะกลัวเจ้าสองตัวนั้นได้ยิน

แต่พวกมันก็ได้ยินเสียแล้วเพราะหูไว ก็เลยพากันวิ่งหนี เปากับไท้ต้องวิ่งไล่จับ ทั้งขู่ ทั้งปลอบ แต่พวกมันก็เห่าใส่ และทำท่าจะไม่ยอมให้จับตัวพวกมันง่ายๆ เนยมาร์ออกอาการกลัวมากกว่าใคร มันร้องเจ็บปวดอย่างกับจะถูกฆ่า กระนั้นพวกมันก็โดนจับอาบน้ำจนได้

เปากับไท้พาพวกมันไปอาบน้ำในห้องน้ำ ทั้งคู่ถอดเสื้อเหลือแต่กางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงินมีโลโก้เชลส์ซีเหมือนกัน เปาอาบให้เมสซี่ ไท้อาบให้เนยมาร์ อาบไปพวกมันก็ร้องไป คงจะบ่นและแอบด่าพวกมนุษย์ที่ทรมานพวกมันด้วยการจับอาบน้ำ

เสร็จแล้วสองหนุ่มก็ช่วยเอาผ้าเช็ดตัวเช็ดขนพวกมันให้แห้งหมาดๆ ก่อนพาพวกมันออกมาจากห้องน้ำและเป่าขนให้แห้งที่หลังบ้าน เปาซื้อไดร์เป่าผมมาใช้กับหมาโดยเฉพาะ เมื่อแห้งดีแล้วก็ปล่อยพวกมันให้เข้าไปนอนในบ้านหมา เมื่อโดนจับอาบน้ำแล้วพวกมันก็ไม่กล้าเข้ามาเฉียดกรายเปากับไท้เลย คงจะกลัวโดนจับอาบน้ำอีก

"พรุ่งนี้เช้า เราทำคลีนฟูดกินกันดีไหมครับพี่เปา ตอนผมเข้าแคมป์นะ คิดถึงอาหารคลีนฟูดของพี่เปามาก ผมว่ามันดีนะ กินง่าย ทำง่าย อร่อยด้วย" ไท้หันมาชวนขณะเดินเข้ามาในบ้าน

"เอาสิ แต่ตอนนี้...มากินขนมกันไหม พี่ซื้อซาลาเปาลาวามา เคยกินไหม"

ไท้ส่ายหน้า "ไม่เคยครับ เคยกินแต่ซาลาเปาธรรมดา มันเป็นยังไงเหรอครับ"

"งั้นไปนั่งรอก่อน เดี๋ยวพี่เอาไปให้ ต้องเวฟหน่อยเพราะว่ามันเย็นแล้ว" เปาบอก เขาแยกไปเข้าครัว ส่วนไท้ก็เดินมานั่งเล่นตรงโซฟา

ไม่ถึงห้านาที เปาก็ยกจากใส่ซาลาเปาลาวาไข่เค็มออกมา เขาชอบกินมาก มีร้านประจำในห้างแห่งหนึ่งและมักจะซื้อมากินบ่อยๆ

"มาแล้ว ซาลาเปาลาวาไข่เค็มร้อนๆ"

เปาบอกขณะวางจานลงบนโต๊ะเตี้ยๆ วันนี้เขาลงทุนขอเพื่อนกลับก่อนตอนบ่ายสอง แวะไปซื้อซาลาเปาลาวาที่ห้าง จากนั้นก็ไปรับไท้มาที่บ้าน มาถึงที่นี่ประมาณบ่ายสามเศษๆ เพราะรถยังไม่ติดมาก

"โห แค่เห็นก็น่ากินแล้วครับ" ไท้บอกอย่างตื่นเต้น

ด้วยความอยากกิน ไท้จึงหยิบขึ้นมาหนึ่งลูก เปาว่าจะร้องห้ามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อไท้บิมันออก ลาวาไข่สีส้มเหลืองก็พุ่งออกมาเลอะมือ แถมบางส่วนยังกระเด็นไปเปรอะบนหน้าอกไท้ด้วย ดีที่เขายังไม่ได้ใส่เสื้อ ไม่อย่างนั้นเสื้อคงเลอะลาวาไข่เค็มด้วยแน่

เปาหัวเราะขบขันและส่ายหน้าไปมา "พี่กำลังจะบอกว่าอย่าบิมัน เลอะเลย"

ไท้หัวเราะแหะๆ

"วางลงก่อน เดี๋ยวพี่เอาทิชชู่มาให้เช็ด" เปาบอก ไท้วางซาลาเปาลูกนั้นลงไปอย่างว่าง่าย

เปาทำท่าจะเดินไปเอากระดาษทิชชู่มาให้ จู่ๆ เขาก็หยุดกึกหลังเดินไปสองสามก้าว พักหนึ่งก็หันกลับไปมองมือและอกของไท้ที่เปรอะอยู่ เปากลืนน้ำลายลงคอ คล้ายกับกำลังจะตัดสินใจทำบางอย่าง เขาเดินมาหาไท้ที่โซฟา นั่งลงข้างๆ ไท้ ส่วนไท้คอยมองด้วยสีหน้าสงสัย เพราะไม่รู้ว่าเปาจะทำอะไร

เปาจับมือขวาของไท้ซึ่งเปรอะลาวาไข่ขึ้นมา มือเขาสั่นจนรู้สึกได้ หัวใจของเขาเต้นรัวจนคุมจังหวะไม่อยู่ สีหน้าบ่งบอกความประหม่าเต็มที่ แต่เขาไม่แสดงอาการว่าจะถอยหนี ซ้ำยังจะเดินหน้าต่อ

ไท้ถึงกับเบิกตาโตด้วยความตกใจเมื่อเปาทำสิ่งที่เขาไม่คาดคิด เปาดึงมือเขาขึ้นมาดูดเลียตามนิ้วมือซึ่งเปรอะด้วยลาวาไข่ พร้อมกับสบตาไท้นิ่งจนแทบไม่กะพริบ สัมผัสหยุ่นเย็นตามนิ้วมือปลุกอารมณ์วาบหวามรัญจวนใจให้เตลิด เลือดในการสูบฉีดแล่นพล่านจนผิวหน้าและผิวกายร้อนผ่าว

เมื่อสะอาดดีแล้วเปาก็ปล่อยมือไท้ลง เขาเขยิบเข้ามาใกล้ไท้อีก คราวนี้สีหน้าดูประหม่ายิ่งกว่าเดิม ไท้เองก็ประหม่าและใจเต้นรัวไม่แพ้กัน แต่เขาก็ยังอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

เปาก้มหน้าลงไปตรงช่วงหน้าอกของไท้ เขาลังเลเล็กน้อย สักพักก็ลงลิ้นเลียคราบลาวาไข่เค็มที่เปรอะตรงหน้าอกของไท้ เล่นเอาอีกฝ่ายตกใจจนสะดุ้งและเสียววาบไปถึงท้องน้อย

"พี่เปาอย่าครับ!" ไท้ร้องห้าม แต่เขากลับไม่ผลักใสใดๆ มีเพียงลมปากที่บอกออกไปเท่านั้น

เปาชะงักและเงยหน้ามามอง ความหวั่นไหวปรากฎในแววตาของทั้งคู่ มันไหวระริกจนเต้นเร่าในแววตา รู้สึกได้อย่างแรงกล้า คงเป็นสายตาแห่งความปรารถนาคู่นั้นเองที่ทำให้ไท้ไม่ต่อต้านใดๆ เลย

เปาเลื่อนสายตาลงต่ำมายังจุดเดิม เขาจ้องนิ่งดูเม็ดทับทิมซึ่งยังมีคราบลาวาไข่เค็มติดอยู่ พลันก็ลงลิ้นโลมเลียไปบนเนินเนื้อขาวจัดและเม็ดตุ่มนั้นอีกครั้ง ไท้ครางเบาๆ ด้วยความเสียวซ่าน บิดตัวไปมาและสูดปากเล็กน้อย เปาเลียวนไปมาสักพักก็หยุด ไม่มีคราบใดๆ อีกแล้วนอกจากน้ำลายที่เปียกชื้น แต่ไม่นานก็แห้งเหือดไป

"ไท้รู้ไหม...พี่ไม่เคยรู้สึกมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย" เปาบอกเสียงสั่น ฟังดูก็รู้ว่าพยายามควบคุมเสียงอย่างเต็มที่ "ตั้งแต่ไท้มาอยู่ด้วย พี่มีความสุขมาก...ที่ได้ดูแลไท้ ตอนที่ไท้ไม่อยู่ พี่...คิดถึงไท้ทุกวันเลย พี่อยากให้ไท้มาอยู่ใกล้ๆ พูดคุยกับพี่ ถามพี่ เล่นกับพี่ แล้วก็เล่นกับไอ้สองตัวนั้นด้วยกัน ไท้รู้ไหม...ไม่เคยมีใครช่วยพี่อาบน้ำพวกมันเลย ไท้เป็นคนแรกเลยนะ" เปาเว้นจังหวะก่อนจะถาม "ไท้อยากมาอยู่กับพี่หรือเปล่า"

"พี่เปา..." ไท้พูดได้เท่านี้ คงตกใจจนนึกอะไรไม่ออก อาการของเปาตอนนี้เหมือนคนมีความรัก แต่ทำไมเปาถึงแสดงความรู้สึกนี้กับไท้ล่ะ หรือว่าเปาแค่สับสนเท่านั้น

เปาเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ สายตาเขาจับจ้องที่ริมฝีปากอิ่มและสายตาหวั่นไหวสลับกัน แต่ก่อนจะรุกล้ำไปมากกว่านั้น เปาก็พูดเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน แต่ไท้ก็ได้ยินชัดเจน

"พี่ต้องการไท้"

TBC



ต้น-สน ตอนพิเศษ 6: จากเพื่อนสู่รัก (ความอบอุ่นในหัวใจครั้งสุดท้าย)




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2017 20:27:40 โดย inxsara »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เอิ่มมมม..ยากจะคาดเดา
ว่าจริงๆแล้วคืออะไรกันแน่

หวั่นไหวจริงหรือแสร้งทำ
มันจะซ้ำรอยเหมือนกับที่จีนเคยโดนมา
ใช่หรือเปล่า

คาดเดากับเปาไม่ออกเลย

แต่อ่านตอนนี้แล้วสองคนนี้เค้ากระหนุงกระหนิง
จุ๊งจิ๊งกระดิ่งหมา ม่อกกกกกก

+1 ให้ทั้งเปาและไท้
จุ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
:L2: :pig4:

ดีใจที่มาอ่านต่อนะครับ เรื่องนี้จะดราม่านิดนึง แต่รับรองว่าสนุกครับ :)
ไม่แน่ใจว่าอ่าน "ต้น-สน" ด้วยไหม จำได้ว่าเคยอ่านนะครับ
ตอนนี้มีตอนพิเศษมาให้อ่านแล้ว แวะไปดูที่ห้อง "นิยายที่โพสต์จนจบแล้ว" ได้เลยครับ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
ูู^^ London Eye นะ เราเล็งไว้แล้ว
กะว่าจะเริ่มอ่านใหม่อีกรอบ สับสนว่าอ่านเวอร์ชั่นไหนไปแล้วบ้าง

ดีใจมากๆที่กลับมาเขียนอีก
เรื่องใหม่จี๊ดจ๊าดมาก 55
อ่านสองเรื่อง ต้องเคลียร์ pinkish nipples ออกจากหัวก่อน เดี๋ยวอ่านไม่รู้เรื่อง :o8:

ออฟไลน์ farhhhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เราว่าเปาชอบน้องจริงๆ นั่นแหละ แต่ปัญหามันจะอยู่ความคิด ทัศนคติของเปาอ่ะ นางยังรับไม่ได้แน่ๆ กับความรู้สึกว่าตัวเองจะเบี่ยงเบน และนางก็ดูควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ อันนี้น่ากลัวนะ
น่าสงสารทั้งคู่เลยไท้ที่ไม่รู้เรื่อง กับเปาที่ฝังใจกับแม่
แถมจีนด้วยอีกคน ไม่แน่นะจีนอ่ะ อาจจะยังชอบเปาอยู่แล้วมารู้ว่าเปาชอบไท้ อาจจะเผลออิจฉาไท้ด้วยซ้ำ

อู่ย ดราม่าแน่ๆ //อีนี่คิดเป็นตุเป็นตะเลย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
เราว่าเปาชอบน้องจริงๆ นั่นแหละ แต่ปัญหามันจะอยู่ความคิด ทัศนคติของเปาอ่ะ นางยังรับไม่ได้แน่ๆ กับความรู้สึกว่าตัวเองจะเบี่ยงเบน และนางก็ดูควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ อันนี้น่ากลัวนะ
น่าสงสารทั้งคู่เลยไท้ที่ไม่รู้เรื่อง กับเปาที่ฝังใจกับแม่
แถมจีนด้วยอีกคน ไม่แน่นะจีนอ่ะ อาจจะยังชอบเปาอยู่แล้วมารู้ว่าเปาชอบไท้ อาจจะเผลออิจฉาไท้ด้วยซ้ำ

อู่ย ดราม่าแน่ๆ //อีนี่คิดเป็นตุเป็นตะเลย

555 งานมโนต้องมา
ขอบคุณที่มาติดตามอีกหนึ่งคนครับ
เพิ่งสังเกตว่าโพสต์ครั้งแรก เจิมให้เรื่องนี้ก่อนเลย
เรื่องนี้ดราม่าสมใจแน่สำหรับคนที่ชอบดราม่า :)

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
เปากับจีนมีอดีตร่วมกันนี่เอง แล้วไท้ล่ะจะทำไง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 09 | คนเหี้ยๆ



แท็กซี่แล่นมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่งก็จอดสนิท หญิงสาวซึ่งนั่งโดยสารมาหยิบเงินจากกระเป๋ามาจ่าย

"ไม่ต้องทอนนะคะ" เธอบอกคนขับเมื่อเขาทำท่าจะทอนเงินให้ ปกติเธอมักให้ทิปบ่อยๆ ยี่สิบบ้าง สามสิบบ้าง

ขาเรียวสวยก้าวลงจากรถแล้วเดินมาที่ประตูหน้าบ้าน ตอนแรกเธอว่าจะกดกริ่งเรียก แต่สายตาบังเอิญเหลือบไปเห็นประตูช่องเล็กแง้มๆ ไว้ เมื่อลองผลักออกก็เปิดได้ แสดงว่าเจ้าของบ้านลืมปิด ฟางก้าวเข้าไปในบ้านแล้วเหลียวซ้ายแลขวา เธอกลัวหมาสองตัวจะอยู่ตรงไหนสักแห่ง ถ้าพวกมันวิ่งมาหาเธอ ไม่ว่าจะมาดีหรือร้าย เธอคงสติแตกเป็นแน่เพราะกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ไฟในบ้านยังคงเปิดอยู่ แสดงว่าเปาไม่ได้ไปไหน ไม่รู้ว่าป่านนี้หายเครียดแล้วหรือยัง ที่จริงฟางไม่ได้ตั้งใจมาหาเปาวันนี้หรอก แต่เมื่อวานเธอลืมโทนเนอร์ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ไว้ในห้องของเปา เธอจึงต้องมาเอาเอง เพราะไม่อย่างนั้นคืนนี้จะไม่มีใช้ จึงต้องถ่อสังขารมาที่นี่ ซ้ำยังไม่ได้เอารถมาเองเพราะน้องชายเธอขอเอาไว้ใช้พายายไปโรงพยาบาลวันนี้ เธอจึงต้องนั่งแท็กซี่มา นอกจากนี้ก็ไม่โทรบอกเปาด้วย เพราะกะว่าจะให้เปาแปลกใจเล่น

โชคดีที่เมสซี่กับเนยมาร์อยู่หลังบ้าน ฟางจึงรอดตัวจากการถูกสัตว์หน้าขนจู่โจมไปได้ เธอมาหยุดยืนที่ประตูหน้าบ้าน ก่อนใช้มือเลื่อนเปิดประตูออก

เมื่อเธอก้าวขาเข้าไปและสอดส่ายสายตาหาเจ้าของบ้าน เธอก็ต้องตกใจจนแทบช็อคเมื่อเห็นกิจกรรมบางอย่างตรงมุมโซฟา แฟนหนุ่มของเธอกำลังกอดจูบกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่อย่างถึงพริกถึงขิง เธอตกใจจนแทบช็อค ดีที่ไม่หวีดร้องออกมาสุดเสียง

"เปา! นี่มันอะไรกันน่ะ!" ฟางร้องถามเสียงสั่น

เปาสะดุ้งตกใจและหยุดรุกล้ำหนุ่มรุ่นน้องทันที เมื่อเห็นว่าใครมา ทั้งคู่ก็ตกใจจนแทบสิ้นสติ

"ฟาง" เปาอุทาน เขาตกใจจนทำตัวแทบไม่ถูก

"ทำไมเปาทำกับฟางแบบนี้ เลวมาก!"

ฟางตะโกนลั่น ก่อนหันกลับแล้ววิ่งผลุนออกไปทันที ลืมความกลัวหมาไปเลย เปารีบผละจากไท้แล้ววิ่งตามแฟนสาวหน้าตาตื่นออกไป

"ฟาง เดี๋ยวก่อนฟาง เปาอธิบายได้นะฟาง ฟังเปาก่อน"

ดูเหมือนคำขอร้องของเปาจะไม่ได้ผล เพราะฟางไม่ยอมหันหลังกลับ แต่กระนั้นเธอก็หนีได้ไม่เร็วอย่างที่ใจคิดเพราะใส่รองเท้าส้นสูง ก่อนจะถึงประตูหน้าบ้าน เปาก็ตามมาทันและกอดเธอไว้แน่นจากข้างหลัง

"ฟาง ฟังเปาก่อน"

"ไม่ฟัง ฟางไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เปาหลอกฟาง หลอกมาฟางมาตลอดเลย ทำไมทำกับฟางแบบนี้ ทรยศฟางทำไม" ฟางร้องไห้คร่ำครวญและพยายามดิ้นหนี แต่ผู้หญิงอย่างเธอก็สู้แรงชายไม่ได้ ไม่นานเธอจึงหยุดดิ้นรน

"มันไม่ใช่อย่างที่ฟางเข้าใจนะฟาง เปาอธิบายได้"

"อธิบายอะไรเหรอ ถ้าวันนี้ฟางไม่มา เปาไม่ทำไปถึงไหนต่อไหนแล้วเหรอ หรือว่าทำไปแล้ว ทำไมเปาทำแบบนี้ ไหนบอกฟางว่าเกลียดเกย์นักหนา แล้วนี่อะไร ถ้าฟางไม่มาเห็นกับตา ฟางก็คงโง่ให้เปาหลอกใช่ไหม" ฟางระเบิดอารมณ์ใส่อย่างสุดกลั้นและทำท่าจะดิ้นหนีอีก แต่เปาก็กอดเธอไว้แน่น

"ฟาง ฟังเปาดีๆ นะ เปาไม่ได้ชอบมันหรอก เปากำลังจะแก้แค้นให้แม่ต่างหาก" เปาลดความดังของเสียงลง เพราะเขาไม่อยากให้อีกคนซึ่งอยู่ในบ้านได้ยิน

ฟางหยุดดิ้นและขมวดคิ้วแน่น เธอคงสงสัยว่าที่เปาพูดมาจริงหรือเปล่า แต่มันก็ดูไม่น่าเชื่อเลยสำหรับเธอ

"เปาคิดว่าฟางเป็นเด็กเหรอ ฟางเห็นกับตาว่าเปาจูบกับเขา แล้วจะมาบอกว่าแก้แค้นให้แม่เหรอ แก้แค้นบ้าบออะไรของเปาน่ะ" ฟางกัดฟันแน่น เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเปาจะหาเหตุผลแบบนี้มาหลอกเธอ

"ฟาง เปาพูดจริงๆ นะ ไอ้เด็กนั่นน่ะ...มันจะจับพ่อเปา เปาก็แค่แกล้งทำเป็นชอบมัน พอมันตายใจ เปาก็จะหักอกมัน เปาอยากให้มันเจ็บปวด เหมือนที่แม่เปาเคยเจ็บปวดเพราะพ่อไง"

ฟางไม่รู้ว่าจะเชื่อดีหรือเปล่า ถ้าเปาทำอย่างนั้นจริงก็นับว่าบ้าไม่น้อย เธอจึงหันขวับไปถามทั้งที่น้ำตานองหน้า "นี่เปาพูดจริงเหรอ"

"จริงสิฟาง เปาจะโกหกฟางทำไม" เปายืนยันหนักแน่น "เปาเกลียดพวกมันมากแค่ไหนฟางก็รู้ รู้ไหมว่าเปาน่ะ หาทางแก้แค้นพวกมันตลอดเวลา เปาอยากเห็นพวกมันเจ็บ ที่สำคัญ...เปาอยากเห็นพ่อเจ็บเหมือนที่แม่เปาเคยเจ็บด้วย เปาอยากเห็นพวกมันเจ็บมากกว่าแม่เปาด้วยซ้ำ"

เมื่อได้ฟังคำตอบ ฟางก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังมากกว่าเดิม "เปาจะบ้าเหรอ! จะทำให้มันได้อะไรขึ้นมา"

"ฟางไม่รู้เหรอว่าเปาเจ็บแค่ไหน แม่เปาตายอย่างน่าสงสาร มันยังติดตาเปาอยู่ทุกวัน ก็เพราะพวกมันนี่แหละ พวกมันทำให้ชีวิตเปาเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้น เปาจะทำยังไงก็ได้ ถึงจะเปลืองตัวเปาก็ยอม ขอแค่ให้เปาได้ทำพวกมันเจ็บ เปาทำได้ทุกอย่างแหละ"

น้ำเสียงและสีหน้าของเปาดูเหี้ยมจนฟางแทบไม่อยากเชื่อ เธอไม่เคยเห็นเปาทำท่าทางแบบนี้มาก่อนเลยตั้งแต่คบกันมา

"เปาจะทำไปทำไม หยุดซะทีเถอะ ทำแบบนี้มันจะมีความสุขเหรอ เปากำลังเล่นกับไฟนะ แล้วถ้าเกิดเปารักเขาขึ้นมาล่ะ"

"ไม่มีทาง!" เปาขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังหนักแน่น "เปาไม่มีทางชอบพวกมันอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นเปาก็ชอบไปนานแล้ว"

"อะไรนะ!" ฟางเบิกตาโตและอ้าปากค้าง "เปาหมายความว่าไง เปาเคยทำแบบนี้มาก่อนเหรอ" ฟางจับไหล่ของเปาไว้ จ้องดูสายตามีพิรุธไม่ให้หลุดรอดการจับสังเกตของเธอได้

นับว่าเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของเปาที่เผลอพูดออกไป แววตาของเขาส่อพิรุธจนยากเกินที่จะซ่อนไว้ มีทางเดียวเท่านั้นคือต้องตอบคำถามฟางว่าใช่หรือไม่ใช่

"ว่าไงล่ะเปา เปาเคยทำแบบนี้มาก่อนเหรอ" ฟางคาดคั้น

เปาเบือนหน้าหนี สีหน้าดูยุ่งยากใจอย่างเห็นได้ชัด เขาครุ่นคิดอย่างหนักเพราะรู้ว่าต้องให้คำตอบกับฟางในอีกไม่กี่นาทีนี้

"เปล่า" เปาบอกปัด แต่ท่าทางของเขาเหมือนกับไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอยู่

ฟางไม่ถึงกับเชื่อ เพราะท่าทางของเปาดูน่าสงสัยไม่น้อย แม้จะคบกันมาห้าปีแล้ว แต่วันนี้ฟางกลับพบว่าเปาแทบไม่ต่างจากคนแปลกหน้าที่เธอแทบไม่รู้จักเลย

เงียบไปสักพัก สีหน้าเปาก็เข้มขึ้น "ฟางสบายใจได้ เปาไม่รักมันหรอก แต่เปา...จะทำให้มันเจ็บ เมื่อก่อนเปาปล่อยให้พวกมันเข้ามาทำลายชีวิตครอบครัวของเปา ต่อไปนี้...เปาจะเอาคืนบ้าง!"

"นี่เปาบ้าไปแล้วเหรอ เปากำลังทำบาปอยู่รู้ไหม"

"เปาไม่สน มันอยากร่านมาหาเปาเองทำไม อยากเจ็บตัวเอง เปาก็จะทำให้มันเจ็บอย่างที่มันต้องการ!"

เพี๊ยะ!

เสียงฝ่ามือเรียวๆ ฟาดลงไปบนใบหน้าขาวทว่าคมเข้ม คนลงมือรู้สึกโมโหจนมือไม้สั่น

"หยุดทำแบบนี้ได้แล้ว! ไม่งั้นชาตินี้เปาก็จะไม่มีวันมีความสุข" ฟางว่าเสียงสั่น

เปาเอามือลูบแก้มตรงที่โดนตบ พักหนึ่งก็หันมาตัดพ้อ "ฟาง ทำไมฟางไม่เข้าใจเปาเลย"

"แล้วถ้าฟางทำแบบนี้บ้างล่ะ เปาจะรับได้ไหม" ฟางย้อนถาม

คราวนี้เปาถึงกับพูดไม่ออก แววตาแข็งกร้าวของเขาอ่อนวูบลง ครู่หนึ่งก็หลบตาด้วยการเสมองไปทางอื่น เขาเหม่อเหมือนคิดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อหันกลับมาพูด เขากลับไม่ได้ตอบคำถามของแฟนสาวเลยแม้แต่น้อย

"ก็แล้วแต่ฟางละกัน ต่อให้ฟางรับไม่ได้ เปาก็จะทำ เปาจะทำให้มันเจ็บ เจ็บให้มันตายไปเลย!"

ยิ่งเห็นฟางก็ยิ่งไม่อยากเชื่อ แม้จะเข้าใจ แต่มันก็น่าตกใจไม่น้อยที่เปาเก็บซ่อนความเคียดแค้นไว้มากถึงขนาดนี้

"ทำไมไม่ฟังกันบ้างล่ะเปา" ฟางตัดพ้อบ้าง

"ฟางไม่ใช่เปา ฟางไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าเปาเจ็บปวดแค่ไหน ไม่รู้ล่ะ ยังไงเปาก็จะทำ"

ฟางหันหน้าหนี เมื่อคิดคำนวณแล้วเธอก็เห็นว่าไม่มีประโยชน์จะพูดคุยกันตอนนี้ มีแต่จะโกรธกันมากขึ้นเปล่าๆ "ฟางว่าเราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว ฟางจะกลับบ้าน"

สีหน้าของเปาดูอ่อนลงเล็กน้อย แม้มีความไม่พอใจซ่อนอยู่ แต่เขาก็ยังต้องทำหน้าที่สุภาพบุรุษ "เดี๋ยวเปาไปส่ง"

"ไม่ต้อง! ฟางโตแล้ว กลับเองได้" ฟางเสียงแหว เธอรู้ดีว่าคงไม่สามารถทนนั่งในรถไปกับเปาในอารมณ์แบบนี้ได้แน่นอน

"แล้วฟางจะกลับยังไง"

"แท็กซี่" ฟางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแอ็พเรียกแท็กซี่ จากนั้นก็ออกไปยืนรอหน้าบ้าน

เปาไม่ได้ตามเธอไป แต่เขาก็ไม่ไปไหน ยืนรออยู่เป็นเพื่อนจนกระทั่งฟางได้รถและวิ่งหายไปในความมืด เปาหันหลังและเดินกลับเข้ามาในบ้าน ไท้ยืนรออยู่ตรงประตูพอดี สีหน้าไม่ค่อยดีนัก เมื่อเปาเปิดประตูบ้านเข้ามา ไท้ก็รีบบอก

"พี่เปา ผมขอโทษครับ"

เปามองหน้าไท้นิ่ง ก่อนถอนหายใจเบาๆ แต่ยังไม่พูดอะไร

"ต่อไป...ผมจะไม่มาที่นี่แล้ว ผมไม่อยากทำผิดแบบนี้อีก" ไท้พูดต่อ

เปาขมวดคิ้ว พักหนึ่งก็ถามออกไป "ทำไม แล้วความรู้สึกของเราที่เกิดขึ้นล่ะ"

"แต่พี่เปามีแฟนแล้ว มันไม่ดีนะครับพี่เปา"

"ใช่...มันไม่ดีหรอก แต่พี่ชอบไท้ไปแล้ว จะให้พี่ทำยังไง" เปาเสียงดังขึ้นเล็กน้อย

ไท้หน้าเหวอ คงตกใจที่ได้รู้ความในใจของอีกฝ่าย เขาเองก็อาจจะรู้สึกไม่ต่างกัน แต่จะให้สานต่อก็รู้สึกละอายใจ ไท้รู้ดีว่ามาทีหลัง ทำให้คู่รักเขาแตกแยกคงไม่ใช่เรื่องดี

"แต่มันเป็นไปไม่ได้นะครับพี่เปา" ไท้แย้ง

ความเงียบแล่นเข้าครอบคลุม สองหนุ่มได้แต่มองหน้ากันและใช้ความคิดของตัวเอง ไม่รู้ว่าคิดอะไรกันบ้าง แต่เมื่อไม่มีใครถามกัน ก็น่าจะแปลว่ายังไม่มีใครอยากรู้ บรรยากาศชักเริ่มอึดอัดมากขึ้นทุกที ในที่สุดไท้ก็ไม่สามารถทนอยู่ต่อไปได้

"ผมจะกลับหอนะครับ พรุ่งนี้ผมมีซ้อมแต่เช้า"

"เดี๋ยวพี่ไปส่ง" เปาบอกโดยไม่หันไปมองหน้า



ทันทีที่สี่ล้อเคลื่อนเข้ามาในพื้นที่ กกท. โทรศัพท์ของไท้ก็ดังขึ้น พอเห็นว่าใครโทรมาหาไท้ก็รีบรับ ถือโอกาสผ่อนบรรยากาศอึมครึมในรถไปในตัวด้วย

"ไท้อยู่ไหน พี่นึกว่าอยู่ที่ห้อง" คนโทรมาหาถามทันทีที่ไท้รับสาย

"กลับมาแล้วเหรอครับพี่ พอดีไท้ไปบ้านโค้ชน่ะครับ ตอนนี้กำลังกลับ เข้ามาใน กกท. แล้ว อีกสองนาทีก็ถึง"

"เดี๋ยวพี่ลงไปหา แล้วใครมาส่งล่ะ ลูกชายโค้ชเด้งหรือเปล่า" จีนถามเสียงตื่นเต้น

"ครับ" ไท้รับคำเสียงเบา "พี่มาถึงตั้งแต่กี่โมงครับเนี่ย"

"เสร็จตั้งแต่บ่ายแล้ว แต่กว่าจะมาถึงนี่ก็หกโมงกว่า รถติดมากเลย" จีนบอก

"แล้วชนะเกาหลีไหมครับ ผมออกมาข้างนอก เลยไม่ได้ดูเลย"

"ชนะสิ ได้ที่สามตามเป้าเลย พรุ่งนี้โค้ชจะพาไปเลี้ยง ตอนแรกว่าจะไปวันนี้แหละ แต่หลายคนเหนื่อยก็เลยขอกลับมาพักก่อน พรุ่งนี้ค่อยไป ไท้ไปด้วยกันได้นะ"

"ครับ อ้อ...จะถึงแล้ว แค่นี้ก่อนนะครับพี่" ไท้ตัดบท

"โอเคๆ เดี๋ยวพี่ลงไปหาข้างล่าง"

ไท้เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า เพียงอึดใจเดียวรถก็แล่นมาจอดที่หน้าตึกซึ่งเป็นอาคารที่พักนักกีฬาพอดี เมื่อรถจอดสนิท ไท้ก็หันไปขอบคุณคนขับซึ่งนั่งเงียบมาตลอดทาง

"ขอบคุณนะครับพี่เปา ขับรถกลับดีๆ นะครับ"

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ ไท้จึงถือว่าอีกฝ่ายรับรู้แล้ว เขาเปิดประตูรถออกไป เปามองตามร่างสูงซึ่งกำลังเดินขึ้นบันไดตึกไปอย่างช้าๆ ไม่นานเขาก็ตัดสินใจเปิดประตูรถและเดินตามไป

"ไท้ เดี๋ยวก่อน"

ไท้หยุดกึกระหว่างครึ่งทางของช่วงบันได เมื่อเขาหันกลับมามองก็เห็นว่าเปาเดินมาใกล้ถึงแล้ว ต่างคนต่างมองกันอย่างไม่สนิทใจนัก เปาเดินมาหยุดตรงทางขึ้น สีหน้าดูอาลัยอาวรณ์อยู่ในที

"วันไหนว่างๆ พี่จะมาหาไท้นะ"

ไท้ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับคำพูดนั้น ไม่ดีใจ ไม่ตื่นเต้น แต่ก็ไม่ถึงกับเย็นชา

"ครับ" ไท้รับคำ พลันก็ได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อมาแต่ไกล

"ไท้"

จีนออกมาจากอาคารพอดี เขายิ้มดีใจเมื่อเห็นรุ่นน้องที่เพิ่งสนิทด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคิดถึงหรืออะไรกันแน่ หลายวันที่ไม่เจอกัน ไท้คือคนแรกที่จีนอยากเจอมากที่สุด

ไท้หันไปยิ้มให้กับคนที่เดินแกมวิ่งมาหา พอใกล้จะถึงจีนพลันหยุดกึกอยู่กับที่ ตาของเขาเบิกกว้างเหมือนกับเจอบางอย่างไม่คาดฝัน สายตาของจีนไม่ได้มองไท้ แต่น่าจะเป็นใครอีกคนที่อยู่ถัดไป จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเปา เมื่อไท้หันมามมองเปาบ้าง เขาก็พบว่าอีกคนตกอยู่ในอาการคล้ายกับจีน

"จีน!" เปาร้องอุทานเป็นคนแรก

"ไอ้เปา! มึง!"

จีนชี้หน้า จากนั้นก็ปรี่ลงมาหา เขาไม่พูดพล่ามทำเพลงใดๆ ทั้งสิ้น มาถึงก็ซัดหมัดหนักๆ เข้าใส่ใบหน้าอีกฝ่ายเต็มแรง เปารีบถอยหลบทันที แต่ก็ยังไม่วายโดยปลายหมัดเข้าจนได้ จีนปรี่เข้าหาหมายจะทำร้ายซ้ำ แต่เปารีบจับหมัดนั้นไว้ก่อน จากนั้นก็ผลักจีนอย่างแรงจนกระเด็นไปข้างหลังและล้มลง

"ไอ้เหี้ย! กูจะฆ่ามึง!" จีนตวาดลั่นอย่างโกรธจัด เขาลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปหาเปาใหม่ แต่ไท้ก็มาดึงตัวเขาไว้เสียก่อน

"ปล่อยพี่นะไท้ พี่จะฆ่ามัน คนเหี้ยๆ อย่างมันไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้!"

"ใจเย็นๆ ครับพี่จีน นี่มันอะไรกันครับ" ไท้ถามอย่างงงๆ ในขณะที่พยายามล็อคตัวจีนไว้ไม่ให้วิ่งเข้าไปหาเปา

จีนหยุดดิ้นเมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์ สายตาเขายังคงมองเปาอย่างอาฆาตแค้นและเกลียดชัง "ไอ้คนนี้แหละที่พี่เคยเล่าให้ไท้ฟัง มันหลอกพี่ มันทำร้ายพี่" จีนพูดดังลั่น สายตายังจับจ้องอยู่ที่เปา แม้จะผ่านไปหลายปีแล้วแต่จีนก็ไม่เคยลืมหน้า

ไท้เบิกตากว้าง ทั้งตกใจและช็อคไปพร้อมๆ กัน แม้ว่าจะดูบังเอิญจนเหลือเชื่อ แต่มันก็มีเค้าความจริงไม่น้อย ส่วนเปาก็หน้าเสีย เขาไม่กล้าสบตาไท้หรือจีนตรงๆ เลย ในแววตาของเขามีแต่ความรู้สึกผิดอยู่ในนั้น แม้เห็นไกลๆ แต่ก็ยังรู้สึกได้

คนเดินผ่านไปผ่านมาเริ่มหยุดดูด้วยความสนใจและสงสัย ก่อนคนจะมุงดูมากกว่านี้ เปาก็วิ่งกลับมาขึ้นรถซึ่งยังไม่ดับเครื่อง จีนปรี่เข้าไปหาอีกครั้งแต่ก็ไม่ทัน เปาขับรถออกหนีไปก่อนอย่างเฉียดฉิว จีนจึงสบถอย่างหัวเสียและทำท่าเตะอากาศไล่

"ไอ้เหี้ย! มึงอย่าให้กูเจอมึงอีกนะมึง กูเอามึงตายแน่!"

จีนมองตามรถคันนั้นจนมันหายลับตาไป สีหน้าเคียดแค้นของเขาพลันค่อยเปลี่ยนเป็นหม่นเศร้า เขาเคยรักเปามาก แต่เปาก็ทำเขาเจ็บมากเหลือเกิน เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าถ้าเจอเปาอีกครั้งจะทำอย่างไร เพราะจีนไม่ต้องการเจออีกแล้ว แค่นั้นก็เจ็บมากพอ ชาตินี้ขอไม่เจอกันอีกดีกว่า

จีนหันหลังกลับ จากนั้นก็พาไท้ขึ้นมาบนห้องพัก ปล่อยให้คนที่สงสัยมองอย่างสงสัยต่อไป แต่สักพักทุกคนก็สลายตัวกันไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเมื่อสักครู่นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อมาถึงห้องไท้ จีนก็นั่งลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อกี้เขาโกรธมาก แต่พอเปาไปแล้วเขากลับรู้เศร้ามากอย่างบอกไม่ถูก ภาพความหลังและความรู้สึกเก่าๆ ผุดขึ้นในหัวเป็นช่วงๆ เปาคือฝันร้ายของชีวิต ถ้าขอได้ เปาเป็นคนเดียวในโลกที่จีนไม่ต้องการเห็นหน้าอีก อดนึกสงสัยไม่ได้ว่าโลกควรจะเป็นทรงแบบไหนถึงจะไม่บังเอิญเจอกัน เพราะรักครั้งนั้น จีนจึงมีชีวิตไร้หัวใจอย่างทุกวันนี้

ไท้เดินลงมานั่งข้างๆ ไม่ถึงกับชิดกันแต่ก็ไม่ห่างจนเกินไป "ไม่น่าเชื่อนะพี่ว่าโลกมันจะกลมแบบนี้"

"เขาเป็นลูกชายโค้ชเด้งเหรอ" จีนถามโดยไม่หันไปมองหน้า

"ครับ" ไท้รับคำเบาๆ

จีนพยายามนึกว่าเขาเคยเจอโค้ชเด้งตอนที่ยังเรียนมัธยมปลายอยู่หรือเปล่า แต่เขาก็นึกไม่ออก เพราะเปาไม่เคยให้คนที่บ้านมารับส่งที่โรงเรียน ไม่เคยพูดถึงพ่อแม่ของตัวเอง และไม่เคยพาจีนไปบ้านเขาเลย

"พี่ไม่เคยอยากเจอเขาอีกเลยนะไท้" จีนหันไปบอกหลังเงียบไปสักพัก

"ผมเข้าใจครับพี่" ไท้พยายามแสดงความเห็นใจ ในขณะเดียวกันก็เริ่มสงสัยชะตากรรมของตัวเองไปด้วย มันน่าสงสัยไม่น้อยว่าเปากำลังทำกับไท้แบบเดียวกับที่เคยทำกับจีนหรือเปล่า

"พี่จะทำยังไงดีวะไท้ โค้ชเด้งเขาเป็นคนดี แต่แม่ง...พี่โคตรเกลียดลูกชายเขาเลยว่ะ ถ้าพี่รู้มาก่อน...พี่ไม่ยอมมาติดทีมชาติแน่ๆ" จีนระบายด้วยสีหน้ากังวล

"พี่เปาเขาอาจจะมีเหตุผลบางอย่างก็ได้นะครับ ผมว่า...ผมพอรู้ว่าทำไมพี่เปาเขาถึงทำอย่างนั้นกับพี่"

จีนย่นคิ้วเข้าหากัน เขาไม่ถาม แต่รอให้ไท้พูดสิ่งที่ค้างไว้ต่อ

"พี่เปาเขารักแม่มาก แต่แม่เขาตาย...ก็น่าจะเป็นเพราะเรื่องที่พี่เคยเล่าให้ผมฟังนั่นแหละ ตอนที่ผมอยู่บ้านโค้ช พี่เปากับโค้ชแทบไม่คุยกันเลย เหมือนเขามีปัญหากัน แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามีปัญหาอะไร"

เท่านี้จีนก็พอจะเดาออก เขาไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเปาถึงเกลียดผู้ชายทุกคนที่เล่นวอลเลย์บอลหรือเกลียดเกย์ เปาคงจะเกลียดพ่อที่ทำให้แม่ตรอมใจตายอย่างที่เขาลือ ก็เลยเอาความเกลียดนั้นมาลงที่คนอื่น โชคไม่ดีนักที่จีนดันพลัดหลงเข้าไปในเกมส์แก้แค้นของเปาโดยไม่รู้ตัว เขาจึงตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของเปาอย่างน่าเวทนา

"พี่เข้าใจแล้ว" จีนบอก "แต่เขาก็ไม่ควรมาทำร้ายคนอื่นแบบนี้ พี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยซะหน่อย ไท้เองก็ต้องระวังตัวดีๆ นะ เปาเขามาเกาะแกะอะไรกับไท้หรือเปล่า อย่าไปหลงเชื่อมันล่ะ ไม่งั้น...ไท้ก็จะเจ็บเหมือนพี่"

ไท้ยิ้มเจื่อนๆ คำเตือนนั้นดูเหมือนจะสายไปแล้ว เพราะไท้ยอมรับว่ามีความรู้สึกดีๆ ให้เปาไม่น้อย คงเป็นเพราะเปาคอยดูแลไท้เป็นอย่างดีตอนที่ไท้เข้ามากรุงเทพใหม่ๆ เปาคอยช่วยเหลือหลายอย่าง จนกระทั่งความรู้สึกบางอย่างค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจอย่างเงียบๆ อย่างเมื่อช่วงหัวค่ำนั้น ถ้าฟางไม่มาเจอเสียก่อน ไท้กับเปาก็อาจจะเตลิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้ เพราะไท้ไม่ขัดขืนเลยแม้แต่นิดเดียว

เมื่อรู้ความจริงแล้ว ไท้ก็ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อความรู้สึกของตัวเอง หรือควรจะหวาดระแวงกันแน่ บางทีไท้ก็รู้สึกว่าเปามีความรู้สึกพิเศษให้ แต่บางคราวเปาก็ทำเป็นเกลียดกลัวและอาฆาตเกย์ทุกคนบนโลกนี้ หรือต่อให้เปารู้สึกพิเศษกับไท้ขึ้นมาจริงๆ แต่เปาก็มีแฟนแล้ว ไท้ไม่ควรเข้าไปยุ่งกับเปาอีก แค่เห็นเปากับฟางทะเลาะกันเมื่อกี้ไท้ก็รู้สึกผิดและละอายใจมาก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสู้หน้าฟางได้อย่างไร

เมื่อคิดได้อย่างนั้น ไท้จึงหันไปตอบ "ไม่หรอกครับพี่ ผมกับพี่เปาไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ"

จีนแสดงอาการโล่งใจ แต่ก็ยังไม่วายอาฆาตคนที่เพิ่งขับรถหนีไปจนได้

"ก็ดีแล้ว คนเหี้ยๆ อย่างมันน่ะ...สักวันมันจะเจ็บเหมือนที่พี่เคยเจ็บ กรรมจะตามสนองมัน ไม่เชื่อไท้ก็คอยดูละกัน!"

TBC



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-02-2017 18:30:48 โดย inxsara »

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
   จีนแน่มาก รักมากก็เกลียดมากจริงๆ ใครเจอแบบจีนก็คงจะเจ็บฝังใจล่ะ  เปาทำไปไม่กลัวกรรมเลยเนาะ รู้ว่ารักแม่และโกรธพ่อ
  โอ้ยย น่ากลัวจริงๆ เอาไปทำกับคนอื่นแบบนี้
   รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
   จีนแน่มาก รักมากก็เกลียดมากจริงๆ ใครเจอแบบจีนก็คงจะเจ็บฝังใจล่ะ  เปาทำไปไม่กลัวกรรมเลยเนาะ รู้ว่ารักแม่และโกรธพ่อ
  โอ้ยย น่ากลัวจริงๆ เอาไปทำกับคนอื่นแบบนี้
   รออ่านตอนต่อไปคับ

น่ากลัวจริงๆ ครับ 555
ลืมบอกไปว่า ผมเอา "รัก...ที่ฟ้าไม่ได้ลิขิต" มาปรับใหม่อีกรอบ
เปลี่ยนตอนจบด้วยครับ ผมชอบมาก ได้อย่างใจแล้ว

ออฟไลน์ farhhhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อย่างแรกเลยนะ เปาควรไปพบจิตแพทย์ อันนี้จริงจังเลย
แกโตมาจนปูนนี้แล้วอ่ะ วัยที่จะเป็นพ่อคนได้แล้วอ่ะ
จะฝังใจแค่ไหน โตมานี่ไม่ได้รับการเยียวยาเลยหรอ
ฟางทนไปได้ไงเนี่ย จะไม่พูดถึงกรณีว่ามันชอบไท้ หรือแค่หลอกไท้นะ แต่ตอนที่พูดกับอ่ะ โอโห้ เป็นเรา เราไม่ทน
เราเข้าใจ แต่รับไม่ได้อ่ะ โกรธพ่อก็เคลียร์กับพ่อ ไม่ใช่ลงกับคนอื่น
ไอตอนกับจีนยังพอเข้าใจ เออ ว่ามันยังเด็ก แต่นี่ก็นะ... อืม

ก่อนจะเจอความสุขก็ต้องเจอบทเรียนก่อนอ่ะ สำหรับเปาอะนะ เวรกรรมอาจมาในรูปแบบของไท้ไรงี้5555
รอตอนต่อไปค่า ว่าแต่มีเพจ มีทวิตเตอร์ไหม เราจะได้ติดตามจะได้ไม่ต้องเข้ามาเช็คบ่อยๆ. อิอิ

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
จะเป็นยังไงต่อนะ. น่าติดตามมากครับ,,,,

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
จะเป็นยังไงต่อนะ. น่าติดตามมากครับ,,,,

ดีใจที่มาติดตามเรื่องนี้อีกคนนะครับ ผมเขียนนิยายดราม่า หาคนอ่านยาก แต่อย่างน้อยก็ยังพอมีบ้าง :)

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 10 | คืนเสียตัว



หลังแข่งขันกีฬาชิงแชมป์เอเชียจบแล้ว โค้ชกิตติกับโค้ชเด้งก็ให้รุ่นพี่มาซ้อมแข่งกับรุ่นน้อง เพื่อเตรียมความพร้อมทีมเยาวชนสำหรับแข่งรายการเยาวชนชิงแชมป์เอเชียในเดือนหน้า ไทยยังคงเป็นเจ้าภาพจัดรายการแข่งขันนี้อีกเช่นเคย เพราะเป็นหนึ่งในประเทศที่ต่างชาติชื่นชมว่าจัดกีฬานานาชาติได้ดี หลังการซ้อมวันนี้แล้ว รุ่นพี่ทีมชาติก็จะกลับบ้านไปใช้ชีวิตตามปกติ แต่ส่วนมากก็เว้นไปเพียงเดือนสองเดือน จากนั้นก็จะกลับมารวมทีมซ้อมเพื่อเตรียมแข่งขันรายการต่อไป ชีวิตของนักกีฬาจึงมักเข้าๆ ออกๆ ที่นี่จนกว่าวันหนึ่งจะเลิกเล่นไปในที่สุด

ผลการแข่งขันปรากฎว่ารุ่นพี่สามารถเอาชนะรุ่นน้องไปได้สามต่อหนึ่งเซ็ต โค้ชกิตติกับโค้ชเด้งพอใจมากทีเดียว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีรุ่นน้องทีมไหนได้เซ็ตจากพี่ๆ เลย ความหวังว่าทีมรุ่นนี้จะขึ้นมาสานต่อจึงสดใสมากกว่าครั้งไหนๆ

"เอาล่ะทุกคน วันนี้ซ้อมแค่นี้ก่อน แต่ถ้าใครอยากซ้อมต่อก็ยังซ้อมได้จนถึงห้าโมงเย็นนะครับ ทีมเยาวชน เราจะยังอยู่ที่นี่กันอีกหลายเดือน ส่วนทีมรุ่นพี่จะกลับมาอีกทีก็เดือนหน้า โค้ชก็หวังว่าเร็วๆ นี้เราจะได้เห็นรุ่นน้องสักคนสองคนขึ้นไปเล่นทีมชาติกับรุ่นพี่ในแมตช์ต่อไป เท่าที่ดูวันนี้ก็เห็นแววหลายคนเลย เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกคนตั้งใจกับโอกาสนี้ให้มากๆ อนาคตทีมชาติอยู่ใกล้แค่เอื้อม อย่าปล่อยให้หลุดมือนะครับ ได้โอกาสแล้วก็ขอให้ทุกคนเต็มที่กับมัน โอเค แยกย้ายกันได้ครับ"

สิ้นคำโค้ชกิตติ นักกีฬารุ่นพี่และรุ่นน้องซี่งยืนคละกันก็ทำความเคารพโค้ช ก่อนทยอยกันเก็บข้าวของและแยกย้ายกันไป เหลือเพียงไท้ เหินฟ้าและฟีนิกซ์ที่ว่าจะอยู่ซ้อมต่อ เป็นที่น่าสังเกตว่าสามคนนี้มักซ้อมหนักกว่าเพื่อนๆ เสมอ จึงมีพัฒนาการในการเล่นค่อนข้างดีกว่าคนอื่นๆ ในขณะที่คนอื่นๆ ซ้อมตามตารางเวลาที่กำหนด พอหมดเวลาซ้อมก็มักหยุดพักผ่อนหรือไปเที่ยวข้างนอก

"ยังไม่กลับเหรอไท้" จีนเดินเข้ามาถามขณะที่ไท้กับเพื่อนอีกสองคนเดินกลับเข้ามาในสนามอีกครั้ง

"ยังครับพี่ ว่าจะซ้อมต่ออีกหน่อยครับ ยังไม่เหนื่อยเลย" ไท้หันไปบอกพลางยิ้ม

"ขยันจังเลย อย่าหักโหมนะ เดี๋ยวร่างกายจะพังเอา"

"ครับพี่ ยังไหวอยู่ครับ" ไท้หัวเราะแหะๆ

"อ้าวฟีนิกซ์ ไอ้หนังพอร์นล่ะ" จีนหันไปแซวน้องอีกคนซึ่งเป็นมือเซ็ตเหมือนกัน สีหน้ายิ้มๆ เพราะรู้ว่าสองคนนี้มีอะไรแปลกๆ ในช่วงหลังๆ

"อ๋อ...พี่เขามีนัดกับที่บ้านครับ ก็เลยรีบกลับ" ฟีนิกซ์ตอบเขินๆ

"เหรอ แล้วไปถึงไหนแล้วล่ะ"

"ยังไม่ถึงไหนหรอกครับ คุยเล่นสนุกๆ ไปงั้นแหละ" ฟีนิกซ์ตอบ พลันก็แก้เขินด้วยการหยิบลูกวอลเลย์บอลขึ้นมา ทำท่าคล้ายกับจะลงซ้อม

"พี่จีนจะกลับแล้วเหรอ" เหินฟ้าถาม เบนความสนใจมาจากเพื่อนอีกคน

"ตอนแรกก็ว่าจะกลับแหละ แต่เห็นน้องๆ ขยัน พี่ก็เลยว่าจะอยู่ต่ออีกสักหน่อย" จีนหันไปตอบ

"มาซ้อมกับพวกเราไหมครับ" เหินฟ้าชวน

"ได้เลย"

จีนวางกระเป๋าเป้สะพายลงข้างสนาม ก่อนเดินลงไปซ้อมร่วมกับน้องๆ อีกสามคน เขาช่วยสอนฟีนิกซ์เรื่องการเซ็ตเพราะเป็นเรื่องที่เขาถนัดที่สุด จีนส่งบอลให้ฟีนิกซ์เซ็ต ไท้กับเหินฟ้าสลับกันตบบอล ไท้ตบบอลหัวเสา เหินฟ้าตบบอลเร็ว ฟีนิกซ์จึงต้องเซ็ตสองแบบสลับกันไปมา เขามีปัญหากับการเซ็ตบอลเร็วพอสมควร เซ็ตขาดบ้าง เซ็ตเกินบ้าง จีนจึงช่วยให้คำแนะนำ จนกระทั่งฟีนิกซ์เริ่มทำได้ดีขึ้น

"พักก่อนดีกว่า" จีนบอกน้องๆ เมื่อซ้อมมาได้เกือบครึ่งชั่วโมง สี่หนุ่มจึงหยุดและเดินมานั่งตรงขอบสนาม

"มีใครเอาน้ำอะไรไหมครับ เดี๋ยวผมไปซื้อให้" เหินฟ้าขันอาสา เมื่อทุกคนสั่งจนครบ เหินฟ้ากับฟีนิกซ์ก็ออกไปด้วยกัน ปล่อยให้ไท้กับจีนนั่งคุยกันลำพังสองคน

พอสองคนนั้นไปแล้ว จีนก็เริ่มชวนคุยเรื่องที่อยากรู้ทันที "ไท้ได้คุยกับเปาไหมช่วงนี้"

ไท้ส่ายหน้าไปมา เขาเลิกชายเสื้อขึ้นและสะบัดไปมาเพื่อคลายร้อน "ยังไม่ได้คุยเลยครับ ตอนนี้ผมทั้งซ้อมทั้งเรียน แทบไม่มีเวลาเลย"

"ก็ดีแล้ว" จีนยิ้มแปลกๆ สักพักก็ทำท่าครุ่นคิด "พี่ไม่รู้นะว่าไท้เป็นเกย์เหมือนพี่หรือเปล่า แต่ถึงไม่ได้เป็น ไท้ก็ต้องระวังไอ้เปามันเอาไว้ด้วย ไม่งั้นจะเจ็บเหมือนพี่"

ไท้เผยยิ้มน้อยๆ คล้ายกับจะขอบคุณที่อีกฝ่ายอุตส่าห์เตือน แต่กระนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับคำเตือนและความหวังดีของรุ่นพี่ ถึงรู้ว่าเปาเคยทำสิ่งเลวร้ายกับจีนมาก่อน แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะกลัวเหมือนจีนหรือเปล่า เขาเข้าใจดีที่จีนเกลียดชังเปา รู้สึกเห็นใจที่จีนโดนทำร้าย แต่จะให้ไท้เกลียดเปาไปด้วยก็คงไม่ใช่ แต่ถึงกระนั้น ไท้ก็ยอมรับว่ามีความระแวง

จีนคงรู้ว่าไท้กำลังสับสน เขาจึงเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากกดดันอีกฝ่าย "ไท้เคยมีแฟนมาก่อนไหม"

ไท้พยักหน้า "ครับ แต่ก็ไม่จริงจังหรอก เหมือนเป็นเพื่อนคุยกันสนุกๆ มากกว่า"

"ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ"

"ผู้หญิงครับ"

จีนพยักหน้ารับรู้ แต่สีหน้าดูยิ้มๆ เล่นเอาไท้เสียความมั่นใจเหมือนกัน

"แล้วไม่สนใจผู้ชายมั่งเหรอ" จีนถามทีเล่นทีจริง

ไท้แสร้งทำเป็นครุ่นคิด แต่ที่จริงเขามีคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้ว "อืม...ผมว่าความรักไม่มีเพศหรอก คนเราถ้าเกิดมาคู่กัน เพศไหนก็รักกันได้ครับ"

"อ๋อ" จีนลากเสียงยาว "แล้วอย่างพี่...ไท้คิดว่าไง"

ไท้ชะงัก นึกไม่ถึงว่าจะโดนจีนถามแบบนี้ ที่จริงเขาก็สงสัยจีนมาสักพัก หลังๆ มานี้ชอบมาตีสนิทด้วย คุยกันก็บ่อยกว่าคนอื่นๆ แต่กิตติศัพท์ด้านเสือผู้ชายของจีนก็ทำให้ไท้ระวังตัวบ้าง แม้ว่าใจจะเอนเอียงไปหาอีกคนหนึ่ง แต่เขาก็กลัวว่าความใกล้ชิดจะทำให้ไขว้เขวได้

ยังไม่ทันที่ไท้จะตอบคำถาม บังเอิญเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากประตูทางเข้า

"พี่จีน!"

จีนกับไท้หันขวับไปมองพร้อมกัน ชายหนุ่มร่างค่อนข้างบางปรากฎขึ้น สีหน้าดูเหมือนไม่พอใจบางอย่าง พลันเขาก็เดินเข้ามาหา จีนกับไท้ลุกขึ้นยืนพร้อมกันและมองคนที่เดินเข้ามาด้วยความสงสัย

"แฟนใหม่พี่เหรอครับ" ชายหนุ่มผู้มาถึงถามเสียงดุ ท่าทางเขาดูจีบปากจีบคอและมีจริตจะก้านจนพอดูออกว่าเป็นแบบไหน

"เปล่า" จีนตอบหน้าตาเฉย ดูเหมือนไม่ยี่หระด้วยซ้ำ "เพลโตมีอะไรเปล่า"

"ทำไมพี่ไม่รับโทรศัพท์ผม" หนุ่มผู้มีนามว่าเพลโตถามเสียงแข็งและห้วน

จีนขมวดคิ้ว ชักสีหน้าเล็กน้อย "ก็พี่ซ้อมวอลเลย์อยู่ พี่ไม่ได้ว่างนะครับ"

"ไม่ว่างทุกวันเลยเหรอ เช้าก็ไม่ว่าง เที่ยงก็ไม่ว่าง เย็นก็ไม่ว่าง ก่อนนอนก็ไม่ว่าง ซ้อมทั้งวันทั้งคืนเลยเหรอครับ" เพลโตย้อน

"มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่หรือเปล่า" จีนเท้าสะเอว ท่าทางพร้อมจะเอาเรื่องตลอดเวลา

"อ้าว พูดงี้ได้ไง! ผมเป็นแฟนพี่หรือเปล่าล่ะ"

"พี่ไม่เคยเรียกใครว่าแฟน เราตกลงกันแล้วนะว่าจะไม่ผูกพันกัน จำไม่ได้เหรอ"

เพลโตชะงัก เขาย่อมจำได้แน่นอนเพราะจีนย้ำบ่อยๆ แต่บางคนพอคบไปสักพักก็อยากเป็นมากกว่านั้น โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าจีนมีเงินบำรุงบำเรอให้

"แต่..."

"ไม่มีแต่" จีนขัดขึ้นทันที "พูดไม่รู้เรื่องเหรอ ไม่ใช่เด็กอนุบาลนะเว้ย"

"เป็นเพราะมันเหรอ" เพลโต้ชี้ไปที่ไท้ซึ่งยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ใกล้ๆ ไท้ได้แต่ยืนงงและหน้าเสีย

"ไม่เกี่ยว เพลโตอย่ามาพาลนะ กลับไปเลย มีอะไรไว้ค่อยคุยกันวันหลัง" จีนชี้มือไล่

"ไม่กลับ" เพลโตส่งสายตาท้าทาย

จีนถลันเข้าหาแล้วจับข้อมือเพลโตลากออกไปนอกสนาม

"เบาๆ เจ็บนะเว้ย" เพลโตพยายามขืน แต่เขาตัวเล็กกว่าจึงไม่สามารถสู้แรงได้ จึงถูกจีนลากออกมาประตูด้านหน้า ก่อนจะพาหลบมุมไปทางด้านหนึ่งของประตูเพื่อหลบสายตาไท้

"กูบอกว่าให้มึงกลับ มึงฟังไม่รู้เรื่องเหรอ มึงไม่มีสิทธิ์หึงกูนะเว้ย" จีนชี้หน้า

"ทำไมผมจะหึงไม่ได้ ก็ผมกับพี่เป็นแฟนกันแล้ว เราคบกันแล้วไม่ใช่เหรอ เราไปไหนมาไหนด้วยกัน นอนด้วยกัน ทำอะไรตั้งหลายอย่างด้วยกัน แต่อยู่ดีๆ พี่จีนก็เปลี่ยนไปแบบนี้ ทำไมเหรอครับ"

"กูเบื่อมึงไง! มึงทำตัวเรื่องมากวุ่นวายแบบนี้ มึงคิดว่ากูไม่เบื่อเหรอ ทนคบได้สองอาทิตย์นี่ก็นานแล้วนะเว้ย"

"พี่จีนทำอย่างนี้ไม่ได้นะครับ มาหลอกผมให้รักแล้วก็ถีบหัวส่งแบบนี้เหรอ!" เพลโตเถียงหลังจากตั้งสติได้

"ใครหลอกมึง!" จีนตวาด "กูบอกมึงตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ กูไม่ต้องการแฟน ไม่ต้องการความรัก ไม่ต้องการผูกมัดอะไรทั้งนั้น นอกจากเซ็กซ์! แล้วกูก็ไม่ได้เอาฟรีซะหน่อย มึงได้ไปเท่าไหร่แล้วไอ้เพลโต ชื่อเหมือนนักปราชญ์แต่แม่งโง่ฉิบหาย หรือว่าไม่พอ ไม่พอก็บอกกันตรงๆ ก็ได้ วันไหนกูเงี่ยนกูจะได้โทรเรียกมาใช้บริการ ไม่ต้องมาโวยวายใส่กูแบบนี้ กูไม่ชอบนะเว้ย!" จีนตอกอีกฝ่ายหน้าหงาย

เพลโตอึ้งจนไม่รู้ว่าจะเถียงอย่างไร จึงได้แต่ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

"อ้อ แล้วมึงไม่ต้องเสือกมายุ่งกับน้องคนนั้นนะเว้ย เพราะต่อให้กูคบกับใครหรือเอากับใคร ก็ไม่มีอะไรผูกมัดกัน ที่สำคัญ...กูไม่ต้องการให้ใครมาหึง คอนเซ็ปต์ของกูมึงก็รู้ดีนี่ น้ำแตก...แล้วแยกทาง ชัดไหม! ไสหัวไปไกลๆ เลยนะมึง ไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้าอีก กูจะบอกให้มึงรู้นะว่ามึงน่ะมันโคตรน่าเบื่อเลย ต่อให้กูเงี่ยนหน้ามืดขนาดไหน กูยอมใช้หมอนข้างดีกว่าไปเอากับมึงอีก!" จีนว่าใส่อย่างไม่ลดละ จนในที่สุดเพลโตก็ชักทนไม่ไหว

"ไอ้เหี้ย! ทำไมมึงเลวอย่างนี้วะ!" เพลโตปรี่เข้าหาหมายจะสั่งสอนสักหมัดสองหมัด แต่จีนก็จับมือสองข้างนั้นไว้แน่น ข้อมือของเพลโตค่อนข้างเล็กจึงถูกกำรอบ

"มึงว่าใครเลวไอ้เพลโต มึงว่ากูเลว แล้วไอ้คนที่มันขายตูดให้ชาวบ้านเพราะอยากได้เงินน่ะ มันไม่เลวเหรอวะ!"

เพลโตสะอึก ตอนแรกเขาก็ต้องการแค่นั้น แต่พอถึงเวลาหนึ่งเขาก็อยากเขยิบความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าจีนยิ่งตีตัวออกห่างเพราะไม่ต้องการผูกมัดตัวเองกับใร

"ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัว มึงรีบไปไกลๆ กูเดี๋ยวนี้เลย ก่อนที่กูจะของขึ้น อย่าหาว่ากูไม่เตือนนะเว้ย" จีนว่าใส่หน้า ก่อนปล่อยมือเพลโตเป็นอิสระและผลักออก แม้ไม่ถึงกับแรงมากแต่อีกฝ่ายก็เซไปเล็กน้อย

จีนเดินหนีกลับเข้ามาข้างในโรงยิมเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเพลโตก็ไม่ตามเข้ามาอีก ความสัมพันธ์คงจบลงแต่เพียงเท่านี้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับหลายๆ คน

จีนทำหน้าไม่ถูกนักเมื่อเห็นไท้มองมาด้วยสายตามีคำถาม เมื่อมาหยุดยืนใกล้ๆ เขาก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนระบายความรู้สึกสั้นๆ

"ตั้งแต่โดนไอ้เปามันหลอก ชีวิตพี่ก็เป็นแบบนี้แหละ"



ห้าทุ่มแล้ว บริเวณด้านหน้าสนามกีฬาเหลือเพียงแสงไฟส่องสว่างข้างทาง เปิดไว้เป็นจุดห่างๆ กัน พอช่วยให้มองเห็นทางและลดอันตรายจากการดักจี้ปล้น กระนั้น ที่นี่ก็มักมีข่าวข้าวของของนักกีฬาหรือคนที่มาเล่นกีฬาหายเป็นประจำ

ในขณะที่สองเท้าก้าวไปไวๆ สองตาก็คอยกวาดมองหาใครบางคนไปด้วย จนกระทั่งมาถึงบริเวณด้านหน้าแถวๆ สระน้ำ เขาก็เห็นคนนั้นยืนรออยู่ จึงส่งเสียงร้องทัก

"พี่เปา"

เจ้าของร่างค่อยๆ หันมามองตามเสียงเรียก เขาไม่แสดงทีท่าว่าดีใจ แต่ก็ไม่ถึงกับเฉยชา ซ้ำยังมีแววตาเศร้าๆ ซึ่งยากจะตีความส่งมาด้วย

"มาหาผมซะดึกเลย มีอะไรเหรอครับ" ไท้พูดพลางเดินเข้าไปหา พอถึงตัวก็ย่นจมูกและทำเสียงฟุดฟิด "พี่กินเหล้ามาเหรอ"

เปาไม่ตอบ เขายืนนิ่ง เมื่อสังเกตดูใกล้ๆ ก็เห็นแววตาคู่นั้นทวีความเศร้ามากขึ้น พลันเจ้าของร่างซึ่งส่งกลิ่นเหล้าโชยหึ่งก็เดินเข้ามากอดไท้ไว้ คนถูกกอดได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อและตกใจ

"พี่ไม่เหลืออะไรแล้วไท้ ไม่เหลืออะไรสักอย่างเลย" เปาพูดเหมือนคนร้องไห้ น่าแปลกที่เสียงไม่อ้อแอ้เหมือนวันนั้น คงเป็นเพราะยังเมาไม่ได้ที่

ไท้ค่อยๆ เลื่อนมือขึ้นมาโอบหลังเปาไว้เบาๆ เขายอมรับว่ากังวลไม่น้อยหากจะแสดงความรู้สึกต่ออีกฝ่าย แต่จะไม่แสดงความเป็นห่วงเลยก็กระไรอยู่

"มีอะไรเหรอครับพี่"

ไม่มีเสียงตอบจากเปา พักหนึ่งร่างเขาก็สั่นสะท้านเหมือนกำลังร้องไห้ แต่พยายามกลั้นเอาไว้ ไท้เห็นอย่างนั้นจึงไม่อยากเซ้าซี้ น้ำตาของเปาไหลซึมลงบนหัวไหล่ของไท้จนเปียกชื้น ไม่รู้ว่าเจ้าตัวมีความทุกข์มากขนาดนี้มาจากไหน ช่วงที่ไม่ได้เจอกันคงมีบางอย่างเกิดขึ้น

พักหนึ่งร่างของเปาก็หยุดสั่น แสดงว่าเจ้าตัวคงควบคุมอารมณ์ให้สงบลงได้แล้ว ไท้จึงถือโอกาสถามเรื่องที่ค้างไว้

"มีอะไรหรือเปล่าครับพี่เปา"

เปาค่อยๆ ผละออก ยืนเงียบอยู่สักพักจึงเอ่ย "พี่ไปที่ห้องไท้ได้ไหม"

ถ้าเป็นวันอื่นไท้อาจปฏิเสธ เพราะไท้ไม่ได้พักคนเดียว แต่มีเกิ้นเป็นเพื่อนร่วมห้องอีกคน ดีที่ว่าญาติมารับเกิ้นไปพักที่บ้านเมื่อตอนเย็น คืนนี้ไท้จึงต้องนอนคนเดียว ถ้าเปาจะขึ้นไปคุยด้วยก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

ไท้ไม่ตอบแต่เดินนำใครอีกคนกลับมาที่หอพัก ไม่มีคนเดินเข้าออกเพราะว่าดึกแล้ว ไท้จึงไม่จำเป็นต้องตอบคำถามใครๆ ว่าพาใครมาด้วย แม้ที่นี่มีกฎระเบียบบางอย่าง แต่ก็มักมีคนที่ไม่ใช่นักกีฬาเข้านอกออกในพร้อมกับนักกีฬาบ่อยๆ เลินเล่อกันถึงขนาดที่ว่าปล่อยให้คนขึ้นไปขโมยของนักกีฬาถึงในหอพักก็มีมาแล้ว

เมื่อมาถึงห้อง เปาก็ถือวิสาสะเดินไปนั่งบนเตียงของไท้ เขาเอามือปิดหน้าและก้มหน้า ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ก่อนเจ้าตัวจะค่อยๆ เลื่อนมือตัวเองออก จับประสานกันไว้ วางคางลงไปบนที่รองรับตรงรอยเชื่อมต่อของนิ้วมือ สีหน้าอมทุกข์จนคนอยู่ใกล้พลอยรู้สึกไปด้วย

"ร้านพี่เจ๊งแล้ว" เปาโพล่งออกมาในที่สุด

"จริงเหรอครับพี่" ไท้ดูตกใจระคนเห็นใจ เขารู้ว่าเปาหวังไว้กับธุรกิจนี้มาก แม้ว่ามันจะลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอดก็ตาม

"ใช่ หลายเดือนที่ผ่านมา รายได้มันตกมาก ทำยังไงมันก็ไม่ดีขึ้น ทำเลมันไม่ดีเลย ถ้าไม่หยุดก็จะเป็นหนี้ก้อนโต ที่จริงพี่ก็อยากสู้ต่ออีกสักหน่อยนะ แต่ไอ้สองคนนั้นมันไม่สู้แล้ว"

"แล้วร้านล่ะครับ" ไท้สงสัย เขานั่งลงข้างๆ เปาและคอยมองอย่างเห็นใจ

"ก็คืนให้เจ้าของเขาไป เพราะว่าเราเช่าเขาอยู่ ส่วนอุปกรณ์ออกกำลังกาย บางส่วนคงต้องประกาศขายถูกๆ อันไหนที่ขายไม่ได้ พี่ว่าจะเอาไปบริจาคโรงเรียนที่ขาดแคลน"

"แล้วต่อไป...พี่เปาจะทำอะไรล่ะครับ"

"ไม่รู้ ก็คงจะหางานทำ"

ที่จริงไท้มีเรื่องอยากถามต่อหลายอย่าง แต่อยู่ดีๆ ก็เกิดกลัวที่จะถามขึ้นมา เขาจึงนั่งนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไร

"กลัวพี่เหรอ" เปาหันมาถาม สองมือที่ประสานกันอยู่วางลงข้างตัว สายตาฉายวาบความเจ็บปวดเมื่อเห็นอาการลังเลของไท้ ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เคยมีให้คงหายไปพอสมควรแล้ว แต่คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ไท้จะเป็นแบบนั้น

"ถ้ากลัวก็บอกมาตรงๆ ก็ได้" เปาแค่นเสียง "จีนเขาคงเล่าให้ฟังหมดแล้วล่ะสิว่าพี่เป็นคนยังไง คงเลวมากใช่ไหมที่พี่ทำกับเขาแบบนั้น ใครๆ ก็คงคิดแบบนั้นแหละ ใช่...พี่ก็ยอมรับว่าพี่เลว"

น้ำเสียงที่พูดเหมือนน้อยใจอยู่ในที บรรยากาศที่อึดอัดอยู่แล้วจึงอึดอัดมากขึ้นไปอีก

"พี่รู้ว่าไท้กลัว" เปาหัวเราะในลำคอ พักหนึ่งก็ถอนหายใจยาว "ไท้รู้ไหมว่าพี่ทำไมพี่ถึงมาหาไท้ ทั้งๆ ที่พี่ก็มีแฟนอยู่แล้ว เวลาเกิดปัญหาแบบนี้ ใครๆ เขาก็คงจะไปหาแฟนตัวเอง แต่พี่มาหาไท้ ทั้งๆ ที่ไท้เป็นใครก็ไม่รู้ รู้จักกันก็ไม่นาน แต่ทุกอย่างก็มีเหตุผลของมัน ไท้อยากรู้ไหม...ว่าทำไม"

สีหน้าของไท้บ่งบอกว่าอึดอัด ยิ่งเปาคอยจ้องมองตาเขาก็ยิ่งอึดอัดมากขึ้น

"ไม่อยากรู้ก็ไม่เป็นไร" เปาแค่นเสียง สักพักเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนทำท่าเหมือนค้นหาอะไรบางอย่าง เมื่อเจอแล้วเขาก็ส่งให้ไท้ดู เป็นข้อความสนทนาไลน์ของเปากับโค้ชเด้ง ที่จริงไม่น่าเรียกว่าการสนทนาเพราะเปาไม่ตอบอะไรเลย มีแต่ข้อความของโค้ชเด้งที่ส่งข้อความมาบอก ส่วนมากแค่แจ้งให้รู้ว่าจะกลับหรือไม่กลับ แต่ข้อความที่น่าสะดุดใจที่สุดคือข้อความสุดท้ายซึ่งส่งมาเมื่อวานตอนเย็นๆ

"พ่อจะพาไท้ไปซื้อเสื้อผ้า จะพาเขาไปกินข้าวข้างนอกด้วย คืนนี้คงไม่ได้กลับบ้าน"

ไท้ขมวดคิ้วเข้าหากันทันที เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโค้ชเด้งถึงส่งข้อความมาบอกเปาแบบนั้น ทั้งที่จริงวันนั้นไท้ไม่ได้ไปไหนกับโค้ชเด้งเลย วันนี้ก็เช่นกัน ซ้อมเสร็จก็ออกไปหาอะไรกินแถวๆ ตลาดนัด ก่อนขึ้นมาอาบน้ำและไปจับกลุ่มคุยเล่นที่ห้องฟีนิกซ์ จนกระทั่งได้รับข้อความจากเปาว่าให้ลงไปหา

"ตกลง...ไท้กับพ่อพี่...คบกันใช่ไหม" เปาถามตรงๆ เสียงเขาไม่ดุหรือแข็งกระด้าง แต่ก็มีความจริงจัง

"เปล่านะครับ ผมกับโค้ช..."

"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว!" เปาขัดขึ้นก่อนที่ไท้จะแก้ตัวจบ เขาดึงโทรศัพท์จากมือของไท้มาแล้วก็เก็บใส่กระเป๋ากางเกง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและพูดโดยไม่หันมามอง

"เพื่อนก็ทรยศ พ่อก็ทรยศ แฟนก็ไม่สนใจ ธุรกิจก็เจ๊ง แถมยังเสือกชอบอะไรบ้าๆ อีก ชีวิตกูแม่ง...ไม่เคยมีอะไรดีเลย!"

อารมณ์ของเปาพลุ่งพล่านอีกแล้ว ถึงไท้จะรู้ว่าเปาเป็นคนอารมณ์แปรปรวนบ่อยๆ แต่พอต้องรับมืออารมณ์แบบนี้ก็หนักใจ

เปาหันขวับกลับมา เมื่อเผชิญหน้ากัน เขาก็เอามือชี้ที่หัวใจตัวเองสองสามครั้ง ก่อนถามด้วยท่าทีคาดคั้นและใส่อารมณ์

"มึงเห็นไหมว่ากูมาหามึง มึงรู้ไหมว่ากูมาหามึงทำไม! กูโคตรทรมานเลยเวลาที่กูไม่เจอมึง กูไม่อยากรู้สึกแบบนี้หรอก แต่แม่ง! กูรู้สึกไปแล้ว วันนี้กูทนไม่ไหว กูถึงได้มาหามึงนี่ไง มึงไม่รู้อะไรเลยเหรอ หา! ไอ้ไท้ มึงไม่รู้อะไรเลยเหรอวะ!"

ไท้ลุกขึ้นยืน สีหน้าดูงุนงงไปหมด "พี่เปาหมายถึงอะไรเหรอครับ"

"มึงยังจะถามกูอีกเหรอ!"

พูดจบเปาก็ตรงเข้ามาผลักไท้จนล้มลงนอนบนเตียง ก่อนที่ร่างของเขาจะขึ้นมาทาบทับไว้ทันที เมื่อเห็นท่าทีประหม่าและหวั่นกลัวของไท้ เปาก็มีท่าทีลังเล

"ไท้อย่ากลัวพี่ได้ไหม" เปาเว้าวอน สีหน้าแข็งกร้าวเมื่อกี้อ่อนลงไปมาก เขาจ้องลึกลงไปในดวงตาที่หวั่นไหวซึ่งอยู่ใกล้เพียงแค่คืบ "ถ้าไท้กลัวพี่อีกคน พี่ก็ไม่มีใครแล้ว"

"แต่ผมไม่อยากเป็นเหยื่อของพี่!" ไท้พูดสวนออกไป

ร่างที่ทาบทับชะงักไปทันที เขาสับสนกับความรู้สึกของตัวเองเหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันได้อย่างไร

"ไท้กลัวพี่เหรอ" เปาถามเสียงเบาเหมือนพูดกับตัวเอง แววตาของเขาดูเจ็บปวดไม่น้อย สักพักน้ำตาเขาก็ไหลลงมาช้าๆ ค่อยๆ ไหลซึมจนขอบตาร้อนผ่าว

"พี่ไม่เหลือใครแล้วใช่ไหม" เปาถามเสียงเศร้า น้ำตาของเขาหยดลงไปที่แก้มของไท้ "เพราะพี่เป็นคนเลวใช่ไหม ถึงไม่มีใครเชื่อใจพี่"

"พี่เปากำลังจะทำอะไรกันแน่" ไท้ย้อนถาม "ใช่...ผมยอมรับว่าผมกลัว อีกอย่าง...ผมรู้สึกอย่างนั้นกับพี่ไม่ได้หรอก พี่เปามีแฟนแล้ว ที่สำคัญ...อดีตของพี่...มันจะทำลายความรักของพี่ ทำลายคนที่พี่รัก...และรักพี่"

"แล้วจะให้พี่ทำไง ก็ชีวิตพี่มันเป็นแบบนี้" เปาเถียง

"กลับไปหาแฟนพี่เถอะครับ พี่ควรจะกลับไปหาแฟนพี่ตอนนี้ เขารู้จักพี่มานานกว่าผม เขาน่าจะช่วยพี่ได้มากกว่า"

"ก็ตอนนี้พี่ไม่ได้รักเขาแล้ว!" เปาหลุดปากออกมา คนฟังถึงกับช็อค

"แต่พี่กับเขาก็ยังไม่เลิกกันนะครับ" ไท้แย้ง

เปานิ่งอึ้งไปชั่วครู่ คล้ายกับกำลังตัดสินใจบางอย่างที่สำคัญ "ใช่...แต่...ขอให้พี่มีความสุขกับหัวใจตัวเองบ้างได้ไหม พี่ขอร้อง"

ไท้ไม่ทันได้ตอบ ริมฝีปากของเปาก็ประกบลงมาทันที สัมผัสนั้นช่างคุ้นเคยเพราะไม่ใช่ครั้งแรก กระนั้นไท้ก็พยายามดิ้นรนขัดขืน ทว่ายิ่งดิ้นกลับยิ่งอ่อนแรงลงไปทุกที รสจูบของเปาหนักหน่วงขึ้น สองมือที่ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของไท้ค่อยๆ ปลุกอารมณ์ด้านมืดให้ตื่น เขาคงจะแพ้ความต้องการธรรมชาติที่กำลังทวีขึ้นแน่ เพราะร่างกายของไท้ไม่ต่อต้านอีกแล้ว

เปาเลิกชายเสื้อยืดของไท้ขึ้นสูงจนเลยช่วงอก ก่อนละเลงลิ้นลงไปตรงยอดเม็ดทับทิมและเนินขาวเนียนยั่วยวนใจ ไท้เสียวจนเผลอครางและผวากอด เขาเพิ่งอายุสิบเก้าเท่านั้น ฮอร์โมนเพศกำลังพลุ่นพล่าน แถมยังอยากรู้อยากลองตามประสา คืนนี้คงไม่พ้นเตลิดไปไกล

ไม่รู้ว่าไท้เต็มใจหรือแค่อยาก แต่เขาก็กำลังเล่นกับไฟอยู่ แถมไฟกองนี้ยังแปรปรวน พร้อมจะลุกลามแผดเผาทำลายคนที่หลงเข้ามาใกล้ได้ทุกเมื่อ!!!

TBC



ป.ล. พอกลับมาเขียนที่นี่ ก็เจอความท้าทายแบบเดิมๆ ทุกครั้งเลยเนอะ



ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
เฮ้อออออ.    ไท้เสร็จอีเปาซะละ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ farhhhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ประโยคนี้ของจีน "ตัิงแต่โดนไอ้เปามันหลอก ชีวิตพี่ก็เป็นแบบนี้แหละ" เราว่ามันไม่ใช่อ่ะจีนน อย่าเอาอดีตมาเป็นข้ออ้างเลยเถอะ อย่าโทษคนอื่นดิ -3-

ส่วนเปา เห้ออออ นายมันมีเรื่องให้ด่าทุกตอนจริงๆ อ่ะว้อย555555 เหนื่อยที่จะคิดคำด่าเนี่ย เอาเถอะ รีบๆ หาทางจัดการปัญหาหัวใจ ปัญหาทางจิตของตัวเองล่ะ เอาใจช่วย เหอๆ

ส่วนน้องเปาของพี่ หักห้ามใจไม่ได้ หนูก็ต้องดูแลตัวเองนะ เราจะต้องสตรองเมื่ออยู่ท่ามกลางเหี้ยหลายตัว พี่จะภาวนาให้โชคดี555555

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ไท้อย่าเผลอใจไปกับเปานะ เปามันหลอก  แต่คงไม่ทันล่ะ 555
   รออ่านตอนต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ไม่มีอะไรในชีวิตที่ทำไปแล้วไม่มีความเสี่ยง
เพียงแต่ครั้งนี้..ไท้เสี่ยงที่จะรักเปา..เปาเสี่ยงที่จะยอมรับตัวตนของตัวเอง

ขอให้โชคดีกับการลองเสี่ยงกับความรักในครั้งนี้
อวยพรให้ทั้งเปาและไท้ สุขที่จะได้รักนะ

ส่วนจีน หึหึ ไม่ไหวอ่ะ
ตรรกะป่วยมาก

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เปาเป็นไบโพล่าร์. อารมณ์ขึ้นๆลงๆ

น่ากลัว. 5555

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 11 | คำขอร้อง



นานเท่าไหร่แล้วที่เปาไม่เคยรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกของการตื่นขึ้นมาแล้วเห็นคนที่รู้สึกดีด้วยนอนอยู่ข้างๆ และเขาก็เฝ้ามองคนซึ่งนอนหลับใหลอย่างมีความสุข โดยไม่คิดแม้แต่จะกวนใจ

ในด้านหนึ่งเขาดูเหมือนคนมีปัญหาและแข็งกระด้าง แต่อีกด้านหนึ่ง เขาก็มีความรักและความอ่อนโยนโดยนิสัยเนื้อแท้ เพียงแต่แทบไม่เคยได้แสดงความรู้สึกแบบนี้เลย จนกระทั่งวันนี้...และตอนนี้

ร่างซึ่งเปลือยเปล่าเริ่มขยับตัว คงเป็นเพราะถึงเวลาตื่นตามปกติ หรือไม่ก็คงรู้สึกว่ามีคนคอยจ้องมอง ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้น ความงัวเงียของเขาก็แทบหายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเห็นรอยยิ้มของใครคนหนึ่งอยู่ไม่ไกล

นี่คือรอยยิ้มที่ดีที่สุดรอยยิ้มหนึ่งที่ไท้เคยเห็น ไม่ใช่แค่ริมฝีปากที่เหยียดกว้างจนเผยให้เห็นไรฟันเท่านั้น แต่ในรอยยิ้มนั้นมีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้ไท้รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ จนต้องเอียงหน้าหลบเล็กน้อย

"ตื่นแล้วเหรอ" เปาถามเบาๆ

"ครับพี่"

"หลับสบายไหม"

"ครับ" ไท้พยักหน้ารับ เมื่อนึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ เขาก็อดเขินหน่อยๆ ไม่ได้ ใบหน้าขาวใสอย่างคนเหนือเอียงหลบสายตา ดูน่ารักน่าเอ็นดูแก่อีกฝ่ายไม่น้อย

"แล้ววันนี้มีซ้อมตอนเช้าหรือเปล่า"

"ไม่มีครับ วันนี้โค้ชมีประชุมที่สมาคมทั้งวัน"

เปาพยักหน้ารับรู้ ถ้าอย่างนั้นพ่อของเขาก็น่าจะไปประชุมด้วย "งั้น...ไปบ้านพี่ไหม ไปเล่นกับเมสซี่กับเนยมาร์ไง ไท้ไม่คิดถึงพวกมันเหรอ ไม่ค่อยมีคนเล่นกับพวกมันเลย อ้อ...เดี๋ยวพี่จะทำอาหารเช้าให้กิน เล่นเปียโนให้ฟังด้วย ดีไหม ส่วนตอนเย็นๆ ก็ไปลอยกระทงกัน"

ที่จริงก็ฟังดูน่าสนใจ แต่จะให้ไท้ตกลงทันทีก็จะดูชวนง่ายไปหน่อย เขาจึงทำท่าคิด แต่ไม่นานก็พยักหน้าตกลง คนชวนจึงยิ้มแป้นด้วยความดีใจ

"โอเค ไปอาบน้ำเร็ว"

"ครับพี่" ไท้รับคำอย่างว่าง่าย แต่ก่อนจะลุกไปก็ไม่ลืมถาม "พี่เปาอาบแล้วเหรอ"

"อาบแล้ว" เปาตอบพลางเอื้อมมือไปยีผมคนที่นอนอยู่อย่างเอ็นดู

...

เมื่อไท้อาบน้ำเสร็จ เปาก็พาออกไปข้างนอก ระหว่างที่ออกมาจากห้องและเดินไปตามโถงทางเดิน ไท้กับเปาก็เจอสายตาสองคู่มองมาเป็นตาเดียวกัน คนที่รู้สึกประหม่ากว่าใครก็เห็นจะเป็นไท้ เขาทำหน้าไม่ถูกกับสายตาล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวเลย

"ใครวะไท้" ฟีนิกซ์ถามด้วยสายตาอยากรู้ ก่อนที่เขากับเพื่อนอีกคนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ เช้านี้เขากับเหินฟ้าว่าจะไปวิ่งรอบสนามตอนเช้า พอออกมาจากห้องก็เจอไท้กับคนแปลกหน้าพอดี

"เอ่อ..." ไท้อึกๆ อักๆ ด้วยไม่รู้ว่าจะตอบเพื่อนร่วมทีมอย่างไร ยิ่งเห็นสายตาและยิ้มแปลกๆ ของเพื่อนก็ยิ่งประหม่า

"ไปเหอะไท้" เปาจับตรงต้นแขนแล้วดึงกึ่งลากไท้ออกไป เขาไม่อยากให้ไท้เสียเวลาคิดหาคำตอบ เพราะไม่ว่าจะตอบอย่างไรคนฟังก็จะไม่หายสงสัยอยู่ดี

"อ้าว มึงจะไปไหนแต่เช้าวะไอ้ไท้ ไปวิ่งกับพวกกูไหม กำลังหาพวกอยู่" ฟีนิกซ์ตะโกนถามตามหลัง

"กูมีธุระเว้ย เดี๋ยวเย็นๆ กลับมา" ไท้หันไปตะโกนตอบ ก่อนเดินหนีไปกับเปาอย่างรวดเร็ว

ฟีนิกซ์ย่นคิ้วเข้าหากัน สายตาของเขาดูงงๆ และสงสัย "มึงว่ามันพาใครมานอนด้วยวะเหินฟ้า"

หนุ่มตำแหน่งหัวเสาคนหนึ่งของทีมขมวดคิ้วเช่นกัน "กูไม่รู้ว่ะ แต่เดานะเว้ย กูว่าต้องเป็นแฟนมันแน่ๆ พามานอนด้วยกันถึงนี่เลยเว้ย เห็นเงียบๆ แบบนี้ ไม่ใช่เล่นนี่หว่า"

"ใช่เหรอวะ" ฟีนิกซ์ทำหน้าไม่เชื่อ "ไอ้ไท้มันดูไม่เหมือนเกย์เลยนะเว้ย มึงว่ามันเป็นเกย์เหรอวะ"

"มึงจะเอาแน่เอานอนอะไรกับผู้ชายที่เล่นวอลเลย์วะ ก็รู้อยู่" เหินฟ้าว่า

"เออ...ก็จริงของมึง ในทีมเรา กูว่าคงจะเหลือไอ้มึงคนเดียวล่ะมั้งที่ไม่เป็น คนอื่นๆ แม่งค่อยๆ แกรนด์โอเพนนิ่งกันทีละคนสองคน เมื่อสองสามวันนี่ก็ไอ้เวิร์ม คราวนี้ก็จะเป็นไอ้ไท้ จะเหลือใครให้กูบ้างวะเนี่ย"

"แล้วพี่พอลมึงล่ะ เอาไปไว้ไหน เดี๋ยวกูจะฟ้องพี่เขา" เหินฟ้าแกล้งแหย่ ก่อนหัวเราะขบขันกันทั้งสองคน

"แค่คุยสนุกๆ เฉยๆ เว้ย" ฟีนิกซ์แก้ตัวเขินๆ

... ... ...

เปาพาไท้นั่งแท็กซี่กลับมาที่บ้าน เมื่อวานเขาเมาจึงไม่ได้เอารถไปด้วย สิ่งแรกที่ทำเมื่อมาถึงบ้านคือทำอาหารเช้าแบบคลีนที่เปาชอบ เขาปล่อยเจ้าเมสซี่และเนยมาร์เข้ามาเดินเล่นในบ้านด้วย พวกมันดีใจมากที่ได้เจอไท้ ตามมาป้วนเปี้ยนไม่ยอมห่าง

เปาบอกไท้ว่าเพิ่งฝึกให้พวกมันรู้จักรอ เขาจึงบอกให้ไท้ลองเอาอาหารหมาแบบแท่งไปวางไว้บนจมูกพวกมัน จากนั้นก็สั่งให้รอ พวกมันก็นั่งนิ่ง แม้อยากกินแต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง เนยมาร์อยากกินจนน้ำลายหยด พอบอกว่ากินได้เท่านั้น พวกมันก็ก้มหน้าลงให้อาหารแท่งตกและงับกินทันที ไท้สนุกมากทีเดียว เขาเล่นกับพวกมันแบบนี้หลายรอบ

หลังกินข้าวเช้า เปาชวนไท้มาเล่นเปียโน เขาเล่นเพลงเพราะๆ ให้ไท้ฟังหลายเพลง สอนไท้เล่นเพลงง่ายๆ ไปด้วย แถมเจ้าหมาสองยังร้องตามด้วยการทำเสียงหอน ไท้หัวเราะชอบใจใหญ่ ถึงกับเอามือถือมาถ่ายคลิปไว้ ว่าจะเอาไปอวดเพื่อนในทีมเสียหน่อย

ไท้เล่นพอสนุกก็ปล่อยให้เปาเล่นต่อ เขานั่งพิงหลังเปาบนโต๊ะนั่งเล่นเปียโนตัวเล็กซึ่งมีพื้นที่จำกัด แต่สัมผัสเบียดเสียดกลับไม่ทำให้รู้สึกรำคาญแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ทั้งสองคนดูมีความสุข ไม่มีใครเอ่ยหรือพูดถึงเรื่องเมื่อคืนเลย แต่ก็สัมผัสความรู้สึกที่ต่อเนื่องของคืนนั้นได้

คิดไปแล้วก็ช่างน่าแปลก ผู้ชายซึ่งรักหมาและชอบดนตรีอย่างเปาควรจะอ่อนโยนไม่ใช่หรือ เมื่อเห็นท่าทางและอารมณ์ยามที่เขาเล่นดนตรี เมื่อเห็นเขาเล่นกับหมาด้วยความรักและเอ็นดูพวกมัน คงไม่มีใครนึกออกว่าผู้ชายคนนี้เคยทำร้ายคนอย่างเลือดเย็นมาแล้ว แถมยังทำตัวเย็นชากับพ่อมาเป็นสิบๆ ปี

เปาเปลี่ยนมาเล่นเพลง Kissing You ของ Keith Washington ทันที่เขาบรรเลง ภาพจูบที่เร่าร้อนและแสนหวานเมื่อคืนก็ปรากฎชัดในความคิด เมื่อเขาได้โอบกอดไท้ไว้ในอ้อมแขน แรงต้านทานที่สะสมมาแต่อดีตกลับหายสิ้น ผู้ชายคนนี้มีบางอย่างที่ทลายกำแพงในใจของเขาได้

เขาจึงจูบไท้อย่างดูดดื่ม ปล่อยให้ตัวเองทำตามเสียงหัวใจที่เรียกร้องโหยหาสิ่งนี้ เขาดูดชิมลิ้มรสหวานในโพรงปากและสัมผัสอ่อนนุ่มอย่างไม่รู้เบื่อ สองมือของไท้โอบกอดเขาไว้แน่น ร่างขาวสั่นสะท้านด้วยอำนาจความต้องการ การตอบสนองเช่นนั้นทำให้เปายิ่งเตลิด กว่าพายุเสน่หาจะสงบลงก็ผ่านไปนับชั่วโมง ต่างคนต่างสุขสมกับสิ่งที่ป้อนให้แก่กันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะหลับใหลและผ่านราตรีนั้นไปอย่างเหนื่อยอ่อน แต่ในหัวใจกลับสุขล้น

...

ทั้งสองหนุ่มใช้เวลาอยู่ที่บ้านด้วยกันทั้งวัน บ่ายๆ ก็ช่วยกันอาบน้ำหมา และยังต้องวิ่งไล่กวดพวกมันจนเหนื่อยเหมือนเดิม จากนั้นก็ช่วยกันทำความสะอาดบ้าน จัดกระถางต้นไม้หน้าบ้าน ช่วงเย็นๆ ก็ออกกำลังกายด้วยกัน

เมื่อพ่อไม่อยู่บ้าน เปาจึงไม่จำเป็นต้องระวังตัวและระวังสายตาของใคร เขาดูเป็นธรรมชาติกับไท้มาก ยิ้มแย้มแจ่มใสและมีความสุข ทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านความทุกข์เรื่องร้านที่เพิ่งเจ๊งไป รวมทั้งแฟนสาวซึ่งไม่ยอมพูดคุยด้วยมาหลายวันแล้ว

ตกเย็น เปาพาไท้ออกไปลอยกระทงด้วยกันข้างนอกตามที่คุยกันไว้ ก่อนออกไปก็ไม่ลืมให้อาหารเจ้าหมาสองตัว และพาพวกมันกลับเข้าไปนอนหลังบ้านด้วย พวกมันทำตาละห้อยและเห่าประท้วงเล็กน้อย เปาต้องปลอบพวกมันว่าจะพาไปเที่ยวข้างนอกด้วยกันวันหลัง พวกมันจึงสงบลง

ปกติเปาจะไปลอยกระทงกับฟางทุกปี แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น ฟางก็เงียบหายไป ส่วนเปาก็ไม่คิดจะโทรตามหรือไปงอนง้อที่บ้านเหมือนอย่างเคย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้เขาเบื่อหน่ายความรักของเขากับฟางไปได้ ที่จริงก็ไม่ควรปล่อยให้บาดหมางใจกันนานขนาดนี้ด้วยซ้ำ เพราะเมื่อมีครั้งที่หนึ่งแล้ว ครั้งที่สอง สาม สี่และครั้งอื่นๆ ก็จะตามมา

สองหนุ่มแวะไปหาของกินแถวๆ เยาวราช เปาชอบสรรหาร้านอร่อยๆ มาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เขาจึงรู้จักร้านแนะนำหลายร้าน วันนี้ไท้จึงได้กินของอร่อยหลายอย่าง ก่อนจะมาลอยกระทงด้วยกันที่สวนสันติชัยปราการซึ่งเป็นสวนสาธารณะติดแม่น้ำเจ้าพระยา

บรรยากาศดูไม่คึกคักมากนัก คงเป็นเพราะช่วงนี้มีงานพระบรมศพ จึงมีแต่คนใส่ชุดสีดำๆ เต็มงาน รวมทั้งเปาและไท้ด้วย งานลอยกระทงคืนนี้จึงแปลกที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

ดวงจันทร์ขนาดใหญ่ลอยเด่นบนท้องฟ้าซึ่งไร้เมฆบัง วันนี้เป็นวันที่ดวงจันทร์เข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบหกสิบแปดปี มันจึงถูกเรียกว่าซุปเปอร์มูน คนที่มาลอยกระทงจึงให้ความสนใจกับดวงจันทร์มากกว่าการลอยกระทง ตรงลานริมน้ำจึงเห็นคนยกโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปดวงจันทร์เป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ทยอยกันกลับเพราะไม่มีงานรื่นเริงเหมือนปีก่อนๆ

เปากับไท้ยังคงอยู่ต่อ สองหนุ่มเดินทอดน่องสบายๆ ไปตามทางเดินเลียบริมแม่น้ำ สักพักก็เดินกลับมาที่สวน ก่อนหาที่นั่งคุยกันริมน้ำ แรกๆ ก็คุยเรื่องไม่มีสาระเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งสบจังหวะ ไท้ก็เรื่องที่อยากอยากรู้ ถึงแม้ไม่ค่อยแน่ใจว่าควรถามหรือเปล่าก็ตาม

"พี่เปากับพี่จีน...รู้จักกันนานไหมครับ"

รอยยิ้มและสีหน้าของเปาก็จืดเจื่อน ดูจากสีหน้าท่าทางแล้วคงไม่อยากตอบ อดีตครั้งนั้นเหมือนเป็นอีกหนึ่งรอยด่างในชีวิต เปาไม่อยากแม้แต่จะนึกถึงด้วยซ้ำ ไม่นึกเลยว่ามันจะหวนกลับมาอีกครั้งจนได้

"สามปี" เปาตอบสั้นๆ นิ่งไปสักพักก็ถามกลับ "จีนคงเล่าเรื่องของพี่กับเขาให้ไท้ฟังแล้วใช่ไหม"

"ครับ"

"พี่ไม่รู้ว่าเขาเล่าอะไรนะ แต่ดูจากอาการของเขาวันนั้นแล้วก็คงไม่ใช่เรื่องดี แต่...เขาก็พูดไม่ผิดหรอก" เปาแค่นเสียง "พี่ก็เป็นอย่างที่เขาว่านั่นแหละ พี่ไม่ใช่คนดีหรอก"

น้ำเสียงที่พูดฟังคล้ายประชด ไท้พอสัมผัสความรู้สึกนั้นได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร มีทั้งเห็นใจ แต่บางอย่างก็ไม่เห็นด้วย การกระทำของเปาตอนนั้นนับว่าเลือดเย็นมาก ไท้นึกไม่ออกเลยว่าผู้ชายที่ดูอ่อนโยนและมีอารมณ์ศิลปินอย่างเปาทำอย่างนั้นได้อย่างไร

"อยากรู้ไหมว่าทำไมพี่ถึงทำแบบนั้น" เปาหันมาถาม

ไท้ส่ายหน้าทันที "ไม่ครับ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่ ไม่จำเป็นต้องบอกผมก็ได้"

เปาทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายไม่อยากรู้ กระนั้นก็ช่วยให้เขาสบายใจมากขึ้น "มันไม่ใช่เหตุผลที่ดีหรอก แต่พี่ก็เลือกที่จะทำ" เปาแค่นเสียง ก่อนถามทีเล่นทีจริงด้วยคำถามเดียวกับเมื่อวาน "กลัวพี่อยู่ใช่ไหม"

ไท้เงียบไปชั่วครู่ เขาเพิ่งรู้จักเปาได้ไม่นาน จึงไม่แน่ใจว่าควรจะไว้ใจอีกฝ่ายได้มากแค่ไหน

"ถึงพี่จะเคยทำเลวแค่ไหน แต่พี่...ก็ไม่ทำอย่างนั้นทุกคนหรอก ทุกอย่างบนโลกนี้มันมีข้อยกเว้น พี่ไม่ขอให้ใครเชื่อใจพี่นะ เพราะตัวพี่เอง...ยังเชื่อใจตัวเองไม่ได้เลย" เปาหัวเราะในลำคอ ไม่ใช่เสียงหัวเราะตลกหรือทำนองนั้น แต่ออกแนวประชดตัวเองเสียมากกว่า

ไท้มองอย่างทึ่ง ดูเหมือนว่าเปาจะมีปัญหากับความรู้สึกภายในของตัวเองไม่น้อย แม้เด็กสิบเก้าอย่างเขายังไม่รู้อะไรมาก แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าเปาสับสนจนไม่รู้ว่าจะตัดสินใจเลือกได้หรือเปล่า เราอาจดำดิ่งค้นหาวัตถุบางอย่างในทะเลได้ แต่คำตอบบางอย่างซึ่งอยู่ในใจของเราเองแท้ๆ กลับยากที่จะหาพบเสียยิ่งกว่าหาวัตถุในทะเลเสียอีก

ความสงสัยของไท้คงมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ตั้งแต่รู้จักกับเปามา แม้จะไม่นานมาก แต่เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา หนทางหนึ่งที่จะทำให้รู้ได้ก็คือการถาม แม้ไม่มั่นใจว่าจะได้คำตอบแต่ไท้ก็อยากลองถามดู

"พี่เปา...คิดยังไงกับผมเหรอครับ"

ความเงียบแล่นเข้ามาปกคลุมทันทีเมื่อคำถามของไท้สิ้นสุดลง แววกระตุกในดวงตาของเปาบ่งบอกความรู้สึกบางอย่างของเจ้าตัวที่ยากจะคาดเดา บวกกับท่านิ่งคิดก็ยิ่งทำให้คนถามรู้สึกหวั่นใจว่าคงไม่ใช่คำถามที่ตอบง่ายๆ เสียแล้ว

เปาแหงนหน้ามองท้องฟ้า ดวงจันทร์เด่นโตส่องแสงกระจ่างกลาง แต่ดูเหมือนความใสกระจ่างของดวงจันทร์จะไม่สามารถส่องทะลุเข้ามาในใจของเปาได้เลย มันจึงยังมืดดำ คลุมเครือ แม้กระทั่งจะค้นหาความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองก็ยังทำได้ยาก ที่จริงไม่มีแสงใดๆ ส่องเข้าไปในหัวใจได้ มีเพียงความรักเท่านั้นที่จะนำพาแสงสว่างมาสู่ใจที่มืดดำ

"ไท้จำวันที่ไท้ไปสมัครเรียนที่รามได้ไหม ที่พี่...ทิ้งไท้ไว้คนเดียวไง" นานทีเดียวกว่าเปาจะยอมเปิดปากพูด แต่ก็ไม่ใช่การตอบคำถาม ดูเหมือนจะเป็นการเกริ่นเพื่อนำไปสู่คำตอบทีหลังมากกว่า

ไท้พยักหน้า "ครับ จำได้ครับ"

เปายิ้มละไมอย่างพอใจ แสงจันทร์สะท้อนวิบไหวอยู่ในดวงตาของเขา แสงที่สว่างเกินกว่าปกติทำให้พอเห็นความรู้สึกในดวงตาได้ แต่ที่จริงดวงตาของคนก็มีความพิเศษ บางครั้งความมืดก็ไม่อาจซ่อนแววตาซึ่งบ่งบอกความรู้สึก

"ไท้รู้ไหม ตอนที่พี่กลับไปรับไท้ พี่เห็นไท้นั่งรอ หนาวสั่น แล้วก็กลัว ความรู้สึกของพี่ตอนนั้น พี่ไม่รู้จะบอกได้ยังไง พี่ทั้งสงสาร รู้สึกผิด พอไท้วิ่งเข้ามากอดพี่ พี่ก็ได้คำตอบบางอย่างที่พี่ตามหามานาน มันเป็นครั้งแรกที่พี่ปลอบใครสักคนแบบนี้ พี่ไม่เคยปลอบใครแบบนี้เลย ไม่เคยมีใครวิ่งเข้ามากอดพี่ด้วยความรู้สึกแบบนี้ พี่รู้สึกดีมาก แต่ก็ตอบไม่ได้ว่าพี่รู้สึกอะไร พี่รู้แต่ว่ามันฝังใจ ประทับใจ เมื่อคืนวานก็เหมือนกัน ความรู้สึกมันแตกต่างมาก และพี่...ก็รู้สึกดีมาก"

เปาหยุดเว้นจังหวะ ปล่อยให้ลมเย็นๆ พัดปลิวและทำเสียงวือๆ ในหู เขาหยุดคิด ทบทวนสิ่งที่ตัวเองอยากพูดและสื่อสารออกไป บางอย่างมันอยู่ที่ริมฝีปาก แต่ก็นึกเป็นคำพูดไม่ได้ หรือไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่กล้าพูดมันออกไป

"พี่เพิ่งรู้ว่าพี่มีความสุขมากแค่ไหนก็เมื่อคืนที่ผ่านมา พี่ไม่เคยมีความสุขแบบนี้เลยนะไท้ ชีวิตของพี่...มีแต่ความเหงา พี่มีพ่อ มีเพื่อน มีแฟน แต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกนี้ แต่พอไท้เข้ามาในชีวิตพี่ พี่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแตกต่างไป แต่พี่ก็ไม่รู้ว่า...ความรู้สึกของพี่คืออะไร พี่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้ไท้ พี่บอกได้แค่ว่า..."

เสียงของเปาเงียบหาย ก่อนสองสายตาจะเอียงมาประสานกันสนิท ฝ่ายหนึ่งรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็ยังคงวนเวียนค้นหาบางอย่างในใจตัวเอง เผลอๆ อาจหลงทางในเขาวงกตในหัวใจตัวเองไปแล้วก็ได้ แต่กระนั้น เขาก็ยังมีบางอย่างที่อยากพูด

"พี่รู้สึกดีกับไท้นะ มันไม่เหมือนที่พี่รู้สึกกับ...เอ่อ...กับจีน หรือแม้กระทั่ง...กับฟาง" เปาพูดอย่างตะกุกตะกัก "พี่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย มันแปลกมาก แปลกจนพี่ไม่รู้จักมัน ไม่รู้จักตัวเอง พี่เป็นคนมีปัญหาในใจเยอะนะไท้ บางที...พี่ก็ไม่เข้าใจตัวเองง่ายๆ หรอก ไท้รู้จักพี่มาพักหนึ่งแล้ว พี่เชื่อว่าไท้คงพอรู้อะไรบ้าง ใช่ไหม"

ไท้ยิ้มบางๆ ขณะที่สองคู่ดวงตายังคงสื่อสารกันเงียบๆ แม้สิ่งที่สื่อออกมาไม่ใช่เสียงพูดที่ฟังเข้าใจความหมาย แต่เสียงใจที่ออกจากแววตาก็สื่อชัดเจน จิตใต้สำนึกคงได้คำตอบนั้นไปแล้ว แต่จิตธรรมดายังคงหลงทางและวิ่งตามไม่ทัน

"พี่เปาไม่รู้ หรือเป็นเพราะว่า...พี่เปาไม่กล้าพูดกันแน่ครับ" ไท้ถามไปตามตรง

แววตาของเปากระตุกอีกครั้ง แม้จะเป็นคำถามง่ายๆ ซื่อๆ ตามประสา แต่ก็จี้ใจดำคนอายุมากกว่าได้ดีทีเดียว เขาจึงยิ่งสับสนมากขึ้น ใคร่ครวญครุ่นคิด แต่กลับไม่มีคำตอบใดที่น่าพอใจ จนกระทั่งอีกคนต้องเป็นฝ่ายพูดทำลายความเงียบ

"ผมรู้สึกดีกับพี่นะครับ ตั้งแต่วันแรกที่ผมเจอพี่แล้ว ที่จริง...พี่ก็ดูน่ากลัวเหมือนกันนะครับ" ไท้หัวเราะเบาๆ "แต่...ผมก็รู้สึกดี ผมไม่เคยชอบผู้ชายหรอก แต่พี่เปา...ทำให้ผมคิดว่า...ผมน่าจะรักผู้ชายได้"

ไท้หัวเราะอีกครั้ง แต่แววตาของเปาบ่งบอกว่าเขาตกใจ ความรักนั่นเองคือสิ่งที่เปากลัว แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะความรักเป็นสิ่งน่ากลัวโดยธรรมชาติ แต่เขากลัวใจตัวเองจะเผลอรักสิ่งที่เคยเกลียดต่างหาก กระนั้นก็น่าขำสิ้นดีที่เขาปล่อยให้ตัวเองหลงเดินเข้ามาในดินแดนนี้ ที่ซึ่งเขาไม่เคยคิดว่าจะเข้ามาเหยียบด้วยซ้ำ

"แต่ว่า..." ไท้หรุบตาลงต่ำเล็กน้อย เขารู้ดีว่าความรักครั้งนี้ไม่ถูกต้อง นั่นคือสิ่งที่ไท้ต้องบอกไปเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม "พี่เปามีแฟนแล้ว ผมว่ามันไม่ดีหรอก ผมว่า..."

ใบหน้าของเปาพลันซีดเจื่อน ความรู้สึกละอายใจค่อยๆ พาเขาละสายตาและเปลี่ยนจุดสนใจไปยังแม่น้ำ แสงจันทร์สะท้อนบนผืนเป็นรูปทรงของดวงจันทร์ที่บิดเบี้ยวไปมา แต่ประกายระยิบระยับของมันก็งดงามไม่น้อย

"ผมว่าผมหยุดแค่นี้ดีกว่า" ไท้ตัดสินใจบอกไป ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเห็นด้วยหรือไม่ การตัดสินใจอย่างนี้น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

เปาถอนหายใจยาว เขาแหงนหน้าขึ้นมองบนฟ้าอีกครั้ง สีหน้าบ่งบอกว่าหนักใจ ในขณะเดียวกันก็ดูเศร้า แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมายิ่งทำให้เห็นความเศร้าชัดเจนมากขึ้น

"ไท้รู้ไหม เรื่องบางเรื่อง...ก็หาคำตอบไม่ได้ง่ายๆ หรอก" เปาหยุดคิด สักพักก็พูดต่อ "ไม่ว่าพี่จะทำอะไร พี่ก็คงจะเป็นคนเลวเหมือนเดิม ถ้าไท้ไม่ไว้ใจพี่ หรือไม่อยากข้องเกี่ยวกับพี่อีก พี่ก็ไม่ว่าอะไรนะ" เปาแค่นเสียงเหมือนน้อยใจ

"แต่พี่แค่อยากให้ไท้รู้ความจริงบางอย่างไว้ ไท้เป็นคนเดียวที่ทำให้พี่รู้สึกแตกต่าง ไม่ว่าความรู้สึกนั้นจะเรียกว่าอะไร หรือพี่จะยอมรับมันได้ไหม แต่สิ่งที่พี่ยอมรับได้ก็คือ...พี่รู้สึกดีกับไท้ ไท้รู้ไหม...พี่อยากมีใครสักคนที่ทำให้พี่รู้สึกแบบนี้ พี่ตามหาคนๆ นี้มานานแล้วนะ"

เปาหยุดเว้นจังหวะ เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของไท้ คล้ายกับอยากให้อีกฝ่ายเห็นความรู้สึกของเขาได้ชัดเจนที่สุด เพราะคำพูดอาจโกหกได้ แต่แววตาโกหกไม่ได้

"ไท้อย่าปล่อยมือพี่ได้ไหม"

TBC


ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  เปาจริงจังหรือว่าจะทำประวัติศาตร์ซ้ำรอยเดิมอีก
  รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ farhhhh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เราว่าสำหรับเปามันยากนะ ที่จะยอมรับตัวเองว่าชอบผู้ชายอ่ะ5555 แบบ ออกตัวแรง ประกาศให้โลกรู้ว่าเกลียดเกย์มากแค่ไหน จะทนสายตาคนอื่นมองได้หรือเปล่า
แล้วเมื่อไหร่จะไปเคลียร์กับแฟนยะ รออะไร รอให้เรื่องมันยิ่งยุ่งยากหรือไง บู้ว -3-

รอตอนต่อไปค่า ไท้อย่าไปยอมมันมาก เดี๋ยวได้ใจ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ถึงปากจะบอกว่าไท้ทำให้เปารู้สึกดี
แต่ขณะที่ยังมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่
ยังงี้ก็ไม่ไหวนะ..จะให้อยู่ในสถานะอะไร ยังไม่รู้เลย

ไม่มีใครจะเต็มใจยืนอยู่บนตอไม้ที่ผุกร่อนหรอก
เพราะไม่รู้ว่ามันจะหักทำให้ตกลงไปให้เจ็บเมื่อไหร่

ไม่เคลียร์นะเปา
จะหยุดหรือเดินหน้าต่อ
ให้ความมั่นใจกันหน่อย..ได้ไหม

ออฟไลน์ crazydoii

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 858
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
แล้วจะเป็นยังไงต่อไป,,,

ไท้จะโดนเหมือนจีนรึป่าว

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 12 | เหมือนพ่อ



"เธอๆ ดูนั่นสิ พี่จีนของเรากับเด็กใหม่ ดูแปลกนะ เธอว่าไหม"

"คนไหน" ถามพลางสอดส่ายสาตามอง

"นั่นไง ที่เป็นตัวตบที่เพิ่งลงมาไง ที่ตัวสูงๆ หน้าตี๋ๆ ตัวขาวๆ" ว่าพลางชี้ให้ดูไปด้วย

"อ๋อ คนนั้น่ะเหรอ เมื่อกี้ตอนพักเบรก ฉันเห็นเขาป้อนน้ำกันด้วย" ทำเสียงสูงและหัวเราะร่วน ที่จริงคงไม่ถึงกับป้อนน้ำป้อนท่า เพียงแต่หยอกกันเล่นสนุกๆ เท่านั้น

"ว้าย จริงเหรอ ป้อนน้ำกันด้วยเหรอ ใครป้อนใครอ้ะ" เจ้าตัวถามอย่างตื่นเต้นและอยากรู้

"พี่จีนของเราไง" บอกด้วยสายตาเป็นประกาย

"จริงเหรอ" ทำตาโตเท่าไข่ห่านไปด้วย ก่อนถามอย่างอยากรู้ "เธอถ่ายรูปไว้หรือเปล่า"

"ถ่ายไม่ทันน่ะ" ทำหน้าเสียดาย

"ว้า" ทำหน้าเสียดายเช่นเดียวกัน "ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเราคอยจับตาดูพี่จีนน้องตี๋ให้ดีละกัน น่าจะมีช็อตเด็ดๆ อีก"

"เขาชื่อไท้ ไม่ใช่ตี๋" อีกคนรีบแก้ชื่อแทน

"ก็เขาหน้าตี๋น่ะ เรียกตี๋ล่ะกัน น่ารักดีด้วย" บอกพลางยิ้ม ในขณะที่สายตาคอยดูการแข่งขันวอลเลย์บอลเพื่อคัดเลือกประเทศที่ชนะไปแข่งขันวอลเลย์บอลชายโลก ขณะนี้ทีมไทยกำลังแข่งกับญี่ปุ่น ได้เซ็ตจากไทยไปสองเซ็ตติดต่อกันแล้ว คะแนนค่อนห่างกันพอสมควร

เซ็ตแรกญี่ปุ่นชนะไป 25-18 เซ็ตที่สองชนะไป 25-16 ขณะนี้อยู่ในช่วงหลังเวลานอกทางเทคนิคครั้งที่หนึ่ง ไทยนำญี่ปุ่นอยู่ 10 ต่อ 8 ไท้ลงมาแทนรุ่นพี่ซึ่งถูกเปลี่ยนออกในเซ็ตที่สาม ดูเหมือนว่าเขาจะสร้างความแตกต่างได้ดีทีเดียว เพราะทำให้ไทยมีคะแนนนำญี่ปุ่นได้เป็นครั้งแรก

"น้องตี๋นี่เล่นดีนะ เขาตบฉลาดมาก กระโดดก็สูง ตบหนักด้วย โอเคเลย พอลงมาแล้วทำคะแนนได้เยอะเลย" แฟนคลับของจีนคนหนึ่งชวนคุยต่อ

"จริงด้วย เราว่าพี่เป้เริ่มไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ว่าเจ็บหรือเปล่า แต่เปลี่ยนออกก็ดี ไม่งั้นแพ้แน่" คนพูดหมายถึงนักวอลเลย์บอลชายตำแหน่งหัวเสาคนหนึ่ง ในสองเซ็ตที่ผ่านมาเจ้าตัวทำผลงานได้ไม่ดีนัก โค้ชเด้งจึงตัดสินใจให้ไท้ลงมาเล่นแทน การแข่งขันครั้งนี้มีไท้ เหินฟ้า ฟีนิกซ์ เวิร์มและเกิ้นมาเป็นตัวสำรองด้วย แต่เพิ่งมีไท้เท่านั้นที่ได้ลงเพราะมีความสามารถโดดเด่นเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันทั้งหมด อีกอย่างผู้เล่นในตำแหน่งอื่นๆ ยังฟอร์มดีอยู่ มีเพียงเป้เท่านั้นที่เล่นไม่ได้มาตรฐานเดิมของตัวเอง น่าจะเกิดจากอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่ผ่านมา

"กรี๊ดดดด ไทยนำเทคนิคัลไทม์เอาท์อีกแล้วเธอ โห...สุดยอด" แฟนคลับคนหนึ่งร้องดีใจ เสียงกรี๊ดในสนามดังใหญ่เมื่อไท้ตบลูกที่จีนเซ็ตมาให้อย่างสวยฝังลงไปในแดนญี่ปุ่น ช่วยให้ไทยนำ 16 ต่อ 12 ก่อนออกมาพักช่วงเวลานอกทางเทคนิคครั้งที่สอง

"ถ่ายรูปเลยๆ"

กลุ่มแฟนคลับของจีนซึ่งนั่งอยู่ใกล้ม้านั่งของทีมไทยต่างพากันยกมือถือมาเตรียมไว้ พอเห็นจีนกับไท้หยอกกันระหว่างช่วงพักก็ระดมเก็บภาพ สีหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันทุกคน คาดว่าหลังการแข่งขันคงได้ภาพเด็ดๆ ไปลงในหน้าแฟนเพจและกลุ่มแฟนคลับในเฟสบุ๊คเป็นแน่

ระหว่างที่ดื่มน้ำและฟังโค้ชเด้งแก้เกมการเล่น จีนเดินมาช่วยบีบไหล่ไท้เบาๆ ในขณะที่ไท้ฟังโค้ชอย่างตั้งใจและดื่มน้ำไปด้วย กระนั้นเจ้าตัวก็ไม่ลืมหันมายิ้มให้รุ่นพี่

"สุดยอดเลยไท้ พี่ว่าเราเก็บเซ็ตนี้ได้แน่" จีนยิ้มและชมออกมาจากสายตา ดูออกนอกหน้าจนใครๆ ก็สังเกตเห็นได้ว่าเจ้าตัวเชียร์ไท้มากเป็นพิเศษ

มาวินกับพอลล์คอยจับตามองดูอยู่ แอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปด้วย ช่วงนี้จีนดูห่างๆ จากผู้ชายหลายๆ คนที่คบเล่นสนุกไปพอสมควร ช่วงที่ผ่านมาดูเหมือนเจ้าตัวจะสนิทกับไท้มากเป็นพิเศษ ยิ่งได้มาซ้อมเตรียมทีมด้วยกันก็ยิ่งมีเวลาใกล้ชิดกันมากขึ้น จนเป็นที่สังเกตของเพื่อนๆ ทีมชาติด้วยกัน

ระหว่างที่นักกีฬาเดินลงสนาม พอลล์ก็แอบวิ่งมากระซิบกับจีนเบาๆ "มึงจีบไท้เหรอวะไอ้จีน"

"จีบเจิบอะไรของมึงวะ" จีนทำท่าจุ๊ปาก

"เฮ้ย กูว่ามึงหาคนจริงจังได้แล้ว ไท้นี่แหละ กูว่าน้องเขาเหมาะกับมึงนะเว้ย" พอลล์ไม่วายยุต่อ แต่จีนก็ส่ายหน้าและทำเสียงรำคาญใส่

"ไม่เอาเว้ย"

พอลล์จึงหยุดรบเร้า เขาต้องเป็นฝ่ายเสิร์ฟต่อพอดีจึงเดินย้อนหลังไปยังจุดเสิร์ฟ จากนั้นการแข่งขันในช่วงปลายเซ็ตที่สามก็เริ่มขึ้น ในช่วงปลายเซ็ตนี้ โค้ชเด้งเน้นให้จีนเซ็ตบอลเร็วให้พอลล์และบอลหัวเสาให้ไท้ สลับกันตามที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ญี่ปุ่นจับทางไท้ได้ เพราะหลังจากที่เจ้าตัวทำคะแนนอย่างต่อเนื่องจนแซงญี่ปุ่นได้ ทางญี่ปุ่นก็คอยจับตาและตามบล็อกตลอด

ในเกือบชั่วโมงถัดมา การแข่งขันก็จบลงด้วยชัยชนะของทีมไทยซึ่งเอาชนะญี่ปุ่นไปได้ 3 ต่อ 2 เซ็ต นับเป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่ไทยสามารถเอาชนะญี่ปุ่นได้ นักกีฬาดีใจกันมาก เสียงเชียร์ของผู้ชมรอบสนามดังกระหึ่ม ขนาดการแข่งขันจบแล้วก็ยังส่งเสียงเชียร์นักกีฬาไม่เลิก บรรดานักกีฬาจึงเดินยกมือไหว้ขอบคุณรอบสนาม แต่สักพักก็ต้องออกจากสนามเพราะทีมต่อไปจะลงแข่งต่อ

ระหว่างอยู่ในห้องพักนักกีฬา โค้ชเด้งก็เรียกไท้มาคุยเป็นการส่วนตัว ที่จริงคงไม่ถึงกับเป็นส่วนตัวมาก เพราะในห้องมีคนอยู่เต็ม แต่ก็ไม่มีใครมายุ่งกับการสนทนาของสองคน ส่วนมากก็ไปอาบน้ำ เก็บของเตรียมตัวกลับโรงแรมที่พักที่นครปฐม

"ไท้พอจะรู้ไหมว่า...เปาเขาเป็นอะไร โค้ชไม่เห็นเขาไปทำงาน เย็นๆ ก็ออกไปเที่ยว ดึกๆ ก็เมากลับมา เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว ฟางก็ไม่มาที่บ้านโค้ชเลย ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า ไท้พอจะรู้ไหม"

ท่าทางโค้ชเด้งดูหนักใจไม่น้อย ช่างน่าเห็นใจที่เขาไม่สามารถพูดคุยกับลูกชายด้วยตัวเองได้ เพราะถ้าเปาไม่คิดจะเปิดปากพูดแล้ว ถามไปก็เท่านั้น ยังไงก็ไม่มีทางได้คำตอบอย่างแน่นอน

สีหน้าของไท้เครียดขึ้นเล็กน้อย แต่ก็พอสังเกตเห็นได้ ท่าทางคนตอบก็ดูหนักใจไม่แพ้กัน ลองโค้ชถามมาแบบนี้ แปลว่าเปาคงไม่ยอมบอกอะไรอย่างแน่นอน

"ธุรกิจของพี่เปา...เจ๊งไปแล้วครับ" ไท้ตัดสินใจบอกไปตามตรง แม้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ตัวเองควรเข้าไปยุ่ง แต่ไท้ก็ไม่อยากให้เปาเป็นแบบนี้

"อะไรนะ" โค้ชเด้งขมวดคิ้วเข้าหากัน สีหน้าดูตกใจไม่น้อย จากนั้นก็บ่นงึมงำอย่างหัวเสีย "ทำไมเกิดเรื่องแบบนี้ถึงไม่บอกพ่อนะเปา มิน่าล่ะ"

โค้ชเด้งส่ายหัวไปมา พอรู้อย่างนี้แล้วก็นึกสงสารลูกชาย เปาคงไม่มีอะไรทำ ซ้ำยังอาจจะมีปัญหากับแฟนอีก ปกติก็มักคิดว่าตัวเองไม่เหลือใครอยู่แล้ว พอแฟนไม่มาหาก็ยิ่งคิดมากไปใหญ่ จึงทำตัวเหลวไหลอย่างที่เห็น

"เดี๋ยวเย็นนี้โค้ชจะกลับบ้านไปดูลูกชายหน่อย สงสัยคงเมาหัวราน้ำกลับมาอีก เขาชอบออกไปตอนเย็นๆ เอาข้าวให้หมาแล้วก็ออกไป กลับมาทีก็ดึกดื่น" โค้ชเด้งถอนหายใจสั้นๆ อย่างหนักใจ

"ครับ" ไท้ทำท่าเหมือนอยากพูดต่อ แต่ก็ยั้งไว้

หลายวันมานี้ไท้พยายามติดต่อหาเปา แต่รายนั้นไม่ยอมรับสาย บางครั้งก็โทรไม่ติดไปเลย ครั้นจะไปหา ช่วงนี้ไท้ก็ซ้อมหนักเพราะเพิ่งได้รับโอกาสให้เข้ามาสำรองในทีมชาติ จึงจำเป็นต้องฝึกซ้อมหนักขึ้นเพื่อแสดงฝีมือให้เต็มที่

"งั้นโค้ชไปก่อนนะ เอาไว้เสร็จงานโค้ชจะพาไปเลี้ยงข้าว วันนี้ไท้ทำได้ดีมาก ช่วยทีมได้เยอะเลย"

โค้ชเด้งตบไหล่ไท้เบาๆ จากนั้นก็รีบลุกออกไปอย่างเร่งรีบ วันนี้ทีมสต๊าฟโค้ชว่าจะพาไปเลี้ยงอาหารเย็นแถวๆ นี้ ถึงโค้ชเด้งไม่ไปด้วยแต่คนที่เหลือก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะไม่ใช่งานเลี้ยงฉลอง แค่อยากพามากินข้าวข้างนอกด้วยกันเท่านั้น

ไท้ถอนหายใจสั้นๆ แล้วก็ลุกขึ้น ก่อนจัดการเก็บของใส่กระเป๋าและไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนคนอื่นๆ

ระหว่างที่นั่งรถตู้ไปยังร้านอาหารซึ่งไม่ไกลจากโรงแรมที่พัก พอลล์ก็เอะอะด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นมาจากเบาะนั่งทางด้านหลัง

"เฮ้ยไอ้จีน มึงดูนี่ดิ แฟนคลับมึงมีอะไรมาเซอร์ไพรส์ มึงเข้าไปดูแฟนเพจมึงยัง"

"อะไรวะ" จีนหันไปถาม เขานั่งอยู่เบาะที่นั่งแถวหน้าของรถตู้ข้างๆ กับไท้และมาวิน

"เข้าไปดูสิ มึงเซอร์ไพรส์แน่" พอลล์ยักคิ้วหลิ่วตา ดูมีลับลมคมในจนน่าสงสัย

จีนหันกลับมาตามเดิม ก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาจากประเป๋ากางเกง เปิดแอปเฟสบุ๊คและเข้าไปดูหน้าแฟนเพจของตัวเอง พอเห็น "เซอร์ไพรส์" ตามที่เพื่อนบอก จีนก็หน้าร้อนผ่าวๆ

มีคนอัปโหลดภาพในหลายๆ อิริยาบถของจีนกับไท้หลายภาพ ส่วนมากเป็นภาพที่อยู่ใกล้ชิดกัน มีภาพตอนที่จีนแกล้งเอาน้ำป้อนไท้ ภาพกอดคอกัน ภาพนวดคลายกล้ามเนื้อ ภาพหันมายิ้มสบตากันในสนาม และอีกหลายๆ ภาพที่สามารถเอาไปสร้างเรื่องว่าจีนกับไท้เป็นแฟนกันได้เลย

จีนบอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับภาพนั้น แต่มันก็อดทำให้จีนนึกถึงช่วงเวลาที่เขากับเปาเคยมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันไม่ได้ ไม่เคยมีใครทำให้จีนมีความสุขเหมือนกับเปาได้เลย จนกระทั่ง...

จีนก้มมองดูภาพในมือถือ เลื่อนดูภาพไป แอบชำเลืองมองคนข้างๆ ไปด้วย ไท้คงสงสัยท่าทางแปลกๆ นั้นอยู่บ้าง แต่ด้วยมาวินชวนคุย จึงยังไม่ถามหรือสนใจอย่างจริงจัง

ภาพที่เห็นนั้นดูเหมือนคนสองคนมีความสุข คนถ่ายก็ช่างเลือกภาพและมุมที่สื่อสารอารมณ์อ่อนหวานได้ดีเหลือเกิน ความรู้สึกอย่างนี้หายไปนานแล้ว จีนไม่รู้เหมือนกันว่าทนอยู่อย่างไร้รักมาตั้งหลายปีได้อย่างไร ดูเหมือนนานจนชินชา แต่ลึกๆ แล้วเขาก็โหยหา เพียงแต่ความโหยหาไม่เคยเอาชนะความกลัวเจ็บครั้งนั้นได้เลย

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว รู้แต่ว่ารถตู้มาจอดที่หน้าร้านอาหาร เพื่อนๆ นักกีฬาและสต๊าฟโค้ชต่างทยอยลงจากรถตู้สองคันของสมาคม ก่อนทยอยเดินเข้าไปหาที่นั่งในร้านอาหารพร้อมกับเสียงคุยกันสนุกสนาน

จีนเดินลงมาจากรถเป็นคนสุดท้าย ถ้าไม่ใช่เพราะไท้สะกิดให้ลงมาก็อาจจะเผลอนั่งอยู่อย่างนั้นต่อไป เขาเดินตามไท้เข้าไปในร้านอาหาร ในขณะที่ใครต่อใครต่างก็ตื่นเต้นกับการสั่งอาหารเมนูแปลกๆ มากิน ไท้กับจีนกลับดูเฉยชา แต่เพื่อนๆ ก็ยังไม่ทันสังเกตดูอย่างจริงจัง

เมื่อรุ่นพี่นั่งลงไปบนเก้าอี้ ไท้กลับยืนคิดอะไรบางอย่าง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ คนที่ไท้ควรจะบอกก่อนใครก็คือจีนเพราะนอนพักห้องเดียวกัน

"พี่จีนครับ เดี๋ยวผมกลับมานะครับ"

อาการเซึ่องซึมของจีนหายไปเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วสงสัย "อ้าว แล้วไท้จะไปไหน"

ไท้กระชับกระเป๋าเป้เตรียมไว้ ดูเหมือนคนพร้อมจะเดินทางมากกว่าอยากจะนั่งกินข้าว "ผมมีธุระส่วนตัวนิดหน่อยครับ"

ไท้บอกแล้วก็ลุกเดินออกไป  พอเพื่อนๆ ถามเขาก็บอกเพียงว่ามีธุระด่วน แม้เพื่อนๆ ยังไม่หายสงสัย เขาก็เดินออกมาจากร้าน ไม่นานก็ออกมายืนข้างถนนใหญ่ ที่นี่อยู่ห่างจากเขตกรุงเทพเพียงไม่กี่กิโลเมตรจึงพอมีแท็กซี่อยู่บ้าง ไท้รีบกวักมือเรียกหยอยๆ เขาไม่รู้หรอกว่าเขาจะไปที่บ้านหลังนั้นถูกหรือเปล่า แต่ไท้ก็จะไป เพราะหัวใจของไท้ร่ำร้องอยากเจอใครคนนั้น

คิดถึงและเป็นห่วงมาหลายวันแล้ว เขาไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป



"เกิดเรื่องแบบนี้ ทำไมเปาไม่บอกพ่อ"

ยังนับว่าโชคดีที่โค้ชเด้งกลับมาถึงบ้านก่อนที่เปาจะออกไปพอดี เจ้าตัวมีกระเป๋ากีฬาใบโตถือในมือด้วย ถ้าไม่ใช่ไปทำงานก็อาจจะไปอยู่ที่ไหนสักพัก เปาหยุดชะงักอยู่กลางโถงทางเดิน ก่อนวางกระเป๋าลงบนพื้น สายตาที่มองพ่อทั้งสงสัยและหวาดระแวงในขณะเดียวกัน เปาไม่เคยไว้ใจพ่อ ไม่เคยคิดว่าพ่อคือที่พึ่งที่เขาจะไว้ใจได้ ไม่ว่าพ่อจะพูดหรือทำอะไร เปาไม่เคยเชื่อเลยสักครั้ง แม้จะเจ็บปวดสำหรับคนเป็นพ่อ แต่มันก็คือความจริงที่จำต้องกลืนฝืนกิน

"อะไรเหรอครับ" น้ำเสียงของเปาเย็นชา กระนั้นก็ยังเห็นแววตาหม่นเศร้าที่เจ้าตัวไม่อาจเก็บซ่อนได้

โค้ชเด้งเดินเข้ามาใกล้ เปาทำท่าจะเขยิบหนี แต่สุดท้ายก็ยืนอยู่ที่เดิม "ก็ร้านฟิตเนสของเปาไง ทำไมไม่ปรึกษาพ่อก่อน มีปัญหาแบบนี้ เปาจะเก็บไว้คนเดียวทำไม"

"เรื่องของผม!" เปากระแทกเสียง แววตาเปลี่ยนเป็นดุดัน แต่ประโยคต่อมากลับลดความขึงขังลง "ปัญหาของผม ผมแก้เองได้"

เปาไม่สบตาพ่อ แต่โค้ชเด้งคอยจับตาและเฝ้าสังเกตดูท่าทีของลูกชายไม่วางตา ก่อนถามออกไปตรงๆ "แล้วแก้ได้หรือยัง"

เปาเงียบ ไม่มีคำตอบนอกจากแววตาและท่าทีซึ่งแสดงออกถึงความไม่มั่นคงในใจ คนที่ผ่านโลกมาก่อนย่อมดูออกได้ไม่ยาก

"แล้วนี่จะออกไปไหน" โค้ชเด้งถามต่อ

"จะไปบ้านยาย"

คิ้วสองข้างของโค้ชเด้งมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย "วันนี้เปาอย่างเพิ่งไปละกัน อยู่คุยกับพ่อก่อน"

"ไม่จำเป็นครับ" เปาสวนเสียงห้วนทันควัน

"เปา!" โค้ชเด้งเสียงดังขึ้น "พ่อเป็นห่วงเปานะลูก"

จากที่ไม่สบตา เมื่อได้ยินคำว่า "เป็นห่วง" และ "ลูก" เปาพลันหันขวับมาสบตากับพ่อทันที

"ห่วงเหรอ ที่ผ่านมา พ่อเคยเป็นห่วงผมด้วยเหรอ แล้วทำไมผมไม่เคยรับรู้ความห่วงใยของพ่อเลยแม้แต่นิดเดียว เวลาผมมีปัญหา ผมไม่เคยเห็นพ่อสนใจผมเลย ผมไม่เชื่อหรอก!" เปาเถียงกลับไปด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน

แววตาของโค้ชเด้งไหวระริก รู้สึกเจ็บและสะท้อนใจไม่น้อยที่ลูกพูดกับพ่อแบบนี้ ความบาดหมางของเขากับลูกชายสะสมมายาวนานเกินไปเสียแล้ว ยากเกินที่จะประสานได้ แต่เรื่องบางเรื่องก็ยากเกินที่อธิบายได้ บางอย่างอาจต้องเป็นความลับไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ด้วยซ้ำ

"อย่าคิดว่าผ่านมาเป็นสิบๆ ปีแล้วผมจะลืมนะครับ ผมไม่มีวันลืมคนที่ฆ่าแม่ผมหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแม่ขอไว้ อย่าคิดว่าผมจะอยู่ที่นี่ ผมเกลียดพ่อ! ได้ยินไหมครับ! ผมจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ต้องมายุ่งกับผม!" เปาตวาดใส่พ่อเสียงดัง ริมฝีปากสั่นระริก

โค้ชเด้งยืนตะลึง สีหน้าบ่งบอกว่าช็อกสุดขีด พลันน้ำตาก็ไหลตก คงไม่มีความเจ็บปวดใดโนโลกนี้จะมากไปกว่านี้อีกแล้ว ที่ผ่านมาไม่ว่าจะทะเลาะกันมากแค่ไหน เปาไม่เคยพูดกับพ่อหนักถึงขนาดนี้เลย

ความเงียบแล่นเข้าครอบคลุมอีกครั้ง เงียบจนกระทั่งได้ยินเสียงความวุ่นวายจากถนนซึ่งอยู่ไกลลอดเข้ามา สองพ่อลูกยืนมองหน้ากันนิ่ง ต่างคนต่างรู้สึกไม่มั่นคง สีหน้าของเปาดูอ่อนลงไปมากเมื่อเห็นน้ำตาของพ่อ เจ้าตัวคงเริ่มตระหนักแล้วว่าที่พูดไปเมื่อกี้รุนแรงแค่ไหน

โค้ชเด้งกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เขาต้องใช้เวลาทำใจอีกพักใหญ่ถึงจะพูดออกมาอย่างขื่นขมได้

"ตั้งแต่วันแรกที่พ่อกับแม่รู้ว่าเปามาเกิดเป็นลูกของพ่อกับแม่ เปารู้ไหมลูก ไม่มีวันไหน...ที่พ่อกับแม่ไม่รักเปา รักตั้งแต่ยังไม่เคยเห็นหน้า รักตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชายด้วยซ้ำ พอรู้ว่าเปาเป็นผู้ชาย พ่อก็เตรียมชื่อไว้ให้ พ่อตั้งชื่อเปาว่าธฤต หมายถึงความมั่นคง ตั้งมั่น เพราะเปา...เป็นตัวแทนความรักที่มั่นคงของพ่อกับแม่ วันแรกที่เปาลืมตาขึ้นมาดูโลก เปารู้ไหมว่าพ่อกับแม่มีความสุขมากแค่ไหน เปาเป็นลูกชายคนแรก พ่อกับแม่รักหมดหัวจิตหัวใจ ปู่ย่าตายายญาติพี่น้อง ทุกคนดีใจทั้งนั้นที่มีเปาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว"

โค้ชเด้งเว้นจังหวะเพราะก้อนสะอื้นเริ่มรบกวน จนกระทั่งมันเริ่มลดอาการลงเขาจึงพูดต่อ

"ตอนเด็กๆ เปาไม่เคยห่างพ่อ เราไปไหนด้วยกัน ไปทำงานพ่อก็พาไปด้วย เปาเคยกอดพ่อ อ้อนพ่อ เรียกหาพ่อ ทุกครั้งที่พ่อได้ยินเสียงลูก พ่อมีความสุขมากแค่ไหน เปาจำได้ไหมลูก เปาจำได้หรือเปล่าพ่อไม่รู้ แต่พ่อไม่เคยลืม เพราะว่าเปาเป็นลูกของพ่อ ถึงแม้ว่า...สิบกว่าปีที่ผ่านมา เปาไม่เคยเรียกหาพ่อ ไม่เคยอ้อนพ่อ ไม่เคยกอดพ่ออีกเลย แต่ความรักที่พ่อมีให้เปา ไม่เคยน้อยลงเลยนะลูก พ่ออยากกอดเปา พ่ออยากได้ยินเสียงเปาเรียกหาพ่อเหมือนเมื่อก่อน แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย พ่อเข้าใจ พ่อรู้ว่าพ่อผิด พ่อรู้ว่าเปาให้อภัยพ่อไม่ได้ แต่พ่อขออย่างเดียวนะเปา เปาจะเกลียดพ่อก็ได้ แต่อย่าคิดว่าพ่อไม่รักเปาเป็นอันขาด พ่อจะไม่รักลูกของตัวเองได้ยังไง พ่อรักเปานะลูก และพ่อก็หวังมาตลอดว่า...พ่อจะได้กอดเปาอีกสักครั้ง...ก่อนที่พ่อจะตาย"

"พอได้แล้ว!" เปาตวาดลั่น ก่อนทรุดลงกับพื้นและร้องไห้หนัก "ผมไม่เชื่อ ถ้าพ่อรักผม พ่อทำอย่างนี้กับพวกเราทำไม! รู้ไหมว่าแม่เขาทรมานแค่ไหนก่อนที่เขาจะตาย ถ้าพ่อไม่เป็นแบบนี้ ครอบครัวของเรามันก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก พ่อรักผู้ชายคนอื่น พ่อทำให้แต่ตรอมใจตาย ทุกอย่างมันเป็นเพราะพ่อทั้งนั้น!"

ยิ่งพูดอารมณ์ของเปายิ่งพลุ่งพล่าน หัวใจของพ่อจะขาดรอนๆ ตามไปด้วย โค้ชเด้งย่อตัวลงนั่งตรงหน้าลูกชายที่ร้องไห้จนตัวโยน แม้อยากจะกอดปลอบมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อมมือไป

"พ่อขอโทษนะเปา ไม่รู้ว่าเปาจะให้อภัยพ่อได้เมื่อไหร่ แต่พ่อจะรอนะลูก ก่อนพ่อตาย...พ่ออยากกอดเปาสักครั้ง พ่อรักเปานะลูก เปาเป็นลูกของพ่อ เป็นตัวแทนความรักของพ่อกับแม่ ถึงมันจะไม่เหมือนเดิมในตอนหลังๆ แต่พ่อก็ยังรักแม่ ถึงพ่อจะเป็นแบบนี้ พ่อก็รักแม่ของเปานะลูก แล้วพ่อก็รักเปาด้วย" โค้ชเด้งละล่ำละลัก

ทั้งพ่อทั้งลูกต่างร้องไห้ ดูไปแล้วก็น่าเวทนายิ่งนัก ความรักและสายใยครอบครัวเป็นเรื่องเข้าใจยากเหลือเกิน แม้จะมีอยู่ในใจ แต่ก็ใช่ว่าจะแสดงออกได้อย่างที่ใจคิด เห็นกันอยู่ตรงหน้า ก็เหมือนมีกระจกใสบางๆ กันอยู่ แต่ถึงจะบางแต่มันกลับแข็งแกร่งดั่งเพชร ยากที่จะทลายลงได้

เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น สายตาของสองพ่อลูกที่จ้องมองกันเบนความสนใจไปที่หน้าบ้าน โค้ชเด้งค่อยๆ ลุกขึ้น ใช้มือซับน้ำตาและพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ กระนั้นก็เห็นตาแดงๆ และร่องรอยของการร้องไห้

เขาเปิดประตูและเดินออกไปหน้าบ้าน พยายามสอดส่ายสายตาดูว่าใครมาหา เมื่อมาถึงประตูจึงเห็นว่าไท้กำลังยืนรออยู่ โค้ชเด้งรู้สึกแปลกใจไม่น้อย กระนั้นก็รีบเปิดประตูเล็กให้ไท้เข้ามา

"มาหาเปาเหรอ" โค้ชเด้งถาม พยายามควบคุมเสียงให้ฟังเป็นปกติมากที่สุด

"ครับโค้ช" ไท้รับคำเบาๆ ก่อนถามไป "พี่เปาอยู่ไหมครับ"

โค้ชเด้งมุ่นคิ้วสงสัย จะว่าสงสัยก็ไม่เชิงนัก ที่จริงเขาพอรู้ความสัมพันธ์ของเด็กสองคนนี้ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าถลำลึกไปถึงไหน

"อยู่ข้างใน"

ไท้สาวเท้าเข้ามาข้างใน ก่อนปิดประตูและเดินตามโค้ชเด้งเข้าไปในบ้าน เมื่อมาถึงเปาก็ไม่อยู่เสียแล้ว

"สงสัยจะอยู่ข้างบน ไท้ขึ้นไปหาพี่เขาข้างบนก็ได้" โค้ชเด้งบอก

"ครับโค้ช" ไท้พยักหน้า ก่อนจะปลีกตัวเดินขึ้นบันไดไป

โค้ชเด้งอดสงสัยไม่ได้ ไท้มาอยู่กรุงเทพได้เดือนเศษๆ เริ่มรู้จักทิศทางมากขึ้น แต่ก็ไม่คิดว่าจะใจกล้าถึงขนาดนั่นแท็กซี่จากนครปฐมมาหาเปาถึงนี่ แสดงว่าความรู้สึกของไท้ที่มีต่อเปาคงไม่ธรรมดาแน่

ด้วยความอยากรู้ โค้ชเด้งจึงเดินขึ้นบันไดตามไปอย่างช้าๆ ในใจชักกังวลและสับสน เขาไม่รู้ว่าทำถูกหรือเปล่าที่กระตุ้นให้เปาเดินมาทางนี้ เขารู้ความจริงเรื่องลูกชายเป็นเหมือนเขามาตั้งแต่เปาอยู่มอปลายแล้ว แต่พอเปามีแฟนเป็นผู้หญิงตอนเข้ามหาลัย เขาก็เลยปล่อยเลยตามเลย

จนกระทั่งไท้มาอยู่ด้วย ในเวลาเพียงไม่นาน เขาก็ดูออกว่าลูกชายของตัวเองมีความรู้สึกพิเศษให้หนุ่มน้อยคนนี้ แต่เพื่อให้แน่ใจยิ่งขึ้น เขาจึงทำทีเป็นสนใจในตัวไท้ไปด้วย เปาก็เลยยิ่งออกอาการ เขาจึงค่อนข้างแน่ใจว่าลูกชายคงเป็นเหมือนพ่อ แต่พอทำไปแล้วก็ไม่รู้ว่าควรหรือเปล่า เปาเกลียดพ่อที่เป็นเกย์ แล้วถ้าเป็นเหมือนพ่ออีก เปาก็อาจจะเกลียดตัวเองไปด้วย นั่นคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

ประตูห้องเปายังเปิดค้างไว้ เมื่อคนเป็นพ่อสาวเท้ามาถึงหน้าประตูและยืนดู จึงได้เห็นลูกชายกับลูกศิษย์ยืนกอดกันแน่น ไท้หันหลังให้จึงไม่รู้ว่าโค้ชมองดูอยู่ ส่วนเปา เมื่อรู้ว่าใครมายืนอยู่หน้าห้องก็รีบผละออกทันที ก่อนที่ทั้งเปาและไท้จะหันมามองผู้มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญด้วยท่าทางตกใจ

TBC



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด