◯ เซ็ตรัก ส่งฝัน ◯ [รักวุ่นๆ ในวงการวอลเลย์บอลชาย] ◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◯ เซ็ตรัก ส่งฝัน ◯ [รักวุ่นๆ ในวงการวอลเลย์บอลชาย] ◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯◯  (อ่าน 26932 ครั้ง)

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เรื่องนี้เป็นจินตนาการของผู้เขียนล้วนๆ ไม่มีเค้าโครงความจริงหรืออ้างอิงความจริงจากหน่วยงานหรือบุคคลใดๆ บุคคลในภาพประกอบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับนิยายที่ผู้เขียนจินตนาการขึ้น




◯ เซ็ตรัก ส่งฝัน ◯
[ROMANTIC DRAMA]






EP01: สัญญา http://bit.ly/2kDqM0x
EP02: สั่นคลอน http://bit.ly/2jtozDb
EP03: ปกป้อง http://bit.ly/2khH1mu
EP04: เผลอจูบ http://bit.ly/2k8u8ZH
EP05: รุ่นพี่ http://bit.ly/2jqK2l0
EP06: หึงพ่อ http://bit.ly/2kV3cvD
EP07: เกลียดแรก http://bit.ly/2jFW5Lx
EP08: ลาวาไข่เค็ม http://bit.ly/2l6klXp
EP09: คนเหี้ยๆ http://bit.ly/2kJC06m
EP10: คืนเสียตัว http://bit.ly/2kpzjUA
EP11: คำขอร้อง http://bit.ly/2kbcZSh
EP12: เหมือนพ่อ http://bit.ly/2kipU4Z
EP13: ทวงถาม http://bit.ly/2lLe2Wn
EP14: หลายใจ http://bit.ly/2liMf1K
EP15: อาฆาต http://bit.ly/2ll8Rzb
EP17: หนักใจ http://bit.ly/2m7iHBl
EP18: บ้านแฟน http://bit.ly/2lyKrly
EP19: หักอก http://bit.ly/2l35IRe
EP20: ใจร้าย http://bit.ly/2lISzQ9
EP21: ระแวง http://bit.ly/2lUMzVg
EP22: ผิดแผน http://bit.ly/2mziSW6
EP23: หันหลัง http://bit.ly/2mBjIC3
EP24: สับสน http://bit.ly/2lY6YGh
EP25: ตัดใจ http://bit.ly/2lNubua
EP26: ลาก่อน http://bit.ly/2mLj74P
EP27: ความจริง http://bit.ly/2mzcMbb
EP28: เดินทาง http://bit.ly/2mYznPL
EP29: เกาหลี http://bit.ly/2mWJ4LV
EP30: รุก > รับ http://bit.ly/2o6GzHg

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2017 17:19:00 โดย inxsara »

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 01 | สัญญา


ชั่วขณะนี้ดูเหมือนทั้งโลกไร้ซึ่งสรรพเสียง ทั้งๆ ที่สิ่งต่างๆ รอบตัวยังคงเคลื่อนไหวและผลิตเสียงสารพัดความถี่ตลอดเวลา มีเสียงคนคุยกันอยู่ตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง เสียงคนเดินไปมาบ้าง เสียงประกาศจากที่ไหนสักแห่งบ้าง เสียงเพลงบ้าง และอีกสารพัดเสียงในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ที่ซึ่งเป็นแหล่งอโคจรของคนเมือง ผู้ต้องการพักผ่อนหย่อนใจในเวลาที่จำกัด

ใช่แล้ว โลกนี้ยังไม่ไร้เสียง เพียงแต่เขาไม่ได้ใส่ใจฟังเสียงใดเลย เพราะในใจเฝ้าคิดวนเวียนถึงเหตุการณ์บางอย่างตลอดเวลา

ทันทีที่หนังเรื่องนั้นจบลง เขาก็เดินดุ่มๆ ออกมาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ ที่จริงเขาไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจใครหรอก แต่ด้วยความที่เป็นคนหน้าดุ ใครๆ ต่างก็นึกว่าเขาโกรธใครมา มีแต่คนที่เดินตามมาด้วยเท่านั้นที่รู้ดีว่าเขาไม่ได้โกรธใคร แต่ใครคนนั้นก็ดูร้อนใจไม่น้อย แทนที่ค่ำคืนนี้จะได้ดูหนังผ่อนคลายอารมณ์หลังทำงานหนักมาหลายวัน เนื้อหาในหนังกลับทำให้บรรกาศกลับตาลปัตร

"เปาจะกลับบ้านเลยก็ได้นะ"

ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้คนที่เดินตามมาพูดอะไรหรือเปล่า แต่เขาเพิ่งได้ยินประโยคนี้เท่านั้น ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกว่าเปาหยุดเดิน สรรพเสียงพลันไหลเข้าสู่กระแสสมองให้เจ้าตัวรับรู้ตามปกติ เขาหันไปมองหน้าคนรัก เมื่อสังเกตดีๆ ก็เห็นความกังวลส่งผ่านมาทางสายตา

"ฟางขอโทษ ถ้าฟางรู้ว่ามันจะมีฉากแบบนี้ ฟางไม่ชวนมาดูหรอก" หญิงสาวบอกเสียงอ่อย สีหน้าบอกว่ารู้สึกผิดมากแค่ไหน

ฉากที่เธอว่านั้น เป็นฉากที่แม่ของพระเอกฆ่าตัวตายจากปัญหาในครอบครัวที่แก้ไม่ตก ปัญหาเริ่มจากพ่อของพระเอกมีเมียน้อย จึงมีปัญหาระหองระแหงกันจนนำไปสู่โศกนาฎกรรมของผู้เป็นแม่ ฟางไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีฉากแบบนี้ นึกว่าเป็นหนังรักโรแมนติกธรรมดา ที่ไหนได้กลับมีฉากดราม่าหนักๆ ปนมาด้วยหลายฉากเกือบทั้งเรื่อง

"ไม่ใช่ความผิดของฟางหรอก" เปาบอก แต่สีหน้ากลับดูขัดแย้ง

"ถ้าเปารู้สึกแย่ก็กลับบ้านก่อนดีกว่า" ฟางบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

เธอคบกับเปามาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เป็นแฟนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง จึงรู้จักกันดีทุกแง่ทุกมุม รวมถึงเรื่องปมในใจตอนเด็กของเปาด้วย เปาสะเทือนใจกับเรื่องนี้มาก ถ้ามีอะไรสะกิดปมเข้าหน่อย ผู้ชายอกสามศอกอย่างเปาก็อาจร้องไห้ได้

มีอยู่ครั้งหนึ่งเปาพาเธอมาดูหนังในห้าง ตรงทางเข้าโรงหนังมีโซนสำหรับเด็กอยู่ใกล้ๆ เปาบังเอิญเห็นแม่คนหนึ่งกำลังโอ๋ลูกชายซึ่งกำลังร้องไห้อยู่ เขายืนดูนิ่งแล้วน้ำตาไหล จากนั้นก็ตกอยู่ในอาการซึมเศร้าจนต้องยกเลิกแผนดูหนัง และแยกย้ายกันกลับบ้านในที่สุด เปามักเป็นแบบนี้บ่อยๆ แต่ฟางก็เข้าใจแฟนหนุ่มของเธอ แทบไม่เคยบ่นว่าให้เปาคิดมากเลย กระนั้นก็มีทะเลาะกันบ้างตามประสาหนุ่มสาว

เปาถอนหายใจแรงๆ เขาไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่นัก ปกติก็เป็นคนยิ้มยากอยู่แล้ว เวลาเครียดหรือเศร้าขึ้นมาจึงพลอยทำให้คนใกล้ตัววางตัวลำบากไปด้วย แม้แต่พ่อของเปาเองยังไม่กล้าเข้าใกล้เวลาเปาโมโหเลย มีแต่ฟางเท่านั้นที่พอรับมือหรือรู้วิธีหลบหลีกการปะทะ เมื่อก่อนเธอเคยพยายามปลอบใจแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายก็พบว่าถ้าให้เปาอยู่เงียบๆ คนเดียวก็จะหายเอง ก็เลยใช้วิธีนี้มาตลอด

"เดี๋ยวเปาไปส่งฟางที่บ้านละกัน ฟางจะกินอะไรก่อนไหม" แม้ว่าอารมณ์ไม่ดี แต่ชายหนุ่มก็ยังพอมีแก่ใจห่วงใยคนรัก

"ไม่ดีกว่า เดี๋ยวฟางไปกินที่บ้านก็ได้ ไปเหอะ" ฟางพูดเหมือนสั่ง เธอรู้ดีว่าเปาต้องการอยู่คนเดียวจึงไม่อยากลีลาชักช้า

ต่อไปฟางคงต้องระวังมากขึ้นเวลาชวนเปามาดูหนัง ไม่อย่างนั้นจะพามาสะกิดปมในใจเปล่าๆ ดีที่คราวนี้ไม่ทะเลาะกัน

ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงรถก็แล่นมาจอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง ไฟในบ้านยังคงสว่างอยู่ แสดงว่าคนในครอบครัวยังคงทำกิจกรรมบางอย่าง ส่วนมากก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าดูละครประโลมโลกหลังข่าว นี่คือการหลบหนีจากโลกความจริงที่ดีอย่างหนึ่งของคนซึ่งอาจผิดหวังลึกๆ กับชีวิต

ก่อนแฟนสาวจะเปิดประตูออกไป เปาพลันคว้าข้อมือเธอไว้

"เดี๋ยวก่อนฟาง"

หญิงสาวหยุดชะงัก ส่งคำถามไปทางสายตา แฟนหนุ่มของเธอดูครุ่นคิด ที่จริงก็คิดมาตลอดทางแล้ว เธอแทบไม่ได้คุยกับเขาเลยเพราะอีกฝ่ายเอาแต่เงียบ เธอเองก็ไม่อยากกวนใจเวลาอีกฝ่ายเป็นแบบนี้

"เมื่อไหร่เราจะแต่งงานกันซะทีน่ะฟาง"

ฟางเลิกคิ้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกอย่างแน่นอน เปาเคยถามเธอแบบนี้มาหลายหนแล้ว แต่ทุกครั้งฟางก็บ่ายเบี่ยงและอธิบายอย่างระมัดระวังเสมอ

"เราเพิ่งเรียนจบมาแค่ปีเดียวเองนะเปา ฟางเองก็เพิ่งทำงานได้ไม่กี่เดือน ยังไม่พ้นโปรเลย เปาเองก็เพิ่งจะเปิดร้าน รอให้อะไรๆ มันมั่นคงแล้วก็ลงตัวกว่านี้ก่อนดีไหม"

"แต่เปาอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แล้ว เปาอยากมีลูก เปาอยากเป็นพ่อที่ดี เป็นสามีที่ดี เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี ไม่ใช่พ่อแบบ..." เปากลืนเสียงลงคอ ถึงแม้ไม่พูดออกมา แต่คนฟังก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร

แววตาสงสัยของฟางค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเห็นใจ หรืออาจจะเรียกว่าสงสารก็ได้ แต่เธอก็ไม่อาจทำตามที่อีกฝ่ายขอร้อง ไม่ใช่เพราะไม่รัก แต่เธอรู้สึกว่าการมีครอบครัวตอนนี้ยังเร็วเกินไปต่างหาก

"ฟางรู้ แต่การมีครอบครัวมันต้องวางแผนนะเปา ไม่ใช่นึกอยากจะแต่งงานกันตอนไหนก็ได้ อีกอย่าง พ่อกับแม่คงไม่ยอมให้ฟางแต่งงานตอนนี้หรอก น้องชายของฟางเพิ่งเรียนปีสอง ฟางอยากทำงานหาเงินช่วยส่งน้องเรียน ขอฟางช่วยครอบครัวของฟางก่อนได้ไหม พอหมดภาระตรงนี้แล้ว เราค่อยมาคิดเรื่องแต่งงานกันนะเปา"

เปาไม่มีอะไรจะเถียงเพราะรู้ข้อจำกัดนี้ดี กระนั้นเขาก็เป็นฝ่ายรบเร้าเรื่องนี้มาตลอด ไม่ใช่เพราะรอไม่ได้ แต่เขาอยากหนีจากสภาพชีวิตบางอย่างต่างหาก เขารอโอกาสที่จะโบยบินอย่างอิสระมาหลายปีแล้ว เขาหวังที่จะสร้างชีวิตครอบครัวกับใครสักคน ที่จริงเขาพร้อมจะไปทุกเมื่อ ติดแค่คำสัญญาที่เคยให้ไว้กับคนๆ หนึ่งเท่านั้น

ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงยอมรับ กระนั้นก็ดูเศร้าไปถนัดใจ

"ฟางขอโทษนะเปา เปาเข้าใจฟางใช่ไหม" หญิงสาวถามย้ำ

เปาพยักหน้าอีกครั้งและยิ้มบางๆ ให้ "อืม งั้นเปากลับก่อนนะ"

ฟางยิ้มด้วยความโล่งใจที่เปาเข้าใจเธอ พอถูกถามบ่อยๆ เธอก็กลัวจะทะเลาะกันที่เธอตามใจเปาไม่ได้

"ขับรถดีๆ นะเปา ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกด้วยนะ" ฟางบอกพลางเปิดประตูรถออกไป

"อืม นอนหลับฝันดีนะฟาง"

หนุ่มสาวยิ้มให้กันอีกรอบ จากนั้นฟางก็เดินไปไขประตูบ้านและเดินเข้าไป เมื่อแน่ใจว่าแฟนสาวเข้าไปในบ้านปลอดภัยดีแล้ว รถเชฟโรเล็ตสีบร็อนซ์ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป จากช้าเปลี่ยนเป็นเร็วเมื่อมาถึงถนนใหญ่



อยู่ๆ เสียงเปียโนก็ดังขึ้นในบ้านกลางดึก แม้จะเป็นเพลงสำหรับมอบให้คนสำคัญที่สุดในชีวิต แต่สำเนียงของมันกลับฟังดูเศร้า เหงาและอ้างว้างอย่างรุนแรง ดูเหมือนคนเล่นตั้งใจให้เป็นแบบนั้น ตั้งแต่น้ำหนักเสียงของตัวโน๊ต จังหวะที่ช้ากว่าปกติ ความบางของเสียงคอร์ด การทอดเสียงยืดยาวและโหยหวน ไปจนถึงอารมณ์ของคนเล่นซึ่งถูกถ่ายทอดผ่านเพลงนี้ ฟังดูแล้วก็ชวนให้เศร้าเสียใจมากกว่าจะอิ่มเอมและซาบซึ้ง

แววตาของคนเล่นเหม่อเศร้าและเหงาสุดชีวิต ในขณะที่สองมือบรรเลงเล่น สายตาก็กลับทอดมองไปยังที่ซึ่งไม่อาจรู้ได้ แสงไฟหน้าบ้านลอดผ่านมาพอให้มองเห็นลิ่มคีย์บอร์ดรางๆ บ้าง แต่บางลิ่มก็กลืนหายไปในความมืด กระนั้นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเขาเล่นชำนาญจนแทบหลับตาเล่นได้

มันเป็นเพลงที่ใครๆ ก็รู้จักกันดี อย่างน้อยทุกๆ ปีจะได้ยินเพลงนี้หนึ่งครั้ง ในวันสำคัญวันนั้น ใครๆ ต่างก็อยากมอบเพลงนี้ให้คนสำคัญที่สุดคนหนึ่งในชีวิต เขาก็เคยมอบเพลงนี้ให้ใครคนนั้นเหมือนกันเมื่อตอนหัดเล่นเพลงนี้ใหม่ๆ สิบกว่าปีที่แล้ว แต่ก็เป็นเพียงครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย

"แม่ ไม่เห็นต้องปักเองเลยครับ ในซอยมีร้านรับปักเสื้อตั้งหลายร้าน แม่เอาไปให้เขาปักให้ก็ได้" เด็กชายร้องบอกผู้เป็นแม่ซึ่งกำลังเอาเข็มปักขึ้นลงบนเสื้อที่ขึงกับสะดึงจนตึงอย่างตั้งอกตั้งใจ

ปีนี้เปาอยู่ปอห้าแล้ว อยู่ๆ วันหนึ่งเสื้อที่เคยใส่ได้ตอนอยู่ปอสี่ก็เริ่มคับ หลังจากบ่นๆ มาสักพัก แม่ก็ซื้อเสื้อนักเรียนมาให้ใหม่ยกชุด แล้วก็เอามานั่งปักเองทั้งหมดอย่างที่เห็น

มือของแม่ที่ง่วนอยู่หยุดชะงัก ก่อนจะหันมายิ้มและคุยกับลูกชายคนเดียวของเธอ "แม่อยากทำให้เปาไงลูก เผื่อวันไหนแม่ไม่อยู่ เปาจะได้มีอะไรไว้นึกถึงแม่ไง"

เด็กชายขมวดคิ้วสงสัยเพราะรู้สึกว่าแม่พูดแปลกๆ แต่ด้วยความไม่เดียงสาจึงไม่เก็บมาใส่ใจ

"งั้น...เปาจะเล่นเปียโนให้แม่ฟังไปด้วยนะครับ ครูเพิ่งสอนให้เปาเล่นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เปายังเล่นไม่คล่องหรอก ต้องฝึกอีกสักวันสองวัน เดี๋ยวพอถึงวันแม่ เปาจะเล่นให้แม่ฟังอีก แม่ต้องฟังให้ได้นะครับ เปาจะเล่นให้สุดฝีมือเลย" เด็กชายยิ้มภูมิใจ จากนั้นก็เดินไปนั่งตรงมุมเปียโนในห้องนั่งเล่น

ไม่นานสองมือน้อยๆ ก็พรมลงไปบนลิ่มเปียโนที่พ่อซื้อมาให้เมื่อหลายปีก่อน เสียงเพลงดังขึ้นอยู่พักหนึ่งคนเป็นแม่จึงฟังออกว่าเป็นเพลงอะไร เพลง "อิ่มอุ่น" นั่นเอง เปายังเล่นได้ไม่คล่องอย่างที่บอก เขาดูโน๊ตไปด้วยเล่นไปด้วย สะดุดบ้างเป็นบางจังหวะ แต่เธอก็ประทับใจจนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว

เปาเล่นจนจบเพลง จากนั้นก็หันมาหาแม่ หวังว่าแม่จะชมเหมือนทุกครั้ง แต่กลับเห็นแม่นั่งร้องไห้ตัวโยน ด้วยความตกใจเปาจึงรีบวิ่งมาหาแม่ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา

"แม่ร้องไห้ทำไมครับ ทะเลาะกับพ่ออีกเหรอ"

เด็กน้อยถามไปตามที่เข้าใจ ถึงจะยังเด็กแต่ก็รู้ว่าพ่อกับแม่มีปัญหากันมาระยะหนึ่งแล้ว วันนี้พ่อยังไม่กลับบ้าน น่าจะทะเลาะกันแล้วออกไปไหนสักแห่ง หลังๆ มานี้เปาจึงอยู่กับแม่เป็นหลักเพราะพ่อไม่ค่อยอยู่บ้านเลย

แม่ของเด็กชายวางเสื้อที่ปักลง จากนั้นก็ดึงลูกชายมากอดไว้ เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างอดสูใจ เปาไม่สามารถเข้าใจความเจ็บปวดของแม่ได้ทั้งหมดหรอก เพราะบางอย่างก็ยากเกินที่เด็กสิบเอ็ดขวบจะเข้าใจได้

ไม่นานแม่ก็ละล่ำละลัก "เปา...สัญญากับแม่อย่างหนึ่งนะลูก ถ้าเปาโตขึ้น เปาจะต้องมีครอบครัวที่สมบูรณ์ เปาจะต้องรักลูก รักเมีย ไม่นอกใจเขา ไม่ทำให้เขาเสียใจ เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี เปาสัญญากับแม่ได้ไหมลูก"

"ครับแม่" เด็กชายรับปากทั้งๆ ที่ไม่รู้ความหมายซ่อนเร้น แต่เมื่อแม่ขอเขาก็ไม่อยากขัด

"ดีมากลูก แม่รักเปานะลูก แม่อยากให้เปามีชีวิตครอบครัวที่ดีกว่าแม่ ไม่ต้องเจ็บปวดเหมือนแม่ ถ้าวันไหนแม่ไม่อยู่ เปารู้ไว้นะลูกว่าแม่รักเปา แม่รักเปามากกว่าใครทั้งหมดในโลกนี้ แม่รักเปาคนเดียวนะลูก"

"แม่จะไปไหนเหรอครับ" เด็กชายถามพลางกอดแม่แน่น ช่วงหลังๆ มานี้แม่ร้องไห้บ่อยมากเพราะทะเลาะกับพ่อไม่เว้นแต่ละวัน

"แม่ไม่ไปไหนหรอกลูก ถึงแม่ไป แม่ก็จะคอยดูลูกของแม่ เพราะว่าแม่รักเปา ลูกชายตัวน้อยของแม่"

แม่กอดลูกชายแน่น ก้มลงดมผมเส้นบางๆ ของลูกชายอย่างรักใคร่ ความรู้สึกหลายอย่างปนเปกันไปหมดจนยากอธิบาย

"เปาก็รักแม่ครับ"

นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เปาได้บอกรักแม่ตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ถัดจากนั้นอีกเพียงสองวันเปาก็ไม่มีโอกาสอย่างนี้อีกเลย เขาจำวันนั้นได้ดีเพราะเป็นวันที่สิบสองสิงหา แม่ของเปากินยาฆ่าแมลงและเสียชีวิตตั้งแต่กลางดึกโดยไม่มีใครรู้ เปาเป็นคนแรกที่ลงมาจากห้องนอนตอนเช้าและพบว่าแม่นอนเสียชีวิตตรงกลางบ้าน ภาพนั้นยังติดตาเปามาจนถึงวันนี้ แม่เบิกตาโพลงและตัวแข็งเกร็ง แม้ตัดสินใจลาโลกไปแล้วก็ไม่อาจหมดห่วงในลูกน้อย ในมือกำจดหมายฉบับหนึ่งไว้แน่น เปายังเก็บจดหมายฉบับนั้นไว้ แม่เขียนไว้ว่า

"แม่รักเปานะลูก แม่ขอโทษที่แม่อยู่กับเปาไม่ได้ ยกโทษให้แม่คนนี้ด้วย ถึงแม่จะไม่อยู่ แต่แม่ก็จะคอยดูเปาอยู่บนสวรรค์ ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก เป็นเด็กดีนะครับลูกรักของแม่ แม่ฝากดูแลพ่อด้วยนะลูก เปาอย่าทิ้งพ่อนะ เปาต้องอยู่กับพ่อ ที่สำคัญ เปาอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับแม่นะลูก แม่อยากเห็นเปามีครอบครัวที่สมบูรณ์ เหมือนที่เราคุยกันวันนั้น แม่จะได้หมดห่วง เสียดายที่แม่คงไม่ได้อยู่เห็นครอบครัวของเปา แต่แม่มั่นใจว่าครอบครัวของเปาต้องดีกว่าแม่ ลาก่อนนะลูกรักของแม่ บุญรักษานะลูก แม่ขอให้ลูกของแม่เจอแต่สิ่งดีๆ มีคนรัก มีคนเมตตา มีชีวิตที่มีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิต แม่บุญน้อยจึงไม่ได้อยู่ปกป้องลูก ยกโทษให้แม่ด้วย เปารู้ไว้นะลูกว่าแม่รักลูกมากที่สุดในชีวิตของแม่ แม่ขอลาไปก่อนนะเปาลูกรัก"

วันนั้นเปาตั้งใจว่าจะเล่นเพลงอิ่มอุ่นที่อุตส่าห์ฝึกมาอย่างดีให้แม่ฟังในวันแม่ แต่วันนั้นกลับมีแต่เสียงเพลงธรณีกันแสงดังไปทั่ววัด ไม่มีเพลงอิ่มอุ่นอีกแล้ว ตั้งแต่นั้นเปาก็ไม่เคยเล่นเพลงนี้อีกเลย

วันแม่วันนั้นเป็นวันแห่งฝันร้ายที่สุดในชีวิต ยิ่งได้รู้ว่าสาเหตุที่แม่ต้องฆ่าตัวตายแล้ว เปาก็ยิ่งจำฝังใจ จนถึงวันนี้ เปาก็ไม่เคยให้อภัยคนๆ นั้นได้เลย

เสียงเปียโนเพลงอิ่มอุ่นซึ่งฟังเศร้าพลันเปลี่ยนเป็นเสียงแปร่งและแปลกไป คล้ายๆ กับมีหลายๆ ลิ่มถูกกดพร้อมกันโดยไม่ตั้งใจให้เป็นเพลง คนเล่นฟุบหน้าลงไปบนแผงลิ่มคีย์บอร์ดแล้ว จากนั้นเจ้าตัวก็รำพึงรำพันเบาๆ กับตัวเองอย่างอดสูใจ

"แม่...เปาเล่นเพลงนี้ให้แม่ฟังแล้วนะครับ แม่ชอบที่เปาเล่นหรือเปล่า เปาคิดถึงแม่นะครับ ตั้งแต่แม่ไม่อยู่ ไม่มีใครรักเปาเท่าแม่อีกเลย"

คนพูดคงไม่รู้สึกว่าตัวเองพูดเกินจริง เพราะตั้งแต่แม่จากไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เขาก็ไม่เคยได้รับอ้อมกอดและการดูแลที่แสนอบอุ่นเหมือนที่เคยได้จากแม่ โดยเฉพาะกับพ่อ เปาไม่กอดพ่อ พูดคุยเท่าที่จำเป็น วางระยะห่าง บางครั้งก็ออกจะขยะแขยงด้วยซ้ำ

การมีแฟนจึงเป็นทางออกอย่างหนึ่งที่ช่วยชดเชยสิ่งที่ขาดหาย แต่กระนั้น แม้ว่าโชคดีที่ได้แฟนที่รักและเข้าใจกัน แต่ลึกๆ เปาก็ยังคงโหยหาและคิดถึงความรักของแม่เสมอ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น แม่ก็คงไม่ด่วนจากเปาไปเร็วแบบนี้

"พี่เปาหรือเปล่าครับ"

เสียงของใครคนหนึ่งร้องถามมาจากข้างหลัง ไฟในห้องนั่งเล่นพลันสว่างขึ้น เปาสะดุ้งลุกขึ้นนั่งตัวตรง รีบเอามือป้ายน้ำตาลวกๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นและหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยความตกใจ

หนุ่มวัยรุ่นผิวขาวใส่กางเกงขาสั้นสีเทาๆ และเสื้อยืดสีขาวๆ ส่งยิ้มมาให้ อายุน่าจะประมาณยี่สิบหรือน้อยกว่านั้น ตัวค่อนข้างสูง สูงกว่าเปาด้วยซ้ำ ทว่าดูผอมไปนิดเหมือนคนขาดสารอาหาร ซ้ำแขนขายังเก้งก้าง เขาไม่เคยเห็นคนๆ นี้มาก่อนเลย ไม่ใช่แขกของพ่อ ไม่ใช่ญาติที่เคยรู้จัก ไม่มีเค้าเหมือนใครสักคนที่เคยพบเจอหรือผ่านตาแม้แต่น้อย

"มึงเป็นใคร เข้ามาอยู่ในบ้านกูได้ยังไง" เปาถามเสียงเข้ม ขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปื้น

"พี่เปากินอะไรมาหรือยังครับ ถ้ายัง...เดี๋ยวผมจะเตรียมให้" คนถูกถามไม่ตอบตามที่ถาม เพราะหวังว่าไมตรีจิตที่ยื่นให้จะช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีกับตน แต่ทุกอย่างกลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม

"กูถามว่ามึงเป็นใคร! มึงเข้ามาอยู่ในบ้านกูได้ยังไง!" เปาย่างสามขุมมาหา มองหน้าอีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

หนุ่มวัยรุ่นหน้าเสีย คงไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายแสดงท่าทางไม่เป็นมิตรด้วยทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก ไมตรีจิตเมื่อกี้ไม่มีความหมายแม้แต่น้อย

"ผมชื่อไท้ครับ โค้ชเด้งให้ผมมาอยู่ที่นี่" ชายหนุ่มรุ่นน้องผู้เรียกตัวเองว่า "ไท้" บอกเสียงอ่อย ท่าทางดูเจียมเนื้อเจียมตัว ยิ่งเห็นสีหน้าดุๆ ของอีกฝ่ายก็ยิ่งรู้สึกกลัวจนต้องก้มหน้า ไม่กล้าสบตาตรงๆ

"อะไรนะ! อยู่ที่นี่! มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ!" เปาตวาดเสียงดังอย่างโกรธจัด ก่อนย่างเท้าเดินเข้ามาหาใกล้ๆ และจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง

ไท้หน้าซีดเผือด ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดอีกฝ่ายถึงทำเหมือนกันโกรธกันมาสักสิบชาติ ตั้งแต่ย้ายเข้ามาเมื่อช่วงสายๆ ไท้ก็ช่วยปัดกวาดเช็ดถู ดูแลหมา ดูแลบ้านและจัดการเรื่องอาหารการกินให้เจ้าของบ้านอย่างดี เขาตั้งใจไว้แล้วว่ายินดีจะช่วยทำทุกอย่าง หนักแค่ไหนก็จะไม่บ่น แต่ลูกชายเจ้าของบ้านซึ่งเพิ่งกลับมาถึงเมื่อเกือบค่อนคืนกลับไม่พอใจ ทั้งๆ ที่ไท้ยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย

"ออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้! นี่บ้านแม่กูนะเว้ย! จะทำอะไรก็หัดเกรงใจกันบ้าง!" เปาตวาดอีก ชี้ทางออกจากบ้านให้อีกฝ่ายไปด้วย

"เอ่อ..." ไท้อึกอัก ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอธิบายตรงไหน ในขณะเดียวกันก็กลัวจนตัวสั่น สายตาของเปาดูดุจนกลัวว่าจะฆ่าใครสักคนให้ตายได้ในตอนนี้

"กูบอกให้มึงออกไปไง! หรือมึงอยากเจ็บตัว!"

เปาตรงปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อ จากนั้นก็ผลักอีกฝ่ายลงไปนั่งก้นจำเบ้ากับพื้น ไท้กระเถิบตัวถอยกรูดเพราะอีกฝ่ายเงื้อหมัดและทำท่าจะตามมาทำร้ายซ้ำ

"หยุดนะเปา! นั่นลูกจะทำอะไรน่ะ!"

เสียงใครคนหนึ่งร้องห้ามไว้ได้ทันเวลาพอดี เปาหยุดชะงัก จากนั้นก็หันไปมองคนที่เดินแกมวิ่งหน้าตาตื่นลงบันไดมา

"ไหนว่าพ่อสัญญากับผมไงครับว่าจะไม่เอา...ไอ้คนพวกนี้เข้ามาในบ้าน พ่อผิดสัญญากับผมทำไม!" เปาหันไปเล่นงานพ่อแทน สีหน้าไม่มีความกลัวผู้บังเกิดเกล้าแม้แต่น้อย

"เปาเข้าใจผิดแล้วนะลูก" โค้ชเด้งพยายามจะอธิบาย แต่เปาก็รีบสวนทันควัน

"เข้าใจผิดเหรอ ที่ผ่านมาพ่อก็ชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ" เปาเถียงเสียงแข็ง จากนั้นก็หันไปทางคนที่กำลังลุกขึ้นยืน ก่อนชี้หน้าอย่างอาฆาต "มึงอยากได้เงินมากนักเหรอถึงต้องมาขายตัวถึงนี่ หน้าตาก็ดี แต่แม่งไม่รู้จักอาย มึงมีศักดิ์ศรีหรือเปล่าวะไอ้ตุ๊ด!"

"เปา!" โค้ชเด้งตวาดลูกชายเสียงดังพร้อมกับฟาดมือลงไปที่ใบหน้าอย่างลืมตัว

เพี๊ยะ!

พลันสีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนเป็นตกใจ พ่อตกใจที่เผลอตบหน้าลูกชายด้วยความโมโห ลูกชายตกใจเพราะไม่คิดว่าพ่อจะทำกับตัวเองขนาดนี้ ส่วนผู้มาอาศัยตกใจเพราะคิดว่าตัวเองทำให้ครอบครัวคนอื่นมีปัญหา

เปาขบกรามและกำหมัดแน่น จ้องหน้าพ่อแล้วเปลี่ยนไปจ้องหน้าไท้ด้วยสีหน้าโกรธจัด ไม่นานก็เดินออกไปจากบ้านโดยไม่พูดสักคำ ชนไหล่ของไท้เข้าให้ด้วย

"เปา! แกจะไปไหน!" โค้ชเด้งตะโกนถาม แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากลูกชายแม้แต่คำเดียว

ไม่นานก็ได้ยินเสียงสตาร์ทรถ ก่อนเสียงเครื่องยนต์จะค่อยๆ เงียบหายไปไกลในความมืด คนเป็นพ่อได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความหนักใจ

"โค้ชครับ ผม...ทำอะไรผิดหรือเปล่าครับ" ไท้ถามอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าดูกังวล ตัวยังสั่นๆ เพราะตกใจกลัวอารมณ์รุนแรงของเปาเมื่อกี้

คนถูกถามหน้าเครียด แต่จะให้อธิบายเงื่อนงำซับซ้อนให้ผู้เพิ่งมาอาศัยฟังก็กระไรอยู่ "ไท้ปิดประตูบ้านแล้วขึ้นไปนอนเถอะ เอาไว้เราค่อยคุยกันวันหลัง ไม่ต้องคิดมาก เขาเป็นแบบนี้แหละ เดี๋ยวก็หาย"

"ครับโค้ช" ไท้รับคำอย่างว่าง่าย แต่สีหน้าก็ยังคงดูไม่สบายใจ

ดูเหมือนการมาอยู่ที่นี่จะไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว ไม่รู้ว่าลูกชายเจ้าของบ้านเข้าใจผิดเรื่องอะไร อยู่ๆ ก็หาว่าไท้มาขายตัว ตั้งแต่เกิดมาไท้ยังไม่เคยคิดด้วยซ้ำ

น่าหนักใจเหลือเกิน แค่มาอาศัยบ้านเขาอยู่ก็เกรงใจมากแล้ว ถ้ามาทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกไปด้วย ไท้อาจจะทนไม่ไหวจนต้องกลับบ้านไปก่อนที่จะได้เดินตามความฝันเป็นแน่

หรือว่าความฝันจะต้องแลกมาด้วยปัญหาแบบนี้!?


TBC

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-03-2017 01:07:25 โดย inxsara »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :pig4:
เพิ่งเห็นว่ามีงานเขียนใหม่ ดีใจ

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 02 | สั่นคลอน


เสียงเหมือนใครเอะอะโวยวายดังขึ้นที่หน้าบ้าน ปลุกคนซึ่งนอนหลับใหลให้ตื่นขึ้นกลางดึก แรกๆ เขาก็ฟังไม่ถนัดว่าเป็นเสียงอะไร แต่ฟังไปฟังมาจึงคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นเสียงหมาและเสียงคน คล้ายกับกำลังหยอกเล่นกันอยู่ เมื่อวานเขาก็ได้ยินเสียงแบบนี้จึงลงไปดู จึงได้เห็นลูกชายเจ้าของบ้านเล่นเปียโนทั้งที่ปิดไฟ ก่อนจะมีปัญหากันและฝ่ายนั้นก็หนีหายไปทั้งวันทั้งคืน

ไท้จึงลุกขึ้นไปเปิดไฟในห้อง แสงจ้าสว่างวาบจนต้องหยีตา พอปรับสายตาได้เขาก็รีบรุดลงไปข้างล่าง

เมื่อลงมาถึงหน้าบ้านจึงเห็นเปาถูกรุมล้อมด้วยเจ้า "เมสซี่" และ "เนยมาร์" ซึ่งเป็นหมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ทั้งคู่ ตัวหนึ่งสีโทนดำ อีกตัวสีโทนน้ำตาล เพศผู้ทั้งคู่และเป็นพี่น้องแม่เดียวกัน ทั้งสองตัวกำลังพากันเลียแข้งเลียขาเจ้านายที่เพิ่งกลับมาถึงไม่นานด้วยความดีอกดีใจ

ไท้ได้ยินเปาคุยกับหมาแต่ฟังไม่ได้ศัพท์ เพราะน้ำเสียงฟังดูอ้อแอ้คล้ายคนเมา น่าแปลกที่คราวนี้เปาไม่ขับรถมาด้วย น่าจะนั่งแท็กซี่กลับมาหรือไม่ก็มีใครมาส่ง เมื่อไท้เปิดประตูออกไปดู ทั้งคนทั้งหมาก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน

เมสซี่และเนยมาร์เห็นไท้ก็ผละจากเปาทันที ทั้งสองตัวกระดิกหางและวิ่งมาคลอเคลียไท้บ้าง เขาเล่นกับพวกมันมาสองวันแล้วจึงสนิทกันเป็นอย่างดี ไท้ยิ้มและย่อตัวลงลูบหัวลูบหางหมาทั้งสองตัวที่วิ่งมาหาด้วยความเอ็นดู พวกมันครางหงิงๆ และเบียดแย่งกันเข้าหาไท้

"เฮ้ย เมสซี่ เนยมาร์ ปายเล่นกับไอ้ตุ๊ดทำมายวะ อย่าปายเล่นกับมาน" เปาเอะอะโวยวาย จากนั้นก็เดินโซซัดโซเซปรี่เข้ามาหาไท้ พลันก็ล้มคมำตรงทางเดินเพราะเขาเมามากจนทรงตัวไม่อยู่

ตุ้บ!

ไท้ผละจากหมาแล้วลุกขึ้นวิ่งไปดูด้วยความตกใจ พอจะเข้าไปช่วยพยุงเปาให้ลุกขึ้น ฝ่ายนั้นก็ผลักเขากระเด็นก้นจ้ำเบ้าเหมือนเมื่อวาน

"ม่ายต้องมายุ่งกับกูเลยไอ้ตุ๊ด กูโคตรเกลียดคนอย่างพวกมึงเลย มึงรู้ตัวเปล่า" เปาว่าพลางชี้หน้า จากนั้นก็พยายามจะลุกขึ้นเอง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังลุกไม่ขึ้น

ไท้ลุกขึ้นยืน ปัดก้นและแข้งขา ก่อนหันไปสั่งหมาสองตัวและชี้ไปที่หลังบ้าน "เมสซี่ เนยมาร์ ไปนอนก่อน"

สัตว์หน้าขนสองตัวมองอย่างสงสัย พวกมันเห่าโฮ่งหนึ่งครั้งแล้วก็ค่อยๆ เดินหนีกลับไปนอนราวกับรู้ความ

ตอนแรกไท้ว่าจะเข้าไปช่วยพยุงเปาอีกครั้ง แต่กลัวว่าจะโดนผลักออกมาอีกจึงยืนดูก่อน ฝ่ายเปาเองก็พยายามลุกแต่ก็ลุกไม่ไหว ดูท่าทางเขาหงุดหงิดตัวเองมากทีเดียวเพราะลุกไม่ได้เสียที

"ยืนดูทำห่าอาลาย! ม่ายคิดจะช่วยหรืองายวะ พวกตุ๊ดนี่แม่งแล้งน้ำใจ" เปาต่อว่ากึ่งบ่น

คราวนี้ไท้จึงกล้าเข้าไปช่วย เขาย่อตัวลงและจับมือซ้ายของเปามาคล้องคอตัวเองไว้ กลิ่นเหล้าหึ่งจนไท้ถึงกับผงะและย่นจมูก แต่ก็กลั้นใจพยุงคนเมาหนักลุกขึ้นยืน ไท้ต้องพยุงกึ่งลากพาเปาเดินเข้าไปในบ้าน ก่อนออกแรงเพิ่มอีกหน่อยพาเดินขึ้นมาบนห้องนอนชั้นสอง

ไท้ช่วยทำความสะอาดทุกห้องในบ้านวันนี้และเมื่อวานนี้ เขาจึงรู้ว่าห้องของเปาอยู่ตรงไหนได้ไม่ยาก ไม่นานก็พาร่างที่เมาหนักและพูดอ้อแอ้ไม่รู้เรื่องมาถึงเตียงนอน

"เดี๋ยวผมลงไปปิดประตูหน้าบ้านก่อนนะครับพี่เปา" ไท้บอกเมื่อปล่อยตัวอีกฝ่ายนั่งลงบนเตียงได้แล้ว

"จะปายไหนก็ปายเลย" เปาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดสภาพ ห้อยปลายเท้าไว้เพราะยกขึ้นเองไม่ไหว

อยู่ๆ ไท้ก็นึกขำอีกฝ่ายจนต้องแอบยิ้ม เขาปล่อยคนเมาไว้แล้วเดินไปเปิดไฟในห้อง ก่อนลงไปก็หันมาดูอีกรอบ เมื่อจัดการปิดประตูหน้าบ้านและดูความเรียบร้อยแล้วจึงกลับขึ้นมาที่ห้องของเปาอีกครั้ง

วันนี้ไท้อยู่บ้านคนเดียวทั้งวัน โค้ชเด้งไปประชุมที่สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยตั้งแต่ตอนสายๆ ดูท่าจะมีเรื่องถกหลายเรื่องเพราะกลับมาถึงบ้านเกือบๆ สามทุ่ม ได้คุยกันอยู่พักหนึ่งโค้ชเด้งก็ขอตัวไปอาบน้ำและพักผ่อน ท่าทางคงเพลียมากเพราะขนาดลูกชายโวยวายเสียงดังยังไม่ตื่นขึ้นมาดูเลย

"โธ่เว้ย ทามมายมันถอดยากอย่างนี้วะ"

พอเข้ามาในห้องไท้ก็เห็นเปาเอะอะโวยวาย พยายามจะถอดกระดุมข้อมือเสื้อเชิ๊ตแขนยาวของตัวเองออก ส่วนกระดุมตรงหน้าอกถอดออกหมดแล้ว

"ช่วยหน่อยสิวะ ยืนเซ่ออยู่ได้" เปาหันมาว่าคนที่เพิ่งกลับเข้ามาอีกครั้ง ดูเหมือนอีกฝ่ายทำอะไรก็ไม่ถูกใจไปเสียหมด

ไท้รีบเดินเข้าไปหา ก่อนนั่งลงบนเตียงและช่วยปลดกระดุมแขนเสื้อให้อย่างใจเย็น เปาเมาจนคอพับคออ่อน ไท้จึงต้องช่วยถอดเสื้อเชิ๊ตแขนยาวออกให้เพราะดูท่าอีกฝ่ายจะทำเองไม่ไหว

"เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้นะครับ จะได้นอนสบายๆ" ไท้บอกพลางทำท่าจะลุกขึ้น แต่เปาก็โวยวายอีก

"ถอดกางเกงให้กูด้วย มึงจะให้กูนอนทั้งชุดนี้เหรอวะไอ้ตุ๊ด"

ไท้หน้าเหวอเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงรู้สึกประหม่าที่ต้องถอดกางเกงให้อีกฝ่าย แต่ก็รู้ว่าคงเลี่ยงไม่พ้นแน่นอน

"ครับพี่"

ไท้ช่วยถอดรองเท้าและถุงเท้าออกให้ก่อน เรียบร้อยแล้วก็ยกสองขาขึ้นไปวางบนเตียง จัดท่านอนให้อีกฝ่ายนอนสบายๆ จากนั้นจึงมาถึงปฏิบัติการสำคัญ ไท้เอื้อมมือไปปลดเข็มขัดกางเกงสแล็คสีดำให้เปา ตอนนั้นก็ว่ามือสั่นแล้ว แต่พอจะรูดซิปให้กลับสั่นยิ่งกว่า

"เร็วๆ สิวะ กูจะนอนแล้ว" เปาเร่งเร้า

ไท้สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนกลั้นใจรูดซิปให้อีกฝ่ายโดยพยายามไม่มองดูตรงนั้น กระนั้นก็เผลอมองบ้าง ไท้จึงได้เห็นว่าเปาเป็นคนหุ่นดีมาก เพราะเขาเป็นเทรนเนอร์ด้านการออกกำลังกายและดูแลสุขภาพ จึงดูแลตัวเองค่อนข้างดี หน้าท้องแบนราบไม่มีพุง รูปร่างสมส่วนและแข็งแกร่งอย่างชายหนุ่มวัยเจริญพันธุ์เต็มที่

เนื้อผ้าสีขาวและส่วนที่ตุงเผยตัวผ่านรอยแยกซิปกางเกงออกมาให้เห็นวับๆ แวมๆ อยู่ๆ ไท้ก็รู้สึกว่าตัวเองใจเต้นและประหม่า เขามองดูตรงนั้นด้วยความรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก มันกระตุ้นการตอบสนองบางอย่างในร่างกายที่ไท้เองก็ไม่เข้าใจตัวเองนัก

สองมือของไท้จับขอบกางเกงแล้วรีบถอดออก มันถอดยากในตอนแรก แต่พอหลุดช่วงก้นมาได้ก็ค่อยถอดง่ายขึ้น สายตาของไท้พลันมาหยุดที่เป้าของเปาอีกแล้ว เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงสนใจและอยากมองตรงนั้นเป็นพิเศษนักหนา ซ้ำหัวใจยังเต้นโครมครามจนแทบจะทะลุออกมาอีก

เพื่อนคู่ใจของเปานอนสงบนิ่งอยู่ในกางเกงในสีขาวแบบทรังค์ ขนาดของมันคงเอาเรื่องจึงนูนเด่นท้าทายสายตาคนมอง ไท้สะดุดตาที่ความเท่ของกางเกงในที่เปาใส่อยู่ หนุ่มเมืองหลวงและพอมีเงินมักซื้อของดีๆ แบบนี้มาใช้ ไท้เคยอยากซื้อกางเกงในแบบนี้มาใส่บ้างเพราะเห็นว่าเท่ดี แต่ก็ไม่กล้าซื้อเพราะราคาแพง เขาจึงใส่แบบธรรมดาสามตัวร้อยมาตั้งแต่เด็กๆ

ไท้หยิบเสื้อและกางเกงของเปาไปใส่ไว้ในตะกร้าผ้า ในนั้นไม่มีเสื้อผ้าอยู่เลยเพราะไท้ช่วยซักรีดเสื้อผ้าให้จนหมดเมื่อตอนกลางวัน เสร็จแล้วไท้ก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ เปิดน้ำตรงอ่างล้างหน้าใส่ผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กจนเปียกชุ่ม ก่อนบิดหมาดๆ แล้วเดินกลับมาที่เตียงนอนของเปา

หนุ่มร่างกำยำนอนหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน ดูไปแล้วไม่น่าเมาเพราะไปสังสรรค์กับเพื่อนมา เพราะสีหน้าและแววตาฉายแววเหนื่อยและเศร้า ถ้าให้เดาคงน่าจะเมาเพราะอยากหลบหนีจากความเครียดมากกว่า

ไท้นั่งลงบนเตียงและเริ่มเช็ดตัวให้คนเมาอย่างเบามือ เริ่มจากใบหน้าเกลี้ยงเกลากระจ่างใส ขณะเช็ดไท้ก็พิศดูไปด้วย ชายหนุ่มผู้นี้ผิวพรรณดีและเรียบเนียนจนแทบไร้ที่ติ น่าจะดูแลตัวเองดีมากทีเดียว ไท้ทราบจากโค้ชเด้งว่าเปาเรียนจบวิทยาศาสตร์การกีฬามา ตอนนี้หุ้นกับเพื่อนเปิดร้านฟิตเนสในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในกรุงเทพ คงเป็นเพราะทำอาชีพนี้จึงต้องดูแลตัวเองดีเป็นพิเศษ แต่คืนนี้กลับเมาเสียได้

ใบหน้าหล่อใสของเปาช่างน่าสะดุดตาจนไท้เผลอมองนิ่ง ตั้งแต่เกิดมาไท้ไม่เคยสนใจมองผู้ชายแบบนี้เลย เปาเป็นคนแรกที่ไท้สนใจมองล่วงล้ำด้วยความรู้สึกแปลกๆ กระนั้นก็พยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองว่าเป็นเพราะไท้ผอม ที่เผลอมองเพราะอยากมีหุ่นและกล้ามแบบนี้บ้างเท่านั้น หาใช่เพราะรู้สึกหวั่นไหวในทางนั้นไม่

พักหนึ่งไท้ก็รู้สึกตัว เขาหยุดคิดฟุ้งซ่านแล้วเช็ดตัวให้เปาต่อ มารู้สึกแปลกๆ อีกทีก็ตอนเช็ดมาถึงช่วงขา ไท้รู้สึกสับสนตัวเองเหลือเกินที่เผลอมองตรงนั้นของเปาบ่อยๆ ไม่รู้ว่าชอบใจหรืออยากรู้อยากเห็นอะไรที่ซ่อนอยู่ในนั้นกันแน่ เมื่อหาคำตอบไม่ได้จึงรีบๆ เช็ดช่วงนั้นให้เสร็จไวๆ จะได้หยุดความคิดประหลาดๆ เสียที

พอเสร็จแล้วไท้ก็ทำท่าจะลุกขึ้น แต่ก็หยุดชะงักเมื่อคนนอนอยู่ลืมตาขึ้นและเรียกไว้

"เดี๋ยวก่อน"

ไท้หันไปมอง เปาดูเหมือนสร่างเมาขึ้นมาบ้าง น่าจะเป็นเพราะเพิ่งเช็ดตัวไปเมื่อกี้

"มึงเป็นแฟนพ่อกูเหรอ" เปาถาม

ไท้หน้าเหวอเพราะตกใจที่อีกฝ่ายเข้าใจอย่างนั้น เขาจึงรีบชี้แจง "เปล่าครับพี่ ผมเป็นนักพีฬาวอลเลย์บอล พอดีผมผ่านการคัดเลือกเข้าโครงการเตรียมทีมชาติ โค้ชเด้งก็เลยให้มาพักด้วย ผมมาจากต่างจังหวัดครับ"

"แล้วทำไมมึงมาอยู่นี่ ทำไมไม่พักในแคมป์วะ"

"ไม่รู้เหมือนกันครับ โค้ชเด้งให้ผมมาอยู่นี่ก่อน อีกสองอาทิตย์ถึงจะให้ไปเข้าแคมป์ครับ" ไท้ตอบตามประสาซื่อ

เปาแค่นหัวเราะ ไม่รู้ว่าตลกเรื่องอะไรหรือกำลังสงสัยอะไรอยู่ แต่เขาก็ไม่พูดต่อและเปลี่ยนไปเรื่องอื่น "เปิดแอร์ให้กูด้วยสิวะ ร้อนจะตายอยู่แล้ว"

"เปิดยังไงครับ ที่บ้านผมมีแต่พัดลม ไม่เคยเปิดแอร์นอนเลย" ไท้ยิ้มอายๆ เมื่อวานเขาไม่ได้เปิดแอร์นอนเลย ดีทีว่าอากาศไม่ร้อนเท่าไหร่เพราะช่วงนี้เป็นหน้าฝน

"ไปเอารีโมทมา เดี๋ยวกูเปิดเอง" เปาบอกอย่างรำคาญ ชี้ให้อีกฝ่ายดูด้วยว่ารีโมทอยู่ตรงไหน

ไท้ลุกเดินไปหยิบรีโมทสีขาวๆ ซึ่งสอดไว้ตรงช่องใส่ใกล้ๆ ประตู ก่อนเอามายื่นให้คนที่นอนอยู่ เปารับรีโมทมาแล้วก็เปิดแอร์ในห้อง

"เอาไปเก็บให้ด้วย" เปาบอกพลางส่งให้ ระหว่างที่ไท้เดินไปเปาก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่ม

ไท้เก็บรีโมทเสร็จแล้วก็เดินกลับมาถาม "พี่เปาจะให้ผมช่วยอะไรอีกไหมครับ หรือว่าจะกินข้าวต้มไหมครับ ผมจะได้ทำให้"

"ไม่ต้อง กูไม่หิว" เปาบอกเสียงห้วน สีหน้ามึนตึงเหมือนไม่แยแส แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ถือสา

"ถ้างั้น...ผมกลับห้องนะครับ"

"เดี๋ยว มึงพักห้องใคร"

ไท้หยุดชะงัก เขาทำท่านึกแล้วก็ตอบไป "ห้องที่เอาไว้รับแขกน่ะครับ"

เปาพยักหน้ารับรู้ "ไปได้แล้ว กูจะนอน"

"ครับ" ไท้บอก แต่เดินไปได้สองสามก้าวก็ต้องหยุดชะงักเพราะเปาเรียกอีก

"เดี๋ยวก่อน"

"ครับ" ไท้หันไปมองอย่างสงสัย

"มานี่ซิ" เปาพูดเหมือนออกคำสั่ง

ไท้ย่างเท้าเดินเข้าไปหา แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยและหวาดระแวงเพราะเห็นเปามองแปลกๆ พอมาหยุดข้างเตียงเปาก็ถามออกมาตรงๆ

"มึงเป็นเกย์เหรอ"

คนถูกถามถึงกับหน้าซีด ท่าทางดูตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าเปาจะถามคำถามประหลาดๆ แบบนี้เข้าให้ "เปล่าครับ"

"กูไม่เชื่อ" เปาแค่นหัวเราะ "ผู้ชายที่ไหนวะมันจะเล่นวอลเลย์ ที่กูเห็นมาน่ะ เกย์เกือบทั้งทีม" เปาว่า จากนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก "แล้วเมื่อกี้มึงมองอะไร กูเห็นนะเว้ย"

"อ๋อ...ปละปละเปล่านะครับ" ไท้บอกปัดเป็นพัลวัน กระนั้นก็อดสงสัยตัวเองไม่ได้ว่าทำอย่างนั้นให้เปาเห็นหรือเปล่า

"ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย กูรู้จักคนพวกนี้ดี มึงอย่าคิดว่ากูดูไม่ออกนะเว้ย" เปาเถียง ท่าทางเหมือนหายเมาไปแล้ว

"ผมไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริงๆ นะครับพี่เปา" ไท้แย้ง แต่ก็หน้าเสียไปพอสมควร

"มึงจะพิสูจน์ไหม" เปาท้า ก่อนเลื่อนตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงและออกคำสั่ง "มานั่งตรงนี้"

ไท้มองไปยังจุดที่เปาตบลงไปบนเตียงสองสามที กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ซ้ำใจยังเต้นไม่ส่ำยิ่งกว่าตอนเช็ดตัวให้เปาเสียอีก

"ถ้ามึงจะพิสูจน์มึงก็นั่งลง" เปาย้ำกึ่งเร่งเร้า

ไท้จึงจำใจต้องนั่งลงไปบนเตียงใกล้ๆ กับเปา สีหน้าดูกังวลไม่น้อยเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะพิสูจน์ด้วยวิธีไหน เกิดพิสูจน์แล้วเปาคิดว่าไท้เป็นเกย์ขึ้นมาคงแย่ ท่าทางเปาไม่ชอบเกย์เอามากๆ เสียด้วย

"หันหน้าไปทางโน้น" เปาสั่งให้ไท้หันหน้าไปอีกทางและหันหลังให้

ไท้ทำตามที่บอกแต่โดยดี พลันก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อเปารวบตัวของไท้เข้าไปกอดไว้จากทางด้านหลัง เมื่อร่างของเขาตกอยู่ในวงแขนและอกแกร่งเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตไปทั้งตัว ตัวแข็งทื่อ ใจเต้นโครมครามจนแทบจะหยุดหายใจ กลิ่นหนุ่มวัยเจริญพันธุ์ผสมกลิ่นเหล้าของอีกฝ่ายปะทะจมูก ไท้บอกตัวเองไม่ถูกเลยว่ารู้สึกอย่างไรกับกลิ่นนั้น

ด้วยความตกใจไท้จึงหันไปมองด้านหลัง เปาไม่ทันรู้ว่าอีกฝ่ายจะหันมา จมูกของเขาจึงชนกับแก้มของไท้ซึ่งกำลังหันมาหาพอดี พลันต่างคนต่างก็เบิกตาโตด้วยความตกตะลึงและตกใจ

ที่จริงเปาต้องการพิสูจน์ว่าไท้จะสะดุ้งตกใจและอุทานเหมือนผู้หญิงหรือเปล่า เขาเคยทำอย่างนี้กับเพื่อนมหาลัยคนหนึ่งเพราะสงสัยว่าเพื่อนเป็นเกย์ พอเพื่อนคนนั้นถูกกอดก็สะดุ้งและเผลอร้อง "อุ๊ย" เหมือนผู้หญิง เพียงแค่นี้เปาก็ได้คำตอบที่ต้องการ นับตั้งแต่นั้นเขาก็วางระยะห่างและไม่สุงสิงกับเพื่อนคนนั้นอีกเลย

คราวนี้ไท้สะดุ้งก็จริงแต่ไม่ร้องอุทานแบบนั้น แต่ก็ยังไม่น่าแปลกใจเท่ากับว่าเปาเป็นฝ่ายสะดุ้งตกใจไปด้วย เพียงเพราะจมูกของเขาไปโดนแก้มของอีกฝ่ายโดยบังเอิญเท่านั้น

เมื่อได้สติกลับมา เปาก็ใช้สองมือผลักหลังของไท้จนกระเด็นลงไปกองบนพื้นห้อง

"มึงไปไกลๆ ตีนกูเลยไป!" เปาว่าอย่างฉุนเฉียว ไม่รู้ว่าโมโหเรื่องอะไรกันแน่

ไท้พลิกตัวขึ้นมานั่ง ดีที่ไม่ถึงกับเจ็บมาก แต่เจ้าตัวก็สงสัยไม่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆ ก็โดนผลักออกมาทั้งๆ ที่เปาเป็นฝ่ายกอดไท้เอง

"มองทำห่าอะไรวะ! ออกไปจากห้องกูเดี๋ยวนี้เลย!" เปาชี้หน้าและตวาดไล่

ไท้จึงได้สติ เขารีบยืนขึ้นและสาวเท้าเดินออกไปจากห้องของเปาโดยเร็ว ในแววตาเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ สับสนทั้งในความรู้สึกของตัวเอง และสับสนในท่าทางแปลกๆ ของอีกฝ่าย

แต่คืนนี้คงจะผ่านไปแบบนี้ ไท้คงต้องหลับตานอนไปกับความมึนงงสงสัย ไม่เคยมีใครทำให้ไท้ตั้งคำถามอย่างนี้กับตัวเองเลย เขาเข้าใจมาตลอดว่าเขาชอบผู้หญิง เพราะเขาเคยจีบผู้หญิง เคยมีแฟนเป็นผู้หญิง แม้ไม่จริงจังแต่ก็ทำให้ไท้เข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้ชายคนหนึ่งมาตลอด เขายังคิดจะพิสูจน์ให้ใครๆ เห็นเลยว่าผู้ชายที่รักการเล่นวอลเลย์บอลไม่จำเป็นต้องเป็นเกย์เสมอไป

แต่เปากลับสั่นคลอนความเชื่อนั้นของไท้ไปแล้ว!



แม้ว่าจะเมาและนอนดึก แต่เช้านี้เปากลับตื่นไม่สายมากเท่าไหร่ คงเป็นเพราะตื่นราวๆ แปดโมงเช้าเป็นประจำ นาฬิการ่างกายจึงสั่งให้ตื่นขึ้นมาเองเมื่อถึงเวลาที่เคยตื่น

เปาอาบน้ำและทำธุระส่วนตัวก่อนเป็นอันดับแรก พอเดินมาเปิดตู้เสื้อผ้าก็แปลกใจที่เห็นเสื้อผ้าผ่านการรีดและแขวนไว้ให้อย่างดี ชุดที่เขาจำได้ว่ายังไม่ได้ซักก็มีคนซักและรีดให้เรียบร้อย ชายหนุ่มจึงได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าใครทำให้ ปกติเปาจะซักรีดเองเพราะทำมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว

เปาไม่ได้สนใจมากนัก อีกอย่างท้องก็เริ่มหิวแล้ว เมื่อคืนเปาไม่ได้กินข้าวแม้แต่คำเดียว มีแต่เหล้าเท่านั้นที่ถูกเติมเข้าไปจนล้นกระเพาะ พอแต่งตัวเสร็จแล้วเขาจึงลงมาข้างล่าง ว่าจะไปหาอะไรกินในครัวเสียหน่อย แต่ก็ชะงักอยู่กลางบันไดครู่หนึ่งเมื่อเห็นพ่อนั่งจิบกาแฟและดูรายการทีวีอยู่ แต่เปาก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจและเดินหลบไปหลังบ้าน

"เปา พ่อขอคุยด้วยหน่อย มีเวลาสักห้านาทีไหม" โค้ชเด้งถามโดยไม่หันไปมอง แต่ก็รู้ว่าคนที่เดินลงมาคือลูกชายอย่างแน่นอน

เปาหยุดยืนครุ่นคิด สักพักก็เดินลงไปนั่งที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามกับพ่อ สีหน้าดูเฉยชาและไร้ความรู้สึกเหมือนเช่นเคย

เมื่อลูกชายนั่งลง โค้ชเด้งก็ถาม "วันนี้ไม่ได้ไปร้านใช่ไหม"

เปาเลิกคิ้วสงสัย พลันก็นึกได้ว่าวันนี้เป็นวันอังคารซึ่งเป็นวันที่ร้านปิด ตอนแรกว่าจะปิดทุกวันจันทร์ แต่เพื่อนไปดูหมอดูมา หมอดูแนะนำให้ปิดร้านวันอังคารแทนถึงจะรุ่ง เพื่อนๆ ก็เลยตกลงตามนั้น

"วันนี้พ่อมีประชุมที่สมาคมทั้งวัน คงกลับดึกๆ พ่ออยากให้เปาช่วยพ่อสองเรื่อง" โค้ชเด้งเว้นจังหวะ จากนั้นก็พูดสืบไป "วันนี้ที่รามเขาเปิดรับสมัครนักศึกษาเป็นวันสุดท้าย เปาช่วยพาไท้ไปสมัครเรียนหน่อย เขาไม่เคยมากรุงเทพ คงไปเองไม่ถูก"

เปายังคงเงียบและรับฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนไม่ยินดียินร้ายอะไรนัก โค้ชเด้งถอนหายใจเบาๆ อย่างหนักใจ ใครกันที่บอกว่าวันเวลาจะทำให้ชาชินและอยู่กับความเป็นจริงได้ เพราะคนเป็นพ่อยังคงปวดใจทุกครั้งที่เห็นลูกชายมึนตึงใส่แบบนี้มากว่าสิบปี

"อ้อ ที่ไท้มาอยู่กับเราน่ะ เพราะว่าทางสมาคมอยากจะปั้นให้เขามาติดทีมชาติ พ่อจะให้ไท้อยู่กับเราสักสองอาทิตย์ พอไปเข้าแคมป์แล้วเขาก็คงไม่ได้อยู่ที่นี่" โค้ชเด้งถือโอกาสอธิบาย เพราะรู้ว่าลูกชายเข้าใจผิดเรื่องนี้อยู่

แววตาของเปาฉายแววสนใจเป็นเวลาสั้นๆ จากนั้นก็ทำเฉยเมยเหมือนเดิม คนเป็นพ่อจึงพูดเรื่องถัดไป เพราะถ้าขืนชักช้า เปาอาจจะไม่อดทนฟังและพร้อมเดินหนีไปทุกเมื่อ

"เปาช่วยเรื่องเวทเทรนนิ่งให้ไท้หน่อยนะลูก น้องเขาจน แต่ก็ตั้งใจมาก ถ้าไม่มีคนช่วย เขาก็คงไม่มีโอกาส ถือว่าช่วยคนนะเปา ถ้าวันหนึ่งเขาประสบความสำเร็จขึ้นมา เปาก็จะได้ภูมิใจไงลูกว่าเปามีส่วนช่วยเขา"

ไม่รู้ว่าเป็นคำขอร้อง คำสั่งหรืออะไรกันแน่ แต่ดูเหมือนคนเป็นลูกจะเข้าใจว่าเป็นคำสั่งมากกว่า เพราะปกติไม่สื่อสารกันมากนัก คุยกันทีไรจึงมักเป็นเรื่องจำเป็นหรือเรื่องที่ต้องการความช่วยเหลือ ไม่เคยพูดคุยประสาพ่อลูกเลย

"แล้วเขาไปไหนล่ะครับ" เปาถามสั้นๆ โดยไม่มองหน้าพ่อ

"เอาอาหารไปให้เมสซี่กับเนยมาร์อยู่" โค้ชเด้งบอก จากนั้นก็ถามย้ำ "เปาพอช่วยได้ไหม"

เปาสบตาพ่อแวบหนึ่ง ก่อนหันมองออกไปข้างนอก เห็นไท้กำลังนั่งดูหมาสองตัวกินอาหารเม็ดอยู่พอดี เขามองภาพนั้นด้วยความสนใจ เปาเป็นคนชอบหมามาก แม่ของเปาก็ชอบหมา เขาจึงเลี้ยงหมามาตลอดตั้งแต่เด็กๆ พอเห็นไท้ชอบหมาเหมือนกันจึงสะดุดใจ น่าเสียดายที่ฟางไม่ชอบหมาเหมือนคนบ้านนี้เลย

"ครับ" เปารับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตายังคงมองไปที่ไท้อยู่ พลันก็จำเหตุการณ์เมื่อคืนได้รางๆ ว่าเขาทำอะไรกับไท้บ้าง โดยเฉพาะก่อนที่ไท้จะถูกไล่ออกไปจากห้อง

"ขอบใจมากลูก" โค้ชเด้งยิ้มให้ แม้ว่าคนนั่งตรงข้ามไม่สนใจเลยก็ตาม "เดี๋ยวพ่อจะออกไปแล้ว เปาจะไปหาอะไรกินในครัวใช่ไหม ไท้เขาทำไว้ให้แล้ว เด็กคนนี้เขาเป็นคนน่ารักนะ ขยัน ตั้งใจ ความอดทนสูง พ่อเชื่อว่า...เขาจะไม่ทำให้เปาผิดหวัง สองสัปดาห์ที่ไท้อยู่ที่นี่ พ่อฝากน้องเขาด้วยละกันนะลูก"

เปาหันมามองพ่อ แววตาไม่บ่งบอกว่ามีความรู้สึกใดๆ กระนั้นคนเป็นพ่อก็ยังเห็นอะไรบางอย่าง

โค้ชเด้งถอนหายใจยาว จากนั้นก็บอกลูกชาย "เปิดใจตัวเองบ้างนะเปา ปิดใจตัวเองน่ะมันไม่มีความสุขหรอก พ่ออยากให้เปาเจอความสุขที่แท้จริง ไม่ใช่ความสุขเพราะหลอกตัวเอง"

พ่อพูดจบก็ลุกขึ้น หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาถือไว้และเดินหายเข้าไปในครัว ปล่อยให้ลูกชายนั่งครุ่นคิดกับสิ่งที่พ่อบอกเมื่อครู่นี้คนเดียว

ไม่รู้ว่าเปาเข้าใจสิ่งที่พ่อบอกหรือเปล่า เขาดูเหมือนคิดอะไรบางอย่าง แต่ก็ยากที่จะเดาจากสีหน้านั้นได้ว่าเขาคิดอะไร

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2017 08:20:52 โดย inxsara »

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อ่านสองตอนก็เริ่มสนุกแล้ว

แนวนี้..ชอบ

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 03 | ปกป้อง



เปาจัดการอาหารเช้าของตัวเองเรียบร้อยก็ออกมาดูหน้าบ้าน เขาเห็นไท้ใส่กางเกงขาสั้นวิ่งเล่นกับเมสซี่และเนยมาร์อยู่พอดี ทั้งคนทั้งหมาสนุกจนไม่มีใครหันมาสังเกตว่ามีคนยืนดูอยู่ เด็กหนุ่มร่างสูงโย่งยิ้มร่าและหัวเราะ เขาเกลือกกลิ้งและกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหมาสองตัวซึ่งอยู่ในช่วงวัยซนอย่างไม่รู้จักเหนื่อย เมสซี่กับเนยมาร์ดูจะชอบมากทีเดียว นานๆ ทีพวกมันจะได้เล่นซนกับคนแบบนี้ ปกติเปาจะเล่นกับพวกมันแบบนี้อยู่แล้ว แต่ช่วงหลังๆ พอเริ่มทำธุรกิจกับเพื่อนก็ไม่ค่อยมีเวลาเล่นด้วยมากเหมือนเมื่อก่อน

ชายหนุ่มเจ้าของบ้านยืนนิ่งมองเพลิน โดยเฉพาะเวลาที่ไท้ยิ้มและหัวเราะ เขาก็เผลอยิ้มตามไปโดยไม่รู้ตัว เปาเป็นคนช่างสังเกต เขาจึงคอยสังเกตดูลักษณะท่าทางและการแสดงออกของอีกฝ่ายแทบทุกอิริยาบถ แต่จะเอาข้อมูลไปใช้อย่างไรก็สุดจะคาดเดา

"จะไปหรือยัง" เปาร้องถามเมื่อเห็นว่าทั้งคนทั้งหมายังไม่หันมาสนใจ

ไท้หยุดวิ่ง เมสซี่กับเนยมาร์ได้ยินเสียงเจ้านายก็หยุดด้วยเช่นเดียวกัน พลันก็วิ่งมาคลอเคลียเปาอย่างดีใจ เปาย่อตัวลงแล้วลูบหัวลูบหางสัตว์หน้าขน แววตาแข็งๆ เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนทันทีที่ได้เจอความขี้อ้อนของพวกมัน

"ว่าไงเมสซี่ เนยมาร์ เหนื่อยไหม วิ่งสนุกใหญ่เลยนะ"

"โว้วๆๆๆ โว้วๆๆๆ" เมสซี่กับเนยมาร์ส่งเสียงอย่างตื่นเต้นเหมือนคุยกับเจ้านาย หมาพันธุ์นี้ชอบสื่อสารด้วยเสียง ฟังเผินๆ จะนึกว่ามันกำลังพูดกับเราอยู่

ไท้เดินเข้ามาหาแล้วก็นั่งขัดตะหมาดลงกับพื้นหญ้าตรงหน้าเปา ก่อนเล่าให้ลูกชายเจ้าของบ้านฟังอย่างอารมณ์ดี "มันแรงเยอะมากเลยครับ เมื่อกี้ผมแทบเอาไม่อยู่"

เปาชะงักและเงยหน้ามองอีกฝ่าย หน้าที่ยิ้มอยู่เปลี่ยนเป็นยิ้มยากทันที จากนั้นก็ถามเสียงดุ "จะไปชุดนี้เหรอ"

ไท้ก้มมองดูเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ จากนั้นก็ส่ายหน้า "งั้นผมไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับพี่ ไม่นานครับ ผมอาบแป๊บเดียว"

"เร็วๆ ละกัน จะได้รีบไปรีบกลับ" เปากำชับ

"ครับพี่ ห้านาทีนะครับ เดี๋ยวผมลงมา" ไท้บอกแล้วก็วิ่งผลุนเข้าไปในบ้าน เปามองตามไปสักพัก จากนั้นก็หันกลับมาเล่นกับหมาตามเดิม

ช่วงนี้เปาไม่ให้เจ้าสองตัวเล่นในบ้าน เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเมสซี่กับเนยมาร์ทำข้าวของกระจุยกระจายตอนที่ไม่มีคนอยู่ คราวนี้จึงต้องลงโทษด้วยการให้นอนข้างนอก ปกติสองตัวนี้นอนในบ้านมาตลอด ซ้ำยังชอบเข้าไปนอนกับเปาบ่อยๆ ถ้าวันไหนฟางมาที่บ้าน เปาจะให้สองตัวนี้อยู่ข้างนอกแทนเพราะฟางไม่ชอบหมา เธอเคยโดนหมาพันธุ์ร็อตไวเลอร์ไล่กวดในซอยตอนเด็กๆ ดีที่เจ้าของมาช่วยไว้ทัน ไม่งั้นมันคงขย้ำเธอตายแน่ ตั้งแต่นั้นฟางจึงกลัวหมาและไม่ให้มาเข้าใกล้เธออีกเลย แม้เปาจะเคยบอกว่าหมาที่เปาเลี้ยงไม่ดุ แต่เธอก็ยังหวาดระแวงอยู่ดี เปามีนิสัยไม่ชอบก้าวก่ายหรือรุกรานความเป็นตัวตนของใคร เขาจึงไม่พยายามหาทางให้ฟางเลิกกลัว เมื่อเธอไม่ชอบ เขาก็แค่พามันไปอยู่ห่างๆ

เปาพาเมสซี่กับเนยมาร์ไปอยู่หลังบ้าน เขาลงทุนซื้อบ้านหมาอย่างดีมาสองหลังให้พวกมันอยู่ ราคาแพงพอๆ กับห้องน้ำหนึ่งห้องเลยก็ว่าได้ เขาติดพัดลมและแอร์ให้ด้วยเพราะหมาพันธุ์นี้ชอบอากาศเย็น แรกๆ พวกมันไม่ยอมอยู่ เปาจึงใช้วิธีเอาของที่มันเคยใช้และเอาอาหารมาให้มันกินในนี้ ไม่กี่วันพวกมันก็ชินและสามารถนอนในบ้านหมาได้ แต่เปาจะไม่ขังอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้หมาไม่มีความสุขและต่อต้าน เขาจึงเลือกบ้านหมาซึ่งใช้ประตูบานสวิงเพื่อให้พวกมันเข้าออกเองได้ทุกเวลา

เสร็จธุระกับหมา เปาก็เดินกลับเข้ามาในบ้านและนั่งรอไท้ที่โซฟารับแขก เขาเปิดแอพเรียกแท็กซี่ในโทรศัพท์มือถือให้มารับที่บ้านไปด้วย ระหว่างนั้นไท้ก็เดินลงมาพอดี เจ้าตัวใส่กางเกงสแลคสีดำ เสื้อเชิ๊ตสีขาวตัวโคร่งๆ ดูเชยๆ มากกว่าจะดูดี มีกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลๆ มาด้วยใบหนึ่ง เมื่อมองรวมๆ แล้วก็เดาได้ไม่ยากว่าเจ้าตัวน่าจะเพิ่งเข้ากรุงเป็นครั้งแรก

"พร้อมแล้วครับพี่" ไท้บอกลูกชายเจ้าของบ้านขณะเดินมานั่งลงบนโซฟา

"อืม รอแป๊บนึง แท็กซี่กำลังมา" เปาบอกเสียงเรียบ สีหน้ายังคงดูเรียบเฉย

ไท้เดินมาตรงที่เปานั่งอยู่ หันรีหันขวางไม่รู้ว่าจะนั่งตรงไหน จะนั่งโซฟาก็กลัวเปาจะว่าเอา

"ก็นั่งไปสิ" เปาบอกอย่างรู้ทัน

ไท้มองอย่างเกรงๆ สักพักก็นั่งลงไปอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว เปาก้มดูมือถือของตัวเอง ในนั้นแจ้งว่าอีกแปดนาทีแท็กซี่ที่เรียกไว้น่าจะมาถึง เขาจึงตัดสินใจบางอย่าง

"รออยู่นี่ เดี๋ยวลงมา"

เปาบอกแล้วก็เดินขึ้นไปข้างบน ไม่ถึงสองนาทีก็เดินลงมาพร้อมกับชุดนักศึกษาของตัวเองซึ่งไม่ได้ใส่แล้ว พอมาถึงก็ยื่นให้ไท้

"เอาไปใส่ละกัน"

ไท้รับมาอย่างงงๆ ยังไม่ได้ทันได้ทำอะไร เปาก็เตือนด้วยเสียงดุ "รีบไปเปลี่ยนเร็ว เดี๋ยวแท็กซี่มา"

"ครับพี่" ไท้รับคำโดยเร็ว

หนุ่มน้อยผิวขาวอย่างคนจีนวิ่งจี๋ขึ้นบันไดไป ไม่ถึงสามนาทีก็วิ่งกลับลงมาด้วยชุดใหม่ เจ้าตัวพอใจมากทีเดียวกับชุดที่เพิ่งเปลี่ยน ดูแตกต่างราวกับเป็นคนละคนและหล่อใสสมวัย ด้วยความที่ตัวสูง ปลายขากางเกงจึงเลยข้อเท้าขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังดูไม่น่าเกลียด

"เท่มากเลยครับพี่เปา ผมอยากใส่ชุดนักศึกษาแบบนี้มานานแล้ว" ไท้บอกพลางยิ้ม

"อืม ก็เอาไปใส่เลยละกัน"

"พี่ให้ผมเหรอ" ไท้เลิกคิ้ว

"อืม" เปารับคำสั้นๆ และพยายามไม่ยิ้มตามอีกฝ่าย

"ขอบคุณครับพี่เปา" ไท้ยกมือไหว้ขอบคุณและยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

เปารับไหว้แทบไม่ทัน ออกจะงงๆ ด้วยซ้ำ เมื่อทำหน้าไม่ถูกก็เลยตัดบท "ไปเหอะ รถมาแล้ว"

"ครับพี่" ไท้รับคำ เขายังคงยิ้มสดใสให้อีกฝ่าย แม้ว่าเปาทำเหมือนไม่อยากเสวนาด้วยก็ตาม

ขณะนั่งรถออกไปด้วยกัน ไท้ก็ชวนคุย

"แล้วรถพี่เปาไปไหนล่ะครับ"

"จอดไว้ที่ร้าน" เปาตอบเสียงห้วน คงตั้งใจให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่ควรถามเรื่องนี้ต่อว่าทำไมถึงจอดไว้ที่นั่น

"อ้อ ครับ" ไท้ยิ้มแหยๆ จะชวนคุยต่อก็ไม่กล้า

เปาสัมผัสความรู้สึกอึดอัดได้ไม่ยาก ครั้นจะนั่งกันไปเงียบๆ อย่างนี้จนถึงมหาลัยคงอึดอัดตาย พักหนึ่งเขาจึงเป็นฝ่ายชวนคุยเสียเอง

"เพิ่งเข้ากรุงเทพเหรอ"

"ครับ พอดีผมเพิ่งผ่านการคัดเลือกโครงการปั้นเด็กยักษ์ระดับภูมิภาคมา ก็เลยได้มาเข้าร่วมโครงการพัฒนาเยาวชนสู่ทีมชาติที่กรุงเทพ"

"แล้วเล่นตำแหน่งอะไร"

"หัวเสาครับ"

เปาพยักหน้ารับรู้ "สูงเท่าไหร่"

"ร้อยเก้าสิบสองครับ เขารับเฉพาะคนที่สูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบแปดขึ้นไป"

เมื่อเปาคำนวณดูแล้ว ไท้สูงกว่าเขาถึงเจ็ดเซ็นติเมตร ที่จริงเปาก็เป็นคนตัวสูงเพราะได้พันธุ์พ่อซึ่งเป็นอดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติมา แต่ไท้ก็สูงกว่าพอสมควร

"มาจากจังหวัดไหน" เปาถาม

"พิษณุโลกครับ"

"เพิ่งจบมอหกเหรอ"

"ก็จบมาสักพักแล้วครับ แต่ผมไม่ได้เรียนต่อ แม่ไม่มีเงินส่งเรียน ผมก็เลยไปช่วยแม่ทำงานในไร่อ้อย แต่ถ้ามีงานแข่งวอลเลย์บอลของจังหวัด โรงเรียนเขาก็จะส่งผมไปเล่น ผมชอบเล่นวอลเลย์บอลมาก เล่นมาตั้งแต่ตอนเรียนประถมเลย ไปแข่งมาหลายที่ ระดับอำเภอก็ไป จังหวัดก็ไป ภูมิภาคก็ไป ได้รางวัลมาเยอะเลยครับ ผมอยากติดทีมชาติ อยากเก่งเหมือนพี่ๆ เขา อยากไปเล่นลีคต่างประเทศด้วยครับ คงจะได้เงินเยอะเลย ผมอยากมีเงิน แม่จะได้สบาย"

น้ำเสียงของไท้ฟังดูเศร้าในช่วงท้าย ส่วนคนฟังก็เศร้าไม่แพ้กัน สำหรับเปาแลัว หัวข้อการสนทนาที่แสลงใจที่สุดก็คือเรื่องแม่ ถ้าไม่จำเป็นเขาจะไม่สนทนากับใครเรื่องนี้เลย มีเพียงฟางคนเดียวเท่านั้นที่เปาเคยเปิดปากเล่าเรื่องแม่ให้ฟัง

พอพูดถึงแม่ ไท้ก็นึกขึ้นมาได้ว่าตั้งใจจะโทรหาแม่วันนี้ เขาจึงควานหาโทรศัพท์ แต่กลับไม่พบ แม้พลิกดูทุกซอกทุกมุมในกระเป๋าก็ไม่ปรากฎว่ามี

"ผมลืมโทรศัพท์เอาไว้ที่บ้านน่ะครับพี่เปา"

"จะโทรหาใคร เอาอันนี้ไปโทรก็ได้" เปาบอกพลางยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้

"อ๋อ ไม่เป็นไรครับพี่ พอดีผมว่าจะโทรไปคุยเล่นกับแม่หน่อย กลับมาค่อยโทรก็ได้ครับ"

เปาพยักหน้ารับรู้ช้าๆ ก่อนหดมือกลับมาตามเดิมและเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงไว้ ไท้เห็นท่าทางเศร้าๆ ของเปาก็พลันนึกได้ โค้ชเด้งเพิ่งเล่าให้ฟังว่าเปาเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าคุยเรื่องแม่กับเปาเพราะเดี๋ยวกระเทือนใจ

"ขอโทษครับพี่เปา" ไท้ยิ้มเจื่อนด้วยความรู้สึกผิด

เปาแวบหันมามองด้วยสีหน้ายากจะเดาว่ารู้สึกอย่างไร สักพักก็หันกลับไปตามเดิม บรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดีแล้ว เปาเงียบไปเลย ไท้เองก็ไม่กล้าชวนคุยต่อ ต่างคนจึงต่างนั่งเงียบจนถึงมหาวิทยาลัย

ไม่นานก็มาจอดหน้าอาคารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่เปิดรับสมัครนักศึกษา มีนักศึกษาใหม่มาสมัครค่อนข้างบางตา คงเป็นเพราะเดี๋ยวนี้สมัครทางอินเตอร์เน็ตได้ แต่บางส่วนก็เลือกที่จะมาสมัครด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็ได้มาดูสถานที่ไปด้วย

เปาพาไท้เดินเข้าไปในอาคารหลังลงจากรถ เมื่อหาที่นั่งได้แล้วก็ช่วยกดบัตรคิวและเอามายื่นให้ "สมัครเองได้ใช่ไหม"

ไท้ทำหน้าไม่แน่ใจ รับบัตรคิวมาแล้วจึงแบ่งรับแบ่งสู้ "ก็…น่าจะได้ครับ"

"งั้นก็ดี" เปายืนหันรีหันขวาง ทำท่าเหมือนกับอยากจะไปไหน

"พี่เปาจะไปไหนเหรอครับ" ไท้ถามตามที่สงสัย

"จะไปเอารถ" เปาบอก "ทำเองได้ใช่ไหม"

"ครับ…ได้ครับ" ไท้รับรองแม้ยังไม่มั่นใจมากนักก็ตาม อดหวั่นใจกับท่าทางแปลกๆ ของเปาไม่ได้

"ถ้าไม่รู้ก็ถามอาจารย์ รออยู่นี่ละกัน เดี๋ยวมา"

เปาบอกแล้วก็เดินออกมาทันที ไม่สนใจว่าอีกคนหน้าเสียขนาดไหน เขาแอบยิ้มมุมปากเหมือนกับมีแผนบางอย่าง คนซึ่งนั่งมองตามอยู่ข้างในคงไม่มีทางรู้ชะตากรรมของตัวเองต่อจากนี้!



เปาแวะไปเอารถของตัวเองที่ร้านซึ่งจอดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน จากนั้นจึงบึ่งไปหาฟาง เขานัดเธอมากินข้าวกลางวันด้วยกันใกล้ๆ ที่ทำงานของเธอแถวๆ สนามศุภชลาศัย ฟางเพิ่งสอบบรรจุเป็นพนักงานราชการได้ในหน่วยงานหนึ่งของกรมพลศึกษา เธอทำในส่วนของการกำหนดมาตรฐานการฝึกอบรม หลักสูตร และสมรรถนะของบุคลากรด้านการพลศึกษา รวมไปถึงเรื่องสุขภาพ การกีฬา นันทนาการ และวิทยาศาสตร์การกีฬาด้วย

สองหนุ่มสาวนัดมาเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในห้างมาบุญครอง ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของฟางมากนัก เธอจึงนั่งมอเตอร์ไซค์มาที่มาบุญครองเองโดยไม่ต้องให้เปาไปรับ ไม่อย่างนั้นต้องไปกลับรถไกลและไม่สะดวก เสียเวลาเปล่าๆ

พอนั่งลงได้เปาก็เริ่มบ่น "เบื่อพ่อจริงๆ เลย พาคนมาบ้านอีกแล้ว"

ฟางหยุดเปิดเมนูอาหาร มองแฟนหนุ่มด้วยแววตาสงสัย "เปาหมายถึง...แฟนเหรอ"

เปายักไหล่ "ไม่รู้ เขาไม่ยอมรับ แต่ฟางลองคิดดูก็แล้วกัน เด็กต่างจังหวัด ขาดทุนการศึกษา อยู่ดีๆ ก็มีผู้ใหญ่รับมาอุปการะ พามาอยู่ด้วยถึงบ้าน จะให้คิดเป็นอย่างอื่นได้ยังไง"

ฟางมองแฟนหนุ่มอย่างระอาใจ ตั้งแต่รู้จักกันมา เปาไม่เคยพูดถึงพ่อตัวเองในแง่ดีเลย ขนาดวันพ่อเปายังไม่สนใจด้วยซ้ำ วันพ่อทีไรมักหาเรื่องไปเที่ยวต่างจังหวัดตลอด แต่เธอก็ไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับเปามาก นานๆ จะเตือนที แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

"เด็กน่ะ...มันไม่รู้เรื่องหรอก ดูมันซื่อๆ นะ แต่ผู้ใหญ่น่ะสิ" เปาแค่นหัวเราะ ส่ายหน้าไปมา ก่อนก้มหน้าก้มตาเลือกเมนูที่ต้องการ

"แล้วร้านเป็นไงบ้าง" ฟางเปลี่ยนเรื่อง ขืนคุยเรื่องพ่อกับเปาต่ออาจมีดราม่าอีกจนได้

เปาทำท่าครุ่นคิด แววตาฉายความกังวลเล็กน้อย "ก็พอได้อยู่ แต่สมาชิกยังน้อย เนี่ย...เปาว่ากินข้าวเสร็จก็จะแวะไปคุยกับไอ้มอสกะไอ้พาวมันหน่อย สงสัยต้องหาโปรโมชั่นมาช่วยดึงลูกค้าบ้างแล้ว ในหมู่บ้านนั้นก็มีคนเยอะนะ แต่มันก็มีสวนสาธารณะอยู่ใกล้ๆ ด้วย คนก็เลยยังมาสมัครสมาชิกน้อยอยู่ ส่วนมากเขาก็ไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนกัน"

"แล้วสองคนนั้นมันว่าไง" ฟางใช้สรรพนาม "มัน" เพราะมอสกับพาวเป็นเพื่อนสมัยเรียนของเธอด้วย ทั้งหมดเรียนคณะเดียวกัน

"เปาว่ามันดูใจเย็นไปว่ะ มันบอกแต่ว่ารอดูก่อนๆ แต่เปาไม่อยากรอแล้ว ขืนรอต่อไปอีกหน่อยก็เจ๊งกันพอดี" เปาบ่นงึมงำ ท่าทางไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

ฟางดูหนักใจไปด้วย เธอเคยเตือนเปาแล้วเรื่องเพื่อนสองคนนี้ว่าเป็นคนหยิบหย่ง อาศัยว่าพ่อแม่มีเงินก็เลยเอาเงินมาทำธุรกิจทั้งๆ ที่ยังไม่มีประสบการณ์ แทนที่จะศึกษาตลาดและหาทำเลให้ดีก่อน กลับมีแต่คนใจร้อนอยากทำไวๆ เธอจึงไม่ยอมลงหุ้นด้วยแต่แรก แต่เลือกทำงานราชการเพราะหวังความมั่นคงในอนาคต ดีกว่าเอาเงินมาเสี่ยงลงทุนแบบนี้เป็นไหนๆ

"เดือนนี้ก็ไม่รู้จะได้รายได้ตามเป้าหรือเปล่านะ เดือนที่แล้วเกินมาหน่อยเดียวเอง แถมเดือนนี้ลูกค้ายังหายไปหลายคน คนมาสมัครใหม่ก็น้อยลง" เปาบ่นด้วยสีหน้ากังวล

สองหนุ่มสาวหยุดคุยกันครู่หนึ่งเมื่อพนักงานเดินมาถาม ทั้งสองสั่งอาหารตามที่เลือก พักหนึ่งก็กลับมาคุยกันต่อ

"เปามองหาอะไรอย่างอื่นเผื่อไว้บ้างก็ดีนะ" ฟางเปรยเสียงเรียบ

เปาเลิกคิ้วสงสัย "ให้มาทำงานราชการแบบฟางน่ะเหรอ ไม่เอาหรอก เปาไม่ชอบ เปาชอบอิสระมากกว่า"

"เปล่า ฟางไม่ได้จะให้เปามาทำราชการซะหน่อย" ฟางขำเบาๆ

"อ้าว แล้วฟางจะให้เปาทำอะไรล่ะ"

"ก็อย่างเช่น...เป็นนักกายภาพบำบัด หรือไม่ก็เป็นเทรนเนอร์ให้นักกีฬาไง"

พอแฟนสาวพูดมาอย่างนั้น เปาก็รู้ทันทีว่าเธอได้แนวคิดพวกนี้มาจากไหน เขาจึงรีบปฏิเสธทันที "เปาไม่อยากทำงานกับพ่อ"

"แต่เปาก็ทำกับกีฬาอย่างอื่นได้นะ ฟุตบอลก็ได้ ฟุตซอลก็ได้ หรือกีฬาอื่นๆ ก็มีตั้งเยอะแยะ" ฟางแย้ง

"ก็ต้องใช้เส้นของพ่ออยู่ดี ไม่มีทางหรอก" เปาหน้าเครียด เขาไม่มีทางขอร้องให้พ่อช่วยแน่ๆ แม้แต่เงินที่เปาเอามาลงทุนเปิดร้านกับเพื่อนก็เป็นเงินที่แม่ทิ้งไว้ให้ ไม่ขอพ่อแม้แต่บาทเดียว

ฟางคงรู้ตัวว่าบรรยากาศชักตึงเครียด เธอจึงเป็นฝ่ายยอมอ่อนลงก่อน ที่ผ่านมาเธอก็ยอมให้ก่อนเสมอ เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนเอ่ยคำขอโทษเหมือนเช่นเคย

"ฟางขอโทษละกัน ฟางก็แค่เป็นห่วงอนาคตของเปาเท่านั้นแหละ"

สีหน้าขึ้งเครียดของเปาอ่อนลง ดูเหมือนว่าที่ผ่านมาเปาจะทำให้ฟางเป็นห่วงหลายเรื่อง แม้ว่ารูสึกดีที่มีคนเป็นห่วง แต่ลึกๆ เปากลับรู้สึกว่าตัวเองมีความเป็นผู้นำน้อยกว่า อาจเป็นเพราะเปากับฟางอายุเท่ากัน ซ้ำเปายังมีเรื่องให้ฟางต้องคอยเป็นห่วงมากกว่าที่เปาต้องห่วงฟางอีก เปาจึงรู้สึกว่าแสดงความเป็นผู้นำตามประสาผู้ชายไม่เต็มที่

เปาเอื้อมมือไปจับมือฟางไว้แล้วบีบเบาๆ ยิ้มบางๆ ให้เธอด้วย "ขอบคุณฟางมากนะที่คอยเป็นห่วงเปา เอาเป็นว่า...เปาจะตั้งใจทำให้ดีที่สุดละกัน เปาลงเงินไปแล้ว ยังไงก็ปล่อยให้เจ๊งไม่ได้หรอก แต่มันก็ต้องใช้เวลาสักพักนั่นแหละ พอมีคนรู้จักเยอะขึ้น เปาว่ามันก็จะดีขึ้นเอง ถ้ามีโปรโมชั่นดีๆ หน่อย เดี๋ยวก็มีลูกค้าเพิ่ม ฟางไม่ต้องห่วงหรอก"

เปาพูดไปทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำ พอทำงานกับเพื่อนสองคนไปสักพัก เขาก็ยอมรับว่ามีหลายเรื่องน่ากังวลไม่น้อย

ฟางได้แต่ยิ้มๆ ให้กับแฟนหนุ่ม แต่ใช่ว่าเธอจะวางใจได้ เธอไม่เชื่อเพื่อนสองคนนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่เมื่อเตือนไม่ฟัง ก็คงไม่มีอะไรดีไปกว่าปล่อยให้เปาได้รับบทเรียนด้วยตัวเอง กระนั้นเธอก็รู้ว่าที่จริงเปาไม่ใช่คนดื้อ ทุกอย่างล้วนมีสาเหตุมาจากพ่อที่เป็น "เกย์" ของเปาเท่านั้น

หลังอาหารกลางวัน เปาแวะไปส่งฟางที่สำนักงานของเธอ จากนั้นจึงบึ่งรถไปหาเพื่อนเพื่อปรึกษากันเรื่องโปรโมชั่น พอได้เรื่องได้ราวมาบ้าง แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ทำให้เปาเบาใจขึ้นสักเท่าไหร่ กระนั้นก็นับว่าน่าพอใจในระดับหนึ่ง วันนี้ยังไม่ได้แนวคิดว่าจะจัดโปรโมชั่นแบบไหน เพื่อนสองคนเสนอว่าจะหาเพื่อนที่ทำการตลาดมาช่วยคิด น่าจะดีกว่าคิดกันเอง เปาก็เห็นด้วย เพราะในทีมไม่มีใครมีความรู้เรื่องการตลาดเลย จ่ายเงินเพิ่มอีกหน่อย หามืออาชีพมาทำน่าจะดีกว่า

เปากลับมาถึงบ้านราวๆ หกโมงครึ่ง เมสซี่กับเนยมาร์ได้ยินเสียงรถก็วิ่งออกมาต้อนรับเลียแข้งเลียขา กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจราวกับว่าไม่ได้เจอกันมาแรมเดือน นี่แหละคือความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพวกมัน เจ้าสองตัวนี้ไม่เคยเบื่อหน่ายแม้แต่วันเดียวที่จะวิ่งมาต้อนรับด้วยอาการแบบนี้เลย

เล่นกับหมาสักพักเปาก็เข้าไปในบ้าน ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว เขาขมวดคิ้วสงสัยเพราะนึกว่าไท้น่าจะกลับมาบ้านแล้ว แต่ก็ไม่มีแม้เงา

"ฉิบหายละ!"

เปาอุทานเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขารีบปิดบ้านแล้ววิ่งออกไปที่รถ ก่อนขับรถออกไปนอกประตู เลื่อนประตูปิดเรียบร้อยก็รีบขับออกไปอย่างรีบร้อน

ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง

กว่าเจ็ดชั่วโมงแล้วที่เปายังไม่กลับมารับ ไท้นั่งชันเข่าหนาวสั่นอยู่ใต้อาคารซึ่งตอนนี้ไม่มีคนแล้ว กลับบ้านไปตั้งแต่หัวค่ำก่อนฝนตกห่าใหญ่ อาคารหลังนี้มีส่วนยื่นออกมาคลุมแดดฝนเพียงเล็กน้อย ไท้จึงโดนฝนสาดจนเปียกมะล่อกมะแล่ก

หนุ่มน้อยผู้น่าสงสารไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เที่ยง ด้วยความกังวลว่าเปาจะกลับมาหาไม่เจอจึงไม่กล้าไปไหน ครั้นจะกลับบ้านเองก็กลับไม่ถูก ไท้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านของเปาอยู่ตรงไหน รู้จักแต่ชื่อหมู่บ้าน แต่พอไท้ลองถามแท็กซี่ที่บังเอิญวิ่งผ่านมาก็ไม่มีใครกล้าไปส่ง เพราะหมู่บ้านชื่อเดียวกันนี้มีอยู่หลายจุดทั่วกรุงเทพ เขาจำไม่ได้ว่าหมู่บ้านนั้นอยู่เขตหรือถนนอะไร โทรศัพท์ก็ลืมเอาไว้ที่บ้านหลังนั้น เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากนั่งรอให้เปากลับมารับเพียงอย่างเดียว

มี รปภ. อาจารย์และนักศึกษาเดินมาถามไท้บ้าง ไท้ก็ตอบเพียงว่ารอคนมารับ จนกระทั่งไม่มีใครเหลืออยู่ที่นี่เลย เขาไม่รู้เลยว่าเปาจะมารับหรือเปล่า ถ้าคืนนี้ไม่มีใครมาหา ไท้คงจะนั่งแท็กซี่ไปหมอชิตแล้วซื้อตั๋วรถกลับบ้าน แท็กซี่น่าจะพาไปหมอชิตถูกเพราะใครๆ ก็น่าจะรู้จัก พอกันทีสำหรับเมืองหลวงซึ่งมีแต่คนใจร้าย

ยิ่งมืด ยิ่งหนาว ยิ่งหิว ไท้ก็ยิ่งรู้สึกกลัว เขาคิดถึงแต่แม่ ถ้าแม่รู้ว่าไท้ถูกทิ้งให้หลงทางแบบนี้คงไม่ยอมให้มากรุงเทพแน่ โค้ชเด้งรับปากกับแม่ของไท้เป็นอย่างดีว่าจะช่วยดูแลทุกอย่าง ด้วยความเชื่อใจและอยากเห็นลูกมีอนาคต แม่จึงยอมให้ไท้มาอยู่กับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันเลย สุดท้ายก็ถูกทิ้งไว้แบบนี้

ไท้ลุกขึ้นยืนเมื่อไม่เห็นวี่แววว่าจะมีคนมารับ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะกลับบ้าน แต่พอก้าวขาเดินออกไป แสงไฟของรถคันหนึ่งก็วูบวาบขึ้น ไม่นานก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าตึกและจอดสนิท ไฟหน้ารถดับลง ไม่นานเจ้าของรถก็เปิดประตูออกมา เมื่อเห็นคนที่เขาตามหาแล้ว เจ้าของรถก็รีบเดินแกมวิ่งขึ้นไปหาด้วยแววตาเป็นห่วง

"พี่เปา" สิ้นคำ ร่างหนาวสั่นก็โผเข้ากอดเปาไว้ เสียงสั่นๆ บอกมาอย่างดีใจ "ผมนึกว่าพี่จะไม่มารับผมแล้ว"

เปาอดรู้สึกผิดไม่ได้ที่แกล้งทิ้งให้อีกฝ่ายรอ ทั้งที่รู้ว่าไท้เป็นเด็กบ้านนอก ไม่รู้ทิศทางในกรุงเทพ เจ้าตัวคงกลัวไม่น้อยที่ถูกทิ้งให้เคว้งและหลงทาง จึงได้แต่นั่งเปียกฝนทนรออยู่ตรงนี้กว่าเจ็ดชั่วโมง แม้จะมีเงินก็ไม่มีปัญญาไปไหนเพราะไม่รู้อะไรเลย

"พี่ขอโทษนะไท้"

สรรพนามเรียกแทนตัวของเปาเปลี่ยนไป จากที่เคยเรียกตัวเองว่า "กู" ก็เปลี่ยนเป็น "พี่" เขากอดร่างหนาวสั่นและเปียกชื้นไว้ด้วยความสงสาร ความรู้สึกหนึ่งพลันบังเกิดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย นี่คือครั้งแรกที่เปารู้สึกว่ามีใครสักคนต้องการที่พึ่งพิงและการปกป้องจากเขา สัญชาตญาณของผู้ชายต้องการปกป้อง ไม่ใช่ถูกปกป้อง แม้ร่างที่กอดไว้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่เปาก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมีบางอย่างที่ขาดหายและต้องการชดเชยจากเขา ความรู้สึกนี้ช่างเต็มตื้นหัวใจดีเหลือเกิน เปาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย

เปากอดร่างที่หนาวสั่นไว้แน่นและเนิ่นนาน ราวกับจะดูดซึมซับความรู้สึกแปลกใหม่นี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้จากคนในอ้อมแขน

TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2017 08:21:15 โดย inxsara »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ใกล้กันเข้าไปอีกระยะหนึ่ง
อีกหน่อยก็คงแนบชิด

จะใจแข็งได้นาน
หรือใจอ่อนเร็วแค่ไหน
จะติดตามนะ เปา
หุหุ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
อ่านทีเดียว 3ตอนเลย สนุกมากๆคับ  ตอนที่เปาเจอไท้ตอนแรก อ่านไปไม่ชอบเปาเอามากๆ อยากให้รักไท้เร็วๆ ฮ่าๆ
   เรื่องนี้3p มั้ยอะคับ รอลุ้น

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
:L2: :pig4:

ขอบคุณที่มาติดตามครับ ชอบไม่ชอบยังไง ถ้าสะดวกก็บอกเล่ากันบ้างนะครับ :)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
ใกล้กันเข้าไปอีกระยะหนึ่ง
อีกหน่อยก็คงแนบชิด

จะใจแข็งได้นาน
หรือใจอ่อนเร็วแค่ไหน
จะติดตามนะ เปา
หุหุ

ขอบคุณที่มาติดตามครับ รับรองว่าเรื่องนี้ดราม่าอย่างที่ชอบแน่ๆ

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
อ่านทีเดียว 3ตอนเลย สนุกมากๆคับ  ตอนที่เปาเจอไท้ตอนแรก อ่านไปไม่ชอบเปาเอามากๆ อยากให้รักไท้เร็วๆ ฮ่าๆ
   เรื่องนี้3p มั้ยอะคับ รอลุ้น

ขอบคุณที่มาติดตามอ่านครับ ส่วนจะมีสามพีไหม ไม่แน่ใจครับ แต่หลายเส้ามากๆ 555

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 04 | เผลอจูบ



ฟ้ายังคงมืดครึ้มและอากาศเย็น อีกไม่นานฝนห่าใหญ่น่าจะตกลงมาอีก เปารีบพาไท้มาขึ้นรถ เขาช่วยเปิดประตูให้ไท้นั่งหน้า จากนั้นก็เดินไปเปิดหลังรถและมองหากระเป๋ากีฬาใบใหญ่ เปามักใส่เสื้อผ้าและอุปกรณ์สำหรับเล่นฟิตเนสเตรียมไว้เสมอ มีเสื้อกีฬากับกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินของอดิดาสปักโลโก้เชลซีตัวโปรดของเขาอยู่ในนั้นด้วย เปาหยิบมาแล้วก็เดินมาที่ประตูรถฝั่งที่ไท้นั่งอยู่ ก่อนเปิดประตูรถออกและส่งให้คนที่นั่งกอดอกหนาวสั่น

"เปลี่ยนซะ เดี๋ยวหนาวตายซะก่อน"

"เปลี่ยนที่ไหนครับ" ไท้ถามงงๆ ขณะรับมา

"ในรถนี้แหละ เปลี่ยนเสร็จแล้วบอกด้วยละกัน"

เปาปิดประตูรถให้ ปล่อยให้ไท้เปลี่ยนเสื้อผ้าในรถตามลำพัง ไม่กี่นาทีถัดมาไท้ก็เปิดประตูมาบอก

"เสร็จแล้วครับพี่ พี่เปามีแต่เสื้อผ้าสวยๆ ทั้งนั้นเลย ถ้าผมมีเงินเยอะๆ ผมจะซื้อมาใส่บ้าง"

ไท้พูดไปตามประสาซื่อ แต่คนฟังกลับรู้สึกสงสารไม่น้อย แม้ครอบครัวของเปาไม่รวยล้นฟ้า แต่ก็ไม่ยากจนข้นแค้น เปาเองก็ไม่เคยมีเพื่อนที่จนขนาดนี้มาก่อน แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตของคนจนเป็นอย่างไร เพิ่งได้เรียนรู้ก็วันนี้

"อยากได้เหรอ" เปาเอียงคอ "งั้นพี่ให้ละกัน"

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมมีเงินเดือนเมื่อไหร่ ผมจะซื้อใส่เอง" ไท้บอกอย่างเกรงใจ เพราะเมื่อเช้าเปาก็เพิ่งให้ชุดนักศึกษามาชุดหนึ่ง

"เอาไปเหอะน่า"

เปาตัดบทด้วยการปิดประตูรถ จากนั้นก็เดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งคนขับ พอนั่งลงและเตรียมจะขับออกไป เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้

"กินอะไรหรือยัง"

ไท้ยิ้มเจื่อนๆ ก่อนส่ายหน้าไปมาช้าๆ

"ตั้งแต่เที่ยงเลยเหรอ" เปาขมวดคิ้ว

ไท้พยักหน้ารับ เปาทำท่าจะเอื้อมมือไปหา ไม่แน่ใจว่าจะจับไหล่ ลูบผมหรือจับมือกันแน่ แต่เขาก็ดึงมือกลับมาตามเดิม ไม่มีคำขอโทษใดๆ จากเปา ยกเว้นสีหน้าท่าทางที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวรู้สึกผิด

"งั้นไปกินข้าวก่อนละกัน แล้วค่อยกลับ" เปาบอกหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง

"ครับ" ไท้รับคำ จากนั้นก็นั่งเงียบๆ ไปตลอดทาง

เนื่องจากฝนเพิ่งตกอย่างหนัก และทำท่าว่าจะตกมาอีกรอบ ร้านค้าริมถนนหลายร้านจึงปิดไป บางจุดก็ไม่มีที่ให้จอดรถ สุดท้ายเปาจึงพาไท้มากินอาหารในห้างแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ เวลาตอนนี้เพิ่งสองทุ่ม ห้างยังคงเปิดอยู่และยังพอมีเวลากินโดยไม่ต้องรีบมาก

หลังเดินเลือกร้านอยู่สักพัก สองหนุ่มก็มาลงเอยที่ร้านเอ็มเคสุกี้ ไท้ดูตื่นเต้นมาทีเดียวเพราะไม่เคยกินมาก่อน แต่พอได้เมนูมาแล้วก็สั่งไม่เป็น จึงบอกอย่างอายๆ

"ผมไม่เคยกินน่ะพี่ พี่สั่งให้ผมดีกว่า ผมกินอะไรก็ได้"

เปาพยักหน้า ก่อนหันไปสั่งอาหารกับพนักงานในร้าน เขาสั่งทั้งเนื้อสัตว์และผักผสมกัน เน้นโปรตีนเพราะเปาคิดว่าไท้ต้องเพิ่มกล้ามเนื้อ

"เมื่อกี้นะ ถ้าพี่ไม่มารับผม ผมว่าจะนั่งแท็กซี่ไปหมอชิต แล้วก็นั่งรถโดยสารกลับบ้าน" ไท้เอ่ยหลังเปาสั่งอาหารเสร็จแล้ว

แม้คนพูดไม่ตั้งใจให้รู้สึกผิด แต่เปาก็หน้าเจื่อน จึงทำเป็นหันไปมองรอบๆ เพราะวางหน้าไม่ถูก

"เสื้อกับกางเกงตัวนี้เนื้อผ้าดีมากเลย ต้องแพงแน่ๆ" ไท้บอกพลางก้มดู เอามือลูบๆ ตามเนื้อผ้าไปด้วย พักหนึ่งก็เงยหน้ามาถามต่อ "พี่ให้ผมแล้วพี่มีใส่เหรอครับ"

เปาพยักหน้า

"พี่มีหลายตัวเหรอ" ไท้ถามต่อ

เปาพยักหน้าอีกและไม่พูดอย่างเดิม คนชวนคุยจึงมองอย่างเกรงๆ และเงียบไป ดีทีว่าพนักงานเอาหม้อใส่น้ำซุปมาตั้งให้ ทั้งสองคนจึงเปลี่ยนจุดสนใจไปตรงนั้น

ไม่นานชุดผักและเนื้อสัตว์ต่างๆ ก็ถูกนำมาวางไว้เป็นตั้ง เปาบอกวิธีเร่งความร้อนและทำให้ดูไปด้วย พอน้ำเดือดก็เอาเนื้อสัตว์ลงไปก่อน ปิดฝาหม้อและปล่อยให้เดือดสักพัก ระหว่างรอก็สอนไท้ปรุงน้ำจิ้มสุกี้ไปด้วย รอยยิ้มพลันค่อยๆ ปรากฎบนใบหน้าของเปา แม้เจ้าตัวพยายามเก็บท่าทีมากเพียงใดก็ตาม

พอเนื้อสุก เปาก็เอาผักลงไปใส่ เขาบอกให้ไท้ตอกไข่ใส่ชามและคนให้เข้ากัน เสร็จแล้วก็ให้เทลงไปในหม้อ ไม่นานทุกอย่างก็สุกพร้อมกิน ไท้ยังดูเงอะๆ งะๆ เพราะใช้อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ค่อยเป็น เปาจึงสอนไปกินไป ท่าทางเขาดูผ่อนคลายและหัวเราะได้มากขึ้น บรรยากาศจึงดูเป็นกันเอง

เปาเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว ตั้งแต่แม่รู้ว่าพ่อเป็นเกย์ก็ไม่ยอมมีน้องอีกเลย เปาจึงโตมาอย่างโดดเดี่ยว ไม่มีพี่น้องไว้คอยเล่นและพูดคุยด้วยเหมือนครอบครัวอื่น เขาจึงเหงาและชอบอยู่กับตัวเอง แต่ตอนนี้เปากลับรู้สึกเหมือนมีน้องชายหรือใครสักคนที่เปาอยากดูแลมาอยู่ใกล้ๆ

"พรุ่งนี้ตื่นสักเจ็ดโมงเช้านะ เดี๋ยวพี่จะสอนเวทเทรนนิ่งให้" เปาบอกระหว่างที่กำลังตักอาหารในหม้อใส่ชามให้ไท้ ปากก็บอกไปด้วย "กินเนื้อสัตว์เยอะๆ จะได้เอาไปสร้างกล้ามเนื้อ"

"พี่เปาจะช่วยสอนผมจริงๆ เหรอครับ" ไท้ถามอย่างดีใจ ก่อนเอ่ยขอบคุณเบาๆ เมื่อเปาหยุดตัก

"อืม ก็เราน่ะผอมจะตาย แทบไม่มีกล้ามเนื้อเลย ดีนะนี่ยังอุตส่าห์ผ่านการคัดเลือกมาได้ น่าจะได้เพราะตัวสูง ไม่งั้นก็คงฝีมือดีพอตัว" เปาสัพยอกอย่างเป็นกันเอง

"ที่บ้านผมจนน่ะครับ ไม่ค่อยมีอะไรดีๆ กินกับเขาหรอก" ไท้บอกเสียงเศร้า แต่ก็พยายามยิ้มให้อีกฝ่าย

เปานิ่งเหมือนสะอึก ส่วนไท้ก็นั่งเงียบเหมือนคิดอะไรบางอย่าง เขาเขี่ยอาหารในถ้วยไปมาโดยไม่ตักมากิน ด้วยความสงสัยเปาจึงถาม

"อิ่มแล้วเหรอ"

ไท้ส่ายหน้า สักพัก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

"แล้วทำไมไม่กินล่ะ"

"ผมคิดถึงแม่กับน้องสาวน่ะครับ เขาไม่เคยกินอะไรดีๆ แบบนี้เลย"

คำตอบของไท้ทำเอาเปาอึ้งไปอีกรอบ ดูท่าทางไท้คงรักครอบครัวมาก คอยพูดถึงและนึกถึงตลอด อนาคตและความฝันของไท้คงมีความหมายกับครอบครัวอย่างยิ่ง เขาจึงต้องยอมจากพ่อแม่มาตามฝันของตัวเอง เพื่อที่วันหนึ่งจะได้ส่งเงินกลับไปจุนเจือครอบครัว พลันเปาก็นึกถึงคำขอร้องของพ่อ คนจนที่ตั้งใจอย่างไท้ ถ้าไม่มีใครช่วยเขาก็จะไม่มีโอกาส

"ไท้ดูรักแม่นะ" เปาพูดพลางเริ่มเขี่ยอาหารไปมาบ้าง

"ก็ผมมีแม่คนเดียว จำความได้ก็เห็นแต่แม่" ไท้พูดเหมือนรำพัน

เปาทำท่าอยากถามถึงพ่อ แต่ก็ยั้งปากไว้ก่อน กระนั้นอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะเข้าใจว่าเขาอยากถามอะไร เจ้าตัวจึงเล่าให้ฟังสั้นๆ

"พ่อทิ้งพวกเราไปตั้งแต่น้องสาวผมเพิ่งเกิดได้ไม่ถึงปี เขาเคยรักแม่ผมมากนะครับ แต่ก็โดนครอบครัวบีบบังคับให้เลิกกับแม่ผม แล้วก็ไม่เคยมาดูดำดูดีอีกเลย"

เปาฟังแล้วก็สะท้อนใจ ตัวเขาเองก็ขาดแม่ ส่วนอีกคนก็ขาดพ่อ เปาเข้าใจสภาพครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์เป็นอย่างดี เด็กที่โตมาในครอบครัวแบบนี้ต้องการความรักจากพ่อหรือแม่เพิ่มเป็นสองเท่า ไท้น่าจะโชคดีกว่าที่แม่ให้ความรักกับไท้อย่างเต็มที่ แม้ขาดอีกคนไปก็ยังพอมีความสุขตามอัตภาพ แต่เปากับพ่อไม่เป็นแบบนั้น เมื่อแม่จากไปแล้ว พ่อกับเปาก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้ากัน

"รีบๆ กินเหอะ เดี๋ยวห้างจะปิดแล้ว จะได้กลับบ้าน" เปาตัดบทหลังเงียบไปพักใหญ่

สองหนุ่มจึงหันมาสนใจอาหารของตัวเองและนั่งกินไปเงียบๆ พักหนึ่งเปาก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาดู ฟางไลน์มาคุยด้วย เธอบอกว่าวันนี้คงกลับบ้านดึกเพราะยังเตรียมงานไม่เสร็จ พรุ่งนี้มีอบรมสัมมนาใหญ่ของหน่วยงาน คงไม่ค่อยได้เจอกันช่วงนี้จนกว่างานจะเรียบร้อย เปาส่งข้อความให้กำลังใจแฟนสาว คุยกันพักหนึ่งจึงกลับมาจัดการอาหารต่อจนหมด

กินเสร็จเปาก็พาไท้เดินไปยังที่จอดรถ ระหว่างทางเปาก็บอก "พ่อไลน์มาบอกว่าจะกลับดึก ยังประชุมไม่เสร็จ"

ไท้พยักหน้ารับรู้ "ช่วงนี้โค้ชเครียดมาก นักกีฬาในทีมมีปัญหากัน เรื่องร้ายแรงด้วย แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เห็นโค้ชบอกว่าจะพยายามเคลียร์ให้จบภายในวันนี้ เพราะเดือนหน้ามีแข่งชิงแชมป์เอเชีย"

เปารู้สึกสะดุดใจไม่น้อย เขาอยู่กับพ่อเกือบทุกวันแท้ๆ แต่กลับไม่เคยรู้เลยว่าในแต่ละวันพ่อไปทำอะไรหรือมีปัญหาอะไร รู้แค่ว่าไปทำงานเท่านั้น และเปาไม่ต้องการรู้มากกว่านี้

"พี่เปาเล่นเปียโนนานหรือยังครับ" ไท้ถามเปลี่ยนเรื่อง

"ตั้งแต่ปอหนึ่ง" เปาตอบสั้นๆ และสาวเท้าเดินไปอย่างสบายๆ

"คืนนี้พี่เปาเล่นให้ผมฟังได้ไหมครับ วันนั้นพี่เล่นเพราะมากเลย ผมยืนฟังตั้งนาน"

เปาหันมาพยักหน้าตกลงโดยไม่คิดให้เสียเวลา เขาชอบเล่นเปียโนและมักจะหาโอกาสเล่นให้คนอื่นๆ ฟังเสมอ พอไท้ขอจึงไม่ขัด

"พี่เปาเป็นคนใจดีมากเลยนะครับ" ไท้ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ "พาผมไปสมัครเรียน ให้เสื้อผ้าดีๆ ผมมาสองชุด พามากินสุกี้อร่อยๆ คืนนี้ก็จะเล่นเปียโนให้ฟัง พรุ่งนี้ก็จะสอนเวทเทรนนิ่งให้ด้วย"

เปาหยุดเดินเพราะสะดุดคิด ที่จริงไท้ก็เพิ่งโดนแกล้งไปหยกๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เคยพูดถึงเลย ราวกับจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเพิ่งถูกทิ้งให้รอตั้งเจ็ดชั่วโมง

"พี่ไม่ใช่คนดีขนาดนั้นหรอก อย่ามาคาดหวังอะไรจากพี่เลย" เปาบอกเสียงห้วน สีหน้าชักตึงๆ จากนั้นก็จ้ำอ้าวเดินหนีไปคล้ายกับอารมณ์ไม่ดี เขามักมีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้เสมอ

ไท้รีบสาวเท้าตามไปโดยเร็ว เปาไปถึงรถก่อน เขาเข้าไปนั่งข้างในทันที ไท้เปิดประตูเข้าไปนั่งตามแทบไม่ทัน ขณะที่เปากำลังสตาร์ทรถไท้ก็พูดย้ำ

"ผมพูดจริงๆ นะครับพี่ ผมรู้สึกว่าพี่เปาเป็นคนจิตใจดีคนหนึ่งที่ผมเคยเจอมาเลย ถ้าพี่เปาไม่รังเกียจคนจนๆ อย่างผม ผมขอเป็น…น้องชายของพี่ได้หรือเปล่าครับ"

รถสตาร์ทติดแล้ว แต่เปายังไม่ขับออกไปเพราะหันมามองไท้นิ่ง แม้อีกฝ่ายยิ้มให้แต่เปาก็ไม่ยิ้มด้วย ไปๆ มาๆ ก็เป็นฝ่ายทำหน้าไม่ถูกเสียเอง ซ้ำอีกฝ่ายยังไม่ยอมเลิกยิ้มง่ายๆ ท้ายที่สุดเปาก็หันหน้ากลับมาตามเดิม สองมือจับพวงมาลัยไว้ ก่อนขับรถออกไปเขาก็บอก

"ตามใจละกัน" เปาบอกแล้วก็ขับรถออกไป เมื่ออีกคนกล้าขอ เขาก็กล้าให้

ไท้ยิ้มกว้าง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาดีใจมากแค่ไหน แม้กระทั่งคนที่พยายามเก็บสีหน้ายังอดยิ้มไปด้วยไม่ได้

"ขอบคุณครับพี่เปา"



เมื่อมาถึงบ้าน เปากับไท้ก็ช่วยกันให้อาหารหมาก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ปล่อยให้พวกมันเข้ามาเล่นในบ้านชั่วคราว พวกมันสนุกกันมากที่ได้เข้ามาเล่นในที่ที่คุ้นเคย แต่เล่นได้ไม่นานเท่าไหร่เปาก็พากลับไปหลังบ้านตามเดิม ไท้เห็นพวกมันทำตาละห้อยก็ขำใหญ่ เขาเดินตามไปดูด้วย ท่าทางพวกมันคงอยากอยู่ในบ้านเพราะหมาพันธุ์นี้ชอบอยู่กับคน

ขากลับเข้ามา ไท้ก็เอ่ยถาม "ทำไมพี่ไม่ให้มันนอนในบ้านล่ะครับ"

"เมื่อก่อนก็ให้นอนนั่นแหละ” เปาหัวเราะ ดูเหมือนอารมณ์ดีขึ้นเมื่อได้เล่นกับหมา “ก่อนไท้มา มันพากันแทะโต๊ะ เก้าอี้ แล้วก็ทำข้าวของกระจุยกระจายเสียหายหมด พี่ก็เลยไปซื้อบ้านหมามาให้อยู่แทน ก็ดีเหมือนกัน เวลาแฟนพี่มาจะได้ไม่มีปัญหา แฟนพี่เขากลัวหมาน่ะ"

เพียงรับรู้ว่าอีกฝ่ายมีเจ้าของ ไท้ก็เสียวแปลบนิดๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก "พี่เปามีแฟนแล้วเหรอครับ"

เปาหยุดเดินและหันมาพยักหน้า "อืม" เขาตอบสั้นๆ แล้วก็เดินเข้าไปในบ้าน

ไม่นานสองหนุ่มก็มาหยุดที่มุมเปียโนซึ่งเป็นมุมโปรดของเปา ไท้ขอลองเล่นก่อนเพราะเขาไม่เคยสัมผัสเปียโนของจริงเลย

"เคยเล่นเหรอ" เปาถามขณะที่อีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้เตี้ยๆ ไร้พนัก เอาไว้สำหรับนั่งเล่นเปียโน ตัวมันยาวๆ พอนั่งได้สองคน

ไท้หันมาส่ายหน้าเร็วๆ "ไม่เคยครับ อยากลองจับดูเฉยๆ"

ว่าแล้วไท้ก็ลองกดเล่น แต่ฟังไม่เป็นเพลง เปาจึงหัวเราะด้วยความเอ็นดู จากนั้นเขาก็นั่งเบียดลงข้างๆ ไท้ทำท่าจะลุกออกไปแต่เปาก็ร้องห้ามไว้

"จะไปไหน เดี๋ยวพี่จะเล่นให้ฟัง"

ไท้นั่งลงตามเดิม เมื่อร่างกายเบียดแนบชิดกับอีกฝ่ายก็รู้สึกประหม่า ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำให้ไท้รู้สึกแปลกๆ อย่างนี้ได้เลย

"เดี๋ยวพี่เล่นเพลงหนึ่งให้ฟัง มันเป็นเพลงสากลเพลงแรกที่พี่หัดเล่น ชื่อเพลง ฟอร์ เดอะ เฟิร์สท์ ไทม์ ของเคนนี่ ล็อกกิ้นส์ ไท้เคยฟังไหม" เปาหันไปถามก่อนจะลงมือเล่น

"ไม่เคยครับ" ไท้ดูตกใจเล็กน้อยเพราะรู้สึกว่าใบหน้าของเปาอยู่ใกล้มากไปหน่อย

เปาจ้องมองแววตาวิบไหวคู่นั้นสักพักก็หันกลับมาตามเดิม อึดใจเดียวเขาก็พรมนิ้วมือลงไปบนลิ่มเปียโน เพลงฟอร์ เดอะ เฟิร์สท์ ไทม์จึงเริ่มบรรเลงขึ้น เพียงแค่อินโทรก็ทำเอาคนนั่งฟังถึงกับขนลุก เปาเล่นได้เพราะและมีเสน่ห์น่าฟังทีเดียว แค่ฟังจากทำนองก็พอเดาได้ว่าเป็นเพลงรักโรแมนติก น่าแปลกที่เปาเลือกเล่นเพลงนี้ให้ไท้ฟัง ไม่รู้ว่ามีความหลังกับเพลงนี้หรือเปล่า แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาถาม ไท้จึงนั่งฟังอย่างตั้งใจ

เปาก่อนคอร์ดส่งค้างไว้ จากนั้นก็ร้องขึ้นมาสดๆ เสียงของเขาฟังเพราะและมีพลังจนไท้รู้สึกทึ่ง แม้ฟังไม่ค่อยออกแต่ก็อินไปกับอารมณ์ของคนร้องได้

"Are those your eyes. Is that your smile. I've been looking at you forever. But I never saw you before. Are these your hands holdin' mine. Now I wonder how I could have been so blind." (สายตาเธอใช่ไหม รอยยิ้มเธอใช่ไหม ฉันเห็นมาตลอด แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนไม่เคยเห็นเลย มือเธอใช่ไหมที่จับมือฉันไว้ ทำไมฉันไม่เคยรับรู้เลย)

พอดถึงท่อนฮุก เปาก็เพิ่มอารมณ์อีกเล็กน้อย

"For the first time I am looking in your eyes. For the first time I'm seein' who you are. I can't believe how much I see when you're looking back at me. Now I understand what love is...love is... for the first time." (ครั้งแรกที่ฉันมองตาของเธอ ครั้งแรกที่ฉันเห็นว่าเธอคือใคร ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันรับรู้ได้มากแค่ไหนเมื่อเธอมองกลับมา ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่ารักคืออะไร…เป็นครั้งแรก)

พอท่อนฮุกจบลง เปาก็เล่นท่อนดนตรีสั้นๆ ก่อนนำไปสู่ท่อนร้องถัดไป

"Can this be real. Can this be true. Am I the person I was this morning. And are you the same you. It's all so strange. How can it be. All along this love was right in front of me." (จริงใช่ไหม ฉันคือคนเดิมกับเมื่อเช้านี้หรือเปล่า เธอล่ะคือคนเดิมไหม มันแปลกดีที่อยู่ดีๆ รักก็ปรากฎตรงหน้า)

ท่อนฮุกมาถึงอีกครั้ง คราวนี้เปาหันหน้ามาสบตาคนข้างๆ ไปด้วยขณะที่สองมือยังคงเล่น

"For the first time I am looking in your eyes. For the first time I'm seein' who you are. I can't believe how much I see when you're looking back at me. Now I understand what love is...love is... for the first time."

สายตาของเปาที่มองมาเล่นเอาไท้รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แก้มของไท้แดงจนร้อนผ่าวเมื่อเปาเขยิบใบหน้าเข้ามาใกล้ บางครั้งก็ถอยกลับไป คล้ายกับหยอกเล่น เขาดูอินกับเพลงนี้มาก เวลาเปาเล่นดนตรีและร้องเพลงแล้ว เขาจะเป็นคนละคนไปเลย

เปาหันกลับไปตามเดิม ก่อนร้องท่อนแยกซึ่งมีเนื้อหาสะท้อนความรู้สึกของเปาในตอนนี้อย่างลึกซึ้ง เขาจึงใส่อารมณ์เต็มที่

"Such a long time ago. I had given up on findin' this emotion...ever again. But you live with me now. Yes I've found you some how. And I've never been so sure." (นานเท่าไหร่แล้ว ฉันเคยล้มเลิกตามหาความรู้สึกนี้ แต่ตอนนี้เธออยู่กับฉัน อยู่ดีๆ ฉันก็เจอเธอ ไม่เคยแน่ใจขนาดนี้มาก่อนเลย)

กลับมาสู่ท่อนดนตรีอีกครั้ง เปาเล่นให้เบาและบางลง ก่อนค่อยเพิ่มความหนาและน้ำหนักเมื่อจะร้องท่อนฮุกสุดท้าย เปาหันมาสบตาไท้อีกครั้ง ใช้สายตาสะกดอีกฝ่ายให้หยุดมองนิ่งด้วยความหวั่นไหว

"For the first time I am looking in your eyes. For the first time I'm seein' who you are. I can't believe how much I see when you're looking back at me. Now I understand what love is...love is... for the first time."

หัวใจของไท้เต้นไม่รัว เลือดในกายสูบฉีดแล่นพล่านจนผิวขาวแดงปลั่ง เปาเขยิบใบหน้าเข้ามาใกล้ ไม่มีทีท่าว่าจะถอยห่างออกไปแม้แต่น้อย พอไท้เขยิบหนีเขาก็เขยิบตาม เบียดกายแนบชิดและส่งไออุ่นมาให้ ไม่รู้ว่าเปาอินกับเพลงหรืออะไรกันแน่ รู้แต่ว่าเขามองหน้าและสบตาไท้นิ่ง

เก้าอี้ตัวเล็กไม่มีที่ให้เขยิบหนีแล้ว ไท้จึงนั่งนิ่งและสบตาท้าทายกับอีกฝ่าย ริมฝีปากของเปาเขยิบเข้ามาใกล้จนเหลือเพียงลมหายใจกั้น แววตาคู่นั้นฉายแววบางอย่างที่ไท้ยังไม่เข้าใจ ทว่าก็ทรงพลังมากพอที่จะสะกดไท้ให้หยุดนิ่ง รอรับสัมผัสพิเศษที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า

เปาร้องซ้ำท่อนสุดท้ายอีกรอบด้วยจังหวะช้าลงและน้ำเสียงที่ลากยาวขึ้น

"Now I understand what love is...love is... for the first time." (ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ารักคืออะไร…เป็นครั้งแรก)

สิ้นประโยคนั้น ริมฝีปากของเปาก็ประกบแนบสนิทกับริมฝีปากของไท้พอดี สองมือของเปายังคงบรรเลงเปียโนท่อนจบ เขาบดบี้และไล้เลียเล่นกับริมฝีปากของไท้เบาๆ ดูดดึงและชอนไชลิ้นเข้าหาเป็นบางจังหวะ ช่างเป็นจูบที่แสนโรแมนติกเหลือเกิน คนโดนจูบถึงกับตัวสั่นสะท้าน ทว่าก็ตื่นกลัวและประหม่าจนตัวแข็งทื่อ

เปากดคอร์ดจบเพลงค้างไว้จนเสียงจางหายสนิท พลันก็รีบปล่อยมือจากเปียโนและเปลี่ยนมาเป็นโอบกอดอีกฝ่ายไว้ เมื่อรับรู้ได้ว่าไท้ประหม่า เขาก็ถอนปากออกและบอกเบาๆ

"ทำตัวสบายๆ นะไท้"

ไท้ยังไม่ทันได้ตอบ เปาพลันประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง สองมือของเปาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของคนตัวขาว เสื้อกีฬาเนื้อผ้าเนียนลื่นมอบสัมผัสเสียวซ่านรัญจวนใจไม่น้อย ร่างที่เคยแข็งทื่อของไท้พลันค่อยๆ อ่อนระทวย มือที่ตกข้างตัวของไท้โอบกอดอีกฝ่าย เมื่อผ่อนคลายมากขึ้นเขาก็ลูบไล้ไปมาตามแผ่นหลัง

ไม่มีใครสนใจเปียโนอีกแล้ว เพลงรักเมื่อกี้เพิ่งจบลงไปอย่างซาบซึ้งสวยงาม แต่เพลงจูบของจริงยังคงบรรเลงต่อไป แม้ไม่ใช่จูบแรกของเปา แต่ก็เป็นจูบแรกที่เปารู้สึกอินมากที่สุด ร่างซึ่งสั่นสะท้านไหวเหมือนสาวน้อยโดนจูบครั้งแรกปลุกพลังความเป็นชายของเปาให้ตื่นขึ้น เวลาอยู่กับไท้แล้วเปารู้สึกเหมือนตัวเองคือฝ่ายปกป้อง ไม่รู้สึกถึงอำนาจเหนือหรือสิ่งคุกคามความมั่นคงในใจ เขาคงเก็บกดความรู้สึกแบบนี้ไว้มานานแล้ว เพิ่งจะมีโอกาสปลดปล่อยมันออกมาได้อย่างสมบูรณ์ก็วันนี้

แต่ช่างน่าเสียดาย จู่ๆ สายตาของเปาก็พลันเหลือบไปเห็นรูปของแม่ซึ่งตั้งไว้อยู่บนเปียโนโดยบังเอิญ สติที่หลุดลอยไปอย่างคนอารมณ์ศิลปินพลันกลับคืนสู่ภาวะปกติ ร่างหนุ่มน้อยผิวขาวที่ถูกกอดไว้ในอ้อมแขนพลันโดนผลักลงไปกองอยู่กับพื้น เจ้าตัวดูตกใจมากที่ถูกผลักออกโดยไม่ทันตั้งตัว เปาลุกขึ้นและวิ่งหนีขึ้นไปข้างบนราวกับกลัวอะไรบางอย่าง ปากก็พร่ำขอโทษผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว

"แม่ครับ เปาขอโทษ เปาขอโทษครับแม่"

ไท้มองตามคนที่วิ่งหนีไปด้วยความรู้สึกสับสน นอกจากไม่เข้าใจเปาแล้ว เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองด้วย ไท้โดนผู้ชายจูบไปแล้ว เป็นจูบแรกของไท้เสียด้วย ช่างน่าแปลกที่ไท้ไม่หนีหรือขัดขืน ไม่รู้สึกรังเกียจหรือต่อต้าน ปล่อยให้เปาจูบตามอำเภอใจราวกับสมยอม

รสจูบเมื่อกี้ช่างน่าหลงใหลและตราตรึงใจเหลือเกิน คิดแล้วไท้ก็เผลอเอามือลูบริมฝีปากตัวเองเบาๆ มันยังห้อแดงอยู่เล็กน้อย แม้คนจูบวิ่งหนีไปแล้ว แต่ไท้กลับรู้สึกว่ารสสัมผัสนั้นยังติดที่ริมฝีปาก ความรู้สึกบีบหน่วงและซ่านเสียวยังติดค้างในความรู้สึกไม่หาย เพียงจูบแรกก็ยังน่าประทับใจถึงเพียงนี้ เสียอย่างเดียว เจ้าของจูบดันหลบลี้หนีหน้า ไม่ยอมมาไขความจริงให้กระจ่างว่าจูบนี้มาจากความพลั้งเผลอ หรือเป็นเพราะเหตุผลใดกันแน่

ใครกันจะให้คำตอบกับไท้ได้ ตอนนี้ไท้มีเพียงคำตอบเดียวในใจเท่านั้น ไม่ใช่คำตอบของเปา แต่เป็นคำตอบของไท้เอง!




TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2017 08:21:23 โดย inxsara »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เพราะหัวใจมันร่ำร้อง
จะเรียกหาแต่เธอ

อีกหน่อยก็คงจะรักกัน

เชียร์เปา+ไท้

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  เอาล่ะสิ เขาจูบกันแล้ว เปาจะทำไงต่อ
  รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 05 | รุ่นพี่



เช้าวันต่อมา ไท้ตื่นและลงมารอเปาตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้า เขาตื่นเต้นมากที่จะได้เรียนเรื่องเวทเทรนนิ่งอย่างถูกวิธี ไม่นานเปาก็ลงมา เขาใส่แค่กางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ไม่ใส่เสื้อ อวดกล้ามเนื้อและซิคแพ็คสวยจนน่าอิจฉา ส่วนไท้ยังใส่ชุดกีฬาที่เปาให้มาเมื่อวาน

สีหน้าของเปาดูเรียบเฉย ไม่ยิ้ม ไม่บึ้งตึง แต่สีหน้าแบบนี้เดาอารมณ์ยาก ลงมาถึงเปาก็พาไท้เดินไปอีกห้อง ที่บ้านของเปามีเครื่องออกกำลังกายจำพวกลู่วิ่งไฟฟ้า ดัมเบล บาร์เบล และม้านอนยกน้ำหนักอยู่แล้ว จึงไม่ต้องออกไปข้างนอก

ก่อนเริ่มเล่น เปาก็แนะนำอุปกรณ์ออกกำลังกายต่างๆ ให้ไท้รู้จักและประโยชน์ของมัน รวมทั้งสามข้อสำคัญที่คนอยากสร้างกล้ามเนื้อต้องปฏิบัติให้ได้

"ถ้าอยากสร้างกล้ามเนื้อให้ขึ้นไวนะ ข้อแรก ต้องยกน้ำหนักเป็นประจำ เริ่มจากที่เรายกไหวก่อน ยังไม่ต้องหนักมาก เซ็ตหนึ่งประมาณแปดถึงสิบสองครั้ง ครั้งสุดท้ายที่จะยก จะต้องรู้สึกว่าถ้ายกอีกครั้ง...ไม่ไหวแน่ๆ ข้อสอง ต้องกินเยอะๆ โดยเฉพาะโปรตีน แต่ต้องเลี่ยงพวกเนื้อติดมัน เพราะว่าเราจะเอาแต่โปรตีนมาช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ส่วนข้อสุดท้าย ต้องนอนให้พอ ถ้าเป็นไปได้ก็ให้นอนสักแปดชั่วโมงต่อวัน หรืออย่างไม่ได้ก็สักหกชั่วโมง"

ไท้เผลอมองปากของเปาไปด้วยขณะที่เจ้าตัวพูด อดคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนอีกไม่ได้ แต่ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากพูดถึง ไม่รู้ว่าอีกคนรู้สึกผิดหรือเปล่าที่เผลอทำอย่างนั้น

"การออกกำลังกายมันจะมีสองแบบ" เปายังคงอธิบายต่อ แม้รู้สึกว่าไท้คอยจ้องมองนิ่ง "แบบแรกเรียกว่าคอมพาวด์มูฟเมนท์ การออกกำลังกายแบบนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อหลายๆ ส่วนพร้อมกัน อย่างเช่น ยกน้ำหนักและย่อตัวลง มันก็จะได้กล้ามเนื้อไหล่ แขน หน้าท้อง อก แล้วก็ขาไปพร้อมๆ กัน ส่วนอีกแบบเขาเรียกไอโซเลชั่นมูฟเมนท์ ก็คือกระตุ้นกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน เช่น ยกดัมเบลล์ขึ้นลงด้วยแขนข้างเดียว ก็จะได้แค่กล้ามเนื้อแขนข้างนั้น"

ไท้พยักหน้ารับรู้ จากนั้นเปาก็อธิบายต่อ

"ถ้าอยากสร้างกล้ามเนื้อไวๆ เราต้องออกกำลังกายแบบคอมพาวด์มูฟเมนท์ เพราะว่ามันจะโดนกล้ามเนื้อหลายๆ ส่วนพร้อมกัน ใช้เวลาน้อย สี่สิบนาทีต่อวันก็ได้ ใช้วันออกกำลังกายไม่เยอะ อาทิตย์ละสามสี่วันก็โอเค จะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น เอาล่ะ ช่วงเริ่มต้น พี่มีสามท่าให้ไท้เอามาฝึกก่อน มีท่าสควอท เดดลิฟท์แล้วก็เบนช์เพรส"

เปาอธิบายแล้วก็เดินไปหยิบบาร์เบลซึ่งเป็นแท่งเหล็กยาวๆ มา

"โอเค มาดูท่าสควอทก่อนเลย ปกติพี่จะให้ใช้บาร์เบลยกน้ำหนัก แต่ถ้าไม่มีไม่มีก็ใช้ดัมเบลแทนได้ ทำแบบนี้นะ ยกบาร์เบลมาวางตามแนวไหล่ด้านหลัง เหมือนเรากำลังแบกของไว้ข้างหลัง ยืนตัวตรง มองตรง หลังตรง เวลาย่อตัวลง หลังก็ต้องตรงตลอดเวลา เดี๋ยวพี่ทำให้ดูก่อนนะ"

เปาสาธิตตามที่อธิบายเมื่อกี้ ขณะย่อตัวขึ้นลงก็บรรยายไปด้วย "ไท้สังเกตดีๆ นะว่าหลังพี่จะตรง มองตรง ไม่โน้มตัวไปข้างหน้า เวลาย่อตัวลงหายใจเข้า ยืนขึ้นหายใจออก คนที่ยังไม่เคยทำมาก่อน ทำสักสี่ถึงหกรอบก่อนก็ได้ แต่ถ้าไหวก็แปดถึงสิบสอง เท่าที่ดูพี่ว่าไท้น่าจะทำสักแปดรอบได้นะ พอครบหนึ่งเซ็ตแล้ว ก็พักหนึ่งนาทีครึ่งถึงสามนาที แล้วก็ทำเซ็ตต่อไป ประมาณสิบถึงสิบห้านาทีก็พอ"

สาธิตเสร็จเปาก็ให้ไท้ทำบ้าง เขาคอยยืนประกบข้างหลัง ก่อนเริ่มก็สอนให้ไท้จับบาร์เบลให้ถูกวิธีเสียก่อน เมื่อพร้อมแล้วเปาก็กดไหล่ของไท้เบาๆ เป็นเชิงบอกให้ย่อตัวลง เตือนให้หายใจเข้า พอยืนขึ้นก็ให้หายใจออก เปาย่อตัวขึ้นลงเพื่อให้จังหวะไท้ไปด้วย เมื่อไท้ทำเป็นก็สอนท่าถัดไปพร้อมกับสาธิตให้ดูเช่นเคย

"ต่อไปท่าเดดลิฟท์ กางขาให้กว้างเท่าหัวไหล่ แบะขาออกหน่อย จับบาร์เบลสองมือแล้วหย่อนลงจนสุดแขน จากนั้นก็ย่อตัวลง อย่างอแขนนะ ย่อตัวลงตรงๆ แอ่นก้นไปข้างหลัง ให้น้ำหนักลงที่ก้น ตอนยืนให้มองไปข้างหน้าตรงๆ ตอนย่อตัวให้มองพื้นข้างหน้าได้"

สอนเสร็จเปาก็ให้ไท้ลองทำ ส่วนตัวเองก็คอยยืนประกบ เมื่อไท้ทำได้แล้วเขาก็สอนท่าสุดท้าย

"ท่าที่สาม เบนช์เพรส นั่งลงบนม้านอนยกน้ำหนักแล้วก็นอนลงไป ฝ่าเท้าแนบสนิทกับพื้นแบบนี้ อย่ายกหรือเขย่งนะ กางขาออก พยายามให้แผ่นหลังกับก้นแนบกับพื้นกระดาน ลูกตาต้องอยู่ใต้บาร์พอดี เวลาจะจับบาร์ให้กางแขนเหมือนเราจะวิดพื้น แล้วก็จับบาร์ยกขึ้นให้สุดแขน จากนั้นก็ยกลง ให้ข้อศอกทำมุมสี่สิบห้าถึงห้าสิบองศา แล้วก็ยกขึ้น การหายใจก็เหมือนเดิม ยกลงหายใจเข้า ยกขึ้นหายใจออก"

"ครับ" ไท้รับคำ

เปาลุกขึ้นจากม้านอนยกน้ำหนัก ไท้จึงลงไปนั่งและนอนลงไปตามที่เปาสอนเมื่อกี้ เปาช่วยดูว่าฝ่าเท้าของไท้แนบสนิทกับพื้นดีหรือเปล่า ช่วยจัดขาให้แบะออก จากนั้นก็สอดฝ่ามือเข้าใต้บริเวณเหนือก้นกบของไท้เล็กน้อย เมื่อสัมผัสกัน สองหนุ่มก็เผลอสบตากันชั่วครู่ พักหนึ่งเปาก็ยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง

"อย่าให้ตรงนี้มีช่องว่างนะ ไท้ต้องนอนแนบกับพื้นไปเลย" เปาเตือน ก่อนช่วยกดหน้าท้อง จัดท่าให้ไท้นอนใหม่จนหลังแนบชิดกับพื้นกระดานม้านอน

เมื่อไท้ทำเป็นแล้ว เปาก็ให้ไท้ทำสามท่าใหม่หมด ทำทีละท่า ท่าละหลายๆ เซ็ต จนครบสิบนาทีก็เปลี่ยนท่า ระหว่างนั้นเมสซี่กับเนยมาร์แอบวิ่งเข้ามาในห้องออกกำลังกายด้วย พวกมันส่งเสียงและพยายามจะเข้ามาคลอเคลีย แต่คงรู้ว่าเจ้านายไม่ว่างเล่นด้วย พวกมันจึงเดินวนเวียนไปมาคล้ายกับคอยให้กำลังใจ เรียกรอยยิ้มจากเปาและไท้ได้เป็นอย่างดี

บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายและเป็นกันเองมากขึ้น เสียงหัวเราะและพูดคุยดังเป็นระยะๆ มีใครบางคนมาแอบยืนสังเกต รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฎบนใบหน้า สักพักก็เดินกลับมานั่งจิบกาแฟยามเช้า อ่านข่าวจากไอแพดไปด้วย

ครบสี่สิบนาทีเปาก็ให้ไท้หยุด ต่างคนต่างเหงื่อออกจนเปียกโชก จึงหยุดพักดื่มน้ำ เปาแนะนำว่าให้ดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง ถ้าเป็นไปได้ให้เลี่ยงน้ำเย็นๆ เพราะอุณหภูมิของร่างกายควรลดลงอย่างเป็นธรรมชาติ ระหว่างนั่งพักก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย เล่นกับหมาไปด้วย

หายเหนื่อยเปาก็พาไท้เข้าครัว วันนี้เขาจะสอนทำอาหารคลีนซึ่งได้โปรตีนสูง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ

"อาหารเช้าวันนี้นะ จะเป็นอาหารคลีน อาหารคลีนก็คืออาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการหรือผ่านน้อยที่สุด โดยเฉพาะความร้อน เน้นกินสดๆ เป็นหลัก" เปาอธิบายพลางยกเครื่องปรุงและของที่จะใช้ออกมาจากตู้เย็นไปด้วย

"ไท้ปิ้งขนมปังโฮลเกรนให้พี่สักสี่แผ่นนะ เดี๋ยวพี่จะต้มไข่แบบออนเซนสองฟอง"

"ทำเผื่อโค้ชด้วยดีไหมครับ" ไท้ถาม แม้ไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองควรเสนอย่างนั้นหรือเปล่า

เปาชะงักไปเล็กน้อย แต่พักหนึ่งก็พยักหน้าตกลง เขาสอนไท้ปิ้งขนมปัง ระหว่างนั้นก็ตั้งหม้อน้ำร้อนให้เดือดและยกลง ใส่แป้งมันลงไปเพื่อลดความร้อน ก่อนนำไข่ไก่สามฟองลงไปแช่ในน้ำร้อนและทิ้งไว้

"ไท้หั่นเนื้อปลาแซลมอนสดเป็นชิ้นเท่าลูกเต๋านะ เดี๋ยวพี่จะผัดมะเขือเทศด้วยน้ำมันมะกอก ใส่พริกไทยดำหน่อย มันจะเผ็ดนิดๆ อร่อยดี"

เปาบอกเสร็จแล้วก็แยกหน้าที่กันทำ ระหว่างนั้นเมสซี่กับเนยมาร์ก็วิ่งเข้าวิ่งออกห้องครัว ดูเหมือนพวกมันอยากกินด้วย

"ต่อไปก็ปอกอะโวคาโด ผ่ากลางวนรอบแบบนี้ ข้างในมันมีเม็ดขนาดใหญ่อยู่ ผ่าออกเลยไม่ได้ เสร็จแล้วก็บิออก จับตรงมุมเปลือกของมัน แล้วก็ลอกเปลือกออกได้เลย แบบนี้ แล้วก็เอามาหั่นบางๆ" เปาบอกและสาธิตให้ดูหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ปล่อยให้ไท้ทำเอง

"ต่อไปเราก็เอาแซลมอนคลุกวาซาบิ ใส่โชยุหน่อย อันนี้เรียกว่าโชยุนะ มันเป็นซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น แล้วก็เอามาวางบนขนมปังปิ้ง เอาอะโวคาโดมาวาง ใส่เกลือ พริกไทย บีบเลม่อนใส่ด้วย โรยไข่แซลมอน เอาไข่ออนเซ็นมาวาง โรยผักชีลาว เอาผัดมะเขือเทศเมื่อกี้มาโรย แล้วก็ผักสลัด พี่ชอบใบผักโขมอ่อนกับไบร็อคเก็ตป่า มันเข้ากันดีมากๆ แค่นี้ก็เสร็จแล้ว"

เปาจัดของตัวเองให้ดูเป็นตัวอย่าง จากนั้นก็ให้ไท้ทำของตัวเองและเผื่อโค้ชเด้ง ไม่กี่นาทีก็ได้อาหารคลีนซึ่งให้โปรตีนและไขมันโอเมก้าสามจากปลาแซลม่อน

ไท้ยกหนึ่งจานไปให้โค้ชเด้ง เขามีท่าทางแปลกใจมากทีเดียว เพราะที่ผ่านมาเปาไม่เคยสนใจเลยว่าพ่อจะกินอยู่อย่างไร ต่างคนต่างกิน ต่างคนต่างไปทำงาน ต่างคนต่างนอน

"ขอบใจมากไท้ น่ากินมากเลย" โค้ชเด้งบอกเมื่อไท้วางจานอาหารลงให้บนโต๊ะ เมื่อนึกได้ก็เอ่ยชวน "อีกหนึ่งชั่วโมงโค้ชจะออกแล้วนะ วันนี้โค้ชจะพาไท้ไปดูพี่ๆ ทีมชาติซ้อมที่ กกท. อยากไปไหม ไท้จะได้ไม่เบื่อไง"

"ครับโค้ช ผมอยากเจอพี่ๆ ทีมชาติมากเลยครับ" ไท้หันมาบอกอย่างตื่นเต้น ก่อนเดินกลับเข้าไปในครัวและนั่งกินอาหารที่ช่วยกันทำกับเปา

พอตักเข้าปาก ไท้ก็ออกปากชมและดูตื่นเต้น "โห...อร่อยมากเลยครับพี่เปา"

"ไม่ใช่แค่อร่อยนะ มีประโยชน์ด้วย ต่อไปถ้ามีตังค์ก็ค่อยทำกินเอง ตอนนี้ก็กินกับพี่ไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะสอนอาหารคลีนทำจากอกไก่นุ่มให้" เปายิ้มเอ็นดู เวลาผ่อนคลายแล้วเขาเป็นคนมีเสน่ห์ ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้และอยากคุยด้วย

"ขอบคุณมากครับพี่ พี่เปาใจดีจังเลย" หนุ่มหน้าขาวใสยิ้มตาหยีให้อีกฝ่าย ส่วนเปาพอถูกชมก็ทำหน้าไม่ถูก ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าดูเขินเล็กน้อย สักพักเขาก็ก้มหน้าและตักอาหารในจานกิน

"พี่กินแบบนี้ทุกวันเลยเหรอครับ" ไท้สงสัย

"ก็เกือบทุกวันน่ะ ยกเว้นเมื่อวาน พี่เห็นไท้ผัดผักกับเจียวไข่ไว้ ก็เลยกินอันนั้นแทน"

"อ๋อ" ไท้ขำตัวเองเบาๆ "ก็ผมทำอาหารแบบนี้ไม่เป็น ทำเป็นแต่อาหารบ้านๆ"

"แต่รสชาติก็โอเคนะ" เปายิ้มเม้มปาก "แล้ววันนี้จะไปไหน ไปร้านกับพี่ไหม ไท้จะได้ไปดูด้วยไงว่าพี่สอนลูกค้าดูแลสุขภาพยังไง จะได้เอามาใช้ไง ไม่ต้องเสียเงินด้วย เรียนฟรีเลย"

"วันนี้ไท้ว่าจะไปกับโค้ชครับ โค้ชจะพาไปดูพี่ๆ ทีมชาติซ้อมที่ กกท." ไท้ทำหน้าเกรงใจ

"อ๋อ" เปาพูดสั้นๆ ก่อนก้มหน้าก้มตากินข้าวเช้า สีหน้าจากยิ้มเปลี่ยนเป็นเรียบเฉย ช่างดูเป็นคนเข้าใจยากดีแท้

กินข้าวเช้าเสร็จ ไท้ช่วยให้อาหารหมา จากนั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ไม่นานก็ออกไปกับโค้ชเด้ง ระหว่างที่สองคนเดินไปขึ้นรถ เปามาแอบยืนดูตรงประตูหน้าบ้าน โค้ชเด้งยิ้มกว้างให้ไท้ เปิดประตูให้หนุ่มรุ่นลูกเข้าไปนั่งเบาะหน้า ดูสนิทสนมกันดีจนเปารู้สึกไม่สบายใจ พ่อของเปายังดูหนุ่มและหล่อเพราะดูแลตัวเองดี ที่ผ่านมาก็เคยมีเด็กหนุ่มๆ ที่อยากมีรายได้พิเศษมาชอบบ่อยๆ ไม่รู้ว่าไท้จะกลายเป็นหนึ่งในนั้นหรือเปล่า แต่ถ้าจะเป็น เปาจะทำอะไรได้

คนพวกนี้ชอบทำตัวแบบนี้กันทั้งนั้น!



เมื่อรถแล่นเข้ามาในพื้นที่ของการกีฬาแห่งประเทศไทยหรือ กกท. ไท้ก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เขาคอยถามโค้ชเด้งว่าอาคารแต่ละอาคารที่เห็นมีไว้ทำอะไรบ้าง อีกไม่กี่วันไท้ก็จะมาเก็บตัวซ้อมที่นี่ โครงการเตรียมช้างเผือกสู่ทีมชาติเพิ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก เนื่องมาจากว่ากระแสความนิยมกีฬาวอลเลย์บอลดีขึ้นมาก ส่วนหนึ่งก็ได้อานิสงฆ์จากพี่ๆ ทีมวอลเลย์บอลหญิงที่สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก ทางฝั่งวอลเลย์บอลชายจึงต้องขยับตัวและสร้างผลงานในระดับโลกให้ดีขึ้น การเตรียมคนรุ่นใหม่เพื่อก้าวเข้าสู่ทีมชาติจึงเกิดขึ้นด้วยเหตุผลนี้

วันนี้เป็นวันแรกที่นักกีฬาทีมชาติมารายงานตัว หลังจากนั้นก็จะเก็บตัวเกือบหนึ่งเดือน เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันในรายการชิงแชมป์เอเชีย ครั้งนี้ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ มีประเทศเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมดแปดประเทศ

เมื่อมาถึงโค้ชเด้งก็เข้าไปพูดคุยกับทีมงานของสมาคม ทั้งสองคนมาถึงสนามซ้อมก่อนแล้ว พร้อมกันนั้นก็แนะนำไท้ให้รู้จักด้วย

ไม่นานนักกีฬาก็ทยอยเดินทางมาถึง ทุกคนอยู่ในชุดกีฬาทีมชาติสีน้ำเงินแขนกุด กางเกงกีฬาสีดำ พร้อมสำหรับลงซ้อมทันที แต่เนื่องจากมากันยังไม่ครบ นักกีฬาจึงยืนคุยบ้าง นั่งคุยกันบ้าง บางคนก็มาคุยกับโค้ช

เมื่อนักกีฬามาถึง โค้ชก็ให้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกันก่อน มีนักข่าวสายกีฬาจากหลายๆ สถานีมาทำข่าวด้วย นักกีฬาแถวหลังยืน แถวหน้านั่งยอง ทีมสตาฟโค้ชยืนตรงกลางแถวหลัง นักกีฬาแต่ละคนตัวสูงๆ กันทั้งนั้น โค้ชที่ว่าสูงยังดูเตี้ยไปถนัดใจ

ก่อนเริ่มแข่ง โค้ชเด้งคุยกับนักกีฬาเล็กน้อย "งานนี้ ผมอยากให้เราทุกคนตั้งเป้าหมายให้ดีกว่าคราวที่แล้ว อย่างน้อยๆ ให้ได้สักที่สาม โค้ชก็รู้ว่างานหนักเอาเรื่อง แต่ผมก็เชื่อว่าทุกคนทำได้ ตอนนี้...ต้องยอมรับตรงๆ ว่าวอลเลย์บอลหญิงเขาไปไกลแล้ว อาจจะโชคดีตรงที่เขามีคู่แข่งในเอเชียน้อยกว่า แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าเขาวางแผนการพัฒนาทีมอย่างเป็นระบบ เพราะฉะนั้น ถ้าเราอยากก้าวข้ามให้พ้นระดับอาเซียน เราก็ต้องวางแผนระยะยาว คิดว่าทุกคนคงจะรู้มาบ้างแล้วว่าทางสมาคมมีโครงการปั้นเด็กใหม่ป้อนทีมชาติในอนาคต วันนี้โค้ชพาน้องใหม่มาให้รู้จักด้วย อยู่ในโครงการนี้เหมือนกัน ไท้มาแนะนำตัวกับพี่ๆ เร็ว"

โค้ชเด้งกวักมือเรียกไท้ซึ่งยืนสงบเสงี่ยมไม่ไกลออกไป เจ้าตัวรีบวิ่งมารายงานตัวอย่างว่องไว มาถึงก็ยกมือไหว้พี่ๆ ซึ่งยืนเรียงหน้ากระดานกัน

"สวัสดีครับ ชื่อเทิดไท้ สินภูษา มาจากจังหวัดพิษณุโลก ผมเล่นตำแหน่งหัวเสา เอ่อ...ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ"

บรรดาพี่ๆ ต่างรับไหว้และมองไท้อย่างเอ็นดู มีหลายคนที่ไท้จำได้เพราะเคยเห็นในทีวีบ่อยๆ แต่อยู่ดีๆ ไท้ก็มาสะดุดตาผู้ชายคนหนึ่ง ตัวไม่สูงมาก รูปหน้าแหลมคม ตาใสเป็นประกาย ดูเป็นคนขี้เล่นและอารมณ์ดี แถมยังมีผิวพรรณดีผิดจากคนอื่นๆ น่าแปลกที่ไท้ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่รู้ว่าเป็นตัวสำรองที่ไม่ค่อยได้ลงหรือว่าเพิ่งมาใหม่กันแน่ ชายหนุ่มผู้นั้นยักคิ้วหลิ่วตาให้ไท้ด้วย

เมื่อสมควรแก่เวลาแล้ว โค้ชเด้งจึงบอก "อีกสองอาทิตย์น้องๆ ก็จะมาเก็บตัวที่นี่เหมือนกัน คงจะได้ซ้อมด้วยกันบ้าง ยังไงโค้ชก็ฝากน้องๆ ด้วยละกัน โอเค ซ้อมกันเลยดีกว่า วันนี้จะให้ไท้ช่วยโยนลูกบอลให้"

พี่ๆ นักกีฬาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี คาดว่าเรื่องบาดหมางในทีมน่าจะสะสางเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จากนั้นก็ลงสนามวอร์มร่างกาย แต่ละคนนั่งลงบนพื้นสนามและเหยียดแขนขาในท่าต่างๆ มีเสียงคุยกันบ้าง จากนั้นก็โยนลูกบอลและฝึกตบ บางคนก็โยนให้เพื่อนตบ บางคนก็โยนแล้วตบเอง

ต่อมา โค้ชเด้งให้ไท้มายืนประจำตรงตะกร้าลูกวอลเลย์บอล บอกให้ไท้โยนบอลเข้าไปในสนามให้ตัวเซ็ตซึ่งยืนประจำที่อยู่ ตัวเซ็ตจะเซ็ตลูกวอลเลย์บอลขึ้นให้เพื่อนในทีมฝึกตบ ผู้เล่นตำแหน่งหัวเสาจะผลัดกันขึ้นตบ ไท้โยนลูกบอลเข้าไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องสนใจตำแหน่ง ตัวเซ็ตมีหน้าที่วิ่งไปเซ็ตให้เข้าจุดตบตรงหัวเสาเท่านั้น

เมื่อซ้อมจนพอใจ โค้ชก็แบ่งนักกีฬาออกเป็นสองทีม ทั้งสองทีมนี้จะแข่งกันเอง ฝึกเล่นเสมือนจริง แต่ไม่มีการนับคะแนนหรือตัดสินฟาล์ว ถึงช่วงนี้ไท้ก็นั่งดูข้างๆ สนาม ไม่ต้องโยนลูกบอลเข้าไป โค้ชเด้งมานั่งข้างๆ และคอยอธิบายไปด้วย ไท้เองก็คอยถามเป็นระยะๆ

"ผมไม่คุ้นพี่ที่เป็นเซ็ตเตอร์เลยครับโค้ช พี่เขาเพิ่งมาใหม่เหรอครับ"

"จีนน่ะเหรอ" โค้ชเด้งหรี่ตามองไปยังคนที่ไท้พูดถึง "ก็ไม่ใหม่ในวงการหรอก เป็นตัวเซ็ตระดับสโมสรน่ะ ฝีมือดี โค้ชก็เลยชวนมาเล่นทีมชาติ พอดีว่าตัวเซ็ตสองคน...เบสกับตินบาดเจ็บทั้งสองคนเลย ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเล่นทีมชาติอีกหรือเปล่าเพราะว่าเจ็บเรื้อรัง น่าจะต้องพักยาวอย่างน้อยครึ่งปีเลย นี่โค้ชยังต้องหามือเซ็ตใหม่อีกคนมาสำรองไว้ด้วย แต่น่าจะได้จากสโมสรชลบุรีเร็วๆ นี้ ทางสมาคมโอเคแล้ว"

ไท้พยักหน้ารับรู้ จากนั้นก็เสริม "ผมว่าพี่เขาเซ็ตดีนะครับ บอลเร็วก็เซ็ตได้ดี บอลหัวเสาก็โอเค"

"ใช้ได้เลย เบสเนี่ยเขาเซ็ตบอลหัวเสาได้ดี แต่บอลเร็วไม่ค่อยเท่าไหร่ ส่วนตินก็ตรงข้าม บอลเร็วดี แต่บอลหัวเสายังขาดๆ เกินๆ อยู่ เวลาแข่งจริงก็เลยไม่ค่อยมีใครได้ยืนพื้นนานๆ ต้องสลับกันบ่อยๆ ไปๆ มาๆ ก็เลยเจ็บทั้งสองคนเลย" โค้ชเด้งบอก

จังหวะนั้น จีนหันหน้ามาทางไท้พอดี เขายิ้มให้ด้วย ไท้จึงยิ้มตอบ

จบการซ้อม โค้ชก็ให้นักกีฬาพักกินข้าวกลางวันที่โรงอาหาร ช่วงกลางวันที่นี่จะมีโรงอาหารให้กินข้าว แต่พอตกเย็น นักกีฬาส่วนมากจะออกไปเดินตลาดนัด กกท. เปิดให้คนเช่าพื้นที่ด้านหน้าขายของและอาหาร ในด้านหนึ่งก็ดูครึกครื้น แต่อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงดังรบกวนนักกีฬาและทำให้พื้นที่สกปรก นักกีฬาบ่นกันแทบทุกคน เพราะร้านค้าและคนที่มาเต้นแอโรบิคเปิดเพลงเสียงดัง

ไท้ยังไม่สนิทกับพี่ๆ จึงว่าจะมานั่งกินข้าวกับทีมสตาฟโค้ช ระหว่างที่เดินไปซื้ออาหาร ไท้ก็เจอกับรุ่นพี่ตัวเซ็ตคนนั้น เขากำลังซื้ออาหารกับเพื่อนๆ ในทีมอีกสองคนพอดี

"ว่าไงไท้ มาที่นี่วันแรกเหรอ" จีนร้องทักและยิ้มให้ เขาต้องเงยหน้าเล็กน้อยเพราะไท้สูงกว่า

"ครับพี่ พี่จีนเซ็ตเก่งมากๆ เลย" ไท้ชม

จีนหัวเราะร่วน ท่าทางดูเฉยๆ กับคำชม "ขอบคุณครับ ปากหวานนะเนี่ย อยากมาเล่นกับพี่ไหมล่ะ"

"อยากครับพี่ เดี๋ยวผมจะฝึกซ้อมให้เก่งๆ จะได้ไปเล่นกับพวกพี่ๆ"

"ได้อยู่แล้ว เชื่อมือโค้ชเด้งได้เลย แล้วนี่นั่งไหน นั่งกับโค้ชเหรอ มานั่งกับพวกพี่ๆ ไหม" จีนชวน สีหน้าดูยิ้มสนุกตลอดเวลา

"นั่นแน่ มึงจะทำอะไรวะไอ้จีน กูรู้นะเว้ย" มาวินซึ่งยืนฟังอยู่สักพักแซวและหัวเราะ เขาเป็นหัวเสาตัวฉกาจอีกคนที่มีผลงานโดดเด่นและรับใช้ทีมชาติมาหลายปี

"ไอ้นี่มึง เดี๋ยวน้องเขาก็เข้าใจกูผิดหมดหรอก" จีนหันไปว่าเพื่อนไม่จริงจังนัก

"อ๋อเหรอ" มาวินทำหน้าทะเล้นใส่

"เข้าใจถูกล่ะสิไม่ว่า" พอลแซวบ้าง เขาเล่นตำแหน่งบอลเร็วและไหลหลัง สูงถึงสองร้อยเซ็นติเมตร ชื่อพอลมาจากชื่อจริงว่าเจษฎาพร แต่เรียกไปเรียกมา เพื่อนๆ ในทีมก็เปลี่ยนมาเรียก "ไอ้หนังพอร์น" หรือไอ้หนังโป๊ เพราะเขามีหนังเด็ดๆ มาแจกเพื่อนร่วมทีมดูยามว่างเสมอ

"ไท้อย่าไปฟังพวกมัน ว่าไง ไปนั่งกับพวกพี่ไหม เดี๋ยวจะเล่าเรื่องในวงการให้ฟัง อยากรู้อะไรถามพวกพี่ได้เลย" จีนพูด

"ได้ครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน แต่ผมไปบอกโค้ชก่อนนะครับ" ไท้บอกอย่างตื่นเต้น

"ไท้คิดดีแล้วเหรอมานั่งกับไอ้จีน" พอลยิ้มแปลกๆ เหมือนมีเลศนัย

"ไอ้หนังพอร์น เดี๋ยวแฟนมึงมากูจะแฉมั่ง" จีนหันไปขู่เพื่อน

พอลรีบยกมือห้าม "เฮ้ยอย่าๆ เออๆ กูไม่แซวมึงแล้ว"

ไท้ขำพี่ๆ แม้ว่าจะไม่เข้าใจนัก แต่อยู่ไปสักพักก็คงจะรู้ใส้รู้พุงกัน

เมื่อได้อาหารแล้ว ไท้ก็มานั่งกับจีน พอลและมาวิน สามหนุ่มสามมุมนี้สนิทกันมากกว่าใครในทีม แต่ที่จริงก็สนิทกันหมดทุกคน

"ไท้มีเชื้อจีนเปล่า ทำไมขาวจัง" จีนถามขณะกินข้าว

"ครับ พ่อผมมีเชื้อจีน ส่วนแม่ผมก็เป็นคนเหนือ ย้ายจากลำพูนมาอยู่พิษณุโลก" ไท้บอก

"มิน่าล่ะถึงขาว ขาวจั๊วะ น่าเจี๊ยะ" มาวินแซว หันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่จีนด้วย

"ไท้เรียนด้วยไหม" พอลถามยิ้มๆ

ไท้พยักหน้า "ครับ เพิ่งไปสมัคเรียนรามมาครับ"

"ถ้าขาดทุนการศึกษา ก็บอกพี่จีนเขาได้นะ เขาชอบอุปการะน้องๆ ผู้ยากไร้" พอลหัวเราะร่า

ไท้ทำหน้าฉงน แต่สักพักก็ยิ้มและตอบไปตามประสาซื่อ "ไม่เป็นไรครับ ผมมีคนอุปการะแล้วครับ"

สามหนุ่มที่นั่งอยู่ตาค้างทันที คงไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังผิดหรือถูก จากนั้นก็ถามพร้อมกันทั้งสามคนด้วยสีหน้าทึ่ง "มีแล้วเหรอ!?"

ไท้พยักหน้ารับงงๆ "ครับ โค้ชเด้งไงครับ"

"โค้ชเหรอ" สามหนุ่มถามพร้อมกันอีก จากนั้นก็มองหน้ากันไปมา ยิ้มแปลกๆ ให้กันด้วย

"สงสัยมึงแห้วแล้วว่ะไอ้จีน" มาวินตบไหล่เพื่อนร่วมทีมเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ ทุกคนในทีมรู้กันดีว่าโค้ชเด้งมีรสนิยมแบบไหน ที่จริงในทีมวอลเลย์บอลชายก็มีคนรสนิยมคล้ายๆ กันหลายคน รวมทั้งสามคนที่นั่งตรงนี้ด้วย

"แห้วไรวะ มีสต็อคเยอะเว้ย อยากได้เมื่อไหร่ เรียกมาได้ตลอดเวลา" จีนโวและยิ้มกริ่ม

"เออ ไอ้เสี่ยจีน หมั่นไส้จริงเว้ย หล่อรวยเลือกได้ หัวกระไดไม่เคยแห้ง" พอลว่าไม่จริงจัง

"พอได้แล้วพวกมึง ดูดิ ไท้งงหมดแล้ว น้องเขาอยากรู้เรื่องวงใน แต่พวกมึงไม่รู้คุยอะไรกัน" จีนแสร้งตำหนิ ก่อนหันมายิ้มให้ไท้ "เอางี้ เรื่องวงในเรื่องแรกที่พี่จะบอกไท้ก็คือ..."

จีนหยุดเว้นจังหวะ ชวนให้ตื่นเต้นไม่น้อย พอลกับมาวินสะกิดจีนพร้อมกัน มาวินเป็นฝ่ายถามย้ำ "มึงจะบอกน้องเขาจริงๆ เหรอวะไอ้จีน"

"ทำไมวะ เขารู้กันทั้งทีมแล้ว เดี๋ยวน้องๆ มาซ้อมด้วยบ่อยๆ ก็รู้อยู่ดี กลัวอะไรวะ" จีนว่า ก่อนหันมาหายิ้มให้ไท้

"เรื่องอะไรเหรอครับ" ไท้ถาม สีหน้าอยากรู้เต็มแก่

"ไม่ใช่เรื่องกลัวปลาทู กลัวถั่วฝักยาว หรือกลัวไม้ขีดไฟเหมือนดาราละกัน" มาวินยักคิ้วยิ้มๆ คำพูดของเขาเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้

จีนโน้มตัวเข้ามาใกล้ ยิ้มกริ่มและแววตาเป็นประกาย "พี่สามคน..." เขาทอดจังหวะ ยิ้มยียวนและจ้องตาไท้

"อะไรครับ น่ากลัวจัง" ไท้หัวเราะที่จีนทำหน้าตลกๆ แต่พอจีนเฉลย เขาก็ถึงกับเสียววาบ นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้สามคนนี้สนิทกันมากกว่าคนอื่นๆ ในทีม

"พี่สามคน...ชอบผู้ชาย!!!"


TBC


มีข่าวมาบอก ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปช่วยเขาทำเพลงประกอบซีรี่ส์เรื่อง Soulmates the Series ด้วยครับ
ช่วยแต่งเนื้อร้อง คอรัส บันทึกเสียงและมิกซ์ เร็วๆ นี้จะได้ฟังและดูซีรี่ส์เรื่องนี้นะครับ


https://www.youtube.com/v/vmClmECYQeI
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2017 08:21:33 โดย inxsara »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

"มีข่าวมาบอก ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปช่วยเขาทำเพลงประกอบซีรี่ส์เรื่อง Soulmates the Series ด้วยครับ
ช่วยแต่งเนื้อร้อง คอรัส บันทึกเสียงและมิกซ์ เร็วๆ นี้จะได้ฟังและดูซีรี่ส์เรื่องนี้นะครับ"

ออกเมื่อไร อย่าลืมบอกในนี้ด้วยนะ ^^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-01-2017 21:41:30 โดย Billie »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
รออ่านตอนต่อไปและรอดูซีรีย์นะคับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
 :o8:
พี่สามคนชอบผู้ชาย


หุหุ
จริงเหยอออออออออ


ไอ่พี่จีน..น่ากลัวเกินไป
 :hao6:
อิอิ

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 06 | หึงพ่อ



"กูว่าเราต้องคุยกับไอ้พาวตรงๆ แล้วนะเว้ยเปา แม่งไม่ค่อยเข้ามาช่วยงานในร้านเลย มันจะลงแต่เงินอย่างเดียวไม่ได้นะเว้ย ร่วมหัวจมท้ายกันแล้ว มันต้องช่วยกันหน่อยสิวะ ช่วงนี้ร้านก็มีปัญหาอยู่ ลูกค้าก็น้อยลง แม่งยังทำเหมือนไม่สนใจอีก เห็นไหมวันนี้มันก็ไม่มา"

ฟังเพื่อนบ่นทางโทรศัพท์ไป เปาก็ชักใจเสีย เขาพยายามไม่มองในแง่นี้ แต่เพื่อนอีกคนที่บอสพูดถึงก็ทำตัวอย่างที่ว่า ปล่อยให้เขากับบอสดูแลลูกค้ากันสองคนบ่อยๆ ในช่วงหลัง

"เงินก็ลงเท่ากัน รายได้ก็แบ่งเท่ากัน แต่มันแม่งทำตัวเหมือนเป็นเจ้านายพวกเราเลย กูชักจะทนไม่ไหวแล้วนะเว้ยไอ้เปา" บอสบ่นอีก เขาพ่นลมหายใจกระแทกลำโพง ระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัวมาทั้งวัน ที่จริงก่อนแยกกันกลับบ้านก็คุยกับเปาไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ดูเหมือนเจ้าตัวยังอารมณ์ค้าง จริงโทรมาบ่นอีกรอบ

แม้ว่าเปาจะเห็นด้วย แต่คำว่าเพื่อนก็ค้ำคออยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องอ่อนไหว ถ้าไม่ระวังก็อาจแตกหักกันได้ แถมร้านที่ลงทุนด้วยกันก็จะพลอยเจ๊งตามไปด้วย

"แล้วมึงจะให้กูทำไงวะไอ้บอส ขืนพูดกับมันเรื่องนี้ แตกหักกันเลยนะเว้ย ร้านก็จะเจ๊งอีก" เปาบอกไปอย่างหนักใจ

"แต่จะไม่พูดอะไรก็ไม่ได้นะเว้ย ช่วงนี้ร้านมันมีปัญหาอยู่ มันต้องช่วยกัน แล้วที่มันรับปากว่าจะหาเพื่อนมาช่วยการตลาด ก็ยังไม่เห็นมันทำอะไรเลย โทรไปก็ไม่อยากจะรับสาย กูกับมึงต้องมาแก้ปัญหากันสองคน อย่างนี้มันเอาเปรียบกันเกินไปหรือเปล่า" บอสบ่นอุบ

วันนี้เปาต้องกลับดึกๆ ดื่นๆ เพราะอยู่คุยกับบอสเรื่องปัญหาของร้าน ในขณะที่เพื่อนอีกคนกลับไม่สนใจแม้แต่จะโทรมาถาม เมื่อเป็นแบบนี้ เปาก็เริ่มเข้าใจสิ่งที่ฟางพยายามเตือนมาตลอด ที่ผ่านมาเขาดื้อรั้นและไม่เคยเชื่อฟังเธอเลย เพิ่งจะเริ่มเห็นเค้ารางก็วันนี้ แต่เขาก็ยังไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้แฟนสาวฟังหรอก

"กูหายสงสัยแล้วว่าทำไมฟางถึงไม่อยากให้มาลงทุนกับมัน มึงกับกูไม่เคยเชื่อฟางเลยนะไอ้เปา ไปหลงคารมไอ้พาว เห็นมันมีเงินเยอะ สงสัยมันคิดว่ามันมีเงินเยอะมั้ง ก็เลยมาทำตัวเป็นเจ้านาย แย่ว่ะ กูก็ไม่อยากเสียเพื่อนนะเว้ย แต่จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป กูยอมไม่ได้ว่ะ ถ้ามึงไม่พูดเดี๋ยวกูจะพูดเอง" บอสชักเหลืออด เขามักใจร้อนแบบนี้เสมอ

"มึงจะไปพูดกับมันเรื่องนี้เหรอไอ้บอส" เปาถามด้วยสีหน้ากังวล

"เออสิวะ"

"เดี๋ยวก่อนเว้ย มึงรอก่อนได้ไหมวะ" เปารีบห้าม "พรุ่งนี้ไอ้พาวมันบอกว่ามันจะเข้ามาทำงาน ลองดูท่าทีมันก่อน ถ้าไม่ดีขึ้น ค่อยมาคุยกันอีกที ถ้าจะคุยน่ะ มันต้องคุยกันสามคนเว้ย จะได้คุยทีเดียวให้จบ"

บอสเงียบไปสักพัก ส่งสัญญาณว่าน่าจะเห็นด้วยกับเหตุผลของเปา ไม่นานก็ถอนหายใจและยอมรับตามที่เปาเสนอ

"เออ เอาอย่างงั้นก็ได้ แต่อย่าให้ช้านะเว้ย"

"เออๆ” เปายืนยัน “กูถึงบ้านละ เดี๋ยวค่อยคุยกันพรุ่งนี้ละกันนะบอส เครียดมาทั้งวันแล้ว หยุดคุยเรื่องเครียดๆ เหอะว่ะ มึงก็อาบน้ำนอนพักผ่อนให้สบายๆ เหอะ ไม่ต้องคิดเรื่องนี้แล้ว คุยกับแฟนมึงก็ได้" เปาบอกด้วยความเป็นห่วง

"เออ เดี๋ยวกูจะโทรหาแฟนกูแล้ว มึงก็อย่าลืมโทรหาฟางละกัน เห็นช่วงนี้ทำงานหนักดึกๆ ดื่นๆ ทุกวันเลย ให้กำลังใจเขาหน่อย"

"เออๆ งั้นแค่นี้ก่อนนะเว้ย"

เปาร่ำลาเพื่อน ก่อนลงมาเปิดประตูหน้าบ้านเอง ที่บ้านน่าจะมีคนอยู่เพราะไฟเปิดสว่าง แต่กลับไม่มีใครลงมาเปิดประตูให้ เปาเอารถเข้าไปจอดในโรงรถ ก่อนเดินมาปิดประตูหน้าบ้าน เมสซี่กับเนยมาร์วิ่งมาคลอเคลียด้วยความดีอกดีใจอย่างเคย พวกมันแย่งกันกระโดดเลียหน้าเลียตาและส่งเสียงดังตื่นเต้น แค่นี้ก็ช่วยให้อารมณ์ของเปาแจ่มใสขึ้นมาได้บ้าง

พอเปาเดินเข้ามาในบ้าน เจ้าสองตัวก็ทำท่าจะเข้ามาด้วย เขารีบจุ๊ปากและบอกพวกมันด้วยเสียงดุเล็กน้อย "ดึกแล้ว วันนี้ไม่ให้เข้า ไปนอนเลย"

สองพี่น้องหน้าขนคงฟังรู้เรื่อง จึงพากันเดินไปหลังบ้านตาละห้อย พวกมันหันมามองและกระดิกหางไห้เปาเป็นระยะๆ เปายิ้มและขำด้วยความเอ็นดู ก่อนปิดบ้านและเดินขึ้นไปบนห้องของตัวเอง

ขณะมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย เปาก็เห็นพ่อของตัวเองเดินออกมาจากห้องของไท้ด้วยชุดกางเกงขาสั้นและเสื้อยืด พ่อมักใส่ชุดแบบนี้นอนเสมอ เขาขมวดคิ้วสงสัยเพราะไม่รู้ว่าพ่อเข้าไปทำอะไรในห้องของไท้กันแน่

โค้ชเด้งหันมามองลูกชาย ยิ้มแปลกๆ พักหนึ่งก็เดินเข้าห้องของตัวเองไป เปาครุ่นคิดและสงสัยอย่างหนัก ก่อนเดินไปที่ห้องของตัวเองซึ่งเป็นห้องแรกถัดจากบันได มือที่กำลังเอื้อมไปจับลูกบิดประตูพลันชะงัก เขาเปลี่ยนใจและเดินตรงไปยังห้องของพ่อแทน

เปาเคาะประตูห้องพ่อ ไม่นานพ่อก็มาเปิด โค้ชเด้งดูแปลกใจมากทีเดียว เพราะเปาแทบไม่เคยมาห้องของพ่อเลย

"มีอะไรหรือเปล่าเปา"

เปายังไม่ตอบทันที เขาเดินเข้าไปในห้องของพ่อและปิดประตู ก่อนเดินไปยืนกลางห้องและหันขวับมาถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ

"ตกลงพ่อกับไท้เป็นอะไรกันเหรอครับ"

โค้ชเด้งขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่สีหน้ายังดูอารมณ์ดี "แล้วเปาคิดว่าไงล่ะ"

"เขายังเด็กอยู่นะครับพ่อ" เปาต่อว่าพ่อเสียงเข้ม

"สิบเก้านี่ก็ไม่เด็กแล้วนะเปา บรรลุนิติภาวะแล้ว" โค้ชเด้งเถียง "พ่ออยู่คนเดียวเหงาๆ มานานแล้วนะเปา เปาจะไม่ให้พ่อมีความสุขบ้างเลยเหรอ"

"มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นหรือเปล่าครับ" เปาแค่นเสียง แม้ไม่อยากขุดคุ้ยเรื่องเก่า แต่คราวนี้ก็อดไม่ได้ "ก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าผมเจ็บปวดกับเรื่องนี้แค่ไหน ยังจะทำให้ผมเห็นอีกเหรอ ถ้าอยากทำ…ทำไมไม่ไปทำข้างนอก บ้านหลังนี้…ก็เงินแม่ผมส่วนหนึ่ง ทำแม่ผมตายยังไม่พอใจอีกเหรอ! หรือจะให้ผมตายด้วยอีกคนถึงจะพอใจ!" อารมณ์ของเปาเริ่มพลุ่งพล่าน เขาพูดเสียงดังใส่หน้าพ่ออย่างไม่เกรงใจ

"เปา!" โค้ชเด้งเรียกลูกชายเสียงดัง แต่สักพักเขาก็ปรับสีหน้าและท่าทางให้อ่อนลง ลูกชายพูดเรื่องภรรยาที่เสียชีวิตไปทีไร โค้ชเด้งก็มักลำบากใจที่จะเถียงเสมอ

"เปาไม่รู้อะไรเหมือนที่พ่อรู้หรอก" โค้ชเด้งเว้นจังหวะ แต่พออ้าปากจะพูดต่อลูกชายก็เถียง

"ผมเนี่ยเหรอไม่รู้อะไร ทำไมผมจะไม่รู้ว่าพ่อตัวเองเป็นอะไร!" เปาจ้องหน้าพ่อตาแข็ง แต่กระนั้นก็มีแววตาขื่นขมแฝงอยู่ในนั้น "รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเป็นแบบนี้ก็ยังจะมาแต่งงานบังหน้า เอาแม่ผมมาเป็นเครื่องมือหลอกคนอื่น แล้วก็ทำให้แม่ผมตาย!"

คำกล่าวหานี้อีกแล้ว มันคงจะเป็นตราบาปติดใจเขาไปตลอดชีวิต โค้งเด้งกลืนน้ำลายลงคอและหันหน้าหนี คงทนเห็นสายตาเกลียดชังของลูกชายตัวเองไม่ได้ ไม่มีพ่อคนไหนทนได้อยู่แล้ว

"ผมไม่อยากขุดคุ้ยเรื่องเก่าหรอกนะครับ แต่พ่อก็ต้องเข้าใจผมด้วยว่าผมเจ็บปวดแค่ไหนกับเรื่องนี้ อย่ามาสะกิดแผลใจผมอีก ขอร้องนะครับ…อย่ามาทำแบบนี้ให้ผมเห็นในบ้าน ไม่อย่างนั้น…อย่าหาว่าผมใจร้ายละกัน!" เปาคาดโทษเสียงดังจนเหมือนตะโกนใส่หน้าพ่อ ก่อนจะออกไปจากห้อง เปาก็ไม่ลืมกำชับ "ผมขออีกเรื่องละกัน อย่าทำอะไรไท้ เลี้ยงต้อยเด็กในสังกัดตัวเอง ถ้าวันหนึ่งคนเขารู้เข้า จะไม่มีที่ให้ยืนนะครับ แทนที่จะได้ช่วยเด็ก จะกลายเป็นทำลายอนาคตเด็กแทน!"

พูดจบเปาก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้องพ่อ ปิดประตูดังปังจนคนในห้องสะดุ้งตกใจ เขาสาวเท้าไวๆ ลงมาข้างล่าง ระหว่างนั้นก็ยกโทรศัพท์มาโทรหาฟางด้วย เมื่อฟางรับสายเขาก็กรอกเสียงลงไป

"ฟาง ฟางอยู่ที่โรงแรมหรือเปล่า"

"ใช่ มีอะไรเหรอ หรือว่าเปาจะมา" น้ำเสียงของฟางฟังดูสดใสอย่างเคย ช่วงนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรมที่หน่วยงาน หน่วยงานของเธอจัดงานประชุมใหญ่ที่นั่น เธอต้องอยู่โยงคอยดูแลแขกที่พักอยู่ที่นี่และเตรียมการหลายอย่าง

"เปาไปหาได้หรือเปล่า ว่าจะขอนอนด้วยสักคืน ถ้าให้เปาอยู่บ้านคืนนี้ เปาต้องเสียสติแน่ๆ เลย" เปาบ่นอย่างหงุดหงิด

"ทะเลาะกับพ่ออีกเหรอ"

"ก็ทำนองนั้น เขาทำทุเรศมากเลยนะฟาง เปาชักจะทนไม่ไหวแล้ว"

"เรื่องไท้เหรอ" ฟางสงสัย เปาเพิ่งเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังไม่นาน ก็เลยเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องนี้

เปามาหยุดยืนอยู่กลางบ้าน พักหนึ่งเขาก็ตอบกลับไป "ใช่ เมื่อกี้…พ่อเขาเดินออกมาจากห้องไท้ ฟางดูเขาทำสิ เขาไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของเปาเลย ถ้ายังทำแบบนี้อยู่ เปาก็ไม่อยากทำตามที่แม่ขอแล้ว เปาจะไปอยู่ที่อื่น"

"แล้วเปาจะไปอยู่ไหนล่ะ" ฟางย้อนถาม

"อยู่คอนโดหรืออะไรก็ได้"

"แล้วไม่ห่วงหมาสองตัวนั่นเหรอ เปาจะทิ้งพวกมันไปได้เหรอ" แม้ไม่ชอบหมา แต่ฟางก็ยังมีแก่ใจนึกถึงพวกมัน

อารมณ์พลุ่งพล่านของเปาพลันลดลงเมื่อนึกถึงหมาสองตัวของตัวเอง เขาคงไม่มีทางทิ้งพวกมันไปได้แน่นอน

"ใจเย็นๆ ก่อนได้ไหมเปา พ่อของเปาน่ะ…เขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ฟางอยากให้เปายอมรับเขาอย่างที่เขาเป็น แล้วก็ให้อภัยเขา" ฟางพูดให้แง่คิด แต่เธอคงลืมไปว่าไม่ใช่เวลานี้

"ไม่มีทาง ฟางอย่าพูดเรื่องนี้กับเปาอีกได้ไหม ถือว่าเปาขอละกัน" เปาตำหนิเสียงดุ

พลันทุกอย่างก็เงียบและนิ่งสนิทไปพักใหญ่ ปกติเปาแทบไม่เคยดุใส่ฟางเลย เคยทำครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว เพราะฟางพูดคล้ายๆ แบบนี้ เปานึกว่าฟางจะลืมไปแล้ว แต่เธอกลับยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่อีก

"ฟางขอโทษละกันที่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของเปา"

น้ำเสียงของฟางแฝงความน้อยใจ เปาจึงได้สติและรีบแก้ตัว "ฟาง…ฟางก็รู้ว่าเปาเจออะไรมา เปาเคยบอกฟางแล้วว่าไม่ให้พูดเรื่องนี้ เพราะยังไงเปาก็ให้อภัยเขาไม่ได้ ถึงเขาจะเป็นพ่อเปาก็เหอะ"

ฟางถอนหายใจสั้นๆ คงเหนื่อยใจกับเปาเรื่องนี้ไม่น้อย "ได้ ต่อไปฟางจะไม่พูด แต่ที่ฟางพูด ฟางก็แค่อยากให้เปาปล่อยวางและมีความสุข ถ้าเปาคิดกับพ่อแบบนี้ เปาจะมีชีวิตที่มีความสุขได้ยังไง"

ที่ฟางพูดมาก็ถูกของเธอ เปาไม่เคยมีความสุขกับชีวิตอย่างแท้จริงเลยตั้งแต่แม่ตายไป ทุกวันที่กลับมาบ้านและเห็นหน้าพ่อ เขามักจะนึกถึงแต่ความเจ็บปวดในอดีตเสมอ ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีรอยยิ้มให้กัน เหมือนต่างคนต่างอยู่คนละโลกที่ไม่มีวันมาบรรจบกัน

"ตอนนี้ฟางยังเคลียร์งานไม่เสร็จ อีกอย่าง…ฟางพักกับเพื่อนที่ทำงานด้วย คงไม่สะดวกให้เปามาหา แค่นี้ก่อนละกันนะเปา เดี๋ยวฟางจะทำงานต่อ" ฟางบอกและวางสายไปทันที

เปาเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้ากับปัญหาต่างๆ เขาหวนคิดถึงแม่อีกแล้ว ตรงที่เปายืนอยู่ตอนนี้ แม่ของเขาเคยนอนเสียชีวิตอย่างน่าเวทนา แม่ช่างเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารเหลือเกิน เธอต้องแต่งงานกับคนที่ไม่เคยรักเธอ แถมยังต้องเจ็บปวดเมื่อรู้ความจริงทีหลังว่าสามีตัวเองเป็นเกย์ มีชีวิตครอบครัวที่ขมขื่น สุดท้ายเธอก็ทนเจ็บปวดไม่ไหวจนต้องลาจากโลกนี้ไป ทิ้งลูกชายที่เธอรักสุดชีวิตให้ขาดแม่ ตั้งแต่นั้น เปาไม่เคยได้รับความรักใดๆ เทียบเท่ากับความรักของแม่อีกเลย

เปาหันไปมองรูปแม่ไกลออกไปตรงมุมเปียโน พักหนึ่งก็หลับตานิ่ง ปล่อยให้น้ำตารินไหลลงมา จากหยดที่หนึ่งก็ตามด้วยหยดที่สอง หยดที่สองตามด้วยหยดที่สาม แต่พอจะถึงหยดที่สี่เขาก็ลืมตาขึ้น สลัดหัวไปมาช้าๆ พ่นลมหายใจยาว ก่อนหันหลังกลับและเดินขึ้นไปบนห้อง ไม่ใช่ของตัวเอง แต่เป็นห้องของไท้ต่างหาก

เปาเคาะประตูเรียกไม่นานไท้ก็มาเปิดให้ หนุ่มน้อยผิวขาวอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดเก่าๆ สีมอๆ มีรอยขาดๆ และหลุดรุ่ยเล็กน้อย พอเห็นว่าใครมาหา ไท้ก็ส่งยิ้มดีใจให้

"ทำไมกลับดึกจังครับพี่เปา"

เปาปิดประตูห้อง แทนที่จะตอบรับไมตรีอีกฝ่ายกลับถามเสียงดุ "ทำไมมึงไม่ลงไปเปิดประตูหน้าบ้านให้กู ทำอะไรอยู่"

"ไม่มีอะไรนี่ครับ พอดีโค้ชมาหา" ไท้หน้าเสีย อยู่ดีๆ เปาก็ดุใส่และพูดมึงกูด้วยอีกแล้ว

"คงจะสนุกกันมากล่ะสิท่า ถึงไม่ยอมลงไปเปิดประตูให้" เปามองตาขวาง ท่าทางพร้อมจะหาเรื่องทุกเมื่อ

"ครับ" ไท้รับคำประสาซื่อ

"นี่มึงกับพ่อกู…" เปาตวาดและชี้หน้า อารมณ์ที่เย็นลงเมื่อครู่นี้พลันกลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง

ไท้รู้สึกกลัวท่าทางดุของเปา เขาจึงค่อยๆ เดินถอยหนีอย่างช้าๆ แต่เปาก็เดินตามมาและรักษาระยะห่างไว้เท่าเดิม

"มึงสิ้นคิดขนาดนี้เหรอถึงต้องทำแบบนี้" เปาต่อว่าอีก

"ทำอะไรเหรอครับ" ไท้ถามงงๆ

"มึงไม่ต้องมาทำซื่อบื้อ อย่านึกว่ากูรู้ไม่ทันนะเว้ย" เปาชี้หน้าอีก "ถึงมึงจะมาจากบ้านนอก กูก็รู้ว่ามึงไม่ได้ซื่อขนาดนั้นหรอก ถ้าซื่อจริง จะหาทางลัดแบบนี้เหรอวะ"

"พี่เปาพูดเรื่องอะไรครับ ผมไม่เห็นเข้าใจเลย"

"ไม่เข้าใจเหรอ ได้ เดี๋ยวกูจะทำให้มึงเข้าใจเองว่ากูพูดเรื่องอะไร"

เปาปรี่เข้ามาจับไหล่สองข้างของไท้ไว้ จากนั้นก็ดันให้ไท้เดินถอยหลังมาที่เตียง ถึงขอบเตียงก็ผลักร่างสูงลงไปนอน เจ้าของร่างขาวกระเด้งขึ้นเล็กน้อยจากแรงกระแทก เปาถือโอกาสโถมตัวลงไปทาบทับทันที ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหลบหนีไปได้

ซอกคอขาวของไท้พลันถูกสูดดมและซุกไซร้ เปาขึงมือสองข้างของไท้ออกและกดแน่น เขามีแรงมากกว่าอีกฝ่ายจึงดิ้นไม่หลุด ที่จริงไท้น่าจะมีแรงมากกว่านี้ แต่เขากลับออกแรงขัดขืนไม่มากเท่าที่ควร

พักหนึ่งเปาก็หยุดรุกราน จ้องหน้าไท้ซึ่งดูตื่นๆ ระคนหวาดกลัว

"พี่เปาจะทำอะไรผมครับ" ไท้ถามเสียงสั่น

"ก็จะทำเหมือนที่พ่อกูทำกับมึงไง มึงก็ชอบไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องมาทำใสซื่อหรอก" เปาพูดกึ่งตะคอก

"ผมกับโค้ชไม่ได้ทำอะไรกันนะครับ" ไท้ชี้แจง

เปาชะงัก แต่สักพักก็ใส่อารมณ์เหมือนเดิม "มึงนี่มันไว้ใจไม่ได้เลยนะไอ้ไท้ พวกตุ๊ดนี่มันเป็นอย่างนี้ทุกคนเหรอวะ ตอแหลจริงๆ เมื่อกี้มึงก็บอกกูเองไม่ใช่เหรอว่ามึงกับพ่อกูทำอะไรกัน สนุกจนไม่สนใจใครเลย ขนาดกูมามึงยังไม่ลงไปเปิดประตูให้กู แล้วทีนี้เสือกมาบอกว่าไมได้ทำอะไรกัน คงจะโกหกบ่อยใช่ไหมถึงจำไม่ได้ว่าเคยพูดอะไรไว้ ความจำสั้นจริงนะมึง ดี! ความจำสั้นๆ อย่างนี้ก็ดี ถ้าเมื่อกี้มึงจำไม่ได้ว่ามึงทำอะไรไป กูจะช่วยทบทวนให้"

ว่าแล้วเปาก็ซุกไซร้ซอกคอของไท้อีกครั้ง ไท้ออกแรงดิ้นหนีเพิ่ม แต่เปาก็ออกแรงกดไว้มากขึ้นเป็นเงาตามตัว

"พี่เปา พี่เข้าใจผมผิดนะครับ เมื่อกี้โค้ชให้ผมดูคลิปวอลเลย์บอล แล้วเขาก็สอนผมไปด้วย"

สิ้นเสียงอธิบายติดๆ ขัดๆ ของไท้ เปาก็หยุดทุกอย่างทันที ท่าทางโกรธเกรี้ยวพลันค่อยๆ หายไป ดูเหมือนจะเสียหน้าด้วยเมื่อรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง เขาปล่อยไท้แล้วก็ลุกขึ้นนั่งบนขอบเตียงอย่างหงุดหงิด หอบหายใจเล็กน้อย

ไท้ค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งข้างๆ แอบลอบสังเกตท่าทีของเปาอย่างหวั่นๆ ไปด้วย แต่เปาก็ไม่ยอมหันมามองหน้า ต่างคนจึงต่างเงียบไปชั่วครู่ จนกระทั่งไท้เป็นคนทำลายความเงียบเสียเอง

"พี่เปาคิดว่า…คนจนๆ อย่างผม ต้องหาทางลัดแบบนี้เหรอครับ"

เปากลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ สีหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรู้สึกผิด

"ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าพี่เปากับโค้ชมีปัญหาอะไรกัน แล้วผมก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมพี่เปาถึงคิดว่าผมกับโค้ชจะทำอะไรกันแบบนั้น แต่ผมอยากให้พี่เปารู้ไว้ ถึงผมจะจน ผมก็มีศักดิ์ศรี!"

เปาหันมามองไท้ แววตาจริงจังของอีกฝ่ายยิ่งทำให้เปารู้สึกผิดมากขึ้น คงอายด้วยที่ผลีผลามทำไปทั้งที่ยังไม่รู้ความจริง ดีที่ไม่เตลิดไปมากกว่านี้

"ถ้าผมอยู่ที่นี่แล้วพี่ไม่สบายใจ ผมไปอยู่ที่อื่นก็ได้นะครับ" ไท้บอกเสียงหนักแน่น

สีหน้าของเปาเปลี่ยนเป็นตกใจ แต่เขาก็ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกจากปาก แม้แต่คำขอโทษสักคำก็ไม่มี นั่งนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร

เมื่อเปาไม่ห้ามไว้ ไท้จึงลุกขึ้น เดินไปหยิบโทรศัพท์ตรงหัวเตียงมา พลันก็กดโทรหาใครคนหนึ่ง สัญญาณดังเพียงสองครั้งทางนั้นก็รับสายทันที เขาทักด้วยเสียงโทนใส

“ว่าไงไท้ โทรมาหาพี่ซะดึกเลย”

“พี่จีน…ยังไม่นอนอีกเหรอครับ” ไท้ถามอย่างเกรงใจ

“พี่ละเมออยู่” จีนพูดหยอกแล้วหัวเราะ “ยังไม่นอนหรอก เมื่อกี้ไอ้หนังพอร์นกับมาวินมาเล่นที่ห้อง เพิ่งกลับไป”

"ครับ เอ่อ…พี่จีนครับ”

“มีไรเหรอ ว่ามาเลย”

“ถ้าผมจะไปพักกับพี่คืนนี้ ผมจะไปได้ไหมครับ" ไท้บอกไปตามตรงแม้จะเกรงใจ

"ที่ตึกสองร้อยเตียงเหรอ” จีนถามย้ำ “ได้สิ แล้วทำไมไท้จะรีบมาล่ะ ยังไม่ถึงเวลาเก็บตัวไม่ใช่เหรอ"

"ผมจำเป็นต้องไปน่ะครับพี่จีน ผมไปได้หรือเปล่าครับ" ไท้ขอร้อง ในเวลานี้ จีนเป็นเพียงคนแปลกหน้าในกรุงเทพคนเดียวเท่านั้นที่ไท้มีเบอร์อยู่ ก่อนกลับบ้านวันนี้ จีนเป็นคนเดินมาขอเบอร์ไท้และแลกเบอร์กันไว้

"ได้ๆๆ แล้วจะมาถูกหรือเปล่าเนี่ย ให้พี่ไปรับไหม"

ไท้มีสีหน้ากังวล เพราะเขาไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายมากไป แต่จะไปหาเองก็กลัวจะหลงทาง

"เดี๋ยวพี่ไปรับละกัน" จีนบอกเมื่อเห็นไท้อึกอัก "อยู่ที่บ้านโค้ชเด้งใช่ไหม เดี๋ยวพี่ไปรับ รอแป๊บนึงนะ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหรอก"

"ครับพี่ ขอบคุณมากครับพี่จีน" ไท้ยิ้มดีใจ

เมื่อวางสายแล้วไท้ก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า เก็บเสื้อผ้าที่มีอยู่ไม่มากนักใส่กระเป๋าเดินทางใบยาวแบบถือ สีมันซีดและเก่าพอสมควร เอาเสื้อผ้าใส่หมดแล้ว ไท้ก็เข้าไปเอาของใช้ส่วนตัวในห้องน้ำมาใส่กระเป๋าด้วย ไม่นานทุกอย่างก็พร้อม

สี่ทุ่มกว่าแล้ว สมควรจะเป็นเวลานอน แต่ตอนนี้ไท้กลับต้องออกเดินทางและจากไปอย่างไม่คาดฝัน แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านของไท้ เขาแค่มาอาศัยอยู่เท่านั้น เมื่อเจ้าของบ้านไม่ต้อนรับ ไท้ก็คงไม่สามารถหน้าด้านอยู่ต่อไปได้

ไท้เดินช้าๆ มาหยุดตรงหน้าเปาพร้อมกระเป๋าใบนั้น เปาเงยหน้ามามองด้วยแววตาเศร้าๆ ไม่มีร่องรอยความโกรธเกลียดให้เห็นอีกแล้ว

"ผมไปแล้วนะครับพี่เปา ขอบคุณมากนะครับที่พี่เคยดีกับผม แล้วก็สอนอะไรดีๆ ให้ผมหลายอย่าง"

เปาไม่ตอบอีกตามเคย เขาได้แต่มองด้วยสายตารู้สึกผิด ไท้จึงบ่ายหน้าหนีไปทางประตู สูดลมหายใจลึกๆ เข้าปอด ไม่นานก็เดินออกไปอย่างช้าๆ แม้จะอยู่ที่นี่ไม่กี่วันแต่ก็รู้สึกใจหาย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผูกพันกับบางอย่างหรือเปล่า อาจจะเป็นหมาสองตัวนั้นก็ได้ เพราะไท้ดูแลและหาข้าวหาน้ำให้มันกินทุกมื้อ แถมพวกมันก็ชอบไท้และชอบวิ่งเล่นด้วยกัน หวังว่าจะมีเพียงแค่หมาเท่านั้น ไม่ใช่คนที่นั่งเงียบๆ อยู่ข้างหลัง

เมื่อมาถึงประตู ไท้ก็จับลูกบิดเตรียมเปิดออก แต่ยังไม่ทันเปิดออกไป ใครบางคนก็จับข้อมือของไท้ไว้ ตามด้วยเสียงพูดประโยคสั้นๆ ทว่ามีความหมาย

"อย่าไปเลยนะไท้ พี่ขอโทษ"

เมื่อไท้หันไปมอง ร่างของเขาก็ถูกรวบกอดไว้ กระเป๋าเดินทางที่ถือไว้ค่อยๆ หลุดมือลงไปกองกับพื้น มือของไท้จึงว่างและสามารถกอดตอบได้

ไท้พลันรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงเข้าไปอยู่ในโลกใบหนึ่ง โลกซึ่งมีกลิ่นหอมอุ่นๆ และไออุ่นอวลตระหลบทุกที่ ช่างน่าแปลกที่หัวใจซึ่งเคยโหยหาบางอย่างกลับรู้สึกอิ่มเต็ม ไออุ่นที่ไท้เคยอยากได้จากผู้ชายคนหนึ่งมาตลอดชีวิต บัดนี้ไท้ก็ได้สัมผัสมันแล้ว

"พรุ่งนี้...เจ็ดโมงเช้าเหมือนเดิมนะไท้" เปาบอกพลางกระชับอ้อมแขนเพิ่มขึ้น เขาไม่เคยรู้สึกอยากงอนง้อหรืออ้อนวอนใครแบบนี้มาก่อนเลย ทั้งที่เขาก็ยังไม่ผูกพันกับไท้มาก รู้จักกันก็ไม่กี่วัน ซ้ำยังเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก เปารู้แค่เพียงว่าเขาต้องการให้คนๆ นี้อยู่ที่นี่ต่อไปเท่านั้น บ้านหลังนี้เงียบเหงามานานแล้ว แม้จะมีใครแวะมาเยี่ยมเยียนบ่อยๆ แต่มีเพียงคนนี้เท่านั้นที่ทำให้บ้านหลังนี้มีบรรยากาศต่างไป ถ้าคนๆ นี้ไม่อยู่ บ้านก็คงเงียบเหงา เจ้าสองตัวที่หลังบ้านก็คงขาดเพื่อนเล่นที่รู้ใจ

"ครับ" ไท้รับคำสั้นๆ ราวกับลืมไปแล้วว่านัดใครอีกคนไว้


TBC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2017 08:21:39 โดย inxsara »

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  เกือบไปแล้วไท้เอ้ย จะโดนปล้ำเพราะความเข้าใจผิดของเปา ไท้ก็เด็ดเดี่ยวดีชอบๆ ไม่อยากให้อยู่ก็ไม่อยู่
  รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
จะหนีเสือไปปะไอ่เข้อ่ะดิ

จีนมันร้ายยยยยยยยยยยย
เสือผู้ชาย..ไม่ใช่เหรอ

น่ากลัวอ่ะ
อิอิ

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
EP 07 | เกลียดแรก



ในที่สุด วันรายงานตัวนักกีฬาเตรียมทีมชาติจากโครงการเฟ้นหาเด็กยักษ์ก็มาถึงเสียที วันรายงานตัว มีนักกีฬาที่ผ่านการคัดเลือกระดับภูมิภาค คัดมาภาคละสองไม่น้อยกว่าสองคน แล้วแต่ความเหมาะสม จนได้ตำแหน่งต่างๆ ที่ต้องการครบสิบสองคน เท่ากับหนึ่งทีมพอดี

ช่วงแรก โค้ชกิตติซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนประจำทีมเป็นคนกล่าวต้อนรับ

"ก็สวัสดีทุกคนนะครับ เป็นไง ตื่นเต้นไหมครับวันนี้" มีเสียงตอบกลับมาว่าตื่นเต้นจากนักกีฬา "โค้ชก็ตื่นเต้น ทุกคนในทีมก็ตื่นเต้นเหมือนกันเลย เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราจะเตรียมทีมชาติเพื่ออนาคตกันอย่างจริงๆ จังๆ ที่ผ่านมาเราก็เคยทำมาบ้าง แต่ยังไม่เป็นเรื่องเป็นราวเท่าไหร่ โชคดีตอนนี้กีฬาวอลเลย์บอลได้รับความนิยมมาก อย่างทีมหญิงก็ติดอันดับต้นๆ ของโลกไปแล้ว กระแสก็เลยดี ที่ผ่านมา วอลเลย์บอลชายเรามีคู่แข่งค่อนข้างเยอะในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นอิหร่าน จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินเดีย ออสเตรเลีย ในขณะที่ทีมหญิงมีแค่จีน เกาหลี แล้วก็ญี่ปุ่นที่เป็นคู่แข่งหลัก เราก็เลยยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่อันนั้นก็เป็นอดีต โค้ชเชื่อว่าเรายังมีหวัง ตอนนี้ทางสมาคมก็มีแผนว่าอยากให้วอลเลย์บอลชายไทยขึ้นมาติดหนึ่งในสี่ทีมชั้นนำของเอเชียภายในห้าปี เพราะตอนนี้เราอยู่ที่แปด ซึ่งก็จะเป็นระดับเดียวกับทีมหญิง โครงการนี้ก็จะเป็นจุดเริ่มต้น พวกเราแล้วก็เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศคงฝากความหวังไว้ที่พวกเรา ทางสมาคมก็ยินดีช่วยสนับสนุนเต็มที่ ก็อยากให้ทุกคนตั้งใจ สามเดือนที่เราจะอยู่ที่นี่ ขอให้ทุกคนฝึกซ้อมตามตารางอย่างเต็มที่ และถ้าอยากเก่งมากขึ้นก็ต้องหาเวลาซ้อมส่วนตัวด้วย"

จากนั้นโค้ชจึงแนะนำทีมงานสต๊าฟโค้ช วันนี้มีทีมกายภาพบำบัด ทีมนวด เทรนเนอร์และผู้ช่วยโค้ชมาร่วมรายงานตัวด้วย เรียกว่ามากันทั้งทีมเลยทีเดียว ต่อจากนั้นโค้ชก็ให้นักกีฬาที่ผ่านการคัดเลือกออกมาแนะนำตัวสั้นๆ บอกชื่อเล่น ตำแหน่ง ความสูง จังหวัดและความชอบหนึ่งอย่างของตัวเอง เริ่มจากไท้เป็นคนแรก

"ผมชื่อไท้ครับ ตำแหน่งบอลหัวเสา สูง 192 มาจากพิษณุโลก ผมชอบเล่นกับหมาครับ"

"ผมชื่อเหินฟ้าครับ บอลหัวเสา สูง 198 มาจากกาฬสินธุ์ ชอบ...เอ่อ...ชอบกินส้มตำครับ"

"ฟีนิกซ์ครับ เป็นตัวเซ็ต สูง 189 มาจากเชียงใหม่ ชอบ...กินใส้อั่วครับ"

"ผมชื่อโจครับ บอลหัวเสา สูง 196 มาจากสงขลา ชอบภูเขาครับ"

"ผมชื่อรักครับ เป็นลิเบอโร่ สูง 188 มาจากภูเก็ต ชอบ...สาวญี่ปุ่นครับ"

"ตาต้าครับ เล่นบอลบีหลัง สูง 190 มาจากกาญจนบุรี ชอบเที่ยวกับธรรมชาติครับ"

"ผมชื่อป้อมครับ ตำแหน่งรับอิสระ สูง 188 มาจากระยอง ชอบทะเลครับ"

"ชื่อเวิร์มนะครับ เล่นบอลหัวเสา สูง 199 มาจากศีรษะเกษ ชอบ...เอ่อ...ชอบทุเรียนครับ"

"ชื่ออั้มครับ เล่นบอลเร็ว สูง 202 เซนติเมตร มาจากกรุงเทพ ชอบ...ชอบกินเคเอฟซีครับ"

"ผมชื่อเกิ้นครับ เป็นตัวเซ็ต สูง 190 มาจากโคราช ชอบเที่ยวต่างประเทศครับ"

"ชื่อถาครับ สูง 188.5 มาจากชลบุรี ว่างๆ จะชอบไปแข่งรถครับ"

"ชื่ออ้ายครับ ตำแหน่งบอลเร็ว สูง 197 มาจากปทุม ชอบไปตกปลาครับ"

บางคนก็แนะนำตัวเรียบๆ บางคนก็ตลกๆ บางคนก็ขรึมๆ บางคนก็อายๆ บางคนก็โผงผาง คนเป็นโค้ชต้องมีจิตวิทยาที่ดีพอสมควรถึงจะเอาเด็กๆ กลุ่มนี้อยู่หมัด แต่คนเป็นโค้ชก็สอนมาหลายคนแล้ว ย่อมมีประสบการณ์และรู้วิธีจับปูใส่กระด้งเป็นอย่างดี

เกือบทั้งหมดอายุสิบเก้า มีก้าน เวิร์มและอ้ายอายุสิบแปด ส่วนเหินฟ้าเป็นเพียงคนเดียวที่อายุยี่สิบ เด็กช่วงวัยกำลังโตและแข็งแรง ถ้าได้รับการพัฒนาและขัดเกลาที่ดีก็จะเก่งและมีความสามารถ ประสบความสำเร็จในอาชีพที่เลือกได้ ทุกคนมีอายุการเล่นกีฬาอย่างน้อยๆ สิบห้าปีนับจากนี้ ส่วนใครจะไปถึงฝั่งฝันได้ไกลแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของแต่ละคนด้วย

โค้ชกิตติให้นักกีฬาวอร์มร่างกายซึ่งเป็นสิ่งพื้นฐานที่ต้องทำเป็นประจำก่อนซ้อม คราวนี้สมาคมยอมลงทุนมากกว่าครั้งไหน จะมีการใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วย มีนักโภชนาการมาดูแลเรื่องอาหารการกิน นักกีฬาทุกคนจะได้รับวิตามินเสริมและโปรตีนสำหรับชงดื่ม มีเทรนเนอร์เข้ามาช่วยเรื่องการพัฒนากล้ามเนื้อ สรีระและความแข็งแรง มีทีมกายภาพที่จะคอยดูแลรักษาและให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง รวมทั้งมีทีมงานเข้ามาเก็บข้อมูลพัฒนาการของนักกีฬาแต่ละคน เพื่อนำมาวิเคราะห์และหาแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมเป็นรายๆ ไป แม้กระทั่งการศึกษา ใครที่ต้องการทุนการศึกษาก็สามารถขอจากสมาคมได้ด้วย

จากนั้นโค้ชก็แนะนำกฎ กติกาการเล่นวอลเลย์บอลระดับสากล แม้ว่าส่วนใหญ่จะรู้มาบ้างแล้ว แต่ก็จำเป็นต้องสอนอีกครั้ง ตามด้วยการฝึกเทคนิคต่างๆ ตั้งแต่เสิร์ฟ รับบอล เซ็ต ตบหัวเสา ตบจากเส้นสามเมตร บอลเร็วและลูกสูตรต่างๆ ยังไม่เน้นลงลึก แต่ให้รู้พื้นฐานและข้อควรระวัง ส่วนมากนักกีฬาจะมีปัญหาเรื่องการเซ็ต ส่วนมากคนที่ไม่ใช่มือเซ็ตมักพาบอลหรือใช้สองมือเซ็ตลูกไม่พร้อมกัน แต่กระนั้นทุกคนก็ต้องเซ็ตให้เป็น เพราะเวลาเล่นจริง บางจังหวะคนเซ็ตอาจโดนจี้ให้รับบอลแรก หรือมีเหตุให้วิ่งมาเซ็ตไม่ได้ คนอื่นๆ จึงต้องช่วยเซ็ตแทน

มีพี่ๆ ทีมชาติและโค้ชเด้งแวะเข้ามาดูเป็นเวลาสั้นๆ ด้วย ช่วงนั้นเป็นช่วงที่คนเล่นบอลหัวเสาฝึกกระโดดตบพอดี โค้ชให้ฟีนิกซ์เป็นคนเซ็ต แต่บอลต่ำไปหน่อยก็เลยตบไม่เต็มมือ โค้ชจึงให้ฟีนิกซ์เซ็ตใหม่ ช่วงแรกๆ มักมีปัญหาเล่นไม่เข้าขากัน เพราะคนเซ็ตยังไม่รู้จุดตบของแต่ละคน แต่พอฟีนิกซ์เซ็ตใหม่อีกครั้ง ไท้ก็ตบได้หนักสะใจจนพื้นแทบทรุด เรียกเสียงฮือฮาจากเพื่อนๆ ร่วมทีมได้เป็นอย่างดี จีนกับเพื่อนๆ ทีมชาติถึงกับยกนิ้วให้

พี่ๆ ยืนดูสักพักก็ไปซ้อมของตัวเองบ้าง ส่วนรุ่นน้องก็ยังซ้อมต่อไป พักกินข้าวกลางวันแล้วก็ยังต้องซ้อมต่ออีก แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงเก็บตัว นักกีฬาจะซ้อมเฉพาะตอนเช้ามืดและตอนเย็น ส่วนช่วงกลางวันจะปล่อยให้นักกีฬาไปเรียนหนังสือ ทำงาน หรือแล้วแต่ใครจะทำอะไร

ช่วงกลางวัน โค้ชทำเซอร์ไพรส์ไท้ด้วยการซื้อเค้กวันเกิดมาให้ วันนี้เป็นวันเกิดของเขาพอดี เพื่อนๆ ในทีมจึงมีลาภปาก ได้กินเค้กอร่อยๆ หลังอาหารกลางวัน อิ่มแล้วโค้ชก็ให้พักผ่อนตามอัธยาศัยหนึ่งชั่วโมง ส่วนมากนักกีฬาก็เข้ามานั่งเล่นในโรงยิม ช่วงที่ยังไม่คุ้นเคยกันดีจึงนั่งพูดคุยทำความรู้จักกันไป พอมองไปรอบๆ ก็จะเห็นว่าโค้ชและทีมงานก็อยู่ครบ จับกลุ่มคุยกันตามจุดต่างๆ บรรยากาศดูผ่อนคลายและเป็นกันเองดี

ไท้นั่งเหยียดขาคุยกับฟีนิกซ์ โจ รักและเหินฟ้า คนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดก็คือเหินฟ้า เพราะว่าชื่อแปลกกว่าคนอื่นๆ เหินฟ้าหัวเสาจึงบอกเพื่อนๆ ว่า

"แม่กูน่ะดิ ชอบดูเรื่องผยองที่ศรรามกับกบ สุวนันท์เล่น พวกมึงเคยดูไหม พระเอกชื่อเหินฟ้าไง แม่กูชอบมาก เขาบอกว่าถ้ามีลูกชายจะตั้งชื่อว่าเหินฟ้า"

"กูยังไม่เกิดเลย จะไปเคยดูได้ไงวะ" ฟีนิกซ์ตัวเซ็ตว่าพลางหัวเราะไปกับเพื่อนๆ

"แล้วน้องมึงชื่อสวยด้วยเปล่าวะ" โจหัวเสาถามหยอก

"น้องกูเป็นผู้ชายเว้ย ชื่อสวยก็แปลกแล้ว" ฟีนิกซ์ตัวเซ็ตพูด "อ้าว อย่างนี้ก็แสดงว่ามึงเคยดูสิ"

"เคยดูในยูทูปเว้ย" โจหัวเสาชี้แจง

"แล้วมึงเคยไปตะโกนที่หน้าผาเปล่า" รักลิบหนึ่งถาม "กูเคยดูคลิปเว้ย พระเอกกับนางเอกเขาชอบไปเที่ยวตรงหน้าผา พระเอกตะโกนว่าเหินฟ้า นางเอกตะโกนว่าสวย แล้วก็มีเสียงก้องๆ กลับมา ฉากในตำนานเลยนะมึง"

พอรักพูดจบ เพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ก็เอามือป้องปากและตะโกนชื่อเหินฟ้ากับสวยกันสนุก โค้ชและเพื่อนๆ หันมามองและหัวเราะกันใหญ่ จังหวะนั้น จีน พอลและมาวินเดินข้ามาพอดี พอเห็นไท้ก็ตรงเข้ามาหา

"พี่จีน พี่พอล พี่มาวิน" ไท้เรียกรุ่นอย่างดีใจ

จีนกับเพื่อนๆ มาถึงก็นั่งลง จีนเลือกนั่งใกล้ไท้ ก่อนเริ่มคุยกับน้องๆ "ชื่อไรกันบ้างเนี่ย พี่ชื่อจีนนะ เป็นตัวเซ็ต คนนี้พอล...เล่นบอลเร็ว คนสูงๆ นี้...มาวิน หัวเสา"

น้องๆ ที่นั่งอยู่พากันยกมือไหว้พี่ๆ และแนะนำตัวเอง ยกเว้นไท้เพราะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เจอกันแทบทุกวันช่วงที่ไท้ตามโค้ชเด้งมาดูพี่ๆ ซ้อมทีม

"เมื่อกี้พวกพี่แอบดูแล้ว โห...แต่ละคนเก่งๆ ทั้งนั้นเลย สงสัยพวกพี่จะตกงานเร็วๆ นี้แหละ" พอลแซว สายตาเขาจับจ้องที่ฟีนิกซ์เป็นพิเศษ บางอย่างบอกเขาว่าคนนี้น่าจะใช่พวกเดียวกัน

"ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ" ฟีนิกซ์บอกพลางยิ้มให้คนที่จ้องมองแปลกๆ

"วันนี้วันเกิดไท้เหรอ ทำไมไม่เห็นบอกกันเลย พี่จะได้ซื้อของขวัญวันเกิดมาให้" จีนหันไปถามไท้

"ครับพี่ ไม่ต้องซื้อหรอกครับ รบกวนพี่เปล่าๆ" ไท้ทำท่าเกรงใจ พลางเลื่อนขาขึ้นมานั่งในท่าชันเข่า กางเกงขาสั้นที่ใส่อวดขาขาวจนบางคนใจหวิวๆ

"ได้ไง" จีนว่า ก่อนถามเชิญชวน "เย็นนี้ไท้ว่างเปล่า เดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงวันเกิด ไปกันหมดนี่ก็ได้ แต่ไม่ต้องกลัว ไม่พาไปกินเหล้าหรอก อ้อ เดี๋ยวพี่จะซื้อของขวัญวันเกิดให้ไท้ด้วย"

"จะดีเหรอครับพี่จีน ไม่เป็นไรหรอกครับ เมื่อกลางวันโค้ชก็ซื้อเค้กมาให้แล้ว"

"ไม่ต้องเกรงใจมันหรอกไท้ ไอ้นี่มันรวยจะตาย" มาวินขัดขึ้น

"กลัวโค้ชว่าเหรอ เขาไม่ว่าหรอก แต่อย่าไปกินเหล้าช่วงนี้ก็พอ ไปได้ ช่วงเย็นๆ เป็นเวลาของเรา หรือว่ามีซ้อม" จีนสงสัย

"ไม่มีหรอกครับพี่ สี่โมงเย็นก็เลิกแล้วครับวันนี้" รักลิบหนึ่งบอก ท่าทางอยากจะไปเที่ยวกับพี่ๆ น่าดู

"โอเค งั้นสักห้าโมงเย็นเรามาเจอกันตรงลานหน้าอินดอร์นะ เดี๋ยวพี่จะเอารถมารับ" จีนถือโอกาสรวบรัดตัดความ

"จะไปกันหมดเหรอครับ" โจสงสัย

"หมดสิ มีรถสองคัน มีแปดคนใช่ไหม ก็คันละสี่ หน้าสอง หลังสาม เบียดๆ กันหน่อย สองคันก็ได้แปดคนพอดี" พอลคำนวณให้เสร็จสรรพ จากนั้นก็หันไปยิ้มกับคนที่เขาสนใจเป็นพิเศษ "ใช่ไหมฟีนิกซ์"

"ครับ" ฟีนิกซ์รับคำเขินๆ ยิ่งทำให้อีกฝ่ายจ้องมอง

"น้อยๆ หน่อยนะมึงไอ้หนังพอร์น" จีนหมั่นใส้จึงผลักไหล่เพื่อนจนเซ

พอลหัวเราะเขินๆ แม้ไม่มีใครพูดอะไร แต่โตๆ กันขนาดนี้คงเดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้น

"แล้วมึงล่ะ" พอลย้อนคนแซวเข้าให้

ต่างคนต่างก็รู้ๆ กันอยู่ เวลามีเด็กใหม่เข้ามาทีไร พี่ๆ มักกระชุ่มกระชวยเสมอ ในวงการกีฬาชนิดนี้ คนแบบที่ต้องการหาได้ง่ายเสียด้วย ไม่ต้องออกไปขวนขวายหาข้างนอกให้เหนื่อย



สามทุ่มกว่าแล้ว ไฟในสนามกีฬาปิดไปบางส่วน แต่ด้านนอกยังคงมีตลาดนัดขายทั้งเสื้อผ้าและอาหารอยู่ เสียงเพลงที่เคยเปิดดังก็เงียบไปบ้าง คนเริ่มบางตาไปพอสมควรเพราะใกล้เวลาปิดสนามกีฬา ในขณะที่คนที่มาวิ่งออกกำลังกายซึ่งมีสารพัดวัยต่างก็ทยอยกันกลับบ้าน ความเงียบจึงค่อยๆ เพิ่มความหนาแน่นและคืบคลานแผ่คลุมได้บ้าง

หลังกลับจากพาไท้และเพื่อนๆ ไปกินอาหารเย็นด้วยกันในห้าง หลายคนก็แยกย้ายกันไปนอนที่ตึกสองร้อยเตียงซึ่งเป็นอาคารที่พักนักกีฬา ตอนแรกจีนก็ว่าจะอาบน้ำนอนเลยเหมือนกัน แต่ไปๆ มาๆ ก็โทรไปหาไท้และชวนออกมาเดินเล่นที่สนามกีฬารับลมเย็นๆ ด้วยกัน ไท้ก็ไม่ขัดข้องเสียด้วย

เมื่อหาที่นั่งแถวๆ หน้าอินดอร์สเตเดี้ยมได้แล้ว สองหนุ่มก็เริ่มคุยกันด้วยท่าทางสบายๆ

"ตกลงวันนั้นมีอะไรหรือเปล่า"

"วันไหนเหรอครับ" ไท้ขมวดคิ้ว

"ก็วันนั้นไงที่ไท้โทรมาหาพี่ บอกว่าจะมาค้างด้วย จะให้พี่ไปรับ แล้วก็โทรมาบอกใหม่ว่าไม่ต้องไปไง"

"อ๋อ..." ไท้ยิ้มๆ แต่ไม่กล้าพูดอะไร

"ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พี่ก็ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้นหรอก" จีนบอก "เออ...ว่าแต่...ทำไมไท้ถึงได้มาอยู่บ้านโค้ชเด้งล่ะ"

"ผมเจอโค้ชเด้งตอนไปแข่งคัดตัวโครงการเฟ้นหาเด็กยักษ์ที่พิษณุโลกน่ะครับ พอโค้ชรู้ว่าผมเรียนจบมอหกแล้วแต่ยังไม่ได้เรียนต่อ ก็เลยอยากช่วย โค้ชไปคุยกับแม่ผมถึงบ้าน แม่ก็เลยให้ผมมาอยู่กับโค้ชที่กรุงเทพ ตอนนั้นผมลำบากมาก บ้านผมจนน่ะครับ ผมต้องไปช่วยแม่ตัดอ้อยหาเงิน ช่วงไหนมีแข่งกีฬา ที่จังหวัดเขาก็จะโทรมาชวนผมไปเล่น ได้เงินรางวัลมาบ้างนิดๆ หน่อยๆ ผมชอบเล่นวอลเลย์ เล่นมาตั้งแต่ประถมเลย ตอนเรียนมัธยมก็ได้ไปแข่งระดับจังหวัดบ่อยๆ ช่วงมอปลายก็เลยได้เข้าไปอยู่ในทีมจังหวัด ไปแข่งระดับเขตมาด้วย"

จีนมองอย่างทึ่ง เพราะเขาไม่คิดว่าไท้จะมีชีวิตที่น่าสงสารขนาดนี้

"แล้วพี่จีนล่ะครับ มาเล่นวอลเลย์บอลได้ยังไง" ไท้ถามกลับ

"พี่เหรอ" จีนทำท่านึก "พี่ก็เล่นมาตั้งแต่มัธยมนะ ก็เริ่มจากกีฬาสีนั่นแหละ ตอนนั้นก็แค่เล่นสนุกๆ แต่พอลองเล่นแล้วก็ชอบ พี่ก็เพิ่งรู้นะว่าตีลูกวอลเลย์แล้วมันเจ็บมือแค่ไหน ถ้าจับไม่ถูก ลูกมาโดนมือก็มือแตก แรกๆ พี่ก็อยากกลับบ้านไปดูทีวีหรือไปเที่ยว แต่เล่นไปเล่นมาก็เริ่มสนุก โค้ชที่โรงเรียนเขาสอนให้พี่อันเดอร์ให้ได้มากที่สุด ตอนแรกพี่ก็อันเดอร์ได้แค่สองสามลูก สักพักก็ทำได้เยอะขึ้น ก็สนุกขึ้น แล้วก็มีเพื่อนเยอะด้วย" จีนพูดพลางทำท่านึกถึงช่วงเวลานั้นไปด้วย

"พี่ซ้อมเยอะนะ หลังเลิกเรียนก็ซ้อม เสาร์-อาทิตย์ก็ซ้อม ที่บ้านก็สนับสนุน เพราะว่าดีกว่าให้กลับบ้านมาเล่นเกมส์ แต่พี่น้องพี่ไม่มีใครเล่นกีฬาเลย มีพี่คนเดียว ตอนแรกก็แข่งกับโรงเรียนต่างอำเภอ เล่นไปเล่นมาก็ได้ไปเล่นระดับจังหวัด แล้วก็มาเป็นระดับเขตตอนมอปลาย เข้ามหาลัยก็ได้เล่นระดับประเทศ เคยได้แชมป์แล้วก็ได้สิทธิ์ไปแข่งต่างประเทศด้วย ครั้งแรกเลยไปใต้หวัน พี่มีรูปให้ดู" จีนหยิบโทรศัพท์มาจากกระเป๋ากางเกง เปิดหาภาพที่เพิ่งเอ่ยถึง พอเจอแล้วก็ส่งให้ไท้ดู มีตั้งแต่ภาพตอนเดินทาง ขึ้นเครื่องบิน ภาพซ้อม ภาพไปเที่ยว ภาพแข่งและภาพรับเหรียญรางวัล

"ได้ที่สามด้วย ดีใจมากเลยตอนนั้น" จีนยิ้มมีความสุข

"แล้วทำไมพี่จีนถึงมาเล่นตำแหน่งเซ็ตล่ะครับ" ไท้สงสัย

"ตอนนั้นพี่อันเดอร์ได้เยอะสุดไง โค้ชก็เลยจับมาเล่นเป็นตัวเซต ใครๆ ก็รู้ว่าเซ็ตบอลโคตรยากเลย มีแต่คนอยากตบเพราะว่ามันง่าย แต่ถ้าเซ็ตไม่เป็นก็จะฟาล์ว บางทีบอลหล่นใส่หน้า เซ็ตเบี้ยว ไม่เข้าจุด ก็เลยไม่ค่อยมีคนอยากเป็นตัวเซ็ต ตอนนั้นนะ ถ้าพี่รู้ว่าอันเดอร์ได้เยอะแล้วต้องเป็นตัวเซ็ต พี่คงไม่ฝึกอันเดอร์หรอก พี่อยากตบหัวเสามากกว่า" จีนขำตัวเองเบาๆ ไท้พลอยขำไปด้วย

"ก็จริงนะครับ ผมว่าเซ็ตบอลนี่โคตรยากเลย พี่เก่งนะครับพี่เซ็ตบอลจนมาเล่นทีมชาติได้" ไท้ชม

"ไท้ก็เก่งนะ แล้วก็โชคดีด้วยที่ได้โค้ชเด้งอุปการะ รู้ไหมว่าโค้ชเด้งน่ะเขาเป็นนักวอลเลย์บอลทีมชาติตั้งแต่สมัยซีเกมส์ปีสามแปดที่เชียงใหม่ แฟนเขาก็เป็นนักวอลเลย์บอลเหมือนกัน ตอนนั้นดังมาก เป็นยุคที่วอลเลย์บอลหญิงกำลังเฟื่องฟูเลย"

"พี่จีนรู้จักโค้ชเด้งมานานแล้วเหรอครับ"

"ไม่นานหรอก ก็เพิ่งรู้จักนี่แหละ ทีมสต๊าฟโค้ชเล่าให้ฟังไง พี่ก็เกิดไม่ทันเหมือนกัน" จีนหัวเราะ "เห็นเขาบอกว่าโค้ชมีลูกชายคนหนึ่ง แต่ไม่เคยมีใครเห็นหน้าเลย ไท้อยู่บ้านโค้ชคงจะเคยเห็น"

"ครับ" ไท้พยักหน้า จากนั้นก็ฟังจีนพูดต่อ

"เห็นเขาบอกว่าเมียโค้ชตายไปหลายปีแล้ว พี่ไม่รู้ว่าไท้รู้อะไรหรือเปล่านะ เห็นเขาว่าโค้ชเด้งน่ะ...เป็นเกย์ เมียแกก็เลยตรอมใจตาย กินยาฆ่าตัวตายหรือไงนี่แหละ"

ไท้เสียวสันหลังวาบ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุนี้หรือเปล่าเปาถึงได้มีปัญหากับพ่อ คงจะมีส่วนไม่มากก็น้อย "จริงเหรอครับ"

"พี่ก็ไม่รู้ ก็เห็นเขาพูดกันแบบนี้ แต่อย่าไปพูดกับโค้ชเรื่องนี้ล่ะ เพราะพี่ก็ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน"

"อ๋อ ผมคงไม่กล้าพูดหรอกครับ"

"เออ...แล้วลูกชายโค้ชเด้งเป็นไง หล่อไหม" จีนถามทีเล่นทีจริง

"ก็หล่ออยู่นะครับ เขาเป็นเทรนเนอร์ มีร้านฟิตเนส ทำกับเพื่อนน่ะครับ เนี่ยพี่จีนเห็นไหม ตอนนี้ผมเริ่มมีกล้ามเยอะขึ้นแล้ว ก็ได้พี่เปานี่แหละที่ช่วย"

"เขาชื่ออะไรนะ" จีนขมวดคิ้วสงสัย

"ชื่อเปาครับ" ไท้ตอบ

"เปาเหรอ" จีนทวนชื่อเบาๆ กับตัวเอง ท่าทางคล้ายกับมีอะไรบางอย่างกับคนชื่อนี้

"พี่จีนรู้จักเหรอครับ" ไท้เอียงคอ

"เปล่าหรอก" จีนบอกปัดยิ้มๆ "อ้อ แล้วไท้...มีแฟนหรือยัง"

ไท้ส่ายหน้าไปมา "ตอนนี้ยังไม่มีครับ แต่เคยมีตอนเรียนมอห้า เป็นครั้งแรกครั้งเดียวที่จีบผู้หญิง แต่คบกันไม่กี่เดือนก็เลิก เพราะว่าผมสนใจแต่กีฬาเหมือนพี่นั่นแหละ เลิกเรียนก็ซ้อม เสาร์-อาทิตย์ก็ซ้อม ผมอยากเก่ง อยากติดทีมชาติ ก็เลยให้เวลากับกีฬาอย่างเดียว แล้วพี่จีนล่ะครับ"

จีนส่ายหน้าเช่นกัน "ไม่มีหรอก แล้วก็ไม่คิดที่จะมีด้วย อืม...พี่ก็มีคนที่พี่คบนะ แต่ไม่ใช่แฟน ก็แค่...สนุกกันเฉยๆ พี่ว่าไท้น่าจะเข้าใจนะ ยุคนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว"

ไท้พยักหน้าเข้าใจ เรื่องนั้นคงไม่น่าสงสัยเท่าไหร่ เขาสงสัยอีกเรื่องมากกว่า "แล้วทำไมพี่จีนถึงไม่คิดจะมีแฟนล่ะครับ"

"พี่เคยมี หลายปีมาแล้ว" พอพูดเรื่องนี้ จีนก็เริ่มหน้าเศร้า พักหนึ่งก็ถอนหายใจ "ปกติพี่ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนะ แต่พี่จะเล่าให้ไท้ฟังละกัน"

ไท้มองอย่างสงสัย ครู่หนึ่งจีนก็เริ่มเรื่อง

"พี่เคยชอบผู้ชายคนหนึ่ง ชอบมาตั้งแต่มอสี่ เราเรียนชั้นเดียวกัน แต่คนละห้อง พี่แอบมองเขาทุกวัน แต่ก็ไม่กล้าบอกหรอกว่าคิดอะไรกับเขา เขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ แต่เขาก็หน้าตาดีนะ มีผู้หญิงมาชอบเยอะ แต่ก็ไม่เคยเห็นชอบใคร พี่เคยชวนเขาไปดูหนัง เขาก็ไม่ไปหรอก อยู่ๆ วันหนึ่ง ตอนนั้นพี่อยู่มอห้าเทอมปลาย อยู่ดีๆ เขาก็มาชวนพี่ไปดูหนังซะเอง พี่ก็งงๆ แต่ก็ไปกับเขา หลังจากนั้น เขาก็ทำเหมือนชอบพี่ ไปไหนมาไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ คุยกันแทบทุกวัน ตอนอยู่มอหก พี่ยอมรับว่าพี่รักเขามาก แต่ก็ยังไม่กล้าบอก จนกระทั่งวันสุดท้ายที่โรงเรียน มันเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่พี่จะได้บอกความในใจ พี่ก็เลยตัดสินใจบอกรักเขาไป แต่ไท้รู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น..."

จีนหน้าเศร้าไปถนัดใจเมื่อนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น "ขนาดผ่านมาหลายปี นึกถึงทีไรพี่ก็ยังเจ็บอยู่เลย" จีนเว้นจังหวะ สูดหายใจลึกๆ เพราะกลัวตัวเองจะร้องไห้เสียก่อน จนกระทั่งความรู้สึกอยากร้องไห้หายไปจึงพูดต่อ

"เขาบอกพี่ว่า...เขาเกลียดผู้ชายทุกคนที่เล่นวอลเลย์บอล เขาไม่เคยรักพี่ เขาไม่เคยชอบพี่ แต่ตรงกันข้าม เขาเกลียดพี่มาก ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากอยู่ร่วมโลกด้วย เขาหัวเราะเยาะใส่หน้าพี่ สมน้ำหน้าพี่ ด่าพี่ว่าโง่เองที่มาชอบเขา เขาขยะแขยงพี่มาก ทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขาอยากจะอ๊วกใส่ ไม่เผลอถีบให้ก็บุญแล้ว ที่ยอมคบด้วย เพราะเขารอวันนี้ วันที่เขาจะได้สมน้ำหน้าพี่ วันที่เขาจะได้บอกว่าเขาเกลียดพี่มากแค่ไหน พี่โคตรเจ็บเลยว่ะไท้ เจ็บสุดๆ เลย แทนที่จะเป็นรักแรก ก็เป็นเกลียดแรกซะงั้น"

จีนร้องไห้จนได้ ไม่นานก็สะอื้นฮักๆ ไท้จึงเอื้อมมือไปแตะไหล่เบาๆ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไรดี ได้แต่มองด้วยแววตาเห็นใจ

"ทำไมเขาพูดแบบนั้นล่ะครับพี่จีน"

"พี่ก็ไม่รู้ ตอนที่พี่รู้จักกับเขา…เขาไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง โดยเฉพาะเรื่องที่บ้าน พี่ไม่เคยเห็นหน้าพ่อหน้าแม่เขาเลย ไม่เคยเห็นพ่อแม่มาส่ง ไม่เคยไปบ้านเขา บางทีเขาก็เหงาๆ เศร้าๆ เหมือนคนมีปัญหาอะไรบางอย่าง แต่ตอนนั้นพี่รักเขามาก ก็เลยไม่คิดจะถาม แต่สุดท้ายเขาก็หลอกให้พี่ชอบเขา วันที่เราเจอกันวันสุดท้าย เขาด่าพี่อย่างกับหมูกับหมา ไม่รู้ว่าพี่ทำอะไรผิด ไม่รู้ว่าไปเกลียดพี่ขนาดนี้มาจากไหน เขาด่าพี่ต่อหน้าคนอื่นด้วย ได้ยินกันทั้งโรงเรียน พี่อายแทบแทรกแผ่นดินหนีเลย ไท้ลองคิดดูละกันว่ามันจะเจ็บขนาดไหน"

จีนเอามือป้ายน้ำตาให้พอแห้ง เขาหายใจลึกๆ และพยายามกลั้นก้อนสะอื้น จนกระทั่งเริ่มสงบลง

"ตั้งแต่นั้น พี่ก็เลยไม่รักใคร พี่มีเงินนะ ที่บ้านพี่ทำธุรกิจส่งออก มันก็เลยมีคนเข้ามาหาพี่เพราะเงิน แต่บางคนก็แค่อยากสนุก” จีนยิ้มมุมปาก แววตาเหี้ยมขึ้น “แต่ถ้าใครมันเผลอชอบพี่ มันก็จะเจ็บ...เหมือนที่พี่เคยเจ็บไง"

ไท้ถึงกับอึ้ง กระนั้นก็เข้าใจที่อีกฝ่ายกลายเป็นคนแบบนั้น แต่เขาก็นึกสงสัย จีนจะทนไร้หัวใจอย่างนี้ต่อไปได้อีกนานแค่ไหนกัน?

TBC


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2017 08:21:47 โดย inxsara »

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
   เข้าใจจีนนนะอาการแบบจีน คงจะฝังใจมากๆแต่ก็ไม่ควรทำกับผู้อื่นต่อ
   ไท้ระวังตัวนะฮ่าๆ รออ่านต่อคับ
   

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เฮ้อออออ..โดนเกลียดทั้งที่ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย
ก็แค่โชคร้ายที่ไปชอบคนอคติ
ซวยสุดๆเลย เนอะจีน

แต่เอ๊ะ..อย่าบอกนะว่าคือเปา
เพราะรายนั้นนะเกลียดเกย์สุดๆ ไม่ไใช่เหรอ

ทฤษฎีโลกกลม มาอีกแล้ว

ไท้จะโดนเหมือนกับจีนโดนเกลียดด้วยหรือเปล่า
อันนี้ก็ไม่แน่ใจ

 :katai1:
ถามเปาๆ
หุหุ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
   เข้าใจจีนนนะอาการแบบจีน คงจะฝังใจมากๆแต่ก็ไม่ควรทำกับผู้อื่นต่อ
   ไท้ระวังตัวนะฮ่าๆ รออ่านต่อคับ
 

สงสัยไท้จะระวังตัวไม่ทันแล้วนะครับ อิๆ

ออฟไลน์ inxsara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +69/-0
เฮ้อออออ..โดนเกลียดทั้งที่ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย
ก็แค่โชคร้ายที่ไปชอบคนอคติ
ซวยสุดๆเลย เนอะจีน

แต่เอ๊ะ..อย่าบอกนะว่าคือเปา
เพราะรายนั้นนะเกลียดเกย์สุดๆ ไม่ไใช่เหรอ

ทฤษฎีโลกกลม มาอีกแล้ว

ไท้จะโดนเหมือนกับจีนโดนเกลียดด้วยหรือเปล่า
อันนี้ก็ไม่แน่ใจ

 :katai1:
ถามเปาๆ
หุหุ

ต้องติดตามครับว่าโลกจะกลมหรือจะแบน หุๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด