✿ มนุษย์บังเอิญ ✿
บังเอิญครั้งที่ 3 : เขาว่าผีพรายชอบคนตัวขาว
อาจเป็นเพราะว่าเธอบังเอิญได้เจอฉัน
อาจเป็นเพราะว่าเราบังเอิญอยู่ด้วยกัน
เพราะเธอยังไม่เคย ได้รู้มันเป็นยังไง
และฉันไม่เคยเข้าใจ ถ้ามันต้องอยู่อย่างนั้น
(ใกล้ - scrubb)
กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังฟังเพลงเพลงเดิมซ้ำวนไปวนมา ตั้งใจฟังโดยไม่ใช่ความบังเอิญเพราะผมเป็นคนตั้งไว้ ไม่ได้ฟังเพราะชอบเพลงนี้เป็นพิเศษ หรือชอบนักร้องวงนี้ เพียงแค่ว่าตอนนี้อยากฟังเพลงนี้เท่านั้นเอง
รถทัวร์เพนท์ลายสีสันจนน่าเวียนหัวล้อหมุนออกจากระยะมหาวิทยาลัยได้ซักพักแล้ว ด้วยความที่ยังเช้ามาก รถยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ปัญหาการจราจรจึงน้อยตามไปด้วย ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความง่วงก่อนที่จะก้าวขาขึ้นรถมันหายไปไหนหมด ตอนนี้ถึงได้ข่มตานอนไม่หลับ แถมยังนั่งขยับตัวยุกยิก และเหลือบสายตาไปมองคนด้านซ้ายของตัวเองเป็นระยะ
วันนี้ไอ้นมเย็นยังดูดีสไลต์หน้าตาปลาตายของมันเหมือนเดิม .. หน้าปลาตายในนิยามของผมคือ สีหน้าไร้อารมณ์ไม่หือไม่อือใดๆ .. ซึ่งไอ้นมเย็นทำสีหน้าแบบนั้นแทบจะตลอดเวลา อยากรู้เหมือนกันว่าตอนมึงดู AV มึงจะทำหน้าแบบนี้มั้ยหนิ แต่หน้าตาไร้อารมณ์ของมันก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดูดรอปลง เสื้อยืดคอวีสีขาวและกางเกงยีนส์สกินนี่สีซีด ผมที่เสยขึ้นลวกๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจทำให้มันดูดีได้อย่างน่าประหลาดใจ
“ทำหน้าตาง่วงนอนแล้วทำไมไม่นอน” เสียงจากสิ่งมีชีวิตด้านซ้ายดังขึ้น
“ไม่ยุ่งซิครับ” ผมยักคิ้วกวนๆ
“ที่ไม่นอนเพราะอยากมองหน้าผม ?” มันหันมามองหน้าผมแล้วพูด .. ไอ้ฉิบหาย รู้ตัวแล้วทำเนียนๆ จะตายมั้ยมึงน่ะ
“คิดว่าตัวเองหล่อมากงี้ คนอื่นต้องมานั่งจ้องหน้างี้”
“ถ้านายว่าผมหล่อ งั้นหล่อก็ได้”
“เปล่าพูดเว้ยยยย หล่อและมีสไตล์มันต้องแบบนี้ครับ เรียนรู้ไว้” ผมชี้นิ้วเข้ามาที่หน้าตัวเองประกอบ
“โอเค แบบนี้ก็แบบนี้”
ผมยกยิ้มอย่างผู้ชนะ ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร
“แต่ถ้าอยากมองหน้าผมก็มอง ไม่ต้องแอบหรอก”
“...”
“
เต็มใจให้มองอยู่แล้ว”
“กูง่วงแล้ว นอนดีกว่า” ผมรีบยัดหูฟังกลับเข้าหู พลิกตัวเข้าด้านหน้าต่างโดนมิสนใจก้อนหินและแสงแดดหรืออะไรทั้งนั้น
มั่นใจว่าตัวเองต้องทำหน้าตาเด๋อด๋าใส่มันแน่นอน ไม่รู้หรอกว่าจะหยอดหรืออะไร แต่ใจกูสั่นอยากบอกให้รู้ไว้ตรงนี้เลย .. ใจกูบางมากจุดนี้
.
.
.
.
.
.
สุดท้ายแล้วก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี ผมเลยหยิบโทรศัพท์มาแอบไถอย่างแนบเนียนไม่ให้คนที่นั่งข้างๆ รู้ตัว เดี๋ยวมันจะหาว่าเราหลอกลวงหลับไม่จริง
“ฟืน แดกขนมมะ” เสียงโหวกเหวกดังขึ้นมาจากด้านหลัง พร้อมกับหน้าของพี่ตั้มที่โผล่พ้นเบาะออกมา
“แดก” ได้โอกาสปลดระวางการเนียน ผมดีดตัวขึ้นมาตามกลิ่นหอมๆ ของมันฝรั่งทอดกรอบรสโปรดที่อยู่ในมือพี่ตั้ม
“เพื่อนเขยจะกินด้วยก็ได้นะครับ เอ๊ะ.. หรือว่าต้องพี่เขยวะ อายุมากกว่าพวกเรานี่หว่า” พี่ตั้มยื่นขนมที่เพิ่งโดนกระทำชำเราโดยการล้วงอย่างรุนแรงจากผมไปตรงหน้าไอ้นมเย็น
“ขอบคุณครับ” มันตอบรับพร้อมกับหยิบขนมไปกินเพียงชิ้นเดียว
“โอ้โหหหห .. ยอมรับด้วยเว้ย สงสัยต้องฉลองเปิดตัวผัวน้องฟืน” พี่ตั้มมันถอยกลับหลุมตัวเองไปพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักที่ยังดังอยู่
“นี่ก็ไปเล่นตามพี่มัน” ผมหันมาแยกเขี้ยวใส่ตัวปัญหาที่นั่งเคี้ยวขนมยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“เล่นอะไร”
“ทีหลังก็ปฏิเสธพี่มันไป กูโดนล้อเนี่ย” พูดไปจัดการกับขนมในมือที่ปล้นมาจากพี่ตั้มไปเรื่อย
“ไม่อยากโดนล้อ ?”
“ใครจะชอบโดนล้อ โดนแซววะ เป็นแวนซ์เก่าหรือไง”
“ไม่อยากโดนล้อก็ทำให้เป็นเรื่องจริง แค่นี้เขาก็ไม่ล้อนายแล้ว”
“หยุดพูดและแดกซะ” ผมเอาขนมที่เหลือในมือยัดใส่ปากไอ้นมเย็น ปล่อยให้พูดมากไม่ได้เลย พยายามจะฮุคกูหรอ ฝันไปเถอะ
หลังจากกินขนมและนมอีกหนึ่งกล่องหมดไป หนังตาก็เริ่มจะปิดเข้าหากันราวกับรู้งานว่ากินนมแล้วนอนเสียนะเด็กดี .. น่าหงุดเงี้ยวที่ดันลืมเอาหมอนใบเล็กมาด้วย จึงทำให้นอนไม่สบายเท่าที่ควร จะหันไปถามไอ้ซินว่ามีเสื้อกันหนาวมั้ย จะเอามารองนอน มันก็หลับเอาผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าตัดขาดโลกภายนอกเรียบร้อย
หันซ้ายหันขวาอยู่ซักพักก็รู้สึกว่าชางแม่งเถอะ ง่วงเหลือเกิน..
“หาอะไร”
“ลืมเอาเสื้อมาจะรองนอน ท่ามันไม่ได้นอนไม่หลับ” ผมหลับตาและขยับปากตอบไปเสียงเอื่อยๆ
“ตาจะปิดอยู่แล้วทำมาพูดว่านอนไม่หลับ” ได้ยินเสียงแว่วๆ ดังมาแทบจับใจความไม่รู้เรื่อง
“ด่ากูหรอ ได้ยินนะเห้ย”
“จะนอนก็นอนดีๆ”
รู้สึกได้ว่าหัวโดนจับโยกไปมาทีสองทีไปวางแหมะลงบนอะไรซักอย่าง แข็งแต่ก็อุ่น ความสูงค่อนข้างพอดี ขยับตัวอีกนิดหน่อยให้ลงลอคก็พร้อมนอนอย่างเต็มรูปแบบ
“ฝันดีนะนมเย็น”
ความอุ่นสัมผัสลงบนหัวผมอีกครั้ง จากนั้นผมก็ได้เข้าสู่ห้วงความฝันอย่างสมบูรณ์..
ผมรู้ตัวอีกทีจากที่วิวด้านนอกเคยมีถนนหลายเลนและรถรามากมาย ตอนนี้กลับกลายเป็นทุ่งนาและต้นไม้ แทบจะไร้บ้านผู้คน ข้างทางป้ายเขียนเป็นระยะ ‘นก’ ‘หนู’ ‘งูเห่า’ จากเมืองกรุงสู่นกหนูงูเห่า .. หลับไปแปปเดียวตื่นมาอีกที ออกสู่โลกกว้างเสียแล้ว
ผมเปิดหน้าต่างให้กว้างขึ้น ปล่อยให้ผมพัดมาตีหน้าเรียกความสดชื่นคืนมา แม้แดดจะเริ่มแรงแล้วก็ตาม รู้สึกตัวขึ้นมาพบว่าตลอดระยะทางที่หลับ ตัวเองนอนพิงไหล่ของไอ้นมเย็นมาตั้งแต่แรก ตื่นขึ้นมารีบขอโทษมันยกใหญ่ กลัวแขนจะอัมพาตกิน เกือบชั่วโมงได้เลยที่ผมหลับไป
“แขนยังอยู่ดีใช่มั้ย” เอื้อมมือไปบีบๆ แขนมันให้
“ยังไม่ขาดหรอก”
“ขาดได้ก็ดีแบบนี้” ขยำๆ อย่างรุนแรงจนพอใจจึงหยุด
“นี่ช่วยนวดหรืออะไร แรงเยอะยังกับวัว”
“ช่วยหรอก ดีนะเป็นวัวยังน่ารักอยู่ ยอมๆ ฮ่าๆๆๆ”
นมเย็นส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเต็มทน
“พี่ฟ้า .. นี่เราไปจังหวัดอะไรกันอ่ะ”
“อ้าว นี่ไม่รู้ ?”
“รู้แล้วจะถามทำไมเล่า ตลกอีกแล้ว” พูดไปผมก็ม้วนสายหูฟังพันไอพอดเก็บไปด้วย
“กาญจนบุรี”
“อื้อหื้อ ที่มีน้ำตกสวยๆ ใช่ป่ะ จะได้ไปเที่ยวมั้ยอ่ะ” เริ่มตื่นเต้นและตื่นตัวขึ้นมาทันที จำได้ว่าเคยเปิดดูที่คนมารีวิวเที่ยวน้ำตกที่จังหวัดนี้ จำได้ว่าสวยและน้ำใสมาก
“น้ำตกเอราวัณน่ะหรอ เห็นบอกว่าวันสุดท้ายก่อนกลับเขาจะพาไปมั้ง”
“หูยยยยย เรื่องราวดีๆ”
“มาค่ายแต่ไม่รู้อะไรเลยเนี่ยนะ”
“ไอ้ไม้แม่งจับชื่อมายัดๆ ลง มันลงชื่อไปแล้วให้มาก็มา”
“ทำไมถึงยังฟังเพลงในไอพอดล่ะ” นมเย็นพยักหน้ารับ แล้วเปลี่ยนประเด็นมาถึงสื่อที่ผมเพิ่งเก็บเข้าเป้ไป
“ก็ไอพอดมันเอาไว้ใช้ฟังเพลงนี้”
“โทรศัพท์เดี๋ยวนี้ก็ฟังเพลงได้”
“ก็จริงของพี่ .. แต่ไอพอดมันมีไว้สำหรับฟังเพลง ก็ต้องเอามาฟังเพลงดิ ถ้าผมฟังในโทรศัพท์ไอพอดก็จะไม่ได้ทำหน้าที่ของมัน แบบนี้น่าสงสารออก” ยิ้มน้อยๆ ตบท้าย เป็นคำตอบที่ผมตอบแบบเดิมๆ ทุกครั้งเวลาที่มีคนถามคำถามประมาณนี้
“อีกอย่าง มันก็ยังไม่พัง เอามาใช้บ้างเดี๋ยวมันน้อยใจผม ฮ่าๆๆ” ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่อึดและทนพอสมควร ผมยังจำความรู้สึกดีใจตอนที่ได้มันมาครอบครองได้อยู่เลย กว่าจะเก็บเงินครบและกว่าจะขอแม่ให้พาไปซื้อได้ เพราะงั้นตอนนี้ถ้ามันยังไม่ลาสังขารไปผมก็ยังอยากจะเอามันมาใช้อยู่
“อื้อ ไว้จะเอาของที่บ้านมาใช้มั่ง”
“ดีๆ เราจะเป็นคนฮิป” ผมยื่นมือไปตรงหน้านมเย็นเพื่อเตรียมจะทำไฮไฟว์กัน
แต่นมเย็นไม่สมยอมและนอกจากนั้นยังดีดหน้าผากผมไปอีกที อ้าว ... ไอ้นี้
“เตรียมตัวเก็บของได้แล้ว ใกล้จะถึงแล้ว”
หันไปคุยกับนมเย็นไม่นาน ละสายตามาอีกทีมองที่หน้าต่างอีกทีก็พบกว่าเราเข้ามาในทางแคบๆ ที่ถนนเริ่มไม่เรียบเหมือนเมื่อครู่ ต้มไม้ต้นสูงมากมายล้อมรอบตัว
“พี่ตั้มปลุกซินด้วย” ผมยืดตัวไปเบาะหลังเพื่อบอกพี่ตั้ม ไอ้ซินนี่หลับลึกหลับยาว
“มันตื่นนานแล้วเถอะ ตื่นก่อนมึงอีก” พี่ตั้มพูดพร้อมปชี้ไปที่ไอ้หน้าสวย ที่นั่งหน้าซึนคล้ายวิญญาณหลุดลอยออกไปแล้ว .. สภาพเพิ่งตื่นของมัน
“ซินมันไม่ได้มีไหล่ให้พิงเหมือนมึงนะครัช แหม่ ฟืน แหม่..”
เกลียดทุกคนเลยเว้ย โดนเฉพาะไอ้นมเย็นข้างๆ ที่ยังทำตัวไม่รู้สึกรู้สาด้วยหน้าปลาตายของมัน ปล่อยให้คนเท่ดิ้นพล่านด้วยความเกรี้ยวกราด..
------ 30% ------
เมื่อสัมผัสกับพื้นดินก็สามารถรับรู้ได้ถึงความธรรมชาติทันที แม้จะนั่งรถมาจากกรุงเทพแม้แค่สองชั่วโมงนิดๆ แต่บรรยากาศช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ต้นไม้ต้นใหญ่เล็กประปรายมากมาย เสียงนกร้องผสมผสานกับเสียงของแมลง รวมไปถึงเสียงน้ำไหลที่ได้ยินแว่วมา กลิ่นไอของความสดชื่นไร้มลพิษ และแดดที่แรงมากขึ้นอีกหน่อย
จากถนนลาดยางกลับกลายเป็นพื้นดินแดงที่ไม่ค่อยจะราบเรียบนัก เดินทางจากตัวเมืองกาญจนบุรีเพียงไม่นานก็ถึงที่หายที่เราจะมาตั้งค่ายกัน ก่อนที่จะลงจากรถมาเจ๊วาวได้มาบรีฟพวกเราว่า โรงเรียนนี้เพิ่งสร้างได้ไม่นานนัก เป้าหมายของค่ายอาสาในครั้งนี้คือการมาสร้างห้องสมุดดินเหนียวและทาสีรอบๆ โรงเรียนให้เรียบร้อย แต่ด้วยเวลาที่จำกัดครั้งนี้เราจึงมีหน้าที่แค่มาทำก้อนดินเป็นบล๊อคเตรียมไว้ให้สำหรับมหาวิทยาลัยถัดไปที่จะมาจัดการต่อ
“สวัสดีครับ ขอต้อนรับลูกๆ ทุกคนสู่โรงเรียนของเรา ที่นี่อาจจะไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่นะ ว่าแต่กินอะไรกันมารึยังเนี่ย” คุณลุงท่าทางใจดี แต่งกายด้วยเสื้อคอกลมสีขาวทับด้วยเสื้อคลุมลายตารางสีเขียวหม่น ผูกเอวด้วยผ้าขาวม้า กล่าวทักทายพวกเรา เมื่อเห็นว่าทุกคนลงจากรถหมดแล้ว
“เรียบร้อยแล้วค่ะครูใหญ่ เดี๋ยวมื้อกลางวันพวกเราจัดการกันเองเลย พอดีวาวเตรียมข้าวกล่องมาให้น้องๆ ทุกคนแล้ว” เป็นเจ๊วาวประธานค่ายครั้งนี้เป็นคนตอบครูใหญ่ไป
“งั้นเดี๋ยวมื้อเย็นนี้ครูกับชาวบ้านแถวนี้ขอเลี้ยงต้อนรับพวกเรานะ จะเอาอาหารป่ามาให้ลองกัน แต่ไม่รู้นะว่าเด็กๆ จะกินกันได้มั้ย ฮ่าๆๆ”
“โอ้ยยยย เด็กพวกนี้กินได้หมดล่ะค่ะ หิน ดิน ทรายก็น่าจะได้ ครูใหญ่ต้องระวังตัวไว้นะคะ เผลอๆ จะกินครูใหญ่เข้าไปด้วย” เจ๊วาวพูดจาติดตลกแต่ดันทำหน้าจริงจัง เล่นใหญ่ตามสไตล์
“เอ้อออ เลี้ยงง่ายดี ดีๆ จะได้ใช้งานให้คุ้มหน่อย ฮ่าๆๆๆ” ครูใหญ่พูดพร้อมหัวเราะเสียงดังแต่ผมแอบเห็นนะว่าแกแอบทำหน้าจริงจังน่ะ .. เหมือนถูกหลอกมาเชือดเลย ฮอล
“โหยยยยย” ไม่ใช่เพียงแต่ผมที่แอบโหยหวนในใจเพราะเพื่อนร่วมทริปนี้ก็อวดครวญออกมาทันที .. เพิ่งจะสังเกตุว่าออกค่ายครั้งนี้สมาชิกผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอย่างเราๆ เกือบครึ่ง ผู้หญิงสายบุญ ฟืนปริ่ม
“ไม้ ทำไมผู้หญิงมาออกค่ายกับชมรมมึงเยอะจังวะ” ผมสะกิดถามไอ้ไม้ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“อ่อออออ เซอร์ไพร์ไงมึง เซอร์ไพร์ซ้อนเซอร์ไพร์” มันทำหน้าร่าเริงจนน่าหมั่นไส้
“อะไรของมึง”
“เซอร์ไพร์แรกคือทริปนี้มีผู้หญิงน่ารักให้เราส่องกระชุ่มกระชวยหัวใจ เซอร์ไพร์ที่สองคือผัวมึง”
“ห้ะ ผัวกู ? ผัวกูนี่ใครวะ” ผมงุนงงอย่างหนัก ผัวกู .. ผมไปพลาดท่าเสียเชิงชายไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“ก็การที่ผู้หญิงมาออกค่ายเยอะขนาดนี้นี่ต้องขอบคุณผัวมึงนะ พอมีข่าวมาพี่ฟ้าคนฮอตประจำมหาลัยมาลงชื่อออกค่ายกับชมรมกูนะ วันรุ่งขึ้นคนแห่มาสมัครพรึ่บพรับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีแม้แต่แมลงจะบินผ่านมาสมัคร อานุภาพความฮอตผัวมึงนี้แรงกล้ามากนะ”
ผมเอานิ้วจิ้มหน้าผากไอ้ไม้อย่างสุดแรงเท่าที่จะออกแรงทำได้
“ข้อแรกนมเย็นไม่ใช่ผัวกู ข้อสองคือกูไม่มีผัวเว้ย!!”
“แหม่ .. มีโค้ดนงโค้ดเนมเว้ย” เสียงพี่ตั้มที่แซวแว่วมาแต่ไกลๆ
“ก็บอกว่าไม่มีผัวไงเล่า!!” ท้ายเสียงผมกระแทกเสียงอย่างคนหัวร้อนและไฟป่า บอกให้ร็เลยกูจริงจังมาก
“เอ่อ.. เป็นผู้ชายไม่ต้องรีบมีผัวก็ได้ลูก” เป็นเสียงครูใหญ่ดังแทรกตอบกลับมาให้ผมอายเล่น และตามด้วยเสียงหัวเราะมากมายของเพื่อนร่วมทริป
ก็รู้ว่าเสียงมันเงียบแต่ไม่คิดว่าจะเงียบขนาดนี้ ขอแทรกแผ่นดินไปอยู่กับเห็บไรแถวนี้จะได้มั้ย ฮอลลล..
“จบเรื่องมีผัวไปแล้ว เดี๋ยวเดินตามครูมานะลูก จะพาไปดูที่พักแล้วก็เก็บของกันก่อน”
ยัง .. ยังไม่จบเรื่องมีผัว ตอนพูดครูใหญ่ยังหันมาส่งสายตาล้อเลียนให้ผมอยู่เลย ช่างเป็นครูใหญ่ที่เป็นกันเองเสียเหลือเกิน
“พวกเรามีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพื่อความปลอดภัยครูจะให้ผู้หญิงนอนในอาคารเรียนนะ จัดห้องเอาไว้ให้เราแล้ว ห้องเดียวน่าจะพอเนอะ พวกผู้ชายเดี๋ยวให้ไปกางเตนท์นอนกันตรงสนาม พอจะได้มั้ยลูก ช่วงนี้อากาศไม่ร้อน เย็นกำลังดีเลย”
“ได้ค่ะครู สบายมั่กมาก” เจ๊วาวตอบกลับไปและพวกผมก็พยักหน้าเออออตาม เพราะจะยังไงก็นอนได้อยู่แล้ว อีกอย่างอยากมีประสบการณ์กางเตนท์นอนมานานแล้วครับ ช่วงนี้อากาศกำลังดีอย่างที่ครูใหญ่แกว่าจริงๆ ขนาดช่วงสายของวันอย่างตอนนี้ถึงจะมีแดดแต่ก็ยังมีลมพัดมาเรื่อยๆ ไม่ร้อนจนเกินไป
“แต่ถ้าไม่ได้จะให้พวกผู้ชายมานอนกับพวกผู้หญิงก็ได้ค่าาา พวกหนูไม่ถือ อิอิ” ไม่ได้บรรยายเพื่อความหรรษาแต่อย่างใดแต่พวกคุณเธอทำเสียง อิอิ จริงๆ เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงสายบุญก็แอบน่ากลัวเหมือนกันนะครับ..
เป็นคุณป้าที่เป็นชาวบ้านแถวนี้ที่จะมาช่วยดูแลพวกเราพาพวกผู้หญิงเข้าไปในอาคารเรียน และครูใหญ่ขี้เล่นคนเดิมมาเหล่าบรรดาชายฉรรก์มายังสนามหญ้าที่อยู่ด้านหน้าอาคารเรียน บริเวณไม่กว้างมากเท่าไหร่นักแต่ก็น่าจะกว้างพอที่จะกางเตนท์ได้ซัก 4-5 หลัง
นับดูแล้วผู้ชายที่มาออกค่ายครั้งนี้มีเพียง 9 คนเท่านั้น คือ พวกผม 4 คน นมเย็นและเพื่อนมัน คนในชมรม 2 คนที่ผมเคยคุยด้วยนิดหน่อยตอนไปนั่งเล่นที่ชมรมมัน และอีกหนึ่งที่เหลือไอ้ไม้บอกว่าเป็นเด็กปีหนึ่งคณะสถาปัตย์ตัวสูงท่าทางฮิปเตอร์และเซอร์สุดชีวิตที่หลงมาสมัครเพราะคิดว่าเป็นทริปออกต่างจังหวัดมาถ่ายรูปชิคๆ สงสารน้องเขานะครับ
“แบ่งนอนเองนะลูก มี 9 คน คงต้องเป็น 2 2 3 เดี๋ยวสามคนเอาเต็นท์ใหญ่สุดไปนอนนะ กางเตนท์กันมั้ยใช่มั้ย”
“เป็นครับ ผ่านการเรียนลูกเสือสามัญมาเรียบร้อย” พี่ตั้มตอบออกไปเสียงดังฟังชัด คือมึงถามกูยัง ถามกูก่อนเว้ย
“งั้นจัดการกันเองนะ เดี๋ยวอีกซักครึ่งชั่วโมงไปรวมตัวกันที่ลานหน้าเสาธง ครูจะพาไปดูพื้นที่แล้วก็เริ่มทำบล๊อคดินเหนียว”
“โอเคครับบบบ”
“พี่ตั้ม กูกางเต็นท์ไม่เป็นนะ มึงบอกงั้นกางเลย”
“มึงนี่มันคนกากจริงๆ เคยเรียนป่ะลูกเสือสามัญอ่ะ เคยเป็นป่ะหัวหน้าหมู่ คนแบบมึงคงไม่เคยถือไม้สามง่ามซินะ”
“ไม้สามง่ามคือเหี้ยไรวะ”
“คนเป็นหัวหน้าหมู่ถึงจะได้ถือไง โธ่.. ฟืน” มันทำหน้าเอือมระอาใส่ผม
“กูเคยอยู่หมู่นกพิราบนะครับ อย่ามาๆ” ผมจำได้แม่นว่าภูมิใจหนักหนาตอนนั้น ซึ่งก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้เหมือนกันว่าทำไมต้องภูมิใจกับความเป็นนก
“โธ่ .. น่าเวทนา เป็นแค่นกพิราบทำมาอวดดีใส่หมาป่าแบบกู” นอกจากหน้าเอือมระอามันยังทำหน้าละเหี่ยใจใส่ผม
“นกพิราบกับหมาป่ามาโอนอยออกกันเถอะ เสียเวลาจริงๆ พวกมึงนี่” ซินมันเดินมาตบหัวผมที หันไปดุพี่ตั้มที
ผลโอนอยออกเป็นเอกฉันท์ว่าผมนอนกับพี่ตั้ม ซินนอนกับไม้
“กางเลย ไม่ช่วยด้วย ทำไม่เป็น” เมื่อผมต้องนอนกับพี่ตั้ม ผู้ที่เคยผ่านการเป็นหัวหน้าหมู่หมาป่ามาเลยได้เป็นความสบายของผม เพราะออกตัวแต่แรกว่ากูมันกากกางไม่เป็นหรอกนะ
“เออ นั่งเป็นควายน้อยอยู่ตรงนั้นแหละ”
บอกเลยว่าไม่รู้สึกรู้สา บอกเลยว่าสบายมาก
“ฟืน มาช่วยผมยึดสมอหน่อย”
เหมือนได้ยินคนเรียกอะไร ฟืนๆ นะ
“ฟืน ถ้าว่างก็มาช่วยผมยึดสมอหน่อย” เสียงดังขึ้นอีกระดับ เป็นเสียงที่ค่อนข้างคุ้นเคยเพราะช่วงนี้ได้ยินบ่อยเหลือเกิน
“ผมกางเต็นท์ไม่เป็น” จำใจต้องเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงและย้ายกายหยาบมายืนตรงหน้านมเย็นตัวสูง
“แค่ช่วยยึดสมอลงกับมุมของเต็นท์ ทำได้ใช่มั้ย” อีกฝ่ายสาธิตให้ดูเป็นตัวอย่างและเงยหน้ามาถาม
“ทำได้ ไม่ฉลาดแต่ก็ไม่โง่นะ” ผมพูดพร้อมกับทำตามที่นมเย็นทำเมื่อครู่ แม้ว่าจะใช้เวลามากกว่าหน่อยแต่ก็ทำได้สำเร็จ
“สบายมาก ดูผลงาน” ผมชี้ไปที่ผลงานของตัวเอง
“เก่งมาก” ถึงปากมันจะชมอยู่ แต่สายตาผมก็เหลือไปมองอีกสามด้านที่เหลือว่าถูกมันจัดการจนเรียบร้อยแล้ว
“เอ้า โปรขนาดนี้จะให้ผมมาช่วยทำไมหนิ” ถามออกไปด้วยงุนงง
“อยากให้ช่วย แค่นี้ไม่ได้หรอ”
“ก็ .. เออเว้ย มาช่วยแล้วนี่ไง” ทำไมกูต้องมาใจบางกับหน้าปลาตายของมันด้วยวะ
“ก็แค่นั้น” มันวางมือแหมะลงบนหัวผมเร็วๆ หนึ่งทีแล้วเอาออก
“แล้วเพื่อนพี่ไปไหนอ่ะ” รีบเปลี่ยนประเด็นอย่างรวดเร็วไม่ให้มันจับพิรุธเราได้
“เพื่อน ? .. ไม่ใช่ เมฆเป็นน้อง”
“อ่อออออ”
“อ้าว นี่ใคร” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี บุคคลที่ชื่อเมฆก็เดินเข้ามาในเฟรม
“ฟืน เด็กที่อยู่ข้างๆ ห้อง หอเดียวกัน” นมเย็นหันไปพูดกับน้องชายมัน จะพูดว่าต่างกันเลยก็คงไม่ใช่ พูดว่าแตกต่างเหมือนกันน่าจะถูกต้องกว่า เมฆเป็นบุคคลตัวสูงที่น่าจะเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ผิวสีออกแทนคล้ายพี่ชาย หน้าตาเหมือนโกรธใครตลอดเวลา อันที่จริงมันแค่ดูดุและไม่มิตรเท่าไหร่ อาจจะเพราะตาคมๆ ของเขา แต่ที่โดดเด่นที่สุดน่าจะเป็นผมทรงอันเดอร์คัทแมนบัน กัดและย้อมจนผมเป็นสีเทานั่น
“เด็กมึงหรอฟ้า ร้ายนะเนี่ย ที่ย้ายหอเพราะงี้” นอกจากหน้าดุและปากก็ยังหมาอีกด้วย ผมจะจำไว้
“นอกจากหน้าตาไม่เป็นมิตรปากก็ไม่เป็นมิตรด้วยหรอ” ผมแยกเขี้ยวใส่
“นอกจากจะหน้าเหมือนแมวแล้วยังขู่เป็นหมาได้ด้วยหรอ”
“...” ผมนี่หน้าสั่น จัดการความรู้สึกตัวเองไม่ถูกเลย นอกจากพ่ายแพ้ให้พี่มันแล้วยังต้องมาปราชัยแก่กับคนน้องมันอีกหรอ
“อย่าแกล้งน้อง” นมเย็นผลักหัวไอ้คนปากหมาอย่างขอไปที
“แกล้งไปก็ไม่สนุก เก็บไปแกล้งตัวเล็กดีกว่า” คนหัวเทายักไหล่อย่างไม่สนใจและเดินผละเข้าเต็นท์ที่กางเสร็จแล้วของตัวเองไป
“กลับไปหาเพื่อนได้แล้วมั้ง ท่าทางบ่นนายใหญ่แล้ว” นมเย็นวางมือบนไหล่ผมเบาๆ และผลักไปทางเพื่อนตัวเอง ที่ท่าทางน่าจะยืนสาปแช่งผมอยู่จริงๆ
แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้นมเย็นมันเรียกผมว่า ‘น้อง’ หรอ
ใจกู ฮอลลลลลลลล
สุดท้ายก็เป็นผมที่เดินไปหาพวกชาวแกงค์อย่างคนไร้สติ ลาก่อน..
“เดินหน้าตาหมางงกลับมานี่ยังไงครัช” ไอ้ไม้ที่เดินมาช่วยพี่ตั้มกางเต็นท์ ยืนเท้าเอวถามผมด้วยสายตาล้อเลียน
“พูดมาก” ผมตอบไปอย่างปัดรำคาญ พร้อมกับยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองแรงๆ ไปหนึ่งทีเพื่อเรียกสติที่ขาดหาย
“เอ้า ตบหน้าตัวเองเพื่อ” คนหน้าสวยเงยหน้ามาถามผม เป็นอีกตัวที่กินแรงเพื่อนๆ ไม่ยอมช่วยกางเต็นท์ นั่งกินลมชมวิวอยู่บนโขดหิน มันคงคิดว่าตัวเองเป็นแอเรียล
“ฮึ” สั่นหน้าปฏิเสธจนรู้สึกได้ว่าผมที่ไม่ได้เซตมากระเจิงไปทั่วทิศทาง 360 องศา
“มันเป็นบ้าอย่าไปสนใจมันเลย” พี่ตั้มพูดพรางลุกขึ้นยืนเก็บข้าวของเพราะกางเต็นท์เสร็จพอดี
“ท่าทางเทสคิทจะไม่ได้ผล ต้องตัดหัวไปตรวจอย่างเดียวเคสนี้” ลูกกระจ้อกของพี่ตั้มเขาครับ
“พวกคนเฮี่ย”
“กูเห็นนะ ทำมาเป็น กางเต็นท์ไม่เป็น แต่ไปช่วยผัวตัวเองเฉย” พี่ตั้ม
“แหม่ ทามมาเปง” ไอ้ไม้
“ทำไมล่ะ เปงผัวอ่อมาสั่ง”
“เออ กูไม่ได้เป็นผัวมึงไงเลยสั่งไม่ได้ ผัวเรียกทีเดียวกระดิกหางไปหานะ”
“....” นอกจากพ่ายแพ้ให้สองพี่น้องนั่น ผมยังต้องมาพ่ายแพ้ให้กับชาวแกงค์อีก
คุณอุบลช่วยฟืนด้วย..