King of love ผมนะเหรอภรรยา(เมีย)ราชาปีศาจ ตอนที่ 25 (จบ)ย้ายได้ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: King of love ผมนะเหรอภรรยา(เมีย)ราชาปีศาจ ตอนที่ 25 (จบ)ย้ายได้ค่ะ  (อ่าน 29442 ครั้ง)

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2017 16:14:43 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
King of love ผมนะเหรอภรรยา(เมีย)ราชาปีศาจ

ต้องบอกก่อนเลยว่าเรื่องนี้ตั้งโอ๋เคยลงในเล้าแล้วและก็โดนลบไปแล้ว อิอิ เนื่องจากลืมบอกผู้ดูแลว่าจะหายหัวไป เลยมาลงใหม่ค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะดองนะคะเพราะแต่งจบแล้วววว ลงอาทิตย์ละหนึ่งตอนนะคะ  เพราะต้องทำงาน นะคะ แต่ก็อาจมีลงเร็วบ้างถ้ามีเวลายังไงมันก็จบพร้อมลงหมดแล้ว ฝากด้วยนะคะ ตั้งโอ๋พึ่งหัดแต่งเองซึ่งเรื่องนี้ก็ใช้เวลาค่อนข้างนานมากเนื่องด้วยไม่มีเวลาแต่บางทีสมองมันตัน อิอิ ตั้งโอ๋ฝากตัวด้วยค่ะ  :mew1: :mew1:

 
ตอนนที่ 1

ตอนที่ 1 ชะตากรรมที่มิอาจหนีได้

ยามค่ำคืนในเมืองหลวงที่เจริญไปด้วยแสงสีจะมองหาดวงดาวบนท้องฟ้าเท่าไรก็แทบจะไม่เห็นมันคงเพราะแสงไฟที่ส่องสว่างตามตึกราบ้านช่อง และตามถนนสายยาวที่มีรถรามากมายจนกลืนแสงของเหล่าดาวดวงน้อยจนริบหรี่ลง ในซอยเล็กๆ ปรากฏให้เห็นร่างบางร่างหนึ่งที่เดินทอดมองไปบนท้องฟ้าที่มืดมิดเส้นผมสีทองที่กระทบกับแสงไฟนวลข้างทางนั้นแลดูสว่างน่าหลงใหล ใบหน้าเรียวเล็กก้มต่ำลงมองดูนาฬิกาที่มือของตนเองซึ่งบอกเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว
เส้นทางข้างหน้าหากเขาจะไม่มองมันก็คงไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อยเพราะคุ้นเคยกับเส้นทางนี้ดี มันคือเส้นทางที่ใช้เดินกลับบ้านอยู่เป็นประจำและทุกครั้งก็มักมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่นี้เสมอ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ยังคงมองไปบนท้องฟ้าที่มืดสนิท เขาค่อยๆ ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้น

“วันนี้ก็ไม่เห็นดาวอีกแล้ว อยู่เมืองหลวงหาดาวยากจริงๆเลย”
ขาเรียวก้าวเดินอย่างเชื่องช้าและต้องหยุดลงเมื่อสายตาไปสะดุดเข้ากับดวงไฟสีแดงที่เคลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ เด็กหนุ่มมองอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นว่ามันค่อยๆ เลื่อนเข้าใกล้ทุกทีก็อดคิดไม่ได้ว่ามันกำลังมาหาเขาหรือไม่ และก็ได้คำตอบเมื่อดวงไฟสีแดงนั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหวานปราศจากการตกแต่งใดๆ ขมวดคิ้วเป็นปมมองลูกแก้วที่มีแสงสีแดงตรงหน้าอย่างนึกสงสัย ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นไปจับลูกแก้วนั้นเพื่อพิสูจน์ดูให้แน่ชัดว่ามันคืออะไรแต่ก็ต้องตกใจเมื่อมือเล็กสัมผัสกับลูกแก้วมันก็เปล่งแสงสีแดงออกมาสว่างมากจนไม่สามารถที่จะทนลืมตาอยู่ได้ ดวงตาสวยที่มีขนตางอนยาวจึงรีบหลับตาลงเพราะทนต่อแสงที่สว่างนี้ไม่ไหว
แต่แล้วร่างกายก็รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของตนเองทั้งที่เขาไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่ร่างกายไม่ยอมเป็นไปตามที่ใจคิดแม้จะพยายามบังคับมันแล้วก็ตาม ดวงตาที่หลับอยู่นั้นก็พยายามเปิดออกแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายมันก็จบลงความรู้สึกถึงการควบคุมตนเองไม่ได้ได้หายไปเขาไม่รอช้าที่จะเปิดเปลือกตาออกก่อนจะปรับสายตาของตนเองให้เป็นปกติ

“เฮ้ยยย!!!” เสียงร้องอย่างตกใจเมื่อพบว่าตนเองไม่ได้อยู่ตรงถนน แต่กลับเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ และต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อสังเกตเห็นผู้คนที่แต่งกายแปลกๆ แถมบางคนมีหู มีหางยื่นออกมา

“มาอยู่ในงานคอสเพลย์ได้ไงกัน” ปากเล็กเอ่ยขึ้นกับตัวเองเบาๆ ณ เวลานี้คิดได้เพียงว่าคงมาอยู่ในงานคอสเพลย์อะไรสักอย่างหนึ่งเพราะทุกคนที่อยู่โดยรอบแต่งกายประหลาดทั้งนั้น 
ดวงตาคู่สวยค่อยๆ กวาดสายตามองดูรอบๆ ก็ทำให้รู้ว่าจุดที่ตนยืนอยู่นั้นคือพรมแดงกลางห้องที่ปูยาวอยู่เพียงคนเดียวและล้อมรอบไปด้วยผู้คนที่แต่งกายประหลาดพวกนั้น

“ว่าอย่างไรคู่ครองของข้า”
ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งเพราะตั้งแต่เขายืนอยู่ตรงนี้ไม่มีใครพูดอะไรเลยมีแค่เพียงสายตาที่ดูตื่นเต้นมองมาที่เขาเพียงเท่านั้น 
ใบหน้าสวยค่อยๆ หันไปมองตามเสียง แต่แล้วดวงตาทั้งสองต้องเบิกกว้างเมื่อสายตาไปหยุดอยู่ตรงแท่นที่นั่งหรูหราราวกับอยู่ในพระราชวัง ตรงนั้นมีหนุ่มร่างใหญ่ผมสีแดงเพลิงกับดวงตาที่เป็นสีเดียวกัน ข้างแก้มยังมีรอยสักคล้ายจะเป็นรูปดอกกุหลาบเล็กๆ  บนโหนกแก้มซ้ายประกอบกับท่าทีเย็นชาและนิ่งแลดูน่ากลัวมากในสายตาของเขาแต่ก็ต้องหลุดขำเพราะร่างใหญ่ตรงหน้ามีเขาสีดำสองข้างที่แทรกกลุ่มผมสีแดงขึ้นมา

“ฮาๆ นายก็แต่งคอสเพลย์ แถมมีเขาด้วยหรือ ฮาๆ ดูไม่เข้ากันเลย” ปากเล็กสีสดพูดขึ้นอย่างนึกตลกก็คนหน้าโหดๆ มีเขานั้นมันไม่ได้เข้ากันเลยสักนิด

“คอสเพลย์? คือสิ่งใดกันข้าหารู้จักไม่ ข้ารู้แค่ว่าเจ้าคือเมียของข้า” เสียงทุ้มที่ฟังดูน่ากลัวถูกเอ่ยออกจากคนผมสีแดงเพลินคนฟังถึงกับหยุดหัวเราะทันที

“ผมเป็นเมียคุณ?” พูดไปพร้อมทั้งชี้นิ้วเข้าหาตัวเองใบหน้าสวยตอนนี้มีแต่เครื่องหมายคำถามอยู่เต็มไปหมด ไม่เข้าใจที่อีกคนพูดสักเท่าไหร่

“ใช่! จะให้เป็นผู้ใดกันก็ในเมื่อมณีจันทราส่งเจ้ามาให้ข้า”

“คุณจะบ้าหรือไง อย่ามาพูดมั่วๆ นะ” ได้ยินคนมีเขาพูดก็รีบตอบกลับอย่างหงุดหงิด อยู่ดีๆ ก็มาบอกว่าเขาเป็นเมียทั้งที่ไม่เคยเจอกันเลยแท้ๆ แถมเขายังเป็นผู้ชายจะเป็นเมียได้ยังไงกัน

“รีฟเฟอร์เจ้าช่วยบอกความให้คู่ครองข้าได้รู้ เหมือนจะไม่เข้าใจสิ่งใดเลย” ร่างใหญ่พูดกับชายหนุ่มผู้มีใบหน้านิ่งเฉยที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาไม่มีหาง หูหรือเขาเลยซึ่งคงเป็นคนเดียวสินะที่ปกติ แล้วที่บอกว่าไม่เข้าใจนะมันก็แน่อยู่แล้วจะไปเข้าใจได้อย่างไรกันอยู่ดีๆ ก็มาบอกว่าเขาเป็นเมียเฉยเลยทั้งที่ตลอดอายุ 23 ปียังไม่เคยคบใครมาก่อนแท้ๆ

“กระหม่อมขออนุญาตชี้แจงนะพ่ะย่ะค่ะ ท่านผู้นี้คือราชาปีศาจอัสดิบัสแอดน์ องค์ราชาทรงทำการปล่อยมณีจันทราไป มณีจันทราจะเป็นผู้เลือกคู่ครองที่เหมาะสมให้แก่องค์ราชา...ผู้นั้นก็คือท่านพ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มนามรีฟเฟอร์พูดขึ้น
“มณีจันทรา?” คนฟังพูดขึ้นอย่างงงๆ ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไรกัน มณีจันทรานั้นคืออะไรยังไม่รู้เลย

“มณีจันทราคือลูกแก้วสีแดงที่จะทำการคัดเลือกคู่ครองให้กับราชาปีศาจพ่ะย่ะค่ะ” รีฟเฟอร์กล่าวเพิ่มเมื่อเห็นว่าคนถูกเลือกให้เป็นเป็นพระชายาดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจดีนัก ร่างเล็กเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็อดตกใจไม่ได้ ‘ไอ้ลูกแก้วนั้นคือมณีจันทรานี้เอง มันจะเป็นคนเลือกพระชายาให้ไอ้เขาควายนั่น แล้วทำไมเป็นเขาละแล้วอีกอย่างผู้ชายจะให้มาเป็นเมียได้ไงกัน ‘

“ก็อย่างที่บอก เจ้าคือเมียของข้า” ร่างใหญ่พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนักจนคนฟังนึกหมั่นไส้ในๆ นี้หรือคู่ครองช่างสนใจกันมากเหลือเกิน

    “ใครบอกผมจะเป็นเมียคุณ ผมผู้ชายนะ ไม่คิดที่จะไปเป็นเมียใครทั้งนั้น!” คนถูกบอกให้เป็นเมียว่าขึ้นเสียงดังก่อนจะหมุนตัวเดินไปเพราะสังเกตเห็นประตูบานใหญ่อยู่ด้านหลัง แต่ทว่าต้องหยุดฝีเท้าเมื่อมีชายร่างใหญ่ในชุดเกราะที่มีทั้งหูทั้งหางเหมือนหมามายืนขวางอยู่ ‘อยากรู้จริงไอ้เขาควายนั้นมันจะมีหางป่าวเนี้ย’ แม้จะอยู่ในวินาทีนี้ก็ยังมีใจคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็คงเพราะมันอดสงสัยไม่ได้จริงๆ คิ้วสวยขมวดนิดหน่อยก่อนจะส่งสายตาเป็นเชิงขอให้หลีกทางแต่ร่างใหญ่ในชุดเกราะกลับไม่ยอมขยับแม้แต่น้อย

    “เจ้าไปจากที่นี้ไม่ได้หรอก เพราะชะตากรรมของเจ้าคือเป็นเมียของข้า” สิ้นเสียงของราชาปีศาจเขาแทบหันมามองตามเสียงนั้นทันทีแต่ก็ต้องตกใจเมื่อคนที่เคยนั่งอยู่บนแท่นที่นั่งตอนนี้กำลังเดินมาใกล้ตัวเขาเต็มทีเด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงความเร็วของหัวใจที่เต้นถี่ขึ้นทุกครั้งยามที่กายใหญ่ก้าวเข้ามาใกล้

“ผมบอกแล้วไงว่าไม่เป็น ผมจะกลับบ้าน พาผมกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ พวกคุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับผม” พูดขึ้นด้วยอารมณ์โมโหสายตาจ้องคนที่กำลังเข้าหาอย่างเอาเรื่องจะให้เขารู้สึกพอใจได้อย่างไรกันในเมื่อคนตรงกำลังบังคับให้เขาเป็นพระชายา

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้สิเมียของข้า” ร่างใหญ่ที่เดินมาถึงพูดขึ้นก่อนจะค่อยๆ ใช้มือข้างหนึ่งจับคางมนสวยให้เงยหน้าขึ้นมาสบกับดวงตาสีแดงเพลิง ปากหนากระตุกยิ้มให้กับคนตรงหน้าที่กำลังนิ่วหน้าคิ้วขมวดด้วยความโมโห เด็กหนุ่มรับรู้ได้ถึงใจเจ้ากรรมที่เต้นเร็วอย่างไม่หยุดหย่อนใบหน้าของอีกคนที่ใกล้เข้ามานั้นช่างดูหล่อเหล่าและคมคายยิ่งนักจมูกโค้งเป็นสัน โครงหน้าได้รูป ปากหนาที่ดูน่าสัมผัสสิ่งเหล่านี้ที่อยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มทำให้เขาใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ดวงตาสีแดงนั้นจะแข็งกร้าวจนดูน่ากลัวแต่กลับทำให้คนผมแดงนั้นดูยิ่งน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้นไม่รู้ว่าอาการที่กำลังเป็นอยู่คืออะไรเขาอาจจะกลัวคนตรงหน้าเลยทำให้ใจมันเต้นแรงได้ถึงเพียงนี้

“ปล่อยผม อย่ามาแตะตัวผมนะ” แม้จะถูกจับกุมเสียงเล็กๆ ก็ยังคงพยายามแปร่งเสียงออกมาบอกกับคนตรงหน้าพร้อมกับสะบัดใบหน้าให้หลุดจากการจับกุมแม้มันจะเป็นไปได้ยากแต่ตัวเขาไม่อาจจะอยู่เฉยให้คนตรงหน้ากระทำถึงจะรู้ดีว่าแรงอันน้อยนิดนั้นจะสู้คนตัวใหญ่ไม่ได้ก็ตาม

 “ทำไมข้าจะแตะตัวเจ้าไม่ได้ในเมื่อเจ้าคือคู่ครองของข้า และจะต้องมีบุตรให้แก่ข้า” ราชาปีศาจพูดขึ้นพร้อมกับดึงร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอดชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายขาวที่ชวนให้สูดดม

ยามเมื่ออยู่ใกล้ทำให้รู้ว่าร่างเล็กนั้นช่างน่ามองยิ่งนัก ใบหน้าเล็กๆที่ ไร้การตกแต่งใดๆ ดวงตาสีน้ำตาลโตบวกกับแผงขนตายาวงอนนั้นทำให้ดวงตาคู่นั้นดูหวานและดึงดูดมาก เส้นผมสีทองดูแวววาวสวยจนเขาอดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือไปสัมผัสมัน ส่วนอีกคนที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นไม่ได้รับรู้ถึงสายตาความต้องที่ถูกส่งมาเลยแม้แต่น้อยเพราะกำลังวุ่นอยู่กับการสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมกอดของคนตัวใหญ่ และเด็กหนุ่มคงไม่รู้เลยว่ายิ่งพยายามจะให้หลุดพ้นจากพันธนาการนี้เท่าไรมือใหญ่ก็ยิ่งโอบรัดเขาไว้แน่นมากยิ่งขึ้น

“ปล่อยผมนะ!” ปากเล็กสีสดพูดขึ้นพร้อมกับดิ้นตัวไปมาเพื่อให้หลุดจากอ้อมกอดแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลยนอกจากทำให้เขาเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น

“ก็ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าไม่ปล่อย หึหึ” น้ำเสียงเข้มที่ฟังยังไงก็กำลังกวนอย่างแน่ๆนั้นเอ่ยขึ้น ก่อนจะกระชับอ้อมกอดอีกครั้ง มือใหญ่ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาจับใบหน้าเล็กให้หยุดนิ่งก่อนจะก้มลงประกบริมฝีปากเข้ากับปากเล็กสีสวยอย่างรวดเร็ว คนถูกกระทำถึงกับหยุดนิ่งแข็งทื่อไปทั้งตัว ดวงตาคู่โตเบิกกว้างอย่างตกใจเขาไม่เคยจูบใครและไม่เคยถูกใครจูบมาก่อน นี้มันคือจูบแรกของเขาเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญไอ้เขาควายกำลังจูบเขาท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย แถมยังเป็นจูบเร้าร้อนที่ทำร่างกายเขาอ่อนแรงจนไม่สามารถยืนอยู่ได้ไม่รู้ว่าสัมผัสนั้นหยุดลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่รู้เพียงตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะยืนได้แต่ทรุดตัวนั่งลงตรงนั้นอย่างรู้สึกมึนงง เด็กหนุ่มพยายามมากเหลือเกินที่จะควบคุมหัวใจที่เต้นแรงให้มันกลับมาเป็นปกติ

ราชาปีศาจอัสดิบัสแอดน์มองหน้าผู้ที่ถูกขานนามว่าเป็นเมียก็ต้องกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ก่อนจะเลื่อนไปจับกุมแก้มทั้งสองข้างของคนที่นั่งหมดแรงอยู่บนพื้นออกแรงกดเล็กน้อยลงบนแก้มขาวๆ ที่ดูขึ้นสีแดงระเรือง อะไรกันแค่จูบนิดหน่อยเท่านั้นใยคนตัวเล็กถึงได้ดูไร้เรียวแรงถึงเพียงนี้ คนถูกจับกุมรู้สึกเจ็บที่ใบหน้าแต่ก็ทำให้เรียกสติตัวเองกลับมาได้เขาไม่รู้หรอกว่าคนตรงหน้าต้องการอะไรกันแน่ ที่พูดมานั้นเขาไม่อาจทำใจยอมรับได้เลยก็จะให้มาเป็นเมียทั้งที่ไม่รู้จักกันได้อย่างไรกันไม่อาจยอมรับได้จริงๆ ถ้าจะมีขอเป็นใครสักคนที่เขารู้สึกรักด้วยหัวใจของเขาไม่ใช่แค่เพราะถูกเลือกจากใคร ใบหน้าสวยสะบัดหนีจากมือใหญ่แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้น แรงเขากับชายหนุ่มตรงหน้ามันต่างกันเกินไป

    “เจ้าชื่ออะไร” ร่างใหญ่ถามขึ้น

“ผมไม่จำเป็นต้องบอกคนอย่างคุณ” ปากเล็กพูดตอบกลับไปอย่างยากลำบากเพราะถูกจับกุมตรงบริเวณสองแก้ม มือเล็กค่อยๆ เลื่อนมาแกะมือใหญ่ที่จับแก้มออกแต่ก็ไม่เป็นผลมือนั้นราวกับคีบเหล็กแข็ง

“บอกข้ามาเจ้าชื่ออะไร” ร่างใหญ่ถามขึ้นเสียงดังพร้อมกับเพิ่มแรงที่มือของตนเอง จนเด็กหนุ่มต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บอีกครั้ง

“ขะ ข้าวสวย” เสียงเล็กตอบออกไปจะไม่ตอบก็กลัวว่าคนมีเขาจะเพิ่มแรงขึ้นมาอีกเขาไม่ไหวเจ็บตรงบริเวณแก้มจนรู้สึกระบมไปหมดทำไมถึงต้องทำอะไรรุนแรงใส่กันด้วยไม่เข้าใจเลย

“ข้าวสวย ชื่อแปลกดีนัก เป็นมนุษย์ด้วยอย่างนั้นหรือ” ชายหนุ่มพูดก่อนจะยิ้มมุมปากอีกครั้ง แล้วค่อยๆ ปล่อยมือที่จะกุมแก้มออก มือเล็กๆ รีบยกขึ้นลูบแก้มของตนเองทันทีที่รับรู้ว่ามันเป็นอิสระแก้มจะต้องเป็นรอยแดงแน่ๆ ข้าวสวยรู้สึกอย่างนั้น

“ไอ้บ้าบีบมาได้เจ็บนะรู้ไหม” ข้าวสวยพูดขึ้นกับตัวเองอย่างหงุดหงิดพร้อมกับเอามือลูบแก้มก่อนจะค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นจากพื้น

“ก็เจ้าไม่เชื่อฟังข้า” อีกคนตอบสวนหลับมา แม้จะเป็นแค่เสียงบ่นเบาๆ แต่ก็ได้ยินอดไม่ได้ที่จะว่าอีกคนกลับไป ข้าวสวยดูไม่มีอะไรก็จริงแต่ชายหนุ่มรับรู้ได้ว่ามันคงไม่ใช่แบบนั้นเป็นแน่

“จะให้ผมเชื่อฟังคุณแล้วเป็นเมียคุณเนี่ยนะใครจะไปทำกันเล่า...ไอ้เขาควาย!" เถียงกลับไปพร้อมกับชื่อใหม่ของราชาปีศาจที่ข้าวสวยคิดได้สดๆร้อนๆ

“ไอ้เขาควาย? เจ้าเรียกข้าว่าไอ้เขาควายอย่างนั้นหรือ” คนเป็นราชาพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดปนสงสัยถึงเขาจะไม่ค่อยเขาใจแต่ไอ้ชื่อนี้มันไม่เหมาะเลยจริงๆ

“ใช่แล้วจะทำไม ก็เขานายมันเหมือนควายจริงๆ และผมก็ไม่รู้ชื่อคุณสักหน่อย” ข้าวสวยพูดหน้าตาเฉย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะได้ยินชื่อของคนตรงหน้าแล้วแต่ก็จำไม่ได้ว่าชื่ออะไรก็ชื่อเล่นยาวไม่พอยังแปลกอีกผิดตรงไหนถ้าเขาจะจำมันไม่ได้ อีกคนดูจะไม่พอใจกับชื่อใหม่ของตัวเองสักเท่าไหร่

“อัสบัส เรียกข้าว่าอัสบัส”

“ผมว่าไอ้เขาควายเหมาะกับคุณมากว่านะ คิคิ” ข้าวสวยพูดพร้อมกับหัวเราะทั้งที่ยังคงรู้สึกกลัวอยู่แต่ไม่อยากจะแสดงมันออกมาให้คนตรงหน้าเห็น เขาต้องเข้มแข็งข้าวสวยท่องคำนี้มาตลอด

“เจ้าอยากเสียตัวก่อนแต่งหรือไง” อัสบัสกระชากแขนเล็กทั้งพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด คนถูกกระชากตกใจแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางกลัวต่อการกระทำของอัสบัสก่อนจะเลื่อนเท้าของตนเองไปเหยียบบนเท้าของคนตรงหน้า อัสบัสตกใจจนปล่อยมือของข้าวสวย
เมื่อหลุดจากการจับกุมก็วิ่งไปยังประตูทันที โชคดีที่ไม่มีใครขวางทางไว้อีก ซึ่งเขาเองก็แปลกใจว่าทำไมถึงไม่มาขวางไว้เหมือนเมื่อสักครู่ หรือจะปล่อยเขาให้กลับบ้าน ข้าวสวยยิ้มให้กับความคิดของตัวเองทันทีดีใจที่จะได้กลับบ้าน ครั้นเมื่อถึงบานประตูใหญ่ก็หันมาแลบลิ้นอย่างเยอะเย้ยให้กับอัสบัสที่ดูไม่ทุกร้อนใดๆ   

    “ฝันไปเถอะใครจะไปเป็นเมียนายกันเล่า” เมื่อพูดจบก็หันไปเปิดบานประตูทันที แต่ทว่าเปิดมันเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออก

“หึหึ” เสียงหัวเราะนั้นทำให้ข้าวสวยต้องหันไปมองชายหนุ่มผมสีแดงเพลิงอย่างทันทีก็พบว่ากำลังส่งรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มาให้เขา คิ้วสวยขมวดเป็นปมทันที เพราะแบบนี้พวกของไอ้เขาควายถึงไม่มาขวางไว้ รู้กันอยู่แล้วว่าประตูเปิดไม่ได้ ทำไมกันเขาถึงไม่ชุกคิดให้เร็วกว่านี้

“ก็บอกแล้วอย่างไรว่าเจ้าหนีจากที่นี้ไม่ได้ หึหึ” อัสบัสพูดขึ้นก่อนจะเดินเข้ามา ข้าวสวยรีบถอยหลังหนีแต่ก็ต้องจนมุมเมื่อแผ่นหลังชนประตูเสียแล้วไม่มีที่ให้ถอยหนีร่างใหญ่ของอัสบัสอีกต่อไปได้แต่ยืนชิดประตูมองใบหน้าเจ้าเล่ห์ของอัสบัสอย่างหวั่นๆ คนตัวใหญ่ค่อยๆ ใช้มือจับคางมนให้ยกขึ้นเพื่อมองดวงตานั้นก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยว่า

“เจ้าคือคู่ครองของข้า ต่อให้เจ้าคิดหนีสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจพ้นชะตากรรมนี้ จงมาเป็นเมียของข้าและมีบุตรสืบสกุลให้แก่ข้า”

“ชะตากรรม เป็นเมียคุณ มีบุตรให้คุณ?...คุณเข้าใจอะไรผิดไหม ผมเป็นผู้ชายนะจะมาเอาผมไปเป็นเมียได้ไงและอีกอย่างผมมีลูกได้ที่ไหน คุณบ้าหรือเปล่า  คิดได้ไง ผมไม่ยอมผมจะกลับบ้านนนน” ข้าวสวยพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดก่อนจะจับมือของอัสบัสออกจากคางของตน  ตั้งแต่มาอยู่ที่นี้เขาจำไม่ได้เลยว่ารู้สึกหงุดหงิดไอ้คำพูดของไอ้ราชาเขาควายนี้ไปกี่รอบแล้วจากที่เคยกลัวตอนนี้มันได้หายไปหมดสิ้นมีแต่ความโกรธเท่านั้นที่เข้ามาแทนที่ไม่เข้าใจทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้

“เรื่องเหล่านั้นไม่เป็นปัญหาเพราะต่อให้เจ้าจะเป็นหญิงหรือชายมันไม่เกี่ยว แค่เจ้าคือผู้ที่มณีจันทราเลือกก็เพียงพอแล้ว...แต่เหตุใดเจ้าถึงเป็นมนุษย์” อัสบัสพูดด้วยใบหน้าสงสัย

“เป็นมนุษย์แล้วไงละ ใครจะเป็นไอ้พวกมีเขาควายเหมือนคุณเล่า” ข้าวสวยพูดตอบกลับไป

“เจ้า! ข้าบอกให้เรียกอัสบัสไม่เข้าใจหรืออย่างไร อยากเสียตัวจริงๆ ใช่หรือไม่” ว่าด้วยใบหน้าหื่นกระหายเพียงเพื่อต้องการแกล้งคนตรงหน้าเท่านั้น

“บ้า! ไอ้เขาควายหื่น ไอ้เขาควายโรคจิต ” ข้าวสวยพูดกลับอย่างหงุดหงิด มือเล็กๆ ก็ชี้หน้าอัสบัสไปด้วย แต่ดูเหมือนคำว่าของ
เขาจะไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าทุกร้อนแต่อย่างใดแต่ทำให้ชายหนุ่มหื่นกระหายแทนมากกว่าเพราะใบหน้าที่ฉายแววอย่างชัดเจนนั้นทำให้เขาได้แต่ยืนพิงประตูอย่างหวาดระแวง 

“ถ้าไม่อยากโดนก็อยู่นิ่งๆ เชื่อฟังที่ข้าพูดก็เป็นพอ” อัสบัสพูดก่อนจะยิ้มมุมปากกับอาการของคนตรงหน้า

“ใครจะไปฟังกันได้เป็นเมียปีศาจกันพอดี” ข้าวสวยเอ่ยกับตัวเองเบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้อัสบัสที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้ยินแต่ก็ทำนิ่ง
เฉยอย่างไรเสียคนตรงหน้าก็ไม่อาจหนีชะตากรรมนี้พ้นอยู่ดี

    “อีกสามวันข้าจะจัดงานอภิเษกพวกเจ้าไปเตรียมการให้พร้อม ส่วนเจ้าก็ต้องเตรียมตัวเพื่อเข้าพิธีอภิเษกกับข้า” คนเป็นราชาปีศาจเอ่ยสั่งเหล่าพวกบริวาลก่อนจะหันมาสั่งข้าวสวย

“ผมยังไม่ได้ตกลงเลยนะ” ข้าวสวยพูดค้านขึ้นมาอย่างโมโห อะไรกันมาบังคับกันได้อย่างไร

“เจ้าไม่มีสิทธ์ปฏิเสธ” อัสบัสตอบกลับมาเสียงดังก่อนจะส่งยิ้มที่ข้าวสวยมองยังไงก็กวนเขาชัดๆ ไม่มีเลยหรือไงที่เขาจะเถียงคนๆ นี้ได้ชนะสักครั้งหนึ่ง

“ไอ้เขาควายบ้าพูดเองเออเองทุกอย่าง" ข้าวสวยได้แต่บ่นกับตัวเองเบาๆ เพราะไม่สามารถไปสู้รบปรบมือกับคนที่เป็นถึงราชาของโลกปีศาจนี้ได้มีเพียงก็ต้องทำตามที่อีกคนบอกใช่หรือไม่แต่ข้าสวยไม่ได้ชอบชายหนุ่มแม้แต่น้อยไม่อยากแต่งงานกับคนที่เขาไม่ได้รักจะทำอย่างไรให้ออกไปจากที่นี้ได้กันควรทำอย่างไรดีข้าวสวยได้แต่คิดวงวนไปมาอยู่กับความคิดของตัวเองจนเสียงใครอีกคนเรียกให้ออกจากภวังค์นั้น

“ข้าจะให้คนพาเจ้าไปพักผ่อน” อัสบัสหันมาบอกกับข้าวสวย ก่อนจะเรียกหญิงสาววัยกลางคนๆ หนึ่งที่มีหูกับหางเหมือนแมวมาทางที่เขายืนอยู่ครั้นจะเถียงออกไปก็ทำไม่ได้คงต้องยอมไปก่อนแล้วค่อยหาทางทีหลังอีกครั้งข้าวสวยได้แต่คิดเช่นนั้น

“เจ้าพาเมียข้าไปพักผ่อนที่ตำหนักทางทิศเหนือ” คนเป็นราชาสั่งขึ้นอีกครั้ง ตำหนักทิศเหนืออยู่คนละฝั่งกับตำหนักที่อัสบัสอยู่คือตำหนักทิศใต้การที่ชายหนุ่มไม่ให้ข้าวสวยไปอยู่ตำหนักทิศใต้นั้นเพราะมันเป็นกฎตั้งแต่บรรพบุรุษก่อนเข้าพิธีอภิเษกจะไม่สามารถพบเจอกันได้เลยแม้แต่น้อยจนกระทั่งวันอภิเษกทั้งที่ในใจนั้นอยากอยู่กับข้าวสวยก็ตามก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันแค่เพียงได้พบเจอข้าวสวยอัสบัสรู้สึกได้ว่าการรอค่อยมันได้สิ้นสุดลงแล้วทั้งที่ตนเองไม่รู้เลยว่ารอค่อยสิ่งใดอยู่รู้เพิ่มหัวใจมันรู้สึกเติมเต็มแค่เพียงได้พบ หัวใจที่เคยด้านชากลับสดใสอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนไม่มีใครรู้หรอกว่าเขายินดีแค่ไหนที่ได้พบกับข้าวสวยซึ่งเป็นความยินดีที่ตัวอัสบัสเองก็แปลกใจ

 ข้าวสวยออกไปจากท้องพระโรงแล้วเรียบร้อยเหล่าบริวาลคนอื่นๆ ก็เริ่มแยกย้ายไปทำงานตามคำสั่งของผู้เป็นราชา ครู่หนึ่งท้องพระโรงที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนบัดนี้เหลือเพียงผู้เป็นราชาและคนสนิทอีกคนเพียงเท่านั้น

“ฝ่าบาทเหตุใดมณีจันทราถึงเลือกคู่ครองเป็นมนุษย์เล่าพ่ะย่ะค่ะ ตั้งแต่อดีตคู่ครองที่ถูกเลือกล้วนแล้วแต่เป็นเหล่าปีศาจด้วยกันทั้งนั้นเหตุใดกันหรือพ่ะย่ะค่ะ” หลังจากที่ปล่อยให้ท้องพระโรงนั้นปกคลุมไปด้วยความเงียบอยู่นานรีฟเฟอร์ก็เอ่ยแทรกผ่านความเงียบขึ้นมาอย่างสงสัย

“ข้าก็หารู้ไม่ว่าเพราะเหตุใด แต่ในกฎหาได้บอกไว้ว่าห้ามเป็นมนุษย์” อัสบัสพูดขึ้น

“มันจะไม่เป็นปัญหาใช่หรือไม่ฝ่าบาท โลกปีศาจกับโลกมนุษย์หาเคยยุ่งเกี่ยวกันมาก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”

“จะทำการใดได้ในเมื่อมณีจันทราเลือกแล้วและอีกอย่างเขาก็ถูกใจข้ายิ่งนัก” คนเป็นราชาเอ่ยอย่างยิ้มๆ ดวงตาฉายแววความต้องการอย่างเด็นชัดคนเป็นลูกน้องอย่างรีฟเฟอร์ได้แต่นึกสงสารว่าที่ราชินีของเขาเหลือเกิน

“พบเจอราชินีประเดี๋ยวเดียวฝ่าบาทถึงกับเปลี่ยนไปนะพ่ะย่ะค่ะ จากราชาผู้เยือกเย็นกลายมาเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ไปเสียกระนั้น” รีฟเฟอร์เอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันประสงค์ของผู้เป็นนาย

“เจ้าอย่ามาทำเป็นรู้ทันข้า”

“แล้วฝ่าบาทจะทรงทำอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ ดูเหมือนราชินีจะไม่ยอมโดยง่าย ฝ่าบาทก็รู้หากฝ่าบาทและราชินีไม่มีใจตรงกันก็ไม่สามารถมีบุตรได้”

“เจ้าอย่าได้ห่วงไปข้าเชื่อว่าสุดท้ายแล้วข้าวสวยต้องมีใจให้ข้าเป็นแน่” อัสบัสตอบอย่างหมั่นใจกับความคิดตัวเอง ก่อนร่างสูงใหญ่จะออกเดินแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อร่างกายทรุดลงกับพื้นด้วยอาการเจ็บแปลบที่หน้าอกอย่างกะทันหัน

“ฝ่าบาททรงเป็นอะไรมากหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” รีฟเฟอร์ที่รีบเข้ามาประคองผู้เป็นนายอย่างตกใจก็ราชาของเขาเคยเป็นอะไรที่ไหนกันเจออย่างนี้คนเป็นองครักษ์เลยค่อนข้างที่จะตกใจอยู่ไม่น้อย

“ข้าไม่เป็นอะไรแค่เจ็บตรงตราแสงแห่งราวินทราเพียงเท่านั้น” อัสบัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูติดจะทรมาน มือทั้งสองกอบกุมหน้าอกแน่น

“แต่ฝ่าบาทไม่เคยปวดมาก่อนเลยนะพ่ะย่ะค่ะ หรือจะเป็นเหมือนดังตำนานที่กล่าวไว้” องครักษ์หนุ่มพูดขึ้นอย่างตกใจ

“อ๊ากกกกก” อัสบัสร้องอย่างเจ็บปวดเพราะรู้สึกถึงแรงบีบรัดที่หน้าอกอย่างมหาศาลจนต้านทานไม่ไหว

“ฝ่าบาท!” รีฟเฟอร์ประคองร่างของผู้เป็นนายด้วยความกังวลมองใบหน้าที่ดูเจ็บปวดทรมานแต่ฉายแววความปิติยินดีออกมาแม้จะรู้สึกเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม

“ผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราอยู่ไม่ไกลจากที่นี้ ในที่สุดข้าก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราเสียที”


ฝากด้วยนะคะ  ไม่สนุกก็ต้องขอโทษจริงๆๆนะคะ

 

คอมเม้นเต็มที่เลยค่ะจะติชมยังไงก็เชิญเลยค่ะเดี๋ยวตั้งโอ๋จะได้เอาไปปรับปรุงนะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2017 18:40:56 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew1:   รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ตอนที่ 2 วิวาห์โลหิตที่หอมหวาน

    “ลิลลี่สีชมพู” ข้าวสวยที่นั่งอยู่บนเตียงใหญ่หลังจากพึ่งตื่นนอนเอ่ยขึ้นอย่างงงๆ เมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับช่อดอกลิลลี่สีชมพูช่อใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนมือเรียวค่อยๆ เลื่อนไปหยิบช่อดอกลิลลี่นั้นก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้ปากเล็กยิ้มขึ้นมาอย่างลืมตัวคงเป็นเพราะดอกไม้หอมๆ ทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย

“ตื่นแล้วหรือเพคะ” เสียงหนึ่งเอ่ยถามขึ้นทำให้ข้าวสวยต้องหันไปมองก็พบเป็นหญิงสาววัยกลางคนคนเดิมที่เจอเมื่อวานนี้และค่อยดูแลมาตลอดจนกระทั่งตอนนี้

“ครับ” ตอบกลับไปอย่างอ่อนน้อมเพราะหญิงสาวมีอายุมากกว่า เขาจำได้เสมอแม่สอนอยู่เป็นประจำว่าเราต้องเคารพผู้มีอายุมากกว่าไม่ว่าจะฐานะใดก็ตาม

“องค์ราชาทรงนำมาถวายเพคะ สวยใช่หรือไม่เพคะ” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เมื่อเห็นช่อดอกไม้ในมือของเจ้านายตน ข้าวสวยมองหญิงสาวอย่างสงสัย

“ที่นี้มีดอกลิลลี่สีชมพูด้วยหรือครับ ผมนึกว่าจะต่างจากโลกมนุษย์เสียอีก”

“หม่อมฉันก็บอกไม่ได้หรอกเพคะ เพราะหม่อมฉันไม่เคยเห็นโลกมนุษย์มาก่อนเลย”

“หรือครับ แล้วทำไมเขาต้องเอามาให้ผมด้วยละ” ใบหน้าสวยมุ่ยแก้มป่องทันทีที่พูดจบ นึกถึงเจ้าของช่อดอกไม้สวยงามนี้แล้วก็อดโมโหไม่ได้

“ก็เพราะพระองค์ทรงเป็นว่าที่ราชินีอย่างไรเล่าเพคะ" คนถูกถามตอบกลับไปอย่างยิ้มแย้มอีกเช่นเคยแต่สำหรับข้าวสวยมันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีแม้แต่น้อย

“ก็ผมบอกแล้วจะไม่เป็นเมีย...เอ่อ...ภรรยาไอ้เขาคะ...เอ่อ...อัสบัสนี่” ใบหน้าสวยเกินชายเชิดขึ้นพร้อมกับตอบกลับด้วยอารมณ์หงุดหงิดรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ทำไมต้องมาเป็นพระชายาอะไรนั้นกัน

“เพราะเหตุใดถึงทรงไม่อยากเป็นเล่าเพคะ”

“ก็ผมกับเขาพึ่งเจอกันอีกอย่างผมเป็นผู้ชายจะให้ไปเป็นเมีย...เอ่อ  ภรรยาใครได้ไงละครับ” เขาคิดอย่างที่พูดจริงๆ คนจะเป็นสามีภรรยากันได้ก็ต้องเกิดจากความรักไม่ใช่เพราะถูกเลือกมาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ และที่สำคัญตัวเขาเป็นชายจะให้ไปเป็นเมียของใครมันก็ออกจะแปลกๆ ข้าวสวยไม่อาจยอมรับได้จริงๆ จะทำอย่างไรให้หลุดพ้นไปจากที่นี้ได้กัน

“ไม่อยากเป็นก็ต้องเป็นเพคะเพราะมณีจันทราและองค์ราชาได้ตัดสินใจเลือกพระองค์แล้วนะเพคะ”

“แล้วรู้ได้ไงละครับว่าอัสบัสเลือกผมนะ” ข้าวสวยถามขึ้นเขาเข้าใจที่บอกว่ามณีจันทราเลือกเพราะเรื่องนี้มันก็จริงไม่อย่างนั้นคงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้แต่กับอีกคนมันจะเป็นไปได้อย่างไรกันหรือเขาก็แค่ทำตามหน้าที่ยอมแต่งงานด้วยเพราะมณีจันทราเป็นผู้เลือกข้าวสวยมาคิดแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี ทำไมถึงต้องยอมแต่งงานกับคนทีไม่รู้จักกัน

“ก็ดอกไม้ช่อสวยในมือพระองค์อย่างไรละเพคะ” หญิงสาววัยกลางคนพูดขึ้นก่อนจะส่งสายตาไปยังช่อดอกลิลลี่สีชมพูที่อยู่ในมือผู้ได้ชื่อว่าเป็นราชินีของเธอในอนาคต ใบหน้างามก้มมองดอกไม้ในมืออย่างสงสัย งงก็แค่ดอกไม้

“ดอกลิลลี่นี่นะหรือครับ” ปากเรียวสวยถามขึ้นพร้อมกับยกช่อดอกลิลลี่สีชมพูช่อใหญ่เป็นเชิงถามอย่างสงสัย

“ใช่เพคะ”

    “มันก็แค่ดอกไม้จะเป็นตัวยื่นยันได้ยังไงครับว่าอัสบัสเลือกผมนะ" พูดขึ้นพลางนึกขำกับคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า อะไรกันแค่ดอกไม้ช่อเดียวก็คิดไปว่าเลือกเขาเป็นเมียถ้าเป็นแบบนี้ในโลกของข้าวสวยคงมีแต่คนที่ถูกเลือกเป็นเมียไม่รู้กี่ครั้งในหนึ่งคนนะสิ

“พระองค์ทรงทราบความหมายของดอกลิลลี่สีชมพูหรือไม่เพคะ” หญิงสาวพูดขึ้น คนที่ฟังอยู่ถึงกับหยุดหัวเราะทันทีก่อนจะหันไปมองคนถามและสายหน้าไปมาเป็นเชิงบอกว่าไม่รู้

“ดอกลิลลี่สีชมพูความหมายของมันก็คือ ที่สุดของหัวใจที่ฉันตามหาเพคะ ซึ่งแสดงว่าองค์ราชานั้นได้พบเจอบุคคลที่ตนเองต้องการแล้วและคนๆ นั้นก็คือพระองค์อย่างไรละเพคะ” ข้าวสวยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไป ก่อนจะเอ่ยแก้เขินขึ้นมา

    “บางทีเขาก็แค่ส่งมามั่วๆ ก็ได้ครับ คงจะไม่มีอะไร” ตอบกลับไปแบบไม่ใส่ใจแต่ใจกลับเต้นแรงจนเจ้าตัวเองกลัวว่ามันจะทะลุออกมา หญิงสาวสายหน้าให้กับความรั้นของว่าที่ราชินีที่ไม่ยอมเชื่อเสียทีจนต้องบอกกล่าวเพิ่มเพื่อช่วยเจ้านายของตน

“ไม่หรอกเพคะ ที่โลกปีศาจเราจะนิยมใช้ดอกไม้สื่อถึงความรู้สึกแก่กันเพคะโดยเราจะให้ดอกไม้ตามความหมายและโอกาสที่จะให้ อีกอย่างองค์ราชาไม่เคยให้ดอกไม้แสดงความรักแก่ใครนอกเสียจากดอกไม้แสดงความยินดีหรือเคารพเท่านั้นเพคะ” เธอกล่าวยืดยาวจนข้าวสวยไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปได้แต่เงียบและหันมาสนใจกับดอกไม้สีสวยในมือแทนแต่ในใจกลับคิดถึงอีกคน
‘เป็นปีศาจแท้ๆ แต่ทำไมชอบดอกไม้กันจัง ยิ่งนึกถึงไอ้เขาควายแล้วนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ’ ใครๆ ต่างว่าปีศาจนั้นน่ากลัวและโหดร้ายแต่เหตุใดการกระทำเหล่านี้ถึงได้ดูโอนโยนยิ่งนัก

“เอ่อ...ถ้าผมจะขอพบไอ้เขาคะ..เอ่อ อัสบัสนะครับ...ได้ไหม” ข้าวสวยถามหญิงคนเดิมที่ยืนมองตนเองอยู่ข้างเตียง เขาก็แค่อยากจะคุยกับอัสบัสให้รู้เรื่องก่อนจะถึงวันเข้าพิธี ชายหนุ่มแน่ใจแล้วหรือที่จะแต่งงานกับเขาจริงๆ

“ไม่ได้หรอกเพคะ ก่อนเข้าพิธีอภิเษกพระองค์กับองค์ราชาไม่สามารถพบเจอกันได้ จนกว่าจะถึงวันอภิเษกเพคะ” คิ้วสวยขมวดเป็นปมด้วยความสงสัยเมื่อได้รับคำตอบ

“ทำไมถึงพบไม่ได้ละครับ”

    “มันเป็นกฎตั้งแต่บรรพบุรุษมาเพคะ”

    “แต่ผมอยากขอเขากลับบ้าน ผมเป็นห่วงน้องที่บ้าน” ข้าวสวยตอบกลับไปด้วยใบหน้าเศร้าๆ นึกถึงใบหน้าคนสำคัญที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวแล้วอยากร้องไห้ตอนนี้คงนั่งรอเขากลับไปจนไม่ยอมหลับยอมนอนเป็นแน่

“ไม่ได้จริงๆเพคะ พระองค์อย่าทรงเป็นห่วงไปเลย องค์ราชาน่าจะส่งคนไปดูแลแล้วละเพคะ” เมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงหน้าก็รู้สึกเบาใจขึ้นมาทันทีแต่ว่าอัสบัสรู้เรื่องครอบครัวเขาด้วยหรืออย่างไร

“อัสบัสรู้เรื่องของผมด้วยหรือครับ”

“รู้สิเพคะ องค์ราชาต้องรู้ข้อมูลทุกอย่างของผู้ที่จะมาเป็นองค์ราชินีอยู่แล้วเพคะ อย่าทรงเป็นห่วงไปเลยเพคะ”

“ครับ” ตอบรับกลับอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ แต่ในใจก็ยังคงนึกเป็นห่วงน้องชายของตนเองเพราะเรามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้องไม่มีญาติคนอื่นอีกแล้ว ถ้าเขาหายไปน้องก็ต้องอยู่คนเดียวยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วงถึงจะบอกว่าอัสบัสส่งคนไปค่อยดูแลแล้วก็ตามทีแต่น้องจะไม่ตกใจหรือไงกัน

ณ ท้องพระโรง

“เรียนองค์ราชา กระหม่อมได้ทำการตรวจสอบรอบบริเวณอาณาจักรแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่พบผู้ใดที่มีปานแดงรูปพระจันทร์เสี้ยวที่หน้าอกเลยพ่ะย่ะค่ะ” เสียงนายทหารในชุดเกราะที่รัดกุมแต่ไม่วายยังมีหูกับหางเหมือนสุนัขกล่าวรายงานแก่ผู้เป็นนายซึ่งก็คือราชาปีศาจอัสดิบัสแอนด์หรืออัสบัส อัสบัสที่ได้ฟังต้องขมวดคิ้วแน่นเมื่อคำรายงานไม่เป็นไปอย่างที่คิด

“เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่พบผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราในเมื่อข้าสัมผัสได้ว่าเขาอยู่ไม่ไกลจากปราสาท” ผู้ได้ชื่อว่าเป็นราชาของเล่าปีศาจพูดขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“พวกเจ้าจงออกไปค้นหาต่อ ค้นหาจนกว่าจะพบผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทรา หากไม่พบไม่ต้องกลับมา” อัสบัสสั่งขึ้นอย่างเสียงดังด้วยความกังวล ทหารร่างกำยำเมื่อได้ยินคำสั่งก็ต่างรีบออกไปในทันที ทางอัสบัสเมื่อเห็นทหารออกไปจนหมดก็ได้แต่ยกมือขึ้นกุมขมับ

    “ทำไมถึงไม่พบกันทั้งที่ข้าสัมผัสได้แท้ๆ” เอ่ยพูดกับลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเครียดๆ

    “พระองค์อย่าทรงกังวลไปเลยพ่ะย่ะค่ะ” รีฟเฟอร์พูดปลอบใจผู้เป็นนาย

“ข้าไม่กังวลได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าอาเทอร์ผู้ต้องคำสาปราหูทมิฬนั้นเริ่มบุกรุกกินพื้นที่โลกปีศาจไปเกือบครึ่งแล้ว เมฆสีดำของมันก็กลืนกินโลกปีศาจไปเรื่อยๆ ในฐานะที่ข้าเป็นผู้ครองของโลกนี้ข้าไม่อาจทนอยู่เฉยได้ยิ่งสัมผัสถึงผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราข้าก็ยิ่งทนไม่ได้” อัสบัสพูดขึ้นอย่างหัวเสียเขาเป็นถึงราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแต่เมื่อรับรู้ถึงการมีอยู่ของผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราเขากลับนึกกลัวขึ้นมา กลัวผู้ที่ทั้งเขาและเหล่าปีศาจทั้งหลายที่รอค่อยมานานจะหายไป

“กระหม่อมเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ แต่พระองค์ต้องทรงพระทัยเย็นๆ เสียก่อน พระองค์ก็ทรงทราบว่าฝ่ายนั้นก็ต้องสัมผัสได้เหมือนกันว่าผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราปรากฎตัวแล้ว และกระหม่อมเชื่อว่าพวกมันก็คงไม่นิ่งดูดายอย่างแน่นอน มันจะต้องหาวิธีกำจัดผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราเป็นแน่แท้”

“ข้ารู้ เพราะอย่างนี้ไงข้าถึงได้รีบหาตัวผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราให้เจอโดยเร็วที่สุด”

“กระหม่อมว่าพระองค์อย่างกังวลพระทัยไปเลยพ่ะย่ะค่ะ พวกมันก็คงจะยังหาผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราไม่พบนะพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี่พระองค์ทรงกังวลเรื่องพิธีอภิเษกมากว่านะพ่ะย่ะค่ะ”

“นั้นสิ มันก็จริงของเจ้า เจ้าให้คนไปค่อยดูแลที่บ้านของข้าวสวยหรือยัง” อัสบัสที่คล้ายกังวลลงถามขึ้น

“ได้ส่งคนไปค่อยระวังโดยไม่ให้ทางบ้านขององค์ราชินีรู้ตัวแล้วพ่ะย่ะค่ะ และทรงแจ้งให้คนที่บ้านขององค์ราชินีทรงทราบแล้วว่าองค์ราชินีจะไม่กลับมาบ้านสักระยะพ่ะย่ะค่ะ” รีฟเฟอร์รีบรายงานทันทีที่ผู้เป็นนายเอ่ยถาม

“อืมดี หลังสิ้นพิธีอภิเษกค่อยแก้ปัญหานี้กันอีกครา แล้วข้าวสวยเป็นอย่างไรบ้าง” อัสบัสพูดขึ้น แต่ไม่ลืมถามถึงความเป็นอยู่ของคู่ครองตนเอง

“ตอนนี้ทรงได้ให้นางกำนัลเตรียมตัวให้แก่องค์ราชินีเพื่อเข้าพิธีอภิเษกแล้วพะยะค่ะ”

“อีกสองวันแล้วสินะ ใกล้เข้ามาเต็มที ข้ายังหาคำตอบไม่ได้เลยว่าเหตุใดมณีจันทราถึงเลือกมนุษย์ผู้นี้กัน” ปากหนายกพูดขึ้น
พร้อมกับดวงตาสีแดงเพลิงที่ดูน่าเกรงกลัวแต่บัดนี้ฉายแววความสงสัยอย่างชัดเจนตั้งแต่เมื่อวานที่ทราบว่ามณีจันทราทรงเลือกคู่ครองเป็นมนุษย์ให้แก่ตนตลอดเวลาทั้งคืนเขาพยายามหาคำตอบแต่มันก็ไร้ซึ่งวี่แววใดๆดังสิ้น

สองวันผ่านไป

วันนี้เป็นวันที่พระราชวังทรงจัดพิธีอภิเษกสมรสขึ้นอย่างใหญ่โต มีผู้คนมาเข้าร่วมมากมายจนเต็มไปทุกพื้นที่ ทุกสิ่งล้วนแต่ตกแต่งด้วยดอกกุหลาบสีฟ้าซึ่งเป็นดอกไม้ประจำอาณาจักร

ข้าวสวยที่อยู่ในชุดทักซิโด้สีขาวสะอาดศีรษะถูกคลุมทับด้วยผ้าสีขาวลายลูกไม้บางเบาที่ดูหรูหราลากยาวมาตามพื้นพรมสีแดง ใบหน้ารูปไข่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมนั้นยิ่งน่ามองอย่างที่ไม่อาจละสายตาได้ มือเล็กๆมีช่อดอกกุหลาบสีฟ้าขนาดกลางอยู่

ร่างทรงสง่านั้นกำลังเดินผ่านหน้าผู้คนนับพันนับหมื่นที่จองมองด้วยสายตาแวววาว เท้าทั้งสองนำพาร่างสะโอดสะองไปตามพรมแดงที่เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบสีฟ้าที่ถูกโปรยปรายลงทุกครั้งยามที่เขาก้าวเดินความตื่นเต้นเข้ามากอบกุมหัวใจของข้าวสวย รับรู้ได้ถึงแรงเต้นของหัวใจเร็วจนเขานั้นนึกกลัวไม่เคยคิดว่าคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างเรียบง่ายและจำเจจะได้มีโอกาสเข้าพิธีอภิเษกที่ใหญ่โตและอลังการเช่นนี้

แม้มันจะเป็นการแต่งงานที่ตัวเขาเองไม่เต็มใจนักแต่ในเมื่อไม่อาจหลีกหนีชะตากรรมนี้ได้ก็มีแต่ต้องยอมรับมัน ร่างสุดแสนสง่างามค่อยๆ ก้าวเดินไปยังแท่นพิธีที่อยู่ไม่ไกลนักแต่กลับต้องใช้เวลาที่แสนยาวนานในการเดินไปยังที่ตรงนั้น
เมื่อมองไปด้านหน้าแท่นพิธีก็พบร่างใหญ่ของผู้เป็นราชาปีศาจอยู่ในชุดทักซิโด้สีเงิน มีหูกระต่ายและผ้าคาดเอวสีดำนั้นยิ่งขับให้ชุดดูเด่นมากยิ่งขึ้นผมยาวสีแดงเพลิงถูกปล่อยให้ปลิวไสวไปตามแรงลมที่พัดมาตัดกับเขาคู่สีดำทำให้ดูสง่างามใบหน้าที่ขาวสะอาดแต่มีรอยดอกกุหลาบเล็กๆบนโหนกแก้มซ้าย ปากหนาที่มีรอยยิ้มเล็กๆ นั้นยิ่งทำให้อัสบัสดูน่าหลงใหล
ข้าวสวยใช่เวลาไม่นานนักก็มาถึงแท่นพิธีที่มีเจ้าบ่าวของเขายืนอยู่แต่สำหรับเด็กหนุ่มมันเนินนานเหลือเกิน ภายในสถานที่จัดงานนั้นต่างมีเสียงพูดคุยและโห่ร้องด้วยความปิติยินดีดังไปทั่วทั้งบริเวณจนข้าวสวยรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว อัสบัสที่ยืนรออยู่เมื่อเห็นเจ้าสาวของตนมาถึงก็ยื่นมือส่งไปรับมือเล็กๆ เขายอมรับเลยว่าวันนี้คนตรงหน้านั้นดูงดงามยิ่งนักราวกับว่าข้าวสวยนั้นเป็นดังเทพธิดา เทพบุตรในดินแดนสวรรค์ ใบหน้าที่ได้รูปนั้น จมูก ปาก นัยน์ตาสีน้ำตาล กับชุดเข้ารูปสีขาวสง่าทุกอย่างล้วนแล้วแต่จะลงตัวอย่างน่าประหลาดความงดงามนั้นสมดั่งตำแหน่งราชินีของโลกปีศาจเหลือเกินครั้งเจอกันครั้งแรกก็ว่างดงามมากแล้วแต่วันนี้กลับยิ่งงดงามจนหาคำเปรียบเปรยไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

อัสบัสอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างออกมาอีกคนที่มองมานั้นได้แต่งวยงงกับท่าทีของคนตรงหน้าสีหน้าที่เปลี่ยนไปมานั้นมันทำให้เขาไม่มั่นใจจนต้องยกมือออกจากมือของอีกคนที่นิ่งค้างอยู่แต่กลับถูกมือใหญ่กอบกุมไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ข้าวสวยนั้นหัวใจเต้นอย่างผิดปกติใบหน้าเห่อร้อนจนรู้สึกถึงแรงสูบฉีดของเลือดบนใบหน้าพาลให้ต้องหลบสายตาที่ส่งมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

เจ้าบ่าวค่อยๆพาเจ้าสาวมายืนอยู่ตรงหน้าแท่นพิธีที่มีผู้อาวุโสยืนรออยู่ก่อนแล้ว ต่อจากนี้พิธีก็ได้เริ่มขึ้นทั้งสองต่างกล่าวปฏิญาณตนกันว่าจะรัก มีกันและกันตลอดไป ข้าวสวยรู้สึกไม่ค่อยสู้ดีที่ต้องกล่าวคำปฏิญาณแบบนั้นออกไปเพราะเขาไม่ได้รักอัสบัสแต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบหรือเกลียดอะไรคนข้างกายเพียงแต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนรับมือกับมันไม่ทันก็เพียงเท่านั้น
พิธีดำเนินมาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายนั้นคือการหลั่งโลหิตเพื่อทำสัญญารักของปีศาจที่เป็นพิธีสำคัญมากที่สุดในโลกของปีศาจก็ว่าได้เพราะจะบ่งบอกว่าเราทั้งสองจะเป็นของกันและกันและจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป ข้าวสวยตกใจนิดหน่อยเมื่อถึงพิธีนี้ถึงจะรู้มาก่อนแล้วก็ตามทีแต่ก็ไม่วายกลัวอยู่ดี ตลอดช่วงสองวันที่ผ่านมาเขาได้เตรียมตัวเข้าพิธีและเรียนรู้ขั้นตอนต่างๆ ของพิธีในวันนี้ แต่ถึงจะทำใจมาแล้วก็อดที่จะหวั่นกลัวไม่ได้ต้องดื่มเลือดที่หยดลงในน้ำสะอาดนั้นโดยมีทั้งเลือดของเขาเองและของอีกคน

“เป็นอะไร เจ้ากลัวรึ” อัสบัสถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าซีดๆ ของคนข้างกายยามมองไปยังถาดในมือผู้อาวุโสที่มีเข็มสองเล่มและถ้วยสีทองภายในมีน้ำที่ดูสะอาดมากอยู่ ใบหน้าสวยหันมองคนถามทันที ก่อนจะสายหน้าไปมาเป็นการตอบกลับไป คนได้รับคำตอบก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อยให้กับอาการของคนปากแข็งทั้งที่ใบหน้าซีดแล้วยังมาสายหน้าบอกว่าไม่กลัว อัสบัสรู้ดีว่าข้าวสวยต้องกลัวแน่นอนเพียงแต่ไม่กล้าบอกเท่านั้น
เมื่อเห็นอัสบัสทำท่าทางเหมือนเยาะเย้ยใบหน้าสวยก็จัดการแบะปากใส่ทันทีก่อนจะหันไปจดจ่อกับพิธีตรงหน้าต่อที่ตอนนี้ผู้อาวุโสกำลังทำปากขมุบขมิบเหมือนสวดอะไรสักอย่างอยู่หน้าถาดนั้น มือเรียวค่อยๆ ยื่นช่อดอกไม้ให้กับหญิงสาววัยกลางคนที่เดินเข้ามาขอช่อดอกไม้  ก่อนจะเอื้อมมือไปยิบเข็มที่เหลืออยู่หนึ่งเล่มมาเพราะอีกเล่มหนึ่งอัสบัสได้เอามาถือไว้ก่อนแล้ว

“ขอให้พระองค์ทั้งสองทำการหลั่งโลหิตพร้อมกันนะพะยะค่ะ” ผู้อาวุโสที่ถือถาดทำพิธีกล่าวขึ้น
ข้าวสวยกับอัสบัสหันมามองหน้ากันก่อนจะเลื่อนมืออีกข้างที่ว่างอยู่ขึ้นมา การหลั่งโลหิตในที่นี่คือการที่ทั้งสองนำเข็นจิ่มลงบนปลายนิ้วชี้และให้เลือดหนึ่งหยดหยดลงสู่ถ้วยที่มีน้ำสะอาดอยู่พร้อมๆ กัน
ทั้งสองค่อยๆ เลื่อนมือไปยังถ้วยที่มีน้ำสะอาดและใช่ปลายเข็มแหลมจิ้มลงบนปลายนิ้วพร้อมกันทำให้เลือดสีแดงฉาดไหลออกมาจากนิ้วเรียวของทั้งสอง ข้าวสวยรู้สึกเจ็บที่ปลายนิ้วจนต้องยู้หน้าเลือดของทั้งสองค่อยๆ หยดลงในถ้วยน้ำ เมื่อเลือดสองหยดหยดลงในน้ำก็ต้องทำให้ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะอยู่ๆ เลือดนั้นได้กระจายตัวออกและน้ำก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงสดราวกับเป็นของเลือดทั้งหมดทั้งที่ความจริงแล้วเลือดมันแค่เพียงสองหยดเท่านั้นไม่ควรจะกลายเป็นสีแดงขนาดนี้ ข้าวสวยเริ่มหน้าซีดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดว่าต้องดื่มน้ำเลือดสีแดงตรงหน้า
แต่แล้วความกลัวก็เริ่มจางหายเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่มหอมหวานราวกับกลิ่นของกุหลาบ ใบหน้าสวยมุ่ยให้กับความแปลกประหลาดตรงหน้านิดหน่อย นึกสงสัยว่านั้นมันเพราะอะไรทำไมถึงมีกลิ่นหอมน่าลิ้มลองขนาดนี้ทั้งที่ก่อนหน้านี้มันยังไม่มีกลิ่นอะไรเลยแถมยังดูน่ากลัวแต่ตอนนี้กลับรู้สึกที่อยากจะลิ้มลองน้ำสีแดงกลิ่นกุหลาบที่อยู่ตรงหน้าจนหลงลืมไปเสียว่ามันคือเลือดของตนเองและอัสบัส         

“เชิญพระองค์ทั้งสองดื่ม วารีพิษวาส เริ่มจากองค์ราชาก่อนเลยพะยะค่ะ” ผู้อาวุโสกล่าวขึ้นก่อนจะยืนถ้วยที่บรรจุน้ำสีแดงให้แก่อัสบัส
อัสบัสค่อยๆ ดื่มน้ำสีแดงฉาดลงไปโดยมีข้าวสวยมองดูอยู่ไม่ละสายตา ก่อนจะยืนถ้วยที่บรรจุน้ำที่เหลือเพียงครึ่งหนึ่งให้กับข้าวสวย มือเล็กๆ เลื่อนไปรับมาด้วยสองมือพลางมองหน้าอัสบัสที่กำลังส่งยิ้มให้ เขาก้มมองถ้วยในมือเล็กน้อยก่อนจะยกขึ้นดื่มยามที่สายน้ำแตะลิ้นนั้นรับรู้ได้ถึงรสชาติที่หอมหวาน ความอ่อนละมุนที่ได้สัมผัสจากหยดน้ำราวกับความอบอุ่นที่โอบล้อมไปทั่วทั้งร่างกาย

ความอบอุ่นที่ได้รับนั้นค่อยรู้สึกแปรเปลี่ยนไป ข้าวสวยรู้สึกว่าใจเต้นแรงผิดปกติเลือดสูบฉีดไปที่ใบหน้าจนรู้สึกร้อนผ่า เขาชำเลืองมองอีกคนก็พบว่าคงมีอาการเช่นเดียวกันเพราะใบหน้าของอัสบัสมีสีแดงระเรืองปรากฏอยู่ ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองใบหน้าเจ้าบ่าวของตนไม่วางตาและต้องตกใจที่อยู่ๆ ก็มีลวดลายเกิดขึ้นที่ละนิดบนโหน่งแก้มข้างขวาของอัสบัส ซึ่งข้าวสวยเองก็รู้สึกเหมือนมีอะไรเคลื่อนที่อยู่บนโหน่งแก้มข้างซ้ายของตนเองเช่นกัน ลวดลายนั้นได้หยุดลงแล้วก็ปรากฏให้เห็นว่ามันเป็นลายดอกกุหลายสีน้ำเงินหนึ่งดอกที่กำลังแบ่งบานอยู่บนหน้าของอัสบัสทั้งที่เขามีรอยสักตรงข้างแก้มซ้ายอยู่ก่อนแล้วแต่มีรอยนี้เพิ่มขึ้นมาก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้าอันหล่อเหล่านั้นลดลงแม่แต่น้อย ข้าวสวยจ้องมองใบหน้าของอีกคนอยู่นานจนสายตาไปสบเข้ากับภาพที่สะท้อนในตาสีแดงคู่นั้นซึ่งเห็นรางๆ ว่าบนใบหน้าของเขาก็มีรอยดอกกุหลาบบานเหมือนกัน ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างทันทีมือเล็กที่ปกคลุมไปด้วยถุงมือยกขึ้นไปจับใบหน้าของตนเองอย่างตกใจ

“หน้าผมมีรอยดอกกุหลาบขึ้นใช่ไหม มันขึ้นได้ไงของคุณด้วย” ข้าวสวยที่ยืนจับใบหน้าของตนเองพูดขึ้นอย่างร้อนร้น ไม่อยากให้บนใบหน้ามีสิ่งอื่นใดแค่ที่อกมีปานนั้นก็แปลกมากพออยู่แล้ว

“ก็สัญลักษณ์อย่างไร” อัสบัสพูดด้วยใบหน้ายิ้มๆ เพราะตลกกับท่าทางของราชินี

“สัญลักษณ์อะไรกันไม่เอานะ” ข้าวสวยพูดขึ้นอย่างหัวเสีย

“มันเป็นสัญญาลักษณ์ที่แสดงว่าพระองค์ทั้งสองเป็นของกันและกันนะพ่ะย่ะค่ะ มันไม่มีทางหายไปพ่ะย่ะค่ะ” ผู้อาวุโสพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าข้าวสวยสงสัยในรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของตน อัสบัสมองว่าที่ราชินีของตนเองอย่างอดยิ้มให้กับความน่ารักนี้ไม่ได้

“ยิ้มอะไรไอ้เขาควาย” ข้าวสวยที่เห็นอัสบัสยิ้มอยู่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้แต่ก็รู้สึกเขินด้วยเช่นเดียวเลยต่อว่ากลบเกลื่อนไป นี้เขาเป็นเมียของไอ้เขาควายไปแล้วสินะ คิดแล้วก็ปวดหัวเป็นแค่คนธรรมดาๆ อยู่แท้ๆ แปบเดียวมาเป็นเมียคนอื่นไปซะได้และที่สำคัญยังเป็นราชาปีศาจเสียอีก เฮ้อออออ...ผมนะเหรอเมียราชาปีศาจ คิดแล้วสับสนกับชีวิตจริงๆๆๆ
หลังจากพิธีเสร็จสิ้นก็ตามด้วยการแต่งตั้งข้าวสวยเป็นราชินีของโลกปีศาจทุกอย่างนั้นผ่านไปได้ด้วยดีพร้อมทั้งรอยยิ้มและเสียงยินดีจากเหล่าผู้คนนับหมื่น นับแสน หรือนับล้านของโลกปีศาจ

 
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
 
ออกข้อสอบแล้วปวดหัวเลยแว๊บมาลงนิยาย ผ่อนคลายสักหน่อย อิอิ ตอนที่ 2 มาแล้วน่าาาาา เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2017 18:46:39 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ก็ว่าหายไปนานเชียว กลับมาแล้วววว คราวนี้ขอให้จบนะ อยากอ่าน // สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
 
 ตอนที่ 3 คืนแรกของสองเรา

“แต่งงานทั้งทีนี่มันเหนื่อยจริงๆเลย” ข้าวสวยที่นอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ของอัสบัสพูดขึ้นอย่างเหนื่อยๆวันนี้ทั้งวันแทบจะไม่ได้หยุดเลยจนมาถึงกลางดึก ซึ่งเป็นเวลาของคู่แต่งงานต้องเข้าห้องหอ

“นี่ผมได้สามีแล้วใช่ไหมครับแม่ เฮ้อ...” ปากเรียวยังคงยกพูดขึ้นอย่างหน่ายๆพรางคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่วันซึ่งมันเป็นอะไรที่เกินจะเชื่อจริงๆ

“ชีวิตผมนี่เหมือนนิยายเลย แต่จะดีกว่านี้นะถ้าผมไม่ต้องเป็นเมียใคร” ข้าวสวยพูดขึ้น ก่อนจะนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
แกร๊ก ! เสียงประตูเปิดขึ้นทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงกว้างต้องหันไปมองก็พบผู้เป็นสามีกำลังเดินเข้ามา

“ยังไม่อาบน้ำเหรอ” อัสบัสถามขึ้นเมื่อเห็นข้าวสวยที่นอนแผ่อยู่บนเตียงยังคงใส่ชุดที่ใส่ในพิธีอภิเษกอยู่

“ผมเหนื่อยผมจะนอนแล้วค่อยอาบพรุ่งนี้ได้ไหม” คนถูกถามพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดแกมขอร้อง คนฟังก็ได้แต่สายหน้าให้กับการกระทำของคนที่นอนอยู่บนเตียงแต่แล้วปากหนาก็ต้องยกยิ้มอย่างนึกสนุก

“ไม่ได้ ไปอาบเดี๋ยวนี่” อัสบัสพูดขึ้น แต่อีกคนกลับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวทันทีทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นเขาเหนื่อยเกินกว่าจะมาสู้รบกับคนตรงหน้าเข้ามาก็สั่งๆ จนข้าวสวยรู้สึกหงุดหงิด

เมื่อเห็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาทำอย่างนั้นอัสบัสจึงเดินเข้าไปหาที่เตียงก่อนจะคว้าร่างบางขึ้นมาผาดบ่าของตน คนถูกยกขึ้นก็โวยวายทันที

“เฮ้ยๆๆ ไอ้เขาควายปล่อยผมลงนะ ปล่อยสิ” ข้าวสวยที่อยู่บนบ่าโวยวายขึ้นพรางดิ้นไปมาทั้งที่รู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะขยับตัวแท้ๆแต่สู้ไปก็เท่านั้นเขาไม่อาจสู้แรงของอีกคนได้เลย ร่างใหญ่ของอัสบัสยังคงแบกร่างเล็กๆ ต่อไปจนถึงห้องอาบน้ำที่แยกออกมาจากห้องนอนซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก

     “ไอ้เขาควายไอ้บ้าทำอะไรของนายเนี้ย" ถูกวางลงพื้นได้ก็โวยวายทันที

“ก็พาเจ้ามาอาบน้ำอย่างไรเล่า ตัวเหม็นยิ่งนัก” อัสบัสพูดขึ้นพร้อมกับนำมือมาปัดไปมาที่จมูกเป็นเชิงบอกว่าเหม็น ข้าวสวยหันดมซ้ายดมขวาที่ตัวของตนเองทันทีที่ได้ยินก่อนจะมุ่ยหน้าคิ้วขมวดใส่คนที่บอกว่าเขาเหม็น

“ไม่เห็นจะเหม็นตรงไหนเลย” เสียงหวานดังขึ้นทั้งที่ใบหน้ายังคงสูดดมร่างกายของตนเอง

“แต่ข้าว่าเจ้าเหม็นก็เหม็น อาบน้ำเสีย” อัสบัสพูดขึ้น

“อาบก็ได้ คุณออกไปสิ” เสียงหวานติดหงุดหงิดดังขึ้นพร้อมกับทำมือเป็นเชิงไล่อัสบัสให้ออกไป

“ข้าก็จะอาบน้ำด้วยเช่นกัน” พูดเสร็จก็ไม่รอช้าจัดการกับเสื้อผ้าของตนเองทันทีโดยไม่ได้สนใจอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกันเลย

“คุณจะบ้าเหรออาบพร้อมกันได้ไงออกไปก่อนเลยผมจะอาบก่อน” ข้าวสวยพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดพร้อมกับใบหน้าที่ขึ้นสีแดงระ
เรือง

“ทำไมจะอาบด้วยไม่ได้ก็ในเมื่อข้าเป็นสามีเจ้าและเจ้าก็เป็นภรรยาของข้า” เถียงไปมือก็วางเสื้อของตนที่ถอดออกลงบนโต๊ะข้างอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ภายในมีกลีบกุหลาบสีฟ้าอยู่เต็มอ่างส่งกลิ่นอ่อนๆ จนรู้สึกผ่อนคลาย แต่เวลานี้มันไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้า

“ใครบอกว่าผมจะเป็นเมียคุณกันละ” ปากเรียวเถียงขึ้นอย่างขัดๆ เพราะเขินอายกับภาพที่เห็นตรงหน้า ร่างใหญ่กำย่ำผิวขาวเนียนประกอบกับผมสีแดงเพลิงที่ถูปล่อยจากการมัดเสริมให้ผิวยิ่งดูขาว กล้ามเนื้อหน้าท้องได้รูปเป็นลอนคลื่นสวยงามทำเอาคนที่ยืนมองถึงกับกลืนน้ำลายลงคอขนาดเป็นผู้ชายด้วยกันข้าวสวยยังรู้สึกหลงใหลกับรูปร่างนั้นเลย เพราะทุกส่วนมันชวนให้สัมผัสมากจริงๆ

อัสบัสแสะยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการของข้าวสวยพร้อมกับใช้มือเสยผมเล็กน้อยเพื่อให้ดูน่าหลงใหลมาขึ้นและมันก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นเพราะข้าวสวยกลืนน้ำลายลงคออีกครั้งพร้อมกับก้มใบหน้าที่แดงกล่ำของตนเอง
“ก็วันนี้เราเข้าพิธีอภิเษกกันแล้วอย่างไรหรือว่ามันยังไม่ชัดเจนอยากให้มันชัดเจนกว่านี้ไม่เล่า” เสียงเข้มที่ส่งมาส่อแววคุกคามอย่างเห็นได้ชัดใบหน้าเจ้าเล่ห์นั้นยิ่งทำให้ข้าวสวยนึกหวาดระแวงคิดได้ทันทีว่าที่จะทำให้มันชัดเจนยิ่งขึ้นคืออะไรก็รีบถอยหลังหนี

“เอ่อ มะ ไม่ต้อง! อาบด้วยกันก็ได้” ข้าวสวยพูดขึ้นอย่างขัดๆพร้อมกับใบหน้าที่แดงอย่างกับผลตำลึงสุกกับใจที่เต้นแรงทุกคราที่ร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้ อัสบัสยกยิ้มมุมปากทันทีที่ได้รับคำตอบกลับมา ก่อนหันไปจัดการถอดเสื้อผ้าของตนเองต่อจนเหลือเพียงร่างกายที่เปลือยเปล่าข้าวสวยมองการกระทำของอัสบัสด้วยใบหน้าที่แดงเอ่อร้อนไปหมดเพราะไม่เคยเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของใครมาก่อน จนรู้สึกว่าร่างกายของตนเองแข็งทื่อ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อสายตาไปจบที่ความเป็นชายซึ่งตอนนี้ดูเหมือนมันจะตื่นขึ้นแล้ว ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างกับภาพตรงหน้า รู้สึกเหมือนทุกสิ่งหยุดนิ่งไปหมดแต่ก็ต้องสะดุ้งหลุดจากความช็อคเพราะเสียของเจ้าของหนอนยักษ์

“จะจ้องอีกนานไหม เจ้าจะถอดเสื้อผ้าได้หรือยัง” อัสบัสพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับข้าวสวยที่กลายเป็นหินไปเสียแล้ว

“ไอ้เขาควายบ้า แก้มาได้ไม่อายหรือไง” พอสติกลับมาก็ชี้หน้าว่าอัสบัสทันที

“อายทำไมก็ในเมื่อเจ้าเป็นเมียของข้า ทำไมข้าต้องอาย” พูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยปากหนายกยิ้มให้กับข้าวสวยที่ยืนชี้หน้าค้างอยู่

“ยะ ยังไงก็เถอะคุณไม่อายแต่ผมอาย ผมว่าคุณอาบคนเดียวเถอะ” ว่าแล้วก็รีบหันหน้าไปทางประตูทันที ขณะกำลังจะก้าวเท้าก็ต้องหยุดชะงักด้วยเสียงที่ว่า

“ไม่ได้ เจ้าต้องอาบน้ำกับข้า” อัสบัสที่ยืนอยู่ด้วยร่างกายเปลือยเปล่าพูดขึ้นล ข้าวสวยที่ค่อยๆ หันมาด้วยใบหน้าแดงจ้องมองคนสั่งนิ่งไม่พูดอะไรสองมือก็ประสานกันอยู่ตรงหน้าบิดไปบิดมา

“จะถอดเองหรือให้ข้าถอดให้” เห็นข้าวสวยยืนนิ่งเลยเร่งด้วยการขู่อีกครั้ง

“ถะ ถอดเองได้นะไอ้เขาควายบ้า” เสียงหวานดังขึ้นอย่างขาดๆ หายๆ พร้อมกับเลื่อนมือมาถอดเสื้อผ้าของตนเอง

                เมื่อเห็นว่าข้าวสวยยอมแต่โดยดีจึงลงไปแช่น้ำในอ่างรอ สายตาคมจับจ้องร่างเล็กไม่วางตา ข้าวสวยค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของตนเองออกที่ละชิ้นจนเผยให้เห็นผิวขาวอมชมพู ดวงตาสีแดงเพลิงยังคงจ้องมองอย่างไม่ละ อัสบัสรู้สึกว่าร่างกายของตนเองร้อนรุมขึ้นมาทันทีที่เห็นร่างของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา ใบหน้าสวยก้มมองกางเกงของตนเองอย่างลังเลว่าจะถอดดีหรือไม่อยู่พักใหญ่จนอัสบัสขมวดคิ้วแน่น เมื่อเห็นปฏิกิริยาของอัสบัสก็ตัดสินใจถอดกางเกงออกทันที อย่างไรเสียทั้งเขาละอัสบัสก็เป็นชายด้วยกันทั้งคู่คิดซะว่าอาบน้ำกับพี่ชายก็แล้วกัน

“ลงมา ยืนอยู่ทำไม” อัสบัสพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าข้าวสวยยืนเอามือปิดความเป็นชายของตนเองไม่ยอมลงมาสักที ร่างเล็กสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะมองหน้าอีกคนอย่างไม่พอใจ ก่อนจะค่อยๆ ลงมานั่งในอ่างข้างๆ กัน คนเป็นราชาไม่รอช้าเลื่อนมือไปกระชากข้าวสวยให้มานั่งบนตักของตนเอง

“อ๊ะ!” เสียงหวานร้องอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆ ร่างกายถูกกระชากให้ไปนั่งบนตัก ข้าวสวยนั่งนิ่งไม่ขยับใดๆ ทั้งสิ้นได้แต่ก้มใบหน้าของตนเองเพื่อปกปิดความเขินอาย

    “อ๊ะ!” ข้าวสวยอุทานขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรับรู้ได้ว่าใบหน้าของอัสบัสซุ้กไซ้ไปตามซอกคอและหู

    “ไอ้เขาควาย ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต จะทำอะไรนะ” ผลักตัวออกจากคนที่กำลังกระทำก่อนจะต่อว่าอย่างโมโห

    “ก็เข้าหออย่างไร” อัสบัสพูดด้วยใบหน้าที่ดูยังก็เจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่ได้

    “เข้าหอบ้าอะไรกัน...ไอ้ปีศาจหื่นกะ..” ไม่ทันที่ข้าวสวยพูดจบเสียงก็ถูกกลืนหายไปเมื่ออัสบัสเข้ามาจูบอย่างกะทันหัน ปากเล็กปิดแน่นมือทั้งสองก็คอยผลักอกแกร่งให้ออกห่าง อัสบัสก็พยายามแทรกลิ้นร้อนของตนเข้าไปแต่ก็ไม่ได้เพราะอีกคนเอาแต่ปิดปาก เมื่อเห็นว่าข้าวสวยไม่ยอมเปิดปากออกก็ใช้ฟันกดลงบนริมฝีปากของอีกคนเบาๆ                    ข้าวสวยสะดุ้งจนเผลอเปิดปากออก คนเจ้าเล่ห์อย่างราชาปีศาจเลยใช่จังหวะนี้สอดลิ้นร้อนของตนเข้าไป ลิ้นร้อนกวาดไปตามโพรงปากเล็กของข้าวสวยเพื่อลิ้มรสความหวานจากปากเล็กก่อนจะมาหยอกล้อลิ้นเล็กให้พันเกี่ยวไปมา อัสบัสทำอย่างนั้นอยู่เนินนาน ข้าวสวยก็ดูเหมือนจะถูกคลอบงับไปด้วยจูบร้อนแรงของคนเป็นสามีจนเผลอจูบตอบกลับไปแม้จะไม่เป็นก็ตาม เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กหายใจลำบากก็ค่อยๆถอดริมฝีปากออก ข้าวสวยที่รับรู้ว่าตนเองเป็นอิสระก็รีบสูดอากาศเข้าทันที

    “ไอ้เขาควายจะฆ่ากันหรือไงฮะ ไอ้ปีศาจหื่นกาม” ปากเล็กเอ่ยขึ้นทั้งที่หอบเหนื่อยจากจูบที่ร้อนแรง อัสบัสไม่พูดอะไรเพียงแต่ส่งยิ้มให้อย่างไม่รู้ร้อนอะไร ข้าวสวยที่รู้สึกโมโหกำลังจะทำท่าลุกขึ้นเพื่อลงจากอ่างก็ถูกมือหนา กระชากทำให้ใบหน้าของสวยไปกองอยู่บนอกแกร่งของสามี
    
“เจ้าจะไปไหน เจ้าต้องอาบน้ำกับข้า” อัสบัสพูดขึ้นด้วยสายตาแวววาว
    “ผมไม่อยากอาบกับคุณแล้วมีหวังผมได้เสียตัวพอดี ปล่อย! ปล่อยผมนะ” ข้าวสวยที่อยู่บนอกแกร่งพูดโวยวาย และทุบตีอัสบัสให้ปล่อยร่างของตน
    “จะเสียตัวก็หาแปลก ก็ในเมื่อเจ้าเป็นเมียข้า” อัสบัสเอ่ยขึ้นก่อนจะเริ่มซุ้กไซ้ไปตามซอกคอขาว
    
“ปล่อยผมนะ ใครจะเป็นเมียคุณ ปล่อยนะไอ้ปีศาจหื่นกาม” ข้าวสวยพูดโวยวายขึ้นพร้อมกับดิ้นไปมาในอ้อมกอดของอีกคน
                อัสบัสไม่ได้สนใจว่าคนในอ้อมกอดจะดิ้นมากแค่ไหนเขายังคงซุกไซ้ไปตามซอกคอขาวอย่างชอบใจ ก่อนจะเลื่อนมือไปจับกุมแก่นกายของข้าวสวยที่อยู่ใต้พื้นน้ำ ก่อนจะรูดขึ้นลงช้าๆ
    
“อ๊ะ! อืม อืม” ข้าวสวยตกใจก่อนจะหลุดเสียงครางหวานออกมาด้วยความเสียวซ่าน
             
  คนเป็นราชายิ้มให้กับปฏิกิริยาของราชินีตนเองทันที ก่อนจะลากลิ้นร้อนไปตามหน้าอกขาวเนียนมือใหญ่ก็ยังคงรูดรั้งแก่นกายน่ารักนั้นไม่วางมือ ข้าวสวยสั่นออกมาด้วยความเสียวซ่านต่อให้ไม่ต้องการแค่ไหนแต่เพราะเขาเป็นชายมันก็ไม่แปลกที่จะตอบรับการกระทำของอัสบัส มือใหญ่ยังคงขยับขึ้นลงบนแก่นกายของคนตัวเล็ก ใบหน้าก็ซุกไซ้ไปตามแผงอกที่ปลิ่มน้ำอยู่แต่แล้วสายตาก็ไปสบเข้ากับรอยแดงๆ รูปพระจันทร์เสี้ยวตรงกลางหน้าอกขาวเนียนของข้าวสวย อัสบัสรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคนตัวเล็กจะมีปานแดงนี้อัสบัสจะไม่อะไรเลยหากปานแดงไม่ใช่รูปพระจันทร์เสี้ยวช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อเหลือเกิน
    
“นั้นมันรอยอะไรหรือ” อัสบัสที่หยุดการซุกไซ้คอขาวถามขึ้น แต่มือยังคงจับกุมแก่นกายของข้าวสวยอยู่
    
“อ่ะ อืม มะ มันเป็นปานดะ แดง ผมมีมาตั้งแต่ผมเกิดแล้ว อืมมมม” ข้าวสวยพูดอย่างขัดๆ เพราะความเสียวซ่าน เนื่องด้วยอัสบัสยังคงรูดรั้งแก่นกายของเขาอยู่
    
“อย่างนั้นหรือ เพราะเช่นนี้หรือไม่มณีจันทราถึงเลือกเจ้ามาให้ข้า” อัสบัสพูดขึ้นก่อนจะยิ้มอย่างยินดี นึกคิดในใจ ‘ข้าพบเจ้าแล้วผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทรา’ อัสบัสก็เริ่มซุกไซ้จูบตามแผงอกและฝากรอยรักไว้บนเรือนร่างขาวหลายรอย

“ผะ ผมไม่ไหวแล้ว” ข้าวสวยพูดขึ้นเมื่อรับรู้ได้ว่าความเป็นชายของตนเองพร้อมที่จะปลดปล่อย อัสบัสเห็นอย่างนั้นก็เร่งมือของตนเองให้เร็วขึ้น
    
“อ๊ะ! อ่าๆ” ข้าวสวยครางเสียงยาวพร้อมกับปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาที่ตอนนี้คงปะปนไปกับน้ำในอ่างแล้วเรียบร้อย ใบหน้าสวยซบลงบนอกแกร่งด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่ไม่ทันที่จะได้หายจากความเหน็ดเหนื่อยอัสบัสก็จับร่างเล็กๆ ให้เกาะกับขอบอ่างทันที
    
“อ๊ะ!  จะทำอะไรปล่อยนะ” ข้าวสวยโวยวายขึ้นทันที

“ก็ถึงตาของข้าบางอย่างไร ข้าทำให้เจ้าปลดปล่อยแล้ว ถึงตาเจ้าทำให้ข้าบ้าง” อัสบัสว่าขึ้นพร้อมกับจัดท่าให้ข้าวสวยนั่งลงด้วยเข่า จับมือเรียวให้เกาะที่ขอบอ่าง

“ไม่นะ ปล่อยผะ อะ! อ๊า” ข้าวสวยพูดไม่ทันจบก็ต้องสะดุงเมื่อรู้สึกว่านิ้วใหญ่ของอัสบัสมาวนเวียนอยู่ตรงช่องทางด้านหลัง

    “อ๊า จะ เจ็บ” ใบหน้าสวยพูดขึ้นพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทาเมื่อนิ้วใหญ่สอดแทรกเข้าไปในช่องทางหลัง อัสบัสค่อยๆ สอดนิ้วกลางเข้าไปอย่างช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ ขยับเข้าออกช้าๆ และเริ่มแรงขึ้น ข้าวสวยมุ่ยหน้าด้วยความเจ็บปวด ร่างแกร่งก็ค่อยๆ เพิ่มนิ้วจากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้วและสามนิ้วตามลำดับเข้าไปในช่องทางที่คับแน่น ข้าวสวยเจ็บแต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่ามันรู้สึกดี อัสบัสเมื่อรับรู้ว่าช่องทางเริ่มชินแล้วจึงถอดนิ้วออกก่อนจะนำแก่นกายของตนเองขึ้นมาสอดใส่เข้าไปแทน

   “จะ เจ็บ มันเจ็บเอาออกไป!” ข้าวสวยที่รับรู้ว่ามีอะไรที่ใหญ่มากเข้ามาในช่องทางด้านหลังก็ร้องขึ้นทันทีเพราะรู้สึกอึดอัดและเจ็บมากราวกับร่างกายจะแตกออกเป็นสองซีก

   “อย่าเกร็ง ผ่อนคลายที่รักของข้า” อัสบัสโน้มเข้ามาจูบไหล่ขาวพูดขึ้น แต่ไม่วายที่จะดันแก่นกายของตนเข้าไปที่ตอนนี้เข้าไปได้แค่เพียงสวนหัวเท่านั้น

    “ผมเจ็บ เอามันอกไป” ข้าวสวยพูดขึ้นอย่างทรมาน ใช่เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ราวกับว่าร่างกายของเขามันกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

   “ผ่อนคลายเสีย ใช่นั้นแหละอย่างนั้นเด็กดี”

                อัสบัสใช้มือที่ว่างจับใบหน้าเล็กให้หันมานิดหน่อยก่อนจะประกบริมฝีปากของตนลงไปบนปากเรียวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้ข้าวสวยลืมความเจ็บปวดจากช่องทางด้านหลัง เห็นว่าข้าวสวยเริ่มเคลิ้มไปกับรสจูบก็จัดการดันแก่นกายของตนเองเข้าไปในช่องทางหลังเสียจนมิด คนที่กำลังลุ่มหลงไปกับกับดักตกใจสะดุ้งด้วยความเจ็บปวดทันที อัสบัสยังคงไม่ได้ขยับแก่นกายเพราะต้องการให้อีกคนปรับตัวเสียก่อน คนเป็นราชายังคงจูบประโลมราชินีอย่างอ่อนโยน ก่อนจะถอดริมฝีปากออกจากปากเรียว ข้าวสวยหอบหายใจอย่างเหนื่อยพรางสูดอากาศเข้า

    “ข้าขยับละนะ เจ้าอย่าเกร็ง” อัสบัสพูดจบก็เริ่มขยับสะโพกทันที อย่างค่อยๆ ขยับช้าๆ แต่เน้นๆ ก่อนจะเพิ่มความแรงขึ้น

    “อะ อ๊า อืม อะ เจ็บ” ข้าวสวยที่ร้องครางออกมาด้วยความเจ็บแต่ปะปนไปด้วยความรู้สึกเสียวซ่านที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่รู้สึกเขินอายแม้ไม่อยากจะส่งเสียงให้เล็ดลอดออกมาแต่ก็ไม่อาจควบคุมได้เมื่อร่างกายมันไม่ยอมทำตามที่ใจคิด

   อัสบัสเริ่มขยับสะโพกแรงมากขึ้นจนน้ำในอ่างกระเสนออกนอกอ่างพร้อมกับกลิ่นกุหลาบสีฟ้าที่ตอนนี้ตกลงไปบนพื้นข้างอ่างอาบน้ำรอบไปหมด มือข้างหนึ่งเลื่อนไปจับกุมแก่นกายของข้าวสวยพร้อมกับรูดขึ้นลงไปพร้อมกับจังหวะการกระแทรก ข้าวสวยร้องครางเสียงหวานดังหลั่นห้องอาบน้ำด้วยความเสียวมันยากเกินจะเก็บไว้ จากความเจ็บที่เกิดขึ้นในตอนแรกกลายเป็นความเสียวแปลกๆ ที่ข้าวสวยไม่เคยพบเจอมาก่อนประกอบกับน้ำในอ่างที่เป็นตัวช่วยหล่อเลื่อนให้ยิ่งทำให้ข้าวสวยเสียวซ่านมากยิ่งขึ้น

   “อืม อืม” ข้าวสวยเผลอครางออกมา

   “ซี๊ดๆๆๆๆ” เสียงครางทุ่มต่ำของอัสบัสที่กำลังส่งแรงกระแทรกเข้าหาข้าวสวยแบบไม่ยั้ง ในห้องอาบน้ำเต็มไปด้วยเสียงครางหวานหูของอัสบัสและข้าวสวย ทั้งคู่ส่งเสียงตอบรับกันไปอย่างไม่กลัวว่าใครจะได้ยิน

    “อะ อืม ผมจะไม่ไหวแล้ว” ข้าวสวยพูดขึ้นด้วยร่างกายที่สั่นเทาเมื่อรับรู้ว่าตนเองต้องการปลดปล่อย

    “ไปพร้อมกัน” อัสบัสโน้มหน้ามาพูดก่อนจะเร่งสะโพกของตนเองให้เร็วขึ้นสักพักหนึ่งข้าวสวยก็ปลดปล่อยออกมาและร่างเล็กก็รับรู้ว่าอัสบัสก็ปลดปล่อยแล้วเช่นกันเพราะรับรู้ถึงแรงสูบฉีดภายในช่องทางด้านหลังของเขา อัสบัสที่ปลดปล่อยออกมาจนหมดแล้วก็ค่อยๆ ถอดแก่นกายออกจากช่องทางของข้าวสวยที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังจับขอบอ่างอย่างไร้เรี่ยวแรง มือแกร่งค่อยๆ จับข้าวสวยให้หันมาก่อนจะประกบริมฝีปากลงไปบนปากเล็กอย่างเนินนานราวกับต้องการที่จะค่อยๆ ซึมซับความรู้สึกไปที่ละน้อยๆ
ทั้งสองต่างจัดการอาบน้ำให้กับตนเอง ซึ่งข้าวสวยมีอัสบัสค่อยทำให้ทุกอย่างเพราะเขาทั้งเหนื่อย และทั้งเจ็บช่องทางด้านหลังมากๆๆ คนเป็นสามีที่ค่อยอาบน้ำให้ก็รู้สึกว่าตนเองจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งแต่เพราะไม่อยากให้ข้าวต้องเจ็บมากกว่านี้ และที่สำคัญต้องถูกข้าวสวยเกลียดแน่นอนเลยเลือกที่จะข่มมันเอาไว้ ราชาปีศาจอุ้มร่างบางที่จัดการอาบน้ำและแต่งตัวเรียบร้อยแล้วมาวางลงบนเตียง

    “นอนเสียเดี๋ยวจะไม่สบาย” อัสบัสพูดพร้อมกับจัดท่านอนให้ข้าวสวยก่อนจะหยิบผ้าห่มมาห่มให้

    “ถ้าผมไม่สบายก็เพราะปีศาจหื่นกามอย่างคุณนั้นแหละ” ข้าวสวยว่าอย่างนึกเคืองก่อนจะนิ่วหน้าแก้มป่องใส่คนตัวโตตรงหน้า อัสบัสยิ้มให้กับการกระทำที่น่ารักของภรรยาตนเองก่อนจะนั่งลงข้างๆ คนรักที่ทำแก้มป่องใส่เขาอยู่ มือแกร่งค่อยๆ เลื่อนไปจับแก้มป่องๆ ที่เกิดจากการงอนเบาๆ ก่อนจะฝากรอยจูบลงบนหน้าผากมนอย่างแผ่วเบา

    “นอนเสีย เลิกงอนข้าได้แล้วมันความผิดของเจ้าเอง เจ้าอยากน่ารักทำไมเล่า” พูดขึ้นอย่างยิ้มๆ พร้อมกับใช้นิ้วโป่งเกลี่ยไปมาที่แก้มของข้าสวย อีกคนเมื่อได้ยินก็ขมวดคิ้วกว่าเดิมแต่ไม่พูดอะไรก่อนจะหลับตาลงเพราะตอนนี่ไม่มีแรงจะมาต่อล่อต่อเถียงกับคนตรงหน้า อัสบัสนั่งมองข้าวสวยจนเห็นว่าหายใจสม่ำเสมอแล้วก็ก้มจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบาอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ ถอดจูบออก

   “ฝันดีนะคนรักของข้า เป็นเจ้าเองสินะสิ่งที่เหล่าพวกเราชาวปีศาจรอค่อยมาแสนนาน” อัสบัสพูดขึ้นกับข้าวสวยที่หลับไปแล้วก่อนจะลุกขึ้นออกเดินจากห้องไป


    ณ ท้องพระโรง

อัสบัสทิ้งให้ข้าวสวยนอนอยู่เพียงคนเดียวเพื่อจะมาสั่งความให้กับเหล่าบริวาล

    “รีฟเฟอร์จัดเวณยามในอาณาจักรให้หนาแน่นกว่าเดิม” เมื่อเดินมาถึงก็เอ่ยปากสั่งทันที

    “ทำไมละพ่ะย่ะค่ะ” รีฟเฟอร์ถามขึ้นอย่างสงสัย

    “ข้าพบผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราแล้ว” คนเป็นราชาพูดขึ้น รีฟเฟอร์เมื่อได้ยินก็นิ่งไปครู่หนึ่งเหตุใดองค์ราชาถึงทรงพบผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทรากัน

    “พบแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ พวกทหารพบที่ไหนกันพ่ะย่ะค่ะ” รีฟเฟอร์ถามขึ้น

    “ข้าเองที่พบ ทำตามที่ข้าสั่ง”

   “แล้วเป็นผู้ใดกันพ่ะย่ะค่ะ” องครักหนุ่มถามขึ้นอย่างสงสัย

    “ก็องค์ราชินีของเจ้าอย่างไร ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ องค์ราชินีเองก็ห้ามบอกอย่าให้เขารู้ ข้าวสวยไม่รู้อะไรเลยแบบนี้ย่อมดีแล้ว ทำตามที่ข้าสั่งเสีย ให้คนค่อยคุมกันราชินีด้วย” อัสบัสพูดขึ้นทำเอารีฟเฟอร์ตกใจไม่นึกเลยว่าจะเป็นราชินี

    “เพราะแบบนี้กระมังพ่ะย่ะค่ะมณีจันทราถึงเลือกองค์ราชินีที่เป็นมนุษย์” รีฟเฟอร์พูดขึ้นอย่างปิติยินดี

    “ข้าก็คิดเช่นนั้น รีฟเฟอร์เจ้าจงไปอยู่คุมครองน้องชายของราชินีที่โลกมนุษย์” อัสบัสพูดขึ้นด้วยสีหน้ากังวล

    “ทำไมเล่าพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หนุ่มถามขึ้นอย่างสงสัย

    “เพราะข้าคิดว่าทางฝั่งอาเทอร์อีกไม่นานต้องรู้เป็นแน่ว่าผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราอยู่ที่นี่และพวกมันต้องสืบรู้เรื่องของราชินีมันต้องส่งคนไปทำร้ายพระญาติของราชินีเพื่อเอาตัวราชินี” อัสบัสพูดขึ้นอย่างเครียดๆ

    “แต่ใครจะค่อยอารักขาพระองค์เล่าพ่ะย่ะค่ะ”

“เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงข้าดูแลตัวเองได้ เจ้าไปดูแลพระญาติของราชินีนั้นแหละดีแล้วข้าไม่อยากให้ราชินีเป็นกังวลเรื่องทิ้งญาติของตนเองมาด้วยอีกเรื่องหนึ่ง”

   “รับทราบพ่ะย่ะค่ะ”
   อัสบัสเมื่อสั่งความรีฟเฟอร์เรียบร้อยแล้วก็กลับไปยังตำหนักของตนที่มีคนรักนอนอยู่ เขามองใบหน้าที่หลับไหลด้วยแววตาที่เป็นกังวล

    “ภายภาคหน้าอาจเกิดเรื่องราวต่างๆ กับเจ้ามากมาย ข้ากลัวเหลือเกินกลัวที่จะเสียเจ้าไปอีกคลา”



มาแล้วค่ะ ตอนที่ 3 คู่นี้เขาร้อนแรงกันจริงๆเลยยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2017 18:57:06 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
เอ้า โดนลบหรอ ลงใหม่ๆ เดี๋ยวอ่านใหม่อีกรอบ

ชอบๆ

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ก็ว่าทำไมช่วงนั้นถึงหายไปเลย โดนลบนี่เอง ที่จริงก็อ่านไปได้เยอะแล้วแต่ไม่เป็นไร รออ่านใหม่ สู้ๆ

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ตอนที่ 4 ผู้ปกครองคนใหม่

ณ โลกมนุษย์

   “วันนี้ทำอะไรกินดีละ อยู่คนเดียวคงไม่ต้องเอาอะไรมากหรอกมั้ง” ร่างบางกล่าวขึ้นกับตนเองทั้งกำลังมองดูผักบนชั้นวางในห้างเล็กๆแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะหยิบผักสองสามอย่างลงตะกร้าเดินเลือกซื้อของอีกสามสี่อย่างก่อนจะไปจ่ายเงินเรียบร้อยดีแล้วก็ออกจากห้างมาหยุดอยู่หน้าป้ายรถเมล์เด็กหนุ่มยืนรออยู่สักพักรถเมล์สายที่ตนเองนั่งประจำก็มาถึง รถเมล์แล่นเข้ามาจอดที่ป้ายรถข้างซอยเล็กๆ ขาเรียวก้าวลงเดินไปตามซอยเล็กที่มีทั้งบ้านเล็กบ้านใหญ่อยู่ตลอดทาง ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่บ้านชั้นเดียวไม่ใหญ่มากนักซึ่งเป็นบ้านที่เคยอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของตนก่อนท่านจะเสียไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อสามปีก่อน เขามองประตูรั้วบ้านก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าโซ่กับลูกกุญแจที่ใช่ปิดประตูนั้นกองอยู่กับพื้น ‘พี่กลับมาแล้วหรือ’ เขาคิดก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างออกมา เมื่อคิดได้เช่นนั้นคนตัวเล็กก็ไม่รอช้ารีบคว้าประตูรั้วออกก่อนจะแทรกตัวเข้าไปอย่างเร็ว จนมาหยุดอยู่หน้าประตูของตัวบ้านก็แปลกใจขึ้นมาทันทีเมื่อไม่เห็นรองเท้าของผู้เป็นพี่ชายที่หน้าประตู เขามองประตูนิ่งก่อนจะเลื่อนมือเล็กไปจับลูกบิดประตูแล้วค่อยๆ เปิดออกเมื่อกวาดสายตาเข้าไปก็พบชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหล่า คมคาย แต่นิ่งเฉย สายตานั้นดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งอยู่ในชุดแปลกๆ นั่งอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์ดวงตาคู่สวยมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัยก่อนจะถามออกไป

   “คุณมาหาใครหรือครับ” ปากเรียวสวยเอ่ยถามอย่างยิ้มฝืดๆ เพราะไม่รู้คนตรงหน้าเป็นใครเลยต้องใจดีสู้เสือไว้ก่อน คนถูกถามยืนขึ้นทันทีที่ได้ยินคำถามก่อนจะโน้มตัวเป็นการเคารพให้กับร่างเล็กตรงหน้า ทำเอาเด็กหนุ่มยิ่งงงเข้าไปอีกเมื่อเจอการกระทำแปลกๆ ก่อนจะเอามือมาเกาหัวตัวเองอย่างเก้กังแล้วยิ้มฝืดๆ ให้กับร่างหนาที่อยู่ตรงหน้าเพราะเขาไม่รู้จะทำตัวยังไงอยู่ๆ มีคนแต่งตัวแปลกๆ เข้ามาอยู่ในบ้านแถมมาคำนับใส่อีก

    “เอ่อ คุณเป็นใครครับ เข้ามาในบ้านผมได้ยังไง” ปากสวยยกถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าไม่ได้คำตอบจากอีกคนสักที
   
“กระหม่อมขออภัยพ่ะย่ะค่ะที่เข้ามาโดยพลการ” ตอบกลับมาด้วยใบหน้านิ่งเฉยก่อนจะโน้มตัวเพื่อเป็นการขอโทษอีกครั้ง เด็กหนุ่มนิ่งชะงักเมื่ออยู่ๆ คนตรงหน้ามาพูดใช่คำราชาศัพท์กับตนเองที่เป็นแค่คนธรรมดา

   “พูดกับผมธรรมดาก็ได้ครับ ผมมันคนสามัญชนธรรมดาไม่ได้มีเชื่อเจ้าอะไร” ปากเล็กพูดขึ้นอย่างเกลงอกเกลงใจปนงงๆ กับคนตรงหน้าที่อยู่ๆ ก็พูดกับเขาแบบนั้น

    “คงมิได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ เพราะพระองค์คือพระอนุชาขององค์ราชินี” ร่างหนาตอบทั้งที่ยังคงก้มหน้าอยู่

   “อะ...องค์ราชินี?” คนฟังว่าขึ้นอย่างติดขัดเพราะตกใจกับคำตอบที่ได้รับ ตั้งแต่จำความได้เขาไม่เคยมีพี่เป็นราชินีนะ

    “ถุกต้องพ่ะย่ะค่ะ พระองค์คือพระอนุชาขององค์ราชินีข้าวสวย” เมื่อได้ยินชื่อพี่ของตนเองก็ตกใจขึ้นมาทันที ไม่คิดเลยว่าพี่ที่หายไปสี่วันนั้นจะไปเป็นองค์ราชินี แต่พี่เขาเป็นผู้ชายจะไปเป็นองค์ราชินีใครได้ไงคงจะเข้าใจผิดกันไปสินะ ร่างบางคิดก่อนจะตัดสินใจถามย่ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

          “พี่สวยนะเหรอครับเป็นองค์ราชินี”

           “พ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มตอบกลับมานิ่งราวกับว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องปกติ สงสัยเข้าใจผิดกันละมั้งเนี้ย คนตัวเล็กคิด

    “พี่ผมเป็นผู้ชายนะ จะเป็นองค์ราชินีได้ไงละครับ” เมื่อคล้ายตกใจลงบ้างก็ถามขึ้นถึงข้อสงสัยทันที

    “เรื่องเพศไม่ใช่ปัญหาพ่ะย่ะค่ะ ขอแค่เป็นผู้ที่มณีจันทราเลือกก็เป็นพอพ่ะย่ะค่ะ” ร่างหนาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังคงสงสัยแต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะทิ้งคำให้คนตัวเล็กตรงหน้าสงสัยเข้าอีกเพราะคิ้วสวยขมวดจนยุ่งอย่างครุ่นคิดจึงขยายความจุดที่คนตรงหน้าน่าจะสงสัยอยู่

    “มณีจันทราคือดวงแก้วที่จักทำการเลือกคู่ครองให้กับองค์ราชาปีศาจพ่ะย่ะค่ะ ซึ่งผู้ถูกเลือกก็คือพระเชษฐาของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น

    เมื่อได้ฟังก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมเพราะบุคคลแต่งตัวแปลกประหลาดนั้นบอกว่าพี่ชายของตนจะไปเป็นภรรยาของราชาปีศาจซึ่งก็แสดงว่าพี่ชายเขาได้สามีเป็นปีศาจนะสิ คนตัวเล็กครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะถามคนที่อยู่ตรงหน้าเพื่อความแน่ใจ

    “งั้นพี่สวยก็ไปเป็นมะ...เอ่อภรรยาปีศาจนะสิครับ แบบนี้พี่ผมจะไม่เป็นอะไรหรือ ผมเป็นห่วงพี่ ผมอยากเจอพี่ ผมงงไปหมดแล้วนี้มันเรื่องอะไรกันครับ มันจะการ์ตูนไปแล้วนะครับผมทำใจเชื่อไม่ไหวจริงๆ” เด็กหนุ่มรัวคำถามใส่ร่างหนาจนสะดุ้งนิดหน่อยเพราะไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี

   “กระหม่อมว่าพระองค์ทรงประทับก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะประเดี๋ยวกระหม่อมจะอธิบายให้พ่ะย่ะค่ะ” คนตัวโตพูดขึ้นด้วยใบหน้านิ่งเรียบ อีกคนที่ยืนรอคำตอบอยู่เมื่อบอกว่าจะอธิบายก็เดินมานั่งที่โซฟาอย่างว่าง่าย

    “เอาละเล่าให้ผมฟังได้หรือยังว่าเรื่องมันเป็นยังไง” คนตัวโตก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้กับคนตัวเล็กฟัง คนฟังนั่งฟังอย่างเงียบๆไม่ได้พูดอะไรแทรกขึ้นมาแม้แต่น้อย

    “สรุปแล้วพี่สวยต้องไปเป็นเมียราชาปีศาจซึ่งเป็นเจ้านายของคุณเพราะเป็นคนที่ถูกเลือก ที่สำคัญพวกเขาแต่งงานไปแล้ว และต้องอยู่ที่โลกปีศาจกับเจ้านายของคุณ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นเป็นการสรุปอีกครั้ง

    “พ่ะย่ะค่ะ” ร่างหนาตอบพลางยักหน้า

    “แล้วพี่สวยจะได้กลับมาที่นี้อีกไหมละครับ” คนตัวเล็กถามขึ้นอย่างหง่อยๆๆ เมื่อคิดว่าจะได้เจอพี่ชายอีกหรือไม่

    “เรื่องนี้กระหม่อมตอบไม่ได้หรอกพะยะค่ะว่าองค์ราชินีจะได้กลับมาที่โลกนี้อีกหรือไม่” ตอบด้วยใบหน้านิ่งเรียบ

    “ทำไมละครับ ถ้าแบบนี้ผมก็จะไม่ได้เจอพี่อีกนะสิ ผมต้องอยู่ ฮึก คนเดียวนะสิ ฮึก ทุกคนเล่นทิ้งผมไปหมดเลย ฮึก ฮึก” ปากเรียวเล็กเอ่ยขึ้นพร้อมกับร้องไห้สะอื้นเมื่อรู้ว่าตนเองต้องอยู่คนเดียวมันน่าเศร้านะที่ต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว

    “พระองค์ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ” ร่างหนาพูดขึ้นพรางเดินเข้ามาคุกเข่าตรงหน้าก่อนจะเลื่อนมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มขาวเนียนอย่างอ่อนโยน  ‘มนุษย์นี้ช่างเปราะบางยิ่งนัก’ นึกสงสารคนที่อยู่ตรงหน้าจับใจ

    “ผมจะ ฮึก ไม่ได้อยู่คนเดียว ฮึก ได้ไงก็ในเมื่อพี่สวย ฮึก ไปอยู่กับเจ้านายของคุณแล้วนิ ฮึก ฮึก” พูด ขึ้นทั้งที่ยังคงสะอื้นอยู่

 “ก็อยู่กับกระหม่อมไงเล่า กระหม่อมมาที่นี้เพื่อดูแลพระองค์แทนองค์ราชินี” เอ่ยบอก มือทั้งสองข้างยังคงเช็ดน้ำตาที่ไหลอยู่สองแก้มขาว เด็กหนุ่มมองคนตรงหน้าอย่างสงสัยน้ำตาที่ไหลรินก็เริ่มหยุดลง รู้สึกว่าคนตรงหน้าช่างดีกับเขาเหลือเกินแม้จะดูเงียบขรึมมีสายตาที่นิ่งราวกับไม่มีเรื่องอะไรให้ทุกร้อนในตอนแรกที่เจอกัน ตอนนี้สายตานั้นดูอ่อนโยนอย่างกับคนละคน เมื่อได้รับความอ่อนโยนจากร่างหนาก็รู้สึกเบาใจขึ้นมา และรู้สึกดีใจที่ตนเองไม่ต้องอยู่คนเดียว

    “คุณจะอยู่ที่นี้กับผมจริงๆ เหรอครับ” ถามขึ้นด้วยแววตาเป็นกังวลว่าอีกคนจะอยู่กับเขาจริงๆ หรือไม่

    “กระหม่อมจะอยู่กับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” คำพูดหนักแน่นดังขึ้นก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ให้กับคนที่อยู่ตรงหน้า เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างดีใจขึ้นมาอัตโนมัติ มือเล็กสองข้างก็คว้ามือหนาเข้ามากุมก่อนจะเขย่าไปมาอย่างดีใจ

   “เอ่อ แล้วพี่ชื่ออะไรครับ คุยกันมาตั้งนานยังไม่รู้จักชื่อเลย ผมชื่อข้าวจ้าวครับ” คนตัวเล็กที่ดีใจจนออกนอกหน้าพึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทำความรู้จังกับคนตรงหน้าเลย

    “กระหม่อมชื่อรีฟเฟอร์พ่ะย่ะค่ะ”

   “ชื่อแปลกดีนะครับ เอ่อ พี่ช่วยเลิกพูดกับผมเหมือนผมมีเชื่อเจ้าสักทีเถอะครับ ผมไม่ชินเลย” ข้าวจ้าวพูดขึ้น

   “แต่กระหม่อมว่า…”

   “ไม่ต้องมีตงมีแต่ทั้งนั้นแหละ พูดกับผมแบบปกติก็พอแล้ว ถ้ายังพูดแบบนั้นอยู่อีกผมให้พี่นอนนอกบ้านแน่ครับ” ข้าวจ้าวพูดแทรกรีฟเฟอร์ขึ้นมาก่อนที่จะพูดจบ

   “ก็ได้พ่ะย่ะ...เอ่อ...ครับ”  รีฟเฟอร์ตอบรับ

   “งั้นฝากตัวด้วยนะครับผู้ปกครองคนใหม่ของผม” ข้าวจ้าวยืนขึ้นแล้วพูดออกมาก่อนจะยื่นมือไปให้รีฟเฟอร์ที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังร้องไห้อยู่เลย ชายหนุ่มจึงค่อยๆยันตัวลุกขึ้นก่อนจะยื่นมือไปจับมือเล็กของข้าวจ้าว

   “ครับ ผมจะดูแลอย่างดีเลยครับ” รีฟเฟอร์พูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มที่ไม่เคยมีให้ใครแก่ข้าวจ้าว ภายในใจอดคิดไม่ได้ตั้งแต่มาที่นี้ตนเองยิ้มให้คนตรงหน้าไปหลายครั้งแล้วทั้งๆ ที่อยู่โลกปีศาจแทบจะไม่ได้ยิ้มเลยจนได้ฉายาว่าเป็นปีศาจน้ำแข็ง

   รีฟเฟอร์มักจะแสดงอาการเย็นชาให้กับผ้คนรอบข้างเสมอบวกกับใบหน้าที่นิ่งเฉยทำให้เขาได้ฉายานี้มา แต่กับข้าวจ้าวกลับอยากที่จะดูแลและอยากยิ้มให้ทุกวันยิ่งมาเห็นข้าวจ้าวร้องไห้ง่ายขนาดนี้รีเฟอร์ยิ่งอยากจะปกป้องอยากจะดูแลให้มากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มได้ทราบประวัติคร่าวๆ ของข้าวสวยและข้าวจ้าวมาแล้วบ้าง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งสองคนจะมีชีวิตที่น่าสงสารต้องอยู่กันสองคนตั้งแต่ยังเด็กแบบนี้  รีฟเฟอร์เพียงได้แค่หวังว่าต่อไปทั้งสองจะมีความสุขบางแต่ดูเหมือนมันจะยากถ้าพวกอาเทอร์ทราบถึงการมีตัวตนของท่านทั้งสอง ตัวรีฟเฟอร์เองคงทำได้เพียงแค่ปกป้องและดูแลให้ดีจนกว่าเรื่องร้ายๆ ที่กำลังจะเข้ามาจบลงซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

   “อะ ทุ่มหนึ่งแล้ว” ข้าวจ้าวพูดขึ้นเมื่อสายตาไปเห็นว่านาฬิกาบอกเวลาทุ่มหนึ่งแล้วซึ่งเขายังไม่ได้ทำข้าวเย็นเลย รีฟเฟอร์เมื่อได้ยินเสียงข้าวจ้าวก็หลุดออกจากห้วงความคิดทันที

   “ผมไปทำข้าวเย็นก่อนดีกว่าครับ พี่รีฟคงหิวแล้วใช่ไหม” ข้าวจ้าวที่กำลังปล่อยมือจากรีฟเฟอร์พูดขึ้น

    “พี่รีฟ” รีฟเฟอร์งงกับชื่อเรียกของตนที่ออกมาจากข้าวจ้าวอย่างงงๆ พลางเอามือชี้เข้าหาตัวเอง

    “ใช่ครับ พี่รีฟ ก็รีฟเฟอร์มันเรียกยากนี่ครับแถมยังแปลกอีก เรียกว่าพี่รีฟนะดีแล้วง่ายดีด้วย” คนตัวเล็กพูดขึ้นเพราะเห็นรีฟเฟอร์ทำหน้าตาสงสัย ตลกดีเหมือนกันอย่างน้อยก็ได้เห็นสีหน้าอื่นนอกจากนิ่งๆ บ้าง

    “อ่อ แบบนั้นก็ได้แล้วแต่ข้าวจ้าวเลยครับ” รีฟเฟอร์ฟังแล้วก็เข้าใจทันทีเลยยอมให้เรียกตนว่ารีฟ

    “งั้นผมไปทำข้าวเย็นก่อนนะครับ” ข้าวจ้าวว่าก่อนจะเดินเข้าไปในครัวที่อยู่ไม่ไกลเพราะบ้านของเขาไม่ได้ใหญ่มากมีแค่ห้องนั่งเล่นเล็กๆ ห้องครัว ห้องน้ำหนึ่งห้อง และห้องนอนสามห้องเล็กๆ ซึ่งจะมีห้องที่เป็นของพ่อกับแม่ที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยหนึ่งที่ตอนนี้ก็ว่างไปแล้ว

                ข้าวจ้าวเป็นเด็กร่าเริงและเข้ากับคนง่าย คิดในแง่บวกเสมอไม่เคยคิดว่าใครจะมาทำร้ายตนหากตนดีกับคนอื่น ไม่แปลกเลยที่ข้าวจ้าวจะดูเหมือนไม่กลัวรีฟเฟอร์ เพราะแม่เคยบอกว่าแค่เขายิ้มทุกคนก็จะดีกับเขา และมันก็เป็นแบบนั้นมาตลอดเหมือนกับที่แม่เคยบอกไว้ข้าวจ้าวเลยเป็นเด็กที่ยิ้มง่ายแต่เปราะบางมากแค่เจอเหตุการณ์สะเทือนใจนิดหน่อยก็จะร้องไห้ขึ้นมาทันที     

         รีฟเฟอร์เดินตามข้าวจ้าวเข้ามาในครัวทำเอาตกใจที่อยู่ๆ หันมาก็เจอกับรีฟเฟอร์เพราะยังไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่

    “ให้พี่ช่วยไหม” รีฟเฟอร์พูดขึ้นเมื่อข้าวจ้าวหันมา

    “ไม่เป็นอะไรครับพี่ไปรอข้างนอกเถอะครับ” ข้าวจ้าวตอบกลับไป มือก็หยิบจับผักที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างชำนาญเพราะเขาเป็นคนทำกับข้าวทุกมื้อเนื่องจากว่าข้าวสวยต้องออกไปทำงานพาร์ทไทม์ข้าวจ้าวก็เลยอยากจะช่วยลดภาระของพี่ชายบ้างถึงแม้จะมีเงินของพ่อแม่ที่เหลือทิ้งไว้ให้แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรพวกเขาสองพี่น้องเลยต้องใช่กันอย่างประหยัด
ข้าวจ้าวก็จัดการทำอาหารเย็นจนเสร็จเลยออกมาตามรีฟเฟอร์ที่นั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นให้ไปทานข้าวด้วยกันในครัวเพราะมีโต๊ะเล็กๆ สำหรับนั่งทานข้าวอยู่

               รีฟเฟอร์ที่นั่งมองอาหารก็แปลกใจนิดหน่อยเพราะมันต่างจากโลกปีศาจ แต่ก็ตักมันมาทานจนเกือบจะครบทุกอย่างซึ่งข้าวจ้าวก็สังเกตเห็นว่ารีฟเฟอร์ไม่ได้เตะต้นหอมทอดที่เป็นอาหารโปรดของเขาเลย

    “พี่รีฟไม่ลองชิมต้นหอมทอดดูละครับอร่อยนะ จ้าวชอบมากที่สุดเลยละครับ ลองดูสิ” ข้าวจ้าวว่าก่อนจะตักต้อนหอมที่ชุบแป้งทอดกรอบลงในจานของรีฟเฟอร์ เจ้าของจานนั่งมองต้นหอมทอดในจานนิ่งไม่กล้าจะตักกินเพราะมันแปลกๆ แต่ก็กลัวว่าคนตรงหน้าจะเสียใจ เลยยอมกินต้นหอมทอดเข้าไปโดยมีข้าวจ้าวที่จ้องมองอยู่ตลอดอย่างลุ้นๆ

    “เป็นยังไงบ้างครับ” ข้าวจ้าวถามขึ้นทันที่เมื่อเห็นรีฟฟอร์กินเข้าไปจนหมด

    “อร่อยดี เห็นมันน่าตาแปลกๆ พี่เลยไม่กล้ากินนะ” ตอบพลางเลื่อนช้อนไปตักต้นหอมทอดมาใส่จาน คนตัวเล็กมองรีฟเฟอร์อย่างภูมิที่เห็นว่าพี่รีฟของเขาเหมือนจะติดใจต้นหอมทอดไปเสียแล้ว ทั้งสองใช่เวลาจัดการกับอาหารบนโต๊ะพักใหญ่จนกว่าจะหมด ซึ่งไอ้ต้นหอมทอดไม่เหลือเลยแม้แต่ซากเพราะฝีมือของคนที่บอกว่าหน้าตามันแปลก

   ข้าวจ้าวจัดการกับถ้วยชามจนเสร็จก็ไปจัดห้องนอนที่เคยเป็นของพ่อและแม่ให้กับรีฟเฟอร์แต่จัดไม่นานก็เสร็จเพราะข้าวจ้าวกับข้าวสวยมักเข้ามาทำความสะอาดบ่อยๆ จากนั้นก็ไปอาบน้ำทิ้งให้รีฟเฟอร์ดูโทรทัศน์ที่ตนเองเปิดให้แก้เบื่อ อย่าได้สงสัยว่าทำไมข้าวจ้าวถึงต้องเปิดโทรทัศน์ให้กับรีฟเฟอร์เพราะเจ้าตัวเปิดเองไม่เป็นแถมยังทำท่าตกใจอีกเมื่อเห็นภาพในโทรทัศน์

   “พี่จะอาบน้ำเลยไหมครับ” ข้าวจ้าวที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วมาถามรีฟเฟอร์ที่นั่งอยู่หน้าจอโทรศัทน์อย่างตั้งอกตั้งใจ

   "อาบเลยก็ได้ครับ ข้าวจ้าวไปนอนเถอะดึกมากแล้ว ไม่ต้องห่วงพี่หรอก" รีฟเฟอร์พูดขึ้น ข้าวจ้าวพยักหน้าเป็นการตอบรับก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังห้องของตัวเอง รีฟเฟอร์มองแผ่นหลังเล็กๆ ที่เดินออกไปอย่างอ่อนโยน

    "พี่รีฟฝันดีนะครับ" ข้าวจ้าวที่เดินไปใกล้ถึงประตูห้องหันมาบอกรีฟเฟอร์พร้อมรอยยิ้มที่สดใสที่ใครมองมามักจะอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

   "ฝันดีเช่นกันครับ" รีฟเฟอร์บอกกลับไปพลางส่งยิ้มให้กับคนตัวเล็ก เมื่อเห็นว่ารีฟเฟอร์ตอบกลับมาก็ยิ้มอย่างดีใจก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป ชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าข้าวจ้าวเข้าห้องของตนเองไปเรียบร้อยแล้วก็จัดการติดต่อกับเจ้านายตนเองทันที
   "ว่าไง ดูแลน้องชายของข้าวสวยดีหรือไม่ มีอะไรผิดปกติไหม"เสียงของอัสบัสดังขึ้นผ่านจอภาพขยาดใหญ่กลางอากาศ

   "ทุกอย่างปกติดีพ่ะย่ะค่ะ  ทางนั้นละพ่ะย่ะค่ะเป็นอย่างไรบ้าง" รีฟเฟอร์ตอบกลับไปแต่ไม่วายถามไถ่ถึงที่ที่ตนเองจากมา

   "ก็ปกติดี พวกอาเทอร์ยังไม่เคลื่อนไหวคงเพราะไม่รูว่าผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราอยู่ที่นี่ เจ้าดูแลน้องของข้าวสวยดีๆ ละ ข้าไปละ"ว่าเสร็จภาพหน้าจอขนาดใหญ่ก็หายไป รีฟเฟอร์เห็นว่าเจ้านายของตนเองไปแล้วก็เดินมายังห้องของข้าวจ้าวก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเผื่อเช็คดูว่าข้าวจ้าวหลับหรือยัง 'หลับไวจริงๆ' รีฟเฟอร์คิดเมื่อเห็นว่าข้าวจ้าวหลับไปแล้ว เขามองใบหน้าหวานที่ตอนหลับดูราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง  ก่อนจะเลื่อนมือไปสัมผัสแก้มอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นใบหน้าหวานอย่างใกล้ชิดซึ่งเขาไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนเลย


 :mew2: มีต่อด้านล่างนะคะ :mew2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2017 18:53:13 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
   เ
.............100%?...............

ตอนนี่ไม่ค่อยมีอะไรมากถ้าไม่สนุกตั้งโอ๋ต้องขอโทษด้วยนะคะ
พบเจอคำผิดตรงไหนช่วยบอกตั้งโอ๋ด้วยนะคะ จะรีบแก้ไขทันทีเลย
ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามา อิอิ รักนะจุ๊บๆๆๆๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2017 18:50:17 โดย ตั้งโอ๋ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ข้าวเจ้าก็ใช่ย่อยนะทำให้ปีศาจน้ำแข็งยิ้มได้นี่สุดยอด

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ตอนที่ 5 ปัญหาที่กำลังเคลื่อนไหวเข้ามา

ณ โลกปีศาจ

   แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามากระทบเปลือกตาคู่สวยที่นอนอยู่บนเตียงใหญ่จนต้องค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะยันตัวให้นั่งมองไปด้านข้างของตนเองก็พบผู้เป็นสามีนอนหลับอยู่ก่อนจะถอดหายใจเฮือกใหญ่ มาอยู่ที่นี้ก็เกือบอาทิตย์หนึ่งแล้วมีแต่เรื่องวุ่นวายให้รำคาญใจซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องอะไรนอกจากเรื่องของสามีตนเองที่ชอบทำตัวเจ้ากี้เจ้าการทำอย่างกับว่าเขาเป็นสมบัติไม่ยอมให้อยู่คนเดียวเลยแม้กระทั่งตอนอาบน้ำ บางทีก็คิดนะว่าอัสบัสเป็นราชาจริงๆ หรือเปล่าเพราะวันๆ ไม่ทำอะไรได้แต่ลากเขาไปนู้นนี้นั้นไปทั่ว

“เฮ้ออออ” ข้าวสวยถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา    “เขาหลับอยู่ แอบไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” ว่าแล้วก็ไม่รอช้าข้าวสวยรีบก้าวลงจากเตียงอย่างช้าๆ เพราะกลัวคนที่นอนหลับอยู่จะตื่นขึ้นมา เมื่อมาถึงห้องอาบน้ำก็รีบจัดการอาบน้ำล้างตัวทันทีก่อนจะลงไปแช่น้ำอุ่นๆ ที่มีกลีบกุหลาบสีฟ้าอยู่เต็มอ่างอย่างสบายใจพร้อมกับยิ้มอย่างชอบใจที่ไม่ต้องมีสามีของตนเองเข้ามารบกวน เพราะทุกครั้งที่อาบน้ำอัสบัสชอบทำตัวหื่นใส่เสมอแม้จะบอกว่าไม่ชอบหรือไม่ยอมยังไงก็ไม่เคยรอดสักครั้งอดคิดไม่ได้ว่าตนเองมีสามีโรคจิตหรือไงที่ชอบมีอะไรที่อ่างอาบน้ำข้าวสวยคิดไปก็นึกขำและสับสนกับความรู้สึกในใจของตัวเองมากๆ เรื่องทุกอย่างที่เจอมาตลอดหลายวันนี้มันเป็นอะไรที่เกินจะเชื่อได้จริงๆ อัสบัสก็ดีกับข้าวสวยมากจนบ้างครั้งก็แอบใจสั่นแต่ถ้าจะให้บอกว่าตอนนี้รู้สึกยังไงกับอัสบัสนั้นข้าวสวยเองก็บอกแน่ชัดไม่ได้ว่ารู้สึกยังไงแต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบแต่ก็ไม่ใช่รักเพราะเราสองคนพึ่งจะเจอกันอยู่ๆ จะให้รักเลยก็เป็นไปไม่ได้ แต่ข้าวสวยยอมรับว่ารู้สึกดีกับอัสบัสจริงๆ แต่ถ้าลดความหื่นลงได้คงจะดีกว่านี้ ถามว่าตนเองตอนนี้เป็นยังไงก็บอกได้ว่าสบายดีไม่ต้องทำงานหนักๆ และไม่ต้องนอนดึกๆ อย่างเมื่อก่อนเพราะก่อนจะมาอยู่ที่นี้ข้าวสวยต้องทำงานตลอดตั้งแต่พ่อกับแม่เสียไปเงินที่พ่อแม่ทิ้งไว้ก่อนที่ท่านจะจากไปอย่างกะทันหันก็ไม่ได้มากมายอะไรข้าวสวยจึงต้องทำงานเพื่อหาเงินมาตลอด แม้ที่นี้จะรู้สึกสบายแต่ในใจก็อดเป็นห่วงข้าวจ้าวที่โลกมนุษย์ไม่ได้ถึงอัสบัสจะบอกว่าให้รีฟเฟอร์ไปดูแลและถึงจะเห็นภาพการเป็นอยู่ของข้าวจ้าวด้วยพลังของอัสบัสแล้วก็ตามแม้เห็นว่าน้องมีความสุขดีรีฟเฟอร์ก็ดูแลอย่างดีจนข้าวสวยกับอัสบัสไม่อยากจะเชื่อภาพที่เห็นเลยเพราะมันขัดกับประวัติของรีฟเฟอร์จริงๆ ซึ่งตอนแรกข้าวสวยเองก็หวั่นๆ เหมือนกันกลัวรีฟเฟอร์จะทำอะไรน้องชายของตนเองแต่เมื่อเห็นอย่างนั้นก็อุ่นใจขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่วายเป็นห่วงอยู่ดี ข้าวสวยนั่งพิงขอบอ่างคิดเรื่องต่างๆ ไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อมีเสียงของผู้เป็นสามีลอยเข้ามาในโสตประสาท
   
“เจ้า! เหตุใดไม่รอข้า” เสียงของอัสบัสดังขึ้นทำให้ข้าวสวยที่อาบน้ำอยู่สะดุ้งขึ้นทันทีก่อนจะค่อยๆ หันมามองทางต้นเสียง
   
“ก็คุณหลับอยู่ ผมไม่อยากปลุกและผมก็ขี้เกียจรอด้วย” ข้าวสวยตอบกลับตามด้วยรอยยิ้มเจื่อน

“แต่ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าต้องอาบน้ำพร้อมข้าตลอด ขัดคำสั่งข้ารู้หรือไม่ต้องเจอโทษอะไร” อัสบัสพูดขึ้นก่อจะส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับคนรัก ข้าวสวยเมื่อเห็นการกระทำของอัสบัสก็รู้ได้ทันทีเลยว่าบทลงโทษที่ตนเองจะต้องโดนคืออะไรเลยคิดจะชิ่งหนีโดยการรีบออกจากห้องอาบน้ำให้เร็วที่สุด เมื่อนึกได้ก็ไม่รอช้าข้าวสวยรีบคว้าผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่บนโต๊ะข้างอ่างอาบน้ำมาคลุมตัวก่อนจะค่อยๆ ก้าวลงจากอ่าง อัสบัสมองนิ่งรู้ดีว่าข้าวสวยจะทำอะไรและเขาจะไม่ปล่อยไปแน่ๆ กล้าขัดคำสั่งแบบนี้ก็ต้องถูกลงโทษ

“จะไปไหน” ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าข้าวสวยที่ยืนอยู่ที่ข้างขอบอ่างอาบน้ำนั้นกำลังจะก้าวเดินออกไปแต่ก็ไร้ซึ่งการตอบกลับมา

“ยังไปไม่ได้ข้ายังไม่ได้อาบน้ำเลย” อัสบัสที่ยืนมองข้าวสวยอยู่พูดขึ้นอย่างเสียงเรียบอีกครั้ง

“คุณก็อาบไปสิ” ตอบกลับมาอย่างหงุดหงิดทันทีที่อัสบัสไม่ยอมให้ไป เมื่อเห็นว่าข้าวสวยเริ่มหงุดหงิดก็นึกอยากแกล้งให้มากกว่านี้ก็ไม่ได้โกรธอะไรข้าวสวยที่มาอาบน้ำโดยไม่รอ แค่อยากแหย่เล่นเพราะเวลาข้าวสวยหงุดหงิดหรือไม่พอใจอะไรมักชอบทำแก้มป่องๆเหมือนเด็กซึ่งมันดูน่ารักมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว

“อ๊ะ! คุณทำอะไรนะ” ข้าวสวยร้องขึ้นเมื่ออัสบัสเดินเข้ามากระชากร่างของตนเข้าไปกอดไว้ มือเล็กพยายามแกะมือใหญ่ที่กำลังจับกุมร่างอยู่   แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะแรงอันน้อยนิดไม่อาจสู้แรงของอัสบัสได้ ข้าวสวยมองอัสบัสที่กำลังยิ้มอย่างชอบใจด้วยความหงุดหงิดที่ตนเองไม่สามารถทำอะไรอีกคนได้เลย  ได้แต่ทำแก้มป่องๆ กับส่งสายตาดุให้กับคนเป็นสามีเท่านั้น อัสบัสเมื่อเห็นอาการของคนในอ้อมกอดก็ยิ่งชอบใจใหญ่ อดที่จะฝังจมูกลงบนแก้มป่องๆ ขาวเนียนนั้นไม่ได้

“นี้คุณปล่อยผมนะ จะมาหื่นอะไรเช้าๆแบบนี้กันฮะ” ข้าวสวยที่อยู่ในอ้อมกอดโวยวายขึ้นเมื่ออัสบัสเข้ามาหอมแก้ม ซุกไซ้ไปตามซอกคอและใบหู

“ข้าไม่ปล่อย   คนทำผิดก็ย่อมถูกลงโทษ” พูดจบอัสบัสก็ซุกไซ้ไปตามแผงอกขาวเนียนทันที มือข้างหนึ่งที่กำลังโอบกอดร่างบางอยู่ค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาลูบไล้ตามต้นขา   ใบหน้าก็ซุกไซ้ไปทั่ว ลิ้นร้อนกวาดเลียไปทั่วทั้งแผงอกก่อนจะมาหยุดที่ยอดอกสีชมพูที่กำลังชูช่ออย่างสวยงาม ลิ้นร้อนค่อยๆ กวาดเลียไปที่ยอดอกสีชมพูช้าๆ ก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้นแล้วเปลี่ยนมาเป็นดูดดึงแทน และนั้นมันก็เรียกเสียงครางของข้าวสวยได้เป็นอย่างดี

“อะ! อ๊า อืม” ข้าวสวยครางขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ มือหนาลูบไล้ไปตามต้นขา ข้าวสวยได้แต่บิดตัวด้วยความเสียวซ่าน พยายาม    หลบหลีกจากการสัมผัสแต่อัสบัสไม่ยอมปล่อยให้ข้าวสวยได้หนีเลยแม้แต่น้อย
    “โทษข้าไม่ได้ เจ้าอยากขัดคำสั่ง ข้าก็ต้องลงโทษเจ้า” อัสบัสที่ละจากยอดอกสีชมพูสีสวยพูดขึ้นก็จะกระตุกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ

“หื่นเองก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องมาอ้างว่าลงโทษเลย” คนถูกกระทำพูดขึ้นก่อนจะทำแก้มป่องบ่งบอกว่าไม่พอใจใส่อัสบัส ข้าวสวยไม่รู้เลยว่ายิ่งตนเองทำแบบนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเชื่อเชิญราชาปีศาจตรงหน้ามากเท่านั้น

 “เจ้าว่าข้าหื่นเองนะ ได้เดี๋ยวข้าจะหื่นให้เจ้าดูว่าหื่นของจริงมันเป็นอย่างไร” พูดจบอัสบัสก็ไม่รอช้ารีบบรรเลงเพลงรักทันที

“โอ๊ย!” เสียงร้องของข้าวสวยดังขึ้นเมื่อรู้สึกตัวก่อนมองไปรอบๆ ก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงใหญ่เสื้อผ้าก็ถูกใส่เรียบร้อยจำได้ว่าอัสบัสเล่นบทเพลงรักไปสามยกกว่าจะหยุด   ตอนนั้นรู้สึกเหนื่อยมากๆ จนหลับไปเพราะอัสบัสเล่นบรรเลงเพลงรักไปทั่วห้องน้ำก่อนจะมาต่อที่เตียงอีกรอบหนึ่งทำเอาหมดแรงไปเลยทีเดียว

“ตื่นแล้วหรือ กินอะไรหน่อยไหม” เสียงอัสบัสที่ยืนอยู่ข้างระเบียงพูดขึ้นก่อนจะค่อยๆ เดินเข้ามาหยุดตรงหน้า ข้าวสวยมองหน้าอัสบัสนิ่งก่อนจะทำแก้มป่องและส่งสายตาคาดโทษให้ที่ทำเขาหมดสภาพแบบนี้

“โกรธข้าหรือ มันความผิดเจ้า อยากทำผิดและยังไอ้หน้าตาเชิญชวนนั้นอีก”

“อะไรของคุณ ผมไปทำหน้าเชิญชวนคุณตอนไหนกัน” ข้าวสวยว่ากลับไป   ไม่วายทำแก้มป่องใส่คนตรงหน้าอีกที

 “ก็หน้าแบบที่เจ้ากำลังทำอยู่นี้อย่างไร ไอ้แก้มป่องๆๆนั้น หึหึ” อัสบัสพูดพลางหัวเราะ คนถูกว่านั้นตอนนี้กำลังจับใบหน้าของตนเองอย่างสงสัย คิดอยู่ว่าไอ้หน้าตาที่ทำมันดูน่าเชิญชวนให้ทำเรื่องอย่างว่าได้ไงกัน ก็ทำแบบนี้ตลอดเวลารู้สึกไม่พอใจอะไร มันก็เป็นไปเองอัตโนมัติคงเพราะติดจากตอนเด็กๆ ‘สัญญาเลยว่าต่อไปจะไม่ทำหน้าตาแบบนี้ตลอดชีวิตเลย’ ข้าวสวยคิด

“ตกลงจะกินอะไรไหม แก้มป่องจนจะแตกอยู่แล้วนั้น” อัสบัสถามขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่วายที่จะแซว

“ไม่กินผมไม่หิว”

 “งั้นออกไปเดินเล่นในสวนทางฝั่งเหนือไหมยังไม่เคยไปเลยไม่ใช่หรือ แต่ว่าเจ้าคงไปไม่ไหวสินะ” อัสบัสเอ่ยชวนขึ้นคนได้ยินก็ตา ลุกวาวทันทีแต่ก็ต้องหน้างออีกเพราะคำพูดต่อท้ายของคนตัวโต

“ไหวสิทำไมจะไม่ไหวละ” คนตัวเล็กพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังทันที ทั้งที่ความจริงแล้วตนเองยังรู้สึกเจ็บที่ช่องทางด้านหลังอยู่เลย
เมื่อตกลงกันได้ก็ไม่รอช้าทั้งสองรีบตรงมายังสวนทางฝั่งเหนือทันที ข้าวสวยยิ้มหน้าบานทันทีที่เห็นสวนดอกกุหลาบสีฟ้าเต็มไปหมด แถมยังมีซุ่มทางเดินที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีฟ้าอย่างสวยงาม  ข้าวสวยยืนมองดอกไม้ตรงหน้านิ่งได้แต่นึกสงสัยว่าทำไมถึงมีแต่ดอกกุหลาบสีฟ้า

“นี่คุณผมสงสัยนานละทำไหมที่นี่ดอกกุหลาบสีฟ้าเยอะจังสีอื่นหรือดอกไม้อื่นไม่ค่อยมีเลย” ข้าวสวยถามขึ้นอย่างสงสัย สายตาก็ยังคงทอดมองไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด

“ก็ดอกกุหลาบสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของอาณาจักรแห่งนี้” คนถูกถามหันมามองก่อนจะตอบออกไป   เมื่อได้คำตอบข้าวสวยก็นึกรู้สึกคุ้นๆ เหมือนจะมีคนเคยบอกว่าดอกกุหลาบสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของที่นี้จริงๆ

“มีสีฟ้างั้นก็ต้องมสีน้ำเงินด้วยนะสิ สีมันคล้ายกันเลยนะ” มือเล็กก็ยื่นจับดอกกุหลาบที่อยู่ใกล้ๆ

“ไม่มีหรอก” คำตอบที่ได้ทำให้คนถามต้องหันหน้ามามองอย่างสสัย

 "???"

“ถึงมันจะสีคล้ายกันแต่ความหมายมันก็ต่างกันนัก” อัสบัสตอบเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กข้างๆ ตนเหมือนกับสงสัยในคำตอบ แต่ดูเหมือนการอธิบายนี้จะยิ่งทำให้ข้าวสวยงงมากขึ้นกว่าเดิม

“ผมไม่เข้าใจอ่ะ มันหมายถึงอะไรเหรอ” ข้าวสวยที่ยังงงอยู่ถามขึ้น อัสบัสถอดหายใจเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ อธิบายให้ฟัง


“ก็ดอกกุหลาบสีฟ้าเป็นดอกไม้แห่งความอดทน แข็งแกร่ง เป็นดอกไม้แห่งความฝันที่สวยงาม และมั่นคงตลอดกาล แต่ดอกกุหลาบสีน้ำเงินความหมายของมันคือ การไม่สมหวัง การบอกลา เพราะแบบนี้อาณาจักรถึงไม่มีดอกกุหลาบสีน้ำเงิน” อัสบัสอธิบายด้วยใบหน้า     นิ่งเรียบ คนฟังก็ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

“อ่อ แบบนี้เอง” พยักหน้าเป็นการเข้าใจ แก้ไขข้อข้องใจได้แล้ว ข้าวสวยก็หันมาสนใจกับดอกกุหลาบที่ตนเองยังจับอยู่ก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมนั้นอย่างเต็มปอด

"อ๊ะ!" ข้าวสวยตกใจเมื่อรับรู้ถึงแรงกอดรัดที่เอวจนต้องละสายตาจากกุหลาบเพื่อหันมาต่อว่าคนที่กำลังกอดรัดเขาอยู่แต่ก็ต้องตกใจเมื่อจมูกปะทะเข้ากับแก้มของอัสบัสที่กำลังเอาคางมาวางบนไหล่ ข้าวสวยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนผลักออกเพราะรับรู้ถึงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรง ใบหน้าร้อนผ่าว รู้สึกถึงแรงสูบฉีดของเลือดบนใบหน้าจนต้องก้มลงมองพื้นเพื่อปกปิดใบหน้าที่แดงกร่ำเพราะความเขินอาย

"เมื่อไหร่เจ้าจะมีลูกให้ข้าเสียที ข้าทำกับเจ้าหลายครั้งแล้วนะ หรือเป็นเพราะเจ้าไม่รักข้า เจ้าถึงไม่มีลูกให้ข้า" อัสบัสพูดทั้งที่ยังเอาคางวางอยู่บนไหล่ สองมือก็ยังคงโอบกอดอยู่ที่เอวเล็กๆ   คนถูกถามตกใจนิดหน่อยที่อยู่ๆ อัสบัสก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา

"ผะ ผมเป็นผู้ชายนะมันก็ต้องมีลูกไม่ได้อยู่แล้ว และที่ว่าผมรักหรือไม่รักคุณนะมันเกี่ยวกับที่ผมจะมีลูกได้หรือไม่ได้ๆ ยังไงกัน"      ข้าวสวยพูดอย่างขัดๆ พลางสงสัยในคำพูดของอัสบัส

"เกี่ยวสิเพราะสัญลักษณ์บนหน้าเจ้าตอนวันอภิเษก ถ้าเจ้ารักข้าและอยากมีลูกกับข้า พอเราทำกันเจ้าก็จะมีลูกได้ แต่นี้ข้าทำกับเจ้าตั้งหลายครั้งแล้วไม่เห็นเจ้าท้องก็แสดงว่าเจ้าไม่ได้รักข้า" อัสบัสพูดอย่างยืดยาว ก่อนจะค่อยๆ ยกคางออกจากไหล่แล้วจับตัวของข้าวสวยให้หันมา   ข้าวสวยที่หันมาก็หลบสายตาของอัสบัสทันทีเพราะยังรู้สึกแปลกๆ ยังไม่พร้อมที่จะมองหน้าอัสบัสเพราะเรื่องที่คุยกันยังอยู่ในความคิดซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสับสนกับใจตัวเองมากๆ  และยังงงกับเรื่องที่อัสบัสพูดซึ่งมันจะเป็นไปได้ยังแค่รักกันแค่เราอยากมีลูกก็จะมีนี้มันชีวิตจริงนะไม่ใช่นิยายข้าวสวยครุ่นคิดอยู่นานแล้วยังไอ้รอยนั้นบนใบหน้าเขาอีกเกี่ยวอะไรกัน


 :mew2: ต่อด้านล่างเลยค่ะ :mew2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2017 19:00:57 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
  "ว่าไงเจ้ารักข้าหรือไม่" เอ่ยถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าข้าวสวยยืนนิ่งไม่พูดอะไร
   
"เอ่อ เอ่อ คือ คือ ผมไม่ได้ไม่ชอบคุณนะ เอ่อ เอ่อ"
   
"แต่ก็ไม่ได้รักข้าใช่หรือไม่" ได้ยินข้าวสวยตอบอ่อมแอ้มแต่ก็ทำให้อัสบัสพอรู้ว่าคนต้องหน้าต้องการสื่อถึงอะไร
   
"เอ่อ ไม่ใช่นะ คือ ยังไงดีละ คือเราสองคนพึ่งเจอกันเองอยู่ๆ จะให้ผมบอกว่ารักคุณได้ยังไง ผะ ผมยังสับสนอยู่เลย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันกะทันหันไปหมด จนตอนนี้ผมเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่ผมชอบที่คุณดีกับผม ที่ค่อยดูแลผม ผมรู้สึกดีมากๆๆ ผมพูดจริงๆ นะ ขอเวลาผมหน่อยได้ไหม" ข้าวสวยตอบออกไปตรงๆเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ไม่อยากปิดบังหรือโกหกอัสบัส
   
"ได้สิ แค่ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกดีต่อข้า ข้าก็ดีใจมากแล้ว ข้าจะรอนะ รอวันที่เจ้ารักข้า" เสียงอ่อนโยนที่ตอบกลับทำให้ข้าวสวยรู้สึกใจตัวเองเต้นแรงขึ้นมาทันที
   
"อ๊ะ กุหลาบตรงไหนสวยจัง" ข้าวสวยเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นมาแก้เขินทันทีพลางผลักออกจากอ้อมกอดของอัสบัสก่อนจะวิ่งไปยังแปลงกุหลาบสีฟ้าที่กำลังแบ่งบานอย่างสวยงาม อัสบัสมองร่างที่กำลังวิ่งไปอย่างลุกลนก็ได้แต่สายหน้าให้กับความน่ารักของผู้เป็นภรรยา

เมื่อมาถึงแปลงกุหลาบข้าวสวยก็จัดการสูดดมและเชยชมดอกกุหลาบเหล่านั้นอย่างสนุกก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้กับอัสบัสพร้อมกับโบกไม้โบกมือเป็นเชิงชวนให้มาที่ตน
       
อัสบัสยิ้มตอบรับก่อนจะเดินไปหาคนรักแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเถาไม้ปลายแหลมพุ่งมาทางข้าวสวยจนต้องรีบวิ่งเข้ามาคว้าร่างเล็กทันทีแต่ก็พลาดทำให้เถาไม้แหลมแทงเข้าที่ต้นแขนข้างซ้าย   อัสบัสใช้มือขวามาจับเถาไม้นั้นไว้ครู่หนึ่งเถาไม้สีเขียวนั้นก็ค่อยๆ กลายเป็นผงธุลี แล้วหันมาสนใจกับข้าวสวยที่กำลังเกาะเสื้อเขาแน่นด้วยความตกใจ
   
"เป็นอะไรหรือไม่" อัสบัสถามข้าวสวยที่กำลังเกาะเสื้อเขาซะแน่น ใบหน้าสวยสายหน้ารัวเป็นการบอกก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือจากเสื้อของคนตัวใหญ่ แต่แล้วสายตาก็ไปสบเข้ากับเลือดสีแดงที่แขนของอัสบัส
   
"คะ คุณบาดเจ็บ" ข้าวสวยพูดขึ้นอย่างตกใจก่อนจะแสดงใบหน้าหม่นหม่องลงเพราะรู้สึกผิดอัสบัสต้องมาเจ็บตัวเพื่อช่วยตน
   
"ไม่เป็นอะไรหรอกแผลแค่นี้ เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว" อัสบัสว่าก่อนจะกวาดสายตาไปมองรอบๆ อย่างระวังเพราะอัสบัสรู้ดีว่าคนที่ทำต้องการอะไร แต่ก็อดโมโหไม่ได้ที่กล้ามาทำร้ายคนรักของเขารู้สึกอยากจะไปเด็ดหัวคนทำให้รู้แล้วรู้รอดเพราะรู้ดีว่าเป็นฝีมือใครซึ่งดูจากเถาไม้นั้นก็เดาได้ไม่ยาก แต่อัสบัสไม่อาจทิ้งข้าวสวยไว้คนเดียวได้
   
"เรากลับกันเถอะดูเหมือนมันจะไม่ค่อยปลอดภัย" ข้าวสวยพยักหน้าเป็นการตอบรับ เมื่อได้คำตอบก็คว้ามือเล็กออกเดินทันที
   
"อ๊ะ! อัสบัส..." ข้าวสวยร้องขึ้นเมื่ออยู่ๆ ร่างกายถูกกระชากอย่างแรงจนมือหลุดจากกัน อัสบัสรับรู้สึกถึงแรงกระชากกับเสียงของข้าวสวยก็หันมาทันทีแต่คว้ามือเล็กนั้นที่กำลังลอยขึ้นเพราะเถาไม้ไม่ทันร่างของข้าวสวยลอยมาหยุดข้างๆ ร่างของชายหนุ่มร่างกายกำย่ำที่มีกิริยาท่าทางเป็นหญิง

"ไพทรี! เจ้าปล่อยข้าวสวยเดี๋ยวนี้" เมื่อเห็นผู้ปองร้ายก็ โมโหยิ่งนักเมื่อเห็นว่าเป็นพวกปีศาจที่อยู่ในความดูแลของตนเอง
   
"พระทัยเย็นๆ สิเพคะฝ่าบาทหม่อมฉันก็แค่จะมาขอพ่อหนุ่มน้อยคนนี้ก็เท่าเองนะเพคะ" ไพทรีจีบปากจีบคอพูดขึ้น
    
"เจ้าจะมาเอาข้าวสวยไปทำไมกัน" อัสบัสถามขึ้นทั้งๆ ที่พอจะคาดเดาคำตอบได้บ้างอยู่แล้ว
    
"ไม่รู้จริงๆหรือเพคะข่าวออกจะดังไปทั่วอีกไม่นานเหล่าพวกปีศาจทั้งหลายคงแห่กันมาเอาหัวใจของผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทรากันให้ควักเพคะ" คนฟังขมวดคิ้วพลางคิดถึงเรื่องที่ไพทรีพูดเขารู้ดีว่าใครๆก็ต้องการตัวผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราเพราะมีพลังในการรักษาอาการเจ็บปวดได้เพียงแค่คิดอาการนั้นก็จะหายไปแต่ที่ว่าต้องการหัวใจนั้นทำไมกัน ถือเป็นข่าวใหม่สำหรับอัสบัสเลยก็ว่าได้และมันก็มาพร้อมกับความยุ่งยากยิ่งกว่าเดิม อันตรายกว่าเดิมอย่างแน่นอนอัสบัสคิดถึงแม้จะไม่รู้ว่าพวกเหล่านั้นต้องการหัวใจข้าวสวยไปทำไมก็เถอะแต่สิ่งที่ตัวอัสบัสรู้คือต้องปกป้องข้าวสวยให้สุดชีวิต    

"อัสบัสผมกลัว" เสียงที่สั่นเคืองของข้าวสวยเรียกให้อัสบัสหลุดจากความคิดทันที มองร่างของข้าวสวยที่มีน้ำตาไหลรินอย่างเป็นห่วง
    
"เอาตัวข้าวสวยคืนมาถ้าเจ้ายังไม่อยากตาย" ส่งสายตาเกลียวกลาดให้เมื่อเริ่มหมดความอดทนกับไพทรีแต่อัสบัสจะทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้เพราะข้าวสวยอยู่ในกำมือของไพทรี
    
"หม่อมฉันไม่กลัวหรอกเพคะ แค่ได้หัวใจของหนุ่มน้อยน่ารักคนนี้มาหม่อมฉันก็จะไม่มีวันเป็นอะไร ฮาๆๆๆ" ไพทรีพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี แต่สำหรับอัสบัสแล้วมันเป็นการยั่วโมโหเขามากขึ้น คิดเสมอว่าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาพรากข้าวสวยไปจากเขาเด็ดขาดคิดได้เช่นนั้นก็รีบกระโจนเข้าหาไพทรีทันที ไพทรีเมื่อเห็นอัสบัสกระโจนเข้าหาตนอยากรวดเร็วก็รีบกระโดดหลบทำให้พ้นปลายดาบแหลมที่อัสบัสเรียกออกมาจากกลางอากาศได้อย่างเฉียดฉิวก็หัวเราะเย้ยยั่นทันทีที่หลบได้ อัสบัสยกยิ้มทันทีที่เห็นไพทรีหลบคมดาบ เพราะจุดประสงค์จริงๆ คือร่างของข้าวสวยที่อยู่ข้างๆ ไพทรี อัสบัสคาดการไว้ล่วงหน้าแล้วว่าไพทรีต้องหลบคมดาบและจะไม่เอาข้าวสวยไปด้วยแน่นอน ไพทรีนึกได้ก็สายไปแล้วเพราะตอนนี้ร่างของข้าวสวยไปอยู่ในอ้อมกอดอัสบัสเรียบร้อยแล้ว ข้าวสวยที่หลุดจากการจับกุมของเถาไม้โผเข้ากอดอัสบัสทั้งน้ำตา ร่างบางสั่นเทาไปด้วยความกลัวอัสบัสทำอะไรไม่ถูกรู้ดีว่าข้าวสวยกลัวมากแค่ไหนยิ่งมาได้ยินว่ามีเหล่าปีศาจมากมายต้องการหัวใจของตนก็ยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวให้กับข้าวสวยเป็นอย่างมาก
    
"ไม่ต้องกลัวข้าอยู่นี้ทั้งคน ไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรเจ้าหรอก" อัสบัสพยายามพูดปลอบประโลมคนในอ้อมกอดที่ยังคงสะอื้นอยู่
   
"ยังไงวันนี้หม่อมฉันก็ต้องได้หัวใจของหนุ่มน้อยนั้นเพคะ" เสียงของไพทรีดังขึ้นทำให้อัสบัสเหลือบไปมองแต่ก็ตกใจเมื่อเห็นเถาไม้นับสิบที่ออกมาจากมือของไพทรีพุ่งมาทางที่เขาทั้งสองยืนอยู่
อัสบัสรีบกระชากร่างของข้าวสวยให้อยู่ด้านหลังของตนเองทันทีก่อนจะตวัดดาบใส่เถาไม้นับสิบจนขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเต็มไปหมด
   
"อยู่ตรงนี้ห้ามไปไหนเด็ดขาด" อัสบัสหันมาสั่งข้าวสวยก่อนจะกระโจนเข้าไปต่อสู้กับไพทรีทั้งสองต่อสู่กันอยากดุเดือดไม่มีใครยอมใครเสียงคมดาบที่กระทบกันดังสนั่นไปทั่วแม้ดาบของไพทรีจะทำจากเถาไม้แต่ก็แข็งแรงราวโลหะหรือมันจะเป็นโลหะเพราะฟังจากเสียงกระทบกันแล้วไม่ต่างจากโลหะเลย
    
"เจ้ากล้ามากไพทรีทั้งที่รู้ว่าข้าวสวยเป็นนายของเจ้าแท้ๆ แต่ก็กล้าทำเรื่องแบบนี้เพื่อประโยชน์ของตัวเอง" อัสบัสที่ตวัดดาบใส่ไพทรีพูดขึ้นอย่างดุดัน
    
"หม่อมฉันรู้ดีเพคะ แต่หม่อมฉันต้องทำ พระองค์ก็ทรงทราบดีว่าหม่อมฉันต้องทนคำดูหมิ่นต่างๆ มากมายจากพวกปีศาจด้วยกันเพียงก็แค่เพราะหม่อมฉันเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะครอบครัว ญาติพี่น้องต่างทอดทิ้งหม่อมฉันทั้งที่หม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลย" ไพทรีที่ยังคงตวัดดาบเพื่อป้องกันคมดาบ อัสบัสรู้ประวัติของไพทรีดีเพราะอัสบัสเป็นคนรับไพทรีมาอยู่ในวังค่อยให้ดูแลสวนดอกไม้ต่างๆ เพราะไพทรีเป็นปีศาจดอกไม้
    
"แล้วที่ข้ามอบให้ละมันไม่พออีกหรือไงกัน" เขาไม่เข้าใจไพทรีจริงๆ ว่าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรทั้งที่อัสบัสให้ทุกอย่างกับไพทรี
    
"หม่อมฉันดีใจที่พระองค์ทรงดีกับหม่อมฉัน ช่วยหม่อมฉัน และให้ที่อยู่แก่หม่อมฉัน แต่มันก็แค่พระองค์ คนอื่นๆไม่มีเลย ไม่มีใครที่จะยอมเป็นเพื่อนหม่อมฉันเลย ขนาดพวกทหาร นางกำนัลยังรังเกียจหม่อมฉัน" รู้สึกขอบคุณอัสบัสที่ค่อยช่วยตน แต่ก็ต้องตามมาด้วยความแค้นเคืองต่อเพื่อนร่วมโลกที่มีแต่รังเกียจไพทรีที่เป็นชายแต่มีใจเป็นหญิง ถึงแม้โลกปีศาจนี้จะไม่ได้จำกัดความชอบทางเพศก็ตามแต่พวกที่มีเพศกับใจคนละเพศนั้นเหล่าปีศาจส่วนใหญ่มักต่อต้านแต่สำหรับอัสบัสนั้นมันไม่ใช่ เขาคิดว่าไม่ว่าใครจะเป็นยังไงทุกคนก็คือเพื่อนรวมโลก ข้าวสวยที่ยืนมองอยู่ตลอดก็ได้ยินทุกการสนทนารู้สึกสงสารไพทรีจับใจแม้จะไม่รู้รายละเอียดมากนักแต่ข้าวสวยรู้ดีว่าไพทรีเจ็บปวดแค่ไหนเพราะสีหน้าที่ไพทรีแสดงออกมา

ทั้งสองต่อสู้กันได้ครู่ใหญ่แล้ว ต่างฝ่ายต่างฟาดฟันกันอย่างดุเดือดโดยหารู้ไม่ว่าทุกการกระทำตั้งแต่ข้าวสวยกับอัสบัสก้าวมาที่สวนจนถึงตอนนี้ถูกจับจ้องโดยใครคนหนึ่งที่อยู่ในมุมมืดของตำหนักที่อยู่ใกล้ๆ ตอนนี้ทางฝ่ายไพทรีดูท่าจะได้รับบาดเจ็บหนักเพราะถูกคมดาบของอัสบัสไปหลายที ทางอัสบัสก็ดูเหนื่อยๆ คงเพราะแผลที่ถูกเถาไม้แท่งก่อนหน้านี้ที่ยังมีเลือดสีแดงไหลซึมอยู่ แต่ทั้งสองยังคงสู้รบกันอย่างไม่ยอมแพ้ ข้าวสวยได้แต่ร้องขอต่อพระเจ้าให้อัสบัสปลอดภัย แต่ในใจก็สงสารและเห็นใจไพทรีเป็นอย่างมากอยากจะให้ทั้งสองหยุดต่อสู้กัน ข้าวสวยสังเกตเห็นว่าไพทรีก็ไม่ได้อยากทำร้ายอัสบัสแต่มันคงเพราะความจำเป็น ไพทรีคงจะทรมานกับเรื่องนี้มากจริงๆ จากที่รู้สึกไม่พอใจไพทรีในตอนแรกตอนนี้มันก็เริ่มเปลี่ยนไป รู้สึกอยากช่วยให้ไพทรีพ้นจากความทรมานภายในจิตใจนี้จริง แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี อัสบัสก็ดูโมโหอย่างมากจนข้าวสวยรู้สึกกลัวเพราะไม่เคยเห็นสีหน้าที่เงียบขรึมและดุดันมากแบบนี้มาก่อนดวงตาสีแดงนั้นดูน่ากลัวมาก ข้าวสวยที่ยืนมองอยู่เมื่อเห็นว่าอัสบัสตวัดดาบลงบนลำตัวของไพทรีจนทรุดลงกับพื้นก็รู้สึกใจหายที่เห็นไพทรีบาดเจ็บมากขนาดนั้นแต่ก็แอบดีใจที่ดูเหมือนอัสบัสจะไม่เป็นอะไร แต่ก็ต้องตกใจเพราะไพทรีใช้เถาไม้ที่เลื่อนอยู่กับพื้นพุ่งเข้าหาอัสบัสจากด้านหลัง และดูเหมือน    อัสบัสจะไม่รู้เลยว่าเถาไม้ปลายแหลมกำลังพุ่งเข้าหาตน เชื่อเลยว่าการกระทำเร็วการความคิดจริงๆ เพราะไม่ทันที่จะคิดอะไรได้ร่างของข้าวสวยก็มุ่งไปที่อัสบัสเสียแล้ว
    
"อัสบัสระวัง" เสียงเล็กที่ดังขึ้นเรียกให้อัสบัสต้องหันไปมอง ก็พบร่างของข้าวสวยวิ่งมาขวางเถาไม้ที่กำลังพุ่งมาทางตนแต่ก็ทำอะไรไม่ทันเสียแล้วเมื่อมันพุ่งมาจนถึงร่างของข้าวสวยที่วิ่งมาขวางไว้พอดี
   
"ข้าวสวย!"

............................100%...............................................
 
ตอนนี้สนุกกันหรือเปล่าเอ่ยอย่าลืมบอกกันนะคะ
 
 
 
 




 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2017 19:03:01 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ Kaemmiizz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 727
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
ต้องปลอดภัยห้ามเป็นไรนะ

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ยัยปีศาจน่ารังเกียจ ฆ่ามันเลยอัสบัส

ข้าวสวยอย่าเป็นอะไรนะ พวกทหารไปไหนกันหมดดดด ราชาแย่แล้ว

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
 :hao4: รอลุ้นตอนต่อไป

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เป็นถึงราชาคงไม่กระจอกหรอกนะ

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ตอนที่ 6 ความรู้สึก

   "ข้าวสวย!" อัสบัสตะโกนเรียกผู้เป็นที่รักเสียงดังไปทั่วทั้งบริเวณพร้อมกับใจที่ปวดร้าวเมื่อเห็นร่างของคนรักทรุดลงกับพื้นร่างกายมีเลือดสีแดงฉาดไหลออกจากบริเวณหน้าท้องเต็มไปหมด

อัสบัสยืนนิ่งด้วยความตกใจและเจ็บปวดเป็นอย่างมากที่เห็นคนรักมีเลือดเต็มไปหมดราวกับว่าดวงใจกำลังจะแตกสลาย ถึงแม้พึ่งเจอข้าวสวยได้ไม่นานมากนักแต่ก็รักข้าวสวยตั้งแต่แรกเห็น และเชื่อว่าระหว่างตนเองกับข้าวสวยมันต้องมีสัมพันธ์ที่ยาวนานกว่านี้อัสบัสสัมผัสได้ข้าวสวยถึงสำคัญและมีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาเป็นอย่างมาก
 
เมื่อได้สติกลับมาก็รีบก้าวเท้าไปคว้าร่างของคนรักที่อยู่ไม่ไกลมาไว้ในอ้อมกอดทันที อัสบัสมองใบหน้าที่เริ่มซีดเซียวอย่างเป็นกังวลไม่เคยรู้สึกเป็นห่วงใครเท่านี้มาก่อน

 "ผะ ผมไม่เป็นอะไร" เสียงที่แผ่วเบาและแหบแห้งพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าดูเป็นห่วงมากเหลือเกิน ข้าวสวยค่อยๆ ยิ้มออกมาอย่างฝืดๆ เพราะความเจ็บปวดแต่ก็ต้องทนเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าเป็นกังวลมากกว่านี้ อัสบัสยิ้มตอบรับด้วยแววตาห่วงใยอย่างเห็นได้ชัดซึ่งเป็นแววตาที่แทบจะไม่เห็นเลยจากใบหน้าของคนเป็นราชา ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มหรือการกระทำต่างๆ ที่อัสบัสมอบให้ข้าวสวยนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้นให้เห็นในอาณาจักรแห่งนี้ เขารู้ดีทุกสิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นเพราะร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอด ยิ่งนึกถึงใบหน้าที่ยิ้มแย้ม กับแก้มป่องๆ ที่ชอบทำใส่เวลาหงุดหงิดหรือถูกขัดใจแต่ตอนนี้กลับซีดเซียวจนน่ากลัวก็อดโมโหผู้ที่กล้าบังอาจทำร้ายดวงใจที่แสนสำคัญนี้ไม่ได้

 "ไพทรีเจ้าบังอาจมาก อย่าได้อยู่เลย" ว่าจบลำแสงสีแดงพุ่งออกจากมือของอัสบัสไปยังไพทรีทันที แสงสีแดงค่อยๆ โอบล้อมร่างของไพทรีไปทั่วก่อนที่ดวงไฟสีแดงนั้นจะลอยขึ้น พร้อมกับร่างของ  ไพทรีที่ดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวดเพราะรู้สึกถึงแรงบีบรัดมหาศาลจากแสงไฟนั้น อัสบัสมองภาพตรงหน้าอย่างเกลียวกลาดและดุดันไม่มีแววตาของความเห็นใจหรือสงสารให้แก่ไพทรีเลยแม้แต่น้อย ทั้งรู้สึกผิดหวังที่ตนอุส่าห์ช่วยเหลือไว้แต่กลับมาหักหลังกันและยิ่งโมโหมากขึ้นเมื่อนึกถึงไพทรีที่บังอาจมาทำร้ายดวงใจของเขา สายตายิ่งดุดันมากเท่าไรแรงบีบรัดจากแสงสีแดงก็แรงมากเท่านั้นจนร่างกายของไพทรีรู้สึกราวกับจะแตกสลาย

ไพทรีรู้ดีว่าตนเองทำผิดต่อผู้มีบุญคุณอย่างอัสบัสแต่ก็ไม่อาจทนกับความเดียวดาย ความเยาะเย้ย และการไม่เป็นที่ยอมรับของใครได้ไพทรีจึงเสี่ยงที่จะลงมือทำเรื่องนี้ถึงจะรู้ดีว่าไม่มีทางชนะผู้เป็นถึงราชาของโลกปีศาจได้แต่ความต้องการนั้นครอบงำทุกอย่างจนมืดบอด ร่างของไพทรียังคงดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาน เสียงร้องขอชีวิตดังออกมาอย่างทรมานยิ่งนักแต่ทุกคำนั้นไม่ได้ผ่านเข้าไปในโสตประสาทของผู้เป็นราชาเลยแม้แต่น้อยเพราะความผิดที่ไม่สามารถอภัยได้ ข้าวสวยมองร่างที่ดิ้นทุรนทุรายภายในดวงไฟสีแดงอย่างสงสารจับใจ แม้ไพทรีจะทำร้ายหรือจ้องจะเอาชีวิตตนแต่ข้าวสวยก็ไม่ได้อยากให้ไพทรีต้องตาย รู้สึกได้ว่าไพทรีไม่ได้ต้องการจะทำร้ายตนเองและอัสบัสอย่างแน่นอนเพียงแต่หลายสิ่งหลายอย่างนั้นบีบบังคับให้ไพทรีต้องทำ ยิ่งรู้ถึงผลที่จะได้รับก็ยากที่จะต่อต้านกับตัณหาภายในจิตใจ ข้าวสวยเองรู้สึกสงสารและเข้าใจถึงความเจ็บปวดของไพทรีดี
 
การที่ไม่มีใครยอมรับ การที่ต้องถูกทอดทิ้งมันน่าเศร้ามากแค่ไหนถึงแม้ตัวข้าวสวยจะไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกนั้นจริงๆ แต่ก็พอรู้ว่ามันทรมานแค่ไหนเพราะตอนที่เสียพ่อกับแม่ไปข้าวสวยเองก็เสียใจมากแต่ของไพทรีนั้นต่างออกไปมันดูทรมานและน่าเสียใจยิ่งกว่า มือเล็กๆ ที่สั่นเคืองเพราะอาการบาดเจ็บค่อยๆ เลื่อนไปจับมือของอัสบัสที่กำลังปล่อยลำแสงอย่างทะลักทุเล  อัสบัสหันมามองข้าวสวยอย่างสงสัยดวงตาที่เคยแข็งกราวเริ่มอ่อนลง

 "ปล่อยเขาไปเถอะ อย่าทำเขาเลย ผมขอร้อง" ข้าวสวยพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา

"ไม่ มันพยายามที่จะเอาชีวิตเจ้าข้าไม่อาจปล่อยมันไปได้" อัสบัสพูดขึ้นพร้อมกับสายตาดุดันอีกครั้งก่อนจะเพิ่มแรงกดรัดจากดวงไฟนั้นให้แรงขึ้นจนไพทรีร้องออกมาอย่างทรมานยิ่งกว่าเดิม ข้าวสวยรู้สึกสงสารไพทรีจับใจ

"อะ อัสบัส ผะ ผมขอร้องละ อย่าฆ่าเขา เขาคงไม่ทำอะไรผมแล้วละเชื่อผมนะ" ข้าวสวยพูดขึ้นไปตรงๆ เพราะรู้สึกว่าไพทรีจะไม่ทำอะไรอีกอย่างแน่นอนซึ่งข้าวสวยเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น

"แต่...."


"ผมขอร้อง ผมไม่อยากให้คุณฆ่าใคร" ข้าวสวยร้องขอแทรกขึ้นมาทันที เพราะพอจะคาดเดาคำพูดของอัสบัสได้

เมื่อเห็นสายตาขอร้องของคนรักก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันที มองใบหน้าซีดเซียวของคนในอ้อมกอดอย่างไม่เข้าใจแต่อก็อดรู้สึกดีไม่ได้เมื่อรู้ว่าคนตัวเล็กนั้นเป็นห่วงเขาเพียงใด และมันก็ทำให้อัสบัสรู้ว่าข้าวสวยเป็นคนดีมากแค่ไหนขนาดคนที่จ้องจะเอาชีวิตตนเองแท้ๆยังจะช่วยเหลืออีกทำให้อัสบัสยิ่งหลงรักข้าวสวยมากขึ้นกว่าเดิม แต่จะให้ทำใจปล่อยคนที่คิดจะทำร้ายคนรักไปมันก็ยากยิ่งนักแต่จะขัดคนรักก็เกรงว่าจะโกรธ จนอัสบัสต้องยอมละมือจากไพทรี

ร่างของไพทรีหล่นลงพื้นทันทีหลังจากแสงสีแดงนั้นหายไป   อัสบัสมองใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของคนในอ้อมกอดอย่างห่วงใยที่ตอนนี้ใบหน้าเริ่มซีดเซียวลงทุกที

"ขอบคุณนะ" ข้าวสวยพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มแห้งๆ อัสบัสพยักหน้ารับก่อนจะยกร่างของข้าวสวยขึ้นมาอุ้มไว้

"ขอผมคุยกับเขาหน่อยได้ไหม" เสียงแหบแห้งร้องขอขึ้นเมื่อเห็นว่าอัสบัสกำลังจะก้าวเดิน อัสบัสมองอย่างสงสัยทันที

"เจ้าจะคุยอะไรก็ค่อยคุย ตอนนี้ไปรักษาตัวเสียก่อน" อัสบัสพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง

"ผมขอคุยแปบเดียว ได้ไหม" คนตัวเล็กร้องขออีกครั้ง อัสบัสมองใบหน้าที่ซีดเซียวอย่างครุ่นคิดก่อนยอมให้ข้าวสวยได้พูดคุยกับไพทรีเพราะทนต่อสายตาร้องขอนั้นไม่ไหว

อัสบัสค่อยๆ ช้อนร่างเล็กขึ้นและเป็นเวลาที่เหล่าทหารกรู่กันเข้ามาปิดลอบบริเวณที่พวกเขาอยู่ ก่อนที่ทหารกลุ่มหนึ่งกำลังจะพุ่งเข้าหาไพทรีก็ถูกอัสบัสห้ามไว้เสียก่อน อัสบัสพาร่างที่เริ่มไร้เรี่ยวแรงของข้าวสวยมายั่งไพทรีที่นั่งอยู่กับพื้นก่อนค่อยๆ วางร่างเล็กลงตรงหน้าผู้ปองร้าย แม้ในใจจะหวั่นกลัวว่าไพทรีจะทำอะไรข้าวสวยขึ้นมาอีกก็ตามแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ค่อยระวังความปลอดภัยให้กับคนรัก ร่างที่สั่นเทาของข้าวสวยค่อยๆ นั่งลงตรงหน้าไพทรีที่ตอนนี้อาบไปด้วยเลือดสีแดงฉาดและดูไร้เรี่ยวแรงไม่ต่างจากเขาเลย มือเล็กค่อยๆ เลื่อนไปจับกุมมือใหญ่สั่นเทา ข้าวสวยไม่ได้กลัวเลยว่าไพทรีจะมาทำร้ายเพราะความรู้สึกบางอย่างบอกว่าไพทรีไม่ได้น่ากลัวหรือเป็นคนอันตรายเลย ไพทรีมองร่างบางตรงหน้าอย่างรู้สึกผิดที่คิดจะทำร้ายเพียงเพื่อประโยชน์ของตัวเองเขารู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือเล็กๆ นั้นซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อนทำให้น้ำตาไหลรินยิ่งสายตาที่ส่งมาให้แก่ไพทรีนั้นมันช่างอบอุ่น รู้สึกถึงความห่วงใยที่ส่งผ่านมาให้ทางสายตาไพทรียิ่งรู้สึกผิดต่อคนตรงหน้ามากยิ่งขึ้นจนไม่อาจทนสบตากับดวงตาที่โหยหามาแสนนานนั้นได้

“ผมรู้ว่าคุณนะไม่ได้อยากทำร้ายผมหรอกใช่ไหม แต่มันคงมีความจำเป็นสินะ คุณคงทรมานกับมันจริงๆ แต่ว่านะคุณรู้ได้ไงว่าถ้าคุณได้หัวใจผมไปแล้วมันจะทำให้คุณดีขึ้น มันไม่มีอะไรยืนยันแน่นอนจริงไหม ผมรู้ว่าคุณเป็นคนดีคนหนึ่งเลยแต่การที่พวกคนเหล่านั้นไม่ยอมรับคุณหรือทอดทิ้งคุณไปเพราะพวกเขาไม่รู้จักตัวตนจริงๆ ของคุณ ผมเชื่อว่าสักวันพวกเขาจะเห็นความดีในตัวของคุณเองไม่ใช่การตัดสินแค่รูปร่างภายนอกหรอกนะ แต่มันคือตรงนี้ต่างหาก” ข้าวสวยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือเล็กที่สั่นเทาเลื่อนไปชี้ทางอกด้านซ้าย คำพูดและการกระทำนั้นเรียกน้ำตาของไพทรีออกมาได้เป็นอย่างดี

“พระองค์” ไพทรีพูดอะไรไม่ถูกรู้สึกทราบซึ่งในความดีของผู้เป็นองค์ราชินีของตนอย่างยิ่งแม้จะทำไม่ดีแต่คนผู้นี้ก็ยังคงดีกับเขา

“อย่าได้น้อยใจหรือโศกเศร้าไปเลยแม้เราจะเลือกเกิดไม่ได้แต่เราก็เลือกที่จะเป็นได้ เราไม่จำเป็นต้องแคร์สายตาหรือความคิดของคนอื่นมากจนเกินไปเพราะมันจะทำให้ตัวเราเองที่เจ็บปวด เราต้องแคร์ตัวเราเองมากที่สุดสิถึงจะถูก และอย่าได้คิดว่าใครทอดทิ้งคุณเลยยังไงก็ยังคงมีคนที่ต้องการคุณอยู่แล้วเพียงแต่คุณยังไม่รู้ก็เท่านั้นและหนึ่งในนั้นก็มีผมคนหนึ่ง อ่อ! ยังมีอัสบัสอีกคนนะ อย่ายอมแพ้สิคุณต้องสู้มันถึงจะผ่านไปได้ผมเชื่อว่าวันหนึ่งคุณจะเป็นที่ยอมรับของใครๆแน่นอน” ข้าวสวยพูดขึ้นมาจากความรู้สึกจริงๆ ของเขาเองเพราะเชื่อว่าไพทรีต้องผ่านมันไปได้แน่นอนเพียงแต่ยังหาหนทางที่จะผ่านไปยังไม่เจอเท่านั้นข้าวสวยอยากเป็นคนหนึ่งที่ช่วยหาหนทางให้กับไพทรี

ไพทรีเมื่อได้ฟังคำพูดที่ปลอบประโลมก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที ไม่เคยมีเลยที่ใครจะเข้าใจความรู้สึกที่ทรมานและค่อยให้กำลังใจไพทรีมาก่อน ข้าวสวยที่พึ่งเจอกันแค่ไม่นานกลับเข้าใจทุกความเจ็บปวดนี้เป็นอย่างดี ไพทรีได้แต่ตระหนักภายในจิตใจว่าต่อให้ตนเองต้องตายก็ขอยอมถวายชีวิตเพื่อคนผู้นี้ ผู้ที่เป็นดั่งแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาพา ตนออกจากความมืดมิดที่แสนจะทรมานมาเนินนาน ทุกการกระทำนั้นถูกถ่ายทอดไปยังสายตาทุกคู่ที่อยู่บริณนั้นทุกคนล้วนแล้วแต่ปลาบปลื้มในความดีของข้าวสวยด้วยกันทั้งนั้น  แต่ยังคงมีสายตาของคนในมุมมืดที่จดจ้องอย่างไม่ละสายตาหากแต่ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายเรื่องตรงหน้าแต่อย่างใดเพราะเพียงแค่จะมาตรวจดูตามข่าวลือเพียงเท่านั้นไม่ได้คาดคิดว่าจะมาเจอเรื่องตรงนี้ซึ่งมันทำให้ข่าวลือที่ว่านั้นชัดเจนยิ่งขึ้นแต่ก็สลดใจไม่น้อยที่ผู้ครองหยาดน้ำแห่งจันทราเป็นผู้ที่ไม่อยากให้เป็นที่สุด เมื่อเห็นว่าทำอะไรไปตอนนี้ไม่ได้ก็ได้แต่จากไปไม่ใช่ว่าไม่อยากทำแต่ไม่อาจที่จะลงมือกับคนตรงหน้าได้ก็เท่านั้น

   ดวงตาที่หลับสนิทอยู่ค่อยๆ ลืมขึ้นก่อนมองไปรอบๆ กายก็พบว่าตนเองนอนอยู่ในห้องนอนที่คุ้นเคยพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นแต่ก็ต่อร้องโอดโอ๊ยออกมาด้วยความเจ็บที่หน้าท้อง  เสียงร้องเรียกให้คนที่ยืนอยู่ตรงระเบียงต้องรีบก้าวเท้าเข้ามาหา

   "ฟื้นแล้วหรือ" ร่างใหญ่ของอัสบัสเข้ามาประครองร่างเล็กให้นั่งขึ้น

    "ผมหิวน้ำ" ข้าวสวยพูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง คนฟังเมื่อได้ยินก็รีบเอาน้ำมาให้ทันที

   "เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บแผลหรือไม่" อัสบัสขึ้นอย่างเป็นห่วง

   "ยังเจ็บอยู่นิดหน่อยครับ แล้วคุณละเป็นยังไงบ้าง" ข้าวสวยตอบกลับไปแต่ก็ไม่ลืมถามถึงอัสบัสเพราะคนตัวใหญ่ตรงหน้าเองก็บาดเจ็บเช่นกัน ข้าวสวยนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะจำอะไรไม่ได้เลยหลังจากพูดกับไพทรี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาอยู่ที่นี้ได้ยังไงและไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไร

    "ข้าไม่เป็นอะไร รู้ไหมข้าเป็นห่วงเจ้ามากแค่ไหน เจ้าสลบไปถึงสองวันเต็มๆ ข้าทรมานมากที่เห็นเจ้าไม่ได้สติเสียที" ตลอดสองวันแทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากมองดูร่างที่หลับใหลรอให้ฟื้นขึ้นมาด้วยจิตใจที่ทรมาน

    "ผมสลบไปนานขนาดนั้นเชียว" ข้าวสวยตกใจไม่คิดว่าจะสลบไปถึงสองวัน

    "ต่อไปเจ้าห้ามทำแบบนี้อีกรู้หรือไม่ หัวใจข้าแทบแตกสลายข้าทนเห็นเจ้าเจ็บปวดไม่ได้หรอก" มือใหญ่ค่อยๆ ลูบไล้ไปตามใบหน้าของข้าวสวยดวงตาสีแดงฉายแววความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด

    "ตอนนี้ผมก็ไม่เป็นอะไรแล้วไง ผมก็ไม่อยากให้คุณบาดเจ็บเหมือนกัน" ในจิตใจสับสนกับความรู้สึกที่มีต่ออัสบัสมากเหลือเกินยิ่งนึกย้อนถึงตอนที่ไปขวางเถาไม้นั้นยิ่งไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แค่เห็นว่าเถาไม้พุ่งมาทางอัสบัส แค่คิดว่าอัสบัสจะต้องบาดเจ็บร่างกายมันก็ขยับไปเองอัตโนมัติมารู้สึกอีกที่ก็ถูกแท่งเข้าที่ท้องเสียแล้ว ไม่อาจบอกตัวเองได้เลยว่ามันเป็นเพราะอะไรแค่รู้สึกเป็นห่วงคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี แค่ไม่อยากให้บาดเจ็บ แค่คิดมันก็ทำให้หัวใจกระวนกระวายไปหมด รู้สึกเจ็บปวดและทรมานในจิตใจ ความรู้สึกเหล่านี้มันคืออะไรกัน ข้าวสวยได้แต่ตั้งคำถามให้กับตัวเอง

   "แต่ข้าก็เป็นห่วงเจ้าอยู่ดี เจ้ากินอะไรหน่อยไหมสลบไปนานถึงสองวันคงจะหิวไม่น้อย" อัสพูดแต่ไม่วายถามออกมาด้วยความห่วงใยเพราะข้าวสวยสลบไปนานอาจจะหิวขึ้นมา คนตัวเล็กพยักหน้าเป็นการตอบรับ เมื่อเห็นอย่างนั้นก็เดินออกไปสั่งเหล่าพวกนางกำนัลที่รอรับใช้อยู่หน้าห้องทันทีก่อนกลับมานั่งบนเตียงข้างข้าวสวยอย่างเดิม

   "คุณแล้วไพทรีละเป็นยังไงบ้าง" ข้าวสวยถามขึ้นทันทีที่อัสบัสนั่งลงข้างๆเพราะนึกได้ว่าไพทรีเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

   "เจ้าจะไปสนใจมันทำไม มันทำร้ายเจ้า" พูดด้วยความหงุดหงิดที่คนตรงหน้ายังไปเป็นห่วงคนที่จ้องจะเอาชีวิตตนเอง

   "คุณยังโมโหเขาอยู่สินะ คุณยังไม่ได้ฆ่าเขาใช่ไหม" ข้าวสวยถามขึ้นด้วยใบหน้าหม่นหม่อง

   "ข้าจะฆ่ามันได้อย่างไร เจ้าห้ามข้าไว้ไม่ใช่หรือ" อัสบัสว่า ซึ่งมันก็จริงอย่างที่พูด แม้อัสบัสอยากจะทำลายไพทรีให้แหลกคามือแต่ก็ทำไม่ได้เพราะผู้เป็นที่รักขอไว้

   "แล้วเขาเป็นยังไงบ้างคุณให้หมอไปรักษาบ้างหรือเปล่า" ข้าวสวยยิงคำถามใส่อัสบัสรัวเพราะนึกเป็นห่วงไพทรีจริงๆ

   "มันไม่เป็นอะไรมากหรอก ข้าให้หมอหลวงไปรักษาแล้วไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าเป็นห่วงตัวเจ้าเองเถอะ" ว่าแล้วก็หันมาตรวจดูอาการของข้าวสวยทันที่ มือหนาค่อยๆ เลื่อนไปแตะหน้าผากเพื่อวัดไข้เพราะตอนที่ข้าวสวยสลบไปมีไข้ขึ้นสูงเพราะบาดแผล

   "ผมไปเยี่ยมไพทรีได้ไหม" ข้าวสวยถามขึ้นทั้งสายตามองการกระทำของอัสบัสอยู่ตลอด

   "ถ้าเจ้าหายดีแล้วข้าจะพาไป" อัสบัสพูดขึ้นทั้งยังเอามือทาบอยู่บนหน้าผากของข้าวสวย ใจจริงอัสบัสก็ไม่ได้อยากให้ข้าวสวยพบกับไพทรีแต่ที่ยอมตอบตกลงไปเพราะรู้ดีว่ายังไงคนตัวเล็กก็จะไม่ยอมยังคงยืนยันที่จะไปหาไพทรีเป็นแน่แท้เลยตอบตกลงไปถึงปฏิเสธไปก็ขวางข้าวสวยไม่ได้อยู่ดี

   "คุณแล้วน้องผมละเป็นยังไงบ้าง รีฟเฟอร์ติดต่อมาบ้างไหม" ข้าวสวยเปลี่ยนมาถามไถ่ถึงน้องชายของตนเพราะไม่ได้ข่าวคราวมาหลายวันแล้ว

    "ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงรีฟเฟอร์ดูแลอย่างดี ข้าเห็นดูมีความสุขดี ลืมเจ้าไปแล้วกระมัง" อัสบัสพูดขึ้นอย่างยิ้มๆ ไม่วายที่จะแกล้งคนรัก    

"บ้าสิคุณ ข้าวเจ้าจะลืมผมได้ไง" ใบหน้าที่ซีดเซียวพูดขึ้นด้วยเสียงที่แหบแห้ง พลางทำแก้มป่องใส่คนพูดทันที อัสบัสมองใบหน้าที่ซีดเซียวทำแก้มป่องเพราะถูกแกล้งอย่างชอบใจแม้ใบหน้าจะซีดเซียวลงเพราะอาการเจ็บปวดแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่ารักนั้นลดลง

“ก็มันจริง ข้าเห็นเรียกหาแต่รีฟเฟอร์ หาได้พูดถึงเจ้าเลย”

“คุณรู้ได้ยังไงละ ผมไม่เชื่อหรอกเจ้านะรักผมจะตาย” ข้าวสวยเถียงตามมาด้วยแก้มป่องๆ ใส่เพราะรู้สึกไม่พอใจที่อัสบัสบอกว่าน้องลืมตนเองไปแล้ว

“ก็ตลอดสองวันนี้ข้าดูอยู่ตลอด ข้าว่าเจ้านอนก่อนเถอะเดี๋ยวอาหารมาแล้วข้าค่อยเรียกเจ้า” พูดจบก็ประครองร่างของข้าวสวยนอนลงทันที คนถูกสั่งให้นอนก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไรแต่ก็ไม่มีแรงพอจะต่อต้านได้แต่มุ่ยหน้าแก้มป่องใส่คนตรงหน้า

“นี้คุณผมขอให้ไพทรีมาค่อยเป็นเพื่อนผมได้ไหม ผมสงสารเขาและอีกอย่างผมก็อยากเป็นเพื่อนกับเขาด้วย” ข้าวสวยที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มถามขึ้น

“ไม่ได้หรอกนะ ข้าไม่ไว้ใจมัน” อัสบัสตอบกลับ

“แต่...”

“เอาไว้ค่อยคุยตอนเจ้าหายดีแล้ว ตอนนี้พักผ่อนเสียก่อน” อัสบัสพูดแทรกขึ้น ข้าวสวยพยักหนารับก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงด้วยความเหนื่อยล่าจากพิษบาดแผลบวกกับสัมผัสอุ่นๆ ที่ได้รับจากมือหนาสักพักหนึ่งก็เข้าสู่ห้วงนิทรา อัสบัสมองใบหน้าซีดเซียวที่ตอนนี้กำลังหลับอยู่อย่างเป็นห่วง เขารู้สึกชอบที่ข้าวสวยเป็นคนดีแบบนี้มันสมกับเป็นองค์ราชินีจริงๆ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้กลัวว่าไอ้ความใจดีของข้าวสวยจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวข้าวสวยเอง




มาแล้วค่ะตอนที่ 6 ข้าวสวยนางช่างเป็นคนดีเหลือเกินเอาใจตั้งโอ๋ไปเลย คนอ่านก็เอาใจตั้งโอ๋ไปเลยค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะตัวเองงงงงง  :mew1: :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2017 19:06:23 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
น่าจะปล่อยให้ยัยปีศาจนั่นตายก็ดี แค้นๆๆๆ

แต่ข้าวสวยปลอดภัยก็ดีแล้ว

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
เอาภาพมาให้จินเวลาอ่านจะได้มีอรรถรสในการอ่านกันนะคะ
ภาพแรกอัสบัสคะ ภาพสองข้าวสวยนะตัวเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-01-2017 09:58:01 โดย ตั้งโอ๋ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ munoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ข้าสวยนี่เป็นคนดีจริง สมเป็นราชินีแล้ววว

รอติดตามตอนต่อไปน้าาา :mew1:

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ตอนที่ 7 มุมใหม่ๆ ที่ได้พบเจอ
 

กรี๊ด  กรี๊ด  กรี๊ด ปัง!

เสียงกรีดร้องดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องน้ำก่อนจะตามด้วยเสียงของประตูที่ถูกกระแทกอย่างแรงจนเปิดออกเผยให้เห็นร่างบางขาวเนียนที่เปลือยท่อนบน

"พี่รีฟ! ตะ ตัว อะไรก็ไม่รู้ข้างกระจกนะ" ว่าขึ้นอย่างหวาดกลัวพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทา หลังจากกระโจนเข้ากอดรีฟเฟอร์ที่พังประตูเข้ามา

"เป็นอะไรจ้าว ร้องเสียเสียงดัง" รีฟเฟอร์พูดก่อนจะค่อยๆ ดันร่างข้าวจ้าวออกจากอก

 "ตะ ตัว ตัว อะ"

"ขอใจที่โสมมของเจ้าแก่ข้า หึหึ ขอใจที่มืดบอดแก่ข้า ขอใจที่โส...อ๊ากกกก” เสียงพูดที่ฟังดูน่าขนลุกดังขึ้นมาก่อนจะกรี๊ดร้องอย่างเจ็บปวดทรมานเมื่อรีฟเฟอร์สาดดวงไฟสีแดงเข้าใส่เจ้าตัวประหลาดที่มีรูปร่างไม่แน่นอนพร้อมดวงตาใหญ่โตเพียงดวงเดียวไม่มีแม้ปาก   หรือจมูกที่ลอยอยู่ข้างกระจกตรงอ่างล้างหน้า

“ไม่มีอะไรแล้วไม่ต้องกลัวนะ” รีฟเฟอร์พูดขึ้นเมื่อจัดการกับตัวประหลาดเรียบร้อยแล้ว แต่ข้าวจ้าวยังคงซุกอยู่กับอกแกร่งอย่างสั่นเทา มือใหญ่จึงค่อยๆ ดันร่างบางออกจากอกอย่างเป็นห่วง ข้าวจ้าวคงจะกลัวมากเพราะอาจจะไม่เคยเจอพวกกิสมาก่อนแต่ก็ไม่แปลกที่จะไม่เคยเห็นเนื่องจากมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้อยู่แล้วถึงจะมีเซ้นส์เห็นวิญญาณก็ไม่สามารถมองเห็นได้เพราะกิสต่างจากพวกวิญญาณ

“ใจเย็นๆ มองหน้าพี่ ไม่มีอะไรแล้วไม่ต้องกลัวนะ เชื่อพี่!” รีพเฟอร์ว่าพรางเอามือจับใบหน้าเล็กให้มองตน

“ไม่มีแล้วจริงๆ ใช่ไหมครับ”

“ครับ ไม่มีแล้วอาบน้ำต่อเถอะนะจะได้กินข้าวเย็นกัน” ก่อนจะลูบผมสีน้ำตาลบรอนทองอย่างเอ็นดู ภายในใจรู้สึกร้อนรุมไปหมดเมื่อนึกได้ว่าร่างบางตรงหน้าไม่ได้ใส่เสื้อ เผยให้เห็นผิวขาวเนียนน่าสัมผัสกับยอดอกสีชมพูน่าหลงใหลชวนให้ลิ้มลองแต่ก็ทำได้เพียงเก็บซ่อนอาการเอาไว้

   “ไม่เอา จ้าวไม่กล้าอาบ” ข้าวจ้าวรีบพูดขึ้นมาทันทีพร้อมกับใบหน้าหวั่นๆ ราวกับน้ำตาจะใหลเพราะกลัวว่าไอ้ตัวประหลาดนั้นมันจะโผล่มาอีกครั้ง แต่สำหรับรีฟเฟอร์แล้วกลับมองว่าใบหน้านั้นกำลังเชื่อเชิญอยู่จนรู้สึกอย่างจะกระชากร่างบางมาจูบเหลือเกินแต่ก็ทำได้แต่คิดและข่มอารมณ์ไว้

   “ไม่ต้องกลัวไม่มีอะไรแล้ว ไปอาบเสีย...หรือจะไม่อาบน้ำ”

   “อาบสิครับ” รีบโต้กลับทันควัน ถึงจะกลัวแต่ก็ขาดการอาบน้ำไม่ได้รู้ดีว่าถ้าตนเองไม่อาบน้ำคงจะนอนไม่หลับเป็นแน่

    “งั้นก็ไปอาบเสียนะคนดี พี่รอที่ห้องนั่งเล่นน” รีฟเฟอร์ว่าพร้อมกับลูบเส้นผมสีน้ำตาลบรอนทองอย่างอ่อนโยนก่อนจะหันหลังออกเดินแต่ต้องหยุดเท้าลงเพราะมีมือเล็กมาจับชายเสื้อยืดที่ใส่นอนไว้ทำให้ต้องหันมามองคนที่กระทำอย่างสงสัย

    “อยู่เป็นเพื่อนผมอาบน้ำก่อนนะ ผมไม่กล้าอยู่คนเดียว”ใบหน้าเล็กก้มมองอยู่แต่พื้นเพราะอายที่ตนเองเป็นคนขี้กลัวและยังอายที่ขอให้อีกคนอยู่เป็นเพื่อน รีฟเฟอร์สายหน้าให้กับความขี้กลัวของอีกคนแต่มันก็ทำให้เขาเองรู้สึกพอใจไม่น้อย

   “งั้นก็รีบไปอาบพี่รออยู่หน้าประตูนี้ ไม่ใส่เสื้ออยู่ตั้งนานไม่หนาวหรือไง” รีฟเฟอร์ว่าแต่ก็ไม่วายแซ่วคนตัวเล็ก ข้าวจ้าวเมื่อได้ยินคำพูดของรีฟเฟอร์ก็รีบมองร่างตนเองทันทีก่อนจะหน้าขึ้นสีด้วยความอายเพราะไม่เคยเปลือยท่อนบนต่อหน้าใครนอกจากพี่ชาย คงเพราะตกใจกลัวจนลืมไปว่าตนเองกำลังถอดเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำแต่ก็ดันมีตัวประหลาดโผล่มาเสียก่อน รีฟเฟอร์ได้แต่ยิ้มชอบใจกับความเขินอายของข้าวจ้าวเพราะไม่ใช่แดงเพียงใบหน้าแต่หูและตัวก็แดงระเรืองอย่างเห็นได้ชัด หากวันนี้ไม่มีตัวประหลาดนี้ปรากฏขึ้นมา องครักษ์หนุ่มก็คงไม่รู้เลยว่าเวลาร่างบางเขินอายจะเป็นได้ถึงขนาดนี้รู้สึกอยากจะขอบคุณพวกกิสนั้นขึ้นมาเพราะมันทำให้ได้เห็นมุมอีกมุมหนึ่งของข้าวจ้าว

 “ไปอาบน้ำได้แล้ว” เรียกสติของคนที่กำลังบิดกางกาด้วยความเขินอาย ข้าวจ้าวทำเพียงพยักหน้าเป็นการตอบรับก่อนจะเข้าห้องน้ำไป

รีฟเฟอร์มองดูการกระทำของข้าวจ้าวอยู่ตลอดก็นึกเอะใจขึ้นมาเพราะคนในห้องน้ำแง้มประตูเอาไว้ถึงเมื่อสักครู่จะกระแทกประตูไปเสียแรงแต่ก็น่าจะยังปิดได้ทำไมข้าวจ้าวถึงไม่ปิดประตูหรือว่ายังกลัว เพื่อคล้ายความสงสัยเลยตัดสินใจถามทันที

"จ้าวไม่ปิดประตูหรือไง"

"เอ่อ เอ่อ ก็ผมกลัวนิครับ พี่รีฟอย่าไปไหนนะ" เสียงคนในห้องน้ำตอบกลับมาเรียกรอยยิ้มได้เป็นอย่างดี คงจะกลัวจริงๆแต่ไม่อายกันแล้วหรือไงเห็นเมื่อสักครู่ตัวยังแดงอย่างโดนลวกอยู่เลยรีฟเฟอร์คิด อีกใจหนึ่งก็นึกอยากจะเห็นสภาพคนตัวเล็กตอนนี้จริงๆ ว่าจะเป็นยังไงจะเขินจนตัวแดงหรือเปล่านะ ขณะคิดอะไรไปเรื่อยเปลือยเสียงน้ำที่กระทบพื้นก็ดังเรียกสติให้กลับมา ข้าวเจ้าคงจะลงมืออาบน้ำแล้ว จิตใจของรีฟเฟอร์รู้สึกรุมร้อนไปหมดเมื่อนึกถึงคนในห้องน้ำ

ทางด้านข้าวจ้าวก็เหมือนกันแม้จะอาบน้ำแต่จิตใจก็จดจออยู่กับคนด้านนอกตอนแรกก็กลัวตัวประหลาดจริงๆ แต่ตอนนี้ความกลัวมันหายไปหมดแล้วมีแต่ความเขินอายเข้ามาแทนเมื่อคิดได้ว่ารีฟเฟอร์ยืนอยู่หน้าห้องน้ำใจหนึ่งก็กลัวรีฟเฟอร์จะเห็นตนเองตอนอาบน้ำเพราะประตูแง้มเอาไว้นิดหน่อย ด้วยเพราะความกลัวจากเมื่อสักครู่ทีผ่านมาซึ่งตอนนี้ข้าวจ้าวคิดว่าตนเองทำผิดพลาดไปเสียแล้วมันไม่มีสมาธิในการอาบน้ำเลยแต่ก็ต้องอดทนจนในที่สุดก็จัดการอาบน้ำเสร็จจนได้

หลังจากจัดการอาบน้ำจนเสร็จข้าวจ้าวกับรีฟเฟอร์ก็พากันไปกินข้าวในห้องครัว ทั้งสองต่างเงียบไม่พูดอะไร รีฟเฟอร์ก็ได้แต่ยิ้มส่งให้ข้าวจ้าวเพราะรู้ดีที่อีกคนเงียบนั้นคงเพราะว่ายังเขินอายอยู่แต่องครักษ์หนุ่มก็ไม่พูดหรือทำอะไรเช่นกันยังอยากเห็นท่าทางเขินอายที่ค่อยเอาแต่หลบหน้า และทำอะไรเปิ่นๆ มันดูน่ารักมาก

ข้าวจ้าวเองก็ไม่ได้รู้เลยว่าท่าทางที่แสดงออกมานั้นเห็นได้จนชัดเจน และเรียกความหื่นกระหายได้ดียิ่งนัก มันเป็นอย่างนั้นจนกินข้าวเสร็จรีฟเฟอร์ก็ขอตัวไปนั่งดูทีวีข้าวจ้าวก็จัดการทำความสะอาดจาน ก็อดคิดไม่ได้ว่าคนตัวโตต้องรู้แน่ว่าตนเองทำตัวแปลกไปเพราะความเขินอายคงต้องกำจัดอาการนี้ และทำตัวให้เป็นปกติ

 "พี่รีฟง่วงนอนยังครับ" ข้าวจ้าวที่เดินออกจากห้องครัวมานั่งที่โซฟาน่าทีวีซึ่งมีรีฟเฟอร์นั่งอยู่ก่อนแล้ว เด็กหนุ่มพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดแม้ในใจจะไม่ปกติก็ตาม

    "ยังเลย จ้าวง่วงแล้วหืรอ" รีฟเฟอร์ละสายตาจากทีวีมาตอบอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกตัว

   "ยังหรอกครับ...เอ่อ พี่รีฟไอ้ตัวประหลาดในห้องน้ำมันคืออะไรอะ ใช่ผีหรือเปล่าครับ" ถามถึงตัวประหลาดที่ตนเองเจอในห้องน้ำอย่างสงสัย รีฟเฟอร์มองข้าวจ้าวอย่างช่างคิดว่าจะบอกดีหรือไม่แต่การให้ข้าวจ้าวรู้เรื่องพวกนี้มันอาจเป็นการดีสำหรับตัวข้าวจ้าวเองเพราะเห็นมันแล้ว

 "พวกนั้นเขาเรียกกันว่ากิสไม่ใช้ผีหรอกแต่ก็คล้ายๆ กัน แต่พวกมันเป็นพวกไม่ดีชอบแขวงในจิตใจมนุษย์เพื่อคอยกัดกินความคิดที่ไม่ดีของมนุษย์ที่เกิดขึ้นในจิตใจนะ ถ้าหากมนุษย์ไม่มีจิตใจชั่วร้ายพวกกิสก็จะคอยชักจูงจิตใจให้ทำเรื่องไม่ดีเพื่อมันจะได้กินจิตใจไม่ดีเหล่านั้น บ้างทีที่มนุษย์ทำเรื่องไม่ดีนั้นไม่ได้มาจากจิตใจที่แท้จริงของพวกเขาหรอกอาจจะเป็นพวกกิสที่ทำนะ" ข้าวจ้าวใจสลดนิดหน่อยกับเรื่องที่ได้ยินเพราะมันเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ

    "จริงเหรอครับ ในโลกมีพวกแบบนี้ด้วยผมนึกว่าจะมีแต่ในการ์ตูนเสียอีก เอ่อ แล้วพวกมันมาที่นี้ได้ไงละครับ" ข้าวจ้าวรู้สึกตะลึงกับเรื่องที่ได้ยิน มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อ และก็น่ากลัวมาก แต่ก็ยังสงสัยว่าไอ้พวกกิสมันมาอยู่ที่นี้ได้ไง

    "พวกมันก็อยู่ไปทั่ว เพียงแต่ไม่มีใครเห็นมันได้ก็เท่านั้นเอง" รีฟเฟอร์พูดพร้อมกับยิ้มให้กับอาการตกใจของข้าวจ้าวที่ดูน่ารักเป็นพิเศษ บวกกับใบหน้างงงันนั้นยิ่งน่ารักมากขึ้นอีกในสายตาร่างสูง

    "อ้าวแล้วทำไมจ้าวถึงเห็นละครับ" รีฟเฟอร์บอกไม่มีใครสามารถเห็นได้แต่ทำไมข้าวจ้าวถึงเห็นเลยสงสัยขึ้นมา

    "คงเพราะจ้าวอยู่ใกล้ๆ พี่ที่เป็นปีศาจกระมังพลังของพี่เลยส่งผลต่อจ้าว" รีฟเฟอร์พูดขึ้น ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วรีฟเฟอร์ก็ไม่รู้เหตุผลที่ข้าวจ้าวเห็นพวกกิสเหมือนกันแต่พูดไปเพราะไม่อยากให้อีกคนสงสัยไปมากกว่านี้

    "เอ่อ คือจ้าวสงสัยว่าพี่รีฟอยู่ส่วนไหนของโลกกันครับ โลกปีศาจของพี่นะ ไอ้ตัวประหลาดที่ชื่อกิสก็เหมือนกันอยู่ที่ไหนแล้วมาที่นี้ได้ไงอะครับ" ข้าวจ้าวถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวแต่ด้วยความที่อยากรู้ก็ต้องเสี่ยงถาม

    "คือมันก็อธิบายยากนะจ้าว มันซับซ้อนนะเรื่องพวกนี้พวกมนุษย์คงไม่รู้สินะ ยังไงดีละคือโลกของพี่ก็อยู่ที่เดียวกับโลกของจ้าวนี้แหละรวมถึงพวกกิสด้วย" รีฟเฟอร์พูด แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่เข้าใจ   

"อ้าว! จ้าวงงนะเนี้ยอยู่ที่เดียวกันแล้วทำไมไม่เคยได้ยินละอยู่ส่วนไหนของโลกเหรอพี่รีฟ" ยิ่งฟังก็ยิ่งสงสัยมากกว่าเก่า และงงกับเรื่องที่รีฟเฟอร์บอกว่าโลกของรีฟเฟอร์อยู่ที่เดียวกันแต่ทำไมไม่เคยรู้มาก่อนเลย

    "ที่จ้าวไม่รู้เพราะโลกของพวกเราอยู่กันคนละห้วงมิติ บางทีตอนที่พี่อยู่ที่โลกปีศาจเราสองคนอาจจะเดินชนหรือเดินสวนทางกันก็ได้แต่เราไม่สามารถรับรู้ได้เพราะเราอยู่คนละห้วงมิติกัน" รีฟเฟอร์อธิบายข้าวจ้าวก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆ เพราะไม่เข้าใจ

    "จ้าวงงนะพี่แล้วห้วงมิตินี้มันคืออะไรละครับ" ไม่เข้าใจเรื่องที่รีฟเฟอร์พูดแต่ฟังๆ ดูเหมือนกับการ์ตูนหรือนิยายเลยเพราะมันดูน่าเหลือเชื่อ และเข้าใจยาก

    “ยังไงดีละ มันคงเหมือนคนละเวลากัน พี่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันนะ”

    “ออๆ แล้วพี่มาโลกมนุษย์ได้ไงครับ มันอยู่คนละเวลาแบบนั้นนะ หรือพี่จะนั่งไทม์แมชชีนมาเหมือนโดเรมอน” ข้าวจ้าวถามอย่างสงสัยพลางจ้องรอคำตอบแต่ได้การหัวเราะตอบกลับมาข้าวจ้าวได้แต่ทำหน้างงว่าคนตัวโตหัวเราะเรื่องอะไร ทางรีฟเฟอร์ก็หัวเราะไม่หยุดยิ่งเห็นใบหน้าที่งุนงงของข้าวจ้าวก็ยิ่งหัวเราะหนักขึ้น ยิ่งนึกถึงคำถามที่คนตัวเล็กถามก็อดหัวเราะไม่ได้อีก ข้าวจ้าวคงดูการ์ตูนมากไปหรือเปล่าถึงถามออกมาตั้งใจถามจริงๆ หรือแค่แกล้งเล่นกัน

    “นี่จ้าวถามพี่จริงๆหรือแกล้งพี่กัน” รีฟเฟอร์ถามขึ้นพลางหัวเราะไปด้วยข้าวจ้าวก็ยังงงว่าตนเองถามอะไรเล่นๆ ทั้งที่ถามเพราะอยากรู้จริงๆ ได้แต่ครุ่นคิด และเหมือนว่าจะนึกได้ถึงประโยคสุดท้าย    “จ้าวถามจริงๆ นะไม่ได้แกล้งเล่นก็เห็นพี่บอกว่าอยู่คนละเวลาก็นึกว่าจะมากับไทม์แมชชีนเหมือนโดเรมอนเพราะโดเรมอนใช้มันนั่งไปในเวลาต่างๆ ได้นี่ครับ” พูดขึ้นเสียงดังก่อนจะเสียงอ่อนลงจนเกือบจะไม่ได้ยินเพราะอายที่ความคิดเหมือนเด็ก

                รีฟเฟอร์ลุกไปนั่งลงข้างๆ ข้าวจ้าวก่อนจะขยี่หัวไม่แรงมากนักด้วยความที่ทนกับความน่ารักไม่ไหว

   “พี่ไม่ได้นั่งไทม์แมชชีนมาเหมือนโดเรมอนหรอกนะ หึหึ ทุกมิติจะมีประตูเชื่อมต่อไปอีกมิติหนึ่งแต่ก็ใช่ว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ เพราะทุกประตูที่เชื่อมไปมิติต่างๆ จะมีผู้ดูแล และคอยตรวจสอบอยู่เสมอ แต่ก็มีพวกที่แอบแฝงไปมิติอื่นเหมือนพวกกิสไงมันจะเกาะไปตามผู้ที่เดินทางข้ามมิติไปยังมิติต่างๆ หรือแอบผ่านประตูไปโดยผู้คุมไม่รู้เพราะรูปร่างที่ไม่แน่นอนของมันนั้นแหละมันถึงแอบผ่านไปได้”

   "อืมๆ แบบนี้เอง เรื่องมันเข้าใจยากจังเลยนะครับแต่จ้าวว่าจ้าวเข้าใจอยู่นะแบบนี้พี่สวยก็อาจจะกำลังเดินสวนกันหรืออยู่ใกล้กันนะสิครับเพียงแต่รับรู้หรือเห็นไม่ได้ใช่ไหม" ใบหน้าหวานหม่อนลงเมื่อนึกถึงพี่ชายขึ้นมาอดคิดถึงไม่ได้หลายวันมากแล้วที่ไม่ได้เจอกันทั้งที่เมื่อก่อนเจอกันทุกวันมันก็เลยอดเศร้าใจไม่ได้ยิ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันก็ยิ่งทรมานถ้าไม่มีรีฟเฟอร์อยู่เคียงข้างข้าวจ้าวเองก็คงจะอยู่ไม่ได้เป็นแน่

    "คิดถึงองค์...เอ่อข้าวสวยใช่ไหม อยากคุยกับข้าวสวยไหม" รีฟเฟอร์ถามขึ้น

    "ได้เหรอครับคุยได้จริงๆ เหรอพี่รีฟ คุยๆ จ้าวอยากคุยกับพี่สวย" ข้าวจ้าวพูดขึ้นอยากดีใจ ลืมอาการหง่อยที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ไปจนเสียสนิท

    "ได้สิ เมื่อกี้ตอนจ้าวล้างจานพี่ขอองค์ราชาไว้นะ อีกอย่าง  ข้าวสวยก็อยากคุยกับเจ้านะองค์ราชาเลยอนุญาต" ตรงหน้ายิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที  รีฟเฟอร์รู้ดีว่าข้าวจ้าวคิดถึงข้าวสวยอยู่ตลอดแต่จะไม่ค่อยแสดงออกมาก็เท่านั้น ข้าวจ้าวมักพยายามทำตัวให้เข้มแข็งเสมอเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น รีฟเฟอร์ก็อยากให้ข้าวจ้าวแสดงความอ่อนแอมาให้เขาเห็นบ้างอยากเป็นคนที่ค่อยช่วยเหลือ ปกป้อง ดูแล และเข้าใจข้าวจ้าวในทุกเรื่องแต่ตนตัวเล็กยังคงไม่เปิดใจยอมรับอย่างเต็มที่ ถึงแม้ภายนอกดูเหมือนไว้ใจทุกเรื่องแต่ข้าวจ้าวก็ไม่เคยพูดถึงความทุกข์ออกมาเลยสักครั้ง รีฟเฟอร์ก็ได้แต่เพียงหวังว่าสักวันคนตัวเล็กจะยอมเปิดใจพูดทุกอย่าง ตอนนี้ได้แต่คอยดูแล และคอยเป็นห่วงได้เท่านั้น รีฟเฟอร์ดึงตัวเองออกจากความคิดก่อนจะหันมาร่ายมนต์อะไรบางอย่างสักครู่หนึ่งก็ปรากฏจอภาพใสเหมือนกระจกขึ้นมาบนอากาศตรงหน้าโซฟาที่ทั้งสองนั่งอยู่  ข้าวจ้าวมองการกระทำของ รีฟเฟอร์อย่างตื่นเต้นพร้อมกับความดีใจที่จะได้คุยกับผู้เป็นพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน จอภาพค่อยๆ ฉายให้เห็นใบหน้าของผู้เป็นพี่ชายที่นั่งอยู่บนเตียงใหญ่ ข้างๆ มีชายผมสีแดงเพลิงกับดวงตาที่เป็นสีเดียวกันมองดูน่ากลัวมากในสายตาของข้าวจ้าวแต่ไม่มีเวลาไปสนใจกับคนอื่นนอกจากพี่ชายตน

    "พี่สวย คิดถึงงงงงง" พูดขึ้นเสียงดังด้วยใบหน้าที่ดีใจแบบสุดๆ

   
      "พี่ก็คิดถึง เป็นยังไงบ้างสบายดีไหม ทำความเดือดร้อนให้รีฟเฟอร์หรือเปล่า" ข้าวสวยในจอภาพตอบกลับอย่างอ่อนโยน

   "จ้าวเป็นเด็กดีไม่ได้ทำให้พี่รีฟเดือดร้อนเลยนะ ใช่ไหมพี่รีฟ" ข้าวจ้าวตอบกลับอย่างอารมณ์ดีแต่ไม่วายดึงคนข้างๆ ให้มาช่วยพูด

   "เป็นเด็กดีก็ดีแล้ว แล้วทำอะไรอยู่ทำไมยังไม่นอนอีก"   "ยังไม่ดึกเลยพี่สวย เดี๋ยวค่อยนอน ว่าแต่พี่เถอะไม่คิดจะแนะนำคนข้างๆ ให้รู้จักบ้างหรือครับ" ข้าวจ้าวว่าพรางยิ้มกรุ่มกริ่มล้อเลียนพี่ชายตนเอง

   "ลืมเลยดีใจไปหน่อย คุณนี้ข้าวจ้าวน้องชายผม จ้าวนี้ราชาปีศาจอัสดิบัสแอนด์หรือเรียกสั้นๆ ว่าอัสบัส” ข้าวสวยแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันถึงจะรู้ว่าอัสบัสรู้แล้วก็ตามแต่มันคือมารยาท

    "ออคนนี้สินะที่เป็นสามีพี่นะ โอเคผมให้ผ่านหล่อมากเลยพี่สวย" ถึงแม้ตอนแรกจะเห็นว่าอัสบัสดูน่ากลัวแต่พอมองดีๆ แล้วอัสบัสดูเป็นคนอ่อนโยนมากเพราะสายตาที่มองพี่ชายอยู่มันบ่งบอกอย่างชัดเจนเห็นแบบนี้แล้วข้าวจ้าวก็อดโล่งใจไม่ได้เพราะไม่ต้องกังวลว่าพี่ชายตนเองจะลำบากหรือเป็นอะไร

    "มะ..."

    "ใช่ข้านี่แหละสามีพี่เจ้า ถึงเจ้าจะไม่ให้ข้าผ่านก็ห้ามข้าไม่ได้หรอกนะเพราะพี่เจ้าเป็นของข้าแล้ว" อัสบัสพูดแทรกข้าวสวยขึ้นอย่างจริงจัง ทำเอาข้าวจ้าวตกใจ

    "พี่สวยได้กับพี่เขยแล้วเหรอ หึหึ นึกว่าจะเล่นตัวเยอะกว่านี้สะอีกผิดคาดนะเนี้ย อุส่าห์รักษาพรมจันทร์มาตั้งนาน หึหึ พี่นี่สุดยอดอ่ะ พรากพรมจันทร์พี่สวยได้ด้วย" ว่าเย้ยพี่ชายตนเอง เพราะรู้ดีว่าข้าวสวยเป็นคนห่วงตัวมากมีคนมาจีบเยอะแยะทั้งหญิงทั้งชายพี่แกก็ไม่เคยสน เห็นหน้าสวยดูเรียบร้อยแต่ก็แสบไม่เบา แต่ภายในกลับเปราะบางมากแถมยังเป็นคนชอบสงสารคนอื่น มีหลายครั้งที่ทำให้ข้าวจ้าวต้องเป็นห่วงเพราะความขี้สงสารของพี่ชายตนเอง แต่ผู้เป็นพี่ชายก็ไม่เคยหลาบจำสักครั้ง

    "บ้าพูดอะไรเป็นเด็กเป็นเล็กเริ่มจะแก่แดดขึ้นทุกวันนะ รีฟเฟอร์คอยคุมจ้าวมันบ้างละอย่าตามใจมาก ฉันรู้นะไม่ใช่ไม่รู้ดูอยู่ตลอด" ข้าวสวยว่าแต่ไม่วายไปสั่งรีฟเฟอร์ที่ยืนเงียบอยู่ก่อนจะดุนิดหน่อยเพราะข้าวสวยรู้อยู่ว่ารีฟเฟอร์ตามใจน้องชายตนเองตลอดจากภาพที่อัสบัสคอยฉายให้ดู

    "พ่ะย่ะคะองค์ราชินี " รีฟเฟอร์ตอบรับผู้เป็นราชินี คำพูดที่ฟังดูไม่อะไรมากแต่มันแฝงไปด้วยอำนาจมากมาย ทางอัสบัสเองก็ได้แต่ยิ้มให้กับการกระทำของผู้เป็นภรรยานับวันยิ่งสมกับตำแหน่งราชินีมากขึ้นจนน่าภูมิใจแต่ก็อดที่หวั่นไม่ได้เพราะเมียเริ่มดุขึ้นทุกวันต่อไปอัสบัสคงไม่กล้าที่จะทำอะไรเพราะเกรงใจเมียขนาดตอนนี้ก็ยอมทำทุกอย่างที่ขอมีเรื่องเดียวที่ยอมไม่ได้ก็บนเตียงไม่มีทางห้ามได้แน่นนอนอัสบัสคิด ทั้งสองพี่น้องก็คุยกันเยอะแยะมากมายจนเวลาล่วงเลยไปมากข้าวสวยเองก็เห็นอาการของข้าวจ้าวว่าง่วงนอนตั้งนานแล้วก็ใช่ให้ไปนอนแต่เจ้าน้องชายก็ดื้นตลอดแต่ครั้งนี้คงต้องบังคับจริงๆ   "จ้าวไปนอนได้แล้ว ไม่ต้องเถียงขอหลายครั้งแล้วนะ" ข้าวสวยพูดขึ้นทางข้าวจ้าวก็จะขัดขึ้นมาแต่ข้าวสวยพูดดักไว้ก่อน สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนถึงจะอยากคุยกับพี่ชายตนเองต่อก็ตาม

    "จ้าวคิดถึงพี่นะ รักพี่สวยมากๆ เลย จะได้คุยกันอีกใหม่อ่ะพี่สวย" เสียงออดอ้อนขอพรางรอคำตอบจากพี่ชายในจอใหญ่ที่หันไปคุยกับอัสบัสก่อนจะหันมาตอบกลับข้าวจ้าว

   "ได้คุยอีกสิ เมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้นแหละแต่บ่อยไม่ได้หรอกนะ" ข้าวสวยตอบกลับไป

   "ทำไมละพี่สวย" ข้าวจ้าวถามขึ้นอย่างสงสัย

    "พี่ไม่ได้ว่างมากนักนะ แล้วอีกอย่างจะคุยอะไรมากมาย      รีฟเฟอร์อยู่ด้วยก็คุยไปสิ" ความจริงข้าวสวยเองก็ไม่ได้ยุ่งอะไรแต่ไม่อยากรบกวนอัสบัส และอีกอย่างอยากให้ข้าวจ้าวชินกับการที่ไม่มีเขาอยู่ใกล้ๆ

    "พี่สวยอ่ะได้สามีแล้วลืมน้อง เชอะ จ้าวอยู่กับพี่รีฟก็ได้ไม่สนพี่สวยแล้ว" ข้าวจ้าวว่าอย่างงอนๆ แต่ก็ไม่ได้จริงจังมากนักทางข้าวสวยก็ได้แต่ส่ายหน้าหน่ายๆ ให้กับน้องชายตนเอง ก่อนจะจากลากันไป

    "ยืนมองอยู่นั้นเขาไปแล้ว" รีฟเฟอร์พูดขึ้นเพราะเห็นข้าวจ้าวยังยืนมองกลางอากาศอยู่ทั้งที่จอภาพหายไปนานแล้ว
    "พี่รีฟก็"

    "ไปนอนดีกว่าดึกแล้วนะจ้าว" รีฟเฟอร์สั่งให้ไปนอนเพราะเวลานี้มันก็ดึกมากแล้ว

    "จ้าวขอกินไอศครีมก่อนได้ไหมพี่รีฟ" ขอขึ่นเพราะนึกได้ว่ายังไม่ได้กินของโปรดที่ต้องกินทุกวันหลังอาหารเย็นซึ่งวันนี้ยังไม่ได้กินเลย

    "มันดึกแล้วนะจ้าว ค่อยกินพรุ่งนี้" รีฟเฟอร์พูดเสียงติดดุเพราะมันดึกมากแล้วคนตัวเล็กยังจะกินไอศครีมอยู่อีก

    "แต่เจ้าอยากกิน นะ นะ ถ้าจ้าวไม่ได้กินนอนไม่หลับแน่เลย" พยายามอ้อนขอคนตัวโตทุกทาง มือสองข้างยื่นมากุมมือข้างหนึ่งของรีฟเฟอร์ไว้ใบหน้าก็ซบลงกับไหล่กว้างพรางถูไปมาอย่างอ้อนๆ รีฟเฟอร์เห็นการกระทำนั้นแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้เพราะมันน่ารักเหลือเกินราวกับเด็กน้อยอ้อนของขนม

    "ก็ได้ๆๆ"

   "เย้ ขอบคุณครับ" ข้าวจ้าวร้องอย่างดีใจก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องครัวไปเปิดตู้เย็นเอาไอศครีมที่ซื้อติดตู้เย็นไว้ตลอดไม่เคยขาดมานั่งกินที่โซฟาหน้าทีวี

    รีฟเฟอร์นั่งมองภาพตรงหน้าอย่างพอใจเพราะใบหน้าของข้าวจ้าวดูมีความสุขมากเวลาได้กินไอศครีมรสวนิลา ใบหน้ายิ้มแย้มราวกับว่าไม่มีเรื่องทุกร้อนใดๆ ทุกสิ่งมีเพียงความสุขที่ได้รับมันช่างเป็นใบหน้าที่น่าหลงใหลเหลือเกินไม่อยากให้ใบหน้านั่นมัวหม่องลงไปแม้แต่น้อยรีฟเฟอร์คิด เวลาผ่านไปได้สักครู่หนึ่งข้าวจ้าวก็จัดการกับ  ไอศรีมเรียบร้อยทั้งสองก็ต่างแยกย้ายกันไปนอนรีฟเฟอร์ไปส่งข้าวจ้าวที่ห้องก่อนจะเดินกลับมาห้องของตนเองที่อยู่ไม่ไกลกัน

    ข้าวจ้าวนอนกลิ้งอยู่บนเตียงเรียบร้อยไฟในห้องก็ไม่ได้ปิดเนื่องจากนึกกลัวไอ้ตัวประหลาดที่ชื่อว่ากิส แต่พอจะข่มตาหลับภาพตัวประหลาดนั้นก็ฉายขึ้นมาจนไม่กล้าหลับพร่อยให้นอนไม่หลับร่างบางก็ได้แต่ผลิกไปมาจนทนไม่ไหวลุกขึ้นนั่งก่อนจะคว้าหมอนกับผ้าห่มของตนเองลงจากเตียงแล้วออกจากห้องไปมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องของรีฟเฟอร์แต่ก็ไม่ได้เคาะประตูแต่อย่างใดเพราะกลัวว่าจะรบกวนคนในห้องที่อาจจะหลับไปแล้ว แต่ถ้าหากไม่เรียกข้าวจ้าวเองก็คงจะไม่ได้นอน ยืนอยู่หน้าประตูคนเดียวก็กลัวมากพอแล้วถ้ายืนนานไปมากกว่านี้คงจะไม่ไหวเลยตัดสินใจเคาะประตูไปสองสามครั้ง ประตูยังคงเงียบไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออกมาเลยกะจะเรียกอีกรอบหนึ่งแต่ก่อนที่มือเล็กจะเคาะลงบนประตูนั้นก็เปิดออกมาเสียก่อน เผยให้เห็นร่างของรีฟเฟอร์ที่กำลังหน้านิ่วคิวขมวดเพราะความสงสัย

   "พี่รีฟจ้าวนอนด้วยสิจ้าวนอนไม่หลับ กลัวไอ้ตัวประหลาดนั้นด้วย” ข้าวจ้าวพูดขึ้นพร้อมกับร้อยยิ้มแยะๆ เพราะเกรงใจ

   "ก็ได้เข้ามาสิ" ตอบรับก่อนจะเลื่อนตัวหลบให้ข้าวจ้าวเดินเข้ามาในห้อง มองร่างบางที่หอบหิ้วหมอนกับผ้าห่มเดินเข้ามาในห้องอย่างยิ้มๆ นึกดีใจที่ข้าวจ้าวมาขอนอนด้วย จึงตอบรับทันทีเพราะมันคือโอกาสที่เขาเองจะได้นอนกับคนตัวเล็กซึ่งมันไม่ใช่จะมาง่ายๆเพราะฉะนั้นมาแล้วต้องรีบคว้าไว้รีฟเฟอร์จัดการปิดไฟในห้องให้เรียบร้อยก่อนจะขึ้นไปนอนบนเตียงที่มีข้าวจ้าวนอนทำตาปริบๆ อยู่

    "นอนได้แล้ว ฝันดีนะครับ" รีฟเฟอร์ที่นอนลงหันมาบอก   "ครับ" ข้าวจ้าวตอบกลับมาทั้งรอยยิ้มก่อนจะเลื่อนมือมา   โอบกอด และเอาหน้าซุกบนอกแกร่ง รีฟเฟอร์ชะงักไปแวบหนึ่งเพราะตกใจไม่คิดว่าข้าวจ้าวจะทำแบบนี้แต่ก็ไม่ได้ดันตัวอีกคนออกชอบเสียมากกว่าที่ข้าวเจ้าทำแบบนี้เลยปล่อยอีกคนให้ทำคามใจ รีฟเฟอร์กอดตอบกลับไปข้าวจ้าวก็ไม่ได้ขัดขึนอะไรมันเป็นการดีมากจริงๆ นึกขอบคุณพวกกิสขึ้นมาอีกครั้งที่ทำให้เขาได้มีโอกาสเช่นนี้

   "อุ่นจังเลยครับพี่รีฟ ฝันดีนะครับ" ข้าวจ้าวที่ยังเอาใบหน้าซุกอกอยู่ว่าขึ้น รีฟเฟอร์ได้แต่ยิ้มร่าออกมาอย่างสุขใจ พรางกระชับกอดให้แน่นขึ้นสักครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงลมหายใจของคนในอ้อมกอดสม่ำเสมอซึ่งแสดงว่าคงหลับไปแล้ว รีฟเฟอร์ค่อยๆ เลื่อนใบหน้าไปจูบลงบนเรือนผมสีน้ำตาลบรอนทองที่อย่างอ่อนโยนก่อนที่ตนเองจะจัดการท่านอนให้นอนสบายขึ้นและค่อยๆ หลับลงสู่ห้วงนิทราตามอีกคนไป




มาแล้วค่ะตอนที่ 7 คู่นี้เขาน่ารักกกกกกก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2017 19:12:38 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
งาานี้รีฟเฟอร์เป็นอมตะแน่ๆ มีเมียเด็ก 5555

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
แถวนี้มีแต่ตาลุงหื่นๆเนอะ
พรหมจรรย์เขียนแบบนี้นะคะ

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
แถวนี้มีแต่ตาลุงหื่นๆเนอะ
พรหมจรรย์เขียนแบบนี้นะคะ

แก้ให้แล้วนะคะ  :-[

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
สวัสดีค่ะ  มาพบกับตอนที่ 8 กันคะ อย่ารอช้ไปอ่านกันเลยค่ะ  :mew1:

ตอนที่ 8  มันคือรางวัล

"หม่อมฉันขอบพระทัยพระองค์มากเพคะที่ทรงเมตตาคนอย่างหม่อมฉัน ขอสัญญาว่าต่อจากนี้ไปจะจงรักภักดีแต่พระองค์จนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่" ร่างของไพทรีที่กำลังคุกเข่าพูดขึ้นอย่างร่ำไห้ดีใจและซาบซึ้งผู้เป็นราชินีของตน

"พอเถอะเลิกร้องไห้ได้แล้วไพทรี ที่ผมให้โอกาสคุณเพราะผมเชื่อว่าคุณก็เป็นคนดีคนหนึ่งถึงจะทำผิดไปบ้างก็ตามซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติ ทุกคนยอมมีสิ่งที่ทำผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น" ข้าวสวยพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน เชื่อว่าทุกคนสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองได้แค่เพียงเราให้โอกาส

"ขอบพระทัยพระองค์เพคะ ขอบพระทัยจริงๆ" ได้แต่พูดขอบคุณเพียงเท่านั้นเพราะไม่รู้จะสรรหาคำใดหรือสิ่งใดให้กับผู้ที่มีพระคุณต่อตนเองล้นเหลือได้แต่เพียงคิดว่าทั้งชีวิตขอมอบให้แก่ท่านผู้นี้แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเองก็ตาม

"พอได้แล้วผมว่าคุณไปพักผ่อนเถอะยังไม่หายดีเลยไม่ใช่หรือไงนี้ก็ผ่านมาหลายวันแล้วเดี๋ยวก็คงหายดี ไปพักผ่อนเถอะครับ" ข้าวสวยออกคำสั่งเพราะอาการบาดเจ็บที่เกิดเมื่อสี่ห้าก่อนวันนั้นยังไม่หายดีแต่ต่างจากข้าวสวยที่หายตั้งแต่สามวันแรกซึ่งข้าวสวยเองก็แปลกใจเหมือนกันที่บาดแผลของตนเองหายเร็วขนาดนั้น

ทางไพทรีเมื่อถูกสั่งก็บอกลาผู้เป็นองค์ราชินีกับองค์ราชาก่อนจะออกไปจากท้องพระโรงโดยมีเหล่านางกำนัลค่อยพยุงออกไปและคนอื่นๆ ก็ต่างทยอยออกไปจนหมด

"เจ้าแน่ใจแล้วหรือที่จะให้มันมาเป็นคนสนิท" อัสบัสที่นั่งอยู่บนแท่นพระที่นั่งพูดขึ้นทันทีหลังจากทุกคนออกไป เพราะเป็นกังวลมากที่ข้าวสวยให้ไพทรีมาเป็นคนรับใช้คนสนิท

"ครับ ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยผมได้มีเพื่อนด้วยอยู่ที่นี้ตั้งหลายวันแล้วยังไม่สนิทกับใครเลย" ข้าวสวยตอบกลับตามความรู้สึกจริงๆเพราะตั้งแต่มาที่นี้ก็คุยอยู่แต่กับอัสบัสคนอื่นแทบจะไม่ได้พูดคุยด้วยเลย

"เจ้าก็มีข้าเป็นเพื่อนเป็นสามีเจ้าอยู่แล้วอย่างไร เจ้าต้องการคนอื่นอีกทำไมกัน และอีกอย่างไพทรีมันเคยทำร้ายเจ้ามาก่อน"

"คุณกับคนอื่นไม่เหมือนกันสักหน่อย และอีกอย่างผมอยากมีเพื่อนคุยเยอะๆ อยู่นี้มันเบื่อไม่ได้ทำอะไรเลยอยู่เฉยๆ มีคนทำให้ตลอดผมไม่ชิน" ข้าวสวยพูดขึ้นก่อนจะพูดเบาลงเรื่อยๆ

"เจ้าเป็นราชินีจะไปเที่ยวคุยเล่นกับพวกบ่าวไพร่ได้อย่างไร"

"ทำไมจะไม่ได้ละเป็นราชินียิ่งต้องเข้าหาคนในความดูแลบ่อยๆ เราจะได้รู้ถึงความเป็นอยู่ของพวกเขาถึงพวกเขาจะเป็นบ่าวไพรแต่ก็มีพระคุณกับผมนะค่อยช่วยผมตลอด ไม่รู้แหละคุณห้ามขัดผมเด็ดขาดผมเชื่อฟังคุณเรื่องไม่ให้ผมไปเที่ยวเล่นในสวนผมก็ไม่ไปแล้ว เรื่องนี้ห้ามขัดผมเด็ดขาด" คงเป็นครั้งแรกที่ข้าวสวยพูดยึดยาวโดยไม่นึกเกลงกลัวอัสบัสแม้แต่น้อยเพราะรู้ดีว่าอัสบัสไม่ทำอะไรแน่นอนมันเลยทำให้ข้าวสวยเริ่มเอาแต่ใจมากยิ่งขึ้นแต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร

"แต่..."

"ห้ามเถียง คุณพูดได้แค่คำพูดเดียวคืออนุญาต ถ้าพูดคำอื่นคืนนี้คุณไปนอนที่อื่นเลยไม่ต้องมานอนกับผมนะไอ้เขาควาย" ข้าวสวยพูดแทรกขึ้นมาไม่วายบังคับให้อัสบัสตอบตกลง ทางอัสบัสกลัวไม่ได้นอนกับเมียก็ทำได้เพียงตอบตกลงไปโดยอย่างว่าง่าย แต่ในใจนึกหาทางเอาคืนผู้เป็นภรรยาของตน

"ก็ได้ที่ข้ายอมใช่ว่ากลัวเจ้าแต่อย่างใดหากเพราะเจ้าเป็นเมียข้าๆ ถึงยอมให้เจ้าหรอกนะ"

"ขอบคุณมากครับ" ข้าวสวยพูดพลางยิ้มหน้าบาน

"รางวัลของข้าละ" อัสบัสพูดขึ้นก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ทางข้าวสวยก็ทำหน้างงทันทีว่ารางวัลอะไรกัน

"รางวัลอะไรของคุณ"

"ก็รางวัลที่ข้าใจดีให้เจ้าไปคุยกับคนอื่นได้อย่างไรละ" ว่าพลางลุกจากแท่นพระที่นั่งเดินมายังข้าวสวยที่ยืนอยู่กลางท้องพระโรง

"เอ่อ....เอ่อ..."

"ว่าไงรางวัลของข้าละ"
"เอ่อ...คะ คุณต้องการอะไรละถ้าผมให้ได้ก็จะให้" ข้าวสวยพูดขึ้นอย่างขัดเขินเพราะสายตาจากดวงตาสีแดงเพลิงนั้นจ้องมองอย่างโลมเลียมันทำให้ข้าวสวยรู้จุดประสงค์ทันที

"จูบข้าสิ หึหึ"

"ไม่เอา ขออย่างอื่นไม่ได้หรือไงครับ" จะให้ทำอย่างนั้นได้อย่างไรมันออกจะน่าอาย

"ไม่ได้ถ้าเจ้าไม่จูบ ข้าไม่อนุญาต" ทางอัสบัสก็ไม่ยอมเพราะนึกอยากจะแกล้งภรรยาของตน

"กะ ก็ได้ หลับตาก่อนสิ" ข้าวสวยต้องยอมจำนนแต่โดยดีคิดเสียว่าแค่เอาปากแตะกันก็จบ ทางอัสบัสก็ยิ้มร่าขึ้นมาทันทีก่อนจะหลับตาลงตามที่ข้าวสวยบอก

เมื่อเห็นว่าอัสบัสหลับตาลงหัวใจดวงน้อยก็ตื่นเต้นขึ้นมากทันทีนึกเขินอายเพราะไม่เคยจูบใครก่อนแลยแต่ครั้งนี้เขาต้องทำคิดได้เช่นนั้นใบหน้าขาวเนียนก็ขึ้นสี หากแต่จะไม่ทำก็ไม่ได้สุดท้ายต้องทำใจหลับลงก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้าหาใบหน้าของอัสบัสริมฝีปากบางค่อยๆ กดลงบนริมฝีปากของอัสบัสเมื่อแตะได้ก็รีบยกริมฝีปากออกทันทีแต่ขณะกำลังเลื่อนออกมือใหญ่ก็มากุมสองข้างแก้มไว้ก่อนจะกดริบฝีปากมาบดขยี้ดูดรั้งปากเล็ก ข้าวสวยตกใจจนดวงตาเบิกกว้างสองมือพยายามดันร่างของอัสบัสให้ออกไปแต่ก็ไร้ผลครั่นจะเปิดปากสั่งห้ามคนตรงหน้าก็กลับเป็นการเปิดทางให้ลิ้นร้อนสอดเข้ามาลิ้มรสความหวานภายในโพรงปาก อัสบัสบดจูบอยู่อย่างเนินนานส่งความอ่อนโยนผ่านจูบอันร้อนแรงนี้ให้กับคนรักจนข้าวสวยเผลอจูบตอบกลับอย่างไม่รู้ตัว ร่างกายเล็กรู้สึกอ่อนระทวยไปหมด
 
อัสบัสรับรู้ถึงการจูบตอบกลับมาก็ทำให้ความต้องการมีมากยิ่งขึ้นจนไม่อยากหยุดแค่เพียงจูบ มือหนาที่กุมใบหน้าเล็กอยู่ค่อยๆเลื่อนลงมาลูบไล้จับบีบตามเอวตามสะโพก ก่อนจะค่อยๆ ถอดริมฝีปากออกจากข้าวสวยเมื่อเห็นว่าเริ่มหายใจลำบากแต่มือก็ยังคงซุกซนลูบไล้ไปตามจุดต่างๆ ใบหน้าคมซุกไซ้ขบกัดไปตามซอกคอขาวเนียน ข้าวสวยที่เริ่มกลับมามีสติก็ร้องห้ามอัสบัสทันที

"คุณจะทำอะไรไหนแค่จูบไง"

"ตอนแรกใช่แต่ตอนนี้ไม่ ช่วยไม่ได้ในเมื่อเจ้าอยากยั่วข้า" อัสบัสพูดก่อนจะก้มไปซุกไซ้ตามซอกคอขาวที่หอมราวดอกไม้

"ผมไปยั่วคุณตอนไหนปล่อยผมนะ นี้มันท้องพะ...อุ๊บ" พูดยังไม่ทันจบเสียงก็ถูกกลืนหายไปเพราะปากร้อนของอัสบัสเข้ามาประกบเสียก่อน มือหนาซุกซนไปทั่วก่อนจะถอดเสื้อผ้าของข้าวสวยออกจนเผยให้เห็นยอดอกสีสวยที่ตอนนี้เริ่มเป็นไตแข็งขึ้นมา ปีศาจอย่างเขาไม่รอช้ารีบจัดการดูดเม้นยอดอกที่กำลังชูชันอย่างเมามืออีกข้างก็ไม่ได้ปล่อยให้ว่างเปล่าเพราะอัสบัสใช้มือข้างหนึ่งที่ไม่ได้กุมเอวบาง มาบีบเค้นยอดอกสวยนั้นจนร่างบางครางออกมาอย่างเสียวซ่าน เมื่อพอใจแล้วก็เลื่อนไปจัดการกับส่วนอ่อนไหวของข้าวสวยที่กำลังฟองขึ้นเพราะแรงอารมณ์ อัสบัสคว้าแก่นกายสวยมาจับกุมไว้ก่อนจะรูดขึ้นลงเรียกเสียงครางหวานของข้าวสวย

"อืม อ๊ะ อ๊ะ อืม" ข้าวสวยครางอยากเสียวซ่านเมื่ออัสบัสรูดรั่งแก่นกายบวกกับความเสียวซ่านจากการขบเม้นตามยอดอกกับซอกคอขาว


"อ๊ะ อะ อัสบัส อืม ผม มะ ไม่ไหวแล้ว"

"เจ้าก็ปล่อยมันออกมาสิ" ว่าจบอัสบัสก็เร่งมือให้เร็วขึ้น

"อ๊ะ อ่าาาาา" เสียงครางของข้าวสวยดังขึ้นก่อนจะตามด้วยน้ำสีขาวขุ่นที่ออกมาอยู่เต็มมือใหญ่

"ต่อไปตาข้าละนะ" ว่าจบอัสบัสก็อุ้มข้าวสวยที่ยังหอบเหนื่อยไปวางลงบนที่นั่งข้างๆ

"ไอ้เขาควายปล่อยผมนะ"

"อะไรกันพอสบายแล้วจะทิ้งกันหรือไร"อัสบัสพูดขึ้นแต่ก็ไม่ได้จริงจังมากนัก ก่อนจะมาสนใจกับร่างกายขาวที่ไร้อาภรณ์ใดๆ โดยไม่สนใจเสียงโวยวายของข้าวสวยเลย

"อ๊ะ อืม เจ็บ" เสียงเล็กร้องขึ้นเมื่อรู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมที่ลุกล่ำเข้าในช่องทางด้านหลัง

"อะไรกันเจ้ายังไม่ชินอีกรึ" อัสบัสว่าพร้อมกับขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ ก่อนจะเร็วขึ้น และเพิ่มนิ้วเข้าไปจากหนึ่งเป็นสอง สองไปสาม
 
"อ๊ะ อืม อ๊ะ อัสบัส ผะ ผมไม่ไหวแล้ว" ข้าวสวยร้องขึ้นออกมาเมื่อรู้สึกถึงความต้องการที่มองกว่านั้น

"อะไรกันไม่ไหวเสียแล้ว เจ้าอยากได้อะไรบอกข้าสิ" อัสบัสพูดขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ รู้ดีว่าข้าวสวยต้องการอะไรแต่นึกอยากแกล้งร่างบางตรงหน้าเท่านั้น

"อ๊ะ อ๊ะ อ่า ผะ ผม ผม"

"ว่าไงบอกข้าสิ เจ้าไม่บอกข้าก็ไม่รู้หรอกนะ"

"อ๊ะ อ่า ผะ ผม ต้อง การของ คะ คุณ เอาของคุณใส่เข้ามาที"ข้าวสวยพูดขึ้นอย่างขัดๆ เพราะความเสียวซ่าน ตอนนี้ข้าวสวยไม่มีเวลาที่จะมาอายอีกแล้วเพราะความต้องการมันได้ครอบงับไปหมดสิ้น

"ก็แค่นี้" อัสบัสว่าก่อนจะค่อยๆ ถอดนิ้วออก และมาจัดท่าให้ข้าวสวยยืนเกาะเก้าอี้เอาไว้ก่อนจะกดตัวของข้าวสวยให้กุมลงนิดหน่อยเมื่อจัดท่าทางเรียบร้อยก็ไม่รอช้ารีบนำแก่นกายที่ซ่อนอยู่ภายในร่มผ้าออกมาตอนนี้มันกำลังพร้อมรบเต็มที่ อัสบัสค่อยๆ สอดแก่นกายเข้าไปในช่องทางสีสวยอย่างช้าๆ จนหายเข้าไปหมดก่อนจะค่อยๆ ขยับสะโพกช้าๆ และเร็วขึ้นเรื่อยๆ

"อ๊ะ อ๊ะ อ่า อะ อัสบัส อ๊ะ อ๊ะ" ข้าวสวยครางออกมาอย่างเสียวซ่านด้วยแรงราคะที่ร้อนแรง

"อืม ซี๊ดดดด อืม" เสียงทุ่มต่ำของอัสบัสบ่งบอกถึงความสุขสมได้เป็นอย่างดี ทั้งท้องพระดังไปด้วยเสียงครางอย่างเสียวซ่านของทั้งสองโดยไปได้สนใจเลยว่าจะมีพวกข้าทาสบริวาลจะได้ยินเพราะแรงราคะนั้นมันมากมายเกิดกว่าจะมานึกถึงความอาย

"อ๊ะ อ๊ะ อะ อัสบัส แรงอีก แรงกว่านี้" ข้าวสวยร้องขอออกมาเมื่อความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ อัสบัสก็ไม่รอช้าตอบสนองความต้องการของผู้เป็นภรรยาทันที

"อ๊ะ ผะ ผมไม่ไหวแล้ว"

"ไปพร้อมข้านะ" อัสบัสโน้นลงมากระซิบก่อนจะจูบลงบนแผ่นหลังขาวเนียนพลางกระแทรกสะโพกให้แรง และหนักหน่วงมายิ่งขึ้น ภายในช่องทางหลังก็ตอดรัดถี่ขึ้นคงเพราะใกล้จะปลดปล่อยอัสบัสก็สวนสะโพกหนัก และเร็วขึ้นสักครู่หนึ่งข้าวสวยก็กระตุกก่อนจะตามด้วยน้ำขาวขุ่นที่พุ่งออกมาจนเต็มพื้นข้างที่นั่งซึ่งก็แสดงว่าข้าวสวยปลดปล่อยแล้วเรียร้อยโดยที่อัสบัสไม่ได้สัมผัสด้านหน้าเลยแม้แต่น้อย กายใหญ่กระแทรกสะโพกสองสามทีก็ปลดปล่อยออกมาภายในช่องทางหลังแต่ยังคงไม่ได้เอาแก่นกายออกปล่อยให้อยู่ในตัวของข้าวสวยที่ตอนนี้แถบไม่มีแรง

"เอาออกได้แล้วไอ้เขาควาย" ข้าวสวยพูดติดดุทั้งยังเหนื่อย อัสบัสเมื่อเห็นว่าถูกดุก็ค่อยๆ ถอดแก่นกายออกมาในใจยังคงอยากจะทำต่อแต่ก็สงสารข้าวสวย เลยเลือกที่จะหยุด กายเล็กทรุดลงกับพื้นทันทีเมื่อเป็นอิสระเพราะความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมรัก อัสบัสจัดการแต่งตัวให้เข้าที่ก่อนจะคว้าตัวข้าวสวยขึ้นมานั่งบนตักตนเองที่นั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ ๆ ข้าวสวยไม่ได้มองอัสบัสเลยเพราะนึกอายที่ร่างกายไม่ได้ส่วมใส่อะไร และยังเรื่องที่ร้องขอจากอัสบัสอีกจนต้องหลบสายตา ร่างใหญ่ได้แต่มองร่างบางที่อยู่บนตักของตนอย่างสุขใจ

"อายข้ารึ เห็นกันออกบ่อยยังจะอายกันอีก" อัสบัสพูดแซ่วขึ้น "ไม่ต้องมาพูดเลยไอ้เขาควายบ้าคืนนี้ไปนอนที่อื่นเลยไปโทษฐานทำผม" ว่าทั้งไม่มองคนฟังเพราะยังคงอายอยู่แต่ก็นึกฉุนอัสบัสที่ชอบรังแกตน

"อะไรกันจะให้ไปนอนที่อื่นได้อย่างไร ก็ข้าอนุญาตเจ้าแล้ว" อัสบัสรู้ดีว่าข้าวสวยสื่อถึงเรื่องไหนแต่ก็นะใครจะยอม

"ไม่รู้แหละคุณอยากทำผมเองไหนบอกแค่จูบไงแต่ดูคุณทำ ชิ"

"ก็เจ้าอยากยั่วข้าเอง อย่างอนข้าเลยคิดเสียว่ามันคือรางวัลที่เจ้ามอบให้ข้าเรื่องที่ข้ายอมเจ้าเรื่องไพทรีกับเรื่องอื่นไงเล่า" อัสบัสพูดขึ้นอย่างออดอ้อน ข้าวสวยที่นั่งแก้มป่องอยู่บนตักก็ดูเหมือนจะอ่อนลงแต่ยังคงเคืองอัสบัสอยู่ดี

"พูดมาได้ว่าเป็นรางวัล ทีหลังถามก่อนเถอะว่าต้องการให้รางวัลคุณแบบนี้หรือเปล่า" ว่าเสร็จก็กอดอกเชิดหน้าไปทางอื่นทันที

"ข้ารู้ว่ายังไงเจ้าก็ต้องตกลงเลยไม่ถาม เมื่อครู่เจ้ายังร้องขอจากข้าเลย หึหึ" ใบหน้าขาวขึ้นสีทันทีเพราะเขินอายกับคำพูดของ
ราชาปีศาจเจ้าเล่ห์ อยากเถียงกลับไปแต่ก็เถียงต่อไม่ถูกจนต้องยอม

"ผมอยากอาบน้ำแล้ว"

"ก็ไปสิ" ว่าแล้วก็รอดูท่าทีของผู้เป็นภรรยาว่าจะทำอะไรต่อไป ทางข้าวสวยก็นั่งอยู่บนตักแกร่งนิ่งไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหนเพราะต้องการให้อัสบัสเป็นคนพาไปแต่ดูเหมือนอัสบัสจะนิ่งเฉย จนข้าวสวยต้องบู่หน้าแก้มป่องใส่บ่งบอกว่ากำลังไม่พอใจ

"นี้ไอ้เขาควายพาผมไปอาบน้ำเลยนะ ผมเดินไม่ไหวบอกตั้งนานแล้วยังเฉยอยู่ได้" ข้าวสวยว่าเมื่ออัสบัสไม่มีท่าทีว่าจะพาไป

"อ้าว! เจ้าไม่บอก ข้าจะรู้ได้อย่างไรเห็นบอกจะไปอาบน้ำแต่ไม่ได้บอกว่าให้ข้าพาไป ทีหลังก็บอกมาตรงๆ หึหึ" อัสบัสว่า รู้ดีว่าข้าวสวยตั้งใจจะให้พาไปอาบน้ำแต่ถึงจะไม่บอกอัสบัสก็พาไปอยู่แล้วแต่แค่เพียงอยากให้ร่างบางเป็นฝ่ายร้องขอก็เท่านั้นเอง ซึ่งกว่าจะเอ่ยมาได้ก็เล่นตัวเสียตั้งนาน

"ชิ พูดอยู่นั้นแหละพาผมไปได้แล้ว เหนียวตัวจะแย่อยู่แล้ว" ว่าอย่างหงุดหงิดก่อนจะกอดอกหน้าเชิดไปอีกทาง แก้มขาวเนียนนั้นพองป่องขึ้นมาซึ่งมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ร่างบางรู้สึกหงุดหงิดหรือไม่พอใจอะไร

"หึหึ" อัสบัสหัวเราะอย่างชอบใจที่เห็นข้าวสวยทำท่าทางหงุดหงิดเพราะมันจะทำให้แก้มขาวๆ พองขึ้นจนน่าฟัดมากเลยที่เดียว อัสบัสเอื้อมมือไปยิบเสื้อผ้าของข้าวสวยที่อยู่ใกล้ขึ้นมาปิดร่างกายไว้อย่างลวกๆ โชคดีทีเสื้อผ้าในอาณาจักรปีศาจนี้จะนิยมใส่ชุดคลุมตัวใหญ่ทับเสื้อผ้าด้านในอีกทีเลยทำให้ห่อหุ้มร่างเล็กได้ ใช้เวลาเดินสักครู่หนึ่งก็ถึงตำหนักซึ่งตลอดทางเดินข้าวสวยได้แต่เอาหน้าซุกอยู่กับอกแกร่งเพราะอายสายตาของเหล่าข้าทาสบริวาลที่เดินสวนไปมาทางอัสบัสไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยยังคงเดินหน้าตั้งยิ้มสะพลั่งออกมา จนใครหลายคนที่เดินผ่านอดยิ้มตามไม่ได้เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้เห็นรอยยิ้มของผู้เป็นราชา

ตั้งแต่ข้าวสวยมาอยู่โลกปีศาจทุกคนล้วนรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในอาณาจักรเป็นอย่างมากไม่ใช่แค่องค์ราชาที่เปลี่ยนไปแต่ทุกคนในอาณาจักรก็ล้วนเปลี่ยนไปเช่นเดียวกันร้อยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของทุกคนอย่างปิติยินดีพาลทำให้บรรยากาศในอาณาจักรเปลี่ยนแปลงไปด้วย ข้าวสวยเปรียบเสมือนเดือนที่ท่อแสงมาในความมืดทำให้มองเห็นหนทางแม้จะมีอุปสรรคบ้างก็ตามแต่เพราะมีแสงจึงทำให้ความมืดนั้นเบาบางลงจนสามารถมองเห็นหนทางสู่ความสุขได้
ดวงอาทิตย์ที่เคยโดนเดี่ยวได้ชุ่มชื้นหัวใจแม้แสงของดูอาทิตย์จะเจิดจ่าจนบดบังเดือนก็ตามทีแต่เพราะมีเดือนเขียงข้างแสงอาทิตย์ที่เคยหม่นหม่อนนั้นเริ่มจะประกายและท่อแสงแห่งความสุขออกมา ยามเมื่ออาทิตย์ดับลงจนมืดมิดก็ยังคงมีเดือนที่ค่อยส่องแสงสว่างให้แม้จะไม่เจิดจ่าเท่าดวงอาทิตย์แต่กลับขาดมันไปไม่ได้เพราะมันเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้มองเห็นหนทางในความมืดมิดได้ ทุกคนได้แต่ภาวนาให้แสงแห่งหนทางนี้ท่อประกายอยู่ตลอดอย่าได้มีอันใดมาทำให้แสงที่แสนสำคัญนี้ดับลงทุกคนรู้ดีว่าเหตุร้ายต่างๆ เกิดขึ้นกับผู้เป็นดังแสงในยามมืดมิดได้ตลอดเวลาคงจะมีแต่เจ้าตัวเองที่ไม่ได้รู้เลยแม้แต่น้อยว่านเองนั้นสำคัญเพียงใด และอยู่ในอันตรายมากแค่ไหน

ทั้งอัสบัสและข้าวสวยต่างจัดการชำระร่างกายของตนเองที่เต็มไปด้วยคราบน้ำรักมากมายแต่ก็ไม่วายต้องเลอะเถอะอีกครั้งเมื่อไฟราคะในตัวของผู้ได้ชื่อว่าเป็นราชายังคงลุกโชนยากที่จะฉุดรั้งไว้เพราะร่างกายที่แสนยั่วยวนของภรรยานั้นยากเกินจะห้ามใจไม่ให้กระทำการใด   ผู้ถูกกระทำห้ามมากแค่ไหนสุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อแรงราคะที่เกิดขึ้นทำให้ทั่วทั้งห้องน้ำดังกระหึ่มไปด้วยเสียงครางหวานหูของทั้งสองครั้งแล้วครั้งเหล่า

(-/////-)  (-///-)

“อื้อออ โอ๊ย!” เสียงของข้าวสวยที่พึ่งรู้สึกจากการหลับใหลร้องขึ้นเมื่อกำลังจะขยับร่างกายกลับรู้สึกถึงความเจ็บแล่นขึ้นมาจนต้องร้องเสียงหลง

“ตื่นแล้วรึ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” อัสบัสที่นั่งอยู่ข้างๆ ร่างบางพูดขึ้นพร้อมกับประครองร่างของข้าวสวยให้นั่งขึ้น ทางข้าวสวยก็ส่งสายตาอำมิตมาให้ทันจนอัสบัสใจกระตุกเพราะรู้สึกผิดที่ทำกับข้าวสวยมากไปหน่อยแต่เพราะไม่สามารถหยุดตัวเองได้จริงๆ
ตลอดทั้งคืนก็เตรียมใจที่จะรับโทษจากผู้เป็นภรรยา

“ไปให้พ้นเลยไอ้เขาควายบ้า ไอ้ปีศาจหื่นกาม ไอ้ปีศาจโรคจิต ไอ้...ไอ้...ชิ” ข้าวสวยว่าอัสบัสขึ้นอย่างสุดจะทนจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาต่อว่าคนตรงหน้าดีเพราะเล่นทำเขาจนเจ็บหนักขนาดนี้ ถ้ามีแรงนะจะไปประทานพระบาทาให้สักทีข้าวสวยคิด เมื่อวานอัสบัสทำรักอยู่ตลอดหลายชั่วโมงจนข้าวสวยหมดแรงสลบไปเลยตื่นมาก็อีกวันหนึ่งแล้วเพราะเหนื่อยเอามากๆ
อัสบัสได้แต่นิ่งเงียบตีสีหน้าสำนึกผิดใส่ข้าวสวยเพื่อหวังว่าผู้เป็นภรรยาจะเห็นใจบ้างสักนิด แต่ดูเหมือนไม่เป็นผลเลยเพราะข้าวสวยไม่มองหน้าอัสบัสแม้แต่น้อย คงจะงอนมากจริงๆ อัสบัสได้แต่คิดหาวิธีง้อเมียให้โกรธนานๆ มันไม่ดี

“อย่าโกรธข้าเลยข้าไม่ได้ตั้งใจ ก็ข้าเห็นเจ้าแล้วมันอดไม่ได้ อย่างอนข้าเลย” อัสบัสว่าแต่ข้าวสวยยังคงนั่งกอดอกหน้าเชิดแก้มป่องใส่ไม่คิดจะยอมยกโทษให้ง่ายๆ หรอกทำเจ็บขนาดนี้ข้าวสวยคิด

“หายโกรธข้าเถอะ นะ นะ  ถ้าเจ้าหายโกรธประเดี๋ยวข้าพาเที่ยวทั่วราชวังเลยเอาหรือไม่” อัสบัสว่าขึ้น ไม่เคยเลยที่อัสบัสจะต้องมาขอร้องหรืองอนง้อใครแบบนี้มาก่อนหมดมาดราชาปีศาจที่เงียบขรึมหมดแล้วแต่เพื่อเมียก็ต้องยอมเพราะอัสบัสทนไม่ได้ที่จะเห็นคนที่รักสุดหัวใจต้องมางอนตนเองแบบนี้ แม้รู้ว่าจะมีอันตรายแต่ก็ยอมเพราะยังไงอัสบัสไม่มีทางปล่อยคนรักเป็นอะไรเป็นอันขาด

ทางข้าวสวยเมื่อได้ยินข้อเสนอก็หูผึ่งทันทีเขายังไม่เคยเที่ยวทั่วราชวังที่กว้างโคตรๆ นี้สักทีก็เป็นอัสบัสอีกนั้นแหละที่สั่งห้ามแต่ครั่นจะตกลงไปก็กลัวเสียฟอร์มแต่ถ้าไม่ยอมก็ไม่ได้เที่ยว ข้าวสวยครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตอบออกไป

“พูดจริงใช่ไหม ไม่ได้ล้อผมเล่นนะ” ถามขึ้นแต่ยังคงไม่มองหน้าอัสบัสเพราะต้องการความแน่ใจเสียก่อน ทางอัสบัสก็ยกยิ้มขึ้นมาทันที่ที่เห็นว่าคนตัวเล็กสนใจข้อเสนอนี้มั่นใจอย่างน่นอนว่าข้าวสวยต้องตกลงอย่างแน่นอนเพียงแค่ฟอร์มเยอะก็เท่านั้นดูจากสายก็เข้าใจ

“ข้าจะโกหกเจ้าทำไมกัน”

“งั้นก็ได้” ข้าวสวยตอบตกลงไปเพียงเพราะอยากจะเที่ยวก็เท่านั้นแต่ยังคงไม่หายโกรธอัสบัสซะทีเดียวนึกหาวิธีเอาคืนอยู่

“เจ้าตกลงแล้วนะ หายโกรธข้าแล้วใช่หรือไม่”

“เปล่าสักหน่อยผมยังโกรธคุณอยู่แต่ถ้าคุณทำให้พอใจก็อาจจะหายนะ” ตอบอย่างลอยหน้าลอยตาอย่างผู้เหนือกว่าคนฟังถึงกับหน้างอขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าศรีภรรยายังคงงอนอยู่ ร้ายจริงๆ

“ข้าตกลงก็ได้” อัสบัสว่าพลางเลื่อนหน้าไปหอมแก้มขาวฟอดงามก่อนจะรีบผลักออกจนข้าวสวยทั้งตัวไม่ทัน

“ไอ้เขาคะ....ปัง!” ข้าวสวยอ้าปากจะต่อว่าคนฉวยโอกาสที่ตอนนี้นั่งยิ้มหน้าอยู่แต่ก็หยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงประตูดังขึ้นจนสายตาสองคู่ต้องหันไปมองทันทีเพราะไม่มีใครกล้าเปิดประตูเข้ามาหากไม่ได้รับอนุญาต เมื่อหันไปก็พบกับเด็กหนุ่มผมยาวสีแดงสด ผิวขาวตัวประมาณเดียวกับข้าวสวยแถมหน้าตายังน่ารักมากเลยที่เดียว

“มิคาร์เอล”

“ท่านพี่...ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก”





เป็นอย่างบ้างค่ะ อิอิ ไม่สนุกต้องกราบขอบอภัยนะคะ  เจอกันตอนหน้านะคะ รักคนอ่าน หัวใจล้านดวง :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2017 19:17:32 โดย ตั้งโอ๋ »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
จำได้ว่าเคยอ่านนะ มาแปะไว้รอความคืบหน้า  :pig4:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
อัสบัสราชาปีศาจ(หื่น)  5555

ออฟไลน์ ตั้งโอ๋

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ตอนที่ 9 ความสับสนที่รู้สึกดี

แม้สายลมเย็นๆ จะพัดผ่านมาให้ได้ชุ่มชื่นหัวใจแล้วพาลพัดผ่านไปแต่ก็ไม่ได้พัดพาความสับสนภายในจิตใจให้ออกไปเลยแม้แต่น้อย มันยังคงตราตรึงอยู่ในทุกห้วงความนึกคิดของความรู้สึกที่นับวันยิ่งกัดกินจิตใจให้ไม่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้นทุกที
ข้าวสวยที่ยืนรับสายลมเย็นๆ ตรงหน้าต่างบานงามหรูหรา สายตาทอดไปยังสวนกุหลาบที่กำลังแบ่งบานสะพรั่งอย่างงดงามกิ่งดอกโอนเอนไปตามแรงลมอ่อนๆ ราวกับมันกำลังเต้นรำอย่างเริงร่าต่างกับใจของเขาที่สับสน ว้าวุ่น และร้อนรนเหลือเกิน
ความรู้สึกมากมายก่อตัวขึ้นภายในจิตใจทั้งเรื่องที่เข้าใจและไม่เข้าใจกับความรู้สึกเหล่านี้ ตัวของเขาเป็นอะไรไปทำไมใจถึงสับสนและวุ่นวายมากขนาดนี้ยิ่งนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ผ่านพบเจอก็ยิ่งทำให้ใจว้าวุ่น ใจที่คิดว่าแข็งตอนนี้กลับอ่อนล้าเหลือหลาย ไม่เข้าใจจริงๆทั้งที่คอยบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่าจะไม่มีใจให้เขาผู้นั้น แต่มาวันนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าใจต้องการอย่างนั้นจริงหรือไม่เพราะแค่เห็นคนอื่นใดเข้ามาเกี่ยวพันกับเขาก็ทำให้ใจว้าวุ่น และหงุดหงิดทุกคลา ตลอดสองสามวันที่ผ่านมาเราสองคนแทบจะไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกันเลยซึ้งมันทำให้ข้าวสวยวุ่นวายใจเป็นอย่างมาก ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ทั้งที่ควรจะดีใจแต่ทำไมเวลานี้ถึงรู้สึกเศร้าใจ และโหยหาอ้อมกอดอบอุ่นของอัสบัสมากถึงขนาดนี้ แม้จะได้พบเจอแต่ความรู้สึกเหล่านี้ก็มิอาจหายไปมันต้องการมากกว่าพบกัน อย่างให้เป็นเหมือนวันก่อนๆ ที่ผ่านมา ทำไมกันนะทำไมถึงเป็นแบบนี้ไม่เข้าใจจิตใจตัวเองเหลือเกิน
“พระองค์เพคะ ลมแรงมากแล้วหม่อมฉันว่าออกห่างจากหน้าต่างดีกว่านะเพคะ ประเดี๋ยวทรงประชวรเอาเสียได้” เสียงคำกล่าวที่ฟังดูเป็นห่วงเป็นใยดังขึ้นทำให้ข้าวสวยที่ตกอยู่ในภวังค์ต้องสะดุ้งหันมองตามเสียงซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นใด ไพทรี คนรับใช้สนิทที่ค่อยดูแลข้าวสวยมาตลอดหลายวัน

“ผมไม่เป็นอะไรหรอก สบายดีออก” ข้าวสวยตอบกลับพร้อมกลับรอยยิ้มติดเศร้าก่อนจะหันไปเอามือวางลงบนขอบหน้าต่างกับใจที่เหม่อลอยตัวของข้าวสวยเองก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมจิตใจถึงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นนี้

“ไม่ได้หรอกเพคะ หากพระองค์ทรงเป็นอะไรไปองค์ราชาคงลงโทษหม่อมฉันเป็นแน่เพคะ”

“ไพทรีก็แค่กลัวถูกลงโทษสินะถึงได้ดูแลผมนะ” ข้าวสวยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดน้อยใจ

“เปล่านะเพคะ หม่อมฉันกลัวองค์ราชาจะไม่ให้หม่อมฉันมาดูแลพระองค์ต่างหากเพคะ” ไพทรีรีบพูดแก้ทันที ข้าวสวยหันมายิ้มให้กับไพทรีที่ตอนนี้สีหน้าเป็นกังวลเขาแค่แกล้งหยอกเล่นนิดหน่อยเองแท้ๆ

“ผมก็แค่ล้อเล่นนะ คิคิ” ว่าอย่างอารมณ์ดีแต่ก็ได้เพียงไม่นานรอยยิ้มบนใบหน้าก็จางหายไปกลับมาเหม่อลอยอีกครั้ง ไพทรีที่ยืนมองอยู่รู้ดีว่าผู้เป็นนายของตัวเองไม่ร่าเริงเลยตลอดหลายวันมานี้ซึ่งตัวไพทรีเองก็พอจะรู้ถึงสาเหตุของอาการนี้แต่ดูเหมือนผู้เป็นนายของเขาจะไม่ได้รับรู้เลยทั้งที่เป็นใจของตัวเองแท้  'เป็นเจ้านายที่ใจแข็งจริงๆขนาดความรู้สึกตัวเองยังไม่ยอมรับเลย เชื่อว่าในบางเรื่องพระองค์รู้ดีเพคะแต่พระองค์ไม่ยอมเปิดใจที่จะยอมรับมัน หม่อมฉันเริ่มเป็นห่วงองค์ราชาเสียแล้วสิ ยังไงก็สู้ๆ เข้าละองค์ราชาของหม่อนฉัน ส่วนพระองค์ก็ทรงรู้ใจของตัวเองให้ได้เร็วๆ เถอะเพคะจะได้มีความสุขกัน’ ไพทรีได้แต่คิดและภาวนาให้นายทั้งสองได้ค้นพบคำตอบที่อยู่ในใจในเร็ววัน

“พระองค์เพคะออกห่างจากหน้าต่างเถอะนะเพคะ” ไพทรียังคงร้องเรียกผู้เป็นนายแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับแต่อย่างใด ยังคงแสดงสายตาเหม่อลอยทอดยาวไปไกลจนไม่รู้ว่าสิ้นสุดที่ใด

“พระองค์เพคะหากประชวรจะทรงโดนองค์ราชาดุเอานะเพคะ” ไพทรีร้องเรียกอีกครั้งแต่ครั้งนี้ต้องอ้างชื่อนายใหญ่ขึ้นมาซึ่งมันได้ผลข้าวสวยที่เหม่อลอยอยู่เมื่อได้ยินก็หันมากล่าวทันควัน

“เขาไม่สนหรอกว่าผมจะเป็นอะไร ตอนนี้เขาต้องดูแลน้องชายของเขาคงไม่ว่างมาสนผมหรอก” น้ำเสียงติดประชดประชันปะปนไปด้วยความน้อยใจ เพราะตลอดสองสามวันที่ผ่านมาทั้งข้าวสวย และอัสบัสแทบจะไม่ได้พูดคุยกันแต่ก็มีพบเจอบ้าง ทางอัสบัสก็มาหาข้าวสวยที่ตำหนักแต่ก็มาแค่ครั้งเดียวเนื่องจากว่าตั้งแต่วันที่คนชื่อ      มิคาร์เอล หรือน้องชายของอัสบัสกลับมานั้นทั้งสองห่างกันตลอด แถมข้าวสวยยังต้องย้ายไปนอนอีกตำหนักด้วยสาเหตุที่ว่าอยากจะอยู่ด้วยกันตามประสาพี่น้องที่ไม่ได้พบเจอกันนานจากปากของมิคาร์เอล

“ทำไมพระองค์ทรงคิดเช่นนั้นเพคะ หม่อนฉันเห็นองค์ราชาออกจะเป็นห่วงพระองค์ ยังทรงถามหม่อมฉันอยู่เสมอว่าพระองค์ทรงเป็นอย่างไรบ้าง” ไพทรีพูดปลอบใจผู้เป็นนายที่ดูยังไงก็รู้ว่าทรงน้อยใจพระสวามีของตนเองมากแค่ไหน ถึงปากจะพลามบอกว่าไม่สน ดีแล้วที่ไม่มีใครมารบกวนคลั่นยังบอกว่าไม่มีทางรัก ไม่มีทางมีใจให้กับคนที่พรากเขามาจากบ้านเกิดเมืองนอนอย่างแน่นอน แต่สายตากับการกระทำที่แสดงออกมานั้นมันบ่งบอกชัดเจนว่าทรงมีใจและทรงหึงหวงผู้เป็นสวามีมากแค่ไหน ซึ่งทุกคนต่างสัมผสได้ด้วยกันทั้งนั้นก็จะมีแต่ตัวพระองค์เองที่ยังคงไม่รู้ใจตัวเอง คนเป็นบ่าวก็ได้แต่เป็นกำลังใจให้กับผู้เป็นนายทั้งสอง

“ไพทรีไปเดินเล่นในสวนกันนะ ผมอยากไป” ข้าวสวยไม่อยากนึกถึงอัสบัสเพราะมันทำให้หัวใจของเขาว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูกเลยหันมาช่วยไพทรีไปเดินเล่นในสวนแทนมันอาจจะทำให้ความว้าวุ่นในใจลดน้อยลงก็เป็นได้

“ไม่ได้หรอกเพคะ พระราชาทรงสั่งห้ามไว้ไม่ใช่หรือเพคะ แต่ถ้าทรงอยากจะไปจริงๆ คงต้องไปขออนุญาตองค์ราชาเสียก่อนเพคะ” เมื่อนได้ฟังคนชวนถึงกับหุบยิ้มลงทันทีเพราะข้าวสวยรู้สึกไม่พร้อมที่จะเจอหน้าอัสบัสในเวลานี้เลยแค่นี้ในใจก็สับสน และว้าวุ่นมากเต็มที

“ไม่ต้องหรอกอัสบัสไม่มีเวลาว่างหรอก ผมไม่อยากกวนความสุขของใคร ไปเถอะไม่ต้องสนอัสบัสหรอกเขาว่าอะไรเดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง” จบก็ออกเดินทันทีโดยไม่รอฟังคำกล่าวใด ทางไพรีเมื่อเห็นผู้เป็นนายไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงเดินตามไปอย่างจำยอม
 
ข้าวสวยเดินผ่านตำหนักต่างๆ หลายตำหนักพบเหล่าข้าทาส   บริวาลมากมายที่เคาพรเขาตลอด แม้จะถูกกระทำเช่นนี้ทุกวันก็ไม่เคยชินเลยสักครั้งที่ให้ใครๆ มาก้มหัวเคารพทั้งที่เป็นแค่เด็กผู้ชายธรรมดาแต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ คงต้องปล่อยมันไปให้เป็นไปตามที่มันอยากจะเป็น

การที่ได้ออกมาเดินตามพระราชวังมันทำให้ข้าวสวยมีความสุขเป็นอย่างมากช่วยลดเรื่องว้าวุ่นในใจได้เป็นอย่างดี มองต้นไม้ดอกไม้ที่แบ่งบานอย่างเพลิดเพลิน แต่ความสุขก็มีได้ไม่นานสิ่งกวนใจก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อภาพตรงหน้ามันทำให้เขาต้องหงุดหงิด ผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีกับน้องชายสามีที่ยืนพูดคุยกันอยู่หน้าตำหนักที่ไม่ห่างจากข้าวสวยมากนัก ดูทั้งสองคนมีความสุขเป็นอย่างมากหยอกล้อกันสนุกสนาน รอยยิ้มที่แทบจะไม่เคยเห็นบนใบหน้าอัสบัสนั้นกลับเกิดขึ้นได้ง่ายดายเมื่ออยู่กับมิคาร์เอลผู้เป็นน้องชาย ข้าวสวยได้แต่ทำเป็นไม่สนใจก่อนจะเดินเลี้ยวไปอีกทางทั้งๆ ที่ตนแรกตั้งใจจะเดินไปทางตรงแต่เมื่อมันมีสิ่งที่ทิ่มตาตำใจก็ต้องยอมเลี่ยงไปอีกทางเพราะไม่อยากจะเห็นสองพี่น้องที่ดูรักกันปานจะกลืนกิน

ทางอัสบัสที่ยืนพูดคุยอยู่กับมิคาร์เอลก็เหลือบไปเห็นข้าวสวยกำลังเดินมาแล้วก็เลี้ยวไปอีกทางหนึ่งก็รีบเดินตามทันทีโดยไม่ได้รอ   มิคาร์เอล ข้าวสวยเมื่อเห็นว่าอัสบัสกำลังเดินตามก็รีบก้าวเท้าให้เร็วขึ้น แต่ก็สู้ขายาวของอัสบัสไม่ได้

“เจ้าจะไปไหน” อัสบัสที่เดินตามมาจนทันก็ถามขึ้นทันที แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากบุคคลด้านหน้าเลย ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเดินไม่สนอะไร

หมับ!

“ข้าถามว่าเจ้าจะไปไหน” คว้าแขนเล็กไว้จนข้าวสวยต้องหยุดเดินหันมามองอย่างไม่พอใจแต่ก็ยังคงไม่ตอบอะไร เพราะรู้สึกไม่พอใจอัสบัสในหลายๆ เรื่องทั้งเรื่องน้องชายทั้งเรื่องที่ทิ้งให้ข้าวสวยต้องอยู่คน ข้าวสวยรู้สึกหงุดหงิด และน้อยใจทุกครั้งที่เจอหน้าอัสบัสในหลายวันที่ผ่านมานี้มันสับสนจริงๆ และหงุดหงิดมากด้วยซ้ำแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจแค่น้อยใจที่อัสบัสไม่เป็นอย่างเดิมไม่ค่อยดูแลเอาใจเขาอย่างเดิม

ภายในจิตใจมันสับสนมากเหลือเกินบอกกับใจตัวเองตลอดว่าจะไม่มีวันหลงรักผู้ชายคนนี้แต่ตอนนี้เป็นอะไรไปแค่เขาไม่สนก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขนาดนี้ แค่เห็นเขายิ้มให้ใครก็ทำให้พาลหงุดหงิด

“เจ้าจะไปไหน ตอบข้ามา” อัสบัสถามขึ้นอีกครั้งเมื่อไม่ได้รับคำตอบจากภรรยาที่ตอนนี้หน้ามุ่ยแก้มป่องซึ่งอัสบัสรู้ได้ทันทีว่า     ข้าวสวยกำลังไม่พอใจ

“ผมจะไปไหนมันก็เรื่องของผมไม่เกี่ยวกับคุณ”

“นี้เจ้า! ทำไมจะไม่เกี่ยวในเมื่อเจ้าคือเมียของข้า”

“ผมนะเหรอ? ใครจะเป็นเมียปีศาจอย่างคุณกันเหล่า” ข้าวสวยตอบเป็นเชิงถาม มือก็พยามยามสลัดให้หลุดจากการจับกุมจากมือใหญ่

“พูดแบบนี้ต้องให้ข้าทบทวนควมจำเจ้าหรือไม่ถึงจะนึกออกว่าเราเป็นอะไรกันมีอะไรลึกซึ้งแค่ไหน” อัสบัสพูดด้วยใบหน้าแพรวพราว ข้าวสวยเมื่อได้ยินก็ชะงักทันทีก่อนจะก้าวถอยหลัง และพยายามเอามือออกจากการจับกุมแต่ทำเท่าไรก็ไม่หลุด อัสบัสก็ก้าวตามมาตลอด ดวงตาสีแดงเพลิงจ้องมองอย่างโลมเลียข้าวสวยรู้ได้ทันทีว่าอีกคนคิดอะไร

“ไอ้เขาควายโรคจิต ปล่อยผมนะ” เมื่อไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่ว่า ถึงวันนี้อัสบัสจะไม่มีเขาควายบนหัวแต่ข้าวสวยก็ยังคงเรียกอย่างนั้นเพราะมันกลายเป็นอีกชื่อหนึ่งของอัสบัสสำหรับข้าวสวยไปเสียแล้ว

“ใครโรคจิตกัน หึหึ ตกลงบอกข้าได้หรือยังว่าเจ้าจะไปไหน” ยังคงเงียบไม่มีเสียงตอบรับจากคนตรงหน้าอัสบัสเลยถามขึ้นอีกครั้ง
“บอกมาเดียวนี้ว่าเจ้าจะไปไหน ไม่บอกเจ้าถูกลงโทษเป็นแน่”

ยังคงไร้เสียงตอบรับจากคนตรงหน้าอัสบัสเลยจัดการลงโทษตามที่พูดไว้หากแต่บทลงโทษนั้นเป็นจูบที่ร้อนแรง และยาวนานให้กับข้าวสวยที่ตอนนี้คงจะตกใจเอามากไม่คิดว่าบทลงโทษจะบ้าบอขนาดนี้ ได้แต่ผลักดันอกแกร่งให้ออกห่างแต่ไม่เป็นผลเลย สายตาพยายามกวาดมองคนมอบจูบร้องแรงนี้เพื่อขอให้ปลดปล่อย แต่ก็ต้องตกใจจนหน้าขึ้นสีร้อนผาไปด้วยความอายเมื่อเห็นไพทรีกับมิคาร์เอลที่มาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ยืนมองมาอย่างยิ้มๆ แต่เมื่อสติกลับมาก็หันมาใช่สองมือทุบลงบนอกแกร่งอีกครั้งเพราะข้าวสวยเริ่มรู้สึกจะหายใจลำบากมากยิ่งขึ้นทางอัสบัสเหมือนจะรับรู้ก็ค่อยๆ ปล่อคนรักให้เป็นอิสระ

ข้าวสวยรีบโกยอากาศเข้าทันที ร่างกายรู้สึกหอบเหนื่อยอย่างมากแถมยังรู้สึกอายมิคาร์เอลกับไพทรีที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆ

“บอกข้าได้หรือยังว่าเจ้าจะไปไหน” อัสบัสถาม ข้าวสวยดูเลอะละคิดว่าจะตอบดีหรือไม่แต่เพื่อความปลอดภัยขอร่างกายก็ตัดสินใจบอกออกไป

“ผมจะไปเดินเล่นในสวน”

“ท่านพี่สะใภ้จะไปเดินในสวนหรือข้าไปด้วยได้หรือไม่”

มิคาร์เอลที่ยืนเงียบอยู่นานพูดขึ้น เพราะมันเป็นโอกาสที่เขาจะได้ทำความรู้จักกับพี่สะใภ้ของเขาเอง

“ไม่ได้มันไม่ปลอดภัยสำหรับเจ้า อาจจะมีพวกปีศาจมาลอบทำร้ายเจ้าได้” อัสบัสพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง ถ้าไม่ติดว่ามีงานที่ต้องเคลียร์อัสบัสคงจะอนุญาตเพราะเขาคงพาข้าวสวยไปเองแต่นี้เขาไม่ว่างมันเสี่ยงเกินไป

“แต่ผมอยากไป ผมเบื่อเข้าใจไหม”

“ค่อยไปวันอื่นวันนี้ข้าต้องเคลียร์งาน”

“มันก็เรื่องของคุณ แต่ผมจะไป” ข้าวสวยพูดอย่างไม่ยอม ก็เขาอยากไปวันนี้จะให้ไปวันอื่นได้ไง

“ให้ท่านพี่สะใภ้ไปเถอะท่านพี่ ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวข้าดูแลให้เองไม่ต้องห่วง” มิคาร์เอลพูดขึ้นเพราะถ้ารอทั้งสองตกลงกันคงจะไม่จบ และอีกอย่างอยากจะหาเวลาพูดคุยกับข้าวสวยตามลำพังบ้าง อยากจะรับรู้ถึงเรื่องต่างๆ ของพี่สะใภ้ที่ท่านพี่ของตนเองหลงนักหลงหนา ใครไม่รู้แต่มิคาร์เอลรู้ดีว่าอัสบัสรักข้าวสวยมากแค่ไหน

สองสามวันที่กลับมาอัสบัสพูดถึงเรื่องต่างๆ ของข้าวสวยให้เขาฟังมากมาย มิคาร์เอลยอมรับเลยว่าข้าวสวยเป็นเหมือนแสงสว่างจริงๆ ขนาดจิตใจที่มืดมิดแสนเยือกเย็นของอัสบัสข้าวสวยยังสามารถทำลายมันได้พี่ชายของเขาเปลี่ยนไปมากมายเหลือเกิน จากที่ดูเย็นชาเยือกเย็นตอนนี้กลับดูอบอุ่น ยิ่งสายตาที่มองพี่สะใภ้นั้นแขวงไปด้วยความห่วงใยและความรักที่จนอัสดิบัสแอนด์ราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ดูอ่อนลงทันทีเมื่ออยู่ใกล้ภรรยาตนเอง ‘อนาคตกลัวเมียสินะแบบนี้ หึหึ’

“ไม่เป็นไร ผมไม่อยากรบกวนมิคาร์เอลหรอก”

“ไม่รบกวนข้าหรอกพี่สะใภ้ ข้าเต็มใจ อีกอย่างข้าอยากคุยกับท่านกลับมาสองสามวันแล้วข้ายังไม่ได้พูดคุยกับท่านแบบจริงจังเลย แถมยังเอาท่านพี่มาอยู่กับข้าตลอดอีก ให้ข้าไปด้วยเถอะนะ”           

มิคาร์เอลว่าขึ้นเพราะตั้งแต่กลับมายังไม่ได้พูดคุยกับพี่สะใภ้เลย แถมดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าของเขาด้วยยิ่งเวลาที่พี่สะใภ้เจอเขาอยู่กับพี่ชายก็จะแสดงสีหน้าไม่พอใจทุกครั้ง

“ก็ได้ ไปด้วยกันก็ได้ คุณจะอนุญาตได้หรือยัง” ข้าวสวยบอก มิคาร์เอลก่อนจะหันไปถามอัสบัสที่ยืนหน้าเครียดอยู่

“แต่....อืม...ก็ได้” อัสบัสต้องยอมตกลงเพราะสายตาที่มองมาหาเขาราวกับจะกัดกินสองคู่ของผู้ที่เป็นภรรยา และน้องชาย

“งั้นไปกันเถอะท่านพี่สะใภ้”

อัสบัสมองผู้คนรักกับน้องชายของตนเดินออกไปก็รู้สึกเศร้าใจนิดๆ เพราะตัวอัสบัสเองรู้สึกเป็นห่วงผู้เป็นภรรยา และก็อยากจะไปเดินเล่นด้วยเช่นเดียวกันหากแต่ต้องทำงานที่ติดค้างอยู่มากมาย

"ไพทรีดูแลสองคนนั้นให้ดี" อัสบัสสั่งไพทรีที่กำลังจะเดินตามผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงติดห่วงใย

"เพคะฝาบาท"

หลังจากแยกตัวออกมาจากอัสบัสแล้วทั้งข้าวสวยและ           มิคาร์เอลต่างไม่ได้ผู้คุยอะไรกันจนข้าวสวยเองรู้สึกอึดอัดทางมิคาร์เอลก็เช่นเดียวกันทั้งที่มีเรื่องอยากจะคุยกับพี่สะใภ้เยอะแยะแต่พอถึงเวลาที่ได้คุยกลับพูดไม่ออกตัวมิคาร์เอลรู้สึกถึงบางสิ่งที่อยู่ในตัวของ      ข้าวสวยที่มันให้ความรู้สึกน่าเกลงขาม และความอบอุ่นที่บอกไม่ถูกทั้งที่การกระทำหรือการแสดงออกของข้าวสวยนั้นปกติติดจะดูอ่อนแอเสียด้วยซ้ำแต่กลับให้ความรู้สึกที่อบอุ่นมากเหลือเกินเมื่อได้มองผู้เป็นพี่สะใภ้

"ท่านพี่สะใภ้มาอยู่ที่นี้ก็นานแล้วรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง" เป็น    มิคาร์เอลที่เอ่ยถามขึ้นมาเพราะตลอดทางมันเงียบจนอึดอัดต้องหาอะไรมาคุยอีกอย่างจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น

"อย่าเรียกผมอย่างนั้นเลยมันแปลกๆ นะผมว่า" ข้าวสวยว่าขึ้นเพราะรับไม่ได้จริงๆกั บคำเรียกเช่นนี้มันฟังดูพิลึกเกินไปเขาเป็นผู้ชายจะมากเรียกว่าพี่สะใภ้มันออกจะดูแปลกเกินไปรับไม่ได้จริงๆ ถึงแม้จะเป็นความจริงก็ตาม

"อ้าว! ถ้าไม่ให้ข้าเรียกว่าท่านพี่สะใภ้จะให้ข้าเรียกท่านว่าอะไรกันก็ในเมื่อท่านเป็นท่านพี่สะใภ้ของข้าจริงๆ" มิคาร์เอลพูดขึ้นอย่างสงสัยพร้อมกับท่าทางที่เอานิ้วชี้จิ่มคางแล้วเอียงคอบวกกับหน้าตาที่ติดสงสัยนั้นข้าวสวยมองดูแล้วมันน่ารักมากแบ๊วได้อีกเห็นแบบนี่ก็พาลให้คิดถึงใครคนสำคัญที่อยู่ไกลกันมิคาร์เอลกับข้าวจ้าวมีท่าทีคลายกันมากเหลือเกิน

"เรียกว่าพี่สวยเหมือนน้องชายพี่ก็ได้" ข้าวสวยว่าพร้อมกับร้อยยิ้มที่ดูอบอุ่น

"พี่สวยรึ...?..มันก็ดูแปลกๆ นะข้าไม่เคยได้ยินคำเรียกว่าพี่เฉยๆ...?..เอะ! ท่านมีน้องชายด้วยหรือ??" มิคาร์เอลว่าอย่างสงสัยแต่ก็เอะใจกับคำว่าน้องชาย

"มันไม่แปลกหรอกที่โลกของผมเขาก็เรียกกันแบบนี้ทั้งนั้น ส่วนเรื่องน้องชายก็มีจริงนะ นิสัยเขาคลายกับมิคาค์เอลมากเลยนะ  ร่าเริงช่างพูดเหมือนกันแต่น้องผมเขาซื่อกว่ามิคาร์เอลเยอะตามคนไม่ค่อยจะทันนะ" รู้สึกว่าจะคุยกับมิคาร์เอลได้ดีกว่าช่วงแรกๆ ที่พบกันเพราะทุกครั้งข้าวสวยจะรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจอย่างไม่รู้สาเหตุทั้งที่มิคาร์เอลไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ นึกแล้วรู้สึกโมโหตัวเองจริงๆ เลย

"งั้นข้าเรียกท่านว่าพี่สวยก็ได้ ข้าอยากเห็นน้องชายท่านจังยิ่งรู้ว่านิสัยคล้ายกันข้ายิ่งอย่างเจอยิ่งนัก" มิคาร์เอลว่า

"ผมก็เหมือนกันอยากเจอมากๆ สักวันก็คงได้เจอกันแหละนะ ยังดีที่รีฟเฟอร์ไปอยู่ค่อยดูแลให้เลยไม่ต้องเป็นหว่งมากนัก" ใบหน้าลดความกังวลลงที่มีรีฟเฟอร์ค่อยดูแลข้าวจ้าวอยู่แต่ทางมิคาร์เอลกลับทำสีหน้าตกใจเมื่อได้ยินคำว่ารีฟเฟอร์

"รีฟเฟอร์ที่เป็นองครักษ์ของท่านพี่นะหรือพี่สวย" ใบหน้าตกใจของมิคาร์เอลพูดขึ้นอย่างสงสัย

"ก็ใช่นะสิ ทำไมเหรอ" สงสัยอะไรกันทำไมต้องตกใจกันด้วยนะก็แค่รีฟเฟอร์ไปดูแลข้าวจ้าวแค่นั้นเอง

"พี่สวยพูดจริงหรือนี่รีฟเฟอร์เนี้ยนะไปดูแลคนอื่นข้าละไม่อยากเชื่อคนเย็นชาที่รู้จักแต่การต่อสู้จะไปดูแลคนอื่น ข้านึกภาพไม่ออกจริงๆ รู้สึกสงสารน้องชายพี่สวยขึ้นมาเสียไม่ได้"

"พี่เห็นรีฟเฟอร์ดูแลข้าวจ้าวดีมากเลนะ ดูเหมือนเขาจะดูแลข้าวจ้าวได้ดีกว่าพีเสียอีกเห็นมีความสุขกันดีนะ ไอ้เขาคะ...เอ่อ อัสบัสก็เหมือนจะเคยสงสัยเหมือนมิคาร์เอลแปลกทั้งพี่ทั้งน้องจริงๆเลย ยิ่งตอนรีฟเฟอร์ยิ้มนะก็ทำอย่างกับว่าเจอของแปลกอย่างนั้นแหละแค่ยิ้มออกมาแท้ๆ" ข้าวสวยว่าขึ้นอย่างยึดยาวปนสงสัยอย่างมากสรรพนามที่เคยใช่ก็เปลี่ยนไปอย่าไม่รู้ตัว

"ก็มันแปลกจริงนี่พี่สวยรีฟเฟอร์เคยยิ้มกับเขาซะที่ไหนละเกิดมาข้ายังไม่เคยเห็นเลยน้องชายพี่ข้าขอนับถือเลยทำเจ้าชายน้ำแข็งยิ้มได้"

"ขนาดนั้นเชียว" มิคาร์เอลก็พยักหัวงึกๆ เป็นการตอบ ทั้งสองต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนานระหว่างทางเดินมายังสวนรู้สึกได้ถึงความคุ้นเคย และสนิทมากยิ่งขึ้น ข้าวสวยก็ดูจะมีความสุขมากเพราะยิ้ม และหัวเราะตลอดเห็นได้ชัดว่าอาการเกร็งหายไปมีแต่ความสนิทที่แสดงออกมาราวกับว่ารู้จักกันมาเนินนานคำพูดคำจาก็ดูเป็นกันเองมากยิ่งขึ้น ยอมรับเลยว่าชอบมิคาร์เอลมากๆ ช่างสรรหาเรื่องราวต่างๆมาเล่าให้เขาฟังจนเพลินไปเลยเดินมาถึงสวนตอนไหนยังไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ

"พี่สวยรักท่านพี่ของข้าไหม" มิคาร์เอลถามขึ้นโดยไม่ได้หันมองข้าวสวยสายตายังคงจับจ้องอยู่กับต้นไม้ดอกไม้อย่างนึกสนุก ทางข้าวสวยเมื่อได้ยินคำถามถึงกับตกใจขึ้นมา ไม่รู้จะตอบคำถามของ    มิคาร์เอลอย่างไรดีเพราะตัวของข้าวสวยเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไรกับอัสบัสกันแน่

"เอ่อ คือ เอ่อ"

"ว่าไงพี่สวย รักท่านพี่ของข้าหรือไม่ข้าอยากรู้ บอกข้าเถอะข้าไม่บอกท่านพี่หรอก" มิคาร์เอลถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าข้าวสวยไม่ตอบสักทีเอาแต่อ่ำอึ่งอยู่

"เอ่อ คือ เอ่อ เฮ้อออ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน" ข้าวสวยถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจตอบออกไปเพราะทนต่อสายตาใสซื่อแกมกดดันของคนที่รอคำตอบไม่ไหว

"อ้าว! ทำไมพี่สวยถึงไม่รู้ละใจตัวเองแท้ๆ" คนฟังว่าขึ้น

"พี่ไม่รู้จริงๆ พี่ก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเหมือนกันมาอยู่ที่นี้ก็นานแล้วเจออะไรมากมายมันเลยทำให้พี่สับสน และอีกอย่างพี่ไม่รู้ว่าความรักมันเป็นยังพี่ไม่เคยรู้สึกถึงมัน มันจะเหมือนกับความรักที่พี่มีให้ข้าวจ้าว ให้กับพ่อแม่ของพี่หรือเปล่า" คนถูกถามตอบอย่างใคร่สงสัยเพราะข้าวสวยไม่เข้าใจถึงความรักนั้นจริงๆ ตลอดมาเคยแต่รู้สึกรัก และห่วงใยคนในครอบครัวเพียงเท่านั้น

 "มันไม่เหมือนกันหรอกพี่สวย รักที่มีให้กับครอบครัวกับคนรักนะมันต่างกันแต่มันก็คล้ายๆ กัน คือยังไงดีละ อืม ? ใช่ความรู้สึกมันต่างกัน ข้าเปลี่ยนคำถามใหม่ดีกว่า พี่สวยเกลียดหรือไม่ชอบท่านพี่หรือไม่"

"ไม่ ไม่ๆๆ นะพี่ไม่ได้เกลียดหรือไม่ชอบอัสบัสหรอกถึงตอนแรกจะไม่ชอบก็เถอะแต่ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดอะไรนะ" ข้าวสวยรีบตอบขึ้นมาทันทีเพราะกลัวมิคาร์เอลจะคิดไปเองว่าข้าวสวยไม่ชอบพี่ชายเขาแต่ที่พูดไปมันก็คือความจริงข้าวสวยไม่ได้ไม่ชอบหรือเกลียดอัสบัสเลยแม้แต่น้อยอาจจะมีไม่พอใจบ้างบางเรื่องเพียงเท่านั้น

"พี่สวยก็ไม่ได้เกลียดท่านพี่แต่ทำไมถึงไม่รักท่านพี่ของข้าละ ท่านพี่ออกจะรักพี่สวยมาก ยอมพี่สวยสุดๆ เลย เมื่อก่อนท่านพี่นะเป็นที่เรียกว่าเลือดเย็น และเย็นชาสุดๆ ไปเลย เพราะเป็นแบบนั้นถึงได้ดูแลโลกปีศาจให้อยู่ดีมาตลอด แต่พอมีพี่สวยเข้ามาท่านพี่ดูอ่อนโยนมากขึ้นดูจากสายตาก็รู้แล้ว"

"พี่เห็นอัสบัสชอบบังคับพี่จะตาย" ข้าวสวยยังไม่วายต้องขัดขึ้นมาเมื่อนึกถึงการกระทำของอัสบัส

"เพราะท่านพี่เป็นห่วงพี่สวยต่างหาก เชื่อข้าสิว่าท่านพี่รักท่านจริงๆ พี่สวยอาจไม่เชื่อที่ข้าพูดแต่ข้าอยากให้ลองมองดูให้ดีๆ ไม่ใช่ตานะแต่ให้ใช้ใจของพี่สวยดูแล้วพี่สวยจะรู้คำตอบของทุกคำถามที่อยู่ในใจ ข้าว่าเลิกคุยเรื่องนี้ดีกว่าไปดูดอกไม้กัน" ข้าวสวยได้แต่ครุ่นคิดถึงคำพูดของมิคาร์เอล 'ใช้ใจมองหรือ?' ถึงจะยังไม่เข้าใจเท่าไหร่แต่ก็จะลองดูเผื่อบางทีความสับสนในใจอาจจะหายไปก็เป็นได้ แต่ก็แปลกถึงจะรู้สึกว่าใจสับสนแต่ส่วนลึกในจิตใจกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

กลิ่นหอมของดอกไม้ สายลมที่พัดเข้ามามันช่างทำให้รู้สึกดีเหลือเกินอยากให้อัสบัสมาด้วยจังจะได้รับบรรยากาศดีๆ ไม่ต้องทำหน้าอย่างกับแบกโลกทั้งใบเอาไว้อยู่ เอะ! คิดถึงไอ้เขาควายนั้นทำไมกัน ว่าแล้วข้าวสวยก็สลัดความคิดทิ้งทันทีหันมาสนใจกับมวลดอกไม้ต้นไม้ต่อเหลือบมองทางมิคาร์เอลก็อดยิ้มไม่ได้ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นช่างสวยงามจริงๆ เลย

วันนี้ข้าวสวยรู้สึกว่าตนเองมีความสุขมากแม้ในใจจะยังมีเรื่องให้สับสนแต่มันก็ไม่ได้บั่นถอนความสุขลงเลย แต่หารู้ไม่ว่าทุกการกระทำนั้นอยู่สายตาของคนในมุมมืดอยู่ตลอดเวลา
มิคาร์เอลรับรู้ถึงสายตาที่จ้องมองอยู่แต่มันมาจากสองทาง และแน่ใจว่าจะต้องไม่มาดีแน่นอนจึงกะจะชวนข้าวสวยกลับแต่ดูเหมือนจะช้าไปเมื่อลูกธนูดอกใหญ่พุ่งมาทางพี่สะใภ้

"พี่สวยระวัง!!!"





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-08-2017 19:25:34 โดย ตั้งโอ๋ »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด