บทที่ 28 : สองราชัน (2)
ท้องพระโรงแห่งแผ่นดินอิซิลดาร์
ถึงเวลานัดหมาย ริวอร์นอร์ อาห์นดีร์ รูเมเรียร์--กษัตริย์ผู้คืนแผ่นดิน ได้รับเกียรติให้นั่งบัลลังก์เคียงข้างบัลลังก์ของท่านหญิงเอริแอดเน่แห่งอิซิลดาร์ ธงประจำพระองค์สองผืนถูกชักขึ้นเคียงกัน ธงสัญลักษณ์อันแขวนอยู่หลังบัลลังก์ของราชาริวอร์นอร์เป็นม้าดำเขาเดี่ยว นัยน์ตาปักด้วยไหมสีแดงฉาน เขากลางหน้าผากปักด้วยไหมดำประกายเงินซึ่งคล้ายปั่นจากแร่เหล็กดำจริงๆ ลมหายใจของมันปรากฏเป็นลวดลายม้วนวน ปักด้วยไหมสีขาวอมเทาแซมด้วยไหมสีแสดเกือบแดงนิดๆ แสดงถึงความร้อนระอุเฉกม้าศึก ขณะที่ธงสัญลักษณ์อันแขวนอยู่หลังบัลลังก์ของท่านหญิงเอริแอดเน่เปรียบเสมือนคู่ตรงข้าม ยูนิคอร์นขนสีขาวบริสุทธิ์ครองสีหน้าสงบและสูงส่ง เขาเดี่ยวมีลายปักสายน้ำอ่อนโยนม้วนเป็นเกลียวโอบล้อมอยู่ ฝีมือช่างอิซิลดาร์ประณีตกระทั่งลายปักดอกไม้สีขาวอมทองยังคล้ายส่งกลิ่นหอมหวานอวลท้องพระโรง
ทว่าขณะนี้ สิ่งที่ส่งกลิ่นฉุนที่สุดคือ ‘ความประหวั่นต่ออนาคตและความเคลือบแคลงใจ’
ไม่มีผู้ใดทราบว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไร แม้กระทั่งเอลเดอร์ผู้อาวุโสที่สุด แก่ประสบการณ์ที่สุดยังไม่อาจทำนายได้ พวกนางยืนบนยกพื้นต่ำกว่าบัลลังก์หนึ่งขั้น ดวงตางดงามอันซ่อนเล่ห์กลแนบเนียนหลายคู่จับไปที่กระจกเวทบานยาวซึ่งตั้งอยู่กลางท้องพระโรง ในกาลก่อน ราชาเฟรธูรินแห่งรูเมเรียร์ได้มอบกระจกเวทบานนี้ให้ท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์ เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารในยามห่างไกล
กระจกเวทได้รับการดัดแปลงเล็กน้อย แต่เดิมมีบานเดียว เวลานี้ถูกประกอบใหม่เป็นกระจกหกด้าน ซึ่งสะท้อนภาพแบบเดียวกันจากกระจกเวทบานหลัก
นอกจากเอลเดอร์และขุนนางสูงศักดิ์แห่งอิซิลดาร์แล้ว ท่านหญิงเอริแอดเน่ยังเชิญราชทูตจากเผ่าพันธุ์อื่นเข้าร่วมรับฟังการสนทนาอันจะถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ครั้งนี้ด้วยน้ำใจกว้างขวาง ทั้งเซ็นทอร์ ดวอร์ฟ มนุษย์ หรือกระทั่งคณะทูตดาร์กเอลฟ์ของจอมทัพทมิฬ
ผู้ร่วมท้องพระโรงทุกผู้เฝ้ารอภาพที่กำลังจะฉายขึ้นมา
ภาพของกษัตริย์หนุ่มองค์ปัจจุบันของรูเมเรียร์
“เราตื่นเต้นจนมือเย็นไปหมด” ริวอร์นอร์โน้มใบหน้ามากระซิบข้างหูเอริแอดเน่
“หรือ” นางรำพึงพอให้ได้ยินกันสองคน ใบหน้าเชิดและมองตรง “เจ้ากำลังเนื้อเต้นว่าจะรับขวัญน้องชายอย่างไรดีสินะ”
ริวอร์นอร์ยิ้มอ่อนโยน ต่อหน้าธารกำนัล เขาแสดงออกได้อย่างเหมาะสม ไร้ที่ติ
เสียงแตรประกาศว่าถึงเวลาแล้ว ผู้เป่าแตรเป่าเสร็จก็กลั้นหายใจ รอให้ภาพฝั่งรูเมเรียร์ปรากฏขึ้นบนกระจกเวท
ไม่คลาดสักวินาทีตามกำหนด ภาพของราชาซิกฟรีดปรากฏขึ้นในกระจกเวท ราชาหนุ่มประทับฝั่งเดียวกับข้าราชบริพารของพระองค์ สีหน้าของเหล่าขุนนางรูเมเรียร์ช่างเคร่งขรึม ริมฝีปากเรียบตึงราวกับไม่เคยแย้มรอยยิ้ม ขุนนางคนสำคัญอยู่บริเวณฝั่งขวา หมายรวมถึงอิลราลานผู้เป็นองครักษ์และหน่วยกาลาฮานซึ่งยืนถัดไปทางด้านหลัง มาลแกธอยู่บริเวณฝั่งซ้าย--ฝั่งเดียวกับคณะทูตจากหลายดินแดน มีทาราเธียลและทูตจากตระกูลล็องธูขนาบข้าง
“น้องชายเรา” ริวอร์นอร์ยิ้มกว้างพร้อมผายมือออก ขณะซิกฟรีดอ้าปากน้อยๆ คล้ายไม่เชื่อสายตา ก่อนจะยิ้มกว้างเช่นกัน
“พี่…”
ละครอันตรายเริ่มขึ้นแล้ว
“มีหลายเรื่องที่เราต้องคุยกัน แต่เวลานี้คงลุกไปกอดทักทายเจ้าไม่ได้ ท่านหญิงเอริแอดเน่กรุณาให้เราพำนักที่อิซิลดาร์ก่อนเดินทางกลับรูเมเรียร์ นางแสดงความกังวลว่าหากเรากลับไปกะทันหันจะทำให้ราชสำนักแตกตื่น จึงขอเอ่ยทักทายเจ้าและขุนนางผ่านกระจกเวทก่อน” ริวอร์นอร์กล่าวอย่างลื่นไหล ภาษากายผ่อนคลายและเปิดเผย เป็นราชาที่ใจกว้าง เป็นพี่ชายที่อารี
เจ้าเป็นคนอยากติดต่อเอง มาอ้างชื่อข้า งามหน้านัก ริวอร์นอร์ ถึงจะคิดเช่นนั้น เอริแอดเน่ก็ไม่เอ่ยอะไร นางพิจารณาซิกฟรีดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
ขณะเหล่าเอลฟ์ผู้ไม่ทราบความจริงล้วนปลาบปลื้มต่อท่าทีรักใคร่ปรองดองของสองกษัตริย์
“พี่หญิง…” ซิกฟรีดน้อมศีรษะให้เอริแอดเน่
“ท่านซิกฟรีด สบายดีหรือไม่” จากกันครั้งสุดท้ายบอกลาไม่ดีนัก ทว่าเอริแอดเน่ไม่แสดงอาการตัดพ้อหรือน้อยใจ
“ขอบพระทัย น้องสบายดีเช่นเดิม พี่หญิงเล่า…”
แม้จะแสดงละครต่อหน้าริวอร์นอร์เก่งเพียงไหน แต่พอถึงคราวสนทนากับเอริแอดเน่ ซิกฟรีดกลับแสดงสีหน้าอย่างซื่อตรงและจริงใจ ริวอร์นอร์จับสังเกตนั้นได้ เขากระตุกยิ้มบางๆ ...ยังอ่อนแอเช่นเคยต่างหากเล่า อาเลธ
“เป็นกังวล” นางหันมองริวอร์นอร์ด้วยสีหน้าห่วงใยแล้วเบือนหน้ากลับมายังกระจก “ราชาที่รักของพวกเราเดินทางมาไกล ข้าได้ต้อนรับพระองค์อย่างดีที่สุด และหวังว่าการต้อนรับนี้จะช่วยแสดงความจงรักภักดีและความจริงใจของท่านที่มีต่อเขาได้ ข้าทราบดีว่าความกังขาและวิตกกังวลแพร่กระจายไปทั่วแผ่นดินเมื่อเรามีราชาถึงสองพระองค์ รูปการณ์เช่นนี้ พวกท่านทั้งสองคิดเห็นเป็นอย่างไร”
ผู้ร่วมฟังเผลอกลั้นหายใจ เมื่อท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์เอ่ยออกมาตามตรง ความสนใจทั้งหมดก็พุ่งไปที่สองกษัตริย์
“สำหรับเรื่องนั้น...ข้าคิดว่าพี่ริวอร์นอร์เตรียมการไว้แล้วใช่หรือไม่” ซิกฟรีดหยั่งเชิงพี่ชายของตน
“อืม…” ริวอร์นอร์ถอนใจหนัก “เราติดค้างเจ้า อาเลธ…”
ซิกฟรีดกำหมัดน้อยๆ
ใช่ เจ้าติดค้างข้า เจ้าขโมยชีวิตไปจากข้า จากพี่เฟรธูริน และจากพี่หญิงในคณะทูตดาร์กเอลฟ์ฝั่งรูเมเรียร์ โคลด์พิจารณาริวอร์นอร์ ดวงตาของเขากระตุก ถ้าไม่รู้เช่นเห็นชาติกันมาก่อน เขาก็เป็นราชนิกูลเอลฟ์ที่เหมาะจะนั่งบัลลังก์กษัตริย์
ถ้าไม่รู้มาก่อนน่ะนะ...“เราถูกดาร์กเอลฟ์ลอบสังหารจริง ถูกพิษจริง และเกือบตายจริง พวกมันประกาศว่าทำเพื่อปลดแอกดาร์กเอลฟ์ในรูเมเรียร์ และเพื่อแก้แค้นให้จอมทัพทมิฬ คืนที่เราเจ็บหนักและเจ้าถูกกันออกจากห้องของเรา เป็นคืนที่เราเหนื่อยล้ากับสงครามอย่างยิ่ง...น้องชาย เราเอ่ยกับท่านหญิงผู้เป็นที่รักและคนสนิทว่า ‘หากจะมีพรใดที่เราบังอาจขอได้จากบิดาและมารดานภา เราขอเพียงความสงบ’ ”
มีเสียงฮือฮาจากกลุ่มดาร์กเอลฟ์ฝั่งรูเมเรียร์ คำกล่าวนี้เหมือนอารี แต่ย่อมทำให้ที่ยืนของดาร์กเอลฟ์ในรูเมเรียร์ลำบากขึ้น
อาเลธผู้ไร้เดียงสา...เจ้าตามเราทันหรือไม่ ประกายตาของริวอร์นอร์วามวาว เขาว่าต่อไป
“ขุนนางทั้งหลาย เราเห็นแก่ความสงบส่วนตนและทิ้งพวกท่านไป เรือที่พวกท่านจุดไฟเผาเป็นเรือเปล่า เราเตรียมการให้อาเลธขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างชอบธรรม บัลลังก์ที่เขานั่งอยู่เป็นบัลลังก์อันชอบธรรม”
เมื่อราชามงกุฏดำประกาศว่าราชาซิกฟรีดขึ้นครองราชย์อย่างชอบธรรม ก็มีเสียงระบายลมหายใจอย่างโล่งอกจากฝั่งที่ไม่ทราบเรื่อง และเสียงสูดหายใจอย่างอึดอัดจากฝั่งที่สนับสนุนการชิงบัลลังก์
“มีผู้ทราบเรื่องไม่มากนัก” ถึงตรงนี้เขาบีบมือเอริแอดเน่ คล้ายประกาศว่านางเป็นหนึ่งในผู้รู้เห็นคนสำคัญ--อาจเป็นผู้ร่วมวางแผนเสียด้วยซ้ำ
เอริแอดเน่ไม่ผ่อนท่าที นางรู้ว่าริวอร์นอร์กำลังวางหมากล้อมนางและซิกฟรีด...ให้ไปถึงจุดรุกฆาตที่ว่า...นี่ไม่ใช่การชิงบัลลังก์อันมีเหตุผลเน่าเฟะมืดดำ แต่เป็นการมอบให้...และการขอคืนกลับ
ดั่งซิกฟรีดเป็นตัวแทนในตำแหน่งราชาเพียงชั่วคราว--ผู้รักษาการณ์ตำแหน่งราชา ซึ่งถ้ายอมรับเรื่องนี้ ณ เวลานี้ วันข้างหน้าซิกฟรีดจำต้องถวายบัลลังก์คืนแก่ริวอร์นอร์...อย่างน้องชายที่ดีและรักใคร่กลมเกลียวกับพี่ชายพึงกระทำ
ซิกฟรีดรับฟังอย่างสงบ เขากำลังนึกหาวิธีเล่นเกมรุกอย่างหนัก ซึ่งดูเหมือนจะพ่ายตั้งแต่หมากยังไม่ถูกวางบนกระดาน ริวอร์นอร์เริ่มเกมด้วยการปิดทางรอดทุกประตู โดยใช้เหตุผล ‘กบฏดาร์กเอลฟ์’ ที่เขาอ้างกับประชาชนย้อนมาแทงตัวเขาเอง ทั้งกระหน่ำไปถึงดาร์กเอลฟ์ผู้ไม่รู้ไม่เห็นเรื่องอันใด ซ้ำราชามงกุฏดำยังบีบพี่หญิงไว้ในอุ้งมือ ฐานะที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเสียอีก เขาไม่อาจปฏิเสธ ทั้งไม่อาจตอบรับ จะมีหนทางใดหลงเหลือนอกเหนือจากนิ่งเฉย
จะมีหนทางใดอีกหรือ
“ข้าขอคัดค้าน” เสียงเยือกเย็นดังมาจากคณะทูตดาร์กเอลฟ์ฝั่งรูเมเรียร์ “ข้าเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องคัดค้าน และอาจทำลายความหวังของประชาชนชาวรูเมเรียร์ แต่หากไม่คัดค้านในวันนี้ อนาคตประเทศแห่งเอลฟ์อาจสิ้นชาติ”
มันผู้นี้กล่าวอย่างใจกล้า และเดินออกมาข้างหน้า เมื่อเดินออกมาจากกลุ่มดาร์กเอลฟ์ย่อมเป็นดาร์กเอลฟ์ เพียงแต่มันสวมเสื้อคลุมและฮู้ดปิดบังหน้าตา เห็นเพียงหน้ากากที่มีจะงอยปากยืดยาวออกมาด้านบน
กลุ่มทูตจากดาร์กเอลฟ์แปลกใจ พวกเขามิใช่ราชทูตอย่างเป็นทางการของจอมทัพทมิฬ แต่เป็นดาร์กเอลฟ์ที่ลี้ภัยสงครามและเข้ามาตั้งรกรากในรูเมเรียร์ตั้งแต่ครั้งราชาเฟรธูริน แต่ละฝ่ายเป็นหลายเผ่าที่ห่างเหินกัน แต่ละเผ่าได้รับเชิญจากราชาซิกฟรีดให้มารวมกัน จึงไม่มีใครเอะใจว่ามันผู้นี้ที่ไม่ใช่คนในเผ่าของตนเป็นใคร เพราะนึกว่าได้รับเชิญมาด้วยกัน
เห็นดาร์กเอลฟ์ที่ทรยศเผ่าพันธุ์ไปสยบแทบเท้าเอลฟ์เดินออกมา ทูตของจอมทัพทมิฬที่ฝั่งอิซิลดาร์ก็มีท่าทางไม่พอใจ
“อา…” ริวอร์นอร์ขยับกายมาเบื้องหน้าเล็กน้อย สายตาเขม้นมองดาร์กเอลฟ์ผู้นั้นให้ถนัด “เราได้ยินมาว่าอาเลธให้ ‘ความเมตตา’ แก่ดาร์กเอลฟ์ผู้หนึ่งเป็นพิเศษ ดูจากการที่น้องชายเราไม่ทักท้วงแม้จะถูกขัด เจ้าคงเป็นดาร์กเอลฟ์นามโคลด์ สตาร์...หากเราได้ยินมาไม่ผิด”
คำพูดของราชามงกุฏดำให้น้ำหนักข่าวลือว่าราชาหนุ่ม--ซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์มีใจให้ดาร์กเอลฟ์จนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และการที่ราชาซิกฟรีดนิ่งเฉย ไม่ปฏิเสธคำพูดนั้น ก็ตอกหมุดข่าวลือให้เป็นข่าวจริง--เป็นความจริง
“เจ้าชายของข้า” โคลด์คุกเข่าทำความเคารพสูงสุดแก่ริวอร์นอร์ ฝ่ามือแตะหน้าผากและทาบบนหน้าอก “ท่านย่อมรู้จักข้า เพราะท่านรับข้ามาจากจอมทัพทมิฬในฐานะตัวประกันเชื่อมสัมพันธ์...”
ป้ายสี! นี่คือการป้ายสีซึ่งๆ หน้าอย่างไร้ความละอาย
“แม้ราชาซิกฟรีดจะทราบความลับระหว่างท่านกับจอมทัพทมิฬก็ยังปิดบังไว้ ซ้ำยังให้เกียรติข้าดั่งมหามิตรจนถูกประชาชนของเขาเข้าใจผิด ความดีของเขาทำให้ข้ารู้สึกละอาย ‘เจ้าชายริวอร์นอร์’ เวลานี้ความเมตตาและความรักอันยิ่งใหญ่ของราชาซิกฟรีดที่มีต่อท่านทำให้ข้าคิดได้และกลับตัวกลับใจ ข้าจึงกล้าออกมาประกาศความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับจอมทัพทมิฬ”
“หืม” ริวอร์นอร์ดันตัวกลับไปนั่งพิงบัลลังก์ สีหน้าปกติ ไม่ทุกข์ร้อน “เรามีความสัมพันธ์อะไรกับจอมทัพทมิฬหรือ วานเจ้าบอกเราที เราจำไม่ได้ว่าเคยรับเจ้ามาในฐานะตัวประกัน หรือหากเป็นเช่นนั้นจริง ย่อมถือเป็นประโยชน์แก่รูเมเรียร์ในการเชื่อมสัมพันธ์กับแดนทมิฬ ไม่จำเป็นต้องรบพุ่งกันอีกใช่หรือไม่”
“เรื่องนั้นซับซ้อน ท่านจะให้ข้ากล่าวออกมาจริงหรือ” โคลด์โต้แล้วยกยิ้มลำบากใจ
ริวอร์นอร์ผายมือ เป็นเชิงให้ดาร์กเอลฟ์ว่าต่อได้
“กล่าวออกมาเถิด มีเรื่องใดของราชามงกุฎดำที่ข้าไม่ทราบหรือ” เอริแอดเน่เอ่ยสนับสนุนพลางชักมือออกจากริวอร์นอร์อย่างแนบเนียน นานทีจะมีคนกล้าหักหน้าริวอร์นอร์ ถึงมันจะเป็นดาร์กเอลฟ์ที่นางชัง นางก็ยินดีชมการแสดงของมัน
ซิกฟรีดหลุบตาลง กริยาเพียงเล็กน้อยแต่แฝงนัยมหาศาล สำหรับผู้ที่สังเกตโดยตลอด...อาจเข้าใจว่าราชาหนุ่มทราบเรื่องที่ดาร์กเอลฟ์กำลังจะพูดเป็นอย่างดี และไม่อยากให้ ‘เรื่องนั้น’ ถูกเปิดเผย
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วซิกฟรีดไม่ทราบแผนการของโคลด์ เขาเพียงเชื่อใจโคลด์
ยามนี้...คำถามที่เขาเคยถามบรรดาขุนนางดังแว่วในมโนสำนึก
‘สิ่งใดกันเล่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าคมดาบ’
และคำตอบของอิลราลานกลับดังก้องยิ่งกว่า
‘ความเชื่อใจ’
“เมื่อสิบสามปีก่อน ข้าถูกส่งมายังราชวังรูเมเรียร์ในฐานะทาสนามโคลด์ สตาร์ ด้วยข้อตกลงของท่านกับจอมทัพทมิฬ ภายนอกท่านเหมือนไม่รู้จักข้า แต่ภายในทราบว่าข้าคือตัวประกัน ท่านยังพาข้าไปสถานที่ลับของท่านซึ่งใช้ศึกษาวิชาทมิฬ” โคลด์เว้นจังหวะ “แน่นอนว่าสถานที่นั้นมีเพื่อประโยชน์ของรูเมเรียร์ แต่จะให้ข้าพูด ก็เป็นสถานที่น่าเวทนาของดาร์กเอลฟ์”
โคลด์เอ่ยเช่นนี้เพื่อบอกว่า เขาทราบสถานที่ลับสำหรับเล่นเวททมิฬของริวอร์นอร์แล้ว ซึ่งความจริงกอห์นดีเอนยังหาไม่พบหรอก แต่ถ้าต้องแสดงหลักฐาน ฉากแบบไหนก็ใช้อำนาจของซิกฟรีดจัดขึ้นมาได้ทั้งนั้น
“นี่คือป้ายผ่านทางสำหรับเข้าไปสถานที่นั้น” โคลด์โยนป้ายเหล็กดำสลักตราสัญลักษณ์ดาร์กเอลฟ์ซึ่งเคยกรีดอยู่บนร่างเอริแอดเน่
คราวนี้ นางกษัตริย์เกร็งร่างขึ้น นางกำเท้าแขนบัลลังก์ ข่มความอับอายที่เกิดขึ้นในใจ
“อืม” บรรยากาศสบายๆ ของริวอร์นอร์หายวับไป เหลือเพียงสายตากร้าวและดุดัน
“เจ้า!” เอริแอดเน่เอ่ยเสียงพร่า
“เจ้ากำลังกล่าวหาเราด้วยข้อหาที่ร้ายแรงที่สุด ดาร์กเอลฟ์…” ริวอร์นอร์ลุกขึ้น เขาก้าวช้าๆ ลงจากบัลลังก์ ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้ากระจกเวทบานยาว
“ที่เป็นจริง” โคลด์ลุกยืนเช่นกัน
“เจ้ามีหลักฐานอะไรที่บอกว่าตนเป็นตัวประกัน” เอริแอดเน่เข่นเขี้ยว หันไปทางคณะทูตของจอมทัพทมิฬ “ถ้าเจ้ามีความสำคัญต่อจอมทัพทมิฬจริง ทูตเหล่านี้ย่อมรู้จัก”
ไม่ว่าทูตเหล่านี้จะรู้จักโคลด์ สตาร์หรือไม่ การที่จอมทัพทมิฬถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับเอลฟ์ก็เป็นเรื่องร้ายแรงเช่นกัน พวกมันย่อมปฏิเสธทุกทาง เอริแอดเน่คำนวณเช่นนั้น
“ของขวัญที่จอมทัพทมิฬมอบให้ท่านริวอร์นอร์ในวาระกลับคืนสู่แผ่นดินนั้นมีค่าน้อยนิด” โคลด์ลดฮู้ดลง เผยเส้นผมสีเงินยาวลากพื้น ใบหน้าซ่อนอยู่ใต้หน้ากากรูปนก ผิวสีม่วงอมเทา และผ้าคลุมขนนกสีดำแซมเงินที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมชั้นนอก “มีค่าน้อยนิดจริงๆ เมื่อเทียบกับตัวข้า ทายาทของเซลันเดียร์แห่งเผ่าจันทร์”
เข่าของดาร์กเอลฟ์ฝั่งรูเมเรียร์ทรุดลงแทบพร้อมกัน พวกมันคล้ายได้เห็นภูตผีอยู่ตรงหน้า ดาร์กเอลฟ์ที่รักสันติ ไหนเลยจะไม่รู้จักหัวหน้าเผ่าอันเป็นที่รักของเทพีจันทร์ ‘เซลันเดียร์ผู้แสวงหาสันติ’ บุรุษผู้ถูกจอมทัพทมิฬสังหารอย่างเหี้ยมโหด
หัวหน้าเผ่าดาร์กเอลฟ์ที่มาในวันนี้ล้วนเป็นเผ่าที่ให้ความเคารพแก่เซลันเดียร์--บิดาของโคลด์--ผู้ซึ่งถูกจอมทัพทมิฬบั่นศีรษะเมื่อสิบแปดปีก่อน พวกเขายังจดจำภาพของท่านไว้ในใจได้ไม่ลืม หน้ากากแพทย์รูปนกสลักลวดลายของเผ่าจันทร์ ผ้าคลุมขนนกมูนไลท์สีดำแซมเงิน เส้นผมสีเงินยาวลากพื้น และผิวสีม่วงอมเทา
โคลด์ใช้ปลอกเล็บกรีดฝ่ามือทั้งสองข้างช้าๆ โดยไม่แสดงอาการเจ็บปวด จากนั้นก็ผายมือมาข้างหน้าเพื่อให้คณะทูตดาร์กเอลฟ์ฝั่งอิซิลดาร์เห็นได้ชัด คำเอ่ยภาษาเวทมนตร์ของเผ่าจันทร์ก่อให้เลือดบนฝ่ามือส่องแสงนวลตาดุจแสงจันทร์วันเพ็ญ
นี่เป็นวิธีแสดงตัวของเผ่าจันทร์
“ข้าคือฮีมเดียร์แห่งเผ่าจันทร์”
พร้อมคำประกาศถึงเผ่าสมมติเทพที่สูญสิ้น เผ่าที่ได้รับความรักดุจราชวงศ์รูเมเรียร์ในแผ่นดินเอลฟ์ มีศักดิ์และสิทธิ์สูงส่งหยั่งรากลึกในใจชนดาร์กเอลฟ์
ทูตดาร์กเอลฟ์ฝั่งรูเมเรียร์ร่ำไห้ ร้องตะโกนว่า “ถวายความเคารพแด่เผ่าจันทร์! แด่เผ่าจันทร์!”
—————————————————————————
A/N โคลด์ก็มีไม้เด็ดเหมือนกันเนอะ >_0
เป็นตอนที่เขียนยากเหมือนกันค่ะ ตัวละครเอกของทั้งสองฝั่งมาฉะกัน
เอาจริงๆ ถ้าไม่มีอะไรรั้ง โคลด์ aka ฮีมเดียร์ ก็แสบไม่แพ้เอริแอดเน่
ความเจ้าเล่ห์และความราชินีกินกันไม่ลง /สวมรองเท้านางพญาให้ฮีมเดียร์
ป.ล. ผมยาวแบบนี้ มีคนแอบติดใจตั้งสองคน \(*0*)/
ชุด Sexy ของโคลด์
และภาพแฟนอาร์ตน้องงูจากคุณ Ann Sophon ค่ะ
ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @ILLREIwriter
♰ LINE : @illrei