【 ♕ Elven Almanac ♕ 】♰ ราชันพันธนาการ ♰ ตำนานเทพีจันทร์ แจ้งข่าวหน้า 35
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: 【 ♕ Elven Almanac ♕ 】♰ ราชันพันธนาการ ♰ ตำนานเทพีจันทร์ แจ้งข่าวหน้า 35  (อ่าน 235118 ครั้ง)

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ศักดิศรีอร่อยมั้ยเจ๊เอริแอด กินมากๆไม่เอียนมั่งหรอ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อื้อหืออออออออออออออ

แอรี่ดีกับคนที่ดีต่อนาง ส่วนคนที่ไม่ได้ดั่งใจนางไม่ดีด้วย เช่น ซิก เป็นต้น

เราชอบเจย์ เขามีความตรงไปตรงมา กะเก็บหญิงมาแต่งเมีย ดันกลายมารับใช้นางอย่างเต็มใจซะอย่างนั้น

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆเล่อ

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
อื้อหืออออออออออออออ

แอรี่ดีกับคนที่ดีต่อนาง ส่วนคนที่ไม่ได้ดั่งใจนางไม่ดีด้วย เช่น ซิก เป็นต้น

เราชอบเจย์ เขามีความตรงไปตรงมา กะเก็บหญิงมาแต่งเมีย ดันกลายมารับใช้นางอย่างเต็มใจซะอย่างนั้น
เอริแอดเน่ค่อนข้างเป็นสีดำค่ะ แต่กับเจย์จะเรียกว่าพิเศษก็ได้
คล้ายเฟรธูริน ไม่ใช่หน้าตาหรือนิสัย แต่เป็นแง่มุมที่เขามองนาง
เหมือนว่านางมีจิตใจน่าเกลียด แต่ชายสองคนนี้ก็เชื่อว่านางมีจิตใจที่สวยงามซุกซ่อนอยู่
ออกแนวพระเอกเปลี่ยนตัวร้ายหญิงให้เป็นคนดีค่ะ
แต่จะสำเร็จหรือเปล่าก็เป็นไปตามเนื้อเรื่อง+ดูกันต่อไปค่า

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 24 : โลหิตนภา (5)

‘มนตร์ทมิฬ’ คือสิ่งที่เอริแอดเน่เรียนรู้มาระหว่างทำสงครามกับเผ่าทมิฬ ในครั้งนั้นนางบุกตีเมืองดาร์กเอลฟ์แห่งหนึ่งพร้อมกับริวอร์นอร์ และยึดหอสมุดใต้ดินไว้ได้ทันก่อนที่ดาร์กเอลฟ์จะทำลายมันเพื่อป้องกันชาวเอลฟ์ศึกษาวิชาทมิฬ

ทว่าสิ่งที่ดาร์กเอลฟ์มีมิใช่วิชาปลุกชีพคนตายโดยสมบูรณ์ เป็นแค่วิชาสร้างอันเดดหรือสิ่งซึ่งฟื้นชีวิตขึ้นมาในร่างกายเน่าเฟะ ทว่าในส่วนลึกของหอสมุดหลวงแห่งอิซิลดาร์ ก็มีวิชาคืนชีวิตให้แก่คนตายเฉกกัน เอริแอดเน่ผสานภูมิความรู้ของทั้งสองฝั่ง--เอลฟ์และดาร์กเอลฟ์--อย่างหมกมุ่นเพื่อหวังคืนชีพให้เฟรธูริน

แน่นอนว่านางทำไม่สำเร็จ จึงมาอยู่ ณ จุดนี้กับซากศพมีชีวิตของริวอร์นอร์

เจย์จากไปแล้ว เมื่ออสรพิษของนางนำอาหารมา นางก็ปล่อยศพมีชีวิตจากโลงหินไปไล่ล่าอาหารภายในถ้ำ

ซากศพอดีตราชาเอลฟ์ไร้ความสง่างามโดยสิ้นเชิง มันเคลื่อนไหวเชื่องช้า ทั้งติดขัดเหมือนหุ่นที่ถูกชักโดยนักเชิดอ่อนประสบการณ์ ทว่าเมื่อจมูกกึ่งเป็นกึ่งตายได้กลิ่นเนื้อสดจากเหยื่อที่ยังมีชีวิต ความหิวโหยอันไร้ก้นบึ้งก็กระตุ้นสัญชาตญาณดิบให้มันออกล่า ซากศพพุ่งเข้าหาเหยื่อซึ่งจนทางหนี มันใช้แขนรัดเหยื่อไว้ทั้งตัว แล้วใช้ฟันกัดกระชากเนื้อมากิน

“น่าสมเพช” เอริแอดเน่กอดแขนตัวเอง มนตร์นอกรีตก็คือมนตร์นอกรีต อันเดดที่ถูกปลุกชีพจำต้องกินเลือดและเนื้อของสิ่งมีชีวิตที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกับตน หากปลุกชีพกวาง กวางอันเดดก็จะกินเนื้อกวางด้วยกัน หรือ เนื้อแพะ เนื้อละองละมั่ง ในที่นี้ริวอร์นอร์เป็นเอลฟ์...จึงต้องกินเนื้อคน ไม่ว่าจะเป็นเอลฟ์ มนุษย์ หรือดาร์กเอลฟ์

เหยื่อที่อสรพิษจับมาเป็นมนุษย์เพศชาย หน้าตาท่าทางอย่างโจรร้ายและพกอาวุธ ในตอนที่ท้องของมันถูกแหวกและริวอร์นอร์กัดกินเนื้อสดๆ ในหูของเอริแอดเน่อื้ออึง นางจิกเล็บกับต้นแขนจนเลือดซิบ

“นรก” นางหลุดขำออกมา ขณะน้ำตาไหลในอก “นี่หรือคือจุดจบของเจ้าและข้า นางแม่มดนอกรีตกับซากศพกินคน” จากนั้นนางก็หัวเราะเสียงดัง เหมือนจะส่งเสียงเยาะเย้ยให้ดังไปถึงวิญญาณของริวอร์นอร์ซึ่งถูกผนึกอยู่ในร่างนั้น

เพื่อการฟื้นคืนชีวิต มนตร์ทมิฬเชิดซากศพให้กินเนื้อและดื่มเลือดเหยื่อ ยึดเอาพลังและเลือดจากเหยื่อมาเป็นของตน ถึงกระบวนการนี้จะน่าสยดสยอง แต่ขณะเดียวกันก็น่าอัศจรรย์ใจ เริ่มจากเส้นเลือดที่เคยเป็นสีดำอย่างคนตายค่อยๆ เรื่อสีแดงเฉกคนเป็น หัวใจเริ่มเต้นแผ่วเบา เส้นผมแข็งกระด้างก็เหมือนจะอ่อนนุ่มและเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย

มันเริ่มหายใจและเริ่มเห็นสีสันของสิ่งต่างๆ ดวงตาเป็นฝ้าจางมองไปรอบตัวก่อนจะหยุดที่เอริแอดเน่ มันจ้องนางชั่วครู่หนึ่ง ก่อนเปิดปากที่ชุ่มไปด้วยเลือด

“อา…”

มันส่งเสียงไร้ความหมายโดยไม่ละสายตาจากท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์เลย

“อา…”

มันส่งเสียงอีกครั้ง ดวงตาคนตายจับที่นางเช่นเดิม หากมันทำเพียงครั้งเดียวคงปล่อยผ่านไปได้ แต่มันทำแบบเดิมติดกันถึงสองครั้ง ทำให้น่าคิดว่ามันกำลังสื่อสารอะไรกับนางหรือไม่

เรียกนางหรือ...มันกำลังส่งเสียงเรียกนางหรือ

เอริแอดเน่ชี้ดาบเวทเพื่อออกคำสั่ง “พอแค่นี้ กลับมาที่โลงของเจ้า”

ซากศพเพียงมองนางแต่ไม่ขยับเคลื่อนไหว มันส่งเสียง “อา…” เป็นครั้งที่สาม ราวกับพยายามเรียกนางจริงๆ

หรืออาจเป็นอย่างอื่น มันอาจสาปส่งนาง ก่นด่านาง หรือมันอาจส่งเสียงไปอย่างนั้นเองก็เป็นได้

ผู้ที่ยืนอยู่ตำแหน่งสูงกว่าหรี่ตา สายฟ้าจากปลายดาบฟาดใส่อมนุษย์ด้านล่างเหมือนผู้ฝึกสัตว์ลงแส้เฆี่ยนสุนัข ทั้งรุนแรงและไร้เมตตา “กลับมา ข้าสั่ง”

สายฟ้าทำให้มันกระตุกรุนแรง ไม่ มันไม่ได้รู้สึกเจ็บหรือตกใจ เป็นแค่ปฏิกิริยาตอบสนองเฉียบพลันของร่างกายเท่านั้น

แต่สายฟ้าไม่ได้ไร้ประโยชน์ กลับกัน ฤทธิ์ของมันทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างแก่ซากศพอีกครั้งหนึ่ง

อดีตราชาเอลฟ์ผู้เกรียงไกรยกมือตัวเองขึ้นดู ท่าทางคล้ายเด็กที่ประหลาดใจและสนอกสนใจอะไรบางอย่าง

ซึ่งสิ่งที่มันประหลาดใจและสนอกสนใจนั้นก็คือ ‘ความรู้สึก’

สายฟ้าของเอริแอดเน่กระตุ้นให้ร่างกายที่เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่งกลับมาสัมผัสความรู้สึกต่างๆ เวลานี้มันรู้สึกเจ็บและชาแปลกๆ ทั่วร่างกายโดยเฉพาะบริเวณปลายนิ้ว มันจ้องเอา...จ้องเอา สักพักก็เงยหน้ามาหาเอริแอดเน่และร้อง “อา…”

สายฟ้าที่แรงกว่าเดิมช็อตร่างมันอีกครั้งโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า คราวนี้แรงจนทำให้มันดิ้นทุรนทุรายกับพื้น สีหน้าของผู้ลงทัณฑ์ไร้อารมณ์เหมือนรูปสลักน้ำแข็ง นางรอด้วยความอดทน อมนุษย์ตนนี้ต้องทำตามคำสั่งของนาง ในฐานะที่นางเป็นจอมเวทผู้ปลุกชีพมัน

ใช่ มันเป็นแค่อมนุษย์ เอริแอดเน่ย้ำกับตัวเอง

ซากศพเรียนรู้ มันเดินมาหาเอริแอดเน่อย่างเชื่องช้า และหยุดยืนตรงหน้านาง จมูกของมันได้กลิ่นหอมจากนาง มันโน้มศีรษะลงมาคล้ายจะดม

ท่านหญิงเอลฟ์ไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ แม้ต้องอยู่ใกล้อมนุษย์ที่พร้อมกินเลือดและเนื้อของนางได้ง่ายๆ นางชี้ดาบเวทไปที่โลงหิน “กลับเข้าไป เจ้าจะออกมาและได้กินเมื่อข้าอนุญาต”

น่าแปลก มันไม่นึกอยากกินนาง แต่เช่นเคย...มันไม่ทำตามคำสั่งจนโดนสายฟ้าฟาดอีกครั้ง

เมื่อเสร็จสิ้นการลงโทษ อสรพิษยักษ์ม้วนร่างของอดีตกษัตริย์และพากลับเข้าโลงหิน

เอริแอดเน่ไม่คิดแตะต้องซากศพนี้เกินความจำเป็น

---------------------------

อยู่ในราชวังแห่งรูเมเรียร์มาหลายวัน ถ้าโคลด์ไม่ได้คิดไปเอง ดูเหมือนซิกฟรีดหลบหน้าเขา ในที่สุดวันนี้โคลด์จึงเป็นฝ่ายบุกมาหา

เขาเดินสวนกับอิลราลาน ซึ่งเพิ่งออกมาจากหอสมุดหลวงหรือห้องทรงงานแห่งที่สองของซิกฟรีด ใบหน้าองครักษ์มือซ้ายที่ดูเคร่งเครียดอยู่แล้ว ขณะนี้ดูเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม

อิลราลานพยักหน้าให้โคลด์เล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย ก่อนสาวเท้าจากไปอย่างเร่งรีบ แต่แล้วก็ชะงัก หันมาหาโคลด์อีกครั้ง “เจ้า…” องครักษ์มือซ้ายลังเล “เจ้ามีความรู้ทางเวทของแดนทมิฬใช่หรือไม่”

“ก็มี” โคลด์ตอบง่ายๆ “ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าอยากให้ข้าทำอะไร” เขาคิดว่าอีกฝ่ายมีเรื่องให้ทำนั่นแหละ ถึงทักขึ้นมา อิลราลานเป็นคนที่ดูออกง่ายว่าไม่ใช่พวกคุยเรื่อยเปื่อยเหมือนมาลแกธ

อิลราลานพยักหน้า “โปรดเป็นที่ปรึกษาให้ราชาซิกฟรีด พระองค์ต้องการเจ้า” เขามองตาโคลด์ตรงๆ ช่างเป็นการขอร้องที่แข็งกร้าวเช่นทหาร

“ถ้าเขาเลิกหลบหน้าข้านะ” โคลด์ถอนใจแล้วเคาะประตูห้อง

“เข้ามา” เสียงทุ้มเข้มดังจากด้านใน พอโคลด์เปิดประตูเข้าไปก็พบสิ่งที่สมควรเรียกว่า ‘ภูเขาเอกสาร’ ซิกฟรีดนั่งบนโซฟากำมะหยี่ไม่ไกลจากโต๊ะทำงาน กำลังสูบไปป์พลางอ่านหนังสือปกดำเล่มหนึ่ง

โคลด์เลือกยืนพิงผนังข้างประตูที่รกน้อยหน่อย กอดอก ไขว้ขา “ไง” เขาเอียงคอทักทาย

“ไง” ซิกฟรีดเหลือบสายตามองโคลด์แล้วสนใจหนังสือต่อ “มานั่งสิ” เขาผายมือให้อีกฝ่ายมานั่งข้างกัน

วันนี้โคลด์ว่าง่าย เดินมานั่งตรงโซฟาทันที...ก็ถือว่าว่าง่ายกระมัง...ถึงเขาจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม ไม่ใช่จุดที่มือของซิกฟรีดผายอยู่ “ทำอะไรอยู่”

“อยากรู้ก็มานั่งข้างๆ” ซิกฟรีดตบเบาะโดยไม่เงยหน้าจากหนังสือ

สีหน้าของโคลด์บอกชัดเลยว่า ‘ได้คืบจะเอาศอก’ ดวงตาจ้องเขม็ง ใบหูสีเข้มตั้งตรง ดาร์กเอลฟ์คิดสักครู่แล้วย้ายไปนั่งด้านข้าง ทิ้งตัวลงอย่างจงใจให้โซฟายวบ “ว่ามา”

“ไปเดินเล่นกับมาลแกธเป็นอย่างไรบ้าง” ซิกฟรีดพลิกหน้ากระดาษ โคลด์จับได้ว่าราชาหนุ่มไม่ได้สนใจเนื้อหาสักเท่าไหร่ สายตาเลื่อนสะเปะสะปะไปทั่ว จะว่ากวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็วก็ไม่ใช่

โคลด์นึกอยู่สักครู่ว่าเขาไปเดินเล่นกับมาลแกธตอนไหน เพราะหลายวันมานี้เขาก็ไม่ค่อยได้เจอมาลแกธ จากนั้นก็นึกออกว่าน่าจะเป็นตอนที่เขากลับมาเอวา เธมาร์ “นั่นหลายวันแล้ว…” ไม่ใช่สิคำถามควรเป็น “เจ้ารู้ได้ยังไง” จากนั้นก็ตามด้วย “เจ้าจับตาดูข้าหรือ!”

โคลด์ถามอย่างทึ่งๆ

“ข้าเป็นราชาก็ควรทราบความเป็นไปของประชาชน” ซิกฟรีดปิดหนังสือฉับ! ก่อนหันมาจ้องโคลด์ ราชาหนุ่มยังใช้เวททมิฬปกปิดรูปโฉมของตนไว้

แบบนี้ยิ่งเหมือนซิกฟรีดในอาศรมที่โตขึ้นจริงๆ โคลด์ยกมือสองข้าง “ข้าไม่ใช่ประชาชนของเจ้า ตกลงไหม”

แปลว่าเลิกจับตาดูเขาได้แล้ว

“อย่างไรข้าก็ปล่อยเจ้าไปไม่ได้” ซิกฟรีดยกนิ้วขึ้น ยังไม่ให้โคลด์เอ่ยขัด “ข้าพูดในฐานะราชาของรูเมเรียร์ ไม่ใช่ฐานะของชายที่ไม่พอใจเวลาเห็นคนที่ตนรักอยู่กับชายอื่น”

โคลด์หน้าบูด แน่นอนว่าใบหูก็บึ้งตามหน้า “แล้วราชาของรูเมเรียร์จับตาดูดาร์กเอลฟ์ทุกคนหรือไง” เขาเถียง “อย่าบอกนะว่าเจ้าหลบหน้าข้าเพราะเหตุนี้”

“ราชาของรูเมเรียร์จับตาดูดาร์กเอลฟ์ที่จอมทัพทมิฬตามหา” ซิกฟรีดเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ “และเปล่า ข้าไม่ได้หลบหน้าเจ้า ข้ายุ่งกับเอกสารพวกนี้” โคลด์เห็นเถ้ายาสูบบนเอกสารบางชิ้น ถ้าขุนนางมาเห็นภาพนี้คงเหนื่อยใจ

“เจ้าหัดสูบตั้งแต่เมื่อไหร่” โคลด์คร้านจะเถียงอีก เขายื่นหน้าไปดูเอกสาร โดยมากเป็นคำร้องเกี่ยวกับอากาศวิปริต ฝนตกมากเกินไปและไม่ตรงฤดู “เจ้าดูสนใจสภาพอากาศมากเลยนะ”

“ข้าสูบมานานแล้ว” ซิกฟรีดตอบง่ายๆ ก่อนเหลือบมองเอกสารที่โคลด์พิจารณาอยู่ “สภาพอากาศคือสารจากบิดามารดา”

“อ้อ” โคลด์ทำหน้าเหยียด บิดานภาที่ทอดทิ้ง มารดานภาที่ขับไล่และสาปส่งดาร์กเอลฟ์ “ตกลงสิ่งที่เจ้าทำคือตรวจเช็กสภาพอากาศ แล้วทำไมอิลราลานถึงถามข้าเรื่องเวทของแดนทมิฬ หืม?”

โคลด์ได้ยินเสียงซิกฟรีดสบถเบาๆ คล้ายกับว่า ‘ยุ่งไม่เข้าเรื่อง’

“มันว่าอะไรอีก”

“ให้ข้าช่วยเจ้า ข้าเลยตอบว่าถ้าเจ้าเลิกหลบหน้าข้านะ” โคลด์ถูมือ “เอาล่ะ ชาแมนอยู่ที่นี่แล้ว ถามมา” เขาดูกระตือรือร้นที่จะช่วยซิกฟรีดในสิ่งที่ตนภูมิใจ

“ข้าควรตัดลิ้นมันหรือไม่” ซิกฟรีดถอนใจ ก่อนยกแขนพาดพนักโซฟาไปทางโคลด์ ดูคล้ายกำลังโอบดาร์กเอลฟ์จากด้านหลัง

“เจ้าล้อเล่นใช่ไหม ข้าชอบลิ้นของเขาออก” โคลด์อุทานอย่างจงใจกวน

“เรื่องที่ข้ากังวลคือ…” ซิกฟรีดชะงักคล้ายอิลราลาน คล้ายสิ่งที่จะเอ่ยต่อไปนี้เป็นเรื่องยากยิ่ง “หากเจ้าอยากช่วยข้าจริงๆ หรือแค่อยากทราบก็ตาม…”

“ข้าอยากช่วย” โคลด์ยืนยัน “ข้าอยากช่วยเจ้าหลายเรื่อง ซิกฟรีด”

ราชาหนุ่มยิ้ม “ก่อนอื่นเจ้าต้องให้คำสัตย์ว่าเรื่องนี้จะไม่ไปถึงหูมาลแกธ ล็องธู”

โคลด์เลิกคิ้ว “เจ้าให้ข้ามีความลับกับมาลแกธ เพราะเจ้าต้องการปิดเรื่องนี้จากเขา?”

“มันสำคัญยิ่งกว่าความหึงหวงไร้สาระ โคลด์ สตาร์...หากเจ้าสงสัยในตัวข้า”

“ข้าไม่ได้คิดว่าเจ้าหึงเลย ข้าคิดว่าข้าผ่ามายุ่งเรื่องการเมือง” โคลด์เหยียดสายตา

“จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด…”

“ก็ได้ จะยากอะไร ข้าไม่ได้เพิ่งมีความลับกับคนอื่นๆ เสียหน่อย” โคลด์ทำเสียงขึ้นจมูก “อ้อ ที่ข้าสัญญาไม่ใช่เพราะข้าอยากประจบเอาใจเจ้า ข้าแค่อยากช่วย ถ้าช่วยได้”

“ริวอร์นอร์” ซิกฟรีดพูดเพียงคำเดียวแล้วรอปฏิกิริยาของโคลด์

โคลด์ขนลุกซู่ เขาไม่ถูกกับราชาริวอร์นอร์ตั้งแต่อีกฝ่ายยังเป็นเจ้าชายที่สอง ก็ใช่ว่าจะเคยพบหน้าหรือพูดคุยกัน แต่สมัยติดตามซิกฟรีดจิ๋วอยู่ในราชวัง ชีวิตเขาลำบากเพราะเจ้าชายที่สองเกลียดดาร์กเอลฟ์นี่แหละ

“เขาทำไม ทิ้งอะไรไว้ให้หนักใจและกระทบกับแดนตะวันออกหรือ” ความคิดหนึ่งวาบขึ้นมา “หรือจะเกี่ยวกับเอริแอดเน่ที่อิซิลดาร์” โคลด์สันนิษฐาน เพราะมาลแกธก็ดูตึงๆ เรื่องอิซิลดาร์

“ประชาชนเข้าใจว่าราชาริวอร์นอร์สิ้นพระชนม์ด้วยการลอบสังหารของกบฏดาร์กเอลฟ์ แต่เจ้ารู้ดีว่าทำไม”

“ใช่ มาลแกธก็รู้นี่”

ซิกฟรีดส่ายหน้า “มีบางเรื่องที่พวกเจ้าไม่รู้” สีหน้าของราชาหนุ่มเครียดเคร่ง “เช่น...ศพของพี่ชายข้าอยู่ที่ไหน”

คราแรก ฝั่งรูเมเรียร์มีเพียงเขาคนเดียวที่ทราบ ไม่นานหลังจากนั้น...ซิกฟรีดก็ไว้ใจบอกเรื่องสำคัญนี้แก่เงาสังหาร--กอห์นดีเอน รวมไปถึงองครักษ์มือซ้ายอย่างอิลราลาน พวกมันจำต้องทราบด้วยสาเหตุเดียวกับโคลด์

นั่นคือซิกฟรีดรู้ดีว่าไม่อาจรับมือกับ ‘เหตุวิปริต’ โดยลำพัง

เหตุที่อาจเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศอันวิปริตไม่แพ้กัน

“แล้วศพพี่ชายเจ้าเกี่ยวอะไรกับสภาพอากาศหรือเปล่า” โคลด์ปะติดปะต่อ เขาเริ่มเห็นความเคร่งเครียดของเรื่องนี้

“อาจเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว ข้าสูญเสียความสามารถของควาร์ไปแล้ว เวลานี้ข้าพึ่งขุนนางควาร์ อ่านรายงานด้านสภาพอากาศและอื่นๆ ซึ่งบ่งถึงเหตุร้ายแรงในอนาคต” ซิกฟรีดระบายลมหายใจยาวและหนัก คิ้วเข้มสีทองขมวดแน่น “ข้า...เหมือนได้ยินเสียงมารดานทีในฝัน พระนางพาข้าไปยังเกาะร้างแห่งหนึ่ง...” ราชาหนุ่มหยุดพูดชั่วขณะ กรามขบหากันด้วยความเครียดจนเส้นเลือดบริเวณขมับเกร็งเขม็ง

“พูดให้ชัดเจนอีกนิด” โคลด์แตะบ่าซิกฟรีดให้คลายอาการเกร็ง เขาลูบปลอบกล้ามเนื้อใต้ฝ่ามือที่แข็งเป็นมัดๆ “ข้ารับรองว่าเจ้าไว้ใจข้าได้ บอกข้ามาตรงๆ อะไรที่เชื่อมโยงสภาพอากาศกับศพพี่ชายเจ้าและเกาะในฝัน”

ที่จริงโคลด์ก็เดาได้รางๆ แต่เขาอยากให้ซิกฟรีดเป็นฝ่ายบอกเอง

สักพักซิกฟรีดก็เรียบเรียงเรื่องราวให้โคลด์ฟัง “ข้าและพี่หญิงเอริแอดเน่แยกศีรษะกับร่างของริวอร์นอร์คนละที่ ส่วนหนึ่งผนึกไว้ที่เกาะร้าง...เกาะที่ข้าฝันถึง” เขาสูดลมหายใจ “ข้าไม่ใช่ผู้เดียวที่มารดานทีให้ความรักใคร่เอ็นดู พระนางรักข้า รักพี่หญิง ข้าได้ยินเสียงกระซิบของพระนางบ่อยครั้งในสมัยเด็ก หรือช่วงที่อยู่ในอาศรมก็ยังได้ยินชัดเจน กระทั่งข้าเล่นเวททมิฬ เสียงของพระนางเงียบไปราวทอดทิ้ง แต่ไม่นานมานี้...พระนางมาหาข้า พาข้าไปที่นั่น เกาะร้างฝนตกหนักเข้าขั้นวิปริต คลื่นสูงแทบกลืนยอดหอคอย สัตว์พิทักษ์พระศพถูกฟันทิ้งเป็นเสี่ยงๆ”

ราชาหนุ่มกำมือ

“ข้าเห็นมารดาแห่งนทีประทับเคียงข้างพี่หญิง ข้าไม่แน่ใจเลยว่าเป็นนิมิตที่ดีหรือร้าย”

“อืม” โคลด์ทำท่าคิด “เอริแอดเน่ไม่ได้อยู่ที่อิซิลดาร์หรือ แล้วเจ้าไม่มีวิธีทราบหรือว่าผนึกที่สุสานตอนนี้เป็นอย่างไร”

“พี่หญิงเป็นผู้ร่ายเวทผนึกสุสานเชื่อมกับศิลาเวท หากผนึกคลายหรือถูกทำลาย ศิลาเวทก็จะร้าว ที่รูเมเรียร์มีศิลาเวทอยู่ก้อนหนึ่ง หลังฝันถึงมารดานทีข้ารีบไปดูศิลาเวทเป็นอย่างแรก แต่ไม่มีรอยใดๆ ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่วางใจ โคลด์ สตาร์ ข้ารู้จักพี่หญิงดี”

“เงาทมิฬของเจ้าเดินทางได้ไกลเท่าไร” โคลด์ถาม

“ยังไม่ไกลขนาดที่นี่ไปถึงเกาะนั้น อีกอย่าง…” ซิกฟรีดยิ้มสมเพชตัวเอง “มันรักที่จะพยศข้า ที่เกาะนั่นไอทมิฬค่อนข้างมาก เป็นขนมหวานเพิ่มอาการพยศให้มันทีเดียว”

“งั้นเจ้าก็ส่งเงาทมิฬไปดูผนึกเองไม่ได้” โคลด์พยักหน้าอย่างเข้าใจ “เอาอย่างนี้ สมมติว่าภาพที่มารดานทีแสดงให้เจ้าดูเป็นเรื่องจริง เอริแอดแอดเน่อยู่ที่นั่นพร้อมศพของสัตว์พิทักษ์ ถ้านางบังเอิญไม่ได้อยู่อิซิลดาร์อย่างที่เราเข้าใจ และได้ศพของริวอร์นอร์ไป เจ้าคิดว่านางจะทำอะไร”

ซิกฟรีดนิ่งไป

“ปลุกมันขึ้นมากระมัง”

“จะปลุกอย่างไร มนตร์ทมิฬ?” โคลด์ไม่แน่ใจความสัมพันธ์ของเอริแอดเน่กับริวอร์นอร์นัก แต่เท่าที่ทราบ นางให้ซิกฟรีดล้มบังลังก์และสังหารเขา “มันก็พอมีมนตร์ทมิฬที่ปลุกชีพศพได้ แต่นั่นไม่ใช่การคืนชีวิต มันจะฟื้นเป็นซากศพกินคน เจ้าคิดว่าอย่างไร”

“ข้าไม่รู้เวททมิฬมากนักเลยมาอยู่ที่นี่” ซิกฟรีดมองไปรอบๆ หอสมุดหลวง “แต่ที่นี่ก็ไม่รู้อะไรมากนักเหมือนข้า”

“อืม” โคลด์นิ่วหน้า “ข้าบอกได้เลยว่า ศพคืนชีพที่ต้องกินเนื้อพวกเดียวกันก็ไม่ได้รับความนิยมนักในแดนทมิฬ ยกเว้นช่วงสงครามน่ะนะ มันเป็นเวทนอกรีตในเวทนอกรีต และนางเกลียดริวอร์นอร์แค่ไหนหรือ ถึงจะปลุกเขาเป็นศพคืนชีพไร้ความคิดที่เอาแต่จะกินเนื้อคน นางจะได้ประโยชน์อะไรจากการลบหลู่ศพอดีตกษัตริย์”

โคลด์ไม่ต้องการคำตอบเท่าไรนัก เขาเชื่อว่าต้องใช้เวลาขบคิด

ซิกฟรีดลูบหน้าตัวเองหนักๆ เขาหมกมุ่นกับเรื่องนี้มาสักพักแล้ว

“นี่ซิก...พักเรื่องนั้นไว้ก่อน เจ้าส่งอิลราลานไปสืบแล้วใช่ไหมล่ะ มาคุยเรื่องของเรา”

“เรื่องอะไร” ซิกฟรีดยังฝังใบหน้ากับมือทั้งสองข้าง ราชาหนุ่มอยากหลับเต็มที่สักตื่น

“รักษาเจ้า เอริแอดเน่ไม่อยู่ปรุงยาให้เจ้าแล้ว ข้าอยากรู้ว่าเรื่องหัวใจมังกรจะเอาอย่างไร” โคลด์มองไปรอบๆ ห้องสมุด ผมสีเงินที่เริ่มยาวแล้วพลิ้วข้างแก้มตามแรงหัน “หรือในห้องสมุดนี้มีวิธีไหนจะช่วย…”

“อยากให้ข้าล่ามโซ่เจ้าแล้วเฆี่ยนให้ไปฆ่ามังกรอีกหรือ” ซิกฟรีดหยอกหน้าตาย

“...เจ้า” โคลด์ต่อประโยคจนจบ เขาทำหน้างงๆ “เจ้าไม่เคยล่ามโซ่ข้าแล้วเฆี่ยนเสียหน่อย จำผิดคนแล้วล่ะ” เงียบไปครู่ จากนั้นก็จุปาก “อ้อ เจ้าเปรียบเทียบ”

“หัวช้าเหลือเกิน ข้าเชื่อว่าที่นี่ต้องมีสูตรปรุงยาบำรุงสติปัญญา...อืม น่าจะชั้นนั้น” ราชาเอลฟ์ชี้ไปทางชั้นที่มีบันไดพาดอยู่ และมีกองหนังสือสุมตรงตีนบันได คงเป็นฝีมือซิกฟรีดนั่นละ

“ว่าอะไรนะ!” โคลด์แยกเขี้ยวใส่

“เปล่า” ราชาหนุ่มตอบหน้าตาเฉย ก่อนจะหัวเราะแล้วขยี้ผมสีเงินนุ่มมือ

“เฮ้ๆ ผมข้า” โคลด์ทุบไหล่แข็งๆ ของเจ้าเด็กเอลฟ์ “หัวใจมังกรเป็นยาชั้นเลิศจริง เราไม่ควรตัดทิ้ง เกวนอาจพอรู้วิธีใช้งานมันเพื่อล้างคำสาปทมิฬ แต่ควรรวมโลหิตมังกรชั้นสูงเข้าไปด้วย อ้อ ริวอร์นอร์สาปเจ้าใช่ไหม เขาคงไม่ได้คิดมนตร์ทมิฬขึ้นมาในวันสองวัน เราตรวจสอบบันทึกของเขาได้หรือไม่”

“ข้าก็คิดอย่างเจ้า แต่บันทึกของมันมีน้อยมาก ข้าคิดว่าถ้ามีจริง มันคงไม่เก็บบันทึกสำคัญไว้ที่นี่ ยิ่งเป็นบันทึกการค้นคว้าเวททมิฬยิ่งสำคัญ”

ริวอร์นอร์ไม่ทิ้งร่องรอยเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเอาไว้เลย ที่เหลืออยู่มีเพียงภาพจำในฐานะกษัตริย์นักรบ และในฐานะพี่ชายผู้โหดเหี้ยมอำมหิตสำหรับซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์

“งั้นก็ขุดหาที่เล่นเวททมิฬของเขา มันต้องมีสิ ตอนนี้แผ่นดินเป็นของเจ้า ขุดให้สนุก” โคลด์ยกมุมปาก “เลือกที่ที่เอริแอดเน่ไม่เคยแนะนำด้วย ในเมื่อนางก็รู้มนตร์ทมิฬ นางอาจต้องปกปิดร่องรอยของตัวเองเช่นกัน”

“เจ้าช่วยข้าเรื่องนี้ได้ไหมเล่า” ซิกฟรีดถือวิสาสะม้วนผมโคลด์เล่น

“ค่าตอบแทนล่ะ” โคลด์เรียกร้องทันที พร้อมเอียงศีรษะหนีแบบแมวหวงขน

“เจ้าต้องการอะไร” ซิกฟรีดหยั่งเชิง เขาจับอีกปอยม้วนเล่น ยิ้มร้ายเมื่อโคลด์ทำหน้ายู่

“อา…” จริงๆ โคลด์ก็พูดเอาคืนไปอย่างนั้น ใช่ว่าเขามีสิ่งที่อยากได้จริงๆ จึงต้องใช้เวลาคิด “เอาเป็น...เจ้าตั้งใจรักษาตัวเองหน่อยก็แล้วกัน...ตกลงไหม” ดวงตาสีม่วงสบกับดวงตาสีส้มเงิน

ซิกฟรีดถึงกับขมวดคิ้ว “เจ้าปกติดีใช่หรือไม่”

ราชาผู้หล่อเหลาถูกบีบจมูกเป็นคำตอบ “ข้าปกติ!”

“หรือ” ซิกฟรีดหนีพลางหัวเราะหึๆ ก่อนจะบีบแก้มโคลด์

“แอ้ออนอี้อุด” (แน่นอนที่สุด) โคลด์ดัน

“ข้าตกลงรับข้อเสนอ โคลด์ สตาร์” ซิกฟรีดเปลี่ยนจากบีบเป็นลูบแก้มโคลด์เบาๆ

เห็นซิกฟรีดไม่ดื้อด้าน โคลด์ก็เบาใจลง แม้จะเหล่มือที่ลูบแก้มตน “ตกลง เจ้าไปพัก ข้าขอยืมห้องสมุดของเจ้าหน่อย มีหลายเรื่องต้องหา ทั้งวิธีรักษาคำสาปของเจ้า และแผนที่เมืองเพื่อหาสถานที่ลับของริวอร์นอร์”

“ข้าสดชื่นขึ้นแล้ว ช่วยกันหาน่าจะเร็วกว่า” ซิกฟรีดหยัดกายขึ้น หงายมือให้โคลด์จับ

ดาร์กเอลฟ์จับฝ่ามือสีขาวน้ำนม มือนั้นใหญ่พอกุมมือเขาไว้มั่น “สั่งห้องเครื่องให้ยกอะไรมาให้กินด้วยแล้วกัน เยอะๆ หน่อย ข้าหิว”

“ขอกอดเล็กๆ น้อยๆ เป็นค่าตอบแทน” ซิกฟรีดเปลี่ยนไปจริงๆ เมื่อครู่หยอกโคลด์หน้าตาย เวลานี้ยังเจ้าชู้หน้าตายอีก

เสียงบ่นของดาร์กเอลฟ์ดังจากห้องทรงงานอีกครั้ง...ทว่าเป็นเสียงที่ทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาขึ้นมาก



—————————————————————————

A/N ซิกฟรีดมีความหึง มีความงอนค่ะ จากนี้คงได้เห็นราชาหึงเงียบอีกแน่เลย คนอ่านจะสังเกตไหมนะว่าฮีหึง แงๆๆ หึงเงียบมากๆ


พบกันครั้งต่อไปวันที่ 5 มิ.ย. 60 ค่ะ!!!



ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @VinzeSchwarz

ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ขอโทษนะป๋า  แต่อ่านฉากนี้แล้ว~
เค้าขอเชียร์ซิก!  ทำไมมันน่ารักน่าเอ็นดูกันขนาดนี้
โคลด์ก็เถอะเป็นห่วงเค้าก็บอกมา
ห่วงก็บอกห่วง  หึงก็บอกหึง  :katai3:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
ขอโทษนะป๋า  แต่อ่านฉากนี้แล้ว~
เค้าขอเชียร์ซิก!  ทำไมมันน่ารักน่าเอ็นดูกันขนาดนี้
โคลด์ก็เถอะเป็นห่วงเค้าก็บอกมา
ห่วงก็บอกห่วง  หึงก็บอกหึง  :katai3:

ซิกโคลด์นี่เวลาดีกันก็มุ้งมิ้ง  :mew2:

ออฟไลน์ CMYK

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เห็นซิกฟรีด แล้วนึกถึง กรีฟิส แห่งกองพันเหยี่ยว (จากเรื่อง Berserk เลย) คงไม่มีชะตากรรมแบบเดียวกันนะ #ทีมซิกโคลด์

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เรื่องราวมันคงลามไปเรื่อยๆ มังกรก้อยังไม่ออกตายๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
เห็นซิกฟรีด แล้วนึกถึง กรีฟิส แห่งกองพันเหยี่ยว (จากเรื่อง Berserk เลย) คงไม่มีชะตากรรมแบบเดียวกันนะ #ทีมซิกโคลด์
เคยอ่านค่ะ แต่ซิกฟรีดเมะ แปลว่ากรีฟิสเมะ ส่วนกัสนั้น... อิอิอิ

เรื่องราวมันคงลามไปเรื่อยๆ มังกรก้อยังไม่ออกตายๆ
จะเห็นภาพรวมเร็วๆ นี้ว่าภาคต่อจะเป็นยังไงค่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ greensoda

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 584
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
ไม่สามพีได้ไหม
อยากเห็นนุ้งโคลด์คู่ซิก ฮืออออ

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
ไม่สามพีได้ไหม
อยากเห็นนุ้งโคลด์คู่ซิก ฮืออออ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นค่า

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 24 : โลหิตนภา (6)

เอริแอดเน่รอสายฟ้าอยู่

อาหารของศพคืนชีพถูกนำมาให้ตามเวลาทุกวัน นางปล่อยมันออกมา ให้กิน ช็อตด้วยสายฟ้าเพื่อควบคุมพฤติกรรม ให้กลับเข้าโลงหิน ทำเช่นนี้วนไปเรื่อยๆ อย่างไม่พิรี้พิไร และให้อสรพิษกินซากศพส่วนที่เหลือ ทว่าเมื่อทำซ้ำๆ หนึ่งวัน...สองวัน...สามวันเข้า...ในถ้ำก็คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเน่าเหม็นของความตาย

นับเป็นความตกต่ำที่นางไม่ยี่หระ ทว่าในการเตรียมใจนั้น เอริแอดเน่กลับไม่ชินภาพเอลฟ์ฉีกร่างกินเนื้อมนุษย์ เมื่อส่งริวอร์นอร์เข้าโลงเสร็จ นางมักนั่งเหม่อมองท้องฟ้า บางครั้งก็เผลอยกนิ้วขึ้นมากัด นานวันเข้าข้อนิ้วชี้และนิ้วกลางก็เป็นแผลไม่หาย

วันนี้ฝนตกพรำๆ ตั้งแต่เช้ามืด จนบ่ายค่ำก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ซากศพมีชีวิตกินเสร็จก็มองเอริแอดเน่ มันพยศกับนางเพื่อให้ถูกลงโทษด้วยสายฟ้าอีก เนื่องเพราะทุกครั้งที่ถูกฟาดด้วยสายฟ้า มันจะมองเห็นสีสันของสิ่งรอบข้างได้ชัดเจนขึ้น ทุกอย่างช่างสวยงาม...โดยเฉพาะนาง

ไม่เพียงเท่านั้น สายฟ้ายังทำให้เกิดภาพประหลาดติดตา เป็นภาพวูบวาบไม่ปะติดปะต่อซึ่งเรียกว่า ‘ความทรงจำ’

เม็ดฝนตกแรงขึ้น สาดเข้ามาในถ้ำผ่านช่องเปิดโล่งเหนือลานหิน วันนี้เอริแอดเน่ไม่ได้สั่งให้อมนุษย์กลับเข้าโลงศพ และไม่ได้ฟาดสายฟ้าใส่อย่างที่มันหวัง แม้นางจะไม่ทราบความหวังของมัน

นางยืนประจันหน้ากับมัน ปล่อยให้ตัวเองตากฝน นางคิด คิด แล้วก็คิด จากนั้นก็เปิดปาก ระบายความในใจออกมา แม้ฝ่ายตรงข้ามฟังไม่เข้าใจก็ตาม

“ข้าสามารถปลุกชีพคนตายได้หรือ...ไม่หรอก ข้าไม่มีความมั่นใจสักนิด แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ให้เจ้าเป็นแค่ศพเดินได้คงไม่เพียงพอต่อนรกบนดินที่ข้าต้องการเห็น”

ชั่วขณะหนึ่ง เอริแอดเน่นึกถึงเจย์ คิดว่าถ้าความทรงจำของตนไม่กลับมา เวลานี้นางอาจยังอยู่กับโจรลูกครึ่ง เขาอาจพานางกลับไปที่หมู่บ้านของมนุษย์ ปันที่อยู่ให้นาง จากนั้น…

นางปัดความคิดที่เหลือทิ้งอย่างรวดเร็ว

ระหว่างที่เอริแอดเน่จมสู่ห้วงคิด จู่ๆ ซากศพก็เริ่มฮัมเพลง…

แม้จะติดขัด และแม้จะเป็นเสียงอืออาไม่น่าฟัง ทว่านางจำเพลงนั้นได้

ชื่อเพลงคือ ‘เจ้าปลา’ ริวอร์นอร์เคยแต่งเพื่อล้อนางเวลาทำหน้าง้ำหน้างอ

สีหน้าของเอริแอดเน่แข็งเหมือนคนตาย แต่เพราะนางเปิดปากน้อยๆ เพื่อหายใจให้ทัน จึงทราบว่านางยังมีชีวิต

ช่างเป็นช่วงเวลาประหลาดในบรรยากาศวิปริต ซากศพฮัมเพลงไปเรื่อยๆ จบแล้วก็วนซ้ำใหม่ อากาศแปรปรวน ฝนตกแรงขึ้น ฝนเม็ดใหญ่กระหน่ำร่างของทั้งสอง หนึ่งสตรีแบบบาง หนึ่งบุรุษองอาจ คล้ายทั้งคู่เป็นวิญญาณร่อนเร่ที่ตามหากันมานาน และได้พบเจอกันในที่สุด

แล้วสายฟ้าก็มา ผ่าอยู่กลางท้องฟ้าสีดำมืดมัว มันแล่นวาบแวบแปลบปลาบ ขีดเป็นเส้นสีขาว คล้ายปรากฏเส้นเลือดของมารดานภา

สายฟ้าถูกเล่าว่าเป็นความพิโรธของมารดาสมุทร ทว่าอีกตำนานจารึก...ว่าสายฝนคือเลือดอันบริสุทธิ์ของมารดานภา และเสียงฟ้าร้องกับสายฟ้าผ่าคือเสียงครวญด้วยความเจ็บปวดเมื่อพระนางกรีดพระหัตถ์ตนด้วยเมตตา ยอมหลั่งโลหิตชุบแผ่นดิน เลี้ยงดูเอลฟ์ผู้เป็นบุตรและบุตรีของพระนาง

“ถ้าเวทมนตร์นี้ใช้การไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยเอาเจ้าในสภาพนี้ไปให้ซิกฟรีดดูก็คงไม่เลวกระมัง” เอริแอดเน่ปากสั่นด้วยความเย็นของเม็ดฝนที่บาดลึกถึงกระดูก นางยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ ใช้ดาบเวทอัญเชิญสายฟ้าของมารดานภา

เปรี้ยง! สายฟ้าจากเมฆทะมึนผ่าลงสู่ดาบเวทของนาง

เอริแอดเน่ร่ายมนตราภาษาเอลฟ์ เนื้อความเกี่ยวกับบ่อน้ำเจ็ดแห่งและเศษกระจกเจ็ดชิ้น อันคือเวทมนตร์อัญเชิญมารดานภา พร้อมกันนั้นนางส่งสายฟ้าจากดาบฟาดใส่ริวอร์นอร์เจ็ดครั้งด้วยกัน

สายฟ้าแต่ละครั้งลวกมือนาง จนครั้งที่เจ็ด มือเพรียวบางก็เป็นแผลไฟลวกยับเยิน นางทรุดตัวลง เนื้อตัวเปียกปอน ชุดผ้าเนื้อบางขาดวิ่นเปียกลู่แนบเรือนกาย ความหมดอาลัยต่อโลกพานางมาถึงจุดนี้ ดาบเวทร้าวและร่วงจากมือ

ศพคืนชีพร้องโหยหวนอย่างที่นางไม่เคยได้ยินมันร้อง ร่างของมันไหม้เกรียม เป็นตอตะโกทรุดอยู่ตรงนั้น

เอริแอดเน่ยังต้องร่ายเวทอีกบท--เวทสำคัญในการปลุกชีพคนตาย เวลานี้นางร้าวไปหมดทั้งตัว แต่พลังใจซึ่งถูกผลักดันด้วยความเกลียดชังอันเหลือเชื่อทำให้นางกำดาบเวทที่ร้าวไม่แพ้ตัวลุกขึ้นยืน

นางต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกับบิดาแห่งความตาย

เงื่อนไขสูงลิบ ไม่รับรองผลลัพธ์ มีแต่ตัวอย่างที่ล้มเหลวนับไม่ถ้วน ยากลำบากเช่นนี้จึงไม่มีใครปลุกชีพคนตายถึงระดับที่นางทำอยู่

“ข้าแลก…” เอริแอดเน่น้ำตารื้น นางอ้าปากแต่แทบไม่มีเสียงลอดออกมา นางตระหนักว่าแลกด้วยสิ่งนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว สิ่งที่อย่างไรนางก็ไม่มีวันได้มา แล้วจะเก็บมันไว้ทำไมกัน!

แต่ถึงอย่างนั้นก็เอ่ยปากยากเย็น นางหอบหายใจถี่ น้ำตาไหลอาบหน้าแข่งกับน้ำฝนเย็นจัดจนหูอื้อ

“ข้าขอแลกพลังในการให้กำเนิดชีวิตของข้ากับชีวิตของมันผู้นี้ ต่อแต่นี้ข้าจะไม่มีบุตรอีกต่อไป!”

เมื่อประโยคนี้หลุดจากปาก เอริแอดเน่เหมือนถูกกระชากหัวใจที่อยู่ในอกและจิตวิญญาณออกไปพร้อมกัน ความหวังของนางคือการให้กำเนิดเชื้อสายของท่านเฟรธูริน ทว่านางจำใบหน้าของเขาไม่ค่อยจะได้แล้ว นางพลาดโอกาสมองหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้ายในเรือส่งพระศพด้วยซ้ำ เวลานี้ใบหน้าอันอบอุ่นอ่อนโยนพร่าเลือนทุกครั้งที่นางนึกถึง เหมือนนางกำลังเพ่งมองเขาใต้แสงแดดจ้า

มีเพียงใบหน้าน้องชายสองคนของเขาที่นางจำขึ้นใจ

ใบหน้าที่นางควรชัง!

“ข้าจะไม่มีบุตร! สาปข้า เอาชีวิตที่ข้าสามารถให้กำเนิดไป คืนชีวิตมันผู้นี้มา!”

นางสั่ง ‘โชคชะตา’ พร้อมร่ายเวทถวายเครื่องบวงสรวงแก่บิดาแห่งความตาย

เกิดความเปลี่ยนแปลงกับศพของริวอร์นอร์

มีเส้นสีขาวแล่นริ้วเหมือนเส้นเลือดแผ่ไปตามผิวหนังไหม้เกรียม บิดาและมารดาอาจได้ยินเสียงร่ำร้องอันน่าเวทนาของท่านหญิงเอลฟ์จึงเมตตานาง มอบชีวิตกึ่งเป็นกึ่งตายให้แก่อสูรของนาง

ลำแสงสีทองเคลื่อนจากกายนางเข้าสู่ดาบเวทและพุ่งเข้าหาร่างของริวอร์นอร์

หัวใจของซากศพถูกกระตุ้นจากสายฟ้าซึ่งถูกเรียกมาด้วยมนตรา มันกลับมาเต้นอย่างแข็งแรง สูบฉีดเลือดจากมนุษย์นับไม่ถ้วนที่มันดื่มกินไปทั่วร่าง เปลือกนอกรวมถึงเสื้อผ้าที่ไหม้เกรียมร่วงหลุด เผยผิวสีเทาซีดซึ่งเริ่มกลับเป็นสีขาวงาช้าง ทว่าเส้นผมและดวงตากลับเปลี่ยนไปอย่างมาก กล่าวคือจากเส้นผมสีทองกลับเปลี่ยนเป็นสีดำราวกับเทพแห่งความตาย ดวงตาสีแดงเพลิงก็เปลี่ยนเป็นสีดำทมิฬดุจกัน

สิ่งเดียวที่คงอยู่คือ ‘รอยแผลเป็นรอบลำคอ’ แม้จะเชื่อมกันสนิทดีแล้วก็ยังเห็นเป็นรอยนูนสีชมพูของผิวเนื้ออ่อน มันประทับอยู่ตรงนั้นราวกับประกาศว่า ชายผู้นี้ได้ผ่านความตายมาแล้วหนึ่งครั้ง

ดาบเวทของเอริแอดเน่แตกเป็นเสี่ยงๆ มือของนางขยับไม่ได้แล้ว ใจหรือก็เต้นรัว ที่ยังทรงตัวยืนอยู่ได้ก็ด้วยแรงใจ แม้ขาสั่นเทาอาจลงล้มได้ทุกเวลา

สตรีผู้ทระนงต้องการมองให้ชัดว่านางปลุกอะไรขึ้นมา นางคิดถึงท่านเฟรธูริน คิดถึงวันเวลาในวัยเยาว์ที่นางและริวอร์นอร์มีร่วมกันกับเขา คิดถึงซิกฟรีดที่ไม่เลือกนาง กระนั้นก็ยังพยายามยึดโยงนางไว้

นางเคยอยากให้กำเนิดบุตรแก่ซิกฟรีดและสร้างครอบครัว ทว่าไม่ใช่ในฐานะราชินีฉากหน้าที่ต้องมองราชาของตนปันใจให้ดาร์กเอลฟ์ นางจึงปฏิเสธซิกฟรีด...และนี่คือผลลัพธ์ที่นางได้มา

เมื่อการปลุกชีพสิ้นสุด ริวอร์นอร์ อาห์นดีร์ รูเมเรียร์ก็หยัดกายขึ้น ร่างเปลือยเปล่าสูงใหญ่เฉกนักรบดูสง่าและทรงอำนาจ นัยน์ตาสีดำทมิฬเปี่ยมประกายกร้าว ริวอร์นอร์ฟื้นขึ้นพร้อมโทสะ ซึ่งโทสะนั้นได้ระเบิดออกเป็นเสียงคำรามว่า

“อาเลธ!!!”


ราชามงกุฎดำจำได้ดี ผู้ใดทรยศต่อเขา ผู้ใดกล้าหันคมดาบใส่เขา และอสรพิษนางใดที่กล้าฝังเขี้ยวพิษในหัวใจเขา

“เอริแอดเน่…”

ริวอร์นอร์ปรายสายตาไปยังท่านหญิงแห่งอิซิลดาร์--อสรพิษที่เขายกให้เป็นราชินีเคียงบัลลังก์

“เป็นข้า...” นางตอบ ไม่มีความหวาดกลัวใดๆ “ที่คืนชีวิตให้แก่เจ้า”

ริวอร์นอร์พิจารณาท่านหญิงโฉมงามด้วยสายตาเฉียบคม ก่อนจะเอ่ยถามว่า “ใครทำอะไรเจ้าล่ะถึงได้ลดศักดิ์ศรีมาปลุกเรา ท่านหญิงเฮสเทียน่า...หรืออาเลธ”

ราชามงกุฎดำรู้จักราชินีของตนดี นางเกลียดเขาปานนั้น เกลียดถึงขั้นแม้ตายก็ไม่ให้วิญญาณได้ไปดี การที่นางคืนชีพให้เขาไม่ใช่เพราะรักและคิดถึงแน่ แต่เป็นเพราะนางสิ้นไร้หนทางแล้ว และผู้ที่ทำให้นางสิ้นไร้หนทางได้ก็มีอยู่ไม่กี่คน

เอริแอดเน่เหม่อไปชั่วครู่ ท่านย่า--ครอบครัวของนาง ซิกฟรีด--เจ้าชายน้อยที่นางรักและไว้ใจ...สุดท้าย...ก็ไม่เหลือใคร นางชี้นิ้วที่แดงเพราะเห็นเนื้อด้านในไปทางริวอร์นอร์ “หุบปาก”

พันธะของนายกับบ่าวยังคงอยู่ ริวอร์นอร์จึงต้องเงียบ

จากสิ่งที่เผชิญมาทั้งหมด เอริแอดเน่คิดคำตอบให้ริวอร์นอร์ได้ประโยคเดียว นางแสยะยิ้ม

“ข้าปลุกเจ้าขึ้นมา เพราะข้าจะเปลี่ยนโลกนี้ให้อัปลักษณ์เหมือนกับข้า”

“สมกับเป็นราชินีของเรา”

เอริแอดเน่คิดถึงเจย์อีกครั้ง นางหลับตา “ข้าไม่เป็นราชินีของใครทั้งนั้น...จากนี้...และตลอดไป”

ริวอร์นอร์เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะหัวเราะเสียงดัง “ผู้ที่ทำให้เจ้าพังทลายคืออาเลธหรือ” ตลอดวัยเยาว์ที่มีร่วมกัน เอริแอดเน่พูดเสมอว่าจะเป็นราชินี เป้าหมายในชีวิตของนางมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แต่เวลานี้นางกลับทิ้งเป้าหมาย หรืออีกนัยหนึ่งคือนางทิ้งชีวิต ไม่แยแสมันอีกต่อไป ริวอร์นอร์เดาว่านางกับน้องชายของเขา--อาเลธ คงไปกันได้ไม่ดีนัก

“ยินดีต้อนรับ เราก็เคยถูกอาเลธหักหลังเช่นกัน”

“เขาไม่ได้หักหลังเจ้า ‘ข้า’ ทำให้เขาหักหลังเจ้า และข้าจะเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า” เอริแอดเน่ค่อยๆ คุกเข่า ขาทั้งสองแนบพื้น คนที่ทำให้นางพังทลายอย่างแท้จริงไม่ใช่ซิกฟรีด

ไม่เคยใช่


นางสูดหายใจเข้าลึกก่อนสั่งอีกฝ่ายว่า “กลับเข้าไปในโลงของเจ้า...ไป...”

ริวอร์นอร์ค่อยๆ ย่อตัวลงไปคุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าเอริแอดเน่ เขากรีดรอยยิ้มที่ดูคล้ายปีศาจให้นาง ดวงตาสีดำสนิทสะท้อนภาพท่านหญิงโฉมงามผู้เหนื่อยล้ากับทุกสิ่ง

เอริแอดเน่ลืมตา นางไม่สั่งเป็นครั้งที่สอง

“ไปพักด้วยกันเถิด เราเป็นห่วงเจ้าเหลือเกิน” ริวอร์นอร์เอื้อมไปจะอุ้มเอริแอดเน่

อสรพิษยักษ์พุ่งเข้าฉกริวอร์นอร์จากความมืด มันดันร่างเหยื่อให้หงายติดพื้น ดวงตาขีดเสี้ยววาวโรจน์เป็นสีเดียวกับดวงตาของนายผู้อัญเชิญ ขณะที่ผู้สั่งการมันเกร็งตัว กลั้นหายใจ

ราชามงกุฎดำไม่ปัดป้อง “เราไม่กลัวความตาย แต่เจ้า...อสรพิษ” ริวอร์นอร์จ้องอสรพิษตัวนั้นเขม็ง “เจ้าจะทำให้ผู้เป็นนายเสียพลังไปอย่างเปล่าดายในการปลุกชีพ”

เขี้ยวคมมหึมาฝังเข้าบ่ากว้าง เอริแอดเน่กระตุกเฮือก ร่างทรุดลง หน้าผากกดกับพื้นหินเปียกฝนอันแข็งกระด้างและเย็นเฉียบ นางรู้ว่านี่คืออาการช็อกจากการใช้พลังเวทมากเกินไป การร่ายเวทคืนชีพใช้พลังหนักหนาสาหัสกว่าเวทใดๆ ที่นางเคยร่ายมา

ริวอร์นอร์ยังถูกตรึงไว้กับที่โดยคมเขี้ยวของอสรพิษ เขาใช้เศษหินคมจากพื้นกรีดฝ่ามือเป็นอักขระทมิฬ ราชามงกุฎดำนาบฝ่ามืออาบเลือดกับอสรพิษ มันทำลายเกล็ดอ่อนไปจนถึงผิวหนังด้านใน สร้างความเจ็บปวดจนมันต้องปล่อยชายที่บังอาจคิดแตะต้องนายของมัน

“เวทของพวกนอกรีต ใช้แปลงเลือดให้เป็นกรดไฟ” ริวอร์นอร์ยิ้มให้เอริแอดเน่พลางร่ายเวทแก้ฤทธิ์ของเวทบทก่อนหน้า เพื่อไม่ให้เลือดกรดถูกผิวกายของนาง ก่อนจะช้อนร่างนางขึ้นจากพื้น

“ปล่อยข้า เจ้าน่ะหรือเป็นห่วงข้า” เอริแอดเน่โกรธจัดเมื่อเห็นว่าดวงตาสีดำของอีกฝ่ายเหมือนเยาะเย้ยนางอยู่

“เจ้าอ่อนแรงจนไม่มีพลังจะสั่งเราแล้ว” ในตอนนี้ ขณะนี้ ริวอร์นอร์ขัดขืนคำสั่งของเอริแอดเน่ได้ เขาสาวเท้าไปยังโลงหิน

“ปล่อย-ข้า” นางย้ำ ความชังทำให้นางรังเกียจ ทั้งหนาวสันหลังและอยากอาเจียน

ยิ่งต่อต้านมาก นางก็ยิ่งเผลอกอดตัวเอง

ริวอร์นอร์หัวเราะในลำคอ เขาฮัมเพลง ‘เจ้าปลา’ ขณะก้าวลงไปในโลงศพพร้อมกับนาง

“ถ้าเจ้าไม่ฆ่าข้า…” เอริแอดเน่กล้าปลุกชีพริวอร์นอร์เพราะจะใช้วรรณะเวทควบคุมอีกฝ่าย ทว่าแค่ปลุกชีพได้ครู่เดียว นางก็ควบคุมเขาไม่ได้...นางอยากกรีดร้อง อยากขยับตัวออกจากตรงนี้ อยากสาปแช่ง อยากโกรธเกลียด ทว่าไม่มีแรงทำอะไรมากไปกว่าเกี่ยวมือกับแขนให้แน่น

ถ้าเขาไม่ฉวยโอกาสนี้ฆ่านางให้ตาย…

“ถ้าเจ้าตีงูไม่ตาย งูหลังหักจะแว้งกัดเจ้า” นางสาบาน

“เจ้ารู้ดีที่สุดว่าเราจะไม่ฆ่าเจ้า...ไม่มีวัน ราชินีของเรา” ริวอร์นอร์จัดท่าทางให้เอริแอดเน่นอนอย่างสบายในโลงศพ เขาวางมือบนแก้มของนางด้วยความอ่อนโยน

“เจ้าไม่มีบัลลังก์ด้วยซ้ำ ซากศพ!”

“ต้องดุดันอย่างนี้สิถึงจะสมเป็นราชินีของเรา” ริวอร์นอร์ลูบนิ้วโป้งใต้ดวงตาเคืองแค้นของเอริแอดเน่ เขานอนลงเคียงข้างนาง “เราจะทำให้โลกใบนี้อัปลักษณ์ไปด้วยกัน”

ผู้ฟังกัดฟันกรอด แต่มุมปากของนางกลับกระตุกขึ้นสูงแล้วแสยะเป็นรอยยิ้มบิดเบี้ยวอย่างที่ผู้มีจิตใจอารีคงทำไม่ได้

ฝาโลงหินค่อยๆ เลื่อนปิด วงแขนแข็งแรงกระชับร่างแบบบางของนางไว้ ปากของเขาและนางคล้ายจะแตะกัน ไฟในดวงตาแผดเผากันและกันให้เป็นจุณ

เอริแอดเน่รู้ดีว่า...ริวอร์นอร์ชอบทรมานนาง

...อย่างต่ำช้าและนุ่มนวล



—————————————————————————

A/N บทนี้เราชอบฉากที่ริวอร์นอร์ (ศพคืนชีพ) และเอริแอดเน่มองกันและกันท่ามกลางสายฝนค่ะ ชอบมากๆ เลยนะ แง กับอีกฉากที่ชอบไม่แพ้กันคือฉากจบค่ะ

ถ้าใครยังไม่แน่ใจคู่ ขอนำเสนอ ริวอร์นอร์ x เอริแอดเน่ค่า (แม้ตอนนี้ใจเราจะเอนไปทางเจย์ x เอริแอดเน่ ด้วยก็ตาม)


พบกันครั้งต่อไปวันที่ 7 มิ.ย. 60 นะคะ!


ป.ล. อวดภาพร่างปก Elven Almanac จากน้อง Enfer De Hell ค่ะ

ใครเอ่ย <3





ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @VinzeSchwarz

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มันจะดำมืดขนาดไหนเนี่ย อ่อยยย!! น้องกลัวใจเหลือเกิน

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
ลุ้นจนตัวโก่งหมดและ ชัก งง ไม่รู้ใครคู่ใคร คิดว่าใช่แต่คนเขียนแกล้ง

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอริแอดเน่ พัวพันสามกษัตริย์
แต่กษัตริย์ที่เคียดแค้น เกลียดชังเป็นริวอร์นอร์
สุดท้ายตอนนี้ก็ถูกริวอร์นอร์ โอบกอด อยูในโลงศพ อึ๋ยย......

โคลด์ น่าจะเจอมนตร์บทปลุกซากศพ
และทำลายซากที่ถูกปลุก ยอดดดดด เยี่ยมมมมม  :ling1: :ling1: :ling1:

ซิก ออดอ้อนโคลด์ได้น่ารัก  :กอด1:
โคลด์ ห่วงซิก แต่ปากแข็ง  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:     

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
มันจะดำมืดขนาดไหนเนี่ย อ่อยยย!! น้องกลัวใจเหลือเกิน
ในความมืดก็ยังมีความอิ๊ะอ๊ะ รออยู่น้า

ลุ้นจนตัวโก่งหมดและ ชัก งง ไม่รู้ใครคู่ใคร คิดว่าใช่แต่คนเขียนแกล้ง
แง ไม่ได้แกล้งน้าาาา แงงงง

เอริแอดเน่ พัวพันสามกษัตริย์
แต่กษัตริย์ที่เคียดแค้น เกลียดชังเป็นริวอร์นอร์
สุดท้ายตอนนี้ก็ถูกริวอร์นอร์ โอบกอด อยูในโลงศพ อึ๋ยย......

โคลด์ น่าจะเจอมนตร์บทปลุกซากศพ
และทำลายซากที่ถูกปลุก ยอดดดดด เยี่ยมมมมม  :ling1: :ling1: :ling1:

ซิก ออดอ้อนโคลด์ได้น่ารัก  :กอด1:
โคลด์ ห่วงซิก แต่ปากแข็ง  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
เกิดเป็นเอรี่ต้องสตรองอะค่ะ ;w;
คู่ซิกโคลด์นี่ ยังไงก็มีความห่วงใยที่ลึกซึ้งนะคะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
นางทำลายตัวเอง

ริวอนอร์ทำลายตัวเอง

สองคนนี้ร่วมมือกันทำลายประหนึ่งตาพายุ กวาดล้างและทำลายทุกสิ่งในเส้นทาง

สมเป็นของกันและกันอย่างน่าเวทนา

"ซิกจิ๋ว" น่าร้ากกกกกก

โอย...ปรับอารมณ์แทบไม่ทันระหว่างครึ่งแรกกับครึ่งหลัง

ดีนะ ที่เราสตรอง

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
นางทำลายตัวเอง

ริวอนอร์ทำลายตัวเอง

สองคนนี้ร่วมมือกันทำลายประหนึ่งตาพายุ กวาดล้างและทำลายทุกสิ่งในเส้นทาง

สมเป็นของกันและกันอย่างน่าเวทนา

"ซิกจิ๋ว" น่าร้ากกกกกก

โอย...ปรับอารมณ์แทบไม่ทันระหว่างครึ่งแรกกับครึ่งหลัง

ดีนะ ที่เราสตรอง
รักซิกจิ๋ว เช่นกันค่ะ /อุ้มๆ ขโมยกลับบ้าน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ แม่มดน้อย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
แด่ความซับซ้อนภายในจิตใจของสองคนนี้

เราแพ้คนสวยทั้งชายและหญิง เธอว่าไงก็ว่าตาม

เอาเลยจ๊ะเอาให้ถึงที่สุด แต่ระวังไฟจะเผาไหม้ตัวเองนะ
 :ling2:

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
แด่ความซับซ้อนภายในจิตใจของสองคนนี้

เราแพ้คนสวยทั้งชายและหญิง เธอว่าไงก็ว่าตาม

เอาเลยจ๊ะเอาให้ถึงที่สุด แต่ระวังไฟจะเผาไหม้ตัวเองนะ
 :ling2:
คู่นี้คู่กรรมจริงๆ ค่ะ U_U ฝากด้วยนะคะ แงๆ

ออฟไลน์ ia091

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
//ชูป้ายไฟริวอร์นอร์เงียบๆ
เราชอบคาร์เเรกเตอร์แบบนางมากเลย ทุกอย่างดูได้ดั่งใจ นางเก่ง นางฉลาด นางดี(?)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
//ชูป้ายไฟริวอร์นอร์เงียบๆ
เราชอบคาร์เเรกเตอร์แบบนางมากเลย ทุกอย่างดูได้ดั่งใจ นางเก่ง นางฉลาด นางดี(?)
ชอบคนนี้เหมือนกันค่า

:pig4:
:mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ ILLREI

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 370
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
    • ILLREI
บทที่ 25 : รักร้าว (1)

ซิกฟรีดลืมตาฉับ!

เขาฝันร้าย เหงื่อกาฬท่วมร่าง พอตื่นก็ผลุนผลันคว้าเสื้อผ้ามาสวม อาการเร่งรีบทำให้คนที่นอนหลับข้างกันตื่นไปด้วย

ซิกฟรีดกับโคลด์ขลุกอยู่หอสมุดหลวงมาหลายวัน กิน นอน ทำงานที่นั่นโดยไม่มีใครกล้ารบกวน เว้นแต่ขุนนางคนสำคัญและข้ารับใช้ผู้มีหน้าที่จัดสำรับอาหารเท่านั้น

โคลด์งัวเงีย ใช้หลังมือขยี้ตา บ่นว่า “เจ้าแอบมานอนฝั่งข้าอีกแล้ว” พวกเขาแยกเขตที่นอนกัน จับจองโซฟาและฟูกนอนที่ถูกยกเข้ามาใหม่คนละตัว ก่อนนอนก็แยกกันอยู่ดีๆ ทว่าตื่นมามักเจอเอลฟ์ตัวโตมาเบียด

เห็นซิกฟรีดนิ่งค้าง เสื้อยังสวมไม่เรียบร้อย สีหน้าในความมืดสลัวซีดเผือด โคลด์เอะใจ เขาลุกขึ้นตาม “เป็นอะไร ซิกฟรีด”

“เจ้าได้ยินเสียงฟ้าผ่าหรือเปล่า” ซิกฟรีดลูบใบหูของตัวเอง ไม่ใช่แค่เสียงสายฟ้ากัมปนาทเท่านั้นที่เขาได้ยิน แต่มีเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวซ้อนขึ้นมาด้วย

‘อาเลธ!!!’

เสียงที่เขาคุ้นเคยนั้นผสมความเกลียดชังอันไร้ก้นบึ้ง เข้มข้นจนน่ากลัว

โคลด์มองไปทางหน้าต่างทรงสูงซึ่งมีม่านปิด เขาลุกไปเลิกม่านขึ้นเล็กน้อย ด้านนอกไร้แสง ทว่าดวงตาที่ได้รับพรจากราตรีกาลมองเห็นได้ถนัด “ฟ้าโปร่ง ไม่มีอะไร เมฆตั้งเค้ายังไม่มีเลย” เขาหันกลับมามองซิกฟรีด “เจ้าตัวสั่นอยู่...”

“ข้าต้องไปดูศิลาเวท” ซิกฟรีดสวมเสื้อคลุมลวกๆ เขาออกจากหอสมุดหลวง ตรงไปยังวิหารของพี่หญิงคาลิเธียล ที่นั่นเก็บรักษาศิลาเวทไว้ในห้องลับ ซึ่งมีเพียงซิกฟรีดเท่านั้นที่จะเปิดมันได้

โคลด์ตามมาอย่างรีบร้อน ซิกฟรีดก้าวขาโดยไม่รอเขา แต่นั่นไม่เป็นอุปสรรคต่อความว่องไวอย่างแอสซาสซิน อุปสรรคเกิดขึ้นเมื่อซิกฟรีดหยุดกะทันหันด้านหน้าประตูห้องลับที่เพิ่งเปิดออก ทำให้จมูกของโคลด์ชนแผ่นหลังกว้างเข้าเต็มรัก

โคลด์ยื่นหน้าออกไป มองเข้าไปในห้องขนาดสามคูณสี่เมตร เห็นแท่นหินอ่อนสีขาว ด้านบนมีศิลาคล้ายก้อนแร่ดิบถูกขัดจนมันวาว ก้อนหนึ่งเป็นสีครามนที อีกก้อนเป็นสีเขียวพงไพร ทั้งสองก้อนสลักลวดลายคล้ายเปลวเพลิงร้อนแรงผสานเกลียวคลื่นอ่อนโยน และมีรอยร้าวเป็นเส้นลึกสีขาวแตกแขนงไปทั่วทั้งก้อน

เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ


ศิลาทั้งสองก้อนที่ร้าวมาถึงขีดสุดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ต่อหน้าซิกฟรีดและโคลด์

----------------------------------

เมืองนิมโรเชียน แดนทมิฬ

ค่ำคืนนี้ ท้องฟ้าเหนือเมืองแห่งก้นบึ้งรัตติกาลปลอดโปร่ง เป็นคืนเดือนมืดอันสวยงาม เมื่อต้นกำเนิดแสงสว่างอันทรงอำนาจยามกลางคืนอย่างเทพีจันทร์เร้นกายพักผ่อน ให้บุตรแห่งดาราดาษดาทั่วผืนนภา ส่องแสงแวววาวระยิบระยับจากสุดขอบฟ้าฟากหนึ่งไปสุดขอบฟ้าอีกฟากหนึ่ง

เจ้าของดวงตาสีเงินริ้วดำมองหมู่ดาราอันเหมือนหมุดเงินตอกตรึงร่างศัตรู ผมยาวสีเงินของเขาพลิ้วตามสายลมอ่อนเจือกลิ่นโลหิตและควันไฟที่ไม่เคยจางหายจากแผ่นดินนี้ ผู้มีใบหน้าวัยฉกรรจ์ยกยิ้มมุมปาก จากนั้นหัวเราะในลำคออย่างพอใจ

ผู้ที่ขี่ม้าเคียงข้างเขามองตามสายตาขึ้นไปบนฟากฟ้า ก่อนจะหันมองใบหน้าด้านข้างของบุรุษผู้เป็นใหญ่เหนือแผ่นดินทมิฬ เห็นสีหน้าซึ่งไม่ได้เห็นมานานก็ถามขึ้น

“นภาบอกอะไรกับท่านหรือขอรับ” นายพลทมิฬนามว่าเบเลธเอ่ยถามจอมทัพทมิฬผู้มีศักดิ์เป็นบิดา

ริมฝีปากของบิดาเหยียดกว้าง ผิวเทาอมเงินราวกับโชนแสงแห่งสงคราม สายตายังจับจ้องกระแสนภา คล้ายว่า ณ จุดนั้นมีสิ่งที่เขามองเห็นแต่เพียงผู้เดียว

นานทีเดียว จอมทัพทมิฬรำพึง “มงกุฎดำ” เขาหันไปหาบุตรชายคนโต เอ่ยเสียงดัง “ไป กลับไปฉลองด้วยสุรา นารี และบุรุษอย่างที่เจ้าชอบทำ! ฉลองให้แก่มงกุฎดำ...ฮ่าๆๆ!”

สีหน้าของจอมทัพทมิฬเหี้ยมเกรียมและพึงพอใจ แววตาของเขาทรงไว้ซึ่งภูมิปัญญาอันได้รับจากบิดานภา--บิดาแห่งดาร์กเอลฟ์ทั้งปวง

เบเลธน้อมศีรษะรับด้วยสีหน้าน่าเกรงขาม นายพลทมิฬทราบว่าบิดามุ่งความสนใจไปที่สิ่งเดียว นั่นคือไฟและเถ้าจากสงคราม และหากจะมีผู้ใดที่บิดาเอ่ยถึงอย่างพอใจ ย่อมเป็นราชาริวอร์นอร์แห่งรูเมเรียร์หรือราชามงกุฏดำ

เขาเงยหน้ามองท้องนภาอีกครั้ง คล้ายเห็นรอยฟ้าลั่นในทิศที่ตั้งของแผ่นดินรูเมเรียร์ ไม่นาน...ผืนนภาทางฝั่งนั้นคงย้อมด้วยสีโลหิต

นายพลทมิฬเบเลธเบือนสายตาไปยังแผ่นหลังองอาจของบิดา เขาติดตามท่านมาหลายร้อยปี และจักภักดีตลอดกาล

คาดว่าหลายวันต่อจากนี้ จอมทัพทมิฬคงอารมณ์ดี และจัดงานฉลองราตรีทมิฬไปจนกว่าจะสิ้นกาฬปักษ์

-------------------------------------------

หมู่บ้านกุหลาบหิน เขตอิซิลดาร์

เจย์ใช้เวลาสามวันสามคืนเดินทางจากสถานที่ประหลาดซึ่งเอริแอดเน่ (โจรหนุ่มอยากเรียกนางว่าไนติงเกลมากกว่า แต่เวลานี้ชื่อไนติงเกลดูจะอ่อนหวานไป…) ใช้ปลุกชีพอดีตกษัตริย์เอลฟ์มาถึงแผ่นดินทางใต้--อิซิลดาร์ เขาพกแร่ทมิฬมาด้วย คิดว่าระหว่างทางกลับจะหยุดแวะที่พรมแดนอิซิลดาร์กับแดนทมิฬเพื่อขายเจ้าแร่ประหลาดนั้น อาจขายด้วยการแลกเป็นไข่มุก หรือสมุนไพร...หรืออะไรก็ตามที่ราคาต่อชิ้นสูงและนำไปแลกเป็นเงินตราในแผ่นดินมนุษย์ได้ง่าย เพราะถ้าแลกเป็นเหรียญทองคงแบกไม่ไหวแน่

เขามาถึงหมู่บ้านกุหลาบหินในเวลากลางคืนซึ่งมีฟ้าร้องฟ้าผ่าจากขอบฟ้าไกลๆ อย่างน่ากลัว เวลานั้นวิหารมารดานทีหับประตูปิดแล้ว จึงตัดสินใจหาที่พักใกล้ๆ (ซึ่งก็คือริมถนนข้างวิหาร…) พอเช้าก็สลัดความง่วงเหงา ลุกขึ้นเสยผมให้เรียบร้อยแล้วก้าวเข้าวิหารของมารดาผู้บริสุทธิ์

แสงเช้าอาบไล้ตึกรามบ้านช่องในอิซิลดาร์ ในความเห็นของเจย์ ที่นี่มีสีสันและมีชีวิตชีวากว่ารูเมเรียร์ (เขาไม่เคยไปเมืองหลวงหรอก แต่แค่แถวๆ เขตที่ใกล้กับแผ่นดินมนุษย์ที่สุดยังเป็นสีขาวไปหมด) ทั้งดูเป็นมิตรมากกว่า...แม้จะไม่คึกคักเท่าไหร่ก็เถอะ

วิหารมารดานทีแห่งหมู่บ้านกุหลาบหินเป็นวิหารเล็กๆ กลางสระน้ำ ตัววิหารสร้างจากหินอ่อนสีชมพู ปกคลุมด้วยเถาไอวีสีเขียวสดใส มีทางเข้าเป็นช่องประตูสูงยอดโค้งแหลมแปดด้าน กลางวิหารเป็นอ่างน้ำอันมีแท่นบูชาวางคนโทเทน้ำจากด้านบน น้ำจากคนโทไหลลงมาเป็นรูปร่างของสตรีอย่างอัศจรรย์

นักเดินทางชาวเอลฟ์ทั่วไปมักแวะสักการะมารดานทีในเมืองที่ใหญ่กว่านี้ วิหารมารดานทีของหมู่บ้านกุหลาบหินจึงมีผู้แสวงบุญบางตา เมื่อเจย์นำสร้อยคอให้นักบวชสตรีดูและเอ่ยว่ามาจาก ‘โรสเวน’ นางผู้ถือศีลก็ทรุดตัวลง หมอบกราน จับมือเขา กล่าวอวยพร และเอ่ยเชิญเขาเข้าไปด้านในอย่างซาบซึ้งใจ

เจย์รออยู่ครึ่งค่อนวัน ในเบาะนั่งที่เรียบง่ายแต่นุ่มสบายเป็นที่สุด ระหว่างนั้นเหล่านักบวชสตรียกอาหารทำเสร็จใหม่ๆ ผลไม้และไวน์ชั้นเลิศมาต้อนรับเขาราวกับเป็นแขกชั้นสูงคนสำคัญ พวกนางถามไถ่ว่าเขาใช้เวลาเดินทางมายังวิหารนานหรือไม่ ต้องการสิ่งคลายเหนื่อยอื่นใดอีกหรือเปล่า นักบวชเหล่านี้ล้วนเป็นนางเอลฟ์หน้าแฉล้ม แววตาท่าทางสงบ อ่อนโยน

ทว่าเจย์ไม่แตะต้องอาหารหรือเครื่องดื่มเลย เขายิ้มซื่อตาใสให้เหล่านักบวช ทำเป็นเหลอหลาไม่รู้จักมารยาท ขอโทษจ้ะ แต่ข้าไม่นิยมกินอะไรที่คนแปลกหน้ายื่นให้...เขาคิดในใจแล้วยิ้มน่ารักให้นักบวชซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด

“ท่านไม่กินไม่ดื่มอาหารที่นำมารับรองเลย นั่นทำให้พวกนางหนักใจว่าต้อนรับแขกของข้าบกพร่อง” รออยู่นาน สตรีที่คาดว่ามีอำนาจที่สุดก็เดินเข้ามา นางดูมีอำนาจที่สุดเพราะนักบวชล้วนยอบกายทำความเคารพ ทหารองครักษ์สองนางที่ติดตามอยู่ด้านหลังก็ดูมียศไม่ธรรมดา

ผู้มาพบเจย์เป็นสตรีสวมเสื้อคลุมสีแดงสด ซ่อนใบหน้าไว้ใต้ฮู้ด นางวาดนิ้วอย่างสง่า นักบวชสตรีก็ถอยออกไป

“ไม่บกพร่องขอรับไม่บกพร่อง” เจย์โบกมือไปมา “ข้าเพียงเชื่อคำของมารดาผู้ล่วงลับว่าอย่าตะกละ ให้เกรงใจเจ้าบ้านน่ะขอรับ” เขาทำตัวปัญญาทึบสมบูรณ์แบบ ไร้พิษภัยอย่างไร้ที่ติ

“งั้นหรือ” สตรีชุดแดงลดฮู้ดลง นางมองเขาด้วยใบหน้าที่เจย์คุ้นเคยและดวงตาคู่คมสีหินแก้วประกายรุ้ง--ใบหน้าของท่านหญิงเอริแอดเน่ ชั่วขณะนั้นองครักษ์หญิงสองนางก็ยืนขวางประตูทางออกที่มีอยู่ทางเดียวโดยพร้อมกัน

ริมฝีปากล่างของเจย์แทบตกลงมาถึงอก เขาอ้าปากค้างอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตั้งสติได้และกลับไปทำเหมือนไม่มีอะไรเช่นเดิม

“ข้าคือเอริแอดเน่แห่งอิซิลดาร์ ท่านมีข้อความใดจาก ‘โรสเวน’ จะบอกข้า จงกล่าวมา”

มีท่านหญิงเอริแอดเน่แห่งอิซิลดาร์สองคนหรือ! หนึ่งคือสตรีที่เจย์จากมา และอีกหนึ่งคือสตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้า

-------------------------------------------

ซิกฟรีดเก็บตัวในหอสัมผัสเสียงของควาร์ ราชาหนุ่มสั่งห้ามผู้ใดรบกวน ประตูหินอ่อนหนาหนักปิดสนิทมาสี่วันแล้ว เอกสารทางราชการซึ่งรอพระองค์อยู่ด้านนอกกองสูงขึ้นทุกที เวลานี้ขุนนางพากันวิตกว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นอีกหรือไม่ จะถามองครักษ์คนสนิทอย่างอิลราลานก็ไม่อยู่ในราชวัง หันไปถามองครักษ์มือขวาอย่างมาลแกธก็ไม่ทราบเรื่อง (และดูหัวเสียไม่น้อย) จึงได้แต่สวดภาวนาถึงบิดาและมารดานภา ขอให้องค์ราชาผู้เยาว์ออกมาเสียที

ในหอสัมผัสเสียง ซิกฟรีดนั่งขัดสมาธิอยู่กลางลานวงกลม เหนือศีรษะขึ้นไปสามเมตรแขวนอ่างแก้วเจียระไนขนาดครึ่งห้องบรรจุน้ำไว้เต็ม และเหนือขึ้นไปอีกถึงยอดโดมสูงของห้อง ช่องโดมเปิดโล่งรับท้องฟ้า แสงอาทิตย์ รวมไปถึงแสงจันทร์

พื้นปูด้วยพรม ผนังทุกด้านของหอสัมผัสเสียงก็แขวนผ้าทอกันเสียงสะท้อน ที่นี่เงียบเกินเงียบ แต่เหมาะสำหรับควาร์ผู้ต้องการเพ่งเสียงใดเสียงหนึ่งเป็นพิเศษ อ่างแก้วเจียระไนเป็นอุปกรณ์เวทบรรจุธาตุที่ควาร์ผู้นั้นถนัดเรียกใช้ อย่างเช่นเวลานี้...ซิกฟรีดเลือกน้ำสะอาดจากบ่อในจตุรัสทั่วเมืองหลวงของรูเมเรียร์

หูของซิกฟรีดเรียกว่าใช้การไม่ได้แล้ว แต่หอสัมผัสเสียงพอช่วยให้เขาได้ยินเสียงกระซิบอย่างกระท่อนกระแท่น น้ำจากบ่อซึ่งมีแหล่งกำเนิดจากใต้ดินบอกเล่าเรื่องราวแก่เขาหลายเรื่อง ทว่าเขาจับความไม่ได้สักเรื่อง

อย่างไรก็ดี ซิกฟรีดไม่ได้เข้ามาในหอสัมผัสเสียงเพื่อทรมานตัวเองเท่านั้น แต่ใช้ที่นี่เพื่อสื่อสารกับอิลราลานและกอห์นดีเอน

ก่อนศิลาเวทจะเกิดรอยร้าวและแตกออก ซิกฟรีดสั่งให้กอห์นดีเอนเร่งไปตรวจดูสถานที่บรรจุศพส่วนศีรษะของริวอรนอร์ว่ามีผู้บุกรุกหรือไม่ และสั่งให้อิลราลานมุ่งไปยังหุบเขาลึกกลางป่าทางใต้ของรูเมเรียร์แต่อยู่เหนือเขตอิซิลดาร์ ทั้งคู่สวมตุ้มหูเวทที่เขามอบให้ อิลราลานสวมตุ้มหูแก้วบรรจุน้ำซึ่งใช้วิธีเคาะเพื่อส่งรหัสข้อความ ส่วนกอห์นดีเอนสวมตุ้มหูแก้วบรรจุทรายซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งการเคาะรหัสและการเอ่ยภาษาควาร์ถึงผู้ที่มีอุปกรณ์เวทคู่กัน

หลังศิลาเวทแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไม่นานจากนั้น กอห์นดีเอนก็ส่งข่าวถึงซิกฟรีดว่าสถานที่ฝังพระศพถูกบุกรุก ขณะที่อิลราลานยังหาสถานที่ฝังพระศพในหุบเขาลับไม่พบ ราชาหนุ่มออกคำสั่งใหม่ ให้อิลราลานมุ่งไปยังอิซิลดาร์ สืบหาข่าวที่เกี่ยวข้องกับท่านหญิงเอริแอดเน่และอดีตราชาผู้โหดเหี้ยม--ริวอร์นอร์ ส่วนกอห์นดีเอนก็ให้สืบหาสถานที่ลับของริวอร์นอร์ตามจุดที่ตนและโคลด์ตั้งข้อสงสัย ซิกฟรีดเก็บตัวในหอสัมผัสเสียงตั้งแต่คราวนั้น รับข่าวและสื่อสารกับทหารทั้งสองตลอดเวลา

แทบไม่แตะอาหารและไม่นอน

โคลด์กำลังคุยกับนกสีขาวบนหลังคาหอสัมผัสเสียง นับจากการต่อสู้ที่เมืองโรสมินาส นี่เป็นการติดต่อครั้งแรกจากเกวนโดลิน นกตัวเล็กเกาะมือสีเข้ม เจ้าของมือยกร่างนกเบาหวิวขึ้นเสมอหู...ฟังเสียงร้องจิ๊บๆ สั้นๆ ยาวๆ ที่เป็นรหัสของเผ่าจันทร์

ดาร์กเอลฟ์ฟังอยู่นานก็ขมวดคิ้ว “จริงหรือ” เขาถามเบา

คำตอบคือเสียงจิ๊บๆ เป็นการตอบรับว่า ‘จริง’

โคลด์เอานกเกวนโดลินใส่อกเสื้อ จากนั้นชะโงกหน้าผ่านช่องโดม เห็นซิกฟรีดผ่านอ่างแก้วบรรจุน้ำ เขาค่อยๆ ไต่เข้าไปข้างในหอ เกาะผนัง แล้วกระโดดแผ่วเบาลงไปบนพื้นพรม

“ซิกฟรีด…” โคลด์เรียก เสียงเพียงแผ่วเบาทำให้ซิกฟรีดลืมตาขึ้น

“มีอะไร”

ไม่ทันที่โคลด์จะอ้าปากพูดอะไร ประตูหอสัมผัสเสียงก็เปิดออก ผู้ที่กล้าขัดคำสั่งราชาแห่งรูเมเรียร์คือมาลแกธ--หัวหน้าหน่วยกาลาฮาน เขาไม่ฟังเสียงทัดทานจากบรรดาขุนนางซึ่งดังไล่หลัง ถึงกับหันไปยกนิ้วชี้ให้พวกมันสงบ อย่าเอ่ยคำไม่เข้าหู

ระหว่างนั้นโคลด์หาที่หลบแทบไม่ทัน ห้องโล่งเช่นนี้จะมีตรงไหนให้เขาหลบซ่อนตัวได้นอกจากเสาและผ้าทอที่แขวนอยู่ตรงผนัง

“ซิก…” มาลแกธสาวเท้าตัดผ่านลานหอสัมผัสเสียง แต่ชะงักตอนที่หางตาปะทะกับเงาที่หลบวูบเร็วๆ

โคลด์ได้ยินเสียงมาลแกธและเสียงฝีเท้าคนเพียงคนเดียวจึงโผล่หน้ามาจากหลังผ้าทอซึ่งมีเสาบังอีกที นกที่อกโคลด์ก็โผล่หน้าออกมาตาม

“ปิดประตู!” มาลแกธร้องสั่งเหล่าขุนนางด้านนอก และน่าแปลก...ทุกคนยอมทำตาม

ใครจะอยากขัดเอลฟ์ตะวันออกที่กำลังโกรธขึ้ง

ให้มันได้รับโทษจากราชาก็แล้วกัน

เมื่อเห็นว่าประตูปิดสนิท โคลด์ถอนใจแล้วออกมายืนเต็มตัว ซิกฟรีดบอกให้ข้าปิดมาลแกธ แต่แบบนี้คงปิดไม่มิดแล้วละมั้ง

“ริวอร์นอร์กลับมาแล้ว” ซิกฟรีดยังไม่ขยับตัวออกจากจุดเดิม

ได้ผล ไฟร้อนแรงในดวงตาของมาลแกธคล้ายถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็ว ความโกรธจากการถูกราชาแห่งรูเมเรียร์ปิดบัง ‘อะไรบางอย่างที่สำคัญ’ เปลี่ยนเป็นอาการนิ่งค้างไปชั่วขณะ



—————————————————————————

A/N มาดูกันว่ามาลแกธจะว่ายังไงค่ะ

มีข่าวดีก็คือ เรากับคุณ FOULSOUL เขียนภาคนี้จะจบแล้ว เหลือแค่ตบๆ เรื่องให้ลงตัว

ตอนนี้มีสต็อกพอสมควร ขอประกาศลงนิยายทุกวันเหมือนเดิมค่ะ ;)

เมื่อลงจบหรือใกล้จบราวๆ ปลายเดือนมิ.ย. 60 จะมาแจ้งเปิดจองพร้อมภาพปก

แจ้งล่วงหน้าว่าหนังสือทำมือมีราคาสูงกว่าหนังสือตีพิมพ์กับสนพ. พอสมควร รบกวนหยอดกระปุกกันนะคะ (>.<)

ใครที่อยากได้เอลฟ์เป็นรูปเล่มสวยงามไว้หยิบมาอ่านเป็นหนังสือจับต้องได้ลูบๆ คลำๆ

พร้อมตอนพิเศษสุดฟินมากกว่า 100 หน้า

ฝากด้วยค่ะ!


ย้ำ กลับมาอัพเดตทุกวันแล้วค่ะ คอยฟังประกาศที่เพจ ILLREI ว่าจะลงตอนใหม่ช่วงไหนนะคะ!


ป.ล. อวดแฟนอาร์ตจากนักอ่านที่น่ารัก คุณ Ann Sophon

ขอบคุณที่ให้ความเอ็นดูเหล่าตัวละครนะคะ (-3-)

เอริแอดเน่กับริวอร์นอร์ค่ะ! สวยงามละมุนละไมมาก แงงง

ป.ล. ตอนแรกนึกว่าเป็นท่านพี่เฟรธูริน ก็จะเป็นคู่พี่ชายสุดหล่อแสนดีกับเด็กดื้อที่พยายามทำตัวดีๆ เขาจะได้รัก \(*0*)/





ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy

♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/

♰ Twitter : @VinzeSchwarz
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2017 01:03:37 โดย ILLREI »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
โชคชะตาทำร้ายซิกเหลือเกิน

อยากเป็นแค่ข้ารับใช้แห่งคิงเฟรูรินผู้ปรารถนาแผ่นดินที่สงบสุข ปรองดอง

แต่กลับสูญเสียทุกอย่าง ทั้งพี่ชาย พี่สาว ความสามารถแห่งควาร์ และรักที่ไม่อาจรักได้ดั่งใจ

แล้วตอนนี้ฝ่ายเวทย์ดำก็ดูเหมืนจะส่งเสริมกันและกัน

สู้ ๆ นะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เจย์ เห็นเอริแอดเน่มีสองคนชัดๆแล้ว

ราชาทมิฬ คงชอบใจริวอร์นอร์
ที่ช่วยทำให้แผ่นดินเอลฟ์วุ่นวายแตกแยก
ตัวเองจะได้ชุบมือเปิบอย่างสบาย

ซิก โคลด์ มาลแกธ จะรับมือผีดิบริวอร์นอร์ คืนชีพยังไงกัน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หูยยย!! มันจะเริ่มแระสินะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด