บทที่ 20 : แตกหัก (5)
เดเนธอร์ไม่อยากเรียกใช้ ‘คน’ ที่อยู่ในจี้เท่าไหร่
เรียกว่าคนก็ไม่ใช่ เรียกว่า ‘อดีตเอลฟ์’ จะตรงกว่า
หากจำได้ ครั้งที่เดเนธอร์เดินทางไปยังสุสานวิหารร้าง เพื่อโรยทรายเวทตามบัญชาของราชาซิกฟรีด อาเลธ รูเมเรียร์ เขาเกือบไม่รอดกลับมาจากฝูงอันเดด
และไม่ทราบว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เดเนธอร์ได้รับการช่วยเหลือจาก ‘แคสปาร์’ อดีตนักรบจากยุคสมัยอันไกลโพ้น แคสปาร์ถูกใจเดเนธอร์เพราะจิตวิญญาณของชายหนุ่มบริสุทธิ์ น่าหลงใหลสำหรับผู้อาศัยอยู่ในความมืดมายาวนาน
รอดจากอันเดดมาได้ ทว่าเกือบไม่รอดจากแคสปาร์ หากไม่ได้โคลด์ช่วยไว้ เดเนธอร์อาจกลายเป็นเจ้าสาวของผีพรายไปแล้วก็เป็นได้
กระนั้น เดเนธอร์ก็ผูกมิตรกับวิญญาณนักรบ เขาซื้อจี้บรรจุวิญญาณราคาแพงระยับมาชิ้นหนึ่ง ก่อนจะเดินทางไปถึงสุสานวิหารร้างเพื่อถามแคสปาร์ว่า
“อยากมากับข้าหรือไม่” ไม่ต้องเป็นนักพยากรณ์ผู้ล่วงรู้สรรพสิ่ง ก็สามารถเดาคำตอบของแคสปาร์ได้
แรกทีเดียวแคสปาร์คาดว่าตนจะมาเป็นข้ารับใช้ แต่เดเนธอร์ไม่เคยเรียกใช้แม้แต่ครั้งเดียว เขาเคยถามให้หายสงสัย และคำตอบของเดเนธอร์ก็ทำให้แคสปาร์ปฏิญาณตนว่าจะปกป้องชายผู้นี้แม้วิญญาณต้องสลาย
แคสปาร์จำสีหน้าของเดเนธอร์ได้แม่น ยามอีกฝ่ายเอ่ยว่า
“ข้าคิดว่า หากข้าถูกขังอยู่ในความมืดอันเป็นอนันต์บ้าง คงทรมานมาก และข้าคิดว่า...ท่านชดใช้เพียงพอแล้ว” ปัจจุบัน แคสปาร์พร้อมช่วยเหลือเดเนธอร์ เพียงเอ่ยนาม...เขาจะสำแดงฤทธิ์ที่คนเป็นไม่อาจมี ให้เดเนธอร์มีชัยเหนือเล่ห์กลของศัตรู
“เรียก...ข้า” แคสปาร์กระซิบ จี้แก้วส่องแสงวาวเรือง เป็นสีมรกตที่เข้มขึ้น
เดเนธอร์ไม่มีเวลาสองใจอีกต่อไป ก่อนหน้า เขาตั้งใจว่าจะเก็บแคสปาร์ไว้เป็นทางเลือกท้ายๆ เนื่องเพราะนักรบผีพรายเคยบอกว่า ‘คนตายไม่ทำงานโดยไร้ข้อแลกเปลี่ยน’ ไม่ทราบว่าจริงเท็จแค่ไหน ตัวเขาเองก็ไม่มีสหายที่เชี่ยวชาญด้านวิญญาณพอจะถาม ทว่าได้ยินจากเนอร์ดาเนลเรื่องที่ดาร์กเอลฟ์นามโคลด์ สตาร์เคยพลีโลหิต ก็มีเค้าว่าจริง
อันที่จริง ข้อแลกเปลี่ยนของแคสปาร์ไม่เลวร้าย...ทางร่างกาย ไม่ต้องแล่เนื้อถือหนัง แต่มันเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่จะทำให้ใจหน่วงหนัก เหมือนยกศักดิ์ศรีให้อีกฝ่ายกำไว้ในมือ
ข้อแลกเปลี่ยนนั้นคือ
“ขอให้ข้าสิงสู่กายเจ้าหนึ่งคืนเต็ม” ไม่มีเวลาลังเลแล้ว เดเนธอร์...อดีตรองหัวหน้าหน่วยกาลาฮานคิด ก่อนเอ่ยปากเรียกใช้นักรบจากอดีตกาลด้วยถ้อยคำง่ายๆ “ช่วยข้า แคสปาร์” เพียงเท่านั้น...วิญญาณที่ถูกสะกดอยู่ในจี้ก็คืนรูปร่าง
เอลฟ์หนุ่มผู้มีผิวกายโปร่งแสง ถือดาบเก่าผุเช่นเดียวกับเกราะและผ้าคลุมขาดวิ่น ปรากฏกายขึ้นอย่างสง่าต่อหน้าเดเนธอร์
“ตรงนี้ไม่มีอะไร” แคสปาร์เอ่ยสั้น ก่อนพุ่งทะลุกำแพงไปสำรวจห้องรับรองฝั่งที่เนอร์ดาเนลอยู่ ประจวบกับเสียงดังเคร้ง! อย่างดาบปะทะดาบดังมาจากฟากนั้นพอดี
เดเนธอร์และลูกน้องวิ่งไปทางเสียงปะทะ เห็นเนอร์ดาเนลกับลูกน้องอีกคนกำลังรับการโจมตีจากนักดาบที่เดี๋ยวปรากฏกายเดี๋ยวหายวับไป เดาทิศทางไม่ได้ และดูเหมือนเนอร์ดาเนลจะพลาดท่าบาดเจ็บที่แขนขวา ถึงจับดาบแบบอ่อนแรง
รูปการณ์กำลังจะเลวร้ายลง ทว่าแคสปาร์ทำให้พวกเขาได้แต้มต่อ คนตายมีดวงตาผิดไปจากคนเป็น นักรบผีพรายมองเห็น ‘ความร้อน’ จากวัตถุต่างๆ เช่นเดียวกับงู ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดโปรดของบิดาแห่งความตาย เพราะฉะนั้น...แคสปาร์จึงมองเห็นนักดาบผู้ใช้เวทซ่อนรูปกายได้อย่างชัดเจน
“นักดาบหนึ่ง นักเวทหนึ่ง” นักรบจากอดีตกาลร้องบอกเดเนธอร์ “รับซ้ายบน!” ก่อนตะโกนบอกทิศการโจมตีและรับมือให้แก่เนอร์ดาเนล
“นักเวทอยู่ตรงไหน!” เดเนธอร์กระชับดาบ ขณะแคสปาร์ชี้ไปยังบริเวณที่นักเวทซ่อนตัวอยู่ ซึ่งไม่ห่างจากนักดาบเท่าไรนัก
อดีตหัวหน้าหน่วยกาลาฮานสั่งเนอร์ดาเนลว่า “ทำให้นักดาบซ่อนตัวไม่ได้ซะ!”
“ยังไง!” เนอร์ดาเนลตะโกน ระหว่างรับการปะทะตามทิศที่แคสปาร์บอก
“กลิ่น!”
เร็วยิ่งกว่าความคิด อดีตหน่วยกาลาฮานซึ่งอยู่กับเนอร์ดาเนลรีบคว้าถุงหนังตรงเอวแล้วใช้ฟันดึงจุกออก ก่อนจะสาดสิ่งที่บรรจุด้านในใส่อัศวินแห่งอิซิลดาร์ ในชั่วพริบตาที่นางปรากฏกาย
เหล้า
กลิ่นตลบอบอวลและร่องรอยของหยดน้ำช่วยบอกตำแหน่งคร่าวๆ ทว่าเพียงพอแล้วสำหรับทหารหน่วยกาลาฮาน
อีกด้านหนึ่ง เดเนธอร์ย่างสามขุมเข้าหานักเวท เขาดึงเอาโซ่เวทออกมาถือในมือซ้ายพร้อมเหวี่ยงจับนาง ลูกตุ้มขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยแกว่งตามการเคลื่อนไหว เวลาเดียวกัน เมื่อเห็นว่าด้านเนอร์ดาเนลรับมือนักดาบได้แล้ว แคสปาร์ก็พุ่งเข้าหานักเวท ไม่ให้นางทันตอบโต้เดเนธอร์ หรือทันช่วยนักดาบจากเนอร์ดาเนล
นักรบผีพรายตั้งใจสิงสู่นักเวท ดึงให้นางเป็นหุ่นเชิดของตน!
ซิลเวียตกตะลึงตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นวิญญาณรูปร่างอย่างนักรบเอลฟ์พุ่งเข้ามา ความอ่อนประสบการณ์ทำให้ปฏิกิริยาตอบโต้ของนางช้า เพราะไม่คาดว่าต้องเจอคู่ต่อสู้เป็นวิญญาณมาก่อน
ทว่าก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้น
“ซอนย่า!” นักเวทสาวผมสีเทาหลบวิญญาณและโซ่เวทได้อย่างฉิวเฉียดพร้อมวาดมือเสกหมอกโรยตัว หมอกสีเทานี้ประหลาด มันไม่ถูกลมพัด แต่ม้วนวนราวกับมีชีวิต ทหารนายหนึ่งที่สูดหมอกเข้าไปถึงกับตัวชา เท้าไม่มั่นคง มือไม้อ่อน แทบจับดาบไม่อยู่
ซิลเวียไม่มีเวทมนตร์รับมือวิญญาณ หรือเวทมนตร์ที่ใช้โจมตีโดยตรง เวทสายถนัดของนางคือเวทที่มีผลต่อสภาพร่างกาย เช่นเวทอำพรางกาย หรือเวทหมอกนิทราที่ทำให้เป้าหมายสลบหรือชะลอการเคลื่อนไหว ดังนั้นก่อนที่จะถูกวิญญาณของอีกฝ่ายโจมตี นางจึงชิงลงมือ
เวทพรางกายของซิลเวียหายไปจากพวกนางทั้งสองคนแล้ว ซอนย่าคำรามพร้อมวาดดาบหมายเอาชีวิตทหารนายนั้น ทว่าสหายของมันที่ชื่อเนอร์ดาเนลกลับรับได้ทัน ซอนย่ากันท้องเมื่ออีกฝ่ายถีบเข้ามาเต็มรัก นางคะเนว่าเจ้าเนอร์ดาเนลอะไรนี่ฝีมือทางดาบอ่อน ซึ่งก็จริง แต่นางพลาดไปตรงที่ประสาทตอบโต้ของมันดีเลิศ และพอมองเห็นเต็มตา มันก็อ่านการเคลื่อนไหวของนางได้ทัน
ซิลเวียสั่งการให้หมอกพุ่งเข้าใส่เนอร์ดาเนลและคนที่เหลือ แม้นักเวทของดีรานจะขึ้นชื่อว่าฉลาดเป็นกรดและใจเย็นอย่างเหลือเชื่อ ทว่าซิลเวียคนนี้กลับมีจริตร้อนแรงอย่างสตรีอิซิลดาร์ เป็นพวกบุกหนักไม่ห่วงชีวิต ไม่คิดหน้าคิดหลัง
การไม่ทราบว่าวิญญาณทำอะไรได้บ้างทำให้ซิลเวียเลือกไม่หาวิธีป้องกันหรือถอยหนี แต่เร่งทำสิ่งที่ตนทำได้แทน
เข้ามาห้า ตายหนึ่ง เหลือสี่…เดเนธอร์คิด
ส่วนตอนนี้ เกือบล้มเพราะหมอกไปหนึ่ง เนอร์ดาเนลบาดเจ็บอีกหนึ่ง เหลือเขา ลูกน้องอีกคน และวิญญาณอีกหนึ่งตน
เดเนธอร์สั่งให้ลูกน้องไปช่วยเนอร์ดาเนล ส่วนเขาอยู่กับแคสปาร์ เตรียมเข้าจับนักเวท
วิญญาณเข้าสิงคนจิตอ่อนได้ง่าย แต่นักเวทดีรานผู้นี้จิตแข็งซ้ำยังมีไอเวทมนตร์กล้าแกร่ง แคสปาร์ถูกผลักออกมา ไม่สามารถเข้าใกล้ร่างนักเวทสตรีแห่งอิซิลดาร์ เขาถอยมาหาเดเนธอร์ แจ้งว่าไม่อาจครอบครองร่างของนางได้
“แต่ถ้าท่านทำให้นางอ่อนแรงจนพลังเวทมนตร์อ่อนลง ข้ารบกวนการเคลื่อนไหวของนางได้” แคสปาร์กระซิบ
เดเนธอร์พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต “ทำให้นางชะงัก แค่วินาทีเดียวก็เพียงพอแล้ว”
เดเนธอร์เริ่มไล่ต้อนซิลเวียพลางหลบกลุ่มหมอกมีชีวิต สิ่งที่เขาต้องการเกิดขึ้นไม่ยากนัก นักเวทย่อมมีพลังกายด้อยกว่านักรบ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นสตรีและไม่คุ้นชินกับการต่อสู้จริง
ในการต่อสู้ นอกจากหูตาต้องไวแล้ว สมองยังต้องใช้ความคิดเพื่อเป็นฝ่ายได้เปรียบในการรุกและรับ ทั้งวางแผนการต่อสู้และคาดเดาความคิดของศัตรู ซิลเวียอยู่ในสถานการณ์กดดันที่ฝ่ายนางมีจำนวนน้อยกว่าและเวทพรางตาใช้ไม่ได้ผล ยิ่งเวลายืดออกไป นางก็ยิ่งเหนื่อยล้าทั้งกายและจิต
นักเวทสาวผมสีเทาถูกกดดันจนอ่อนแรงสุดขีด เหงื่อท่วมใบหน้างาม มือบอบบางสั่น ร่างกายเกร็ง ขณะอัศวินสาวผมสีดำไม่สามารถเข้ามาช่วยเหลือเพราะติดพันคู่ต่อสู้หลายคน
ในเสี้ยววินาทีแห่งโอกาสนั้น แคสปาร์พุ่งเข้าหานักเวทดีรานอีกครั้งจากมุมอับ แม้ไม่สามารถตรึงนางได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าชั่วขณะที่นางถูกวิญญาณเข้ากระแทก ร่างกายของนางจะหยุดชะงัก...ซึ่งให้เวลากับเดเนธอร์แค่พริบตา
เดเนธอร์ฉวยจังหวะนั้นเหวี่ยงโซ่เวทออกไป
คราวนี้มันเข้ารัดนักเวทสตรีอย่างแม่นยำ
จามิลลาไปไม่ถึงเวเรด้า นางถูกสกัดไว้ด้วยทหารอดีตหน่วยกาลาฮานสองนาย ทั้งคู่ถนัดทางดาบ หนึ่งในนั้นถนัดเวทศัสตราวุธ สามารถร่ายเวทสลายพลังเวทในดาบของนางได้
จามิลลาหรี่ตาเมื่อดาบปะทะดาบและพลังเวทในดาบของนางถูกทำให้อ่อนลง ทว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเผชิญหน้าผู้ใช้เวทศัสตราวุธด้วยกัน จากนี้จึงเป็นการประลองฝีมือเชิงดาบ
‘แข็งแกร่ง’ และ ‘แข็งแกร่ง’ คือคำที่ใช้นิยามจามิลลา เทคนิคฝีมือดาบของนางไม่มีลูกเล่นแพรวพราวแต่เรียบง่ายดุดัน การฟาดฟันของนางเคร่งครัดแม่นยำ อันเป็นผลจากการฝึกซ้อมอย่างอุตสาหะทุกวัน
นักดาบฝีมือฉกาจของอิซิลดาร์อยู่ที่นี่แล้ว ข่าวลือว่านางเคยสังหารราชองครักษ์ของคิงริวอร์นอร์ก็ถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ลือกันเกินจริง
ทว่าอดีตหน่วยกาลาฮานก็มีฝีมือไม่เบา การรุกรับแบบสองรุมหนึ่งในระยะประชิดทำให้ดาบของพวกเขาคนหนึ่งเสยกะบังอกของนางหลุด เสื้อของนางถูกปาดไปถึงสายหนังตรงไหล่ที่ใช้คาดเกราะ รอยผ่ากว้างของเสื้อเผยรอยแผลเป็นรูปกากบาทตรงช่วงอกอันเป็นรอยถูกอาวุธขนาดใหญ่ฟัน
แผลเก่าย่อมเป็นจุดอ่อน นี่คือจุดอ่อนของจามิลลา
อดีตหน่วยกาลาฮานซึ่งเชี่ยวชาญเวทศัตราวุธเห็นโอกาสนั้น เขาร่ายมนตราบทหนึ่งอย่างรวดเร็ว มันเข้าห่อหุ้มใบดาบ ทำให้ปลายคมแปรสภาพเป็นทื่อเหมือนกระบอง ทหารหนุ่มเสือกปลายดาบเข้าจุดอ่อนของจามิลลา กระแทกผิวเนื้ออ่อนของรอยแผลเป็น
นั่นทำให้นางเสียหลัก
ทว่าด้วยประสบการณ์อันโชกโชนในสนามรบ จามิลลาตั้งรับได้ทันท่วงที อดีตทหารหน่วยกาลาฮานชื่นชมในใจ ด้วยว่าเขาไม่ได้ออมแรงกับนางเลย ยามเขาฟันนางดาบหนึ่ง อีกดาบหนึ่งจากสหายร่วมหน่วยก็พุ่งเข้าปะทะนางทันควัน แต่นางโต้ตอบได้ทุกครั้ง
ถึงอย่างไรพลังกายของนางย่อมถดถอย...
อีกไม่นานทหารหนุ่มร่ายเวทศัตราวุธอีกบท ครั้งนี้เสริมพลังทำลายล้างให้ดาบ ซึ่งผู้ใช้ต้องมีกำลังแขนแข็งแกร่ง เพราะดาบจะหนัก แรงปะทะและแรงสะท้อนกลับก็จะหนักตามไปด้วย บางคนกำลังแขนไม่พออาจถึงขึ้นไหล่หลุดหรือกระดูกหัก
ดาบนี้ฟาดแรงเหมือนถูกเหวี่ยงค้อนยักษ์ใส่ จามิลลาใช้ดาบใหญ่กันไว้ได้ทัน แต่สองเท้าของนางถอยกรูด ส้นรองเท้าหุ้มเกราะทิ้งรอยครูดลึกบนพื้นหิน
จามิลลารู้สึกเจ็บแปลบเหมือนไหล่จะหลุด เสื้อที่ถูกปาดก็เกะกะรุ่ยร่ายจนต้องดึงออก เหลือเพียงบราที่ทำจากโซ่ถักป้องกันตำแหน่งหัวใจ
นางถูกสองรุมหนึ่ง ไม่สามารถจบการต่อสู้โดยง่ายเพราะอีกฝ่ายมีฝีมือมากกว่าที่คิด อีกใจพะวงถึงเวเรด้า พลันเสียงฝีเท้าของบุคคลที่สามก็ดังใกล้เข้ามา
เวเรด้าหรือ จามิลลาคิด แต่แล้วก็กำดาบแน่นขึ้น เพราะผู้มาใหม่คือเอลฟ์บุรุษแห่งหน่วยกาลาฮาน
ทหารคนนี้คือหนึ่งในสองคนที่ถูกโคลด์สั่งให้แยกตัวไปโจมตีนักธนูอิซิลดาร์ เมื่อมันย้อนกลับมา ก็กลายเป็นสามรุมหนึ่ง!
แล้วเวเรด้าอยู่ที่ไหน จามิลลาหรี่ตา สหายของนางไม่มีวันละทิ้งตำแหน่งและปล่อยศัตรูให้รอดจากลูกธนู
เว้นเพียงแต่ว่า…
—————————————————————————
A/N ฝั่งองครักษ์กับกาลาฮานกำลังดุเดือดเลยค่ะ เดเนธอร์และคุณผีก็กลับมาให้จิ้นอีกแล้วนะคะ \(*0*)/
ส่วนตัวเราชอบจามิลลาตรงคอนเซ็ปอัศวินผู้เข้มแข็ง แต่เห็นเธอแข็งกร้าวแบบนี้ จริงๆ ก็มีด้านอ่อนโยนเหมือนกันนะคะ
ตอนต่อไปลงวันที่ 18 เมษายน 60 จ้า!ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @VinzeSchwarz